
ตายละ กำลังเล่นละครเพลิน ที่ร้านคงกำลังจะยุ่งแน่ ๆ
แล้วพี่เอกจะมาหรือเปล่าวันนี้……อิอิอิอิ
ผมบอกไอ้ลุงให้ขับรถออกไปส่งที่ร้าน
มันก็ทักท้วงว่าไม่สบายแบบนี้น่าจะนอนพักจะได้หายไหว ๆ
แต่ผมแย้งมันว่าสบายขึ้นมากแล้ว ได้นอนพักให้เหงื่อออกทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น
ไอ้ลุงจึงเชื่ออย่างสนิทใจ
มันขับรถไปส่องผมที่ร้าน เตือนให้ทานยาจนกว่ายาจะหมดแล้วก็ขับรถออกไป
ผมก็เดินเข้าไปที่ร้านเพื่อจะทำหน้าทีเด็กเสิร์ฟตามเดิม
อุ้ย นั้นอะไร......................
ตอนที่ 17 เนื้อย่างเกลือ
อุ้ย นั้นอะไร อุ้ย นั้นอะไร
อุ้ยนั้นพี่เอกขอใครล่ะครับนั้น (ออกแนวลิเก)
คำตอบคือของผมนั่นเอง ว่าแต่ทำไมมานั่งซดเบียร์คนเดียวแบบนี้ล่ะ
ปกติเห็นมากับเพื่อวิศวกรด้วยกัน วันนี้กับมาฉายเดี่ยวหวังอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า
แล้วอะไรเป็นแรงจูงใจให้พี่เอกมานะอยากรู้จัง น้องปอร์ หรือไส้ย่างนี่
ว่าแล้วต้องเดินเข้าไปส่งยิ้มพิฆาตให้พี่เอกสักหน่อยล่ะ
“สวัสดีครับพี่เอก ทำไมวันนี้มาคนเดียวครับ เพื่อนหายไปไหนหมด” ผมทักทายอย่างอยากกก สนิทสนม..55
“อ้อ กลับกันหมดล่ะครับชวนใครก็ไม่ว่างสักคน พี่ไม่รู้จะไปไหน ที่ ๆ เคยไปก็ไปไม่ได้แล้วครับ”
พูดไปก็หัวเราะแห้ง ๆ ออกมา แววตาท่าทางเศร้าบวกถ้อยคำที่ใช้น่าสงสัย แต่ยังหล่อเหมือนเดิม555
“พูดแบบนี้แสดงว่าเห็นผม เอ้ย เห็นที่ร้านผมเป็นของตายแล้วใช่ไหมครับ555
อยากจะมาเมื่อไรก็ได้ อยากไปเมื่อไรคงไม่ร่ำลา” พูดไปหัวเราะไป
พี่เอกเอาอะไรเพิ่มไหมครับ เดี๋ยววันนี้ผมบริการเอง เบียร์อีกขวดไหมครับ”
“เอาอย่างอื่นได้ไหมครับน้องปอร์ นอกจากเบียร์” พูดยิ้ม ๆ
“นอกจากเบียร์คงเป็นเหล้าครับ หรือไม่ก็คงเป็นคนขาย อะไรดีล่ะ
จะรับอย่างแรกหรือ อย่างหลังดีครับ” 5555 ผมเห่าเพิ่มสีสันการสนทนา
คราวนี้สีหน้าของพี่เอกเริ่มกลับมามีรอยยิ้มบ้างแล้ว
เห็นไหมล่ะครับยาผมดีแค่ไหน ไม่ต้องกิน ไม่ต้องทา แค่เห็นหน้าบวกคำพูดนิดหน่อยก็หายเป็นปลิดทิ้ง
ผมขอตัวจากพี่เอกเดินไปยังโต๊ะตัวที่ผมนั่งประจำ ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเช่นทุกวันที่ผ่านมาครับ
คุณลูกค้าไม่ค่อยเยอะ เลยทำให้เดินเข้าไปหาเรื่องคุยกับพี่เอกได้อยู่บ่อยครั้ง
ไม่พลาดที่จะสังเกตความเป็นไปของพี่เอก ไม่ใช่อะไรอย่างที่ผู้อ่านคิดนะครับ อย่ามองผมผิดไป55
แค่รับรู้ได้ถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายหนึ่ง ว่าต้องมีอะไรมีสบายใจแน่ๆ
ว่าแล้วก็แวะเวียนไปดูบ่อย ๆ เห็นคนอื่นเศร้าไม่ได้ครับ
มักอยากเข้าไปปลอบประโลมอยู่ตลอดเวลา……55555555555
วิญญาณนางเอกเข้าสิงห์อีกแล้ว สงสัยจะยังไม่ออกตั้งแต่เมื่อเย็น
มีคนบอกว่าสายตามักเก็บความรู้สึกเศร้าไม่ได้ อย่างที่พี่เอกเป็นอยู่ตอนนี้
เบียร์ เริ่มหมดไปทีละขวด ๆ อาการเมาก็เริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามจำนวนของขวดเบียร์
วันนี้ร้านเก็บเร็วกว่าปกติเพราะพี่ชายจะพาลูกสาว และคนในร้านไปเที่ยวต่างจังหวัด
แต่คุณลูกค้าที่นั่งอยู่นะสิครับ จะทำยังไง
คั้นจะไล่ก็เกรงใจเพราะกำลังจะป็นลูกค้าประจำ…..ข้ออ้างมาแล้ว
น้องปอร์จึงพร้อมเป็นหน่วยกล้าตาย กล้าได้ กล้าเสีย อาสาปิดร้านให้........55555555โอกาสมาถึงแล้วนี่
แล้วทั้งร้านจึงเหลือเพียงแค่ผมกับพี่เอกเพียงสองคนเท่านั้น
แล้วผมจะรอดพ้นจากเงื้อมือพี่เอกไปได้ไหม มันน่าติดตามอยู่นะ
เบียร์ยังถูกยกซดไปเรื่อยๆ อย่างช้า ๆ ไม่มีท่าทีว่าจะเต็ม
ผมยังเดินไปเดินมา ทำเป็นสำรวจอะไรไปเรื่อยเปื่อย...............จอมวางแผนติดมาจากไอ้ลุง
ไฟฟ้าเริ่มถูกปิดทีละหลอดเหลือไว้เท่าที่จำเป็นพอส่องส่ว่าง
พี่เอกก็ลุกไปห้องน้ำบ้างเมื่อเวลานั้นมาถึง
“น้องปอร์ครับ มานั่งคุยกันหน่อยไหม” เสียงพี่เอกลอยมา………..เป็นไปตามแผน
ผมเดินเข้าไปหานั่งลงอีกมุมหนึ่งของโต๊ะข้างๆ พี่เอกครับ
“น้องปอร์ยังไม่เปิดเทอมเหรอครับ พี่เห็นทุกครั้งที่มา” ครั้งนี้พี่เอกเริ่มบาทสนทนาก่อน
“กำลังครับพี่ เดือนหน้ากลางเดือน” ผมตอบ
“อ้าว ถ้าเปิดเทอมแล้วพี่จะเห็นหน้าน้องปอร์ไหมครับ”
555 พี่ครับผมแค่เปิดเทอมไม่ได้ไปอาสารบเพื่อชาติ เดี๋ยวพี่มาก็เจอผมเองละช่วงเย็นๆ ทำไมเหรอครับ”
“เปล่า กลัวคนอื่นเสิร์ฟไม่ถูกใจเหมือนน้องปอร์ไง” เริ่มยิงมาหนึ่งดอก
เสียงหัวเหราะในตอนนี้พอจะทำให้บรรยากาศกลับคืนมาเป็นปกติบ้างถึงในใจดูเศร้าๆก็ตาม
“พี่เอกมีไรไม่สบายใจหรือเปล่าครับ ดูแววตาไม่ค่อยเหมือนทุกวันที่ผ่านมา” ผมเริ่มบทสนทนาที่ดูจะเพิ่มความเครียดเข้าไปอีก
“น้องปอร์สังเกตพี่ทุกวันเหรอครับ” ผมหัวเราะแก้เขิน อายจังโดนย้อนกลับแล้วนั้น
พี่เอกถามพร้อมยกแก้วเบียร์ขึ้นซด
“เอาเป็นว่าผมรู้ล่ะกันครับ มีอะไรก็เล่าให้ผมฟังได้นะครับ เผื่อพี่เอกจะได้สบายใจขึ้น”
ผมเสนอทางเลือกให้พี่เอก ปฏิกิริยาตอบรับยังเป็นศูนย์
“เรื่องหัวใจใช่ไหมครับ” ผมดำเนินการสืบสวนสอบสวน
พี่เอกก้มหน้าลงมองที่แก้วเบียร์ ทำให้ผมพอทราบว่าประเด็นที่ผมยกขึ้นมานั้นมันถูกต้อง
“ครับ ” เสียงตอบสั้นๆจากชายหนุ่มรูปงาม
ตายล่ะทีนี้ กรูจะพูดไรต่อดีนี่ ไอ้เรื่องของความรัก กรูยังสอบไม่ผ่านบทที่หนึ่งกับเขาเลย
แต่ถ้าเป็นการแสดงล่ะก็กรูได้โล่ห์
เรื่องปลอบคนอื่นกรูเป็นซะที่ไหน แต่เรื่องกัดคนนั้นคนนี้สิกรูถนัดนักแล
แล้วจะไปให้คำปรึกษาใครได้เจ้าปอร์เอ้ย
บรรยากาศเงียบขึ้นเรื่อย ๆ
ผมมองหน้าพี่เอก ด้วยสีหน้าว่าพร้อมที่จะรับฟังอยากเต็มใจ
พร้อมที่จะร่วมทุกข์ ร่วมสุขในเวลานั้น………เว่อร์ไหมครับ555
“เล่ามาเถอะครับถ้ามันทำให้พี่สบายใจ ผมพร้อมที่จะรับฟังนะ”
สิ้นเสียงผม แต่กลับเป็นเสียงสะอื้นเล็ก ๆ จากพี่เอกแทน
“แฟนพี่เขามีแฟนใหม่” สะอื้นต่อ
ตายล่ะเจอประโยคแรกเข้าไป
และผู้ชายแม้น แมน กำลังร้องไห้อยู่ต่อหน้าแบบนี้ กรูจะทำยังไง
มีช้อยส์ให้เลือกไหม
1.เดินเข้าไปกอด แล้วบอกว่าน้องปอร์พร้อมอยู่เคียงข้างพี่เอกเสมอ
2. กระซิบข้างหูว่า ผมขอเป็นคนซับน้ำตา
3.ปลอบใจพี่เอกว่า คนดี ๆยังมีอยู่อีกตั้งหนึ่งคน เช่นน้องปอร์ไง อย่าเสียใจไปเลย
4. น้องปอร์ขอเป็นคำตอบสุดท้าย
หวายเลือกไม่ถูกเลยว่าจะเลือกทำตามข้อไหนดี
น่าจะมีข้อ 5. ทุกข้อรวมกัน555
“ครับ” เสียงตอบสั้น ๆ จากผมหลังจากที่รู้สาเหตุ
“แล้วพี่เอกจะทำยังไงต่อไปครับ”
“พี่ไม่รู้จะทำยังไง ตอนนี้คิดไม่ออกแล้ว” เสียงสะอื้นหนักกว่าเดิม
ผมดึงทิชชู่ออกจากกล่องส่งให้พี่เอก
บรรยากาศตอนนี้ช่างเต็มไปด้วยความเศร้าไม่ชอบเลย
“แล้วมีหนทางจะกลับมารักกันอีกไหม” ผมถามต่อ
“คงไม่มีแล้วครับ เขาพูดกับพี่ชัดเจนแล้ว ” เสียงสะอื้น.............งั้นกรูเสียบ555
ผมยื่นทิชชู่ให้พี่เอกอีกครั้ง
“พี่ไม่เคยจะมองใครเลยนะปอร์ เพราะพี่คิดว่าเขาคือคนที่ใช่สำหรับพี่แล้ว”
เสียงสะอื้นนั้นหายไปเหลือไว้แค่น้ำตาที่ไหลออกมาเป็นทาง
“ผู้หญิงเป็นแบบนี้ทุกคนหรือเปล่าครับปอร์”
งะ ผมอึ้งไปพักนึง ไม่คิดว่าอดีดแฟนพี่เอกจะเป็นชะนีน้อยร้อยเล่มเกวียน
แอบคิดในใจ มาถามกรูทำไม กรูไม่ใช่ผู้หญิงซะหน่อย อย่าบอกนะคิดว่ากรูเป็น.......มันไม่จิ้ง ไม่จริง
แล้วจะตอบยังไงดี กรูก็ไม่ใช้เพศหญิงด้วยซิ ถึงอยากจะเป็นก็ตาม 5555555555
“ไม่ว่าจะผู้ชาย ผู้หญิงหรือเพศไหนก็คงเหมือนกันล่ะครับพี่เอก
ทุกคนมีสิทธิเลือกในสิ่งที่เขาคิดว่าเหมาะกับเขามากที่สุด
ขึ้นอยู่กับว่าเขาเจอหรือยัง อย่าเสียใจไปเลยครับ” ทิชชู่ถูกยื่นไป
“ทำไมเขาไม่เลือกพี่” เสียงสะอื้นกลับมาอีกครั้ง
เวลาเดินช้า ๆท่ามกลางความเงียบและคนสองคน
“ผมตอบแทนเขาไม่ได้หรอกครับพี่ แต่ผมปลอบใจพี่เอกได้นะ”
“ความรักของเราก็เหมือน กับเบียร์กับไส้ย่างนั่นละครับ” นี่คือสิ่งที่ผมคิดได้ มันอาจดูตลก 55555
“ตอนนี้ ไส้ย่างอาจจะเหมาะกับเบียร์มากที่สุด
เมื่อวันนึงผ่านไป พี่เอกรู้ว่าไส้ย่างเหมาะเหล้ามากกว่า
แล้วไม่กลับมากินไส้ย่างกับเบียร์อีกเลย
สิ่งที่เบียร์ทำได้ ก็คือ รอลูกค้าคนต่อไป
คนที่เขา เห็นว่าเบียร์เหมาะกับไส้ย่างมากที่สุด
และเวลานั้นมาถึง เบียร์จึงได้เจอไส้ย่างอีก.........................เป็นไงละเจอมุขนี้เข้าไป
ขอโทษนะครับพี่ผมอาจปลอบพี่ไม่ดีเท่าไร เพราะผมก็ไม่เคยเจออะไรแบบนี้”
ผมก้มหน้ามองไปยังแก้วเบียร์เหมือนคนที่รู้ว่าตัวเองไม่เอาไหน
“ขอบคุณครับน้องปอร์ ที่ช่วยปลอบพี่” เสียงสะอื้นดังขึ้น
“ถ้าพี่มองอะไรออกเหมือนน้องปอร์ พี่คงไม่เสียใจแบบนี้”
“ไม่หรอกครับพี่ ผมไม่ได้เก่งอะไรไปมากว่าพี่เลย ผมก็คนธรรมดานี่ล่ะครับ
ที่มีทุกข์ ผิดหวัง เศร้าไม่ต่างกับพี่ครับ เพียงแต่ตอนนี้
พี่เอกอยู่ในอารมย์เศร้า อาจไม่มีสติเท่านั้นเอง
เมื่อเวลาผ่านไปพี่เอกอาจยิ้มอย่างสบายใจ มองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเข้าใจ
เปิดโอกาสให้กับตัวเอง แล้วหาคนที่ทั้งเขาและเราเหมาะสมกัน
เหมือนกับที่ไส้ย่างเหมาะกับเบียร์ไงครับพี่เอก” รอยยิ้มของผมมีบนใบหน้าให้พี่เอกเสมอ
เสียงสะอื้นออกมาพร้อมกับคำขอบคุณอีกครั้ง
ตอนนี้ผมรู้สึกหายใจลำบาก มันต่างจากวินาทีที่เพิ่งผ่านไป
ร่างของใครอีกคน กำลังแนบชิดตัวของผมอย่างไม่ทันจะตั้งตัว
สองมือโอบรัดแผ่นหลังพันธนาการกายผมไว้
ผมสัมผัสเสียงหัวใจเต้นแผ่วเบาเหมือนคนกำลังหัวใจแตกสลายผ่านไล่ด้านซ้าย
ที่ตอนนี้ใบหน้าพี่เอกห่างจากใบหน้าผมไม่ถึง5 เซน
เสียงสะอื้นออกมาพร้อมกับคำขอบคุณ
“น้องปอร์ครับ พี่ขอกอดได้ไหม” พี่เอกพูดขึ้น ขณะที่กอดผมแล้ว
แล้วผมจะปฏิเสธได้อย่างไรเล่า
ทำไมเขากล้าที่จะเปิดเผยความรู้สึกและความอ่อนแอที่เขามีกับผมขนาดนี้ ความคิดแว็บเข้ามาในหัว
มือทั้งสองของผมยังวางอยู่บนโต๊ะตามเดิม ปฏิกริยายังเป็นศุนย์
เสียงสะอื้นและคำขอบคุณ เข้ามาในหูผมเป็นระยะ ๆ
ผมลังเลอยู่นานที่จะเอื้อมมือขึ้นไปสัมผัสที่แผ่นหลังพี่เอก
ในที่สุดผมก็ตัดสินใจที่จะทำมัน ผมลูบที่แผ่นหลังที่เอกเบาๆ
เหมือนคนที่กำลังถ่ายผ่านความอบอุ่นไปให้ใครอีกคนที่กำลังอ่อนแอ
และตอนนี้ผมก็เต็มใจที่จะทำ ถ้าอีกฝ่ายหนึ่งได้รับความสบายใจนั้น
ผมยังคงลูบที่แผ่นหลังพี่เอกต่อไป เรื่อยๆ ตราบใดที่พี่เอกยังต้องการ
ถึงแม้ว่าวันพรุ่งนี้ผมจะเสียอะไรไปก็ตาม …………………..
***

***
สูตรเด็ด เนื้อย่างเกลือ
นำเนื้อสดติดมันหมักด้วยเกลือ และน้ำมันหอย ผมชูรส ย่างบนไฟให้สุก มาก
หรือน้อยตามชอบ แล้วหั่นเป็นชิ้นพอคำ
เสิร์ฟด้วยผักสด กับน้ำจิ่มแจ่ว