
“แล้วน้องชื่อไร”
“ที่รัก” เปล่าครับผมไม่ได้ตอบแบบนี้แค่คิดเท่านั้น
“ปอร์ครับ” ผมรีบตอบอย่างไม่ต้องคิดนาน
“พี่ว่าอย่างน้องต้องไม่ใช่เด็กเสิร์ฟธรรมดา” พูดไปยิ้มไป.................... หลงรักแล้วนะ
ผมก็เป็นเด็กเสิร์ฟธรรมดานี่ละครับเพียงแต่ผม...........................
“พี่คระ พี่คระ”............. เสียงน้องนีัีดังขึ้น
เสริ์ฟจานที่ 9...................ตับหวาน
“พี่คระ พี่คระ”............. เสียงน้องนี(ชะนี)ดังขึ้น
กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆ(ในใจ)กรูยังไม่ทันบอกรักมึงก็เจือกมาขัดจังหวะกรูล่ะ เดี๋ยวกรูก็จับเข้าร่วมโครงการกลับคืนสู้ป่าหรอก ผมคิดในใจอีกแล้ว555
ผมหันไปทางโต๊ะใหญ่ ด้วยสีหน้าอย่างเป็นมิตร
“น้ำตกหมู 1
ไส้อย่าง2
แล้วก็หมูจุ่มเพิ่มอีก1 ชุดค่ะ” สั่งเสร็จนางก็จัดการข้าวของที่วางอยู่ข้างหน้าเธอต่อทันที
เออ พอให้อภัยได้ คราวหลังเรียกกรูบ่อยๆ ก็ได้นะ ถ้าแบบนี้5555555
ผมเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานผมอีกครั้งพร้อมกับลงรายการอาหารที่สั่งเพิ่ม
ลืมไปเลยว่าเพื่อนรักผมมันยังเสล่อแป๊ะนั่งอยู่ ยังมิได้กลับบ้านแต่อย่างใด
“อิ่มแล้วเหรอมึง เอาอีกสักชุดไหม” ผมแกล้งแหย่มันแกมประชด
“วันหลังล่ะกัน” กรูมาแน่
คราวนี้ก็ได้เวลา เสิร์ฟอาหารอีกครั้งตามออเดอร์ที่เพิ่งรับมาเมื่อกี่
ผมเดินไปเสิร์ฟ พรางก็คิดว่าแล้วกรูจะหาทางเข้าไปคุยกับพี่เขาได้อย่างไรอีก
เป็นเพราะแกแท้ ๆ นาง......... ทั้งหลาย
เสิร์ฟเสร็จก็หันกลับมานั่งกับบักเพื่อนเดชตามเดิม โดยสายตามิได้ลดละไปจากพี่วิศวกรแต่เยี่ยงไร
รอจังหวะและเวลาที่ เขาจะกวักมือเรียกใช้บริการ
รอแล้วรอเล่ากี่รอบ กี่รอบ ก็มีแต่พวกนางชะ...ทั้งหลาย ใช้เอ้าใช้เอา
น้ำบ้าง เข้าเหนียวบ้าง เป๊ปซี่บ้าง 9ล9 .........หยุดบ้างก็ได้กรูเหนื่อยแล้วนะ(ขึ้นเสียงสูง)
และแล้วนาทีแห่งความหวังก็มาถึง เมื่อขวดเบียร์เปล่าๆที่เพิ่งหมดไปได้ถูกยกชูขึ้น
ตอนนี้ผมเลยต้องปล่อยให้เพื่อนรักของผมนั่งตามลำพังไปก่อนอย่างช่วยไม่ได้
ตอนนี้ผมถือขวดเบียร์อยู่ในมือแล้ว ผ่านโต๊ะแถวแรก แถวสอง ผ่านคลื่นรังสีอำมหิตนั่น
และตอนนี้ก็ถึงโต๊ะซ้ายแถว4 สักที
“นี่ครับเบียร์” พร้อมยิ้มพิฆาตครับที่ 3 ........ยังนับกันได้ไหมว่ากี่ครั้งแล้วอิอิอิ
“เพื่อนยังไม่มาเหรอครับ” ผมสร้างสัมพันธ์ต่อ
“ยังครับ สงสัยอีกนาน.”
อย่ามาเลยเป็นดีที่สุดผม ผมอวยพรพี่เขาในใจ 55555555555
“เออ เมื่อกี่พี่ถามผมว่าไงนะครับ” ผมถามกลับ
เออ พี่เขาคิดสักพัก อ่อ “นึกออกหละ พี่ถามว่านอกจากเราเสิร์ฟแล้วเราทำไรอีก
เพราะพี่ดูแล้วเราน่าจะเรียนอยู่”……ความหลับที่2 เริ่มถูกคนพบอีกครั้ง
เก่งจริงๆ นะพ่อวิศวกรของผม
“อ่อ ผมก็กำลังศึกษาหาอนาคตปกติเหมือนเด็กทั่วไปนั้นหละครับพี่.”
รังสีอำมหิตนั้นยังทำการรบกวนอยู่ มิได้ขาด
“น้องปอร์เรียนอะไรครับ”...........เรียนรักครับอิอิอ ตอนนี้
“ผมเรียน ด้านการสื่อการครับพี่
แล้วพี่เอ่อ....................”
“พี่เอกครับ” เสียงตอบกลับมาหลังจากเขาที่น่าจะรู้ว่าผมกำลังถามถึงชื่อ
“แล้วพี่เอกจบจากไหนครับ”
พี่ค่ะ พี่ค่ะ..........เอาอีกแล้ว กรี๊ดใส่หน้ามันดีไหมคุณผู้อ่าน ซักทีดีไหมนี่
“เติมถ่านหน่อยได้ไหมคระ ไฟมันดับแล้ว”
พรางทำหน้าตาน่าสารส้าน น่าสงสาร ………..อยากได้ถ่านหรืออยากได้อะไรหือ
“ได้ครับ” ผมตอบ ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม... ........แต่ในใจสินัง นางชะนีตัวอิจฉา
แล้วกรูจะหาเรื่องอะไรเข้าไปคุยกับพี่เขาอีกล่ะนี่ ปลวกมากนะ. ผมคิดในใจตามระเบียบ
ผมจำต้องมานั่งที่เดิมหลังจากเติมไฟที่กำลังมอดดับของน้องนีเหล่านั้นให้ลุกโชนขึ้นมาอีก…อย่าเอาไฟสเน่หาไปใช้กับพี่เอกของกรูนะ 555
เออ ก็ได้วะ กรูนั่งมองหน้าไอ้เดชก็ได้ ดีกว่า มองหน้าพวกหล่อนเป็นไหน ๆ ชิส์
แล้วบทสนทนาระหว่างผมกับไอ้เดชยังมีต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีลูกค้าเรียกใช้บริการ
เวลาผ่านไปสักพักเพื่อนของพี่เอก ก็ได้มาสมทบเรียบร้อยแล้ว ผมก็ยังทำหน้าที่เด็กเสิร์ฟผู้เป็นมิตรกับโต๊ะพี่เอกเหมือนเดิมครับ
เบียร์ลีโอ 2ขวด
ไส้ย่าง
เนื้อย่างติดมัน
น้ำแข็ง
ผมจดลงบนกระดาษแต่สายตาผมไม่ได้จ้องอยู่บนกระดาษที่ผมจดเลย
แต่มันกลับจ้องอยู่ที่หน้าที่เอกแทน.555
แล้วทุกอย่างก็ถูกเสิร์ฟ เรียบร้อย ช่วงเวลาแห่งความสุขก็ได้เกิดขึ้นกับ4 วิศวกรหนุ่ม
ส่วนความทุกข์ตกอยู่ที่ใครล่ะครับ ถ้าไม่ใช่ผม
เพราะจะเข้าไปคุย จะไปเสนอหน้ากับพี่เอกคงไม่ได้แล้ว
เดี๋ยวเพื่อนพี่เอกจะสงสัยในความรักของเราสองคนขึ้นมาจะทำยังไง
งานนี้มีแต่เสียกับเสีย..ผมเสียให้พี่เอกคงดีไม่น้อย 5555
อารมณ์จึงเปลี่ยนมาที่โหมดอารมณ์เสียซะแล้ว
เวลาเริ่มเดินไปเรื่อย ๆครับ คุณลูกค้าที่นั่งทานก็คงได้ที่กันแล้วเพราะไม่ค่อยมีการสั่งเพิ่มมากมายเท่าใดนัก
แต่ที่ยังต้องวุ่นกันอยู่เพราะคุณลูกค้าอีกพวก คือพวกที่ใส่ถุงกลับไปกินบ้านนั่นเอง
อะไรจะรักบ้านรักครอบครัวกันขนาดนั้น มาทานที่ร้านกรูบ้างก็ได้
กรูยอมเสียสละล้างจาน ดีเป็นไหนๆ ไม่ต้องล้างเอง เอาเวลาไปทำอย่างอื่นกันดีกว่า555 ทำไรดีวะ
ตอนนี้ 5 ทุ่มเห็นจะได้ครับ วินาทีที่คุณผู้อ่านรอคอยก็มาถึง…..หรือจะยังก่อนดี เอาไว้เล่าตอนหน้าดีไหม
แหม ผมไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอกครับ
เสียงเวสป้า ดังมาแต่ไกลค่อยๆ ดังขึ้นเรื่อย ๆ ท่ามกลางความเงียบของถนนในยามดึก
แล้วก็มาจอดเทียบฟุทบาตข้าง ๆ ร้าน
มันก็เป็นปกติล่ะครับที่ลูกค้าจะขับรถออกมาหาไรกินตอนดึกๆ แบบนี้
“ปอร์ๆ ลูกค้าเข้า” บักเดชพูดพร้อมทั้งสะกิดแขนผมเบาๆ
ผมเดินเข้าไปหาลูกค้าที่เพิ่งมาถึง ยังไม่ทันจะได้ออกปากเชิญ
เขาก็จับจองโต๊ะ3แถวซ้ายแล้วครับ ซึ่งมันก็ถัดจากโต๊ะพี่เอกเข้ามา
ห้างจากตรงที่ผมนั่งมากพอสมควร
เมนูอาหารถูกวางลงอย่างช้าๆ อีกครั้ง
โดยมีผมคอยรับออเดอร์ตามเดิมอย่างเต็มใจ
ผมยิ้มพิฆาต 1 ครั้ง ให้กับคนที่ถือเมนู ให้ท่าแต่พองาม
มีเหรอจะพลาดครับ เขายิ้มตอบให้ผม1 ครั้งเช่นกัน
“มีอะไรน่าทานบ้างครับ แนะนำได้ไหมครับ”.............เขาเอ่ยปาก คนอะไรพูดเพราะจังผมคิดในใจ
“ถามแบบนี้ มาครั้งแรกเหรอครับ” .ผมชวนคุย
“ใช่ครับพอดีเพื่อนชวนมา เลยลองมาทานดู” ผมงวยงงสงกะสัยเล็กน้อยก่อนที่จะเหลือบไปมองเพื่อนเขาอีกคนที่นั่งอยู่ตรงกันข้าม
อุแม่เจ้า ... ผมก็อยากอึ้งไป 3 ถึง 5 วินาทีเหมือนกัน แต่ติดที่เรดาร์ไม่ทำงาน
ทำไมคนน่ารักแบบนี้ เรดาร์ผมพลาดไปได้ยังไง สงสัยจะทำงานหนัก
คนนี้เองเหรอเป็นคนที่ชวนมา คิดในใจ
สังเกตจากหน้าตาแล้วคงไม่ใช่ลูกค้าร้านที่ใช้บริการเป็นแน่แท้ครับ
ผมเริ่มแนะนำเมนู ที่คุณลูกค้าสั่งบ่อย
“ลองหมูแดดเดียวไหมครับ
ไส้ย่าง ก็อร่อยนะครับ
หรือจะเป็นพวกน้ำๆ ก็จุ่ม กับต้มแซ่บ ครับ ” ผมสารทยายตามความเป็นจริง ในใจก็อยากจะบอกทุกอย่างละครับเพราะอร่อยทุกอย่าง.......โลภด้วย แต่กลัวเขาทานไม่หมด
“ผมขอไส้ย่างครับ 1 ที่ ” เสียงนั้นช่างนุ่มนวลชวนฟัน เอ้ย ฝัน เหลือเกิน
ผมยิ้มและก้มลงจดไปในกระดาษ รอ คำสั่งจากคุณลูกค้าต่อไป
“หมูจุ่ม” คุณลูกค้าสั่งเพิ่ม น้ำเสียงที่นุ่มนวลกับแข็งกร้าว จนผมรู้สึก ถึงความแตกต่าง อย่างเห็นได้ชัด ทำให้ผมสะดุดกับน้ำเสียงนั่นเล็กน้อย
ผมเงยหน้าขึ้นมองอย่างสงสัยกับเจ้าของเสียงนั่น
แล้วโลกทั้งโลกของผมก็เต็มไปด้วย ความตะลึง งึงงวย
เจ้าของเสียงนั้น เป็นคนๆ เดียวกับที่ผมเพิ่งเจอมาเมื่อตอนบ่ายๆของวันนี้นี่เอง
แล้ว คำว่า เดี๋ยว..จะไปไหน ผมไม่ใช่ลุง ที่เขาพูดกับผม คำๆนี้ กลับมาก้องในหูผมอีก
แต่ครั้งนี้กลับไม่เหมือน2 ครั้งผ่านมา
ผมดูจะเก็บความรู้สึกนั้นได้ดีพอสมควร
อาจเป็นเพราะตอนนี้ มันเกิดขึ้นในสถานที่ที่ๆ ผมคุ้นเคย บรรยากาศ ที่เป็นกันเอง
และคงจะเป็นเพราะเจ้าเรดาร์ ที่มันขัดข้องตอนที่สำคัญ ๆ แบบนี้
เพราะถ้าไม่อย่างงั้น
ผมคงทำตัวไม่ถูกเหมือนๆ ครั้งที่แล้วมาอย่างแน่นอน
เมนูอาหารถูกเปลี่ยนมือตอนไหนผมไม่ทราบได้ครับ
ทราบแต่ตอนนี้ เขาได้สั่งหมูจุ่มเป็นเมนูต่อไป
ผมแอบมองหน้าชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามกับที่ผมยืนผ่านกระดาษที่ผมใช้จดรายการอาหาร
ความคิดต่างๆ ก็แว๊บเข้ามา
คนนี้เองหรอ ที่กรูเรียกเขาว่าลุงเมื่อคืนวันก่อน
คนนี้เองเหรอ ที่เขา ดึงมือกรูไว้ในโรงหนัง
คนนี้เองเหรอที่เขายืนดูกรู ตอนที่กรูเป็นMC ทำให้งานกรูเกือบพัง
และคนนี้เองที่เขากำลังเข็นรถเข็นในห้างแห่งนั้น
และตอนนี้ คนๆนี้ เขานั่งอยู่ต่อหน้ากรูแล้ว
ผมพูดกับตัวเอง ภาพเหตุการณ์นั้นก็ลอยเข้ามาในความคิดอีกครั้ง
น่ารักจัง จมูกโด่งๆ หน้าเรียวเล็ก ตาใสๆ เป็นประกาย ภายใต้ขอบแว่นอันโตๆ
อยากแอบมองแบบนี้ไปนานๆจังเลย
และแล้ววิมานในอากาศที่ผมเพิ่งสร้างไปเมื่อกี้ผมก็พังทะลายลง
“หมูจุ่ม จดหรือยัง” เขาทวนพร้อม ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงห่วน ๆ
แล้วจ้องมาที่ผมด้วยสายตาไม่ค่อยดูจะเป็นมิตร
ผมทำหน้าเหลอหลา“ครับ” ผมตอบในลำคอ อย่างเกรงๆ ไม่มองหน้าเขาคนนั้น
“หมูจุ่มมีอะไรบ้าง” น้ำเสียงยังคงแข็งกร้าวตามเดิม
“มีหมูกับเครื่องในครับ ”
‘เครื่องในมีอะไรบ้าง” หน้าตายังเหมือนเดิม ......................กวนที่ 1
“หัวใจ ตับ ไส้ เซี้ยงจี่ ครับ” ผมตอบในลำคอ
“เอาหัวใจห้องซ้ายบน
ตับด้านซ้าย
ไส้ขดที่3
ถ้าไม่ได้ตามนี้ไม่เอา”
แล้วเขาก็ส่งเมนูกลับให้เพื่อนตามเดิม ทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“งั้นผมขอเป็นตับหวานและน้ำเปล่าครับ อ่อ ข้าวเหนียวด้วย 1กระติบครับ.”
“ครับ” ผมตอบรับเสียงลื่นหูนั้นอีกครั้งก่อนหันหลังไป
“มึงกวนเขาทำเหี้ยไรวะ” เพื่อนเขาพูดขึ้น
“เปล่ากรูไม่ได้กวน” เสียงยังไล่หลังผมตามมาซึ่งผมยังคงได้ยินนั้น
กะว่าจะเอาคืนใช่ไหม มันไม่ง่ายแบบนั้นหรอกครับลุง
ปอร์ขอท้า...........ผมคิดในใจ แล้วก็เดินกลับมาที่โต๊ะทำงานผมทันที
***

***
สูตรเด็ดตับหวาน
ตับหมูสดหั่นเป็นชิ้นพอค่ำ ตั้งไฟให้สูกมาก หรือน้อย ตามใจชอบ
เครื่องปรุง พริกป่น ข้าวคั่ว ผมชูรส น้ำปลา น้ำมะนาว ต้นหอมสดหั่น
หลังจากตับสุก ตักเครื่องปรุงลงไปคนให้ทั่ว ตกใส่จาน โรยด้วยต้นหอมหั่นอีกครั้ง
ทานกับผักสด