( เรื่องสั้น )นิยายเพ้อฝัน วันอัศจรรย์ของคนบ้า ( รัก )
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ( เรื่องสั้น )นิยายเพ้อฝัน วันอัศจรรย์ของคนบ้า ( รัก )  (อ่าน 14980 ครั้ง)

ออฟไลน์ IZE

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-3
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามโพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสมและเกิดความขัดแย้ง
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

เวป ไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่


http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



เรื่องสั้นเรื่องนี้ เป็นนิยาย แต่งขึ้นมาเพื่อความบันเทิงและเพื่อนสนองความต้องการของผู้เขียนเอง  

ไม่เกี่ยวข้องกับบุคคลใด เนื่องจากตัวละครทั้งหมดเป็นการสมมติขึ้นมาเท่านั้น

เรื่องนี้อาจจะไม่ได้สนุก ไม่ได้ใช้ภาษาที่สละสลวยมากนัก

หากมีข้อผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี่ด้วย ยินดียอมรับฟังทุกความคิดเห็น



*** ขออนุญาตแก้ไขคำห้อยท้ายของชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อ  แต่หากผู้แต่งมีเรื่องแจ้งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขชื่อเรื่องได้ตามปกติค่ะ
 ทิพย์โมบอร์ดนิยาย

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-09-2010 20:34:12 โดย THIP »

ออฟไลน์ IZE

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-3
................ยังอยู่กับเธอใช่ไหม ก็ฝากเธอไว้อีกวัน อย่างงี้ก็รบกวนละกัน คงไม่เป็นภาระนะ ถ้าเธอยังไม่มีใคร ก็ฝากใจไว้หน่อยนึง
ก็เมื่อได้มาวันหนึ่ง เธออยากเก็บมันไว้  แล้วฉันจะให้เลย  ….

เสียงริงโทนดังขึ้น ขณะที่ ผมกำลัง เตรียมตัวจะออกไป ทำงาน


** โหลๆๆๆๆ ****  เสียงจากต้นทางการสื่อสาร


.. คับ ว่าไงคับ ...


***  สงกรานต์ผมจะไปเชียงใหม่ มารับด้วย***


........เฮ้ยจิงดิ มากี่วัน  แล้วมาวันไหน …. ตื่นตระหนกไม่คิดว่าจะมาได้จริง


*** ไปถึง วันที่ 8 อะ มารับด้วย ***


... เดี๋ยวต้องดูก่อนว่าไปรับได้มั๊ย.. ……ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าจะไปได้มั๊ย


**** ไม่เอาต้องมารับดิ ไม่มาก็ไม่ไป ****  เสียงจากต้นทาง เริ่ม ง้อแง ดูความเอาแต่ใจของมัน


... เออ  ใกล้ๆๆค่อยว่ากันอีกที …   ผมพูดรับปากไปส่งๆ เพราะตัดความรำคาญ



ยังไม่ได้บอกเลยว่าผม เป็นใคร แล้วไอ้คนที่คุยโทรศัพท์นั่นเป็นใคร



ขอแนะนำตัว  ผมชื่อ ไกด์  อาศัยพำนักพักอยู่เชียงใหม่มาก็หลายปีแล้ว พื้นเพไม่ใช่คนที่นี่ แต่ก็รู้จักที่นี่ดีเชียวละ มาอยู่ที่นี้ก็เพรามาทำงานหาเลี้ยงตัวเอง 
เพราะที่บ้านไม่มีใครเลี้ยงแล้ว โดนตัดออกจากองมรดกแล้ว ( พูดยังกะรวยล้นฟ้าเนอะ )
ไอ้คนที่คุยโทรศัพท์ด้วย ชื่อ ไอ้น้อง ต๋อง  เป็นเด็ก ที่รู้จักกันในโลกไซเบอร์ แต่ตอนนี้มันกำลังจะได้มาเจอกันตัวเป็นๆ ไม่รู้จะเป็นยังไง

เพราะจากที่รู้จักกะเด็กนี่มา ค่อนข้างเอาใจยาก เอาแต่ใจ ติสต์ ตัวพ่อ ดื้อ ไม่ยอมฟังใคร ได้ข่าวว่าผมก็ใช่ย่อย คริๆๆ


วันที่ 8 เมษายน 2552

............ยังอยู่กับเธอใช่ไหม ก็ฝากเธอไว้อีกวัน อย่างงี้ก็รบกวนละกัน คงไม่เป็นภาระนะ ถ้าเธอยังไม่มีใคร ก็ฝากใจไว้หน่อยนึง  ก็เมื่อได้มาวันหนึ่ง เธออยากเก็บมันไว้  แล้วฉันจะให้เลย …………

  มาแต่เช้าเลยใครโทรมาว่ะ เสียงบ่นพึมพำ อ้าวไอ้น้องต๋องโทรมา

ต๋อง  ....โหลๆๆ

ผม.. ว่าไง

ต๋อง  ..............กะลังจะขึ้นรถ  ได้ข่าวว่าจะถึงเชียงใหม่ หกโมงเย็นๆ  มารับด้วย…….

ผม .... เออ พี่ทำงานกะบ่ายว่ะ อยู่คนเดียวไม่รู้ไปรับได้ป่าว ….

ต๋อง  .... เอาไงดี

ผม .....  เอางี้เดี๋ยวไปถึงออฟฟิศแล้วจะโทรบอกอีกทีไปดูเด็กที่ออฟฟิศก่อน เผื่อขอให้มันอยู่แทนซักแปบ น่าจะได้…………..


ต๋อง  ....... อืมๆๆ โทรมาก็แล้วกัน แค่นี้นะ ขึ้นรถแล้ว ……


.....................................................



หกโมงกว่านิดๆๆ

............ยังอยู่กับเธอใช่ไหม ก็ฝากเธอไว้อีกวัน อย่างงี้ก็รบกวนละกัน คงไม่เป็นภาระนะ ถ้าเธอยังไม่มีใคร ก็ฝากใจไว้หน่อยนึง ก็เมื่อได้มาวันหนึ่ง เธออยากเก็บมันไว้  แล้วฉันจะให้เลย  …….


มาแล้วไอ้ต๋อง  สงสัยมาถึงแล้ว

ต๋อง  ............... มาถึงแล้ว ออกมารับด้วย


ผม ...........เออ รอแปบเดียวออกไปละ

............................................................................................


พอไปถึงท่ารถก็หยิบโทรศัพท์โทรหาไอ้ตังค์ทันที

... มาถึงละ อยู่ไหนหว่า


*** อยู่นี่แหละ

.....  นี่แหละ แล้วอยู่ไหนจะเห็นเหรอ

.... ตรงไหนหว่า

*** เดินมาดู

..... หน้าตาเป็นไงหว่า ...   ทำไมผม ตื่นเต้นๆๆๆๆ ( ตื่นเต้นไมว่ะเคยเห็นรูปมันแล้วหนิ )

** พี่ที่ สาวๆ ปะ **

งะ ประโยคทักทาย ช่างสร้างสรรค์
 
สาวเหรอ ไม่รู้ดิเป็นยังงี้มาตั้งแต่เกิด คนมันน่าตาอย่านี้นี่หว่า ให้ทำไงละ


..... จะไปมั๊ยละ….

**** อืมๆๆไป ***

ตัวเล็กกว่าในรูปอีกแหะ ผอมแห้ง แรงน้อยอะปะไม่รู้ยังไม่ได้ลอง กร๊ากกกกกกกกกกก  คิดอะไรว่ะเนี่ย
น้องๆๆๆๆๆๆ ท่องไว้ หน้าตาก็ไม่แตกต่างจากในรูปที่เคยเห็น
เอานั่งซ้อน มอไซต์มาไม่พูดไรเลยสักคำ ยังไงเนี่ย

....  เออ เดี๋ยวไปอยู่ออฟฟิศก่อนก็แล้วกันนะ กว่าจะเข้าหออีกทีก็เลิกงานโน่น…

** คับ **

.... อยู่ ที่ออฟฟิศก็เล่นเน็ตไปอะไรไป  …..

** คับ **

เป็นบทสนทนาที่หาสาระไม่ได้เลย
พอมาถึงออฟฟิศ ไอ้ต๋อง.ก็เริ่มสำรวจ นั่นนี่โน่น
และแล้วก็มาจบลงที่หน้าคอมพิวเตอร์แล้ว
ต่างคนก็ต่างเล่นอินเตอร์เน็ตกันอย่างบ้าคลั่ง ( ได้ข่าวเค้าจ้างแกมาทำงานนะ  ไม่ใช่มานั่งเล่นเอ็มกะอ่านนิยายเล้า )
และแล้ว ไอ้น้องต๋อง จุดประเด็นในการสนทนาขึ้นมาใหม่

****พี่ไกด์   เดี๋ยว ไอ้อิ๊ฟ มา  ออฟฟิศพี่อยู่ส่วนไหนของเชียงใหม่เนี่ย***

... เออ อยู่ไนท์บาร์ซาร์ เยื้องๆๆกะพันทิพย์ หาไม่ยาก  ออฟฟิศออกจะใหญ่โต ....  ( ตรงไหนหว่า )

*** เดี๋ยวมันมา ***

เออ แล้วพวกแกไปแลกเบอร์อะไรกันตอนไหนหว่า กูยังไม่ทันตั้งตัวเลย

***** พี่ โทรชวนพี่ไม้ มาด้วยดิ อยากเจอๆ ***** 

..........อืมๆๆเดี๋ยวลองโทรชวนไม่รู้ว่าจะว่างมาอะปะ …….

แล้วผมก็หยิบโทรศัพท์กดเบอร์ ไอ้ น้องไม้
 
.... โหลๆๆๆ  อยู่ไหน …

+++  ที่ทำงานพี่+++

.... เลิกงานแล้วไปไหนป่าววันนี้ …

+++ ทำไมเหรอ+++

 .... มีคนชวนมาเที่ยวที่ทำงานพี่ว่ะ… เค้าอยากเจอ …

 +++ ไอ้น้องต๋องนั่นเหรอ +++

... อืมๆๆ  ใช่ ไปรับมาตะกี้เอง …

 ++ เออ เดี๋ยวค่ำๆๆๆจะเข้าไป เอาเสื้อที่ไปทำมาอวดด้วย  +++ ( เสื้อที่ทุกคนว่าจะทำ เหมือนกัน แล้วใส่เล่นน้ำสงกรานต์ )

...  ได้ๆๆๆ แล้วเจอกัน…

 ... นี่ ต๋อง เดี๋ยว ไม้   มาค่ำๆๆ บอกว่าจะเอาเสื้อมาอวด 

 **** เอออยากเห็นๆๆๆๆ  ***

*** แสดงว่าพี่ไม้ ทำแล้วอะดิ **

... อืมๆๆได้ข่าว่างั้น ..

*** อ้าวแล้ว ของ ผมอะ **

... ไม้บอกว่า ไปสั่งที่ร้านแปบเดียวได้ ….

 ** อืมๆๆๆๆ ** 


แล้วก็เงียบไปสักพัก

ต่างคนต่างนั่งลัลลา  ( เออนี่ตกลง งานมึงอะมีแค่นี้เหรอ จ้างมาเสียดายตังค์ แท้ )

*** พี่ๆๆๆ   เดี๋ยว ไอ้ตาม ก็มา  ***

....  หืม อืมๆๆ  ....          พูดไรไม่ออกแบบว่า นัดกันมาเรียบร้อย นี่กะมาป่วนออฟฟิศกูโดยเฉพาะ

ฮัลโหล คับ  ไอ้ต๋อง  คุยโทรศัพท์

*** มาถึงแล้ว เหรอ อยุ่ตรงไหน **

** แบปนะ**

แล้วมันก็ยื่นโทรศัพท์มาให้

... เออ ตอนนี้น้องอิ๊ฟ  อยู่ตรงไหนอะ …
 
--- ตอนนี้อยู่หน้าพันทิพย์ ---

 .... งั้นมองมาฝั่งตรงข้าม ….

--- มีแต่วัด---

.... นั่นแหละมองไล่มาเรื่อยๆๆๆ….

... ต๋อง  ออก ไปดูดิ ..

.... เดินข้ามถนนมาเลย  ….

....................................................

 --- หวัดดีคับ  --- ไอ้อิ๊ฟกล่าวทักทายผม

 ... เออดีคับ ...................

 เหวอๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ นี่น้องสาวเหรอว่ะ ผู้หญิงชัดๆ ชื่อก็ผู้หญิงอีก แต่ทำไมมันสูงจัง สูงกว่าผมอีก ผอมๆ หุ่นนางแบบชัดๆ
รวบรวมสมาธิที่กะลังเวิ่นอยู่ กลับมา

 .... ออ น้องอิ๊ฟ  เหรอ  ...   ( กูทำไมแก่จัง มีเด็กเก็ทั้งนันเลย )

--- คับ  ---             (อย่าพูดคับเลย พูดค่ะ น่าเข้ากะหน้าน้องหน่อย )

จากนั้นมันสองคนก็คุยอะไรกันไม่รู้ ไม่ได้สนใจ
เพราะงานเข้าทำงานคุ้มกะค่าจ้างหน่อย เวลาผ่านชั่วอึดใจ





.............................................
 ++ โย่ว  ++

 ... อ้าว ไม้ มาแล้ว…

 .... นี่ๆๆ คนนี้  ไม้ ...

หวัดีคับ / หวัดดีคับ                 ไอ้ต๋อง กับไอ้อิ๊ฟ พูดขึ้นพร้อมหันเหมือนนัดกันมา


จากนั้นออฟฟิศกูก็กลายเป็นห้องประชุมรัฐสภาขนาดย่อม โดยต่างคนขุดอะไรไม่รู้มาคุยกันเยอะแยะ ปานกับว่ารู้จักกันดีแล้วไม่ได้เจอกันมาชาติหนึ่ง น้ำลายท่วมโต๊ะกูหมดละ

 ............พี่ ไม้เสื้อหรือผ้า ห่อควาย  ไอ้อิ๊ฟจัดหนึ่งดอกกัดกันไป

...........พี่ไม้  อันนี้ผมใส่ได้สองคนเลยนะ  ตามาด้วยไอ้ต๋อง
 
...........พี่ไกด์ อ่านเรื่องนั้นยัง

...........เรื่องนี่ก็กาม

...........เรื่องนี้ก็สนุก

..............รู้จักคนนั้น คนนี้ คนโน่นไหม ขุดมาพูดกัน  สืบหาข้อมูลอะไรกันมิทราบ เฮ้อออออออออออออ

มากมายแล้วก็เวิ่นเว้อกันไป



...................................



กริ๊งๆๆๆๆๆๆ เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์  ของใครสักคน

ออ ของไอ้น้องต๋อง  นี่เอง

 *** อืมอยู่ไหนหว่า  *** 

ได้ข่าว สมาชิกอีกคน เดินทางมาสมทบ ขณะที่ ไม้ ขอตัว กลับไปแล้วเพราะได้ข่าวพาญาติมาด้วย

*** พี่ไกด์ บอกทางไอ้ตาม หน่อย ***
 
... อยู่ไหนคับ…

//// ตรงไฟแดง ///

... ตรงซาบูชิ อะปะ …

// คับ //

... งั้นเดินกลับมาอีกฝั่ง  ฝั่ง ฟูจิอะ  …

 /// ออคับ //

 ... แล้วข้ามถนนมาเลย ร้านอยู่เยื้องๆๆกะฟูจิ  ..

... เฮ้ย ออกไปรับดิ …


....................


 // เย้ๆๆๆๆๆ มาแล้ว ///


// หวัดดีคับ  ///



ไม่จำเป็นต้องแนะนำตัวอะไรกันมากมาย ก็ร็จักกันมาพอสมควร รู้ว่าใครเป็นใคร
แล้วจากนั้นปฏิบัติการเวิ่นก็เกิดขึ้น เหมือน 1 ชั่วโมงที่ผ่านมาก่อนหน้านี้


  แต่ คนที่มาทีหลัง น้อง ตาม  กลับนิ่ง เหมือนจะอยากพูด แต่พูดไม่ทัน อิ๊ฟ  ประมาณนั้น
พี่เข้าใจเพราะพี่เคยมาแล้วเมื่อ ชั่วโมงที่ผ่านมา

ไม่รู้สรรหาอะไรมาคุยกัน


แต่ส่วนมากก็เรื่องในเวบบอร์ดนั่นแหละ เพราะที่มาเจอกันคุยกันได้ก็มาจากบอร์ดเดียวกัน เคยคุยกันมาบ้างทั้งเอ็ม ทั้งโทรศัพท์ แต่เพิ่งมานัดเจอกันครั้งแรกก็คราวนี้แหละ 
 เมาท์นั่นนิด เมาท์นี่หน่อย ทุกคนต่างรู้กันดีเพราะมาจากที่เดียวกัน จากนั้น กระทู้ๆ กระทู้หนึ่งในบอร์ด  ก็ป่าวประกาศมีการรวมตัวของสมาชิกที่ออฟฟิศกูไปโดยปริยาย
ทำอะไรมีปรึกษากูมั้งเด็กพวกนี้

พอได้เวลาเลิกงานก็ตกลงกันว่า จะไปกินข้าวกัน แถวเจ็ดยอด ไปกัน สี่คน  กูแก่สุด ( แต่หน้าเด็กสุด คริๆๆ )
จากไนท์ไป เจ็ดยอด หาอะไรกิน ช่างเป็นการเดินทางที่ไกลมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

แต่พอมาถึง อิ๊ฟ มันพามากินอาหารตามสั่ง กูนึกว่ามันจะพามากินอะไรที่เริ่ดหรู ถึงถ่อมาถึงนี้ หาได้มีประโยชน์อันใดไม่ อาหารตามสั่งกูสั่งแถวๆๆหอกูกินก็ได้ นังอิ๊ฟ ( เริ่มสนิท รู้ไส้รู้พุงกันแล้ว )

 
กินไปคุยไป กูว่ารสชาติอาหารก็ไม่ได้ อร่อยอะไรมากมาย พอแดกได้
แต่ประเด็นอยู่ที่ว่ามันเยอะมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  แบบว่าคิดอยู่ว่าคนขายเอากำไรจากไหนหว่า
เยอะขนาดไหน นังอิ๊ฟ คนเดียว ย้ำ คนเดียวเท่านั้นที่ กินหมดจาน ตัวมันก็ผอมๆนะ กินจุจัง
ซึ่งมองดูจานคนอื่น ยังเหลือบาน เฮ้อออออ  กูเข้าใจละ  ว่ามันพามาที่นี่ทำไม เพราะคาดว่าไปกินที่อื่นคงกินไม่อิ่ม
จากนั้นก็แยกย้าย กันกลับที่ซุกหัวนอน  อิ๊ฟ กลับ บ้าน ซึ่ง บ้านหล่อน อยู่คนละทางแบบว่า เหนือใต้เลย

แต่ดีหน่อย น้องตาม ใกล้หน่อย



แต่ผมกะ ต๋อง  ก็ถ่อกลับมาประตูเชียงใหม่ ซึ่งไม่ได้ใกล้เลย
 
*** พี่ไกด์ ว่าปะ อิ๊ฟ สาวมาก ***


และแล้วปฏิบัติการเมาท์ชาวบ้านก็เกิดหลังจาก พบปะกันพอหอมปากหอมคอ ( ได้ข่าวกลับมา ตีหนึ่งกว่าจะตีสองแล้ว )



...  สาวมากๆๆๆๆๆๆๆๆ พี่นึกว่าเป็นผู้หญิง......


.......แต่เสียงแมนมาก…..



*** ท่าเดินอีกขัดกับหน้าตาอย่างมาก ***


 *** ไอ้ตาม ก็จริงจังกะชีวิตไปไหน เนี่ย ***


......  เออนั่นดิ คุยอะไรไปกลัวไม่เข้าหู ….

.... ไม่กล้าพูดว่ะ กะตาม  …

 
***แล้วไมพี่ไกด์ถึงกล้าพูดกะต๋องละ***


...  ไม่รู้ก็เคยคุยกันมาก่อนใช่ว่าเพิ่งมาคุยกันวันนี้เมื่อไร ...
 

** เออเนอะ **


... แล้วเจอพี่เป็นไง …


*** เป็นไง ก็ไม่เป็นไง  ***


.. อืมนะ ..


และแล้วบทสนทนาก็จบลง เพราะอีกฝ่ายหลับไป   แต่ผมทำไมนอนไม่หลับว่ะ ความรู้สึกในหัวมันตีกันยังไงบอกไม่ถูก เมื่อก่อน เราอาจจะคิดกะน้องมันเกินคำว่าพี่น้อง แต่ตอนนี้เราก็ได้ลดความสัมพันธ์ลงแล้วนะ ดูน้องเค้าก็มีมนุษยสัมพันธ์ดีกับทุกคนนะ แต่กับผมเค้าคงไม่ได้คิดอะไรหรอก ดังนั้น อย่าได้คิดมาก      เฮ้อออออออออออ
เราต้องข่มความรู้สึกหวั่นไหวนี่ให้ได้
.....................................................



ไปแล้วมาลงให้ตอนแรก ยังไงก็ช่วยอ่านหน่อยนะคับ

มีอะไรจะแนะนำยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นคับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-05-2009 07:14:31 โดย happy_icekung69 »

DEVIL nures

  • บุคคลทั่วไป
 :3123:  เจิมๆๆๆๆๆๆ

มาเจิมเรื่องให้พี่สุดที่รัก :กอด1:

สู้ๆนะเจ้าคะ

แต่ห้ามทำเรื่องทำร้ายจิตใจเค้านา :laugh:

 :L1:

winds

  • บุคคลทั่วไป
เข้ามาเจิมเรื่องใหม่.....แต่ทำไมมันดูเงียบๆละไอซ์ซี่ 




:z1:

RAJCHABUT

  • บุคคลทั่วไป


หอบกำลังใจมาฝากนักเขียน . . .


 :L2:    :L2:    :L2:

. . . ว่าแต่เอาชีวิตจริงมาเขียนมะเนี่ย

คุ้น ๆ  กับตัวละคร

อิ๊ฟ = กิ๊ฟ

คิดเล่น ๆ  อ่ะครับ



DEVIL nures

  • บุคคลทั่วไป
 :z13: :z13:

จิ้มรีบน

 แหมๆๆช่างคิดจริงเจ้าค่ะ :impress2:


หรือมานเป็นอย่างที่รีบนว่ามาหว่า :laugh:

 :L1: เข้ามาเป็นกำลังใจให้พี่สุดที่รัก สู้ๆ :กอด1:

ออฟไลน์ PHUCK™

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-31
.
.
.



เข้ามาเจิม เข้ามาจิ้ม !!!
จัดหน้า ข้อความระหว่างบรรทัดด้วยก็ดีนะพี่ ..
จะได้อ่านง่ายๆๆ !!  :o8:

ออฟไลน์ IZE

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-3
เช้าวันต่อมา 09/04/09

 “พี่ไกด์ ๆๆๆๆ”      มาแล้วเสียงไอ้ตัวแสบ นี่มันตื่นเองได้ด้วยเหรอว่ะเนี่ย


“อิ๊ฟบอกว่าเดี๋ยวจะเข้ามา”

“อืมๆ”            แล้วก็นอนต่อ ส่วนไอ้ตัวแสบได้ข่าวอาบน้ำแต่งตัวแล้ว

“ ก๊อกๆๆๆๆ”      สงสัย นังอิ๊ฟมาแล้วแน่ๆๆ

“ พี่ไกด์คับ ยังไม่ตื่นเหรอ”    มาถึงก็พูดเลย นังคนนี้พูดได้ตลอดเวลาไม่รู้เอาอะไรมาพูดกัน

“ตื่นแล้วแต่ยังไม่อยากลุก”

“ นี่พี่ไกด์จะรุกเหรอ”

“ อร๊ายยยยยยยยย  หยาบคายนังอิ๊ฟ”   กระเด้ง ขึ้นจากที่นอน

“ไม่ใช่อย่างนั้น กามแต่เช้านะมึง”

“เช้าที่ไหนพี่ นี่มันจะเที่ยงแล้ว”

“แล้วไปไหนกันวันนี้”

“ไม่รู้ดิ”

“ต๋องจะไปไหน”


“ไม่รู้แล้วแต่”

“งั้นไปดอยสุเทพมั๊ย” นังอิ๊ฟเสนอ
 
“เดี๋ยวลองโทรชวนคนอื่นก่อน” แล้วมันก็จัดการชวนคนนั้นคนนี่คนโน่น
 
“ตามใจพวกมึงกูขออาบน้ำก่อน”

สรุปวันนี้มีสามหน่อ ที่ไปเที่ยวกันโดยพาหนะคู่ใจอย่างมอไซต์ ( ขึ้นดอยสุเทพเดือนเมษา เป็นอะไรที่ทรมานมาก ร้อนๆๆมากๆ เล่นเอากูดำลงไป 3 %) 
กูรู้แล้วว่าพวกนั้นทำไมถึงไม่ไปเพราะมันร้อนอย่างนี้นี่เอง  ปกติเคยนั่งแต่รถยนต์ขึ้น ไม่คิดว่าวันนี้จะได้มาเป็นเด็กแว้น ขี่มอไซต์ขึ้นดอย อนาถโดยแท้
กว่าจะลงมาได้ก็ปาไป เกือบสี่ โมงเย็น ได้ข่าวว่ากูต้องทำงานบ่ายสาม  แต่ไม่เป็นไรน้องมันมาเที่ยวตามใจมันหน่อย  เข้าสายนิดหน่อยไม่เป็นไร

คริๆๆ

สบายโลด

พอมาถึงออฟฟิศ กูก็นั่งทำงานไปไม่มีอะไรมาก  ส่วน ไอ้อิ๊ฟ กะไอ้ต๋อง ได้ข่าวออกไปข้างนอก สงสัยไปเที่ยวกัน  ไม่ได้สนใจทำงานต่อไป
แต่พอกลับมาตอนค่ำๆๆ ก็เลยไปกินข้าวแล้วเข้าหอไม่มีอะไรมาก คุยสักพัก อิ๊ฟมันก็ขอตัวกลับ พร้อมกับไอ้ต๋องขอไปนอนบ้านอิ๊ฟ แต่ ทำไมต้องมาขอกูว่ะ อยากไปก็ไปดิ ไม่ใช่พ่อสักหน่อยที่ต้องมาขออนุญาต
แต่แอบเศร้านิดนึง นอนคนเดียวอีกแล้ว  ได้ข่าวทุกทีก็นอนคนเดียวหนิหว่า คิดมากไปป่าวก็ไม่รู้  ความรู้สึกจริงคือไม่อยากให้ไป



....................................................

10/04/09

เที่ยงกว่าๆๆของอีกวัน ตื่นมาพร้อมกับอาการ เบลอๆๆๆๆ แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าเอ๊ะ ทำไมไอ้ต๋อง ไม่โทรมาว่ะ เที่ยงแล้วน่าจะตื่นแล้วมั้ง แต่ผมเองก็ไม่โทรหา
ทำธุระส่วนตัวไป   อาบน้ำแต่งตัว ทำความสะอาดห้อง
 จนได้เวลาไปทำงาน บ่ายสามโมง แล้วก็โทรหาซะหน่อย

ตืดๆๆๆๆๆๆๆๆ

ตืดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


 ไม่รับทำไรอยู่ว่ะ ช่างเหอะเดี๋ยวคงโทรกลับเองมั้ง  ไปทำงานดีกว่า



อารมณ์มาถึงที่ทำงานก็ตั้งหน้าตั้งตาเคลียร์งานที่เหลือให้เสร็จโดยเร็ว เพราะอีกไม่กี่วันจะได้หยุดแล้ว เพราะไม่อยากค้างงานไว้เดี๋ยวันหยุด โดนโทรตามอีก


เคลียร์งานมั้ง


เล่น เอ็มมั้ง


เข้าบอร์ดมั้ง


 เป็นแบบนี้ไป



จน สักประมาณ หกโมงเย็น ไอ้เด็กสองคน ก็โผล่ศรีษะมา ด้วยอาการประมาณว่ากูเพิ่งตื่น ยังดูเบลอๆ งง ๆ ยังไงไม่รู้  แต่ที่รู้ คือมีอะไรบางอย่างที่เปลี่ยนไป
เพราะมีบุคคลที่สามตามมา ความรู้สึกตอนนั้น และหลักฐานที่เห็น ทำให้ ผมพูดไม่ออก อึ้ง หรือว่าตกใจก็ไม่ปาน สับสนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น  แล้วคนนั้นคือใคร
ทำไมถึงดูสนิทกับไอ้ต๋องจัง


เพราะเมื่อคืนก่อนไปนอนบ้านอิ๊ฟ  แต่พอมาวันนี้ เจออีกที ทำไมถึงเป็นไปได้เช่นนี้ คนนั้นกับต๋องทำไม ดูเอาอกเอาใจกันเป็นพิเศษ กระหนุ่งกระนิ้ง แบบว่า ตัวติดกันตลอดเวลา
จากที่ใช้สมองอันน้อยนิดเริ่มคิดและ ผมเริ่มรู้ละว่ามีอะไรไม่เหมือนเดิม  แต่ก็ไม่พูดออกมา แล้วก็พอจะเดาออกว่าเกิดอะไรขึ้น
ผมก็เลยเลืกที่จะไม่พูด ไม่ถาม เลือกที่จะเงียบมากกว่า  ความร็สึก ตอนนี้ ถามว่าโกรธ มั๊ย ไม่โกรธ เกลียดมั๊ย ไม่เกลียด อารมณ์มันบอกไม่ถูก สับสนมากกว่า ตัวเองกำลังเป็นอะไร ทำไมถึงู้สึกไม่ดีกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แบบว่าเจอกันวันเดียว ข้ามคืนเปลี่ยนแปลง คนถึงเพียงนี้ แล้วก็เกิดอาการคิดมาก แล้วกูจะคิดมากทำไมว่ะ ในเมื่อ ต๋องมันก็ไม่ได้เป็นอะไรกะเราแค่น้องคนหนึ่ง เค้าจะทำอะไรก็เรื่องของเค้า ทำไมต้องไปเดือดเนื้อร้อนใจแทนเข้าด้วย ไม่เข้าใจ สับสนไปหมด


“พี่ไกด์”   ...........  ในระหว่างที่กำลังคิดอยู่นั่นเสียงหนึ่งดังเข้ามาทำให้รู้สึกตัว เป็นไอ้อิ๊ฟนั่นเอง

“ หืม อะไร” ผทตอบไปแบบว่าไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก

“นี่โรม เพื่อนกิ๊ฟเองมาจากต่างจังหวัด ”

“พอดีเมื่อคืนมันมาขอนอนด้วยที่บ้าน แล้วได้ข่าวว่าจะอยู่อีกหลายวันมาเที่ยวสงกรานต์กับพวกเรา”

“หวัดดีคับพี่ไกด์ “

“ดีคับ  เที่ยวกันเยอะๆสนุกดี” ผมตอบไปส่งๆ   แต่ในใจคือ มีใครพอจะเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้ไหมว่ามันคืออะไร

ผมเลยเลือกที่จะจิกนังอิ๊ฟก่อนลากมันมาหลังออฟฟิศ แล้วสอบถาม ได้ความมาว่า
เมื่อเย็นที่หายไปเพราะไปรับ ไอ้โรม อะไรนั่น เพิ่งเดินทางมาถึง แล้วก็เมื่อวานมันไปหาพี่มันที่หอได้ข่าวพี่มันอยู่กับแฟน ไอ้โรมก็เลยมาขอนอนกับไปอิ๊ฟ เป็นอย่างนั้นไป


นอนกันไปนอนกันมาไม่รู้ตื่นเช้ามาถึงได้เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน ไอ้อิ๊ฟบอก
เพราะไอ้อิ๊ฟบอกว่าเมื่อคืนเค้านั่งเล่นเกมส์กันสองคนส่วนนังอิ๊ฟสลบไปแล้ว คาดว่าเค้าสองคนคงคุยกันถูกคอบางทีอาจจะเกินเลยไปบ้าง  แต่เห็นเค้าสองก็เข้ากันได้ดี  ถ้าจะคบกันเป็นแฟน เราคงห้ามเค้าไม่ได้ ไอ้อิ๊ฟบอกมา คล้ายว่ามันก็อยากจะพูดอยู่แต่ไม่รู้จะพูดยังไง พอได้ฟังที่ไอ้อิ๊ฟเล่ามา ความรู้สึก


เจ็บจี๊ด ๆๆๆๆๆ  แล่นมาตรงอกด้านซ้าย แบบว่า เจ็บ เจ็บมาก  แน่นหน้าอกไปหมดเลย
เหมือนว่าอกหัก


หลังจากที่ผมถามไอ้อิ๊ฟจนได้ความ ก็กลับมานั่งทำงานโดยที่ใจไม่ได้ใส่ใจกับงานเลย แต่กลับจดจ่อคิดถึงเรื่องของ ไอ้ต๋อง กับไอ้โรม คือจะเร็วไปไหมเพิ่งเจอกันจะคบกันเป็นแฟน เพียวข้ามคืนเปลี่ยนพฤติกรรมคนได้ขนาดนี้


“วันนี้ไปกินนมหน้ามอด้วยกันมั๊ย พี่ไกด์” ไอ้อิ๊ฟถาม

“ใครไปมั้งอะ”    ............. 

ความรู้สึก ถ้าเป็นเมื่อวานคงตอบตกลงไปแล้ว แต่นี่ความรู้สึกมันเปลี่ยนไปแล้ว สถานะบางอย่างได้เปลี่ยนไปแล้วก็เลยกลายเป็นว่าไม่อยากไปเท่าไร ต้องหาพวก

“ไม่รู้อะ”

“ลองชวนพวกไม้กะ รืนไปด้วยดิ”

“อืมๆเดี๋ยวลองชวน  พี่ไกด์ถาม พี่ไม้ดิไปด้วยกันมั๊ย ถามพี่รินด้วย”

“เดี๋ยวถามให้” ตอนนั้นความร็สึกว่ามีผมกับไอ้อิ๊ฟแค่สองคนที่อยู่ในที่นั้น ส่วน ไอ้ต๋องไม่ต้องพูดถึงเข้ามาแล้วยังไม่ได้พูดอะไรกับผมสักคำเลย แล้วไอ้โรม อะไรนั่นก็ตัวติดไอ้ต๋องไม่ยอมห่างอีกเช่นกัน

จากนั้นบทสนทนา ผ่านระบบแชทออนไลน์ที่เรียกว่า เอ็มเอสเอ็น ก็เริ่มขึ้น ระหว่าง ไม้ ริน และ ผม
 
“ไม้ ไปกินนมด้วยกันมั๊ย”

“กินที่ไหน”

“หน้ามอ ไปนะๆๆ  ไปๆๆๆๆ” ผมคะยั้นคะยอ  ให้ไม้ไปเป็นเพื่อน

“ทำไมถึงอยากให้ไปละ”

“ก็เพื่อนๆๆไปกันเยอะแยะ นะๆๆๆๆๆ   ไปๆๆๆอยากให้ไป”

“มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”   พอผมพูดแบบนี้ ไม้ รู้ได้เลยว่าต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ

“ไปเถอนะ แล้วจะรู้เอง”

“ไปป็นเพื่อนพี่หน่อย”

“ได้ๆๆแล้วเจอกัน เดี๋ยวไปหาที่ร้าน”

..........................


“รินๆๆๆๆๆๆ อยู่ป่าว”

“อยู่ ว่ายังไง”


“เด็กๆๆชวนไปดริ้ง”


“ดริ้งทีไหน ฉันอายุ 18 อยู่นะ””


“ 18    มากเลย เข้าได้ไม่ต้องกลัว พี่เส้นใหญ่”


“อืมนะ”


“ไปๆๆๆๆๆๆๆนะๆๆๆๆๆ “ อ้อนวอน อีกแล้วผม 


“ อยากเจอๆๆๆๆ”


“ทำไมถึงอยากเจอ”


“อยากเจอทำความรู้จักไว้”


“ใครไปมั้ง”


“ได้ข่าว อิ๊ฟ ต๋อง ไม้ แล้วพี่ ยังมีเด็กใหม่ด้วย ได้ข่าวว่าเพื่อนไอ้อิ๊ฟ แต่กลายเป็นเด็กไอ้ต๋องไปแล้ว “


“ งั้นเดี๋ยวชวน ไอ้ฟิวส์ ไปด้วยก็แล้วกัน”


“ได้ๆๆไปกันเยอะๆๆสนุกดี”

“ได้ข่าว 3 พี เหรอ”

“ 3 พีอะไร เมื่อคืนนอนคนเดียว ไอ้ต๋องไปนอนบ้านไอ้อิ๊ฟ”


“ เหรอ งั้นสองคนนั้นก็ อรึ่ยยยยยยยยยยย”


“ เดี๋ยวก็รู้ดูเอาเอง มันอาจจะไม่เป็นอย่างที่คิด เหนือความคาดหมาย บางทีอาจจะแรงไม่แคร์สื่อด้วยซ้ำ”


“ ห๊าๆๆๆ เพื่อนไอ้อิ๊ฟเหรอ”


“ อืมนะ พูดไม่ได้” 


“ เข้าใจ”


“ แล้วเจอกัน แล้วคุณจะรู้เอง  “


“ทำงานก่อน”


...........................



บทสนทนาในเอ็มก็จบลงพร้อมกับนัดเวลาสถานที่เรียบร้อย เพื่อที่จะ พบปะสังสรรค์ กัน
 

แต่หากผมเพียงแต่ไม่อยากไปไหนกับสองคนนั้นมากกว่าเพราะดูเป็นส่วนเกินยังไงไม่รู้ ถึงได้ชวนคนนั้นคนนี้ไปด้วย


ถึงแม้ว่าอิ๊ฟจะไปด้วยก็ตาม แต่อิ๊ฟมันคงไม่ได้คิดอะไรมากมั้ง เพราะเค้าเป็นเพื่อนกัน  แต่ผมคิดมากไปแล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-05-2009 15:00:42 โดย happy_icekung69 »

khozz

  • บุคคลทั่วไป
 :z13:

จิ้มๆๆๆ ตุส

555 รออ่านๆ ต่อคร้าบบบ

kojiandkoji

  • บุคคลทั่วไป
เข้ามาเป็นกำลังใจให้นะ
 :L2:
สู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
:mc4:
(เจิมๆ)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ IZE

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-3
………………………………………….
………………………………………….


“พี่ไกด์” .....

“อะไร”

“พวกต๋องไปกินข้าวก่อนนะ”

“ไปดิ”

“เอาอะไรมั๊ย”

“ไม่เอาละ  ไปร้านเอดิ อยู่ข้างหลังเนี่ย  แล้วชวนไปกินนมด้วยกัน”

“อืมๆๆได้ๆๆ”

บทสนทนา ระว่าง ผม กับต๋อง ก็แปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด จากที่เคยต่อล้อต่อเถียงกัน กลับกลายเป็นการพูดเพียง ถามคำตอบคำ อาการสงบนิ่ง เหมือนต่างคนต่างรู้ว่า คิดอะไรกันอยู่
ผมเองก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าจะทำให้น้องมันรู้สึกไม่สบายใจกับการกระทำของเค้า

ผมว่าบางครั้งผมก็เป็นคนเก็บอาการได้เก่งนะ จนคนมองไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่  แต่บางทีก็ดูเหมือนเก็บอาการไม่ได้เลยแสดงออกให้เห็นอย่างได้ชัดเจนว่ากำลังไม่พอใจอย่างวันนี้
หลังจากที่ทั้งสามคน ออกไปได้สักพัก ไม้ก็มาพอดี  ดีหน่อยที่ไม้มาคุยเป็นเพื่อนก่อนที่ตัวเองจะคิดฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้


พอทั้งสามคนกลับมา   ก็คุยกับไม้สนุกสนานอย่างเดิม แนะนำโรมให้ไม้รู้จัก ดูเหมือนว่า โรมเองก็เข้ากับคนได้ง่ายอยู่ไม่น้อย

  แต่ต่างไปตรงที่ผมยังคงนิ่งเงียบ เลือกที่จะคุยกับเฉพาะบางคนเท่านั้น แต่กลับไม่คุย กะต๋อง มัน ไม่เข้าใจตัวเอเหมือนกัน ว่าทำไม หึงเหรอ หวงเหรอ ก็ไม่น่าจะใช่ เพราะเราไม่ได้คิดกะน้องมันเกินน้อง  หรือว่าเราคิด ผมก็ยังวนเวียนคำถามเดิมๆอย่างนี้ไปจนถึงร้าน นม
( แอบขับรถ เวิ่นไปเรื่อย ไปร้านนมหน้ามอ แต่กลับขับไปหลังมอ ดีนะที่ไหวตัวทัน รีบกลับรถโดยด่วน)



พอมาถึงร้านนม ก็ครบ องค์ประชุม มี ไม้ อิ๊ฟ ต๋อง ริน ฟิวส์  เอ  เพื่อนเอ ( วันแรกที่เจอกัน  แมนมาก พอเจออีกวันกลับกลายเป็นอีกคนแปลงร่างเป็นสาวร่างใหญ่ไปแล้ว  ) แล้วก็ผม ที่ขาดไม่ได้มีสมาชิกใหม่คือ ไอ้โรม

จากนั้นก็เฮฮาปาร์ตี้กันไปตามประสา คุยหยอกล้อกันไป  ซึ่งผมเองก็ลืมความคิดนั้นไปชั่วขณะเพราะเพื่อนๆๆต่างมีเรื่องให้เมาท์มากมายขุดกันมาพูด แต่ก็ไม่วาย ยัยริน ก็สะกิด ผมเองก็พอจะรู้ว่ารินหมายถึงอะไร แต่ก็ไม่พูดอะไรเงียบไว้


หน้ายัยริน ก็ประมาณว่าจริงเหรอ นึกว่าล้อเล่นตอนคุยเอ็ม เราก็ได้แต่พยักหน้าให้ดูเอง
ระหว่างที่อยู่ในร้าน นม ไอ้โรม และต๋อง  ต่างแสดงออกได้ชัดเจนว่าสองคน นั้นตกลงคบกันแล้ว นั่งใกล้กัน แอบซบ แซวนั้น แซวนี่ ทุกคนในโต๊ะสังเกตเห็นหมดแต่ไม่มีใครกล้าถาม
ก็ยังคุยกันสนุกเฮลั่นร้าน

แบบว่าคืนนั้นพวกผมเป็นลูกค้ากลุ่มสุดท้ายของร้าน
แล้วจู่ๆๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขัด ขัดจังหวะในการสนทนา





“คิดรวมเลยมั๊ยค่ะ”



  ทุกสายจับจ้องไปที่เจ้าของร้านสุดสวย ซึ่งหล่อนสวยจิงๆเอวนี้คอดเชียว  อยากได้มั้ง คริๆ แต่เสียงหล่อนไม่ได้เข้ากะหน้าเลย
พวกเราทั้งหมดทำหน้าเหร่อหรา มองหน้ากันนิดนึง




ไม้  เป็นคนทีมีสติมากกว่าคนอื่น ( เมานม ) ได้ตอบเจ้าของร้านไปว่า




“เออ คิดรวมเลยคับ” ไม้ตอบไปด้วยอาการงง ประมาณว่าไล่พวกกูเหรอ


 
ทุกคนยังงว่า กูไปเรียกมึงมาเก็บตังค์ตอไหนว่ะ  นี่แสดงว่าเค้าไล่พวกกูเหรอเนี่ย  เกิดมาไม่เคยเจอใครกล้าไล่กูเลยนะเนี่ย หล่อนเจ้าของร้านนี่ แรงมาก แรงไม่แคร์สื่ออะ
พอคิดค่าเสียหายเสร็จก็พากันมายืนหน้าร้านแต่ยังไม่เคลื่อนพลไปไหน แต่กลับ ยืนคุยกันต่อหน้าร้าน  พวกพนักงานทั้งรวมถึง เจ้าของร้านแสนสวย ก็ทำการเก็บร้านของหล่อนไป



 แต่แล้ว




“เฮ้ยขยะหน้าร้านอะเก็บอะยัง”




เสียงเจ้าของร้านแสนสวย ท้วงลุกน้อง
พวกผมก็เงียบแล้วมองดู ว่าไหนขยะ แล้วก็มีถุงขยะสี่ห้าถุงกองอยู่หน้าร้าน ซึ่งพวกเราได้ยืนข้างๆๆมัน แต่เข้าใจว่า รถขยะเค้ายังไม่มาเก็บหนิ อีนังเจ้าของร้านไล่อะป่าวเนี่ย
ทุกคนหันมามองหน้กันโดยไม่ได้นัดหมาย ประมาณว่ามันไล่กูอีกแล้ว


แต่พวกเราก็ยังไม่วายคุยกันต่อโดยไม่ได้สนใจคำพูดของหล่อนสักเท่าไร ถึงแม้ว่าหล่อนจะไล่ขนาดนั้น ( ได้ข่าวว่าด้าน ) สักพักพอหมดเรื่องคุย
ทุกคนหันมามองหน้ากันแล้วก็ สลายโต๋


ระหว่างก็แยกกันกลับ  โดยที่คืนนี้ ไอ้อิ๊ฟ กลับบ้าน ต๋องกับผมกลับไปหอ แต่ที่เพิ่มเข้ามาคือโรม ไปนอนอาศัยชายคาเดียวกับผมอีก


“ พี่ไกด์วันนี้ ขอโรมนอนห้องพี่นะ” ไอ้ต๋องพูดขณะเดินออกจาหน้าร้าน
 
“ได้ นอนกันเยอะๆสนุกดี”


“อิ๊ฟกลับไปนอนบ้าน เดี๋ยวแวะไปส่งต๋องกะโรมแล้วจะกลับเลยไปอยู่กะน้อง” ไออิ๊ฟบอก

“อ้าวนึกว่าอิ๊ฟจะนอนด้วยกัน”

“เอาไว้วันหลัง”

“อืมๆๆๆตามใจ”

 ช่างเป็นอะไรที่อึดอัดสำหรับผมมาก   ผมหนีการอยู่ด้วยกันสามคนแล้วเหมือนว่าผมเป็นส่วนเกิน ที่หนียังไงก็หนีไม่พ้นอยู่ดี
ระหว่างที่รถติดไฟแดงอยู่นั้น

ไม้ได้ขี่รถมาขนาบข้าง แล้วถามผมว่า


“พี่สองคนนั้น...............”


ไม้ยังถามคำถามยังไม่ทันจบ ผมก็ตอบได้ทันที .... 

“ตามที่เห็น”

“อะไรมันจะเร็วขนาดนี้ว่ะ”


“ช่างเค้าเหอะ”

“มิหน่าละถึงอยากให้มาด้วย เข้าใจๆ”

แล้วต่างคนต่างแยกกันไป เพราะทั้งสางคนนั้นมุ่งหน้าไปก่อน คงไปรอที่หอ แต่ก็ต้องรอผมอยู่ดี กุญแจอยู่นี่  กูอยากจะหนีไปให้ไกลๆๆเลยที่เดียวไม่อยากอยู่แล้ว ไม่ชอบเลย บรรยากาศแบบนี้อึดอัดอย่างแรง




หลี้ภัยด่วน


........................................



พอกลับมาถึงห้อง ผมก็ไม่พูดอะไรมาก เพราะกลัวว่าน้องมันจะคิดมาก ก็เลยอาบน้ำแล้วนอนดีกว่า

ช่างเค้าเหอะ



พออาบน้ำเสร็จก็มานอนแต่ทว่า ทำยังไงก็นอนไม่หลับ คือภาพตรงหน้า ทำไมเห็นแล้วถึงได้เจ็บ จุก หวิวๆๆ ที่ใจไม่รู้ อาการตอนนั้นคือ รับไม่ได้ จะว่าอิจฉเหรอก็น่าจะใช่ ความคิดในหัวเริ่มตีกันระว่างตัวดีกะตัวร้าย


ตัวร้าย   “ หมั่นไส้ว่ะ”


ตัวดี   “เรื่องของเค้าช่างเหอะ”


ตัวร้าย  “ ได้ไง คนในอ้อมกอดนั่นควรเป็นกูดิ  กูมาก่อนนะ”


ตัวดี    “กูคิดกะเค้าแค่น้อง”


ตัวร้าย “แน่ใจเหรอว่าแค่น้อง ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้รักเค้าเหรอ”


ตัวดี  “รัก ดิแต่รักแบบน้องไง”

ตัวร้าย   “ไม่ได้กูต้องเอาเค้ากลับมาเป็นของกู”


ตัวดี    “เค้ามีเจ้าของแล้ว”


ตัวร้าย    “มีเจ้าของแล้วไงกูรักเค้าหนิ”



ตีกันจนวุ่นวายไปหมดจนไม่ได้นอน
ทว่าสองคนนั้นนอนกอดกันกลม หลังจากที่ปิดไฟนอนได้ไม่นาน ผมก็เริ่มออกอาการ






อ๊วกๆๆๆๆๆ






แหวะๆๆๆๆๆ 





แล้วไม่รู้ว่าฟ้าแกล้ง หรือร่างกายไม่รับรู้ ถึงได้สั่งการให้อาหารที่กินเมื่อชั่วโมงที่ผ่านมาก  กลับออกมาทางเดิม 

ผมวิ่งไปอ๊วกที่ห้องน้ำแล้วจู่ๆน้ำตาไหล มันไหลออกมาได้ไง ตอนนี้ความรู้สึกมันบอกไม่ถูก อยากร้องไห้เหรอ ก็น่าจะใช่ แต่ไอ้อาการเวียนหัว คลื่นไส้อาเจียนนี่ละ 



คืออาการตอนนั้นมันเหมือนกับการแพ้อาหารของผม ปกติผมจะแพ้เนื้อวัว กินไปทีไรได้เรื่องทุกที คือแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก ลม ตีออก แบบว่าวิงเวียนศรีษะ แบบเนี่ย เหมือนกันกับคืนนี้ แต่ทว่าคืนนี้ผมไม่ได้กิน อะไรที่เป็นเนื้อวัวเลย กลับมีอาการแน่นหน้าอกหายใจไมใออก


ผมเลยได้แต่นั่งอยู่ เพราะนอนคงไม่หลับ เลยนั่งมองเค้าทั้งอยู่อ้อมกอดของกันและกัน แต่ตัวเองกลับเศร้า ยังไงไม่รู้บอกไม่ถูก ผมนั่งอยู่นานจนใกล้รุ่ง ร่างกายผมเองก็คงไม่ไหวจึงเลยเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว ว่าเมื่อไร
...........................................

ออฟไลน์ IZE

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-3
...........................................
11/04/09

หลับเพียงได้ไม่กี่ชั่วโมงก็เลย ตื่น ตอนนี้น่าจะ 6 โมงเช้าได้มั้ง นอนไม่หลับ หัวสมองก็ยังไม่หยุดคิด นี่เราคิดกับไอ้ต๋อง เกินกว่าพี่น้องจริงๆเหรอเนี่ย  ถึงได้ไม่อยากให้ไอ้โรมอยู่ใหล้ต๋อง ไม่อยากให้ต๋องอยู่ใกล้ โรม  กลัวว่าโรม จะแย่งความรักจากต๋อง ไปอย่างนั้นเหรอ


ผมก็ได้แต่เพียวระบายความอัดอั้นในไดอารี่ที่เคยเขียนเป็นประจำ แล้ววันนี้เป็นวันที่เขียนไดอารี่ได้ยาวที่สุดที่เคยเขียนมา ระบายความอึดอัด ความอัดอั้นทั้งหมดลงไป
แล้วก็มองไปยังสองคนที่เค้ายังไม่ตื่นยังคงนอนกอดกันเหมือนเช่นเดิม

คนเราถ้ามันฟุ้งซ่านแล้วต้องหาอะไรทำเพื่อไม่ให้ฟุ้งซ่าน กิจกรรมอีกอย่างคือการ ซักผ้า และล้างห้องน้ำ ซึ่งผมเองก็ทำแล้ว แต่มันก็ยังไม่หายเพราะผมยังคงเห็นภาพตรงหน้าซึ่งเป็นภาพจริงๆของคนสองคน ที่นอนอยู่บนเตียงของผม คนหนึ่ง คือน้องชาย ที่ ผมเผลอใจไปแล้ว อีกคน คือน้องชายที่เพิ่งรู้จักกัน แต่เค้าก็ยังไม่ได้ทำอะไรให้เราไม่พอใจ
ผมจึงเลือกเดินออกจากห้อง เดินไป ซุปเปร์มาเก็ต ที่เปิด 24 ชั่วโมง หยิบตระกร้า แล้วเดินหยิบนั่นนี่โน่นใส่จนเต็มตระกล้า แต่ก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร เลือกไปเรื่อยๆๆ แทบจะอ่านรายละเอียดของสินค้าทุกอย่างที่มี เพื่อการฆ่าเวลา  เวลาผมไม่สบายใจมีไม่กี่ที่ที่ผมจะไปได้ แล้ว ที่นี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น

ดูเวลาแล้วน่าจะได้เวลากลับแล้วจึงเดินไปคิดเงินแล้วก็กลับ ไปห้อง ซึ่งงแน่นอนทั้งสองคนยังไม่ตื่น หรือตื่นแล้วตอนนกูไม่อยู่ ( แอบคิดไม่ดีอีก)


จัดของที่ซื้อมาเข้าทีแล้วก็มานั่งหน้าคอม เข้าบอร์ด คุยเอ็มไปตามประสา เพื่อไม่ให้ตัวเองว่างแล้วจะฟุ้งซ่าน  ทำไมนะ คนคนนึงที่มีอิทธิพลต่อผมขนาดนี้ ทั้งที่ เพิ่งเคยเจอกันครั้งแรก  ถึงแม้ว่าก่อนหน้าจะเคยคุยโทรศัพท์กันมาพอสมควร  การที่ผมขีดเส้นไว้ว่า นี่ คำว่าน้อง นี่ คำว่าคนรัก ตอนนี้ผมอยู่ตรงไหนกันแน่ ผมต้องทนอยู่กับความสับสนอย่างนี้อีกนานเท่าไร


วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ผมทำงานก่อนจะหยุดช่วงสงกรานต์  วันนี้ผมไปทำงานโดยอาการที่ไม่เต็มร้อยก็ว่าได้ ผมแอบร้องไห้ตอนนั่งทำงานอยู่  ตอนนั้น ไอ้โรม กะ ไอ้ต๋องก็พา ออกไปข้างนอกคงจะไปเที่ยวกัน  เค้าคงไม่อยากอยู่กับผมแล้วเพราะผมรู้สึกว่าผมทำให้เค้าทั้งคู่อึดอัด  ผมเองก็เสียใจไม่น้อยที่ทำอย่างนั้น  แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อผมคิดไปแล้ว  ห้ามความรู้สึกไม่ได้

ความรัก นี่ มัน ช่างร้ายเหลือเกิน เพราะมันมีสองด้าน หากว่าใครเจอความรักด้านดีก็จะมีความสุข มีกำลังที่จะอยู่ต่อไป  แต่หากว่าใครเจอด้านร้ายก็น่าจะรู้กันว่า มันร้ายแค่ไหน มันทำร้ายเราได้มากขนาดไหน

เจ็บ นี่คืออากรของคนอกหัก ใช่ไหม นี่ผมกำลังอกหัก แล้วอกหักจากใครละ จากคนที่ได้ชื่อว่าน้อง ที่ตัวเองเรียกอย่างนั้นเหรอ ผมตอบไม่ได้ เพยงรู้ว่าตอนนี้เจ็บ อาการคือเหมือนคนอกหัก  ฟังเพลงอกหัก ทำไมมันถึงตรงกะเราอย่างนี้ ฟังเพลงไหนก็โดนทุกที

แล้วคืนนี้ ผมจะอยู่อย่างไร ในเมื่อคนที่ทำให้ผมเจ็บยังอยู่ พร้อมจะทำให้ผมเจ็บได้ตลอดเวลา เพราะเค้ามีคนข้างกายของเค้าอยู่ตรงนี้ด้วย


กลับมาถึงห้อง ทั้งที่ไม่อยากกลับมาที่นี่เลย ถ้าเค้าทั้งสองคนยังอยู่  แต่ก็ไม่รู้จะไปไหน

ผมตัดสินใจว่า ทำใจเพราะยังไงเค้าก็ไม่ได้คิดกะผมเกินคำว่าน้อง มีแต่ผมที่บ้าบอไปเอง เท่านั้น  ข่มใจ ท่องเอาไว้บอกตัวเองเอาไว้อย่าได้เผลอใจไปให้กะเค้าอีก เค้ามีคนของเค้าแล้ว
เค้าสองคนก็ยังหยอกล้อกันเฉกเช่นทุกวัน เพียง ดูเค้าทั้งคู่ ออกอาการเกรงใจอยู่บ้างเลยดูแล้วพฤติกรรมที่แสดงความรักต่อกันดู ลดลง รู้สึกได้ว่าเค้าคงไม่อยากให้ผมเครียด เพราะสองวันที่ผ่านมายอมรับว่าผมเครียดกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก


เค้าทั้งสองก็ชวนผมทำนั่นทำนี่ สรุปลงท้ายโดยการ จั่วไพ่ ( อารมณ์ไหนเนี่ย )

ปรากฏว่าคืนนั้นทั้งคืน ไม่มีใครนอนเลย มัวแต่จั่วกันอย่างบ้าคลั่ง

จนข้ามวันมาวันที่ 12/04/09 ซึ่งผมเองก็ไม่ต้องกังวลเรื่องงานแล้ว เพราะวันนี้วันหยุดวันแรกของผม ตามสบายได้ 

แต่อีกความรู้สึกกลับดูผ่อนคลายจากเรื่องของ ไอ้ต๋องลงไปบ้าง ประมาณว่า ผมคงทำใจได้แล้ว อกหักได้วันเดียว ก็คิดได้อย่างนันเหรอ ( แปลกประหลาดแท้กู ) แต่ผมก็ไม่ได้คิดมากอะไรแล้ว เค้าจะคบอะไรยังไงก็แล้วแต่เค้า ถึงแม้ว่ามันออกจะเร็วเกินไปก็ตามก็เป็นเรื่องของเค้า

บางทีเค้าอาจจะมีปมอะไรบางอย่างที่เราไม่รู้ก็ได้ว่าทำไมถึงได้รักคนง่ายอย่างนี้ ขนาดตัวผมเองก็ยังไม่รู้เลยว่าผมเองก็รักคนง่ายเจอกันไม่กี่ครั้ง พอเค้าทำดีหน่อย เอาใจหน่อย คุยกันถูกคอหน่อยก็เกิดรักเค้าแล้ว  ต๋องเองก็เหมือนคงไม่ต่างจากผมเท่าไร อย่างที่เค้าว่าเอาใจเค้ามาใส่ใจเรา ผมก็เลยเข้าใจและคิดได้
การที่จะรักใครสักคนไม่จำเป็นต้องได้มาซึ่งตัวเค้าเสมอไป มองคนที่เรารักมีความสุขนั้นก็น่าจะเพียงพอแล้ว
ผมยอมที่จะเป็นอย่างนี้ ถึงแม้ว่าคนที่ตรองเลือกนั้นจะไม่ใช่ผมก็ตาม แต่ก็มีความสุขถค้ามีความสุข คอยเป็นห่วงเค้าอยู่ห่างๆ คอยเดินตามหลังเค้าไป หากเค้าจะล้มเรายังเห็น แล้วยังเข้าไปช่วยเหลือทัน  หากว่าเราเดินไปเคียงคู่ไปพร้อมกันบางทีเราอาจจะไม่ทันเห็นด้วยซ้ำว่า เค้าล้ม ลง พอเราเหลียวมองมาก็เพิ่งรู้ว่าเค้าล้มไปแล้ว อาจจะชาวยเหลือไม่ทันแล้ว
ปล่อยให้เป็นอย่างนี้แหละดีแล้ว

การรักใครเค้าข้างเดียวอย่างงนี้แหละที่ผมเลือก
หลังจากที่ทุกคนมิตติ้งที่ร้านนมวันนั้นแล้ว ก็มีหลายกระแส ทักทวงเข้ามา ถาม ผมไม่รู้จะตอบยังไงก็เลยบอกไปว่าตามที่เห็น แหละ

กล่าวได้ว่าทุกคนไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไร เพราะว่า เวลาเจอกันเพียงไม่กี่วัน โรม กะต๋อง ก็คบกันแล้วเพียงเหตุผลเท่านี้ ยังไม่ได้รู้ลึกตื้นหนาของกันและกันเลยคบกันแล้ว สร้างความฉงนสงสัย ให้กับเพื่อนๆได้ไม่น้อย แต่ทุกคนก็ไม่ก้าวก่ายอะไร  ไออิ๊ฟเองก็ดูร้อนใจอยู่ไม่น้อย  แต่ดูเหมือนว่ามันจะรู้นิสัยเพื่อนมันดี ก็เลยดูไม่ค่อยเท่าไร

แต่ทำไมพวกแกถึงมาถามฉันเนี่ย  กูละเบื่อ


เอาเป็นว่ากูขอนอนพักผ่อนก่อนก็แล้ว

.............................

...............................
...............................

winds

  • บุคคลทั่วไป
 :z2: :z2:

เข้ามาจิ้มคนแต่ง


ปล.เรื่องนี้คนเม้นน้อยจังน่าสงสาร  :monkeysad:

ออฟไลน์ IZE

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-3
 :z13: :z13: :z13:

ไม่มีคนสนใจจนชินละ

ถือว่าเป็นเรื่องปกติ

อิอิ

kojiandkoji

  • บุคคลทั่วไป
เป็นกำลังใจให้น้า :L2: อิอิ เอาดอกไม้มาให้

สู้ๆ :a1:

เจิมด้วยๆ :mc4:

ออฟไลน์ OsTrich

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 303
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-0
เรื่องนี้อ่านแล้วรู้สึกอึดอัดเลย.....

ขนาดเราเป็นคนอ่าน...แทนตัวเองเป็นคนพี่ไกด์แล้วยงรู้สึกอึดอัดเลยอ่า....

สภาวะแบบนั้นมันแย่มากๆ

รอติดตามต่อนะครับ.......

+1ให้กำลังคนแต่งคับ

ออฟไลน์ IZE

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-3
.............................





...............................





...............................








“ไกด์ คุยกะเทปหน่อยได้ป่าว”


“.................”



“เทปขอโทษ เรื่องที่ผ่านมา”


“.....................”.


“เรามาเริ่มต้นใหม่ได้ไหมคับ”


“....................”น้ำใสๆค่อยๆไหลออกมาจากตาผม



"ต่อไปผมจะไม่ทำให้ไกด์เสียใจอีกแล้ว เชื่อผมนะ"


 
“เฮ้ยมึงเชื่อน้องมันหน่อยดิ  พูดอะไรก็ได้”


“นั่นดิน้องมันมาง้อถึงนี้แล้วนะ”


“มึงยังจะใจแข็งไปถึงไหนว่ะ”



พวกเพื่อนๆๆ ผม มันสนับสนุนไอ้เทปอย่างเต็มกำลัง นี่ถ้าไม่คิดว่าเป็นเพื่อนสนิทกันผมคิดว่ามันต้องจ้างไอัพวกนี้มาแน่ๆ
ผมหันไปมองหน้าเพื่อนๆๆ  แล้วพูด ว่า



“....ถึงว่ากูจะรักเค้าขนาดไหน ต่อให้ตายยังไงกูก็ไม่กลับไปหรอก โอกาสมันมีให้กับทุกคน  แต่ใช่ว่าโอกาสครั้งที่สองจะมีให้ได้กับทุกคน  มันหมดแล้วตั้งวันนั้นที่เค้าเดินจากกูไป  มันไม่เหลือแล้ว  ขอกูอยู่ตรงนี้ของกูดีแล้ว ถึงจะเจ็บแต่ก็ยังเจ็บน้อยกว่า”



ผมพูดโดยไม่ได้มองหน้าเทปเลยทั้งที่เค้าอยู่ตรงนั้น



 
“ไกด์มึงใจร้ายเกินไปหรือเปล่า”



“กูบอกแล้วไงถ้าหมดจากเค้ากูก็จะไม่รักใครได้อีกแล้ว  เค้าคือคนสุดท้ายที่กูจะรัก เค้าเองก็น่าจะรู้เพราะกูได้พูดไปแล้ว”

ระหว่างที่พูดน้ำตาผมก็ยังรินไหลไม่หยุด

โดยที่ผมไม่ได้มองหน้าเค้าแม้แต่น้อยเลยไม่รู้ว่าเค้าเป็นยังไง


“งั้น เทปก็คงทำได้แค่นี้ ยังไงก็คงเปลี่ยนใจไกด์ไม่ได้แล้ว”

“เทปไปก่อนนะดูแลตัวเองด้วยละ ข้าวปลาก็หัดกินซะมั้งไม่ใช่กินแต่ขนมแล้วเมื่อไรจะโต
เทปไปก่อนนะ สุดที่รัก”







แล้วเค้าก็เดินไป ผมหันไปมอง ก็คงเห็นเพียงแต่แผ่นหลังของเค้า ค่อยเดินๆๆจากไป




ตัวผมตอนนี้ ตกอยู่ในห้วงแห่งทุกข์อย่างแท้จริง  ทำไมมันร้อน และทรมานอย่างนี้นะ




คล้ายกลับว่าหายใจไม่ออก  หัวมันทำไมโลกหมุนยังนี้  นี่ผมเป็นอะไรไปแล้ว



แล้วทุกอย่างก็ดับวูบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ











เฮ้ยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ผมร้องออกมา




ที่แท้ก็ฝันนี่เอง ทำไมนะเมื่อไรจะลืมได้สักทีฝันแบบนี้ประจำเลย



แต่ทำไมร้อนว่ะ



เฮ้ยยยยยยย



 ร้องอีกที เพราะตอนนี้ผมนอนคลุมโปงด้วยผ้าห่มอย่างหนา แล้วอีกทั้งมือของไอ้ต๋องก็โอบกอดผมไว้  ถึงว่าทำไมกูร้อน ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง แล้วมึงมากอดกูทำไม อีโรมอยู่โน่นทำไมไม่กอดว่ะ เอากูหวั่นไหวอีกแล้วนะ เมื่อไรกูจะทำใจได้( แบบว่าเป็นคนติดผ้าห่ม ถึงว่าจะร้อนขนาดไหนก็ขอให้มี อย่างหนาด้วยนะ บางๆไม่ชอบ)



วันนี้เป็นวันแรก พวกเรานัดกันมาสาดน้ำสงกรานต์แถวคูเมือง โดยที่ผมเองก็ลืมไปหมดละว่าเกิดไรขึ้นมั้งลืมไปมั้งก็ดี
ระหว่างที่เล่นสาดน้ำกันอย่างสนุกสนาน (เน้น เด็กหนุ่มน่าตาดี เท่านั้นที่จะโดนผมสาด คริๆ )




เอ๊ะ ทำไมถนนฝั่งโน่นคนน่าตาดีเยอะ ระว่างที่ผมกวาดสายตาไปถนนฝั่งนั้น ก็ได้เห็น เด็กหนุ่มสองคน ขี่มอไซต์กันมาสองคน เออ พอดูแล้วก็รู้เลยว่าสองคนนั้นเป็นอะไรกัน ผมเองก็มองด้วยอารมณ์ที่ว่าอิจฉาทำไมผมไม่มีมั้ง อยากทำแบบนั้นจัง ใส่เสื้อเหมือนกันด้วย สีขาวทั้งคู่จะไปล่อเป้า ที่ไหนเนี่ย อิจฉา




ไม่รู้ว่าจ้องนานไปหรืออย่างไร คนที่เป็นคนซ้อนได้หันมาจบตากับผมอย่างจัง ก่อนที่เค้าคนนั้นจะยิ้ม แล้วพยักหน้าทำท่าคล้ายแทนคำพูดว่าหวัดดี




ทันใดนั้น ผมหยุดนิ่งราวกับทุกอย่างในโลกนี่หยุดนิ่งตาม เพียงมอไซต์ของเค้าไม่ได้นิ่งตาเพียงแต่ค่อยๆไปลัดเลาะไปตามช่องว่าที่พอมีว่างให้เค้าแทรกผ่านไปได้   พอเค้าคนนั้นลับตาไปทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือใจของผมเอง  ไม่คิดเลยมาก่อนว่าจะได้เจอเค้าอีกครั้งที่นี้ ตอนนั้นในใจนึกร่ำไห้อยู่ข้างใน  แต่ข้างนอกกลับแสดงร่าเริงราวไม่มีอะไรเกิดขึ้นต้องข่มอาการ แปลกประหลาดนั้นไว้ ใจใจได้แต่คิดว่า



 ทำไม ช่วงนี้ถึงได้มีแต่มรสุมชีวิตอย่างนี้นะ แอบรักน้องชาย ยังไม่พอยังจะต้องมาเจอกับคนรักเก่าที่เลิกราไป แล้วเกือบปี


หนำซ้ำเค้าคนนั้นยังกลับยิ้มทักทายเมื่อเจอผมอยู่ หากวันนี้ผมเจอเค้าแล้วเค้าทำเป็นไม่รู้จักผมผมก็จะไม่หวั่นไหวใดๆเลย ถือว่าเค้ากลายเป็นคนอื่นไปแล้ว แต่นี่ไม่เลยเค้ากลับทำเหมือนเดิม  ซึ่งมันทำให้ใจผมที่เคยพร่ำบอกกับตัวเองแล้วว่าไม่เป็นไร แต่ตอนนี้เพียงเจอเค้าแค่ไม่ถึงเสี้ยวนาทีกลับทำให้ใจผมหล่นวูบได้ถึงเพียงนี้


ซ้ำร้ายกว่านั้น เมื่อคืนเพิ่งฝันถึงมัน วันนี้ก็ตามมาหลอกหลอนเป็นตัวเป็นๆเลยที่เดียว ปกติถ้าผมฝันถึงแฟนเก่าเมื่อไร วันต่อมามักจะได้ยินได้รู้เรื่องราวเกี่ยวกับเค้ามาเข้าหูประจำไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้าย  แต่วันนี้กลับไม่เป็นอย่างนั้นกลับมาให้เห็นกันเลยทีเดียว ( มันเล่นของอะปะว่ะ )



ผมก็ได้แต่เก็บอาการเพราะกลัวน้องๆๆจะหมดสนุกกันเสียก่อน
พอกลับมาถึงก็ รีบอาน้ำเปลี่ยนผ้าเพราะหนาวมากมาย แล้วออกจากห้องน้ำ ก็รู้ว่าไอ้โรมมันกลับไปบ้านกับไอ้อิ๊ฟ 


ที่นี้ก็เหลือผม กะไอ้ต๋องสองคน

 
คำถามากมายก็ผุดขึ้นมาในหัว


ทำไงดีว่ะ


เราจะคุยกะน้องตรงๆเลยเหรอ


แล้วน้องมันต้องเกลียดกูแน่ๆ เพราคิดกว่ากูไปก้าวก่ายชีวิตมัน


แล้วนี่กูรู้สึกกับน้องแบบไหนว่ะ


รักเหรอ แต่กูยังรัก ไอห่านั้นอยู่นะ แล้วต๋องละกูคิดแบบไหนว่ะ


โอ๊ยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  ปวดหัว


นั่งคิดอยู่นานระหว่างที่ไอ้ต๋องอาบน้ำ



พอประตูห้องน้ำเปิดออก ก็เลย พูดออกไป เพราะด้วยความที่เป็นคนปากไว้พูดอะไรไม่ทันคิด และไม่เคยเรียบเรียงคำพูดของผม บางทีอาจจะฟังดูแล้วมะนาวไม่มีน้ำไม่ได้มีความนุ่มนวลเลย  อีกทั้งไม่อ้อมด้วยตรงๆไปเลย ใครได้ฟังคงตกใจไม่น้อย



“เฮ้ย ต๋อง แกกะโรม ยังไงกันว่ะ ถึงขั้นไหนแล้ว”


“ไม่รู้คับ”


“ไม่รู้ยังไง ก็เห็นๆอยู่ว่าแสดงออกกันขนาดนั้น”

“เหรอ”


“คิดดีแล้วเหรอ เพิ่งเจอกันนะ”


“ไม่มีไรหรอก คบกันตอนนี้ที่นี้ พอกลับมันก็จบ”


“จบเหรอ แน่ใจว่าจบ ต๋องจบ แล้วไอ้โรมละ จะจบมั๊ย”

 
“..................”.  เงียบ


“ถามจริงๆ คิดไรกะโรมปะ”


“คิด”


“เฮ้ออออออออออออ”    ได้แต่ถอนหายใจ

 
“แล้วโรมอะมันคิดอะไรกะต๋องงป่าว”


“ไม่รู้พี่”


อนาถแท้ แต่ละคน


.................

“มันจะเร็วไปมั๊ย”



“ต๋องเองก็ใช่ว่าจะ ไม่มีใครนะ ต๋องเองก็มีคนของต๋องอยู่แล้วหนิ”


“ทำแบบนี้ดีแล้วเหรอ”


“...........................”



“รู้ปะ ต๋องทำแบบนี้ทุกคนที่เห็นเค้าคิดนะ”



“แล้วคิดได้ไง”


“ก็อย่างที่เห็น ต๋องกะโรมแสดงออกกันขนาดนั้นเป็นใครๆก็คิด พี่ก็คิด”


“..................” เงียบ


“เออยังไงก็คิดให้ดีก็แล้วกัน” พูดออกไปแบบไม่สบอารมณ์ที่แบบว่าน้องมันไม่ฟังผมเลย



หลังจากนั้นบทสนทนา ก็จบลง พร้อมทั้งสองคนต่างทำกิจกรรมของตนเองไป ผมก็นั่งอ่านนิยายของผมไป  ส่วนไอ้ต๋องก็เห็นนั่งเล่น เน็ตอะไรของมันไป  โดยไม่มีใครพูดอะไรเลยเป็นระยะเวลาสักพักหนึ่ง




แล้วไอ้ต๋องก็หยิบโทรศัพท์ แล้วเดินออกจาห้องไป นานพอสมควร 



แล้วก็กลับมาด้วย ก็คำพูดที่ฟังแล้วดู น่าตกใจให้กับผมเป็นอย่างมาก


“พี่ไกด์  ผมจะกลับบ้านแล้วนะ”



“ทำไมรีบกลับละ”


“ก็สงกรานต์เชียงใหม่ไม่สนุกแล้ว มีแต่คนคิดอะไรไม่รู้”


“กลับเมื่อไรละ”


“........................”  ไร้เสียงจากคู่สนทนา


ต่างต่างเงียบอีกครั้ง แค่ในหัวผมได้ประมวลผลเรียบร้อยแล้ว




ว่าน้องมันคงไม่สบายใจ หรือไม่ก็โกรธที่เราไปพูด และแสดงกริยาอย่างนั้น นี่ผมทำอะไรลงไป

น้องเค้ามาเที่ยวมาสนุก  แต่กลับพูดให้เคาคิดมากหมดสนุก 


ผมนี่มันเลวได้ใจจริงๆ ผมนั่งคิดเรื่องนี้ทั้งคืน จนนอนไม่หลับแล้ว ความรู้สึกต่างๆๆมันตีกันไปหมด
ประกอบกับเรื่องแฟนเก่าที่ได้เจอกันในวันนี้ถึงแม้เป็นแค่เสี้ยวเวลาก็ตาม

 ผมไม่สามารถเก็บมันไว้ได้


อีกต่อไปแล้ว






ฮึกๆๆๆ ฮืออออ   


ผมปล่อยโฮ ออกมาอย่างไม่อายใคร ( ได้ข่าวอยู่กันสองคน ) ผมพยายามเก็บความรู้สึกแล้วนะแต่ทำไม่ได้จริงๆ เสียงร้องไห้ของผม ทำให้คนที่นั่งอยู่ในห้อง หันมาสนใจผม ว่าเป็นอะไ
ต๋อง  เข้ามากอดผมไว้ หากเป็นก่อนหน้านี่ ผมคิดว่ามันช่างเป็นอ้อทกอดที่น่าจะอบอุ่น  แต่ความร็สึกกลับตรงข้าม  ผมไม่อยากให้เค้ากอดด้วยซ้ำ ผมรู้สึกละอายใจ ที่ทำให้น้องชายคนหนึ่งที่ผมรัก เสียใจ  เค้ายิ่งกอด ยิ่งปลอบ ผมยิ่งเกลียดตัวเอง

“พี่ไกด์ เป็นอะไร”

“.......................”

“อย่าร้องนะ โตแล้ว ไม่ร้องแล้ว” 

.................

“ไหนบอกว่าไม่ร้องแล้วไง เข้มแข็งแล้วไง “

......................

“ขณะที่ต๋อง พูดปลอบผม เค้ายังกอดผมอยู่ มืออีกข้างคอยลูบผมอันหยาบกร้านราวกับไม้กวาดของผมอยู่

“พี่ไกด์เป็นอะไรบอกต๋องนะ”

“ป่าวไม่ได้เป็นอะไร”  พูดออกมาพร้อมกับเสียงสะอื้น

“ นิ่งนะ “  ทำยังกะผมเป็นเด็กเล็กเลย ( ได้ข่าวก็ไม่ได้โตตามอายุเลย นิสัยเด็กประถมชัดๆ)

เค้ายิ่งกอด ผมเริ่มรู้สึกเกลียดตัวเองมากขึ้นเพราะเค้าไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เค้าทำกำลังทำให้ผมหวั่นไหว นี่ผมกำลังอ่อนแอ และกำลังจะแพ้ต่อความร็สึกตัวเอง ผมร็ตัวเองมาเสมอว่าผมไม่อาจคิดกะต๋องเป็นเพียงแต่น้องชาย แต่ทว่ากลับตรงกันข้าม ผมพร่ำบอกตัวเองว่า เค้าคือน้องชาย ผมกำลังหลอกตัวเองอยู่


"พี่ไม่เป็นไรแล้ว"  ผมค่อยใช้มือปาดน้ำตาแห่งอัปยศนั้นทิ้ง

“พี่ไกด์เป็นไร”

“ พี่ไม่เป็นไรแล้ว แค่คิดอะไรบ้าๆ ไปหน่อย “

“แล้วผมก็เล่าเรื่องที่เจอแฟนเก่าตรงคูเมืองให้ต๋อง ฟัง

แล้วก็ปล่อยโฮมาอีกรอบ


“ ทำไมนะ ถึงต้องมาเจอกันด้วย คูเมืองมีตั้งสี่ด้าน ทำไมต้องมาเจอกันด้วย
ถ้าเค้าทำเป็นไม่รู้จักพี่เองก็จะไม่คิดอะไรให้มันผ่านไป แต่นี่เค้าทำอย่างนั้นทำไม ตอกย้ำความร็สึกเจ็บปวดอย่างนั้นเหรอ”

ตอนนี้ความรู้สึกของผมตีกันไปหมด ทั้งเรื่องคนที่กอดผมอยู่ และแฟนเก่า จนเบลอไปหมด

นี่ผมกำลังจะบ้าใช่ไหมเนี่ย


 ผมร้องไห้จนหลับไปในอ้อมกอดนั้น




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-05-2009 18:41:59 โดย happy_icekung69 »

mma419109

  • บุคคลทั่วไป
    เป็นอะไรมากหรือเปล่าน้องไอซ์ +1เป็นกำลังใจนะ ตามอ่านอยู่แต่ไม่ได้จังหวะเม้นท์สักที
 เรื่องนี้นิยายอิงชีวิตจริงหรือเปล่าเนี่ย คนเราต้องดูกันนานๆแค่วันสองวันยังไม่รู้ใจตัวเองได้หรอก

Koa-ka

  • บุคคลทั่วไป
สวัสดีครับ

สงกรานต์ที่ผ่านมาผมเองก็ไม่ได้สนุกด้วย ที่จริงอยากจะเล่นเหมือนกันนะ แต่อารมณ์เศร้าคงมี
เพราะเพิ่งผ่านพ้นเวลาการร้างลาไปไม่กี่วันก่อนหน้า

เข้าใจมากถึงความอึดอัดที่รู้สึก ยิ่งอยู่ด้วยกันแล้วอึดอัดนี่ท่าจะยิ่งแย่

จะทำอย่างไรได้

เมื่อมีเหตุ ก็ ย่อมมีผล
เมื่อรู้เหตุ ก็ ย่อมรู้ผล
เมื่ออยากเปลี่ยนผล ก็ ต้องเริ่มที่เหตุ
เหตุ ก็ เริ่มที่ตัวเรา

ขอบคุณและให้กำลังใจครับ

DEVIL nures

  • บุคคลทั่วไป
 :3123:  แวะเข้ามาแอบดู :laugh:

 :กอด1: :L1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






Givesza

  • บุคคลทั่วไป
แต่งเรื่องสั้น!!!!

 :laugh:

ออฟไลน์ pi1

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-6
สนุกดี ครับผม

            น่าน ครับ

ออฟไลน์ IZE

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-3
เช้าวันที่ 13 /04/09


ผมตื่นมาด้วยอาการมึน งง เล็กน้อย  พอปรับสายตาได้ ก็เหลือบมองร่างของคนที่นอนข้างกายเมื่อคืน หลับตาพริ้ม หน้าตาก็ใช่ว่าจะหล่อ ทำไมนะ ถึงมีแต่คนชอบไม่เข้าใจ แล้วผมเองก็เป็น หนึ่งในนั้น



...........ยังอยู่กับเธอใช่ไหม ก็ฝากเธอไว้อีกวัน อย่างงี้ก็รบกวนละกัน คงไม่เป็นภาระนะ ถ้าเธอยังไม่มีใคร ก็ฝากใจไว้หน่อยนึง ……


“โหลๆๆ”

“พี่ไกด์ ไปกินข้าวกัน”  ไม้โทรมาหาแต่เช้าเลย (ได้ข่าวว่าจะเที่ยง แล้ว ) 

“ เมื่อไร”

“ตอนนี้” 

“ห่ะ    ตอนนี้เหรอ กี่โมงแล้วว่ะ”  ออกอาการตกใจเพราะผมเพิ่งตื่น

“มันจะเที่ยงแล้วคุณพี่คับ”

“ เดี๋ยวบ่ายๆๆได้ป่าว ยังไม่ได้ทำไรเลย เพิ่งตื่นเนี่ย ไอ้ตัวเล็กก็ยังไม่ตื่น”

“ เออแล้วโทรมาแล้วกัน”

“ต๋องๆๆๆ “       เรียกพร้อมเขย่าตัว ( เป็นคนที่ปลุกยากมาก ปลุกทีไรโดนเหวี่ยงใส่ตลอดเลย)


“อืมๆ”

“ ไปกินข้าวไปป่าว ไม้ชวน”

“ ไปกะใครมั้ง กะไม้  แต่พวกนั้นไม่รู้ ติดต่อไม่ได้”

“ เดี๋ยวถามอิ๊ฟ ด้วยไปป่าว”

แล้วผมก็หยิบโทรศัพท์ออกไปโทรนอกระเบียงหลังห้อง

“ตืด.......... ติด.............”

“โหลๆ ไอ้อิ๊ฟแกไปกินข้าวด้วยกันป่าว อยู่ไหนเนี่ย”

“เล่นน้ำกับเพื่อนอยู่ แถวคูเมืองนี่แหละ”

“แล้วแกจะไปป่าว”

“ไม่ไปพี่กะลังสนุกเลย”

“เออ ตามใจแกก็แล้วกัน  เออ แล้วไอ้โรมละ” ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องถามหาเค้าด้วย
 
“ไม่รู้มัน  เนี่ยก็ไม่ได้ออกมา อยู่แต่ในห้องเป็นอะไรไม่รู้ ชวนไปไหนก็ไม่ไป”

“เฮ้ออออออออ  ไอ้คนที่นอนในห้องนี่ก็เหมือนกัน ประสาทกันหมดแล้ว”


“ช่างมันเหอะพี่”


“เออ  เย็นๆๆเจอกัน”


แล้วผมก็โทรหาไอ้อิ๊ฟ ได้ข่าวว่ามันเล่นน้ำกะเพื่อนๆแถวคูเมือง


พอกลับเข้ามาในห้อง


ต๋องก็บอกว่า


“งั้นผมไม่ไปนะ”

“ทำไมละ”


“เดี๋ยว โรม มาหา “ พอได้ยินชื่อนี่ทีไรผมเจ็บจี๊ดขึ้นมาทันที

"เค้าโทรมาเหรอ "


" ผมโทรไปหาเมื่อกี้"

 
“งั้นตามใจไปกะไม้สองคนก็ได้”  ออกอาการงอนแล้ว


ผมก็เลยอาบน้ำแต่งตัวออกไปกินข้าวกะไม้สองคน โดยที่ทิ้งให้ไอ้ต๋อง อยู่ที่ห้อง เผื่อว่าบางที ไอ้โรมมาหา เค้าคงอยากอยู่ด้วยกันสองคน ผมมันคนนอกก็ต้องถอยออก เพราะเค้าคงไม่ต้องการให้ผมอยู่ตรงนั้นสักเท่าไร

..
.
..


..


ผมออกไปกะไม้นานพอสมควร  แล้วก็แยกย้ายกันไปเพราะ ไม้มีนัดต่อ  มีแต่คนมีภาระผูกพันกัน  แต่ทำไมผมถึงไม่มีกะเค้ามั้งเนี่ย คิดน้อยใจตัวเองอยู่
พอกลับมา ผิดคาด คือ ไอ้โรม ไม่มาหาต๋อง


ต๋องก็ยังคงนอนอยู่ โดยยังไม่ได้ขยับไปไหนเลย


เห็นแล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ไม่รู้ว่าทะเลาะอะไรกันหรือเปล่า เพราะเห็นต๋องบอกว่า โรม บอกว่าจะมาหา แต่ปานนี้ก็ยังไม่มา หรือว่า ผมเป็นต้นเหตุที่ทำให้คู่รักคู่ใหม่นี้มีปัญหา ผมน่าจะหลีกทางให้เค้าสองคนถึงจะถูกใช่มั๊ย



พอคิดได้อย่างนั้นก็หยิบโทรศัพท์ ขึ้นมาโทรหาพรรคพวก นัดแนะกันไปเล่นน้ำดีกว่า เพื่อที่เค้าทั้งสองอยากจะปรับความเข้าใจกัน บางที ผมอยู่ที่นี่ โรมอาจจะลำบากใจที่จะมาหาต๋อง
เป็นแน่ ว่าแล้วออกไปดีกว่า



ทว่าขณะที่ผมกำลังแต่งตัวนั้น




ก๊อกๆๆๆๆ



เสียงเคาะประตู





ผมเลยเดินไปเปิด ปรากฏ ตรงหน้า เป็นโรม  ซึ่งเปียกโชกไปทั้งตัว คงเป็นเพราะโดนสาดน้ำมา
พอดีที่ผมกำลังจะออกไปเล่นน้ำ กำลังเก็บของอยู่นั้น สังเกตดูทั้งคู่ ไม่มีปฎิกิริยาใดๆเลย   
ทันที่โรม กำลังจะเดินเข้าไปหาต๋อง  ต๋อง ได้วิ่งสวนอย่างรวดเร็วราวกะสายลม พัดผ่าน



ผมได้แต่นิ่งเงียบมองดูเหตุการณ์ตรงหน้า คาดได้ว่าไอ้ตัวเล็ก คง งอน เป็นแน่ ที่แปลกกว่านั้น
ไอ้โรม ก็ไม่ได้สนใจไอ้ต๋อง อีก เอาเข้าไป แบบว่า โรม คงงอน แล้วคงรู้ตัวแหละว่าทำไรให้ ต๋องมันงอน ต่างคนต่างงอน แล้วผมคนกลางไม่รู้จะทำไง เลยออกไปดีกว่า



แต่ ไม่เป็นอย่างนั้น พอผมเดินออกมายังไม่พ้นประตูหอเลย

ไอ้โรม  กลับวิ่งตามบอกว่าจะไปเล่นน้ำด้วย โดยปล่อยให้ ต๋อง  ไว้ที่ห้องคนเดียว ผมละงง กะคนสองคนนี่เหลือเกิน

ในเมื่อผมถอยออกมาล้ว  เค้ายังต้องการอะไรกันอีก




เฮ้ออออออออออออออออออออออออ  ผมได้แต่ถอนหายใจ





ในระหว่างที่เดินรอบคูเมืองกะไอ้โรมนั่น   ผมเริ่มเปิดประเด็นไม่รู้ว่าผีห่าตนใดเข้าสิงผมอีก เลยถามออกไป


“โรม พี่ถามมึงจริง ว่าคิดยังไงกะไอ้ต๋อง”


“ไม่รู้ดิพี่ ถามว่าคิดไหม ไม่น่าจะใช่เพราะเพิ่งรู้จักกัน”


“ตกลงว่าก็คิดมั้ง”


“มั้ง”


“แล้วตอนนี้ไอ้ต๋องมันเป็นบ้า เนี่ย มึงยังตามกูออกมาเล่นน้ำ ไม่อยู่คุยกะมันก่อนอะ เห็นมันบ่นตั้งแต่บ่ายแล้ว ว่ามึงจะเข้ามาแต่ก็ยังไม่เห็น โผล่หัวมาตอนเย็นเนี่ยนะ”


“ช่างมันดิพี่ คนไร้เหตุผล ปล่อยมันไป”


“แล้วโรมรู้อะไรกะต๋องมั้ง”


“ไม่รู้”


“เฮ้ออออ”

  ผมได้แต่ถอนหายใจ เหนื่อยหน่ายกะคู่นี้จริงๆ


“ช่างมันเหอะพี่คนอย่างนี้ ไม่ต้องสนใจมันหรอก ก็รู้กันอยู่”


“แล้วอีกอย่างนะพี่ คนเพิ่งเจอกัน จะอะไรมากมาย ผมก็แค่สนุกๆ ไม่มีอะไรมาก แต่ถ้าวันข้างหน้ามันจะเปลี่ยนไปมากกว่านี้

หรือ ลดน้อยลงก็ไม่มีใครรู้หรอก เพราะถือว่าตอนนี้ แค่นี้ พอแล้วที่รู้กัน”


“คิดได้แบบนั้นก็ดี ไม่ใช่ว่าจะห้าม แต่ก็ลองดูกันไปก่อน จะได้ไม่เสียใจกันทีหลัง”



ผมพอจะดูโรม ออก ว่า มันคงคิดอะไรกะไอ้ต๋อง อยู่มั้งไม่มากก็น้อย  แต่อาการที่มันแสดงออกตอนนี้ เหมือนกับการงอน ไม่พอใจอยู่ ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ก็ปล่อยเข้าไป เรื่องที่อยากจะพูด ก็เก็บมันไว้แล้วกัน ถ้าขืนพูดไปพลอยจะไม่สบายใจกันไปป่าวๆ หมดสนุกกันพอดี





จากนั้นพวกเราชาวคณะก็เพลินเพลิน เต้นกันอย่างบ้าคลั่งอยู่หน้าเวทีคอนเสริ์ต ผมเองก็ไม่ได้เครียดอะไรแล้ว ใช้คำว่าลืมไปชั่วคราวน่าจะดีกว่า 



เมื่อได้เวลาก็ต้องเลิกรากันไปตามทางใครทางมัน ไม้ไปส่งผม กะโรม  โดยแวะส่งโรมที่บ้านอิ๊ฟ ก่อนแล้วค่อยมาส่งผม


พอถึงห้องพบว่าไอ้ต๋องได้อาบน้ำเตรียมตัว คาดว่าจะไปทานข้าวคงหิวแหละไม่ได้กินอะไรมาทั้งวันหนิ ช่วยไมได้ชวนไปแล้วไม่ไปเอง
ผมโทรหาอิ๊ฟ กะ โรม นึกว่าจะเข้ามาเพื่อไปกินข้าวด้วยกัน
แต่เปล่าเลยอิ๊ฟ ไม่มา ได้ข่าวไปกินข้าวกับที่บ้าน
แต่โรมปฎิเสธท่าเดียว  บอกว่าจะไม่มาแล้ว คาดว่าคงไม่มานอนที่ห้องคืนนี้ เพราะเห็นบอกจะไปเที่ยวกะอิ๊ฟ
 ที่จริงมันก็ชวนผมไปแต่ผม บอกปฏิเสธไป กะว่าจะอยู่เป็นเพื่อนไอ้ต๋อง มัน ดูอาการมันไม่ค่อยสู้ดีเอาเสียเลย



พอผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จคาดว่าจะไปกินข้าวกะไอ้ต๋อง   แต่ป่าวเลย ไอ้ต๋อง มันแต่งตัว แล้วเดินออกจากห้องไปโดยไม่รอผมเลย ก่อนไปมันหันมาบอกว่า




“ คืนนี้ผมจะไปกินเหล้า พี่ไม่ต้องรอนะ นอนก่อนเลย บางทีผมอาจจะไม่กลับก็ได้”


“ ไม่กลับแล้วไปนอนที่ไหน”


“ไม่รู้”


“แล้วทำยังไงไป”


“ไม่รู้”



ผมสุดกลั้นน้ำตาเอาไว้ในใจคิดด่าตัวเองว่า ทำไมถึงได้เลวขนาดนี้ถึงที่ทำร้ายความรู้สึกน้องอันเป็นที่รักด้วยคำพูดได้ขนาดนี้ ผมนี่มันเลวแท้
 
แต่ก็คงห้ามเค้าไม่ได้ เลยปล่อยเค้าไป  เผื่อเค้าจะดีขึ้น



“ อืม ยังไงก็กลับมานอนที่ห้องแล้วกัน”

 
“ ถ้าผมจำทางกลับได้นะ”    ดูพูดเข้าอย่างแกจะจำอะไรได้เนี่ย


ในเมื่อผมรั้งเค้าไว้ไม่ได้ก็เลยปล่อยเค้า


แล้วมือก็กดโทรศัพท์ ออก เพื่อโทรหาโรม  บางทีต๋อง มันอาจจะฟังโ รม มั้ง



“โรม  ไอ้ต๋อง เป็นไรไม่รู้บอกว่าจะไปกินเหล้า แล้วอาจจะไม่กลับมานอนที่ห้อง ยังไงโทรบอกมันที่ ว่ายังไงให้กลับมานอนที่ห้องนะ พี่เป็นห่วงมัน”


“เดี๋ยวโรม คุยกะมันดู”




1 นาทีได้ มั้ง 




.........................



โรม  กลับโทรกลับ บอกว่า


“ มันบอกจะไปกินเหล้า ถามว่าไปที่ไหน มันก็ไม่พูด โรม เลย เหวี่ยงใส่แล้ววางหูเลย”


อนาถละกู กูบอกให้มึงช่วยพูดกับไปชวนมันทะเลาะ



“ อืมๆๆเดี๋ยวก็คงกลับมามั้งพี่ไม่ต้องห่วงมันหรอก” 

แกก็พูดได้หนิ แกไม่ได้คิดอะไรแบบฉันหนิ ผมคิดในใจ

 
“อืมๆๆๆ” แต่ก็รับปากไปส่งๆ


พอวางหูจากไอ้โรม ก็มีสายเข้าทันที



.................



... ยังอยู่กับเธอใช่ไหม ก็ฝากเธอไว้อีกวัน อย่างงี้ก็รบกวนละกัน คงไม่เป็นภาระนะ ถ้าเธอยังไม่มีใคร ก็ฝากใจไว้หน่อยนึง ..




ต๋อง โทรเข้ามา 

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-05-2009 18:43:20 โดย happy_icekung69 »

DEVIL nures

  • บุคคลทั่วไป
 :3123:  แอบแวบเข้ามาดู

เหอๆพี่เราคิดอารายในจายหนออออออออออออออออ :laugh:

ออฟไลน์ คุณหมาหยอกไก่

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 877
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +90/-2
เหมือนกะลังแอบอ่านไดอารี่เลย

อิอิ  แวะมาเจิมค๊าฟฟฟ  เห็นเป็นพี่ไอซ์เขียนนะเนี่ย

เลยเข้ามาอ่านน

อยากรู้ว่า "จริง" หรือ "หลอก" อะ

ออฟไลน์ IZE

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-3
“พี่ไกด์ โทรหาโรม ทำไม บอกมันทำไม” ต๋องโทรมาก็ตะวาดผมใหญ่เลย


“ไม่รู้ พี่ไม่รู้จะทำยังไง  พี่ไม่อยากให้ต๋องไป ขอร้องละ จะไปที่ไหนยังไงก็ขอให้กลับมานอนที่ห้องละ”

“ทำไมพี่”

“พี่เป็นห่วง”    พร้อมกลับปล่อยน้ำใสค่อยหยดลงมา

“พี่    ฮึก .......เป็น ...ง ห่วงนะ... กลับมานนะ...  มาไม่ถูก ฮึก ...... โทรบอกเดี๋ยวไปรับ”  “ฮึกๆๆๆๆๆๆๆๆ”

“งั้น ผมจะไปกินข้าว มารับด้วย”

“อยู่ไหนตอนนี้”

“เซเว่น”

“เซเว่นไหน”

“ไม่รู้ หาให้เจอก็แล้วกัน”  เป็นอย่างนี้ตลอด


อ่าวแล้วผมจะรู้เหรอว่าเซเว่นไหน เชียงใหม่ มีเซเว่นตั้งเท่าไร แล้วแกเดินออกจากหอไปไม่รู้ไปทางซ้ายทางขวา แล้วจะตามเจอมั๊ยเนี่ย
ด้วยอารมณ์ที่ว่ายังไงต๋องก็ยอมไปกะเราแล้วก็ต้องไป สันนิฐานว่าเซเว่นที่ใกล้หอที่สุด รีบบึ่งมอไซต์คู่ใจออกตามหา  แล้วก็ไม่พลาดเจอมันจริงๆ
ยืนรออยู่หน้าเซเว่น

“พี่ไกด์ ผมจะไปกินเหล้า” ประโยคแรกที่ทักทาย

“ไหนบอกจะกินข้างไงตะกี้”

.........................เงียบ

“อืม”

 พอขึ้นรถได้ ผมก็พามันขี่รถตระเวนทั่ว ในหัวก็คิดไปด้วย ไปกินเหล้าเหรอ  จะดีเหรอ พามันไป แล้วมันเมาละ กลับยังไง ถ้ากูเมากะมันละ คิดไม่ออก จะพามันกลับเลยดีมั๊ย ความคิดที่ดูแล้วยังไงก็สับสนแยกไม่ออกว่าจะทำยังไงของผม 

จู่ๆๆเอาวะ ไปๆก็ไปกินให้เมา เดี๋ยวกูดูเองกูจะไม่กินถึงแม้ว่าจะน่าลิ้มลองแค่ไหน ก็ข่มใจเอาไว้
แล้วผมก็พาไอ้ต๋องมาที่ร้านแห่งหนึ่งซึ่งเป็นที่คุ้นเคยกันดี  ผมชอบมาร้านนี้ เพราะบรรยากาศ มันไม่เหมือนร้านทั่วไป

มันเหมือนบ้านซะมากกว่า เหมือนมานั่งอยู่ห้องรับแขกของบ้านหลังหนึ่ง มีดนตรีสดมาบรรเลงถึงจะเป็นแค่วงเล็กๆ แต่เสียงคนร้องนี่สุดยอด ร้องเพลงเพราะมาก ซึ่งวันนั้น แต่ละเพลงที่นักร้องเลือกมา ต่างโดนใจคนฟังเหลือเกิน แบบว่าจะเข้าบรรยากาศของคน อกหักสองคนได้เป็นอย่างดี

คนหนึ่งก็ไม่รู้เรียกอกหัก คาดว่าคงทะเลาะกันมากกว่า ซึ่งแน่นอนมันคือไอ้ต๋อง แล้วอีกคนเป็นใครไม่ได้นอกจากผม ที่แอบชอบคนที่พร่ำบอกตัวเองว่าเค้าเป็นน้อง แต่ความรู้สึกไม่ใช่

คืนนั้นผมไม่ได้กินเลยแม้แต่น้อย เพราะเป็นห่วงเค้า

ส่วนเค้าเอง ไม่พูดไม่จา เอาแต่กรอกเหล้าเข้าปาก ไปเท่าไรไม่รู้แต่ที่รู้คือ เมาไปแล้ว พูดจาไม่รู้เรื่องแล้ว

“พี่ไกด์ ทำไม โรมไม่รักผม”

“เอานะๆๆ คนเพิ่งเจอกันจะรักได้ไง”

“ผมนี่ไง ผมยังรักมันเลย  มันไม่รักผมเลย คืนนี้มันจะไปกินเหล้า”

“เฮ้อออออออออ”       ผมแต่แต่ถอนหายใจเฝ้าเค้าคนนั้น นั่งเพ้อไป

ผมนั่งดูมันแล้วท่าจะไม่รอดเลยข้ามฝั่งไปนั่งๆข้างมัน
แล้วอยู่ๆๆ มันก็จับมือผม ไปกุมไว้ โดยที่ไม่พูดอะไร ได้แต่มองตากัน แล้วมันก็เอามือที่กุมมือผมไว้ ขึ้นไปแนบ ที่หัวใจ
ซึ่งทำให้ผมตกใจมาก ว่าทำไมหัวใจมันเต้นเร็ว และแรงอย่างนั้น ราวกับว่าจะทะลุออกมา เริ่มใจคอไม่ได้ ว่ามันจะเป็นอะไรเหรอเปล่า แย่แล้วกูเอาลูกเค้ามาเจ็บไข้ได้ป่วยอีกเหรอ กูนี่มันเลวไม่พอหรือยังไง ขณะที่ผมกำลังคิดอยู่นั่น


สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น มือที่เคยกุมมือผม ได้ร่วงลง ราวกับว่าคนผู้นั้นสติหลุดไปแล้ว
ตาที่เคยมองสบตากัน ตอนนี้กลับเป็นสายตาที่แน่นิ่ง ตาขว้าง มองไปจุดๆเดียว โดยที่ไม่มีจุดหมาย
แล้วผมก็ตกใจสุดขีด เมือร่างคนนั้นฟุบลงที่ตักผม .........

.





...







.........







.........






“พี่ไกด์ผมเมา พาผมกลับหน่อย”

“เฮ้อออออออออออออออออ”   ผมถอนหายใจ โล่งอกเป็นอย่างมากนึกว่าจะเอาลูกเค้ามาตายเสียแล้ว

ผมก็พาเค้ากลับห้อง ระหว่างทางกลับห้องเค้าก็ยัง บ่น อะไรไปเรื่อย เหมือคนสติแตก เค้าไม่รักมั้งละ  ไม่สนใจมั้งละ
พอมาถึงห้องผมจัดการ ให้เค้าขึ้นอนบนเตียง แล้วจะทำยังไงดีว่า ท่าจะไม่ยอมนอนง่ายๆๆ
เพราะเค้ายังเพ้อถึงคนคนนั้นอยู่เลย

ผมเลยตัดสินใจกดโทรศัพท์ หาโรม


“  โหลๆๆๆ โรมมึงอยู่ไหนเนี่ย”

“กะลังจะไปเที่ยวพี่”

“ก่อนมึงจะไปเที่ยวมึงมาดูว่าที่สามีมึงก่อน เมา เป็น แมวอยู่เนี่ย มาคุยกันให้รู้เรื่อง”



“เออๆๆ”    ตู๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆ    คิดว่าวางก็วางคนเรา






...............................







เวลาผ่านไปสักชั่วโมง ไอ้โรมก็โผล่หัวมา

“มึงไมมาช้าว่”

“รถยางรั่วเนี่ย”

“อืมๆๆ  ไปดูมันหน่อยก็แล้วกัน  อ้าวอิ๊ฟเข้ามาก่อนดิ”

“ไม่เป็นไรพี่ผมไปก่อนนะ เดี๋ยวไม่มีโต๊ะเทศกลาคนเยอ ไอ้โรม ถ้ายังไงโทรหากูนะโว๊ย”

“เออ แล้วจะโทรหา”

แล้วไอ้โรมก็เข้าไปดูไอ้ต๋องในห้อง  พอมองเข้าไปเห็นไอ้โรมนอนกอดไอ้ต๋องอยู่แต่  ไอ้ต๋องดูเหมือนจะขืนตัวเองอยู่นิดๆ ดังนั้น ผมก็ควรถอยออกมาเพื่อให้เค้าทั้งสองได้ปรับความเข้าใจกัน ใช่ไหม แต่ทว่า ก็ไม่ได้ออกไปไหน ก็คงนั่งอยู่แต่เป็นระเบียงด้านนอก ให้เค้าสองคนคุยกัน เพื่อปรับความเข้าใจกัน คนนอกอย่างผมก็ต้องหลีกทางให้ ถึงแม้ว่าจะไม่เต็มใจก็ตาม


ระหว่างนั้นผมไม่รู้หรอกว่าเค้าคุยอะไร จากที่ แอบดู เค้าไม่ดุยอะไรกันเท่าไร เพียงไอ้โรมเป็นคนคุยอยู่คนเดียวแล้ว อีกฝ่ายไม่มีท่าว่าจะคุยรู้เรื่อง เพราะดูจากอาการเมาไม่ได้สติ  แต่ก็นะ ไม่พูดแต่ก็กอดกันกลม อยู่บนที่นอน ผมเองได้แต่แอบดูอยู่อย่างนั้น แล้วความอดทนผมก็ไม่ได้มีเยอะเสียด้วยซิ เลยหยิบโทรศัพท์ ในตอนนั้นอยากจะหาใครสักคนมาฟังผมพูด เลยเลือกที่จะโทรหา ริน  แล้วคุยเล่าถึงเหตุการณ์ทั้งหมดให้มันฟัง แต่ ไม่เล่าส่วนที่เกี่ยวข้องกับผม ผมเลือกที่จะเก็บความรู้สึกส่วนนี้ไว้กับตัวมากกว่า เพราะ ยิ่งรู้มากยิ่งเรื่องมาก เลยไม่พูดกลับกลายเป็นคุยเรื่องของคนสองคนที่นอนกอดก่ายกันอยู่ในห้อง


ในเวลาต่อมา ทั้งคู่มีการขยับเขยือนกาย เคลื่อนที่ไปมา แสดงว่า คนเมานั้นคงจะได้สติบ้างแล้ว แล้วเค้าคงกำลังปรับความเข้าใจ ส่วนผมตอนนี้ก็วางโทรศัพท์ กับเพื่อนเพื่อปรับทุกแล้ว แต่ไม่วายมานั่งเขียน ความรู้สึกบางอย่างที่บอกใครไม่ได้ให้ไดอารี่ของผมได้รับรู้ก็แล้ว นั่งอยู่เงียบๆคนเดียวที่ระเบียงห้อง โดยที่ตอนนี้ ผมเองคงกลายเป็นอากาศธาตุไร้ตัวตนไปแล้วเรียบร้อย เพราะทั้งคน หาได้รู้สึกว่ามีผมอยู่ในห้องนี่ด้วย


ผมเองก็แค่เพียงแอบร้องไห้อยู่คนเดียวเงียบๆๆๆ  จะร้องดังก็ไม่กล้า เพราะเดี๋ยวจะกลายเป็นการดึงความสนใจของคนคู่นั้น



 
“พี่ไกด์”

“อะไรโรม”

“ไปกินข้าว”

“อ้าวไอ้ตัวแสบสร่างเมาแล้วเหรอ”


“อืมๆๆ คงงั้นเห็นบอกว่าหิวข้าว”

“เอองั้นเดี๋ยวออกไปซื้อให้เอาอะไรกันมั้ง บอกมา”

“เดี๋ยวถามมันก่อน”

“ไม่อ่าวววววววววววว เพ่ไกด์” ยังไม่ทันได้ถามเจ้าตัวปัญหาก็โวยออกมาเสียก่อน

“นอนพักอยู่นี่แหละ ร่างกายตัวเองจะเดินยังไม่ไหวจะออกไปทำไม” ผมบอกมันออกแนวตะวาด

“ไม่อ่าวถ้าไม่ให้ไปก็ไม่กินละ”

“ เฮ้ออออออออออออออออออ  เออ ตามใจก็แล้วกัน”

 
และแล้วก็พามานั่งกินก๋วยเตี๋ยวแถวๆหอเนี่ยแหละ แต่เจ้าตัวที่บอกว่าหิวกลับกินไปได้นิดเดียว แล้วก็อ๊วกออกมาหมด แทนที ไอ้โรม ว่าที่เมียมัน จะไปดูกลับกลาย ทำไมต้องเป็นกูว่ะเนี่ย ลำบากกูแท้ ก็อย่างว่าอะนะ ผมเองก็กินอะไรไม่ลงเหมือนกัน จึงกลายเป็นผมที่ต้องดูแลไปโดยปริยาย
กว่าจะกลับมาถึงห้องก็ทุลักทุเลพอสมควร เพราะไอ้คนเมายังไม่สร่างดี


พอกลับมาห้องได้สักพัก ไอ้ต๋องอยู่ในสภาพที่ว่าดีขึ้นแล้วจำความได้ แล้ว

ไอ้โรม เป็นบ้าอะไรไม่รู้ อยู่ๆๆก็ออกไปเที่ยวเฉยเลย ปล่อยให้ ไอ้ต๋องที่เพิ่งปรับความเข้าใจกัน ( หรือเปล่า ) เพิ่มงงงวยเข้าไปใหญ่ แต่ก็ไม่มีใครห้าม แต่ได้ข่าวว่าไอ้ต๋องบอกว่าไปเที่ยวได้แต่ห้าม กินเหล้า แค่นั้นก็ปล่อยไอ้โรมไป สงสัยว่าโทรให้เพื่อนมารับ
พอไอ้โรมออกจากห้องไป ได้ไม่กี่นาที ไอ้ต๋องก็พูดขึ้นมาว่า


“พี่ไกด์ คิดอะไรกับต๋อง”

“เมื่อก่อนคิด แต่ตอนนี้ไม่คิดแล้ว” ตอบได้ทันทีโดยไม่ต้องคิด

“ทำไมละ”


“เพราะว่าถึงคิดต่อไป  ต๋องเองก็ไม่ได้คิดอะไรกับพี่อยู่แล้ว คบกันเป็นพี่น้องดีกว่ามั๊ย”

“แล้วอึดอัดไหม”  แต่ละคำถามที่มันถามตรงประเด็นเลยไม่อ้อม ก็ดีเหมือนกันพูดออกมาให้หมดจะได้ไม่ต้องลำบากใจกันอีก


“ไม่อะ”

“แล้วทำไมก่อนหน้านี้ถึงบอกว่าอึดอัด”

“วันก่อนอาจะจะใช่แต่ตอนนี้ ณ เวลาที่ถามพี่ลืมไปหมดแล้ว ไม่มีอะไรไม่ต้องคิดมากแล้ว”

“ แสดงว่าอ่านไดอารี่พี่อะดิ”

“ถ้าไม่อ่านต๋องจะรู้เหรอว่าพี่คิดอะไอยู่”

ความลับที่ผมไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน ก็โดนล้วงจนได้ ไอ้ตัวแสบ
ช่างมันเหอะ ตอนนั้น กับตอนนี้ความรู้สึกมันเปลี่ยนไปแล้ว อย่าคิดอะไรมากเลย
ผมเลือกที่ตอบเลี่ยงๆไป เพราะถ้าตอบความจริงไป มันจะทำให้น้องลำบากใจมากกว่า


อยู่ๆๆๆก็มีมือมากอด จากด้านหลัง


“พี่ไกด์ ผมขอโทษ ที่ทำให้พี่ไกด์ อึดอัด ถ้าพี่ไกด์อึดอัด จะให้ผมกับโรมออกไปอยู่ที่อื่นก็ได้นะ”

“ไม่ต้องหรอกอยู่ด้วยกันเนี่ยแหละ”

“แล้วพี่ไกด์ไม่อึกอัดเหรอ”

“ไม่หรอก อึดอัด ก็ทนเอาเพื่อน้องชายคนนี้ไง แล้วอีกย่างพี่คงทนไม่ได้หรอกที่จะให้เราไปอยู่ที่อื่น อยู่นี่แหละดีแล้ว”

“ฟ๊อดๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”  โดนขโมยหอมไป หนึ่งดอก

“พี่ไกด์ รู้ปะว่าโรมทำไมถึงไม่มาหาต๋อง วันนี้”

  ระหว่างที่พูดมันยังไม่ได้เอามือออกจากเอวผมเลย แบบว่ากอดไปคุยไป จะทำให้กูหวั่นไหวไปไหนเนี่ย

“ไม่รู้ทำไมเหรอ”

“โรมมันงอนต๋อง เพราะว่าคืนวันนั้นมันเห็นต๋องกอดพี่ไกด์”

“แล้วไปกอดกันตอนไหนหว่า”

“ ช่างมันเหอะพี่ โรมเองก็ไม่ได้สนใจอะไรต๋องอยู่แล้ว เห็นมะ มันยังไม่อยู่ดูต๋องเลย หนีไปเที่ยวเนี่ย”

“อืมๆๆๆ” 

เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงผมกับต๋องก็นอนกอดกันคุยกันไปเรื่อยๆ




สักพัก ไอ้โรมก็กลับมาพร้อมกับสภาพที่เมาไม่ได้สติ
มาถึงก็เวิ่นเต็มที่ นอนสะเปะสะปะไปเรื่อย ผมกับ ไอ้ต๋องที่ร่างกายเพิ่งสร่างจากอาการเมา ต้องมาคอยพยุงมันมานอนบนเตียงกว่าจะพามาได้ทุลักทุเลพอสมควร
แต่เรื่องมันยังไม่จบ มันเพิ่งเริ่มต้นต่างหาก เนื่องจากความอดทนของผมได้สิ้นสุดลง


เมื่อพฤติกรรมบางอย่างที่สองคนแสดงออกมานั่นสุดที่จะทนต่อไปได้  เค้าสองคนตระกองกอดก่ายนอนทับกันอยู่บนที่นอน ซึ่งมีผมนอนอยู่ด้วย มีจูบมีลูบ มีคลำ  ใครที่ไหนจะทนได้ ถึงแม้ว่าคนข่างล่างจะเมาไม่ได้สติ แล้วคนที่อยู่ข้างบนละ เค้ารู้ตัวทุกอย่าง แทบจะเอากันอยู่แล้ว
ตอนนั้นใจผม บอกว่าไม่ไหว แล้วไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน คนที่เราคิดว่ารักมาทำแบบนี้ต่อหน้าเป็นใครก็คงจะรับไม่ได้ ผมเองก็เช่นกัน


ขณะที่ โรม ตะเกียกตะกายไปเข้าห้องน้ำ
ผมจึงตัดสินใจลุกขึ้นจากที่นอน แล้วเดินออกจากห้องไปโดย ไม่ได้สนใจคนสองคนนั้นเลย ให้หัวตอนนั้น คิดแต่ว่าต้องไป ต้องไป ไปไหนก็ได้เพื่อที่จะไม่ต้องเห็นภาพบาดความรู้สึกเช่นนั้น

บางทีถ้าผมอยู่ในห้องอาจจะทำให้เค้าทั้งสองคนอึดอัด ผมเองก็เช่นกันอึดอัด จึงตัดสินใจออก ขณะที่ผมเดินออกเสียงฝีเท้าของใครสักคนวิ่งตามมา

ผมจึงเหลียวไปมองก็เห็น

ไอ้ต๋องวิ่งตามมา

“พี่จะไปไหน”  คำถามคำถามเดียว น้ำตาผมไหลออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ

“ไม่รู้”

“พี่จะไปทำไม”

“ไม่รู้”

“กลับขึ้นห้องเถอะ ผมขอร้อง”

“พี่ไปอะดีแล้ว เดี๋ยวไปขอนอนกับเพื่อนก็ได้”

“เพื่อนที่ไหน ดึกป่านนี้แล้ว”

“แถวนี้แหละ”

แล้วต๋องก็เข้ามากอด น้ำตาผมยิ่งไหล ร้องไห้ไม่หยุดแล้วคับ ต๋องก็ แล้วพูดว่า

“พี่อย่าไปเลยนะ ที่นี่คือบ้านของพี่ห้องของพี่ ไอ้โรมมันเมาไม่รู้เรื่องอะไรหรอก ตื่นมาไม่รู้พรุ่งนี้มันจะจำได้หรือเปล่าว่าทำอะไรไปมั้ง” พูดจบก็ระดมจูบผมอีกแล้วยังนี้จะให้ผมคิดยังไงละคับ

“ให้พี่ไปนะ ต๋องกะโรมจะได้นอนสบาย ไม่อึดอัด ขึ้นไปดูโรมเหอะ เค้าเมาอยู่ ส่วนพี่ไม่เป็นไร”

“แล้วพี่จะกลับมาเมื่อไร”

“ไม่รู้ บางทีอาจจะไม่กลับมาแล้ว”

“ไม่ให้ผมไม่ให้พี่ไป”

 ขณะนั้นไอ้ต๋องกอดผมอยู่ ยังไม่ยอมให้ผมไปไหน

อ๊วกๆๆๆๆ  เสียง อ๊วกเล็ดลอดออกมา คนที่ได้ฟังรู้ได้เลยมาจากที่ใด

"พี่อยู่นี่นะห้ามไปไหนผมไปดูโรมก่อน"

 และจากมือที่กอดผมไว้ก็ปล่อยไป วิ่งขึ้นไปเพื่อที่จะไปดูอาการของคนที่เค้ารัก

ผมก็เลยตัดสินใจที่จะไม่รอ เพราะผมเองก็ใช่ว่าอยากจะอยู่ตรงนี้เสียเมื่อไร เลยเดินออกมา พร้อมกับหยดน้ำตาที่ไหลพรั่งพรูออกมา เดินไปไหนก็ไม่รู้ไร้จุดหมาย
เพื่อนสักคนก็ไม่มี ถ้าใครเห็นสภาพตอนนั้นเค้าคงคิดว่าคนบ้าที่ไหนมาเดินร้องไห้ดึกๆดื่นๆ

ถามว่าความรู้สึกตอนนี้ ผมรู้สึกยังไง คือตอบได้เลยว่า  เสียใจ ผิดหวัง กระเทือนใจ บีบหัวใจ ปวดจี๊ด ที่อกข้างซ้าย คือผมอกหักอีกแล้ว
อีความรู้สึกที่บอกได้ตอนนี้คือผมรัก ไอ้ต๋องคนที่ได้ชื่อว่าน้องชาย เกินหน้าที่พี่ชายไปแล้ว


ผมรักเค้าไปแล้ว


คืนนี้ทำไมมันหนาวอย่างนี้ ทั้งที่เดือนนี้คือเดือนที่ร้อนที่สุดไม่ใช่เหรอ หนาวจนจับใจ ผมไม่รู้ว่าร้องไห้ไปนานเท่าไร แล้วไม่รู้เลยว่าตัวเองเดินถึงไหนแล้วพอตั้งสติได้ ก็ได้รู้ตัวเองเดินมาได้ค่อนเมืองแล้ว (กูเดินไปได้ไงว่ะ )


ผมนี่มันบ้าแท้ๆ ผมกะว่าพรุ่งนี้เช้าก็คงไปอาศัยเพื่อนอยู่ชั่วคราวจนกว่าจิตใจผมจะดีขึ้น แต่ทว่าค่ำคืนนี้ทำไมถึงได้ยาวนานเช่นนี้ จะโทรหาใครก็ไม่ได้ ดึกดื่นป่านนี้แล้ว อีกอยบ่างออกจากห้องมาไม่ได้หยิบโทรศัพท์ ออกมาด้วย เงินสักแดงเดียวก็ไม่มี พยามยามล้วงในกระเป๋ากางเกง พบแต่ กุญแจห้องกับคีย์การ์ด


ผมเลือกที่จะเดินกลับ ระหว่างทางก็เจอยายแก่ๆคนนึง เป็นแม่ค้าเข้าจะมาตั้งร้านขายของที่ตลาด ผมจึงขอเหรียญจากยาย เพื่อที่จะโทรศัพท์ เข้าเครื่องตัวเอง

 
“พี่ไกด์คับ กลับมาห้องเถอะคับ ที่นี่ห้องของพี่พี่จะไปอยู่ที่ไหน ข้างนอกมันหนาวนะคับ”ต่องรับโทรศัพท์ผม


“กุญแจสำรองอยู่ที่ตะกร้า นะ เผื่อออกไปไหนมาไหน”

แล้วก็วางสายไป

ผมเดินกลับมาแถวๆหอนั่นแหละ นึกขึ้นได้ ว่าต้องเอาคีย์การ์ดไปให้เดี๋ยวออกไปไหนกลับมาเข้าห้องไม่ได้อีก (ยังมีอารมณ์เป็นห่วงเค้าเนอะ )


เหริยญยังมี อีก 3 เหรียญ เอาว่ะ ตัดสินใจโทรไปอีกครั้งบอกว่า คีย์การ์ดอยู่ใต้เบาะมอไซต์


“พี่ไกด์อยู่ไหนคับ”

“แถวนี้แหละ”

“พี่ไกด์กลับมาเถอะคับ นี่มันบ้านพี่นะ โรมมันหลับไปแล้วไม่กล้าทำอะไรหรอก ข้างนอกมันหนาว”

“คียร์การ์ดอยู่ใต้เบาะรถนะ เอาไว้ใช้”

“พี่ไกด์อยู่ไหน”

“แถวนี้แหละ”

“ผมตามหาพี่ไกด์หลายรอบแล้วนะ”

“ไม่ต้องตามหรอก พี่ไม่เป็นไร”

แล้วเหรียญ ก็หมด

ผมตัดสินใจไปแอบดู เห็นว่าไฟในห้องดับหมดแล้ว คาดว่าเค้าคงนอนหมดแล้ว เค้าคงไม่ตามหาเราหรอก เพราะเราไม่ได้สำคัญอะไรกับเค้าหนิ คนที่เค้าควรให้ความสำคัญก็นอนอยู่บนนั้นกับเค้า  เมื่อเห็นว่าไฟในห้องดับแล้ว ผมเลยเดินไปที่ลานจอดรถแล้วเอาคีย์การ์ดไปวางไว้



ทันใดนั้นฝีเท้าของคนวิ่งมาทางที่ผม ยืนอยู่ มันต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ ผมจึงรีบเดินออกมาเพื่อไม่อยากเจอเค้า แต่แล้วก็ไม่พ้น เจอกันจนได้ เค้าแอบมองดูเราตลอดเลย ผมนี่มันโง่ขนานแท้ จะกลับมาทำไมอีกก็ไม่รู้

“พี่ไกด์ พี่ไกด์จริงๆด้วย”

ไอ้ต๋องพอคว้าตัวผมได้ดึงผมไปกอด

 
“พี่ไกด์จะไปไหนอีกคับ”


“…………………………”


“กลับไปนอนเถอะนะ นี่มันจะเช้าแล้วนะ โรมมันหลับไปแล้วไม่รู้เรื่องหรอกคับ”


“.............................”


“ผมเหนื่อยแล้วนะคับ”



ผมไม่พูดอะไร ได้แต่ค่อยเดินตามแรงฉุดของไอ้ต๋องขึ้นไป  นี่ผมกำลังจะทำร้ายตัวเองอีกแล้วเหรอขึ้นไปก็ต้องทนเห็นภาพบาดตาบาดใจอีกนะสิ
แต่ผมเลือกที่จะขึ้นไปถึงแม้ว่าจะไม่อยากเจอกับใครๆในห้องนั้นอีก เพราอะไรนะเหรอ เพราะว่า ผมจะทำให้น้องผมไม่สบายใจแล้วลำบากใจได้อีกเหรอ ผมมันเห็นแก่ตัว แล้วอีกอย่างน้องมันก็ยังไม่รู้ว่าเราคิดอะไรกับเค้า ( หรือว่ารู้แล้ว ) ดังนั้นผมควรที่จะทำใจให้ได้ เจ็บสักแค่ไหนก็ทนเอา


ผมจึงกลับขึ้นไปนอน ไอ้ต๋องเลือกที่จะนอนพื้น แล้วให้ผมกับโรมนอนบนเตียง แต่ผมขัดขืนเล็กน้อยแต่ก็ต้องยอมขึ้นไปนอนขางบนอยู่ดี


.



.


.



.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-05-2009 13:43:09 โดย happy_icekung69 »

mma419109

  • บุคคลทั่วไป
    อ่านแล้วเหนื่อยแทน เป็นกำลังใจให้  สู้เขานะไอซ์คุง

ออฟไลน์ คุณหมาหยอกไก่

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 877
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +90/-2
มาต่อเรวเร้ววววววววววววววววววววววววววววววววว
รออยู่  เกาะติดขอบสนามเลย

เจอกัน 22 นะคร๊าฟฟฟฟฟฟ 

ออฟไลน์ IZE

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-3
คืนนี้


แต่ผมนอนไม่หลับหรอก นอนร้องไห้ตลอดถึงคืน โดยที่  โรม กับต๋อง คงไม่ได้ยินหรอก การร้องไห้ที่ไม่เปล่งเสียงออกมานั้นทรมานแค่ไหนมันเหมือนกับว่าปล่อยออกมาไม่หมด
สรุปคืนนั้นผมยังไม่ได้นอน แต่ก็เลือกที่จะลุกก่อนพวกนั้น เลือกที่จะออกไปเดินเล่นที่ตลาดยามเช้า เพื่อไ ม่ให้ฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้ พอกลับมายังเห็นว่าตอนนี้ไอ้ต๋องย้ายสถานที่จากข้างล่างขึ้นไปนอนบนเตียงเรียบร้อยแล้ว


ผมจึงหยิบไดอารี่ขึ้นมาเพื่อเล่าเรื่องให้มันฟัง ไดอารี่เป็นสิ่งเดียวที่จะฟังผมทุกเรื่องไม่ว่าเรื่องดีใจ เสียใจ สุข หรือแม้แต่ทุกข์ เค้าจะรับรู้หมด พอเปิดไปหน้าเปล่าหน้าต่อไปเพื่อจะลงมือเขียน ได้พบกับข้อความหนึ่ง


ที่ไม่ใช่ลายมือผม แต่เป็นลายมือของ คนที่นอนกอด คนรักอยู่บนเตียง

“ พี่ไกด์คับ พี่อยู่ไหนคับกลับมาเถอะคับ ที่นี่คือห้องของพี่ บ้านของพี่กลับมาเถอะ ข้างนอกมันหนาว ยุงก็เยอะ พี่จะอยู่ยังไง ต๋องขอโทษพี่ไกด์ด้วยที่ทำให้อึดอัด ผมเป็นห่วงพี่ไกด์นะคับ”



น้ำตาที่คิดว่าแห้งไปแล้วกลับเอ่อล้นออกมาอย่างไม่ขาดสาย ไหลออกโดยไท่รู้ตัว ร้องไห้อีกแล้วผมนี่มันอ่อนแอที่สุดเลย ที่ร้องเพราะผมสงสาร น้องคนที่ผมรัก ผมเป็นต้นเหตุของเรื่องต่างๆ ถ้าผมไม่คิดเกินเลยกับน้องเรื่องทั้งหมดคงจะไม่เกิดขึ้น ผมทำอย่างนี้แล้วน้องคงไม่สบายใจคงจะทุกข์ใจอยู่ไม่น้อย ผมนี่มันเลวจิง อย่างว่าถ้าเกิดรักใครขึ้นมาแล้ว ยอมทำอะไรทุกอย่างเพื่อได้มาซึ่งคนที่เรารัก แต่ถ้าเค้าไม่ได้รักเราทำแทบตายเค้าก็ไม่สนใจเราหรอก



พอคิดได้อย่างนี้แล้ว ผมเลือกที่จะได้ เงียบ อดทน ยอมรับ มันให้ได้ เค้าจะทำอะไรก็ทำเป็นไม่รู้ไม่สนใจซะ



14/04/09


สงกรานต์ ก็ผ่านไปอีกวัน โดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมยอมรับว่า ยังทำใจไม่ได้แต่ก็ต้องทำตัวให้เป็นปกติที่สุด ผมก็เหมือนเดิมคืออกไปเล่นสงกรานต์ กับเพื่อนๆ ปล่อยให้เค้าสองคนอยู่ด้วยกันดีกว่า ถอยห่างดีกว่าอยู่ไป เค้าก็ไม่ได้สนใจเพราะเรามันคนนอกสายตา


ตกค่ำกลับมาที่ห้องก็พบว่า ต๋อง อยู่คนเดียวสอบถามได้ข่าวว่าหลังจากที่ผมออกไป โรมก็ออกตามไปเลย โดยที่บอกต๋องว่าไปลเนสงกรานต์แต่ความจริงแล้ว เค้าคงกลับบ้านอิ๊ฟไปแล้วมากกว่า


คืนนี้ โรมไม่มานอนด้วย เหลือผมกับต๋องสองคน ผมเงียบ เพราะไม่รู้จะพูดอะไร เนื่องจากคงพูดไม่ออกมากว่า แล้วโรมก็ไม่ได้โทรมา หา ผมหรือต๋องเลยสักคนเดียว  ผมไม่รู้ว่าเค้ากำลังทำอะไรกันอยู่ หรือว่ามีปัญหาอะไรกัน แต่หากจะมีปัญหานั้นคงเกิดจาก ผม  ผมคิดว่าอย่างนั้น


แล้วจู่ๆๆต๋องก็พูดออกมาว่า


“ต๋องคิดว่าต๋องไม่ได้รู้สึกอะไรกะโรม แล้วว่ะพี่”

“ทำไมละก็เห็นรักกันดีหนิ”

“ไม่รู้ว่ะ อาจเป็นเพราะต๋อง กะโรม  อยู่วัยเดียวกันมั้งถึงคุยกันรู้เรื่อง เลยเข้ากันได้ แต่ตอนนี้ต๋องรู้สึกว่า ไอ้โรม ก็ไม่ได้อะไรกับต๋องสักเท่าไร”

“ ................”   ผมเลือกที่จะเงียบไม่ออกความเห็น

อีกตามเคย ผมไม่เคยนอนหลับได้สนิทเลย ในหัวด็ยังวนเวียนกับเรื่องเดิมๆ เช้าตรู่ผมเลยออกไปทำบุญ

15/04/09 ถือว่าเป็นวันปีใหม่ไทย ไปทำบุญเผื่ออะไรๆมันจะดีขึ้น  ไปชำระจิตใตที่มันคิดไม่ดีมาตลอด

กลับมาห้อง ต๋องยังคงไม่ตื่น 

ผมก็เลยนั่งงเล่นเน็ตไปเรื่อยๆ บ่ายมาริน  มา อยู่ด้วยกะว่าตอนเย็นจะไปเล่นน้ำกัน  ดีหน่อยที่ริน มาอยู่เป็นเพื่อนจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน แต่ก็ไม่นานถึงเวลาจะออกไปเล่นน้ำ ผมก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมวันี้ ต๋อง จะออกไปเล่นน้ำด้วย เพราะหลายวันที่ผ่านมามันไม่เห็นยักกะไป อย่แต่กับห้อง แล้วมันจะสนุกตรงไหนเนี่ยมาสงกรานต์แล้วอยู่แต่ในห้อง เฮ้อออ 

 ก็เลยแยกกะริน แล้วค่อยไปเจอกัน  โทรหาอิ๊ฟ  โทรหา ไม้  ชวนกันไปหมดเลย แต่ไม่มีสามารถติดต่อใครได้เลย
ริน ก็หนีกลับไปหอ วันนี้ก็กลายเป็นว่าผมมากับไอ้ต๋อง สองคน  นี่สวรรค์ช่างลงโทษผมหรือยังไงกัน ทำไมต้องให้ผมกับเค้าอยู่กันตามลำพังอย่างนี้ แล้วผมจะทำใจได้เมื่อไรกัน
วันนั้นทั้งวัน รวมทั้งคืนด้วย ผมกับไอ้ต๋องอยู่ด้วยกัน เพราะโรมหายไป ไม่มาอีกแล้วไม่รู้เพราะอะไร


ต๋อง เองก็ดูจะไม่ได้สนใจอะไรโรม มากมายแล้ว แต่ก็มีบ่นถึงมั้ง นิดหน่อย

16/04/09


ตื่นมาบ่ายโมงกว่า ( นอนกันกินบ้านกินเมือง )

วันนี้ก็ไม่มะไรทำ แต่ก็ไม่ได้ไปไหน  นั่งเล่น นอนเล่นอยู่ที่ห้องแล้วไอ้เจ้าตัวแสบ ก็เกิดความคิดอะไรไม่รู้ นัดพวกเพื่อนมากินข้าวกัน โดยการบังคับกันมา เพราะอ้างว่า จะกลับแล้ว เลี้ยงส่ง


ตกเย็น พร้อมองค์ประชุม ต๋อง  อิ๊ฟ  ไม้  ริน  โรม  ผม  และ แขกคนใหม่ คือแซค  ระหว่างกินไปคุยกันไป ดูทุกคนมีความสุขดี แต่ผมกลับเฉยๆ แต่ก็พยายามทำตัวให้สนุกไปด้วย
นี่ผมเป็นอะไรไปเนี่ย


พวกเพื่อนๆ ต่างพากันจิกคนนั้นคนนี้ แต่ผมหาได้ใส่ใจไม่ เพราผมเองยังไม่เห็นมีใครเข้าตาเลย ( นี่พวกแกมากินข้าวหรือว่ามาหาคู่เนี่ย แต่ละคน อนาถ )

หลังจากที่นั่งกันมานาน ย้ำว่านานมาก จน พนักงาน มาเชิญ ออกจากร้านเพราะเค้าปิดร้านกันแล้ว อนาถได้อีก แต่ไม่วายพากันไปต่อ ร้านนม หน้ามอ ร้านเดิม ที่ไปกันวันแรกๆที่ต๋อง มานั้นแหละ กลับไปไม่ได้แคร์สายตาเจ้าของร้านแต่อย่างใด คาดว่า วันนี้ เจ๊แกจะคงไม่ได้ไล่พวกผมออกจากร้านนะ


ทุกคนแย่งกันพูดอย่างออกรสออกชาติ แซค เองที่เพิ่งมาเจอกันครั้งแรกกูดูเข้ากับคนได้งายก็เลยบรยยากาศเลยสนุกขึ้น  แซค พูดถถถึงเรื่อง มาฝึกงาน ดูท่าบรรยากาศน่าไปอยู่ ปลีกวิเวกดีเหลือเกิน อยู่บนดอย พักกับชาวบ้าน ทำกิจกรรมด้วย  เหมือนไปออกค่ายเลย ถ้าให้ไปวันสองวันก็ได้อยู่ แต่ถ้าไปอยู่ เป็นเดือนคงไม่ไหวเหมือนกัน

ขากลับจากร้านนม พวกเรา ได้แปลงร่างกลายเป็นเด็กแว้น บึ่งมอไซต์ไปส่งแซค  ไปบ้านเพื่อนที่อยู่บ้านนอก ใกล้มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ระหว่างทางขับรถไป ไอ้อิ๊ฟไปกับโรม 

ไม้ไปกับแซค


ต๋อง ไป ผม ระหว่างที่ขับรถไปผมขับรั้งท้าย อยู่ก็มีมือมืด ค่อยๆสอดมาทีละข้างซ้ายก่อนแล้วมาขวา แล้วมาก็มาเจอกัน โดนกอดอีกแล้ว ผมไม่รู้ว่า โรม กะ ต๋องตอนนี้อยู่ในสถานะอะไร ดูเค้าไม่ค่อยสนใจกันสักเท่าไร ดูห่างๆกัน หรือจะเป็นเพราะว่าอย่างที่ต๋องบอก กลับไปก็ไม่เจอกันแล้ว กลับไปก็จบ ดูเหมือนทั้งคู่ พยายามจะทำตัวให้ห่างกันเพื่อจะได้ไม่ยึดติดผูกพันกันอย่างนั้นเหรอ ผมคิด


ระหว่างทาง ต๋องก็ยังคงกอดผม โดยที่ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรปล่อยไป เต็มทีปล่อยความรู้สึกเต็มที่ไม่เก็บอีกต่อไปแล้ว เค้าจะคิดกับเราฐานะอะไรก็ช่างคือตอนนี้ ผมว่าผมไม่สามารถหยุดรักน้องคนนี้ได้แล้ว


ขับไปได้สักพัก ไม้  ทำอะไร รถเข้ามีให้ขี่ ลงมาเข็นกันทำไม


55555+++++


ได้ข่าวน้ำมันรถหมด กลางทาง


ซึ่งขอบอกว่าเปลี่ยวมาก ถ้าไปกันสองคนนี่ก็น่ากลัว ดีหน่อยที่ไปกันเยอะ


ช่วยกันเข็น ช่วยกันถีบ ( ได้ข่าวว่าคนเขียน ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ขับตามอย่างเดียว คริๆ )


เมื่อมาถึงปั๊ม อนาถได้อีก เพราะปั๊มเค้าปิดไปแล้ว ( ได้ข่าว ตี 1 กว่า )


พวกเราก็เลยตัดสินใจให้เจ้ของพื้นที่ อย่าง ไม้ ของเรา ไปหาน้ำมันโดยเอารถอีกคันไป


กว่าจะได้มาพวกเรานั่งรอบริจาคเหลือไปหลายลิตรกันทีเดียว

พอไปส่งแซคถึงที่หมาย ก็พากันกลับ

ทีแรกนึกว่าไอ้โรม จะนอนด้วย แต่เปล่าไอ้อิ๊ฟ ขับมาขนาบข้างแล้วบอกผมว่า

“พี่ไกด์วันนี้โรมไปนอนบ้าน” อิ๊ฟป็นคนพูดโดยที่โรมไม่ได้พูดอะไรเลย

“อ้าวทำไมอะ”


“จะได้เก็บของเตรียมตัวไปนอน บ้านพี่  พี่โรมกลับมาแล้ว ”    โรมว่าอย่างนั้น

“ขับรถดีดีก็แล้วกัน  โรมมีอะไรก็โทรหาพี่แล้วกัน ” ผมก็พูดไปอย่างนั้น ถึงยังไงก็คนรู้จักกันไม่อยากให้มองหน้ากันไม่ติด ทะเลาะกันไม่รู้จักเคลียร์

“คับ”

แล้วก็บึ่งรถไปหายไปเลย

ผมก็คงอยู่กะไอ้ต๋อง อีกตามเคย

เช้าวันที่ 17 /04/09 ผมนัดกะไอ้ต๋องว่าจะไปดูตั๋วรถ เพราะต๋องจะกลับแล้ว 18/04/09
 
โรมก็มาหาแต่เช้าคาดว่าคงจะมาร่ำลากันประมาณนั้น

ผมไม่ได้สนใจใครจะมาก็มาใครจะไปก็ไป นอนหลับดีกว่าหลังจากที่ไม่ได้นอนมาหลายคืน

11.00 ตื่นขึ้นมา ไอ้โรม ที่นั่งเล่นคอม หลับไปแล้ว ไม่เห็นมันจะคุยกันเลย หรือว่าเป็นเพราะมีผมอยู่ด้วย

ไอ้คนที่นอนข้างๆ ก็ยังหลับอยู่ ผมเลยปลุกเพื่อจะได้ออกไปทำธุระ ปลุกเท่าไรกลับไม่ยอมลุก

แถมทำหน้าไม่สบอารมณ์ใส่ผมอีก ประมาณว่าอย่ามายุ่ง แล้วใช้ปัดมือผมออกจากตัว แต่หาได้โดนมือผมไม่ โดนหน้าผมเต็มๆ หน้าชาเลยผม นิ่งอยู่สักพักเลยลุก ไปอาบน้ำ แล้วอยู่ๆน้ำตาก็ไหลออกมา อีกแล้ว กี่ครั้งแล้วที่ผมต้องเสียน้ำตาให้กับเค้า  แต่ครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ผมไม่อยากร้องอีกแล้ว

เค้าคงอยากอยู่เพื่อล่ำลากันจริงๆ ผมมันเป็นส่วนเกินในชีวิตเค้า ดังนั้น ผมควรไป

พอเปิดประตูห้องน้ำออกมาก็พบว่าทั้งสองคน นอนกอดกันอยู่บนเตียงเรียบร้อยแล้ว เพราะฉะนั้นผมควรรีบออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด  เห็นเช่นนั้นจึงรีบแต่งตัวออกไป
ก่อนออกไปได้เขียนโน้ตบอกให้เจ้าคนที่นอนอยู่นั้น เผื่อจะได้ไม่ลืม ไปซื้อตั๋ว

“ ออกไปข้างนอกนะ ถ้าตื่นแล้วอย่าลืมไปซื้อตั๋วนะ ให้โรมไปส่งก็แล้วกัน

ไปล้วนะคับ แล้วเจอกัน  เงินก็วางไว้ให้แล้วนะคับ”



แล้วผมก็ออกมานั่งร้านเน็ตเล่นเน็ต ตามประสาของคนที่ไม่รู้จะไปไหน ห้องตัวเองมีก็อยู่ไม่ได้ อยู่แล้วร้อน
บ่ายโมงเห็นจะได้



....... ยังอยู่กับเธอใช่ไหม ก็ฝากเธอไว้อีกวัน อย่างงี้ก็รบกวนละกัน คงไม่เป็นภาระนะ ถ้าเธอยังไม่มีใคร ก็ฝากใจไว้หน่อยนึง …..

เสียงริงโทนของผมดังขึ้น หยิบขึ้นมาดู ขึ้นชื่อ ต๋อง นั่งพิจารณาอยู่นานกว่าจะกดรับได้


“ พี่ไกด์ อยู่ไหน”   ผมไม่เคยที่จะได้ทักก่อนเลย

“แถวนี้แหละ”

“ออกไปไหนอะ มาส่งผมไปซื้อตั๋วด้วย”

“ให้โรมไปส่งดิ”

“ไม่เอาพี่ไกด์ไปส่ง” เริ่มนิสัย งอแง อีกแล้ว

“ทำไมละ”

“ไม่รู้พี่ไกด์ไปส่ง” มาแล้วนิสัยเอาแต่ใจ

“อาบน้ำยัง”


“ยัง”

“งั้นอาบน้ำเสร็จก็โทรมาละกัน”
 
“ไม่เอามาเดี๋ยวนี้เลย” 



“อืมๆๆๆ เดี๋ยวไป”



.....................................




พอกลับไปถึงห้อง ได้ข่าวว่าคุณชายยังไม่อาบน้ำ ส่วนโรม ยังนอนอยู่เลย ผมรอจนไอ้ตัวแสบอาบน้ำเสร็จ แล้วก็แต่งตัว จะเดินออกจากก็ ห้อง


 “อ้าว โรม อะ” 


“ไม่รู้”


“โรม ถ้าจะออกไหนล๊อกห้องให้ด้วยนะ” 


“คับ”     พูดทั้งที่ยังนอนหลับตาอยู่เลย แต่ละคนกูละ อนาถ




.....................



..


.

.


“ ไปพิดโลกคับ”

“วันไหนค่ะ”


“18 คับ”

“รอบ 9 .35 คับ”

พอได้ตั๋วเสร็จ ก็พากันไปหาซื้อของฝาก แต่ทว่ายังไม่เปิด


“เราจะไปหนกันดีอะ”


“ไม่รู้”


“งั้นไปดูหนัง”

“กาด”

“ไม่เอา ไปเมเจอร์” ผมเป็นคนที่ไม่ชอบไปดูที่กาดสวนแก้เท่าไร เพราะยังไงไม่รู้มันดูน่ากลัว อับๆ มืดๆ 


“ ตามใจ คนแก่นี่เอาแต่ใจจริงๆเลย” เออ ได้ข่าวว่า ไม่ได้แก่นะ

ระหว่างที่ขี่รถไป เมจอร์นั่น ผมว่ามันเงียบไปก็เลย จุดประเด็นขึ้นมา

“ ทำไมไม่ให้โรม ไปส่งอะ”

“ไม่รู้ มันไม่ใช่พูดกับต๋อง “

“ถามอะไรก็ไม่ตอบ ก็เลยรำคาญ”

“มีอะไรก็พูดกันดิ แฟนกัน ก็อย่าเงียบ เดี๋ยมันจะไม่ดี”

“คับ”





.......................

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
เพิ่งรู้ว่าคุณน้องเขียนนิยายกะเขาด้วย
เลยแวะเข้ามาทักทายค่ะ  อิอิ


เจ้สอง  :bye2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด