แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: แ ค่ เ อื้ อ ม . . .  (อ่าน 53246 ครั้ง)

ออฟไลน์ สุขาพาเพลิน

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 617
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
    • facebook
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #120 เมื่อ02-08-2009 15:05:21 »

เก็บเงินได้เดี๋ยวไปเที่ยวเลบ

RAJCHABUT

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #121 เมื่อ03-08-2009 19:40:41 »




ต อ น ที่  ๒ ๕


ค รึ่ ง ค่ อ น โ ล ก






   
   นัทกระหืดกระหอบมาแทบแย่  มันเดินเข้ามาในอาคารตรวจผู้โดยสาร  แล้วมันก็ก้าวเท้ายาว ๆ  เข้าไปในเล้านจ์ผู้โดยสารชั้นบิวซิเนส  ท้องมันหิว เพราะมันเลิกจากอบรม  มันก็ตรงดิ่งมาที่ดอนเมืองเลย  มันเกือบจะตกไฟล์อยู่แล้วเชียว  แต่มันโชคดีมั้งที่ อย่างน้อยมันมามาทันเวลาจนได้


   ภายในห้องรับรองตกแต่งอย่างดี  นัทมันเดินไปที่ซุ้มอาหารที่ทางสายการบินเตรียมเอาไว้รับรองลูกค้า  นัทเลือกเอาครัวซองกับน้ำผลไม้รวม  แล้วมานั่งกินด้วยความหิว   จนเจ้าหน้าที่ประกาศขึ้นเครื่องนั่น มันถึงได้เดินออกมาจากห้องรับรอง 

   เกต ๖๕  เจ้าจำปีจอดสงบนิ่งรอมันอยู่มั้ง  มันเดินเข้าไปในงวงช้างช้า ๆ   แอร์โฮสเตสสาวสวยะ  ยืนฉีกยิ้มไหว้มันอย่างนอบน้อม  มันยกมือไหว้ตอบ

   เบาะนั่งหลังใหญ่  อยู่ที่ส่วนหน้าของเครื่อง  วันนี้มันบินกลับบ้านแล้วล่ะ  หลังจากที่มันมาอบรมที่กรุงเทพฯ อยู่ ๓  วัน  นัทมันเข้าไปนั่งประจำที่  มันหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน  ไม่สนใจกับผู้คนที่ทยอยเดินเข้าไปด้านหลัง  ชีวิตมันเรียบง่ายมั้ง  เพราะมันมีแต่งาน  มันไม่ค่อยมีเวลาว่างที่จะไปทำอย่างอื่นเลยด้วยซ้ำไป

   “ไอ้นัท”  เสียงเรียกทักนั่น  นัทถึงเงยหน้ามองไปตามเสียง

   นัทยิ้มก่อนยกมือไหว้  มันมีสีหน้าดีใจไม่น้อย  อย่างน้อย ๆ  มันก็ได้เจอกับคนที่รู้จักบ้าง  มันไม่น่าเบื่อเกินไปสำหรับการเดินทาง 

   นัทยิ้มกว้าง

   “พี่ต้น  นั่งที่นี่เหรอพี่”  นัทมันแปลกใจ  เมื่อต้นนั่งลงที่เบาะติดกับมัน

   “เออดิ  แปลกใจอยู่เลย  แต่เสียดายว่ะ  น่าจะได้นั่งกับสาว ๆ  ไม่น่าเลย”  พี่ต้นหัวเราะก่อนลงนั่งใกล้ ๆ  มัน

   “แหมพี่  นั่งกับผมทำบ่นไปได้  แล้วพี่ต้นไปไหนครับนี่”   

   “เชียงใหม่ไง  นั่งไฟล์เชียงใหม่จะให้ไปลงลำปางเหรอไงวะ  ถามแปลกจังนะเอ็ง”  คนตอบกวนแบบเคย 

   นัทมันยิ้ม . . .

   . . .  มันคุ้นเสียแล้วกับนิสัยแบบนี้

   “ครับพี่  ไปทำอะไรพี่  หาเด็กเหรอ”

   “เอ้ย  เป็นเล่นไป  ไปเรียนอยู่สองปี  มะมีสาวมาหลงสักราย  นี่เลยต้องขอย้ายตัวเองมาทำงานที่เชียงใหม่อีกรอบ  เผื่อคราวนี้จะได้สาวกับเขามั่งไง  แล้วนัทมาทำอะไรนี่  เดาะนั่งบิ้วซิเนสเสียด้วยนะเอ็ง”

   “อ้าวพี่  แล้วพี่นั่งชั้นประหยัดเหรอ  ลำพังผมน่ะให้นั่งเครื่องอย่าหวังเลย  ถ้าบริษัทไม่จ่าย   แถมเขาใจดีให้นั่งกว้าง ๆ  ด้วยสิครับ”  นัทมันยิ้ม

   ลูกเรือเริ่มเข้ามา . . .

   . . . ประตูเครื่องเริ่มปิด  เครื่องค่อย ๆ  ถอยออกจากเกต  อย่างช้า ๆ  นัทมองเห็นอาคารผู้โดยสารภายในเริ่มเล็กลง เรื่อย ๆ     มันผ่านลานจอดที่อาคารภายนอกประเทศ  ที่มีเครื่องบินจอดอยู่เรียงรายมากมายนับสิบลำ

   “อ้าว  วกกลับมาจนได้นะแก  แล้วนัทสบายดีมั้ย”

   “ดีครับพี่”

   “งานที่ทำล่ะ  เงินดีมั้ย”

   นัทมันหันมามองหน้า . . .

   . . .  มันยิ้ม 

   ในขณะที่มือมันเอาเข็มขัดมารัดเอาไว้  เครื่องค่อย ๆ  เลี้ยวตัวหันหน้าลงไปทางใต้  เสียงเครื่องยนต์เร่งเครื่องก่อนที่จะวิ่งไปตามรันเวย์อย่างรวดเร็ว  แล้วหัวค่อย ๆ  เชิดขึ้นก่อนจะ TAKE  OFF  ขึ้นไปอย่างนิ่มนวล

   “ก็ดีพี่  แต่ปีหน้า  ผมว่าจะเรียนต่อโทแล้วล่ะครับ  เรียนแค่ตรีคงไม่ไหวพี่”

   ต้นยิ้ม . . .

   . . . ในหัวมันไม่เคยคิดจะเรียนต่อโทเลยให้ตายดิ  แค่เรียน ป.ตรี  มันก็แทบอ้วกอยู่แล้ว  จะให้ทนมานั่งทำรายงานส่งอาจารย์อีกไม่เอาเด็ดขาดเลย

   “ดีนี่หว่า  แล้วแวะไปแม่นะบ้างมั้ย”  ต้นถาม 

   อย่างน้อย . . .

   . . . มันก็พอรู้มาบ้าง 

   นัทมันผูก  มันพันตัวเองไว้กับคนที่นั่น  มันไปทุกปีแหละ  แต่ตอนนี้มันทำงานแล้ว  ไม่รู้มันจะยังไปแบบเมื่อก่อนอีกมั้ย

   “ก่อนผมมาหลวงตาก้องอาพาธพี่  อยู่ที่สวนดอกนะครับ  นี่กลับไปยังไม่รู้จะออกจากโรงพยาบาลหรือยัง  ผมยังไม่โทรถามเลยครับ”  แววตานัทมันห่วงขึ้นมาเมื่อนึกถึงหลวงตาที่มันคุ้นเคย

   “อ้าวหรือ  เป็นไรมากมั้ย”

   “ไม่รู้พี่  ยังไม่รู้เหมือนกัน  เพราะวันผมมา  หลวงตาเข้าโรงพยาบาลพอดี  พี่ไปเยี่ยมกับผมมั้ย”

   “เอาดิ๊  ไปกราบหลวงตากัน”



   บอยมันค่อย ๆ  ชิน  เมื่อหัวใจมันบอกว่า  มันหมดแล้ว  นัทกับมันคงหมดวาสนากันแค่นี้แหละ  มันไม่เรียกร้องอีกแล้ว  มันไม่ดิ้นรนขวนขวายอีกต่อไป  มันไม่กล้าไปในวันเก่า  ค่อย ๆ  เอาผ้าเช็ดหน้า  ลงเก็บในหีบไม้ใบเล็ก ๆ  แล้วมันล๊อคกุญแจเอาไว้ 

   บอยซุกมันไว้ในตู้เสื้อผ้า . . .

   . . . มันไม่มีวันเอามาดูอีกแล้วล่ะ

   มันจะไม่ยอมเจ็บอีกแล้ว

   มันเจ็บมานานแล้ว 

   พอแล้วล่ะ . . .

   . . .  สำหรับการรักใครสักคน รักที่มันรู้สึกว่ามันรักด้วยหัวใจทั้งหมดที่มี  บอยมันลงมาจากหอพัก  มันรู้  ดินรอมันอยู่  รอมันอยู่ในเมือง  บอย  ค่อย ๆ  ขับมอเตอร์ไซด์คันโปรดมา  อย่างช้า ๆ  มันจำถนนได้แล้ว  แม้ไม่ทุกซอกทุกซอยก็เหอะ  มันมาเลี้ยวซ้ายที่แยกพงษ์เพชร  ผ่านศาลากลาง  และโรงเรียนมัธยมประจำจังหวัด  ก่อนมาหยุดจอดนิ่งที่โรงแรมเก่าที่ตรงข้ามกับศาลหลักเมือง 

   บอยมันนั่งรอดินที่ล้อบบี้หลังจากโทรไปตามดินบนห้อง 

   มันรู้ ดินไม่ยอมไปพักกับมันที่หอพัก  เพราะดินกลัวคนอื่นมองไม่ดี  ดินมาทุกครั้งจะพักที่โรงแรมทุกครั้ง  บอยออกมาหามัน  แต่ดึก ๆ  บอยก็กลับที่พัก  เช่นเดิม

   แค่อึดใจเดียวเท่านั้น  ดินก็ลงมา . . .

   . . . บอยมันยิ้ม  มันทักทายกันเล็กน้อย

   “เดินเล่นดีกว่ามั้ยดิน  ค่ำ ๆ  ค่อยไปหาอะไรกินกันที่ศาลเจ้า”  บอยมันชวน  มันมีเรื่องอยากจะบอกดิน 

   ข่าวดีของมัน . . .

   “เอาดิ  อยากไปเกาะกลางแม่น้ำ  ยังไม่เคยไปเลย”

   “ได้สิ  เดินข้ามไปสองสะพานเอง”  บอยบอก  พลางเดินนำหน้า

   มันเดินข้ามสะพานจากฝั่งในเมืองไปสู่ฝั่งในบาง  สะพานสร้างหลายปีแล้วล่ะ  แต่ถนนที่จะตัดไปหน้าสนามบินยังไม่เสร็จเลย  คงต้องรออีกหลายปีล่ะมั้งถึงจะเสร็จ 

   บอยมันเดินไปช้า ๆ . . .

   . . .  ชีวิตมันไม่เร่ง  มันไม่รีบอีกแล้วล่ะ

   “อากาศดีว่ะบอย”  ดินมันหน้าระรื่น  ในกทม  มันมีอากาศแบบนี้เสียที่ไหนได้เล่า

   “อืม  ข้ามไปที่เกาะ  อากาศดีกว่านี้อีกล่ะดิน  ต้นไม้ทั้งนั้น  ดินเห็นหรือปล่าว”

   “เห็นสิบอย  นึกถึงสวนรุกขชาติที่ตีนดอยเลยเนาะ” 

   ดินมันพูดไป  แล้วมันนึกขึ้นมาได้  มันไม่ควรพูดถึงเชียงใหม่  มันไม่รู้ ว่าบอยยังฝังใจกับที่นั่นมากน้อยขนาดไหน  มันเผลอ   มันได้แค่เหลือบตามองบอยเงียบ ๆ

   แล้วบอยก็พาดิน  ข้ามสะพานเล็ก ๆ  มายังเกาะลำพูจนได้  ลมพัดจนเห็นระลอกคลื่นกลางแม่น้ำ  บอยมันเดินไปเรื่อย ๆ  มันเลือกที่จะเดินไปนั่งที่ศาลาเล็ก ๆ  ริมแม่น้ำ

   บอยมันมาบ่อย . . .

   . . . บางทีเวลามันเหงา  มันจะมานั่งมองน้ำ  มันอยากรู้  แม่น้ำสายนี้  ไหลมานานขนาดไหน  พบพานอะไรมาบ้าง  ชีวิตมันไม่มากเท่าแม่น้ำ  แต่สิ่งที่บอยมันพบ  สิ่งที่บอยมันเจอ  มันท้อ  แต่มันก็ผ่านมาได้  มันผ่านมาทั้งน้ำตาเลยด้วยซ้ำ  แต่บอยมันฮึดที่จะสู้  มันเต็มใจที่จะเดินข้ามวันเวลานั้นให้ได้

   “ไหนบอยบอกมีอะไรจะบอกดินเหรอ”

   ดินมองหน้าบอย . . .

   . . . อยากมองให้ลึกไปในหัวใจบอยด้วยซ้ำ  นาน ๆ  บอยมันอยากจะมีเรื่องที่จะคุยกับดิน 

   บอยยิ้ม  รอยยิ้มของบอยแห้งแล้งพิกลอย่างไรไม่รู้

   “บอยจะเรียนต่อเอกแหละดิน”

   “จริงเหรอ  ดีสิบอย  จะมีเพื่อนในรุ่นเป็นดอกเตอร์กับเขามั้ง”  ดินมันดีใจ  มันไม่ทันสังเกต  แววตาบอยหมอง

   “ว่าแต่บอยสมัครแล้วเหรอ  ที่ไหน จุฬาเหรอ”

   บอยส่ายหน้าช้า ๆ  . . .

   . . . มันจะบอกอย่างไรดีหว่า  มันรอจนทางโน้นเขาตอบตกลงมา  แล้วมันฉุกละหุกเสียด้วยสิ  อีกสองอาทิตย์มันต้องเดินทางแล้วล่ะ  มันรอบอกดินในเวลากระชั้นชิดเกินไปมั้ยหนอ   “อ้าว  แล้วที่ไหนเปิดสอนเอกมั่งล่ะ”

   “ไม่รู้ดิ”

   “อ้าว  ไม่รู้  แล้วจะเรียนที่ไหนยังไม่รู้”

   ดินมันแปลกใจ . . .

   . . . คนอยากเรียนแต่ไม่รู้ 

   จะเป็นไปได้เหรอ  มันมองหน้าบอย  มันเริ่มแปลกใจ  บอยชักมีอะไรแปลก  ๆ  อีกแล้ว  ดินเห็น  แววตาบอยคล้ายมีคำตอบให้มัน 

   ดินชาวาบ . . .

   . . . แค่กรุงเทพฯ  กับ สุราษฏร์ธานี 

   มันมาหาบอยได้เดือนละครั้งมันมาได้  แต่นี่  แววตาบอยบอก  มันกลัว  มันกลัวคำตอบที่บอยจะบอกแล้วล่ะ

   “อีกนานมั้ยบอย”  เสียงดินทอดลงต่ำ

   “สองอาทิตย์”

   “โอ้ย  แล้วทำไมเพิ่งมาบอก  สองอาทิตย์เองเหรอ”  ดินมันรู้แล้ว  หัวใจมันเริ่มไกลออกไป  มันมองหน้าบอยนิ่ง  บอยเองก็ไม่แตกต่าง  ก้มหน้านิ่ง

   “ที่ไหนเหรอบอย” 

   มันเอ่ยออกมาอย่างยากเย็น  มันไม่อยากฟังหรอก  มันไม่อยากยอมรับความจริงว่ามันต้องห่างกันไปไกล

   “เยอรมัน”

   นั่นไง . . .

   . . . ผิดจากที่มันคิดเสียที่ไหนกัน

   ดินมันรับฟัง  แววตามันเศร้า ๆ  หมอง ๆ  มันจุกอยู่ในอก  มันจะทำไรได้นี่  เวลาแค่สองอาทิตย์  ไอ้บอยมันปิดมิดชิด  มันปิดมิดเหลือเกินที่ดินจะรู้ได้  ดินได้แต่แบนหน้าหนีไปมองสายน้ำ

   สายน้ำยังคงไหลลงที่ต่ำเรื่อย ๆ  อย่างไม่รู้จักเหนื่อยหน่าย

   ดินล่ะ . . .

   . . .  ดินเหมือนอะไรล่ะ

   มันรู้แล้ว  นานแค่ไหน  มันไม่มีวันได้เข้าใกล้หัวใจบอยเลย  แม้บอยจะไปไกล  ยังไม่ได้บอกมันล่วงหน้าเลยด้วยซ้ำ  มันน้อยใจ  บอยทำเหมือนกับมันไม่ใช่เพื่อน

   เพื่อน  . . .

   . . . ใช่มันอาจเคยเป็นเพื่อน     

   ดินรู้มันเองที่ทำลายกำแพงคำว่าเพื่อนของบอยให้พังทลายลง  แล้วการที่บอยยังพูดกับมันบ้าง  มันก็ดีใจแล้วล่ะ  มันมองสายน้ำ  มันอยากเป็นเหมือนสายน้ำ  ไหลไปโดยที่ยังรู้ว่าจุดหมายปลายทางคือทะเล  ห้วงมหรรนพอันกว้างใหญ่  แต่ปลายทางหัวใจของดินล่ะ  คิดมาถึงตอนนีดินได้แต่ยิ้มเยาะตัวเอง

   “ดินจะให้บอยค้างกับดินมั้ยคืนนี้”  บอยมันถาม

   ถ้าเป็นเมื่อก่อนดินคงยิ้มที่ได้ยินบอยพูดแบบนี้ 

   แต่ . . .

   . . . ตอนนี้

   ดินมันไม่มีอารมณ์อะไรทั้งนั้น  มันไม่อยากให้บอยอยู่กับมันเพราะสงสารมันหรอก  มันไม่ต้องการความสงสาร  แต่สิ่งที่ดินอยากได้คือความรัก

   ความรัก . . .

   . . .  ที่บอยไม่เคยเหลือไว้ให้ใครเลย

   ดินมันรู้ 

   แต่มันยังแอบหวังไม่ได้  ว่ามันอาจจะได้รักจากบอย  แต่วันนี้ดินรู้แล้วไม่มีทางเลย  ไม่มีทางเลยสักนิดที่ดินจะเดินไปใกล้หัวใจบอย  มันไม่อาจเดินไปได้ในจุดที่ดินหวัง

   “บอยจะหนีหัวใจตัวเองไปถึงไหน . . .”  ดินถอนหายใจเบา ๆ ราวกับว่าแบกโลกเอาไว้ทั้งโลก

   “. . . บอยไม่รู้เหรอ  ถึงบอยจะหนีไปสุดหล้าฟ้าเขียว  บอยก็ไม่มีวันที่จะหนีหัวใจตัวเองได้หรอก  คนเรานะบอยทำอะไรก็ตามอย่าหนี  เราสู้กับมันสิบอย  อย่างน้อยถ้าเราสู้  เราอาจจะชนะ  ถ้าเราชนะ  เราจะได้ไม่ต้องหนีอีกไง  บอยไม่เหนื่อยบ้างเหรอกับการต้องวิ่งหนีหัวใจตัวเองแบบที่บอยกำลังทำอยู่นี่”

   “ไม่ได้หนีดิน  อยากไปเรียนเองจริง ๆ  นะ”

   บอยมันมองหน้าดิน . . .

   . . . มันไม่หนีหรอก 

   ที่มันตัดสินใจไป เพราะมันมีทุน  มันอยากไป  มันทำใจเรื่องนัทตั้งแต่ที่มันคิดว่านัทเปลี่ยนเบอร์หนีมันแล้วล่ะ

   “ถ้าอยากเรียนจริง ๆ  ก็ดีใจด้วย  แต่ถ้าบอยหนี  บอยจะรู้เองแหละ  ว่าระยะทางต่อให้ห่างขนาดไหน  บอยก็หนีหัวใจตัวเองไม่พ้นหรอก  เพราะมันจะตามติดบอยไปทุกแห่ง  ทุกที่เลยล่ะบอย”

   ดินยิ้ม . . .

   . . . ดินมันยิ้มให้กับสิ่งที่มันคิดว่า  ควรเป็นอย่างที่สุ
   


   บอยมันนั่งเงียบ ๆ  ดินมาส่งมันที่ดอนเมือง  มันไม่อยากมองแววตาดินเพราะบอยรู้ดี  ดินเจ็บปวดกับการตัดสินใจของมัน    โลกภายนอกมืด  เพราะมันบินไปสู่ทิศตะวันตก 

   โลกมีทั้งซีกมืด . . .

   . . . และสว่าง 

   ความสว่างในชีวิต  ในหัวใจ  ไม่ใช่สิ่งที่แน่นอนสำหรับบอย  เพราะหัวใจมันไม่เคยสว่าง  มันไม่เคยพบแสงสว่างจากหัวใจเลยด้วยซ้ำ

   เพราะมันใช้เทียนของนัทนำทาง . . .

   . . . เทียนที่นัทไม่เคยจุดให้มัน

   มันกลับมองข้ามตะเกียงที่ดินยื่นให้  เพราะมันหลงคิดว่าเทียนนั้นสวย  ถ้าบอยมันคว้าตะเกียงหัวใจ  บางทีมันอาจจะไม่ต้องเดินทางไกลแบบนี้ก็เป็นได้  แต่เส้นทางชีวิต  มันกำหนดเองไม่ได้  มันจึงต้องเดินตามที่ . . .

   . . . พหรมลิขิต

   บอยมันไม่รู้หรอกว่าเมืองที่มันจะไป  มันเป็นยังไง  เพราะมันติดต่อกับมหาวิทยาลัยทางอินเตอร์เน็ท  แล้วทุกอย่าง  มันก็ไม่ได้ดำเนินเรื่องเอง  มันรู้แค่ว่า  มันต้องบินไปลงเฟรงเฟริตก่อน  แล้วมันต้องต่อเครื่องไปที่เบรเมนอีกทีนึง  บอยมันเคยบินที่ไหนเล่า  แต่มันยังอุ่นใจ  แอร์ที่เป็นรุ่นน้องสมัยเรียนเชียงใหม่แวะมาคุยกับมันบ่อย ๆ 

   “เดี๋ยวพอลงที่แฟรงเฟริตแล้วต้องต่อเครื่องไปเบรเมนนะ  อีกสักชั่วโมงก็คงถึง วันนี้เครื่องดีเลย์นิดหน่อย”  แอร์ใจดี  ยิ้มกับมัน

   “แล้วกระเป๋าล่ะ”

   “พาสทรู”  แอร์ยิ้ม 

   บอกแบบคนที่รู้  เพราะบอยมันเอาตั๋วให้ดูแล้ว  มันลงทีจี  มันต่อเครื่องลำเล็กของลุฟฮันซ่าไปลงเบรเมนได้

   “หมายความว่าไงครับ”

   บอยมันกังวลลึก ๆ  กระเป๋ามันส่งขึ้นเครื่อง    ถ้ากระเป๋ามันหาย  มันจะเอาอะไรใส่  เสื้อผ้า ข้าวของมากมายในกระเป๋าของมัน  มันกังวลไปจิปาถะ

   “เขาส่งโหลดให้เรียบร้อยไปยังเมืองปลายทางจ้ะ เดี๋ยวบอยลงก็ไปต่อที่เทอร์มินอลภายในได้เลย  เอาแค่ฉอนด์เบลกไปเท่านั้นแหละ”  แอร์ยิ้มหวานอีกรอบ

   มันยิ้ม . . .

   . . . มันโล่ง 

   ดีไม่ต้องลาก  กระเป่ามันใบใหญ่  มันตุนพวกอาหารแห้งมามากมายเลยทีเดียวเลยล่ะ  พาสทรูก็พาสทรูว่ะ  ค่อยไปเอาที่เบรเมน

   เครื่องดีเลย์แบบที่แอร์บอกมันจริง ๆ 

   บอยมันลงจากเครื่อง  มันก็ตรงดิ่งไปที่เคาเตอร์ภายใน  มันหวุดหวิดเกือบไม่ทันไฟล์แรกเสียด้วย  ไม่อย่างนั้นมันอาจจต้องนั่งเครื่องไปลงที่ฮัมบูก  แล้วนั่งรถไฟย้อนกลับมาเอากระเป๋าที่เบรเมนอีกแหง  มันชักจะสนุกกับความวุ่นวายของเยอรมัน  ที่มันเพิ่งก้าวเท้าลงมาเหยียบแผ่นดินเมื่อสักครู่นี้เอง

   เครื่องภายใน  ลำเล็กจริง ๆ แฮะ  น่าจะเท่ากับลำที่มันขึ้นจากสุราษฏร์ธานีมากรุงเทพฯ  มั้ง

   ช่างเหอะ . . .

   . . .  ไม่น่าจะนานหรอก 

   เพราะบอยมันดูในแผนที่  ภาษาเยอรมัน  ไม่ชินตามันเลย  แต่ยังดีที่มีภาษาอังกฤษควบคู่ไปด้วย  มันเผลอหลับไปงีบนึง  มารู้สึกตัวอีกทีเมื่อเครื่องมาจอดเทียบที่สนามบินเบรเมน  บอยมันลงมารอกระเป๋า  มันลุ้นเสียแทบแย่  แต่มันยิ้มเมื่อกระเป๋าของมันค่อย ๆ  ลอยมาตามสายพานลำเลียงกระเป๋า

   ประเทศเยอรมันนี่ใจดีแฮะ  เปิดแอร์ทั้งประเทศนี่หว่า . . .

     มันบอกกับตัวเอง  เมื่อมายืนรอเท็กซี่ที่หน้าสนามบิน  อากาศเย็นจับใจทีเดียว  บอยเอามือป้องปากพ่นลมหายใจให้ไออุ่นมาสัมผัสมือมันบ้าง  มันกวาดตามองรอบ ๆ  ตัว  ทุกอย่างล้วนแปลกตาสำหรับมัน  มันเดินไปยังเท็กซี่  ก่อนจะคุยไรกัน  แล้วเขาก็เอากระเป๋ามันใส่ในรถ

   ตึกใหญ่ตรงหน้าละหม้ายคล้ายกับห้างสรรพสินค้ามั้ง แต่ในห้องกระจกที่มันมองเห็นคือ  อินฟอร์เมชั่น  สำหรับนักท่องเที่ยว  มันเดินเข้าไป  แล้วมันก็กลับออกมาพร้อมสมุดเล่มเล็ก ๆ  กับแผนที่และตารางรถไฟ 

   บอยมันนั่งลงเปิดสมุด . . .

   . . .  แล้วเทียบกับสถานที่ของมัน  มันใช้ปากกาเน้นข้อความเขียนอะไรไปในแผนที่  บางทีมันขมวดคิ้วด้วยความสงสัย  บางทีมันก็ยิ้มเพราะมันตรงกันกับสิ่งที่มันเขียนเป็นภาษาไทยมา

   มันลากสังขารไปถึงสถานีรถไฟที่เบรเมน  มันเดินไปซื้อตั๋ว  แล้วบอยมันถึงรู้  มันจะหลงเอาตอนนี้แหละว้า

   ทางรถไฟยังกะใยแมงมุม

   มันไม่มีใครช่วยนี่หว่า  มันดิ้นรนมาตั้งแต่ต้นแล้ว  เพราะฉะนั้น  มันจะกลัวอะไรอีก  หลงเป็นหลงสิวะ  ใครจะมาสนใจกะเหรี่ยงหลงดอยที่มายืนอยู่บนแผ่นดินเยอรมันแบบมันเล่า 

   โลก . . .

   . . . มีแต่คนแปลกหน้าสำหรับบอย

   กว่ามันจะหอบสังขารมาถึงโอเดนเบิร์ก  มันก็แทบแย่  มันหิวจนตตาลายไปหมด  มันได้แค่กัดกินแฮมเบอร์เกอร์กับน้ำอัดลมรองท้องเท่านั้น  มันเหนื่อยมันล้ากับการเดินทางไกลมาค่อนโลก  เมื่อมันมาถึงหอพักที่ทางมหาลัยจัดไว้ให้  มันก็ทิ้งตัวลงนอนทันที  ปล่อยให้กะเป๋าวางไว้แบบนั้นก่อนเหอะ  มันยังไม่ถึงเวลาที่จะเอาของออกมา  ตอนนี้มันอยากนอนมากที่สุดในโลก




ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #122 เมื่อ04-08-2009 13:00:07 »

ใกล้บทเริ่มต้นของเรื่องแล้ววววววววว

หุหุหุหุหุ.......

dokjarn

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #123 เมื่อ04-08-2009 16:57:36 »

 :L1:

นอนหลับให้สบายเถอะนายบอย

ตื่นขึ้นมาจะได้ตามหาหัวใจที่ไม่รู้ว่าจะได้เจอเมื่อไร

รีบๆเรียนให้จบเน้อ

จะได้ไปเริ่มต้นตอนที่อยากอ่าน

อยากรู้ว่าเขาจะเจอกันแบบไหน ยังไง

ก็เริ่มต้นไว้แบบนี้อ่ะ

คิ คิ คิ

 :pig4:

ออฟไลน์ สุขาพาเพลิน

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 617
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
    • facebook
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #124 เมื่อ04-08-2009 21:34:49 »

ตอนนี้ตามไปเยอเลยนะเนี่ย

ronney

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #125 เมื่อ05-08-2009 20:12:13 »

มายังละเนี่ย

บอยเหนื่อยมั้ยนั่น

ออฟไลน์ myxt

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #126 เมื่อ08-08-2009 13:14:41 »

จากกันไกลกว่าเดิมอีก
แต่ระยะทางจะห่างแค่ไหน
เหมือนในใจบอยก็ยังคงมีนัทอยู่ตลอดเวลา
 :monkeysad:

alterlyx

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #127 เมื่อ08-08-2009 23:35:59 »

อิ่มเอม ... ดีใจที่ตามอ่านเรื่องนี้ได้ทันท่วงที  :กอด1:
อ่านแล้ว รู้สึกว่า แผ่นดินไทย มันมีอะไรหลากหลาย น่าค้นหาจริงๆ ... ย้อนกลับมาดูตัวเองแล้ว โลกแคบชะมัด

เรื่องนี้ ตอกย้ำมากๆเลยนะคะว่า ... ความรัก แม้จะไม่สมหวัง แต่มันก็ยังงดงามในตัวเองเสมอ  :กอด1:

ถึงแม้ไม่ได้มีเรื่องราวของดินเท่าไหร่นัก ... แต่ก็แอบเชียร์ดินอยู่นะคะ
เชียร์ดินที่กล้าเอื้อม กล้าคว้า กล้าผิดหวัง ... กล้าเสี่ยงที่จะได้รับความรักตอบแทนกลับมาบ้างซักนิด
แต่สุดท้าย ... ดินรู้แล้ว  การได้เห็นคนที่เรารักมีความสุข  มันจะสุขมากกว่าการที่เราได้คนที่เรารักมาครอบครอง

ปล. ชอบคำพูดของดินอยู่ประโยคนึง ... โรแมนติกจับใจเลย อิอิ
“อ้อ  แล้วผมขอมอบเพลงนี้ พิเศษสุดสำหรับคนที่สำลักเหล้าเมื่อสักครู่ด้วยนะครับ”

RAJCHABUT

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #128 เมื่อ09-08-2009 20:28:10 »

ต อ น ที่   ๒ ๖
เ ชื่ อ ม โ ล ก ด้ ว ย เ น็ ท


   บอยมันวุ่นอยู่กับการเรียนเสียเกือบเดือน  มันต้องปรับตัวเองใหม่หมดทุกอย่าง  ที่นี่  มีแต่คนที่มันไม่คุ้นหน้าค่าตาเลยสักคน  วันที่บอยไปรายงานตัวที่มหาวิทยาลัยบอยพยายามมองหาพวกเอเชียหัวดำ  และมันก็นับหัวได้เลยมั้ง  เพราะพวกที่เรียนกับมันมีแค่พวกหัวเหลืองแทบทั้งนั้น  มันวุ่นเสียจนแทบไม่มีเวลาทีจะคิดเรื่องอื่น

   จนมันเริ่มปรับตัวให้เข้าที่เข้าทางได้แล้วนั่นแหละ  มันถึงรู้ว่า  เมืองนอกเหงากว่าที่มันคิดเสียอีก  สิ่งเดียวที่เชื่อมมันกับเมืองไทยเอาไว้ได้คือ  คอมพิวเตอร์   

   บอยมีเวลาเหลือมากในแต่ละวัน  เพราะมันต้องเอาเวลาไปลงเรียนภาษาเยอรมันเสียก่อน  ไอ้ภาษาอังกฤษของมันก็จักแล่นเต็มกลืน 

   แต่ครั้งนี้ . . .

   . . .  มันต้องเรียนภาษาเยอรมันด้วยสิ 

   มันพยายามทำใจแล้วให้สนุก  แต่มันไม่ยักกะสนุกตามแฮะ  มันปวดกบาลหนักเข้าไปอีก  แต่นับว่าเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย  เพราะบอยมันเอาสมองไปรบกับการเรียนภาษาจนมันค่อย ๆ  ลืม ภาพที่เชียงใหม่ลงไปชั่วขณะ

   มันลืมไม่ได้หรอก 

   . . . เพราะเชียงใหม่คือส่วนที่มันคิดว่าดีที่สุดในชีวิต

   มันก็เหมือนตะกอนที่ค่อย ๆ  ตกลงก้นบึ้งยามน้ำสงบนิ่ง  รอเวลาว่าเมื่อไหร่จะมีใครกวนน้ำนั้นให้ขุ่นอีกครั้งเท่านั้นเอง 

   บอยมันรู้  หัวใจของมันในส่วนของนัทเริ่มสงบแล้ว  เพราะมันแทบไม่นึกถึงนัทเลย  สมองมันมีแต่เรื่องเรียน  เพราะมันรู้ดี  ทุนสามปีสำหรับมันอาจจะไม่จบ  และถ้ามันไม่จบมันจะลำบากหนักกว่าเดิมอีก  หนี้สินจะค่อย ๆ  เพิ่มพูนขึ้นตามวันเวลาที่มันเรียนไม่จบ  ก็เขาให้ทุนมาสามปี  ถ้ามันอยากเรียนมากกว่านั้นต้องจ่ายเอง

   เมืองที่บอยอยู่เป็นเมืองเล็ก ๆ 

   เมืองที่สงบ  ค่าครองชีพไม่แพงอย่างที่มันคิดไว้แต่แรก  มันได้นั่งรถไฟไปเที่ยวยังเมืองใกล้ ๆ  บ้าง  เป็นครั้งคราว  อย่างน้อยมันก็ได้ออกมาสู่โลกกว้างแล้ว  มันจะทำตัวหดอยู่แต่ในกระดองของ  Oldenburg(โอลเดนบูร์ก) ได้อย่างไรกัน  มันสนุกกับการใช้ชีวิตในโลกใหม่ 

   และมันไม่ลืม . . .

   . . . ดิน 

   มันไม่ลืม . . . พี่ต้น 

   สองคนนี้มันแชท  มันส่ง  mail  ถึงกันเสมอ 

   แต่ . . .

   . . . สำหรับนัท 

   หลังจากคืนนั้น  คืนสุดท้ายที่เชียงใหม่  มันเหมือนคนตายจากกันไปแล้วล่ะ  เพราะมันไม่เคยได้ข่าวคราวของนัทอีกเลย

   บางครั้งมันเหงา  มันจะส่งเมล์ให้ดินหรือพี่ต้น  แต่ดินตอบเมล์มันช้า  ดินมันบอกขี้เกียจ  แต่จะโทรมาหามันมากกว่า  เรื่องของเมล์  มันจึงยกไปให้พี่ต้น  มันมีเมล์หากันเกือบทุกวัน

   
   Oldenburg  (เรียกเป็นภาษาไทยว่า  “โอ้  กระเด็นมาบนบก”)

   วันที่  ไม่บอกแล้วกัน  สถานที่ตอนนี้  ในห้องนอน หน้าโน้ตบุ้ค

   แล้วผมก็หาความหมายของ  Oldenburg มาได้แล้วพี่   แปลว่าปราสาทโบราณหรือเมืองเก่าอะไรเทือกนี้  แต่ช่างเหอะอย่างไรเสียกะเหรี่ยงจากเมืองไทยอย่างเราไม่กลัวหลงอยู่แล้ว

    "หนทางอยู่กับปาก"

    จะไปกลัวอะไร  แต่นั่นดันคิดผิด  อ้าว  เยอรมันมันชาตินิยมจ๋าไม่เดาะภาษาปะกิตเลย  โอ้ว  จอร์ส  งานนี้เกือบเอาตัวไม่รอดกว่าจะปรับตัวได้แบบทุกวันนี้

   พี่ต้นครับ. . .   

    เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา  ผมออกไปตะรอนมาด้วยล่ะครับ  ไปที่  "Hamburg"

    เมืองใหญ่อีกเมืองของเยอรมันครับพี่  ที่นี่มีอะไรมากมายเลยแหละพี่  พี่รู้จัก  Hamburger  มะ  เขาเล่าต่อกันมาว่า  ที่เมือง  Hamburg  นี่แหละเป็นต้นกำเนิดเลยล่ะ    แน่ะ  ทำหน้างงอีกพี่เรา  ก็พี่ดูสิครับแค่เอา  er  ใส่เข้าไปมันก็เป็น Hamburger  แล้วล่ะ

    อันนี้คนที่นี่เขายืนยันว่าจริงนะพี่  ผมไม่ได้คิดเอาเองหรอก  เพราะถ้าผมคิดเองได้  พี่คงไม่พูดบ่อย ๆ  หรอก  ว่า  “วันนี้บอยกินหญ้าแล้วหรือยัง” 

   ตึกที่นี่จะเป็นตึกเก่า ๆ  คล้ายปราสาทตามเทพนิยายที่เคยอ่านนะพี่  เป็นตึกทรงยุโรป  แต่ดันมีดดม  คล้าย ๆ  กับมัสยิดแหละ  แต่อย่างว่าแหละพี่  ก็ศาสนาคริสต์กับอิสลาม  มันก็มาจากพื้นเดียวกัน



    เอาเป็นว่าเรื่องศาสนาเราอย่าไปแตะแล้วกัน  มันน่ากลัว  อิอิ  วันนี้ผมเดินเสียขาลากเลยพี่  เมืองใหญ่มาก  มองไปทางไหนก็แปลกตาไปหมด  มือกดชัตเตอร์เสียเป็นระวิงเลย  จนมาถึงที่นี่  ไอ้ตึกแดง ๆ  ตามรูปที่ผมส่งมาให้พี่นั่นแหละ

    โอ้ยพี่. . .

    ผมก็นึกว่ามันตึกทำอะไร  ถ้าให้พี่ทายเล่น ๆ  พี่จะทายว่าตึกอะไหนหนอ



    อย่าเขกกบาลผมดี  เดี๋ยวฉี่รดที่นอน  แหม  เล่นนิดเล่นหน่อยก็ไม่ได้  ไอ้ตึกแดงที่ว่านะ  มีชื่อว่า speicher Stadt ครับ เป็นโกดังเก็บของขายเครื่องเทศ,พรม ส่วนรูปสะพาน เป็น สะพานข้ามแม่น้ำ เอลเบ่อร์ (Elbe) ครับ ถ้าเดินย้อนหลังไปอีกนิดจะเป็นท่าเรือ ฮัมบูร์ก แล้วก็ ตลาดปลา (Fisch Markt)

    พี่เชื่อมั้ย  ผมเดินอยู่ที่นี่เหมือนกับเดินอยู่ในปราสาทเทพนิยายเลยแหละ  ก็พี่ดูรูปที่ผมส่งมาให้ดูสิครับ  มันน่าชวนขนหัวลุกขนาดไหน 

   ยังพี่  ยังไม่หมดหรอก  นี่แค่น้ำจิ้ม  เพราะอีกวันผมก็ได้ไปที่   "Friedhof"    อันนี้เป็นภาษาเยอรมัน  ถ้าผมบอกคำแปล  พี่คงไม่อยากมาแหง ๆ

   สุสาน

   มันคือสุสานที่ใหญ่ที่สุดในโลก  ที่ตั้งอยู่ที่นี่ครับพี่ แรกเริ่มที่เดียวผมเองยังไม่เชื่อเลยว่ามันคือสุสาน  ก็พี่ดูสิครับ  มันเหมือนสวนสาธารณะมากกว่า  ต้นไม้งี้เขียวครึ้มไปหมด  มันสวยเสียจนผมคิดไม่ได้ว่า  มันไม่เหมาะกับที่อยู่ของคนตายเลยสักนิด  ก็พี่ดูสิครับ  “ป่าช้า”  บ้านเรานะ  มีใครอยากไปเดินเล่นบ้างละครับ  ชวนขนพองสยองเกล้าเสียขนาดนั้น พี่ลองนึกภาพตามที่เคยเห็นในหนังนะ  ป่าช้าไทย  ต้นไม้รกครึ้ม  มีไม้เถาว์เลื้อยระโยงระยาง  แล้วดึก ๆ  มีเสียงหมาหอนเย็นยะเยือก



    โอ้ยพี่  แค่นี้หัวใจก็หล่นตุ๊บไปกองที่หัวแม่เท้าแล้วล่ะครับ   แต่ที่นี่  มีคนมานั่งเล่นกันเยอะนะครับ แปลกดีพี่

   ผมคงต้องจบเมล์ฉบับนี้แล้วล่ะครับ  ไว้ค่อยเมล์หาใหม่นะพี่

 
                                                                                                             บอย



   บอยมันยิ้ม . . . 

   . . . มันกดส่งไป 

   แล้วมันนอนแหงนหน้ามองเพดาน 

   ไม่รู้สิ . . . 

   . . . มันเหมือนคนมาท่องเที่ยวเลยแฮะ  บางครั้งเหมือนมันไม่ได้มาเรียนงั้นแหละ    มันไม่รู้หรอกอะไรจะเกิดขึ้นข้างหน้าบ้างเพราะมันไม่หยั่งรู้อนาคต  มันรู้แค่ว่าวันนี้มันทำดีที่สุดแล้ว  ดีที่สุดของมัน  คนอื่นอาจมองว่าไม่ดีก็ได้  มันไม่สนหรอก

    จดหมายของบอยมันสนุก  มันเขียนมายืดยาว  แถมยังส่งรูปสวย ๆ  มาให้ดูอีก  พี่ต้นอ่านไปยิ้มไป  บอยมันมีเรื่องอะไรอีกมากแหละ  ที่ขยันหามาเล่า  อาจเพราะมันอยู่ต่างถิ่นมั้ง  มันอาจเหงา  ไม่รู้จะทำอะไรก็ได้

   “นั่งยิ้มคนเดียวเลยเหรอพี่เรา”  เสียงทักทายจากคนทื่นยิ้มแผล่หน้าประตู ทำเอาต้นต้องหันไปมอง

   “อ้าว  นัท  มาทำอะไรถึงสนามบินว่ะ  เข้ามาก่อน  เลิกงานแล้วล่ะ   แต่ยังไม่อยากกลับ”  พี่ต้นขยับตัวเป็นท่านั่ง  พลางเลื่อนเก้าอี้ให้นัท

   “พอดีมาส่งเพื่อนนะครับพี่  เลยแวะมาดูคนแอบอู้งาน”

   “ไม่ได้อู้นะโว้ย  งานเสร็จแล้วล่ะ  ว่าแต่แกเหอะ  เพื่อนหรือแฟน”  พี่ต้นทำหน้าล้อ

   “เพื่อนพี่  เพื่อนจริง ๆ  มันลงไปกทม.  เพราะพ่อมันเข้าโรงพยาบาล  ไม่มีใครขับรถมาส่งมัน  ผมเลยต้องมาส่ง”

   “ไม่ได้ว่าไรนี่หว่า  ไอ้นี่ร้อนตัว  ว่าแต่วันนี้วันศุกร์  คืนนี้เที่ยวกันมั้ย  ไปไหนกันดีล่ะ”

   “กินเหล้าอีกเหรอพี่  แล้วงานพี่เสร็จแล้วเหรอ”

   “เสร็จแล้ว  นี่ก็กำลังอ่านเมล์บอยมันอยู่  มันส่งรูปมาให้ดู  ไปเรียนต่อที่เยอรมัน  สวยดีว่ะ”

   บอย . . .

    . . . นัทมันขมวดคิ้ว 

   ชื่อนี้อีกแล้ว

   “เออ  บอยมันก็จบมอชอนี่หว่า  . . .”  พี่ต้นดีดนิ้วเปาะคล้ายนึกอะไรออกมา

   “. . . แกน่าจะรู้จักนะโว้ย  เพราะมันเคยไปช่วยงานที่แม่นะด้วย  เออใช่” 

   นัทมันมอง . . .

   . . .  มันยิ้ม 

   ถ้าบอยคนที่ไปแม่นะ  ทำไมมันจะไม่รู้จักเล่า 

   มันรู้จักดีพอสมควร คนที่แอบชอบมันอยู่ไง  แต่บอยที่ไปเรียนต่อที่เยอรมันนี่มันไม่รู้จักแน่  เพราะบอยที่มันรู้จักไปสอนที่สุราษฏร์ธานีโน่น 

   ก็ข่าวสุดท้ายที่นัทรู้มันเป็นแบบนี้นี่หว่า

   “พ่อกำนันเคยบอก  นัทกับบอยไปช่วย  แต่ลืมถามทุกทีเลย  ปากหนักยังไงไม่รู้  ตกลงแกรู้จักบอยมั้ย”

   “บอยเยอรมันผมคงไม่รู้จักหรอกพี่  เพราะบอยที่ผมรู้จักมันทำงานที่สุราษฏร์ธานีโน่น  เพราะครั้งสุดท้ายที่ผมเจอ  ผมรู้แบบนี้แหละ”

   พี่ต้นยิ้ม  หัวเราะเบา ๆ

   “อ้าว  หัวเราะทำไมพี่”

   “งั้นก็คนเดียวกันว่ะ  ไอ้บอยวิดยา๔๐  ตอนนี้มันไปไกลแล้วล่ะ  มันกำลังจะไปคว้าดอกเตอร์ที่เยอรมันโน่น”

   “จริงเหรอพี่  โลกกลมเนาะ  แล้วมันรู้มั้ยพี่  ว่าพี่รู้จักกับผม”  นัทถาม  มันรู้แล้ว  ต้องแกล้งมันสักหน่อย  โทษฐานที่ไม่ติดต่อกลับกันเลย

   “ยังไม่รู้เลยว่ะ”

   “งั้นพี่อย่าเพิ่งบอกมันแล้วกัน  อำมันเล่น ๆ  ไปก่อน  ไว้ถ้ามันรู้ว่าพี่รู้จักกับผม  พี่จะอึ้ง”  นัทยิ้ม  ยิ้มมันคล้ายมีเลศนัยยังไงไม่รู้

   “ทำไมเหรอ”  พี่ต้นแปลกใจ  ทำไมมันสองคนนี้ช่างมีเรื่องลับลมคมในกันเหลือเกิน

   โลกล้วนมีอะไรมากมายที่เราคาดไม่ถึงเสมอแหละ

   “เอาน่าพี่  ทำตามที่ผมบอกแล้วกัน”

   ต้นพยักหน้ารับ . . .

   . . . บางทีคนเราอาจมีอะไรที่มันควรจะปิดบังเอาไว้ก็ได้  บางคนอาจจะอยากเก็บเรื่องราวเอาไว้  แต่สำหรับบางคน  เขาอาจจะอยากมีส่วนที่เขาอยากมีก็ได้กระมัง

   “เออนัท  อีกสองอาทิตย์ จะลงไปกทม. ว่ะ  ต้องอยู่ที่นั่นอาทิตย์นึง  แกจะเอาอะไรมั้ย”

   “จริงดิพี่  ผมต้องไปแข่งกีฬา ป.โท ที่บางแสนเหมือนกัน  ช่วงเวลาเดียวกันด้วยสิพี่”

   “เหรอ  เออดี  งั้นไว้แกลงไปถึงบางแสนโทรหาพี่แล้วกัน  แต่ว่าคืนนี้เราไปนั่งกินเหล้าที่ร้านนักเรียนเก่ากันเหอะ”

   “Old Scools  นี่นะ  ได้พี่ได้  เดี๋ยวโทรหาเพื่อนอีกสักสองสามคน  กำลังอยากกิน  มีคนเลี้ยงอีกแล้ววันนี้”  นัทมันยิ้ม  มันเจ้าเล่ห์ตามเคย

   พี่ต้นยิ้ม . . .

   . . . อย่างน้อย 

   โลกในเชียงใหม่  ของพี่ต้นยังคงสวยงามเสมอ  บางทีถ้าโลกของบอยในเชียงใหม่เป็นแบบนี้ได้  มันคงดีไม่น้อย  แต่โลกของบอยมันอยู่ที่มุมเศร้าและ  มันเศร้าตลอด


บอยมันตื่นมา  มันตื่นสายกว่าทุกวัน  อาจเพราะวันนี้วันเสาร์ปกติมันชอบตื่นสายในวันหยุด  วันนี้มันก็ตื่นสายอีก  เป็นปกติของมันแล้วล่ะ  วันเสาร์ - อาทิตย์วันสุขที่สุดของมันก็ว่าได้  บอยมองลอดออกไปนอกหน้าต่าง  หิมะเริ่มตกแล้วล่ะ  ตอนนี้ยุโรปเริ่มเข้าสุ่หน้าหนาวแล้ว 

   มันยังจำได้ดี . . .

   . . .  เมื่อสัปดาห์ก่อนหิมะเริ่มตกใหม่ ๆ  มันตื่นเต้นเสียจนใจแทบจะกระดอนออกมาด้านนอก  มันยังจำได้  มันเดินย่ำไปบนพื้นหิมะที่หนาเตอะ  มันไม่รู้นี่หว่าว่าหิมะมันเป็นแบบไหน

     บอยมันใช้สองมือ  โกยหิมะ  แล้วปั้นเป็นลูกกลม ๆ  ก่อนจะปาทิ้งไป  ก้อนหิมะคล้ายน้ำแข็งใสแตกดังโผล๊ะ  กระจายไปคนละทิศคนละทาง  มันเล่นหิมะเสียจนมืดค่ำ  เท้ามันเริ่มชาเพราะหิมะละลาย  รองเท้าผ้าใบมันเปียกชุ่ม  มันไม่รู้ฤดูหนาวเขาต้องใช้รองเท้าสำหรับเดินลุยหิมะ  ไม่ใช้ผ้าใบแบบที่มันใส่อยู่ประจำ

   แล้วบอยมันก็ซาบซึ้งกับหิมะแรกของมัน . . .

   . . .  หิมะเอามันถึงกับนอนซมอยู่สามวันเพราะพิษไข้

   มันได้รู้พิษสงของหิมะก็คราวนี้นี่เอง

   สิ่งแรกเวลามันตื่นคือมันจะต้องมาอยู่หน้าจอคอม  มันไม่รู้จะทำอะไรมั้ง  มันเหงานี่หว่า  หน้าจอคอม  คือสิ่งที่เชื่อมมันกับเมืองไทยเอาไว้ 

   ตอนนี้มันมีเพื่อนมากมายที่เมืองไทย  โดยรู้จักกันผ่านแชท  มันคลายความเหงาได้บ้าง  มันนึกถึงพี่ต้น  มันเอากล้องที่เพิ่งไปตะลุยหิมะ ออกมา  ใช่สาย USB  ต่อเข้ากับเครื่อง  แล้วมันก็โหลดรูปภาพลงในเครื่องอย่างช้า ๆ

   
   ที่เดิมแหละพี่

   เวลา  เกือบเที่ยงพี่  วันนี้นอนรับประทานบ้านรับประทานเมือง

   หิมะเริ่มตกแล้วครับพี่  ขาวโพลนไปหมดสุดลูกหูลูกตาแหละ  วันแรกที่หิมะตก  ผมลงไปเล่นเสียจนจับไข้ไปสามวันเลยทีเดียว  อ้าวก็ไม่รู้นี่ครับว่ามันเป็นแบบไหน  เคยเจอหิมะเสียที่ไหนล่ะครับ  ส่วนมากอยุ่เมืองไทยเคยเจอแต่  “ลูกเห็บ”

   เวลาจะออกไปในเมืองก็ค่อนข้างลำบากสักหน่อยนะพี่ 

   เพราะจักรยานก็ปั่นไปไม่ได้  จอดเรียงรายภายใต้กองหิมะ  ที่เริ่มหนาขึ้นเรื่อย ๆ  เห็นพยากรณ์อากาศปีนี้บอกทางยุโรปจะหนาวมากเสียด้วยนะครับ  ผมแทบไม่อยากออกนอกหอพักเลยครับพี่  เพราะเมื่อออกไปข้างนอกมันหนาวจับไปถึงขั้วหัวใจเลยทีเดียว  ทำให้นึกว่า  ถ้ามีใครมากอดสักคนก็คงจะดีไม่ใช่น้อย  แต่มันจะมีใครเล่า  คนแบบผมใครจะมามอง



   ช่วงนี้เมืองไม่ค่อยสวยเลยพี่  ต้นไม้คล้ายยืนต้นตาย เพราะไม้ทิ้งใบเหลือแต่กิ่ง  แบบเดียวกับที่ยางพาราผลัดใบนั่นแหละครับ  แล้วก็โดนหิมะคลุมทับเสียขาวโพลนไปหมด  มองอย่างกับขี้เถ้าของระเบิดภูเขาไฟแหละครับ 

   ไม่รู้สิครับพี่. . . 

   . . . ผมไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เอาเสียเลย  มันเหมือนกับว่าโลกมันเหงา ๆ  อย่างไรไม่รู้  ผมชอบสีเขียวมากกว่า  เพราะสีเขียวสดชื่นหัวใจ  มองแล้วสบายตากว่ากันเยอะเลย อาจเพราะผมโตมากับต้นไม้มั้ง  เมืองไทยบ้านเราต้นไม้เยอะ  อากาศไม่หนาวจัดแบบที่นี่  คนไทยนี่นับว่าโชคดีนะะผมว่า  พี่ดูรูปที่ผมส่งให้ไปแล้วกันนะครับ  มันเหงาแบบที่ผมบอกจริงหรือเปล่า

    แต่ตอนนี้ . . .

   . . . หัวใจผมเหงายิ่งกว่า

    เมื่อผมดันไปนึกถึงใครบางคน  แค่นี้ก่อนแล้วกันนะพี่

         คิดถึงพี่ต้นจังเลย

                                                                                                      บอย



   บอยมันกดส่ง  มันดันนึกถึงนัทขึ้นมาจับใจเลยทีเดียว  มันไม่รู้เหมือนกัน  ว่ามันนึกถึงนัทขึ้นมาอีกทำไม  ทั้ง ๆ  ที่ตอนมันมาอยู่ที่นี่  มันแทบไม่เคยนึกถึงนัทเลยด้วยซ้ำ  มันนอนหงาย  แววตาจ้องมองเพดานนิ่งนาน

   เสียงเรียกมีคนทักทาย  จากเครื่องคอมผ่านโปรแกรมยอดฮิต  บอยมันไม่สนใจที่จะตอบ  จนมันได้ยินเสียงเรียกถี่ ๆ  นั่นแหละ  มันถึงต่องนอนคว่ำหันกลับไปมอง

   “พี่ต้น”  มันยิ้ม  พลางเคาะแป้นพิมพ์

   “วันนี้ออนได้เหรอพี่”  บอยมันทักทายไป  มันยิ้ม  นาน ๆ  มันจะได้คุยกับพี่ต้นสักทีนึง

   “เออดิ  ทำไร  รูปสวยว่ะ  แต่เหงาจริง ๆ    ทำไม  คิดถึงสาวที่เมืองไทยเหรอ”  พี่ต้นพิมพ์ตอบกลับมา 

   บอยยิ้ม . . .

   . . .  สาวที่ไหนว่ะ  หนุ่มโว้ย  มันบอกตัวเองในใจ

   “แหมพี่  มีก็ดีสิ  แต่ผมไม่มี”

   “อ้าวเหรอ  งั้นไม่คิดถึงสาวก็คิดถึงหนุ่มดิ” 

   “เหอะๆๆๆ  พี่รู้ใจผม”  บอยมันยิ้ม  มันไม่รู้หรอก  ส่วนมากมันแกล้งคุยกับพี่ต้นได้ทุกเรื่องอยู่แล้วล่ะ

   “จริงดิ  หนุ่มเหนือ  หนุ่มใต้วะ”

   นั่นพี่ต้นท่าจะเอาจริงเล่นไม่เลิก

   “โอ้ยพี่เชื่อผมเหรอนี่  ผมนี่นะชอบหนุ่ม” 

   “อ้าวเอ็งบอกมาพี่ก็เชื่อ”

   นั่น . . .

   . . . ดูเหอะ 

   ทำไมทีเรื่องแบบนี้พี่ต้นเชื่อได้นะ  คนขี้เล่นแบบพี่ต้น  เชื่ออะไรง่าย ๆ  ด้วยเหรอว่ะ  บอยมันยิ้ม  เออเล่นกับพี่ต้นสักพักก็ได้ว่ะ  บางทีบอกในเรื่องจริงไปบ้าง  พี่เขาจะรู้สึกอย่างไรนะ

   “แล้วถ้าผมเป็นเกย์ขึ้นมาล่ะพี่”

   “เออ  ดีใจด้วยว่ะ”

   บอยมันงง . . .

   . . .  คำตอบพี่ต้น 

   ดีใจด้วย  จะมาดีใจที่มันไม่ใช่ผู้ชายนี่นะ  เขาจะมาดีใจเรื่องอะไรหว่า

   “อ้าวพี่  ดีใจทำไมกันครับ”

   “ก็เอ็งจะได้เป็นชายเหนือชายไง  ๕๕๕”

   พี่ต้นพูดเล่นกับมัน  ในขณะที่มันพยายามจะบอกความจริง  เอาว่ะ  ลองสารภาพกับพี่ต้นว่ามันเป็นเกย์ดิ  ดูว่าพี่ต้นเขาจะรู้สึกเช่นไรบ้าง  อย่างน้อยพี่ต้นก็ไล่แตะมันไม่ได้เหมือนตอนอยู่ที่เมืองไทยหรอก

   “พี่ต้น  ผมพูดจริงนะพี่  ผมเป็นเกย์  ผมชอบผู้ชายจริง ๆ  พี่”

   บอยมันกลั้นใจแทบตายกว่าจะพิมพ์ประโยคนั้นออกไปได้ 

   มันรอ . . .

   . . . รอพี่ต้นตอบกลับมา  มันดูเหมือนว่าเวลาแห่งการรอคอยการตอบกลับจะเนิ่นนานเสียเหลือเกิน

   “จริงดิ๊  ดีใจอีกครั้ง  พลเมืองโลกจะได้ลดลง  เพราะไม่มีคนสืบทอดทายาท”

   “จริงพี่  ผมชอบผู้ชายจริง ๆ  พี่”

   “เออ  แล้วแกชอบใครว่ะ  ถ้าบอกชอบตู  ก็แค่นี้นะโว้ยบ้าย บายเลยเอ็ง”

   นั่น . . .

   . . .  ดูเอา 

   พี่ต้นยังมีอารมณ์เล่นกับมันอีกแน่ะ  มันนะทำใจแทบตายกว่าจะกล้าพูดในเรื่องนี้  แต่พี่ต้นกลับทำเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาเสียงั้น

   “ไม่ใช่พี่   พี่นะพี่ชาย แต่คนที่ผมชอบนะ  เขาเคยเรียนที่เชียงใหม่กับผม  ไม่ใช่ดินนะพี่  ดินนะเพื่อนผม  สนิทกัน”

   มันรีบชิงบอก  เพราะพี่ต้นเห็นมันกับดินสนิทกัน 

   “แล้วคนนั้นชื่อไรว่ะ  บอกหน่อยดิ  ชื่อย่อก็ได้เอ้า”  นั่นพี่ต้นจะเล่นเกมส์ทายอักษรกับมันดอกหรือ 

   เอาก็เอาว่ะ . . .

   . . .  ลองเล่นกันเกมสืแล้วกัน  ไม่เห็นจะแปลกอะไรเลยนี่หว่า  สนุก ๆ  ขำขำ

   “น หนู  แล้วกันพี่  ให้ทายสามครั้งพี่”

   “นัท”

   บอยมันอึ้ง . . .

   . . .  พี่ต้นพิมพ์ตอบกลับมาเร็วเหลือเกิน  แล้วยังเป็นคำตอบที่โดนใจมันเสียด้วย  พี่ต้นรู้อะไรหว่า  ดินเล่าให้ฟังเหรอ 

   ไม่น่า . . .

   . . .  ไม่น่าจะใช่ดิน  เพราะดินมันไม่น่าจะบอกเรื่องนี้

   “กรรม  เลย  พูดไม่ออกเลยผม”

   “เหอะ ๆ ๆ ๆ   เดี๋ยวจะส่ง  SMS  เบอร์ใหม่ให้เอ็งพรุ่งนี้  แล้วอย่าลืมโทรกลับนะเอ็ง  ว่าแต่ตอนนี้ขอตัวว่ะ  จะไปบางแสนแร้ว  ไปเที่ยวทะเล   อย่าลืมนะโว้ย  พรุ่งนี้  ถ้าส่งเบอร์ให้ปั๊บ  โทรปุ๊บเลยนะโว้ย  สัญญานะ”

   “สัญญาพี่”

   บอยมันตอบกลับไป . . .

   พี่ต้นออกไปแล้ว  แต่มันยังคงงง ๆ  อยู่ดี  พี่ต้นนะพี่ต้น  ทายแค่ชื่อแรกก็ถูกแล้ว  แถมยังมาหัวเราะอีก  ไม่ตอบไม่คุยต่อเสียด้วย  ปล่อยให้มันคิดไปเองเสียอีก  ไว้ค่อยโทรไปถามก็ได้ว่ะ


ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #129 เมื่อ10-08-2009 09:48:11 »

หุหุ....

ชอบพี่ต้นนนนนนนน

ก๊วน กวน


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
« ตอบ #129 เมื่อ: 10-08-2009 09:48:11 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






dokjarn

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #130 เมื่อ10-08-2009 11:28:09 »

อ้างถึง
“เหอะ ๆ ๆ ๆ   เดี๋ยวจะส่ง  SMS  เบอร์ใหม่ให้เอ็งพรุ่งนี้  แล้วอย่าลืมโทรกลับนะเอ็ง  ว่าแต่ตอนนี้ขอตัวว่ะ  จะไปบางแสนแร้ว  ไปเที่ยวทะเล   อย่าลืมนะโว้ย  พรุ่งนี้  ถ้าส่งเบอร์ให้ปั๊บ  โทรปุ๊บเลยนะโว้ย  สัญญานะ”

   “สัญญาพี่”

   บอยมันตอบกลับไป . . .


ส่งมายังครับ
ถ้าส่งแล้วโทรเลยเน้อ
อยากรู้จะคุยไรกัน
เบอร์ นัท แหงม แหงม
ขอบคุณครับ

 :pig4:

ronney

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #131 เมื่อ10-08-2009 18:42:10 »

ไกลสุดขอบฟ้าเลยนะนั่น

รอ  ต่อไป

alterlyx

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #132 เมื่อ10-08-2009 20:27:16 »

เหมือนว่า พี่ต้น จะเกิดมาเพื่อช่วยเหลือ บอย ในแทบทุกเรื่องเลยนะคะ

แต่ไม่รู้ว่า จะช่วยให้บอยก  นัท ลงเอยกันด้วยดีได้มั้ยนะ !!?  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ litlittledragon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +304/-1
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #133 เมื่อ10-08-2009 22:49:23 »

โทรครั้งนี้ใครจะเป็นคนรับกัน

ออฟไลน์ สุขาพาเพลิน

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 617
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
    • facebook
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #134 เมื่อ11-08-2009 22:52:07 »

.ช่พี่ต้นแน่หรอ

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #135 เมื่อ12-08-2009 00:22:20 »

เหอๆ ไอ่คนที่ chat กะบอยตอนหลังเนี่ย

ตัวจริงเร้อ

สงกะสัย

"นัท" สวมรอย

หุหุ

yaoifan

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #136 เมื่อ13-08-2009 09:38:53 »

มารออ่านว่า บอย จะโทรจริงหรือเปล่า

tonsai_2520

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #137 เมื่อ13-08-2009 11:47:07 »


^

^

^

มาจิ้มรีบนเล่น ๆ 


โทรเลยดิ๊ . . .

. . . อย่ากลัว ๆ ๆ


dokjarn

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #138 เมื่อ14-08-2009 12:02:44 »

 :z3:

อ้าว...ยังไม่โทรกันอีกหรือ

จะคอยฟัง

ว่าเขาจะคุยอะไรกัน


ออฟไลน์ myxt

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #139 เมื่อ15-08-2009 09:44:27 »

อ๊ากกกกก
เบอร์ที่พี่ต้นจะให้ เป็นเบอร์ที่บอยโทรหาตอนเริ่มต้นเรื่องนี้รึเปล่าน๊อ
หุหุ ตื่นเต้นจัง
คุณราชบุตรมาต่อไวๆนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
« ตอบ #139 เมื่อ: 15-08-2009 09:44:27 »





dokjarn

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #140 เมื่อ20-08-2009 11:19:56 »

 :z3:

คุณราชบุตร

มัวแต่ไปขลุกอยู่ที่บาหลี

ไม่มาเปิดเสียงโทรศัพท์

ให้เราฟังเสียทีครับ

 :z10:

RAJCHABUT

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #141 เมื่อ20-08-2009 13:41:21 »


^

^

^

เจอทวงด้วยวุ้ย . . .

. . . จัดไปครับผม



ตอนที่  ๒๗



“08xxxxxxx  เบอร์นัทว่ะ  แน่จริงโทรเลยเด่ะ”

   แล้วพี่ต้นก็  SMS  มาหามันจริง ๆ  บอยกำโทรศัพท์เอาไว้แน่น  เขารับรู้ได้ว่าฝ่ามือของเขาเย็นเฉียบ  แต่เหงื่อมันกลับซึมออกมา  เขาเพิ่งได้รับตัวเลข ๙ หลักจากคนที่อยู่ไกลกันเกือบครึ่งฟ้า


   “เอาไงดีว่ะ  พี่ต้นนะพี่ต้น  ผมกำลังจะลืมอยู่แล้วเชียว  ดันมาบอกอีกว่าเบอร์นัท”  ชายวัยเลยเบญจเพศเดินกระสับกระส่ายไปมาราวหนูติดจั่น

   เขามองลอดหน้าต่างอพาร์ตเม้นท์ออกไป . . .

   . . .  หิมะกำลังโปรยปราย  

   ทั่วทั้งบริเวณตึกขาวโพลนไปหมด  ต้นไม้เหลือแค่กิ่งก้านที่โดนเกล็ดหิมะจับ  ข้างนอกมันหนาวเหน็บ  ไม่แตกต่างไปจากหัวใจของเขา  ที่มันทั้งหนาวทั้งแห้งแล้ง เพราะไร้น้ำมาหยดรดรินหัวใจมานานแล้ว  แต่เขาโชคดีที่ด้านในมีฮีตเตอร์  ร่างกายเขาเลยอบอุ่นแต่หัวใจของเขาล่ะ  มันหนาวกว่าหิมะที่โหมกระหน่ำอยู่ด้านนอกกระมัง

   “I really love you Nat.   From boy.”

   บอยมันยังจำแม่นข้อความสั้นที่มันส่งผ่านโทรศัพท์เมื่อหลายปีก่อน  ตอนที่บอยรู้ตัวว่าต้องมาสอนไกลถึงจังหวัดทางภาคใต้  มันห่างไกลจากจังหวัดที่เขาเรียนจบมาเกือบ ๑,๕๐๐  กิโลเมตร  จากโอบล้อมของขุนเขา  ที่เขาเรียนมา ๖ ปีเต็ม มาสู่จังหวัดร้อยเกาะ  หัวใจมันต้องโบยบินไกลเหลือเกิน

   . . . และมันรับรู้หลังจากนั้นนัทมันเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ใหม่

   บอยจำทุก ๆ  อิริยาบถของนัทได้ดีเสมอ  นับตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอกัน  จนถึงวันสุดท้ายที่บอยต้องลาจาก  มันเก็บความรู้สึกส่วนลึกของหัวใจตัวเองไว้มิดชิด  ความรักของมันงดงามเสมอ  มันไม่ยอมเอาความรักของมันไปแปดเปื้อนตัวนัทเด็ดขาด  มันสัญญากับตัวเอง

   มันยินดีที่จะเก็บหัวใจรักของมันเอาไว้แบบนี้

   รักที่ไม่ต้องการการครอบครอง . . .

   . . .  รักเพราะหัวใจสั่งให้รัก

   ไม่ใช่รักเพื่อเอาเขามาไว้ในกรงขังของหัวใจ  

   บอยมันยิ้ม  มันสุขกับรอยยิ้มที่ฉาบบนใบหน้านัท  เหมือนรอยยิ้มที่มันเห็นครั้งแรก  จากชายแปลกหน้า  ที่วันนี้กลายมาเป็นชายแรกที่มันรักอย่างเต็มหัวใจ

   หัวใจของมันเหมือนอยู่ในโลกที่มืดสนิท  ลึกจนแทบไม่มีใครหยั่งไปถึง  

   แต่วันนี้  

   “พี่ต้น”  

   กลับมากระตุกความรู้สึก  ที่มันเองก็แทบจะลืมไปแล้วว่าความรู้สึกนั้นเป็นเช่นไร  แต่บอยมันยิ้ม  มันยินดีที่จะเดินกลับไปในห้วงเวลานั้นอีกครั้ง  แม้มันจะรู้ว่า  มันทำได้แค่  แอบมองนัทเงียบ ๆ  เท่านั้น

   แค่นั้นเอง . . .

   . . . ที่หัวใจมันต้องการ

   “โทรเลย  รอไรอยู่อีก”  เสียงภายในตัวออกคำสั่ง

   “อย่าเชียวนะแก  เดี๋ยวนัทมันเปลี่ยนเบอร์หนีอีก”  อีกเสียงคอยเตือน

   บอยมันละล้าละลัง  

   “โทรสิ  โทรไปขอโทษนัทมันที่คิดไปแบบนั้น  เรื่องมันผ่านมาตั้งนานแล้ว  อีกอย่างตอนนั้นมันเหมือนการคิดยึดใครเอาไว้มากกว่าใช่คิดจะมีไรแบบนั้นกับเขาสักหน่อย”

   “โธ้โว้ย!  พี่ต้นนะพี่ต้น  ผมกำลังทำใจได้อยู่แล้วเชียว”  มันตะโกนออกมาดัง ๆ  พอที่จะดับอารมณ์อันเดือดพล่านภายในได้บ้าง

   บอยหงายโทรศัพท์ในมือ  แล้วกดตามเบอร์ที่เพิ่งได้มา  เขารอสายแล้วกดมันทิ้ง  เขาทำไม่ได้  เขากลัวไปหมด  กลัวเสียงตอบรับจากปลายสาย  กลัวว่าปลายสายจะตัดสายทิ้งถ้ารู้ว่าเขาโทรไป  ถ้าเป็นแบบนั้นบอยมันคงเศร้าไปอีกหลายวัน  มันสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดเดินไปหยุดที่หน้าต่างริมกระจก

   หิมะยังคงตกมาโปรยปราย เหมือนหัวใจของบอยตอนนี้มั้ง  มันเหมือนกับอะไรสักอย่างที่ตกตะกอนจนน้ำใสแล้วจู่ ๆ  ก็มีคนมากวนตะกอนนั้นให้มันขุ่นมัวขึ้นอีกครั้งแทนที่จะตักตะกอนในหัวใจของเขาทิ้งไป  บอยกดโทรศัพท์อีกเป็นครั้งที่สอง  แต่แล้วเขาก็ต้องกดสายทิ้งอีกก่อนที่ปลายสายจะได้ยินเสียงตอบรับ  มันยากเหลือเกินกับการที่เราจะทำในสิ่งที่หัวใจปรารถนา

   “แม่งเอ้ย  ไอ้พี่ต้นกล้าจังเลยว่ะ  เขาโทรไปคุยกับนัททั้ง ๆ  ที่ไม่รู้จัก  เอาดิ  กลัวไรว่ะมึงโทรเลย”  ไม่รู้ว่าเป็นตัวร้ายหรือตัวดีในร่างกายบอยบอกให้บอยโทรอีก  มันกดโทรศัพท์อีกเป็นครั้งที่สาม  แล้วมันก็ต้องทำแบบสองครั้งแรก

   “โอ้ยอยากบ้า”

   บอยเขวี้ยงโทรศัพท์ลงบนเตียงนอน  ก่อนกระโดดตัวทิ้งตัวลงนอนบนที่นอน  เขาลืมตาโพลงมองฝ้าเพดาน  มือควานหาโทรศัพท์ที่ทิ้งลงมาก่อนหน้านี้  บอยตัดสินใจเป็นครั้งสุดท้ายเอาว่ะ  เป็นไงเป็นกัน  อย่างน้อยมันคงไม่เจ็บเท่าที่ผ่านมากระมัง  เพราะตอนนี้เขาไม่ได้รู้สึกแบบนั้นกับนัทแล้วนี่หว่า แค่อยากขอโทษที่เผลอคิดอะไรไปกับเพื่อนเก่า  

   เอ!

   ใช้คำว่าเพื่อนเก่าได้หรือปล่าวหว่า   เพราะมันนานมาก  มากจนบอยไม่นึกว่าจะเจอกับนัทอีกแล้วในชาตินี้   บอยมันเหมือนคนที่ยืนในที่มืด  เฝ้ามองดูนัทอยู่ห่าง ๆ  เท่านั้นเอง  สิ่งที่มันต้องการคือแค่ได้เห็นคนที่มันรัก ยิ้ม  หัวเราะสนุกสนานในหมู่เพื่อนสนิทของเขาเท่านั้นเอง

   ส่วนมันเพื่อนร่วมงานที่บังเอิญสนิทกันในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้นเอง  นัทมันรายล้อมด้วยเพื่อนฝูงมากมาย  จะมีที่ว่างในหัวใจของนัทที่มองมาที่บอยหรอกหรือ  บอยมันคิดไปต่าง ๆ  นานา  เท่าที่สมองมันจะคิดได้ในตอนนั้น

   “ตื้ด….ตื้ด”  

   เสียงปลายสายว่าง  แต่หัวใจของบอยมันว้าวุ่น  แต่ละเสียงเรียกที่ผ่านไปมันช่างนานราวชั่วกัปชั่วกัลป์  เขารอปลายเสียงตอบรับด้วยความทรมานหัวใจเป็นที่สุด  

   แล้วหัวใจของบอยก็เต้นแรงขึ้นเมื่อเขาได้ยินเสียงจากคนไกลจากเมืองไทย

   “สวัสดีครับ”

   “ขอสายนัทครับ”  มันพยายามกลั้นหัวใจตัวเองให้พูดแบบที่ปกติที่สุด

   “ครับผม  นัทพูดอยู่ครับ  ใครนะ”  เสียงปลายสายมันไม่ค่อยคุ้น  หรือว่าเพราะมันไม่กล้าที่จะคุยกับนัทตั้งนานมาแล้วก็เป็นได้  

   มันนึก . . .

   . . .  มันนานแค่ไหนแล้วนะที่มันได้ยินเสียงนัท    หลายปีทีเดียว เสียงนั้นเปลี่ยนไป  หรืออาจเพราะหูของมันไม่คุ้นกับเสียงที่มีมาตามสายก็ไม่รู้  สิ่งเดียวที่มันรู้ในตอนนี้  ก้อนเนื้อบางอย่างทำหน้าที่แรงเสียด้วย

   ช่างเหอะ  บอยสลัดความคิดทั้งหมดทิ้ง  รวบรวมความกล้าพูดกับปลายสายต่อไป

   “ณัฐพงศ์หรือปล่าวครับ”

   “ครับผม  ณัฐพงศ์เองครับ”

   โอย!  

   บอยมันเข่าอ่อน ร่างกายมันเหมือนคนหมดแรงเอาดื้อ ๆ  พี่ต้นนะพี่ต้น  ทำไรลงไปนี่  เมื่อวานตอนมันแชทกับพี่ต้น  พี่ต้นบอกรู้แล้วเบอร์นัท  กำลังโทรคุยกันอยู่มันยังคิดว่าพี่ต้นอำมันเล่นเสียอีก  

   แต่วันนี้ . . .  

   มันกลับได้คุยกับคนที่มันรู้สึกว่าสร้างความผิดเอาไว้  มันรู้สึกหมดกำลังวังชาที่จะยืนอยู่บนโลกนี้เสียด้วยซ้ำ  

   แล้วถ้ามันรู้อีกว่า  พี่ต้นของมันรู้จักกับนัทก่อนหน้านี้  มันจะทำหน้าแบบไหนกันนี่  ก็พี่ต้นเล่นปิดเงียบ  จนมันแทบไม่รู้สึกอะไรเลยเสียด้วยซ้ำ  เพราะคนนึงไม่ถาม  อีกคนเลยไม่จำเป็นต้องบอก

   โลกก็เช่นนี้แหละ . . .

   . . . มันกลม

   สิ่งที่เราไม่คาดคิดมักจะเกิดขึ้นกับเราอย่างไม่รู้ตัวเสมอ  มันคือความเที่ยงแท้ของโลก  ที่มนุษย์ทุกผู้ทุกนามยากที่จะปฏิเสธมันไปได้  เพราะเรายังต้องยืนอยู่บนโลก บูด ๆ เบี้ยว ๆ  ใบนี้  โลกที่นักวิทยาศาสตร์บอกว่ากลมไงล่ะ

   “โทรมาอย่าเงียบดิครับ”  เสียงจากปลายสายกระตุ้นให้บอยมันตื่นจากความคิด

   “ครับ ๆ  เราบอยนะครับ  บอยวิดยา๔๐  จำได้มั้ย”  บอยละล่ำละลัก  คล้ายอะไรจุกอยู่ที่ปาก  ก็มันไม่รู้จะสรรหาคำอะไรมาพูด  แค่นี้มันก็อายจนอยากแทรกแผ่นดินหนีแล้วล่ะ

   เวลา . . .

   . . . ไม่ได้ช่วยอะไรมันเลย

   เกือบสิบปี ตั้งแต่รอยยิ้มแรกที่มันเจอ  มาจนกระทั่งวันนี้  มันไม่ได้ทำให้บอยกล้ามากขึ้น  และดูเหมือนว่า  จะทำให้มันอ่อนระโหยโรยแรงได้มากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำไป  มันคงเกิดมาแพ้ทางนัทอย่างแน่แท้

   “บอย . . ”  

   นัทมันทวนชื่อ  เสียงมันบอกมา  เหมือนกับคนที่รู้สึกว่าคลับคล้ายคลับครากับชื่อนี้  มันคุ้นเหมือนเคยรู้จัก  มันติดอยู่แถว ๆ  ตะเข็บหัวใจ  มันพยายามนึก  บอยวิดยา  ใครกันนะ  เอ  หรือมันหลงลืมเพื่อนบางคนไปหรือปล่าว  

   “. . . โทษทีนะครับ  นึกไม่ออกเลย  พอดีช่วงนี้มึน ๆ  เลยจำอะไรไม่ค่อยได้”

   ดูเอาเหอะ  แม้จะจำไม่ได้  แต่นัทมันยังคงเหมือนนัทคนเดิม ที่อ่อนโยนกับเพื่อนเสมอ  บอยมันจำได้แม่น  นัทที่คอยดูแลเอาใจใส่คนรอบข้างตลอดเวลา  ทุกสิ่งทุกอย่างของนัทเริ่มเข้ามาในความทรงจำที่แทบจะเลือนหายไปของบอย  เขาเริ่มเห็นภาพนัท   กลับมาชัดเจนในความรู้สึกอีกครั้ง

   “เพื่อนบิ้กไงครับ  อยู่กลุ่มเดียวกัน”  บอยมันไม่ละพยายามที่จะให้อีกฝ่ายจดจำมันได้”

   “อืม”  เสียงนัทขาดหายไปชั่วครู่  

   “ผมจำบิ้กได้ครับ  แต่จำบอยไม่ได้  โทษอีกครั้งนะครับ”

   บิ้ก  นัทจำได้  และมันยังจำเลยไปถึงอีกคนที่เป็นเพื่อนบิ้ก  นัทมันเริ่มจำอะไรได้ราง ๆ  

   แต่เดี๋ยวก่อน  มันไม่รู้ว่าบอยจะมาแบบไหน  ขอมันอำเล่นสักพักนึงก่อนเหอะ  เพื่อให้แน่ใจว่าใช่ คน ๆ  นั้นแน่ ๆ  คนที่คอยช่วยเหลือมันห่าง ๆ  ในงานของชมรม  นัทมันนึกในใจ  น่าจะใช่คนเดียวกัน

   “ผมจำบิ้กได้ครับ  แต่จำบอยไม่ได้  โทษอีกครั้งนะครับ”  เอาอีกแล้ว  คำตอบของนัท  คล้ายมีดที่กรีดลึกลงไปในหัวใจของบอย  หรือจะเหมือนฟ้าผ่ากลางกบาล  นัทมันจำบอยไม่ได้จริง ๆ  แหละ  

   ช่างเหอะ . .  

   . . . จำไม่ได้ก็ดีเหมือนกันอย่างน้อยเขาอาจจะลืมคนที่แค่เคยผ่านมาเท่านั้น  สำหรับบอย  นัทไม่ใช่แค่คนเคยผ่าน  แต่นัทมันคือความทรงจำที่ดีในรั้วมหาวิทยาลัย

   ความทรงจำ . . .

   . . . ลืมกันง่าย ๆ  กระนั้นหรือ

   ถ้าลืมกันง่ายเขาจะเรียกมันว่า . . .

   . . .  ความทรงจำฤๅ

   “ได้ข่าวว่านัทมาเรียนต่อโทพลังงานเหรอครับ เป็นไงยากมั้ยครับ”

   “ครับผม  ก็ยากเอาการอยู่ครับ  แล้วบอยละครับทำอะไรอยู่”  เสียงจากปลายสายเริ่มเป็นกันเองมาขึ้น  

   บอยมันค่อย ๆ  หายกลัว มันยิ้มออกมาได้  หรือจะมีใครบอกมันมั้ยนะว่าตอนนี้มันหน้าแดงกว่าปกติทั่วไป  บอยมันนอนบิดไปบิดมาบนที่นอนด้วยความเขิน

   มันเขินตัวเองหรือเขินที่ได้ยินเสียงนัทกันแน่นะ  

   แต่มันรู้แค่มันเหมือนตัวเบา  คล้ายจะลอยได้  มันเหมือนปุยนุ่นที่โดนกระแสลมพัดลอยไปมาในอากาศมิปาน  มันเป็นเอามากขนาดนั้นเลยทีเดียวเทียวแหละ

   “ผมเรียนครับ เรียนต่อเหมือนกัน”   

   “เรียนที่ไหนครับ”

   “เยอรมันครับ”  มันพูดออกไปแล้วนึกขึ้นได้  

   ตายห่า . . .

   . . . นี่มันเดาะโทรทางไกลหานัทจากเยอรมันเลยเหรอ  ปลายสายจะคิดยังไงนะที่จู่ ๆ  มีผู้ชายที่ไหนไม่รู้โทรหาแถมยังโทรจากอีกซีกหนึ่งของโลกเสียด้วยสิ

   “ไกลจัง  สบายดีมั้ยครับไปเรียนที่โน่น”

   “ก็พอปรับตัวได้แล้วครับ  เออ  นัทยุ่งหรือปล่าว  ถ้ายุ่งผมไม่กวนแล้วนะครับ”  มันไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว  จู่ ๆ  มันก็หมดเรื่องราวที่จะคุยเอาเสียงั้น  

   ทั้ง ๆ  ที่ก่อนโทรมันตั้งใจเสียดิบดี  ว่าจะโทรแล้วคุยโน่นคุยนี่  แต่เมื่อปลายสายยืนยันว่าจำไม่ได้  มันคงไม่เซ้าซี้หรอก  แค่นี้มันก็ดีนักหนาแล้วล่ะ  ได้ยินเสียงคนที่มันอยากได้ยินมาหลายปี

   “คุยได้ครับ  พอดีมาแข่งกีฬา ปริญญาโทที่ชลบุรีนะครับ”

   “อ่อครับเป็นไงมั้งครับ”

   “แพ้หมดแล้ว  ตกรอบแล้วล่ะ”   น้ำเสียงปลายสายไม่มีที่ท่าเสียใจเลย  แถมยังมีท่าทางร่าเริงเสียด้วยซ้ำ  เหมือนนัทคนเดิมที่บอยเคยเจอ

   “ไม่ใช่  ผมหมายถึงสบายดีมั้ยครับ”  บอยมันเริ่มกล้าที่จะคุยมากขึ้น

   “ก็ดีครับ  เรื่อย ๆ  ครับ ชีวิตถ้าไม่ดิ้นรนมากก็ไม่เหนื่อยมาก  บางครั้งคนเราอาจอยากได้โน่นได้นี่ก็เหนื่อยเป็นธรรมดาครับ”  นัทยังคงเป็นนัท  มันจะมีคำพูด  ดี ๆ  แฝงไว้ทุกครั้ง

   บอยมันยิ้มกับตัวเอง  

   นัทของมัน . . .    

   . . . ไม่ใช่สิ    อย่าแสดงความเป็นเจ้าของโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอมสิบอย

   นัทเป็นเพื่อนเก่า . . .

   . . . มันบอกตัวเอง

   แค่เพื่อนเก่าของมันยังคงเป็นนัทคนเดิมที่มันรู้จัก  เป็นนัทที่มีความคิดความอ่านโตเกินตัวอยู่เสมอ  บอยมันยิ้มเมื่อมันมองย้อนไปในวันเก่า ๆ  ตั้งแต่แรก ๆ  ที่มันเริ่มรู้จักกับนัท  

   เหมือนวันเวลาเหล่านั้นไม่เคยผ่านไปเลย

   บอยมันเก็บเวลาทุกอย่างสำหรับนัทไว้ได้อย่างดี  มันจะยิ้มทุกครั้งที่นึกถึง  มันไม่เคยโกรธนัท  แม้มันจะแอบน้อยใจนัทบ้าง  แต่มันรู้ดี  มันไม่มีวันที่จะโกรธรักแรกของมันเป็นอันขาด  บอยมันเฝ้าเก็บความรักของมันไว้เป็นอย่างดี  บัดนี้ความรักที่มันเก็บไว้มิดชิด  โดนมือดีมาเปิดอีกครั้ง

   บอยมันยินดีที่จะให้เขาเปิด  มันยินดีเป็นที่สุดด้วยซ้ำไป

   “ครับ  ไม่กวนนัทแล้วดีกว่าครับ  บอยค่อยโทรหาใหม่แล้วกันนะครับ”

   “ได้ครับได้  หวัดดีครับ”

   ปลายสายตัดไปนานแล้ว  แต่บอยมันยังนอนยิ้มมองเพดานห้องอยู่เลย  มันลองเอามือมาหยิกที่แก้มตัวเอง  

   เออ!  

   เจ็บนี่หว่า  มันไม่ได้ฝันไปหรอกทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ล้วนเป็นความจริงทั้งนั้นแหละ  บอยมันยิ้มเป็นสุข  มันอาจเป็นวันที่มันสุขที่สุดในชีวิตตั้งแต่ที่มันส่งข้อความนั้นไปหานัทแล้วก็ได้

   “เฮ้ย  ยิ้มทำไม  พี่ต้นแกล้งเตี้ยมกับใครแล้วอำเล่นหรือปล่าว”  อีกเสียงภายในใจมันสอดแทรกมาในความคิด

   “นั่นดิ”  มันตอบคำถามที่มันตั้งขึ้นมาเอง

   “พี่ต้นชอบแกล้งด้วย  ถ้าเป็นนัททำไมเสียงเปลี่ยนไปจังเลย  เปลี่ยนมากด้วยนะโว้ย”  มันยังโต้ตอบกับความคิดของตัวเอง

   “ช่างเหอะ  คิดทำไมในทางไม่ดี  อย่างน้อยวันนี้ก็มีความสุขไม่ใช่หรือ”  มันตัดความคิดทุกอย่างออก  ค่อย ๆ  ลุกจากเตียงนอนมองลอดหน้าต่างออกไป  สนามบาสที่ข้าง ๆ  หอพักขาวโพลนไปด้วยหิมะ

   มันยิ้มกับตัวเองเอาหน้าพิงกระจก  ไอเย็นจากด้านนอกทะลุผ่านกระจกสัมผัสมาที่แก้มของบอยเบา ๆ  สายตาทอดยาวออกไปทางทิศตะวันออกราวกับจะมองให้เห็นถึงอีกซีกหนึ่งของโลก   



   หันหันกลับมามองเจ้าของความคิด  พี่ต้นนั่งยิ้ม  พี่ต้นขำมันเหรอ  มันอดใจแทบตายที่ไม่หัวเราะออกไปตั้งแต่แรก  ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม  มันควรจะคุยกับบอยให้หายคาใจทั้งเรื่องของมันเองที่บอยคิดกับมันแบบนั้น  แต่มันดันแกล้งบอกไปว่าไม่รู้จักบอยเสียงั้น

   “หัวเราะทำไมพี่  แกล้งคนมันสนุกเหรอ  นัทมันถาม  มันไม่ค่อยสนุกด้วยแล้วแหละ  มันฟังน้ำเสียงบอยที่ค่อนข้างจะตื่น ๆ  ร้อนรนชอบกล

   “อ้าวไอ้นี่  ลงเรือลำเดียวกันแล้วนะแก  อำมันต่อไปไง  แกไม่อยากรู้แล้วเหรอ  ทำไมบอยมันถึงผูกพันกับแกนักไอ้นัท”

   นั่นไง  พี่ต้นยกข้อนี้มาขู่มันอีก  เวรกรรมของมึงเลยนัทเอ้ย

   “สงสารมันพี่  คนไปอยู่เมืองนอกนะ  ตัวคนเดียว  พี่ยังแกล้งมันอีก”  นัทมันสงสาร  มันเคยเห็นน้ำตาของบอยหลายครั้งแล้วนี่หว่า  เพียงแต่ในเวลานั้นมันไม่รู้  ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบอยแอบชอบมันอยู่  มันดันคิดไม่ถึง

   หรือมันไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าเพื่อนจะจริงจังกับมันขนาดนั้นหว่า

   “เริ่มสงสารแล้ว  อีกหน่อยก็รัก  ไอ้นัทเอ้ย”

   “เฮ้ยพี่  ผมผู้ชายนะพี่  ไม่เคยรักผู้ชายด้วยกัน”   นัทมันบอก  มันทำหน้าแปลกใจแหละ  

   พี่ต้นนี่ชักยังไง  ยุให้มันรักผู้ชาย    มันชักไม่เข้าใจ  พี่ต้นอยู่ข้างมันหรือข้างบอยกันแน่หว่า

   “เอาน่า  ลองรักดู . . .”  พี่ต้นหัวเราะชอบใจเมื่อเห็นนัททำหน้าเลี่ยน  

   “. . . พูดเล่นโว้ย  จริงจังไปได้   รู้แหละความรักห้ามกันไม่ได้โว้ย  ช่างมันเหอะไอ้นัท  คนเรา  ถ้ามันคู่กันมันก็ไม่แคล้วกันหรอกว่ะ”  นั่นพี่ต้นยังวางระเบิดอีกในตอนท้าย

   นัทมันส่ายหัวกับความขี้เล่นของพี่ต้น  แววตาลึก ๆ  ของพี่ต้น  เขาไม่ได้คิดแบบที่เขาพูดหรอก  พี่ต้นอาจแค่อยากแหย่มันเล่น

   “ยุเข้าไปพี่”

   “พูดจริง ๆ  นะโว้ย  ความรักมันห้ามกันไม่ได้หรอก  คนเราลองมีหัวใจตรงกันแล้ว  ต่อให้อะไรมากั้นกลางขวางไว้  ก็ห้ามไม่ได้หรอก”

   “พูดอย่างกะคนกำลังมีความรัก”

   “ว่าได้เหรอ  อาจจะมีก็ได้”

   อาจจะ . . .

   . . . แปลว่า  มี  หรือ  ไม่มีก็ได้

   “ไม่ไหวพี่  คุยกับพี่ทีไร  เหนื่อยใจ  เลี้ยวลดคดเคี้ยวจนผมเริ่มงง”

   “ใช่ดิ๊  กูไม่ใช่ไอ้บอยนี่หว่า”  พี่ต้น  แอบชะม้ายชายตามองมัน

   “โห  วกมาอีก  อย้ามาทำสายตาแบบนั้นพี่ . . .”  มันหัวเราะเบา ๆ  

   “. . . ผมไม่เคยคิดด้วยซ้ำนะพี่ว่าบอยมันจะอะไรกับผมขนาดนั้น  เพราะมันดูปกติทุกอย่าง   ทีแรกผมคิดว่ามันแอบชอบเมย์เสียด้วยซ้ำ  ผมไม่เคยนึกเลยจริง ๆ นะพี่  ในความเป็นเพื่อน  บอยเป็นคนที่ใช้ได้เลยนะพี่ต้น”  น้ำเสียงบอกความยอกย่องเพื่อนเอาไว้ดีพอสมควร

   “แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะรัก”

   “รักสิพี่”

   “จริงอ่ะ”  ต้นยิ้มยั่วมัน

   “มันเพื่อนผมนะพี่  ยังไงเพื่อนก็คือเพื่อน  และผมไม่เคยรู้สึกว่าบอยเป็นอย่างอื่นสำหรับผม  มันอาจจะมีดีเลวบ้าง  แต่เวลาที่ผ่านมา  มันทกให้ผมรู้ว่า  ความรู้สึกของเพื่อนมันยิ่งใหญ่กว่าการเป็นคนรัก  อันนี้ผมมองในมุมของผมนะพี่ต้น . . .”

   “อืม”

   “. . . เวลาที่ผมนึกตอนสมัยเรียน  ผมจะมีความสุขทุกครั้งที่ได้คิดถึง  หลาย ๆ  เรื่องที่ผมไม่สามารถที่จะแก้หรือทำมันได้  มีไอ้บอยเข้ามาอยู่ในความรู้สึกนั้นเสมอ  ถ้ามันจะคิดกับผมมากกว่าเพื่อน  ผมคงห้ามมันไม่ได้หรอก  แต่ผมห้ามตัวผมเองได้  ว่าผมไม่เคยรักบอยมากไปกว่าความรู้สึกของเพื่อนคนนึงที่มีให้อีกคน”

   “พี่เข้าใจ  แหย่เล่นไปอย่างนั้นแหละ”

   “ว่าแต่มันนึกยังไง  ไปต่อที่เยอรมัน”

   “หนีรักมั้ง”

   “พูดเข้า  เป็นเล่นไปพี่”  

   “ใครจะไปรู้    ถ้าอยากรู้ไม่ลองถามมันดูล่ะ”

   “ไว้เจอมันอีกครั้งผมจะถามมันดู  ที่อื่นมีถมเถไม่ไป  ดันไปเยอรมัน  เท่ากับต้องเริ่มเรียนภาษากันใหม่เลยนั่น”  นัทมันยิ้ม

   มันไม่รู้ . . .

   . . . และมันไม่มีวันรู้ ทำไมบอยถึงเลือกไปเยอรมัน



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-08-2009 13:47:52 โดย ราชบุตร »

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ $
«ตอบ #142 เมื่อ20-08-2009 15:58:47 »

จิ้มก่อน

แล้วค่อยอ่านตอนนอกเวลางาน

อิอิ

ขอบคุณครับที่มาต่อ


อ่านแล้ว เฮ้อ ค้างได้อีกคับพี่น้อง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-08-2009 16:08:04 โดย zandwizz »

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #143 เมื่อ20-08-2009 19:57:56 »

 :z3:
ค้าง....อึดอัด ทำไงดี ....

รอคอยตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ

รีบมาต่อนะค่ะ

ออฟไลน์ ปี้ปี้ปี้~PalmY

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2427
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +273/-1
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #144 เมื่อ20-08-2009 20:08:23 »

อ๊ากกกกกกกกกกกก ถึงปัจจุบันแล้ววววว  :z3: ค้างอีกแล้ว  :sad4:

jackoo

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #145 เมื่อ20-08-2009 21:08:14 »

ขอบคุณนะครับ  คุณราชบุตร วันนี้ผมมีความสุขมากนะครับ

เพราะคุณทำให้ผมอินไปกับตัวละครของคุณทุกตัว  ย้ำนะ

ว่า...........ทุกตัว                                                                                           

yaoifan

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #146 เมื่อ21-08-2009 09:53:50 »

“. . . โทษทีนะครับ นึกไม่ออกเลย พอดีช่วงนี้มึน ๆ เลยจำอะไรไม่ค่อยได้”   

“ผมจำบิ้กได้ครับ แต่จำบอยไม่ได้ โทษอีกครั้งนะครับ”

อ่านแล้วอยากเอาไม้ตีหัวนัท ทำเป็นลืม

อยากอ่านต่ออีกล่ะ มาต่อเร็วๆ นะคะ :z13:






ออฟไลน์ myxt

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #147 เมื่อ12-09-2009 09:59:18 »

สงสารน้องบอย โดนแกล้งอะ
แต่ยังไงบอยก็ได้คุยกะนัทแล้ว ต่อไปก็คงต้องรอลุ้นว่าเรื่องจะเป็นไงต่อ
พี่ต้นนี่ก็ร้ายเชียว เก่งนะนั่น 555

ออฟไลน์ litlittledragon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +304/-1
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #148 เมื่อ12-09-2009 13:59:24 »

ตกลงเบอร์พี่ต้นก็คือเบอร์พี่ต้น แต่พี่ต้นบอกเบอร์นัทให้บอยด้วย

งานนี้ หวังว่านัทตะเปลี่ยนความรักสำหรับเพื่อนให้มากกว่านั้นได้สักที....
เรื่องราวกลับมาถึงบทแรกแล้วสินะครับ หลังจากได้อ่านอดีตของพวกเขา
แล้ว ในที่สุดก็ถึงปัจจุบันและอนาคต

ออฟไลน์ สุขาพาเพลิน

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 617
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
    • facebook
Re: [นิยาย] แ ค่ เ อื้ อ ม . . .
«ตอบ #149 เมื่อ12-09-2009 18:22:16 »

โอ้  ว้าว  มาต่อแล้ว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด