เมียหลวงตอนที่ 13
บางครั้งความรักก็ไม่มีเหตุผลหรอก
อยากจะเกิดก็เกิดอยากจะจบก็จบ
ชีวิตของพวกเธอก็เหมือนกัน
อย่าไปถามหาเหตุผลมันมากนัก
ใช้ชีวิตตอนนี้ให้มีความสุขเถอะ
หนังสือหลายเล่มที่กองสุ่มอยู่มุมห้องถูกชายหนุ่มตัวสูงจัดเรียงเข้าชั้นอย่างเป็นระเบียบ มือหนาของเขาปัดฝุ่นที่หน้าปกของพวกมันอย่างเบามือ เวลาผ่านไปไม่ช้าไม่เร็วนักหนังสือที่เคยกองสุ่มอยู่มุมห้องก็ถูกคนตัวโตขนย้ายไปไว้ที่ชั้นหนังสือที่เพิ่งซื้อเข้าบ้านมาใหม่อย่างเป็นระเบียบ
“นิยายสมัยมึงอยู่มหาลัยหายไปไหนหมด”เสียงห้าวๆติดจะแหบนิดๆของชายหนุ่มตะโกนถามคนที่นอนเล่นอยู่ริมระเบียบอย่างสงสัย
“พี่ยกให้น้องเค้กไปหมดแล้ว มาร์ทถามทำไมเหรอ”คนตัวเล็กที่นอนอยู่ขยับตัวลุกขึ้นพร้อมตอบข้อสงสัยอีกคนอย่างไม่รีบร้อนนัก
เขามองเด็กหนุ่มคนรักที่ตอนนี้โตขึ้นมาก โตจนตอนนี้เขาจำสมัยมัธยมไม่ได้แล้วถ้าไม่ติดว่ามีรูปถ่ายสมัยเด็กคงจะไม่เชื่อว่านี้สมาร์ทจริงๆ
“ก็ไม่ทำไม แค่จะเอามาเข้าชั้นจะได้ไม่รกห้องมึงชอบอ่านแล้ววางทิ้งไว้ แล้วพอจะหยิบมาอ่านอีกก็หาไม่เจอยิ่งแก่มึงยิ่งหลงๆลืมๆ กูลำคาน”
สมาร์ทมองคนแก่กว่าที่นับวันยิ่งก่อปัญหาชวนให้หงุดหงิดน่าตีขึ้นทุกวัน เขาไม่อยากจะด่าหรือบ่นหรอก ถ้าไม่ติดที่ว่าพอหาไม่เจอเขานี้ละคือคนที่ต้องไปหาให้แทน
หลังจากผ่าตัดนอกจากร่างกายที่แข็งแรง บางอย่างมันก็ใช่ว่าจะเหมือนเดิม ความจำ นิสัยที่เปลี่ยนไปถึงจะเล็กๆน้อยๆแต่ก็พอจะทำให้หงุดหงิดใจได้เหมือนกัน
“สรุปพี่แก่หรือเธอแก่กันแน่ บ่นเก่งจริงๆเลยนะ”ผมบ่นเขาเล็กน้อยพอให้เขาหงุดหงิด เห็นเขาหงุดหงิดแล้วมันสนุกจริงๆ
“ถ้ามึงยังกวนตีนอีกกู วันนี้มึงได้กินซุปผักโขมแน่”คนพูดหน้าตาบ่งบอกว่าถ้ายังกวนเจ้าตัวมากๆ มาร์ททำจริงแน่ๆ
“จ้าๆ ไม่กวนแล้วอย่าแกล้งพี่เลย พี่เบื่อผักโขมแล้วนะมาร์ท”ผมเลิกแกล้งเด็กหนุ่มแล้วหันมาพูดเสียงอ่อยทำเสียงน่าสงสารพอที่จะทำให้สมาร์ทใจอ่อนได้
สมาร์ทมองคนตัวเล็กที่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยจะเล็กแล้ว เรียกว่าอวบดีกว่า หลังจากออกจากโรงบาล เขาก็เป็นคนที่ดูแลพี่เกมส์มาตลอด นอกจากจะติดเรียนไปไม่ได้จริงๆ จะให้เค้กรุ่นน้องพี่เกมส์พาไปแทนเช่นพวกหมอนัดไปตรวจและนัดรับยา เรื่องอาหารการกินก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ต้องปรับเปลี่ยนไปด้วย ล่าสุดผลตรวจสุขภาพประจำปีออกมาว่ามี ไขมันในเส้นเลือดสูงเกินไปแถมยังน้ำหนักยันเกินเกณฑ์ไปอีก เขาเลยต้องสั่งงดน้ำอัดลมขนมของหวานที่เจ้าตัวชอบนักชอบหนา อาหารที่ทำส่วนมากก็ปรุงรสให้น้อยที่สุด
“แล้ววันนี้มึงอยากกินอะไร”สมาร์ทถามคนตัวอวบที่กำลังดูหนังสือที่จัดเข้าชั้นใหม่อย่างสบายใจ
“วันนี้เหรอ พี่อยากกินไข่น้ำกับน้ำมะพร้าว สมาร์ททำให้พี่กินได้ไหมครับพี่อยากกินม๊ากมาก”พี่เกมส์ทำหน้าอ้อนเหมือนเด็กแต่ติดที่แก่แล้วเลยทำให้แฟนหนุ่มย่นคิ้วใส่แล้วหันหลังเข้าครัวไปเลย
“อ้าว!! รีบไปไหนละมาร์ท พี่ยังพูดไม่จบเลยนะ”
“จะแดกไข่น้ำไม่ใช่เหรอ กูก็เข้ามาทำให้นี้ไง เดี๋ยวน้ำมะพร้าวฝากไอ้โก้ซื้อเข้ามาให้ละกัน มันจะแวะเข้ามาเอารองเท้าพอดี”พี่เกมส์ถึงกับยิ้มจนหน้าบานที่สมาร์ทดูจะเอาใจเขามากกว่าสมัยที่มาอยู่ด้วยกันใหม่ๆเหมือนมันสลับกันอย่างไงอย่างงั้น
นึกถึงสมัยที่เขาต้องคอยตามเอาใจสมาร์ทที่เขาเอาใจแค่ไหนก็ไม่พอ ทำดีแค่ไหนสมาร์ทก็ไม่เห็นค่านอกจากคำพูดร้ายๆและการกระทำที่ร้ายจิตใจเขาสมาร์ทก็ไม่เคยพูดดีๆกับเขาด้วยซ้ำ เจ็บแค่ไหนก็ทน ปวดแค่ไหนก็ไม่หนีหายไปไหน เหมือนหมาที่เจ้านายมันร้ายแค่ไหนก็เฝ้าก็รอและซื่อสัตย์ ต่อเจ้านายของมันเสมอ
เขาก็ไม่คิดเหมือนกันนะว่าวันหนึ่งสมาร์ทจะมาคอยดูแลเขาเอาใจใส่แม้เรื่องเล็กๆอย่างเช่นเรื่องของกิน สมาร์ทอาจทำไปเพราะสงสารหรือหน้าที่ เขาก็ไม่แน่ใจแต่ที่รู้แน่ๆคือเขามีความสุขกับชีวิตแบบนี้เหลือเกินมันเหมือนเขากำลังฝันอยู่ เหมือนฝันดีที่เฝ้ารอคอยมานาน ไม่อยากตื่นเลย กลัวจะพบความจริงที่ว่าสมาร์ทไม่เคยรักเขาเลย
“เหม่อห่าไร เรียกตั่งนาน”สมาร์ทดุเสียงเข้ม แล้วหยิบจานผลไม้ที่เอามาให้ผมกินเล่นไปเก็บ แล้วเดินออกมาจ้องหน้าผมเหมือนสงสัยอะไรบางอย่าง
“มีอะไรเหรอ จ้องหน้าพี่เหมือนมีอะไรงอกออกมา”ผมทำลายบรรยายกาศพิกลนี่ด้วยการปล่อยมุขโง่ๆออกไป
“กูพูดไปเมื่อกี้ไม่ได้ยินเหรอ ที่ถามว่าเหม่ออะไร”พูดแล้วจ้องหน้าผมเหมือนจะต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“อ๋อ พี่แค่คิดว่าพรุ่งนี้เช้าจะกินอะไรดีนะ ระหว่างยำไข่ต้มกับข้าวผัดไข่ใส่ข้าวโพด”ผมโกหกออกไปอย่างเนียนๆ หวังว่าสมาร์ทจะไม่จับได้ ผมไม่อยากพูดออกไปเพราะผมกลัวความจริงจากปากของคนที่ผมรัก อยู่กันแบบนี้ก็มีความสุขแล้วไม่อยากนึกถึงเรื่องแย่ๆในอดีตอีก ถึงแม้มันจะผ่านไปไม่นานนักก็เถอะ
“จริงเหรอ ไม่ใช่โกหกกูอีกนะถ้ารอบนี้กูจับได้มึงได้แดกผักต้มจิ้มน้ำพริกเป็นเดือนแน่”สมาร์ทขู่ผมเหมือนที่ผู้ใหญ่ชอบทำกับเด็กๆ แล้วก็หันหลังเข้าครัวไปอีกรอบ
“ไม่โกหกจ้า มาร์ทก็รู้พี่ไม่มีทางยอมกินผักต้มจิ้มน้ำพริกเป็นเดือนๆแน่ แล้วก็พรุ่งนี้วันอาทิตย์มาร์ทอนุญาติให้พี่กินขนมบัวลอยได้ไหมครับ พี่ไม่ได้กินขนมมาครบสัปดาห์แล้วนะ”ผมตะโกนบอกคนในครัวว่าอยากกินบัวลอยเพื่อจะเปลี่ยนเรื่องไปโฟกัสที่ขนมบัวลอยแทน จะได้ไม่โดนต้อนให้จนมุมจนหลุดบอกความจริงออกไป
“อยากกินบัวลอย ของเซเว่นกินได้ไหมละ”สมาร์ทที่กำลังหันหลังทำไข่น้ำถามกลับมา
“ไม่เอาอ่ะ อยากทำเองพี่อยากกินฝีมือตัวเอง พี่เปิดหาสูตรแล้วดูเหมือนทำง่ายมากพรุ่งนี้ทำกินกันนะให้โก้มาช่วยปั้นด้วย”ผมเสนอความคิดเห็นที่ตัวเองอยากทำไป ผมไม่อยากทานบัวลอยสำเร็จรูปมันไม่ค่อยอร่อย อยากทำเองด้วยจะได้มีเวลาร่วมกันเยอะๆ
สมัยผมเด็กๆที่บ้านเป็นครอบครัวใหญ่มีลูกพี่ลูกน้องเยอะ คุณยายทำขนมขายพวกเราลูกพี่ลูกน้องมักชอบมาช่วยท่านอยู่เป็นประจำ ผมชอบข้าวต้มมัดที่คุณยายทำมากทั้งหอมทั้งหวานทั้งมันครบรสเลย ผมมีหน้าที่ช่วยห่อข้าวต้มกับมัดตอก เด็กคนอื่นๆก็จะไปช่วยดูเตาดูไฟให้คุณยาย หลังจากช่วยกันทำขนมเสร็จพวกเราก็ออกไปวิ่งเล่นกันรอจนขนมนึ่งเสร็จแล้วคุณยายไปเรียกถึงจะกลับบ้านมาทานขนม มันเป็นช่วงเวลาที่ผมมีความสุขที่สุดในชีวิต วิ่งเล่นกับพี่น้องเล่นจนเหนื่อยก็กลับมากินขนมที่บ้าน พอเย็นคุณพ่อคุณแม่ก็มารับกลับบ้าน
พอขึ้นมัธยมผมต้องย้ายบ้านไปอยู่ที่อื่น นานๆครั้งจะได้กลับมาเยี่ยมคุณตาคุณยาย การทานขนมก็เลยจะนานๆครั้งไปด้วย พอขึ้นมหาลัยก็ออกมาอยู่คนเดียวมีเรื่องมากมายผ่านเข้ามา บางเรื่องก็ตลกร้ายมากๆ ใช้ชีวิตเหมือนคนไม่มีวันพรุ่งนี้ หลงอยู่ในวังวนที่หาทางออกไม่ได้ ทั้งความรักทั้งความแค้น ไม่ปล่อยวางอะไรเลย ใช้ชีวิตตัวเองเป็นเครื่องเดิมพันความรักโง่ๆ อยากได้อยากมีในสิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเอง สุดท้ายคนที่ถูกทำร้ายก็คือตัวเองกับคนที่ผมพร่ำบอกว่ารักมาก
หลังจากผ่านอาการเจ็บป่วยมา ผมยอมรับว่ามองอะไรกว้างขึ้นชีวิตผมไม่ได้มีแค่เรื่องรักๆใคร่ๆ วังวนที่หาทางออกไม่ได้ผมแน่ใจว่าผมมีทางออกแต่ไม่ยอมออกไป ผมแค่โชคดีกว่าคนอื่นที่สุดท้ายเขาก็ยังอยู่กับผมไม่ว่าจะเพราะเรื่องเงิน ความสงสาร รู้สึกผิด อะไรก็ตามแต่ผมก็อยากขอบคุณเขา ถ้าเปลี่ยนผมเป็นเขาต้องเจอคนที่ตามตื้อร้องขอความรักทั้งที่เราก็มีคนรักอยู่แล้วมันก็คงอึดอัด แล้วตอนนั้นมาร์ทก็ยังเป็นแค่เด็กหนุ่มเจอแต่เรื่องหนักๆ เช่นเรื่องครอบครัว คนรัก ถึงขั้นทำร้ายตัวเอง ผมรู้สึกผิดกับทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตเขา
แม้ตอนนั้นผมจะคิดเสมอว่าช่วยให้เขาตาสว่างเห็นท่าแท้ของผู้หญิงคนนั้น แต่สุดท้ายผมก็ทำเพื่อตัวเองอยู่ดี ทำร้ายตัวเอง ทำร้ายคนที่ผมบอกว่ารักเขามากแค่ไหน ทำร้ายคนรอบข้าง เห็นแก่ตัวจนน่าละอายใจ ผมมักโทษคนอื่น มองแค่ว่าตัวเองโดนคนอื่นทำร้ายมากมายขนาดไหน ผมน่าสงสารต้องการความรัก ผมรู้สึกละอายใจกับเรื่องพวกนี้มาก
หลังจากออกจากโรงพยาบาลผมเฝ้าครุ่นคิดถึงทางออกของความสัมพันธ์ที่ยุ่งเหยิงนี้อย่างช้าๆ ค่อยๆคิดจนในที่สุดผมตัดสินใจบอกให้สมาร์ทตัดสินใจว่าอยากออกไปอยู่ข้างนอกไหม ผมจะไม่บังคับเขาแล้วเขาเลือกอะไรผมพร้อมจะสนับสนุนเขาเสมอ ผมจะรักทุกสิ่งที่เป็นเขาเป็นเหมือนเดิมแต่จะไม่ครอบครองเขาไว้แล้ว สมาร์ทกับเลือกจะคอยดูแลผม ผมงงกับการตัดสินใจของเขา แต่ก็แอบดีใจที่เขายังอยู่ข้างกายผม
ผมชอบตอนนี้ชอบที่เราพูดคุยกัน สนิทกันมากขึ้นดูแลกันเหมือนเพื่อน มันระบุความสัมพันธ์ไม่ได้แต่ไม่แย่เลย สมาร์ทที่กำลังทำอาหารอย่างตั้งใจทำให้ผมได้แต่อมยิ้ม เขาโตขึ้นมากไม่ใช่เด็กอารมณ์ร้ายคนนั้นอีกต่อไปแล้ว
“เป็นบ้าเหรอ อยู่ๆก็นั่งยิ้มคนเดียว” สมาร์ทถามผมด้วยน้ำเสียงกวนๆที่มักจะใช้ก็ต่อเมื่ออยากจะกวนประสาทใครสักคน
“เปล่าสักหน่อย พี่แค่นึกถึงหลานไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นไงบ้างเค้กไม่พาเครปมาเล่นบ้านเราเลยเนอะ”ผมตอบเขาพรางช่วยสมาร์ทจัดโต๊ะอาหารด้วย
“เอ่อ ไม่ได้มานานแล้วนิ ที่มาครั้งก่อนยังช้อนปลาหางนกยุงหน้าบ้านไปเป็นถุงเลยกูจำได้”สมาร์ทเล่าวีรกรรมของหลานชายผมอยากแค้นๆ มันหวงปลามันมากบอกว่าซื้อมาไว้สวยๆ โดนไอ้เด็กแสบขโมยช้อนไปเกือบหมดอ่าง
“คิดถึงจัง..แต่ว่าน้องโก้จะถึงยังพี่อยากกินน้ำมะพร้าวแล้ว”ผมเปลี่ยนเรื่องไปถามเรื่องน้องโก้ที่จะแวะเข้ามาหาสมาร์ท
“เห็นว่าใกล้ละอีกแปปคงถึง อะไรมันจะอยากกินขนาดนั่นถ้าไม่แดกวันนี้จะลงแดงตายไหม”ไอ้เด็กนี้มันเริ่มกวนตีนอีกแล้วละครับ พอมาได้คุยกันมาขึ้นถึงได้รู้ว่าสมาร์ทเป็นกวนส้นตีนขนาดไหน บางครั้งผมก็คิดนะว่า รอดโตมาได้ยังไงปากหมาขนาดนี้
“หุบปากไปเลยนะ ถ้ายังกวนพี่อีกพี่จะไล่ไปนอนกับน้องโก้เลย”
“กล้าเหรอ กล้าไล่กูเหรอ”คนตัวโตกว่ายังไม่เลิกเกรียนแตกใส่ผม
ผมทำได้แค่กัดฟัน แล้วด่าไอ้เด็กบ้านี้ต่อในใจ ยิ่งโตยิ่งกวนไม่น่าโตมากวนขนาดนี้เลย ทั้งที่สมัยมัธยมน่ารักขนาดนั่น ผมคงได้แต่ปลงกับนิสัยเกรียนๆของสมาร์ท
“ทะเลาะอะไรกันครับพี่เกมส์ ไอ้ห่านี้มันทำไรพี่บอกผมเลยผมจัดการให้พี่”น้องโก้ที่โผล่มาจากหน้าประตูพูดแล้วหันไปยักคิ้วให้สมาร์ทอย่างกวนๆ สองคนนี้กวนพอๆกันถึงว่าคบกันมาได้นานขนาดนี้
“ไม่มีอะไรน้องโก้ แค่เด็กกวนประสาทคนหนึ่งพี่ไม่สนใจหรอก แล้วน้องโจ้กไปไหนละไม่มาด้วยเหรอ”
“ไอ้โจ๊กไปเที่ยวกับที่บ้านพี่เลยไม่ได้มาด้วย”โก้ตอบแล้วนั่งลงที่โซฟา
“มึงจะเอารองเท้าเลยไหม”สมาร์ทที่จัดโต๊ะเสร็จหันไปถามเพื่อนที่เอนตัวพิงโซฟาอย่างสบายใจอยู่
“เอาเลยก็ได้กูจะรีบกลับไปดูแมวมันอยู่ตัวเดียวจะเหงากูสงสารมัน แล้วนี้น้ำมะพร้าวนะกูซื้อมาให้โหลหนึ่งเลย”ไอ้โก้พูดพร้อมกับเดินไปยกแพ็คน้ำมะพร้าวที่วางทิ้งไว้หน้าบ้านมาไว้ในครัว แล้วเปิดตู้เย็นเอาน้ำมาดื่มอย่างไม่รีบร้อนนัก
“เอ่อเท่าไหร่ค่าน้ำมะพร้าวเอาตังจากพี่เกมส์ของมึงละกัน กูไปหยิบรองเท้าให้ก่อนละกัน”สมาร์ทบอกโก้ก่อนจะขึ้นไปหยิบของบนห้อง
“250 บาทครับพี่เกมส์”โก้ที่มะกี้อยู่ในครัวเดินกลับมานั่งตรงโซฟาเหมือนตอนแรก
“เอานี้เงิน แล้วพรุ่งนี้ว่างไหมโก้พี่ว่าจะทำบัวลอย อยากให้น้องโก้มาเป็นลูกมือ”ผมหยิบเงินในกระเป๋าตังส่งให้น้องไป250บาทค่าน้ำมะพร้าว น้องโก้รับไปก่อนจะหยิบโทรศัพมาเช็คอะไรสักอย่างแล้ววางไว้ที่เดิม
“ว่างพี่ กี่โมงดีเดี๋ยวพรุ่งนี้ผมเอาพี่โม่มาด้วยจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงมัน” โอ้เย้ มีลูกมือมาให้ใช้งานเพิ่มสบายเลยผมพรุ่งนี้ ส่วนพี่โม่ที่น้องโก้พูดถึงคือแมวหลงที่น้องไปเจอที่มหาลัย สมาร์ทเล่าให้ฟังว่าตอนน้องโก้เจอพี่โม่แรกๆพี่โม่ผอมมากเป็นลูกแมวที่เหมือนแม่จะทิ้งไว้ น้องโก้สงสารเลยอุ้มกลับมาเลี้ยงที่ห้องโชคดีที่หอให้เลี้ยงสัตว์ได้ ตอนนี้ก็เลี้ยงมาได้ปีกว่าๆ ตอนแรกแมวอ่ะหลงตอนนี้คนอ่ะหลงแมวแล้วครับ
พูดถึงแมวสมัยตอนมัธยมผมเคยเลี้ยงแมวตัวหนึ่งชื่อหมอก หมอกมันเป็นแมวที่หยิ่งมากมันไม่เคยอยากจะเล่นกับผมเลย ทำหน้าเหมือนอารมณ์เสียอยู่ตลอดเวลา แต่ตอนกลางคืนชอบมาขวนประตูขอเข้าไปนอนในห้อง หมอกชอบกินนมไม่ค่อยปลื้มอาหารเปียกเท่าไหร่ การเลี้ยงแมวครั้งแรกในชีวิตสอนอะไรหลายๆอย่างให้กับผม แม้กระทั่งเรื่องการจากลาที่ไม่มีวันหวนย้อนคืนมา
อยู่ๆหมอกก็เกิดเจ็บปากทานอาหารไม่ได้ผมกับแม่พามันไปหาหมอ ไปๆมาๆตรวจเจอว่ามันเป็นโรคไตด้วยและเป็นไตระยะรุนแรงหมอบอกผมกับแม่ว่า การรักษาไม่อาจทำให้หมอกหายแต่จะแค่ช่วยประคองเท่านั่น ผมทรมานมากทุกวันต้องพาหมอกไปให้น้ำเกลือ หมอกร้องกลัวทุกครั่งที่จับใส่ตะกร้าพาไปหาหมอ จนวันหนึ่งแม่ผมโทรมาหาตอนที่ผมกำลังนั่งเรียนอยู่ แม่บอกผมว่าหมอกไปดีแล้วนะ เหมือนโลกมันถล่มตรงหน้าผมไม่เคยรู้เลยว่าคนเราจะสามารถผูกพันกับสัตว์เลี้ยงได้มากขนาดนี้ เหมือนผมสูญเสียคนในครอบครัวไป หลังจากการสูญเสียเจ้าหมอกไปผมก็ไม่เคยเลี้ยงสัตว์อีกเลย เพราะหวาดกลัวการจากลาแบบนั่นอีก กลัวเหลือเกินกับการเฝ้าดูสัตว์ที่เรารักทรมานจากการเจ็บป่วยแล้วก็จากไป ผมรับไม่ไหวอีกแล้วละครับ
คิดถึงเจ้าแมวโง่ที่ชอบทำหน้าหยิ่งเหลือเกินป่านนี้คงวิ่งเล่นอยู่บนท้องฟ้ากับเพื่อนๆแล้วละ ไม่ต้องห่วงทางนี้นะหมอกพี่เกมส์ก็สบายดีเหมือนกัน ผมหยุดคิดเรื่องหมอกแล้วหันมาสนใจน้องโก้ต่อ
“สายๆอ่ะแหล่ะ 10โมงละกันไม่เช้าเกินไปโก้จะได้ไม่ต้องตื่นเช้ามาก โอเค๊ไหมโก้”ผมตอบเรื่องเวลาที่น้องถามแล้วเดินเข้าครัวไปล้างมืออย่างไม่รีบร้อนนัก
กลิ่นไข่น้ำหอมมาก ผมชอบเมนูง่ายๆไม่รสจัดมากทำให้กินแล้วไม่ลำบากท้องจนเกินไป ผมแอบเปิดฝาหม้อนิดนึ่งพอเรียกน้ำย่อย แล้วเดินเลยไปเปิดตู้เย็นหยิบมะละกอที่หันไว้แล้วเอาไปให้น้องโก้กินเป็นของว่าง
“มะละกอแช่เย็นน้องโก้ กินเล่นไปก่อนระหว่างรอสมาร์ท”ผมวางจานลงตรงโต๊ะหน้าโซฟา
“หู้ย ของโปรดเลยพี่กินแบบเย็นๆนี้โคตรฟิน เหมือนไอติมแต่ไม่หวานเกินไปผมโคตรชอบ”ผมอดจะอมยิ้มเล็กๆไม่ได้เวลาเห็นน้องๆมีความสุขกับของกิน
“ถ้าชอบก็ทานเยอะๆเลยนะ”ผมนั่งลงข้างๆน้อง พรางหยิบมือถือขึ้นมาเช็คข่าวสารบ้าง
“แดกอิ่มแล้วก็กลับบ้านไปด้วยละ”เสียงแข็งๆของสมาร์ททำให้ผมที่เล่นโทรศัพท์อยู่ถึงกับต้องหันไปดูตามเสียง
สมาร์ทที่เดินลงมาจากชั้นบนมือหนึ่งหิ้วกล่องรองเท้าอีกมือหนึ่งหิ้วถุงขยะ เดินมาหยุดตรงโซฟาแล้วส่งกล่องรองเท้าให้น้องโก้หลังจากนั่นก็เดินออกไปทิ้งขยะหน้าบ้าน
“ไอ้มาร์ทมึงจะหวงทุกอย่างยันของกินไม่ได้นะเว้ย”น้องโก้ตะโกนไล่หลังไป
“ใครว่ากูหวงของกิน”คนโดนว่าพึมพำเสียงเบาก่อนจะเอาถุงดำผูกให้เรียบร้อยแล้วหย่อนลงไปในถังขยะหน้าบ้าน
เขาถอดรองเท้าแล้วเดินเข้าไปล้างมือที่อ่างล้างจาน ล้างมือให้แน่ใจว่าสะอาดแล้วหันกลับไปปิดเตาแก๊สที่เปิดไฟอ่อนไว้ หยิบผักชีต้นหอมที่เตรียมไว้แล้วนำมาซอยเตรียมโรยไข่น้ำ มือหนาคว้าชามสำหรับใส่แกงมาตักไข่น้ำใส่ลงไปแล้วจัดการโรยผักชีต้นหมอที่เพิ่งซอยเมื่อกี้ตบท้ายด้วยการโรยพริกไทยนิดหน่อย
“ไอ้มาร์ทกูกลับหอก่อนนะ ไว้พรุ่งนี้กูเอาพี่โม่มาให้พี่เกมส์เล่นด้วย”เสียงไอ้โก้ตะโกนจากห้องรับแขกทำให้สมาร์ที่อยู่ในครัวต้องชะโงกหน้าออกไปดูแล้ว พยักหน้าให้เพื่อนเหมือนบอกว่าตัวเองรู้แล้ว
“ขับรถดีๆละน้องโก้ อย่ารีบพี่เป็นห่วง”สมาร์ทที่เห็นคนแก่กว่าเดินออกไปส่งเพื่อนเลยหันกลับเข้าไปตักข้าวใส่จานแล้วนำมาเสิร์ฟพร้อมไข่น้ำ แล้วกลับเข้าครัวไปหยิบน้ำมะพร้าวที่ฝากเพื่อนซื้อมาเทใส่แก้วไปตั้งที่โต๊ะอาหารด้วย
“ตั้งโต๊ะแล้วเหรองั้นพี่ขอตัวไปอาบน้ำแปป เหนียวตัวมากเลยเดี๋ยวจะรีบลงมากกิน มาร์ทก็ไปอาบด้วยเลยจะได้มาทานพร้อมกัน”พี่เกมส์ที่เดินกลับเข้ามาบอกคนตัวสูงที่นั่งเล่นโทรศัพท์รอหลังจากจัดโต๊ะเสร็จ
“แล้วหลังจากกินเสร็จมึงจะดูหนังไหมหรือเล่นเกมส์ ถ้าจะดูหนังก็ซีรี่ย์ game of thrones เลยเมื่อคืนดูค้างไว้นิ กูอยากรู้ว่าแม่มังกรจะฆ่าวาริสไหม”สมาร์ทเหมือนจะให้เลือกแต่ก็แอบจะเชียร์ให้ดูหนังด้วยกันมากกว่า
“งั้นคืนนี้ดูซี่รี่ย์ละกัน แต่พี่ว่าแม่มังกรฆ่าวาริสแน่”ผมมองสมาร์ทแล้วตอบตามคิดว่ายังไงซะ แม่มังกรก็น่าจะฆ่าวาริสแน่ๆ แต่จะเพราะอะไรนั่นค่อยมาตอบขอตัวไปอาบน้ำก่อนเดี๋ยวไข่น้ำเย็นหมดพอดี
ผมกับสมาร์ทแยกกันไปอาบน้ำทำธุระส่วนตัวในห้องของตัวเอง ผมกับเขายังแยกห้องกันเหมือนแต่ก่อนแต่ช่วงหลังๆสมาร์ทจะแวะมานอนเป็นเพื่อนบ้างบอกกลัวผมเป็นอะไรไปจะได้พาไปส่งโรงพยาบาลทันเวลา ในห้องเลยมีของใช้บางส่วนของเจ้าตัวมาวางปะปนกับของผมบ้าง
ผมหยิบเจล Aloe Vera หรือว่านหางจระเข้นั่นละครับมาทาบริเวณแถวแผลเป็นจากรอยสิว ระหว่างรอเจลแห้งก็ทาโลชั่นไปด้วย พรุ่งนี้ต้องจับสมาร์ทขัดผิวแล้วละครับ ขัดสัปดาห์ละครั่งกำลังดีไม่มากเกินไปไม่น้อยเกินไป จะได้ผิวไม่แห้งไม่กร้านแล้วก็ไม่หยาบ
ผมทาครีมแล้วก็แต่วตังเสร็จ เดินไปดูสมาร์ทว่าดูในห้องไหมไม่เจอเลยลงไปข้างล่างเห็นเจ้าตัวกำลังหยิบอะไรในตู้เย็นมาอุ่นในไมโคเวฟอยู่
“มาร์ทอุ่นอะไรเหรอ”ผมเดินไปข้างหลังน้องแล้วถามอย่างสงสัย
“อุ่นอกไก่ย่างบาบิคิวทำไว้เมื่อเช้าขี้เกียจทำหลายรอบ กูเลยทำไว้หลายๆกล่องไว้อุ่นกิน”อ๋ออาหารนักกล้ามของสมาร์ท เดี๋ยวนี้หันมาสนใจเล่นกล้ามสร้างซิกแพ็ค หลังๆในบ้านเลยมี แค่อกไก่ ไข่ นมกับพวกของมีประโยชน์ ขนมถุงของผมเลยถูกโยนทิ้งไปหมด แถมเดี๋ยวนี้ที่บ้านก็ไม่ทานข้าวขาวแล้วทานแต่ข้าวกล้อง
ติ๊ง“ป่ะเสร็จแล้ว ไปแดกข้าวมายืนโง่อะไรตรงนี่ ไข่น้ำมึงเย็นหมดแล้วมั่งนั่น”
ในที่สุดวันนี้ผมก็ได้ทานไข่น้ำกับน้ำมะพร้าวที่ไม่เย็นเพราะลืมแช่ แต่ช่างมันถึงยังไงก็ได้กินแล้ว สดชื่นจริงๆ ชีวิตคนเราคงมีแค่นี้จริงๆละผมว่า มองสมาร์ทที่กินข้าวไปอ่านการ์ตูนไปแล้วปลงกับชีวิตนิดๆ ถึงผมจะบอกว่าเขาโตขึ้นมากแต่ไอ้นิสัยกินไปอ่านหนังสือการ์ตูนไปนี้แก้ยากครับ
“อ่านเรื่องอะไรอ่ะมาร์ท สนุกไหม”ผมเลยชวนคุยสะเลย เป็นการกวนสมาธิตอนอ่านไปด้วย
“กูบอกชื่อแล้วมึงจะอ่านเหรอ”แง ดูพูดเข้าดุจริงๆไอ้เด็กนี้น่าตบหัวให้ทิ่ม เป็นการสั่งสอน
“ไม่บอกก็ไม่บอก แต่ช่วยกินข้าวให้มันหมดก่อนได้ไหมกินยังไม่ถึงครึ่งเลยคืนนี้จะได้ดูซีรี่ย์ไหมนิห๊ะ”ผมเลยดุกลับไปเลยใครกันแน่ต้องกลัวใครให้มันรู้ซะบ้างไอ้เด็กนี้
“เอ่อๆ”สมาร์ทวางหนังสือการ์ตูนลงแล้วทานข้าวในจานต่อ
หลังจากทานข้าวกันเสร็จผมก็ช่วยสมาร์ทเก็บจานมาล้าง ส่วนสมาร์ทก็ไปเดินดูรอบบ้านปิดประตูรั้วให้เรียบร้อยแล้วถึงกลับถึงขึ้นห้องไปแปรงฟัน ผมก็เหมือนกันล้างจานเสร็จก็ขึ้นไปแปรงฟันแล้วมานอนรอดูซีรี่ย์กับสมาร์ทให้ห้องนอน
สมาร์ทเข้ามาในห้องพร้อมกับโน๊ตบุ๊คของตัวเอง ร่างสูงเดินมาหยุดอยู่ที่เตียงจัดการวางโน๊ตบุคแล้วเปิดซีรี่ย์แล้วขึ้นมานั่งดูกับผมเหมือนปกติที่ทำกันประจำ
วันๆหนึ่งของผมก็มีแค่นี้ แต่มันก็มีความสุขมากๆจนคิดถึงว่าจะมีได้ ผมมองคนข้างๆตัวที่ดูซีรี่ย์อย่างตั่งใจ ขอแค่นี้จริงๆในชีวิตผม ขอแค่สมาร์ทยังอยู่ข้างๆผมก็พอใจแล้ว รักนะควายน้อยของผม
ผ่านไป 1 ชั่วโมง ชีรี่ย์จบตอนแล้วคนแก่กว่าก็หลับไปแล้วเช่นกัน สมาร์ทเลยปิดโน๊ตบุ๊คแล้วนำไปวางไว้บนโต๊ะทำงานมุมห้อง ก่อนจะเข้านอนก็แวะไปเข้าน้ำแล้วจึงกลับมาปิดไฟและล้มตัวลงนอนข้างๆคนแก่ที่เริ่มอวบๆ
“ไหนว่าจะดูด้วยกันไงวะ หลับก่อนซี่รี่ย์จบตลอดแล้วจะดูรู้เรื่องไหมนิ”สมาร์ทพึมพำเสียงเบาเพราะกลัวคนที่หลับไปแล้วจะตื่น มือหนาของเขาเลื่อนไปจัดผ้าห่มให้พี่เกมส์อย่างเบามือ
“ฝันดีไอ้พี่อ้วน”
คนเขียน : กลับมาแล้ว