บทที่สิบห้าวันที่เขากล่าวอ้างว่าใช้เวลาอยู่กับครอบครัว ตลอดระยะช่วงเวลาดังกล่าวผมเฝ้ารอการกลับมาของเขา เวลานั้นมาถึงแล้ว เขาอยู่ตรงหน้านี้ในห้องพักของเรา ผิวของเขาคล้ำขึ้นเล็กน้อย หน้าชื่นมื่น และหอบหิ้วของฝากมาจำนวนหนึ่ง เขานัดผมมาเจอที่นี่ ผมรู้ถึงจุดประสงค์ดีว่าเขาต้องการชดใช้เวลาห้าวันที่ห่างกันไป
ผมไม่แน่ใจนักว่าควรรู้สึกอย่างไร แต่เมื่อได้เห็นหน้าเขาอีกครั้ง ใบหน้าที่แลดูมีความสุขมากล้นกลับทำให้ผมรู้สึกถึงความโมโห ผมมองดูเขาวางของฝากไว้บนโต๊ะ มองเขาเดินเข้ามากอดก่อนจะเบี่ยงหลบ สีหน้าของเขาแสดงความประหลาดใจ
“ผมถามปรายจริงๆว่าไปเชียงใหม่กับใคร”
“ไปกับที่บ้านไง”
ผมคว้าโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาเปิดเข้าไปในหน้า Instagram ของคนที่ชื่อต้นส่งให้เขาดู หากแต่เขากลับแสดงสีหน้าฉงนสงสัยหลังจากเห็นภาพในนั้น “อาทิตย์เอามาให้ผมดูทำไม”
“ปราย ผมถามว่าปรายไปเชียงใหม่กับใคร”
“ผมไปกับที่บ้าน อาทิตย์คิดว่าผมไปกับใครหละ”
“ไม่ได้ไปกับคนที่ชื่อต้นเหรอ ปรายไปกับคนอื่นมาใช่ไหม”
เขาเงียบลง เห็นชัดว่าสีหน้าแววตาดูสลดลง การที่เขาไม่ตอบรับสิ่งใดยิ่งพัฒนาโทโสของผมให้พุ่งสูงขึ้น
“ทำไมเงียบหละ บอกผมมาสิว่าไปกับใคร”
“ทำไมเราต้องทะเลาะกันด้วยอาทิตย์ ผมบอกแล้วว่าผมไปกับที่บ้านแต่อาทิตย์ก็ไม่เชื่อ”
“แล้วทำไมไอจีของต้นถึงได้มีสถานที่ที่ปรายไปทุกที่เลยหละ จะให้ผมคิดยังไง”
“ผมไม่รู้ว่าอาทิตย์ไปเอามาจากไหน แต่ผมไปเชียงใหม่กับที่บ้าน”
เขาจ้องหน้าผมก่อนจะหุนหันเดินไปทางอื่น วางกระเป๋าเป้สะพายหลังลง ผมเดินตามเข้าไป รู้สึกโมโหเหลือเกินที่เขาเดินหนี ผมคว้าแขนของเขา บีบแน่นและตวาดถามหาความจริง เขาพยายามดึงแขนออกแต่ท้ายที่สุดแล้วความพยายามของเขาล้มเหลว
ผมกับเขาทะเลาะกันอีกครั้ง ทุ่มเถียงกันใหญ่โต น้ำตาของเขาไหลแต่ผมฝืนทนไม่ให้ตัวเองอ่อนไหว ผมไม่ได้ทำร้ายร่างกายของเขาแม้แต่น้อย เพียงแต่มือที่จับแขนข้างหนึ่งของเขาบีบแน่นจนคิดว่าเขาคงจะเจ็บ
“มีความสุขมากป้ะที่หลอกผมได้อะ”
“หลอกบ้าอะไรวะ ผมบอกว่าผมไปเชียงใหม่กับครอบครัว อาทิตย์นั่นแหละมีความสุขมากป้ะที่ชวนผมทะเลาะแบบนี้”
“ปราย ผมจะไปมีความสุขได้ยังไงที่ทะเลาะกับปราย ถ้าปรายพูดความจริงมันก็จบ”
“ผมพูดความจริงแต่อาทิตย์ก็ไม่เชื่อ จะให้ผมพูดยังไงอีก”
“แต่สิ่งที่ผมเห็นมันไม่ตรงกับสิ่งที่ปรายบอก”
“เออ ผมโกหก ผมไปเชียงใหม่กับต้น พอใจรึยัง”
“ปรายอย่าประชดดิ”
“ผมไม่ได้ประชด ผมพูดความจริง ทีนี้เชื่อผมได้แล้วนะ ผมไม่อยากทะเลาะด้วย”
น้ำเสียงของเขาที่ประชดประชันยิ่งกว่าสิ่งใดได้กระตุ้นโทสะของผมมากอีกเท่าตัว แต่ผมทำอะไรไม่ได้ ผมไม่เคยนึกอยากให้เขาเจ็บตัวผมจึงยอมปล่อยแขนของเขาไป เขาเช็ดน้ำตาและหันกลับไปรูดซิปเพื่อปิดกระเป๋าเป้
“จะไปไหน”
เขาไม่ตอบแต่หุนหันเดินไปยังทิศทางซึ่งประตูตั้งอยู่ ผมดึงกระเป๋าเป้ไว้ รั้งมันออกมาจากมือของเขาและเหวี่ยงทิ้งไปทางใดทางหนึ่ง เขาปาดน้ำตาอีกครั้งในตอนที่เดินเข้าไปเก็บกระเป๋า คราวนี้ผมจับแขนของเขา แน่นหนักจนเขาร้องเจ็บ
“ถ้าไม่รักผม อาทิตย์ก็อย่าทำเหมือนอาทิตย์หึงผมกับต้นเลย”
“หึงบ้าอะไร ผมไม่ได้หึง แต่ปรายคบกับผมอยู่ก็ไม่ควรไปกับคนอื่น”
“ผมไปเชียงใหม่กับที่บ้าน เลิกคิดว่าผมไปกับต้นสักที ผมไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว”
ผมมองจ้องเขา มองเพื่อใคร่ครวญว่าควรทำอย่างไรต่อไปดี แต่ดูสิ เขาตาแดงเพราะร้องไห้ ใบหน้าบิดเบี้ยวจากความรู้สึกที่อัดอั้น ความรู้สึกของผมไม่เอนเอียง มันแน่ชัด และหนักแน่นเช่นเดิม เขาทำให้ผมรู้สึกเหนือกว่าอีกแล้ว
“แล้วจะอธิบายในไอจีของต้นว่ายังไง”
“ผมจะไปรู้ได้ยังไง อยากรู้ก็ไปถามต้นดิ”
มือที่จับแขนของเขาออกแรงบีบมากขึ้น แม้ว่าปากจะเถียงแต่น้ำตาของเขายังไหลออกมาให้ได้เห็น ผมทำให้เขาร้องไห้ ส่วนหนึ่งในความรู้สึกปรีดาเหลือเกินที่เห็นเขาเป็นเช่นนี้ ผมไม่ปฏิเสธเลยว่าชอบเสียอีกที่เห็นเขาปั่นป่วนเพราะผม ยิ่งรับรู้ว่าเขารู้สึกต่อผมมากเท่าไหร่ผมกลับยินดีต่อสิ่งนั้น
“เอามือถือมา”
เขาเงียบไม่มีทีท่าว่าจะทำตามที่ผมบอก ผมไม่รีรออีกต่อไป ผมล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือจากในกระเป๋ากางเกงของเขาออกมาเปิดดู ไม่ว่าจะเป็นแอพพลิเคชั่นไหนผมเข้าไปสอดส่องทั้งหมด แต่แล้วมันไม่มีอะไรนอกจากรูปถ่ายทิวทัศน์ตามสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ และแม้ว่าจะมีไม่มากนักแต่ในอัลบั้มรูปภาพก็มีภาพถ่ายครอบครัวของเขาอยู่ด้วย
ผมอื้ออึงไปหมด เหมือนโดนความจริงต่อยหน้าซ้ำๆที่มุมเดิม เขาเดินมาหยิบโทรศัพท์มือถือคืน ไม่พูดกล่าวสิ่งใดและไม่ร้องไห้อีกแล้ว
“ผมไม่รู้ว่าอาทิตย์ไปเอาเรื่องต้นมาจากใคร แต่ผมเสียใจที่อาทิตย์ไม่เชื่อใจผมเลย”
“แล้วปรายทำตัวให้ผมไว้ใจบ้างหรือเปล่า”
“ผมไม่รู้ ผมใช้ชีวิตปกติของผม อาทิตย์นั่นแหละที่เชื่อคนอื่นมากกว่าผม”
“หมายถึงยังไง”
“ก็แล้วใครบอกอาทิตย์เรื่องต้นหละ”
“จะโทษว่าเป็นความผิดคนอื่นงั้นสิ”
“แล้วใครบอกอาทิตย์หละ”
ผมถอนหายใจยาวก่อนจะยอมบอกความจริง “ตะวันเอาไอจีของต้นมาให้ผมดู”
“แล้วอาทิตย์ก็เชื่อตะวันเหรอ”
“ใช่ ผมเชื่อตะวัน”
“เชื่อมากกว่าผมอีกเหรอ” คราวนี้น้ำเสียงของเขาสั่นเครือ ผมยืนมองเขาในระยะประชิด เห็นน้ำตาซึ่งเอ่ออยู่ในลูกตาของเขาอย่างชัดเจน
ผมเคว้งคว้างอยู่ตรงไหนสักแห่ง คำถามของเขาทำให้ผมจนคำพูด ผมอาจเคยเห็นเขาร้องไห้มาก่อนแต่ไม่ใช่ลักษณะนี้ ลักษณะที่ราวกับว่าหัวใจของเขาบีบรัดด้วยความผิดหวังและผมทำให้เขาเสียใจ
ขณะที่สถานการณ์ตรงหน้านี้อยู่ในอารมณ์หลากหลาย ประตูหน้าห้องพักของเราก็ถูกเคาะจากภายนอก ผมละสายตาจากเขาเดินไปเปิดประตู และคนที่อยู่หลังประตูก็คือคุณ สถานการณ์ย่ำแย่เสียเหลือเกิน คุณมาในเวลาไม่ถูกไม่ควร แต่จะให้ผมเอ่ยปากไล่คุณไปผมก็ทำไม่ได้อีกเช่นกัน
“อาทิตย์ผมมาเอาของหนะ ผมลืมไว้”
คุณกล่าวแต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้เอ่ยปากอะไรเขาก็เดินมาที่ประตู เดินมาเพื่อทำในสิ่งที่เกินกว่าคาดคิด “ตะวันทำแบบนี้ทำไม” เขาพูดเสียงดังจนแทบกลายเป็นการตะโกน ผมตกตะลึงแต่ไม่นานนักก็เรียกสติกลับคืนได้ จึงรีบปิดประตูห้อง
“ผมทำอะไร” คุณถามกลับด้วยสีหน้าใสซื่อ
“ตะวันโกหกเรื่องต้น”
“ผมไม่ได้โกหก”
“แล้วเอาไอจีของต้นมาให้อาทิตย์ดูทำไม”
ผมเงียบเพื่อรับฟังการทุ่มเถียงของคนทั้งสองคน
“ปรายนั่นแหละโกหก ผมรู้ว่าปรายแอบคุยกับต้นอยู่ แล้วปรายก็ไปเชียงใหม่กับต้น”
ทั้งคุณและเขาต่างยืนกรานในความถูกต้องของตัวเอง และเป็นผมที่คาดเดาเหตุการณ์ตรงหน้านี้ไม่ได้สักอย่าง
“ผมไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับต้นเลย ผมแค่ทำโปรเจคกับเขา”
“เขารู้กันทั้งเซคชั่นแล้วเรื่องที่ปรายแอบคบกับต้นทั้งที่มีอาทิตย์อยู่”
เขาเงียบลงไปครู่หนึ่งและมองมาที่ผมด้วยสายตาที่ยากเกินกว่าอ่านใจ “ผมไม่เคยยุ่งกับต้น ไม่เหมือนตะวันหรอกที่แอบยุ่งกับแฟนของผม”
ตอนนี้ถึงคราวที่ผมบื้อใบ้ พูดสิ่งใด คิดสิ่งใดไม่ออก คุณนิ่งสงบ สีหน้าดูไม่รู้สึกอะไรเป็นพิเศษ
“ปรายรู้ได้ยังไง” ผมเอ่ยถาม
“ถุงยางในห้องน้ำ”
ผมยอมจำนนต่อหลักฐานจึงไม่พูดอะไรเพื่อโหมกระพืออารมณ์ที่มีกันอยู่ ผมสะเพร่าเองที่ลืมเก็บกวาดให้เรียบร้อย
เขาพูดมันออกมาทั้งหมดว่ารู้ได้อย่างไรว่าผมกับคุณแอบมีความสัมพันธ์กัน เขาเห็นถุงยางอนามัยที่ใช้แล้วในห้องน้ำทั้งที่ผมกับเขาไม่ได้ใช้มันมาสักพักแล้ว ในคราวแรกเขาไม่รู้ว่าผมใช้มันกับใครแต่ช่วงที่ผมออกไปข้างนอกกับคุณ เขาเก็บกวาดห้องและพบเข็มขัดเส้นหนึ่งซึ่งจำได้ว่าเป็นเข็มขัดของคุณ เขาปะติดปะต่อเรื่องราว จากท่าทีที่ผมมีต่อคุณ จากความสนใจของผมที่มีต่อคุณ จากการกระทำของผมที่มีต่อคุณ และท้ายที่สุดผลลัพธ์ที่เห็นต่อหน้านี้คือสิ่งยืนยันว่าผมมีความสัมพันธ์กับคุณทั้งที่คบหากับเขาอยู่
ห้องพักหลังนี้เงียบสงัดลงไป คุณไม่ได้เอ่ยพูดและเขาเองก็เช่นกัน ผมมองของฝากจากเชียงใหม่ มันตั้งวางอยู่บนโต๊ะเช่นเดิม แห้งเหี่ยวไม่มีใครสนใจ แต่แล้วอึดใจหนึ่งเขาก็ผุดลุกขึ้นเดินหายไปในห้องนอน กลับออกมาอีกทีพร้อมกับเข็มขัดเส้นหนึ่งโยนมันลงต่อหน้าคุณ คุณไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมาเป็นพิเศษนอกจากก้มลงหยิบเข็มขัดเส้นนั้นขึ้นมา
“ตะวันตั้งใจทิ้งมันไว้ที่นี่ใช่ไหม” เขาเอ่ยถาม
คุณมองมาตรงมายังผมก่อนจะมองไปที่เขาและเผยความจริงต่อหน้าเราสามคน “ใช่ ผมอยากให้ปรายรู้ว่าผมมีอะไรกับอาทิตย์”
ผมตกตะลึงและไม่มีคำพูดสวยหรูประกอบความรู้สึกในตอนนี้เลย
“แล้วเรื่องต้นหละ” คราวนี้คุณเอ่ยถามบ้าง
เขาถอนหายใจยาวก่อนจะปาดเช็ดน้ำตาบนใบหน้า นิ่งไปพักใหญ่ราวกับประมวลผลครุ่นคิดก่อนจะกะเทาะเปลือกแห่งความสงสัย
“ผมไม่รู้ว่าตะวันคิดยังไง แต่ผมไม่เคยยุ่งกับต้นเลย” เขามองหน้าคุณทั้งที่น้ำตากำลังไหลลงมาอีก เขาดูเปราะบางจนจิตใจของผมรู้สึกแปลกประหลาด ผมไม่ชอบที่เขาเป็นแบบนี้ ผมทนไม่ได้เมื่อเห็นน้ำตาของเขา
“โกหก” คุณแทบจะตวาดออกมา สีหน้าของคุณดูเกลียดชังเขาอย่างเห็นได้ชัด
ในส่วนนี้ผมคิดว่าคุณแสดงออกอย่างชัดเจนเกินไป คุณมีความชัดเจนต่อสิ่งที่รับรู้มา คุณกล่าวหาว่าเขาโกหก และคุณยืนยันมันจากหลักฐานหลายอย่าง ทั้งบทสนทนาของเขากับต้นที่ได้มาจากหมวย คุณอ้างเพื่อนของคุณที่เรียนอยู่คณะเดียวกันกับเขาถึงความประพฤติปฏิบัติ ทั้งหมดนี้คุณดูแน่วแน่ต่อสิ่งที่คุณได้รับรู้มา เพียงแต่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมคุณต้องการสร้างความร้าวฉานระหว่างเรา
“ถ้าปรายบอกว่าไปเชียงใหม่กับที่บ้านแล้วทำไมต้นถึงลงรูปที่เดียวกับปรายตลอดเลยหละ”
“ผมไม่รู้แต่ผมไปกับที่บ้าน” เขายังยืนกรานต่อความบริสุทธิ์ของตัวเอง
“มีหลักฐานไหมหละ” คุณเค้นถาม สีหน้าของคุณดูแปลกตาอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน คุณต้องการเอาชนะเขา
เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา มือสั่นเทาจนสังเกตเห็นได้ ผมทนไม่ไหวต่อการเห็นคุณจาบจ้วงหาความจริงจนทำให้เขาร้องไห้แบบนี้ บางทีผมคงมองคุณผิดไป ผมคิดมาตลอดว่าคุณช่างใสซื่อ ผมเชื่อว่าสิ่งที่คุณกระทำลงไปเป็นเพราะความปรารถนาดี ผมตกหลุมไปกับคำพูดของคุณ คำพูดให้ร้ายต่อเขา เขาที่ไม่เคยคิดร้ายต่อใครเลย ผมเสียอีกที่ประจักษ์แจ้งว่าเขาดีต่อผมขนาดไหน ทั้งที่ผมละเลยและทิ้งขว้างความรู้สึกอันบริสุทธิ์ของเขา มาวันนี้ผมตระหนักแน่ชัดว่าผมมองคุณผิดไปอย่างมหันต์
“พอเถอะตะวัน” ผมบอกต่อคุณแล้วก้าวเข้าไปหาเขา เขายิ่งร้องไห้หนักและไขว่คว้าอ้อมกอดของผมในทันทีที่เราใกล้กัน ผมมองหน้าคุณไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่านั้น ผมคิดว่ามันคงเป็นการกระทำซึ่งชัดเจนแทนการเอ่ยปากพูดแล้ว
กระนั้นคุณกลับไม่ยอมแพ้เลย คุณยื้อแย่งโทรศัพท์มือถือของเขาซึ่งยังค้างหน้าจออยู่ที่แอพพลิเคชั่นไลน์
“ผมไม่เคยยุ่งกับต้นจริงๆนะอาทิตย์ ผมไม่รู้ว่าทำไมตะวันถึงทำแบบนี้กับผม”
เสียงของเขาสั่นเครือ ดูน่าสงสารและชวนให้ผมยิ่งกอดเขาแน่นขึ้นไปอีก คุณไม่ได้คำตอบที่น่าพอใจจากการจับผิดในโทรศัพท์มือถือของเขา แต่สายตาของคุณยังคงมองเขาด้วยความรังเกียจ
“ผมกล้าพูดว่าสิ่งที่ผมรู้มาเป็นความจริง ปรายไม่ได้คบกับอาทิตย์แค่คนเดียว”
“ตะวัน ผมไม่อยากรู้อะไรแล้ว ในมือถือของปรายผมก็ดูหมดแล้ว มันไม่มีอะไรเลย”
“อาทิตย์ แต่ว่าผมไม่-…”
“ไว้ค่อยคุยกันได้ไหม เดี๋ยวผมจะคุยกับปรายเอง”
“คุยอะไรอีก อาทิตย์ก็เห็นอยู่ว่ามันโกหก”
“พอได้แล้วตะวัน” ผมขึ้นเสียงกับคุณ มันคงเป็นน้ำเสียงแข็งกร้าว เป็นครั้งแรกที่ผมพูดจาไม่ดีต่อคุณ
คุณยืนนิ่งต่อหน้าผมกับเขา คุณไม่มีน้ำตาแต่สีหน้าของคุณดูผิดหวัง
“ทำไมอาทิตย์ไม่เชื่อผม”
“ผมเชื่อในสิ่งที่ผมเห็น”
“เชื่อในสิ่งที่มันโกหกหนะเหรอ”
“ตะวัน!”
คราวนี้ผมขึ้นเสียงจนคุณหุบปากสนิท คุณไม่พูดอะไรอีกแต่เดินออกไปจากห้อง เสียงประตูปิดดังโครมจากการถูกใส่อารมณ์ ผมไม่สนใจอะไรนอกจากคนในอ้อมแขนของผม เขายังมีน้ำตาอยู่และโผกอดผมแนบแน่นหลังจากคุณออกไป
“ผมรักอาทิตย์…” เขาละล่ำละลักพูดแล้วเงยหน้ามองขึ้นมา “ถ้าผมไม่รักอาทิตย์ผมจะยอมอาทิตย์ทุกอย่างแบบนี้เหรอ อาทิตย์ก็เห็นหมดแล้วว่าผมไปเชียงใหม่กับที่บ้าน ในไลน์ผมก็คุยกับต้นแค่เรื่องงาน”
ผมไม่เห็นสิ่งใดนอกจากแววตาใสซื่อที่น่าสงสาร ผมผิดไปแล้ว ผิดที่เคยเชื่อใจคุณมากกว่าเขา เขาที่รักผมมากถึงเพียงนี้ คุณไม่มีสิทธิ์ทำให้เขาร้องไห้ มีแต่ผมเพียงคนเดียวที่สามารถกระทำสิ่งใดต่อเขาก็ได้ มีเพียงผมที่ถือครองสิทธิ์ทุกอย่างในตัวเขา มีเพียงผมเท่านั้น
“ผมมีแค่อาทิตย์คนเดียว อาทิตย์เชื่อผมนะ”
ผมตอบรับและลูบศีรษะปลอบประโลม
แม้ว่าผมจะผิดหวังในตัวคุณและเห็นใจเขามากเพียงใด แต่สิ่งหนึ่งยังคงติดค้าง มันเป็นความรู้สึกของผมเอง ความรู้สึกที่ว่าผมยังไม่สามารถเชื่อเขาได้เต็มใจ อะไรบางอย่างยังคลางแคลงเต็มไปด้วยสงสัย ผมไม่รู้ว่าใครโกหก อาจเป็นคุณหรืออาจเป็นเขา บางทีอาจเป็นทั้งคุณและเขาที่โกหกต่อหน้าผม
************************************