『Heart To Heart ใจแพ้รัก❤ 』
(https://sv1.picz.in.th/images/2019/03/23/tOwHtD.png)
“หลีกหนียังไงก็หนีหัวใจตัวเองไม่พ้น
ยิ่งใจอยากหลีกหนีเท่าไร แต่ก็แพ้ใจตัวเองอยู่ดี”
Banoffee.
สารบัญ
บทนำ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69890.msg3957841#msg3957841)
#ใจแพ้รัก ตอนที่1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69890.msg3958062#msg3958062)
#ใจแพ้รัก ตอนที่2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69890.msg3958289#msg3958289)
#ใจแพ้รัก ตอนที่3 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69890.msg3958795#msg3958795)
#ใจแพ้รัก ตอนที่4 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69890.msg3959031#msg3959031)
#ใจแพ้รัก ตอนที่5 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69890.msg3960011#msg3960011)
#ใจแพ้รัก ตอนที่6 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69890.msg3960982#msg3960982)
#ใจแพ้รัก ตอนที่7 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69890.msg3962070#msg3962070)
#ใจแพ้รัก ตอนที่8 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69890.msg3965396#msg3965396)
#ใจแพ้รัก ตอนที่9 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69890.msg3967274#msg3967274)
#ใจแพ้รัก ตอนที่10 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69890.msg3967556#msg3967556)
#ใจแพ้รัก ตอนที่11 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69890.msg3969594#msg3969594)
#ใจแพ้รัก ตอนที่12 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69890.msg3971601#msg3971601)
#ใจแพ้รัก ตอนที่13 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69890.msg3971949#msg3971949)
#ใจแพ้รัก ตอนที่14 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69890.msg3973612#msg3973612)
#ใจแพ้รัก ตอนที่15 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69890.msg3974249#msg3974249)
#ใจแพ้รัก ตอนที่16 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69890.msg3975462#msg3975462)
#ใจแพ้รัก ตอนที่17 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69890.msg3978173#msg3978173)
#ใจแพ้รัก ตอนที่18 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69890.msg3980143#msg3980143)
#ใจแพ้รัก ตอนที่19 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69890.msg3982446#msg3982446)
#ใจแพ้รัก ตอนที่20 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69890.msg3984310#msg3984310)
#ใจแพ้รัก ตอนที่21 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69890.msg3987417#msg3987417)
#ใจแพ้รัก ตอนที่22 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69890.msg3992580#msg3992580)
ตอนที่ 13
อาทิตย์หน้าก็เป็นการจัดกิจกรรมประกวดดาวเดือนของคณะบริหาร ช่วงนี้ตารางเวลาของไอ้นักจึงแน่นขนัด เช้าซ้อม บ่ายเรียน เย็นก็ซ้อมอีก แต่มันก็ยังเผื่อเวลาไปเดทกับสาวๆ ของมันตอนค่ำคืนได้เพราะกลับตีสองตีสามทุกวัน และหลังจากเลิกเรียนมันก็ปลีกตัวออกไป
ส่วนผมตามจริงแล้วต้องเข้าซ้อมเชียร์เหมือนคนอื่นๆ แต่เพราะเฮียกุนอนุญาตให้ผมกลับไปพักผ่อนได้แล้วก็จะเป็นสารถีไปส่งผมอีกด้วย ทั้งที่เมื่อครู่เพื่อนเฮียแกมาเรียกไปประชุมกิจกรรม
“เฮียกุนไปประชุมกับเพื่อนเถอะ ผมกลับเองได้ ผมดีขึ้นแล้ว ไม่เป็นไรหรอก” ผมพูดกับเฮียกุนระหว่างอยู่ในลิฟต์และกำลังลงมาชั้นล่างของตึก
“ไม่ได้ กูต้องไปส่งมึงให้ถึงหอ”
“นี่เฮีย ถึงจะเป็นพี่รหัสผมแต่ก็ไม่ต้องใส่ใจขนาดนี้ก็ได้”
“กูบอกแล้วไงว่าอย่าเพิ่งปักใจเชื่อว่าเป็นกู…และยังไงก็แล้วแต่มึงไม่ต้องพูดอะไรมากเพราะกูจำเป็นต้องไปส่งมึงที่หอ กูจะได้ไม่ต้อง…” เฮียกุนหยุดพูดกะทันหัน
“ไม่ต้องอะไรเฮีย?” ผมมองเฮียแกอย่างสงสัย
“ไม่ต้อง…เป็นห่วงและกังวลว่ามึงอาจจะไปเป็นลมอยู่แถวไหนไง”
“ก็บอกแล้วว่าไม่ต้องห่วง…”
ตุ้บ?
ระหว่างที่ผมพูด…ลิฟต์ก็ถึงชั้นล่างและเปิดออกพอดี ผมที่เดินออกไปและหันหน้ามาคุยกับเฮียกุนไปด้วยจึงไม่ทันได้มองว่าตัวเองเดินออกไปชนใครบางคนที่ยืนอยู่หน้าลิฟต์เข้า
ผมชนกับคนนั้นอย่างจังจนทำให้หงายหลังแต่มือยาวๆ ของเขาดึงผมไว้ทัน และแรงดึงนั้นก็ทำให้ตัวของผมพุ่งเข้าไปแนบอกของเขา
เฮียขุนจับข้อมึงที่ช่วยดึงผมไว้ ส่วนอีกข้างก็รวบเอวผมไม่ให้ล้มลงไป ในวินาทีนั้นสายตาของเราต่างจ้องมองกันและกัน เช่นเดิมว่าผมเดาไม่ออกว่านัยน์ตาคมคู่นั้นกำลังคิดอะไร…
หากรู้ว่าเป็นผม เขาจะช่วยประคองผมไว้มั้ย
แทนที่จะรีบปล่อยตัวผมออกจากอ้อมอกของเขา เฮียขุนกลับกำข้อมือผมแน่น แต่มือที่โอบเอวผมกลับผละออกแล้วยกขึ้นมาแตะหน้าผากของผมเบาๆ สายตาที่เดายากมองตามมือของตัวเองก่อนเลื่อนผลุบลงมามองตาผมเช่นเดิม
ผมไม่เข้าใจกับการกระทำของเขาอีกแล้ว และการไม่เข้าใจนี้มักทำให้กระตุ้นโชว์ความโง่เง่าของตัวเองออกมา เหมือนเมื่อวันก่อนที่ผมโดนเขาหลอกเพราะเฮียขุนใช้การกระทำหรือคำพูดที่อ่อนโยนแกล้งผม…ไม่เข้าใจว่าคนใจร้ายอย่างเขาจะมาอ่อนโยนกับผมทำไม
แต่ครั้งนี้ผมจะไม่ทำตัวโง่เหมือนวันนั้นหรอกนะ
ฟึบ!
พอคิดได้อย่างนั้นผมก็ปัดมือหนาของเขาที่แตะหน้าผากผมอยู่ออกอย่างแรง แล้วใช้มือทั้งสองข้างผลักแผงอกของเขาให้ตัวเองหลุดออกจากพันธนาการ
“เฮียกุน ผมไปรอที่รถนะ” ผมพูดกับเฮียกุนที่จะต้องอยู่ทักทายพี่ชายของตัวเอง แต่ผม…ผมจะถือว่าเมื่อกี้ผมชนเข้ากับท่อนไม้ที่แข็งทื่อ ไม่มีคนที่ชื่อขุนศึกยืนอยู่ตรงนั้น และผมกับเขาก็ไม่ได้มีอะไรที่จำเป็นจะต้องทักกันอยู่แล้ว
ผมเดินจากมาโดยไม่เหลียวมองหน้าเขาคนนั้นด้วยซ้ำ ปกติเขาก็ทำเหมือนผมไม่มีตัวตนอยู่บ่อย จากนี้ไปผมก็จะทำแบบนั้นเช่นกัน
ตุ้บ!
“ขอโทษครับ ขอโทษ”
ก่อนถึงบันไดหน้าตึก…ด้วยความที่อารมณ์คุกรุ่นของตัวเองจึงเป็นอีกครั้งที่ทำให้ผมเดินชนใครบางคนโดยไม่ระวัง แต่ครั้งนี้ผมชนแรงจนอีกฝ่ายเซถลาเกือบล้มและเป็นผมที่พยุงเธอไว้ได้ก่อน
“พี่ไวน์เป็นอะไรหรือเปล่าครับ เจ็บตรงไหนมั้ย”
“พี่ไม่เป็นไรจ่ะ” เธอบอกหลังจากที่กลับมายืนทรงตัวบนส้นสูงของตัวเองได้
“ผมขอโทษอีกครั้งนะครับที่ไม่ทันระวัง ชนแรงด้วยเมื่อกี้”
“พี่โอเค ไม่ได้เจ็บตรงไหน…อันที่จริงพี่ต่างหากที่ต้องขอโทษ”
ผมไม่เข้าใจที่เธอพูด “พี่จะขอโทษผมทำไม ผมเป็นคนเดินชนพี่นะ”
“พี่ขอโทษที่ทำให้โชต้องกลับบ้านเองคนเดียว พี่ได้ยินมาว่าโชต้องตากฝนไปที่ป้ายรถเมล์จนทำให้เป็นไข้”
“เฮียขุน…บอกเหรอครับ”
“จ่ะ” พี่ไวน์พยักหน้า
ทำไมคนๆ นั้นต้องบอกเรื่องของผมซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่เกิดจากการกระทำที่ใจร้ายของเขาด้วยนะ “ไม่ใช่ความผิดพี่ไวน์ซะหน่อย ไม่ต้องขอโทษผมหรอกครับ ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก ตอนนี้ก็ดีขึ้นแล้ว”
“ดีแล้ว พี่ขอให้หายไวๆ นะ…งั้นพี่ไปก่อนแล้วไว้เจอกัน”
ผมพยักหน้าให้และมองตามหลังเธอไป พี่ไวน์กำลังเดินไปหาคนที่ผมเดาไว้ เธอเดินไปหาเฮียขุนที่กำลังยืนคุยอยู่กับเฮียกุน
พี่ไวน์ชี้มาทางผม ดูเหมือนเธอกำลังบอกว่าเพิ่งเจอกับผมและเฮียขุนเองก็มองตามมาทางนี้ด้วย เขาเห็นผมที่ยืนมองอยู่ นั่นจึงทำให้ผมหันกลับแล้วรีบลงบันไดเดินมารอเฮียกุนที่รถ
เหมือนความรู้สึกของตัวเองทำตามที่พูดซะที ผมรู้สึกเฉยๆ ที่เห็นเขาอยู่กับพี่ไวน์…
รู้สึกว่าตัวเองแยแสเขาน้อยลงจริงๆ
ถ้าเป็นแบบนี้ได้ ความชอบที่มีต่อเขาก็อาจจะลดลงไปเรื่อยๆ และไม่เหลือความชอบอีกเลย…
ผมจะได้ไม่ต้องเจ็บปวดกับสายตาที่เย็นชาของเฮียขุนอีก
“จัดการกับความรู้สึกตัวเองได้ดีนะมึงเนี่ย” เฮียกุนพูดกับผมระหว่างที่รถกำลังเคลื่อนที่ “กูไม่เคยเห็นมึงทำกับเฮียขุนแบบนั้นมาก่อน…มึงปัดมือเฮียแกออกแรงมาก”
“พอเห็นหน้าเขาแล้วหงุดหงิดอ่ะ”
“จากที่เมื่อก่อนมึงไม่แม้แต่จะกล้ามองหน้าเฮียเขา”
“ใช่เฮีย ผมกลัวสายตาของเขา แต่เพราะเฮียขุนทำให้ผมโกรธมาก มันก็เลยดูเหมือนว่าความโกรธในครั้งนี้จะกลบและทับถมความกลัวนั้นไปซะหมด”
“โช…ถ้ากูถาม มึงอย่าโกรธนะ”
“ถามอะไรอ่ะเฮีย” ผมเบี่ยงสายตาจากมองออกนอกกระจกหันมาคาดหวังกับคำถามที่คนขับคิดว่าผมจะโกรธ
“ไม่ชอบแล้วของมึงเนี่ย…ลึกๆ ในใจคือยังหลงเหลือความชอบเฮียขุนอยู่เกินครึ่งใช่มั้ย”
“…” ผมเงียบแทนคำตอบ ไม่รู้จะโกรธกับคำถามนั้นดีมั้ยเพราะรู้ดีแก่ใจว่าความชอบมันลดลงไปจริง…แต่ลดลงแค่น้อยนิด ผมจึงคิดว่าควรโกรธตัวเองต่างหากและอายที่จะตอบว่ามันเหลือเกินครึ่งไปมากมาย
“เอ่อ…ไม่ต้องตอบกูก็ได้”
“ก็…ชอบมาตั้งนาน มันไม่ได้เลิกชอบกันง่ายๆ นี่เฮีย”
“อืม…ก็นั่นน่ะสิ” เฮียกุนพยักหน้า “แล้วไอ้พี่ภามล่ะ?”
ผมหันขวับ…ถามถึงพี่ภามทำไม หรือเฮียกุนรู้แล้วว่าพี่ภามมันขอผมคบ “พี่ภามทำไมเหรอเฮีย”
“กูดูออกนะว่าพี่ภามมันสนใจมึง แต่ก่อนตอนมาหาเฮียขุนที่คณะก็ไม่ได้มาบ่อยขนาดนี้ ช่วงนี้มาทุกวันและเหตุผลก็คือมาหามึง” สมกับเป็นเฮียกุนผู้ฉลาดรอบรู้จริงๆ ไม่ต้องบอกต้องพูดเฮียแกก็ดูออกหมด “นี่…กูขอเตือนไว้นะว่าอย่ายุ่งกับไอ้พี่ภามให้มันมากนัก”
“ทำไมล่ะเฮีย ถึงพี่ภามจะเคยเกเรแต่ตอนนี้ดูเขาทำตัวน่ารักขึ้นนะ”
“พูดอย่างนี้…หลงเสน่ห์พี่ภามมันเข้าให้หรือไง” เฮียกุนหรี่ตามองผม “ตอนเด็กก็เกเรแบบเด็กๆ พอโตขึ้นก็เกเรแบบผู้ใหญ่ มึงรู้จักมั้ยคาสโนว่าอ่ะ”
“ผมก็ไม่เห็นว่าพี่ภามจะควงผู้หญิงไปทั่วเหมือนไอ้นัก” …เหมือนพี่ชายเฮียด้วย
“คนแบบนั้นน่ะเขาเรียกว่าร้ายเงียบ ถ้ามาชวนมึงไปไหน…ปฏิเสธเลยว่าไม่ไป แต่ถ้ามึงจะไปกับพี่ภามต้องโทรมาบอกกูนะว่าจะไปที่ไหนแล้วทำอะไรกัน เข้าใจป่ะ”
“…” ผมยิ้มแห้งรับคำเฮียแก
ดูเหมือนเฮียกุนจะห่วงเกินหน้าที่พี่รหัสไปหรือเปล่านะ หรือเพราะไม่ชอบและมีอคติกับพี่ภามอยู่แล้วเลยไม่อยากให้ผมไปยุ่งกับเขานัก ช่วงนี้เฮียแกก็ชอบทำตัวแปลกๆ ถ้าเป็นพี่รหัสจริงก็ถือว่าแสดงตัวออกจะโจ่งแจ้งมากเกินไป ทั้งที่ไม่ใช่วิสัยของเฮียเขาเลย
ถ้ารู้ว่าพี่ภามขอผมคบ…เฮียแกจะไม่ตามติดผมแจแล้วพาผมไปซ่อนไม่ให้พี่ภามมันหาเจอเลยหรือไง
ถึงหอแล้วเฮียกุนก็ช่วยยกกล่องของพี่รหัสขึ้นมาให้ บอกจะถือเองเฮียแกก็ห่วงความบอบบางของผมที่ยังโดนไข้เล่นงานอยู่
“โชคดีนะมึงเนี่ย ได้พี่รหัสสายเปย์ ให้ของมาทั้งทีก็ให้มาเป็นกล่องใหญ่แถมหนักใช่เล่น”
“ก็เฮียเป็นคนใจดีนี่” ผมยิ้มกว้างใส่
“ที่พูดไม่ได้หมายถึงตัวกู…แนะนำนะว่าให้มึงไปถอดความปริศนาคำใบ้ให้ดีและรอบคอบ ถ้ามั่นใจแล้วจะยังคิดว่าเป็นกู…ก็รอดูผลวันเฉลยแล้วกัน”
“ครับ” ผมยิ้มรับคำและกล่องมาจากเฮียกุนเมื่อเดินมาหน้าห้องและเปิดประตูไว้เรียบร้อยแล้ว
“ครับๆ ไปอย่างนั้นแหละมึงอ่ะ ถ้าได้เชื่อว่าเป็นกูไปแล้วมึงก็เชื่ออยู่อย่างนั้น”
“ก็เฮียแสดงออกเป็นห่วงเป็นใยแล้วก็เทคแคร์ผมซะขนาดนี้”
“เฮ้อ…กูก็ไม่ค่อยอยากจะทำสักเท่าไรหรอก”
“ว่าไงนะเฮีย” เฮียกุนบ่นงึมงำอะไรสักอย่างตอนหันหลังจะเดินไปที่ประตูห้องของตัวเอง ผมจึงได้ยินไม่ถนัดว่าเฮียแกพูดอะไรกันแน่
“เปล่า…อ่อ ในกล่องมีโน้ตจากพี่รหัสด้วยนะ ดูให้ดีกระดาษมันเล็ก” หันมาบอกผมเสร็จก็ไขประตูเปิดเข้าห้องตัวเองไป
ผมเองก็เดินเข้าห้องมาและวางกล่องไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือ…อย่างที่เฮียกุนพูดว่าสายเปย์เอาการแฮะ ทั้งขนมนมเนยหลายแพค ช็อกโกแลต น้ำผลไม้ มีทั้งวิตามินแล้วก็ยาลดไข้
เป็นพี่รหัสที่โคตรจะดีเลย
ผมเอาของออกมาจากกล่องจนหมดจึงเห็นกระดาษโพสอิทสีชมพูเล็กๆ ก้นกล่อง
กินเยอะๆ นะ...
กินวิตามินเสริมด้วยจะได้แข็งแรง
แล้วก็อย่าลืมกินยาลดไข้จะได้หายไวๆ
เป็นห่วงนะ…
ผมยิ้มให้กับข้อความที่เขียนในกระดาษโพสอิท “จะกินให้อย่างดีเลย” ผมพูดตอบรับกับข้อความนั้น มีความสุขแล้วก็โชคดีจริงๆ ที่มีพี่รหัสน่ารักแบบนี้
หึ…เฮียกุนสายเปย์
เขานั่นแหละครับ เฮียกุนเป็นคนที่ชอบเลี้ยงน้องมาแต่ไหน ไปสังสรรค์เฮียแกก็มักเป็นเจ้ามือ วันเกิดไอ้นักหรือผมไม่ว่าพวกเราอยากได้อะไรเฮียแกก็หามาให้หมด
เฮียกุนเป็นคนที่วางท่าและเงียบขรึม ทว่าใจดีและเป็นกันเองแต่ก็ไม่ได้จะไปยุ่มย่ามหรือเกี่ยวข้องให้มากนัก อย่างใสใจดูแลเป็นห่วงผมขนาดนี้ เฮียแกก็ไม่เคยเป็นมาก่อน…อย่างมากก็แค่รับรู้ว่าไม่สบายและเป็นห่วงอยู่ห่างๆ เท่านั้น ไม่ได้ถึงกับขนาดต้องมาป้อนข้าวป้อนยาผม อันนี้แหละที่ยังทำให้มีเปอร์เซ็นที่สับสน
ครืด~ครืด~
ระหว่างที่ผมจัดแจงเอาขนมเอานมเข้าตู้เย็นอยู่ หน้าจอมือถือก็แจ้งเตือนว่ามีข้อความ
Prime: ถึงหอยัง?
Shogun: ถึงสักพัก…
Prime: อย่าลืมกินข้าวกินยาก่อนนอนนะ จะได้หายเร็วๆ
Shogun: รู้แล้วล่ะน่า ไม่อยากวูบแล้ว
Prime: โช…เรื่องที่พูดวันนี้ โชค่อยๆ คิดก็ได้ไม่ต้องรีบ พี่แค่ถามโชไว้ ไม่ได้จะเร่ง แค่เก็บไปคิดพี่ก็ดีใจแล้ว
Shogun: ขอบคุณนะพี่ภาม…ขอบคุณที่เข้าใจ
Prime: คร้าบบบ ก็จู่ๆ พี่ก็ถามโชปุบปับนี่ โชคงไม่ทันตั้งตัว
Shogun: อืม…โคตรตกใจเลยแหละ
Prime: นั่นสินะ โชคงไม่คิดว่าเด็กเกเรขี้แกล้งอย่างพี่จะชอบโช 5555
Shogun: ใช่สิ…ไอ้เด็กเกเรคนนั้น 555
Prime: ดีใจนะที่โชรู้แล้วว่าพี่ชอบแต่ไม่ได้รังเกียจ
Shogun: จะรังเกียจอะไรเล่า
Prime: แต่ก็ไม่ได้ชอบ…
Shogun: ……
Prime: ไม่เป็นไร สำหรับโชพี่รอได้เสมอคร้าบบบ…แล้วพรุ่งนี้มีเรียนกี่โมง?
Shogun: แต่เช้าแล้วก็ทั้งวันอ่ะ
Prime: งั้นพรุ่งนี้ไปกินข้าวเที่ยงด้วยได้มั้ย?
Shogun: ได้สิ
Prime: >< งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะ…ฝันดีคร้าบบบ
Prime: (อิโมจิบอกฝันดี)
Shogun: (อิโมจิลากหมอน)
พอคุยกับพี่ภามแบบนี้แล้วแปลกๆ แฮะ เราไม่เคยคุยกันแบบนี้มาก่อน ผมไม่ได้รังเกียจแต่ก็ยังไม่ได้ชอบอย่างที่ว่าไป…
แต่การที่รู้ว่ามีคนมาชอบมันก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน
แม้เฮียกุนจะบอกให้อยู่ห่างจากพี่ภาม ถ้าทำตัวแบบนั้นเขาคงเสียใจที่ปฏิกิริยาของผมจะเอาแต่หลีกเลี่ยง เป็นการทำลายน้ำใจที่เขามีให้โดยที่ผมไม่ตั้งใจ
ดังนั้นก็แค่ทำตัวปกติเหมือนอย่างที่เคยเป็นน่าจะดีที่สุด
-----TBC-----
ตอนที่ 17
“เฮียขุน”
จังหวะเหมาะที่เฮียกุนเดินมาพอดี ก่อนที่พี่ชายของเฮียเขาที่เอาแต่จ้องผมราวกับจะกินเลือดกินเนื้อกำลังบีบแก้มของผมแทบจะบุบเข้าไปอยู่แล้ว
“เฮียทำอะไรไอ้โชมันน่ะ”
“ทำอะไร…กูกำลังกินข้าวกับมันอยู่มั้ง” เขาตอบกวนก่อนจะสะบัดมือออกจากแก้มของผม
“อ๋อเหรอ…ผมเพิ่งรู้ว่ากินข้าวกันแบบนี้” เฮียกุนเองก็ยียวนเช่นกัน “เออไอ้โช เดี๋ยวเฮียขุนกลับด้วยนะ พอดีรถเฮียเขาเสีย”
“…” ผมขมวดคิ้วหันไปมองเฮียกุนทันทีหลังจากที่เฮียเขาบอกผม มิน่าล่ะเฮียขุนถึงได้มายืนอยู่นี่ “ถ้าอย่างนั้นผมจะกลับเอง”
“ไม่ได้/ไม่ได้” สองพี่น้องพูดพร้อมกัน
เฮียกุนน่ะไม่แปลกและผมไม่สงสัยอะไรที่เฮียเขาจะพูดแบบนั้น เพราะยังไงทุกครั้งที่ผมบอกว่าจะกลับเองแต่เฮียกุนก็จะดั้นด้นไปส่งที่หออยู่ดีทั้งที่มันใกล้แค่หนึ่งป้ายรถเมล์จะเดินกลับก็ยังได้
แต่เมื่อกี้ถ้าผมได้ยินไม่ผิด…เฮียขุนก็พูดออกมาเช่นกัน
ทำไมเขาไม่ต้องการให้ผมกลับเองทั้งที่เขาก็จะกลับรถเฮียกุนด้วย เฮียขุนน่าจะดีใจที่ผมไม่ต้องนั่งรถกลับกับเขา…เขาจะได้ไม่ต้องรู้สึกอึดอัดและรำคาญ
“มึงจะกลับเองทำไมวะ ก็กลับด้วยกันเนี่ยแหละ ไม่ต้องห่วงถึงเฮียขุนจะกลับด้วยแต่รถกูก็มีที่นั่งเหลือเฟือที่จะทำให้มึงเหยียดแขนขา ตีลังกานั่งก็ยังได้” เฮียกุนบอกผมหรือกำลังพูดเสียดสีพี่ชายตัวเองกันแน่
แต่ผมไม่ได้ห่วงเรื่องนั้นหรอก เฮียเขาน่าจะรู้ว่าทั้งพี่ชายของเขาและผมอึดอัดที่จะนั่งรถกลับด้วยกัน
หลังๆ มานี่นอกจากจะแปลกที่เอาแต่ทำตัวติดผมแล้วเฮียกุนก็ยังทำเหมือนไม่เข้าใจผม ทั้งที่เฮียเขารู้ดีว่าผมไม่กล้าที่จะมองสายตาที่เย็นชาของเฮียขุนและตอนนี้ผมก็ไม่อยากเห็นหน้าเพราะกำลังพยายามลบความรู้สึกชอบที่ผมมีให้กับเขา
“ผมจะกลับเองครับ” ผมย้ำคำเดิม
“ก็บอกว่าไม่ได้ นี่มันจะสี่ทุ่มแล้ว รถเมล์ก็หายาก จะเดินกลับก็เปลี่ยว”
“งั้นผมจะนั่งวิน”
“ไอ้โช…ทำไมมึงดื้อจังวะ” เฮียกุนรีบคว้ามือผมไว้ก่อนจะเดินไป
“เฮียนั่นแหละ…ทำไมช่วงนี้ต้องทำตัวไม่เข้าใจผม เฮียรู้ดีว่าทำไมผมถึงจะกลับเอง…” ผมเหลือบหันไปมองพี่ชายของเฮียเขา “เพราะถ้าเฮียขุนกลับด้วย…ผมก็จะไม่กลับกับเฮีย”
“มึงจะกลับเองไม่ได้ ช่วงนี้ยิ่งมีขโมยชอบชุกซ่อนตัวอยู่ในที่มืดและถึงมึงจะเป็นผู้ชายก็ไม่ได้ทำให้ปลอดภัยมากขึ้น ถ้ามันจะขโมยไม่ว่าผู้หญิงผู้ชายก็โดนปล้นได้เหมือนกัน…ใช่ว่ากูไม่เข้าใจว่ามึงอึดอัดที่จะนั่งรถกลับกับเฮียขุน แต่ที่พูดเพราะกูเป็นห่วง มึงแค่กลั้นใจนั่งรถแป๊ปเดียวก็ถึงหอแล้ว” เฮียกุนพูดยาวเหยียด
“ถ้าอย่างนั้นไม่ต้องเป็นห่วง…เดี๋ยวผมจะโทรบอกให้พี่ภามมารับก็ได้”
“นั่นยิ่งไม่ได้!” เฮียกุนตะโกนใส่ผม “ไอ้พี่ภามมันยิ่งกว่าขโมยซะอีก”
“แต่…” จู่ๆ แขนของผมก็ถูกกระชาก “ทำอะไรของเฮียเนี่ย…ปล่อยผมนะ!” เฮียขุนเดินมาดึงแขนของผม จากนั้นเขาก็เปิดประตูรถแล้วจับหัวผมยัดเข้าไปข้างในทันที “นี่…”
ปัง!
แถมยังจะปิดประตูรถใส่หน้าผมอีก
“แล้วนั่นเฮียจะไปไหน” เฮียกุนถามพี่ชายหลังจากที่เขาปิดประตูใส่ผมแล้วเขาก็ไม่ได้ขึ้นรถตามมาแต่จะเดินไปไหนไม่รู้
“กูจะกลับเอง” เขาบอกแค่นั้นก่อนจะหันมามองผมผ่านกระจกด้วยสายตาที่ปัดรำคาญ
“ทำไมพี่ชายเฮียต้องกลับเองด้วยล่ะ ผมเป็นคนนอก…ผมต่างหากที่จะต้องกลับเอง มาทำตัวแปลกให้ผมไม่เข้าใจอีกแล้ว…ไม่ว่ายังไงผมก็ยืนยันว่าจะไม่นั่งรถกลับกับเขาก็เลยทำเป็นว่าเสียสละจะกลับเองว่างั้น เพื่ออะไร ทั้งที่จริงคนใจร้ายและเห็นแก่ตัวอย่างเขาน่าจะยิ้มอย่างพอใจที่เห็นผมได้เดินกลับหอเองแต่ตรงข้ามดันมาทำตัวเกรี้ยวกราดใส่ผมแทน” ทันทีที่เฮียกุนเคลื่อนรถออกผมก็บ่นให้เขาฟังด้วยความหงุดหงิด
“เฮียเขาคงเป็นห่วงมึงมั้ง” เฮียกุนพูดผ่านๆ ในขณะที่กำลังหมุนพวงมาลัย
“เฮียว่าไงนะ…ตลกละ พี่ชายเฮียจะมาห่วงอะไรผม ทำตัวพิลึกพิลั่น เฮียก็ด้วย!” ผมหันไปตะคอกใส่คนขับ “เฮียเลิกตามผม เลิกคอยไปรับไปส่งได้แล้ว เฮียไม่เป็นตัวเองเลยรู้มั้ย ถึงเฮียจะไม่ชอบพี่ภามแต่ก็จะไม่เข้ามายุ่งวุ่นวายเรื่องของใครไม่ใช่เหรอ ถึงเป็นห่วงก็เป็นห่วงอย่างห่างๆ แต่นี่มันแปลกมากสำหรับคนอย่างเฮียนะที่ต้องมาคอยเจ้ากี้เจ้าการกับผม ตอนนี้ผมไม่เข้าใจทั้งเฮียแล้วก็พี่ชายของเฮียเลยว่ากำลังทำบ้าอะไรกันอยู่” ผมพูดแล้วพรูลมหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยที่บ่นใส่เฮียเขายาว
“กูก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องมายุ่งวุ่นวายกับเรื่องของพวกมึงขนาดนี้ด้วยเนี่ย”
เฮ้ออ…ทั้งเฮียกุนและผมเองต่างก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกัน
Kunsue’s part
“นี่เฮียเดินกลับเหรอ” ผมถามเฮียขุนก่อนที่ตัวเองจะเปิดประตูเข้าห้องแต่เห็นเฮียเขาเดินมาพอดี
“ถ้าเดินกลับกูจะตามมึงมาทันติดๆ แบบนี้หรือไง” นั่นสิ ผมเพิ่งมาถึงและยังไม่ทันเข้าห้องด้วยซ้ำ เฮียขุนก็ตามมาเว้นไม่ถึงนาที
ตั้งแต่ที่เฮียเขาเย็นชามากขึ้น ไม่แค่กับไอ้โชนะครับแต่กับน้องกับนุ่งก็ไม่เว้นและยังแถมคำพูดคำจาที่ประชดประชันหน้าตายแบบนั้นอีก…เป็นเอาหนักนะพี่ชายผม
ไม่แปลกที่โชมันจะกลัวสายตาเย็นชาของเฮียแก…ที่ผ่านมามันจึงเอาแต่หลบหน้า
“นี่เฮีย…ผมเบื่อที่จะเป็นตัวแทนของเฮียแล้วนะ เฮียให้ผมคอยเทคแคร์ กีดกันไอ้พี่ภามและสังเกตว่าโชมันยังชอบเฮียอยู่มั้ยจนมันคิดว่าผมเป็นพี่รหัสแล้วพี่ภามก็คิดว่าผมชอบไอ้โชซะเองไปแล้ว…ทั้งที่จริงเฮียต่างหากที่ชอบ”
“หุบปากเลยนะ” เฮียขุนรีบเอามือปิดปากผมเพราะกลัวไอ้โชที่อยู่ห้องตรงข้ามได้ยิน
“ทำไมเฮียไม่บอกโชมันไปเลยว่าเฮียยังชอบมันและไม่อยากให้มันเลิกชอบ มาทำตัวใจร้ายไม่ยอมรับหัวใจตัวเองแบบนี้ ระวังเถอะ ถ้าไอ้โชมันหมดพิศวาสเฮียแล้ว ผมจะไม่ช่วยและจะสมน้ำหน้าให้” ผมพูดเบาลง
“มึงไม่เป็นกูไม่เข้าใจหรอก ถ้ามึงเคยชอบใครมากๆ จนเรียกว่ารักและเป็นรักแรกซึ่งเขาคือเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ น่ารักไร้เดียงสาที่ขโมยหัวใจกูไปจนกูปลักใจหลงรักหัวปักหัวปำว่าโตขึ้นมาถึงขนาดจะแต่งงานด้วย แต่กลับกลายเป็นว่าความฝันนั้นของกูต้องสลายเพราะคนนั้นของกูโตมาเป็นผู้ชาย…เป็นมึงจะยอมรับได้ง่ายๆ มั้ย ทำไมไอ้นักรู้แล้วก็บอกให้มึงรู้ ทำไมมีแค่กูคนเดียวที่ไม่รู้ โชโกหกกู ทำให้กูดูโง่ที่ดูไม่ออกว่าเขาเป็นเด็กผู้ชาย แล้วกูจะทำใจยังไงให้รักเขาเหมือนเดิม…มันจะเปลี่ยนทั้งชีวิตกูไปเลยนะ” เฮียขุนพูดแบบนี้กับผมรอบที่เท่าไรแล้วไม่รู้
ตั้งแต่ที่เฮียเขารู้ว่าคนที่ชอบเป็นผู้ชาย พี่ชายที่ใจดีและร่าเริงก็เปลี่ยนไป เขาเอาแต่นั่งเหม่อและบ่นเรื่องนี้ให้ผมฟังไม่รู้กี่รอบ เขากลายเป็นคนที่เอาแต่บอกว่าเกลียดไอ้โช…เกลียดที่ทำไมต้องโกหกและกลายเป็นเรื่องเรื้อรังที่ทำให้เขาเจ็บปวดเมื่อมารู้ตอนโต
แต่ในความที่บอกว่าเกลียดมันกลับมีอะไรซ่อนอยู่…คนเราจะเลิกรักง่ายๆ ได้ยังไง แม้ว่าเฮียขุนจะยังทำใจไม่ได้ที่โชมันเป็นผู้ชาย แต่ความรักความชอบที่หลงเหลือก็ยังทำให้เขาสนใจและแอบสังเกตไอ้โชอยู่ห่างๆ ด้วยสายตาที่อาลัยอาวรณ์อย่างเห็นได้ชัดจนผมดูออก
ทุกครั้งที่ผมจับได้ว่าเขาแสดงท่าทีสนใจโชมันกลายเป็นว่าเฮียเขากลับบ่ายเบี่ยงและกลบเกลื่อนด้วยความโมโห
เพราะความดื้อด้านไม่ยอมรับหัวใจของตัวเองที่ไม่ว่าโชมันจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายแต่เฮียขุนก็ยังรักมันอยู่ดี แต่ความรักนั้นจากที่อ่อนโยนกลายเป็นว่าเขาแสดงออกมาในทางที่ใจร้าย ไม่ว่าวาจาหรือการกระทำ เฮียแกก็โหดใส่โชจนมันไม่กล้ามองหน้าและเดินเฉียดใกล้เลยล่ะ
ผมเข้าใจที่เฮียขุนต้องเป็นแบบนั้นเพราะเขาโมโหและต้องปวดใจแค่ไหน แต่ไม่เข้าใจที่ไม่ยอมทำตามหัวใจตัวเองสักทีแล้วใช้ผมเป็นหุ่นเชิดเนี่ยสิ
“ถ้าอย่างนั้นผมจะไม่ตามไอ้โชแล้ว ไม่กีดกันใครให้เฮียทั้งนั้น โชมันจะเลิกชอบเฮียแล้วไปตกลงปลงใจเป็นแฟนกับใครก็เรื่องของมัน”
“ไม่ได้” เฮียขุนทำหน้าเกรี้ยวกราดใส่ผม
“นี่ ผมไม่ใช่ไอ้โชนะ เฮียไม่ต้องมาแสดงท่าทีหัวเสียใส่ผม แล้วก็นะถ้าเฮียมัวแต่ใจร้ายและไม่แสดงออกชัดเจนว่าเฮียทั้งชอบทั้งหึงโชมันล่ะก็…ก่อนที่เฮียจะทำใจได้ว่าชอบโชคนที่เป็นผู้ชายได้แล้ว ผมคิดว่าเฮียคงจะได้ทำใจว่าโชมันไม่ชอบเฮียแต่ไปชอบคนอื่นแล้วน่ะสิ จะเสียใจทีหลังไม่ได้นะ”
“มึงถึงต้องคอยกีดกันไอ้ภามให้กู…อ่อ ตอนนี้เพิ่มพี่เมฆมาอีกคน”
“ไม่เอาแล้ว ผมไม่ทำแล้ว เฮียไปเทคแคร์เอง กีดกันเอง หึงเอาเองเลยไป”
“หรือมึงจะให้กูบอกไอ้ภาม” เฮียขุนเอาเรื่องนั้นขึ้นมาพูดขู่ผมอีกแล้ว
“เรื่องมันนานมาแล้ว อีกอย่างนะตอนนั้นผมแค่ปลื้มพี่ภามมัน ไม่ได้ชอบแบบนั้นซะหน่อย”
“อย่างนั้นเหรอ ถึงเรื่องมันจะเป็นอย่างนั้นแต่กูก็เอามาขู่มึงได้ผลนี่”
“…” ผมมองค้อนพี่ชายตัวเอง
ตอนเด็กผมเคยแอบปลื้มพี่ภามเพราะเห็นตอนช่วยแมวแถวบ้านโดนรถชนครับ เหมือนเป็นฮีโร่อะไรประมาณนั้น แล้วผมก็เอามาเล่าให้เฮียขุนฟังบ่อยๆ จนเฮียเขาคิดว่าผมชอบพี่ภามมันซะอย่างนั้น
แต่พอได้รู้จักพี่ภามความปลื้มก็หายไป เพราะถึงจะเป็นฮีโร่ช่วยแมวแต่ความกวนและนิสัยชอบล้อคนอื่นก็ทำให้ลบภาพความเป็นฮีโร่ไป และตรงข้ามกลายเป็นหัวโจกคอยรังแกเขาไปทั่ว
ผมจึงหมั่นไส้และหงุดหงิดทุกครั้งที่เห็นหน้าไอ้พี่ภาม เรื่องราวมันก็มีแค่นี้แต่ผมก็ไม่อยากให้พี่ภามมันรู้นี่ครับว่าผมเคยแอบปลื้ม…ถ้ารู้ได้เสียหน้ากันพอดี
“ก็ได้…ผมจะให้เวลาเฮียถึงวันเฟรชชี่ ผมจะช่วยเฮียแค่นั้น ถ้าหัวใจเฮียยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะแสดงออกว่ารักไอ้โชหรือจะยังปิดบังด้วยการกระทำที่ใจร้ายกับมัน พอถึงตอนนั้นถ้าเฮียยังเป็นแบบอย่างหลัง มีสองทางคือปล่อยโชมันไป อย่ามากั๊กมันไว้ด้วยการกระทำที่สวนกระแสหัวใจ หรือทางที่สอง ผมจะเอาไอ้โชไปประเคนให้พี่ภามให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย แค่นี้นะ รู้เรื่อง” พูดจบผมก็เปิดประตูห้องเดินเข้าไปทันที
“เดี๋ยว ไอ้กุน วันเฟรชชี่เหลือไม่ถึงเดือนเองนะ”
มันเป็นเวลาที่มากเกินไปสำหรับเฮียขุนด้วยซ้ำที่จะยอมทำตามหัวใจตัวเอง
ถ้าให้ผมต้องเห็นใจที่เฮียขุนโดนโชมันโกหกมาแปดปี กับไอ้โชที่โดยเฮียขุนทั้งดุ ทั้งไม่แยแส แล้วก็ใจร้ายกับมันสารพัดมาแค่สามปี ผมเลือกเห็นใจไอ้โชมากกว่าครับ เพราะยังไงมันก็ยังชอบเฮียขุนมาได้ถึงสิบเอ็ดปี
ผมรู้ว่าเฮียขุนก็ไม่เคยเลิกรักเลิกชอบไอ้โช แม้จะมาสะดุดตอนกลับมาจากอังกฤษแล้วเพิ่งมารู้ว่าโชมันเป็นผู้ชายแต่เฮียเขาก็ยังคงชอบไอ้โชอยู่ดีแค่ไม่รู้วิธีที่จะแสดงมันออกมา
ผมแอบสังเกตว่าเฮียขุนยังแสดงความชอบนั้นชัดเจนก็ในวันปัจฉิมนิเทศจบมอปลายของเฮียแก
หลังเสร็จกิจกรรมผมมาตามเฮียขุนที่ห้องเรียนเพื่อที่จะไปฉลอง
“เฮียมัวทำอะไรอยู่”
“เปล่า” เฮียเขารีบปฏิเสธและทำตัวเลิกลั่กซ่อนอะไรบางอย่างไว้ข้างหลัง อันที่จริงผมก็ก้าวเข้าห้องมาทันเห็นว่าพี่ชายของผมกำลังงุดก้มคุ้ยหาบางอย่างที่ว่านั้นในถังขยะ
แต่ผมก็ไม่ได้ถามหรืออยากรู้อยากเห็นอะไรมากจนตอนอยู่ที่ห้องจัดเลี้ยงฉลอง เฮียขุนเอาแต่มองกล่องของขวัญสีขาว แล้วก็มีสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นเศษเสื้อที่เฮียเขาควักออกมาจากกางเกงแล้วจ้องมันอยู่นาน
ผมได้โอกาสตอนที่เฮียขุนไปเข้าห้องน้ำแล้วไม่ได้เอากล่องนั้นไปด้วยแอบเปิดดู ผมเอามันออกมาจากใต้โต๊ะที่เฮียเขาซ่อนไว้คงเพราะไม่อยากให้ใครเห็น…ไม่ได้อยากเป็นคนยุ่งวุ่นวายกับเรื่องของพี่ชายตัวเองสักเท่าไรเลยครับ แต่กล่องปริศนานั่นชวนให้สงสัยจริงๆ
สิ่งที่อยู่ในกล่องคือตุ๊กตาดนตรีที่มีรูปปั้นคนถือหัวใจ ตัวรูปปั้นที่เห็นน่าจะเป็นเฮียขุนเพราะดูคล้ายกับเฮียเขามาก และยังมีการ์ดแนบมาด้วย…
‘ยินดีด้วยนะครับ…ผมตั้งใจทำของขวัญปัจฉิมชิ้นนี้เองเลยนะ’
การ์ดไม่ได้บอกชื่อคนให้ มันจึงทำให้ผมกระวนกระวายอยากจะรู้มากว่าใครเป็นคนที่ทำให้เฮียขุนมองกล่องของขวัญนี้ไม่วางตา
และก่อนที่ผมจะรู้สึกหงุดหงิดที่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนให้ ตาของผมก็เหลือบเห็นเศษเสื้อชิ้นนั้นที่ดูเหมือนว่าเฮียขุนจะเอามาใส่ไว้ในกล่องก่อนจะไปห้องน้ำ
‘หัวใจที่ถืออยู่มันคือของโชนะ…แค่หวังว่าเฮียขุนจะยังคงถือมันไว้’
ข้อความบนเศษเสื้อที่ดูสอดคล้องกับของขวัญที่อยู่ในกล่อง…ที่แท้ของขวัญกล่องนี้ก็เป็นของไอ้โชนั่นเอง มันคงตั้งใจทำมาให้เฮียขุน แต่ว่าทำไมเฮียเขาถึงได้เอามันมาจากในถังขยะได้นะ
เฮียขุนรู้ว่ามันเป็นของขวัญของไอ้โชคนที่เขาบ่นให้ผมฟังว่าเกลียดมัน แต่เฮียเขาจะรู้มั้ยว่าเผลอใช้สายตาที่อ่อนโยนผสมปนเปกับดีใจมองกล่องของขวัญชิ้นนั้นอยู่ไม่ละสายตา
เฮียขุนแอบมองบ้านเล็กทุกครั้งที่กลับบ้านในวันปิดเทอม เอาแต่ชะโงกมองหาไอ้โช ผมรู้ว่าเฮียเขาแสร้งเป็นเก๊กแต่แอบดีใจที่โชมันติดมหาวิทยาลัยแล้วย้ายมาอยู่หอเดียวกัน
เมื่อโชมันเข้ามหาวิทยาลัยแล้วการแสดงถึงความรักของคนที่ไม่ยอมรับหัวใจตัวเองอย่างเฮียขุนก็มีมากขึ้น เพราะเจอบ่อยขึ้น ความรู้สึกที่ทะลักออกมาจึงมากขึ้นและทำให้เขาแสดงท่าทีที่ขัดกับหัวใจของตัวเองมากขึ้น
ในวันต้อนรับน้องที่โชมันทำภารกิจไม่สำเร็จนั่นก็เป็นเพราะเฮียขุนที่แกล้งมันแล้วยังกำหนดบทลงโทษมันเอง ตอนแรกเฮียเขาก็ดูเหมือนจะสะใจที่ได้แกล้งให้โชมันกลัว แต่ตอนหลังกลับหน้าเสียแล้วมาสารภาพกับผมว่าโชมันเป็นโรคกลัวความมืดมาก
เฮียขุนเป็นห่วงกลัวว่าโชมันจะเป็นอะไรไปเลยมาวานให้ผมเข้าไปช่วยมันในห้องมืด แต่ผมก็สะใจเหมือนกันที่เห็นเฮียเขามีท่าทีกระวนกระวายใจ อยากจะแกล้งเขาเองแต่มารู้สึกเสียใจทีหลัง ผมเลยไม่ยอมเข้าไปช่วยไอ้โชให้
ตอนนั้นเฮียขุนยังไม่เอาเรื่องพี่ภามมาขู่ผมและเฮียเขาก็เสียอาการจนทนไม่ไหวเลยรีบวิ่งเข้าไปช่วยโชมันเอง
ห้องนั้นมืดสมชื่อและมองอะไรไม่เห็นเลย ไอ้โชไม่เห็นคนที่มาช่วยและเฮียขุนเองก็คงไม่เปิดเผยตัวตน ตอนออกมาโชมันเลยเอาแต่สงสัยว่าเป็นใคร
ผมสะใจเฮียขุนยกใหญ่จนเขาโมโหนึกถึงข้อผิดพลาดของผมอย่างการเคยแอบปลื้มไอ้พี่ภาม เฮียเขาจึงเอามาเป็นข้อต่อรองให้ผมช่วยกีดกันเพราะเห็นท่าทีของพี่ภามที่ดูเหมือนจะสนใจไอ้โช
ผมคือคนเดียวที่รู้ว่าแท้จริงแล้วเฮียขุนรู้สึกยังไงกับไอ้โช ผมจึงกลายเป็นผู้รับคำสั่งให้กีดกันพี่ภามตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ตอนแกล้งปล่อยโชมันไว้ข้างทางแล้วต้องเดินตากฝนมาที่ป้ายรถเมล์จนเป็นไข้ก็กลายเป็นภาระของผมอีก
ซื้อข้าวซื้อยามาเองแต่ต้องบังคับให้ผมเอาไปป้อนไอ้โชถึงปากเพราะกลัวมันไม่กิน
ทั้งเช้า ทั้งเที่ยงและตกเย็น ผมไปเคาะประตูจนไอ้โชต้องมองคนอย่างผมว่าน่ารำคาญไปแล้วและมันยังคิดว่าผมเป็นพี่รหัสซะอย่างนั้น
กล่องขนมจากพี่รหัสกล่องแรกเฮียขุนก็เป็นคนไปซื้อของมาเอง แล้วให้คนที่เอาไปให้แอบอ้างว่าเป็นของพี่รหัส
ทั้งน้ำเต้าหู้ที่วานให้ผมเอาไปให้และชาเย็นที่บอกว่าเป็นของพี่รหัสแท้จริงคือของเฮียขุนนั้นแหละที่ซื้อให้โชมัน เฮียเขายังจำได้และเป็นคนที่รู้ดีว่าไอ้โชมันชอบกินอะไร
อาการเป็นห่วงไอ้โชหนักขนาดนี้ยังจะไม่ยอมทำตามหัวใจของตัวเองอีก
ถ้าถึงวันเฟรชชี่แล้วเฮียขุนยังไม่สารภาพบาปกับไอ้โชล่ะก็…ผมจะไม่สนคำขู่ของเฮียขุนแล้วล่ะครับ
ผมจะแก้เผ็ดพี่ชายตัวเองแทนไอ้โชโดยการเป็นคนประเคนมันไปให้พี่ภาม…ดูซิจะยังคงเก็บอาการอยู่มั้ย
ถึงตอนนั้นเฮียขุนคงจะอกแตกตายที่เห็นโชมันไปเป็นของคนอื่นแล้ว
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เห็นพี่ภามมายืนดักรอไอ้โชอยู่หน้าคณะ สงสัยมารอเพื่อที่จะไปกินข้าวเที่ยงกับโชมันอีกตามเคย
“มารอไอ้โชอีกล่ะสิ…เสียใจนะวันนี้ผมจะพามันไปกินข้าวนอกมอ พี่คงมีเวลาไม่พอที่จะไปกินด้วยเพราะพักได้แป๊ปเดียวเดี๋ยวก็กลับไปเลคเชอร์ต่อ” ผมพูดเย้ยใส่เขา
“มึงนี่เป็นน้องที่ดีนะ คอยกันกูซะเกือบหลงเชื่อว่ามึงเองก็ชอบโชเหมือนกัน”
“พี่รู้เหรอว่าผมกันไอ้โชไว้ให้เฮียขุน”
“เออ”
“งั้นพี่ก็รู้ว่าเฮียขุนยังชอบไอ้โชอยู่ไม่ได้เกลียดมันเหมือนการกระทำ”
“กูรู้มาตลอด”
“ถ้าอย่างนั้นพี่ก็เป็นเพื่อนที่ดีนะที่จะมาแย่งคนของเพื่อน”
“คนของเพื่อนเหรอ โชไม่ได้เป็นอะไรกับไอ้ขุนซะหน่อย…กูรู้ว่าโชชอบไอ้ขุนมาก และรู้ว่าไอ้ขุนก็ยังชอบโช แต่พี่มึงไม่ชัดเจนแล้วยังใจร้ายกับโชอีก ดังนั้นกูก็มีสิทธิ์ที่จะทำให้โชเลิกชอบพี่มึงแล้วมาชอบกูแทน”
“…” ผมเถียงไม่ออกเพราะมันจริงอย่างที่เขาพูดครับที่เฮียขุนไม่ชัดเจนแถมยังแสดงออกตรงกันข้าม แต่ผมขอเปลี่ยนคำพูดได้มั้ยที่ว่าจะประเคนไอ้โชให้พี่ภามมัน เพราะตอนนี้ผมหมั่นไส้ไอ้คนที่มันอยู่ตรงหน้าของผมเหลือเกิน “ก็ลองดูสิ” ผมท้าเขา
“ได้…มาลองดูกันว่าโชจะตกลงเป็นแฟนกับกูมั้ย” พี่ภามรับคำท้าอย่างมั่นใจ
ผมไม่รู้ว่าพี่ภามแค่มีท่าทีมั่นใจขู่ผมหรือว่ามั่นใจจริงๆ เพราะว่าโชมันแสดงออกว่าเริ่มชอบพี่ภามเข้าซะแล้ว
ถ้าเป็นอย่างนั้นผมก็จะไม่เข้าข้างเฮียขุน เพราะการกระทำของเฮียเขาก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้โชมันเลิกชอบ…อยากใจร้ายกับมันเอง ไม่แปลกหรอกที่มันจะไปชอบพี่ภามแทน
ถึงอย่างนั้นผมก็จะช่วยเฮียขุนกีดกันพี่ภามให้ถึงที่สุด แต่อย่างที่บอก…
แค่ถึงวันเฟรชชี่เท่านั้น
-----TBC-----