20
หลังจากที่ได้ปรับความเข้าใจกับจันทร์ไป เล็กก็กลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติสุขเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือมีเบญเข้ามาในชีวิต
พวกเขายังไม่ได้ตกลงคบกันแบบจริงจัง สถานะในตอนนี้เรียกว่ายังเป็นเพื่อนกันอยู่ เป็นครั้งแรกที่เล็กเปิดใจว่าจะลองศึกษาใคร ตอนนี้ก็เลยยังคงทำตัวไม่ถูกสักที..
ปัญหาใหญ่ของพวกเขาก็คือการที่สื่อสารไม่ได้อย่างใจคิดนี่แหละ แต่เบญก็ไม่เคยย่อท้อกับเรื่องนี้ อีกฝ่ายพยายามเรียนรู้ภาษามืออย่างตั้งอกตั้งใจ มีการไปเรียนแล้วมาทดลองใช้กับเขาอีก
ในตอนยังเด็กเล็กไม่ได้รู้จักอีกฝ่ายดีพอก็แยกกันเสียก่อน ภาพจำของเขามีแค่...เบญคือคนที่ขโมยจูบแรกของเขาไป
ผ่านไปยี่สิบปี...พวกเราทุกคนต่างเติบโตขึ้นมากน้อยแตกต่างกันไป
เบญในสายตาของเขาเปลี่ยนไปมาก อีกฝ่ายดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น อาจจะเพราะผ่านอะไรมาเยอะ เขารู้ว่าเบญเคยผ่านการมีครอบครัวมาแล้ว และตอนนี้ก็มีลูกสาวหนึ่งคน ชื่อน้องบัว อายุสองขวบ
ครั้งแรกที่ได้รู้ว่าเบญหย่ายังไม่ตกใจเท่ากับว่ามีลูกแล้ว เล็กกลัวจะมีปัญหาตามมา...แต่เบญก็บอกกับเขาว่าอย่าไปคิดกับสิ่งที่ยังไม่เกิด ซึ่งเขากลับมาคิดดูแล้วมันก็จริงอย่างที่อีกฝ่าว่า โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน..คนที่เกิดมาไม่มีอะไรผิดปกติอย่างเขายังป่วยจนสูญเสียการได้ยิน เพราะฉะนั้นเรื่องที่เขากลัวว่ามันจะไม่ดี...อาจไม่เป็นอย่างที่คิดก็ได้ และเขาก็ยังอยู่ในระยะเรียนรู้ กับเบญนั้น..ถ้ามันไม่ใช่จริง ๆ ก็แค่โบกมือลากันก็เท่านั้นเอง
.
.
.
ผ่านมาสี่เดือนแล้วที่ทั้งสองคนตกลงจะเรียนรู้กัน เบญมักจะไปรอรับเล็กที่ทำงานกลับไปส่งบ้านเป็นประจำ เวลาว่างก็มักจะพากันไปทานข้าวหรือไปในที่ที่เล็กอยากไป เบญไม่ได้ทำงานประจำ เขาทำงานกับครอบครัว เลยทำให้มีเวลาว่างไปมาหาสู่กับเล็กอยู่เสมอ
เล็กออกไปนอกบ้านบ่อยขึ้นจนพ่อกับแม่รู้สึกผิดสังเกต เพราะปกติลูกชายคนเดียวมักจะอยู่บ้าน ถ้าออกไปข้างนอกก็จะมีเพื่อนมารับ หรือไม่อย่างนั้นก็จะให้คนขับรถที่บ้านพาออกไป
‘วันนี้จะออกไปไหนจ๊ะ’ แม่ถาม
เล็กที่กำลังจะมาบอกว่าจะออกไปข้างนอกขยับมือตอบ ‘จะออกไปซื้อหนังสือครับ’
‘ไปกับใครเหรอ’
เล็กคิดมาสักพักแล้วว่าจะบอกครอบครัวเรื่องของเบญ ไหน ๆ แล้วก็บอกมันตอนนี้เลยละกัน ‘ไปกับเพื่อนครับ เป็นคนที่กำลังคุย ๆ กันอยู่’
แม่ตาโตขึ้น ‘ใครเหรอ แม่รู้จักไหม’
‘แม่ไม่รู้จักหรอกครับ’ เล็กยิ้มขำกับความตื่นเต้นของแม่ ‘เรากำลังอยู่ในระยะที่เรียนรู้กันและกันอยู่ ตอนนี้ยังไม่ได้คบกันจริงจังครับ’
‘พามาเจอแม่หน่อยสิ’
‘เล็กจะบอกเขาให้นะครับ’
คนเป็นแม่เข้าไปกุมมือของเล็กเอาไว้ เธอดีใจที่เล็กมีใครสักที ถึงจะไม่เคยบอกให้ลูกหาแฟนสักคน แต่ลึก ๆ แล้วคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็แอบกังวลใจ กลัวว่าถ้าสักวันหนึ่งไม่มีชีวิตอยู่บนโลกแล้วจะมีใครอยู่เคียงข้างลูกของตนไหม
.
.
.
ไม่นานเกินรอเบญก็มานั่งเกร็งอยู่ที่ห้องรับแขกในบ้านของเล็ก หลังจากที่อีกฝ่ายส่งข้อความมาบอกว่า ‘แม่อยากเจอ’
..ไม่ทันได้เตรียมใจว่าจะต้องเจอครอบครัวของเล็กเร็วขนาดนี้..
“สวัสดีครับ” เบญลุกขึ้นยืนเมื่อเล็กพาแม่เข้ามา ยกมือไหว้อย่างนอบน้อม
“สวัสดีจ้ะ” ท่านรับไหว้พร้อมรอยยิ้มกว้าง “ชื่อเบญใช่ไหมจ๊ะ”
“ครับผม” เขาตอบพร้อมกับนั่งหลังจากที่แม่ของเล็กเป็นฝ่ายนั่งก่อน
“กินอะไรมาหรือยังคะ”
“ยังครับ ว่าจะพาเล็กไปทานมื้อเที่ยงด้วยกัน”
เล็กที่มองสลับไปมาระหว่างแม่กับเบญพยักหน้ายิ้ม ๆ เมื่อถูกพูดถึง เขาจับใจความไม่ได้ทั้งหมด แต่ก็พอจะรู้ว่าทั้งคู่พูดอะไรกัน
แม่จ้องเบญอย่างพิจารณา เพื่อนของลูกชายคนนี้มารยาทดี สุภาพเรียบร้อย แถมยังรูปร่างหน้าตาดีอีก เมื่อสำรวจจนหมดแล้วแม่จึงหันไปสบตากับลูกชายก่อนจะพยักหน้ายิ้ม ๆ พร้อมกับยกนิ้วโป้งให้
เล็กปิดปากหัวเราะแบบไม่มีเสียงให้กับความขี้เล่นของแม่ ในขณะที่เบญทำตัวไม่ถูกตั้งแต่โดนจ้องตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้ว เขายิ้มแห้งเมื่อแม่ของเล็กหันมายิ้มให้อีกครั้ง
“แม่ขอถามตรง ๆ เลยนะจ๊ะ”
เบญพยักหน้า “ครับ”
“เบญชอบลูกชายของแม่ใช่ไหมจ๊ะ”
เบญพยักหน้าตอบด้วยเสียงหนักแน่น “ใช่ครับ”
“มากไหม”
เขาพยักหน้าอีกครั้งพร้อมกับตอบอย่างจริงจัง “มากครับ”
ถามตอบกันอย่างฉะฉานจนเล็กอ่านปากไม่ทัน เจ้าตัวมองสลับไปมาระหว่างแม่กับเบญขมวดคิ้วเอียงคอเกาหัวแกรก ๆ
คนเป็นแม่พยักหน้าช้า ๆ รู้สึกพึงพอใจขึ้นอีกหนึ่งระดับ “แล้วรับเรื่องที่เล็กเป็นได้แน่เหรอจ๊ะ ไม่ใช่ว่านานวันไปเธอจะเบื่อและทอดทิ้งลูกของแม่นะ”
เบญคลี่ยิ้มบางก่อนจะตอบ “ผมเจอกับเล็กครั้งแรกที่โรงเรียนกวดวิชาเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว..ผมรู้สึกชอบเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น น่าเสียดายที่ต้องแยกกันไป ตอนนี้ผมได้กลับมาเจอเขาอีกครั้ง..ความรู้สึกของผมยังคงเดิม..และผมก็หลงรักเขามากขึ้นในทุก ๆ วันที่ได้พบกันครับ”
คนเป็นแม่นิ่งเงียบไปเมื่อได้ฟังความในใจของชายตรงหน้า รู้สึกประทับใจจนพูดอะไรไม่ออก
“ว้าว~” เธอยกมือขึ้นแนบแก้มร้อนของตัวเอง “แม่ล่ะเขินแทนลูกชายของแม่เลย”
เบญหัวเราะแห้งเกาต้นคอแก้เขิน หันไปที่เล็กก็เห็นตากลมฉายแววสงสัยออกมาอย่างปิดไม่มิด
เจ้าตัวเขย่าแขนมารดาแล้วขยับมือถาม ‘คุยอะไรกันเหรอครับ’
‘เบญบอกว่าเขาชอบหนูมาก ๆ หลงรักหนูอย่างหัวปักหัวปำเลยจ้ะ’
เล็กหน้าร้อนวูบ หัวใจเต้นแรงราวกับจะทะลุออกมาจากอก ก่อนจะหันไปถลึงตามองอีกฝ่ายประหลับประเหลือก ข้อหาพูดอะไรให้แม่ของเขาฟังก็ไม่รู้!
“แล้วเบญทำงานทำการอะไรอยู่เหรอจ๊ะ” แม่ถามต่อ เธอเองก็ไม่อยากละลาบละล้วงเรื่องของใคร แต่กับคนที่เข้าหาเล็ก ก็ต้องแน่ใจว่าสามารถดูแลลูกชายคนเดียวของเธอได้อย่างสบาย
“ทำกิจการของที่บ้านครับ เป็นบริษัทนำเข้ารถยนต์”
แม่พยักหน้ารับรู้ แค่นี้ก็พอใจแล้ว เธอเป็นคนที่มองคนออก ผู้ชายคนนี้ถึงภายนอกจะดูเกร็งอยู่บ้าง แต่กลับพูดจาฉะฉานด้วยสายตาที่แสดงถึงความเด็ดเดี่ยวจริงใจที่มีต่อเล็กลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเธอ
“คือ…”
“มีอะไรก็พูดมาได้เลยจ้ะ” แม่บอก
“ไม่รู้ว่าคุณป้า..”
“เรียกว่าแม่เถอะ”
“ครับ...ไม่รู้ว่าคุณแม่จะรังเกียจไหมที่ผมเคยมีครอบครัวมาก่อน ตอนนี้ผมหย่ากับภรรยามาได้หนึ่งปี แล้วก็มีลูกสาวอายุสองขวบที่ผมต้องดูแลด้วยครับ”
ระหว่างที่เบญบอกเล่า คราแรกเขาก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่ชอบเรื่องที่เขาเคยล้มเหลวกับชีวิตคู่..แถมยังมีลูกน้อยอีก แต่แม่ของเล็กยังคงยิ้มและมองเขาด้วยความเอ็นดู...นั่นทำให้เบญรู้สึกใจชื้นขึ้นมาไม่น้อย
“แม่ไม่ว่าอะไรหรอก คนเราทุกคนล้วนมีอดีตด้วยกันทั้งนั้น ทำปัจจุบันให้ดีที่สุดก็เพียงพอ ตัวเราเองจะได้ไม่ต้องรู้สึกแย่หรือเสียใจภายหลัง อีกอย่าง...ถ้าในอนาคตเบญได้คบกับเล็กจริง ๆ แม่ก็โชคดีได้มีหลานเลยนะเนี่ย” แม่พูดจบก็ขำคิกคัก
“หวังว่าจะเป็นแบบนั้นนะครับ” เบญยิ้มแห้ง ก็จนป่านนี้แล้วพวกเขายังไม่ได้คุยกันถึงเรื่องคบเป็นแฟนกันเลยสักครั้ง
“มั่นใจในตัวเองหน่อยสิ” แม่ว่าก่อนจะป้องปากทำทีเป็นแอบพูด “ถ้าเล็กเขาไม่มีใจก็คงไม่พาเบญมาให้แม่รู้จักหรอกนะจ๊ะ นี่เป็นครั้งแรกที่ลูกแม่พาใครมาแนะนำกับแม่เลยนะ”
เบญยิ้มกว้างเมื่อได้ยินคำบอกนั้น เขาคิดมาตลอดว่าเล็กจำยอมรับคำขอเขาเพราะความใจดีของอีกฝ่าย มันทำให้เขาไม่กล้าขออะไรที่มากเกินไปกว่านี้
ในตอนนี้เขารู้สึกมีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้น และต่อจากนี้ไปจะเริ่มเดินหน้ารุกอย่างจริงจัง อายุขนาดนี้แล้วมามัวรออดเปรี้ยวไว้กินหวานก็ดูท่าจะไม่ไหว
..แต่ดูแล้วเขาคิดว่าเล็กน่าจะหวานมากทีเดียว..
.
.
.
เล็กกับเบญส่วนใหญ่จะคุยกันผ่านโปรแกรมแชต และวันนี้เบญได้ชวนเขาไปเที่ยวงาน pet expo ที่เพิ่งจัดขึ้น ซึ่งเขาก็ตอบตกลงทันที และอีกฝ่ายก็ได้ขอในสิ่งที่เขาไม่เคยนึกถึงมาก่อน
‘ผมขอพาลูกไปด้วยได้ไหม’
เขาเคยเห็นรูปของน้องบัวที่เบญโชว์ให้ดู แต่ไม่เคยเจอกันมาก่อน ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากเจอหรอกนะ เพียงแต่ว่าเขาไม่คุ้นเคยกับเด็ก ๆ เพราะรอบตัวไม่มีเด็กอยู่เลยสักคน
เล็กไม่ตอบกลับในทันที เขาสลับหน้าจอค้นหาคำว่า ‘เด็กสองขวบ’ อยากรู้ว่าสองขวบนี่เด็กขนาดไหน สามารถสื่อสารหรือทำอะไรได้บ้างแล้วหรือยัง เขาอยากรู้ว่าควรจะทำตัวกับเด็กในวัยนี้ได้มากน้อยแค่ไหน
‘ถ้าลำบากใจก็ไม่เป็นไร ผมไม่ว่าอะไรหรอก’
‘แค่อยากพาลูกไปเที่ยวด้วยกัน แกชอบสัตว์มาก’
เล็กรีบตอบกลับ ‘ผมไม่ได้ลำบากใจนะ เมื่อกี้ไปเสิร์ชหาข้อมูลเรื่องเด็กสองขวบมาน่ะ กลัวว่าบัวจะไม่ชอบผมมากกว่า’
‘อย่ากังวลไปเลย ลูกผมน่ารักนะ’
อีกฝ่ายบอกพร้อมกับแนบรูปเด็กผู้หญิงใส่ชุดเอี๊ยมสีเหลือง แก้มยุ้ย ตากลมโต ยังมองไม่ออกว่ามีส่วนไหนที่เหมือนเบญ
‘น่ารักมาก ทำไมไม่เห็นเหมือนพ่อเลย’
‘ผมไม่น่ารักจริง ๆ เหรอ’
เล็กหัวเราะกับสติ๊กเกอร์ร้องไห้ของอีกฝ่าย เขาเลยส่งกระต่ายหัวเราะกลับไปบ้าง
‘เพราะผมไม่น่ารักคุณเลยยังไม่รักผมสินะครับ’
นาน ๆ เบญจะหยอดเล็กสักที เล่นเอาใบหน้าขาวขึ้นสี ก้อนเนื้อในอกเต้นไม่เป็นจังหวะ ฝ่ามือขาวยกขึ้นลูบแก้มเมื่อรู้สึกว่าตัวเองยิ้มกว้างเกินไปแล้ว
‘ไม่ใช่อย่างนั้น’
‘เล็ก’
‘คุณรู้สึกรักผมขึ้นมาบ้างหรือยัง’
คนถูกถามเม้มปาก ดวงตาหวานจดจ้องอยู่กับหน้าจอโทรศัพท์นานสองนาน เล็กถามตัวเองว่าตอนนี้เขารู้สึกอย่างไรกับเบญ
‘ผมชอบคุณนะ’
‘แต่มันยังไม่ถึงขั้นนั้น’
เล็กยังไม่ทันที่จะพิมพ์อีกประโยคเสร็จ อีกฝ่ายก็พิมพ์ประโยคเดียวกันส่งมาต่อกัน
‘ผมขอโทษ’ เล็กบอกกับอีกคนด้วยความรู้สึกผิดตีตื้นขึ้นมาจนแน่นไปทั้งช่องอก
‘ไม่ต้องขอโทษผมหรอก อย่าคิดมากเลย’
ยิ่งเบญบอกแบบนี้เขาก็ยิ่งรู้สึกแย่ เล็กรีบกดวิดีโอคอลไปหาอีกฝ่ายทันที ไม่นานอีกฝั่งหนึ่งของสายก็กดรับ
เล็กจ้องมองเบญตาละห้อย...ไม่รู้จะสื่อสารกับอีกฝ่ายอย่างไร เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกหงุดหงิดที่ไม่สามารถบอกความในใจกับเบญได้อย่างใจ
ใบหน้าหล่อเห็นคนที่ชอบใบหน้าหงอยลงก็พยายามฝืนยิ้มออกมา เขาใช้นิ้วแตะเลื่อนจอให้มันเล็กลงก่อนจะพิมพ์ข้อความลงไป
‘อย่าห่วงเลย ผมไม่เป็นไรหรอก’
เล็กกดอ่าน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบดวงตาเศร้าของเบญ รู้ว่าอีกฝ่ายพยายามที่จะไม่แสดงความผิดหวังให้เห็น
‘ขอถามหน่อยได้ไหม’
‘ทำไมถึงชอบผมเหรอ’
เขาไม่เห็นว่าตัวเองจะมีข้อดีตรงไหนเลย ทั้งหูหนวก..เป็นใบ้ แถมยังเป็นผู้ชายอีกต่างหาก เบญควรจะหาผู้หญิงสักคนที่เป็นแม่ศรีเรือน พร้อมที่จะดูแลอีกฝ่ายและลูกน้อย
‘ตั้งแต่ที่ได้เจอกันครั้งแรกแล้ว’
‘เล็กนิสัยดี น่ารัก’
‘ยิ้มสวย’
‘ผมเองก็บอกไม่ถูก’
‘แต่ไม่ว่าผ่านไปนานแค่ไหน คุณเป็นคนที่อยู่ในใจผมมาโดยตลอด’
‘เมื่อยี่สิบปีที่แล้วผมชอบคุณยังไง ตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิม’
คนถามไล่อ่านทุกตัวอักษรจนจบ ใบหน้าขาวร้อนไปหมด ตากลมเหลือบมองเบญที่กำลังมองมาที่เขาเหมือนกัน เล็กหลบตาวูบ...หัวใจเต้นแรงขึ้นอีก มือบางยกขึ้นแตะหน้าอกด้วยความตกใจ
แย่แล้ว...เขาจะเป็นโรคหัวใจหรือเปล่าเนี่ย รู้สึกเหมือนกับว่าหัวใจจะหยุดเต้น สายตาจริงจังของเบญทำเอาเล็กสั่นไปหมดทั้งหัวใจและร่างกาย
‘เป็นอะไรหรือเปล่า’
เล็กส่ายหัวแรง ทั้งที่ยังก้มหน้า ไม่..เขาไม่กล้าเงยหน้ามองอีกคนเลย
‘ท่าทางคุณไม่ดีเลย ผมเป็นห่วงคุณจริง ๆ นะ’
เล็กเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายให้เต็มตา บางที...เขาอาจจะรู้สึกกับเบญมากกว่าที่ตัวเองคิดเอาไว้ แค่ยังไม่อยากยอมรับเท่านั้นเอง
‘ผมคิดว่า’
‘ผมน่าจะรักคุณเข้าแล้วล่ะมั้ง’
เล็กเห็นสายตาตกตะลึงของอีกฝ่ายที่มองมา ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มบาง นั่นยิ่งทำให้เขาหน้าร้อนมากขึ้นอีก
‘หน้าแดงหมดแล้ว’
‘เพราะใครกันล่ะ’
‘เพราะผมเองครับ’
เล็กเม้มปากกลั้นยิ้ม ดวงตากลมกะพริบมองสบตาอีกฝ่ายสลับกับเบนหนีไปด้วยความเขิน
‘จะมองอะไรนักหนา’
‘ก็เล็กน่ารัก’
‘บ้า ไม่มีผู้ชายอายุ 35 ที่ไหนน่ารักหรอก’
‘เล็กไง’
เล็กมองเบญด้วยใบหน้ายู่อย่างขัดใจ ที่ผ่านมามักจะมีแต่คนบอกว่าเขาน่ารัก แต่ยังไงเขาก็ผู้ชาย..ไม่ได้ชอบใจสักเท่าไหร่หรอกที่ถูกชมว่าน่ารัก แล้วอายุก็เข้าสู่เลขสามกลาง ๆ เข้าไปแล้ว ตีนกาก็เริ่มมาเยือนแบบนี้ จะเอาอะไรมาน่ารักอีก
‘เป็นแฟนผมนะ’
เล็กอ่านทวนประโยคที่เพิ่งถูกส่งมาซ้ำอยู่สามรอบถ้วน ใบหน้าค่อย ๆ เงยขึ้นมองเบญ อ่านปากของอีกฝ่ายได้ความเหมือนเดิม
..เป็นแฟนผมนะ..
เขาพยักหน้าตอบอย่างไม่ลังเลเลย
‘มาขอเป็นแฟนกันอย่างกับวัยรุ่น’ เล็กว่าพร้อมกับยิ้มขำ
‘ความรักจะมักทำให้คนเราทำตัวเหมือนเป็นวัยรุ่นได้เสมอนั่นแหละ’
เล็กหัวเราะไม่มีเสียงกับประโยคโบราณของอีกฝ่าย ‘เหมือนที่เพลงพี่เสกบอกไว้น่ะเหรอ เธอทำให้ฉันรู้สึกเหมือนตอน 14 ตอนที่ฉันมีแฟนคนแรก’
‘ตอน 14 ผมยังไม่มีแฟนเลย’
เล็กทำหน้าไม่อยากเชื่อ
‘แต่ได้จูบแรกจากคุณตอน 15 นะ’
‘นั่นเขาเรียกว่าขโมยจูบครับ’
เบญเป็นฝ่ายหัวเราะบ้าง ไม่แก้ตัวอะไรเพราะนั่นก็เป็นเรื่องจริง รู้สึกขอบคุณเล็กด้วยซ้ำที่ไม่คิดถือโทษ เขาบอกให้อีกฝ่ายไปพักผ่อนเพื่อเตรียมตัวเที่ยวในวันพรุ่งนี้
‘น้องบัวจะโอเคกับผมจริง ๆ ใช่ไหม’ ถามด้วยความกังวล
คนเป็นพ่อยิ้มเอ็นดู ‘เชื่อผมสิว่าทุกอย่างจะโอเค’
เล็กยิ้มบางก่อนจะพยักหน้า มือบางยกขึ้นโบกบ๊ายบายก่อนจะกดวาง น่าแปลกที่เขากลับเชื่ออีกฝ่ายอย่างง่ายดาย อาจจะเพราะว่าเบญคือคนที่เลี้ยงน้องบัวมากับมือ เลยทำให้เข้ารู้สึกเชื่อมั่นว่าทุกอย่างจะโอเคตามที่อีกฝ่ายว่าก็ได้
..เพราะเขาชอบเบญ...เลยอยากให้ลูกของเบญชอบเขาเหมือนกัน..
.
.
.
เช้าวันต่อมาเบญมาตรงตามเวลาที่นัดไว้อย่างพอดีไม่ขาดไม่เกิน เล็กแปลกใจที่วันนี้อีกฝ่ายเปลี่ยนรถอีกคันมารับ ตากลมมองใบหน้าของเบญสลับกับรถที่ไม่ได้ดับเครื่อง
“บัวอยู่ด้านหลัง อยากเจอไหม” เบญเอ่ยถาม
เล็กยิ้มแห้ง ความกังวลฉายชัดบนใบหน้าอ่อนกว่าวัย มือทั้งสองข้างกำสายสะพายกระเป๋าที่พาดบนลำตัวแน่น
ฝ่ามือใหญ่ขยับไปแตะมือขาว เล็กคลายมันออกจากกัน เปิดโอกาสให้เบญกอบกุมมือเอาไว้
“ไม่เป็นไรหรอก เชื่อผมสิ”
เล็กกะพริบตาก่อนจะพยักหน้า เขากระชับมือของตัวเองเข้ากับมือของเบญ เมื่อความกังวลที่มีถูกปัดเป่าออกไป..เขาก็รู้สึกสบายใจมากขึ้น
คุณพ่อลูกหนึ่งเดินนำโดยจับมือเล็กไปด้วยกัน เขาเปิดประตูรถด้านหลัง บัวที่นั่งอยู่บนคาร์ซีทหันมามองคนพ่อตาแป๋ว เบญมุดตัวเข้าไปปลดสายคาดพร้อมกับอุ้มลูกสาวตัวเล็กออกมา
“บัวครับ นี่เพื่อนของพ่อ สวัสดีค่ะสวย ๆ หน่อย”
มือเล็กป้อมยกขึ้นไหว้ “ฉาหวัดดีค่ะ” พูดจบก็ยิ้มแฉ่งจนตาหยีเป็นรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว
น่ารักเสียจนเล็กมองดวยสายตาเป็นประกาย ในรูปว่าน่ารักแล้ว..ตัวจริงน่ารักกว่าหลายเท่า เขารู้ได้ทันทีว่าน้องบัวเป็นเด็กดีมากและคงเข้ากันได้ไม่ยาก
เบญแตะมือลงบนไหล่บางที่จ้องมองลูกเขาไม่วางตา เล็กหันกลับมามองเขา “น่ารักไหม”
เล็กพยักหน้ารัว
เบญหยิบมือถือขึ้นมาพูดให้มันพิมพ์เป็นข้อความก่อนจะยื่นให้เล็กอ่าน ‘ผมว่าพาบัวไปสวัสดีคุณแม่หน่อยดีกว่า’
เล็กพยักหน้าอีกครั้งก่อนจะพาสองพ่อลูกเดินเข้าบ้าน พอแม่เห็นว่าเขาเดินเข้ามาพร้อมกับใครท่านก็รีบลุกขึ้น เล็กรู้ว่าแม่เองก็ตื่นเต้นที่ได้เห็นน้องบัวไม่น้อยไปกว่าเขาหรอก
“ลูกสาวผมเองครับ ชื่อบัว” เบญแนะนำ “สวัสดีค่ะคุณยายหน่อยครับ”
“ฉาหวัดดีค่ะคุนยาย~”
เล็กเหมือนเห็นออร่าสีชมพูแผ่ออกมาจากบัวตัวน้อย ๆ บนอ้อมแขนของพ่อ เธอน่ารักสดใสเสียจนใคร ๆ ก็ต้องหลงรักแน่...รวมถึงแม่ของเขาด้วย
“น่ารักจังเลยลูก” แม่เดินเข้าไปใกล้ “ขอยายอุ้มหน่อยได้ไหมคะ”
บัวมีท่าทางลังเลนิดหน่อย ดวงตากลมโตหันไปมองหน้าบิดาอย่างขอความเห็น
“ให้คุณยายอุ้มหน่อยนะคะ คุณยายใจดีน้า~” คนพ่อหลอกล่อลูกสาว
บัวหันกลับมาโผเข้าหาแม่ของเล็กในทันที อ้อมแขนเล็ก ๆ กอดคอพร้อมกับเอาหน้าซบลงที่ไหล่ผอมบาง กลิ่นตัวหอมและร่างกายนุ่มนิ่มของบัวทำให้แม่ของเล็กที่ไม่ได้ใกล้ชิดเด็กมานานใจอ่อนระทวยไปหมด เธอหันไปมองลูกชายคนเดียวด้วยสายตาสั่นไหว
..บอกตามตรง อย่าหาว่ารวบรัดเลย เธออยากให้เบญกับเล็กย้ายมาอยู่ด้วยกันเดี๋ยวนี้เลยด้วยซ้ำ..
“วันนี้แต่งตัวสวย ๆ จะไปไหนคะ”
“เที่ยวค่า” บัวตอบน้ำเสียงร่าเริง
เล็กกับเบญมองหน้ากันเมื่อเห็นผู้หญิงทั้งสองคนนั่งคุยกันกระจุ๋งกระจิ๋งราวกับรู้จักกันมานาน
เล็กรู้สึกดีที่เห็นแม่ในมุมแบบนี้ เขารู้ว่าแม่ชอบเด็ก..เขาเองก็ตั้งใจว่าสักวันอาจจะรับอุปการะเด็กมาสักคน แต่พอคิดดูแล้ว พ่อที่พิการแบบนี้จะไปเลี้ยงเด็กสักคนหนึ่งให้โตขึ้นมาดีได้ยังไง...เลยพับความคิดนั้นเก็บไป
เบญเอื้อมไปกุมมือที่วางอยู่บนตักมาสอดประสานไว้ เขาไม่รู้หรอกว่าเล็กกำลังคิดอะไร แต่สายตาของอีกฝ่ายมันบ่งบอกถึงความเศร้าที่อยู่ลึกเข้าไป เบญไม่ได้ปลอบใจด้วยคำพูด เขาหวังว่าอีกฝ่ายจะรับรู้ถึงความหวังดีของเขาได้ด้วยหัวใจ
.
.
.
พวกเขาทั้งสามคนมาถึงงานในช่วงสายมากแล้ว เบญเลือกที่จะอุ้มลูกสาวเอาไว้ดีกว่าปล่อยให้เดินเอง เขาจับมือของเล็กให้มาจับกันเอาไว้ตอนเดินผ่านคนเยอะเพราะกลัวว่าจะหลงกัน เบญพาตรงไปยังโซน exotic pet หรือสัตว์พิเศษก่อน
“อันนี้เขาเรียกว่างูเหลือมค่ะ” เบญชี้ให้ดูงูในตู้
“งู~เหยือม~” ลูกสาวพูดตาม
“งู เหลือม” คนพ่อเน้นย้ำเมื่อลูกสาวพูดไม่ชัด แต่เด็กน้อยก็ยังคงออกเสียงเหมือนเดิม เขาหัวเราะก่อนจะบอก “เหยือมก็เหยือม”
เดินต่อไปอีกหน่อยก็เป็นโซน pet village มีสัตว์แสนรู้จากฟาร์มหลายชนิดมาจัดแสดง
เขาไปหยุดยืนอยู่ที่ม้าแคระ “ตัวนี้เรียกว่าอะไรคะ”
“ม้า!” บัวพูดเสียงดังจนคนรอบข้างหันมามองแล้วยิ้มด้วยความเอ็นดู นิ้วเล็กป้อมชี้ไปที่ม้าตรงหน้า หันไปหาบิดาแล้วพูดว่า “น่ายัก~”
เบญพยักหน้าเห็นด้วย จู่ ๆ บัวก็เอียงคอมองไปข้าง ๆ ตัวเขา นิ้วชี้ไปที่เล็กพร้อมกับพูดขึ้นอีกครั้ง “น่ายัก~”
เล็กกำลังเพลินกับการดูนั่นนี่ด้วยดวงตาเป็นประกาย ริมฝีปากยิ้มน้อย ๆ อยู่ตลอดเวลา
“บัว..หนูนี่สมกับเป็นลูกพ่อจริง ๆ”
เด็กน้อยไม่เข้าใจในสิ่งที่พ่อพูดนัก บัวเอนตัวไปข้างหน้าจนคนเป็นพ่อต้องประคองไม่ให้เธอหน้าทิ่มลงพื้น มือเล็กคว้าจับเข้าที่แขนเสื้อของเล็ก
คนถูกจับหันกลับมามองเมื่อเห็นว่าเป็นใครก็ส่งยิ้มหวานให้
“อุ้ม~ อุ้ม~”
เล็กที่พอจะเดาได้ว่าน้องบัวต้องการอะไรหันไปมองเบญอย่างขอความคิดเห็น เมื่อคนพ่อพยักหน้าให้พร้อมกับยิ้มบางเขาจึงรับตัวเด็กน้อยมาอุ้มไว้แนบอก นั่นเป็นความแปลกใหม่ที่เล็กไม่เคยพบ...บัวตัวเล็กนิดเดียวเมื่อเทียบกับเขา แต่กลับหนักอึ้งมากกว่าที่คิดเอาไว้
คนที่กำลังอุ้มเจ้าตัวน้อยกระชับวงแขนแน่นขึ้น กลัวว่าบัวจะตกเพราะเธอดันตัวออกเล็กน้อยเพื่อมองหน้าของเล็ก บัวใช้นิ้วจิ้มลงกับแก้มของเล็กเบา ๆ ก่อนจะพูด
"น่ายัก~น่ายัก"
เล็กขมวดคิ้วน้อย ๆ ไม่แน่ใจว่าตัวเองอ่านปากผิดหรือเปล่า เขาหันไปหาคนพ่อส่งสายตาตั้งคำถาม
“บัวบอกว่าคุณน่ารัก” เบญขยับปากบอกพร้อมกับส่งภาษามือที่ไปเรียนมา เขาขอให้ครูสอนประโยคนี้เป็นพิเศษเพื่อการนี้เลย
เล็กมีสีหน้าประหลาด จะเขินก็ไม่ใช่ ตลกก็ไม่เชิง เขารู้สึกว่าถึงแม้ว่าเพศสภาพและหน้าตาของพ่อลูกคู่นี้จะไม่เหมือนกัน..แต่นิสัยเนี่ยเหมือนกันจริง ๆ
คนตัวเล็กกว่าอุ้มบัวเดินหนีสายตาเจ้าชู้ของตัวพ่อไปอีกทาง ทั้งสองคนไปหยุดอยู่ที่ฝูงกระต่าย ดวงตากลมทั้งสองคู่มองสัตว์ตัวน้อยที่ขนฟูดูนุ่มนิ่ม บัวโถมตัวลงไปข้างหน้าพร้อมกับเอื้อมมือหมายจะไปจับ เล็กคว้าไว้แทบไม่อยู่ ดีที่เบญเดินตามมาทันเลยช่วยเขาเอาไว้ได้
“บัว” คนเป็นพ่อเรียกเสียงต่ำ เจ้าตัวน้อยหยุดดิ้นทันที
“อยากได้..ต่าย ๆ” เด็กน้อยพยายามพูด
“ไม่ได้ค่ะ” เบญส่ายหน้า ลูกสาวเบะปากทำท่าจะร้องไห้ “บัว..หนูต้องฟังพ่อนะคะ” ฝ่ามือใหญ่วางบนหน้าอกแล้วลูบเบา ๆ เป็นการบอกให้ลูกใจเย็น
หนูน้อยยอมนิ่งเงียบทั้งที่มีน้ำตาคลอเบ้า ริมฝีปากยังคงเบะอยู่แบบนั้น บัวพยายามควบคุมสติของตัวเอง เธอจ้องมองพ่อไม่วางตา
“กระต่ายตรงนั้นไม่ใช่ของหนูใช่ไหมคะ”
บัวพยักหน้า
“หนูจำที่พ่อสอนไว้ได้ไหม”
บัวพยักหน้าอีกครั้ง “ห้าม..อยากได้..ของคนอื่น”
“เก่งมากค่ะ” เบญลูบน้ำตาที่เปียกแก้มของลูกสาว
เล็กมองภาพเบญกำลังกอดปลอบลูกสาว และนี่เป็นอีกครั้งที่เขาตระหนักได้ว่าเบญนั้นเปลี่ยนไปมากจริง ๆ ดูได้จากการเลี้ยงลูกให้เป็นเด็กดี มีสติควบคุมตัวเองได้ รู้จักรับฟังเหตุผล
..น้องบัวน่ารักขนาดนี้ก็เป็นเพราะเบญ..
เวลาผ่านไปไม่นานเด็กน้อยก็เงยหน้าขึ้นจากอกของพ่อ การร้องไห้ทำให้ตากับปลายจมูกของบัวแดงเล็กน้อย เบญอุ้มลูกเดินเข้าไปหาเล็กที่ยืนทิ้งระยะห่างไปไม่ไกล
“ขอโทษนะ” คนพ่อบอก เล็กส่ายหน้าหวือพร้อมกับโบกมือแทนการบอกว่าไม่เป็นไร เขายิ้มให้กับคนตัวเล็กก่อนจะก้มลงบอกกับลูกสาว “ขอโทษอาเล็กก่อนนะคะคนเก่ง”
บัวยกมือขึ้นไหว้ก่อนจะพูด “หนู..ขอโทษ”
เล็กเอื้อมไปจับฝ่ามือเล็ก ลูบหัวกลมเบา ๆ อย่างปลอบใจ เด็กน้อยโผเข้าหาให้เขาเป็นฝ่ายอุ้ม ทันทีที่เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดบัวก็ออดอ้อนโดยการซบหน้าลงกับอกเขา
เล็กยิ้มด้วยความเอ็นดู เขาพาบัวไปดูโซนสุนัขและแมวต่อ แต่อุ้มได้ไม่นานก็ต้องคืนเบญไป เด็กคนหนึ่งน้ำหนักไม่ใช่น้อย ๆ เล่นเอาปวดแขนเลย
“กลับกันไหม” เบญถาม เพราะบัวของเขาเริ่มอ้าปากหาวมาสองสามครั้งแล้ว เล็กเหลือบมองเด็กน้อยที่นอนหนุนไหล่คนเป็นพ่อตาปรือแล้วก็เข้าใจ เขาจึงพยักหน้าตอบ
พวกเขาเดินกลับไปขึ้นรถ เบญฝากให้เล็กไปสตาร์ทรถ ส่วนคนเป็นพ่อวางลูกสาวลงบนคาร์ซีทก่อนจะรัดเข็มขัดให้เรียบร้อย เขาหยิบขวดนมที่เตรียมเอาไว้ออกมาแล้วเทนมกล่องใส่ลงไป บัวเอื้อมมือมารับไปดูดทันที ตากลมค่อย ๆ ปิดลงเมื่อนมใกล้หมดขวด
เล็กเอี้ยวตัวกลับมามองแล้วก็แอบทึ่งกับความเป็นพ่อของเบญ เขารู้สึกประทับใจมาก และนั่นก็ทำให้เล็กคิดว่าเลือกคนไม่ผิดจริง ๆ
.
.
.
เบญมองเล็กที่นั่งเงียบอยู่เบาะข้าง ๆ เขาดีใจที่บัวดูท่าจะรู้สึกดีกับอีกฝ่าย ถึงแม้ว่าเล็กจะไม่สามารถพูดหรือได้ยิน..แต่น่าแปลกที่ทั้งสองคนเหมือนจะสื่อสารกันรู้เรื่อง
ในตอนแรกเบญก็แอบกังวลว่าบัวจะกล้าเข้าหาเล็กหรือเปล่า เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นเด็กแล้วล้วนเอาแน่เอานอนไม่ได้ บัวเป็นเด็กดีก็จริง..แต่ก็ใช่ว่าจะเข้ากับทุกคนได้ แต่เมื่อได้เห็นว่าบัวไม่มีอาการกลัวเล็กรวมถึงแม่ของเล็ก แถมยังออดอ้อนเหมือนรู้จักกันมานานก็รู้สึกเบาใจ
เขาไม่ได้ตั้งใจจะให้เล็กมาเป็นพ่อหรือแม่อีกคนของลูกสาว แค่อยากให้ทั้งสองคนได้พบเจอและรู้จักกันไว้ ส่วนเรื่องอื่นเอาไว้ให้เป็นเรื่องของอนาคต ตอนนี้บัวยังเด็กเกินกว่าจะเข้าใจเรื่องราวที่ซับซ้อน
วันข้างหน้าถ้าเขากับเล็กพัฒนาความสัมพันธ์ไปมากกว่านี้ บัวก็คงเข้าใจได้เอง..ว่าความรักนั้นมีหลากหลายรูปแบบ
เบญเอื้อมไปจับมือของเล็กที่วางอยู่บนหน้าตักมาสอดประสานไว้ ก่อนจะยกหลังมือขาวขึ้นมาหอมให้อีกฝ่ายแก้มแดงเล่น ๆ
อยากจะบอกขอบคุณที่ยอมให้โอกาสพ่อหม้ายลูกติดแบบเขา แถมยังดีกับลูกสาวของเขาเหลือเกิน
..อย่าหาว่าใจร้อนเลย เขาอยากจะขอให้อีกฝ่ายมาเป็นครอบครัวเดียวกันเสียตอนนี้เลยด้วยซ้ำ..
tbc…
ขอโทษที่หายไปนาน(อีกแล้ว)ค่า
แล้วก็ขอบคุณที่ติดตามผลงานนะคะ