[เรื่องสั้น]หัวใจดวงเดียวที่เจ็บ ตอน2 (28-12-14)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น]หัวใจดวงเดียวที่เจ็บ ตอน2 (28-12-14)  (อ่าน 3219 ครั้ง)

ออฟไลน์ Lemon_Tea

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2


ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ


3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป


12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail


16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


*****************************************************************************************

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-12-2014 15:53:51 โดย Lemon_Tea »

ออฟไลน์ Lemon_Tea

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
[เรื่องสั้น]หัวใจดวงเดียวที่เจ็บ

***************

เมื่อมีสามคน
หัวใจหนึ่งดวงจึงไม่อาจแบ่งปัน
สุดท้ายมีเพียงหัวใจดวงเดียวที่เจ็บ
เพราะไม่ใช่คนที่เขาต้องการ


*****
บทนำ


            เนย์

            ผมขอโทษ

            ...

            เราเลิกกันเถอะ

            ...

            ประโยคสั้นๆ ไม่มีเนื้อ  มีแต่น้ำ  เพียงใจความเดียวออกมาจากปากของผู้ชายที่เคยเป็นแฟน  คำพูดนั้นราวกับเข็มนับพันทิ่มแทงร่างกายทะลุถึงหัวใจที่ไม่อาจยอมรับคำว่าเลิกกันได้

             “ทำไม”

            เฝ้าถามตัวเองว่าผมทำผิดอะไรถึงต้องเลิกกันแบบนี้  ผมยังดีไม่พออย่างนั้นใช่มั้ย  หรือผมดีเกินไป  เหมือนที่ใครๆ ต่างก็ชอบพูดเวลาบอกเลิกอีกฝ่าย

            เขาไม่มีเหตุผลที่จะอธิบายในเรื่องนี้เลย  เหมือนกับว่ามันเป็นประโยคบอกเล่าธรรมดา  ไม่มีคำถาม  ปราศจากการปฏิเสธ  มีเพียงคำขอโทษก่อนจะบอกลา

            นายเลือกเขางั้นหรือ

             “ขอโทษนะ”

             “แต่เรื่องของเรามันคงเป็นไปไม่ได้”

            เมื่อไหร่กันที่เขามีอีกคนเข้ามาแทรกกลางระหว่างเรา

            ผมมันโง่เอง  หรือเป็นเพราะมั่นใจในความรักของเขาที่มีต่อผม  เขาจะมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง  ไม่คิดมีใครที่ไหนมาเป็นมือที่สาม

            มันเริ่มตั้งแต่ตอนไหนกันที่เขาหมดรักผมแล้ว

             “พวกนายคบกันตั้งแต่เมื่อไหร่” ผมพยามยามกลั้นใจถามในสิ่งที่อยากรู้  แม้ว่ามันเป็นคำถามที่ตอกย้ำว่าตนเองโง่เหลือเกินที่ถูกเขาหลอก

             “ปีที่แล้ว” นี่ผมโง่มาตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาเลยเหรอ

            หากจะบอกว่าผมไม่เคยเอะใจในตัวเขาแลยก็คงไม่ใช่  แต่ถึงผมจะสงสัยในพฤกรรมลับๆ ล่อๆ เหมือนมีความลับซ่อนอยู่  ผมไม่เคยแอบตามเขาไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม  ไม่คิดจะละลาบละล้วงเอาความจริงจากปาก  เพราะเชื่อใจว่าเขาจะไม่ทำร้ายใจให้เจ็บช้ำ

            แต่วันนี้ถึงได้รู้ว่าผมคิดผิด

            ผมคงกลายเป็นคนโง่ให้ใครต่อใครหัวเราะเยาะ

            ผมไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลย  ว่าความสัมพันธ์ของเราจะสิ้นสุดเร็วขนาดนี้

             “ฮึก”

             “นาย... ฮึก... หลอกฉันเป็นปี... นายทำได้ยังไง” ไม่เห็นใจคนที่รักนายบ้างเหรอ  โกหกว่าไม่มีคนอื่นนอกจากผมเท่านั้น  เราเหมือนคู่รักทั่วไป  แต่ก็มีความสุขดี

            ทว่าในวันนี้ความสุขกลับทลายลง  เพราะอีกคนก้าวเข้ามา

            เขาทำแบบนี้ได้ยังไงกัน

             “ทำไมนายนอกใจฉัน”

             “ทำไมต้องเลิกกัน” น้ำตาผมเอ่อคลอจวนเจียนจะไหลเป็นสายธารแห่งความช้ำ

             “นายดีเกินไป” เป็นเหตุผลที่ทุเรศที่สุด  เคยได้ยินคนอื่นเขาถูกบอกเลิกด้วยประโยคที่เรียบง่ายแต่งี่เง่าและไร้สาระสิ้นดี  ไม่คิดว่ามันจะเป็นคำพูดเดียวกันที่ใช้กับผม

            นายดีเกินไป

            จะให้ผมเป็นคนเลวหรือยังไงกัน  มีใครที่ไหนเขาจะไม่ชอบคนดี  นายมันไร้เหตุผลเกินไปแล้ว

            ฉันดีกับนาย  ไม่เคยมีคนอื่น  ไม่เคยนอกใจคบใครหลายคน  และรักนายเพียงคนเดียว  แต่นี่หรือ  สิ่งที่นายตอบแทนความดีของฉันด้วยเหตุผลบอกเลิกที่งี่เง่าที่สุด

            นายรักฉันจริงหรือเปล่า

            ผมอยากถามเขาหลายครั้งแล้ว  แต่กลัวคำตอบที่ส่งกลับจะย้อนมาทำร้ายหัวใจตัวเองให้เจ็บอีก

            คำว่ารัก  นายเคยบอกว่ามันพูดง่าย

            เป็นเพราะนายไม่ได้รู้สึกดีไปกับความหมายของมันใช่มั้ย

             “ผมขอโทษ เนย์” ผมไม่อยากได้ยินคำขอโทษจากปากผู้ชายใจร้ายอีกแล้ว  อยากได้ยินคำว่ารักมากกว่า  แต่มันคงจะเป็นคำลวงหลอก  เหมือนที่เขาโกหกตลอดมาว่ายังรักผม

             “บลูม เราไปกันเถอะ”

            ชื่อนั้น ‘บลูม’ คงเป็นแฟนใหม่ของเขา  คนที่อยู่ข้างๆ นั่งฟังบทสนทนาที่มีแต่คำพูดที่ไร้เหตุผล  มือหนาจับมือของเขาก่อจจะดึงให้ลุกออกไปจากห้องนี้

            ปล่อยให้ผมถูกทิ้งอยู่คนเดียว

            ผมมองตามคนทั้งคู่  พลันสบเข้ากับดวงตาสีฟ้าของบลูม

            ดวงตาที่ผมมองแล้วมิอาจเข้าใจ  ประหนึ่งในดวงตาคู่นี้หลากหลายความรู้สึกวิ่งวนจนผมคาดเดาความคิดเขาไม่ได้

            เขาจะเยาะเย้ยถากถางผ่านสายตา

            หรือแสดงออกว่าสงสารคนที่แพ้อย่างผม

            ผมยังไม่รู้และไม่เข้าใจความหมายในดวงตานั้น  แต่หากเป็นผมในตอนนี้  ความรู้สึกมันหลากหลาย  ทั้งเศร้า  เสียใจ  โกรธ  และมึนงงสับสน

            คำพูดเพียงไม่กี่คำจากแฟนเก่า  ย้ำเตือนให้ผมต้องยอมรับความจริง

            แต่มันก็เป็นคำคำพูดที่ทำให้หัวใจถูกบีบซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนแทบหายใจไม่ออก

            เราเลิกกันเถอะ

            ผมทรุดกายร้องไห้เสียงดังปานจะขาดใจ

            ฮือออ~


            ******

            หลังจากมีนักอ่านมาถามหาว่าเรื่องนี้หายไปไหน
            ซึ่งก็ไม่รู้หายไปได้อย่างไร  แต่ก็เอามาลงอีกครั้ง
            ฝากเรื่องเดิม (แต่ลงใหม่) ด้วยนะ

            เห็นชื่อเรื่องมันก็คงจะเศร้าๆ อ่ะเนอะ
            เปิดมา โดนบอกเลิกซะแล้ว
            ไปหาใหม่เลย ผู้ชายไร้เหตุผลแบบนี้เลิก!!
            แต่เรื่องจะเป็นยังไงต่อก็ติดตามตอนต่อไปว่า
            จะดองเรื่องนี้ เอ๊ย เรื่องจะดำเนินไปอย่างไร ^^

ออฟไลน์ heroza

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
กรี๊ดดดดดดดดดด ในที่สุดก็จะได้อ่านอีกครั้ง
ขอบคุณจริงๆค่ะ ที่มาแบ่งปันผลงานให้ได้ติดตาม  :hao5:

กระโดดกอดคนแต่งค่ะ  :m15:

ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14
รอตอนต่อไป

ออฟไลน์ Moose

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
มาต่อเร็วๆ น้า

ออฟไลน์ loveromance

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1

ออฟไลน์ yanggi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
เปิดมาเนื้อเรื่องน่าสนใจมาก   น่าติดตามอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น   แต่คำแนะนำคือ    อยากได้ให้โอกาสเนย์กลับปหาแฟนเห่า   เขาไม่มีค่าขนาดนั้นหรอกค่ะ   เชิดหน้าขึ้นสะบัดบ็อบ แล้วหาคนใหม่ดีกว่า !!!!

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
ผช คยซ้อนไว้ใจไม่ได้
ให้ เนย์กับบลูมมากินกันเอง ให้มันเจ็บใจเล่นดีกว่า

ออฟไลน์ Maytbb

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1763
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4

meili run

  • บุคคลทั่วไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Lemon_Tea

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
หัวใจดวงเดียวที่เจ็บ ตอน1

-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/

              อ็อด~~

              มีใครสักคนกดกริ่งเรียกผมอยู่หน้าบ้าน  จึงต้องลุกจากโซฟายาวที่ตนเองงีบหลับในช่วงสาย  เมื่อคืนเขาไม่ได้นอน  เอาแต่ร้องไห้จนผลอยหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้  ตื่นมาอีกทีตะวันก็ส่องหน้าแล้ว  ยังรู้สึกง่วงอยู่เลยนอนต่อในห้องนั่งเล่น 

              ใครมาตอนนี้เนี่ย

              ขอนอนพักหน่อยก็ไม่ได้

              เห็นใจคนเพิ่งถูกบอกเลิกบ้าง

              ผมขยี้ตาเพื่อปรับสภาพการมองเห็น  แต่ลืมนึกไปว่าตาตัวเองบวมจากการร้องไห้หนักทั้งคืน  จึงรู้สึกแสบเล็กน้อย

              อ็อดดด

              เกรงว่าถ้าผมยังไม่ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้  คนที่รออยู่ข้างนอกคงได้กระหน่ำกดเรียกไม่หยุด

              อยากนอนเข้าใจมั้ยครับ

               “นี่  นาย”

               “ซี!”

               “นายมาทำอะไรที่นี่” คำถามเหมือนประโยคบอกเล่าทั่วไป  ไม่ได้หวังจะรู้คำตอบ  แต่เป็นอาการตกใจ  จู่ๆ คนที่คาดคิดว่าจะมาหากลับโผล่หน้าให้เห็น  ผมรีบปิดประตูทันที  ทว่ามือหนาของซีดันไว้ไม่ให้ขยับ

              ระหว่างผมที่ตัวเล็กกว่าเขามาก  กับรูปร่างใหญ่ของซีย่อมมีแรงมากกว่า

              คิดดูใครจะชนะ

              ถูกต้อง!

              ซีออกแรงผลักไม่มากประตูก็เปิดกว้างแล้ว  แถมยังย้ายตัวเองเข้ามาในบ้านโดยไม่ได้รับอนุญาตสักคำ

              คิดจะจากไปก็ไป  คิดจะมาก็มา

              นี่มันบ้านของผมนะ  ไม่ใช่บ้านของเรา  ที่นายจะเดินเข้าออกได้ตามสะดวก

              เมื่อห้ามไม่ได้จึงเดินตามเขาไปห้องรับแขก  ห้องนี้ไม่มีอะไรมากหรอกครับ  แค่โซฟายาวหนึ่งตัว  กับเก้าอี้เดี่ยวสองตัวพร้อมโต๊ะรับแรกกระจกใส  ด้านหน้ามีโทรทัศน์ขนาดกลางตั้งบนตู้ทรงเตี๊ย  มีเครื่องเล่นซีดีและดีวีดีอยู่ข้างใน  แผ่นหนังกับซีดีเพลงมีไม่กี่แผ่น  ส่วนที่เหลือจัดเก็บเป็นระเบียบในตู้ที่อยู่ข้างกัน  ตรงมุมห้องตั้งตู้โชว์ที่ทำขึ้นจากไม้

              ซีดีที่ผมเก็บไว้ในตู้ทรงเตี๊ยนั้นไม่ใช่ของแท้ทั้งหมดหรอกครับ  ส่วนใหญ่เป็นแผ่นปลอมทั้งนั้น

              อ่ะ  อย่าเรียกตำรวจมาจับผมนะ

              แผ่นผีมันถูกกว่านี่นา

              หรือว่าชอบแผ่นแท้ที่แพงถึงหลักพันกันล่ะ

              ผมว่าเราจะเลยเถิดไปไกลแล้วนะครับ  เวลานี้มีแขกที่ไม่อยากต้อนรับนั่งรออยู่  ผมต้องคุยกับเขาให้รู้เรื่องว่าเขามาทำอะไรที่นี่  หากเขาต้องการขอคืนดี  ความเป็นไปได้เท่ากับศูนย์อย่างไม่ต้องสงสัย  ผมเพิ่งถูกบอกเลิกเมื่อวานเองนะ  จะมาขอคืนดีในวัดถัดมามันคงตลกน่าดู

              ถ้าซีอยากขอคืนดีทั้งที่เป็นคนบอกเลิกเอง  และผมที่ยอมยกโทษให้แล้วกลับมาคบกันเหมือนเดิมภายในเวลาไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง  ไม่เขาก็ผมที่สมองเบลอคิดอะไรเพี้ยนๆ เหมือนคนไม่มีเหตุผลไปแล้วมั้งครับ

              เรื่องบอกรักกับบอกเลิกไม่ใช่คำที่พูดกันเล่นๆ ได้

               “ตกลงนายมาที่นี่ทำไม” ผมถามซีที่นั่งกรีดกระกระดาษนิตยสารเล่น  ทำเหมือนไม่ได้ตั้งใจจะมาคุยธุระสำคัญกับผมตั้งแต่แรก

               “มาคุยกับนายไง” บ้านนี้มีผมอยู่คนเดียวจะให้คุยกับคนอื่นเหรอฮะซี  อย่ากวนประสาทจะได้มั้ย  ผมซีเรียสนะ  ถ้าความโกรธขณะนี้มันร้อนจนสามารถเผากระดาษได้  มันคงลามไปไหม้ถึงมือผู้ชายใจร้าย

               “นาย...”

               “หึหึ” ยังมีหน้าหัวเราะอีก  สนุกนักหรือไง  ทำให้ผมรักแล้วตีจากอย่างไม่แคร์ความรู้สึก  แล้ววันนี้ยังกลับมาเพื่ออะไรบางอย่าง  แต่แน่ใจได้เลยว่าไม่ใช่การขอคืนดี

               “ผมแค่อยากคุยเรื่องของเรา” เรื่องของผมกับเขานะหรือ  ยังจะมีคำว่าเราอยู่อีกเหรอ  ระหว่างเราจบกันไปแล้วนี่

               “ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” เหมือนเขาจะอ่านใจออก  รวมถึงคิ้วที่ขมวดอยากจะแย้งเต็มแก่ของผมด้วยล่ะมั้ง

               “คือเรา... ยังเป็นเพื่อนกันได้อยู่มั้ย” นายมาขอเป็นเพื่อนเร็วไปหรือเปล่า  เราเพิ่งยุติความสัมพันธ์แบบคนรักแล้วจะให้กลายมาเป็นเพื่อนกัน  มันไม่ง่ายหรอกนะ  ผมไม่ได้เตรียมใจถูกบอกเลิก  แล้ววันนี้นายยังเร่งเวลาให้เรามองหน้ากันติด  คุยกันเหมือนเดิมเพียงข้ามวัน  ราวกับไม่เคยมีความสัมพันธ์แบบคู่รักงั้นเหรอ

              มันไม่ง่ายเลยจริงๆ

              ผมยังทำใจไม่ได้

              ชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามกับผมเป็นอดีตแฟนไปแล้วถอนหายใจ  เพราะรู้ว่ายังไงอดีตคนรักคงทำตามคำขอเขาไม่ได้

               “เนย์ ผมขอโทษ”

               “ผมไม่ได้ตั้งใจ”

               “ผม...”

               “พอเถอะ คำแก้ตัวของนายมันฟังไม่ขึ้น  ฉันไม่อยากฟัง!” ผมตะโกนเสียงดัง  หันหน้าไปอีกทางไม่อยากมองคนที่พยายามจะแก้ตัว

              เขาจะพูดคำว่าขอโทษอีกกี่ครั้งผมก็ไม่อยากฟังอีกแล้ว  มันสายเกินไป  ถ้าเขาไม่นอกใจ  รักและดูแลหัวใจของผมไม่ให้เจ็บปวด  เรื่องก็จะไม่เป็นแบบนี้

               “เนย์”

               “ผมรู้ว่าผู้ผิด”

               “แต่เราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้นี่” นายถามฉันสักคำหรือยังว่าอยากเป็นเพื่อนกับนายรือเปล่า  นายพยายามยัดเหยียดความเป็นเพื่อนให้ทั้งๆ ที่ฉันไม่ได้ต้องการ  ไม่สงสารฉันที่ทำทำร้ายหัวใจบ้างหรือไง

              นายมันเห็นแก่ตัวเกินไปแล้ว

              คำขอโทษด้วยแววตาคล้ายสำนึกผิด  และคำขอของซีผมอาจตกลงเดี๋ยวนั้น  เพราะผมมันคนใจอ่อนแอ  แต่อารมณ์โกรธที่เขากล้าหลอกผมได้เป็นปี  ผมไม่ได้แค้นเคืองจนอยากเอาคืน

              แต่ผมไม่พร้อมจริงๆ

              ให้เวลาฉันหน่อยได้มั้ย

               “ซี” ผมเรียกเขาเสียงเบาราวกับคนอ่อนแรง  เหนื่อยเกินที่จะรั้งเขาไว้  หากผมยังดึงดันจะยื้อเขาไว้  ผมกลัวว่าเขาจะทำผิดเป็นครั้งที่สอง

              ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว

กับการถูกหักหลัง

              ผมไม่อยากเจ็บอีก

               “ผมขอโทษ  แต่ผมกลับไปแก้ไขมันไม่ได้” ซีลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินมานั่งข้าง  ผมรีบกระเถิบหนีชิดอีกด้านของโซฟา  ไม่รู้ว่าเป็นเพราะร่างที่ใหญ่กว่าผมหรือเปล่า  ผมถึงรู้สึกกลัวเหมือนถูกคุกคาม  ทั้งที่เขายังไม่ได้แตะต้องตัวผม

              ในช่วงเลานี้หัวใจผมมันอ่อนแอจนหวาดกลัวไปหมด

              มือหนาจับแขนของผมที่สั่นด้วยอารมณ์เสียใจและน้อยใจ  ผมสะบัดเขาทันทีที่มือนั้นสัมผัส

              ผมบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าผมไม่พร้อม  ไม่อยากเห็นหน้า  ไม่กล้าคุยเรื่องอะไรทั้งนั้น

              ซีเห็นผมเสหน้าไปทางอื่น  ไม่ยอมหันมาคุย  เขาจึงต้องถอยกลับไปก่อนจะบอกลา

              เขาไปแล้ว

              ผมคว้าเขาไว้ไม่ทัน

              น้ำตาไหลอาบหน้า  ไม่อาจทนถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว

              เมื่อไหร่ความเจ็บนี้จะหาย

              เมื่อไหร่ผมจะหยุดร้องไห้สักที



              อือ...

              ร่างเล็กที่แอบซุกตัวในมุมหนึ่งของโซฟาฝืนลุกขึ้นอย่างสะลึมสะลือพลางบิดขี้เกียจยาว  เพราะนอนในท่าที่ไม่สบายนัก

              นี่ผมหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่

              แหงนมองนาฬิกาบนผนังห้อง  เข็มสั้นชี้เลขสองบอกเวลาที่เลยเที่ยงมาสองชั่วโมงแล้ว

              ผมหลับไปนานขนาดนี้เลยเหรอ

              ขาสองข้างพาร่างตัวเองเดินโซเซราวกับคนไม่มีแรงไปห้องน้ำ  ก่อนจะส่องกระจกสำรวจสภาพใบหน้าของตัวเองที่แทบดูไม่ได้  คราบน้ำตาแห้งกรัง  ตาบวมแดงผ่านการร้องไห้อย่างหนักทั้งคืน  ช่วงสายของวันยังมีต่อจนตาที่บวมอยู่แล้วเป็นหนักขึ้น  จะลืมตาก็แทบจะมองไม่เห็น

              ผมหวักน้ำล้างหน้าล้างตาตัวเอง  คราบน้ำตาจะไม่หลงเหลือแล้ว  แต่สภาพผมตอนนี้ก็ยังดูจืดดีนัก  มีเพียงความเย็นของน้ำช่วยให้ผมรู้สึกสดชื่นบ้าง

               “เฮ้อ”

              หน้าตาซีดโทรมคงไม่มีใครแลเหลียวหรอก

              ผมต้องหาอะไรทำเพื่อไม่ให้ตัวเองเศร้าไปมากกว่านี้  ซากศพซีดเซียวตาแดงกำสอดส่องหาเป้าหมายก่อนจบลงที่โทรทัศน์

               “ฮะฮะฮ่าฮ่า”

               “แกมันโง่เอง ปล่อยให้เขาหลอกได้”

               “ฮ่าฮ่า”

              ผมนั่งคุดคู้ดูทีวี  ช่วงบ่ายจะฉายหนังที่ออกโรงไปนานแล้ว  ชื่อหนังหายตอนที่หน้าจอสว่างขึ้น  ผมจึงไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไร

              ตอนที่ฉายเป็นช่วงที่ตัวละครตัวหนึ่งกำลังถากถางอีกฝ่าย

              เสียงหัวเราะกับบทพูดลอยเข้ามาราวกับตอกย้ำตัวเองให้เจ็บอีกครั้ง  ทำไมต้องมาฉายตอนนี้ด้วยนะ  แค่นี้รู้สึกผมโง่ไม่ต่างหนังในทีวี  ผมเจ็บจะแย่อยู่แล้ว  จะซ้ำเติมให้แผลมันกว้างขึ้นหรือไง

              หนังเรื่องนี้ไม่ได้เรื่องชะมัด

              ผมพูดไปงั้นแหละ  คนเปิดหนังเขาฉายให้คนทั่วไปดู  ไม่เฉพาะเจาะจงว่าใครคือผู้รับ

              ผู้ส่งก็ส่งไป  หากผู้รับไม่อยากได้ยินก็เปลี่ยนช่องซะก็จบ  หรือจะปิดทีวีไม่ดูแล้วก็ได้

              ผมจึงเลือกเปลี่ยนช่องให้พ้นจากหนังเรื่องนี้

ไม่ต้องขอฉันก็จะทำให้
ไม่ขอฉันก็จะไปให้
จะทิ้งให้เธอ
อยู่กับเขาอย่างที่ต้องการ
ไม่ต้องขอฉันก็จะยอมให้
ถ้ารักเขาก็เข้าใจได้
จะยากอะไร ก็แค่หัวใจหัวใจ
หัวใจดวงเดียวย่อยยับไป

              เสียงเพลงดังขึ้น  เป็นจังหวะช้าๆ แต่มีความหมายโดนใจ

              คงเป็นสถานีเพลงจากคลื่นอะไรสักอย่างที่ออนแอร์บนโทรทัศน์

              เพลงนี้ชื่อว่า ‘ไม่ขอก็จะให้’  ของนักร้องสาวเสียงดี ‘ดา เอ็นโดรฟิน’

              ผมฟังความหมายแล้วมันเข้ากับชีวิตผมในตอนนี้เหลือเกิน  แถมเอ็มวีประกอบยิ่งทำให้ผมเห็นภาพชัดเจนขึ้นอีก

             
ผู้หญิงคนหนึ่งยอมปล่อยให้แฟนตัวเองกลับไปหาคนอื่น  ถึงแม้ว่าจะรักเขาเพียงใด  แต่ไม่อาจรั้งเขาไว้ได้  จึงต้องทำใจปล่อยเขาด้วยใบหน้าประดับรอยยิ้มยินดี  ทั้งที่ใจปวดร้าวอยากจะร้องไห้แค่ไหนก็ยังคงยิ้มอวยพรให้กับคู่รักที่วิ่งเข้าสู่อ้อมกอดของกันและกัน

              มันช่างคล้ายคลึงกับชีวิตผมจริงๆ  ดึงดันจะรั้งเขาก็ทำไม่ได้  ทำได้เพียงปล่อยมือและมองเขามีความสุขกับคนที่ตนเองรัก  แล้วทิ้งอีกคนไว้ข้างหลังให้จมอยู่กับความเสียใจ

จะยากอะไร ก็แค่หัวใจหัวใจ
หัวใจดวงเดียวย่อยยับไป

              คนสองคนรักกัน  ผมมันเป็นส่วนเกินที่เขาไม่ต้องการ  เก็บเศษหัวใจไว้ในอ้อมกอด  แล้วย้ำเตือนความทรงจำตัวเองว่าครั้งหนึ่งหัวใจเราเคยแตกสลาย  เพราะความใจร้ายของผู้ชายคนนั้น

              ฮึก

              ให้ตายสิ  ผมจะร้องไห้อีกแล้ว

              นิ้วมือปาดน้ำตาที่เอ่อคลอในดวงตา

              ผมร้องไห้ทั้งวันทั้งคืนจนแทบไม่มีน้ำตาให้ไหล

              ถึงจะเป็นอย่างนั้น  ผมก็ยังไม่หาน้ำมาดื่มทดแทนน้ำที่เสียไป  ผมไม่รู้หรอกว่าร่างกายผมเหลือน้ำกี่เปอร์เซ็น  จะขาดเหลือสักเท่าไหร่ไม่ได้สนใจ  ผมยังคงปล่อยให้ตัวเองนั่งชันเข่าคุดคู้ฟังเพลงต่อไป

              เพลงแรกจบไปแล้ว  เพลงที่สองก็เล่นต่อ

              จังหวะและเสียงเพลงเปลี่ยนไปเรื่อยๆ  เข้าหูผมบ้างไม่เข้าบ้าง  บางช่วงอาจถูกแทรกจากบุคคลสองคนที่ทำหน้าที่พิธีกรรายการเพลง  จนเพลงสุดท้ายเล่นจบก็หมดเวลาของรายการ  พิธีกรกล่าวสวัสดีก่อนที่รายการทีวีถัดไปจะฉายต่อ

               “ต่อไปนี้เป็นรายการทั่วไป  สามารถรับชมได้ทุกวัน”

              สปอนเซอร์ของรายการยิงออกมาสี่ถึงห้าตัวก่อนจะเข้าสู่รายการหลัก

               “รายการ... จ๊ะจ๋า ตะลอนชิมทั่วไทย”

               “สวัสดีคะ”

               “เข้าสู่รายการ จ๊ะจ๋า ตะลอนชิมทั่วไทย”

              พิธีกรสาวกล่าวเปิดรายการก่อนจะแนะนำร้านอาหารที่เธอจะพาผู้ชมไปรับประทานกันถึงที่

              ผมนั่งฟังเสียงหวานใสของพิธีกรที่พาไปทานอาหารในร้านอาหารแห่งหนึ่ง

              เอ๋  อยู่ในห้าง ABZ  ถ้างั้นก็อยู่ใกล้บ้านผมนี่เอง

              อาหารหลายอย่างวางเต็มโต๊ะยั่วน้ำลายผู้ชมทางบ้านอบ่างมาก  จนอยากจะรีบออกไปหาร้านอาหารนี้ทันที

              ผมมองอาหารแต่ละจาน  มีแต่ของน่ากินทั้งนั้น  พลันท้องร้องโครกประท้วงจะกินเมนูที่โชว์อยู่ในทีวี 

              เวลานี้ไม่อยากออกไปไหนคงต้องหาอะไรในบ้านกินไปก่อน  แล้วถ้าอยากกินร้านไหนค่อยว่ากันทีหลัง  ร่างเล็กจึงเลิกนั่งทรมานขาตัวเองก่อนจะยกเท้าลงเพื่อไปหาอาหารใส่ท้อง  เท้ายังเก้าถึงพื้นไม่ทันไร  เสียงกดกริ่งดังขึ้นจนเขาสะดุ้ง

              เช้ามีคนหนึ่งแล้ว

              เย็นก็มีอีก

              คงไม่ใช่คนเดิมหรอกนะ

              ร่างเล็กที่ยังมีสภาพอิดโรยเดินออกไปหาบุคคลที่เรียกตน

              ยามบ่ายดวงอาทิตย์คล้อยเกือบตกดินเข้าสู่ช่วงเวลาเย็น  แดงจึงไม่ค่อยแรงเท่าไหร่  หากแต่คนที่แทบจะไม่มีแรงต้องฝืนเดินออกมา  พอเจอแสงที่ส่องกระทบเข้าตาก็พลันจะหน้ามืดเสียให้ได้  แต่ยังฝืนลากสังขารไปหาคนที่ยืนรอ

               “คะ...”

              หวืด

              ร่างเล็กล้มกระแทกคนที่อยู่หน้าประตูก่อนจะหมดสติไป

               “เนย์!”


              **********

              ใครมากันเอ่ย
              แต่เนย์  นายเป็นลมซะแล้ว  ทำไงดีล่ะเนี่ย
              คนที่มาก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร  จะเป็นคนเมื่อเช้า
              หรือคนอื่นก็ติดตามกันต่อไป

              กว่าจะเข็นตอน1มาลงได้
              เล่นประท้วงต่อยตีกันในหัว  ระหว่างฝ่ายที่ขยัน กับ ฝ่ายขี้เกียจ
              สุดท้ายฝ่ายขี้เกียจก็ได้ชัยชนะ  เลยดองไปหลายวัน^^
              แต่ฝ่ายขยันพ่ายแพ้ได้ไม่นาน  อีกฝ่ายถึงคราวปราชัย
              จึงได้ตอน1 มาในที่สุด



ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
ซีนี่มัน....น่านัก  :z6: :z6: :z6: :z6: สวมเขาเนย์มาตั้งปีนึง
เลวมากๆๆๆๆๆๆๆ

****

แล้วงี้ใครจะมาดามใจหนูเนย์อ่ะคะ? (รอพระเอกออกโรง :กอด1:)

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
เคยอ่านแล้วนี่เนอะ จำได้ว่าเนย์น่าสงสารแต่เนย์ก็ขัดใจเราหลายเรื่องเลยเฮ้ออออ เนย์สู้ ๆ ไม่อยากให้เนย์ทำแบบเดิม(ไม่รู้คนเขียนจะเปลี่ยนรึเปล่า) ตามอ่านต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
ซีนี่พูดง่ายเนอะ

ออฟไลน์ Lemon_Tea

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
หัวใจดวงเดียวที่เจ็บ ตอน2

-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/

             “อือ”

             เปลือกตากระตุกครั้งหนึ่งก่อนจะกระพริบถี่ปรับสายตา  แววตาใสกระจ่างส่งให้ดวงตาสีน้ำตาลดูน่าหลงใหลสายตากวาดมองรอบตัวอย่างุนงง  พลันสะดุดกับดวงตาคู่หนึ่งที่จ้องมาผม

              “เนย์”

              “นายโอเคมั้ย”

              “ตอนนี้เป็นไงบ้าง”

             คนตรงหน้ามีรูปร่างสูงโปร่ง  ไม่อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอมจนเกินไป  หากจะบอกว่าสัดส่วนเขาเหมือนนักร้องนักแสดงชาวเกาหลีก็ว่าได้  อีกทั้งดวงตาสีดำเข้ากับเรียวตาลักษณะสวยตามสไตล์ของคนโซนเอเชีย

             ผมไม่ได้อยากจะร็หรอกว่าเขาจะเป็นคนไทยแท้  หรือเป็นลูกครึ่งของชนชาติใด

             เพียงแค่อยากรู้ว่าเขามาทำอะไรที่บ้านผม

              “นายโอเครึเปล่า” มือเรียวทาบบนหน้าผากคล้ายจะสำรวจอุณหภูมิในร่างกาย  หากผมเป็นไข้ก็คงจะตัวร้อนไปแล้ว  แต่ผมยังสบายดี  ไม่ได้เจ็บไข้ได้ป่วยอะไร  ยกเว้นใจเท่านั้นที่ยังอ่อนแอ

              “ทำไมเงียบล่ะ”

              “รึยังรู้สึกมึนหัว”

             เปลี่ยนจากมือเป็นแก้มของคนที่ถามผมไม่หยุด  ก่อนที่อีกคนจะแนบแก้มผมรีบเขยิบอัตโนมัติไปอยู่อีกมุมของโซฟา  ทิ้งระยะห่างกับเขาพอควร

             อาจจะสงสัยถึงคนที่พูดกับผม  ไม่สิ  เขาพูดอยู่ฝ่ายเดียว  คนๆ นี้เป็นใคร

             ถ้ายังจำดวงตาที่คาดเดาความรู้สึกเหล่านั้นไม่ออกได้ก็คิดถูกแล้วครับ  เขาเป็นแฟนใหม่ของแฟนเก่าผมนั่นเอง  งงมั้ยครับ

             ถ้าอย่างนั้นผมจะเล่าเรื่องของผมให้ฟังคร่าวๆ ล่ะกัน

             ผมมีแฟนอยู่คนหนึ่งชื่อ ‘ซี’  แต่เขาเพิ่งบอกเลิกเมื่อวานนี้เอง  พร้อมกับพาแฟนใหม่มาให้ผมเห็นหน้า  แต่ไม่ได้แนะนำให้ผมรู้จัก  ซึ่งแฟนใหม่ของซีมีชื่อว่า ‘บลูม’

             และคนที่นั่งโซฟาตัวเดียวกับผมก็คือแฟนใหม่

             หรือ ‘บลูม’ นั่นแหละ

             ว่าแต่  เขามานั่งข้างผมตั้งแต่เมื่อไหร่  ผมกระเถิบห่างจากเขาไปแล้วนะ  นอกจากนี้ยังเอามือมาทาบหน้าผากผมอีกครั้ง  พลางลูบใบหน้าและร่างกายผมไปทั่วราวกับสำรวจอะไรบางอย่าง  ท่าทีกระวนกระวายพร้อมกับยิงคำถามไม่หยุด  ผมถึงกับนิ่งไม่รู้จะโต้ตอบยังไงดี

              “ก็ไม่ได้ตัวร้อนนี่นา” บลูมงึมงำเหมือนพูดกับตัวเอง

              “เนย์”

              “รึว่าเส้นประสาทระบบการพูดขาดน่ะ นาย...” บลูมลนลานประหนึ่งว่ามันขาดจริงๆ

             เส้นนั้นมันขาดซะที่ไหนกันเล่า

             ผมยกมือเขาออกก่อนจะเปิดปากพูด  ถ้าผมยังนิ่งเงียบต่อไป  บรรดาเส้นประสาททั้งหลายในร่างกายผมคงถูกบลูมดึงให้ขาดหมดทุกเส้น

              “ฉันไม่เป็นไร บลูม”

              “ฮึ เนย์รู้ชื่อผมด้วยเหรอ” เขาทำหน้าประหลาดใจ  เมื่อกี้นี้ยังทำท่าเป็นกังวลผมอยู่เลยไม่ใช่เหรอ  เปลี่ยนเรื่องซะงั้น  สงสัยคงตกใจที่ผมรู้ชื่อเขาได้ยังไงล่ะมั้ง  ถึงไม่ได้ใส่ใจอาการของผมต่อ

              “ฉันได้ยินตอนเขาเรียกนานน่ะ” บลูมพยักหน้า  แล้วยกมือลูบใบหน้าอีกรอบ

             ยังคงลูบไม่หยุด  ถ้าหน้าผมหลุดได้  คงติดมือเขาตั้งแต่ครั้งแรกแล้วมั้ง

             ถูกคนที่รู้จักโดยไม่ตั้งใจและไม่อยากรับรู้  เข้ามาใกล้ชิดถึงขนาดแตะเนื้อต้องตัว  มันรู้สึกเขินแปลกๆ  ผมเอียงตัวออกก่อนจะพูดให้เขาเลิกกังวลกับสภาพร่างกายผมสักที

              “ฉันไม่เป็นไรจริงๆ”

              “แต่หน้านายดูซีด” บลูมเตรียมจะยกมือปฏิบัติการเช่นเดิม

             เห็นดังนั้น  ผมก็แบคิดในใจว่าหน้าผมคงไม่บริสุทธิ์ซะแล้วมั้ง

             ทั้งจับทั้งลูบ... เฮ้อ

              “นายไม่สบายรึเปล่า เอ๋ แต่ตัวก็ไม่ร้อนนี่” บลูมถามเองตอบเอง 

             จู่ๆ เขาก็สะดุ้งตัวเหมือนนึกอะไรบางอย่างออก  “นายกินข้าวรึยัง”

             อ่ะ  ผมลืมบอกไปใช่มั้ย  เมื่อเช้าผมยังไม่ได้กินข้าวเลยสักข้าว (เพราะ ซีมาหา)  แล้วข้าวเที่ยงก็ยังไม่กินอีกเหมือนกัน (มัวแต่ร้องไห้)  พอตกบ่ายยังเฉยไม่ขยับตัว (นั่งเหมอลอยหน้าทีวี)

             เป็นที่เข้าใจได้ว่า  ผมไม่มีอาหารตกถึงท้องสองมื้อ  แล้วไม่กินอะไรรองท้องอีก

             มิน่า ผมถึงได้เป็นลม

             อือ  ที่จริง  ร้องไห้จนเหนื่อยร่างกายก็เลยดูแย่ด้วยมั้ง

             ผมส่ายหน้าแทนคำตอบให้กับคนตรงหน้า  จึงถูกเขาดุผ่านสายตา  จนผมต้องก้มหน้าหลบไม่กล้ามองเขา  พลางบ่นอุบอิบ

             งือ~  เขาดุผมแน่เลย

              “ไม่ได้กินแค่มื้อเที่ยงใช่มั้ย” เขาทำสายตาอ่อนลง

             ผมบอกไปว่าตอนเช้าก็ยังไม่ได้กิน  พอบลูมรู้เข้าก็โวยวายใส่ผมใหญ่เลย  ท้องผมนะไม่ใช่ท้องนาย  จะโวยวายเสียงดังไปทำไม 

             เจอเสียงบลูมกับอาการมึนในหัวยังไม่หาย  ผมถึงได้ยินเสียงวิ๊งๆ ในหูด้วยตอนเขาเขย่าตัวพลางอบรม

             จะตาลายแล้ว  ยังจะมาอบรมทำไมเนี่ย

             ตั้งแต่อาหารเช้าคือมื้อสำคัญที่สุดไม่งั้นจะหัวฟาดพื้นเลือดอาบ  ข้าวเที่ยงก็เช่นกัน  ควรเติมพลังงานเข้าไปจะได้มีแรง  ตัวจะได้ไม่ปลิมลมลอยไปกระแทกเสาไฟฟ้าหัวแตกต้องเย็บอีกหลายเข็ม  มันน่ากลัวมากถ้าบนหัวมีแต่รอยเย็บเต้มไปหมด  หากยังกินข้าวไม่เป็นเวลาต่อไปเรื่อยๆ จะกลายเป็นโรคกระเพาะท้องทะลุทรมานมาก  แล้วยังไม่คิดจะหาอะไรมากินรองท้องอีก

             โดนอบรมเสียยาวเยียด  ผมจินตนาการตามไปด้วย  ท้องไส้หวิวๆ ชอบกดล  ตาลายคล้ายจะเป็นลม  รู้สึกอึดอัดยากจะอาเจียน  เพราะคำพูดของบลูมนั่นแหละ

             แค่ไม่กินสองมือ  ต้องพูดให้น่ากลัวขนาดนี้ด้วยเหรอ

             บลูมพูดเหมือนเห็นผมเป็นคนไม่ค่อยกินข้าวให้ตรงเวลาอย่างนั้นแหละ

             เป็นแค่วันนี้วันเดียวเอง

             ผมค่อยๆ ชูนิ้วชี้ขึ้น  เป็นการบอกใบ้ว่าเขาเพิ่งเป็นแค่วันนี้เอง

             บลูมเลิกคิ้ว  เข้าใจว่าให้เขาหยุดพูด  แต่ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรต่อถึงได้เข้าใจผมผิดอีกแล้ว

              “นายอดข้าวแบบนี้มาครั้งนี้แล้วเหรอ!” เขาตะโกนเสียงดัง

              “ใช่ซะที่ไหนเล่า!”

              “ฉันไม่ใช่คนที่ชอบทรมานตัวเอง”

              “แล้ววันนี้ทำไมถึงทำล่ะ” มีเรื่องให้คิดมาก  แล้วใครจะกินข้าวลง  ผมเอาแต่ร้องไห้จนแทบจะกินน้ำตาเค็มๆ ของตัวเองแทนข้าวแล้ว  คงไม่ต้องบอกสาเหตุของเรื่องหนักใจผมนะ  นายเองก็น่าจะรู้ดีนี่บลูม

              “กินไม่ลง” ผมตอบเขา

              “อืม อืมๆ” บลูมทำสีหน้าเหมือนมีเควชชั่นมาร์คกระเด้งขึ้น  ก่อนจะผงกหัวไม่ถามหาสาเหตุ

             เพิ่งจะเข้าใจได้นะ

              “เมื่อวานใช่มั้ย นายถึงได้อดข้าวจนเป็นลม” เขาทำหน้าเศร้า

             บลูมถอนหายใจก่อนจะสั่งให้ผมนั่งคอยที่นี่  เขาจะออกไปซื้อข้าวมาให้  พอผมทำท่าจะแย้งก็ถูกสายตานิ่งกดให้ผมจ๋อยยอมนั่งลงไม่กล้าโต้แย้งอีก

             ถ้าหากผมถูกใครส่งสายตาดุมาให้ผมมักจะกลัวไม่ลกาเถียงเลย  ซีเคยทำเหมือนกัน  พอเขาทำสายตาแบบนี้ทีไรผมจะกลัวจนเกือบร้องไห้  แต่บางทีก็ร้องไห้ไปเลย

             จะว่าผมขี้กลัวก็ได้มั้งนะ

             แต่ถ้าเป็นบลูม  ผมไม่รู้สึกกลัวเท่าซี  แล้วไม่รู้สึกว่าอยากจะร้องไห้เสียตรงนั้น  อาจจะหงอยๆ กับท่าทีเขาบ้าง
             หรือผมจะเข้มแข็งขึ้น

             แต่ก็ไม่ใช่  ผมเพิ่งจะผลิตน้ำตามาใช้ตลอดช่วงสายของวัน

             สายตาดุจ้องผมราวกับขู่นั้นเหมือนมีความห่วงใยเจือในแววตา  ไม่กลัวแล้วยังรู้สึกโล่งใจที่มีคนเป็นห่วงเป็นใยผมอยู่ด้วย  ทำให้ผมไม่ปฏิเสธที่เขาจะอาสาออกไปหาข้าวให้

             แต่บลูม...

             อย่าทำเหมือนเป็นห่วงกันได้มั้ย

             เราสองคนอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ควรทำดีต่อกัน

             นายเองก็รู้ดีใช่มั้ย

             แล้วทำไมยังทำดีกับผมล่ะ



             นานเกือบสองชั่วโมง  ร่างเล็กสะลึมสะลือจะหลับแหล่มิหลับแหล่  หากได้ยินเสียงดังก๊องแก๊งเหมือนมีอะไรบางอย่างกระทบกัน  ก่อนที่เสียงร้องใครสักคนแล่นเข้าสู่ประสาทให้สะดุ้งตกใจลุกไปหาเจ้าของเสียงนั้น

              “โอ๊ย! ร้อนชะมัด”

              “อ้าวเนย์ ลุกมาทำไม นั่งเลย” ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งผู้อาสาไปซื้อข้าวให้คนเกือบจะเป็นโรคกระเพาะ  เขาวางของบางส่วนลงบนโต๊ะรับแขกก่อนจะดันไหล่ให้ผมนั่งลงตามเดิม

              “เดี๋ยวเป็นลมอีกรอบ แล้วผมเกิดรับไม่ทัน หัวได้โขกพื้นจริงๆ หรอก” เผลอนึกภาพตามที่เขาเคยพูดไว้  ผมยอมนั่งลงแต่โดยดี  มีสภาพหัวอาบเลือดคงไม่น่าดูนักหรอก

              “นั่งรอไปก่อน ผมเตรียมข้าวเสร็จแล้วจะมาเรียก” เขาเสริมอีกอย่างก่อนหันกายไปจัดเตรียมมื้อเย็น

             ผมมองนาฬิกาตัวเดิมจึงเห็นว่าเป็นเวลาเกือบจะห้าโมงเย็นแล้ว  ไม่รู้เขาซื้อของมาเยอะมั้ย  จะได้ชดชเยอาหารทั้งสองมื้อที่ผมอดไป

              “ผมเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ ไปกินกัน” บลูมสะกิดไหล่เรียกผมก่อนจูงมือพาไปยังโต๊ะกินข้าว

             ว่าแต่เขาจูงมือผมทำไม  ผมไม่ใช่เด็กซะหน่อย  ถึงต้องมีคนพาไป 

             บ้านนะครับไม่ใช่ห้าง  ผมไม่หรอกหรอกน่า

             ช่างเถอะ  ตอนนี้ผมหิวแล้วอ่ะ  ขอกินก่อนแล้วค่อยว่ากันทีหลัง

             ฮึม~~

             สูดกลืนเย้ายวนกระเพาะให้ร้องโครกครากเรียกร้องข้าวต้มที่หอมฉุยเตะจมูกอย่างแรง  ผมกลืนน้ำลายเอือก  ท่าทางจะอร่อยแฮะ

             ผมหยิบช้อนก่อนจะค้นข้าวระบายความร้อนจนควันลอยฉุยใส่หน้า  พอค้นไปได้ครู่เดียว  เห็นกุ้งลอยขึ้นมาเหนือข้าวผมเลยวางช้อนไม่แตะต้องชามนี้

              “อ้าว ทำไมไม่กินล่ะ” บลูมกำลังจะยกช้อนเอาเข้าปากค้างไว้ในท่านั้นก่อนถามผม

              “เออ ฉันแพ้กุ้งน่ะ” ผมตอบพลางยิ้มแห้ง  เขาอุตสาซื้อมาแต่ผมกลับทำลายน้ำใจด้วยการแพ้กุ้งซะแล้ว

              “นึกว่าอะไร” บลูมทำหน้าโล่งอก  แล้วเลือนชามของตัวเองสลับกับของผม

              “นายกินหมูได้ใช่มั้ย”

              “อืม” ผมตอบทั้งที่ยังงง

              “ผมยังไม่ได้กินชามนั้น นายกินไปแล้วกัน ผมกินข้ามต้มกุ้งนี้เอง” บลูมยิ้มให้  ไม่ถือโกรธอะไรถ้าผมทำตัวเหมือนจะเรื่องมากเพราะกุ้งเป็นเหตุ

             พวกเรากินกันเงียบๆ  ไม่มีใครเอ่ยปากพูด  อย่างกับกลัวว่าถ้าไม่รีบกินข้าวต้มชามนี้มันจะอันตรธานหายไปในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า

             ผมกินพลางลอบยิ้มให้กับคนใจดีที่ไม่รู้เหตุผลในการกระทำของเจ้าตัวว่าเขาทำเพื่ออะไร  แสดงความห่วงใยอย่างไม่ปิดบังเมื่อเห้นผมเป็นลม  แล้วยังหาซื้อข้าวปลาอาหารให้อีก  ไม่พอเท่านี้  เขายังซื้อของบำรุงกลับมาให้ผมด้วย

             ใจดีเกินไปหรือเปล่าบลูม

             ร่างสูงโปร่งบดบังแสงไฟบางส่วนของตู้เย็น  บลูมกำลังจัดวางของบำรุงเข้าที่  เหมือนว่าของพวกนั้นจะเป็นซุปไก่สกัดอะไรทำนองนั้น  แล้วก็มีขวดสีแดงบรรจุน้ำที่สกัดจากโสมอีกขวดหนึ่ง

              “ถ้านายไม่กินข้าวก็กินพวกนี้แทน”

              “อ่ะ ไม่ได้ๆ นายต้องกินข้าวด้วย ของพวกนี้เป็นแค่อาหารเสริม นายจะยึดเป็นอาหารหลักเหมือนคนที่ชอบลดความอ้วนไม่ได้นะ ไม่น้อยเกินไป” บลูมเพิ่มเติมเสียยาว

             ผมพยักหน้ารับรู้  แต่ยังคงแววตาสงสัยในบางเรื่อง

             เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย  ไม่ต้องมาดูแลผมก็ได้

             ร่างสูงโปร่งลุกขึ้นยืนเต็มความสูงถึงได้เห็นคิ้วผมที่เกือบจะผูกโบว์สีดำ  แววตาสงสัยปิดไม่มิด  เขาจึงยอมเปิดปากพูดในสิ่งที่ผมต้องการรู้

              “นายมีอะไรอยากถามผมใช่มั้ย” เขาถามผมก่อนจะลากเก้าอี้มานั่ง

              “คงสงสัยว่าผมมาทำอะไรที่นี่” ผมพยักหน้า

             บลูมงอตัวพลางเอานิ้วไขว้ประสานกันก่อนจะถอนหายใจ  เหมือนไม่รู้จะเริ่มพูดจากตรงไหน

              “เฮ้อ”

             ผมนั่งรอลุ้นเขาอย่างใจจดใจจ่อเช่นกัน

             อย่าเงียบสิ

             ผมอยากรู้นะ

             บลูมเงยหน้าประสานสายตากับผมแล้วถอนใจอีกครั้ง  แต่ผมนี่สิจะถอดใจอยู่แล้ว  ถ้าเขายังไม่ยอมพูดให้รู้เรื่อง

              “คืออย่างนี้”

             เฮ้อ  เป็นผมเองที่ถอนหายใจ  เริ่มพูดสักที

              “ผมรู้จักเนย์มาก่อน”

             เอ๋  เขารู้จักผมด้วยเหรอ  แต่ผมเพิ่งรู้จักเขาเมื่อวานเองนะ

              “เมื่อสองอาทิตยืที่แล้ว ซีสารภาพกับผม” ท่าทางจะต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับผมแน่  ผมมั่นใจ

              “ซีคบกับคนอื่นก่อนจะคบกับผม คนๆ นั้นก็คือนาย... เนย์” ว่าแล้วเชียว  มันเกี่ยวกับผมจริงด้วย

              “ซีปิดบังผมเหมือนกับนาย ตอนที่ผมรู้ว่าซีคบกับคนอื่นด้วย มัน...” บลูมทำท่าจะร้องไห้  เมื่อนึกถึงวันที่ตัวเองโดนหลอกเป็นปีเหมือนกัน

              “ผมทำอะไรไม่ถูกเลย คิดอะไรม่ออก”

              “ผมเคยเห็นเนย์ตอนเขาพานายไปกินข้าวที่ร้านอาหารร้าหนึ่ง”

              “ตอนนั้นผมอยากเข้าไปต่อยหน้าซีชะมัด จะคบกับใครก็เลือกสักคนได้มั้ย”

             กำลังตั้งใจฟังก็สะดุ้งทันทีที่ได้ยินส่าบลูมคิดจะต่อซี  ผมพ่นลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก  ดีนะที่เขาไม่เอามาลงที่ผม  ไม่อย่างนั้นผมคงโดนต่อยจนตัวลอยไปกระแทกผนังหรืออะไรที่อยู่แถวนั้นไปแล้ว

             แต่ผมก็เห้นด้วยกับบลูมนะ

             อยากจะคบกับใครก็เลือกมาสักคนสิ  จะคบซ้อนแบบนี้ให้ผมกับบลูมที่รู้ความจริงที่หลังต้องเจ็บปวดหรือไง  ความรักน่ะมันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลยนะ

             ถ้าเป็นผมเห็นซีเดินมากับคนอื่นก็อยากตบเอาคืนที่เขาทำกับผมเหมือนกัน  แต่คงทำไม่ได้  คงจะเกิดความรู้สึกทั้งตกใจและเสียใจจนรู้สึกชา  ขยับตัวไม่ได้  ผมเข้าใจความรู้สึกในช่วงเวลาของบลูมทันที

             อยากจะตบ  อยากจะต่อย  แต่ร่างกายกลับไม่ปฏิบัติตาม  คล้ายกับว่ามันสับสนว่าจะตบซ้ายหรือขวา  หรือจะต่อยหน้าด้านไหนดี

              “และอีกอย่าง พอซีสารภาพผิดกับผมแล้วค่อยบอกเลิกเนย์” แต่ผมเพิ่งถูกบอกเลิกในสองอาทิตย์ต่อมา  ซียังไม่ยอมบอกเลิกตามที่พูด

             หึ  จับปลาสองมือไม่ยอมปล่อย

             เหมือนว่าจะทิ้งตัวหนึ่งก็เสียดาย  จะไม่เอาอีกตัวก็ทำไม่ได้

              “ช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมา ขณะที่ผมรอว่าเขาจะทำตามที่ตัวเองได้พูดไว้รึป่าว ผมก็นั่งคิด นอนคิด คิดแล้วคิดอีก  จะทำยังไงดี” รู้สึกว่าบลูมจะคิดมากนะ

              “คิดจะทำเช่นไรกับความสัมพันธ์ของรักสามเศร้านี้”

              “ผมน่ะไม่ได้อยู่เฉยหรอกนะ”

             หมายความว่าไง

              “ผมตามสืบเนย์ อยากรู้ว่านายเป็นคนยังไง” ผมล่ะสะดุ้งเกือบจะทันที  เขาตามสโตรกเกอร์ผมเหรอเนี่ย

             บลูมยิ้มน้อยๆ กับท่าทีตื่นตระหนกของผมก่อนจะทำให้ผมสบายใจ

              “เนย์ นายเป็นคนดีนะ” อะ  เออ  เขาชมผมงั้นเหรอ

              “นายดีจนไม่น่าคบกับซี”

             นี่ที่พูดมาหมายความว่าไงเนี่ย  ความโกรธผมพุ่งปรี๊ดทันที

              “เออ ผมหมายถึงว่า ซีเป็นคนใจร้าย นายที่เป็นคนดีก็ไม่น่าจะคบกับคนไม่ดีอย่างเขา” ผมพอจะเข้าใจที่เขาพูด  ความโกรธไต่ระดับลง

              “แต่เขาใจร้ายจริงๆ นะ กล้าโกหกเราสองคนได้” บลูมพูดกับตัวเอง  ผอมไม่ได้สนใจฟังหรอก  เพียงตอนนี้กำลังดูว่าความโกรธไต่ลงจนหายไปหรือยัง

              “เนย์ ผมควรทำยังไงดี”

             ทำ... ทำอะไรอ่ะ  ผมยังวิ่งตามไม่ทัน

              “ผมควรเลิกกับเขาดีมั้ย”

             ห้า!~

             ชีวิตอกหักรักคุดผู้ชายอย่างซีเมินของผมเองยังหาวิธีรักษาใจ  แล้วนี่ผมจะกลายมาเป็นที่ปรึกษาด้านความรัก

             โอ๊ย

             ผมยังเอาตัวไม่รอดเลย  บลูม~



             **********

             ปัญหาหัวใจตัวเองท่วมหัว  ยังเอาตัวไม่รอด
             ยังมีปัญหาหัวใจชาวบ้านมาป่วนอีก
             แล้วปัญหาที่ว่ายังว่าจากผู้ชายคนเดียวกันด้วย
             แล้วเนย์จะเอาตัวรอดได้สักหัวใจมั้ยเนี่ย

             ซี นายนี่มันสร้างเรื่องให้คนอื่นปวดหัว  ปวดใจอีกแล้ว -^-!!

             แล้วก็ได้เห็นตัวตนของบลูมไปอีกขั้น
             เขาไม่ได้ร้ายอะไรเลยใช่มั้ยล่ะ? ^^

             มัวแต่อ่านผลงานคนอื่น  เลยอู้งานตัวเอง
             แต่ก็ได้มาอีก1 ตอนแล้ว   เย้ ^^P


ออฟไลน์ BBChin JungBB

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
จะเป็นยังไงต่อละเนี่ย  :hao4:

ออฟไลน์ omgrung

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด