หัวใจดวงเดียวที่เจ็บ ตอน1
-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/
อ็อด~~
มีใครสักคนกดกริ่งเรียกผมอยู่หน้าบ้าน จึงต้องลุกจากโซฟายาวที่ตนเองงีบหลับในช่วงสาย เมื่อคืนเขาไม่ได้นอน เอาแต่ร้องไห้จนผลอยหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ตื่นมาอีกทีตะวันก็ส่องหน้าแล้ว ยังรู้สึกง่วงอยู่เลยนอนต่อในห้องนั่งเล่น
ใครมาตอนนี้เนี่ย
ขอนอนพักหน่อยก็ไม่ได้
เห็นใจคนเพิ่งถูกบอกเลิกบ้าง
ผมขยี้ตาเพื่อปรับสภาพการมองเห็น แต่ลืมนึกไปว่าตาตัวเองบวมจากการร้องไห้หนักทั้งคืน จึงรู้สึกแสบเล็กน้อย
อ็อดดด
เกรงว่าถ้าผมยังไม่ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้ คนที่รออยู่ข้างนอกคงได้กระหน่ำกดเรียกไม่หยุด
อยากนอนเข้าใจมั้ยครับ
“นี่ นาย”
“ซี!”
“นายมาทำอะไรที่นี่” คำถามเหมือนประโยคบอกเล่าทั่วไป ไม่ได้หวังจะรู้คำตอบ แต่เป็นอาการตกใจ จู่ๆ คนที่คาดคิดว่าจะมาหากลับโผล่หน้าให้เห็น ผมรีบปิดประตูทันที ทว่ามือหนาของซีดันไว้ไม่ให้ขยับ
ระหว่างผมที่ตัวเล็กกว่าเขามาก กับรูปร่างใหญ่ของซีย่อมมีแรงมากกว่า
คิดดูใครจะชนะ
ถูกต้อง!
ซีออกแรงผลักไม่มากประตูก็เปิดกว้างแล้ว แถมยังย้ายตัวเองเข้ามาในบ้านโดยไม่ได้รับอนุญาตสักคำ
คิดจะจากไปก็ไป คิดจะมาก็มา
นี่มันบ้านของผมนะ ไม่ใช่บ้านของเรา ที่นายจะเดินเข้าออกได้ตามสะดวก
เมื่อห้ามไม่ได้จึงเดินตามเขาไปห้องรับแขก ห้องนี้ไม่มีอะไรมากหรอกครับ แค่โซฟายาวหนึ่งตัว กับเก้าอี้เดี่ยวสองตัวพร้อมโต๊ะรับแรกกระจกใส ด้านหน้ามีโทรทัศน์ขนาดกลางตั้งบนตู้ทรงเตี๊ย มีเครื่องเล่นซีดีและดีวีดีอยู่ข้างใน แผ่นหนังกับซีดีเพลงมีไม่กี่แผ่น ส่วนที่เหลือจัดเก็บเป็นระเบียบในตู้ที่อยู่ข้างกัน ตรงมุมห้องตั้งตู้โชว์ที่ทำขึ้นจากไม้
ซีดีที่ผมเก็บไว้ในตู้ทรงเตี๊ยนั้นไม่ใช่ของแท้ทั้งหมดหรอกครับ ส่วนใหญ่เป็นแผ่นปลอมทั้งนั้น
อ่ะ อย่าเรียกตำรวจมาจับผมนะ
แผ่นผีมันถูกกว่านี่นา
หรือว่าชอบแผ่นแท้ที่แพงถึงหลักพันกันล่ะ
ผมว่าเราจะเลยเถิดไปไกลแล้วนะครับ เวลานี้มีแขกที่ไม่อยากต้อนรับนั่งรออยู่ ผมต้องคุยกับเขาให้รู้เรื่องว่าเขามาทำอะไรที่นี่ หากเขาต้องการขอคืนดี ความเป็นไปได้เท่ากับศูนย์อย่างไม่ต้องสงสัย ผมเพิ่งถูกบอกเลิกเมื่อวานเองนะ จะมาขอคืนดีในวัดถัดมามันคงตลกน่าดู
ถ้าซีอยากขอคืนดีทั้งที่เป็นคนบอกเลิกเอง และผมที่ยอมยกโทษให้แล้วกลับมาคบกันเหมือนเดิมภายในเวลาไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง ไม่เขาก็ผมที่สมองเบลอคิดอะไรเพี้ยนๆ เหมือนคนไม่มีเหตุผลไปแล้วมั้งครับ
เรื่องบอกรักกับบอกเลิกไม่ใช่คำที่พูดกันเล่นๆ ได้
“ตกลงนายมาที่นี่ทำไม” ผมถามซีที่นั่งกรีดกระกระดาษนิตยสารเล่น ทำเหมือนไม่ได้ตั้งใจจะมาคุยธุระสำคัญกับผมตั้งแต่แรก
“มาคุยกับนายไง” บ้านนี้มีผมอยู่คนเดียวจะให้คุยกับคนอื่นเหรอฮะซี อย่ากวนประสาทจะได้มั้ย ผมซีเรียสนะ ถ้าความโกรธขณะนี้มันร้อนจนสามารถเผากระดาษได้ มันคงลามไปไหม้ถึงมือผู้ชายใจร้าย
“นาย...”
“หึหึ” ยังมีหน้าหัวเราะอีก สนุกนักหรือไง ทำให้ผมรักแล้วตีจากอย่างไม่แคร์ความรู้สึก แล้ววันนี้ยังกลับมาเพื่ออะไรบางอย่าง แต่แน่ใจได้เลยว่าไม่ใช่การขอคืนดี
“ผมแค่อยากคุยเรื่องของเรา” เรื่องของผมกับเขานะหรือ ยังจะมีคำว่าเราอยู่อีกเหรอ ระหว่างเราจบกันไปแล้วนี่
“ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” เหมือนเขาจะอ่านใจออก รวมถึงคิ้วที่ขมวดอยากจะแย้งเต็มแก่ของผมด้วยล่ะมั้ง
“คือเรา... ยังเป็นเพื่อนกันได้อยู่มั้ย” นายมาขอเป็นเพื่อนเร็วไปหรือเปล่า เราเพิ่งยุติความสัมพันธ์แบบคนรักแล้วจะให้กลายมาเป็นเพื่อนกัน มันไม่ง่ายหรอกนะ ผมไม่ได้เตรียมใจถูกบอกเลิก แล้ววันนี้นายยังเร่งเวลาให้เรามองหน้ากันติด คุยกันเหมือนเดิมเพียงข้ามวัน ราวกับไม่เคยมีความสัมพันธ์แบบคู่รักงั้นเหรอ
มันไม่ง่ายเลยจริงๆ
ผมยังทำใจไม่ได้
ชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามกับผมเป็นอดีตแฟนไปแล้วถอนหายใจ เพราะรู้ว่ายังไงอดีตคนรักคงทำตามคำขอเขาไม่ได้
“เนย์ ผมขอโทษ”
“ผมไม่ได้ตั้งใจ”
“ผม...”
“พอเถอะ คำแก้ตัวของนายมันฟังไม่ขึ้น ฉันไม่อยากฟัง!” ผมตะโกนเสียงดัง หันหน้าไปอีกทางไม่อยากมองคนที่พยายามจะแก้ตัว
เขาจะพูดคำว่าขอโทษอีกกี่ครั้งผมก็ไม่อยากฟังอีกแล้ว มันสายเกินไป ถ้าเขาไม่นอกใจ รักและดูแลหัวใจของผมไม่ให้เจ็บปวด เรื่องก็จะไม่เป็นแบบนี้
“เนย์”
“ผมรู้ว่าผู้ผิด”
“แต่เราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้นี่” นายถามฉันสักคำหรือยังว่าอยากเป็นเพื่อนกับนายรือเปล่า นายพยายามยัดเหยียดความเป็นเพื่อนให้ทั้งๆ ที่ฉันไม่ได้ต้องการ ไม่สงสารฉันที่ทำทำร้ายหัวใจบ้างหรือไง
นายมันเห็นแก่ตัวเกินไปแล้ว
คำขอโทษด้วยแววตาคล้ายสำนึกผิด และคำขอของซีผมอาจตกลงเดี๋ยวนั้น เพราะผมมันคนใจอ่อนแอ แต่อารมณ์โกรธที่เขากล้าหลอกผมได้เป็นปี ผมไม่ได้แค้นเคืองจนอยากเอาคืน
แต่ผมไม่พร้อมจริงๆ
ให้เวลาฉันหน่อยได้มั้ย
“ซี” ผมเรียกเขาเสียงเบาราวกับคนอ่อนแรง เหนื่อยเกินที่จะรั้งเขาไว้ หากผมยังดึงดันจะยื้อเขาไว้ ผมกลัวว่าเขาจะทำผิดเป็นครั้งที่สอง
ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว
กับการถูกหักหลัง
ผมไม่อยากเจ็บอีก
“ผมขอโทษ แต่ผมกลับไปแก้ไขมันไม่ได้” ซีลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินมานั่งข้าง ผมรีบกระเถิบหนีชิดอีกด้านของโซฟา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะร่างที่ใหญ่กว่าผมหรือเปล่า ผมถึงรู้สึกกลัวเหมือนถูกคุกคาม ทั้งที่เขายังไม่ได้แตะต้องตัวผม
ในช่วงเลานี้หัวใจผมมันอ่อนแอจนหวาดกลัวไปหมด
มือหนาจับแขนของผมที่สั่นด้วยอารมณ์เสียใจและน้อยใจ ผมสะบัดเขาทันทีที่มือนั้นสัมผัส
ผมบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าผมไม่พร้อม ไม่อยากเห็นหน้า ไม่กล้าคุยเรื่องอะไรทั้งนั้น
ซีเห็นผมเสหน้าไปทางอื่น ไม่ยอมหันมาคุย เขาจึงต้องถอยกลับไปก่อนจะบอกลา
เขาไปแล้ว
ผมคว้าเขาไว้ไม่ทัน
น้ำตาไหลอาบหน้า ไม่อาจทนถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว
เมื่อไหร่ความเจ็บนี้จะหาย
เมื่อไหร่ผมจะหยุดร้องไห้สักที
อือ...
ร่างเล็กที่แอบซุกตัวในมุมหนึ่งของโซฟาฝืนลุกขึ้นอย่างสะลึมสะลือพลางบิดขี้เกียจยาว เพราะนอนในท่าที่ไม่สบายนัก
นี่ผมหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่
แหงนมองนาฬิกาบนผนังห้อง เข็มสั้นชี้เลขสองบอกเวลาที่เลยเที่ยงมาสองชั่วโมงแล้ว
ผมหลับไปนานขนาดนี้เลยเหรอ
ขาสองข้างพาร่างตัวเองเดินโซเซราวกับคนไม่มีแรงไปห้องน้ำ ก่อนจะส่องกระจกสำรวจสภาพใบหน้าของตัวเองที่แทบดูไม่ได้ คราบน้ำตาแห้งกรัง ตาบวมแดงผ่านการร้องไห้อย่างหนักทั้งคืน ช่วงสายของวันยังมีต่อจนตาที่บวมอยู่แล้วเป็นหนักขึ้น จะลืมตาก็แทบจะมองไม่เห็น
ผมหวักน้ำล้างหน้าล้างตาตัวเอง คราบน้ำตาจะไม่หลงเหลือแล้ว แต่สภาพผมตอนนี้ก็ยังดูจืดดีนัก มีเพียงความเย็นของน้ำช่วยให้ผมรู้สึกสดชื่นบ้าง
“เฮ้อ”
หน้าตาซีดโทรมคงไม่มีใครแลเหลียวหรอก
ผมต้องหาอะไรทำเพื่อไม่ให้ตัวเองเศร้าไปมากกว่านี้ ซากศพซีดเซียวตาแดงกำสอดส่องหาเป้าหมายก่อนจบลงที่โทรทัศน์
“ฮะฮะฮ่าฮ่า”
“แกมันโง่เอง ปล่อยให้เขาหลอกได้”
“ฮ่าฮ่า”
ผมนั่งคุดคู้ดูทีวี ช่วงบ่ายจะฉายหนังที่ออกโรงไปนานแล้ว ชื่อหนังหายตอนที่หน้าจอสว่างขึ้น ผมจึงไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไร
ตอนที่ฉายเป็นช่วงที่ตัวละครตัวหนึ่งกำลังถากถางอีกฝ่าย
เสียงหัวเราะกับบทพูดลอยเข้ามาราวกับตอกย้ำตัวเองให้เจ็บอีกครั้ง ทำไมต้องมาฉายตอนนี้ด้วยนะ แค่นี้รู้สึกผมโง่ไม่ต่างหนังในทีวี ผมเจ็บจะแย่อยู่แล้ว จะซ้ำเติมให้แผลมันกว้างขึ้นหรือไง
หนังเรื่องนี้ไม่ได้เรื่องชะมัด
ผมพูดไปงั้นแหละ คนเปิดหนังเขาฉายให้คนทั่วไปดู ไม่เฉพาะเจาะจงว่าใครคือผู้รับ
ผู้ส่งก็ส่งไป หากผู้รับไม่อยากได้ยินก็เปลี่ยนช่องซะก็จบ หรือจะปิดทีวีไม่ดูแล้วก็ได้
ผมจึงเลือกเปลี่ยนช่องให้พ้นจากหนังเรื่องนี้
ไม่ต้องขอฉันก็จะทำให้
ไม่ขอฉันก็จะไปให้
จะทิ้งให้เธอ
อยู่กับเขาอย่างที่ต้องการ
ไม่ต้องขอฉันก็จะยอมให้
ถ้ารักเขาก็เข้าใจได้
จะยากอะไร ก็แค่หัวใจหัวใจ
หัวใจดวงเดียวย่อยยับไป
เสียงเพลงดังขึ้น เป็นจังหวะช้าๆ แต่มีความหมายโดนใจ
คงเป็นสถานีเพลงจากคลื่นอะไรสักอย่างที่ออนแอร์บนโทรทัศน์
เพลงนี้ชื่อว่า ‘ไม่ขอก็จะให้’ ของนักร้องสาวเสียงดี ‘ดา เอ็นโดรฟิน’
ผมฟังความหมายแล้วมันเข้ากับชีวิตผมในตอนนี้เหลือเกิน แถมเอ็มวีประกอบยิ่งทำให้ผมเห็นภาพชัดเจนขึ้นอีก
ผู้หญิงคนหนึ่งยอมปล่อยให้แฟนตัวเองกลับไปหาคนอื่น ถึงแม้ว่าจะรักเขาเพียงใด แต่ไม่อาจรั้งเขาไว้ได้ จึงต้องทำใจปล่อยเขาด้วยใบหน้าประดับรอยยิ้มยินดี ทั้งที่ใจปวดร้าวอยากจะร้องไห้แค่ไหนก็ยังคงยิ้มอวยพรให้กับคู่รักที่วิ่งเข้าสู่อ้อมกอดของกันและกัน
มันช่างคล้ายคลึงกับชีวิตผมจริงๆ ดึงดันจะรั้งเขาก็ทำไม่ได้ ทำได้เพียงปล่อยมือและมองเขามีความสุขกับคนที่ตนเองรัก แล้วทิ้งอีกคนไว้ข้างหลังให้จมอยู่กับความเสียใจ
จะยากอะไร ก็แค่หัวใจหัวใจ
หัวใจดวงเดียวย่อยยับไป
คนสองคนรักกัน ผมมันเป็นส่วนเกินที่เขาไม่ต้องการ เก็บเศษหัวใจไว้ในอ้อมกอด แล้วย้ำเตือนความทรงจำตัวเองว่าครั้งหนึ่งหัวใจเราเคยแตกสลาย เพราะความใจร้ายของผู้ชายคนนั้น
ฮึก
ให้ตายสิ ผมจะร้องไห้อีกแล้ว
นิ้วมือปาดน้ำตาที่เอ่อคลอในดวงตา
ผมร้องไห้ทั้งวันทั้งคืนจนแทบไม่มีน้ำตาให้ไหล
ถึงจะเป็นอย่างนั้น ผมก็ยังไม่หาน้ำมาดื่มทดแทนน้ำที่เสียไป ผมไม่รู้หรอกว่าร่างกายผมเหลือน้ำกี่เปอร์เซ็น จะขาดเหลือสักเท่าไหร่ไม่ได้สนใจ ผมยังคงปล่อยให้ตัวเองนั่งชันเข่าคุดคู้ฟังเพลงต่อไป
เพลงแรกจบไปแล้ว เพลงที่สองก็เล่นต่อ
จังหวะและเสียงเพลงเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เข้าหูผมบ้างไม่เข้าบ้าง บางช่วงอาจถูกแทรกจากบุคคลสองคนที่ทำหน้าที่พิธีกรรายการเพลง จนเพลงสุดท้ายเล่นจบก็หมดเวลาของรายการ พิธีกรกล่าวสวัสดีก่อนที่รายการทีวีถัดไปจะฉายต่อ
“ต่อไปนี้เป็นรายการทั่วไป สามารถรับชมได้ทุกวัน”
สปอนเซอร์ของรายการยิงออกมาสี่ถึงห้าตัวก่อนจะเข้าสู่รายการหลัก
“รายการ... จ๊ะจ๋า ตะลอนชิมทั่วไทย”
“สวัสดีคะ”
“เข้าสู่รายการ จ๊ะจ๋า ตะลอนชิมทั่วไทย”
พิธีกรสาวกล่าวเปิดรายการก่อนจะแนะนำร้านอาหารที่เธอจะพาผู้ชมไปรับประทานกันถึงที่
ผมนั่งฟังเสียงหวานใสของพิธีกรที่พาไปทานอาหารในร้านอาหารแห่งหนึ่ง
เอ๋ อยู่ในห้าง ABZ ถ้างั้นก็อยู่ใกล้บ้านผมนี่เอง
อาหารหลายอย่างวางเต็มโต๊ะยั่วน้ำลายผู้ชมทางบ้านอบ่างมาก จนอยากจะรีบออกไปหาร้านอาหารนี้ทันที
ผมมองอาหารแต่ละจาน มีแต่ของน่ากินทั้งนั้น พลันท้องร้องโครกประท้วงจะกินเมนูที่โชว์อยู่ในทีวี
เวลานี้ไม่อยากออกไปไหนคงต้องหาอะไรในบ้านกินไปก่อน แล้วถ้าอยากกินร้านไหนค่อยว่ากันทีหลัง ร่างเล็กจึงเลิกนั่งทรมานขาตัวเองก่อนจะยกเท้าลงเพื่อไปหาอาหารใส่ท้อง เท้ายังเก้าถึงพื้นไม่ทันไร เสียงกดกริ่งดังขึ้นจนเขาสะดุ้ง
เช้ามีคนหนึ่งแล้ว
เย็นก็มีอีก
คงไม่ใช่คนเดิมหรอกนะ
ร่างเล็กที่ยังมีสภาพอิดโรยเดินออกไปหาบุคคลที่เรียกตน
ยามบ่ายดวงอาทิตย์คล้อยเกือบตกดินเข้าสู่ช่วงเวลาเย็น แดงจึงไม่ค่อยแรงเท่าไหร่ หากแต่คนที่แทบจะไม่มีแรงต้องฝืนเดินออกมา พอเจอแสงที่ส่องกระทบเข้าตาก็พลันจะหน้ามืดเสียให้ได้ แต่ยังฝืนลากสังขารไปหาคนที่ยืนรอ
“คะ...”
หวืด
ร่างเล็กล้มกระแทกคนที่อยู่หน้าประตูก่อนจะหมดสติไป
“เนย์!”
**********
ใครมากันเอ่ย
แต่เนย์ นายเป็นลมซะแล้ว ทำไงดีล่ะเนี่ย
คนที่มาก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร จะเป็นคนเมื่อเช้า
หรือคนอื่นก็ติดตามกันต่อไป
กว่าจะเข็นตอน1มาลงได้
เล่นประท้วงต่อยตีกันในหัว ระหว่างฝ่ายที่ขยัน กับ ฝ่ายขี้เกียจ
สุดท้ายฝ่ายขี้เกียจก็ได้ชัยชนะ เลยดองไปหลายวัน^^
แต่ฝ่ายขยันพ่ายแพ้ได้ไม่นาน อีกฝ่ายถึงคราวปราชัย
จึงได้ตอน1 มาในที่สุด