รูปถ่ายใบที่ 20
ใครบอกว่ามีกล้องขั้นเทพอยู่ในมือแล้วถ่ายรูปสวยทุกคนนั้นไม่เป็นความจริงเลยสักนิด ถ้าหากว่าไม่รู้จักการจัดองค์ประกอบทุกอย่างก็พังไม่เป็นท่า อย่างเช่นตอนนี้ที่ไอ้ปอมได้รูปตึกเอียงๆ มาไว้บนหน้าจอ LCD เนื่องจากระดับแนวตั้งและแนวนอนของกล้องไม่สมดุลกันแถมยังย้อนแสงอีกต่างหาก มะรืนนี้จะเอางานที่ไหนส่งอาจารย์วะ ทางด้านผมได้แต่ส่ายหัวปลงๆ เพราะสอนไปกี่ครั้งมันก็ไม่จำ ให้เปิดเส้น Grid ก็ไม่เอาท่าเดียว จ้า พ่อคนเก่ง ตามใจมึงเลย!
แล้วอากาศตอนนี้ก็ไม่เหมาะสำหรับการเอ้อระหายทดสอบความสามารถแบบโปรๆ นั่นหรอก พระอาทิตย์งี้ส่องหัวจนแสบไปหมดแล้ว ผิวก็เริ่มมีรอยคล้ำแดดซึ่งผมขี้เกียจโดนแม่บ่นเรื่องไม่ดูแลตัวเอง ไหนจะความร้อนระอุที่ทำให้เหงื่อไหลจนรู้สึกคันคะเยอไปทั้งตัวอีก... อยากกลับคอนโดไปอาบน้ำเว้ย
“มึง... มันเอียงปะ?” เป็นอีกครั้งที่ไอ้ปอมเดินกลับมาพร้อมกล้องในมือ มันยื่นผลงานที่เพิ่งลั่นชัตเตอร์ไปเมื่อครู่ให้ดูอีกครั้ง คราวนี้รูปสว่างขึ้นเพราะมันเพิ่มค่า ISO ในการใช้กล้องโหมด Manual เรียบร้อยแล้วแต่ตึกก็ยังคงเอียงเหมือนเคยจนผมเริ่มท้อใจอยากกลับคอนโด ตอนนี้อากาศร้อนก็ร้อนแถมยังหงุดหงิดเพื่อนที่ไม่ได้ดั่งใจอีก แม่ง รู้แบบนี้เกาะติด ‘แฟน’ ไปทำงานด้วยกันยังดีกว่า เซ็งเว้ย (มันก็จะเห่อๆ หน่อย แต่ใครอย่าถามถึงเรื่องดีพคิสนะ เศร้า...)
“เอียง กูบอกให้มึงเปิดเส้น Grid ไง ฟังกันบ้าง” ผมผลักกล้องกลับไปก่อนขยับตัวหนีเข้าที่ร่มเพราะแดดเริ่มส่องลงมา นั่งรอมันถ่ายรูปตัวตึกของห้างฯ มาเกือบสองชั่วโมงจนแทบพุ่งตัวลงไปในน้ำพุอยู่แล้ว เมื่อไหร่จะเป็นเด็กดีเชื่อฟังกันบ้างเนี่ย หรือเพราะกูไม่ใช่โฮมเลยสอนอะไรไม่ได้
“กูอยากลองถ่ายแบบโปรฯ ดูนี่หว่า” มันบนงุ้งงิ้ง เบะปากนิดหน่อยพร้อมๆ กับการก้มมองกล้องที่เป็นรุ่น Semi-Pro ในมือ ถึงมันจะเทพแค่ไหนแต่ฝีมือคนถ่ายห่วยรูปก็ไม่สวยขึ้นมาหรอก ถ้าซื้อแบบ Full Frame มาใช้คงเสียดายแย่ ระดับนั้นคงเหมาะกับคีนที่ใช้รับงานมากกว่า
“ไอ้สัด กูร้อน กูเพลีย กูอยากนอน!” ผมสบถด่ามันด้วยใบหน้ายุ่งเหยิง มือข้างหนึ่งยกขึ้นกระพือคอเสื้อเพื่อระบายความอบอ้าว เหลือบมองกระเป๋ากล้องที่วางอยู่ข้างตัวแล้วอยากใช้หนุนต่างหมอนจัง โอย แดดร้อนนี่มันง่วงดีจริงๆ ดูท่าทางช่วงเย็นฝนคงจะตกหนักด้วยล่ะมั้ง พยากรณ์อากาศในโทรศัพท์เขาบอกมาน่ะ
“มาเป็นชุด มึงอะใจร้าย” ทำเสียงงอแงใส่ไม่พอยังส่งกำปั้นลุนๆ มาต่อยเข้าที่ลาดไหล่ของผม ถ้าคนอื่นมองคงให้ความรู้สึกเหมือนแฟนกำลังงอนกันแต่ความจริงคือคู่เพื่อนกำลังจะฆ่ากันตายเพราะอากาศเมืองไทยและความเยอะของไอ้ปอม
“รีบๆ ถ่าย มัวแต่บ่นเมื่อไหร่จะเสร็จห๊ะ?” ผมแยกเขี้ยวใส่มันก่อนแย่งกล้องมาเปิดเส้น Grid ให้เรียบร้อย ไอ้ปอมบุ้ยปากใส่เมื่อรับของคืนแล้วเห็นสิ่งที่แสดงบนหน้าจอสี่เหลี่ยม ถ้าบ่นอีกทีกูถีบกระเด็นเลยนะ ตอนนี้เวลาบ่ายสามจะบ่ายสี่ทางด้านคีนกับโฮมคงถ่ายงานเสร็จแล้วมั้ง อยากงอแงกับแฟน!
“ชิ อยากรีบไปหาคีนก็บอกมาเหอะ ไอ้คนติดแฟนเอ๊ย” ไอ้ปอมทำเสียงกระแนะกระแหนพร้อมกับมองด้วยสายตาหมั่นไส้ ผมไหวไหล่ไม่ใส่ใจแต่อดไม่ได้ที่จะตอบกลับ
“อิจฉาหรือไง?” ผมหรี่ตาลง ส่วนไอ้ปอมรีบเปลี่ยนท่าทางเป็นยกกล้องขึ้นมาเล็งตรงนั้นตรงนี้ โคตรมีพิรุธเลยคุณเพื่อน
“เปล๊า จะอิจฉาทำไม สาวๆ ในสต็อกกูเยอะแยะ” มันอวดด้วยท่าทางน่าหมั่นไส้แต่ดวงตากลับสั่นไหวพอๆ กับมือที่จับประคองกล้อง ถ้ามันกดชัตเตอร์ตอนนี้ผมฟันธงได้เลยว่ารูปเบลอแน่นอน
“ตกลงมึงไม่ได้คิดอะไรกับโฮมจริงๆ เหรอ?” ผมแกล้งถามทั้งที่ก็จับสังเกตมาได้สักพักว่ามันจริงจังกับโฮมขนาดไหน อยากดัดนิสัยคนปากแข็งไง ตอนแรกๆ คิดว่ามันฟอร์มจัดแต่นานไปกลับรู้สึกว่าไอ้ปอมกลัวมากกว่าที่จะเริ่มความสัมพันธ์รูปแบบใหม่กับใครสักคน เมื่อก่อนสำส่อนไงเลยไม่มั่นอะไรสักอย่าง หึหึ
“กูจะไปถ่ายรูปต่อแล้ว” มันหันหลังหนีแต่ผมคว้าข้อมือหนาเอาไว้ เรื่องนี้ไม่ควรยืดเยื้อจนมีคนเสียใจ
“ปอม... มึงควรชัดเจนได้แล้ว” ผมย้ำทุกคำอย่างชัดเจนและใจเย็น ไอ้ปอมไม่ได้หันมาทำหน้าบูดเหมือนทุกครั้งที่เราเริ่มคุยกันเรื่องความรัก มันนิ่งไปเกือบนาทีก่อนจะเอี้ยวหน้ามาแสยะยิ้ม
“นี่กูมีเพื่อนหรือพ่อคนที่สอง?”
เดี๋ยวถีบคว่ำ กูจริงจังแต่มึงยังจะเล่นอีก!
“กูพูดเพราะหวังดีเหอะ” ผมสะบัดข้อมือมันทิ้งจนได้สายตาค้อนๆ วงใหญ่กลับมาพร้อมกับการพ่นลมหายใจหนัก
“เออๆ รู้แล้ว เสร็จจากที่นี่พากูไปร้านดอกไม้ด้วย”
“ห๊ะ?” ผมตามมันไม่ทันว่ะ คือจะไปร้านดอกไม้ทำไม?
“ไม่ต้องถามมาก ถึงเวลาก็รู้เองว่ากูจะทำอะไร” แล้วมันก็สะบัดก้นเดินหนีไปหามุมถ่ายรูปโดยทิ้งปริศนาที่ผมไม่ได้คำตอบเอาไว้ แต่ที่ทำให้หัวเสียขึ้นมาเฉยๆ คือ...
กูยังไม่ได้ถามอะไรสักคำ แค่อุทานก็ผิดเหรอ? ไอ้หมาปอมเอ๊ย ทิ้งให้ขึ้นรถเมล์ไปเองเลยแม่ง!
อะ อีกห้านาทีสี่โมงครึ่งไอ้ปอมเพิ่งเก็บกล้องลงกระเป๋าในขณะที่รถเริ่มติด ร้านดอกไม้อยู่ห่างออกไปเกือบสามกิโลเมตร กว่าจะถึงคงเฉียดๆ เขาปิดประตูกลับบ้านนั่นล่ะ แต่ผมพูดอะไรมากไม่ได้เดี๋ยวโดนหาว่าเรื่องเยอะอีก ไหลตามน้ำคงดีเอง... มั้ง มันอยากทำอำรก็ให้มันทำ เดี๋ยวเราก็ได้คำตอบเองนั่นล่ะ
“กิม... กูจะซื้อดอกอะไรดีวะ?” หลังจากที่เงียบกันตั้งแต่ขึ้นรถมันก็เอ่ยถามขึ้นมาซื่อๆ แบบไม่มีเกริ่นนำพลางไถนิ้วไปกับหน้าจอโทรศัพท์ ผมว่ามันคงเปิดหาไอเดียซื้อดอกไม้แน่นอน แต่สิ่งที่ควรรู้คือจะเอาไปให้ใครไง กูคงเดาใจมึงได้หรอก!
“ดอกทองมั้ง อยู่ๆ ก็ถาม กูจะไปตรัสรู้ไหมว่ามึงซื้อให้สาวคนไหน!” ผมหันไปแยกเขี้ยวใส่มันทั้งที่กำลังขับรถจ่อท้ายคันหน้า กำลังโมโหที่อยู่ๆ แม่งก็เบรกเอี๊ยดแบบกะทันหันไม่สนใจคนอื่นที่ตามมาเลย ถ้ากูเป็นสิบล่อจะชนให้ยับ
“หูย ไม่ต้องใส่อารมณ์ขนาดนั้นก็ได้มั้งคะที่รัก? น้ำลายกระเด็นเปื้อนหน้าน้องหมดแล้ว” มันจีบปากจีบคอพูดพลางหัวเราะคิกคักบีบเสียงเล็กๆ ผมขมวดคิ้วฉับเพราะความรู้สึกตอนนี้คืออยากถีบไอ้ปอมลงจากรถ ขนลุกเชี่ยๆ
“ไอ้สัด หุบปากไป!” เกรี้ยวกราดใส่แม่ง ดีแค่ไหนที่กำลังขับรถอยู่เลยหันไปต่อยมันไม่ได้ เอาให้ปากแตกเลือดกลบเลยดีไหม รำคาญเว้ย
“โอ๋ๆ กิมจ๋า ไม่เอาไม่งอน ช่วยกูเลือกดอกไม้ก่อน” ไอ้ปอมเงียบไปอึดใจก่อนขยับตัวเข้ามาใกล้แล้วซบลงมาบนลาดไหล่จนเส้นผมคลอเคลียอยู่แถวซอกคอ แทนที่จะเอ็นดูมันกลับกลายเป็นว่าขนลุกยิ่งกว่าเดิม โอย รำคาญ! อ้อนอย่างกับสาวๆ ไม่ดูสารรูปตัวเองบ้าง ถ้าเปลี่ยนเป็นคีนได้จะยินดีมากเลย เฮ้อ ป่านนี้แฟนทำอะไรอยู่น้า อยากเจอจัง
“อย่ามาซบ เดี๋ยวถีบ” ผมกดเสียงต่ำพลางขยับไหล่เป็นสัญญาณให้มันเอาหัวออกไปไกลๆ ก่อนจะโดนถีบ ผลที่ได้คือไอ้ปอมทำตามแต่แสดงใบหน้าหงอยเหงาออกมา คือตกลงว่ามึงอารมณ์ไหนกันแน่กูตามไม่ทันเว้ย
“โอเคๆ ไม่แกล้งแล้วแต่เรื่องดอกไม้กูจริงจังนะ” น้ำเสียงเปลี่ยน ท่าทางเปลี่ยน แววตาเปลี่ยน โอเค ผมจะเชื่อมันดูสักครั้งหนึ่งก็แล้วกัน สวรรค์ก็ช่างเป็นใจเหลือเกินเพราะรถติดไฟแดงเหมาะแก่การคุยเรื่องจริงจัง ถ้ามันเล่นอีกจะได้ฟาดกบาลเน้นๆ
“จะเอาไปให้ใครมึงยังไม่ตอบกู จะให้ช่วยเลือกยังไง?” ผมถามกลับด้วยน้ำเสียงเรียบพลางลอบสังเกตท่าทางของไอ้ปอมเป็นระยะเพราะมือกำลังพิมพ์ตอบไลน์ของคีนที่ส่งเข้ามาเมื่อครู่นี้ เขาบอกว่าจะซื้อก๋วยจั๊บน้ำใสพิเศษมาฝากกันด้วยล่ะ โอย แฟนใครทำไมน่ารักขนาดนี้ กลับถึงคอนโดต้องจับฟัดให้น่วมแล้ว หึหึ
“ก็มึงจะให้กูทำตัวชัดเจนกับโฮมไม่ใช่หรือไง?” คำตอบจากปากไอ้ปอมเบาหวิวยิ่งกว่าปุยเมฆแต่มันสามารถทำให้ผมชะงักมือที่จิ้มโทรศัพท์ เมื่อครู่นั่นชื่อโฮมใช่ไหม? หูคงไม่ฝาดหรอกเนอะ ฟังไม่ผิดด้วยเพราะตอนนี้แม้แต่วิทยุก็ไม่ได้เปิด สรุปว่ามันกล้าหาญขึ้นแล้วใช่ไหม ฉลาดด้วย เยี่ยมๆ
“หืม... เลิกปากแข็งแล้วจริงดิ?” อะ ผมทิ้งโทรศัพท์กับคีนไว้ก่อนเพราะต้องการคำตอบที่แน่ชัดจากปากไอ้ปอม ความปรารถนาดีข้อหนึ่งคืออยากให้เพื่อนเลิกกลัวการเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งมากกว่าหยอดคนนั้นทีคนนี้ทีไปเรื่อยๆ อยากให้ลองจริงจังกับใครสักคน ใช้หัวใจศึกษาความรัก สร้างคุณค่าให้ตัวเองไม่เจ้าชู้จนเป็นขี้ปากชาวบ้าน ผมเป็นห่วงมากจริงๆ
“เออ รำคาญพ่อกิมบ่นไง” ไอ้ปอมหัวเราะคิกคักหลังทำให้ผมแยกเขี้ยวใส่อีกครั้ง เดี๋ยวมึงจะโดนต่อยหน้าแหก ยังมีอารมณ์เล่นอีกนะ
“ปอม” ผมเรียกมันเสียงต่ำเพื่อบอกให้รู้ตัวว่ากำลังเล่นมากเกินพอดีไปแล้ว ซึ่งไอ้ปอมรับรู้ได้เลยก้มหัวขอโทษยกใหญ่ เฮ้อ มึงก็เป็นซะแบบนี้ จริงจังไม่ถึงสิบนาทีสวิงนิสัยอย่างกับคนเป็นโรคสองบุคลิก เดาใจยากชะมัด สงสารก็แต่โฮมที่ตามอะไรไม่ทันเลย ป่านนี้จะคิดมากขนาดไหนนะ
“กูล้อเล่นๆ เออ ก็คิดได้แล้วว่าควรจะทำอะไรให้จริงจังสักทีเพราะโฮมเริ่มตีตัวออกห่างแล้วว่ะ” มันทำหน้าหงอยก่อนจะยกมือขึ้นลูบแก้มตัวเอง ท่าทางเครียดหนักจริงๆ ว่ะ
แต่เดี๋ยว... เพิ่งมาคิดได้ตอนนี้ไม่สายไปหน่อยเหรอวะ? สมน้ำหน้าเหอะ เออ แล้วทำไมผมไม่รู้เรื่องหรือคีนช่วยโฮม? โอย งงเว้ย แค่มีแฟนนี่ทำให้ความเผือกของผมลดลงมากเลยนะเนี่ย
“ทำไมอยู่ๆ โฮมถึงเป็นแบบนั้น?” ผมขมวดคิ้วมองไอ้ปอมที่ตอนนี้กำลังนั่งแทะเล็บเพื่อระบายอารมณ์อึดอัด นานๆ ครั้งจะได้เห็นมันในมุมเครียดขนาดนี้ เป็นบุญตามาก ควรถ่ายรูปเก็บไว้ปะ หึหึ
“ก็... อาทิตย์แรกที่มึงคบกับคีนก็ไม่ยอมห่างกันใช่ไหมล่ะ? โฮมก็งอแงไงว่าเพื่อนติดแฟนงี้ อยากให้กูพาไปเที่ยวหน่อย แต่เผชิญช่วงนั้นกูรับงานถ่ายแบบกับดาวคณะบริหารก็เลยปฏิเสธเขา” จ้า มีตัวละครดาวคณะบริหารเพิ่มขึ้นมาด้วย ผมว่ากลิ่นเรื่องนี้ไม่ค่อยดีแล้วล่ะ แต่ก็ยังไม่สมเหตุสมผลถึงขนาดที่ทำให้โฮมตีตัวออกห่างจากไอ้ปอมเพราะปกติมันก็รับงานทำนองนี้บ่อยจะตาย แล้วไอ้เรื่องคีนติดแฟนไม่เป็นความจริงเลยสักนิด มีแค่ผมเนี่ยล่ะที่ติดเขาอย่างกับตังเม ไปไหนไปกันตลอดยิ่งกว่าเงาตามตัว ถ้าขนเสื้อผ้าย้ายไปอยู่ด้วยกันได้คงทำไปแล้ว ขัดใจจริงๆ
“มันต้องมีเหตุผลมากกว่านั้นสิ” ผมพึมพำกับตัวเองพลางเคาะนิ้วลงบนต้นขา ถ้าให้เดาคงหนีไม่พ้นนิสัยดิบๆ ของไอ้ปอมแน่นอน อย่างเช่นกำลังเหนื่อยมากๆ จะไม่เอาใครทั้งนั้นหรือแดกเหล้าเพลินติดลมงี้ ข้อเสียที่แก้ไม่หาย
“มึงมีพรายกระซิบหรือไง รู้ดีจังวะ” โอ๊ะ ได้ยินด้วยเหรอ? แต่ก็ดีเพราะผมไม่ต้องเปลืองน้ำลายคาดคั้นเหตุผลเพิ่มเติมอีก ไอ้ปอมเบ้ปากใส่ผมก่อนจะพ่นลมหายใจแรงๆ ออกมา ไม่ยอมตอบคำถามจนน่าหมั่นไส้
“กูเพื่อนมึงเหอะ จะไม่รู้สันดานได้ยังไง?” รู้แม้กระทั่งตอนมัธยมมันชอบใส่กางเกงในกลับหน้าเอบี โสโครก สักวันขอให้ไข่ขึ้นรา! พอขึ้นมหา’ลัยก็เลิกทำแบบนั้นแล้วเพราะตำแหน่งรองเดือนคณะมันค้ำคอ แต่ปัจจุบันอาจจะกลับไปทำเหมือนตอนเป็นเด็กอีก... หยึ๋ย ขนลุก!
“เออๆ เล่าต่อ พอถ่ายแบบเสร็จทางทีมงานเขาก็พาไปเลี้ยง แล้วค่ำวันนั้นโฮมโทรมาบอกว่ารถเสียแต่กูกำลังติดพันก็เลยบอกให้เขาเรียกช่างเองได้ไหม... ก็แค่ถามอะ” มันเล่าเสียงเบาเหมือนกลัวโดนด่า เออ ไม่ต้องกลัวหรอกเพราะผมด่ามันแน่ๆ สันดานเสียตลอด
เป็นกูโดนถามแบบนั้นก็โกรธปะ? ไอ้สัด! แถมกระโดดถีบขาคู่ด้วย ก็ดูมึงทำตัวสิ เวลาปกติไปเที่ยวเล่นกันได้แต่พอขอความช่วยเหลือกลับปฏิเสธอย่างนั้น เขาไม่ตะโกนอัดหน้าว่าเกลียดมึงก็บุญคุณล้นหัวแล้วจ้า
“สันดาน เหล้าเข้าปากก็เปลี่ยนจากคนเป็นเหี้ยเลย” ผมด่ามันพร้อมกับใช้มือผลักหัวเต็มแรงเพราะความหมั่นไส้ เนี่ยพอกินเหล้าก็เป็นแบบนี้ทุกที ไม่สนใครทั้งนั้น ไอ้ปอมร้องเสียงอูยเบาๆ ไม่ตอบโต้กลับ รู้ซึ้งถึงความผิดตัวเองสินะ เออดี
“อย่าซ้ำเติม กูเจ็บปวด สำนึกผิดไม่ทัน” มันบ่นงุ้งงิ้งส่วนผมทำแค่เค้นหัวเราะในลำคอก่อนจะเหยียบคันเร่งเพื่อออกรถต่อ ไม่ไกลเกินเอื้อมก็จะถึงร้านดอกไม้แล้วเว้ย แต่ถ้าเงยหน้ามองท้องฟ้าตอนนี้สักนิดคงรู้ว่าอีกนานแน่นอนเพราะฝนกำลังตั้งเค้า อยากกลับคอนโดไปกิน (คนซื้อ) ก๋วยจั๊บ!
“ตกลงว่าจะเอาดอกไม้ไปง้อเขาแล้วก็สารภาพรักพร้อมกันใช่ไหม?” ผมถามอย่างรู้ทัน
“เอ้อ... ไอ้สัด เขินวะ ก็ทำนองนั้น” มันตอบพลางบิดตัวไปมาเหมือนเขินนักหนา ตอแหลได้โล่จริงๆ เกลียดมึงมาก แต่ด่ากูขนาดนั้นไม่ต้องไปมันแล้วร้านดอกไม้น่ะ!
“เขินได้ฮาร์ดคอร์มากเพื่อน กูไม่ช่วยดีไหม?” ผมแกล้งแหย่พร้อมกับกดปลดล็อกประตูเหมือนจะไล่มันลงจากรถ ไอ้ปอมรีบกุลีกุจอขยับเอาแก้มเข้ามาถูไถต้นแขนเป็นการอ้อนยกใหญ่ คิดว่าผมยินดีไหมล่ะ? วันนี้ใส่เสื้อเชิ้ตสีอ่อนนะเว้ย ติดคราบเหงื่อก็บรรลัยสิ โสโครกไม่เคยเปลี่ยนจริงๆ เลย
“ไม่น้อยใจดิ ช่วยกูหน่อยนะ” พอผมเงียบไม่ยอมตอบกลับมันเลยพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนก่อนจะผละหน้าออกจากต้นแขน ตอนนี้เลยกลายเป็นว่ามีหมาปอมเปอเรเนียนตัวเล็กๆ กำลังกระพริบตามองเจ้านายเพื่อขอความเมตตาอยู่ ผมเกือบหลุดขำแต่ดีที่ปั้นสีหน้าเคร่งขรึมไว้ได้ คนเราก็ต้องมีโหมดจริงจังสักครั้งหนึ่งในชีวิตน่า
“ถ้าเป็นกูจะไม่ใช้ดอกไม้ง้อวะ คงหาเลนส์ดีๆ สักตัวผูกโบว์ให้ มีประโยชน์กว่าเยอะ” ผมพูดสิ่งที่คิดออกมาเพราะผู้ชายอย่างเราๆ คงไม่ชอบรับดอกไม้จากเพศเดียวกันสักเท่าไหร่ ถึงจะเปิดเผยว่าดูใจกันอยู่มันก็ออกจะแปลกในสายตาหลายคน
“จ้า พ่อสายเปย์ ดอกไม้ช่อสามพัน เลนส์ตัวละหมื่น!” ไอ้ปอมชักสีหน้าใส่ผมก่อนเอื้อมมือมาเคาะหัว นี่ถ้าตกใจหักพวงมาลัยเข้าข้างทางจะทำยังไงวะ คนเขาอุตส่าห์หวังดีช่วยคิดวิธี ไม่ชอบก็บอกกันดีๆ ได้ปะ?
“อุตส่าห์แนะนำสิ่งที่กูคิดว่าโฮมน่าจะชอบ” ผมมองมันตาเขียว หงุดหงิดไม่อยากช่วยแต่ก็สงสารโฮมที่เป็นคนต้องมารับกรรมโดนคนอย่างไอ้ปอมชอบนี่ล่ะ แต่สำคัญกว่าอะไรคือฝ่ายนั้นก็มีใจให้น่ะสิ โธ่ ไม่น่าเลย
“จริงๆ ก็อยากเปย์ให้ แต่มันดูหวังผลมากไปหน่อยเพราะมูลค่าของมันแพงไงมึง ดอกไม้สักช่อเป็นการเริ่มต้นน่าจะดีกว่า” ความคิดของมันก็ถูก บางครั้งอีกฝ่ายก็ไม่ได้ต้องการสิ่งของที่มีราคามากกว่าความจริงใจของคนง้อหรอก เออ ผมยอมรับว่าวิธีการแต่ละคนต่างกัน ชอบแบบไหนก็ทำแบบนั้นเถอะ ได้ผลทุกทางนั่นล่ะ
“อืม กุหลาบขาว ขอโทษได้ สารภาพรักได้ ปิดจ็อบ!” ที่ตอบได้เร็วขนาดนั้นเพราะไม่นานมานี้พี่เซียนยังวนกลับมาหาพร้อมช่อดอกกุหลาบสีขาวพร้อมอธิบายความหมายของมันต่อหน้าผมกับคีนนี่ล่ะ โคตรพีค... แต่เหตุการณ์ก็ผ่านไปด้วยดี มีความสุขทั้งสองฝ่าย หวังว่าในอนาคตเขาคงได้เจอคนที่อยากรักมากกว่าผมนะ โชคดีครับนายสัตวแพทย์
เสียงเบรกดังขึ้นเมื่อรถหยุดอยู่หน้าร้านขายดอกไม้ในเวลาเกือบหกโมงเย็น ไอ้ปอมรีบกุลีกุจอวิ่งจนขาแทบพันกันเพราะเจ้าของกำลังจะปิดประตู ผมหลุดหัวเราะก๊ากเมื่อเห็นความพยายามของเพื่อน เออว่ะ แบบนี้ก็ดูจริงจังจริงใจตามแบบฉบับมันดี หลุดๆ ต๊องๆ บ้างคงไม่ทำให้โฮมเสียใจล่ะมั้ง
ผมเลือกที่จะนั่งรอเพื่อนในรถเพราะอยากฆ่าเวลาด้วยการโทรหาคีน คือความรู้สึกตอนนี้คิดถึงเขาฉิบหาย โธ่ ไม่อยากเป็นโรคติดแฟนแต่... เออ ตามนั้นล่ะ คืนนี้จะขอนอนด้วยให้ได้ เอ่อ แค่นอนเฉยๆ จริงจริ๊ง ~
รอสายไม่นานนักก็มีเสียงกุกกักดังขึ้นก่อนตามมาด้วยคำทักทายธรรมดาสามัญแต่สามารถทำให้ผมคลี่ยิ้มได้โดยง่าย แม่งเอ๊ย ถ้ารู้ว่าตอนเป็นแฟนกันจะโคตรน่ารักขนาดนี้คงลงมือจีบไปตั้งแต่มัธยมแล้ว ไม่รอจนป่านนี้หรอก
‘ว่าไงครับแฟน?’ คีนไม่เขินที่เรียกกันแบบนั้นหรอก มีแต่ผมนี่ล่ะที่นั่งกัดปากกลั้นยิ้ม หัวใจเต้นแรงเหมือนสาวแรกรุ่นโดนสารภาพรัก หูย ทิ้งไอ้ปอมไว้ตรงนี้ได้ไหมแล้วค่อยโทรให้โฮมมารับมัน... ความคิดดี๊ดี โคตรฉลาดเลยกู
“ปากหวานเนอะคนเรา” ผมเอ่ยแซวก่อนจะหยุดยิ้มออกมาในที่สุดเพราะได้ยินเสียงหัวเราะจากปลายสาย คีนคงคิดว่าแฟนตัวเองปัญญาอ่อนอยู่แน่ๆ แค่คำเรียกแทนตัวแบบนั้นมันหวานตรงไหน ก็ผมชอบไง เหมือนเขาย้ำสถานะระหว่างเราเสมอ
‘วันนี้ยังไม่ได้ชิมอาจจะเปรี้ยวก็ได้นะ’ คีนบอกเสียงกลั้วหัวเราะบ่งบอกว่ากำลังสนุกกับการได้เอาคีน ส่วนคนฟังอย่างผมอี้งจนพูดอะไรไม่ออกแล้ว คือลึกๆ กำลังคิดว่าตัวเองโดนเชิญชวนให้จูบเขาหรือเปล่า จะว่าไปตั้งแต่เป็นแฟนกันมาเกือบสองอาทิตย์ก็จุ๊บเบาๆ บนริมฝีปากกันแค่สองสามครั้งเอง อยากพัฒนาแล้วอะ
“นี่เล่นมุกเหรอ?” ก็แค่ถามให้แน่ใจเพราะไม่อยากคิดเป็นตุเป็นตะว่าอีกฝ่ายอยากได้รับสัมผัสลึกซึ้งจากผมไง
‘อ่อยมั้ง’ แหนะ... เดี๋ยวนี้หัดล้อเล่นแรงๆ เดี๋ยวผมคิดจริงขึ้นมาจะยุ่งนะเออ แค่ทุกวันนี้เห็นเขาออกมายืนบิดขี้เกียจตรงระเบียงตอนเช้าแล้วชายเสื้อเปิดขึ้นผมยังต้องรีบหนีเข้าห้องสงบสติอารมณ์เลย คนบ้าอะไรท้องขาวเนียนแถมยังมีซิกแพคพองามอีก โอย ถ้าได้ซุกไซ้คงฟินยันชาติหน้า
“ระวังตัวไว้เหอะ เรายังไม่ได้โปรโมชั่นพิเศษจากคีนเลย” ผมแกล้งตัดพ้อแต่ปากกลับยิ้มกริ่มเมื่อเผลอจินตนาการไปไกลว่าสักวันหนึ่งเมื่อได้ดีพคิสกับคีนแล้วคงไม่จบแค่นั้น มันต้องมีฉากต่อไปจนตัดเข้าโคมไฟแน่นอน ฮึ่ย อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเตียงลั่นดังเลยว่ะ โอ๊ย หลอนสุด!
‘กิมกากเอง’ อะ ผมสะอึกเมื่อโดนกล่าวหาด้วยความจริง พอคิดย้อนถึงเหตุการณ์วันนั้นก็อยากเอาหัวโขกพวงมาลัยให้ตายๆ ไปซะ คีนยืนหลับตาพริ้มรอรับจูบอย่างเต็มใจแต่เป็นผมเองที่มัวแต่เขินจนสุดท้ายก็จามใส่หน้าเขา เฮ้อ ก็มันคันจมูกเพราะขนไอ้ชมจันทร์นี่หว่า ไม่น่าแก้เขินด้วยการลูบหัวมันเลย เซ็ง!
“โธ่ ก็คนมันตื่นเต้นนี่หว่า” ผมพึมพำเบาๆ แต่คิดว่าคีนคงได้ยินชัดเจน เสียงหัวเราะต่ำดังมาจากปลายสาย เออ... ทางนี้อายจนไม่รู้จะซุกหน้าไว้ตรงไหนแล้ว เมื่อครู่ก็เผลอวางมือลงบนพวงมาลัยหนักไปหน่อย แตรดังจ้าและผลกระทบคือไอ้ปอมส่งนิ้วกลางมาให้เพราะคิดว่าผมไปเร่งมัน เชี่ยเอ๊ย กูแค่มือลั่น!
‘หึหึ ขี้อายแบบนี้ไปนานๆ ก็ดีนะ เราจะได้สบายใจไง’ ดูเขาจะพอใจกับความกากของผมจังวะ น้ำเสียงนี่สดใสเชียว มันเขี้ยวนัก อยากจะบีบๆๆๆ ให้หนำใจ ฮึ่ย
“กลัวเราปล้ำขนาดนั้นเชียว?”
‘นิดนึง ท่าทางกิมคงไม่ยอมเป็นฝ่ายรับใช่ปะ?’ อับดุลก็มาแฮะ จริงๆ ผมคิดไว้ก่อนอยู่แล้วว่าถ้าหากเราทั้งคู่ตกลงมีเซ็กซ์กันจะเป็นฝ่ายรุกเพราะไม่เคยรับมาก่อน แต่พอลองได้กลับมุมมองเป็นคีนดูบ้างก็คงรู้สึกไม่ต่างกันคือพวกเราทั้งคู่เป็นผู้ชายแท้ๆ เป็นคนแรกของกันและกันดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือถามความสมัครใจ
“ก็... ถ้าคีนขอเราอาจจะยอมเป็นรับ” ผมพูดออกไปแล้วในสิ่งที่คิด ถึงผลจะออกมาเป็นแบบไหนก็ทำความเข้าใจและยอมรับได้อย่างแน่นอน เพราะไม่ว่าใครอยู่บนหรือล่างก็เกิดจากความรักทั้งนั้น อ่า... ตอนนี้โคตรดูเป็นแฟนที่ดีเลย แต่เหมือนฝนฟ้าไม่ค่อยเห็นด้วยเลยส่งหยาดฝนลงมาซะอย่างนั้น โธ่ รถติดหนักกว่าเดิมชัวร์
‘รักเรามากขนาดนั้นเลย?’ ผมจะถือว่าเป็นคำถามที่ดีก็แล้วกันถึงแม้จะรู้สึกน้อยใจนิดหน่อยก็ตามที่เขาไม่รู้ตัวว่าถูกรักมากแค่ไหน
“ใช่ครับ รักมาก” ผมตอบด้วยความมั่นใจและน้ำเสียงจริงจัง ความรู้สึกรักที่มีให้กับคีนมันเพื่มขึ้นทุกวันๆ ตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบันนี้และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดสักที อ่า... เนี่ย ผมคงเป็นประธานสมาคมคนรักแฟนหลงแฟนได้อย่างไม่มีข้อครหาแน่นอน
‘อื้ม... โทรมามีอะไรหรือเปล่า?’ แหนะ เล่นตอบสั้นๆ แล้วชวนเปลี่ยนเรื่องแบบนี้ต้องเขินอยู่แน่นอน หึหึ แก้มแดงหรือเปล่าน้า อยากเห็นหน้าจัง
“คิดถึง...” อะ หยอดหน่อยแต่คิดถึงจริงๆ นะเออ
‘เกินไปๆ แยกกันยังไม่ครบยี่สิบสี่ชั่วโมงเลย ชมจันทร์บอกว่าเหม็นความเลี่ยนของกิมมาก!’ ปลายสายทำเสียงขึ้นจมูกราวกับเป็นคนเหม็นน้ำเน่าที่ผมสร้างขึ้นซะเอง ดูเถอะคนเรา พอห่างกันก็มีชมจันทร์คลายเหงา แล้วผมที่นั่งเป็นพระเอกเอ็มวีในเวลาฝนตกและติดแหง็กอยู่ในรถเกือบสิบนาทีแล้วนี่ล่ะ จะเร่งไอ้ปอมก็ทำไมได้เพราะเห็นรางๆ ว่าเจ้าของร้านกำลังจัดช่อดอกไม้อย่างสุดฝีมือ เอาว่ะ ทนไว้เพื่อความรักของเพื่อน
“โธ่ ไม่มีความโรแมนติกทั้งคนทั้งกระต่ายเลย” เนี่ย เรามันตัวคนเดียวแต่คีนมีพักพวกไง วันไหนผมเกเรหน่อยก็ปล่อยไอ้ชมจันทร์ให้มาฉี่ใส่ บางทีถึงกับลงโทษด้วยการนอนแทะขากางเกงนักศึกษาเลยก็มี แสบทั้งลูกพี่และลูกน้องเลย น่าจับกลืนลงท้องนัก!
‘โอ๋ๆ นะครับเด็กน้อย จะถึงคอนโดหรือยัง?’ ยัง ยังกล้าหัวเราะคิกคักใส่กันอีก แต่ให้อภัยตรงที่เขาถามว่าจะถึงคอนโดหรือยังนี่ล่ะ เป็นห่วงล่ะสิ อยากเจอหน้าใช่ไหมล่ะ โอย มโนชนะเลิศจ้า
“อยู่ร้านดอกไม้ ยังต้องไปส่งไอ้ปอมอีก” ผมขยับตัวให้เข้าที่แล้วจ้องมองไปยังต้นเหตุที่ทำให้ไม่สามารถกลับคอนโดได้ในตอนนี้ผ่านสายฝนซึ่งเริ่มเทกระหน่ำลงมาอย่างหนัก อุณหภูมิลดลงจนต้องเอื้อมมือปรับแอร์เพิ่มตัวเลขสูงขึ้น ผมต้องหยิบร่มกางออกไปรับไอ้ปอมหรือเปล่า ถ้ามันวิ่งมาคงเปียกม่อลอกม่อแลกแน่ๆ กลัวจะป่วยก่อนได้สารภาพรักน่ะ
‘ร้านดอกไม้?’ คีนทวนคำ น้ำเสียงที่เขาใช้พอจะเดาได้ว่ากำลังสงสัย เออ คนอย่างผมมาร้านดอกไม้ทำไมล่ะ
“ปอมมันจะสารภาพรักกับโฮมน่ะ” ผมตอบพลางเคาะนิ้วลงบนพวงมาลัยเมื่อได้ยินเพลง ‘หมายความว่าอะไร’ ของ Mean โคตรเข้ากับสถานการณ์ขอบไอ้ปอมกับโฮมตอนนี้เลยว่ะ
‘เลิกปากแข็งแล้วสินะ เราควรฉลองด้วยก๋วยจั๊บปะ?’ เราต้องฉลองด้วยอย่างอื่นสิ ที่สำคัญต้องให้ไอ้ปอมเลี้ยงด้วย!
“ไม่ได้ดิ ก๋วยจั๊บนั่นตั้งใจซื้อมาฝากเราไม่ใช่เหรอ?”
‘งอแงจังครับแฟน’ อะ หัวเราะผมอีกแล้ว ก็คนมันงกไง อยากให้ไอ้ปอมเสียเงินบ้าง อุตส่าห์เสียเวลาพามันมาซื้อดอกไม้เชียวนะ โอ๊ะ พอนินทามันก็วิ่งฝ่าฝนพร้อมดอกไม้ในมือกลับขึ้นรถ โห สภาพอย่างกับหมาตกน้ำเลย
“เดี๋ยวกลับไปอ้อน แค่นี้ก่อนนะ ไอ้ปอมมาแล้ว” ผมกลั้นใจตัดสายแฟนเพราะต้องจัดการเพื่อนที่สภาพเปียกปอนโดยการเอื้อมหยิบผ้าขนหนูจากเบาะหลังแล้วโยนให้มันเช็ดหน้าเช็ดหัว ดีหน่อยที่ดอกไม้ยังคงรูปเหมือนเดิมไม่ได้เสียหายแต่อย่างใด ต่อจากนี้ผมได้แต่อวยพรให้ไอ้ปอมสมหวังกับสิ่งที่กำลังจะทำแล้วกัน เพี้ยง!
ผมขับรถมาพาไอ้ปอมมาทิ้งไว้หน้าบ้านของโฮมก่อนตรงกลับคอนโด พอถามว่าจะให้ไปรับอีกหรือเปล่ามันก็ปฏิเสธพร้อมบอกว่าเดี๋ยวอ้อนเขาขอนอนค้างด้วยแล้วกัน โธ่ ขี้มโนเอ๊ย ใครจะยอมเอาตัวอันตรายไว้ข้างๆ ล่ะ
ในที่สุดผมก็ถึงคอนโดในเวลาสองทุ่ม เดินสะโหลสะเหลขึ้นลิฟท์เพราะความเหนื่อยล้าและเมื่อยขาที่ต้องฝ่ารถติดหลายชั่วโมง รอยยิ้มผุดขึ้นเมื่อประตูห้องมีถุงก๋วยจั๊บแขวนอยู่ จริงๆ อยากจะโผล่หน้าไปหาคีนก่อนแต่ต้องจัดการงานตัวเองให้เรียบร้อยซะก่อน ไหนจะท้องที่ร้องเนื่องจากหิว กลิ่นเหงื่ออ่อนๆ นี่อีก ไม่พึงประสงค์เลยสักนิด
อะ จัดการอะไรเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบสี่ทุ่ม ตอนนี้ผมเลยยืนละล้าละลังไม่กล้าเคาะประตูห้องคีนสักทีเพราะกลัวว่าเขาจะหลับไปแล้ว ถึงเป็นแฟนกันแล้วความเกรงใจก็ยังเป็นสิ่งสำคัญไม่เปลี่ยน เอาไงดีวะ คิดถึงก็คิดถึงแต่ก็อยากเห็นหน้า เนี่ย ห่างกันเกือบครบยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้ว
แกร๊ก
เฮ้ย ผมเกือบยกมือเคาะหน้าผากคีนแล้วไหมล่ะ อยู่ๆ ก็เปิดประตูออกมา แต่ที่น่าขำคือต่างคนต่างกระโดดถอยหลังกันคนละก้าวเนื่องจากตกใจ ดีที่ไม่โดนต่อยแทน... ฟู่ ~
“มายืนตรงนี้ทำไมเนี่ย?” คีนถามเสียงสูงก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเมื่อผมยังไม่คลายสีหน้าตกใจ คือมันกะทันหันไงเลยเสือกทำตาโตพร้อมกับอ้าปากด้วย แม่ง เสียภาพพจน์เลย
“เอ้อ... ก็จะมาหาคีนไง” แต่ไม่กล้าเคาะประตู แหะๆ
“อ๋อ คิดถึงเราอะดิ?” อะ กล้าแซวกันขนาดนี้แถมยังยักคิ้วกวนใส่อีก จับฟัดซะดีไหมหืม? แต่นี่หน้าห้องไป กล้องวงจรปิดก็มี ผมก็ยังไม่พร้อมจะเป็นคนดังของคอนโด ฮึบไว้แล้วกันเนอะ
“รู้ใจ” หยอกกลับด้วยคำสั้นๆ ก่อนจะยื่นมือไปยีหัวของคีนเบาๆ ด้วยความมันเขี้ยว
“หึหึ ก็นี่แฟนไงครับ เรากำลังจะลงไปมินิมาร์ทล่ะ” เขาไม่ได่ปัดมือผมทิ้งแถมยังคลี่ยิ้มสดใสให้อีก โอย ดาเมจแรงเวอร์มาก ย้ำสถานะรอบที่สองขอมัน หูย สุขใจจังเลยจ้า ฟินยิ่งกว่านี้คงตอนที่ไอ้ดีพคิสนั่นล่ะ...
“หิวเหรอ?” ผมผละมือออกจากเขา มองใบหน้าหล่อๆ ที่ส่ายปฏิเสธก่อนที่นิ้วเรียวจะชี้เข้าไปในห้องเหมือนต้องการบอกใบ้อะไรสักอย่าง อย่าบอกว่าไอ้ชมจันทร์อยากกินผักใบเขียวตอนนี้นะ จะแอบถอนขนเลย
“เปล่าๆ พี่ปิ๊งอยากกินไอติม”
เดี๋ยว... พี่สาวคีนทำไมโผล่มาอยู่ในบทสนทนาของเราวะ
ต่อด้านล่างน้า