กระทู้เมื่อเร็วๆ นี้
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

กระทู้เมื่อเร็วๆ นี้

หน้า: 1 ... 6 7 8 9 [10]
91
พูดคุยทั่วไป / Night dating. Easy and simple.
« กระทู้ล่าสุด โดย lukmee เมื่อ 13-05-2024 11:31:53  »
Connect casually with like-minded individuals on the ultimate dating platform.
Night dating, no obligations
Verified Damsels
Premier casual Dating
92
พูดคุยทั่วไป / Candid connections: Platform for casual relationships
« กระทู้ล่าสุด โดย YAIKAEW เมื่อ 13-05-2024 07:46:44  »
Casual dating at its finest – join the leading platform for relaxed and fun encounters!
Comfort and confidentiality for casual dating
Verified Ladies
Supreme casual Dating
93
พูดคุยทั่วไป / No strings attached dating, no promises
« กระทู้ล่าสุด โดย Ketone เมื่อ 13-05-2024 04:57:36  »
Turn casual moments into unforgettable dates – choose the best casual dating site!
Secret meetings: just for two, one night only
Verified Maidens
Super casual Dating
94
Boy's love story / Re: อริทางคับแคบ (Pretending) - No.11 Obsessed (07/05/24)
« กระทู้ล่าสุด โดย Nualsiri เมื่อ 13-05-2024 00:38:45  »
หลากหลายอารมณ์เลยตอนนี้ พี่ร็อคเก็ตไม่น่าชอบวิน อาจจะอยากเอาคืน(ขัดขวางความรัก)คอปเตอร์ที่สนิท(แย่ง)กับแฟนเก่าตัวเอง
95
พูดคุยทั่วไป / New connections without risk of disappointment
« กระทู้ล่าสุด โดย Rodmay เมื่อ 13-05-2024 00:14:31  »
Elevate your dating game with the top site for hassle-free connections.
No strings attached dating, no promises
Real-life Females
Exemplary casual Dating
97
EP.71 ลุงๆปะทะหลานโอ๋

                Part’ s ลุงอ้นปะทะหลานโอ้ ผมพี่อ้น พี่ชายคนโตของบ้านอออ่าง ผ่านการฝึกมาหมดเกือบทุกหลักสูตร ไม่เว้นแม้แต่หลักสูตรสอดแนม และนี้ผมก็ได้รับมอบหมายจากพ่อผมให้มาดูว่าแอ้มาที่ค่ายฯทหารจริงหรือเปล่า ตอนแรกบอกไม่กลับแต่นี้แอบมาเพื่อ? และที่พ่อผมรู้เพราะว่ามีส่งข้อความมาบอกพ่อผม ไม่รู้เหมือนกันว่าใคร
          "ทำไมมีแต่รสช๊อกโกแลตเนี๊ยะ! พ่อค้า"ไอ้อั้นน้องชายผม มันสวมเรแบรนด์ก้มลงมองไอติมในถังเย็น
          "ลองถอดเรแบรนด์ออกสักแป๊บดีไหมครับ ของเขาดีเกิ้น"คนขายไอศกรีมแนะนำ
          "อ้อเป็นเพราะแว่นตานี้เอง เอาอันนี้ รสสตรอเบอร์รี "ผมหันมามองคนที่เลือกไอติมรสสตรอเบอร์รี่เข้ากับชุดทหารโหดมากน้องผม
          "พี่อ้นนี้เรายังไม่เห็นไอ้แอ้กับไอ้ดิวเลยนะเรามาดังรอแต่ไก่โห่แล้วนะพี่น่ะ"ไอ้โอ๊คมันพูดก่อนจะก้มลงเลือกไอศกรีมรสเดียวกันกับไอ้อั๋น
          "นั้นดิพี่ ข่าวกรองมั่วหรือเปล่าก็ไม่รู้"ไอ้อั๋นพูด
          "ขอให้เป็นอย่างนั้น กูไม่อยากให้น้องโกหกพ่อเลยว่ะ"ผมพูดระหว่างนั้นมีเด็กน้อยเดินมาและมาหยุด แถมยังเงยหน้าขึ้นมองพวกผม พร้อมกับยิ้มหวานมาเชียว
          “พี่อ้นเด็กพี่หรือเปล่าเนี๊ยะ!” ไอ้อั๋นมันกระซิบถามผม ผมหันไปมองหน้ามัน
           “กูดูอายุด้วยถึงจะซั้มครับ ไม่ใช่หน้ามึดตามัวนี้มันเด็กเล็ก” ผมหันไปกระซิบกลับแต่ว่าเด็กน้อยก็ยังมองผมพร้อมกับกะพริบตาติดๆ
            "เว้ย! “ผมสามคนร้องออกมาพร้อมกัน ยังอีกยังไม่หยุดอีก กะพริบจนขนตายาวๆ นี้ตีกันพับๆ เลย เด็กอะไรก็ไม่รู้ขนตานี้ยาวมาก น่าเอามาทำไม้กวาดจริงๆ ผมหันไปมองพ่อค้าและหันมามองหน้ากัน
            “พ่อค้า นี้ลูกพ่อค้าหรือเปล่าเนี๊ยะ!” ผมสะกิดเรียกพ่อค้า
            "ไหนครับ? “พ่อค้าถามผม ผมสามคนก็ชี้ไปที่ผู้ต้องหาที่ยืนอยู่
            “อ้อ!! ไม่ใช่ครับลูกผมเพิ่งจะคลอดได้สามอาทิตย์เองครับ” พ่อค้าไอศกรีมตอบ
           “แต่ผมพอจะจำได้ครับ นี้เหมือนลูกค้าประจำเลยครับแต่ว่า…ปกติมาซื้อกับพ่อเขานะครับ” พ่อค้าตอบมีลูกค้าชั้นดีซะด้วย
           “พ่อไม่มาหรือหนู"พ่อค้าถามลูกค้าประจำ พวกผมก็พยักหน้า มีลูกค้าประจำซะด้วย
           "พ่ออยู่บนโน้น พ่อเถียงกับพ่อและพ่อกับพ่อก็คงไม่รู้ และพ่อกับพ่อคงกำลังจะรู้ว่าเขาลงมาแล้ว" เด็กน้อยพูด
           "-_? "พวกผมถึงกับทำหน้าเป็นเครื่องหมายคำถามว่าสิ่งที่เด็กพูดมาน่ะ แน่ใจน่ะว่า นี้คือภาษามนุษย์
            "มึงเข้าใจที่เด็กมันพูดไหมวะ"ผมหันมากระซิบถามน้องๆ ของผม ที่ยืนทำหน้างงไม่แพ้กัน
            "แน่นอน! พี่อ้น ไม่เข้าใจ"ไอ้อั้นตอบผม ผมหันไปทำนิ้วเครื่องหมายถูก แสดงว่าผมไม่ได้บ้าครับที่ฟังเด็กพูดไม่รู้เรื่อง
            "งั้นแสดงว่ากูก็ปกติเพราะกูก็ไม่เข้าใจว่ะ แต่เด็กมันสับสนอะไรหรือเปล่า ทำไมไม่พ่อกับแม่ หรือปูกับย่า ตากับยายอะไรแบบนี้แต่นี่มัน พ่อกับพ่อว่ะ "ผมหันพูดคุยปรึกษาปัญหาเด็กน้อยด้วยกันอย่างผู้เชี่ยวชาญ
            "สงสัยว่าพ่อเด็กนี้ กับพ่อเด็กข้างบ้านจะอิบ อิบกันนะพี่เลยเป็น พ่อกับพ่อ 555"ไอ้โอ๊คพูด นี้ไงล่ะตำตอบของผู้เชี่ยวชาญ
             "ความคิดมึง อุบาทว์มาก "ผมพูดขม มันก็ตะเบ๊ะรับ
             "อึบ"ปืนขึ้นมายืนเกาะรถเข็นแถมยังมองหน้าพวกผมอีกด้วย
             "เฮ้ยพี่อ้น! ดูท่าทางแล้วเด็กจะอยากไขว้ วะพี่"ไอ้อั้นมันร้อง
             "ลุง เป็นทหารอะเปล่า"พวกผมมองชุดตัวเอง
             "ทำไมเหรอ ชุดนี้เหมือนพ่อค้าไอศกรีมหรือไง อย่าคิดว่าเด็กแล้วไม่กล้ารังแกนะ ฉายา เก่งกับหมา ซ่ากับเด็กเตะผู้หญิง "ผมพูดอย่างภาคภูมิใจมาก
             "ลุงมีปืนใหญ่อะเปล่า"มาถามหาปื่นใหญ่
             "แน่นอนต้องมี ถามทำไมอะ อะจะขอดูละซิ"ไอ้อั้นรีบทันทีเลยน่ะ ผมสองคนหันมาสะบัดหน้าเดี๋ยวเด็กมันขอดู อายุยังไม่สิบแปดเลยมึง
              "ไม่ให้ดู ...เด็กเล็ก อย่างนี้ให้ดูไม่ได้หรอก อายุ18 แล้วค่อยมาขอดู"ไอ้อั๋นมันพูด ค่อยยังชั่วหน่อย
              "ลุงเขา..."เด็กเรียกพวกผมลุง
              "เดี๋ยวน่ะ ใครให้เรียกลุง เรียกได้ยังไง ลุงน่ะ "ผมพูดด้วยสีหน้าที่พยายามดุอยู่ เด็กน้อยยืนทำท่าคิด แค่บอกว่าไม่ให้เรียกลุง ก็แค่เรียกพี่แค่นี้จะคิดเยอะทำไม
              "เรียกลุงไม่ได้เหรอ" ผมสามคนหันมามองหน้า ยืนตั้งนานนึกว่าคิดได้แล้วยังมาย้อนถามพวกผมอีก
              "เรียกลุงไม่ได้!"ผมพูดพร้อมกับเอามือเท้าเอวตัวเองมองเด็กน้อย กวนโอ๊ยแต่น้อย
              "แปลกจัง เรียกลุงไม่ได้ เขาเรียกได้นะ เขาสอนให้อะเปล่า… ลุง "เด็กน้อยมันทำให้ผมสามคนถึงกับสะบัดหน้าไปมองติดๆ สามทีซ้อน…นี่มันเข้าใจว่าผมเรียกลุงกันไม่ได้หรือไง
               “พ่อแม่เด็กนี้อยู่คณะตลกแน่ๆ เลยพี่ ลูกออกมาถึงได้ตล้ก ตลก” ไอ้โอ๊คมันพูด ผมหันขวับมามองหน้าไอ้โอ๊คทันที เด็กมันเรียกผมว่าลุง นั้นแปลว่าอ้นเริ่มแก่ ไม่ตลกครับ
                “ตกลงลุงเรียกลุงได้อะเปล่าลออุ๊งอ ลุงอ่ะ” นั้นไงขึ้นเลยทีนี้
                "พี่อ้นใจเย็นๆ พี่เด็กพี่"ไอ้อั้นมันรีบดึงรั้งห้ามผม แต่ผมสะบัดมันออกและเดินไปยืนมองหน้าเด้กน้อยพร้อมกับ
                "ที่บอกนะ คือเรานะห้ามเรียกนี่ว่าลุงเพราะว่าฉันไม่ใช่พี่ชายพ่อของนายและไม่ใช่เรียกลุงไม่ได้เรียกได้ "ผมย่อตัวลงและทำหน้าดุ พูดอธิบายให้เด็กน้อยที่ไร้เดียงสา หารู้ไหมว่า กำลังเล่นลิ้นกับใครอยู่ แต่เด็กน้อยมันทำหน้า งง! จนอ้นเองต้องยกมือขึ้นมาแตะหน้าผากตัวเอง ขอไปออกรบกับข้าศึกดีกว่าอ้นว่าน่ะ มิน่าล่ะใครก็บอกว่าเลี้ยงเด็กมันยาก มันยากตรงที่พูดไม่รู้เรื่องนี้เอง บุญแท้ที่อ้นทำผู้หญิงไม่เป็น
                 "แล้วตกลงลุงอะเรียกลุงได้อะเปล่า"เด็กถามผม ผมแอบคิดแล้วที่อธิบายไปมันเพื่ออะไรวะ เด็กไม่เข้าใจอยู่ดี
                  "ทำไมจะเรียกไม่ได้ ลุงนี้เรียกได้ รู้จัก"ผมบอกเด็กน้อย ยังทำท่าคิดอีกโดยการใช้นิ้วชี้แตะที่คางเรียวๆ นั้น
                  "อ้อ ถ้าอย่างนั้น เขาก็เรียกลุงได้นะซิ"เด็กน้อยพูด
                  “เนอะลุงเนอะ!” ผมยืดตัวขึ้นงานนี้ท่าจะให้อ้นนับหนึ่งสิบก็ยังเอาไม่อยู่ ถึงร้อยจะอยู่ไหม แอบเอากำปั้นกระทบกัน ก่อนจะหลุบตาลงมองเด็กน้อยตัวกะเปี๊ยก ผมส่ายไปมา เด็กน้อยฉีกยิ้มให้ไม่มีสำนึกเลย ผมนี่อยากจะบ้า นี้พ่อแม่เด็กเอานมปนเปื้อนให้กินหรือไงตอนแรกเกิดหรือไงก็ไม่รู้
                  "เด็กนี้กวนตรีนว่ะพี่อ้น"ไอ้โอ๊คไอ้อั๋นมันเดินมากระซิบคุยกับผม แต่เด็กน้อยน่ะก้าวเท้าลงมาตอนไหนไม่รู้และยังมาร่วมวงสนทนากันกับพวกผมหน้าตาเฉย ผมสามคนก้มลงมอง แขกไม่ได้รับเชิญ เงยหน้ามองผมสามคนพร้อมกับหรี่ตามองขึ้นสลับกัน
                   "กวนตรีนคืออะไรเหรอ หรือแปลว่าน่ารักอะเปล่า เพราะใครๆ ก็บอกโอ้ อะน่ารักที่สุด "เด็กน้อยพูดพร้อมกับทำเครื่องหมายถูกใส่ตัวเอง มีแบบนี้ด้วยเหรอว่ะ ผมหันมามองหน้ากัน
                  "ใช่เลย"ไอ้อั้นมันชี้บอกว่าเด็กน่ะมันคิดถูก
                  "สงสารเด็กเนอะ ดันซวยมาเจอผู้ใหญ่แบบนี้ แถมสอนเด็กผิดๆ อีก "พ่อค้ายังทนไม่ไหวหันมาพูด
                  "ขวับ!"ผมสามคน หันไปมองอย่าน่ะ เด็กยังเว้นแล้วพ่อค้าพวกผมจะละเว้นหรือ
                  "อุ้ยย!! ตามสบายเลยครับพี่ๆ งานพ่อค้าไม่เกี่ยวครับ คนล่ะคณะ "พ่อค้ารีบก้มหน้าก้มตาจดอะไรก็ไม่รู้หยิกๆ ต่อไป
                  "งั้น ลุง ลุง และลุง โอ้ว่า กวนตรีนเหมือนโอ้เลย" นั้นไงเด็กมันย้อนครับผม ชี้มาที่ผมสามคนด้วยมันใช่เลยเด็กนั้นชมผมสามคนว่ากวนตีนครับ
                  “โดนมาก” ผมพูด
                  “โดนใจเลยเหรอพี่” ไอ้อั๋นไอ้ตัวก่อตั้ง
                  “โดนเด็กด่าไอ้เชี้ย!” ผมหันกระซิบกับไอ้คนปูทางให้เด็กน้อย เป็นไงล่ะโดนเด็กน้อยด่ากลับ
                  "เขาเรียกว่าให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัวครับผม"พ่อค้าพูด ผมหันมามองแม้ธรรมประจำวันมาทันทีเลยน่ะ
                 "รับไปเต็ม เป็นไงละไอ้อั่น"ผมพูดกับน้องชาย มันพลาดมากที่ทำให้เด็กมันย้อนเอาได้
                 "โอ๊ย!! ขนจมูกเขา"ผมดึงขนจมูกไอ้อั่น
                  “พี่ผมว่าไปกันเถอะ ก่อนที่เด็กมันจะเล่นเรามากไปกว่านี้ อายเขาพี่” ไอ้โอ๊คพูด ผมก็หันมาพยักหน้าว่าสมควรจะไปดีดี ดีกว่าไปแบบต้องหาอะไรครอบหัวออกไป เพราะว่าอายเด็ก
                  “อ่ะพ่อค้าตั้งค่าไอติมน่ะ สิบห้าบาท “ผมพูดและทำท่าจะส่งเงินให้
                  "ลุงทหารเขาอยากกินไอติมอะ" เด็กน้อยเรียกผมว่าลุงทหาร ตอนแรกจะหันไปแต่ว่าอย่าดีกว่า เดี๋ยวโดนหนักกว่ากวนตีน
                   "อยากกินไอติม นั่นบอกพ่อค้า "ผมหันไปบอกเด็กน้อย
                   "ใช่ครับอยากกินไอติมต้องบอกพ่อค้าถึงจะได้กินนะหนู"พ่อค้าพูด
                    "แต่เขาไม่มีตังค์" เด็กน้อยบอกไม่มีเงิน
                    "ไม่มีตัง ฮาๆ "น้องๆ ผมหัวเราะกันใหญ่เลย ไอ้สองคนนี้แผนกซ้ำเติม
                   "งั้นบอกพี่ทหารแล้วกันหนู” พ่อค้ารีบบอกว่าให้บอกพวกผม เท่านั้นแหละพากันไถลไปกับถังไอศกรีมทันทีแค่สิบห้าบาทยังควักเอาเหรียญมานับเลยเพราะปกติอ้นพกแต่บัตร แตะบัตรอย่างเดียว
                   “พี่ๆ ทหารเขารักเด็กลูก สังเกตจากวันเด็กจะมีพี่ทหารมาออกงานบ่อยๆ ลูก"อ้าวไอ้พ่อค้าครับ มันโยนกลับมาให้พวกผมหน้าตาเฉย และผมสามคนสะบัดไปมองพ่อค้าพร้อมกัน
                   "พอเด็กไม่มีตังหน่อย รีบโยนกลับมาซะงั้นน่ะพ่อค้า"ไอ้อั้นพูด
                   "เขาอยากกินอันนี้"เด็กมันชี้แม็กนั่มเลย
                   "มันไม่มีตังแต่มันชี้แม็กนั่ม มันไม่ธรรมดาวะ"ผมพูดกับน้องๆ ผม
                   "ลุงทหารใจดีอะเปล่า"เด็กมันว่าพวกผมใจดีไหม
                   "ไม่อะ หน้าตาดีอย่างเดียว"ผมตอบหยักคิ้วด้วย
                   "แต่คุณครูบอกโตขึ้นเราต้องใจดี เราถึงจะเป็นคนดี ลุงเป็นคนไม่ดีเหรอ "เด็กพูด ผมสะบัดหน้ามามองเด็กน้อย แต่พูดแบบนี้มันทำให้ผมคิดครับว่านี้หลอกด่ากันใช่ไหม ถ้าใช้นั้นแปลว่าวันนี้วันซวยของผมสามคนจริงๆ โดยเฉพาะอ้นที่โดนเด็กด่าสองครั้งติดแล้วน่ะ
                  "กูรู้สึกเหมือนเด็กนี้มันหรอกด่ากูไหมว่ะ "ผมหันมากระซิบกับน้องๆ ของผมเพื่อขอความคิดเห็น
                 "ใช่เลยพี่เด็กนี้ว่าพี่อะ"ไอ้อั้นรีบตอบผม
                 "เห็นด้วยเด็กนี้ว่าพี่โตมานิสัยไม่ดี นิสัยแย่ ครูไม่สั่งสอน บร้าๆๆๆ "ไอ้โอ๊คมันใส่ไฟเด็ก ผมหันมามองหน้ามันนี้แหละ มึงนี้น่ะจะโดนผมกระทืบมากกว่าเด็กอีก เพราะว่าเหมือนมันหรอกด่าพี่มัน
                 "ไอ้อั้นหลบ"ผมพูดและ
                 "ได้ จัดให้ ฟลุ๊บ"ไอ้อั้นมันรักพี่มันมาก มันพลุบหลบเข้าไปให้ผมทันที
                 "เพี๊ยะ!!"ตีฉาบให้เลย
                 "เด็กมันว่ากูนิดเดียวมึงใส่ซะเยอะ นิสัยนะมึงน่ะ"ผมพูด และก่อนจะพากันหันมาทางเด็กน้อย
                  "ตกลงลุงใจดีอะเปล่า "ในหัวเด็กน้อยนี้มันมีแต่ประโยคคำถามหรือไง ไม่มีประโยคบอกเล่าหรือปฏิเสธอะไรแบบนี้บ้างหรือไง
                  "พ่อค้า เด็กอยากกินแม็กนั่มอะ จัดให้เด็กหน่อยแต่เด็กไม่มีตังน่ะ โชคดีล่ะ และนี่สามแท่ง สิบห้าบาทไม่ต้องทอน"ผมทำท่าจะชิ่งเพราะให้ไปสิบห้าบาทถ้วน
                   "อยากใจดีนะครับ แต่ลูกเพิ่งคลอดและน้องก็ต้องทานนมกระป๋องด้วย แถมตอนที่คลอดก็จ่ายค่าหมอ แต่ที่หนักหน่อยค่าพยาบาล"มันดราม่าทันทีเลย ตกลงมันขายไอศกรีมหรือมาม่ากันแน่
                     "จ้างพยาบาลมาดูลูกเหรอพี่"ไอ้อั้นถามกลับ
                     "หมอน่ะรักษาลูก แต่พยาบาลน่ะ ผมจ้างมาดูแลผม"พ่อค้าพูด
                     "เว้ยยย!!"พวกผม
                     "ล้อเล้นครับ หมายถึงที่โรงพยาบาลครับ แถมค่าบ้าน ผ่อนค่ารถ ทั้งรถเล็ก รถใหญ่ ไปกระทั่งรถเข็นให้ลูกก็ผ่อน"เวรแล้วผมหันมามองหน้ากัน ชีวิตมีค่าของจริงเลย มีแต่ค่าใช้จ่ายครับผม
                      "เฮ้ย! ลูกพี่เพิ่งคลอดได้ไม่นานจะรีบซื้อรถเข็นไปทำไม"ไอ้อั้น มันฉลาดมาก
                      "พอลูกนั่งไอ้ก็ผ่อนหมดพอดีลูกทันได้ใช้ "พ่อค้าพูด แสดงว่ามืออาชีพเรื่องของผ่อน
                      "ทีวี ตู้เย็น เครื่องซักผ้า ดีวีดี เครื่องเสียง หม้อหุงข้าว กระทะไฟ ตู้เสื้อผ้า ถังไอติม ก็ยังผ่อนอยู่"ผมก้มลงมองถังไอศกรีมที่พวกผมยืนเท้าอยู่ อันนี้ก็ผ่อนเหรอ
                      "มีอะไรที้ไม่ผ่อนไหมเนี๊ยะ!"ไอ้โอ๊ค ถามพ่อค้ากลับทันที
                      "เมีย"พ่อค้าตอบพวกผม
                       "ไม่ผ่อน"ผมสามคนพูดออกมาพร้อมกัน
                       "เพิ่งผ่อนหมดกับพ่อตาครับ หมดไปงวดสุดท้ายเมื่อปีก่อน"ผมไถลเลย มันผ่อนทุกอย่างจริงๆ แต่ก็ยังดีที่เมียผ่อนหมดแล้ว
                        "อย่าไปบอกอีแก่มันนะ นี้กำลังไปดาวน์เมียน้อยทำเรื่องกู้เงินอยู่ กำลังเอาะๆ ผ่อนหมดพอดีเมียหลวงอาจจะแก่ตายก่อนเพราะว่ามันแก่แล้ว "ผมสามคนหันไปมอง อ้อ มันได้เมียแก่กว่าว่างั้นและกำลังผ่อนเด็กๆ เอาะๆ
                       "เบอร์โทรเมียพี่เบอร์อะไรอะ"ไอ้อั่นผมหันมามันขอเบอร์เมียเขาทำไม มึงจะเล่นเมียพี่เขาเลยเหรอมึง
                       "08××××3443"ไอ้นี่ก็บ้าจี้บอกเบอร์เมียมันซะงั่น
                       "สวัสดีครับ ผมโทรมาแจ้ง ตอนนี้คำอนุมัติเช่าซื้อเมียน้อยของแฟนพี่น่ะครับ ผ่านแล้วครับ อะไรน่ะครับ จะผ่อนโลงให้พี่เขาต่อเลยเหรอครับได้ครับ อนุมัติพร้อมกันไปเลย เอองั้นโลงไม่ต้องผ่อน ผมแถมให้ ดอกไม้ประดับด้วยไหมครับ"ไอ้อั้น มันเล่นแรงนะมึงน่ะ
                     "เว้ย นี้โทรจริงเหรอ"พ่อค้า รับจะแย่งโทรศัพท์ให้อั๋น
                     "ล้อเล่น "ไอ้อั้น
                      "ผมล้อเล่นไม่กล้าผ่อนเมียน้อยหรอก แค่นี้ก็หาไม่ทันแล้ว คนหาเช้ากินค่ำ"พ่อค้าพูด แต่ตอนนี้ผมสามคนต้องหันมามองเด็กน้อย
                      "ตกลงนี้จะให้เลี้ยงไอติมใช่ไหม"ผมถามเด็กที้ยืนเกาะถังไอศกรีมอยู่
                      “ลุงเป็นคนไม่มีตังเหรอ” เด็กน้อยมันถามผมเหมือนมันว่าผมเลยครับ ว่าผมเป็นคนผมไม่มีตัง มันหยามกันชัดๆ
                     “เด็กมันรู้ได้ไงอ่ะพี่ว่าเรา ไม่มีตังมีแต่บัตร” ไอ้อั๋นมันกระซิบกับผมทันที
                      “ทำไมจะไม่มีตัง... มี!!” ผมตอบเด็กน้อย
                      “ปึก” ควักออกมาโชว์เลยแบงก์พัน พ่อเพิ่งจะให้มา เพราะว่า…
                      “พี่นี้มันตังพ่อ พ่อให้ไปจ่ายค่าตัดหญ้าที่หลังบ้านพี่” ไอ้อั๋นมันกระซิบที่ข้างหูผม ผมก็ต้องถลึงตาโต จะชักเงินกลับก็ไม่ทันซะแล้ว อายเด็กเลยที่นี้
                      “เดี๋ยวค่อยออกไปกดตังก่อนแล้วกัน กูคงต้องเลี้ยงมันแล้วแหละว่ะ” ผมหันไปบอกน้องๆ
                      "ตกลงจะเอาอันนี้ใช่ไหม "ผมถามเด็กน้อยและชี้ไปที่ไอติมที่มันเล็งอยู่ “ลุงใจดีที่สุด” นั้นชมผมทันที
                      "รู้ว่าไม่มีเงิน ทำไมไม่กินอันละ 5 บาท กินซะแพงเขียว อันนี้มันตั้ง 45 บาท"ผมถามเด็กน้อย
                     "อันนี้อร่อยที่สุด"เด็กพูด
                     "แน่ละก็มันแพงขนาดนี้"ผมพูด
                     "พ่อค้าเห็นด้วยกับเด็ก"พ่อค้า ผมหันไปแม้เห็นด้วยกับเด็ก ทำไมไม่เห็นด้วยกับพวกผมบ้างล่ะ จะได้ให้เด็กมันกินแท่งล่ะห้าบาทเหมือนกัน
                     "เอามาหนึ่งอัน"ผมเลยกัดฟันบอกพ่อค้าไป น้องก็ไม่เจอแถมต้องมาเสียเงินเลี้ยงไอศกรีมราคาแพงให้เด็กน้อยอีกต่างหาก พ่อค้าส่งไอศกรีมให้เด็กน้อย
                    "เออ"รับไปถือเอาไว้และมองไอศกรีมเหมือนจะมีคำถามอีกแล้ว
                    "อันนี้ของเขาคนเดียว แล้วพี่ไอละพี่อาจจะร้องไห้ "เด็กน้อยพูด ผมสะบัดหน้าไปมอง พี่ไอไหนอีกล่ะ
                    "ใครอีกล่ะที่จะร้องไห้"ผมถามเด็กน้อยกลับ
                    "พี่ไอ"มันมีพี่อีกเหรอ
                     “ลืมบอกไปว่าเด็กคนนี้เขามีฝาแฝดกัน ตั้งสามคนเลยน่ะพี่น่ะ” ไอ้พ่อค้ามันพูด ทำไมมันพึ่งจะบอก
                     "พี่ไอชอบเหมือนกัน"เด็กมันพูด และมันจะมาชอบเหมือนกันทำไมนี้ มันแพง ดูทำตาปริบๆ อีก ผมต้องกลอกตาขึ้นบนก่อนจะ
                     “ลุงมีตังตั้งเยอะนะลุงน่ะ” ดูมันอ่อนได้น่ากวนบาทาผมจริงๆ
                     “จะยึดไอติมคืนก็ตรงที่เรียกลุงนี่แหละ เปี๊ยกเอ๊ย!!” ผมหันมาบ่นแต่ก็ต้องยอมไอ้เด็กน้อยหน้าตาใสซื่อ ผมแอบหันไปชำเลืองตามองนี่ใสซื่อหรือว่าเจ้าเล่ห์กันแน่
                     "อะ เอามาอีกอันพ่อค้า "ผมบอกพ่อค้ารีบหยิบทันทีกลัวผมเปลี่ยนใจ
                     "อันนี้ของเขา” เด็กน้อยพูดถึงอันแรกที่ได้ไป กัดไปขนาดนั้นแล้วก็ต้องของนายนั่นแหละ ผมแอบคิดในใจ
                     “และอันนี้ก็ของพี่ไอ เออ แล้วพี่ไอซ์ล่ะลุง พี่ไอซ์ก็อาจจะร้องไห้น่ะลุงน่ะ"เด็กน้อยพูด ทำให้ผมถึงกับไถลไปตามถึงไอศกรีม
                    "ยังมีอีกเหรอ"ผมถามเด็กน้อย
                    "เรามีด้วยกันสามคน เราชอบเหมือนกันทุกอย่างเลย "เวรเลยไอ้อ้๋น วันนี้ผมก้าวเท้าไหนออกจากบ้านมาว่ะเนี๊ยะ!!
                     "กูชักอยากจะเห็นหน้าพ่อแม่เด็กนี้วะ ขยันทำมาตั้งสามคน แต่ไม่ให้ตังค์ลูกบ้างว่ะ"ผมพูดก่อนจะพยักพเยิดให้พ่อค้าอีกอัน พ่อค้ารีบส่งไปให้อีกอันทันที
                     "ถ้าเด็กนี้มันมีอีก กูนี้แหละที่จะร้องไห้ นี้กูโดนไป 135 บาทแล้วนะ"ผมพูดกับน้องๆ
                      “ไม่ซื้อไปฝากพ่อเหรอหนู เห็นปกติซื้อห้าอันไม่ใช่เหรอลูก” ไอ้พ่อค้า ผมหันมามองพ่อค้า
                     "จริงด้วย พ่อด้วย พ่ออาจจะร้องไห้"เว้ยย!! มันมาอีกแล้ว มันเยอะแล้ว
                      "นี้เอาไปให้พอทั้งบ้านเลยไหม ปู่ย่าตายาย ลุงป้าน้าอา จะได้ไม่ต้องมีใคร่ร้องไห้"ผมถามเท้าเอวด้วย
                     "ลุงใจดีจัง งั้นโอ้เหมาหมดเลยน่ะลุงน่ะ"เด็กน้อยมันพูดนี่มันใสซื่อหรือว่าผมโดนของวะเนี๊ยะถึงได้หลงกลไปได้ขนาดนี้
                     "ประชด! "ผมพูดใส่เด็กน้อย
                     "ประชดคืออะไรอ่ะ เขาไม่รู้"นั้นเด็กมันพูด แต่ตอนนี้ควันเริ่มออกหูผมแล้ว อยากกระทืบเด็ก
                     "นี้ ถามหน่อยเคยรู้อะไรบ้างไหม ในชีวีตนี่น่ะ ห๊ะ!"ผมกอดอกถาม
                     "เขาเหรอ เขาไม่รู้อะไรมากหรอก ตอนนี้เขายังเด็ก ลุงรู้อะเปล่าอะว่าเขาเป็นเด็ก"ผมมันย้อนทางผมอีกแล้วครับ
                     "แน่นอนต้องรู้ และที่รู้มากไปกว่านั้น เป็นเด็กที่กล้ามาก"ผมพูดกัดฟันแล้วนะ
                     "ไอ้ อั้นโทรหาทนายดิ"ผมหันไปบอกน้อง
                     "พี่จะให้ทนายมาคุยกับเด็กเลยเหรอ"ไอ้โอ๊ค
                    "ถ้ากูกระทืบเด็ก แถมเด็กเล็กโดนกี่ข้อหาวะ "ผมหันมากระซิบ
                     "สงสัยติดคุกตลอดชีวิตพี่เพราะนี้มันไม่ใช่เด็กธรรมดา เด็กอนุบาลนะพี่"ไอ้อั้นพูด และผมก็ทำท่าจะควัก
                     "อย่านะพี่เขาไม่อยากกำพร้าพี่ พี่อย่า ทำอะไรเด็กมันเลยน่ะพี่น่ะ ถึงเราไม่ใช่นางงามจักรวาลแต่เราก็ต้องรักเด็กพี่! "ไอ้โอ๊คมันก็รีบ เพราะเห็นว่าผมกำลังเอื้อมแขนไปหยิบบางอย่างที่อยู่ใกล้ๆ กับกระบอกปืน
                   "ปึก .."ผมควักออกมาวางไว้ตรงหน้าเด็กน้อยเลย
                    " อะนี้ มีงบแค่สองร้อยบาทห้ามเกินจากนี้ จะกินไหมไอติมเนี๊ยะ! อย่าช้า เดียวเงินนี้จะกลับลงกระเป๋าและนายอดกิน"ผมพูดและทำหน้าดุเข้าไว้
                   "ก็ได้ ก็ได้ งั้นของเขา ของพี่ไอ และพี่ไอซ์ กี่อันแล้วอะลุง"นั้นลำบากผมอีก ให้ช่วยนับนิ้วให้อีก ผมก็ย่อตัวลงและทำท่านับนิ้วให้ สามนิ้วสั้นๆ ที่ชูตรงหน้าผม
                   “หนึ่ง… สอง… สาม….” ผมนับให้ (เกิดมาอ้นไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลยจริงๆ)
                   "สามแล้ว"ผมตอบเด็กน้อย
                   "ให้พ่อดิว กับพ่อ แอ๊บ.."เด็กกำลังจะพูดแต่มีมือใครมาปิดปากเด็กและอุ้มเด็กขึ้น ผมเงยหน้ามองขึ้นมองตาม
                   "เฮ้ย!!! "ผมสามคนร้องออกมาพร้อมกัน เพราะว่าไอ้คนที่มาอุ้มน่ะ คือไอ้ดิว ไอ้คนที่ผมรอมันอยู่
               
  TBC...

99
พูดคุยทั่วไป / Free relationships, easy and simple.
« กระทู้ล่าสุด โดย NookENTEAR เมื่อ 12-05-2024 14:20:09  »
Embrace the freedom of casual encounters on the best dating app in town!
Free relationships by mutual consent
Live Women
Supreme casual Dating
100
           
EP.39อาจารย์กัน รู้ความจริงแล้ว

               Part’ s กันตภณ ผมพูดก่อนจะรีบเดินเข้าห้องน้ำไปทันที ไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะรีบออกไปทันทีเช่นกัน ผมดูใจร้ายแต่การที่คนรักนอกกายมันเจ็บมากกว่า และการเสียชีวิตของป๊าผมมันก็มาจากที่ผมกลับไปมีสัมพันธ์กับภีมอีกครั้งจนป๊าเครียด แต่ผลที่ผมได้รับหลังจากนั้นคือคนรักนอกกายไปนอนกับคนอื่นอันนี้เจ็บยิ่งกว่าหลายเท่า เจ็บจนไม่อยากกลับไป ผมรีบเดินลงมาชั้นล่าง และสิ่งที่ทำให้ผมแปลกใจคือรถผมมาจอดที่หน้าบ้านภีมปภพ ผมรีบเข้าไปในรถคันหรูของผม

         //รองศาสตราจารย์ค่ะ มีประชุมด่วนค่ะ รบกวนอาจารย์เข้ามาที่คณะได้ไหมคะ//เสียงเจ้าหน้าที่ที่ดูแลคณะของผมโทรมาบอกผมด้วยน้ำเสียงที่ร้อนรน

         //ได้ครับผมจะเข้าไปเดี๋ยวนี้// ผมกดวางสายผ่านบลูทูธก่อนจะเดินไปขึ้นรถและรีบขับรถออกไป 

      ผมขับตรงไปที่มหาวิทยาลัยทันทีทั้งที่วันนี้ผมไม่มีสอน น่าจะเป็นเรื่องด่วนมาก ผมใช้เวลาไม่นานก็มาถึงมหาวิทยาลัย ผมรีบเดินตรงไปยังห้องประชุมของคณะทันที ระหว่างที่ผมกำลังเดินตรงผ่านไป ผมเห็นแพรวากำลังยืนคุยกับอาจารย์เปรมสินี ผมเลือกที่จะหยุดเดิน ผมไม่เคยเสียมารยาทในการแอบฟังคนอื่นมาก่อนแต่ว่าครั้งผมจำเป็น แต่ผมคิดว่าเธอไม่ได้มาดีแน่ๆ สังเกตจากที่แพรวาจ้องมองบีมเมื่อเห็นเธียรพาบีมขึ้นบนบ้านในฐานะ ภรรยาของเขาที่ไม่ใช่เธอที่ตามเธียรวิชย์มาตั้งแต่เด็ก สายตาคู่นั้นจ้องมองด้วยความเกลียดชัง

      “แต่เราไม่มีระเบียบข้อนี้น่ะแพรวา ที่จะไม่ให้คนที่ท้องและคลอดลูกแล้วมารับปริญญาบัตรได้ และกันต์ธีย์เขาก็เรียบจบตามที่มหาวิทยาลัยกำหนดทุกอย่าง”

      “แต่หนูไม่ต้องการให้มันเข้ารับปริญญาอะไรทั้งนั้น!”

      “เธอก็ได้ไปแล้วนี่ เกียรตินิยมรองอันดับสองน่ะ แทนเขาไปแล้วแพรวา!”

      “ตอนนั้นหนูแค่อยากได้เพื่อไปเอารางวัลจากคนที่หนูรักแต่นี้ มันดันมาแย้งของรักหนูไป ก็ถือว่ามันช่วยไม่ได้ อาจารย์ต้องช่วยหนูจัดการเรื่องนี้ ไหน ไหน เราก็เล่นเกมด้วยกันมาพักใหญ่แล้ว”

      “เธอขอมากไปแล้วน่ะ แพรวา”

      “แล้วตำแหน่งรองศาสตราจารย์ละคะ ขอมากไปไหมคะ ทั้งที่ความสามารถไม่ถึง ถ้าหนูเอาคลิปทีอาจารย์คุยกับหนูไปประจาน อาจารย์จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนคะ ถ้าทุกคนรู้ความจริง ว่าอาจารย์ไต่เต้าเร็วเพราะอะไร” แพรวาพูด

      “แพรวา!!”

      "ไหนอาจารย์บอกว่าจะส่งนางบีมนี้ไปให้ใคร ไม่ส่งไปละคะ เพื่อว่าคนนั้นจะสนองความอยากมันและมันจะได้ไปจากพี่เธียรของแพรวา" แพรวาพูด นั้นแหละว่าวันที่บีมโดนวางยาอาจารย์เปรมสินีก็อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้

      "เรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องที่เธอควรจะรู้แพรวา ระวังนะพ่อเธออาจจะเดือดร้อน ฉันเตือน!" อาจารย์เปรมสินีพูด

      "ไม่ได้อยากยุ่งหรอกนะคะแต่อยากให้อาจารย์จัดการอีบีมให้แพรวา นี้ค่ะที่แพรวาต้องการตอนนี้"แพรวานี่ก็อีกคน แต่ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร

      “ อ้อ! เห็นอาจารย์บอกว่ามีของดี ส่งให้แพรวาด้วยค่ะ อันนี้คือรางวัลของแพรวา ที่แพรวาช่วยให้อาจารย์ได้ทำหน้าที่กรรมการพิจารณาตัดสินนักศึกษาที่เขารับเกียรตินิยมของคณะค่ะ” และผมก็ต้องรีบเดินผ่านไป ก่อนที่แพรวาจะเดินออกมาเจอว่าผมดักฟัง แพรวาเธอนิสัยเสียมาตั้งแต่เด็ก ร้องเอาของคนอื่น และยิ่งมีพ่อแม่หนุนลูกจนไม่มองว่าที่เขาทำอยู่น่ะผิดหรือถูก เพราะวคำว่ารักลูกมาก เพราะมีลูกยาก และเป็นลูกสาวคนเดียวอีก และพ่อของเธอก็เคยเป็นเพื่อนรักของพี่เกริก แถมปู่ของเธอก็เป็นเพื่อนรักที่ป๊าร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา จนก่อตั้งโรงเรียนและมันก็เป็นมรดกตกทอดเพื่อรุ่นหลานๆ ของผม แต่เธอกลับเอาตรงนี้มาเป็นข้อต่อรอง เพื่อให้เธียรวิชญ์ทำเหมือนกับเป็นคนรักของเธอ จนหลานผมต้องหนีไปเรียนเมืองนอก

         ผมเดินเข้าไปในห้องประชุมการประชุมก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับคณะทั้งนั้น ผมก็นั่งฟังจนกระทั่งรองศาสตราจารย์เปรมสินีเดินเข้ามานั่ง เธอกล่าวขอโทษขอโพยคนอื่นพร้อมข้ออ้างว่าเธอติดสายด่วนจากทางบ้าน แต่ที่จริงเธอไปคุยข้อตกลงกับแพรวาอยู่ ผมนั่งจนประชุมเสร็จเรียบร้อย ผมก็รีบเดินออกเพื่อตามอาจารย์เปรมสินีไปติดๆ ทันที เรื่องที่ประชุมวันนี้ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิด ผมค่อยโล่งอกไปหน่อย

      “อาจารย์เปรมสินีครับ” ผมเรียกเธอไว้ได้ทัน เธอหันมามองผม สีหน้าแววตาที่เหมือนเธอไม่ได้แอบทำเรื่องไม่ดีเอาไว้เลยสักนิด

      “ว่าไงคะอาจารย์กันตภณ แม้ไม่ค่อยได้เจอเลยนะคะ ได้ข่าวว่ายุ่ง เป็นพ่อลูกอ่อน” อาจารย์เปรมสินีพูด ก่อนจะเอียงคอมองผม

      “ผมไม่จำเป็นต้องรายงานคุณหรอกเพราะว่าคุณรอบรู้ไปหมด ภาษาบ้านๆ เขาเรียกชอบสอดรู้สอดเห็นนะครับ” ผมพูด เปรมสินีถึงกับชักสีหน้าแสดงอาการไม่พอใจผมขึ้นมาทันที

      “นี้อาจารย์กัน มันจะมากไปแล้วนะคะ” น้ำเสียงที่ฟังดูรู้ว่าเธอคงโกรธผมจนมือไม้สั่น

      “ผมว่าไม่มากไปหรอกครับ สำหรับคนที่มีจิตใจแบบคุณ” “ผมหันมาพูดใส่หน้าเธอทันที

      “ถ้าผมเป็นคุณน่ะ การที่กล้าทำเรื่องแย่ๆ แบบนี้ได้ ในอาชีพที่ใครก็เรียกว่าแม่พิมพ์ของชาติ แต่กลับมาทำร้ายนักศึกษาเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนดีถ้าทุกคนในมหาวิทยาลัยรู้เรื่องนี้ ผมว่าอยู่บนบ่ามันก็สูงเกินไปนะครับคุณ “ผมพูด

      “คุณพูดเรื่องอะไรฉันไม่รู้เรื่อง” อาจารย์เปรมสินีทท่าจะหันหลังเดินออก

      “คุณทำได้ยังไงครับ คุณทำกับนักศึกษาลงได้ยังไง เพื่อให้คุณได้ตำแหน่งรองศาสตราจารย์มา เขาไปทำอะไรให้คุณ เขาเป็นแค่นักศึกษาคนหนึ่ง แต่คุณกับเอาเขามาเป็นเครื่องมือหาผลประโยชน์ใส่ตัวคุณเอง และนี้คุณยังจะกล้าทำกับเขาต่ออีกเหรอครับ”

      “คุณไม่น่าเกิดมาเพื่อเป็นครูอาจารย์ให้คนอื่นเขานับถือเลยครับ เพราะว่าคุณค่าในตัวคุณเองก็ไม่มีเหลือ แถมจรรยาบรรณความเป็นครูบาอาจารย์ก็ไม่มีเหลือแล้วเช่นกัน” ผมพูด

      “ผมเสียดายความสามารถของคุณน่ะ คุณเป็นคนเก่งนะครับ แต่แค่ตำแหน่งที่คุณต้องการมันมาช้าไป จนคุณรอไม่ได้ต้องลดตัวลงไป เป็นคนรับใช้ให้คนพาล คุณก็ไม่ควรค่าให้ใครยกมือไหว้ แม้แต่นักศึกษาเองก็เถอะ” ผมพูดทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะเดินออกไป ผมรีบเดินเข้าไปในลิฟต์ เพื่อลงไปชั้นล่าง และจังหวะนั้นลิฟต์ถูกเปิดออกโดยอาจารย์ท่านหนึ่งเดินเข้ามาในลิฟต์ เขายืนรอจนประตูลิฟต์ปิดลงก่อนจะหันมาหาผม

      “อาจารย์ค่ะ ดิฉันว่าจะคุยกับอาจารย์เรื่องอาจารย์เปรมสินี หลายครั้งแล้วค่ะ ดิฉันเห็นเธอลับๆ ล่อ ๆ ถ่ายรูปอาจารย์กับกันต์ธี ตั้งแต่ตอนที่กันต์ธีย์ยังมาช่วยงานอาจารย์อยู่นะคะ “ผมหันมามองอาจารย์กรองแก้ว

      “เขารู้ว่าอาจารย์นำเสนอชื่อ นายกันต์ธีร์เข้ารับการคัดเลือกและเขาก็รู้อีกว่ากันต์ธีร์ทำงานหาเงินตอนกลางคืน “ผมหันไปมองหน้าอาจารย์กรองแก้ว

      “เขาเอาเรื่องนี้มาพูดก่อนที่อาจารย์จะเข้าไปขอยกเลิกไม่ให้กันต์ธีร์เข้ารับคัดเลือกนะคะ “ผมยืนสุดลมหายใจออกยาวๆ

      “ส่วนแพรวานี้ก็มาหาอาจารย์เปรมสินี เพื่อให้ได้ส่งรายชื่อเข้าคัดเลือกโดยยื่นข้อเสนอ ให้พ่อเธอเซนต์เสนอตำแหน่งรองศาสตราจารย์เพิ่มอีกคน ซึ่งพวกเราเห็นว่ามันเร็วเกินไปสำหรับอาจารย์มาใหม่อย่างอาจารย์เปรมสินี” ผมพยักหน้า

      “ผมคิดว่าผมควรจะส่งตรวจสอบเรื่องนี้”ผมพูด

      . “ดิฉันจะให้ความร่วมมือกับอาจารย์ถ้าอาจารย์ต้องการค่ะ ดิฉันไม่เห็นด้วยกับการที่อาจารย์ทำอยู่นะคะ ไม่ได้มีความโกรธแค้นส่วนตัวแต่อย่างใด แต่ดิฉันคิดว่าเธอมีอะไรที่ซ้อนอยู่เบื้องหลังนะคะ ” อาจารย์กรองแก้วบอกผม ผมพยักหน้า จังหวะที่ประตูลิฟต์เปิดออก อาจารย์กรองแก้วเดินแยกออกไปพอดี และคนที่ผมควรจะเข้าไปขอความช่วยเหลืออีกคนคือคนที่ผมไม่ได้พูดคุยกับเขามานานมาก หลายปี นับจากที่เราแยกกัน หลินทำงานอยู่ด้านจรรยาบรรณและวิชาชีพ ผมต้องขับรถไปที่นั่น ในวันนี้ เพื่อคุยกับเธอ ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยที่ผมสอนเท่าไหร่ แต่ผมกลับไม่เคยแวะไปหาเขาสักที

      “สวัสดีครับ ผมมาขอพบ คุณศรัญญาครับ” ผมเดินมาติดเจ้าหน้าที่ คนหนี่ง ผมหันไปเห็นห้องทำงาน หัวหน้า ป้ายหน้าห้องคือชื่อของหลิน ผมไม่ได้เจอเธอมาหลายปีแล้ว

      “สักครู่นะคะ” เธอบอกผมก่อนจะเดินเข้าห้องนั้นไป

      “เชิญค่ะคุณกันตภณ” เขาผายมือให้ผมเดินเข้าไปในห้องนั้น ผมเดินไปหยุดหน้าโต๊ะทำงานนั้น หลินเงยหน้าขึ้นมามองผม หลินเป็นผู้หญิงที่สวยในแบบฉบับที่เธอเป็น หลินเงยหน้ามองผม ก่อนจะวางปากกาลง หลินทำงานอยู่ในตำแหน่งหัวหน้างาน เธอมีอำนาจพอะจะส่งคนเข้าไปตรวจสอบหากมีบางสิ่งที่ไม่โปร่งใส

      “พี่กันมาหาหลินเหรอคะ”

      “ใช่ครับหลิน สบายดีไหมครับ”

      “เกือบห้าปีแล้วนะคะ ที่ไม่ได้คุยกัน หลินสบายดีค่ะและพี่กันน่าจะสบายดีนะคะ หลินเจออาม่าบ่อยที่โรงพยาบาลนะคะ เจอหลินก็เข้าไปทักทายท่านค่ะเพราะว่าตอนที่หลินอยู่บ้านท่าน ท่านก็ดูแลหลินอย่างดี เป็นผู้ใหญ่ที่หลินนับถือค่ะ “หลินพูด พร้อมกับเอามือมาประสานกันไว้เพราะตอนหลินอยู่เธอก็ทำหน้าที่ลูกสะใภ้อย่างดีเช่นกัน ตอนเลิกกันผมกับหลินก็เลิกกันด้วยดีไม่ได้มีปากเสียงอะไรกัน

      “หลิน เพิ่งจะไปโรงพยาบาลพี่ภีมมาค่ะ หลินได้เจอเด็กคนนั้นด้วยนะคะ คนที่พี่กันรับจะเป็นพ่อเด็กนะคะ น้องน่ารักดีนะคะ หลินเสียดายแทนตัวเองจังค่ะ” ถึงกับตกใจที่ได้ยินที่หลินพูดเรื่องเด็กที่มีลูก หลินน่าจะหมายถึงบีม

      “หลินพี่ขอโทษ หลินไม่ใช่ไม่ดีพร้อม หลินดีมากแต่พี่เองต่างหากที่ไม่ดีพอ” ผมพูด

      “พี่เป็นผู้ชายที่หลินอยากได้พี่เป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบและตลอดเวลาห้าปีที่เราแต่งงานกันพี่ให้เกียรติหลินมาก แม้จะไม่ได้รักใคร่ ถึงแม้พี่จะแอบไปหาความสุขตัวเองบ้างแต่พี่ก็ให้เกียรติหลินไม่เคยพาเขาคนนั้นมาหยามหลิน และทุกครั้งที่เราออกไปข้างนอกด้วยกัน พี่ก็ให้หลินเป็นที่หนึ่ง” หลินบอกผม ผมยอมรับว่าใช่

      “ขนาดหลินตั้งใจที่จะให้พี่พาหลินไปหาหมอภีม เพื่อให้หมอภีมรู้ว่าหลินรู้เรื่องพี่กับเขา พี่ยังให้เกียรติหลินมากทั้งที่ตอนนั้นพี่ก็เจ็บไม่แพ้กัน” หลินพูด

      “หลินไม่โกรธพี่แล้วค่ะแต่หลินอยากให้พี่คิดดูให้ดีดี การที่พี่ทำแบบนี้ เพื่อให้หมอภีมตัดใจจากพี่แล้วพี่กลับเป็นคนที่เจ็บ พี่จะทำแบบนั้นทำไหมคะ” หลินพูดกับผม นี้เขาติดตามเรื่องของผมตลอดแต่ผมซิ แทบจะไม่มีเวลาติดตามเขาเลยว่าเขาเป็นยังไงบ้าง

      “เพราะว่าพี่หมอภีมเขาเป็นลูกชายคนเดียวใช่ไหมคะ พี่ถึงไม่ยอมกลับไป” หลินถามผม

      “และการที่พี่อยากรับผิดชอบเด็กคนนั้นเพื่อให้หมอภีมตัดใจจากพี่จริงๆ น่ะ พี่คิดว่ามันไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอคะพี่กัน” ผมมองหน้าหลิน

      “หลินทราบมาว่าหมอภีมปภพคือหมอเจ้าของไข้น้องเขา พี่เลือกไปฝากกับหมอภีมเพราะพี่อยากให้หมอภีมรู้ว่าพี่ไปคบกับน้องเขาใช่ไหมคะ” หลินพูด

      “ทั้งที่พี่ก็รู้อยู่ว่าใจพี่รักใครอยู่ พี่ก็รู้ดีไม่ใช่เหรอคะว่ามันทรมานแค่ไหนถ้าต้องทนเป็นคนที่พยายามที่จะรัก หลินน่ะเข้าใจมันดีทีเดียวค่ะ “หลินพูด

      “เด็กคนนั้นน่ะ เขาไม่ได้มีลูกกับพี่หรอกครับหลิน” ผมบอกกับหลิน

      “หลินทราบค่ะ สายป่านบอกหลินหมดแล้ว และหลินก็ดูออกว่าเด็กนั้น ลูกใคร” หลินพูด

      “หลินอยู่กับครอบครัวพี่มาห้าปีนะคะ หลินเห็นแว๊ปเดียวหลินก็เดาได้เลยว่า ลูกของเธียรวิชย์” หลินพูด

      “ฟู่!!” ผมพ่นลมหายใจออกมายาวๆ

      “เขาไปอยู่ด้วยกันแล้วหลิน” ผมพูด

      “ถ้าการที่พี่ต้องการให้หมอภีมอยู่ห่างพี่เพราะว่าหลิน หลินขอโทษค่ะ ที่หลินขอพี่ไปวันนั้น แต่วันนี้หลินขอถอนคำพูดนั้น พี่กลับไปหาหัวใจตัวเองเถอะนะคะ” หลินพูดกับผม

      “เรื่องมันผ่านไปแล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะมาคิดโกรธแค้นกัน เราน่ะเป็นเพื่อนกันได้นี่ค่ะพี่กัน “หลินยิ้มให้ผมพร้อมกับกุมมือผมเอาไว้ ผมพยักหน้า

      “แล้ววันนี้พี่กันมาหาหลิน พี่มีเรื่องอะไรให้หลินช่วยใช่ไหมคะ” หลินถามผม

      “หลิน พี่ เออ พี่ อยากให้หลินช่วย ตรวจสอบความไม่โปร่งใส่ ของตำแหน่งอาจารย์ในมหาวิทยาลัยให้พี่หน่อยครับ” ผมพูดกับหลิน ผมรู้สึกผิดที่ไม่ได้ติดต่อหาเธอเลยตั้งแต่เลิกรากันไป

      “คือว่าอาจารย์คนนี้เขาได้ตำแหน่งรองศาสตราจารย์มาด้วยความไม่โปร่งใส และเด็กคนที่ท้องตอนแรกพี่เสนอชื่อเขาเข้ารับการคัดเลือก เกียรตินิยมอันดับสอง แต่เขาก็มามีเรื่องซะก่อน และจู่ๆ แพรวา ลูกสาวเพื่อนของพี่ชายพี่น่ะ ที่ชอบมาตามติดเธียรวิชญ์ก็ได้ไป มันมีอะไรหลายอย่างที่ไม่ถูกต้อง แม้กระทั่งคนเซนต์อนุมัติเองก็เช่นกัน “ผมพูดให้หลินฟัง

      “พี่กันกำลังหมายถึงท่านอธิการบดีเหรอคะ” หลินถามผม ผมพยักหน้า

      “พี่ไม่แค้นเคืองอะไรเขาเป็นการส่วนตัวแต่พี่คิดว่าเขาทำไม่ถูกแถมเขายังจะทำให้เด็กคนหนึ่งต้องมามัวหมองอีก พี่ที่เป็นอาจารย์เขา ก็ควรทำอะไรสักอย่าง” ผมพูดพร้อมกับมองหน้าหลิน

      “หลินจะจัดการให้ค่ะ หลินจะทำหนังสือเข้าไปขอตรวจสอบ หลินรบกวนพี่เขียนหนังสือเป็นรายลักษณ์อักษรมายื่นให้หลินได้ไหมคะ “หลินบอกผม มุมปากผมกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้ม

      “ได้ครับหลิน พี่ขอบคุณมากนะครับ”

      “ไม่เป็นไรค่ะ” หลินตอบผม

      “เด็กๆ เป็นไงบ้าง ลูกของหลินกับแฟนใหม่หลินน่ะ” ผมถามถึงลูกๆ ของหลิน ผมดูจากชุดทำงานเธอกำลังใส่ชุดคลุมท้องอยู่

      “เด็กๆ สบายดีค่ะ และนี่หลินก็กำลังท้องลูกคนที่สี่ค่ะพี่กัน” หลินตอบ

      “ยินดีด้วยนะหลิน ม๊าพี่บ่นหาหลินอยู่น่ะ” ผมพูด

      “ช่วงนี้หลินยุ่งมากเลยไม่ได้แวะไปหาท่านที่บ้านเลยค่ะ หลินขอโทษนะคะที่ไปทั้งที่หลินเลิกกับพี่แล้วแต่ว่า ม๊าน่ะดีกับหลินไม่แพ้กัน ส่วนป๊าพี่ก็มีบุญคุณกับหลิน ส่งให้หลินได้เรียนจนจบขนาดนี้ ห้าปีนั้น คือการชดใช้บุญคุณที่ท่านให้โอกาสหลิน” ผมยิ้มให้หลิน

      “ถ้าไม่ได้ท่านส่งให้หลินเรียน หลินคงไม่มีหน้าที่การงานแบบนี้ ขนาดพ่อแม่หลินเองยังมองว่าการศึกษาไม่ใช่ของลูกหญิงเลยนะคะ เขาคิดว่าแต่งงานไปก็คือไปเลี้ยงครอบครัวไม่เหมือนลูกชาย” หลินพูด ตอนที่หลินแต่งงานกับผมป๊าผมส่งให้หลินไปเรียนภาคค่ำ เธอเก่ง เธอพยายามจนเรียนจบปริญญาตรีและตอนนี้เธอจบปริญญาโทแล้ว

      “แต่ป๊าของพี่ เป็นคนที่มีความคิดที่ทันสมัยมาก ครอบครัวพี่น่ะโชคดีมากนะคะ” หลินพูด ผมยิ้มให้เธอ ทำไมหลานๆ ผมคิดว่าป๊าของผมเข้มงวดเกินไป น่าจะได้มาฟังอาหลินของพวกเขาพูดตอนนี้น่ะ

      “พี่กลับก่อนนะครับหลิน “ผมบอกเธอก่อนจะลุกขึ้น วันนี้ผมสบายใจแล้ว ผมคิดว่าหลินจะโกรธเกลียดผมจนไม่อยากจะมองหน้าผมเสียด้วยซ้ำ

      “พี่กันค่ะ “ผมกำลังจะหันหลังเดินออก

      “เรื่องที่พี่หมอภีมกับยายสายป่านนะคะ คืนนั้นน่ะ หลินไม่รู้ว่าน้องจะทำแบบนั้น “หลินพูดกับผม

      “เรื่องมันผ่านไปแล้วครับ พี่เข้าใจเธอน่ะ เธอคงอยากให้พี่รู้สึกเหมือนที่พี่เคยทำกับหลิน” ผมพูด

      “สายป่านบอกกับหลินว่า เขากับหมอภีมไม่ได้มีอะไรกันจริงๆ มันแค่การจัดฉากเท่านั้นและคืนนั้น หมอภีมเขาโดยยากล่อมประสาทนะคะ “ผมหันมามองหลินอีกครั้ง

      “จริงๆ ค่ะ “ผมนิ่งไปพักหนึ่ง

      “ที่เหลือก็แล้วแต่พี่จะตัดสินใจ ว่าพี่จะทำยังไง หลินขอโทษแทนสายป่านด้วยนะคะ เธอรักหลินมาก หลินก็รักน้องคนนี้มากเช่นกันเลยไม่กล้าที่จะบอกความจริง” หลินพูดกับผม ผมหันมายิ้มให้ หลินก่อนจะเดินออกมาจากห้องทำงานของหลิน

      ม๊า//ฮัลโหล อากันเหรอ วันนี้กลับบ้านหรือเปล่า ม๊าจะได้ทำอาหารไว้รอน่ะ///

      กัน//กลับครับม๊าแต่ผมว่าจะแวะไปดูลูกเจ้าเธียรซะหน่อย//

      ม๊า// ดีดี ไปดูหลานหน่อยน่ะ หลานมันน่ารักอ่ะ หน้าตามันเหมือนป๊ามันไม่มีผิดเลยน่ะ ม๊าก็เพิ่งจะกลับมา // ฟังจากน้ำเสียงของม๊าผม ดูม๊ามีความสุขมาก

      กัน//ครับม๊า แล้วผมจะรีบกับน่ะม๊า // ผมกดวางสายการสนทนาจากม๊าของผม ผมเป็นลูกหลงของม๊า จึงเป็นอาที่อายุไม่ห่างจากหลานชายมักเท่าไหร่ ความใกล้ชิดของผมกลับหลานจึงมาก เหมือนเพื่อน เหมือนพี่น้องกันมากกว่า ผมเคยเสียสละหลายอย่างให้เธียรวิชญ์ในฐานะที่ผมเป็นเจ๊กของเขา แล้วนี่ผมต้องเสียสละบีมให้เขาด้วยหรือ

****

            Part’ s หมอภีมปภพ ผมเดินออกมาจากห้องผ่าตัด วันนี้เครสผ่าตัดทำคลอด ผมเลยไม่ได้ลงเวรตรวจ ผมเดินไปยืนรอที่ด้านหน้าลิฟต์ เพื่อรอจะลงไปที่ห้องทำงานของผม เพื่อไปดูว่าพรุ่งนี้มีคนไข้ที่ผมนัดเอาไว้เยอะไหม ผมยืนยิ่งใช้ความคิด ภาพวันเก่าๆ ของผมกับกันตภณ มันย้อนกลับมาฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่า

      หญิงแม่// หมอภีม วันนี้พ่อบอกว่าให้เราเข้าบ้านน่ะ กินข้าวกับพ่อแม่บ้าง อยู่ไม่ได้ไกลกันเลยแต่หาตัวยากจริงๆ” //แม่ผมส่งข้อความหาผม

      ภีมปภพ// ครับแม่// ผมส่งข้อความไปบอกแม่บอกผม

      “เจ็บไหมคะพี่หมอภีม และที่เจ็บกว่านีั้น คือคนรักของพี่เขาเลือกที่จะไปรักกับคนอื่น หึๆ ช่างน่าขำดีนะคะ “เสียงที่ดังมาจากทางด้านหลังของผม ผมหันไปมอง เจ้าของเสียงนั้นคือหมอสายป่าน

      “พอใจน้องสายป่านหรือยังครับ ที่ตั้งใจมากที่เอาตัวมาแรกกับการแก้แค้นให้พี่สาวคืนนั้น” ผมหันมาถามเธอ ก่อนจะเป็นฝ่ายหันหน้าหนีแทนด้วยความละอายใจแทนเธอ

      “คุ้มดีนะคะ ที่เห็นพี่สองคนเจ็บเหมือนที่สายป่านเห็นพี่ทำกับพี่หลิน พี่คงไม่รู้ว่าเบื้องหลังความสุขของพี่สองคน มันคือภาพผู้หญิงคนที่ร้องไห้เสียใจ ต่อให้ไม่ได้แต่งมาเพราะความรักแต่ในเมื่อเขาเลือกให้แล้วและพี่สองคนเองที่ไม่ยอมออกมายอมรับว่าคบกันตั้งแต่ทีแรก” สายป่านพูดเขามองหน้าผม

      “เธอมัน” ผมหันมา

      “งูพิษเหรอคะ” สายป่านพูด ผมหันกลับไปกดลิฟต์รัวๆ

      “ไม่ต้องห่วงนะคะ วันนี้ สายป่านมาทำงานวันสุดท้าย สายป่านออกไปเปิดคลินิกแล้วค่ะ ที่มาทำที่นี้ก็เพื่อ มาดูว่าพี่เจ็บสาสมพอหรือยัง” สายป่านพูดก่อนจะเป็นฝ่ายเดินหันหลังออกไป เหลือไว้แค่ผม ที่ยืนกำมัด ทันทีที่ลิฟต์เปิดออก ผมเดินออกมาก็เจอหญิงแม่ของผม ยืนคุยกับใครสักคนอยู่

      “อ้าวภีม มาแล้วหรือจะกลับเข้าบ้านกับแม่เลยไหมเรา” แม่ถามผม

      “นี้ลูกชายเหรอ หล่อไม่เบาน่ะ ว่าแต่แต่งงานแต่งการหรือยังล่ะ” อีกคนน่าจะเป็นเพื่อนของแม่ผม

      “ยัง ยังเลือกอยู่” แม่ผมตอบแทนผม

      “ยังครับ ผมยังอยากทำงานก่อนนะครับ” ผมตอบเพื่อนของคุณแม่ผม

      “ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวเลยนะ เอาไว้เจอกันวันงานแต่งลูกสาวฉันเลยแล้วกันน่ะและหาลูกสะใภ้ให้ลูกชายได้แล้ว จะได้มีหลานไวๆ เดี๋ยวไม่ทัน” เพื่อนของแม่ผมพูดก่อนจะเดินออกไป หญิงแม่หันมามองหน้าผม ผมรู้ว่ารู้สึกยังไง

      “ภีม” แม่เรียกผม

      “ผมขอโทษครับแม่” ผมหันมาพูด ผมรู้ว่าแม่อยากให้ผมมีครอบครัวได้แล้ว

      “แล้วภีมจะรอกันเขาอยู่แบบนี้เหรอ “หญิงแม่ของผม ถามผม

      “ครับ” ผมตอบแม่

      “งั้นแม่กลับบ้านก่อนน่ะ ไปเจอกันที่บ้านน่ะ พี่สาวเราเขาก็จะมาทานอาหารด้วยพร้อมกับหลานๆ” แม่ผมพูด

      “ครับแม่ แม่กลับไปก่อนดีกว่าผมว่าจะไปดูว่าพรุ่งนี้ผมมีคนไข้นัดกี่คน ผมจะได้จัดการเวลาได้ถูก และผมจะขับรถไปเองครับ”

      “เออ ภีม คนขับรถเขาบอกว่าเราให้คนไปขับรถใครมาจากผับรึ” แม่หันมาถามผม

      “รถของกันนะครับ พอดีเขาไป ธุระที่นั่นนะครับแม่” ผมบอกแม่แต่ไม่ได้บอกทั้งหมด

      “ปกติกันเขาไม่ใช่คนชอบดื่มไม่ใช่เหรอ” หญิงแม่ถามผมทันทีแสดงว่าแม่เดาว่าการที่กันตภณไม่ขับรถมาเองอาจจะเมา

      “เขาไปทำธุระนะครับและเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยนะครับแม่ ผมเลยไปพาเขากลับนะครับแม่ “ผมหันมาบอกหญิงแม่ของผม

      “มีอะไรทำไมไม่หันหน้ามาคุยกันล่ะ พ่อเราเขาก็บอกว่าเขาไม่ห้ามแล้วไง โตเป็นผู้ใหญ่กันแล้วน่ะ ยังมางอนใส่กันไปมา น่าจริงๆ “หญิงแม่ผมพูดก่อนจะหันไปหยิบกระเป๋า

      “แม่ไปน่ะ ขับรถดีดีน่ะภีม แม่เป็นห่วง” หญิงแม่หันมาบอกผม ผมพยักหน้าก่อนจะเดินเข้าไปในห้องทำงาน ไปเปิดคอมพิวเตอร์ในห้องทำงานของผม ผมเหลือบไปหยิบหนังสือที่ผมต้องพกติดตัวตลอด เกี่ยวกับอาการคนไข้ และในนั้น ผมสอดรูปถ่ายเอาไว้ รูปถ่ายตอนปีหนึ่ง ตอนที่ผมกล้าเปิดใจบอกความในใจกับกันตภณเขาและขอกันเป็นแฟนทันที ผมมองดูภาพนี้ทีไรผมก็ยิ้มมีความสุข เพื่อนผมถ่ายให้ กันนั่งทำหน้านิ่งสไตล์ของเขามาตั้งแต่เรียนมัธยมแล้ว และผมเองก็นั่งเอามือเท้าคาง สายตาผมที่มองกันตภณ มันแสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่าผมรักเขามากแค่ไหน

   ภีม// กันรู้ไหมว่าทำไม ภีมแอบชอบกันอ่ะ//

   กัน// อืมม นั้นซิ ทำไมอ่ะ// (สีหน้าที่นิ่งมากเหมือนเจ้าชายน้ำแข็ง ยิ้มก็แค่มุมปากนิ่งๆ)

   ภีม// นั้นซิ ทำไม ทั้งที่กันนะ ทำหน้าได้นิ่งมาก เดายากมาก ว่ากันอยู่ในโหมดไหน โกรธ ไม่พอใจหรือว่าดีใจ หรือเสียใจ เดายากมาก // และคนตรงหน้าหันมามองหน้าผม ขมวดคิ้วเป็นปมทันที

   ภีม// แต่สิ่งหนึ่งที่ภีมอ่านได้จากแววตากัน คือ //

   กัน หันมามองผมก่อนจะ //อะไรล่ะ//

   ภีม// กันรู้สึกยังไงกับภีมไง // ฝ่ามือหนาๆ นั้นประคองใบหน้าคนข้างๆ ของผมไว้ ก่อนที่ริมฝีปากหนาๆ ของผมจะประกบจูบ ริมฝีปากที่ดูบางเฉียบนั้น

   “ภีม ป๊ากูมา ไอ้เชี้ย” กันรีบผลักหน้าหล่อๆ ของผมออกทันที และทุกวันหยุด ป๊าของกันจะต้องมารับกันกลับไปอยู่บ้าน เพื่อช่วยม๊าของกันดูแลหลานแต่นั่นผมก็นัดเจอกันที่ห้างได้ เพราะว่ากันต้องตามรับตามส่งหลานไปเรียนพิเศษ ระหว่างนั่งรอก็ไปหาที่พลอดรักกันเหมือนหนุ่มสาวเขาทำกัน แต่ต้องแอบซ่อนมากกว่าเพราะว่าตอนนั้น ความรักแบบนี้ยังไม่มีใครกล้าเปิดเผยเหมือนเช่นปัจจุบัน

TBC
หน้า: 1 ... 6 7 8 9 [10]
สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด