บทที่ 5
ความรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำปลุกผมให้ตื่นขึ้นมาในบ่ายวันนี้ วันเสาร์เป็นวันหยุดที่ผมจะตื่นสายแค่ไหนก็ได้ ผมย้ายกลับมาอยู่คอนโดหลังจากผ่านเหตุการณ์นั้นมาหลายอาทิตย์โดยความยินยอมที่ไม่ค่อยจะเต็มใจเท่าไหร่ของคุณพ่อกับคุณแม่ ผมที่เคยชินกับชีวิตอิสระจึงโหยหาที่จะกลับมาอยู่ด้วยตัวคนเดียวมากกว่า หลังจากปล่อยเบาเสร็จจึงรู้สึกหิวนิดหน่อย ตัดสินใจไม่ล้างหน้าแปรงฟันแต่เลือกที่จะไปเปิดตู้เย็นดูว่ามีสิ่งไหนที่พอจะบรรเทาความหิวได้บ้าง แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะเจอแค่น้ำเปล่าสองขวดเพียงเท่านั้น แต่ด้วยความขี้เกียจที่มีมากกว่าความหิวจึงเลือกที่จะไปล้มตัวนอนบนโซฟาก่อนจะเปิดทีวีดูไปเรื่อยเปื่อย
ติ๊งด่อง เสียงแจ้งเตือนจากแอพลิเคชั่นไลน์เรียกความสนใจจากผมออกมาจากหน้าจอทีวี
‘ทักครับน้องสิบทิศ ’ ข้อความจากรายชื่อที่ผมเมมไว้ว่าพี่พิชญ์ส่งมาพร้อมอีโมติคอนรูปรอยยิ้ม
‘ครับ’ ผมพิมพ์ตอบกลับไปพร้อมกับที่อีกฝ่ายก็ขึ้นแสดงว่าอ่านแล้วทันที
‘เย็นนี้พี่ว่างนะครับ ยังจะมีโอกาสได้กินข้าวฟรีอยู่มั้ยครับ’
‘ได้สิครับ’ ผมพิมพ์ตอบกลับไป ‘วันนี้ผมก็ไม่ได้มีธุระที่ไหน ได้มีโอกาสเลี้ยงพี่พิชญ์สักที’
‘ดีใจจังครับ’ ‘แต่พี่มีเรื่องจะขอร้องทิศอย่างหนึ่ง’
‘ว่าไงครับ’
‘พรุ่งนี้วันเกิดแม่พี่ แต่พี่ยังไม่มีของขวัญให้แม่พี่เลย เพื่อนพี่ก็ไม่ว่างสักคน ทิศพอจะว่างไปช่วยพี่เลือกของมั้ยครับ’
ผมไม่มีเหตุผลต้องปฏิเสธเพราะตอนเย็นก็ต้องออกไปด้วยกันอยู่แล้ว ดีเหมือนกันอยู่เฉยๆก็เบื่อ สามสหายก็หายหัวไปไหนก็ไม่รู้
‘โอเคครับ’
‘งั้นเดี๋ยวสามโมงพี่ไปรับ โอเคมั้ยครับ’
ผมมองดูนาฬิกาที่บอกเวลาเกือบจะบ่ายสองโมงแล้ว
‘โอเคครับ’ ผมตอบกลับไป ก่อนที่อีกฝ่ายจะแสดงแค่อ่านแล้วแต่ก็ไม่ได้ตอบกลับอะไรมา ผมจึงกดปิดทีวีก่อนจะลุกไปอาบน้ำแต่งตัว เวลาหนึ่งชั่วโมงสำหรับผู้ชายขอบอกว่าเหลือเฟือครับ
ก่อนถึงเวลานัด 20 นาทีเสียงแจ้งเตือนจากแอพลิเคชั่นไลน์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง ผมที่กำลังฉีดน้ำหอมอยู่จึงผละออกมาดู
‘ทิศส่งโลเคชั่นให้หน่อยครับ พี่กำลังจะออกไป’
‘พี่มีแต่มอ’ไซทิศนั่งได้ป่าว’
‘ได้ครับ’ ถึงบ้านผมจะค่อนข้างมีฐานะ แต่ผมก็ไม่ใช่พวกคุณหนูที่จะนั่งได้แต่รถหรูนะครับพี่ อันหลังนี้ผมได้แค่คิดครับไม่ได้พิมพ์ตอบกลับไป
‘ครับ’ พี่พิชญ์ตอบกลับมา ผมจึงวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมก่อนจะกลับไปแต่งตัวต่อ
ไม่เกินยี่สิบนาทีพี่พิชญ์ก็ขี่รถมอเตอร์ไซมาจอดหน้าคอนโด ผมที่ลงมาก่อนแล้วจึงโบกมือให้ พี่พิชญ์ขี่รถสกูปปี้สีน้ำตาลมาจอดข้างหน้าผมก่อนจะเปิดหมวกกันน๊อคและยิ้มให้
“รอนานมั้ยครับ” เขากล่าวทักทาย
“พึ่งลงมาเหมือนกันครับ” ผมตอบกลับเขาไป ก่อนจะเดินอ้อมไปเพื่อที่จะก้าวขึ้นรถ
“เดี๋ยวก่อนครับ” พี่พิชญ์ยกมือห้ามผมไว้ ก่อนจะหยิบหมวกกันน๊อคที่ห้อยเอาไว้มาสวมให้ผม “เพื่อความปลอดภัยครับ”
ผมส่งยิ้มให้กับความหวังดีนั้นก่อนจะกล่าวขอบคุณ
“ขอบคุณนะครับพี่”
“ยินดีที่จะดูแลครับ”
“อะไรนะครับ” ผมสงสัยในคำพูดของเขา จึงแกล้งถามซ้ำอีกครั้ง
“เปล่า” เขาส่ายหน้า “ไปกันเถอะ อ้อ” เขาทำท่าเหมือนนึกอะไรออกก่อนจะเปิดฝาเบาะหยิบอะไรบางอย่างออกมา
“พี่ซื้อมาให้ เผื่อจะหิว” เขายื่นถุงเซเว่นฯให้กับผมก่อนจะเดินไปคล่อมรถและสตาร์ทรถรอ
“ขอบคุณครับ” ผมก้มมองดูถุงในมือ ก่อนจะก้าวขึ้นนั่งรถมอเตอร์ไซตามพี่เขา ขนมปังครัวซองก์กับนมสดมื้อนี้ อร่อยดีนะครับ
“แม่พี่ชอบอะไรเป็นพิเศษมั้ยครับ” ผมที่กำลังก้มดูของจากชั้นเงยหน้าขึ้นมาถามคนข้างๆ ที่มองผมอยู่
“อืม ไม่รู้สิครับ น้องทิศคิดว่าผู้หญิงเขาจะชอบอะไร” อีกฝ่ายถามกลับ
“ผมไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อยพี่ จะไปรู้ได้ไงเล่า”
“ก็ได้ข่าวมาว่า...” เขาพูดก่อนจะหยุดอยู่เพียงเท่านั้น
“ว่า...” ผมถามอย่างสงสัย
“สาวๆชอบเยอะ และก็มีแฟนเยอะด้วยนี่” พี่เขาพูดพลางหัวเราะ “นึกว่าจะรู้ใจผู้หญิงซะอีก”
“ไม่จำเป็นนี่ครับ ผู้หญิงเป็นฝ่ายเข้าหาผมเอง ผมไม่จำเป็นต้องเข้าใจพวกเค้าเพื่อที่จะเอาใจนี่ครับ” ผมตอบพลางยักไหล่
“งั้นเหรอครับ” เขาทำหน้านิ่งจ้องผม
“เอ่อ...” ผมรู้สึกไม่ค่อยชอบสายตานั้น “พี่คงคิดว่าผมเลวนะสิ”
“เปล่าๆ” พี่พิชญ์โบกไม้โบกมือปฏิเสธ “พีก็แค่คิดว่าเราน่ะน่าอิจฉา มีแต่คนชอบ”
“แน่นอน ก็ผมมันหล่อ” ผมพูดก่อนจะยักคิ้วส่งให้พี่พิชญ์ พี่เขาขำในท่าทีของผม
“แต่เสียดายที่เจ้าชู้ไปหน่อย”
“ไม่ได้เจ้าชู้ แค่อยากเจอเนื้อคู่เร็วๆ”
“อืม แล้วทิศชอบคนแบบไหนล่ะ” อีกฝ่ายจ้องหน้าผมก่อนจะถามคำถาม
“ไม่รู้สิพี่ ใครเข้ามาแล้วถูกใจผมก็คบ อืม...ผมก็ยังคิดว่าสักวันผมอาจจะเจอคนที่ทำให้ผมเลิกเจ้าชู้ก็ได้นะ แบบเป็นแม่ของลูกเลยอะไรงี้”
“งั้นถ้าทิศคุยกับใครแล้วถูกใจ ทิศก็จะยอมคบง่ายๆเลยเหรอ”
“อืม...ไม่นะ” ผมตอบก่อนจะกวักมือเรียกอีกฝ่ายให้ขยับหน้ามาใกล้พร้อมกับกระซิบบอก “ต้องสวยด้วยสิพี่”
อีกฝ่ายผละหน้าออกไปก่อนจะหัวเราะ “ร้ายนะเรา”
ผมยักคิ้วให้อีกฝ่าย “ขอบคุณครับ”
พี่พิชญ์วาดวงแขนแกร่งมากอดคอผมไว้ก่อนจะก้มลงมากระซิบข้างหู
“แล้วถ้าคนที่คุยด้วยไม่สวย แต่หล่อแบบพี่ พอจะให้ทิศตัดสินใจคบด้วยได้มั้ย” ผมหันไปมองอีกฝ่ายที่กำลังจ้องมองผมอยู่ ก่อนจะส่งยิ้มแหยๆไปให้
“ตลกละพี่” ผมพูดพลางกระเถิบตัวออกจากวงแขนแกร่ง อีกฝ่ายทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะชี้ไปที่ชุดบำรุงสุขภาพยี่ห้อดัง
“เอาอันนี้ละกัน” อีกฝ่ายหยิบสินค้าที่ตัวเองต้องการก่อนจะเดินไปจ่ายตังค์
ใจเต้นเฉยเลยไอ้สิบทิศ ผ่านผู้หญิงมาตั้งหลายคน จะมาหวั่นไหวกับผู้ชายคนเดียวไม่ได้นะเว้ย ผมส่ายหน้าเพื่อไล่ความคิดไร้สาระออกจากหัว ก่อนจะเดินตามอีกคนไป
เมฆฝนที่เริ่มดำมืดไล่หลังพวกเรามา ลมเริ่มพัดแรงขึ้นจนคนสองคนที่กำลังนั่งอยู่บนรถจักรยานยนต์รับรู้ได้ถึงแรงลมที่พัดเข้ามาปะทะร่างกาย หน้ากระจกหมวกกันน๊อคเริ่มมีหยดน้ำตกลงมาใส่ เป็นสัญญาณว่าฝนได้เริ่มลงเม็ดแล้ว อีกไม่ไกลก็จะถึงคอนโดของผม พี่พิชญ์ที่ทำหน้าที่สารถีก็เร่งความเร็วเพื่อไม่ให้เราสองคนอยู่ท่ามกลางสายฝนไปนานกว่านี้ ฝนเริ่มลงเม็ดที่ขึ้นและตกลงมาในที่สุด ไม่นานรถจักรยานยนต์สกูปปี้ก็มาจอดลงที่ใต้คอนโดในสภาพเปียกชุ่มไปด้วยกันทั้งคู่
“เปียกหมดเลย” ผมบ่น
“ทิศรีบขึ้นไปอาบน้ำไป เดี๋ยวจะไม่สบายเอา” อีกฝ่ายเตือนอย่างเป็นห่วง
“พี่พิชญ์ขึ้นไปที่ห้องก่อนมั้ยครับ” ผมชักชวนอีกฝ่าย “พี่ก็เปียกเหมือนกัน”
“ไม่เป็นไรครับ” อีกฝ่ายส่ายหน้าพร้อมคำปฏิเสธ “เดี๋ยวพี่จะรอฝนซาอีกหน่อยก็จะกลับแล้ว”
“แต่ว่า”
“ไปเถอะ” อีกฝ่ายดันหลังผมให้เข้าไป “ตัวเปียกนานๆเดี๋ยวจะไม่สบาย”
“แต่ว่า”
“ทิศ” อีกฝ่ายทำเสียงเข้ม “พี่ไม่เป็นไร ไปเถอะ”
“ครับ” ผมตอบรับอีกฝ่าย ก่อนจะหันหลังเดินจากมา เหลียวกลับไปมองเขาก็ยังยืนอยู่ที่เดิมพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ผม
ผมจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าและเช็ดหัวทันทีที่มาถึงห้อง ตาก็จ้องมองออกไปนอกหน้าต่างที่สายฝนยังคงตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย ใจก็นึกห่วงอีกคนที่ยังคงเปียกฝนที่ไม่รู้ว่าตอนนี้จะกลับไปหรือยัง เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงรีบเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบผ้าขนหนูสีขาวอีกผืนมาถือไว้ในมือ ก่อนจะเดินลงไปหาอีกคนที่หวังว่าจะยังอยู่ที่เดิม
แผ่นหลังกว้างที่หันหลังให้ประตูนั่งอยู่บนรถจักรยานยนต์คู่ใจ ผมเห็นดังนั้นจึงรีบเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะทักเสียงดัง
“ฝนตกหนักอยู่เลยนะพี่” อีกฝ่ายตกใจหันมามองผมก่อนจะยิ้มให้
“ตกใจหมดเลยทิศ”
“นี่ครับ” ผมยื่นผ้าขนหนูในมือให้ อีกฝ่ายยิ้มรับ
“ขอบคุณครับ”
“ผมว่ามันไม่หยุดตกง่ายๆหรอก พี่ขึ้นไปรอบนห้องผมก่อนมั้ยครับ”
“เอางั้นเหรอ”
“ครับ ตามสบายเลย ไม่ต้องเกรงใจ”
อีกฝ่ายพยักหน้าก่อนจะเดินตามผมขึ้นห้องไป
“ชุดพี่เปียกอะ” อีกฝ่ายบอกพร้อมกับจับชุดตัวเอง
“เข้าไปก่อนครับ” ผมดันหลังอีกฝ่ายให้เข้าห้องไป
“ชวนใครเข้าห้องบ่อยมั้ยเนี่ยเรา” อีกฝ่ายถามยิ้มๆ
“ไม่นี่ครับ” ผมตอบกลับ “นอกจากเพื่อนๆสามคนของผม ก็มีพี่นี่แหละครับ”
“อ้าว แล้วเวลามีแฟน...” พี่พิชญ์เว้นไว้คงเพราะคิดว่าไม่รู้จะพูดดีหรือเปล่า
“อ๋อ ก็โรงแรมบ้าง ห้องของพวกเธอบ้าง แล้วแต่กรณีอะครับ”
“เหรอ” อีกฝ่ายยิ้มกว้าง “ดีใจจัง”
“ดีใจอะไรครับ” ผมยื่นเสื้อผ้าของผมให้อีกฝ่ายได้เปลี่ยน ขนาดตัวของผมกับพี่พิชญ์ก็พอๆกัน จะต่างกันก็ตรงที่พี่พิชญ์จะมีกล้ามเนื้อสมส่วนมากกว่าผมนิดหน่อย แต่ก็คงจะใส่ด้วยกันได้
อีกฝ่ายไม่ตอบเพียงแค่ส่งยิ้มกลับมาให้ผม ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป
“พี่พิชญ์เอาชุดเก่าใส่ในตะกร้าไว้นะครับ เดี๋ยวผมซักให้” ผมตะโกนบอกอีกฝ่ายที่อยู่ในห้องน้ำ
เสียงประตูห้องน้ำที่ถูกเปิดออก พร้อมกับที่ใครอีกคนก้าวออกมา เสื้อที่ถูกพาดเอาไว้บนบ่าทำให้ร่างกายท่อนบนไม่ถูกปิดบัง กล้ามเนื้อสมส่วนที่ผู้หญิงคนไหนเห็นคงจะฟินกรี๊ดกร๊าดกันอยู่ไม่น้อย
“เสื้อตัวเล็กไปหน่อย” อีกฝ่ายพูดก่อนจะโยนเสื้อกลับมาให้ผม
“งั้นเดี๋ยวผมหาตัวใหม่ให้”
“เดี๋ยวสิ” อีกฝ่ายรั้งผมไว้ก่อนที่ผมจะลุกขึ้น “เช็ดหัวให้หน่อยดิ แฮ่ๆ” ก่อนจะเดินมายื่นผ้าขนหนูในมือให้ผมพร้อมกับนั่งลงข้างล่างเตียง
“หืม” ผมที่รับผ้าขนหนูมาถือแบบงงๆ ก็ยอมทำตามที่อีกฝ่ายต้องการอย่างว่าง่าย แปลกที่ผมไม่เคยทำแบบนี้ให้ใคร เพราะไม่มีใครเคยร้องขอผมแบบนี้ มีแต่คนที่จะทำให้ผมตลอดเวลาผมคบกับใคร
“สบายจัง” อีกฝ่ายพูดอย่างอารมณ์ดี
“หึหึ” ผมหัวเราะในลำคอ ความรู้สึกแปลกประหลาดได้เกิดขึ้นในหัวใจอีกครั้ง ไม่ใช่ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใคร แต่กับพี่พิชญ์ ผมว่ามันแปลก แปลกที่ผมมีความรู้สึกแบบนี้ให้ ทั้งที่พี่เขาเป็นผู้ชาย และไม่ใช่สิ่งที่ผมจะคิดว่าจะเกิดความรู้สึกแบบนี้กับคนคนนี้ได้
“ทิศ” อีกฝ่ายเรียกผมให้หลุดจากความคิดฟุ้งซ่านของตัวเอง
“ครับ”
“เช็ดขนาดนี้ เดี๋ยวผมพี่ก็ร่วงหมดหัวพอดี”
“ขอโทษครับ” ผมยกมือที่ขยี้หัวของพี่พิชญ์ออก พี่เขาหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะลุกมานั่งบนเตียงกับผม
“แล้วทำไมวันนี้ถึงว่างไปไหนมาไหนกับพี่ได้ครับ” อีกฝ่ายเปิดประเด็น “สาวๆไปไหนหมดฮึ”
“ช่วงนี้ไม่อยากจะคบใครว่ะพี่ กลัว”
“กลัว” อีกฝ่ายทำหน้าสงสัย “อย่างเรานี่นะกลัว กลัวอะไร”
ผมนึกไปถึงเรื่องที่คุยกับเพื่อนและเรื่องที่สงสัยกัน ก่อนจะส่ายหน้าให้อีกฝ่าย
“เปล่าครับ สงสัยตั้งแต่ที่มีภาพผมไปแปะประจานในวันนั้น สาวๆเลยกลัวไม่กล้าเข้าหามั้งครับ” ผมพูดติดตลก
“อ้อ” อีกฝ่ายทำท่าเหมือนนึกออก “ภาพที่...” อีกฝ่ายทำหน้าล้อเลียน
“หยุดเลยๆ” ผมปรามอีกฝ่าย “เจ็บใจนะรู้เปล่า แม่ง อย่าให้รู้นะใครทำ”
“หึหึ” อีกฝ่ายหัวเราะในลำคอ “ยังไม่รู้อีกเหรอ”
“ยังดิพี่”
“อีกไม่นานหรอก เมื่อถึงเวลาก็จะรู้เอง”
“หะ” ผมเงี่ยหูเข้าไปหาอีกฝ่าย “พี่ว่าไงนะครับ”
“พี่หมายถึง ความลับไม่มีในโลกหรอก เดี๋ยวทิศก็รู้ว่าใครทำ”
“ขอให้เป็นอย่างนั้นเถอะพี่ ผมจะได้เลิกกังวลกลัวเป็นพระเอกหนังผู้ใหญ่สักที”
อีกฝ่ายหัวเราะให้กับคำพูดของผม “สู้ๆ พี่อยู่ตรงนี้คอยช่วยเราเสมอนะ”
ผมยิ้มให้กับความหวังดีของอีกฝ่าย รู้สึกใจเต้นอีกแล้ว เฮ้ออออ สงสัยจะไม่ได้คบกับผู้หญิงมาสักพักละมั้ง จึงทำให้ใจเต้นกับผู้ชายคนนี้ได้
“ว่าแต่ เสื้อตัวใหม่พี่ได้ละยัง” อีกฝ่ายเรียกสติผมที่จ้องหน้าเขานาน ผมยิ้มเขินๆเป็นคำตอบก่อนจะลุกไปค้นเสื้อที่คิดว่าตัวใหญ่กว่าตัวเดิมให้
“พี่รอทิศเปิดใจอยู่นะ พี่จะได้ดูแลทิศจริงๆจังๆสักที”
จบตอน
จบไปอีกหนึ่งตอนแล้วครับ นี่ก็ผ่านมาครึ่งเรื่องหรือยังหว่า ไม่แน่ใจ 555555
ตอนนี้พี่พิชญ์ของเรายิ้มบ่อยเหลือเกิน ใครอยากเห็นรอยยิ้มของพี่พิชญ์ตามไปดูได้ที่ไอจีนี้เด้อ
IG: pakinball
ตอนหมีเจอไอจีพี่คนนี้แล้วอุทานของมาเสียงดังมากว่า เชี่ยยยย พี่พิชญ์ในอุดมคติชัดๆ
ปล.หมีไม่ได้รู้จักพี่เค้าเป็นการส่วนตัวแต่อย่างใด ขอความกรุณาไปกดหัวใจให้พี่เขาเงียบๆนะครับ 55555
ขออนุญาตเจ้าของไอจีด้วยครับ