ซีรีย์หวานอมขม : ภาค Sex on the Beach กับ Whisky on the Rocks
ช็อตที่ 7
ที่เดิม...เวลาเดิม...
และห้องกูก็อยู่ชั้นเดิม...
ห้องสุดท้ายที่ชั้นสี่...
แต่ตอนนี้บินหลาอยากจะภาวนาให้เขาย้ายห้องตัวเองมาไว้ที่ชั้นแรก
เพราะจะได้ไม่ต้องออกแรงแบกร่างยักษ์ลากขึ้นบันไดมาจนลิ้นห้อย
โธ่ชีวิตไอ้บินหนอ...ไอ้บิน...
ทำไมมึงถึงได้รันทดขนาดนี้วะ
โดนผู้ชายจูบเอากลางร้านท่ามกลางสายตาประชาชี
แถมยังโดนเฮียเจ้าของร้านเรียกเขาไปต่อว่า
ดีที่เฮียเอกเข้าใจว่าอีกฝ่ายเมาไม่ได้สติ
เลยไม่ได้ไล่ให้วงเขาออกจากร้านไป
แต่ก็ยังดุเสียงเข้มโทษฐานไปทำรุนแรงกับลูกค้าแบบนั้นได้ยังไง
“โห...เฮีย เข้าใจมั้ยเนี่ยว่าผมก็มีศักดิ์ศรีลูกผู้ชายนะครับ
จูบกับสาว ๆ จะไม่อะไรเลย
แต่นี่กับผู้ชายหุ่นเหมือนนักมวยปล้ำ
ผมควรจะยินดียืนให้มันจูบต่อไปเหรอ
ไม่เข้าไปกระทืบซ้ำให้จมดินก็บุญเท่าไรแล้ว
เฮียเอกพยักหน้าหงึก ๆ เหมือนเห็นใจ
แต่สุดท้ายกลับสั่งประหารเขาด้วยการบอกสั้น ๆ ว่า
“ลากมันกลับไปด้วย”
เฮ้ยยย!! เฮียยยย!!!
ทำไมทำกับผมอย่างนี้อ่ะ
เมื่อวานลากมันกลับไปทีก็ได้เรื่องไม่หยุด
แล้ววันนี้ยังจะต้องลากมันไปอีกรอบเหรอ
กูขอตายซะดีกว่า!!
พยายามเหลียวซ้ายแลขวาหาเพื่อนช่วยเหมือนเคย
แต่คนในวงกลับยืนนิ่ง มีไอ้เผือกเดินเข้ามาตบบ่าเบา ๆ คล้ายให้กำลังใจ
แต่คำพูดที่พ่นออกมากลับแตกต่างกันลิบลับ
“ทำใจเถอะวะ ว่าแต่...
แฟนมึงเนี่ยท่าจะชอบตบจูบเนอะ
คืนนี้เอาเบาะ ๆ พอนะมึง
ถ้าพรุ่งนี้เจ็บตูดมาสอนกีตาร์ไม่ได้
ก็อย่าลืมโทรบอกกูก่อนนะครับคุณครูบิน”
เชื่ยยย!!! ไอ้ควายเผือกกกกก!!!
ไอ้เพื่อนชั่ว ไอ้ทรยศ สันดานหมา!!!
เขาแทบจะคว้าเก้าอี้ใกล้ตัวขึ้นยกทุ่มคนกวนตีน
แต่โน้น...มันเผ่นไปไกลลับแล้ว
ทิ้งให้เขาหงุดหงิดหัวเสียไว้กับร่างใหญ่ยักษ์
ที่ยังคงนอนอืดเหมือนศพเพราะลูกถีบของเขา
...และสุดท้ายก็ต้องจำใจแบกมันกลับมาหอเหมือนเดิม
บินไขกุญแจประตูห้อง กดเปิดสวิสต์ไฟ
แล้วจึงแบกร่างคนเมามานอนบนเตียง
ก่อนถอนหายใจเฮือกด้วยความเหนื่อยหน่าย
...ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าเวลา 24 ชั่วโมงของวันนี้
มันช่างยาวนานผิดปกติกว่าทุกที
หรืออาจเป็นเพราะมีใครบางคน
เข้ามาปั่นป่วนชีวิตเขาให้วุ่นวายจนจับต้นชนปลายไม่ถูก
ดวงตาคมจ้องมองตัวต้นเหตุที่นอนหลับกรนคร่อก ๆ อย่างสบายใจ
...แล้วนี่ยังไง
กูต้องถอดรองเท้าให้มึงอีกแล้วใช่มั้ย
หรือกูควรถีบมึงไปนอนที่พื้นอีกเหมือนเดิมดี
นี่กูยังโมโหไม่หายเลยนะ
แต่จะให้ปลุกมันขึ้นมาโวยวายก็ใช่เรื่อง
เดี๋ยวแม่งเกิดทำอะไรบ้า ๆ ขึ้นมาอีกจะทำยังไง
แค่คิดว่าเหตุการณ์จะซ้ำรอยกับที่เคยเกิดก็ชวนให้คลื่นไส้
เขาจึงตัดสินใจคว้าผ้าเช็ดตัวไปอาบน้ำชำระล้างกาย
เพื่อดับความหงุดหงิดของตัวเองไปทั้ง ๆ อย่างนั้น
....
..
.
เสียงสายน้ำที่กระทบกันทำให้คนที่นอนอยู่ค่อย ๆ ปรือตาขึ้น
สมองยังคงสับสนด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่หลงเหลือ
ไกรศรยันกายขึ้นมา สะบัดศีรษะไล่ความมึน
มองสำรวจรอบ ๆ ห้อง
...ที่นี่ที่ไหนวะ
ดูคุ้น ๆ นะ แต่นึกไม่ออก
เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง
ก่อนหน้านี้ทำอะไร
กำลังอยู่กับเอมมี่เหรอ?
...ไม่ใช่
เขาเลิกกับเอมมี่ไปแล้ว
...แล้วตอนนี้เขาอยู่กับใครกัน
แกร๊ก
เสียงเปิดประตูห้องน้ำทำให้คนที่ตั้งคำถามหันกลับไปมอง
ร่างที่ก้าวเดินออกมาซึ่งพันผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ที่ท่อนล่างไว้ลวก ๆ
ในมือกำลังยกผ้าอีกผืนขึ้นขยี้เรือนผมที่เปียกชุ่ม
ก่อนจะชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าใครกำลังมองตนเองอยู่บนเตียง
“อ้าว...ตื่นแล้วเหรอมึง
ดีเลย เดี๋ยวมึงเคลียร์กับกูก่อน
รู้มั้ยว่ามึงทำเหี้ยอะไรลงไปบ้าง”
...อะไร
เขาทำอะไรลงไปเหรอ
จำได้ว่าคุยโทรศัพท์กับเพื่อน
แล้วก็บอกว่าตัวเองได้แฟนใหม่แล้ว
แฟนใหม่...
ใช่...คนนี้ไง
แฟนใหม่เขาเป็นนักร้องชื่อว่า บิน
ร้องเพลงเพราะ เล่นกีตาร์ก็เก่ง
แถมยังดูดี น่าดึงดูดสายตาใครต่อใคร
...ดูดีเสียจน
...เกือบจะโดนผู้หญิงแย่งไป
ภาพความทรงจำบางส่วนหมุนวนเข้าสู่สมอง
แม้จะยังไม่เต็มร้อยด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์
แต่เขายังจำอารมณ์คุกกรุ่นของตัวเองก่อนสลบไปได้
ไกรศรจึงพูดย้อนถามเสียงขุ่น
“ก็บินคิดจะนอกใจพี่ไม่ใช่เหรอ”
คำตอบที่ได้ยินทำเอาคนฟังแทบอยากจะเอาหัวคนพูดโขกกำแพงซ้ำให้สลบอีกรอบ
บินเขวี้ยงผ้าเช็ดตัวผืนเล็กในมือลงบนเตียง
โต้กลับอย่างหงุดหงิด
“นอกใจอะไรวะ!! นี่มึงเหี้ยพูดไม่รู้เรื่องอีกแล้วนะ
หรือยังไม่หายเมา งั้นนอนไปเลยมึง
พรุ่งนี้ค่อยคุยกันก็ได้
แม่ง เซ็งฉิบหาย!!”
ทว่า อีกฝ่ายกลับไม่ทำตามคำสั่ง
ซ้ำยังตะโกนตอบเสียงดัง
“ไม่!! พี่จะคุยให้รู้เรื่องวันนี้
ไหนบินบอกพี่สิว่าพี่มันไม่ดีตรงไหน!!
บินถึงคิดจะนอกใจพี่ไปหาคนอื่นเหมือนเอมมี่”
...เอมมี่
ชื่อที่ทำให้คนฟังนึกสะดุดใจ
เมื่อวานไอ้หน้ามึนมันก็พูดชื่อนี่ขึ้นมานี่หว่า
จำได้คลับคล้ายคลับมันพูดทำนองว่า
‘เอมมี่ อย่าทิ้งพี่ไป’
หรือว่า...
หรือว่า...
“นี่มึงเพิ่งอกหักมาจากเอมมี่อะไรนั้นใช่มั้ย”
คนถูกถามชะงักนิ่งไปอย่างเห็นได้ชัด
เบนหน้าหลบสายตา
ก่อนจะพูดตัดบทเสียงเรียบ
“พอเถอะพี่ไม่อยากพูดถึงมัน”
...ยิ่งเห็นท่าทีแบบนี้ก็ยิ่งเหมือนตอกย้ำบางสิ่ง
บางสิ่ง...
ที่ทำให้บินดูเหมือนเริ่มจะเข้าใจพฤติกรรมบ้า ๆ ทั้งหมดของคนคนนี้เป็นครั้งแรก
นี่อย่าบอกนะว่า...
“อย่าบอกนะว่า ที่มึงมาบังคับให้กูเป็นแฟน
ก็เพื่อจะเอาไว้แทนที่แฟนเก่าของมึงใช่มั้ย”
...คำถามทะลุตรงกลางป้อง
...และเป็นคำถามซึ่งคล้ายจะเป็นบทสรุปของทุกสิ่ง
ไกรศรนิ่งอึ้งไปชั่วครู่
ก่อนจะรีบเรียบเรียงคำปฏิเสธเสียงตะกุกตะกัก
“มะ...มันไม่ใช่อย่างที่บินคิดหรอก
พี่ลืมแฟนเก่าพี่ไปหมดแล้ว
ตอนนี้พี่มีบินเป็นแฟนคนเดียว”
คำตอบที่ได้ยินไม่ได้ช่วยอะไร
ซ้ำยังเพิ่มเชื้อไฟให้คนที่เพิ่งเข้าใจสาเหตุของความวุ่นวายทั้งหมด
พี่มีบินเป็นแฟนคนเดียว
อ๋อเหรอ กูควรจะดีใจงั้นสิ
แต่ท่าทางมึงขัดกับคำพูดมากเลยนะ
คิดว่ากูโง่เหรอ
ถึงกูจะมึนตามน้ำมึงไปหลายที
แต่กูก็มีสมองคิดเหมือนกัน
ว่าแต่มึงเถอะ มีสมองคิดบ้างหรือเปล่า
คิดบ้างมั้ยว่ามึงใช้วิธีเหี้ย ๆ พรรณนี้
แล้วจะแก้อาการอกหักของมึงได้
มึงเห็นกูเป็นตัวอะไร
คนดามใจ คนคั่นเวลา
หรือคนที่เอาไว้แกล้งเล่นสนุก ๆ รอแฟนเก่ามึงกลับมาหา
กูเข้าใจว่าอกหักมันเจ็บ
แต่มึงทำแบบนี้มันหยามกูเกินไป
กูก็เป็นคน...
มีศักดิ์ศรีเท่า ๆ มึงเหมือนกัน
ไม่ใช่เป็นตัวห่าอะไรที่มึงนึกอยากจะทำตามใจชอบยังไงก็ได้นะโว้ยยย!!!
“ออกไปจากห้องกูซะ”
บินพูดเสียงเย็น
ทว่าคนฟังกลับยังคงนั่งไม่ขยับ
“ไม่พี่ไม่ไป”
“กูบอกให้ออกไปไงโว้ย!!!”
คนโมโหตะโกนลั่นอย่างหมดความอดทน
อีกฝ่ายก็โต้กลับด้วยแรงอารมณ์ไม่แพ้กัน
“ไม่!! ทำไมต้องไล่พี่ด้วย
อ้อ...บินคิดจะไปหาคนอื่นมาแทนพี่เหรอ
เห็นพวกผู้หญิงนั้นมันดีกว่าพี่ใช่มั้ย
งั้นมานี่...
มาพิสูจน์กันว่าลีลาใครมันจะเด็ดกว่ากัน!!”
ท้ายประโยคร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นพรวด
เดินตรงเข้าไปหาร่างที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องน้ำ
ก่อนจะกระชากอีกฝ่ายลงบนเตียงนอน
แล้วโถมตัวทับขึ้นคร่อมทันที
“เฮ้ย!! มึงจะทำอะไรวะ
ปล่อยกูนะไอ้เหี้ยยย!!!
ปล่อยยย....อุบบ...อืมมมม”
คำร้องโวยวายถูกหยุดไว้ด้วยริมฝีปากที่ตะโบมจูบจาบจ้วงเร่งร้อน
บินได้แค่ครางอืออา พยายามจะดิ้นให้หลุดจากข้อมือแกร่งที่จับเอาไว้
แต่ขยับยังไงมือใหญ่ก็แกร่งเหมือนคีม
ซ้ำยังบีบแน่นให้เจ็บมากขึ้นไปอีก
เขาตั้งใจจะยกขาถีบหวังใช้ลูกไม้เดิม
ทว่าร่างด้านบนกลับโถมกายทับขาเอาไว้แน่น
ขยับดิ้นอย่างไรก็ไม่เป็นผล
บินจึงได้แต่ปล่อยให้ริมฝีปากซุกไซร้ไม่ยอมหยุด
ร่างกายที่เปลือยเปล่าถูกฝ่ามืออุ่นร้อนสัมผัสไปทั่ว
กลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้งในลมหายใจคลอเคลียใกล้ใบหน้า
ลิ้นร้อนโลมเลียกวาดเข้าไปในโพรงปากดูดดื่มราวกับจะกลืนกินเขาไปทั้งร่าง
ไกรศรหน้ามืดตามัว
ไม่สนแล้วว่าคนคนนี้เป็นชายหรือหญิง
...ขอแค่เขาได้พิสูจน์ตัวเองว่าไม่แพ้ใคร
...ขอแค่เขาได้ครอบครองร่างกายนี้
เพื่อไม่ให้คนอื่นมาแย่งของของเขาไปได้อีก
ร่างสูงจูบซ้ำไปที่ริมฝีปากหมายจะฉกฉวยความหวานซ้ำ
แต่บางสิ่งกลับขบปลายลิ้นเขาอย่างจังจนความเจ็บแล่นแปล็บ
สัมผัสถึงกลิ่นคาวเลือดคลุ้งในปาก
“โอยย!! เจ็บ!
นี่บินกัดพี่เหรอห่ะ!!”
ไกรศรตวาดลั่นอย่างโมโห
ทว่าคนที่อยู่ด้านล่างก็โต้กลับออกมาอย่างไม่ยอมแพ้
“เออสิวะ!! มึงจะได้เลิกบ้าสักที!!
กูรู้แล้วว่าทำไมแฟนมึงถึงเลิกกับมึง
ก็เพราะมึงเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้ไง!!
คิดถึงแต่ตัวเองไม่เคยคิดถึงความรู้สึกคนอื่น
มึงอยากทำอะไรก็ทำ
ไม่เคยสนว่ากูจะรู้สึกยังไงบ้าง!!
ถ้ามึงอยากนักก็เอาเลย!!
กูจะแหกขานอนนิ่ง ๆ ให้มึงเอาจนกว่ามึงพอใจ
แล้วต่อจากนี้จะไสหัวไปตายที่ไหนก็ไปซะ
ไม่ต้องเสือกมายุ่งวุ่นวายอะไรกับกูอีก!!”
สิ้นคำพูด...
...ทุกสิ่งหยุดนิ่ง
ไกรศรชะงักค้าง
คล้ายโดนค้อนทุบเรียกสติทั้งหมดให้กลับคืนมา
ดวงตาจ้องมองคนที่นอนอยู่ด้านล่าง
...คนที่กำลังจะถูกเขาพรากศักดิ์ศรีความเป็นผู้ชายไป
“บิน...”
เขาหลุดชื่อเรียกออกมาเบา ๆ
ทว่า อีกฝ่ายยังคงตะโกนท้าทายตอบกลับด้วยอารมณ์รุนแรงไม่จางหาย
“เอาสิ!! หยุดทำไมล่ะ
หรือต้องให้กูเรียกแฟนขา ผัวขาด้วยมั้ย
มันถึงจะสะใจคนอย่างมึง!!!”
...ที่หยุดก็เพราะว่าเขาเห็น
...เห็นว่านัยน์ตาคมที่จ้องมองมาเต็มไปด้วยน้ำตาเอ่อคลอ
ทว่ากลับยอมไม่ปล่อยให้ไหลริน
เหมือนคนตรงหน้าพยายามกลั้นมันไว้อย่างเต็มที่
กระนั้นก็ไม่อาจปิดบังความเจ็บปวดที่ฉายชัดออกมาได้
“บิน....
คือ...พี่....
พี่....”
ไกรศรพูดเพียงแค่นั้นแล้วก็นิ่งเงียบไป
ด้วยไม่รู้จะสรรหาคำพูดอะไรมาแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
อารมณ์ชั่ววูบที่เคยโหมกระหน่ำถูกพัดจางหาย
เขาคลายมือที่กำแขนของคนนอนอยู่
ก่อนจะถูกบินผลักให้ออกห่างอย่างง่ายดาย
แล้วเจ้าตัวจึงหันไปคว้าเสื้อผ้ากับกางเกงใส่ลวก ๆ เปิดประตูเดินออกไป
โดยทิ้งคนที่กำลังสับสนไว้ตามลำพังในห้อง
...จริงเหรอ
จริงเหรอที่เขาถูกทิ้งเพราะคิดถึงแต่ตัวเองไม่เคยคิดถึงความรู้สึกของคนอื่น
แล้วตอนนี้เขาควรทำยังไงดี
เขาต้องหัดคิดถึงใจคนอื่นใช่มั้ย
...คิดถึง
...ใจของบิน
เพียงแค่นึกชื่อเท่านั้น
ภาพแววตาที่เจ็บปวดก็ถาโถมเข้ามาแทนที่
ไม่ได้...
เขาต้องตามไปอธิบาย
ตามไปขอโทษบิน
ตามไปคุยกันให้เข้าใจ
คนที่หายเมาเป็นปลิดทิ้งลุกขึ้นรีบเดินไปเปิดประตู
วิ่งลงบันไดมาด้านล่างหอพักเพื่อหวังจะเจอคนที่ตามหา
แต่เหลียวซ้ายมองซ้ายขวา
กลับไม่เห็นแม้แต่เงา
บินหายไปไหนแล้ว
มอเตอร์ไซต์ก็ยังจอดอยู่ที่ร้านดนตรีอยู่เลยไม่ใช่เหรอ
ไกรศรพยายามชะเง้อคอมอง
เดินออกมายังถนนด้านนอก
ก่อนตัดสินใจวิ่งไปฝั่งขวา
...วิ่งออกไปแบบนั้น
ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่าต้องไปเริ่มจากที่ไหน
แต่ตอนนี้รู้แค่ว่าต้องคุยกับบิน
...อยากขอโทษ
...อยากปรับปรุงตัวใหม่
แล้วเขาก็จะสัญญาว่าจะไม่ทำตามใจตัวเองอีก
จะคิดถึงใจบินให้มาก ๆ
ให้สมกับการทำหน้าที่แฟนที่ดี
แต่ขอร้องล่ะ...
บินอย่าหายไปได้มั้ย
กลับมาคืนดีเหมือนเก่าเถอะนะ
แล้วบินจะให้ทำอะไรก็ยอมแล้ว
“บิน... บินอยู่ไหน...
บินพี่ขอโทษ...
กลับมาคุยกันก่อนนะบิน...
บิน...”
ไกรศรร้องเรียกชื่ออีกฝ่าย
ขาก็วิ่งไปตามถนนทั่วทุกซอยอย่างไม่หยุดพัก
นี่อาจจะเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่อกหัก
ที่ในหัวของไกรศรไม่ได้คิดถึงน้องเอมมี่ซึ่งคบกับมาสามปี
แต่กลับวนเวียนถึงหน้าคนคนหนึ่ง
คนธรรมดาที่เป็นเพียงนักร้องนำ
...ซึ่งเขาเพิ่งเจอกันแค่ในเวลา 24 ชั่วโมง
------------------------------------------------------------------------------------------------------
TBC