(ต่อ)
แว่วเสียงสั่นกระดิ่งดังมาจากที่ไกลแสนไกล อาจเป็นเสียงของเลื่อนซานตาคลอสก็ได้ใครจะรู้ อุณหภูมิลดต่ำระดับสิบกว่าองศา อากาศหนาวราวกับเอลซ่ามาเยือนเมืองไทย
คริสต์มาสมาถึงแล้ว ตามทางเท้าปรากฏแฟชั่นท้าลมหนาวมาให้เห็น ตึกอาคารต่างๆ ถูกประดับด้วยไฟสีแดงเหมือนต้นเบอร์รี่ ในขณะที่ห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ จัดแสดงไฟเกล็ดหิมะพร้อมต้นคริสต์มาสยักษ์ต้อนรับเทศกาล
ท่ามกลางบรรยากาศเฉลิมฉลอง ในห้องพักขนาดใหญ่ของคอนโดมิเนียมใจกลางเมืองสุดหรูยามเย็น พื้นที่บริเวณโซฟารับแขกหน้าโทรทัศน์จอยักษ์แบบฝังผนัง ปรากฏร่างเด็กหนุ่มแปดชีวิตนั่งล้อมวงกันอยู่บนพื้น
ทศทิศนั่งกอดพ่อครัวพร้อมเอาคางเกยหัวอีกฝ่ายจากด้านหลัง ข้างๆ เป็นเมธาที่นั่งฟังเพื่อนๆ คุยกันด้วยรอยยิ้ม บนตักของครูคณิตมีปิศาจร้ายผมสีน้ำตาลนอนหนุนหัวอยู่
ตรงข้ามเป็นหมอยากับเด็กประมงนั่งห่มผ้านวมผืนเดียวกัน ระหว่างประชุมสองคนนั้นแย่งผ้าห่มกันเป็นพักๆ ด้วยความหนาว แต่ถึงอย่างนั้นไฟก็ยังยืนยันว่าแบบนี้อุ่นกว่าต่างคนต่างห่ม
ปิดท้ายด้วยไดนาไมต์กับสามสี คู่หูนั่งตัวติดกันโดยมีผ้าพันคอผืนยาวเชื่อมพวกเขาเอาไว้
“เรื่องทั้งหมดมันก็เป็นแบบนี้แหละ”
เปมทัตส่งเสียงหลังเล่าสาเหตุที่ตัวเองทะเลาะกับเด็กโข่งจบ เสริมว่า “ซึ่งกูไปคุยกับน้องเดียร์มาแล้ว พอเห็นกูกับเท็นเข้าใจกันเขาก็เลยเอาไปบอกคนที่ตัวเองชอบบ้าง...”
“แล้วเป็นไง?” สามสีอดถามไม่ได้
“หมอนั่นตีตัวออกห่างจากน้องเดียร์จริงๆ” เท็นตอบ ดวงตายาวรีหม่นแสงลงอย่างนึกเห็นใจเด็กสาว “เราสงสารน้องเดียร์ เพื่อนๆ ช่วยน้องเดียร์ด้วยได้ไหม”
“ได้มันก็ได้อยู่หรอก แต่จะช่วยยังไงล่ะ” ไดนาไมต์เกาหางคิ้ว เมธาทำหน้ากังวล “เราว่ายังไงก็ทำให้น้องเดียร์กับคนที่เธอชอบกลับมาคุยกันก่อนดีไหม โดนตีตัวออกห่างไปแล้วนี่”
“แล้วมึงก็ยังไม่ได้บอกอาปิยะด้วย” ไฟพูดกับเท็น เขาเกาหัวแกรก “แต่ครั้นจะบอกเรื่องมึงกับไอ้เปรมตอนนี้เลยก็ไม่ได้อีก เกิดอาปิยะเข้าใจว่ามึงทิ้งลูกสาวเขาล่ะก็...”
“บ้านแตกแน่นอน” เท็นซุกหน้าลงกับไหล่พ่อครัวอย่างหมดแรง เป็นจังหวะที่โชเสนอ “ไม่เห็นยาก แค่ไปจับคนที่น้องเดียร์ชอบมาคุยกันก็จบแล้วนี่?”
“ก็จริงอยู่...” สามสีเปิดปาก “แต่คนๆ นั้นเป็นใครเราก็ไม่รู้จัก ในระดับที่ความสนิทสนมเป็นศูนย์แบบนี้ถ้าให้เกลี้ยกล่อมกันจริงๆ เปอร์เซ็นต์ที่จะสำเร็จมันมีไม่ถึงห้าสิบ”
“ถ้าจำเป็นเราอาจต้องเตรียมคำพูดเพื่อชักจูงเขา” ไดนาไมต์ลูบคางอย่างครุ่นคิด ก่อนจะยกขาสะกิดปิศาจร้ายที่นอนเล่นคุกกี้รันอยู่ “เฮ้ยส่งเสียงหน่อยเว้ย บทเงียบเรอะมึงอะ”
“เออฟังอยู่” เอื้ออังกูรบอก ดวงตาปิศาจสะท้อนภาพคุกกี้รสมะนาวกำลังวิ่งเข้าด่านหก ก่อนจะโพล่งว่า “ไม่เห็นยาก แค่ไปจับคนที่น้องเดียร์ชอบมาคุยกันก็จบแล้วนี่?”
“ไอ้โชพูดไปแล้ว” เปรมขมวดคิ้ว เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลนิ่งไป แล้วยักไหล่ “เออนั่นแหละ แต่คนๆ นั้นเป็นใครเราก็ไม่รู้จัก ในระดับที่ความสนิทสนมเป็นศูนย์แบบนี้ถ้าให้เกลี้ยกล่อมกันจริงๆ เปอร์เซ็นต์ที่จะสำเร็จมันมีไม่ถึงห้าสิบ...”
“นี่เปิดเทปวนปะวะเนี่ย” สามสีหันไปมอง ปิศาจร้ายกระพริบตา
“...ก็ถ้าจำเป็นเราอาจต้องเตรียมคำพูดเพื่อชักจูงเขา”
“ของกู๊!!” ไดนาไมต์สะบัดเท้าเตะตูดร่างสูงอย่างนึกโมโห “มึงไม่ได้ฟังที่พวกกูคุยกันเลยไง้!” ไฟเหงื่อตก “กูว่าฟังแหละไอ้เหี้ย เป๊ะทุกคำขนาดนี้”
เอื้ออังกูรบ่น “เบื่ออะ มีแต่คนพูดตาม...”
“มึงนั่นแหละ!!” เกือบทั้งวงแทบตะโกนเป็นเสียงเดียว
“เอื้อลุกมาคุยกับเพื่อนๆ ได้แล้ว” เมธาบอกอย่างอ่อนใจ เจ้าของชื่อบึนปากเหมือนเด็กโดนขัดใจ แต่สุดท้ายก็ยอมส่งสมาร์ทโฟนให้ครูคณิต
“เมเล่นต่อให้หน่อย”
“ครับๆ ไปคุยได้แล้ว” เมธารับมาเล่นต่อให้ เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลลุกขึ้นนั่ง ยกนิ้วแคะหูอย่างเกียจคร้าน
“ถึงไหนแล้วนะ?”
“...กูว่าปล่อยแม่งไปเหอะ” เปรมหรี่ตา ปิศาจร้ายส่งเสียง “เฮ้ยไม่เอา! เล่นด้วยๆ” ก่อนจะนิ่งไปคล้ายให้สมองประมวลผลครู่หนึ่ง แล้วถามว่า “คนที่น้องเดียร์ชอบนี่...ผู้ชายใช่มะ?”
“ผู้ชายดิ” เปมทัตตอบ คนฟังพยักหน้า “แล้วรู้ยังว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร?”
“ตอนนี้ยังไม่รู้...น้องเดียร์เรียนพิเศษอยู่ เขาบอกเรียนเสร็จเมื่อไหร่จะส่งรูปพร้อมประวัติย่อๆ อีกฝ่ายมาให้พวกเราช่วยดู” เปรมบอก เป็นจังหวะที่ไดนาไมต์พูดว่า
“งั้นระหว่างนี้เราคงต้องเตรียมวิธีเกลี้ยกล่อมผู้ชายไปก่อน เพราะถ้าดึงให้เขากลับมาหาน้องเดียร์แล้วเปิดอกคุยกับพ่อของเธอจนสำเร็จได้เรื่องก็แฮ้ปปี้”
“แล้วถ้าเกลี้ยกล่อมไม่ได้อะ?” โชเลิกคิ้ว สามสีลูบคางอย่างครุ่นคิด “สมมติถ้าเป็นแบบนั้นคุณปิยะก็คงจะจัดงานหมั้นต่อไป แถมน้องเดียร์ต้องไปเรียนต่ออีกแบบนี้ เผลอๆ อาจจะถึงขั้นให้แต่งงาน...”
“มึงบ้าจะเรอะ!!” แทบทั้งวงตะโกนพร้อมกัน สามสีทำหน้าซังกะตาย หงายมือเกร็งๆ “ก็มันเป็นเรื่อง ‘สมมติ’...”
“ถล่มงานแต่งเลยดีแมะ?”
เอื้ออังกูรเหยียดยิ้มกริ่ม ดวงตาปิศาจฉายแววนึกสนุก “เล่นแม่งเลย!”
“ภารกิจขโมยตัวเจ้าสาวสินะ” อัคคีเปิดปาก พอนึกถึงครั้งก่อนๆ ที่เคยลุยกันมาแล้วเลือดลมก็ชักสูบฉีด
“นี่พวกมึงจะไปพังข้าวของชาวบ้านเขาอีกแล้วเหรอ” โชมองอย่างเหนื่อยใจ เด็กหนุ่มตัวสูงเปล่งเสียง “กูว่าเราลองมาหาวิธีแบบสันติ...”
“น่าสนุกดีนี่! กูจองบทบู๊นะ อยากเป็นพระเอก!” พอดีกับที่ไดนาไมต์ร้องขึ้น ก่อนจะหันไปยิ้มกว้างให้คู่หู “มึงลุยคู่กับกูนะสาม! ระวังหลังให้กันไงมึง ต้องออกมาเท่แน่ๆ เลย!”
“...ก็ตามใจ” สุดท้ายสามสีก็ทำได้เพียงตามน้ำเท่านั้น เด็กประมงหันไปทางทศทิศ “เอาไงล่ะคุณชาย เจ้าพวกนี้พร้อมจะไปถล่มบ้านนายแล้วนะ?”
เด็กโข่งพยักหน้า “เราจะให้มาเรียเตรียมน้ำชาไว้ก็แล้วกัน”
“...นี่มันเข้าใจที่กูพูดใช่ปะ?” อันนี้ชลันธรหันไปหาพ่อครัว ฝ่ายหลังยิ้มเจื่อน “อา คิดว่านะ”
“คุณปิยะอะไรนี่มีลูกน้องไหม?” ไดนาไมต์หาข้อมูล เท็นนึกแล้วตอบว่า “มีเยอะกว่าของเรา” ในขณะที่สามสีซึ่งมีกระดาษกับปากกาอยู่ในมือตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบนั่งร่างแผนการยิกๆ
“เอาอาก้าถล่มแม่ง” เอื้ออังกูรยิ้มชั่ว โชคิ้วกระตุก “มึงจะยิงไอ้เท็นด้วยรึไงล่ะ”
“ก็ดีนะ?” ปิศาจร้ายหันไปยักคิ้วให้เด็กโข่ง ดวงตายาวรีคู่นั้นทอประกายเย็นชา เสียงทุ้มดังยะเยือก
“ทำได้ก็ลองดู”
เปรมหน้าซีด ร้องลั่น “พอๆ! ไอ้คู่นี้แยกเลย!” ให้ตาย...มีช่องเมื่อไรใส่กันทุกทีไอ้สองคนนี้
“แล้วจะบุกเข้าไปยังไงล่ะ?” เมธาถาม ทั้งห้องเงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนเอื้ออังกูรจะส่งเสียง
“บุกเป็นธีมเซอร์ไวเวอร์กันแมะ!” ใบหน้าหล่อร้ายเผยยิ้มกรุ้มกริ่ม “แบบพกอาวุธเข้าไปคนละอย่างสองอย่าง สู้กับลูกสมุนเสร็จก็ขโมยตัวเจ้าสาวออกมาไรงี้”
“แล้วก็ติดคุกกันหมดอะเหรอ” พ่อครัวถามหน้าเหนื่อย ไดนาไมต์สะบัดหัว “เฮ้ย! ไม่หมดดิ อย่างน้อยต้องให้มีสักคนรอดออกไป...”
“รอดไปซื้อข้าวผัดกับโอเลี้ยงมาให้พวกที่อยู่ในคุกสินะ” สามสีต่อให้ เด็กหนุ่มผมสีชมพูย่นคิ้ว “ฮื้อ มึงก็ว่าไปไอ้สาม...แต่พูดก็พูดเถอะ ถ้าตำรวจมาจริงๆ มึงว่าในหมู่พวกเราใครจะรอดออกไปวะ?”
โชนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง พูดหน้าเครียด “ไม่รู้ว่ะ...คือกูดูไม่เป็นไง แบบใครมีทักษะยังไงอะไรงี้”
“เอาตามความรู้สึกมึงดิ” ไดนาไมต์ยกยิ้มอย่างนึกสนุก
“ถ้าความรู้สึกกูเหรอ...” เด็กประมงกระพริบตา ก่อนจะตอบอย่างมั่นใจ
“กูว่ากูต้องรอดอะ”
“รู้สึกเห็นแก่ตัวด้วยนะอันนั้น” ไฟมองเอือมๆ ไม่วายบ่นว่า “มึงก็พูดอะไรเป็นลางไอ้ได แม่งรอดกันหมดนี่แหละ”
“มึงจ้างมโหรีไปวงนึงด้วยนะ กูจะได้ไปรำ” พ่อครัวขยับแขนขา อัคคีขมวดคิ้ว “แล้วมึงจะรำทำเตี่ยอะไร?”
“กูว่างของกูอีกแหละ” เปมทัตลอยหน้าลอยตา
“กูเอาอาก้ายิงไอ้เปรมก่อนเลยอะ” โชบอก พ่อครัวทำตาโต “เฮ้ยกูหลบได้นะเว้ย”
“พวกมึงพอเถอะ” สามสีฟังแล้วเหนื่อยแทน ก่อนจะหันไปทางตัวต้นคิด “ถามมึงเถอะเอื้อ สุดท้ายมึงคิดว่าใครเป็นคนรอด?”
คนฟังตอบแบบไม่เสียเวลาคิด “กูรอดดิ”
“ทำไมวะ?”
“ก็ระหว่างที่พวกมึงโดนตำรวจจับกูก็กลับมาจากห้องน้ำพอดีไง”
“เดี๋ยว!” เปมทัตยกนิ้วชี้เป็นเชิงให้หยุด “ที่พูดมาทั้งหมดนี่...คือมึงไปเข้าห้องน้ำอยู่เหรอ?”
เอื้ออังกูรตอบง่ายๆ “เออดิ บอกตอนไหนว่ามีกูด้วยอะ”
“ไอ้เห็นแก่ตั๊ว!!” ไดนาไมต์แทบกระโดดถีบขาคู่ แผดเสียงสำเนียงใต้ “ไอ้คนไม่มีหัวใจ๋!! ไอ้ด้าวหางหันเล!!”
“อีเหี้ย! เปลืองหมึกปากกากูร่างแผนการมากๆ” สามสีขยำกระดาษเขวี้ยงใส่ปิศาจอย่างนึกโมโห ไฟกุมขมับอย่างหมดแรง “ไอ้ห่า เสียเวลากูจริงๆ”
“นี่กูคาดหวังสาระอะไรจากเรื่องนี้วะ” โชทำหน้าจะร้องไห้เหมือนโดนหลอก เท็นกระพริบตาปริบๆ
“ตกลงไม่มีอาก้าแล้วใช่ไหม?”
“...เจ้าของบ้านอย่างนายมีปฏิกิริยาได้แค่นี้รึไง” พ่อครัวพิงอกกว้างอย่างอ่อนล้า เมธาหัวเราะ ก่อนจะดึงทุกคนกลับเข้าเรื่อง “ว่าแต่ยุ่งยากจังเลยนะ ถ้าเกิดคนที่น้องเดียร์ชอบเป็นหนึ่งในพวกเราล่ะก็เรื่องคงจบไปนานแล้วแท้ๆ”
สามสีถอนหายใจ “นั่นสิ หรือถ้าเป็นคนที่พวกเรารู้จักล่ะก็คงกินหมูสบาย เผลอๆ แฮ้ปปี้เอนดิ้งง่ายกว่าที่คิดด้วย”
“เฮ้ย แต่บู๊ส่งท้ายก็น่าสนุกอยู่นา” ไดนาไมต์ขยับข้อต่ออย่างคึกคัก ไฟเกาหางคิ้ว “ยังไงเราก็คงต้องรอข้อมูลจากน้องเดียร์ก่อนอยู่ดีนั่นแหละ”
ติ๊ง!
ตอนนั้นเองที่การรอคอยสิ้นสุดลง เปรมมองจอสมาร์ทโฟนของตัวเองแล้วเบิกตาโพล่ง “เฮ้ย! น้องเดียร์ส่งข้อมูลของผู้ชายคนนั้นมาให้แล้ว!”
“ไหน!!”
ทุกคนแทบจะพุ่งเข้ามาดูพร้อมกัน แผนการพวกเขาจะเป็นอย่างไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับประวัติของอีกฝ่ายนี่แหละ
“นายเดินทัพ อัศวรักษ์ ส่วนสูง 166 เซนติเมตร น้ำหนัก 59 กิโลกรัม อายุ 19 ปี...เฮ้ยเรียนอยู่ม.เดียวกับพวกเราด้วยนี่หว่า? คณะวิศวกรรมศาสตร์ปีหนึ่ง...”
ตอนนั้นเองที่นิ้วพ่อครัวเลื่อนจอมาถึงรูปถ่ายให้เพื่อนๆ เห็นทั่วกัน พลันดวงตาทุกคู่ก็เบิกโพล่ง
คนที่น้องเดียร์ชอบนั้น...
“ไอ้เดย์หรอกเรอะ!!” ****************************************************** *
สวัสดีค่าาาาาา า
ในที่สุด ! เรื่องก็จบแบบแฮ้ปเปรรรรรรรรร ร้ !
.. ตบมือแมะ 55555555555555 5
ทำไมแต่ง ๆ ไปเปรมมันแมนขึ้นทุกวัน ๆ
แต่ยังไงเท็นก็ยอมเป็นของกุ๊กอยู่ดีอะเนาะ 55555555 5
อีกยี่สิบห้าวันนิยายเรื่องนี้ก็จะครบรอบ 1 ปีแล้ว
เนิ่นนาน .. แต่ก็เร็วมาก ๆ เลยล่ะค่ะ 5555555 5
เป็นครั้งแรกที่แต่งนิยายจบ โอ๊ย ดีใจกับตัวเองจริง ๆ
ไป ไปกินหมูกระทะ 555555555 5
ตอนหน้าเป็นบทส่งท้ายแล้วค่ะ
พอรู้ว่าอีกฝ่ายคือใครแล้วจะเป็นยังไงต่อนะ ?
ขอบคุณสำหรับการติดตามและรอคอยค่ะ
ขอบคุณที่สนใจและใส่ใจนิยายบ้า ๆ บอ ๆ เรื่องนี้ค่ะ
ขอบคุณทั้งที่ออกสื่อและไม่ออกสื่อเลย
เอาแค่นี้ก่อนละกัน ค่อยทอล์คกันยาว ๆ คราวหน้า 55555555 5
โซนขายของ ฝากเพจด้วยนะคะ
iJune4S
น้องจูนคนเดิม เพิ่มเติมมีรูปที่พี่เกดวาดค่ะ 555555555 5
ก็ไปหลับ ๆ หู หลับ ๆ ตากดกันเป็นกุศลเนาะ 55555 5
ใครว่าง ๆ ก็ไปเล่นแท็ก #เสื้อกาวน์รุกเสื้อกุ๊กรับ ในทวิตเตอร์กันได้นะคะ
แล้วเจอกันตอนที่สามสิบเอ็ดค่าาา า