ตอนที่ 21
เติมตาพร่ามองใบหน้าซีดที่หนุนตักตัวเองบนรถ น้ำตาของเขาเอ่อรื้นนัยตาทั้งสองข้าง
“คุณ ได้ยินผมมั้ย อย่าหลับนะ แข็งใจไว้” เสียงสั่นของร่างบางคอยเรียกสติร่างตรงหน้า เลือดไหลออกจากบาดแผลไม่มีทีท่าว่าจะหยุด อุณหภูมิร่างสูงลดลงต่ำเรื่อยๆ หายใจหอบแผ่ว สติใกล้หลุดลอย
“พี่ครับ อีกไกลมั้ยครับ” เติมร้อนใจ ส่งเสียงถามคนหลังพวงมาลัย
“อีกนิดนึง โกดังมันอยู่ไกลตัวเมือง แต่เราก็ใกล้ถึงแล้วล่ะ คอยเรียกคุณเจไว้นะน้อง อย่าให้หลับนะ” คนเคร่งเครียดเหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็วเข้าไปอีก เขาห่วงคนเป็นอดีตนายเช่นเดียวกัน
เมื่อพ้นแยกสุดท้าย ป้ายโรงพยาบาลชื่อดังปรากฏแก่สายตา เติมเริ่มใจชื้น
“คุณ เราถึงโรงพยาบาลแล้ว แข็งใจไว้นะ อย่าหลับนะ” มือบางกุมมือเย็นของชายหนุ่ม รู้สึกได้ถึงแรงกระตุกรับรู้ของอีกฝ่าย
รถหยุดจอดเทียบ ประตูถูกเปิดออก เมื่อเจ้าหน้าที่เห็นสภาพคนบาดเจ็บ จึงจัดแจงเร่งรีบเป็นกรณีด่วนที่สุด
“คนไข้เสียเลือดมาก โดนอะไรมาคะ” นางพยาบาลจัดแจงถามข้อมูลระหว่างขนย้ายผู้ป่วยเร่งด่วน
“ถูกยิงครับ นัดเดียวที่ท้อง เกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว” เติมตอบเสียงสั่น มองดูนางพยาบาลที่กำลังช่วยเหลือชายหนุ่ม ภาวนาให้ปลอดภัย
“ฉุกเฉินค่ะ เตรียมห้องผ่าตัด คนไข้บาดเจ็บบริเวณช่องท้อง เสียเลือดมาก” เสียงเคร่งเครียดกรอกลงอุปกรณ์ส่งสัญญาณ เจ้าหน้าที่เร่งเข็นเตียงพาคนไข้เข้ารักษาด่วนที่สุด เติมรีบวิ่งตามจนถึงหน้าห้องผ่าตัด
นางพยาบาลในชุดเตรียมผ่าตัดสองคนยืนรอรับคนไข้
“ญาติรอข้างนอกนะคะ เดี๋ยวคุณหมอจะช่วยอย่างเต็มที่นะคะ” เติมถูกกันเอาไว้หน้าห้อง รู้สึกเคว้งคว้าง
มืออุ่นหนึ่งแตะเข้าที่แขนเขา เป็นนางพยาบาลชุดขาวสะอาดอีกคน
“คุณก็บาดเจ็บนะคะ ไปทำแผลก่อนเถอะค่ะ” เติมเพิ่งรู้สึกตัวว่า หางคิ้วของเขามีเลือดไหลเป็นทาง คงเป็นตอนที่เขาล้มลงไป
กระแทกลังไม้นั่น ร่างบางไม่มีความเห็นใด ได้แต่เดินตามนางพยาบาลไปทำแผล
บาดแผลหางคิ้วไม่ใหญ่นัก เติมใช้เวลาทำแผลไม่นาน เมื่อเดินกลับมาที่หน้าห้องผ่าตัดก็พบว่าพี่กริชกำลังนั่งเฝ้ารอคนไข้อยู่เช่น
กัน
“พี่กริชครับ” เติมเรียกแผ่วเบา
คนตรงหน้าหันมา เห็นสภาพคนตัวเล็กแล้วสงสารจับใจ ผ้าปิดแผลที่ปิดอยู่ที่หางคิ้วขวา แก้มซ้ายที่บวมชัด อีกทั้งตาข้างซ้ายที่แดงก่ำจากเส้นเลือดฝอยแตกเพราะถูกแรงฟาดไม่ออมมือนั่น กับเสื้อผ้าที่เกือบจะเปื้อนเลือดไปทั้งชุด
มือใหญ่เอื้อมมือประคองคนตัวเล็กลงนั่ง
“ทำแผลเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย” เอ่ยถามด้วยความห่วงใย ร่างเล็กพยักหน้าตอบ
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นเครื่องของคนตัวเล็ก เติมหยิบออกมาจากกระเป๋ากางเกง แม้แต่โทรศัพท์ของเขายังเลอะรอยเลือด
ร่างบางใจชื้นเมื่อชื่อบนหน้าจอคือเพื่อนสนิท
“ฮัลโหล ทิป”
“เฮ้ย เติม กุอยู่ตลาดหนองมน มึงจะเอาข้าวหลามมั้ย” เสียงร่าเริงของเพื่อนอยู่ปลายสาย เติมไม่รู้จะตอบว่าอะไร ปล่อยเสียง
ร้องไห้โฮ
“เฮ้ย เติม มึงเป็นอะไร” ทิปร้อนรนทันทีเมื่อเพื่อนตัวเล็กของเขาดูจะกำลังเดือดร้อน
“ทิป....” ร่างบางเอ่ยอะไรไม่ออก น้ำตาไหลอาบ
“เติม มึงอยู่ไหน เดี๋ยวกุไปหา เติมได้ยินกุเปล่า” ทิปร้อนรนหนักเมื่อสัมผัสได้ว่าเติมดูท่าจะไม่ไหว
ร่างบางตั้งสติ บอกที่ตั้งโรงพยาบาล อย่างน้อยมีคนที่เขาคุ้นเคยอยู่ด้วยในเวลานี้ก็ยังดี
“โอเค กุอยู่ไม่ไกลมาก เดี๋ยวไม่น่าเกินชั่วโมงกุไปหา ทำใจดีๆนะมึง” ทิปวางสาย หันไปบอกพ่อและแม่ว่าต้องไปหาเติมที่โรงพยาบาลที่เพิ่งขับผ่านมาไม่นานนี้
“ป๊า ผมเอารถคันเล็กไปนะ อาอี๊กับกู๋กลับไปพร้อมกับแม่ก่อนนะครับ”
“เออๆ รีบไปดูเติมเถอะ เป็นอะไรมากรึเปล่าไม่รู้” เสียงอาป๊าทิปดูห่วงใยเพื่อนสนิทลูกชาย
ไม่ถึงชั่วโมง ทิปมาถึงที่หมาย ขาเรียวรีบก้าวเข้าตัวตึก เมื่อเดินไปถึงหน้าห้องผ่าตัด เห็นสภาพเพื่อนตัวเองแล้วใจหาย มือสั่น
“ไอเติม! ทำไมมึงเปื้อนเลือดไปทั้งตัวขนาดนี้วะ” ทิปตกใจที่เห็นเลือดแห้งกรังตามชุดเพื่อนตัวเล็ก
เมื่อเติมเงยหน้าขึ้นมองเพื่อน ทิปก็ยิ่งใจแป้วเมื่อเห็นสภาพใบหน้าที่เหมือนโดนซ้อมมาดีๆนี่เอง สองมือเอื้อมโอบไหล่บางเข้ากอด สงสารเจ้าตัวเล็กจับใจ
“เลือดคุณเจหรอ” ทิปเอ่ยถาม ร่างเล็กพยักหน้า สะอื้นหนักอีกครั้ง
“เจถูกยิงครับ ตอนนี้กำลังอยู่ข้างในห้องนี่” เป็นชายหนุ่มอีกคนที่นั่งติดกันเอ่ยเสียงตอบ กริชคิดว่าตอนนี้คนตัวเล็กคงพูดอะไรไม่รู้เรื่องเท่าไหร่
ทิปหันไปขอบคุณและพูดคุยบางอย่างด้วยอีกนิดหน่อย
“เติม เดี๋ยวกุเอาเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยน รอกุแป๊บนึงนะ เดี๋ยวมา” ทิปตัดสินใจกลับไปที่รถเพื่อหาเสื้อผ้าของตนเองมาให้เพื่อนเปลี่ยน ให้อยู่ในสภาพแบบนี้ไม่ไหว
ไม่นานทิปกลับมาพร้อมเสื้อผ้าในมือ อีกมือหนึ่งถือถุงจากร้านสะดวกซื้อ ข้างในมีของกินและน้ำดื่มมาเผื่อสองคนที่นั่งเฝ้าคอยอยู่หน้าห้อง
“นี่ครับพี่กริช รองท้องไว้หน่อยก็ดีนะครับ คงคอยกันอีกนาน” ทิปยื่นขวดน้ำเย็นกับขนมรองท้องให้ชายหนุ่ม
“ขอบคุณครับ” คนอาวุโสกว่ายิ้มให้
ส่วนคนตัวเล็กส่ายหน้าไม่ยอมกินอะไร บอกว่ากินไม่ลง
“งั้นมึงกินแค่นมกล่องนี้ก็ได้ รองท้องหน่อยนะ อย่าเป็นอะไรไปอีกคน” เติมเห็นแก่ความห่วงใยของทิปจึงรับมากิน แต่แค่ 2-3 อึกก็วางนิ่ง
“เออ ไม่กินก็ไม่กิน งั้นกุพาไปเปลี่ยนเสื้อ”
จากแรงบังคับด้วยความห่วงของทิป สภาพเติมในตอนนี้จึงดูดีขึ้น เสื้อผ้าสะอาดแม้หลวมอยู่บ้าง เผ้าผมที่มัดเก็บขึ้นเรียบร้อยด้วยหนังยางจากร้านสะดวกซื้อ แล้วทิปยังใช้ผ้าเย็นผืนใหญ่ที่ซื้อมาช่วยเช็ดหน้าเช็ดตา และคราบเลือดตามตัวบางส่วนออกให้ด้วย
“ขอบใจว่ะมึง” เสียงเนือยของเพื่อนตัวเล็กเอ่ย รู้สึกดีขึ้นบ้างที่ทิปมาอยู่ด้วยตอนนี้
หลังประตูห้องผ่าตัด บรรยากาศภายในยังคงเขม็งเครียดเมื่ออาการคนไข้ไม่สู้ดี ร่างสูงเสียเลือดในปริมาณมากกว่าจะมาถึงโรงพยาบาล แล้วยังเลือดที่ออกมากในช่องท้องภายใน เหล่าแพทย์ต่างเร่งมือยื้อยุดชีวิตชายหนุ่มจากมัจจุราช
“อัตราหัวใจยังบีบตัวถี่เกินค่ะ ความดันเลือดก็ไม่เพิ่ม” ผู้ช่วยรายงานอาการด้วยความกังวล
“ขอเลือดเพิ่มครับ” แพทย์ใหญ่ออกคำสั่ง
ขายาวก้าวเนิบฝ่าไอหมอกหนาเยือกเย็นรอบกาย ความเย็นเยียบแทบไหลเข้าซึมในกระดูก แต่ชายหนุ่มก็ไม่รู้จะเดินไปทางไหน เขามองอะไรไม่เห็น ได้แต่ก้าวเดินไปเรื่อยๆ เร็วบ้าง ช้าบ้าง แต่ยังไม่เห็นว่าจะมีทางไหนที่จะพ้นไปจากสายหมอกนี้ จิตใจเป็นกังวล เขาหลงมาอยู่ที่ไหนกัน
ร่างสูงพยายามนึก ทำไมเขาถึงได้มาอยู่ตรงนี้ ก่อนหน้านี้มันเกิดอะไรขึ้น หากนึกเท่าไรก็ไม่อาจเป็นผล เขานึกอะไรไม่ออกสักอย่าง ขายาวเริ่มสาวเท้าเร็วขึ้น อยากจะเร่งรีบออกไปจากตรงนี้
“อย่าไปทางนั้น” ร่างสูงชะงักเมื่อได้ยินเสียงหวานอ่อนโยนของใครบางคน หันหลังไปก็ได้พบหญิงสาวหน้าตางดงามในชุดผ้าฝ้ายบางเบาสีงาช้าง รอยยิ้มที่ทอดมาให้เจือความอบอุ่นและห่วงใย
รอยยิ้มนี้ เขาเคยเห็นมาก่อน แต่ตอนนี้เขากลับนึกไม่ออก
“หากไปทางนั้น คุณจะไม่ได้พบกับคนสำคัญของคุณอีกเลย” เสียงหวานเอ่ยเตือนห่วงใย
“คนสำคัญ?” หัวใจชายหนุ่มรัวเร็วขึ้น ความรู้สึกของเขาบอกว่าเขายังมีใครอีกคนหนึ่งรอเขาอยู่ แต่ไม่รู้ทำไม เขานึกอะไรไม่ออกเสียเลย
“เดี๋ยวคุณจะนึกออกเอง หันหลังกลับไปเถิด ทางข้างหน้านั้นยังไม่ถึงเวลาของคุณ” มือบางอบอุ่นยื่นมากุมมือของเขาไว้ แววตาใสนั้นมองขึ้นสบตาเขาอ่อนโยน
“รีบไปซะ อย่าหันหลังกลับมาอีก” มือบางนั้นรุนหลังเขาให้กลับไปทางเดิมที่เขาก้าวจากมา
ขายาวรีบเร่งก้าว จนเปลี่ยนเป็นวิ่ง ยิ่งเขากลับมาทางเดิมมากเท่าไหร่ก็เหมือนจะนึกอะไรๆออกมากขึ้น
“เติม” เสียงแผ่วหลุดจากริมฝีปาก ใจเขาเต้นระรัวอีกครั้งเมื่อนึกได้ถึงชื่อใครคนนี้
พลันแสงอบอุ่นสว่างจ้าสาดเข้ามาจนมือใหญ่ต้องยกขึ้นกำบัง
ก่อนแสงอุ่นนั้นจะกลืนกลบร่างเขา ชายหนุ่มนึกถึงคนอีกคนหนึ่งขึ้นมา หญิงสาวแววตาอ่อนโยนเมื่อครู่
.....อาม่า
ประตูกระจกตรงหน้าเปิดออกหลังจากกินเวลาล่วงเลยไปเกือบสามชั่วโมง คุณหมอเจ้าของไข้ก้าวเดินออกมาทันที เติมลุกขึ้นยืน หัวใจเต้นแรง ทั้งกลัวและทั้งหวังกับคำตอบ
“คนไข้พ้นอันตรายแล้วครับ” รอยยิ้มเผยบนใบหน้าที่ฉายแววเหนื่อยอ่อน
“ขอบคุณครับหมอ ขอบคุณมากเลยครับ” เติมกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว สะอื้นไห้อีกครั้ง เขาดีใจจนบอกไม่ถูก เวลาสามชั่วโมงที่ผ่านมาเหมือนถูกทรมาน ความเหนื่อยล้าที่ประคองมาหลายชั่วโมงถูกปลดปล่อย แขนอุ่นของทิปโอบกอดไหล่บาง เขารู้สึกโล่งใจพอกัน
**************************************************************************
เจเดนรอดแล้วนะทุกคน
คนอ่านน่ารักจังเลยค่ะ เอาใจช่วยกันสุดๆ
อย่างนี้คนแต่งก็สู้ด้วย จะพยายามเข็นจากเตาร้อนๆให้ได้ทุกเย็นนะคะ
รักคนอ่านจุงเบยยยยย