คุณรู้จักเกี๊ยวไหม ? เกี๊ยวที่ไม่ใช่ชื่ออาหาร แต่เป็นชื่อของไอ้เด็กจอมดื้อที่อยู่ในการดูแลของผม
ถ้าถามว่าทำไมผมถึงต้องมาดูแลเด็ก ก็เพราะว่ามันเป็นงานน่ะสิ งานที่ถูกพ่อแม่เขาวานให้ดูแลลูกชายช่วงที่ตัวเองไปฮันนีมูนกันโดยทิ้งเงินไว้สามพัน แต่สาบานให้ตาย ผมปวดหัวกับเด็กนี่จนลืมเรื่องเงินไปเลย
"เกี๊ยว เกี๊ยว มากินข้าว"
ผมตะโกนเรียกไอ้เด็กที่เอาแต่เล่นเกมอยู่บนห้องนอน เรียกอยู่สามสี่ครั้งกว่าไอ้เด็กดื้อนี่จะยอมเดินเอื่อยเฉื่อยมากินข้าว
"ผมบอกแล้วไงว่าไม่ชอบกินแครอท"
"อายุสิบเจ็ดแล้วยังเลือกกินอีกเหรอ หัดกินซะบ้าง แครอทมีประโยชน์"
คนตรงหน้าเขี่ยแครอทมาโยนใส่จานข้าวผมแบบไม่ถามความสมัครใจ เมื่อเห็นอย่างนั้นผมก็ส่ายหน้ากับความเลือกกินของเด็กนี่ก่อนจะตักแครอทเข้าปากอย่างเสียไม่ได้
"เออพี่ พรุ่งนี้ผมไม่กลับบ้านนะ ทำรายงานบ้านเพื่อน"
"รายงานอะไรต้องไปนอนค้าง พี่ช่วยทำก็ได้"
"ก็มันงานกลุ่ม ก็ช่วยๆกันทำไงพี่ วู้ ไม่เข้าใจเหรอ"
"งั้นพี่ไปด้วย"
พูดแล้วก็ชี้หน้าเด็กเกี๊ยวพร้อมส่งสายตาดุเป็นสัญญาณว่าห้ามเถียง
หลังจากกินข้าวเสร็จ ไอ้ตัวยุ่งก็ตั้งท่าจะขึ้นไปเล่นเกมบนห้องอีกครั้ง ผมว่าเด็กนี่ชักจะติดเกมเกินไปแล้ว คิดได้อย่างนั้นก็กระชากคอเสื้อไว้ให้นั่งดูทีวีด้วยกัน เจ้าตัวฮึดฮัดตามประสาคนโดนขัดใจ
"จริงๆพี่แค่คอยมาทำกับข้าวก็ได้นะ ไม่ต้องอยู่กับผมยี่สิบสี่ชั่วโมงหรอก"
"มีปัญหา?"
"ก็ไม่มี แค่แบบ...พี่แม่งยิ่งกว่าแม่อีก"
ผมหัวเราะ ที่แท้ก็แค่รำคาญ อันที่จริงผมจะทำแบบนั้นก็ได้ แต่ไม่รู้สิ ผมคิดว่าปล่อยเด็กนี่ไว้ไม่ได้ เขาเรียกว่าอะไรนะ? 'เป็นห่วง' งั้นเหรอ
.
.
.
วันนี้ผมมารับเด็กดื้อที่หน้าโรงเรียนเพราะจะตามเขาไปบ้านเพื่อนด้วย ไม่ใช่ว่าไม่ไว้ใจนะ แต่เด็กผู้ชายวัยนี้อย่าให้ได้รวมกลุ่มกันเลย เหล้ายามาหมด บางครั้งเด็กก็แพ้คำว่าอยากลองง่ายๆ
"เกี๊ยว!!"
ผมตะโกนเรียก แอบเห็นว่าไอ้เด็กกวนประสาทนี่จงใจเดินหนีผม ได้เกี๊ยวได้ กล้าเดินหนีพี่เหรอ
"น้องเกี๊ยวครับ เลิกงอนพี่เถอะนะ ดีกันน้าที่รัก"
จงใจตะโกนดังๆให้ได้ยินกันทั่ว เห็นว่าคนแถวนั้นพยายามมองหาคนชื่อเกี๊ยว ไอ้เกี๊ยวเจ้าของชื่อรีบวิ่งมาหาผมแล้วลากไปที่อื่นทันที ก็บอกแล้ว อย่าหือกับพี่
"พี่เล่นบ้าอะไรวะ!!"
พอพ้นรัศมีคนไปได้ก็หันมาโวยวาย ก็ช่วยไม่ได้ อยากเดินหนีผมก่อนเอง ก็บอกแล้วว่าจะไปด้วย
"จริงๆพี่ไม่ต้องมาก็ได้"
"บอกมาก็พอว่าบ้านเพื่อนอยู่ไหน"
ไอ้ดื้อทำท่าเหมือนอมของขมไว้ในปาก สุดท้ายก็ยอมขึ้นรถแล้วบอกทาง แต่ผมก็สังเกตนะว่าไอ้หนูลุกลี้ลุกลนแปลกๆ
"หลังนี้แหละพี่ แต่ผมว่าพี่อย่ารอเลย ค่อยมารับก็ได้"
"ขี้เกรงใจตั้งแต่เมื่อไหร่ ฮึ เราน่ะ"
ผมไม่สนคำคัดค้าน หาที่จอดแล้วเดินลงไปกดออดหน้าบ้านทันที
ไม่นานก็มีคนเดินมาเปิด เขายกมือไหว้นิดๆ ท่าทางดูเป็นคนกวนๆแต่ก็ไม่ถึงกับเกเรอะไรมาก
ผมเข้ามานั่งในบ้าน ท่าทางพวกเด็กๆดูเกร็งไปหมด อะไรวะ หน้าพี่ก็ไม่ได้โหดขนาดนั้น ไม่ได้มากินหัวใคร
"พวกมึง กูให้พี่ซื้อเบียร์ให้ละโว้ย"
เสียงหนึ่งดังขึ้นมา หน้าบ้านมีเด็กอีกประมาณ 3 คนยืนถือถุงใส่ขวดเบียร์ ผมหันหน้าไปมองเกี๊ยวทันที ไหนรายงานของมึงไอ้เจี๊ยว
"เกี๊ยว!! กลับบ้าน!!"
ไอ้เกี๊ยวงอแงใหญ่ มันยอมบอกว่าวันนี้กะจะลองกินเบียร์กับเพื่อนๆดู แต่ผมก็มาขัดซะก่อน นี่ไงถึงไม่ไว้ใจให้อยู่กับเพื่อน เอาจริงๆอยากลองไม่ผิดหรอก แต่เขาควรบอกผมและกินอย่างพอดี นี่ซื้อกันมาแบบไม่รู้ลิมิตตัวเอง
เย็นวันนั้นไอ้ดื้องอนไม่ยอมให้ผมเข้าห้อง เอ๊ะ ผมบอกพวกคุณไปรึยังนะว่าเรานอนด้วยกัน?
น่า น่า แค่สามคืนเท่านั้นแหละ วันนี้ก็วันสุดท้ายแล้วที่ผมจะได้มาดูแลไอ้ดื้อแบบนี้ พรุ่งนี้พ่อแม่เด็กนี่ก็กลับมาแล้ว หน้าที่ของผมก็จบลง
"เปิดประตูเร็วๆไอ้เจี๊ยว พี่ง่วง!!"
"เกี๊ยวไม่ใช่เจี๊ยว!!"
"ถ้าไม่เปิดจะไปหากุญแจมาไขแล้วนะโว้ย ถ้าเข้าไปได้โดน!!!"
แอ๊ด...
สิ้นเสียงผมไม่นานประตูก็เปิด เห็นไอ้เกี๊ยวนอนคลุมโปงอยู่ ผมรีบเดินตามไปนอนบนเตียงแล้วกอดมันไว้แืนหมอนข้าง
"ออกไปเลย.."
"น่า..คืนสุดท้ายแล้วนะครับ"
ผมพูดแล้วถือโอกาสหอมแก้มเกี๊ยวแรงๆด้วยความหมั่นเขี้ยว ไอ้เกี๊ยวไม่พูดอะไรนอกจากทำหน้าโกรธ แต่ขอโทษเถอะ หน้าแดงแบบนั้นใครมันจะกลัว
หืม?
ผมลืมบอกเรื่องสำคัญเหรอ
หืม...จริงสิ
ผมลืมสินะ
งั้นพวกคุณคงยังไม่รู้
ว่าผมกับเกี๊ยว
เรา'คบกัน'อยู่
.
.
.
.
.
อ่า...คุณแม่เนี่ย ฝากปลาย่างไว้กับแมวจริงๆ