"ตั้งใจทำงานนะครับจะได้มีเงินมาเลี้ยงเจ้าแฝดเยอะๆ เนอะ"ติดแฮชแท็ก #พี่ควอตซ์น้องเหนือ ในทวิตเตอร์ ✽ ✽ ✽ ต่อจากคราวที่แล้วค่ะ ✽ ✽ ✽
ควอตซ์กำลังนึกแปลกใจกับท่าทางของน้ำเหนือที่วันนี้ดูแปลกไปกว่าทุกวัน จะเรียกว่าอะไรดีนะ...
แมวน้อย... ติดเจ้าของประมาณนั้นก็คงได้ เพราะว่าตั้งแต่เช้าน้ำเหนือแทบจะไม่ยอมห่างจากควอตซ์ไปไหนเลย ร้องขอตามมาที่บริษัทด้วย และพอไม่ยอมก็ทำท่าจะร้องไห้จนคนช่างตามใจอย่างควอตซ์ต้องยกมือยอมแพ้และพาน้ำเหนือมาที่บริษัทด้วยกัน
น้ำเหนือติดควอตซ์มาก... จนคุณหญิงมรกตและคุณโทมัสยังเอ่ยทัก เป็นอาการแปลกๆ ของคนท้องแต่ก็ทำให้ควอตซ์ยิ้มไม่หุบ แม้แต่พนักงานยังนึกแปลกใจที่เห็นท่านรองประธานเดินยิ้มมาแต่ไกลทั้งๆ ที่ปกติน้อยครั้งมากที่จะได้เห็นรอยยิ้มของคนคนนี้ แต่พอเห็นคนที่เดินตามมาด้วย ความแปลกใจ ความสงสัยนั้นก็เป็นอันตกไป
มีคนรักมาด้วยแบบนี้ เป็นใคร... จะไม่ยิ้มบ้างละ
“วันนี้พนักงานสาวๆ ได้เคลิ้มกันใหญ่ ท่านรองแจกยิ้มให้” ลิน เลขาคนสนิทเอ่ยแซวตอนที่เดินถือแฟ้มเอกสารเข้ามาในห้องทำงานของรองประธาน
คนโดนแซวกระตุกยิ้มนิด “เคลิ้มอะไรกันครับ แล้วผมไปแจกยิ้มให้ที่ไหนกัน”
“ก็แค่ท่านรองเดินอมยิ้มเข้ามาในบริษัท สาวๆ ก็เคลิ้มกันแล้วละค่ะ แต่ก็นั่นแหละนะ... มีกำลังใจส่วนตัวมาด้วยแบบนี้ จะไม่ให้ท่านรองหน้าขรึมยิ้มได้ยังไงกันละคะ” ลินพูด หันไปมองน้ำเหนือที่นั่งดูดน้ำผลไม้ พร้อมด้วยคุกกี้จานใหญ่อยู่ตรงชุดโซฟาภายในห้องทำงาน “แล้ววันนี้ทำไมถึงพาน้องเหนือมาด้วยกันได้ละคะ”
“ก็น้องสะใภ้พี่ลินน่ะงอแง ไม่รู้เป็นอะไรครับ ตั้งแต่เช้าแล้วทำตัวติดผมตลอดเลย ตอนจะออกมาทำงานก็ร้องจะมาด้วยพอไม่ให้มาก็ทำท่าจะร้องไห้ ผมก็เลยพามา” ควอตซ์ว่าพร้อมส่ายหน้าเมื่อนึกถึงเมื่อเช้ากับท่าทางงอแงของคนรัก ท่าทีที่แสดงออกเหมือนจะเหนื่อยใจ แต่กลับมีรอยยิ้มเอ็นดูจนลินได้แต่หัวเราะคิกคัก
“สงสัยจะเป็นอาการติดสามีนะคะ อาการของคนท้องนั่นแหละค่ะ แล้วอย่างนี้มื้อกลางวันจะให้พี่สั่งอาหารขึ้นมาให้ไหมคะ หรือจะลงไปทานข้างล่าง”
“เอาไว้ผมถามเขาก่อนแล้วกันครับ แล้วจะบอกอีกที”
ลินรับคำ ก่อนออกจากห้องทำงานก็เดินเข้าไปทักทายน้ำเหนือ พูดคุยอีกนิดหน่อยก็ขอตัวไปทำงานต่อซึ่งน้ำเหนือก็พยักหน้ารับแต่โดยดีแม้จะงอแงอีกนิดหน่อยเพราะอยากมีเพื่อนคุยด้วย
“นู่นไงคะ คนคุยด้วย” ลินพูดพร้อมชี้นิ้วไปทางท่านรองประธานที่กำลังมองมาทางนี้พอดี
“ฮื่อ...” น้ำเหนือส่ายหน้า “พี่ควอตซ์ทำงานชอบทำหน้าดุ ผมไม่อยากคุยด้วยหรอก ไม่อยากคุยกับคนหน้าดุ”
ลินหัวเราะกับคำพูดนั้น ส่วนคนหน้าดุก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา ก่อนจะลุกจากโต๊ะทำงานเดินตรงเข้ามาหา แบบที่ลินเองก็เดินเลี่ยงออกจากห้องปล่อยให้คนรักกันเคลียร์กันเองแล้วกัน
“ก็บอกแล้วนะว่าพี่มาทำงาน มานั่งคุยเล่นด้วยไม่ได้” ควอตซ์ว่า ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ คนรัก เอื้อมมือไปปาดเช็ดมุมปากที่เลอะคุกกี้
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อยนี่ครับ” น้ำเหนือพูดยิ้มๆ ไม่ได้นึกน้อยใจหรืออะไร แค่แกล้งแซวเท่านั้น
“ผมรู้หรอกว่าพี่ควอตซ์งานยุ่ง ตั้งใจทำงานนะครับจะได้มีเงินมาเลี้ยงเจ้าแฝดเยอะๆ เนอะ”ควอตซ์ได้แต่เบนสายตาออกจากใบหน้าหวานของน้ำเหนือ เสสายตาหลบรอยยิ้มกว้างๆ พลางยกมือขึ้นปิดปากปิดหน้าตัวเองเอาไว้
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” น้ำเหนือเอียงคอไปมองเมื่อเห็นท่าทางที่แปลกไปของคนรัก สองมือวางอยู่ที่ขาของควอตซ์ ดวงตากลมโตที่มองจ้อง
ท่าทางที่ท่านรองประธานได้แต่ถอนหายใจ ทั้งๆ ที่เขาพยายามแล้วแท้ๆ พยายามที่จะอดใจอดกลั้นเอาไว้ แต่สุดท้ายน้ำเหนือก็ทำมันพัง...
ดวงตากลมโตได้แต่เบิกกว้างขึ้นยามที่คนที่นั่งเอามือปิดปากเงยหน้าขึ้นมามอง มือข้างหนึ่งยกมาจับศีรษะของน้ำเหนือเอาไว้ อีกข้างก็จับที่ปลายคางล็อกใบหน้าหวานไม่ให้หันหนีไปไหน แล้วแนบริมฝีปากลงกับปากอิ่มของน้ำเหนือ
ก่อนจะเริ่มบดคลึงริมฝีปากอิ่มนั่นเบาๆ สอดปลายลิ้นเข้าไปเก็บเกี่ยวความหอมหวานจากน้ำบ่อน้อย ซึ่งเจ้าของบ่อก็ใจดียอมให้อีกคนลุกล้ำเข้ามาไม่หยุด
มือของน้ำเหนือได้แต่ขยุ้มเสื้อเชิ้ตเนื้อดีของคนรักเอาไว้ ก่อนจะส่งเสียงประท้วงเมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายจะช่วงชิงลมหายใจของเขามากเกินไปแล้ว
“อือ…”
ได้แต่หอบหายใจหน้าตาแดงก่ำ ดวงตากลมโตวาวฉ่ำน้ำตวัดมองค้อนให้คนที่ป้อนจูบยกยิ้ม ยกมือขึ้นปาดริมฝีปากนั้นให้
“พี่พยายามอดใจเอาไว้แล้วเชียว ก็ยังจะมาทำให้พี่ตบะแตกอีกนะ”
“ผมทำอะไรที่ไหนกัน” คนโดนกล่าวหาสวนกลับ
“ใครใช้ให้พูดจาน่ารัก อยากโดนรังแกหรือไง” ไม่เพียงแค่พูด แต่ทำด้วย… โดยการโน้มหน้าไปใกล้ ขยับเข้าไปชิดกักตัวน้ำเหนือเอาไว้ แบบที่น้ำเหนือก็ทำได้แค่ยกมือดันอกอีกคน หลังเอนแนบไปกับโซฟา
“ย อย่ามารังแกผมเลยนะ! นี่มันที่ทำงานนะพี่ควอตซ์”
“อย่างนั้นกลับไปรังแกที่บ้านก็ได้” พูดไปก็ใช้ปลายจมูกคลอเคลียที่แก้มนวล
“มะ… ไม่ได้! น น้าหมอก็บอกว่าไม่ได้” น้ำเหนือได้แต่พูดเสียงเบา หน้าตาแดงก่ำ
พลันนึกไปถึงคำพูดของน้าหมอที่บอกเอาไว้ตอนไปตรวจเมื่อคราวล่าสุดที่ผ่านมา
‘ส่วนเรื่องนั้น ช่วงนี้งดไปก่อนจนกว่าน้ำเหนือจะคลอดลูกนะ แม้จะยากสักหน่อยแต่ก็ต้องอดทนนะควอตซ์’“หึ… เอาไว้หลังคลอดค่อยทบต้นทบดอกก็ได้ ดีไม่ดีเจ้าแฝดจะได้มีน้องแบบทันใจ” ควอตซ์ว่า
“คนนิสัยไม่ดี” น้ำเหนือได้แต่บ่นอุบ
คนนิสัยไม่ดีหัวเราะชอบใจ ดันตัวเองให้ลุกขึ้นยืนก่อนจะประคองน้ำเหนือขึ้นมาด้วย มือหนากุมมือเล็กเอาไว้ก่อนจะดึงให้อีกฝ่ายเดินตามไปที่โต๊ะทำงาน ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวใหญ่สบายแล้วรั้งเอวน้ำเหนือให้นั่งลงบนตัก แบบที่น้ำเหนือก็นั่งหันข้างอยู่บนตัก ขาห้อยไปด้านข้าง
“ทำอะไรน่ะครับ!” น้ำเหนือร้องตกใจ พยายามที่จะลุกจากตัก น้ำเหนือตัวเขาไม่ใช่น้อยๆ ให้มานั่งแบบนี้ได้ยังไงกัน
“อยากได้กำลังใจ จะได้มีแรงทำงานหาเงินเยอะๆ มาเลี้ยงเจ้าแฝดไง นั่งนิ่งๆ ละถ้าง่วงก็นอน” ควอตซ์พูด จับศีรษะอีกคนให้ซบลงที่ไหล่มือข้างหนึ่งก็ลูบผมกล่อมไป สายตาก็ไล่อ่านเอกสารตรงหน้าไปด้วย
น้ำเหนือขยับตัวนิดอย่างหาท่วงท่าที่สบายก่อนที่จะหลับตาลง ซุกหน้าเข้าหาคนที่ทำตัวเป็นเบาะรองนั่ง ไม่นานน้ำเหนือก็หลับไปพร้อมกับรอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้ายามหลับ
ไม่ได้อยากทำตัวเป็นเด็กน้อย แต่ความอบอุ่นนี้ก็ทำให้ไม่อยากจะผละหนีไปไหนเช่นกัน
ส่วนควอตซ์ก็ทำเพียงแค่ก้มมองคนหลับนิดก่อนจะกลับไปสนใจกับงานตรงหน้าโดยไม่ได้อุ้มน้ำเหนือไปนอนที่โซฟา ปล่อยให้อีกคนนอนซบไหล่เขาหลับอยู่อย่างนั้น ใช้มือข้างหนึ่งคอยประคองเอาไว้ไม่ให้หล่นลงไป เผลอๆ ก็ก้มลงหอมขมับคนหลับสักทีแล้วก็กลับมาทำงานต่อ
น้ำเหนือหลับอยู่อย่างนั้นเกือบสองชั่วโมงได้จึงรู้สึกตัวตื่น คนเพิ่งตื่นนอนขยับตัวจนควอตซ์ต้องใช้สองมือกอดเอาไว้
“เดี๋ยวก็หล่นหรอก” เสียงที่ดังอยู่ใกล้ๆ เรียกสติคนงัวเงียได้เป็นอย่างดี น้ำเหนือใช้ดวงตากลมโตกวาดมองไปทั่วจนรู้ตัวว่ากำลังอยู่บนตักของควอตซ์
“ผมหลับไปนานแค่ไหนครับ แล้วพี่ควอตซ์ไม่เมื่อยหรือไงกัน” น้ำเหนือถามหันซ้ายหันขวาเมื่อมองหาเวลา
“อย่าหันแบบนั้นเดี๋ยวก็เวียนหัว หลับไปเกือบสองชั่วโมงได้ นี่ก็เที่ยงแล้วหิวหรือยัง”
“ปล่อยผมลงก่อน…” น้ำเหนือว่า ซึ่งควอตซ์ก็ยอมปล่อยน้ำเหนือให้ลงยืนกับพื้น ซึ่งพอลงยืนได้ก็ขยับตัวนั่งลงตรงหน้าอีกคน แล้วยื่นมือไปบีบนวดขาของควอตซ์ให้เพราะเชื่อว่าอีกคนคงเมื่อยไม่น้อยกับการต้องรับน้ำหนักตัวเขาตั้งสองชั่วโมง
“พอแล้ว” คว้ามือเล็กเอาไว้ก่อนจะประคองคนท้องให้ลุกขึ้นยืน
ควอตซ์ไม่อยากให้น้ำเหนือนั่งท่านั้นนานๆ “ไปหาอะไรกินกันดีกว่า เดี๋ยวตอนบ่ายจะพาไปที่ฝ่ายดีไซน์ เขาอยากคุยเรื่องแบบคอลเลคชั่นใหม่”
พอได้ยินแบบนั้นดวงตากลมโตก็วาววับอย่างชอบใจทันที น้ำเหนือพยักหน้ารับหงึกหงัก “ไปครับไป”
“พี่ตั้งใจว่าพอน้ำเหนือคลอดลูกแล้ว พี่จะให้เราเข้ามาทำงานอยู่ที่ฝ่ายดีไซน์ของคิวเอ็น ดีไหม”
“ดีครับ ผมอยากทำ พี่ควอตซ์จะให้ผมทำจริงๆ นะครับ”
“อือ จริงสิ พี่คุยกับพวกทีมงานดีไซน์คิวเอ็นเอาไว้แล้ว เดี๋ยวตอนบ่ายไปก็ลองคุยไม่ก็ถามรายละเอียดเอาไว้ก่อนก็ได้ แต่ต้องหลังจากคลอดลูกแล้ว แล้วเจ้าแฝดก็โตพอจนเข้าโรงเรียนได้แล้วนะ ส่วนก่อนหน้านั้นพี่ก็ยังจะให้น้ำเหนือออกแบบให้คิวเอ็นอยู่ แต่ก็แค่ยังไม่มาทำประจำอยู่ที่นี่”
“ได้ครับ รอแฝดเข้าโรงเรียนก่อนก็ได้ แต่พี่ควอตซ์ต้องสัญญากับผมนะว่าจะให้ผมเข้ามาทำจริงๆ น่ะ”
“จริงสิ” ควอตซ์รับคำ เอ่ยปากสัญญาอีกรอบให้คนฟังได้มั่นใจ
“อย่างนั้นไปกินข้าวกันครับ ผมจะได้ไปถามพี่ๆ ในฝ่ายให้รู้เลยว่าพี่ควอตซ์ไม่ได้โกหกผม ไปกันครับไปกินข้าวกัน แล้วจะได้ไปฝ่ายดีไซน์ต่อเลย”
ควอตซ์ยิ้มขำกับท่าทางนั้นแต่ก็ยอมลุกขึ้นยืนตามแรงดึงของคนรัก ทั้งคู่เดินออกจากห้องทำงานไปด้วยกันและลงลิฟต์ไปยังชั้นที่เป็นศูนย์อาหารของบริษัท ในช่วงเวลาพักกลางวันแบบนี้คนรอเข้าลิฟต์ค่อนข้างมาก แม้หลายคนจะชะงักไปเมื่อเห็นท่านรองประธานในลิฟต์แต่ควอตซ์ก็พยักหน้าให้เข้ามา จะได้ไม่ต้องรอลิฟต์ใหม่และคนก็จะเยอะขึ้น
เขาดันน้ำเหนือให้ยืนชิดมุมลิฟต์และใช้ตัวเองกันคนอื่นเอาไว้เพราะเกรงว่าถ้าหากไม่ทำแบบนั้นคนอื่นอาจจะเข้ามาเบียดน้ำเหนือจนอีกฝ่ายเจ็บท้องได้
“เวียนหัวหรือเปล่า” ควอตซ์ถาม ดึงน้ำเหนือมาพักที่ระเบียงที่จัดสวนเอาไว้ “พี่ลืมไปว่าตอนเที่ยงแบบนี้คนใช้ลิฟต์เยอะ แล้วจะไม่ให้พวกเขาเข้าลิฟต์แล้วรอใหม่ก็ดูจะไม่ดีเท่าไหร่เพราะปกติพนักงานในบริษัทก็สามารถเข้าออกลิฟต์พร้อมกับพี่หรือไม่ก็คุณพ่อคุณแม่ได้อยู่แล้ว”
“ไม่ครับ ไม่ได้เวียนหัวอะไร ผมไม่เป็นอะไรครับ”
ทั้งสองคนใช้เวลากับมื้อกลางวันที่ศูนย์อาหารของบริษัทไม่นานมากนัก ก่อนที่ควอตซ์จะพาน้ำเหนือเดินดูรอบๆ ของแต่ละฝ่าย แล้วจึงพาไปที่ฝ่ายดีไซน์ แล้วจึงปล่อยให้น้ำเหนือพูดคุยกับทีมงานดีไซน์ของคิวเอ็น ส่วนควอตซ์ก็เข้าไปคุยกับผู้จัดการฝ่ายในห้อง
“อันนี้เป็นแบบดีไซน์ตามที่คุณควอตซ์ต้องการค่ะ อันนี้เป็นสร้อยคอมีทั้งแบบธรรมดาแล้วก็สร้อยแบบโชคเกอร์ แล้วอันนี้ก็เป็นสร้อยข้อมือเข้าชุดกันค่ะ”
“ขอบคุณครับ” ควอตซ์รับแบบที่ผู้จัดการฝ่ายดีไซน์ส่งมาให้มาดู
“ไม่ทำแหวนด้วยเหรอคะ บีว่าถ้าทำแหวนด้วยก็น่าจะสวยนะคะ ตัวเรือนเกลี้ยงๆ แต่มีดอกรักอยู่ด้านบน”
ควอตซ์ส่ายหน้า “ไม่ครับ แหวน… ไม่ต้องหรอกครับ เพราะถ้ามีแหวนด้วย แหวนของผมจะไปอยู่ไหนละครับ” ชูมือข้างซ้ายให้ดู ซึ่งก็มีแหวนเป็นเครื่องประดับเพียงชิ้นเดียวบนนิ้วนางนั้น
บีผู้จัดการฝ่ายได้แต่หัวเราะอย่างเข้าใจในความหมายที่ท่านรองประธานจะสื่อ จึงพยักหน้ารับและเรื่องแหวนก็เป็นอันตกไป
“ผมชอบดีไซน์นะ อย่างนั้นคุณบีส่งแบบไปให้ฝ่ายผลิตได้เลยครับ ผมขอดูชุดตัวอย่างก่อน จะได้รู้ว่าควรแก้อะไรตรงไหนอีกไหม” ควอตซ์ส่งแบบคืนให้ “ถ้าผ่าน คอลเลคชั่นนี้สั่งผลิตแค่สองร้อยชุดพอนะครับ คอลเลคชั่นพิเศษ”
“ได้ค่ะคุณควอตซ์ เดี๋ยวบีจะจัดการให้เรียบร้อยเลยค่ะ”
“ขอบคุณมากครับ อย่างนั้นผมขอตัวก่อนดีกว่า” ควอตซ์ว่าพร้อมกับลุกขึ้นยืนซึ่งบีเองก็ลุกตามก่อนจะเดินตามควอตซ์ออกจากห้องน้ำและเข้าไปทักทายกับน้ำเหนือ
ในห้องทำงานนั้นมีเพียงกระดาษขนาดเอสี่หลายแผ่นวางเรียงอยู่บนโต๊ะ ซึ่งบนกระดาษแต่ละแผ่นนั้นเป็นภาพของเครื่องประดับที่ควอตซ์ดูอยู่เมื่อครู่ ไม่ว่าจะเป็นสร้อยคือ หรือสร้อยข้อมือ จุดเด่นของคอลเลคชั่นนี้อยู่ที่จี้ที่เป็นรูปดอกไม้
มีภาพขยายบริเวณตัวจี้ให้เห็นชัดถึงรายละเอียดและความอ่อนช้อยของดอกไม้ชนิดนี้ ซึ่งถ้าของจริงทำออกมาได้อย่างในภาพก็คงเป็นคอลเลคชั่นที่สวยมากๆ อีกหนึ่งเซ็ต และความพิเศษของคอลเลคชั่นชุดนี้ไม่ได้อยู่ที่ดอกไม้เท่านั้น แต่รวมไปถึงแรงบันดาลใจ ความหมายและเหตุผลของการออกแบบเครื่องประดับชุดนี้ออกมา
เสียงกระดาษถูกขยำจนยับย่นดังขึ้นภายในห้องที่เงียบสนิท ก่อนที่ก้อนกระดาษจะถูกปาทิ้งอย่างไม่ใยดี และไม่ใช่เพียงแค่แผ่นหรือสองแผ่น แต่ก้อนกระดาษยับย่นหลายชิ้นถูกปาทิ้งจนแทบจะเกลื่อนห้องนี้
“กรี๊ดดดด!!”
หลังจากที่กระดาษชิ้นล่าสุดถูกปาออกไปก็ตามมาด้วยเสียงกรี๊ดของหญิงสาวเพียงคนเดียวที่อยู่ในห้องนี้ และดูเหมือนว่าแค่ปากระดาษทิ้งจะไม่เป็นที่พอใจเสียเท่าไหร่ เพราะเธอหันไปที่แจกันดอกไม้ที่วางประดับอยู่บนโต๊ะกาแฟหน้าโซฟาแล้วจัดการกวาดเอาทั้งแจกันดอกไม้ รวมไปถึงหนังสือและข้าวของอย่างอื่นลงพื้นเต็มแรง
“กรี๊ดดดดดดดด!!! มันต้องไม่เป็นแบบนี้สิ มันต้องไม่เป็นแบบนี้!!”
เธอได้แต่ส่งเสียงกรีดร้องอยู่แบบนั้น ขว้างปาข้าวของทุกอย่างที่อยู่ใกล้มือลงพื้นจนห้องหรูห้องนี้แทบจะดูไม่ได้ จนกระทั่งได้ระบายทุกอย่างออกมาเป็นที่พอใจแล้วเธอถึงได้ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างหมดแรง
สายตากวาดมองไปรอบๆ ห้อง แต่ก็ไม่คิดสนใจที่จะจัดการทำความสะอาดอะไร เธอหันไปหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูมากดดูแทน และทันทีที่หน้าจอปลดล็อค มือที่ถือโทรศัพท์อยู่นั้นก็สั่นระริก ไม่ถึงหนึ่งนาทีต่อมาโทรศัพท์ในมือก็ถูกปาไปกระทบกับผนังห้องเต็มแรงและตกลงบนพื้นพรม
ก่อนที่หน้าจอจะดับลงปรากฏเป็นภาพข่าวของทายาทบริษัทจิวเวลรี่ชื่อดังกับคนรักที่จับมือกันไปเดินงานรับสร้างบ้าน เนื้อหาของข่าวเขียนเล่าว่า
ทายาทบริษัทจิวเวลรี่ที่ได้เปิดตัวคนรักไปเมื่อหลายเดือนก่อน ซึ่งเป็นที่ฮือฮาอย่างมากเมื่อคนรักที่เป็นถึงสะใภ้ของตระกูลนั้นเป็นผู้ชายอีกทั้งยังได้รับการยอมรับจากครอบครัวแล้วเรียบร้อย ซึ่งคุณหญิงเองก็คงปลื้มลูกสะใภ้คนนี้มาก เพราะเอ่ยชมอยู่บ่อยๆ ใครจะคาดคิดว่าความรักระหว่างเพศเดียวกันจะจริงจังกันได้มากขนาดนี้... ขนาดไหนน่ะหรือ ก็ขนาดที่ว่าทายาทบริษัทจิวเวลรี่จับมือคนรักไปเดินเที่ยวงาน Home Builder ซึ่งเป็นงานที่บริษัทรับสร้างบ้านมาออกบูธกัน จริงจังถึงขนาดกับวางแผนว่าจะสร้างบ้านอยู่ด้วยกันในช่วงระยะเวลาภายในปีหรือสองปีนี้
เป็นความรักที่น่านับถือ และก็ได้แต่อวยพรขอให้ความรักของทั้งคู่ยืนยาวปิดท้ายบทความของข่าวด้วยภาพเดินจับมือของคนทั้งสองคน
“นามสกุลบริสตัน ควรจะเป็นของฉันไม่ใช่ของแกน้ำเหนือ!” หญิงสาวว่า “ทุกๆ อย่างของบริสตันควรเป็นของฉัน! และผู้ชายคนนี้
ก็เป็นของฉัน ไม่ใช่ของแก!”
มือข้างหนึ่งกำเข้าที่แขนของตัวเองแน่น จนเล็บยาวๆ ที่ตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงามจิกเข้าไปเนื้อของตัวเองจนเป็นรอยแผล แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้สนใจเพราะความเจ็บปวดที่ผิวกายไม่อาจสู้ความไม่พอใจ ความโกรธ ความแค้นเคืองในใจได้เลย ความรู้สึกเหล่านี้มันเด่นชัดยิ่งกว่า
“ฉันไม่มีทางยอมแพ้หรอก ไม่ว่ายังไง... เขาก็ต้องเป็นของฉัน! ของฉันคนเดียว ของฉันคนเดียวเท่านั้น!!!”
************************************************
เซอร์ไพรส์ของพี่ควอตซ์ยังไม่มา แต่ฟางปล่อยเซอร์ไพรส์ของเรื่องออกมาแทน ความหวานด้านบนคงหมดไปในพริบตาเพราะตอนท้ายที่มีความยาวไม่ถึงหนึ่งหน้าแน่นอนเลย ใช่ไหมหล่ะคะ ก็ไม่อยากจะทำให้ทุกคนเสียใจ แต่ต้องแสดงความเสียใจด้วยค่ะ ดราม่าของเรื่องกำลังจะคืบคลานเข้ามาใกล้เรื่อยๆ แต่ความหวานของคู่พี่น้องยังมีอยู่แน่นอนค่ะ เพราะเซอร์ไพรส์ของคนพี่ยังไม่ได้เปิดเผยเลย หลายๆ คนทายว่าจะประกาศแต่งงาน จะแต่งไม่แต่งอันนี้นี่รอลุ้นกันไปค่ะ
แล้วก็... มีหลายคนทั้งทักเข้ามาหลายครั้งหลายตอนแล้ว แต่ยังไม่ได้บอกสักที เรื่องคำว่า “มันเขี้ยว” ที่ฟางใช้ ฟางพิมพ์ถูกต้องแล้วค่ะ “มันเขี้ยว” เป็นภาษาเขียน ที่บัญญัติเอาไว้ในราชบัณฑิตค่ะ ส่วน “หมั่นเขี้ยว” เป็นภาษาพูดที่เราใช้พูดกัน ไม่มีบัญญัติอยู่ในราชบัณฑิต ค่ะ ขอบคุณสำหรับการติงเข้ามานะคะ
ปล. มีคำผิด บอกได้ค่า
อาจจะมาช้าหน่อยแต่ก็จะไม่ทิ้งไปไหนแน่นอนค่ะ หวังว่าจะเข้าใจกันนะคะ เป็นกำลังใจให้ฟางด้วยค่ะ ^^
ถ้าชอบถูกใจก็คอมเมนต์กันเนอะ ขอเลยค่าขอคอมเมนต์เลย ขอกันแบบนี้นี่แหละ แฮ่...
สำหรับเฟสบุ๊คค่ะ https://www.facebook.com/fgc32yaoi
สำหรับทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/Fangiily_GC
เข้าไปพูดคุย สอบถาม ทวงหานิยายกันได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกคน ทุกข้อสงสัย(ที่ตอบได้จ้า)
ฝากอุ้มรักด้วยนะคะ ขอบคุณทุกคะแนนบวกเป็ด คะแนนชื่นชมในตัวฟางนะคะ ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ