ตอนที่ 14
[/size]
มหาวิทยาลัยเปิดเรียนตามปกติได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว ช่วงสัปดาห์แรกของการเปิดเรียนนักศึกษาหลายคนยังยุ่งวุ่นวายกับ
การ เพิ่ม ถอน ลด รายวิชาตามที่ประกาศมหาวิทยาลัยประกาศออกมา และทุกอย่างกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหลังเงียบเหงาไป
นานหลายเดือน เสียงเพลงประจำมหาวิทยาลัยแว่วมาตามเสียงตามสายเพื่อให้นักศึกษาน้องใหม่คุ้ยเคยกับบทเพลง นักศึกษา
น้องใหม่แต่งตัวถูกระเบียบติดป้ายชื่อเดินขึ้นห้องเรียนเตรียมตัวเรียนในชั่วโมงต่อไป
ห้องเรียนที่เคยเงียบเหงามานานหลายเดือนกลับมาคึกคักเหมือนเดิม หรืออาจจะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ เจอกันครั้งที่แล้ว
พวกเขายังเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 3 ตอนนี้กลายเป็นนักศึกษาชั้นปีสุดท้ายและอีกไม่ถึงปีพวกเขาจะจบการศึกษาไปเป็นน้องใหม่ใน
ชีวิตการทำงาน วันแรกของการกลับมาเรียนหลังได้ใช้ประสบการณ์ฝึกงานมาหลายเดือน หลายคนตื่นแต่เช้าเข้ามานั่งรออาจารย์
ในห้องเรียนทั้งที่เมื่อก่อนเข้าเรียนพร้อมอาจารย์ ทุกคนเติบโตขึ้นมากจากการที่ได้ออกไปเรียนรู้ประสบการณ์ด้วยตนเอง เสียง
หัวเราะพูดคุยจากนักศึกษาจับกลุ่มคุยกันเกี่ยวกับเรื่องที่แต่ละคนไปประสบพบเจอช่วงเวลาที่ไม่ได้เจอกัน ท้ายที่สุดของบท
สนทนาของแต่ละคนก็คือคิดถึงเพื่อนคิดถึงชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย
อาจารย์ประจำวิชาเข้าก่อนเวลาเล็กน้อย พรนำพาเริ่มจากการแนะนำตัวเบื้องต้นและแนะนำเนื้อหาวิชาเศรษกิจไทย ที่
นักศึกษาจะได้เรียน เธอแจกเอกสารเกี่ยวกับเนื้อหาที่ต้องเรียน เกณฑ์การทดสอบ เก็บคะแนน และการเข้าเรียน นักศึกษาทุกคน
เงียบตั้งใจฟัง ยกมือขึ้นถามบ้างในหัวข้อที่สงสัย ส่วนหนังสือที่ใช้ประกอบการเรียนเธอเรียกให้หัวหน้าและตัวแทนอีกสองสาม
คนไปเอามาจากโต๊ะของเธอมาแจกเพื่อนๆ เป็นวันแรกของการเริ่มเรียนวิชานี้แต่นักศึกษามาครบทุกคนตามใบรายชื่อที่ลง
ทะเบียนกับทางมหาวิทยาลัย นั่นทำให้เธอดีใจ หัวหน้าห้องและตัวแทนกลับมาพร้อมกับหนังสือเล่มหนา ทุกคนลุกขึ้นจากที่ เข้า
แถวออกมารับหนังสือเรียนพร้อมลงชื่อเป็นหลักฐาน ได้หนังสือเรียนเศรษฐกิจไทยไปแล้วหลายคนเปิดดูข้างใน
“เพิ่งรู้ว่ามาเรียนหนังสือนี่มันดีก็วันนี้”เหรียญสิบเปิดดูเนื้อหาในหนังสือเรียนแล้วบ่นขึ้นมาเบาๆ
“ฝึกงานไม่สนุกรึไง ได้ยินข่าวว่ามีสาวๆมาชอบเยอะเลยนิ”ชายหนุ่มตัวเล็กอดแหย่เพื่อนไม่ได้หลังได้ยินจากเอื้อมเล่าให้ฟัง
“ใครบอก”พูดแล้วหันไปมองเพื่อนอีกคนที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ เกิดอาการตั้งใจอ่านหนังสือเรียนใหม่อย่างร้อนตัว”อย่าไปเชื่อไอ้
เอื้อมให้มาก”
“แล้วเป็นไงไปฝึกงานหลายเดือนแล้วไม่เคยเห็นพวกแกสองคนเขียนบ่นอะไรเลย”หนุ่มแว่นเงยหน้าจากหนังสือถามเพื่อนทั้ง
สองที่ดูเหมือนจะไม่มีเรื่องอะไรให้หนักใจ
“ก็ไม่ต่างจากคนอื่นหรอก แค่คนบ่นไปหมดแล้วก็เลยไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอีก อีกอย่างเอาเรื่องที่เกิดในที่ทำงานไปเล่าให้คนอื่นฟัง
มันดูไม่ดีเท่าไหร่”
เพื่อนๆพยักหน้ารับรู้กับคำพูดของเทนนิส ทุกคนได้หนังสือเรียนครบ อาจารย์ปล่อยนักศึกษาที่คุยกันให้หายคิดถึง
หัวหน้าห้องจึงถือโอกาสประกาศเรื่อง กิจกรรมรับน้อง ให้ทุกคนให้ความร่วมมือแต่งงกายถูกระเบียบเป็นตัวอย่างให้น้องๆ ใครที่
อยากเจอหน้าน้องวันนี้ตอนเย็นจะมีกิจกรรมเข้าห้องเชียร์ไปส่องดูได้ ส่วนกิจกรรมอื่นตามกำหนดการที่ทางคณะประกาศ
หมดเวลาคาบแรกของวัน ทุกคนทยอยออกจากห้องเตรียมตัวเข้าเรียนในชั่วโมงต่อไป เหรียญสิบมองดูรุ่นน้องที่เดินตามกันเป็น
กลุ่ม พูดคุย หัวเราะ ยอกล้อ เข้าห้องเรียน รู้สึกดีกว่าที่นั่งทำงานหน้าจอเดินส่งเอกสารตามโต๊ะมีคนทำหน้าเครียด หน้าบึง
เสียงดุ
บรรยากาศในที่ทำงานก็เงียบจนง่วงนอน ผิดกับที่นี่ลิบลับ คิดแล้วก็ไม่อยากกับฝึกงานแล้ว เขาเลิกคิดแล้วเดินตามเพื่อนเข้าห้องเรียน
หมดเวลาเรียนช่วงเช้าเป็นเวลาบ่ายโมง โรงอาหารยังเต็มไปด้วยนักศึกษาเดินขวักไขว่เหมือนทุกวัน หลายคนเห็นแล้วแทนที่จะ
บ่นว่าคนเยอะแต่กลับพูดออกมาว่าอย่างนี้สิชีวิตนักศึกษา เสียงดังไปหน่อยดีกว่าไปนั่งกินเงียบๆกับเพื่อนร่วมงานไม่กี่คน เวลา
กินก็ต้องรักษามรรยาท กรงใจเพื่อน กลัวเจ้านาย เทนนิสพยักหน้าเห็นด้วยไม่มีที่ไหนกับข้าวอร่อยเท่าที่คณะอีกแล้ว ไม่มีกับข้าว
ถูกกว่า ได้เยอะกว่าที่คณะอีกแล้ว เป็นครั้งแรกที่เขาไม่รู้สึกรำคาญเสียงดังในโรงอาหาร นี่ขนาดยังไม่จบไปเขายังเป็นได้ขนาดนี้
ถ้าจบไปไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง เดินวนหาที่นั่งจนเจอที่ว่าง พวกเขาขึ้นเรียนอีกทีตอนบ่ายสามมีเวลาพักสองชั่วโมงจึงไม่รีบมาก
นัก เทนนิสนั่งเฝ้าโต๊ะให้เพื่อนไปซื้อกับข้าวมาให้ นั่งไปสักพักโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขาเดาได้ไม่ยากว่าเป็นใคร เมื่อเช้าก็มาส่งแล้ว
นี่ยังจะโทรมาหาอีก
“ครับ”รีบรับโทรศัพท์ไม่ยากให้ปลายสายคอยนาน ปลายสายถามกลับมาเป็นยังไงบ้างเปิดเรียนคิดถึงคนที่ทำงานรึเปล่า เขายิ้ม
หันซ้ายหันขวาแล้วตอบไปว่าคิดถึง ปลายสายบอกว่าคิดถึงเหมือนกัน คนฟังอดยิ้มกับคำพูดง่ายๆไม่ได้ บอกปลายสายให้คุย
ผ่านออนไลน์จะได้ไม่เปลืองและบอกปลายสายว่าตั้งใจทำงาน วางสายไปแล้วเขากดเข้าไปในโปรแกรมคุยออนไลน์ รู้สึกว่าไม่
ได้เจอ ยิ่งรู้สึกคิดถึงทั้งที่อยู่ไม่ห่างกันกี่สิบกิโล
ทุกคนกลับที่โต๊ะมาพร้อม ข้าวราดแกง ก๋วยเตี๋ยว และน้ำปั่น วีร์หยิบนมปั่นเจ้าประจำขึ้นมาดูดอย่างคิดถึง กินทุกวันก็รู้สึก
เบื่อ นานทีได้กินก็รู้สึกคิดถึง”ยังอร่อยเหมือนเดิม”สมกับที่คิดถึง ถ้าเจ้าของร้านน้ำปั่นได้ยินคงจะดีใจ
นักศึกษาน้องใหม่นั่งกันเป็นกลุ่มมองดูรุ่นพี่ในคณะ จับกลุ่มกินขนมหลังกินข้าวเสร็จสายตาก็สอดสายมองโต๊ะรอบๆ ผู้หญิง
หลายคนหันมามองโต๊ะที่เทนนิสและเพื่อนๆนั่งอยู่
“นี่แกนั่นรุ่นพี่คณะเรารึเปล่าวะ”น้องใหม่คนหนึ่งชี้ไปที่โต๊ะอยู่ไม่ไกลมีรุ่นพี่นั่งกินข้าวกันอยู่
น้องใหม่คนที่สองชะเง้อมองตามปลายนิ้วที่เพื่อนชี้ไป“อือ ไม่แน่ใจผูกไทด์มหา’ลัยแต่ไม่เคยเห็นที่โรงอาหารมาก่อน”
“ไหนคนไหน”น้องใหม่คนที่สามหยิบผลไม้ขึ้นมากินแล้วถามเพื่อน
“มีแต่คนหล่อ สเปคฉันทั้งนั้นเลย”น้องใหม่คนที่สี่เห็นรุ่นพี่ที่เพื่อนบอกมีแต่หน้าตาทั้งนั้นเลย
“พี่เขาอยู่คณะเราจริงหรอ”น้องใหม่คนที่ห้า ถ้าเป็นรุ่นพี่ในคณะจริงเปิดเรียนมาตั้งสัปดาห์ หน้าตาดีอย่างทำพวกเธอไม่เคยเห็นมาก่อน
“ว่าไงสาวๆคุยอะไรกันอยู่”ขณะที่สาวๆน้องใหม่กำลังคุยกันอยู่รุ่นพี่ก็เดินเข้าทัก
“สวัสดีค่ะพี่เติม/พี่อาร์ม/พี่เก้า”พวกเธอยกมือไหว้ทักทายรุ่นพี่ทั้งสามคนพร้อมกัน และเขยิบที่ว่างให้พี่ๆนั่ง
“พวกพี่มาพอดี พวกหนูมีอะไรจะถาม พี่ๆที่นั่งหล่ออยู่โต๊ะนั้นเป็นใครคะ อยู่คณะเรารึเปล่า”
“ไหน ในคณะจะมีใครหล่อกว่าพวกพี่ไม่มีอีกแล้ว”เติมมองไปทิศทางที่สาวๆชี้”...อ้อพวกพี่เทนนิส”ไม่แปลกใจเลยที่เป็นกลุ่มนั้น
“ใครหรอพี่”สาวๆน้องใหม่ถามเกือบพร้อมกัน ด้วยความสนใจอยากรู้จัก
“รุ่นพี่ปี 4 คณะเรานี่แหล่ะ แต่อย่าไปยุ่งกับเขาเลย”เบรกความคิดของสาวไว้เพียงเท่านี้ ไม่อยากให้ฝันไปมากกว่านี้
“ทำไมพี่ พี่เขาเป็นคนไม่ดีหรอ”น้องใหม่คนที่หนึ่งขมวดคิ้วไม่เข้าใจ ที่บอกว่าอย่าไปยุ่งพี่เขาเป็นมาเฟียหรือโจรปล้นหัวใจสาวๆรึ
ไง
“เปล่า ปล่อยให้พวกพี่อยู่ที่ดีๆของเขาอย่าไปดึงพวกพี่เขาลงมาเลย”
“อ้าว พี่เติมพูดอย่างนี้ได้ไง”สาวๆทำหน้ามุ่ยไม่ชอบใจกับคำพูดของรุ่นพี่ขี้เล่น
“ล้อเล่นครับสาวๆ”
“พี่เติมคนที่หล่อใสออกเกาหลีหน่อยอ่ะ นั่งฝั่งโน้นพี่เขาชื่ออะไร”น้องใหม่คนที่สามถามชื่อรุ่นพี่ที่สนใจ
“พี่เทนนิส เล่นของสูงนะเรา ของรักของหวงของคณะเลยนะนั่น ตัดใจเถอะน้อง สวย น่ารัก กว่าน้องก็อกหักมาแล้ว”
“ทำไมพี่”
“ก็ไม่ทำไม พี่เขาหล่อเรียนเก่ง นิสัยดี ฐานะดี”ชายหนุ่มหยุดเว้นวรรคให้สาวๆได้เพ้อแล้วกระชากความคิดสาวๆลงเหว”แต่พี่เขา
เป็นเกย์”
“เฮ้ยทำไมพูดอย่างนี้”
“ใช่ ทำไมพูดจาใส่ร้ายกันแบบนี้”
“พี่รู้ได้ไง”
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เขาพูดต่อๆกันมา นั่นเห็นคนตัวเล็กๆน่ารักไหม คนนั้นแฟนพี่เขา”
ทุกคนมองไปชายหนุ่มตัวเล็กแทบเป็นตาเดียวกัน“ไม่จริงมั้ง มั่วแล้ว มีคนปล่อยข่าวแกล้งรึเปล่า”
“นี่พวกน้องครับเป็นอะไรกับพี่เขาครับ ทำไมถึงช่วยออกตัวแทนพี่เขาจริง พี่เขาไม่เห็นร้อนตัวเลย ก็บอกแล้วไงว่าเขาพูดต่อๆกัน
มา แต่พวกสาวๆในคณะมีแต่คนเชียร์ให้สองคนนี้เป็นแฟนกันจริง พี่ก็อีกคน”เขายิ้มอย่างชั่วร้ายออกมา
“ทำไมอะพี่”
“ถ้าหล่อ เพอร์เฟคอยู่ในคณะสาวๆที่ไหนจะมองพวกพี่วะ”อาร์มเฉลยให้น้องๆเข้าใจหัวอกของคนไม่มีหญิงแลเหลียว
“โฮ ไม่คุยกับพวกพี่แล้ว”สาวๆโห่ผิดหวังกับคำพูดของรุ่นพี่
“เออ พี่เขาสองคนก็ดูเข้ากันดี ดูเหมาะกันยังไม่รู้”น้องใหม่คนที่ห้ามองรุ่นพี่ทั้งสองคุยกันยิ้มให้กันดูแล้ว จิ้นมาก
“นั่น ๆ พวกพี่เขายิ้มมานี้เหมือนรู้ว่าเรามองอยู่เลย หล่อน่ารัก”กลุ่มรุ่นพี่ที่พวกเธอมองอยู่ดีดีก็หันมาส่งยิ้มให้สาวๆแทบใจละลาย
“น้องๆครับ เล่นมองพี่เขาทั้งโต๊ะขนาดนี้ไม่รู้ก็ควายแล้วครับ”เติมพูดเสร็จ สาวๆทั้งกลุ่มก็หันขวับมามองเขาทันที
คนที่นั่งทำงานในห้องทำงานทั้งวันใบหน้ามีรอยยิ้มขึ้นมาบ้างหลังจากได้ยินเสียงนุ่มจากปลายสาย วางสายไปแล้วแต่
หัวใจมันลอยไปหาอีกคนนี่ซิ ไม่มีอารมณ์อยากทำงานเลย นั่งทำงานทั้งวันรู้สึกว่าวันนี้ทำไมถึงผ่านไปอย่างช้าๆ ทั้งที่อยากให้มัน
ถึงตอนเย็นเร็วๆ
วันนี้เขามีโอกาสได้ไปส่งอีกฝ่ายที่หน้าคณะคิดไปแล้วเหมือนเสี่ยแก่ๆรับเลี้ยงเด็กนักศึกษายังไงไม่รู้ เขามองตามแผ่นหลังที่เดิน
ลงจากรถหลังจากขอบคุณที่มาส่งถ้าจะให้ดีเขาอยากให้เปลี่ยนเป็นหอมแก้มสักฟอด มีสาวๆมองตามคนเขาเยอะเลย เคยได้ยิน
น้องสาวเล่าให้ฟังหลายครั้งว่าคนของเขาเสน่ห์แรง มาเห็นกับตาก็อดหวงไม่ได้
ช่วงเช้าของวันนี้เขาประชุมเกี่ยวกับการวางแผนเปิดตัวโฆษณาตัวที่สอง เพื่อเริ่มกิจกรรมร่วมสนุกกิจกรรมที่สอง ก่อนกิจกรรมที่
หนึ่งจะปิดลง จากนั้นเป็นประชุมเกี่ยวกับการท่องเที่ยวประจำปีของบริษัท ดูเหมือนหลายคนกำลังรอช่วงเวลานี้อยู่ ส่วนสถานที่
ท่องเที่ยวพนักงานเข้าไปร่วมโหวตได้ในเว็บไซด์ของบริษัท และรวมไปถึงไปเรื่องการพิจารณาเลื่อนตำแหน่งขึ้นเงินเดือนในช่วง
ปลายปีที่จะมาถึง
ตึงตะตึงตึง ตึงตะตึงตึง เสียงกลองตีเป็นจังหวะพร้อมด้วยเสียงร้องเพลงปรบมือเป็นจังหวะในห้องห้องสโลปขนาดใหญ่สามารถจุ
นักศึกษาน้องใหม่ได้หลายร้อยคนที่นั่งแยกตามสาขาวิชา ในห้องเปิดเครื่องปรับอากาศจนเย็นสบายแต่บรรยากาศไม่ได้ชวนให้
รู้สึกอย่างนั้นเลย เมื่ออยู่ดีๆประธานเชียร์จอมเผด็จก็เดินขึ้นไปบนเวทีสั่งให้น้องใหม่ทุกคนหยุดร้อง เพราะดูเหมือนบางคนไม่
ตั้งใจร้องเพลง ร้องไม่พร้อมเพรียงกันและดูเหมือนจะจำเนื้อเพลงไม่ค่อยได้ ทั้งที่ได้สมุดเนื้อเพลงไปแล้ว ประธานหน้านิ่งบอก
ให้พี่เลี้ยงน้องใหม่สอนร้องเพลงถ้าวันนี้ร้องเพลงที่สอนไม่ได้พี่ๆจะโดนลงโทษ ข้างหน้าของทุกคนคือเวทีกว้างประธานเชียร์ยืน
เด่นสั่งด้วยน้ำเสียงเข้มใบหน้านิ่งมองกวาดสายตามองนักศึกษาน้องใหม่ นักศึกษาน้องใหม่ชายหลายคนเห็นแล้วหมั่นไส้อยาก
วิ่งลงไปต่อยปากนั่นดูสักครั้ง เข้าใจว่าเป็นการแสดงเป็นกิจกรรมหนึ่งของคณะ สาวๆหลายคนมองประธานด้วยสายตาชื่นชม ใน
ใจพวกเธอคิดว่าพี่ประธานนี่หล่อ เข้ม ดุ
ด่าพอหอมปากหอมคอประธารเชียร์หลีกทางให้พี่เลี้ยงน้องพาน้องๆร้องเพลงตามเดิม แต่เสียงดังขึ้น พร้อมเพรียงขึ้น ส่วนคนที่
ยืนดูเหตุการณ์นอกห้องกลั้นหัวเราะแทบไม่ได้ที่เห็นเพื่อนรุ่นเดียวกันวางมาด พูดจากวนส่วนล่าง
“พี่เทนนิส พี่วีร์ พี่เอื้อม พี่เหรียญสิบ สวัสดีค่ะ มาดูน้องๆหรอคะ”หนึ่งในพี่เลี้ยงน้องใหม่เดินเข้ารับของจากรุ่นพี่ที่แวะซื้อขนมมาฝากน้องๆ
“อยากมาย้อนรอยว่าเมื่อก่อนตอนปีหนึ่งทำอะไรบ้าง”เสียงเพลงประจำคณะดังก้องอยู่ในห้อง แว่วออกมาข้างนอก
“แล้วนี่อีกนานไหมถึงจะรู้ว่าใครเป็นพี่รหัส”เหรียญสิบอยากรู้ว่าสายรหัสจะผู้หญิงหรือผู้ชาย
“อีกไม่นานค่ะ”
ยืนดูน้องทำกิจกรรมไม่นานโทรศัพท์ของวีร์ดังขึ้นเขาตัวกลับก่อน เอื้อมกับเหรียญก็กลับก่อน เทนนิสมานั่งรอคนที่บอกจะมารับ
หน้าคณะหยิบหนังสืออ่านเล่นออกมารอเวลา ให้สาวๆที่นั่งเล่นจับกลุ่มคุยกันนั่งมองกันเป็นบุญตา สักพักคนที่รอก็มารับกลับ
พรุ่งนี้วันหยุดธีรภัทรพาอีกฝ่ายกลับบ้าน ก่อนกลับแวะซื้ออะไรเข้าไปกิน เพราะดูจากตารางเรียนของอีกฝ่ายแล้วไม่อยากให้
เหนื่อยทำกับข้าว เทนนิสเห็นด้วยเท่าที่จำได้ในตู้เย็นไม่มีสดอยู่เลย ทั้งสองจึงตกลงแวะตลาดนัดก่อนกลับบ้าน
ขับรถมาไม่นานก็ถึงตลาดนัดตอนเย็น วันนี้ฝนไม่ตกพ่อค้าแม่ค้าตั้งแผงขายของเต็มตลาด ท้องเริ่มมืดแสงสว่างจากหลอดนีออน
ในตลาดก็เปิดขึ้นจนสว่าง ช่วงเย็นวันศุกร์กลับจากทำงานผู้คนออกมาเดินซื้อของ ซื้อกับข้าว ตลาดจึงคึกคักกว่าทุกวัน ทั้งสอง
เดินเข้าไปในตลาดมองหาของกิน เดินไปหยุดซื้อไปเรื่อยๆ เทนนิสหันมองดูร้านขายกับข้าว แต่ละร้านมีแต่กับข้าวน่ากินทั้งนั้น
นานครั้งได้เปลี่ยนบรรยากาศออกมาเดินเที่ยวตลาดนัดก็ดี เดินดูโน่นนี่ซื้อของกับข้าวไปหลายอย่างสักพักท้องก็เริ่มหิว เขาหยุด
ซื้อลูกชิ้นปิ้งแล้วหันไปถามคนข้างๆที่ช่วยถือถุงกับข้าวเต็มไม้เต็มมือว่ากินลูกชิ้นไหม อีกฝ่ายไม่ปฏิเสธติดว่ามีของเต็มไม้เต็มมือ
อยากให้อีกฝ่ายป้อน เทนนิสก็ป้อนว่าง่าย ธีรภัทรพอใจที่อีกฝ่ายยอมป้อน
กลับมาถึงบ้านมองเข้าไปข้างในเหมือนจะไม่ใครอยู่ในบ้าน บ้านปิดไฟเงียบ มีแค่ไฟหน้าบ้านเปิดอยู่ ธีรภัทรเลี้ยวรถเข้าจอดใน
บ้าน มีแค่สายไหมวิ่งออกมารับ เข้าขนฟูเห็นเจ้านายกับพี่ชายก็ดีใจ ธีรภัทรหยิบกระเป๋าและของออกมาจากรถ เดินตามหลัง
เทนนิสไปที่บ้าน
เทนนิสเอาของไปเก็บในครัวแล้วพาแขกขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกห้อง ส่วนเขาใช้ห้องน้ำอีกห้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า อีก
คนยังอาบน้ำยังไม่เสร็จ เขาลงมาข้างล่างอุ่นกับข้าวรอ ธีรภัทรอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยเดินตามเจ้าของบ้านลงมาได้ยินเสียงออกมา
จากครัว เขาเดินตามเสียงเข้าไปเห็นเทนนิสอุ่นกับข้าวเสร็จแล้ว เขาอดคิดไม่ได้ว่าเหมือนคู่แต่งใหม่ภรรยาทำกับข้าวให้สามีกิน
หลังจากกลับมาทำงาน เขาช่วยอีกฝ่ายยกกับข้าวออกมาวางที่โต๊ะจนเสร็จ
“ไปเรียนวันนี้เป็นยังไงบ้าง”นั่งกินข้าวไปด้วยถามอีกฝ่ายไปด้วย
“ถามเหมือนพ่อถามลูกไปเรียนวันแรกเลย”ตักกับข้าวให้คนถามอย่างเป็นห่วง หรือหวงไม่แน่ใจ
“เปลี่ยนเป็นแฟนไม่ได้หรอ พ่อแก่เกินไป”
“ฮึ ฮึ ดีครับ เพื่อนแต่ละคนคุยไม่หยุด วันนี้ยังไม่ได้เรียนอะไรมาก ส่วนน้องใหม่ก็น่ารักเยอะแยะเลย”
ธีรภัทรที่นั่งฟังอย่างตั้งใจ ใบหน้าบึ้งลงแล้วพูดกับอีกฝ่ายว่า“น่ารักก็ช่างเขา แต่อย่ามายุ่งกับคนของพี่ก็แล้วกัน”
คนฟังรู้สึกขนลุกกับน้ำเสียงเรียบแต่ติดดุนั้นไม่ได้”ขี้หึง ขี้หวง”คบกันไม่นานก็พอจะเดาได้ไม่ยากว่าอีกฝ่ายรู้สึกยังไง
“แฟนพี่หล่อไง ก็ต้องห่วง หวง เป็นธรรมดา”มีแฟนหน้าตาดีใครไม่หวงก็บ้าแล้ว
“คร๊าบบบ แล้ววันนี้ที่บริษัทเป็นยังไงบ้างครับ ผมกับวีร์ไม่อยู่ช่วยงานมีใครบ่นคิดถึงไหมครับ”
“ไม่รู้หรอกใครบ่นคิดถึง แต่พี่คิดถึงเราทั้งวันเลย”แทบไม่เป็นอันทำงาน เขาส่งยิ้มหวานให้คนตรงหน้า
อืม ไม่บอกก็พอจะรู้เล่นโทรหาบ่อยขนาด ส่งข้อความคุยออนไลน์มาอีก เมื่อก่อนไม่เคยคิดว่าจะเห็นอีกด้านของอีกฝ่าย ผู้ชายที่
ดูเงียบๆทำหน้าหน้าตาไร้อารมณ์ แต่พอรู้จักกับเป็นคนดีคนหนึ่ง ใจดี จริงจังกับงาน มีความรับผิดชอบ และตอนนี้ก็เป็นผู้ชาย
อบอุ่น เอาใจเก่ง ปากหวาน และขี้หวง
หลังกินข้าวอิ่มแล้วเจ้าของบ้านชวนแขกนั่งย่อยโดยการดูหนังแอ็คชั่นไซไฟที่เพิ่งลาโรงภาพยนตร์เมื่อไม่นานมานี้ สายฝน
ข้างนอกเริ่มโปรยปรายลงมาทำให้อากาศเย็นสบาย
“ประชุมวันนี้เป็นยังไงบ้างครับ ที่ว่าจะท่องเที่ยวประจำปี”เห็นพี่ๆที่ทำงานพูดกันใหญ่เลยว่าปีนี้จะเที่ยวทะเล
“ที่ประชุมเห็นด้วย สถานที่เวลาจะแจ้งอีกที และปีนี้จะไปมอบของบริจาคพอดีมีคนเสนอมา”
“แล้วอย่างนี้พวกผมจะได้ไปด้วยไหม”ถามอย่างความมีหวัง
“อืม ให้ไปด้วยดีไหมน้า ถ้าทำตัวน่ารักจะให้ไปด้วย”คนตัวโตฟังน้ำเสียงอีกฝ่ายก็รู้ว่าอยากไปด้วย แต่เขาจะเที่ยวกับอีกฝ่ายแค่
สองคนมากกว่า
“ถ้าอย่างนั้นผมคงไม่ได้ไป ทำตัวหล่อว่าไปอย่าง”
พูดกวนไม่พอ ยังยักคิ้วใส่อีก แหมพูดจาอย่างนี้มันน่าจริงๆ”พี่จูบได้ไหม”ธีรภัทรถามเสียงนุ่ม จ้องใบหน้าที่เริ่มแดง ดวงตาสีเข้ม
หลบไม่กล้ามองคนถาม เขาถืออีกฝ่ายเงียบเป็นคำอนุญาต ทาบปากลงริมฝีปากนุ่ม
“เฮ้ย”เทนนิสร้องเสียงหลงเมื่ออยู่ดีๆก็ถูกกระชากไปข้างด้านหลังอย่างแรง จนไปอยู่ในอ้อมกอดใครสักคน จากนั้นก็มีเสียงใคร
ถูกชก”พลั๊วะ”และเสียงร้องตามมา“โอ๊ย”
“แกทำอะไรน้องฉัน”ปืนยืนชี้หน้าผู้ชายที่เขาชกไปเมื่อครู่ วันนี้ว่างไม่มีธุระที่ไหนเขาเลยตรงมาหาน้องชายที่บ้าน เปิดประตูเข้า
มาใครจะรู้ว่าจะเจอผู้ชายที่ไหนกำลังจูบน้องชายของเขาอยู่ ถ้าไม่เข้ามาเห็นไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถูกชกไปแค่หมัดเดียวมันยัง
ไม่พอหรอก“เทนนิสไอ้หมอนี่เป็นใคร”หันมาถามน้องชายทียืนเงียบอยู่
คนที่กำลังยืนงงอยู่หันหน้าไปมองพี่ชายที่ทำหน้าดุจนน่ากลัว เขาไม่เคยเห็นท่าทางแบบนี้ของพี่ชายเลยสักครั้ง แล้วจะให้เขา
ตอบว่าไง”ฟ..แฟนผมเอง”เขาตอบเสียงเบาไม่กล้ามองหน้าพี่ชาย
“หะ”คนถามทำหน้าตกใจหันมามองหน้าน้องชายอีกครั้ง นี่เขาหูฝาดหรือเสียงฝนข้างนอกมันดังจนได้ยินเพี้ยนไป
“แฟนผมเอง”ยืนยันคำตอบเดิม
“แฟน นั่นมันผู้ชายไม่ใช่รึไง”แถมตัวโตอีกตั้งหาก นี่น้องชายเขาเพี้ยนไปแล้วหรือถูกไอ้หมอนั่นมันหลอกเอา
“แล้วคุณเป็นใครมายุ่งอะไรกับแฟนผม”คนที่เงียบอยู่นานจับมุมปากที่ถูกชกเข้าเต็มแรง เขายังอยู่ในอาการงง เพราะอยู่ดีดีก็ถูก
ชกจนรู้สึกมึนนิดๆ เขาจ้องผู้ชายที่อยู่ๆก็เข้ามาโวยวาย อย่างไม่ชอบขี้หน้า
“พี่ปืน พี่ชายผมเอง”เทนนิสบอกคนที่ทำหน้านิ่งไม่พอใจที่ถูกขัดจังหวะ“ส่วนนั่นพี่ธีร์พี่ชายน้องธาร”เขาพูดเสียงเบาลงจนได้ยิน
แค่สองคน
ปืนหันหน้ามาน้องชายถามอีกครั้งว่าใช่อย่างที่เข้าใจรึเปล่า เทนนิสรีบยักหน้ายืนยันว่าใช่อย่างที่คิด
“สวัสดีครับ”คนที่อารมณ์ร้อนเมื่อครู่ยกไหว้คนที่ถูกชกหน้าตาเฉย เล่นเอาธีรภัทรยิ่งงงไปใหญ่ไม่รู้ว่าคนของเขาพูดอะไรแต่
สามารถทำให้อีกฝ่ายอารมณ์เย็นขึ้นมานิดหน่อย
“เป็นแฟนกัน คบกันมานานรึยังทำไมพี่เห็นรู้มาก่อน”เดี๋ยวนี้มีอะไรไม่บอกพี่ชายคนนี้เลย มันน่าน้อยใจยังไงไม่รู้
“สนใจด้วยหรอ”พูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจ”รู้จักกันมาได้สักพักแล้ว แต่เพิ่งคบกันเป็นแฟนไม่นาน”
“ใช่คนที่บอกว่าไปพักด้วย เจ้านายเรานะหรอ”นี่นะหรอเจ้าของมันฝรั่งทะเล้น มีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับสอง ได้ข่าวว่ามี
นักลงทุนต่างชาติสนใจเข้ามาร่วมลงไม่น้อยทีเดียว และบริษัทกำลังขยายตลาดไปลงทุนต่างประเทศ วันนี้เพิ่งได้เจอตัวจริงหล่อ
เหมือนที่เขาว่ากันจริงๆ ไม่คิดว่าจะยังหนุ่มนึกว่าแก่กว่าซะอีก ธารรพีก็ไม่เคยเล่าเรื่องพี่ชายคนนี้ให้ฟัง เคยแต่บอกว่าไปทำงาน
ช่วยพี่ชายช่วงปิดเทอม เขาที่เคยไปรับเธอหน้าบริษัทหลายครั้งก็ไม่เคยได้เจอ คงไม่ใช่ว่าเธอรู้เรื่องความสัมพันธ์ของทั้งคู่หรอก
นะ
“อืม”
“เลิกกับเขาซะ คบกันแบบนี้มันคบกันได้ไม่นานหรอก อีกอย่างทางบ้านเขาก็รับเรื่องแบบนี้ไม่ได้หรอกเชื่อพี่”ใครมันจะรับเรื่อง
แบบนี้ได้ ที่นี่เป็นประเทศไทยสังคมยังไม่ได้เปิดกว้างเหมือนต่างชาติ
เฮ้ย!! พี่ภรรยาทำไมพูดจาแบบนี้ เขารักของเขาอยู่ๆจะบังคับให้น้องมาเลิกได้ไง ไม่เผด็จการไปหรอ“ผมว่าเรื่องนี้ให้ผมสองคน
เป็นคนตัดสินกันเองดีกว่า คุณเป็นคนนอก”เรื่องแบบนี้ใครจะไปยอม เขาอุส่าได้น้องมาแล้วเรื่องอะไรจะปล่อยไป
“ผมจะเชื่อว่าคุณจริงใจกับน้องผมได้แค่ไหน ใครจะการันตีว่าคุณว่าคุณจะไม่ทำให้น้องผมเสียใจ”
“ไม่มีใครการันตี มีแต่ผมคนเดียวที่พิสูจน์ความจริงใจกับน้องได้”เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง แล้วหันไปมองอีกคนที่ยืนหน้าแดง
เห็นแล้วอยากจับมาหอมแก้มจริงๆ
“นั่นมันก็เรื่องของคุณ ยังไงผมก็ยังไม่เห็นด้วยที่จะให้คุณคบกับน้องผม”เลิกสนใจแล้วหันไปมองน้องชายสำรวจตามตัวไม่รู้ว่าถูก
ไอ้ผู้ชายบ้ากามทำอะไรรึไป”แล้วเขาทำอะไรเรารึเปล่า”
“เปล่า”
“ดีแล้ว ดึกแล้วขึ้นไปนอนได้แล้ว วันนี้พี่จะนอนด้วย ส่วนคุณนอนห้องรับแขกไปเดี๋ยวให้น้องเอาหมอนผ้าห่มลงมาให้”พูดเสร็จ
แล้วจูงมือน้องชายเดินขึ้นข้างบนไม่หันไม่กลับมาปล่อยให้ธีรภัทรนั่งเม้มปากข่มอารมณ์ไม่พอใจอยู่คนเดียว
“เฮ้ย พี่ธีร์เป็นแขกทำอย่างนี้ไม่ดีนะ แล้วนี่คิดไงมานอนด้วย”ถามพี่ชายที่อยู่ดีๆก็โผล่มาไม่บอกมากล่าว เขาเดินไปหยิบที่นอน
ปิกนิก ผ้าห่มและหมอนออกมาจากตู้วางไว้ที่ปลายเตียง
“ถ้าบอกจะได้เห็นเราหรอว่าทำอะไรอยู่ รักผู้ชายคนนั้นหรอ”ปืนถามน้องชายแล้วสังเกตท่าทางน้องชาย
“อืม ไม่งั้นจะปล่อยให้ทำอย่างนั้นได้ไง”ถามไม่คิด เขาไม่ได้ใจง่ายอย่างนั้นนะ
“พี่ไม่อยากตัดสินอะไรหรอกนะ เพราะคนที่จะตัดสินใจเรื่องทุกอย่างคือเรา และไม่มีสิทธิ์ห้ามด้วย”เขาไม่อยากเหมือนพ่อของ
เขาคอยที่ขัดขวางความรักโดยไม่ฟังเหตุผลใครนอกจากตัวเอง เรื่องความรักของใครก็ต้องให้คนนั้นได้เรียนรู้ด้วยตัวของเขาเอง
ถึงจะถูก
“ขอบคุณครับ”เทนนิสเดินเข้าไปสวมกอดพี่ชาย แล้วหอบที่นอนลงไปให้คนข้างล่าง