พิมพ์หน้านี้ - Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที 16 ] 8/08/2560 [The End]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: jaengsRU ที่ 20-09-2016 15:18:16

หัวข้อ: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที 16 ] 8/08/2560 [The End]
เริ่มหัวข้อโดย: jaengsRU ที่ 20-09-2016 15:18:16
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************
หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [รู้จักรักครั้งแรก] 21/9/2559
เริ่มหัวข้อโดย: jaengsRU ที่ 20-09-2016 15:27:43
 
เธอ..คือหนึ่งในไม่กี่คน http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51171.0

เริ่มต้นเรื่องร้าย ลงท้ายเรื่องรัก http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54740.msg3422192#msg3422192

Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก
มีในรูปแบบ E-book แล้วจ้า
(https://www.picz.in.th/images/2018/08/03/BwR2pz.md.png)

+++ ปรับปรุงเนื้อหา
+++ ส่งพิสูจน์อักษร จัดหน้า
+++ ขนาด A5 จำนวน 500+ หน้า
+++ ตอนพิเศษ 3 ตอน
+++ ไฟล์ pdf , epub

https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=76286&page_no=1 (https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=76286&page_no=1)
[/size]


size=36pt]
มีเพจแล้วฝากติดตามด้วยจ้า
https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/
[/size]



*******************************************************************************************
 

Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก

 รู้จักรักครั้งที่ 1
[/b]

            อากาศช่วงบ่ายในปลายฤดูฝนยังคงร้อนอบอ้าวแต่มีเมฆสีเทาลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า นั่นช่วยบดบังลดทอนความแรงของแสงดวงอาทิตย์อยู่บ้าง

             ต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัยต้นสูงใหญ่ปลูกไว้เพื่อให้ร่มเงากำลังแตกกิ่งออกใบใหม่หลังจากช่วงก่อนหน้านั้นได้ถูกตัด

ทิ้ง สายลมพัดมาเบาๆพัดใบไม้สีเขียวเสียงดังขึ้นไปถึงบนตึก อาคารเรียนคณะเศรษฐศาสตร์ ห้องเรียนที่ตอนนี้นักศึกษาเกือบ

ครึ่งร้อยกำลังตั้งฟังอาจารย์บรรยายหน้าอยู่ชั้นเรียน เนื้อหาขยับเปลี่ยนพร้อมกับพอยเตอร์ชี้ไปบนหน้าจอที่อาจารย์กำลังเน้น

อธิบาย มือขาวเรียวรีบจดเนื้อหาลงไปในเอกสารที่อาจารย์แจกให้ก่อนหน้านั้น พร้อมใช้ปากกาเน้นข้อความขีดทับลงไป

แล้วสายตามองออกไปนอกหน้าต่างที่มีลมพัดเย็นสบายพัดเข้ามา เสียงใบไม้ถูกลมกระทบดังแว่วมาทำลายสมาธิอันมีน้อยนิด

ของ เทนนิส ทินณัติ ชายหนุ่มรูปร่างดี ผิวขาวเหลืองแบบคนเอเชียดวงตาสีน้ำตาลเข้ม มองที่มาของเสียง

เขามองไปที่เมฆที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า วันนี้ฝนคงจะตกอีก ทำยังไงได้ก็มันเป็นฤดูฝนนี่นาแต่ยังไงก็ขอให้ตกหลังจากที่เขากลับถึง

บ้านเรียบร้อยเสียก่อน ชายหนุ่มยังมองเมฆสีเทาที่ลอยต่ำ ส่วนสายลมยังพัดกิ่งไม้ไหวอยู่เป็นระยะ

“นักศึกษาวันนี้พอแค่นี้ก่อน อย่าลืมไปคิดเรื่องที่จะฝึกงานด้วยนะ”เสียงอาจารย์ดังมาจากหน้าห้องเรียนทำให้คนที่กำลังเหม่อลอยหันกลับไปสนใจเจ้าของเสียง

“ขอบคุณครับ/ขอบคุณค่ะ”นักศึกษาต่างแยกย้ายออกจากห้อง

เทนนิสและเพื่อนๆออกจากห้องเรียนหลบร้อนมานั่งบริเวณข้างๆตึกที่มีต้นไม้ให้ร่มเงา ม้าหินอ่อนสีขาวตั้งไว้เรียงยาวเป็นแถว“ที่

ฝึกงาน ยังไม่รู้ว่าจะฝึกงานที่ไหนดี”ชายหนุ่มตัวเล็กมีใบหน้าน่ารัก วีร์ วีรวัฒน์  ถอนหายใจใช้มือข้างหนึ่งเท้าคางพูดขึ้นมาแล้ว

หันหน้าไปมองเพื่อนที่นั่งข้างๆอีกสองคน

“ฉันกับไอ้เอื้อมก็ยังไม่รู้ว่าจะไปฝึกงานที่ไหน”เหรียญสิบหนุ่มตี๋พูดขึ้นด้วยท่าทางเกียจคร้าน

“แต่ดูจากที่รุ่นพี่แนะนำมามีหลายที่น่าสนใจ”เอื้อม หนุ่มแว่นกระตือรือร้นหยิบรายชื่อบริษัทออกจากกระเป๋าที่เขาได้มาจากรุ่นพี่

ให้เพื่อนดู เพื่อจะช่วยเป็นอีกทางเลือกในการตัดสินใจ

“อืม ดูแล้วมีแต่บริษัทชื่อดัง และบริษัทใหญ่ทั้งนั้นแล้วคิดว่าส่งชื่อไปเขาจะรับแกรึไงถ้าอย่างเทนนิสก็ว่าไปอย่าง”เพื่อนๆในกลุ่ม

ต่างมองไปที่ชายหนุ่มที่กำลังใช้นิ้วเรียวเลื่อนบนหน้าจอสี่เหลี่ยมอย่างตั้งใจ เขาเงยหน้าจากหน้าจอแล้วหันไปยิ้มให้เพื่อนๆ

“แล้วพวกนายรู้ได้ยังว่าเขาจะรับฉัน อีกอย่างฉันไม่ไปบริษัทพวกนั้นหรอกถึงบริษัทใหญ่อาจจะได้งานทำดีๆหลังเรียนจบ แต่ก็

ต้องไปแข่งกันคนเก่งๆอีกเยอะ น่าเบื่อด้วย สู้ไปอยู่บริษัทที่เปิดได้ไม่นานใต้องใหญ่มาก น่าจะมีโอกาสที่พัฒนาตัวเองและได้ใช้

ความสามารถของตัวเองด้วย”ทุกคนฟังแล้วต่างพยักหน้าเห็นด้วยกับเพื่อน

“เทนนิส นั่นน้องเขามาหาแกรึเปล่า”หนุ่มตี๋เห็นหญิงสาวที่มาพบเพื่อนเขาบ่อยๆกำลังมองมาทางนี้อย่างอายๆ

“เออ ฟ้าใสทางนี้ครับ”ชายหนุ่มเรียกหญิงสาวที่มีท่าทางยืนลังเลอยู่  เขาลุกขึ้นเดินเข้าไปหาเธอ

“สวัสดีค่ะ พี่เทนนิส”

“สวัสดีครับ ของที่สั่งได้ครบตามส่งมาทางไลน์”

หญิงสาวรับถุงกระดาษมาจากชายหนุ่ม“ขอบคุณค่ะ ถ้ายังขอตัวนะคะฟ้าใสมีเรียนต่อ”หญิงสาวพูดอย่างอายๆเมื่อถูกผู้ชายหลาย
คนกำลังมองเธออยู่

“เทนนิส นั่นน้องเขาป่วยรึเปล่า”วีร์มองตามสาวสวยที่เดินห่างออกไป

“ทำไมถึงถามอย่างนั้น”อะไรที่ทำให้เพื่อนของเขาคิดอย่างนั้น

“ก็ดูสิน้องเขาขาวซีดขนาดนั้น แถมยังผอมอีกตะหากเหมือนคนป่วยไม่มีผิด”

“เฮ้อ ดูเหมือนว่าผู้หญิงจะเป็นแบบเดียวกันหมด”หนุ่มแว่นถอนหายใจเขารู้สึกว่าผู้หญิงสมัยแทบจะไม่เห็นความแตกต่างหรือ

เรียกอีกอย่างว่าไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง

“เห็นในเน็ตขายพวกครีมหน้าขาว ผิวขาวยุบยับเต็มไปหมด โฆษณาทางเน็ตนี่ช่วยได้มาก”

“พวกผู้หญิงเขาคงได้ค่านิยมความขาวมาจากคนที่พวกเธอชื่นชอบ”

“แล้วนี่อาหารเสริมของแก เป็นไงบ้าง”หนุ่มตี๋หันไปถามเพื่อนที่ขายอาหารเสริมนำเข้ามาหลายปี

“ก็เรื่อยๆ คนสมัยสมัยนี้เขาแข่งกันขาว ผิวสวย ผอม อาหารเสริมนำเข้าก็เลยยังพอขายได้”แต่ก็มีคู่แข่งมากขึ้นมากกว่าแต่ก่อน

ผู้บริโภคมีหลากหลายทางเลือก ยิ่งมีพรีเซนเตอร์เป็นดารานักแสดงสาวๆสวยด้วยแล้ว คนยิ่งให้ความสนใจแต่ก็เป็นเพียงกระแส

ชั่วคราวเท่านั้น เพราะเขาอยู่ในวงจรแบบนี้มานาน สินค้าถ้าไม่ดีจริงก็อยู่ได้ไม่นานหรือถ้าตัวเก่าไปตัวใหม่ก็มาแทน ตามกระแส
แทบไม่ทัน

“แล้วนี่จะเล่นหุ้นด้วยรึไง”หนุ่มแว่นมองหนังสือที่หยิบยืมมาจากร้านหนังสือข้างๆมหาวิทยาลัย

“เปล่าหรอก ว่างๆหาอะไรอ่านแก้เบื่อ”

“เห็นมีรุ่นพี่หลายคนเล่นหุ้นได้เงินมาเยอะเลยนะ”

“แล้วก่อนหน้านั้นขาดทุนมาเท่าไหร่แล้วหล่ะ ถ้าเล่นแล้วรวยทุกคนคงไม่มีคนจนแล้ว”

“ว่าแต่อาหารเสริมของแกมีแบบกินแล้วหล่อๆ บ้างไหม แกขายกินบ้างรึเปล่า”เอื้อมถามแล้วมองหน้าหล่อๆของเพื่อนแฃ้วอด
สงสัยไม่ได้

“ก็กินบ้างจะได้ตอบลูกค้าได้ หล่อๆอย่างสาววิ่งตามอย่างนายยังต้องการอะไรอีกรึอยากให้มีหนุ่มๆวิ่งตามแทน”

“ตามกระทืบดิ ฉันไม่ได้น่ารักไอ้วีร์จจะได้มีหนุ่มๆมาตามจีบ”พูดแล้วหันไปมองเพื่อนที่ถูกพาดพิงทำหน้าตาไม่พอใจ

               สายลมพัดเอาอากาศร้อนไป หอบเอากลิ่นฝนโชยมาแต่ไกลทำให้ทุกคนคิดว่าถึงเวลาต้องแยกย้ายกันเทนนิสและวีร์เดินมาหยุดที่ลานจอดรถของคณะที่มีรถมอเตอร์ไซด์หลายยี่ห้องจอดเรียงรายเต็มหมด เวสป้าสีเทาเบาะสีดำแบบเครื่องสี่จังหวะ

ราคาหกหลักจอดเด่นอยู่ลนลานจอด “รีบไปกันก่อนฝนดูท่าว่าจะตกลงมา”หนุ่มตัวเล็กพูดแล้วแหงนหน้ามองฟ้าที่มืดครึ้มลง

เพราะเมฆฝน ให้ตายเถอะเมื่อครู่ท้องฟ้ายังสว่างอยู่เลย เทนนิสเปิดใต้เบาะหยิบหมวกกันน็อคยื่นให้เพื่อนและสวมให้ตนเอง“ก็

หน้าฝนนี่นาไม่ใช่เรื่องแปลกที่ฝนจะตก ฝนไม่ตกสิถึงแปลก”ขับเพื่อนคู่ใจออกจากรั้วมหาวิทยาลัย เลี้ยวเข้าสู่ถนนใหญ่ได้ไม่

นานลมก็เริ่มพัดแรงขึ้นฝนเจ้ากรรมที่เทลงมาทำให้ทั้งคู่ต้องจอดรถรอให้ฝนหยุดที่ป้ายรถเมล์

“พูดยังไม่ทันขาดคำฝนนี่ก็ใจร้อนรีบตกมาได้ ดีนะอีกนานกว่าจะถึงเวลาเข้างาน”ชายหนุ่มตัวเล็กบ่นทันทีที่เข้ามายืนหลบฝนใน
ป้ายรถเมล์ที่คนยืนหลบฝนอยู่เกือบเต็ม

“ก็ดีแล้วฉันจะได้ไม่ต้องเปลืองค่าน้ำล้างรถ”คำพูดทีเล่นทีจริงของเขาทำให้เพื่อนยิ้มขึ้นมาได้ เทนนิสมองท้องฟ้าสีหม่นและสาย

ฝนที่โปรยปรายลงมาจนมองเห็นภาพข้างนอกไม่ชัด เขาอยากยื่นมาออกไปสัมผัสสายฝนแต่ติดที่ชั้นบรรยากาศในมหานครที่เต็ม

ไปด้วยฝุ่นละอองเยอะเกินไป สายลมพัดมาอย่างแรงพัดเอาละอองฝนสาดเข้ามาในป้ายรถเมล์ทำให้เขาที่ยืนอยู่แถวนอกต้อง

เขยิบเข้าไปด้านในโดยอัตโนมัติ

“อ๊ะ  ขอโทษครับ”เขารู้สึกว่าถอยหลังไปชนกับหน้าอกใครสักคน จนได้กลิ่นน้ำหอมผู้ชายราแพง ทำให้เขาต้องรีบหันกลับไป
ขอโทษ

“ไม่เป็นไรครับ”เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นแต่ยังไม่หันที่เทนนิสจะมองไปที่ใบหน้า

“เทนนิส ไปกันเถอะฝนเริ่มซาแล้ว”

“อืม”ชายหนุ่มรีบเดินตามเพื่อนไปที่รถคู่ใจที่จอดไว้ข้างทาง

           ชายหนุ่มร่างสูงสวมชุดสูทหรูราคาแพงมองตามชายหนุ่มร่างบางสวมชุดนักศึกษาที่เดินออกไปแล้วขับเวสป้าออกไป

ถ้าวันนี้ไม่มีประชุมเขาคงไม่มีโอกาสได้มาติดฝนที่นี่ เขาเดินออกมาจากโรงแรมเพื่อมารอรถที่จะมารับแต่ฝนก็เทลงมาทำให้เขา

วิ่งเข้ามาหลบฝนที่นี่ ขณะที่กำลังอารมณ์เสียพายุฝนที่เทลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตากับมีเสียงนุ่มๆใกล้ๆพูดขึ้นมา“ก็ดีแล้วฉันจะได้

ไม่ต้องเปลืองค่าน้ำล้างรถ”ทำให้เขาคิดอยากเห็นคนใบหน้าคนที่คิดในแง่ดีว่าจะมีหน้าตายังไง ชายหนุ่มสวมชุดนักศึกษาสะพาย

กระเป๋าเป้ไว้ข้างหลังส่วนมืออีกข้างถือหมวกกันน็อกไว้ ส่วนดวงตาสีน้ำตาลนั่นกำลังมองออกไปที่ท้องฟ้าที่มองเห็นไม่ชัดเพราะ

ถูกสายฝนกั้นไว้ แต่ริมฝีปากบางเหมือนมีรอยยิ้มจางๆ ไม่รู้ว่าชายหนุ่มคนนั้นกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ด้วยท่าทางที่เป็นธรรมชาติ

ทำให้เขาอดมองไปที่ใบหน้านั่นไม่ได้ ขณะที่กำลังคิดอะไรเพลินๆอีกฝ่ายก็ถอยหลังมาชนเขา ทำให้ได้กลิ่นแชมพูหอมอ่อนๆ

บรี๊น บรี๊น เสียงแตรรถดังขึ้นดึงสายตาของชายหนุ่มเปลี่ยนทิศให้หันไปมอง รถยุโรปสีดำคันหรูเข้าจอดเทียบฟุตบาตร ชายหนุ่ม

ร่างสูงรีบเดินออกจากศาลาไปที่รถทันที

   “หึย หนาวมากเลยเปียกฝนแล้วถูกแอร์เย็น”ถ้าเป็นอย่างนี้มีหวังเป็นไข้ไม่สบายแน่เลย ในห้องพักพนักงานที่มีพื้นที่อยู่

อย่างจำกัด กระจกเงาบานใหญ่ เก้าอี้สำหรับนั่งพักหลายตัว วีร์เปิดล็อกเกอร์ที่ตั้งชิดผนังหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่ออกมาสวม

“เฮ้ย เด็กๆสองคนนี้ไปเล่นน้ำฝนที่ไหนมาทำไมสภาพเป็นอย่างนี้”สาวสวยผมยาวรวบมัดไว้เป็นหางม้ายาวสวมหมวกกอล์ฟสวม

เสื้อฟอร์มของร้าน chicken café กางเกงเข้ารูปสีดำและรองเท้าสีดำหุ้มส้น ติดป้ายชื่อและตำแหน่งผู้จัดการร้านไว้ที่หน้าอกเธอ

กำลังยืนกอดอกมองดูชายหนุ่มทั้งสองอยู่หน้าประตู

“โห พี่เท็นไปเล่นน้ำที่ไหนพวกผมนั่งมอเตอร์ไซด์ตากฝน”

“ล่อเล่นน่าน้องวีร์ รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะเดี๋ยวไม่สบาย น้องเทนนิสของพี่เท็นวันนี้มาลงเคาร์เตอร์ให้พี่หน่อยนะ”

“อ้าว แล้วงานผมล่ะ”เทนนิสสวมเสื้อฟอร์มของร้านสวมทับด้วยผ้ากันเปื้อนแล้วหันมาถามสาวสวยผู้จัดการร้าน “ไม่มีปัญหาวันนี้มี

คนเยอะแล้ว”เธอยิ้มให้ชายหนุ่ม

“ได้ครับ ไปวีร์ไปลงเครื่องกัน”

              เดินออกมาจากห้องพักพนักงานผ่านห้องครัวพนักงานอยู่ประจำตำแหน่งกำลังทำหน้าที่ของตัวเอง เสียงดังเอะอะ

พนักงานกำลังเดินวุ่นทำงานแข่งกับเวลาเสียงสัญญาณดังขึ้นเป็นระยะเตือนให้รู้ว่ามีออเดอร์จากลูกค้า เดินตรงมาหน้าร้านมี

พนักงานยืนประจำอยู่ด้านหน้าจอสี่เหลี่ยมกำลังรับออเดอร์ลูกค้าที่ยืนเข้าแถวสั่งอาหาร“พี่บีมสวัสดีครับพี่เท็นให้ผมมาช่วยลง

เครื่อง”ชายหนุ่มทักทายรุ่นพี่ทั้งสอง

“ดีเลย พี่จะได้ไปพักส่วนอีกเครื่องให้วีร์ลงนะ ปลิวเราไปพักกันเถอะมีน้องมาแทนแล้ว”

“ได้ ฝากด้วยนะเด็กๆเดี๋ยวจะซื้อขนมมาฝาก”

“ครับพี่”

“สั่งอาหารเครื่องนี้ได้นะครับ”ชายหนุ่มเรียกลูกค้าที่กำลังยืนต่อแถวเครื่องอื่น แล้วส่งยิ้มหวานให้

“เอาชุดเบอร์เกอร์หมูครับ”เทนนิสกดลงไปบนบนหน้าจอเครื่องสั่งอาหาร

“กลับบ้านหรือทานที่นี่ครับ”

“ที่นี่ครับ”มือขาวหยิบถาดอาหารที่ปูกระดาษรองวางไว้เคาเตอร์ หยิบแก้วเครื่องดื่มตักน้ำแข็งใส่พอประมาณแล้วกดปุ่มเครื่องดื่ม

ให้ไหลอัตโนมัติลงในแก้วแล้วหันกลับมาที่เครื่อง

“ทั้งหมด.....”เทนนิสรับเงินมาจากลูกค้าหยิบใบเสร็จพร้อมเงินทอนให้ลูกค้า วางอาหารเครื่องดื่มลงบนถาดที่เตรียมไว้

               
                เป็นเอกเดินถือถาดหาที่นั่งเงียบๆ เพราะต้องเรียนทั้งวันจึงอยากกินอะไรรองท้องและที่ร้านอาหาร chicken caféนี้ก็

เงียบพอให้เขานั่งเช็คเมลล์รอให้ฝนที่ตกลงมาผ่านไปก่อน กลิ่นแฮมเกอร์หมูที่แกะออกมากระดาษยังร้อนหอมจนเขารีบจัดการ

หมดไม่กี่คำ มองออกไปด้านนอกร้านผ่านกระจกใสรถอยู่ท้องถนนยังติดอยู่ มองไปรอบๆร้านไม่ใช่แต่เพียงเขามีหลายคนเลือกที่

นี่เป็นที่หลบฝนชั่วคราว เสียงใสทักทายลูกค้าตรงเคาเตอร์ดังขึ้นเป็นระยะเรียกสายตาให้เขาหันไปมองอย่างสนใจ ท่าทางการ

ทำงานคล่องแคล่วว่องไวใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ยิ่งมองยิ่งรู้สึกเพลิน

ครืน ครืน มีสายโทรเข้ามา

“ว่าไง คืนนี้แกจะชวนฉันไปเมาที่ไหนอีก...วันนี้ขอผ่านนะต้องทำงานส่งอาจารย์ทั้งวันเหนื่อยอยากพัก...เออเที่ยวให้สนุกแล้ว

เจอกัน”เขากดวางสายไปแล้ว ที่จริงเขาก็อยากไปผ่อนคลายเหมือนกันแต่ก็อยากพักบ้างเหนื่อยเพราะต้องเร่งทำงานส่งอาจารย์

ทำให้นอนดึกมาหลายวัน ชายหนุ่มมองดูเวลาบนนาฬิกาเรือนหรู เป็นเวลาเย็นมากแล้วเขาจึงรีบเดินออกไปจากไปร้าน

   “เทนนิสกับวีร์ไปพักได้แล้ว”เสียงเตือนจากผู้จัดการร้านสาวเรียกให้ชายหนุ่มทั้งสองไปพักหลังจากที่ทำงานมาหลาย
ชั่วโมง

“ครับพี่เท็น วีร์ไปหาอะไรกินเถอะหิวแล้ว”

“อืม”

ชายหนุ่มทั้งสองเดินออกมาจากที่ทำงานเพื่อหามื้อเย็นกิน ออกมาข้างนอกก็สัมผัสได้ถึงอากาศอุ่นชื้นที่ลอยขึ้นมาจากพื้น

ซีเมนต์สัมผัสกับผิวจนรู้สึกเหนียวตัว พายุฝนผ่านพ้นไปแล้วทิ้งร่องรอยน้ำที่ขังไว้ตามพื้นและข้างถนน ส่วนน้ำฝนที่เหลือค่อยๆ

ไหลลงไปท่อระบายน้ำ เศษกิ่งไม้ใบไม้แห้งที่ปลิวตกลงจากต้นหล่นลงเต็มพื้น ท้องฟ้าไม่มีเมฆฝนแล้วแต่ก็ยังไม่สามารถไว้ใจ

ได้ว่าดึกๆจะไม่ตกลงมาอีก แสงสว่างหลอดไฟข้างทางกับแสงสว่างจากร้านแผงลอยทำให้มองเห็นข้างทางได้ชัดขึ้น ตอนเย็น

ของทุกวันจะมีแผลงลอยขายของขายอาหารตั้งเรียงรายบนฟุตบาตรแถวหน้าร้านที่พวกเขาทำงาน

“ป้า เอาหมี่ขาวพิเศษ 2 ชาม”ทั้งสองหยุดที่หน้าร้านก๋วยเตี๋ยวไก่เจ้าประจำ

“จ้า”

“วันนี้ดูเหมือนลูกค้าจะเยอะนะ”เทนนิสมองเข้าไปไปที่ร้านที่เขาทำงานมานานหลายปี ไฟสีอุ่นในร้านมองเข้าแล้วรู้สึกสบายตายัง

มีลูกค้าเดินเข้าออกร้านแม้จะเลยช่วงเวลาเร่งด่วนแล้ว

“น่าจะเป็นเพราะเขามาหลบฝนกัน ไม่รู้ว่าคืนจะตกลงมาอีกรึเปล่า”คนตัวเล็กพูดแล้วแหงนหน้ามองไปบนท้องฟ้าในฤดูฝนที่เอา

แน่เอานอนไม่ได้ พร้อมทั้งยังมีลมอุ่นๆพัดมาไม่ขาดสาย

“ก็หน้าฝนนี่นา เรายังโชคดีทำงานในร้านแต่แม่ค้าแผงลอย หน้าฝนนี่นรกเลยพวกเสื้อผ้าเจอแค่ความชื้นก็ขึ้นราแล้ว”

“วันหลังเราไปกินส้มตำร้านนั้นไหม”วีร์ชี้ไปร้านรถเข็นที่มีคนนั่งอยู่เต็ม แม่ค้าร่างท้วมกำลังตำส้มตำเสียงครกดัง ตึก ตึก กลิ่น

ปลาร้า กลิ่นพริกกระเทียมโชยชวนน้ำลายสอมาแต่ไกล

เทนนิสหันหลังกลับไปมองตามนิ้วที่เพื่อนชี้ไป“เพิ่งมาใหม่หรอ”ทำไมรู้สึกไม่คุ้นหน้าไม่เคยเห็นมาก่อน

“พี่เท็นบอกว่าร้านนี้อร่อย”

“ก็น่าก็ใช่”ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองไปรอบๆที่มีร้านอาหารตั้งเป็นแนวยาว มีคนออกมาเดินซื้ออาหารและนั่งกินที่ร้าน ถึงแม้จะไม่

คึกคักเหมือนช่วงกลางวันเพราะแถบนี้เป็นที่ตั้งของตึกออฟฟิตหลายบริษัท เขาละสายตาเลิกมองไปรอบหันกลับมาสนใจ

ก๋วยเตี๋ยวไก่เส้นหมี่ขาวในชาม


   ยิ่งดึกคนยิ่งออกมาเดินเล่นซื้อของหาของกิน ผู้คนเดินสวนกันไปมาบนฟุตบาตรแคบๆ บางคนมากันเป็นคู่เดินจูงมือถือ

แขนหยุดยืนดูของบนแผลงลอย บางคนมาเป็นครอบครัวออกมาหาอะไรกิน ก๋วยเตี๋ยวในชามหมดทั้งสองเดินกลับเข้าที่ทำงาน

เพราะหมดเวลาพัก    

“เทนนิสคิดโปรเจคไปถึงแล้ววะ”วีร์ถามเพื่อนสนิทที่กำลังช่วยกันเก็บกระดาษเศษอาหารบนโต๊ะ ส่วนอีกคนกำลังกวาดทำความ

สะอาดพื้นอยู่ไม่ไกล

“ยังไม่ไปไหนเลย ยังไม่รู้ว่าจะหัวข้ออะไร ยังดีที่เป็นงานกลุ่ม”มือขาวถือไม้กวาดกวาดพื้นใส่ที่โกยผง แล้วคิดเกี่ยวกับโปรเจคที่

อาจารย์ให้ทำไปด้วยด้วยสีหน้ากังวลเล็กน้อย

“ไม่รู้ว่าทำหัวข้ออะไรออกมาถึงจะดี เท่าทีเห็นกลุ่มอื่นทำก็มีพวก เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า”นึกถึงเพื่อนกลุ่มอื่นที่เริ่มมีความ

เคลื่อนไหวกันบ้างแล้วแต่กลุ่มของตัวเองยังนิ่งสนิท ยิ่งคิดก็รู้สึกกังวล

“เราต้องหาอะไรที่มันแตกต่าง แล้วอาทิตย์กลับบ้านไหมนิ”

“คงต้องกลับ”เพราะทำงานพิเศษเลยตองกลับดึกวีร์จึงต้องพักบ้านเพื่อน เขาไม่มีปัญหาเรื่องเงินแต่ที่บ้านต้องการให้เขาเรียนรู้

ชีวิตการทำงาน ถึงแม้ว่าตอนแรกจะไม่ค่อยชอบให้คนอื่นออกคำสั่งให้ทำโน่นทำนี่ ไม่ชอบต้องปั้นหน้ายิ้มแย้มพูดเพราะๆกับ

ลูกค้าแต่นานวันก็กลายเป็นความสนุกและรักในการทำงาน ที่ได้เจอลูกค้าแปลกๆไม่ซ้ำกันแต่ละวัน

“ดีแล้วกลับไปให้ที่บ้านเห็นหน้าบ้าง”คำพูดที่เหมือนธรรมดาออกมาริมฝีปากแต่แววตาที่สื่อออกมาคือความ เศร้าและรู้สึกอิจฉา

เพื่อนอยู่ลึกๆที่มีครอบครัวที่อบอุ่น เมื่อครั้งหนึ่งเขาก็เคยมีแต่เพราะอุบัติเหตุทำให้พ่อแม่จากไปโดยไม่มีวันกลับ ทิ้งให้เขาเผชิญ

โลกใบนี้เพียงลำพังแต่ก็เพื่อนสนิทอย่างวีร์และครอบครัวของวีร์ที่ทำผ่านมันมาได้

“ก็ว่างั้น พื้นนี่เลอะมากเลยช่วงหน้าฝน”วีร์มองพื้นร้านที่ปูด้วยกระเบื้องสีทึบสะท้อนกับแสงไฟนวลจนเห็นเป็นเงาตอนนี้เปื้อนไป

ด้วยคราบโคลนและรอยรองเท้าของลูกค้าเต็มพื้นมองแล้วไม่ค่อยน่าดู

“ไปเติมของดีกว่า อยากกลับแล้ว”

“อืม”



    “ท่าทางคืนนี้ฝนคงจะตกลงมาอีก”เทนนิสจอดเวสป้าคู่ใจแล้วลมเย็นชื้นๆก็พัดมากระทบผิว

“อืม ดูท้องฟ้าฝั่งโน้นเป็นสีแปลกฝนน่าจะกำลังตกแถวนั้น”วีร์ปิดประตูหน้าบ้านแล้วเดินมายืนมองท้องฟ้าข้างๆเพื่อน

“เข้าบ้านกันเถอะ เหนียวตัวชะมัด”รู้สึกชื้นๆอับไม่สบายตัวเพราะเสื้อเปียกฝน ไฟในบ้านสว่างขึ้นทำให้เห็นห้องรับแขกเป็นห้อง

แรก มีโซฟารับแขกกับโทรทัศน์จอใหญ่ และโต๊ะกินข้าวที่อยู่ด้านหลังโซฟา ชายหนุ่มเดินไปสำรวจห้องนั่งเล่นที่มีชั้นวางหนังสือ

ตั้งไว้ แล้วเดินเข้าไปในครัวเปิดดูตู้เย็นหยิบน้ำออกมาดื่ม เสร็จแล้วเดินขึ้นชั้นสองของบ้าน

“ฝนตกกลางคืนก็ดีนะจะได้หลับสบาย ยิ่งมีเรียนสายๆด้วย”พูดแล้วคิดถึงที่นอนอุ่นๆขึ้นมาทันที เขาบิดตัวไปมาผ่อนคลายอาการ

เมื่อยล้าทั้งวัน แล้วเดินตามเพื่อนขึ้นไป

แก๊ก เสียงประตูห้องน้ำเปิดออก วีร์เห็นเพื่อนกำลังหน้านิ่วหน้าจอคอมพิวเตอร์

“ดูอะไร ทำหน้าตาเหมือนดาราเลิกกันอีก”ถามเพื่อนแล้วนั่งบนเตียงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คข้อมูลข่าวสาร

“หึ หึ ประมาณนั้น”

“ใครเลิกกันอีกล่ะ”เงยหน้าขึ้นจาหน้าจออย่างไม่เชื่อหู

“เปล่า แค่ดูข่าวบริษัทเทแอร์เพ กำลังเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่”ภาพข่าวบริษัทสัญชาติไทยอยู่ในหน้าข่าวเศรษฐกิจ

“บริษัทที่ขายมันฝรั่งยี่ห้อ ทะเล้น ที่อร่อยๆน่ะนะ”วีร์ลุกจากเตียงเดินมาหยุดยืนมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่มีตัวหนังสือเกือบต็มหน้าจอ

“อืม”

“แล้วจะออกอะไร”

“น่าจะเป็นเครื่องดื่ม ไม่อย่างนั้นก็เป็นมันฝรั่งรสชาติใหม่”

“ดูไปแล้วบริษัทนี้ก็น่าไปฝึกงานนะ ถ้าเราฝึกที่นี่ต้องได้กินมันฝรั่งทุกวันแน่นอนเลย”วีร์กำลังคิดภาพที่ได้กินมันฝรั่งที่ตนเองชอบ

ทุกวันแค่คิดก็มีความสุข คนตัวเล็กเดินกลับไปนอนฝันที่เตียงนุ่ม

“ถ้านายไปฝึกที่โรงงานก็จะได้กินถ้าโชคดีคงได้ไปถึงสวนที่ชาวไร่เขาปลูก แต่ถ้าไปสำนักงานก็คงมีแต่กระดาษ พูดไปแล้วก็น่า

สนใจดีนะเดี๋ยวฉันจะลองหารายละเอียดดู ถ้าเขารับพวกเรานะ”ถึงจะเป็นบริษัทที่เปิดได้ไม่นานก็มีสินค้าที่สามารถแย่งส่วนแบ่ง

ทางตลาดคู่แข่งได้อย่างสวยหรู 

“หาเลยลองดู ไม่ได้ยังไงจะได้ที่อื่น นี่ถ้าเขาให้เงินค่าฝึกงานด้วยยิ่งดี”

“ถ้าเป็นบริษัทอย่างนั้นเขาคงใช้งานให้คุ้ม”

“แต่ก็ดีจะได้อารมณ์เหมือนกับว่าเราพนักงาน”

“อืม”รับปากเพื่อนแล้วเปิดหน้าต่าง google สำหรับค้นหาข้อมูลมาพิมพ์ชื่อบริษัทเทแอร์เพ ลงไปในช่อง ไม่นานข้อมูลที่

เกี่ยวข้องไล่เรียงตามสำคัญก็ปรากฏเต็มหน้าจอ

             ครื้น ครื้น แว่วเสียงฟ้าร้องมาแต่ไกล ลมเย็นชื้นพัดเข้ามาทางหน้าต่างลูกกรางติดมุ้งลวดผ้าม่านปลิวไปตามแรงลม นั่น

ทำให้เขาต้องละสายตาจากหน้าจอ ตัดสินใจปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ เหนื่อยมาทั้งวันแล้วน่าจะพักผ่อนได้แล้ว หันกลับไปมอง

เตียงข้างๆเพื่อนตัวเล็กก็หลับไปแล้ว มือขาวดึงผ้าห่มผืนบางลายการ์ตูนขึ้นห่มให้เพื่อนรักอย่างเป็นห่วงเพราะอากาศ

เปลี่ยนแปลงไม่แน่นอน ปิดไฟในห้องนอนปีนขึ้นเตียงนอนของตัวเองแล้วหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า 


                                                                มีต่อด้านล่าง



หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [รู้จักรักครั้งแรก] 21/9/2559
เริ่มหัวข้อโดย: jaengsRU ที่ 20-09-2016 16:05:02

                                                                                 ต่อจากด้านบน

   จิ๊บ จิ๊บ เสียงนกร้องยามเช้า พวกมันกำลังพูดคุยทักทายกันเสียงใส ไม่พอยังกระโดดไปตามกิ่งไม้เล็กอย่างชำนาญ

อากาศเย็นสบายข้างนอกถูกลมพัดเข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้ทั้งคืน ทำให้คนที่นอนอยู่เตียงนุ่มรู้สึกสบายจนทำให้มีรอยยิ้ม

บนริมฝีปากบาง

ติ๊ด ตี๊ด ตี๊ด   เสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์ดังขึ้นทำคนที่กำลังมีความสุขกับการนอนรู้สึกหงุดหงิดเพราะถูกรบกวน มือขาว

ควาญหาเสียงที่ทำลายบรรยากาศความสุข

“กี่โมงแล้วเทนนิส”เสียงอู้อี้จากอีกเตียงถามขึ้น

“9 โมงแล้ว”

“โอ๊ยไม่อยากตื่นเลยกำลังนอนสบาย”คนตัวเล็กนอนกอดหมอนข้างลายการ์ตูนกลิ้งไปมาบนเตียงอย่างเกียจคร้าน

“วันนี้วันพุธเจออาจารย์สมร ตื่นเถอะ”เทนนิสปลุกเพื่อนแล้วเดินหายเข้าในห้องน้ำ

“อาจารย์สมรหรอ แค่ได้ยินชื่อก็ตาสว่างแล้ว”อาจารย์อะไรไม่รู้เจ้าระเบียบเป็นบ้า คิดถึงหน้าอาจารย์แล้วก็ต้องถอนหายใจ

หลังฝนตกลงมาตลอดทั้งคืนเพิ่งจะมาหยุดช่วงใกล้เช้า ท้องฟ้าวันใหม่ก็แจ่มใสขึ้นมาก เทนนิสและวีร์มาถึงมหาวิทยาลัยก่อน

เวลา เพื่อมาหาอะไรกินตอนเช้า

“ป้าเอาผัดเผ็ดเครื่องในไก่กับไข่พะโล้อีกจานเอาไก่ทอดกับแกงเผ็ด”เทนนิสสั่งข้าวราดแกงร้านประจำแล้วเดินกลับไปที่โต๊ะที่มี

เพื่อนตัวเล็กอาสาไปซื้อน้ำดื่มนั่งรออยู่

“เอื้อมกับเหรียญสิบยังไม่มาหรอ”

“โทรไปแล้วนะ บอกว่ากำลังมาให้นั่งที่โรงอาหารนี่แหล่ะ”

“แล้วนี่น้ำอะไรทำไมมันสีแปลกๆ”เทนนิสหยิบน้ำดื่มสีฟ้าแกมม่วงขึ้นมาดื่ม

“มะพร้าวอัญชัน อร่อยเปล่า”เขาเห็นมีนักศึกษาหลายคนซื้อเลยอยากลองกินดูบ้าง

“อืม ไม่หวานมากอร่อยดี”

“เฮ้ย มากันนานแล้วหรอวะ”เหรียญสิบนั่งลงบนเก้าอี้ยาวมองจานข้างแกงที่หมดไปเกือบครึ่ง

“โทษทีตื่นสายนึกว่าจะมาไม่ทันแล้ว ยังไม่อิ่มใช่ไหมรอก่อนหิวข้าวมากเลย กินไรไหมวะเหรียญสิบ”เอื้อมวางกระเป๋าลงบนโต๊ะ

แล้วมองไปที่ร้าอาหาร

“เดียวไปด้วยกัน”   

ทั้งสองไปซื้อกับข้าวไม่นานก็กลับมานั่งที่โต๊ะ

“ไม่มีกับข้าวที่ไหนจะถูกเท่าที่นี่อีกแล้ว กับข้าวอร่อยแถมได้เยอะอีกตะหาก”

“โธ่คุณชายเอื้อมที่บ้านรวยขนาดนี้ยังขี้เหนียวอีกรึไง”

“ไม่ใช่ แค่เปรียบเทียบให้ฟังวันก่อนได้ยินข่าวว่าราคาสินค้าขึ้นราคาไง ภาษีก็ขึ้น ร้านอาหารตามสั่งแถวบ้านก็ขึ้นราคานะ”

“ใช่แม่ก็บ่นเหมือนกันว่าของขึ้นราคา”

“อย่างนี้ค่าแรงเราขึ้นเปล่าเทนนิส”วีร์หันหน้ามาถามเพื่อนที่นั่งฟังเงียบๆ

“แค่พนักงาน past-time ร้านนี้ให้ค่าชั่วโมงแพงที่สุดแล้ว สวัสดิการอะไรก็ดีกว่าที่อื่นๆ”

“น้อง ๆคุยอะไรกันให้พี่คุยด้วยคนสิ”

“สวัสดีครับพี่ปริม พี่ภาพ พี่พงษ์”ทั้งสี่สวัสดีรุ่นพี่ทั้งสามที่เดินเข้ามานั่งลงโต๊ะข้างๆ

“สวัสดีหนุ่มๆ รวมตัวกันแต่เช้าวันนี้มีเรียนอาจารย์สมรละสิ”ปริมสาวสวยผมยาวหยักโศกทักทายรุ่นน้อง ทั้งสี่คนแปลกใจที่รุ่นพี่รู้
ได้ยังไง

“เรื่องนี้พวกพี่ผ่านมาก่อนแล้ว เจอมาทุกอย่างแต่ผ่านมาได้เมื่อไหร่จะนึกขอบคุณอาจารย์เชียวล่ะ เพราะเวลาไปฝึกงานทั้งรุ่นพี่

เจ้านายไม่ต่างจากอาจารย์”ภาพหนุ่มรุ่นพี่เจ้าสำอางพยายามพูดให้น้องเห็นด้านดีของอาจารย์

“พวกแกอาทิตย์หน้าไปเมากัน”

“ฟรีเปล่าพี่พงษ์”

“ไม่ฟรี”

“อ้าว”

“ล้อเล่น ฟรีอยู่แล้ว เดี๋ยวใกล้ถึงวันพี่จะบอก พวกแกแค่ทำตัวให้ว่างก็พอ”ทุกคนพยักหน้ารับรู้ให้รุ่นพี่มาดเซอร์ แล้วเปลี่ยนเรื่อง
คุย เทนนิสและเพื่อนๆเห็นว่าไม่นานจะถึงเวลาเข้าก็ได้ขอตัว


   อีกไม่ถึง 5 นาทีจะถึงเวลาเข้าเรียนแต่ในห้องเรียนกลับเงียบไม่มีเสียงคุยเพราะมีอาจารย์สมรที่ขึ้นชื่อของความเจ้าระเบียบ

ยืนอยู่หน้าห้องสายตามองนักศึกษาชายหญิงผ่านแว่นหนาไร้กรอบ ด้วยสายตาที่ทุกคนต่างเกรงใจ กระดาษลงรายชื่อเข้าเรียน

ถูกส่งไปเรื่อยๆ ส่วนอาจารย์เริ่มเปิดเนื้อหาบทเรียนผ่านหน้าจอโปรเจคเตอร์ เทนนิสเปิดหนังสือเรียนตามเนื้อหาที่อาจารย์กำลัง

สอนสายตาเหลือบมองเพื่อนคนอื่นที่ดูเหมือนจะตั้งใจเรียนกว่าปกติ จะตั้งเรียนได้นานเท่าไรกันสามชั่วโมงเชียวนะ

                 เวลาค่อยผ่านไปเรื่อยๆอาจารย์ทำหน้าที่ผู้สอนต่อไป จากเนื้อหาที่เป็นตัวหนังสือบางครั้งมีรูปภาพประกอบและ

วีดีทัศน์เกี่ยวกับเนื้อหาทีเรียนทำให้ดึงสมาธินักศึกษาหลายคนที่กำลังจะหลุดลอยไปให้กลับคืนมาได้บ้าง

“วันนี้อาจารย์มีงานให้ทำ ให้นักศึกษาจับกลุ่มให้เรียบร้อยแล้วให้ตัวแทนออกมารับเอกสาร”นักศึกษาต่างรีบรวมกลุ่มแล้วส่งตัว

แทนออกมารับเอกสารหน้าห้อง

“อาจารย์ให้ทำอะไรวะ”

“จากที่อ่านโจทย์น่าจะให้ทำการตลาด โรงพยาบาล”

“โรงพยาบาล ทำไมได้หัวข้อยากจังเลย เอื้อมลองถามกลุ่มดิว่าเขาได้หัวข้ออะไรกัน”เอื้อมเดินเข้าไปถามกลุ่มอื่นๆ ที่กำลังนั่ง

อ่านคำสั่งในกระดาษไม่นานก็กลับมานั่งที่เดิม

“ไม่เหมือนกัน มีห้องสมุด ร้านอาหาร โรงหนัง ร้านค้าปลีก ประมาณนี้แหล่ะ”

“แล้วในคำสั่งอาจารย์ให้ทำยังไงบ้าง”

“ทำเป็นเล่มรายงานแล้วออกไปนำเสนอ”

“นักศึกษากรุณาเงียบสักครู่หัวข้อแต่ละกลุ่มจะไม่เหมือนกันหรืออาจจะซ้ำกันบ้างบางกลุ่ม ให้พวกคุณทำเป็นเล่มรายงานแล้ว

ออกมานำเสนอหน้าห้อง มีอะไรสงสัยถามได้รูปเล่มให้เขียนโดยใช้ลายมือทุกคนในกลุ่ม ส่วนกำหนดส่งต่อจากนี้อีกสามอาทิตย์

อาทิตย์ต่อมานำเสนออาจารย์จะไม่บอกว่ากลุ่มไหนได้นำเสนอก่อนแต่ให้ทุกกลุ่มเตรียมมา ถ้ากลุ่มไหนไม่พร้อมจะถูกตัดคะแนน

ทันที”นักศึกษาทุกคนฟังอาจารย์พูดผ่านไมโครโฟนต่างทำสีหน้าหนักใจกับงานงานที่รับมอบหมาย แต่ก็ไม่มีข้อโต้แย้งหรือข้อ

สงสัยใดใด หลังจากหมดชั่วโมงนักศึกษาต่างทยอยเดินออกจากห้องเรียน เทนนิสและเพื่อนๆลงมานั่งเล่นม้าหินอ่อนบริเวณโรง

อาหารเหมือนเช่นทุกวัน

“ช่วงนี้มีแต่รายงานเต็มหัวไปหมด เหมือนอาจารย์นัดกันมาเลย”คนตัวเล็กอดบ่นขึ้นมาไม่ได้ “กำหนดเวลาส่งงานก็ไล่เลี่ยกัน”

“รายงานนี่ไม่เท่าไหร่ แต่สอบย่อยนี่สิเทนนิสช่วยฉันด้วย”หนุ่มตี๋หันไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนที่นั่งเล่นโทรศัพท์ไม่อารมณ์

ทุกข์ใดๆ

“ไม่ละขี้เกียจ”เทนนิสรีบตอบโดยไม่รักษาน้ำใจ

“เฮ้ยได้ไงนี่เพื่อนนะ แกไม่คิดจะช่วยหน่อยรึไงเดี๋ยวฉันพาไปเลี้ยงหนัง”

“ถ้าเทนนิสช่วยติว เราจะเลี้ยงข้าวด้วย”ข้อเสนอของเพื่อนตัวเล็กทำให้เทนนิสรู้สึกสนใจ ละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์และมอง

หน้าเพื่อนในกลุ่มที่กำลังรอคอยคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ

“ฉันเลี้ยงไอติมด้วยเป็นไง”เอื้อมช่วยให้เพื่อนที่มีสีหน้าลังเลตัดสินใจง่ายขึ้น

“อืม เดี๋ยวจะทำสรุปเนื้อหาให้ แล้วสงสัยอะไรก็ถามมาละกัน”เขาเก็บโทรศัพท์ลงแล้วหยิบแผ่นกระดาษเอสี่ที่เป็นคำสั่งให้ทำ

รายงานขึ้นมาดูอีกครั้ง

คำตอบของเพื่อนทำให้วีร์ยิ้มออกมาได้อย่างหมดห่วงไปหนึ่งอย่าง ก็ใครทำให้เขาเรียนไม่ค่อยเก่งเหมือนกับเพื่อนทั้งๆที่เขาไม่

เห็นเพื่อนจะอ่านหนังสือเรียน เห็นก็อ่านปกติเหมือนคนอื่นแต่เวลาที่คะแนนออกมาทไม่รู้ทำไมถึงได้เยอะกว่าคนอื่น

“วันนี้ว่างไปเดินห้างเปล่า ไปหาอะไรกินด้วย”เอื้อมที่นั่งจิ้มโทรศัพ์อยู่เกือบชั่วโมงหันมาถามความเห็นเพื่อน

“แกไม่มีนัดกับสาวรึไง ทำไมว่างได้”

“สาวที่ไหนจะมาเอาฉันวะ แค่นี้ยังเอาตัวเองไม่รอด”หนุ่มตี๋คิดแล้วก็หงุดหงิด ไอ้อยากเที่ยวก็อยากไปแต่เรื่องเรียนก็สำคัญและ

เขาไม่อยากให้ที่บ้านเป็นห่วงเรื่องผลการเรียน

“ไปกินอาหารญี่ปุ่นกันเถอะ ไม่ได้กินนนานแล้ว”

“เออ ใช่มีร้านอาหารญี่ปุ่นเปิดใหม่ใกล้ๆม. ตอนนี้มีโปรโมชั่น มา 4 จ่าย 3 ว่าไงสนใจไหม”ทุกคนมองหน้ากันเห็นด้วยกับข้อ

เสนอของเหรียญสิบ

“งั้นฉันเสียสละเป็นคนที่สี่เอง”

“ได้ไงวะไอ้เอื้อมออกกันดิ”

ทั้งสี่คนเก็บของเรียบร้อยตรงไปที่ร้านอาหารญี่ปุ่นที่ว่าทันที



********************************************************************************************

 ขอฝากเรื่องใหม่ด้วยจ้า

โปรดติดตามตอนต่อไป



หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 2] 2/10/2559
เริ่มหัวข้อโดย: jaengsRU ที่ 02-10-2016 10:15:11

Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก

ตอนที่ 2

              ลำแสงอันอบอ้าวจากดวงตะวันจากไปนานแล้วตรงขอบฟ้ามีเพียงดวงจันทร์ครึ่งดวงลอยเด่นอยู่ระดับสายตาบนฟ้า

พร้อมกับเมฆสีดำเทารวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนกระจายอยู่ทั่วท้องฟ้าสีเข้ม แสงสว่างจากหลอดไฟข้างทางทอดเป็นแนวยาวตาม

ท้องถนนสายหลักของมหานครเมืองใหญ่ รถยนต์หลายสัญชาติวิ่งแซงรถสองล้อคู่ใจแต่นั่นก็ไม่ทำให้คนขับเร่งความเร็วแต่อย่าง

ใด รถสองล้อวิ่งด้วยความเร็วแปดสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงทำให้มองเห็นภาพวิวยามค่ำคืนได้ชัดเจน เทนนิสและวีร์กำลังมุ่งหน้าไป

ร้านอาหารตามที่ได้ตกลงกับรุ่นพี่ไว้ก่อนหน้านี้ ใช้เวลาไม่นานทั้งสองก็มาถึง

“ร้านบรรยากาศน่านั่งมากเลย”

“เพิ่งรู้ว่าแถวนี้มีร้านอาหารแถวนี้ด้วย ว่าไปแล้วเขาก็ไม่ค่อยได้มีโอกาสผ่านมาทางนี้เท่าไหร่”

“เทนนิสเข้าไปข้างในกันเถอะ ไม่รู้ไอ้เอื้อมกับเหรียญสิบมันจะบ่นอะไรบ้าง”เขาขี้เกียจฟังพวกนั้นบ่น

                ร้านอาหารกึ่งผับบนทำเลดีมองภายนอกเหมือนร้านอาหารหรูทั่วไปที่มีต้นไม้ใหญ่ ต้นไม้ขนาดกลางปลูกไว้เป็นแนว

แทนรั้ว ลานกว้างมีโต๊ะเก้าอี้จัดวางไว้บริการลูกค้าประดับด้วยไฟสีโทนอุ่น มองเข้าไปด้านในเป็นตึกสองชั้นที่ตกแต่งด้วยกระจก

ใส ทำให้มองเห็นบรรยากาศด้านนอก เทนนิสเลี้ยวรถเข้าไปจอดในลานจอดรถรู้สึกเป็นห่วงรถสองล้อคู่ใจที่ต้องมาจอข้างๆรถหรู

ที่อยู่เต็มลานจอด เดินเข้าไปร้านที่บรรยากาศของคนมีเงินรู้สึกไม่ค่อยชินเท่าไหร่ ถ้าไม่เพราะรุ่นพี่ชวนมาเขาคงไม่เข้ามาในร้าน

อาหารแบบนี้ ตั้งแต่ที่ทั้งสองเดินเข้ามามีสายตาหลายคู่มองพวกเขาอย่างสนใจ ทั้งสองกำลังมองหารุ่นพี่

“เทนนิส วีร์ ทางนี้”เหรียญสิบตะโกนเรียกเพื่อนทั้งสองที่ยืนเป็นจุดสนใจอยู่หน้าร้าน

“พี่พี่หวัดดีครับ”คนมาใหม่ทั้งสองทักทายรุ่นพี่ที่นั่งอยู่ บนโต๊ะกว้างมีอาหารเครื่องดื่มแอลกอร์ฮอหลากหลายยี่ห้อปริมาณดีกรี

แตกต่างกันไปวางอยู่

“อ้าวน้องรหัสที่รักกับน้องวีร์ที่น่ารักมาแล้วเชิญนั่งเลยครับ กว่าจะมีโอกาสได้เจอหน้าแก ฉันว่าแกยุ่งกว่านายกอีกนะเนี่ย”เป้ที่พี่

รหัสของเทนนิสทักทายทันทีที่เห็นรุ่นน้องทั้งสองนั่งลงที่โต๊ะ

”ฮ่า ฮ่า ไม่ขนาดนั้นหรอกครับพี่เป้”ถึงพี่รหัสของเขาจะปากร้ายแต่ที่จริงเป็นคนดีกว่าที่เห็น พอได้ที่นั่งเขาเริ่มลงมือกินกับข้าวที่

ดูเหมือนว่าทุกคนจะไม่สนใจ

“ไม่ต้องมาหัวเราะกลบเกลื่อน เอานี่ดื่มเข้าไปมาช้ากว่าเพื่อนน้องวีร์คนน่ารักของพี่ด้วย”เป้ส่งเครื่องดื่มให้รุ่นน้องทั้งสอง

“ขอบคุณครับ”วีร์รับเครื่องดื่มจากรุ่นพี่

เอื้อมขยับเข้ามานั่งใกล้ๆเพื่อนแต่ก็อดพูดประชดขึ้นไม่ได้“มาช้าว่ะ ไม่มาซะร้านปิด”

“รีบที่สุดแล้ว”ไม่รู้จะเร่งอะไรกันนักกันหนาไม่ได้อยากมาด้วยสักหน่อยเรียนเหนื่อยทั้งวันแล้วอยากนอนดูหนังฟังเพลงอ่าน

หนังสือการ์ตูนอยู่ที่บ้าน 

“เชื่อโทรไปตั้งแต่ทุ่มหนึ่ง นี่แกโผล่มาเกือบสี่ทุ่มเนี่ย”หนุ่มแว่นใช้สายตาไม่พอใจมองเพื่อนทั้งสองคน

“พอดีว่ารถมันติดไง บ้ารึไงตอนนี้มันแค่สองทุ่มกว่าเท่านั้น”

“มากันตั้งนาน ว่าแต่เมากันแล้วรึไง”คนตัวเล็กมองหน้าเพื่อนทั้งสองที่เริ่มแดง ท่าทางคนจะโดนรุ่นพี่บังคับให้ดื่มเลยอารมณ์เสีย

เหลือบไปเห็นขวดเหล้ายี่ห้อดังตั้งเรียงอยู่บนโต๊ะหมดไปหลายขวด

“เทนนิสพวกแกเตรียมวิชาอาจารย์สุขใจไปถึงไหนแล้ว กลุ่มอื่นฉันเห็นเขามาปรึกษารุ่นพี่กันแล้วทำไมพวกแกดูเงียบๆ”

“ครับพี่โอ๋ กลุ่มผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยยังไม่รู้ว่าจะหาอะไรมาขายในงาน”มันเป็นงานออกร้านของคณะที่จัดขึ้นทุกปี คิดไปแล้วก็

พอจะนึกออกว่ารุ่นพี่กำลังเป็นห่วง ก็ทำไงได้ก็มันยังคิดไม่ออกนี่นาไหนจะรายงานไหนจะเรียนไหนจะงานอีกล่ะโอ๊ยแค่คิดก็ปวด
หัวขึ้นมา

“ขายอะไรก็ได้ ที่มันใช้เนื้อหากลยุทธ์การตลาดที่พวกแกเรียนมาเข้ามาช่วย ทำไมพวกฉันไม่เคยคิดมากเลยวะ”

“รึว่าพวกแกจะขายขนมครก ก็ไม่ใช่ปัญหาแค่เอาไอ้เทนนิสกับไอ้วีร์ยืนขายแล้วให้ไอ้เอื้อมกับไอ้เหรียญสิบคอยเรียกลูกค้าอยู่

หน้าแค่นี้พวกแกก็ได้ยอดแล้ว”

“ฮ่า ฮ่า พี่ทัณฑ์พูดเหมือนให้พวกผมขายหน้าตาเลย”หนุ่มแว่นหัวเราะที่ถูกรุ่นพี่แนะนำ ว่าแต่ขายขนมครกนี่ก็น่าสนใจ

“ถึงฉันไม่ได้อยากหมายถึงอย่างนั้น ก็ช่วยไม่ได้พวกแกมันดูดีนี่นา”ไอ้เด็กแว่นนี่กวนประสาทจริงๆ

“พูดไปแล้วพี่โอ๋ก็อยากเห็นน้องวีร์ใส่ผ้ากันเปื้อนเหมือนกัน”ชายหนุ่มลองจินตนาการรุ่นน้องตัวเล็กสวมผ้ากันเปื้อนคงน่ารักไม่
เบา

“ต้องใส่หูแมวหรือหูกระต่ายอะไรประมาณนี้ด้วยไหมพี่โอ๋”คนถูกพาดพิงอดพูดแทรกขึ้นมาไม่ได้

“ถ้าได้พี่จะพาเพื่อนไปเหมาร้าน”ฟังคำตอบของรุ่นพี่ไม่จริงจังทำให้วีร์ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือร้องไห้ดี

“แล้วเรื่องฝึกงานพวกแกได้ที่ฝึกงานกันแล้วรึยัง”

“ผมกับไอ้เอื้อมได้แล้ว ฝึกงานกับบริษัทของญาติๆ”

“แล้วแกไอ้น้องรหัสที่รัก”

อุ๋ย พี่รหัสอย่าจ้องด้วยความรักและความห่วงใยอย่างนั้นสิเขาเขินนะ“ยังเลยครับแต่ผมกับวีร์ส่งจดหมายไปแล้ว เหลือแค่เขาตอบ
รับมา ว่าไปแล้วผมก็พึ่งส่งไปเมื่อวานนี้เอง คงต้องรออีกสักระยะถึงจะได้คำตอบ”

“อืม ให้มันได้อย่างนี้น้องรหัสที่รัก”

          จบบทสนทนาอันน่าปวดหัวทุกคนก็กลับมาสนใจเครื่องดื่มเย็นๆในแก้วใสที่รอบๆแก้วถูกเกาะไปด้วยหยดน้ำ เครื่องดื่ม

แอลกอฮอล์ดีกรีหนักถูกผสมจนมีรสชาติที่นุ่มลงกว่าเดิม บทสนทนาเปลี่ยนเป็นเรื่องทั่วๆไปสลับกับเสียงหัวเราะดังขึ้นเป็นระยะ

เสียงดนตรีสดในร้านทั้งเพลงไทยสากลและเพลงสากลจังหวะฟังสบายสลับสับเปลี่ยนกันบนเวทียังดึงดูความสนใจให้ลูกค้า

หลายคนหันไปมองบนเวทีอยู่เป็นระยะ ไม่บ่อยครั้งนักที่เทนนิสกับเพื่อนจะได้มีโอกาสออกมากินข้าวในช่วงเวลานี้ซึ่งปกติแล้ว

เขายังต้องทำงานพิเศษที่ร้านอาหารchicken café ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินแต่การทำงานพิเศษก็ช่วยเขาในหลายๆเรื่อง

ไม่ว่าจะเป็นการเข้าสังคม หรือก็ทำให้เขาไม่ต้องคิดมากเรื่องการจากไปของของพ่อแม่ ทำตัวยุ่งๆเข้าไว้จะไม่เหงาไม่คิดถึง ไม่

ต้องร้องไห้เพราะไม่มีเวลา นานวันเข้าการเรียนไปด้วยทำงานไปด้วยก็เริ่มเคยชิน เปลี่ยนเป็นสนุกกับงาน และรักในงานที่ทำใน

ที่สุด ถึงจะเป็นแค่งานพิเศษรายชั่วโมงไม่กี่สิบบาทแต่ก็ไม่ได้ยุ่งยากมากมายเกินความสามารถ มือขาวหยิบเครื่องดื่ม

แอลกอฮอล์ดีกรีต่ำขึ้นมาจิบสลับกับกินกับแก้มไปด้วย ร้านอาหารหรูอาหารรสชาติอร่อยทำเลที่ตั้งดียังมีลูกค้าทยอยเข้ามาใน

ร้านเรื่อยๆ ลูกค้าแต่ละคนที่เข้ามาในร้านการแต่งกายบ่งบอกถึงฐานะทางบ้านได้เป็นอย่างดี เวลาผ่านไปนานชั่วโมงกว่าทุกคน

ต่างแยกย้ายออกจากร้าน

“เทนนิสแกไม่ไปต่อไหมกับพี่หรอ”

“ไม่ดีกว่าพี่เป้ เอาไว้โอกาสหน้าพรุ่งนี้ผมมีเรียนเช้าด้วย”

“อื้อ แล้วพวกแกไปต่อกับพวกพี่ไหม”

“ขอผ่านครับพี่ แค่นี้ยังไม่รู้ว่าจะตื่นไปเรียนไหวรึเปล่า”หนุ่มตี๋รีบปฏิเสธเพราะแค่นี้ก็ทำท่าว่าจะไม่ไหวแล้ว

“ตามใจ ถ้าอย่างนั้นพากันกลับดีๆแล้วกัน”

“ขอบคุณครับพี่ๆ ที่เลี้ยงพวกผมวันนี้ คราวนี้อย่าลืมชวนอีกนะครับ แต่ขอเป็นของฟรีด้วยนะครับ”

“เอ้อ แล้วเจอกัน”


                ทั้งสี่คนลารุ่นพี่แล้วรีบแยกย้ายออกจากร้าน เทนนิสและวีร์กลับมาถึงบ้านก็เป็นเวลาเกือบห้าทุ่ม บ้านหลังใหญ่สองชั้นในห้องนอนไฟถูกเปิดขึ้น

“ฮื้อ เหนื่อยเป็นบ้าเลยวันนี้”ทันทีที่เดินเข้าห้องเขาก็ทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนนุ่ม ปากก็บ่นขึ้นมาเบาๆ

“ดูพี่พี่เขาจะเป็นห่วงพวกเรามาก ถึงเอาเรื่องเลี้ยงข้าวมาอ้าง แกว่าบริษัทนั้นจะรับพวกเราเข้าฝึกงานรึเปล่า”วีร์เดินไปเปิดตู้

เสื้อผ้าออกมาเปลี่ยนชุดใหม่แล้วเดินไปนั่งที่ขอบเตียง มองเพื่อนที่สวมเสื้อยืดกางเกงขาสั้นนอนหลับตาอยู่อีกเตียง

เทนนิสขยับตัวนอนตะแคง“ก็ช่วยไม่ได้ เดี๋ยวหยุดสุดสัปดาห์ค่อยคิด ว่าแต่แกอยากใส่ผ้ากันเปื้อนไหม”พูดแล้วลืมตามองหน้า

เพื่อนที่ทำหน้าเบื่อหน่าย

“ง่วงนอนแล้ว จะอาบน้ำไหมถ้าไม่อาบจะปิดไฟนอนแล้วนะ”

“ไม่ละ ง่วงแล้วเหมือนกัน ฮ้าว”

“อื้อ”แสงสว่างในห้องถูกปิดลงชายหนุ่มทั้งสองก็เข้าสู่นิทราด้วยความเหนื่อย



   อีกไม่ถึง 10 นาทีถึงเวลาเข้าเรียนนาฬิกาบนข้อมือบอกเวลา แต่เทนนิสและวีร์ยังไปไม่ถึงห้องเรียนเพราะเมื่อเช้าตื่นสาย

“เทนนิส วีร์ ทางนี้”เสียงเรียกของเหรียญสิบตะโกนเรียกทั้งสองก่อนขึ้นอาคารเรียน

ทั้งสองเดินไปนั่งลงบนม้าหินอ่อนที่เพื่อนทั้งสองนั่งอยู่ก่อนแล้ว“พวกแกไม่เข้าเรียนกันหรอหรือว่าจะโดด”

“อาจารย์งดคลาส”เหรียญสิบรีบพูดตัดบทเมื่อดูเหมือนว่าเขาถูกเพื่อนเข้าใจผิด

เทนนิสพยักหน้ารับรู้เรื่องที่ได้ฟังอย่างไม่แปลกใจเท่าไหร่ในคำตอบ“แล้วคราวนี้ไปไหน ไปเป็นวิทยากร อบรมสัมมนา หรือว่าไปเมืองนอก”

“เห็นเพลินมันบอกว่าไปเมืองนอก ไม่รู้จะไปบ่อยอะไรกันนักกันหนา”

เทนนิสหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเลื่อนหน้าจอเล่นอย่างอารมณ์ดี สาตุคงเพราะไม่ได้เข้าเรียนนั่นแหล่ะแต่ก็รู้สึกกังวลบ้างที่ไม่ค่อยได้

เรียนแต่มันก็เรื่องที่ช่วยไม่ได้“แล้วทำไมแกไม่โทรบอกฉันเสียเวลา นี่ก็อุตสารีบมา”

“เพลินมันบอกว่ามีงาน นี่พึ่งได้มา”หนุ่มแว่นส่งเอกสารให้เพื่อน

วีร์เปิดดูเอกสาร“เฮ้ย ทำไมงานมันเยอะอย่างนี้นี่อาจารย์คิดจะไปเป็นปีเลยรึไง”

“ให้เวลาสองสัปดาห์ก็ไม่เยอะนะ สำหรับแบบฝึกหัดหนึ่งร้อยข้อ”

“ไหนไหนก็ว่างแล้วหาอะไรกินกันเถอะ แล้วค่อยมาคุยกันเรื่องรายงานและงานออกร้านของกลุ่มเรา”

“ก็ดีเหมือนกันฉันก็หิวแล้ว”

วีร์ เหรียญสิบและเอื้อมไปซื้อข้าวปล่อยให้เทนนิสนั่งเฝ้าโต๊ะ เขามองไปบนเอกสารที่เพื่อนให้มา เปิดอ่านเนื้อหาข้างในที่เป็น

แบบฝึกหัด ทำไมคำถามแต่ละข้อถึงได้ยากอย่างนี้ เขาหยิบปากกาขึ้นมาลองเขียนคำถามลงไปบนเส้นบรรทัดที่เหลือพื้นที่ไว้ให้

เขียนคำตอบ เนื้อหาที่เอาใช้เป็นทั้งเรื่องเก่าเพื่อทบทวนความรู้และเรื่องใหม่ที่พึ่งเรียนไปในชั่วโมงที่แล้ว นั่งตอบคำถามในแบบ

ฝึกไม่นานทุกคนก็กลับมานั่งที่โต๊ะพร้อมจานข้าว

“ดูจากแผนผังของงาน ร้านเราน่าจะตั้งอยู่ที่ล็อคนี้”นิ้วเรียวชี้ไปบนช่องสี่เหลี่ยมมีหมายเลขสองหลักเขียนไว้บนนั้น

“จากที่ดูแผนผัง กลุ่มอื่นเขาลงรายชื่อของที่ขายในงานกันเกือบจะครบแล้ว”เอื้อมมองดูด้านล่างของแผงผังที่เขียนบอกไว้ว่าจะ

แต่ละร้านจะขายสิค้าอะไรในงาน

เหรีญสิบอ่านดูรายชื่อร้านค้าแล้วออกมาคิดเห็น“ขายเครปเปล่า ช่วงที่เปิดร้านน่าจะเป็นหน้าหนาว ส่วนอุปกรณ์ไปเช่าเอา ส่วน
เรื่องวิธีทำลองเปิดดูในยูทูปน่าจะช่วยได้”

“อืม ก็น่าสนใจยังไม่มีกลุ่มไหนเปิด ควันไม่เยอะด้วย อากาศเย็นกินอะไรอุ่นๆก็น่าดี”เอื้อมลองนึกภาพความเป็นไปได้ถ้าจะขายเครปขึ้นมาจริงๆ

“ฉันก็เห็นด้วยที่จะขายของกินที่สามารถเดินกินได้ แต่น่าจะมีจุดเด่นแตกต่างจากเครปทั่วๆไป”ความยุ่งยากก็คือต้องหาจุดเด่นของตัวสินค้าที่ต้องนำเสนอมาให้คนเห็นนี่แหล่ะ วีร์ลองเปิดดูภาพเครปบนมือถือเพื่อลองหาไอเดียร์

“แล้วงบที่กำหนดไว้เท่าไหร่”นิ้วเรียวเขียนเป็นเนื้อหาโดยคร่าวลงแผ่นกระดาษเปล่า

“ไม่ได้กำหนดอะไร แต่เสร็จแล้วทำเป็นรูปเล่มตั้งแต่แรกจนถึงสรุปผล”คนตัวเล็กหันไปตอบคำถามเพื่อน

“ถ้าอย่างนี้จะเขียนโกหกลงในรายงานยังไงก็ได้สิ บอกว่าลงทุนน้อยได้กำไรอะไรประมาณนี้ โอ้ ฉันมองเห็นอนาคตประเทศล่มจมมาแต่ไกลเลย”

“คิดมากไปแล้วเหรีญญสิบ ฉันว่าอาจารย์น่าจะมองที่การทำงานเป็นส่วนประกอบ อาจารย์คงต้องการให้นักศึกษาใช้ทฤษฎีที่

เรียนมา มาใช้ในกิจกรรมมากกว่า”ทุกคนแลกเปลี่ยนความคิดอยู่ซักพักแล้วก็ได้ข้อสรุปโดยคร่าวจากนั้นต่างแบ่งหน้าที่ความรับ
ผิดชอบ 


   เมฆสีดำหายไปจากท้องฟ้าหลายวันทำให้อุณหภูมิพลอยสูงไปด้วย ดวงอาทิตย์ที่เคยส่องแสงในช่วงหลายวันตอนนี้เริ่ม

ถูกเมฆสีเทาดำบดบังเอาไว้ และมีลมเย็นๆพัดโชยมาแต่ก็ไม่ได้รู้สึกมากนักเพราะโดยรอบมีตึกอาคารสูงเสียดฟ้าคอยขวางทาง

ลมเอาไว้ บนท้องถนนมหานครยังเต็มไปด้วยยานพาหนะที่จอดนิ่งรอให้สัญญาณจากไฟแดงเป็นเขียวอย่างใจจดใจจ่อ ทันทีที่

สัญญาณไฟเขียวปรากฎขึ้นยานพาหนะต่างพยายามเคลื่อนตัวออกไปด้วยความเร็ว เทนนิสขับสองล้อคู่ใจด้วยความเร็วปกติไม่

นานเขาก็มาถึงห้างสรรพสินค้าตึกสูงห้าชั้นติดถนนสายหลัก ที่รายล้อมไปด้วยตึกออฟฟิตสำนักงานของบริษัทต่างๆ ช่วงเวลา

หลังเลิกงานบนท้องถนนเส้นออกจากเมืองรถกำลังติด ผิดกับเส้นเข้าเมืองที่โล่ง

“สวัสดีครับพี่เท็น/สวัสดีครับ“

“ดีจ้าเด็กๆ อ้อ เทนนิสมีพนักงานใหม่มาฝึกงานพี่ให้คนอื่นช่วยสอนงานให้ ยังไงเราก็ช่วยๆดูด้วยนะ”

“มาฝึกงานในส่วนของร้านกาแฟหรอครับ”ที่นี่เป็นร้านอาหารฟาสต์ฟู้ตและมีส่วนของร้านกาแฟเพิ่มเข้ามาไว้บริการด้วย สาขานี้

เป็นอีกสาขาที่มีไว้สำหรับฝึกอบรมพนักงานใหม่ก่อนที่จะส่งไปประจำที่สาขาอื่น จำนวนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการมากทั้งคนไทย

ชาวต่างชาติทำให้ที่นี่เหมาะสำหรับใช้ฝึกพนักงาน

“ใช่จ๊ะ น่าจะเป็นรุ่นน้องเรานะ แล้วอาจจะมีมาเพิ่มอีกพี่จะรบกวนช่วยสอนงานด้วย”

“ก็สอนแบบเดิมใช่ไหมครับ ไม่น่าจะมีปัญหา”

“ใช่แล้ว ไปวีร์ไปลงเครื่องกับพี่”

“ครับ”วีร์รับคำแล้วเดินตามผู้จัดการร้านออกไปหน้าร้านปล่อยให้เทนนิสยืนสำรวจความเรียบตัวเองผ่านกระจกเงาอีกครั้ง เทนนิส

เดินออกไปหน้าร้านกลิ่นกาแฟหอมๆจากเครื่องทำกาแฟอัตโนมัติที่กำลังทำงาน

“พี่แชมป์ พี่ตาลสวัสดีครับ”ชายหนุ่มทักทายรุ่นพี่

“เทนนิสมาแล้วหรอ นี่น้องปลามาฝึกงานที่นี่สักระยะ ก่อนจะกลับไปประจำที่ต่างสาขา”แชมป์ชายหนุ่มผิวขาวเชื้อสายจีนส่งยิ้ม

หวานทักทายมาให้เขา

“สวัสดีครับพี่ชื่อเทนนิส”เขาทักทายหญิงสาวตัวเล็กความสูงไม่น่าจะเกินร้อยหกสิบมีใบหน้าน่ารัก มัดผมติดกิ๊ปอย่างเรียบร้อย

“สวัสดีดีค่ะชื่อปลาค่ะ”เธอยกมือไหว้และยิ้มหวานให้รุ่นพี่มาใหม่ เธอคิดว่าพี่แชมป์หล่อแล้วมาเจอเทนนิสเข้าทำให้เธอต้องเปลี่ยนความคิดใหม่

“ถ้าอย่างนั้นเทนนิสช่วยสอนน้องต่อนะเดี๋ยวพี่ต้องไปที่สำนักงานใหญ่ ให้พี่ตาลช่วยดูลูกค้าให้”

“ครับไม่มีปัญหา”

“เทนนิสตามสบายเลยนะเดี๋ยวพี่ดูลูกค้าให้”ตาลเดินไปยืนประจำเครื่อง

“ขอบคุณครับพี่ตาล”ขอบคุณเพื่อนร่วมงานแล้วกลับมาสนใจหญิงสาวที่ยืนแหงนหน้ามองป้ายรายชื่อเครื่องดื่ม ขนาดและราคาที่

ติดอยู่บนกำแพงส่วนในมือกำลังจดอะไรสักอย่างลงไปในสมุดเล่มเล็กอย่างตั้งอกตั้งใจ”พี่แชมป์สอนอะไรเราไปแล้วบ้าง”

“กำลังสอนชื่อเครื่องดื่มที่ติดอยู่บนป้ายค่ะ”เธอพูดยิ้มๆ แล้วสังเกตใบหน้าหล่อๆของเทนิสที่ทำให้เธอชอบตั้งแต่เดินเข้ามา

“ถ้าอย่างนั้นเรามาเริ่มตั้งแต่พื้นฐาน พวกเราไปหลังร้านดีกว่า”เทนนิสเดินนำพนักงานใหม่เข้าไปหลังร้านที่เป็นห้องเก็บของที่จัด

เรียงไว้บนชั้นวางของขนาดใหญ่อย่างเป็นระเบียบ เทนนิสหยิบแก้วพลาสติกสีใสลงสำหรับเครื่องดื่มขนาดต่างๆกันออกมาพร้อม

ฝาครอบปิดลงมาจากชั้นพร้อมกับอธิบายให้ฟัง จากนั้นเป็นแก้วกระดาษขนาดต่างๆสำหรับใส่เครื่องดื่มร้อน วัตถุดิบต่างๆรวมถึง

เมล็ดกาแฟที่บรรจุไว้ในซองสีเงินอย่างมิดชิด

“ทำไมพี่เทนนิสถึงมาทำงานพิเศษที่นี่ละคะ”

“หมายความว่ายังไงครับ”

“ขอโทษค่ะที่ทำให้เข้าใจผิด แต่ปลาคิดว่าพี่เทนนิสน่าจะเป็น ดารา ถ่ายแบบ อะไรประมาณนั้นมากกว่า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า

พี่ไม่เหมาะกับที่นี่เพียงแต่พี่ดูดีเกินไป”

“ไม่หรอกเพื่อนๆพี่หล่อกว่าพี่มีออกเยอะ”มันค่อนข้างยุ่งอยากถ้าต้องไปอยู่จุดนั้นเพราะยังอยากมีชีวิตปกติไปไหนมาโดยไม่ต้อง
เป็นจุดสนใจหรือมีคนคอยจับผิด และระแวง ระวัง ในหลายๆเรื่อง

“นั่นก็ใช่ที่คนหน้าตาดีมีเยอะแต่คนที่ดูดีแล้วมีเสน่ห์อย่างพี่เทนนิสมันอีกเรื่องใช่ไหมคะ”เธอพูดออกไปสังเกตท่าทางรุ่นพี่ยังยิ้ม

น้อยๆแสดงให้เห็นว่าเขาเข้าใจความหายที่เธอพูด เธอเข้าใจว่าคนหน้าตามีเยอะแต่คนที่มีบรรยากาศรอบๆตัวน่าเข้าใกล้ มีรอย

ยิ้มที่มีชีวิตชีวา เวลาที่พูดด้วยแล้วรู้สึกเป็นกันเองมันมีกันแบบนี้ทุกคนซะเมื่อไหร่

“ขอบคุณนะ พี่จะถือว่าเป็นคำชมก็แล้วกัน เรากำลังเรียนอยู่ที่ไหน”

“ปลาเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเปิดค่ะค่าเทอมถูกดี ที่มาทำงานที่นี่อยากทำงานพิเศษส่งตัวเองไม่อยากกวนพ่อแม่และเท่าที่ดูมางาน

พิเศษที่นี่ให้รายชั่วโมงเยอะกว่าที่อื่น”

“เป็นเด็กดีมากเลย ที่มีความคิดอย่างนี้”ถ้าเขาไม่ได้สูญเสียพ่อแม่ไปอาจจะไม่ได้มีอยู่ตรงนี้คงใช้ชีวิตสนุกไปวันๆกับเพื่อนๆโดย

ไม่ได้รับรู้ว่าการทำงานนั้นมันเหนื่อยยังไงบ้าง เขาพาเธอกลับที่หน้าร้านอีกครั้งพร้อมกับช่วยตาลต้อนรับลูกค้า
   


   มีเสียงดังขึ้นในห้องครัวพร้อมกับหม้อขนาดกลางที่มีน้ำอยู่ข้างในพอประมาณถูกตั้งลงบนเตาไฟฟ้า รอไม่นานนักน้ำใน

หม้อเริ่มร้อนจนเดือด บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในซองสีเงิน ซองสีเขียวถูกแกะออกมาจากซองแล้ววางลงในหม้อที่กำลังเดือดตามด้วย

ผักลูกชิ้นและไข่ไก่ รอจนสุกแล้วใส่เครื่องปรุงตามลงไป

“ทำอะไรกลิ่นหอมน่ากินมากมาย ทำเผื่อด้วยดิ”วีร์เดินหัวยุ่งลูบท้องเข้ามาในครัว ยืนมองพ่อครัวสวมผ้ากันเปื้อนสีเข้มยืนหน้ามัน

แต่ยังหล่ออยู่หน้าเตาไฟฟ้า คนมันดูดีทำยังไงก็ดูสินะ คนตัวเล็กชะเง้อมองไปที่หม้อบนเตาส่งกลิ่นหอมไปทั่วห้อง กลิ่นหอมน่า

กินนี่เองที่ทำให้เขาตัดสินใจเดินเข้ามาในครัวอย่างไม่ลังเล

“ต้มมาม่าเอาเปล่า”เทนนิสเปิดตู้หยิบชามเซรามิคก้นลึกสีขาวออกมาสองใบ แล้วตักแบ่งต้มมาม่าออกเป็นสองชามอย่างรู้ใจ

เพื่อนว่าจะไม่ปฏิเสธคำชวนของเขาแน่นอน

“เอา ใส่ไข่ด้วยใช่ไหม อะมีลูกชิ้นน่ากินมากเลยขอบใจนะ”วีร์ยิ้มอย่างพอใจที่เพื่อนรู้ใจแล้วหยิบชามรีบเดินออกจากครัว ไปนั่ง

หน้าโทรทัศน์เครื่องใหญ่หยิบรีโมตเลื่อนหารายการประจำวันหยุดที่ชอบ

“บริเวณภาคกลางตอนบนท้องฟ้าแจ่มใส ภาคกลางตอนล่างอุณหภูมิลดลงท้องฟ้ามีเมฆมากและอาจมีฝนเป็นแห่งๆ ส่วน

กรุงเทพฯท้องฟ้ามีเมฆมากและอาจจะมีฝนตกในบางพื้นที่....”นักข่าวสาวกำลังรายงานข่าวพยากรณ์อากาศประจำวันผ่านช่อง

โทรทัศน์ช่องใหม่ในระบบสัญญาณดิจิตอล

“วันนี้ฝนจะตกหรือ”เทนนิสนั่งลงข้างๆเพื่อนแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง เมฆสีเทายังกระจายอยู่เต็มท้องฟ้าแสงแดดยังพอมีอยู่

อากาศไม่ได้ร้อนมาก ฝนตกหรออาจจะใช่ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นวันนี้ก็คงต้องงดซักผ้ารึว่าจะซักดีนะอย่างน้อยถ้าซักตอนนี้ก็น่าจะแห้ง

“อืม น่าจะใช่พยากรณ์อากาศเขาบอกไว้อย่างนั้น อร่อยมากเลยมาม่าใส่ไข่”ฝีมือเพื่อนเขานี่ไม่ตกเลยทำอะไรก็อร่อยไปหมด คิด

แล้วก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ไม่ต้องทำกับข้าวกินเอง เพราะเขาเป็นคนที่ไม่มีความสามารถทางนี้

“แล้วสองคนนั้นจะมากันกี่โมง”มองดูนาฬิกาที่แวนไว้บนผนังห้องนั่งเล่น

“น่าจะสักสิบโมง”ตอนนี้ก็แปดโมงกว่าแล้ว ถ้ามาไม่ถูกก็คงโทรมานั่นแหล่ะ

“ของใช้หมดแล้ว พรุ่งนี้ฉันว่าจะไปซื้อของเข้าบ้าน”

“ซื้อแยมเปลือกส้มมาให้ด้วยนะ เอายี่ห้อเดิมแล้วก็..”

“รถมอเตอร์ไซไม่ใช่รถบรรทุก”เทนนิสรีบหยุดความคิดของเพื่อนไว้เท่านั้น

“เออ ลืมไปวันหลังค่อยไปซื้อก็ได้”

ทั้งสองนั่งกินมื้อเช้าไปด้วยดูรายการโทรทัศน์ไปด้วยแต่ยังเช้าอยู่ยังไม่มีรายการอะไรน่าสนใจ เทนนิสกลับเข้าไปในครัวทำความ

สะอาดล้างถ้วยจานเสร็จแล้วขึ้นห้องเอาเสื้อผ้าลงมาซัก แยกผ้าขาวผ้าสีเสร็จเติมน้ำยาซักผ้า น้ำยาปรับผ้าลงในช่องแล้วกดปุ่ม

เครื่องซักผ้าให้ทำงานอัตโนมัติ สามสิบห้านาทีคือเวลาที่ปรากฏอยู่บนเครื่อง เทนนิสกลับเข้าไปในบ้านนั่งดูโทรทัศน์รอเวลา

“เดี๋ยวจะออกไปซื้อของมาทำกับข้าวที่ตลาดหมู่บ้าน สองคนนั้นมาจะไม่มีอะไรกิน ไปด้วยกันไหมหรือจะเฝ้าบ้าน”เทนนิสบอกคน

ที่กำลังดูรายการเหมาะสำหรับเด็กอย่างตั้งใจ

“เดี๋ยวดิไปด้วย อยากกินขนมพอดี”บอกเพื่อนแล้วรีบวิ่งกลับขึ้นห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่พร้อมหยิบกระเป๋าเงินกับโทรศัพท์

ติดมือลงด้านล่าง

“ล็อกบ้านเลยนะเอากุญแจออกมาแล้ว”เทนนิสตะโกนบอกคนที่วิ่งลงจากชั้นบนอย่างเร่งรีบ

“พร้อมแล้วไปเลย”คนตัวเล็กจัดการล็อกประตูในบ้านและหน้าแล้ววิ่งกระโดดขึ้นซ้อนท้าย ท่าทางที่เหมือนเด็กๆทำให้อีกฝ่ายถึง

กับส่ายหน้า

หมู่บ้านที่เทนนิสอาศัยอยู่เป็นหมู่บ้านใหญ่กินพื้นที่กว้างและยังมีหมู่บ้านจัดสรรหลายโครงการใกล้ๆทำให้มีปากซอยทางเข้ามี

ห้างสรรพสินค้าขนาดกลาง ตลาดสดหมู่บ้านที่มีของสดขายทั้งวัน ขับมอร์เตอร์ไซด์ออกมาถตลาดไม่ถึง 600 เมตรก็ถึง

ตลาดสดขนาดใหญ่ถูกแบ่งจัดโซนไว้อย่างเป็นระเบียบหน้าตลาดทางเข้ามีรถสามล้อ รถสองแถว มอเตอร์ไซด์รับจ้างคอยไว้

บริการ หลังคายกสูงมีพัดลมระบายอากาศ แผลงลอยตลาดสดยกพื้นสูงและดูสะอาดอย่างถูกสุขลักษณะ

“จะทำอะไรกินดี”

เทนนิสหยุดคิดแล้วหันกลับไปถามเพื่อน“แล้ววีร์อยากกินอะไร พวกนั้นไม่มีปัญหาหรอกกินอะไรก็ได้”

“อืม ขนมจีนแกงเขียวหวาน ไก่ทอดแล้วก็ผัดผักรวมก็ได้”เขาเสนอรายการกับข้าวที่เขาอยากกิน

“ยังไม่เบื่อรึไงไก่ทอด ทำงานร้านไก่ทอดทุกวัน”แค่มองเห็นร้านก็รู้สึกเบื่อจะแย่อยู่แล้ว

“ไม่อะ ทำงานแต่ไม่ได้กินซะหน่อยช่วงนี้ก็ไม่ได้เบรกไก่หรือแฮมเบอร์เกอร์เลย อีกอย่างไก่ทอดมันก็คนแบบกัน”

อืม จะว่าไปแล้วก็จริงนะ“งั้นก็ตามนั้นไปดูแผงผักสดก่อนแล้วค่อยไปดูแผงเนื้อสัตว์”เทนนิสเดินนำคนตัวเล็กเข้าไปในตลาด

บริเวณแผงผักสด เลือกซื้อผักสดที่ต้องการสองสามอย่างแล้วเดินไปต่อที่แผงขายเนื้อสัตว์

“เทนนิสขนมไทยร้านนั้นอร่อยมากเลย วีร์เลยซื้อมาเผื่อ ผลไม้ด้วยนะ”เทนนิสมองดูมือเพื่อนตัวเล็กที่เต็มไปของกิน   

“จะซื้ออะไรอีกไหม ถ้าไม่มีจะได้กลับ”

“อืม ใกล้เวลาสองคนนั้นจะมาแล้วด้วย”


                                                                                  มีต่อข้างล่าง
หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [รู้จักรักครั้งแรก] 21/9/2559
เริ่มหัวข้อโดย: jaengsRU ที่ 02-10-2016 10:21:27
                                                                    ต่อจากข้างบน

                กลับถึงบ้านทั้งสองแยกย้าย เทนนิสกลับเข้าครัวเตรียมของไว้ทำกับข้าว แล้วเดินไปข้างบ้านที่มีราวตากอยู่เขาวาง

ตะกร้าลง ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองผ่านช่องรั้วกั้นเข้าไปที่บ้านหลังใหญ่ที่อยู่หลังสวนถูกตกแต่งไว้อย่างร่มรื่นสวยงาม เมื่อไม่นาน

มานี้เขาจำได้ว่าที่ตรงนี้ยังเป็นที่ดินเปล่าแต่ไม่ได้สังเกตว่ามีบ้านหลังใหญ่อยู่ข้างๆตั้งแต่เมื่อไหร่ เพื่อนบ้านคนใหม่เป็นใครกันนะ

เพื่อนบ้านหรอทั้งๆที่เขาอยู่ที่นี่มาหลายปีเกือบจะเป็นบ้านหลังแรกๆด้วยซ้ำแต่กลับไม่รู้จักใครสักคน คงเพราะไม่ค่อยอยู่บ้าน

กลับมาก็ดึกและต้องออกเรียนก็เป็นเวลาสายแล้ว อี๊ด อี๊ด เสียงแปลกๆดังขึ้นอยู่ใกล้กำแพงทำให้เทนนิสมองหาที่มาของเสียง

“เฮ้ย ตกใจหมดเลย แกทำอะไรอยู่เจ้าตูบ”เซนต์เบอร์นาร์ดโผล่หัวลอดมาทางช่องรั้วทำให้เทนนิสตกใจ ดูแล้วมันน่าจะยังเด็กอยู่

“อี๊ด อี๊ด”เจ้าตูบแลบลิ้นครางออกมาเบาๆ พร้อมกับมองหน้าเทนนิสอย่างเป็นมิตร

“แกอย่ากัดฉันนะ ยังไม่อยากไปหาหมอ”เขายื่นมือออกไปลูบหัวของมันเบาๆ เสียงครางของมันก็เบาลง ดูแล้วมันคงชอบที่เขา

ลูบหัวมัน ริมฝีปากบางปรากฏเป็นรอยยิ้มกว้างโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว ถ้าเป็นไปได้เขามีเวลาคงอยากเลี้ยงหมาไว้สักตัว แต่เขาก็ไม่

อยากเลี้ยงไว้แล้วปล่อยให้มันเหงา

“ว่าไงเจ้าตัวโตเจ้านายแกไม่อยู่บ้านแล้วเหงาละซิ อยากมาเล่นที่บ้านฉันไหมล่ะ บ้านฉันมีขนมให้แกกินเยอะแยะเลยนะ “ว่าไป
นั่น“

“พี่จายรู้จักกับเจ้าฉายไหมของบู้ตึ้งหยอ”

“เฮ้ย ตกใจหมดนึกว่าเจ้าตูบพูดได้”ที่แท้ก็เป็นเด็กผู้ชายกำลังยืนอยู่ข้างๆเจ้าตูบตัวโตส่งยิ้มให้เขา เด็กคนที่บอกชื่อบู้ตึ้งหน้าตา

น่ารักแต่ตามเนื้อตัวมอมแมมมีเศษดินเศษหญ้าเกาะตามเนื้อตัวท่าทางจะซนไม่เบา

“เจ้าตัวโตนี่ชื่อสายไหมใช่ไหม เป็นหมาของบู๊ตึ้งหรอครับ”

“ไม่คับ ฉายไหมเป็นหมาของคุณยายคับ”

“บู๊ตึ้งชอบกินขนมไหม รออยู่ตรงนี้นะเดี๋ยวพี่ไปเอาขนมมาให้”เทนนิสพูดแล้วรีบเดินกลับเข้าไปในบ้านหยิบกล่องขนมไทยที่วีร์

ซื้อติดมือมาจากตลาดแล้วเดินกลับไปที่ข้างรั้วที่เขาเจอบู๊ตึ้งและเจ้าสายไหม

“คุงแม่ไม่ให้รับของจากคนแปลกหน้า คนหล่อก็ไม่ให้รับเหมือนกัน”

เอายังดีวะ“พี่ชื่อพี่เทนนิส บ้านพี่อยู่ข้างๆบ้านคุณยายของบู๊ตึ้งนี่เองที่สำคัญเป็นเพื่อนบ้านไม่ใช่คนแปลกหน้า”พูดไปแล้วก็

เหมือนกำลังหลอกเด็กอยู่ยังไงไม่รู้

“ให้บู๊ลิ้มด้วย”

เทนนิสมองหน้าเด็กผู้ชายอีกคนที่มาใหม่สลับกับบู๊ตึ้ง“ฮึ ฝาแฝด”แต่คนที่มาใหม่ดูตัวเล็กกว่านิดหน่อยท่าทางดูเรียบร้อยและขี้

อายไม่เหมือนบู๊ตึ้งเลยถ้าเดาไม่ผิดคนที่มาใหม่น่าจะเป็นน้อง

“พี่จายให้บู๊ลิ้มด้วย”เด็กชายตัวเล็กบอกพี่ชายสุดหล่อว่าน้องชายเขายังไม่ได้ขนมเลย

“เป็นพี่น้องกันต้องแบ่งสิบู๊ตึ้งเป็นพี่ต้องแบ่งน้อง”ตัวแค่นี้ยังรู้จักห่วงน้อง

“ครับ”เด็กชายรับคำแล้วรีบแกะขนมออกจากกล่องใช้ช้อนเล็กๆป้อนขนมเข้าปากน้องชาย เจ้าตัวเล็กอีกคนเห็นพี่ชายเอาช้อนมา

จ่อที่ปากก็รีบอ้าปากกว้างทันที เทนนิสยืนดูสองพี่น้องกินขนมกันอย่างอร่อยปล่อยให้เจ้าตูบนั่งมองน้ำลายไหลสักครู่ แล้วเขาก็

กลับไปจัดการตากเสื้อผ้าในตะกร้าให้เรียบร้อย


“อ้าว บู๊ตึ้งบู้ลิ้มแอบมาอยู่นี่เอง ยายนึกว่าหายไปไหน แล้วปากเลอะอะไรกันมา”หญิงสูงวัยเห็นหลานนั่งเล่นอยู่ข้างบ้าน

“กินหนมพี่จายข้างบ้านให้มา อร่อยบู๊ตึ้งป้อนน้องด้วย”เด็กชายรีบบอกคุณยาย

“พี่จายหล่อใจดีให้หนมอร่อย”บู๊ลิ้มรู้สึกชอบพี่ชายเพราะแบ่งขนมอร่อยให้เขาและบู๊ตึ้ง

“พี่ชายข้างบ้าน”หญิงสูงอายุแปลกใจกับคำพูดของเด็กๆที่ว่าพี่ชายข้างบ้าน เธอมองไปที่ข้างรั่วมองเข้าไปที่บ้านหลังใหญ่ที่

ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้และศาลานั่งเล่นไม้เลื้อยหลังใหญ่ เท่าที่จำได้บ้านข้างๆน่าจะไม่มีคนอยู่เพราะตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ก็เห็นบ้าน

ปิดไว้ตลอด รึว่ามีคนย้ายเข้ามาอยู่ใหม่

“ยายบอกแล้วใช่ไหมลูกว่าอย่ารับของจากคนแปลกหน้า”

“พี่เทนนิสบอกว่าเป็นเพื่อนบ้านกันไม่ได้แปลกหน้า อีกอย่างฉายไหมก็ชอบพี่ชายด้วย”คำพูดที่ไร้เดียงสาของหลานชายทำให้

เธอต้องยิ้มออกมาไม่ได้

“เอาเถอะ เด็กๆเข้าบ้านไปล้างหน้าล้างตากันเถอะ มอมแมมเหมือนเจ้าสายไหมเลย”หญิงสูงวัยรีบจูงเด็กแฝดทั้งสองคนเข้าไปบ้าน
   


   ในศาลาไม้เลื้อยขนาดใหญ่มีไม้เลื้อยทนแดดกำลังออกดอกสีสวยเป็นพุ่มส่งกลิ่นหอมอ่อนๆเวลาลมพัดมา พุ่มไม้หนาจน

สามารถบังแสงแดดไม่ให้ลอดลงมาในศาลาได้ จนทำให้คนที่นั่งทำงานไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าแล้ว เทนนิสและเพื่อนๆกำลัง

ช่วยกันทำรายงานกว่าสามชั่วโมงแล้ว รายงานถูกแบ่งออกเป็นหัวข้อให้แต่ละคนรับผิดชอบ นิ้วเรียวกำลังเขียนเนื้อหาลงบน

กระดาษรายงาน เสร็จไปแล้วหลายแผ่น เขามองเนื้อหาที่เหลืออีกไม่เยอะแล้วไปมองเพื่อนแต่ละคนที่เริ่มแสดงเบื่อหน่ายออกมา

แต่ไม่มีใครพูดออกมา

บ่ายโมงกว่าเหรีญญสิบมองดูนาฬิกาข้อมือ เขารู้สึกหิวแล้วแต่ดูเหมือนว่าเพื่อนๆจะยังตั้งหน้าตั้งตาสนใจงานตรงหน้าเขาเลยไม่
สามารถพูดอะไรได้

”บ้านแกนี่ร่มรื่นดีนะต้นไม้เยอะด้วย”เอื้อมมองไปรอบๆเห็นต้นไม่สีเขียวเย็นสบายตา

“พ่อชอบปลูกต้นไม้ และชอบหาต้นไม้มาลง”เมื่อคิดถึงคนที่ล่วงลับไปแล้วแววตาของเขาก็มีร่องรอยความเศร้าขึ้นมาแต่ก็เพียง

เล็กน้อย เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้นอกจากต้องยอมรับและเดินไปข้างหน้าอย่างเข้มแข็งเท่านั้น

รอบๆตัวทุกอย่างเปลี่ยนเป็นความเงียบขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจเอื้อมรีบเปลี่ยนเรื่อง“แต่แถวนี้เงียบมากเลย ตั้งแต่หน้าปากซอยมา

ถึงบ้านแกมีแต่บ้านหลังใหญ่รั้วสูงๆสวยๆทั้งนั้น ท่าทางแถวนี้จะมีแต่คนมีฐานะ”

“ก็อาจจะใช่”แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องของเขาที่ต้องไปยุ่ง”หิวข้าวแล้วเข้าบ้านไปกินข้าวเถอะ”

“ฮื้อ ในที่สุดก็ได้พักที”วีร์พูดแล้วรีบเดินนำเพื่อนเข้าไปในบ้านก่อนใคร


   ขนมจีนแกงเขียวหวาน ไก่ทอด และผัดผักรวมถูกนำมาวางบนโต๊ะ ทุกคนรีบลงมือโยไม่ต้องรอให้เจ้าของบ้านบอก กินจน

อิ่มแล้วทุกคนกลับมานั่งทำรายงานต่อ

“เราว่าเหรียญสิบดูแปลกๆๆไปนะ”วีร์กระซิบข้างหูเทนนิส รู้สึกว่าช่วงนี้เพื่อนดูแปลกๆไปเหมือนมีเรื่องสบายใจ

เทนนิสหันไปมองเหรียญสิบตามที่คนตัวเล็กสงสัยแต่ก็ไม่ได้มีอะไรแปลกไปจากเดิมเท่าไหร่“แปลกยังไง รึว่าวันนี้มันมีสามตา
สองหัว”

“เปล่า ดูเหมือนมีเรื่องไม่สบายใจ ชอบขมวดคิ้วเหมือนกำลังคิดเรื่องอะไรอยู่ รึว่ามันไปทำผู้หญิงท้อง”

ก่อนที่คนตัวเล็กจินตนาการไปมากกว่านี้เทนนิสจึงต้องถามเพื่อนออกไปตรงๆอย่างไม่เกรงใจ“ว่าไงเหรียญสิบมีอะไรไม่สบายใจรึ

เปล่า วีร์เป็นห่วง”เขาวางมือรายงานแล้วมองหน้าใบเพื่อนที่ทำหน้าเบื่อหน่าย

“ไม่มีอะไรหรอก แค่ม๊าจะให้มั่นกับลูกสาวเพื่อนแม่ ก็เท่านั้น”

“เฮ้ย จริงดิสวยไหม”เอื้อมนั่งฟังอยู่นานอดแปลกใจกับคำตอบที่ได้ยินไม่ได้ “นี่มันยุคไหนแล้วยังมีเรื่องบังคับให้มั่นให้แต่งงาน
อยู่อีกรึไง”

เหรียญสิบขมวดคิ้วกับคำถามเพื่อน“ไม่รู้ ไม่เคยเห็นหน้า แต่บอกว่าเป็นรุ่นน้องมหาวิทยาลัยเดียวกันแต่ต่างคณะ”

“แกแอบไปดูหน้ามายังวะ”

“ไม่ ไม่ได้สนใจเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ตกลงกันเองฉันไม่เกี่ยว”เขายังไม่อยากกังวลเรื่องที่ยังมาไม่ถึง

เทนนิสส่ายหัวเพราะรู้เหตุผลที่ครอบครัวของเพื่อนทำอย่างนั้น“ก็เที่ยวบ่อยจนที่บ้านเป็นห่วงไง ถึงขั้นหาผู้หญิงมาให้หมั่นด้วย

ท่าทางคราวนี้จะจริงจัง”ถึงจะเป็นคำขู่แต่คนที่รักอิสระอย่างเหรียญสิบต้องไม่อยู่เฉยๆแน่ มิน่าช่วงนี้ดูขยันเรียนผิดปกติจนน่า

แปลกใจ

ก็จริงตามที่เพื่อนว่า ที่เขาช่วงก่อนหน้านี้เที่ยวบ่อย ผลการเรียนค่อนข้างมีปัญหา“ใช่ ถ้าเกรดเทอมนี้ไม่ขึ้นต้องมั่นจริงๆนั่นแหล่ะ”

“อ้อ เข้าใจแล้วทำไมช่วงนี้คุณชายไม่ไปตระเวนราตรีที่ไหนที่แท้ก็เจอลงดาบนี่เอง ดีแล้วจะได้รู้ว่าที่บ้านเขาเป็นห่วงแค่ไหน โต

แล้วก็น่าจะทำให้เลิกเป็นห่วงได้แล้ว”วีร์เริ่มเห็นด้วยกับที่บ้าน

“ครับ ผมจะพยายามปรับปรุงตัวพวกคุณคุณกรุณาช่วยผมด้วยนะครับ ไม่งั้นผมต้องแย่แน่ๆ”พอเหรียญสิบพูดจบทุกคนก็ระเบิด

หัวเราะออกมาแทบจะพร้อมกันไม่รู้ว่าจะเห็นใจหรือสมน้ำหน้าดี
   

   เช้าวันอาทิตย์อากาศแจ่มใสท้องฟ้าปลอดโปร่ง บนท้องถนนยังสามารถสัญจรไปมาได้อย่างสะดวก ชายหนุ่มคนตัวเล็ก

กำลังนั่งอยู่ด้านหลังรถมองออกไปด้านนอกผ่านกระจกใสของรถที่กำลังแล่นไปเรื่อยๆ ใบหน้ามีร่องรอยอิดโรยเพราะเขานั่ง

ทำงานส่งอาจารย์ทั้งคืน มือเล็กหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาเกือบแปดโมงเช้าแล้ว ถ้าเทนนิสไม่ไล่กลับบ้าน เขาตอนนี้คงกำลัง

นอนหลับสบายบนเตียงนุ่มๆนั่นแล้ว เฮ้ย ว่าไปแล้วเมื่อคืนก็เคลียงานไปแค่ไม่กี่ชิ้นยังมีอีกหลายชิ้นยังไม่ทำแล้วไหนจะสอบย่อย

อีก มัวคิดเรื่องนั้นเรื่องนี่ไปเรื่อยในที่สุดรถแท็กซี่ก็จอดสนิทหน้ารั้วบ้านหลังใหญ่

“แม่สวัสดีครับ”วีร์ไหว้หญิงสูงวัยแต่ยังดูสวยที่กำลังนั่งทำอะไรสักอย่างที่ห้องนั่งเล่นเพียงลำพัง แล้วเดินเข้าไปนั่งลงข้างๆเธอ

วารีเงยหน้าจากเอกสารตรงหน้าแล้วส่งยิ้มให้ลูกชายที่เพิ่งกลับบ้านในรอบหลายสัปดาห์ “กลับมาแล้วหรอลูกทำไมหน้าตาหน้า

ซีดอย่างนั้น”เธอมองใบหน้าลูกชายอย่างเป็นห่วงแต่ไม่มีกลิ่นเหล้ากลิ่นบุหรี่เธอก็รู้สึกเบาใจอยู่บ้าง

“เมื่อคืนทำรายงานส่งอาจารย์ครับ นี่ยังไม่ได้นอนเลย”

“เหนื่อยก็นอนก่อนแล้วสายๆค่อยลงมากินข้าว”

“แล้วพ่อละครับ”คนตัวเล็กถามหาอีกคนที่น่าจะอยู่บ้านแต่กลับไม่เห็น

“ออกไปกับเพื่อนๆของเขาเหมือนเดิม”

“แล้ววันนี้แม่ไม่ออกไปไหนหรอครับ”

“ไม่ดีกว่าลูก แม่ก็อยากพักเหมือนกัน”

วีร์เดินขึ้นห้องนอนที่ถูกตกแต่งด้วยโทนสีฟ้าอ่อน เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดสบายแล้วปีนขึ้นเตียงเพราะความง่วงกำลังโจมตีอย่าง

ไม่ปราณี เปลือกตาค่อยๆปิด วางหัวบนหัวแล้วดำดิ่งสู่นิทรา

   ไม่รู้ว่าหลับไปนานเท่าไหร่แต่ได้ยินเสียงแว่วเหมือนคนเรียกอยู่หน้าประตูห้องทำให้คนรู้สึกสบายเตียงรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เขา

ฝืนลืมตามองหาต้นเสียงไปรอบๆห้อง“ก๊อก ก๊อก น้องวีร์คุณแม่ให้มาตามไปกินข้าวค่ะ”เสียงแม่บ้านเคาะประตูเรียกเขาอยู่หลังประตู 

“ครับ เดี๋ยวผมตามลงไป”ตอบรับเสียงเรียกไปแล้วมองหานาฬิกาบนตัวเตียงที่บอกเวลาที่เที่ยงตรง ยังรู้สึกง่วงอยู่ยังไม่อยากตื่น

เลย เฮ้อ เขาถอนหายใจตัดใจลุกขึ้นจากเตียงเพราะท้องเจ้ากรรมเริ่มส่งเสียงประท้วง เดินเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย

มองใบหน้าที่เมื่อเช้าดูอิดโรยเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอแต่ตอนนี้ไม่มีร่องรอยนั้นให้เห็นแล้ว

วีร์เดินลงมาจากชั้นบนเขาได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังพูดคุยกันดังมาจากโต๊ะกินข้าวหรือว่าพ่อกลับมาแล้ว

“อ้าว น้องวีร์ตื่นแล้วหรอมานี่สิลูก น้าเอมกับพี่ปาลมาเยี่ยม”วารีเรียกลูกชายที่เดินตรงมาที่โต๊ะกินข้าวทำหน้าตาแปลกใจเมื่อถูก

เธอเรียกให้มาเข้ามา แต่ใบหน้าเล็กๆกำลังบอกว่าแปลกใจที่เห็นใครนั่งร่วมโต๊ะกินข้าว

“สวัสดีครับน้าเอม”ชายหนุ่มไหว้ทักทายหญิงสูงวัยที่ชื่อว่าน้าเอม และสายตาเหลือบไปมองชายหนุ่มอีกคนที่นั่งส่งยิ้มเป็นมิตรมา
ให้เขา

“สวัสดีจ๊ะ ไม่ได้เจอตั้งนานยังน่ารักเหมือนเดิมเลย น่ารักกว่าในรูปที่พี่ปาลเอาให้ดูอีก”หญิงสูงวัยส่งยิ้มให้ วีร์กำลังไม่ค่อยพอใจ

ที่ถูกชมว่าน่ารักแต่สายตาก็เหลือบไปมองผู้ชายตาดีที่นั่งหัวเราะเบาๆแล้วส่งรอยยิ้มบางๆมา

“สวัสดีครับพี่ปาล”วีร์ทักทายชายหนุ่มที่นั่งส่งยิ้มมาให้เขา แล้วไม่สนใจท่าทีของอีกฝ่ายแต่กลับสนใจกับข้าวบนโต๊ะมากกว่า

นอนไปหลายชั่วโมงตอนนี้รู้สึกว่าน้ำย่อยในกระเพราะเริ่มทำงานทันทีที่เขาตื่นขึ้นมา ต้มยำกุ้งน้ำข้นที่น้ำเป็นสีแดงจากเครื่องแกง

จนน่ากิน ไหนจะส้มตำปลาร้าเจ้าประจำหน้าปากซอย ไก่ย่างเต็มตัวที่ถูกสับเป็นชิ้น หมูแดดเดียวทอดกำลังเรียกร้องสนใจวีร์อยู่

“สวัสดีครับนึกว่าวีร์จะไม่สนใจพี่ซะแล้ว”คำทักทายของคนตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มได้สติกลับคืนมา

“มาพร้อมกันก็กินข้าวกันดีกว่า แล้วนี่เอมจะกลับมาอยู่ที่เมืองไทยถาวรเลยรึเปล่า”เธอถามเพื่อนที่ย้ายไปอยู่ต่างๆประเทศหลายปี

ระหว่างที่ผู้ใหญ่คุยกันวีร์ก็ลงมือตักกับข้าวตรงหน้าทันทีไม่สนใจสิ่งรอบข้าง มือเล็กตักต้มยำเข้าปากก็ปรากฏรอยยิ้มบนมุมปากที่

แสดงถึงความพอใจในรสชาติกับข้าว จากนั้นเปลี่ยนไปสนใจกับข้าวในจานต่อไปอย่างไม่ลังเล

“คงจะกลับมาอยู่ที่นี่ คุณจอร์นก็จากไปหลายปีแล้ว อีกอย่างตาปาลก็อยากกลับมาอยู่ที่เมืองไทย”คำตอบของเอมทำวีร์เงยหน้า

ขึ้นมาจากกับข้าวลดจังหวะกินข้าวให้ช้าลงแล้วเหลือบไปมองชายร่างสูงอย่างสนใจ

“น้องวีร์อย่ากินอย่างเดียวสิชวนพี่ปาลคุยด้วยสิ งอลอะไรพี่เขารึเปล่า”วารีมองท่าทีลูกชายที่นั่งเงียบไม่สนใจปาลภัทรไม่รู้ว่ากำ

ลังงอลอะไร

“พี่ปาลก็อีกคนตักกับข้าวให้น้องบ้างสิ”คำพูดของหญิงสูงอายุทั้งสองทำให้คนตัวเล็กแทบสำลักไก่ย่าง ให้ตายนี่เขาอุตส่าอยู่

เงียบๆแล้วนะ เสียงหัวเราะเบาๆแว่วมาจากคนตัวโตนั่งยิ้มแสดงสีหน้าบอกว่ากำลังดีใจอย่างหน้าหมั่นไส้

“ครับ”ปาลตักไก่ย่างลงจานคนตัวเล็กที่กำลังกินอย่างอารมณ์ดีจนไม่ยอมสนใจเขา

“ขอบคุณครับ”ริมฝีปากเล็กขยับมีเสียงออกมาเบาๆ 

กินข้าวไม่นานเขาก็รู้สึกอิ่มรวบช้อนส้อมไว้บนจานแล้วดื่มน้ำ ยังไม่ทันที่จะขอตัวลุกจากโต๊ะวารีก็พูดขึ้น“น้องวีร์กินข้าวอิ่มแล้วพา

พี่ปาลไปเดินย่อยไหมลูก”

“ครับ”


   วีร์พาแขกออกมาย่อยอาหารที่บริเวณสวนหน้าบ้านที่ถูกตกแต่งไปด้วยต้นไม้สีเขียวและดอกไม้กำลังออกดอกสีสวย ตอน

เที่ยงแดดตรงหัวแต่มีร่มไม้และลมเย็นๆที่ช่วยให้อากาศไม่ร้อนอบอ้าวเท่าไหร่ ทั้งสองหยุดนั่งเล่นในศาลาใต้ต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่ง

ก้านสาขาให้ร่มเงา

“โกรธอะไรพี่รึเปล่า”เป็นชายหนุ่มตัวโตที่พูดทำลายความเงียบและบรรยากาศที่น่าอึดอัด

คนตัวเล็กหันหน้ามองใบหน้าคนตัวโตที่ยังส่งยิ้มบางๆมาให้ ยิ้มทำไมคิดว่าตัวเองดูดีมากเลยรึไงถึงยิ้มได้ทั้งวัน“กลับมาไม่เห็น

บอกสักคำ”เขาพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจที่อีกฝ่ายกลับมาเมืองไทยโดยไม่ยอมบอกเขาสักคำ

ปาลภัทรได้ยินคำตอบอีกฝ่ายแล้วยิ่งทำให้รู้สึกดีใจมากขึ้น“พี่อยากให้วีร์ประหลาดใจไง”บอกความคิดของตนเองให้อีกฝ่ายได้รู้

ถึงสาเหตุที่ปิดเรื่องที่กลับมาเมืองไทย “แล้วไม่ดีใจหรอที่เจอพี่”เขาถามคำถามออกไปทั้งๆที่รู้คำตอบอยู่แล้ว

“อืม ก็ดีใจ แต่ก็แปลกใจที่อยู่ดีๆก็โผล่มาที่บ้าน”แต่ยังรู้สึกน้อยใจอยู่บ้างจะกลับมาก็ไม่บอกสักคำ

“พี่จะกลับมาอยู่ที่นี่”ไม่มีคำตอบจากอีกฝ่าย แต่ริมฝีปากเล็กมีรอยยิ้มบางๆที่แสดงให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาดีใจมาก ที่คนที่เคยอยู่อีก

ฟากโลกกลับมาอยู่ใกล้ๆเขาเหมือนแต่ก่อน




*************************************************

โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 3] 25/10/2559
เริ่มหัวข้อโดย: jaengsRU ที่ 25-10-2016 16:07:09

Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก

ตอนที่ 3

             ช่วงเวลาบ่ายสี่โมงอากาศกำลังเปลี่ยน ในช่วงฤดูฝนเวลานี้จะเป็นเวลาที่ฝนมักจะตกลงบ่อยๆ แต่วันนี้ดูเหมือนจะไม่

เป็นอย่างนั้นเพราะท่าทีอากาศยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เมฆสีเทาบนฟ้ายังลอยเคลื่อนไปมาบดบังแสงอาทิตย์ แต่ก็ไม่มีอะไร

เป็นหลักประกันว่าฝนจะไม่เทลงมา มือเรียวกดล็อกกุญแจประตูรั้วหน้าบ้านหลังใหญ่ มองเข้าไปในบ้านอีกครั้งเพื่อสำรวจอีกครั้ง

ว่าเขาไม่ได้หลังลืมอะไรแล้วรีบสต๊าทสองล้อคู่ใจตรงไปที่ห้างสรรพสินค้าที่ตั้งอยู่หน้าปากซอยเพื่อไปซื้อของเข้าบ้าน ขี่ออกมา

ไม่นานก็ถึงห้างสรรพสินค้าสายตามองหาที่จอดรถที่ว่างอยู่แล้วเลี้ยวเข้าไปจอด

                 ทันทีที่เข้าไปด้านในความเย็นของเครื่องปรับอากาศกระทบกับผิวสีขาวเหลืองทำให้เขารู้สึกเย็นสบาย วันหยุดสุด

สัปดาห์มีผู้คนเข้ามาเลือกซื้อของเป็นจำนวนไม่น้อย ในร้านอาหารหลายร้านที่นั่งถูกจับจองเกือบเต็มร้าน ทั้งที่มาเป็นครอบครัว

มาเป็นคู่ เดินวนจากชั้นหนึ่งขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้นสอง นิ้วเรียวหยิบโทรศัพท์ที่บันทึกรายการที่ต้องการซื้อออกมาดู เข็นรถเข็นไป

ตามแผนกต่างๆ เลือกซื้อของที่ต้องการ วันหยุดเสาร์อาทิตย์สินค้าภายในห้างสรรพสินค้าจะถูกเป็นพิเศษมีทั้งสินค้าซื้อหนึ่งแถม

หนึ่ง ที่ถูกจัดเรียงไว้กระบะตรงกลางทางเดินพร้อมป้ายสีแดงขนาดใหญ่ รวมไปถึงสินค้าลดราคากว่าวันปกติ เท้าที่สวมรองเท้า

ผ้าใบยี่ห้อดังเดินไปเรื่อยจนมาหยุดที่ชั้นวางขนมขบเคี้ยวที่วางอยู่เต็มชั้น สายตาเขามองหาขนมขบเคี้ยวยี่ห้อที่เขากินเป็นประจำ

เจอแล้วอยู่นี่เอง

“พี่จาย”มีเสียงเล็กดังขึ้นใกล้ๆทำให้เขาต้องหันไปมอง เด็กชายตัวกลมที่เขาเจออยู่ข้างบ้านกำลังแหงนหน้ายืนยิ้มให้เขาอยู่

“บู้ตึ้ง”เรียกชื่อเด็กชายตัวเล็กอย่างแปลกใจ ส่วนสายตามองไปรอบๆด้วยความสงสัยว่าน้องมากับใคร

“พี่จาย เอาหนมหน่อย”บู้ตึ้งชี้ไปที่ซองขนมยี่ห้อหนึ่งที่วางอยู่บนชั้นแต่สู่งเกินไปที่เด็กตัวเล็กจะเอื้อมถึง

“อันนี้หรอ”ชายหนุ่มถามเด็กชายอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ “ครับ”เด็กชายพยักหน้าและยิ้มดีใจที่จะได้ขนมที่เขาต้องการ เทนนิสส่ง

ถุงขนมให้เด็กน้อยที่กำลังยิ้มแก้มปริ“บู๊ตึ้งมากับใครยังไม่ตอบพี่เลย แล้วทำไมถึงมาเดินคนเดียวได้”ชายหนุ่มถามเด็กชายอย่าง

เป็นห่วงที่ไม่เห็นวี่แววผู้ปกครอง

“ผมมากับ..”เด็กชายยังไม่ทันตอบคำถามพี่ชายข้างบ้าน ก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเอง“บู๊ตึ้ง”เด็กชายหันไปมองเจ้าของเสียง

“น้าธีร์ บู๊ตึ้งได้หนมแล้ว”เด็กชายรีบวิ่งไปหาน้าธีร์ที่เดินจูงมือน้องชายฝาแฝดบู้ลิ้มมาด้วย

ผู้ชายตัวโตใบหน้าหล่อเหลากำลังยืนทำหน้าดุ สายตามองมาเทนนิส แล้วคิ้วหนาก็ขมวดขึ้นเหมือนเขาเคยเห็นเด็กคนนี้ที่ไหน

มาก่อนรู้สึกคุ้นๆหน้า”น้าธีร์ บู๊ลิ้มอยากได้หนม”เสียงเล็กๆของหลานแฝดทำให้เขาต้องละสายตาจากคนตรงหน้า

“บู้ลิ้มกินกับพี่ ถุงหญ่ายพี่ป้อน”บู้ตึ้งรีบบอกน้องชาย น้อยชายพอพี่ชายบอกจะป้อนก็ยิ้มดีใจ และไม่ลืมหันไปยิ้มหวานให้พี่ชาย

ข้างบ้าน

“ขอโทษที่บู้ลิ้มมารบกวนนะครับ”ธีรภัทรขอโทษที่หลานชายจอมซนมารบกวนคนตรงหน้า ทั้งที่บอกว่าจะพามาหยิบแต่แอบหนี

มาจนได้เล่นเอาเขาต้องเดินตามหาอยู่ตั้งนานดีที่มาเจอคนใจดี

“เอ่อ ไม่เป็นไรครับ”เทนนิสตอบอย่างเกรงใจเพราะกลัวว่าบู๊ตึ้งจะโดนอีกฝ่ายดุเอา พร้อมส่งรอยยิ้มเป็นมิตรให้

“พี่จายขอบคุณคับ”บู๊ตึ้งหันมาขอบคุณพี่ชายข้างบ้านก่อนคุณน้าจูงมือไป ส่วนบู้ลิ้มไม่ลืมหันมาโบกมาบ๊าย บาย ทำให้เทนนิสยิ่ง

รู้สึกว่าเด็กทั้งสองคนน่าเอ็นดู

   ธีรภัทรจูงมือเด็กแฝดทั้งสองกลับมาแผนกของสดที่มีหญิงสูงอายุกำลังเลือกซื้อของสดอยู่   

“ไปเจอที่ไหนละตาธีร์”ทิพวรรณถามลูกชายที่กำลังจูงหลานๆกลับมา

“แผนกขนมครับ”

เป็นคำตอบที่ไม่เหนือความคาดหมาย“ไหนได้อะไรมาขอยายดูหน่อย”หญิงสูงวัยถามหลานชายจอมซน

“หนมครับ คุณยายพี่เทนนิสหยิบให้”เด็กชายชูถุงขนมถุงใหญ่ให้คุณยายดู

“หืม คนที่บอกว่าเอาขนมให้นะหรอ”

“ครับ พี่จายใจดี”ทิพวรรณขมวดคิ้ว พี่ชายข้างบ้านอีกแล้ว เธอเริ่มกังวลว่าจะเป็นคนไม่ดีรึเปล่า แล้วหันมองลูกชายเป็นเชิงถาม

“ดูแล้วไม่น่าเป็นคนไม่ดีครับ”ธีร์ตอบไปตามที่มองด้วยตา


   กลับมาถึงบ้านท้องฟ้าก็มืดแล้ว พระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปได้สักพัก เทนนิสจัดของแห้งที่ซื้อมาเข้าตู้แล้วเดินสำรวจบ้าน

ชั้นล่างก่อนขึ้นห้อง เท้าไปหยุดยืนที่ริมหน้าต่างสายตามองทอดออกไปลมเย็นพัดกิ่งไม้โยกไปมาแว่วเสียงหัวเราะและคนคุยกัน

มาแต่ไกล นั่นเสียงบู้ตึ้งบู้ลิ้มรึเปล่านะ เขามองไปที่บ้านหลังใหญ่ที่ยังเปิดไฟสว่างอย่างอิจฉา เมื่อก่อนบ้านเขาก็ไม่ได้เงียบอย่าง

นี้นะแต่ช่างเถอะ เขาเลิกสนใจแล้วไปเปิดคอมพิวเตอร์ดูหน้าเว็บไซด์ขายของออนไลน์ที่เขาเปิดมาหลายปี เป็นอาหารเสริมที่นำ

เข้ามาจากต่างประเทศ เปิดเข้าไปดูระบบร้านค้ามีข้อความสั่งซื้อสินค้าหลายรายการจนอดดีใจไม่ได้เขาคงต้องเตรียมแพ็คของ

ไปส่งที่ไปรษณีย์แล้วสิ เทนนิสหันไปมองที่ชั้นที่วางสินค้าสำรวจสินค้าที่วางอยู่บนชั้นด้วยสายตา ดูเหมือนว่าเขาต้องสั่งสินค้า

เพิ่มแล้ว ถึงจะขายไม่ดีเหมือนเมื่อก่อนเพราะมีคู่แข่งที่เป็นร้านค้าออนไลน์เพิ่มมากขึ้นเป็นดอกเห็ด อาหารเสริมยี่ห้อใหม่ๆที่

เทียวออกมาโฆษณาอวดสรรพคุณเกินจริงผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์คโดยใช้ดาราเซเลบชื่อดังเป็นตัวดึงดูดลูกค้าและรวมไปถึงสภาพ

เศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ มือเรียวเลื่อนเมาส์เปิดหน้าต่างใหม่ขึ้นมาเข้าไปดูความเคลื่อนโซเชียลเน็ตเวิร์คเอฟที่มีคนคนเข้า

มาโพสต์ข้อความสาธารณะต่างๆ ทั้งอวดว่าได้ไปเที่ยวไปกินกับเพื่อนกับแฟนผ่านรูปถ่ายมีหลายคนเข้าไปเข้าไปพิมพ์แสดง

ความคิดเห็นใต้รูป บางคนก็โพสต์ข้อความกำลังอยู่ในอารมณ์เหงา เบื่อ เศร้า เสียใจ ดูเหมือนที่นี่จะเป็นที่ระบายอารมณ์และเป็น

วิธีคลายเครียดอีกวิธีหนึ่งได้เป็นอย่างดี เทนนิสนั่งอ่านข้อความที่ปรากฏอยู่หน้าจอไปเรื่อย แล้วเปลี่ยนไปอ่านข่าวดูผลฟุตบอลที่

เตะกันไปเมื่อคืนพร้อมทั้งดูตารางลำดับชั้นของแต่ละทีม นั่งคลิกเมาส์จ้องหน้าคอมพิวเตอร์อยู่หลายชั่วโมงเขาก็เริ่มรู้สึกเพลีย

ปรับเปลี่ยนท่านั่งสลับบีบนวดที่ไหล่เบาๆเพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้า ดวงตาสีน้ำตาลจ้องเวลาที่แสดงอยู่มุมล่างด้านขวาของ

คอมพิวเตอร์ ฮ้าว มิน่าถึงง่วงอย่างนี้ดึกถึงขนาดนี้แล้วหรอ เทนนิสรีบปิดคอมพิวเตอร์แล้วปีนขึ้นบนเตียงกว้างแล้วหลับไป



   เหรียญสิบ เอื้อม และวีร์กำลังมองเพื่อนสนิทที่ดูเหมือนอารมณ์ไม่ค่อยดีหลังจากที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งอยู่สักพัก

เสียงถอดหายใจ แววตา ท่าทางที่แสดงออกว่าไม่พอใจให้เห็นเป็นระยะจนเพื่อนๆแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น

“แกเป็นอะไรของแกเทนนิสนั่งถอนหายใจมาตั้งนานแล้ว”เหรียญสิบที่นั่งเล่นเกมส์อยู่นานอดไม่ได้จึงต้องเอ่ยปากถาม

“เปล่า”เทนนิสตอบคำถามอย่างไม่สบอารมณ์เป็นเพราะผลพวงมาจากข่าวที่เขาอ่านเจอในหนังสือพิมพ์

“อ่านข่าวอะไรของแกทำไมต้องหน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างนั้น”

“ไม่มีอะไร แค่หุ้นบริษัทHappy Mall ร่วงนิดหน่อยไม่รู้บริหารกันยังไงให้เป็นอย่างนี้”เทนนิสปิดหนังสือพิมพ์เศรษฐกิจฉบับหนึ่ง

ลงแล้ววางลงบนโต๊ะหินอ่อน เพื่อนๆต่างมองไปตาเดียวกันด้วยความสงสัยแต่ก็ไม่มีใครถามคำถามต่อ

“ช่างเถอะเข้าเรียนดีกว่า”เทนนิสพูดแล้วเดินขึ้นห้องเรียน ปล่อยให้ทุกคนนั่งมองหน้าปรับอารมณ์แทบไม่ทัน

   ผลักประตูเข้ามาในห้องเรียนนักศึกษาแต่ละกลุ่มกำลังจับกลุ่มพูดคุยกันเรื่องที่พบเจอมาในช่วงวันหยุด บางคนกำลังชวน

เพื่อนออกไปเที่ยวคืนนี้ เทนนิสเดินไปด้านหลังที่ยังพอเหลือที่ว่างอยู่ ส่วนเพื่อนๆของเขาก็นั่งลงข้างๆ นั่งรอไม่นานอาจารย์สมร

เดินถือกระเป๋าเอกสารสีดำเข้ามาในห้องพร้อมกับเสียงในห้องที่เงียบลง และเจ้าหน้าที่โสตฯเข้ามาเตรียมสื่อการเรียนอยู่หน้า
ห้อง

“วันนี้ตามที่ตกลงกันไว้เราจะมีการนำเสนองานอาจารย์คิดว่าทุกกลุ่มคงพร้อมแล้ว”อาจารย์สมรพูดเสร็จนักศึกษาก็รู้สึกตื่นเต้นไป

ตามๆกัน อาจารย์หันกลับไปหยุดที่โต๊ะเธอกำลังทำฉลากสุ่มเลือกกลุ่มที่จะออกมานำเสนอหน้าห้อง

“ตื่นเต้นดีวะ เรียนวิชานี้ตื่นเต้นเหมือนเรียนภาษาอังกฤษเวลาอาจารย์ชาวต่างเรียกชื่อให้ตอบคำถามเลย ดูดิไม่ใครกล้าหลับสัก

คน”เหรีญสิบมองไปรอบห้องเห็นเพื่อนๆแต่ละกลุ่มเตรียมเอกสารพร้อมออกไปนำเสนอหน้าชั้น

“ลองหลับดิจะได้รู้ว่านรกมีจริง”

“เฮ้ย นั่นมันกลุ่มเราเปล่าวะกลุ่มแรก”เอื้อมเรียกเพื่อนๆให้มองหมายเลขกลุ่มบนจอสีขาวหน้าห้อง ว่าเขามองผิดไปรึเปล่าอะไรจะ

โชคดีขนาดนั้นถึงได้เป็นกลุ่มแรก

“อืม ใช่ออกไปกันเถอะ”ไม่ต้องให้อาจารย์เรียกเทนนิสและเพื่อนๆก็รีบเดินออกไปหน้าห้อง

   เทนนิสกำลังยืนนำเสนองานหน้าห้องเรียนตามหัวข้อที่กลุ่มเขาได้รับมองหมายโดยมีเพื่อนในกลุ่มช่วยแจกเอกสาร

ประกอบ “เรื่องการทำตลาดโรงพยาบาล”และแบบประเมิน นิ้วเรียวกำลังเลื่อนพ้อยเตอร์ให้ข้อความที่กำลังบรรยายตรงกับสไลน์
บนจอ

“ข้อแรก คือ กลยุทธ์การสร้าง "ตัวตน" ของแบรนด์โรงพยาบาล บางโรงพยาบาลที่มีจุดยืนชัดเจน เช่น โรงพยาบาล A เป็นโรง

พยาบาลที่มีชื่อเสียงของเรื่องความสวยความงาม มีทั้งแพทย์ที่เชี่ยวชาญและเครื่องมือที่ทันสมัย.......”อาจารย์สมรพยักหน้า

ขยับแว่นสายตากำลังตั้งใจฟังเนื้อที่ลูกศิษย์ของเธอกำลังตั้งใจนำเสนอ สมกับเป็นลูกศิษย์ที่ได้คะแนนทดสอบย่อยวิชาของเธอ

เยอะที่สุดสามารถสรุปเนื้อหาออกมาเป็นคำพูดได้กระชับและเข้าใจง่าย

   เสียงปรับมือดังขึ้นสมาชิกทุกคนในกลุ่มโค้งเป็นการขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่ตั้งใจฟัง พวกเขาเดินกลับมานั่งที่ให้กลุ่มต่อ

ไปออกไปนำเสนอ

“เสร็จไปอีกงาน”เทนนิสถอนลมหายใจออกอย่ารู้สึกโล่งแล้วหันไปมองเพื่อนๆที่ดูเหมือนจะโล่งอกเหมือนกันเขา แต่คะแนนจะ

ได้เท่าไหร่นั้นต้องมาลุ้นกันอีกที จากนั้นพวกเขาตั้งใจฟังกลุ่มนำเสนอเพราะแต่ละกลุ่มได้เนื้อหาไม่เหมือนกันและเนื้อที่นำเสนอ

อาจจะเป็นอยู่ในข้อสอบ



“ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าทำงานที่นี่ต้องตัดเล็บสั้นและห้ามทาเล็บ ผู้หญิงต้องรวบผมแต่งหน้าบางๆ”เทนนิสกำลังบอกกฎระเบียบ

พื้นฐานของร้านกาแฟให้ปลาฟัง “ค่ะ”หญิงสาวยิ้มพยักหน้าตอบรับให้รุ่นพี่อย่างเข้าใจ

“สวมกางเกงสีดำห้ามเดฟ ห้ามยีน ขากระบอกเล็กใส่ได้ เอ่อ นั่นดูพี่ตาลเป็นตัวอย่าง”ปลามองดูการแต่งกายของรุ่นพี่แล้วก็พอจะเข้าใจ

“น้ำหอมนี่ก็น่าจะห้ามนะ เอาไว้เดี๋ยวเข้าออฟฟิตใหญ่พี่เขาจะบอกอีกที พี่จะบอกแค่เบื้องต้นก่อน”

“สาขานี้มีผู้ใหญ่มาตรวจงานบ่อยไหมคะ”ที่เธอสงสัยเพราะได้ยินว่าที่ร้านนี้ได้ดาวและได้รับการประเมินการทำงานของพนักงาน

อยู่ในระดับที่ดี น่าจะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบบ่อยๆ หญิงสาวมองไปรอบๆร้านที่มีดูเหมือนจะมีพนักงานออฟฟิตมานั่งดื่ม

กาแฟอยู่หลายโต๊ะ

“พี่ไม่รู้หรอก”เพราะจะให้มานั่งจำว่าใครเป็นใครก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว “แค่เราบริการลูกค้าให้ดีก็ไม่ปัญหา แต่ลูกค้าต่างชาติก็มี

ปัญหาเยอะ”

“ยังไงคะ”ปลารู้สึกกังวลของคำว่ามีปัญของรุ่นพี่ เทนนิสเห็นสีหน้ากังวลใจแล้วรีบอธิบายต่อ“แบบว่าสั่งอย่างหนึ่งแล้วอยากได้

อีกอย่างประมาณนี้ แต่พี่ยังไม่เคยเจอนะและไม่ยากเจอด้วย เราไม่ต้องกังวลไปนะถ้ามีปัญหาให้เรียกพี่แชมป์หรือผู้จัดการนะ”

“ค่ะ”

“อย่างแรกที่เรามาถึงให้เช็คที่ communication book”เทนนิสเลื่อนลิ้นชักออกมามีสมุดเล่มใหญ่ปกแข็งสีน้ำเงินเขียนว่า สมุด

สื่อสาร ไว้บนหน้าปก มือขาวหยิบสมุดนั้นออกจากลิ้นชัก“สมุดเล่มนี้เอาไว้สื่อสารกัน ประมาณว่าเราจะสื่อสารกันผ่านสมุดเล่มนี้

เพราะบางทีการสื่อสารเป็นคำพูดอาจลืมหรือตกหล่น เช่น เมื่อวานนี้มีนมสดมาส่งต้องมีคนหนึ่งคนลงรับของเช็คของ วันผลิตวัน

หมดอายุ จำนวนและอุณหภูมิของนม อะไรประมาณนี้ จากนั้นก็แจ้งผู้จัดการและเขียนลงในสมุดนี้ให้เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆที่ได้รับ

รู้ว่ามีของมาส่ง”ชายหนุ่มอธิบายแล้วเปิดหน้ากระดาษที่เคยเขียนบันทึกพร้อมลงวันที่ไว้รุ่นน้องดู หญิงสาวค่อยๆดูอย่างสนใจ

“จากนั้นเราก็มาดูเครื่องทำกาแฟมันจะมีช่องใส่กาแฟตรงนี้”ชายหนุ่มชี้ไปที่ช่องเก็บกาแฟที่อยู่บนสุดของเครื่อง

“เห็นค่ะ”หญิงสาวตอบรับแล้วมองไปช่องที่เมล็ดกาแฟสีดำอยู่ในนั้น

“ถ้าใกล้หมดแล้วเราก็ต้องเติม เปิดตรงนี้แล้วเทเม็ดกาแฟลงไป”เทนนิสหยิบเม็ดกาแฟออกมาสองสามเม็ดวางบนฝ่ามือขาว

“สังเกตว่าถ้าเป็นเม็ดกาแฟที่ดีสีจะสวยผิวของมันจะมันๆเงา กลิ่นจะหอมไหม้ แต่ถ้าถูกอากาศเก็บไว้ไม่ดีหรือนานแล้วสีก็จะไม่

สวยผิวจะแห้ง”

ปลาพยักหน้ารับรู้”แต่ไม่ต้องห่วงนะที่ร้านนี้ไม่มีเม็ดกาแฟที่เปิดจากซองนานเกินสองวัน เพราะร้านเราขายดีมาก”

“เทนนิส ตอนนี้กาแฟเราเหลือกี่ซอง”แชมป์เดินเข้ามาถามเทนนิสในขณะที่กำลังสอนงานน้อง

“น่าจะเหลือแค่ 1 โหลครับ พี่แชมป์จะสั่งของหรอครับ”ถามรุ่นพี่ที่มีตำแหน่งเป็นถึงเทรนเนอร์คนเก่งของบริษัทที่นานๆทีจะได้

กลับเข้าร้านเพราะส่วนใหญ่แชมป์จะประจำที่ออฟฟิตใหญ่

“ใช่ เทนนิสช่วยพี่เช็คของอย่างอื่นด้วยนะว่ามีอะไรหมดแล้วบ้าง พอดีพี่ต้องทำเรื่องให้ผู้ใหญ่ดูด้วยว่าสาขาเรากาแฟและเบเกอร์

รี่ตัวไหนขายดี ขายไม่ได้บ่าง”

“ถ้าดูจากที่ผ่านมาขนมสาขาเราน่าจะทิ้งบ่อยอยู่นะครับ ที่จริงคนที่ดื่มกาแฟเป็นวัยทำงาน ผมว่าน่าจะไม่เหมาะกับเบเกอร์รี่ ถ้ายัง

ไงผมจะลองสอบถามกับลูกค้าให้นะครับว่าชอบขนมแบบไหนกัน”ถ้าเป็นร้านแถวมหาวิทยาลัยไม่ได้ไม่มีเหลือแน่นอน

“ขอบใจนะ แต่ยังไงก็ต้องขึ้นอยู่กับผู้ใหญ่ ยังไงเวลาลูกค้าสั่งกาแฟก็อย่าลืมแนะนำเบเกอร์รี่ด้วยแล้วกัน”แชมป์พูดแล้วถือ

เอกสารกลับไปหลังร้าน

“มีสินค้าต้องทิ้งด้วยหรอคะ”

“อืม ใช่ถ้าเบเกอรรี่หมดอายุเวลาทิ้งก็จะจดลงในสมุดอีกเล่ม”ว่าแต่อยู่ไหนนะ เทนนิสเดินไปเปิดลิ้นชักค้นหาสมุด”เจอแล้ว นี่ใน

นี้จะบอกให้เรารู้ว่าเราทิ้งขนมไปเยอะแค่ไหน”ปลารับสมุดมาเปิดดูเป็นการบันทึกวันเวลาชื่อละจำนวนของขนมที่ทิ้งไปแต่ละ

สัปดาห์ นี่ขนาดว่าเป็นร้านที่มีลูกค้าเยอะขนาดนี้“ทิ้งเยอะแบบนี้ยอดขายไม่มีปัญหาหรอคะ”

“ไม่หรอกถ้ามีปัญหาทางผู้ใหญ่ก็คงหาวิธีกันเอง เราก็ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดก็พอ”ชายหนุ่มบอกปัดให้รุ่นน้องไม่ต้องกังวลใน

สิ่งที่สามารถแก้ไขได้เพราะปัญหานี้เป็นมานาน ถึงจะมีร้านกาแฟแต่อาหารฟาสฟูตก็ยังขายดีที่สุด บุกเบิกตลาดใหม่ก็ต้องลอง

ผิดลองถูกบ้างเป็นเรื่องปกติของการค้าขาย

“เรามาดูประเภทเครื่องดื่มกันต่อ ร้านเรามีแบบ ร้อน เย็นและปั่น เครื่องดื่มร้อนเราจะใช้เครื่องกาแฟอัตโนมัติตัวนี้ทำเป็น

หลัก”ชายหนุ่มชี้ไปที่เครื่องทำกาแฟอัตโนมัติให้รุ่นน้องดูอีกครั้ง “ส่วนเครื่องดื่มเย็นง่ายสุดอุปกรณ์จะอยู่ตรงนี้ ส่วนตรงนี้แค่เห็น

เครื่องปั่นก็น่าจะรู้”

“แล้วถ้ามีลูกค้ามาสั่งเครื่องดื่มทั้งสามอย่างเราต้องอะไรก่อนคะ”

“ถามได้ดีมาก เราจะเสิร์ฟเครื่องดื่มปั่น เย็น ร้อน ขณะที่เครื่องดื่มปั่นกำลังทำงานเราสามารถทำเครื่องดื่มเย็นได้ และท้ายสุดจะ

เป็นเครื่องดื่มร้อน เพราะกาแฟที่ออกมาเครื่องใหม่ๆรสชาติจะอร่อย เพราะถ้าปล่อยเครื่องดื่มร้อนไว้นานเกินรสชาติจะแย่ ส่วนวิธี

ทำต้องรอเวลามีลูกค้ามาลองสังเกตพี่ๆดูก่อน”

“ค่ะ”ปลาพยักหน้ารับทราบ


   ยืนทำงานหลายชั่วโมงก็ถึงเวลาพัก ด้านนอกร้านเริ่มคึกคัก เพราะร้านค้าตามทางเดินเริ่มมาตั้งร้านจนเกือบเต็ม เทนนิส

เดินออกจากที่ทำงานพร้อมเพื่อนและรุ่นน้องพ่วงท้ายมาด้วยเหตุผลเพราะเขาเป็นคนฝึกงาน ทั้งสามคนยืนตกลงกันอยู่สักครู่

สุดท้ายก็ได้มานั่งที่ร้านส้มตำเพราะน้องปลาผู้หญิงคนเดียวบ่นอยากกิน

“พี่วีร์ยิ่งมองใกล้ๆน่ารักมากเลยค่ะ ปลาเห็นเวลาที่พี่ยืนอยู่เคาเตอร์แอบมองอยู่บ่อยๆ”หญิงสาวพูดอย่างเปิดเผยว่าเธอแอบมอง

รุ่นพี่น่ารักบ่อยๆ

คนตัวเล็กไม่แน่ใจว่าที่น้องกำลังพูดเป็นคำชมรึเปล่าแต่ก็ยิ้มรับ“ขอบคุณครับ ที่ชมว่าพี่หล่อ”

“ตอนแรกปลานึกว่าพวกพี่เป็นแฟนกัน เหมาะกันมากเลย”คำพูดของรุ่นน้องทำให้ชายหนุ่มทั้งสองหัวเราะออกมาเบาๆ เพราะ

พวกเขาได้ยินเรื่องแบบนี้จนชินแล้ว นั่งคุยกันได้ไม่นาน ส้มตำลาว ส้มตำปูปลาร้าถาดใหญ่ หมูยอนึ่งหั่นเป็นชิ้น ไข่ต้ม แคปหมู

และขนมจีนน้ำยาแกงไก่ถูกนำวางบนโต๊ะ ทั้งสามคนมองหน้ายิ้มๆอย่างพอใจกับข้าวตรงหน้าแล้วรีบลงกินก่อนหมดเวลาพัก


   กลับถึงบ้านก็ดึกมากเทนนิสคลานขึ้นเตียงด้วยอาการเหนื่อยมาทั้งวัน ส่วนคนตัวเล็กรีบเข้านอนเพราะมีคนโทรมาบอกว่า

จะมารับออกไปเที่ยวข้างนอกในวันพรุ่งนี้ ก่อนจะเข้านอนวีร์ตั้งนาฬิกาปลุกแล้วไม่ลืมอ่านข้อความบอกฝันดีจากคนตัวโตที่ส่งเหมือนเช่นทุกวัน


   ตี๊ด ตี๊ด ตี๊ด เสียงนาฬิกาปลุกดังลั่นห้องทำให้คนที่นอนหลับฝันดีอยากตื่นสายในหยุด ต้องฝันสลายมีอันต้องสะดุดลง

เทนนิสลุกขึ้นนั่งบนเตียงมองไปที่นาฬิกาที่แขวนบนผนังเก้าโมงเช้าแล้ว ห้าว แต่ยังง่วงอยู่เลยเมื่อคืนกว่าจะกลับมาถึงบ้านก็ดึก

มากแล้วอยากนอนต่อแต่ท้องก็หิวแล้ว เสียงนาฬิกายังดังลั่นแต่คนที่เป็นเจ้าของนาฬิกายังนอนหลับไม่รับรู้อะไร เทนนิสต้องส่าย

หัวกับความขี้เซาของเพื่อน แล้วนี่เห็นบอกว่ามีนัดไม่ใช่รึไงทำไม่ตื่น

“ตื่น วีร์ ตื่นได้แล้ว มีนัดกับพี่ปาลไม่ใช่หรอ”เขานั่งลงข้างเตียงเขย่าคนที่นอนหลับสบายอยู่สักครู่

“อืม”เสียงครางเบาๆออกมาจากลำคอเป็นคำตอบรับว่าคนตัวเล็กตื่นแล้ว วีร์ควานหาโทรศัพท์ กดปิดเสียงแล้วมองเวลาบนหน้า

จอสี่เหลี่ยม เก้าโมงเช้าแล้วหรอเนี่ยทำไมเหมือนเพิ่งนอนไม่ครู่นี่เอง ห้าว คนตัวเล็กมองไปรอบๆห้องเทนนิสไม่อยู่ในห้องแล้ว

สงสัยลงไปหาอะไรกินในครัว เขาลุกจากเตียงเข้าห้องน้ำแล้วรีบทำธุระส่วนตัวอีกหนึ่งชั่วโมงปาลภัทรจะมารับออกไปข้างนอกที่

จริงวันหยุดเขาก็ยากนอนเล่นเกมส์ อ่านการ์ตูน เล่นเน็ต แต่เอาเถอะ คิดได้เขาก็รีบอาบน้ำแต่งตัว

“แต่งตัวเสร็จแล้วหรอ พี่ปาลมารอแล้ว”เทนนิสกำลังจะขึ้นไปตามแต่อีกฝ่ายเดินลงก่อน

คนตัวเล็กแปลกใจเพราะยังไม่ถึงเวลานัดทำไมรีบมา เดินเข้าไปในห้องรับแขกเห็นผู้ชายตัวโตกำลังนั่งดูโทรทัศน์อีกฝ่ายเห็นคน

ตัวเล็กเดินเข้ามาก็ส่งยิ้มให้“ไหนว่าจะมารับ 10.00 โมง นี่เหลืออีกตั้งสามสิบนาที”เขาไม่อยากให้อีกฝ่ายเสียเวลามานั่งรอ

“พี่ยังกะเวลาไม่ได้ แล้วกลัวเราจะรอ”ชายหนุ่มรีบบอกเห็นผลเมื่อคนตัวเล็กทำสีหน้าไม่ค่อยพอใจ

“ครับ ไปกันเลยไหมเดี๋ยวแดดจะร้อน”

“ครับ เทนนิสพี่ไปก่อนนะ”


                                                                                มีต่อด้านล่าง
หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 3] 25/10/2559
เริ่มหัวข้อโดย: jaengsRU ที่ 25-10-2016 16:11:48
                                                                               
                                                                    ต่อจากด้านบน

“เทนนิส ออกไปข้างนอกนะกลับเย็นๆเดี๋ยวซื้อหนมมาฝาก”วีร์ตะโกนบอกเพื่อนที่ยืนกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้าน ก่อนที่มุด

เข้าไปรถยุโรป เทนนิสมองรถยุโรปที่ค่อยๆเคลื่อนที่ออกไป แล้วกลับเข้าบ้านหาอะไรกิน

   ขับรถฝ่าการจราติดขัดมาเกือบสองชั่วโมงก็ถึงตลาดน้ำ สถานที่ท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดที่ใครหลายคนชอบออกมาเที่ยว

วิถีชีวิตริมแม่น้ำแบบดั้งเดิมที่ยังคงรักษาไว้ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้เข้ามาที่นี่อย่างไม่เคยขาดสาย

ร้านอาหารขึ้นชื่อ รสชาติอร่อย ของที่ระลึกแปลกตา และเป็นตลาดที่มีพ่อค้าแม่ค้าพายเรือเอาผักผลไม้สดในท้องถิ่นและของกิน

รสชาติดีประจำท้องถิ่นมาขาย เรือพายหลายลำกำลังจอดเทียบท่าขายของให้นักท่องเที่ยว พ่อค้าแม่ค้าบางคนพายเรือไปด้วย

เรียกลูกค้าไปด้วย เป็นภาพที่มองแล้วรู้สึกดีจนมีนักท่องเที่ยวต่างชาติหลายคนอดใจไม่ไหวหยิบกล้องดิจิตอลขึ้นมาบันทึกภาพ

ความประทับใจเหล่านี้ไว้ เริ่มสายอากาศยิ่งร้อนมากขึ้นรวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวหนาตาขึ้น

“พี่ปาลร้อนไหม”คนตัวเล็กถามคนที่นั่งตรงข้ามใช้พัดพลาสติกที่ได้รับแจกก่อนเข้ามาในตลาดโบกไปมาไม่หยุด ส่วนใบหน้าเต็ม

ไปด้วยเม็ดเหงื่อ แก้มจมูกเริ่มมีสีขึ้นเหมือนคนต่างชาติเวลาเจอกับอากาศร้อน แต่อย่างนั้นก็ยังดูดีจนสาวๆตลาดแอบมองบ่อยๆ
จนเขาอิจฉา

“อากาศร้อนจริงๆด้วย แต่น้ำแข็งใสนี่ก็อร่อย วีร์อยากกินอะไรอีกไหมเดี๋ยวพี่ไปซื้อให้”คนตัวโตถามคนที่ตั้งแต่เดินเข้ามาในตลาด

ยังไม่หยุดกิน ซื้อของกินแทบทุกร้าน เขารู้สึกดีได้ออกมาเที่ยววันหยุดที่ตลาดน้ำ จำได้ว่าเคยมาเที่ยวตอนเด็ก ไปอยู่ต่างบ้าน

ต่างเมืองหลายปีแต่ที่นี่ก็ไม่ค่อยเปลี่ยนไปเท่าไหร่ ถึงอากาศจะร้อน รถจะติดแต่ก็ไม่มีที่ไหนน่าอยู่เท่าเมืองไทยอีกแล้ว เพราะที่

นี่มีคนที่เขาคิดถึงอยู่ด้วย มองหน้าคนตรงหน้าให้ชัดนานแล้วที่ไม่ได้มีโอกาสได้เห็นหน้าอีกฝ่ายชัดเจนอย่างนี้

“อยู่นานไปเดี๋ยวก็ชิน พี่ปาลหิวข้าวแล้วอะ”พูดแล้วก็ลูบท้องตัวเองที่แบนราบเหมือนไม่ได้กินอะไร

“อ้าว แล้ว ลอดช่องรวมมิตร ขนมครก ลูกชิ้นนึ่งและน้ำแข็งไสไปไหนแล้ว”ปาลภัทรขมวดคิ้วสงสัยว่าที่กินทั้งหมดน้องเอาไปไว้
ไหน

“อันนั้นแค่รองท้อง เราเดินมาตั้งไกลมันก็ย่อยไปตามทางหมดแล้ว”คนตัวเล็กอยากหัวเรากับคนตรงหน้าที่หน้าตาแปลกใจ ไม่ใช่

เขากินเยอะแต่ของที่กินแต่ละอย่างมันไม่อยู่ท้องต่างหาก

“หึหึ แล้วอยาจะกินอะไรละ”

“ก๊วยเตี๋ยวไหมครับ ก๊วยเตี๋ยวเรือ”

   ทั้งสองเดินตามหาร้านก๋วยเตี๋ยวอยู่นานในที่สุดก็เจอร้านที่ถูกใจ ทั้งคู่เลือกเข้าไปนั่งในร้านก๋วยเตี๋ยวริมน้ำ ลมเย็นๆพัดมา
เบาๆช่วยคลายความรู้สึกร้อนได้บ้าง

“ตกลงพี่ปาลกลับมาอยู่ที่เมืองไทยจริงๆหรอครับ”ถามคนตัวโตที่กำลังตักน้ำซุปก๊วยเตี๋ยวขึ้นมาชิม ส่วนตัวเองก็ตักเครื่องปรุงลง

ในถ้วยก๋วยเตี๋ยวเรือหมูเส้นใหญ่พิเศษ

“ใช่ พี่ย้ายของเข้าบ้านแล้วแต่บ้านไม่ได้อยู่นานต้องซ่อมแซม ปรุงปรุงหลายอย่าง ตอนนี้ก็ไปอยู่คอนโดก่อนสัปดาห์หน้าคง

เรียบร้อย แล้วเราพักอยู่กับเพื่อนไม่กลับบ้านหรอ”

“กลับช่วงวันหยุด วันปกติวีร์ต้องทำงานพิเศษ จะให้ลากสังขารกลับตอนดึกๆก็ขี้เกียจ”

“ขยันจริง แม่ให้เงินไม่พอใช้รึไงถึงไปทำงานพิเศษ”ถามไปแล้วก็สังเกตบนตัวอีกฝ่ายก็ไม่เห็นมีของฟุ่มเฟือย หรือว่ามีแฟน

“เปล่าครับ ตอนแรกไปทำเพราะเทนนิสชวน ที่บ้านก็เห็นด้วยอยากให้ลองทำ แต่ตอนนี้สนุกดี”ตอบคำถามคนตัวโตแล้วใช้

ตะเกียบคืบเนื้อหมูนุ่มๆเข้าปากเคี้ยวอย่างมีความสุข

ท่าทางกินอย่างมีความสุขของคนตรงหน้าทำให้ปาลภัทรลองกินดูบ้าง“ไม่ได้กินอาหารไทยจริงๆ นานมากแล้ว ยังไงอาหารไทย
ก็อร่อยที่สุดแล้ว”

“พูดเหมือนคนแก่ไปได้ แล้วกลับมาอยู่ที่นี่แฟนแหม่มพี่ไม่ว่ารึไง”

“หึหึ ไม่ว่าหรอกเพราะพี่ยังไม่มีแฟนยังอยู่กวนเราอีกนาน ว่าแต่เราเถอะ”

“วีร์ไม่มีแฟนหรอก มีแต่คนมาจีบ”พูดแล้วกลับไปสนใจก๋วยเตี๋ยวในถ้วยที่สอง ทำให้คนตัวโตอดยิ้มดีใจไม่ได้ที่ได้ยินคำพูดเมื่อครู่


   วันหยุดใช่วันนี้เป็นวันหยุดแล้วทำไมเขาต้องมาขี่มอเตอร์ไซด์คู่ใจบนท้องถนนที่เต็มไปด้วยรถ เทียวตระเวนส่งไก่ให้ลูกค้า

ด้วย มันไม่ใช่งานที่เขาทำประจำ คิดแล้วก็ถอนหายใจออก มาคงไม่มีใครโชคร้ายไปกว่าเขาแล้ว ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้พี่เท็นผู้

จัดการร้านโทรมาตาม ขอร้อง แกมบังคับ ให้เข้าไปช่วยงาน เขาก็เต็มใจ แต่เข้ามาแล้วทำไมถึงกลายเป็นว่าพนักงานส่งไก่เกิด

ป่วยและด้วยเหตุผลที่เขามีรถมอเตอร์ไซด์และกำลังว่าง จึงต้องมาส่งไก่แข่งกับเวลา แข่งกับรถบนท้องถนนที่ปกติก็เยอะอยู่แล้ว

แต่วันหยุดยิ่งเยอะกว่าเดิม และอากาศที่ร้อนอบอ้าว ว่าแต่ลูกค้ารายที่สิบของเขาอยู่ที่คอนโดVXY แล้วคอนนี้มันอยู่ไหนไหนบอก

ว่าห่างจากร้านสามสี่ไฟแดง เขาลดความเร็วลงมองไปที่ตึกสูงสังเกตหาป้ายชื่อสักพักก็เจอ

“พี่ครับมาส่งไก่ ห้อง 5303”

“แลกบัตรแล้วขึ้นไปได้เลยค่ะ”

เทนนิสแลกบัตรกับเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์เดินขึ้นลิฟต์ไปชั้น 5 เข้าด้านในมองดูสภาพตัวเองแทบผวาเมื่อเห็นใบหน้าเต็มไป

ด้วยเหงื่อผมเผ้ารุงรัง แก้มที่แดงเพราะอากาศร้อน คิดแล้วนึกถึงหน้าเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ทำหน้าแปลกใจ ดีนะที่เธอไม่เรียก

ตำรวจ มือขาววางกระเป๋าไก่ทอดลงหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดเหงื่อจัดผมให้เรียบร้อย อย่างนี้สิค่อยดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาหน่อย

มองดูนาฬิกาที่ข้อมือเหลืออีก 10 นาทีจะถึงเวลาเขามาทัน ลิฟต์เปิดออกเทนนิสรีบเดินหาห้อง 5303 ทันที

ติ๋ง ติ๋ง ติ๋ง กดออดหน้าห้องไม่นานก็มีคนเปิดประตูออกมา

“คุณเป็นเอกใช่ไหมครับ ผมมาจากร้าน chicken café ….”เทนนิสทวนรายการอาหารให้ลูกค้าฟังแจ้งยอดที่ต้องชำระแล้วยื่นใบ

เสร็จให้ลูกค้า

“รอก่อนนะน้อง เฮ้ยเป็นเอกเขาเอาไก่มาส่งแล้วเอาเงินมาจ่ายดิ”อ้าว ไม่ใช่คุณเป็นเอกหรอปล่อยให้เขาพูดอยู่ได้ตั้งนาน

“ไอ้เป็นเอกสั่งอะไรมากินวะไอ้ทิว”กำปั้นตะโกนถามเพื่อนแล้วเดินตามเอกออกมา ส่วนเพื่อนอีกสองคนยังนั่งทำงานกันอยู่

“เออ เออ เท่าไหร่ครับ”

“ทั้งหมด 1,240 บาทครับ”เป็นเอกหยิบเงินออกมาให้และรับอาหารที่สั่งมา

“นี่เราใช่น้องเทนนิส econ รึเปล่า”กำปั้นที่ยืนมองอยู่นานว่าคนตรงหน้าหน้าคุ้นๆแต่ไม่นึกว่าจะทักถูกคน

“เอ่อ ครับ เงินทอน”เทนนิสยิ้มให้เป็นเชิงขอโทษและแปลกใจที่ผู้ชายทั้งสามคนบอกว่ารู้จักเขาแต่เขากลับไม่รู้จักใครเลย

“พวกพี่เรียนบริหารน้องไม่รู้จักพี่หรอก แต่พวกพี่รู้จักน้องเทนนิส econ”ทิวช่วยแก้ข้อสงสัยให้คนตรงหน้า

“ทำงานพิเศษที่ chicken café หรอครับ”เป็นเอกที่เงียบอยู่นานถามขึ้นด้วยความสงสัยเพราะเขาสั่งไก่ร้านนี้หลายครั้งแล้วแต่

ทำไมไม่เคยน้องมาก่อน แต่เคยได้ยินเพื่อนๆพูดถึงน้องหลายครั้งแล้วแต่เขาเพิ่งเคยเจอตัวจริงและก็ดีดูเหมือนที่เพื่อนๆเคยบอก
ไว้

“ครับ พอดีผมมาส่งแทนพนักงานที่ป่วยนะครับปกติจะอยู่ในร้าน”ชายหนุ่มทั้งสามคนพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ขอบคุณที่ใช้

บริการ”เทนนิสบอกขอบคุณลูกค้าแล้วรีบกลับไปรอส่งลูกค้ารายต่อไป 

“มองขนาดนี้ไม่ตามไปเลยวะ”

“ฮึ”เป็นเอกไม่ตอบแต่เลือกเดินเข้าไปในห้อง

เทนนิสส่งของให้ลูกค้าแล้วรีบเดินไปรอลิฟต์ นิ้วเรียวกดปุ่มหน้าลิฟต์รอสักพักประตูก็เปิด เท้าในรองเท้าผ้าใบแบรนด์ดังก้าว

เข้าไปในลิฟต์ แต่สายตายังมองอยู่ที่จอสี่เหลี่ยมเขากำลังดูเส้นทางของลูกค้ารายต่อไปที่เขาจะต้องไปส่ง พอเงยหน้าขึ้นมาต้อง

เจอกับดวงตาสีอ่อนกำลังจ้องเขาอยู่

“สวัสดีครับ มาส่งของลูกค้าหรอครับ”ชายหนุ่มร่างสูงทักทายคนตรงหน้า

“อ่อ เอ่อครับ คุณ”คือใครหน้าคุ้นๆเหมือนเคยเจอที่ไหน

“ผมธีรภัทร เรียกธีร์เฉยๆก็ได้”ชายหนุ่มแนะนำตัวเอง

“อ้อ คุณนั่นเองน้าธีร์ของจอมยุทธน้อย ผมชื่อเทนนิสหรือพี่ชายข้างบ้านที่เด็กๆเรียกกัน”

เทนิสยิ้มให้ชายหนุ่มที่ทำหน้าตาเรียบเฉยและออกจะไปทางบึ้งตึงด้วยซ้ำ ที่วันนี้สวมชุดสูทดูภูมิฐานในมือถือกระเป๋าเอกสารสีดำไว้

“ทำงานวันหยุดนี่ไม่ค่อยดีเลยนะครับ แต่อย่างน้อยก็ไม่ใช่ผมคนเดียวเพราะคุณก็คงไปทำงานเหมือนกัน”เขามีเพื่อนร่วมชะตา

กรรมแล้ว

“หึหึ ผมมีประชุมนะ”ประตูลิฟต์เปิดออกทั้งสองต่างรีบเดินออกมา แต่ยังเดินไปไม่ถึงรถก็มีเสียงหนึ่งดังแว่วมา

“เด็กๆจะไปเยี่ยมคุณยายทุกวันหยุดถ้าคุณว่างก็เล่นกับเด็กๆได้พวกเขาคงดีใจที่พี่ชายข้างบ้านไปเล่นด้วย”ร่างสูงพูดแล้วก็

เข้าไปในรถ เทนนิสยิ่งยืนงงอยู่ในมือยังถือหมวกกันน็อกใบโตไว้แล้วมองตามรถยุโรปขับผ่านหน้าไป


   ผ้าเช็ดหน้าสีเทามีคราบสีดำจนเทนนิสแปลกใจ มิน่าทำไมเขาถึงรู้สึกไม่สบายเพราะหน้าเต็มไปด้วยฝุ่นนี่เอง เห็นสภาพตัว

เองแล้วรู้สึกแย่ เทนนิสหยิบผ้าเช็ดตัวหายเข้าห้องน้ำถอดเสื้อผ้าออกมองใบหน้าตัวเองผ่านกระจกเงาบานอีกครั้ง ใบหน้ายังแดง

เพราะอากาศร้อน นี่ยังดีที่เขาทาครีมกันแดดด้วยไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้ตื่นมาหน้าลอกแน่ๆ พี่เท็นนะพี่เท็นใจร้ายทำกับเขาได้วันหลัง

จะไม่รับปากช่วยงานพี่เท็นอีกแล้ว เทนนิสเดินเข้าตู้อาบน้ำร่างกายได้สัมผัสกับน้ำเย็นทำให้รู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้น

   อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยเดินลงมาก็เห็นเพื่อนสนิทกำลังนั่งดูโทรทัศน์

“กลับมานานแล้วหรอ พี่ปาลละ”ถามหาอีกคนที่น่าจะอยู่ด้วยกัน

“สักพัก ดึกแล้วเราเลยให้กลับ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว หน้าไปโดนอะไรมา”

“แดดเผา เลยเอาอโลเวร่าพอกไว้”

“ไปทำอะไรมา”

“ไปส่งไก่แทนพนักงานป่วย พี่เท็นโทรมาตามต่อไปไม่ไปแล้วร้อนก็ร้อนเหนื่อยก็เหนื่อย”พูดแล้วยังโกรธพี่เท็นไม่หาย

“กินข้าวยัง เราซื้อของมาฝากเต็มเลยวางอยู่บนโต๊ะกับข้าว”

“ยังเลย เหนียวตัวเลยรีบกลับมา”เทนนิสรีบเดินไปโต๊ะที่มีของฝากเพื่อนวางอยู่ “อืม มีแต่ของน่ากินทั้งนั้นเลย แล้ววันนี้ไปเที่ยว

ที่ไหนมาบ้าง”เขาหยิบลูกชิ้นนึ่งมานั่งลงดูโทรทัศน์ข้างๆเพื่อน

“ไปหลายที่เหมือนกัน อากาศวันนี้ร้อนมากเลย”

“นั่นข่าวดาราเลิกกันอีกแล้วหรอ”เทนนิสมองภาพดาราสาวสวยชื่อดังให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน พร้อมทั้งแสงแฟลตสาดใส่ดารา

สาวที่กำลังสวมบทบาทนางเอกถูกพระเอกทิ้ง แก้มขาวของคนในจออาบไปด้วยคราบน้ำตาดูแล้วน่าสงสาร

“อืม เห็นว่าเพิ่งเปิดแถลงข่าวเมื่อตอนเย็นนี่เอง เลิกกับแฟนแต่ยังสวยเหมือนเดิมเลยนะ”

“เลิกกับแฟนไม่ได้โลกแตก ว่าไปดูข่าวอย่างนี้แล้วรู้สึกดีกว่าฟังข่าวว่า เศรษฐกิจชะลอตัว สินค้าไทยถูกส่งกลับ และรัฐบาลขึ้น

ภาษีอีก”ฟังดูแล้วอาจจะเห็นแก่ตัวไปบ้างที่คิดอย่างนั้น แต่ข่าวบันเทิงก็เป็นข่าวที่ช่วยผ่อนคลายความรู้สึกได้ดีจริงๆ

“ดูไปก็สงสารผู้หญิงนะ เธอร้องไห้ใหญ่เลย ถึงแม้จะดูเหมือนว่าเธอกำลังเล่นละครอยู่ก็ตาม”

“ไม่หรอก ถึงเธอจะเลิกกับแฟนแต่เธอก็ได้คะแนนสงสารจากแฟนๆ เธอกำลังโปรโมทตัวเองผ่านสื่อ ดารากับข่าวเป็นเรื่องคู่กัน

ต่อไปนี้รับรองคงมีงานวิ่งเข้าหาเธอแน่นอน เธอคงคำนวณสถานการณ์มาก่อนแล้วว่าถ้าแถลงข่าวแล้วแล้วมีแต่ผลดีมากกว่าเสีย”

ครืน ครืน โทรศัพท์สั่นมือขาวหยิบขึ้นมาดูว่าใครโทรมาตอนเย็นในช่วงวันหยุดอย่างนี้ เบอร์แปลกๆไม่เคยเห็นมาก่อนแต่ก็ตัดสิน
ใจรับสาย

“ครับ”

“เทนนิส เทนนิสพี่ปืนเองนะ”

“พี่ปืน เอาเบอร์ใครโทรมาเนี่ย”แปลกใจที่ปลายสายติดต่อมาปกติจะคุยผ่านอินเตอร์เน็ตมากกว่า

“เบอร์สาธารณะ แต่ช่างมันก่อนตอนนี้พี่อยู่สนามบินแล้ว พี่จะขอไปพักด้วย แค่นี้ก่อนนะมีคนอื่นรอใช้โทรศัพท์”

“เดี๋ยว เอ่อ..”ยังไม่ทันตอบรับปลายสายก็วางไปเสียแล้ว เทนนิสได้แต่มองหน้าจอโทรศัพท์แล้วถอนหายใจเบาๆของความ

เอาแต่ใจของปลายสาย

“ใครหรอเทนนิส”

“พี่ปืนนะ บอกว่าจะมาขอพักด้วย”

“อืม”วีร์พยักรับรู้

   รอไม่ถึงสองชั่วโมงคนที่โทรมาบอกว่าจะเข้ามาพักก็ลากกระเป๋าเดินทางใบไม่ใหญ่มากเข้ามาในบ้าน

“เมืองไทยนี่ยังรถติดเหมือนเดิม อากาศก็ร้อน”ปืนถอดเสื้อคลุมออกนั่งลงโซฟาอย่างอ่อนเพลียเพราะเจอความแตกต่างของ

อากาศเล่นงาน

“มาถึงก็บ่นเลยนะ กระเป๋าใบแค่นี้จะมาอยู่”

“ถาวร”เขารีบตอบน้องชายที่รักทันที

“ฮืม ได้หรอ”เทนนิสถามด้วยความสงสัยไม่รู้ว่าแอบหนีกลับมาเมืองไทยรึเปล่าถึงได้มาขอพักที่บ้านเขา

“ได้สิ ที่บ้านโทรตามให้กลับ นี่ยัยเปรียวก็กลับมาเหมือนกัน”

เทนนิสรู้สึกแปลกใจคำตอบที่ได้รับ“ทำไมไม่กลับบ้านละ”

“ยังไม่อยากกลับคิดถึงน้องชายมากกว่า ไม่เจอตั้งนานหล่อขึ้นนะเรา”ปืนมองน้องชายที่เขาอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กแต่หลังจาก

คุณอาทั้งสองเสีย เขาก็ถูกพ่อส่งไปเรียนต่อเมืองนอก เขาก็เสียใจไม่น้อยที่ต้องทิ้งน้องชายไว้ที่นี่เพียงลำพักแต่นั่นเพราะไม่มี

ทางเลือก เขาได้แต่ติดต่อพูดคุยกับน้องอินเตอร์เน็ตส่งเงินมาให้น้องในช่วงแรกๆที่น้องยังไม่ได้เงินชดเชย ถึงแม้จะรู้ว่าสิ่งน้อง

ต้องการคืออ้อมกอดของครอบครัวไม่ใช่เงินก็ตาม

“ไม่บ้อยอ ไหนของฝาก”เขาชะเง้อมองออกไปนอกบ้าน

“หาอะไร”

“เปล่า ดูเผื่อจะหนีบเมียแหม่มกลับมาด้วย”

“ไม่มีหรอก แล้วจะให้พี่พักที่ไหน”

“ห้องเดิมแหล่ะ ขึ้นไปทำความสะอาดให้แล้วถือกระเป๋าไปที่ห้องได้เลย เดี๋ยวเอานมไปให้ยังไม่กินอะไรมาใช่ไหม”

“ครับ แล้วเพื่อนเราละตั้งแต่มายังไม่เห็นเลย”

“ไปนอนแล้ว พรุ่งนี้ก็ได้เจอ”

ปืนยิ้มให้น้องชายอย่างเอ็นดูแล้วลากกระเป๋าขึ้นข้างบนตรงไปที่ห้องนอนที่เขาอยู่ประจำตั้งแต่เด็ก เดินเข้าไปในห้องข้าวของทุก

อย่างยังเหมือนเดิม พ่อกับแม่ของเขาทำแต่งานไม่มีเวลาให้ เขามีน้องสาวอีกคนแต่ถูกส่งไปอยู่เมืองนอกกับญาติ เขาจึงได้สนิท

กับเทนนิส ร่างสูงเดินไปหยิบเสื้อผ้าออกจากกระเป๋าแล้วเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัว

   ออกมาจากห้องน้ำก็เห็นแก้วนมอุ่นๆวางอยู่บนโต๊ะ มือหนาหยิบขึ้นมาดื่มแล้วคลานขึ้นเตียงหลับไปเพราะเหนื่อยจากการ
เดินทาง



************************************************************

โปรดติดตามต่อไป

หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 3] 25/10/2559
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 25-10-2016 20:10:24
 :3123: :3123: :3123: :3123: :3123:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 3] 25/10/2559
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 25-10-2016 20:33:18
ติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 4] 11/11/2559
เริ่มหัวข้อโดย: jaengsRU ที่ 11-11-2016 09:27:30


Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก

ตอนที่ 4
[/size]

                     เช้าวันใหม่ได้เยือนมหานครอีกครั้ง ไฟฟ้าบนท้องถนนปิดลงโดยอัตโนมัติเมื่อมีแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ขึ้นมา

แทน หลายชีวิตตื่นจากการหลับใหลเพื่อเผชิญวันใหม่ที่มาเยือน แต่บางชีวิตก็พึงกลับมาจากการทำงานทั้งคืนเพราะชีวิตเลือกเกิดไม่ได้

ติ๊ดดดดดด เสียงนาฬิกาดังลั่นห้องทำให้ร่างหนาที่นอนเปลือยท่อนบนสวมเพียงกางเกงขายาวตัวเดียว ในห้องนอนที่ตกแต่งด้วย

โทนสีทึบปิดม่านกันแสงและเปิดเครื่องปรับอากาศจนเย็น กำลังนอนหลับสบายอยู่บนเตียงกว้างค่อยๆขยับตัว มือหนาเลื่อนหา

ต้นเสียงแล้วกดปุ่มปิดทันที อือ เสียงครางออกมาเบาๆรู้สึกขัดใจที่เสียงดังทำให้เขาต้องตื่นอย่างไม่เต็มใจนัก ดวงตาสีอ่อนลืม

ขึ้นมองดูเวลาบนหน้าปัด เข็มนาฬิกาที่ยังขยันเดินอย่างไม่หยุดพัก หกโมงเช้าแล้วหรอเนี่ยทำไมเขาถึงรู้สึกเหมือนพึ่งหลับไปไม่

นานนี่เอง เช้าวันแรกของสัปดาห์นี่มันน่าเบื่อหน่ายจริงๆ มือหนาเสยผมขึ้นบิดขี้เกียจ แล้วลุกขึ้นเดินออกไปหยุดยืนมองภาพ

มหานครอันวุ่นวายยามเช้า รถยนต์บนท้องถนนหลายสายกำลังแล่นไปมาแต่อีกไม่นานก็จะแน่นจนขยับไปไหนไม่ได้ มองดูภาพ

ข้างนอกสักพักเขาก็เดินเข้าไปในครัวหาอะไรรองท้อง ถึงจะบอกครัวแต่เขาก็ไม่เคยทำอะไรกินเลยของที่ใช้บ่อยที่สุดก็คงเป็น

ไมโครเวฟและเครื่องทำกาแฟมากกว่า มือหนากดลงไปปุ่มเครื่องทำกาแฟอัตโนมัติไม่นานเมล็ดกาแฟคั่วก็ถูกบดผสมกับน้ำร้อน

ไหลลงมาในแก้ว กลิ่นกาแฟหอมอบอวนไปทั่วครัวจนทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ธีรภัทรหยิบนมสดจากตู้เย็นเติมลงไปในกาแฟเล็ก

น้อยเพื่อไม่ให้รสชาติเข้มเกินไปและเติมน้ำตาลทรายแดงเพิ่มรสหวานนุ่มๆให้กาแฟ 

   เสียงนักข่าวสาวจากโทรทัศน์ดังมาจากห้องรับแขกกำลังรายงานข่าวเช้าประจำวัน ธีรภัทรกำลังจิบกาแฟในถ้วยส่วนมืออีก

ข้างกำลังเลื่อนดูข่าวผ่านไอแพด อ่านได้สักพักก็ต้องหยุดเพราะดูตารางงานแล้ววันนี้มีประชุม วางกาแฟที่เหลือครึ่งถ้วยลงแล้ว

เดินเข้าไปห้องน้ำทำธุระส่วนตัว กลับออกหน้ากระจกเงาก็มีภาพชายหนุ่มรูปหล่อร่างสูงยืนติดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีครีมอ่อนอยู่ ชาย

หนุ่มสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองอีกครั้งแล้วไม่ลืมหยิบสูทที่ใส่วันนี้ออกมา

   ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงรถยุโรปคันหรูเลี้ยวเข้ามาจอดที่ลานจอดรถของบริษัทเทแอร์เพ ตึกสูงสี่ชั้นรูปแบบโมเดิลแปลกตา

ร่างสูงเดินเข้าไปด้านในตึกมีพนักงานหลายคนเข้าทักทายเหมือนเช่นทุกวัน ขึ้นมาถึงชั้นบนมือหนาผลักประตูเข้าในห้องทำงาน

ส่วนตัว เขาวางกระเป๋าเอกสารลงบนโต๊ะทำงานมองดูแฟ้มเอกสารที่ลงชื่อหลายเล่ม มองนาฬิกาบนโต๊ะเหลือเวลาอีกเกือบ

ชั่วโมงจะถึงเวลาประชุมประจำเดือนของบริษัท

ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูหน้าห้องไม่ต้องรอให้เขาบอกชายหนุ่มในชุดสุภาพสวมแว่นสายตาเดินเข้ามาในห้องพร้อมถือเอกสาร
ในมือ

“สวัสดีครับดีตอนเช้าครับพี่ธีร์”เบสทักทายเจ้านายที่มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้อง

“สวัสดี วันนี้ประชุมมีหัวข้ออะไรบ้าง”

“เรื่องเกี่ยวกับสำรวจตลาดของผู้บริโภค ความคืบหน้าวางแผนของผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ ของแผนกการตลาด รับสมัครพนักงานใหม่

ของแผนกบุคคล อ้ออีกเรื่องครับมีนักศึกษามหาวิทยาลัย A คณะเศรษฐศาสตร์สองคนส่งจดหมายมาขอฝึกงาน”

“สองคนหรอ ให้ฝ่ายบุคคลรับเรื่องไว้แล้วกัน”ธีรภัทรนั่งฟังเลขาแจ้งหัวข้อประชุมไปด้วยลงชื่อเอกสารในแฟ้มไปด้วย

“ครับ แล้วก็มีเรื่อง.......”คุณเลขาหนุ่มรายงานหัวข้อประชุมให้เจ้านายฟังทีละเรื่องก่อนเข้าประชุม หลังจากรับทราบหัวข้อประชุม

เลขาหนุ่มขอตัวกลับไปทำงาน ส่วนธีรภัทรก็นั่งทำงานของตัวเองต่อไป ไม่นานก็ถึงเวลาประชุมหัวหน้าและตัวแทนของแต่แผนก

ก็เข้าไปนั่งรอในห้องประชุม ประธานบริษัทนั่งลงประจำที่ การประชุมประจำเดือนก็เริ่มขึ้น

   แผนกการตลาดกำลังสรุปผลสำรวจตลาดบนจอโปรเจกเตอร์ ต่อมาแสดงความคืบหน้าของผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ “ช่วงเวลาที่

สินค้าของเราจะออกวางจำหน่าย จะมีสินค้าของบริษัทคู่แข็งออกมาไล่เลี่ยกัน”กิตหัวหน้าแผนกการตลาดแจ้งให้ที่ประชุมทราบ

“อืม ผมเห็นแล้วบริษัทACB ก็กำลังจะเปิดตัวสินค้าตัวใหม่อีกสามเดือนข้างหน้า แต่ไม่น่าจะมีปัญหาเพราะของเราเป็นมันฝรั่ง

รสชาติใหม่กับเครื่องดื่ม แต่เราอาจจะชะลอการออกเครื่องดื่มไว้ก่อน เพราะมีบริษัทต่างชาติสนใจร่วมทุนกับเรา ส่วนเรื่องราย

ละเอียดนั้นผมยังไม่ได้รับแจ้งมาถ้ายังผมจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งเมื่อทราบรายละเอียดที่ชัดเจนอีกที”ธีรภัทรแจ้งให้ทุกคนในที่

ประชุมทราบ ถึงจะพูดไปอย่างนั้นเขาได้ปฏิเสธการร่วมลงทุนจากต่างชาติมาหลายราย และไม่พร้อมที่จะเข้าตลาดหุ้น ถึงที่นี่จะ

เป็นบริษัทไม่ใหญ่มากเปิดมาไม่กี่ปีแต่ผลประกอบการก็ดีขึ้นเรื่อยและสามมารถแย่งส่วนแบ่งการตลาดอันดับมาสองมาครอง แต่

กว่าจะมาถึงจุดนี้เขาต้องผ่านอะไรมาเยอะเหมือนกัน พนักงานในบริษัทส่วนใหญ่เข้าทำงานมาตั้งแต่ที่เริ่มเปิดบริษัทใช้ทุนจด

ทะเบียนจากพ่อไม่กี่ล้าน เพิ่มจำนวนพนักงานขึ้น ย้ายออฟฟิตในตึกสูงที่ต้องเช่ารายปีจนมีตึกเป็นของตนเอง

“ตอนนี้ทางเรากำลังสำรวจความต้องของผู้บริโภค ส่วนฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์กำลังเร่งมือทำไม่เกินสามสี่เดือนเราหน้าจะทำเรื่อง

ออกจำหน่ายได้”ทุกคนในที่ประชุมรับทราบและอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในเอกสารที่แผนกเลขาฯแจกให้ หัวข้อประชุมหนึ่งจบ

ลงเปลี่ยนเป็นเรื่องต่อไป

“แผนกบุคคลขอแจ้งเรื่องรับนักศึกษาฝึกงาน สองคนค่ะ”

“ถ้าเป็นผู้หญิงแผนกผมรับถ้าไม่ใช่เอาไปที่อื่น”กิตพูดแทรกขึ้นอย่างไม่เกรงใจเพราะตอนนี้ในห้องเปลี่ยนอารมณ์เป็นผ่อนคลาย

กันมากขึ้น ถึงกิตพูดมาอย่างนั้นทุกคนในที่ประชุมรู้ว่ากิตพูดเล่น

“งั้นก็ต้องเสียใจกับคุณกิตด้วยคะเพราะน้องเป็นผู้ชายทั้งคู่”แอ๋วหัวหน้าแผนกบุคคลบอกให้กิตทราบ การประชุมค่อยๆดำเนินไป

เรื่อยๆ ในที่สุดการประชุมเกือบสามชั่วโมงก็จบลง ทุกคนต่างทยอยเดินออกมาจากห้องด้วยท่าทางอ่อนเพลียเหมือนถูกดูด

วิญญาณไป

ธีรภัทรกลับเข้าห้องทำงาน กินข้าวเที่ยงที่เลยเวลาเกือบชั่วโมงโดยมีเบสเลขาและกิตหัวหน้าแผนกการตลาดนั่งกินเป็นเพื่อน

กับข้าวมื้อเที่ยงง่ายๆจัดวางบนโต๊ะกลาง กระเพราทะเลรวม พะแนงหมู ต้มยำซี่โครงกระดูกอ่อน พร้อมข้าวสวย อาหารง่ายๆกับ

บรรยายที่เป็นกันเองทำให้กับข้าวมื้อเที่ยงอร่อยยิ่งขึ้น

“พี่ธีร์ดูเพลียนะครับ”เบสทักพี่ชายที่ใบหน้ามีร่องรอยความเหนื่อยล้าปรากฏอยู่บนใบหน้าจนน่าเป็นห่วงเพราะพี่ชายเขาชอบ

ทำงานหนักจนไม่มีเวลาดูแลตัวเองเข้าใจว่างานก็สำคัญ แต่ก็น่าหาความสุขให้ตัวเองบ้าง บางทีพี่ชายเขาน่าจะหาแฟนสักคน

“เมื่อคืนนั่งทำงานเพลินไปหน่อย”ต้องบอกว่าทำงานจนลืมเวลาซะมากกว่า มันเป็นหนึ่งในนิสัยเสียของเขา

“แกจะร่วมทุนกับต่างชาติจริงๆหรอ”กิตหัวหน้าแผนกการตลาดและเป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่วัยเด็กถามชายหนุ่มอีกครั้งเพื่อความ

แน่ใจ ไม่ว่าเพื่อนจะตัดสินใจยังไงเขาก็แค่มีหน้าสนับสนุนเท่านั้น

“ไม่หรอกฉันกำลังศึกษาช่องทางขยายตลาด และก็คุณวินัยมาเสนอขายหุ้นบริษัทHappy Mall”คำตองของร่างสูงทำให้ในห้อง
เงียบลง

“ถ้าอย่างนั้นHappy Mall ก็มีปัญหาจริงตามที่ได้ยินข่าวมา”กิตไม่แปลกใจเท่าไหร่เพราะตั้งแต่ที่เปลี่ยนมือผู้บริหาร บริษัทก็เริ่มมี

ปัญหาเรื่อยๆถึงจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่ก็ทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นได้ไม่น้อย แต่ก็ไม่น่าถึงกับปล่อยหุ้นเลย

“ฉันก็ไม่แน่ใจปัญหาว่ามันเป็นปัจจัยภายในหรือภายนอก แต่คุณวินัยบอกHappy Mall กำลังจะเปลี่ยนผู้บริหารคนใหม่ มีแนวโน้ม

ว่าหุ้นจะร่วงลงอีก”

“อืม อย่างนี้อาจจะมีผลกระทบกับเราอยู่บ้างถ้าสินค้าเราไม่ได้วางที่Happy Mall”นักการตลาดหนุ่มขมวดคิ้วหนักใจขึ้นมาเมื่อ

คิดถึงปัญหาจะตามมาในอนาคต เห็นทีต้องเตรียมรับมือ

“นี่...เวลากินข้าวเวลาพักนะครับ พวกพี่เลิกคุยเรื่องชวนปวดหัวซักที คุยซะผมเริ่มเครียดไปด้วย”เบสโวยวายขึ้นเพราะพี่ชายทั้ง

สองทำหน้าเครียดจนเขากินข้าวไม่ลง

“โห กินข้าวไม่ลงแต่เรากินคนสองจานเลยนะ

“ก็มันหิวนี่นา พี่ธีร์ตอนบ่ายไม่มีอะไรกลับไปพักผ่อนเถอะครับ ส่วนพี่กิตวันนี้ต้องออกมาไปพบลูกค้าไม่ใช่หรอมัวนั่งทำอะไรอยู่”

“เออ ใช่ถ้างั้นไปเลยแล้วกัน ขอบใจสำหรับข้าวเที่ยงนะเบสพี่รอดตายไปอีกวัน”

“ครับ รวยจะตายไม่รู้เก็บเงินไว้ทำไม”

“ส่วนเรื่อง Happy mall เดี๋ยวฉันจะสืบมาให้”

“ขอบใจ”


   หลังมื้อเที่ยงธีรภัทรนั่งเคลียเอกสารสักครู่แต่ก็โดนความง่วงเข้าโจมตีทำให้ต้องตัดสินกลับไปพัก เดินออกมาจากตึกรู้สึก

อยากดื่มกาแฟ สองเท้าไม่รอช้าเดินไปที่ร้าน chicken café ที่อยู่ห่างบริษัทพอสมควร เมื่อเข้าไปข้างในมองหามุมกาแฟที่เบส

แนะนำว่าที่นี่มีกาแฟรสชาติดี

“สวัสดีครับ chicken café ยินดีต้อนรับครับ”เทนนิสทักทายลูกค้า แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าลูกค้าเป็นใคร

ร่างสูงเลิกคิ้วแปลกใจไม่แพ้กันเมื่อเห็นใบหน้าคนที่กำลังยิ้มทักทายเขาอยู่ ตอนแรกยังคิดว่าพี่ชายข้างบ้านของเด็กๆเป็น

พนักงานส่งไก่แต่วันนี้กลับกลายเป็นพนักงานขายกาแฟไปแล้ว“สวัสดีครับ ผมอยากได้กาแฟร้อนสักแก้วดื่มที่นี่ แต่ยังไม่เคยดื่ม

ของที่นี่มาก่อน”

“ผมขออนุญาตแนะนำนะครับ ปกติลูกค้าชอบดื่มกาแฟแบบเข้มหรือนุ่มๆครับ”เทนนิสให้คำแนะนำลูกค้าอย่างชำนาญพร้อมรอย

ยิ้มที่เป็นธรรมชาติประดับอยู่บนใบหน้า

“แบบนุ่มๆดีกว่าผมกลัวนอนไม่หลับ”

“ไม่ต้องกังวลนะครับกาแฟของเราเป็นกาแฟอาราบีกาที่คาเฟอีนแค่ 1%”

อืม น่าสนใจคาเฟอีนต่ำด้วย“ครับ”

“ถ้าชอบแบบรสชาตินุ่มๆผมขอแนะนำเป็น ลาเต้ คาราเมลแมคคีอาโต้หรือมอคค่า”

“ผมขอเป็น ลาเต้ร้อน size M ดื่มที่ร้านดีกว่า”ชายหนุ่มรู้สึกสนใจอยากดื่มกาแฟสัมผัสบรรยากาศในร้านที่ตกแต่งได้น่านั่ง

“ครับ รับช็อคโกแลต มัฟฟินทานคู่กับกาแฟไหมครับ”

“เอาไว้โอกาสหน้าดีกว่าครับ”ชายหนุ่มปฏิเสธเพราะเขายังรู้สึกอิ่มจากมื้อเที่ยงอยู่

“ลูกค้ารับเป็นลาเต้ร้อน size M ดื่มที่ร้าน ทั้งหมดราคา 110 บาทครับ”เทนนิสรับเงินจากลูกค้าแล้วยื่นเงินพร้อมใบเสร็จให้ลูกค้า

เขาเทกาแฟจากแก้วช็อตลงในถ้วนเซรามิคสีขาวตามด้วยนมสดที่ผ่านการสตรีม วางบนถาดเสิร์ฟพร้อมน้ำตาลทรายแดงให้

ลูกค้าที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะ

“ขออนุญาตเสิร์ฟครับ”

“ขอบคุณครับ ผมไม่รู้ว่าคุณทำงานที่นี่ เพราะก่อนหน้านี้ผมยังเห็นคุณส่งไก่อยู่เลย”

“ปกติผมจะทำงานพิเศษที่ร้านกาแฟพอดีวันนั้นคนไม่พอ”

มือหนายกกาแฟขึ้นจิบรู้สึกถึงรสชาติที่แตกต่างจากที่อื่น“อืม กาแฟอร่อยมากครับ”

คนถูกชมยิ้มแก้มปริกับคำชมง่ายๆ“ขอบคุณครับ ผมขอตัวนะครับ”

เทนนิสเดินกลับมาหลังเคาเตอร์ ปลากำลังเปิดดูวีโอที่บันทึกการชงกาแฟของเขาไว้ดู ที่จริงมันผิดระเบียบแต่ปลาถ่ายให้เห็นแค่

มือ แล้วขณะที่ถ่ายเธอก็หลบกล้องวงจรปิดของร้าน

“พี่เทนนิสลูกค้าคนเมื่อกี้หล่อมากเลย ปลาชอบ”หญิงสาวแอบมองไปที่ลูกค้าหน้าหล่อกำลังนั่งดื่มกาแฟ

“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังร้านแล้วไปขอเบอร์เขาสิ นั่นเขากำลังเล่นไอแพ็ดรอให้เราไปขอเบอร์อยู่”ชายหนุ่มรีบแนะนำรุ่นน้องที่

แสดงว่าชอบอย่างชัดเจน

“บ้าพี่เทนนิส ปลาชอบแบบเวลาเห็นเขาคุยกับพี่เทนนิสแล้วดูสนิทกันดีรู้จักกันหรอคะ”จะบอกว่าเธอกำลังแอบจิ้นก็กลัวรุ่นพี่ดุ

เอาเลยต้องตอบแบบเลี่ยงๆ

“นั่นๆพี่ลูกค้าสุดหล่อไปแล้ว น่าจะอยู่ให้เป็นกำลังใจทำงานนานกว่านี้”

“เขาคงรำคาญที่ปลาไปมองเขาบ่อยเกินไปไง เอาเถอะเรามาเรียนต่อดีกว่าตอนนี้ลูกค้ายังไม่มี เคยลองใช้เครื่องสั่งอาหารยัง”

“ยังค่ะ”

“งั้นมาดูกัน เครื่องนี้จะเหมือนร้านใหญ่ทุกอย่าง”มือเรียวไล่กดลงปุ่มเมนูต่างให้รุ่นน้องดู

“แต่ของเราจะเป็นเมนูตรงนี้ ก่อนอื่นเราต้องถามลูกค้าก่อนว่าจะดื่มที่ร้านที่กลับบ้าน ระบบจะแยกให้เราชัดเจน ถ้าดื่มที่ร้านเลือก

เป็นเครื่องดื่มร้อนจะเป็นรูปถ้วยกาแฟร้อน กดเข้าไปจะเป็นชนิดของเครื่องดื่ม และก็จะมีขนาดสามขนาดให้เลือกพร้อมกับราคา

ถ้าลูกค้าสั่งอย่างเดียวก็กดรวมได้เลยแต่ถ้าลูกค้าเลือกขนมหรือเครื่องดื่มเพิ่มเราก็กดเข้าเครื่องดื่ม”ชายหนุ่มกำลังสอนวิธีใช้

เครื่องสั่งเครื่องดื่มให้รุ่นน้อง

“ค่ะ แล้วถ้าโปรโมชั่นแบบเพิ่มไซรัปหรือไม่เอาวิปครีมละคะ”

“อันนั้นจะแยกออกมาอีกเมนู ปลาลงกดออกไปที่เมนูตั้งแต่แรกก็จะเจอ” พอกดเข้าไปเรื่อยเธอก็เจอตามที่รุ่นพี่บอก

“ปลาลองกดเล่นไปก่อนจะได้คุ้นเคยเดี๋ยวพี่ไปหยิบไม้มาถูพื้น”เทนนิสมองดูพื้นที่เริ่มมีรอยรองเท้าเต็มพื้น เขาเดินเข้าไปหลัง

ร้านหยิบมาถูพื้นกลับมาถูพื้น จากนั้นเดินไปเช็ดโต๊ะเก็บถ้วยกาแฟเข้าเครื่องล้างถ้วยอัตโนมัติ



   ช่วงบ่ายของกลางสัปดาห์นักศึกษาในห้องกำลังตั้งใจฟังอาจารย์สอนอยู่หน้าห้องผ่านไปแล้วเกือบสองชั่วโมง บางคน

กำลังหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นเกมส์ คุยออนไลน์แก้เบื่อ อากาศข้างนอกร้อนอบอ้าวเหมือนฝนกำลังตกเมฆสีดำบนฟ้ายังลอยต่ำ

ลงเรื่อยๆ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเหลียวมองออกไปหน้าต่างใบไม้ปลิวไปตามแรงลม ฝนกำลังจะตกแล้วหรอเนี่ย

“นี่เทนนิสงานที่อาจารย์ส่งคืนมาได้คะแนนเท่าไหร่ เอามาดูหน่อย”เหรียญสิบสกิตเรียกคนที่กำลังใจลอยมองออกไปนอกห้อง

“ไม่รู้เหมือนกันยังไม่ได้ดูเลย”ตอบเพื่อนด้วยท่าทางขี้เกียจแล้วยื่นงานที่อาจารย์ส่งคืนให้เพื่อน

“โห เกือบเต็มเลยทำไมของฉันได้คะแนนแค่นิดเดียว ทำไมพวกแกได้คะแนนเยอะกว่าฉัน”

“อ้าวแล้วพวกนายได้คะแนนไม่เท่ากันหรอ”เทนนิสมองคะแนนตัวสีแดงถูกวงกลมไว้บนกระดาษแผ่นแรกของทุกคนอย่างแปลก
ใจ

“เออดิ ฉันได้คะแนนน้อยที่สุด”เหรียญสิบบ่นน้อยใจที่คะแนนตัวเองได้น้อยที่สุด 

“งานเดี่ยวมีแค่ไม่กี่ชิ้นเองที่เหลืองานกลุ่มทั้งนั้นไม่ต้องกังวลไปหรอกน่า”วีร์ให้กำลังเพื่อนที่ทำหน้าตาไม่พอใจ

“ห้าว แล้วเมื่อไหร่จะหมดชั่วโมงสักทีง่วงแล้วนะ แต่ดูเหมือนว่าข้างนอกฝนตกแล้วด้วยคงยังไปไหนไม่ได้”

“ตกซะแล้ว อากาศอย่างนี้น่าจะกลับไปนอนที่สุด”เทนนิสกำลังคิดถึงที่นอนนุ่มๆ

   ฝนตกลงมาเกือบชั่วโมงยังไม่มีท่าทางจะหยุดถึงแม้จะซาลงบ้าง หลังหมดชั่วโมงเรียนเพื่อนๆต่างแยกย้ายกลับส่วนวีร์พี่

ปาลภัทรมารับไปทำธุระ ปล่อยให้เทนนิสยืนรอให้ฝนหยุดในโรงอาหาร ไม่ว่าธุระอะไรแต่รู้สึกเหมือนพี่ปาลกำลังแย่งเพื่อนสนิท

ของเขาไปแต่ก็ช่างเถอะ ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีแต่เขาที่มาอาศัยโรงอาหารหลบฝน มีคู่รักกำลังนั่งพูดคุยกันอยู่ไม่ไกลมากนักทั้ง

สองคนพูดไปยิ้มไปหัวเราะไปทำให้เขาต้องเบือนหน้าหนีด้วยความรู้สึกอิจฉา แต่ก็สายตาหลายคู่มองมาที่เขาบ้าง รึพวกนั้นจะ

รู้จักเขาเหมือนพี่ๆที่เขาไปส่งไก่ มือขาวหยิบหูฟังออกมาจากกระเป๋าสะพายแล้วเปิดเพลงบนมือถือฟังฆ่าเวลา ส่วนสายตามอง

ไปบนท้องฟ้าสีหม่น ไฟฟ้าในโรงอาหารเปิดขึ้นพร้อมกับบริเวณรอบๆ


ครืน ครืน มีสายเรียกเข้าทำให้เพลงที่กำลังฟังต้องหยุด“ครับ เทนนิสพูดครับ”

“พี่ปืนนะกลับบ้านรึยัง”

“ยังครับผมติดพี่ฝนอยู่ไปไหนไม่ได้ พี่ปืนมาหน่อยซิ”

“ได้สิ เดี๋ยวพี่ไปรับ”

“จริงดิ ผมแค่พูดเล่น”

“รอพี่ก่อน สามนาทีน่าจะถึงไปหาอะไรกินด้วย”

“เอ่อ อ้อ ครับ”ปลายสายวางไปแล้วหน้าจอโทรศัพท์กลับมาเป็นเสียงเพลงเหมือนเดิม อีกฝ่ายก็ยังเหมือนเดิมเป็นพี่ชายที่แสนดี

ดูแลเขามาตั้งแต่เด็กจนเขาโตก็ยังดูแลเขาเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคำขอร้องครั้งสุดท้ายของพ่อกับแม่ที่ขอร้องให้พี่ปืนดูแล

เขารึเปล่า รึเป็นความรู้สึกผิดอยากชดเชยให้ใครบางคนที่ทำกับครอบครัวกันแน่ แต่ไม่ว่าเพราะอะไรเขาก็ต้องขอบคุณพี่ชายคนนี้

ที่ดูแลเขามาตลอด


                                                                มีต่อข้างล่าง
หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 4] 11/11/2559
เริ่มหัวข้อโดย: jaengsRU ที่ 11-11-2016 09:32:17


                                                                        ต่อจากข้างบน

                   ออกจากมหาวิทยาลัยขับผ่านถนนเส้นหลักที่ยังมีรถติดเพราะทัศนวิสัยไม่ค่อยดี ที่ปัดน้ำฝนขยับโยกไปซ้ายทีขวา

ทีสลับไปมาเป็นจังหวะช้าๆ อากาศข้างนอกเย็นกว่าข้างในรถจนกระจกเริ่มเป็นฝ้า รถยนต์บนท้องถนนยังค่อยๆขยับต่อท้ายกันไป

เทนนิสเริ่มรู้สึกง่วงเพลงจังหวะฟังสบายในรถก็ดังขึ้น

“ปีสามแล้วหาที่ฝึกงานได้รึยัง”ปืนเห็นน้องชายทำท่าเหมือนตาจะปิดก็เริ่มชวนคุย

“ไม่ต้องห่วงคนมีความสามรถที่ไหนก็อยากรับเข้าฝึกงานทั้งนั้น”ชายหนุ่มพูดแล้วยิ้มให้พี่ชายที่ถามด้วยความเป็นห่วง

“นั่นซินะทำไมจะไม่รู้ว่าน้องชายของพี่เรียนเก่ง มีความสามรถแค่ไหน”

“มีอะไรรึเปล่าหน้าพี่ปืนดูเหมือนมีอะไรสบายใจเลย”เทนนิสถามคนขับที่เงียบลงพร้อมมีสีหน้าเหมือนกำลังมีเรื่องไม่สบายใจอยู่

“นิดหน่อย”ปฏิเสธออกไปก็ไม่ยังอดถอนหายใจไม่ได้

“มีเรื่องอะไรก็เล่าให้น้องชายคนนี้ฟังได้นะ ไม่คิดค่าปรึกษา”เขาคิดว่าไม่ใช่เรื่องเล็กที่อยู่ดีพี่ชายเขาต้องกลับมาเมืองไทย แล้ว

ต้องเข้าไปงานในบริษัทที่มีข่าวออกมาว่ากำลังมีปัญหา

“อืม เราได้ยินข่าวใช่ไหมว่า Happy Mall มีปัญหา”ชายหนุ่มหันหน้าไปถามคนนั่งข้างๆ

“ครับ”คนฟังตอบรับด้วยเสียงแข็ง ดวงตาสีน้ำตาลเข้มฉายแววฉายความเบื่อหน่ายออกมาอย่างชัดเจนพร้อมกับเบือนหน้าหนีมอง

ออกไปนอกกระจกที่มีหยดน้ำฝนเกาะอยู่เต็ม

“คุณพ่อเรียกพี่กลับมาจะให้พี่ขึ้นบริหารงานต่อจากท่าน”

คำพูดของพี่ชายทำให้เขาต้องเลิกคิ้วขึ้น“หึ หึ ผมไม่แปลกใจหรอกครับ แต่ดูเหมือนพี่จะเจอเรื่องลำบากใจน่าดู”

“ผู้ถือหุ้นรายใหญ่หลายคนกำลังจะปล่อยหุ้นในมือ ทำให้บริษัทมีปัญหานิดหน่อย”

“ปล่อยไปหุ้นแค่ไม่กี่เปอร์เซ็นไม่เป็นไรหรอกครับ ในเมื่อหุ้นส่วนใหญ่อยู่ในมือคนคนนั้น และผมเชื่อว่าพี่จะแก้ปัญหาได้ เพราะพี่

ชายของผมเก่งถ้ามีอะไรที่ผมช่วยได้ก็บอกได้”

“ขอบใจนะ”

“ช่างเถอะผมหิวข้าวแล้วแวะหาอะไรกินกันก่อน ไปกินต้มยำกุ้งดีกว่า”

ชายหนุ่มยิ้มเป็นคำตอบเหมือนน้องชายของเขายังจำได้ว่าเขาชอบกินต้มยำกุ้ง นานแล้วที่ไม่ได้กิน อยู่ที่โน่นกินแต่นมแต่ชีส


   เสียงเพลงดังอึกทึกเป็นจังหวะพร้อมแสงสว่างสลัว เหล่านักท่องราตรีกำลังโยกย้ายไปตามเสียงดนตรี ดีเจหนุ่มหล่อสาว

สวยขึ้นสลับสับเปลี่ยนเปิดเพลงมอบความสนุกให้หนุ่มสาวที่สนุกจนไม่สนว่าใครเป็นใคร เหล่าบริกรเดินเสิร์ฟเครื่องดื่มแอลกอ

ฮอลให้ลูกค้าที่ดื่มอย่าไม่กลัวเมาเพราะยิ่งดื่มยิ่งกระตุ้นให้สนุกกับเสียงเพลงมากขึ้น

“แพรแกเป็นอะไร ฉันพามาเที่ยวไม่ได้มานั่งหน้าเศร้า”ปรีญารัตนสาวสวยในชุดเกาะอกสีดำถามเพื่อนสนิท

แพรยกเครื่องดื่มในแก้วขึ้นดื่มแล้วมองหน้าเพื่อนสนิทที่กำลังโยกย้ายไปตามเสียงดนตรี ส่วนมือข้างหนึ่งก็ถือเครื่องดื่มไป

ด้วย“เฮ้อ ก็พี่ปืนไม่สนใจฉันเลยไม่รู้จะทำยังไงดี”เธอชอบพี่ชายของเพื่อนตั้งแต่ที่ได้เจอครั้งแรกเมื่อหลายเดือนก่อนแต่อีกฝ่าย

กลับไม่สนใจ

“เอาน่าเชื่อมือฉันเดี๋ยวฉันช่วยแกเอง ยังไงพี่ชายฉันก็ไม่มีทางหลุดจากมือแกไปได้ มาสนุกกันดีกว่า”

“อืม ก็ได้”หญิงสาวเดินตามเพื่อนไป เครียดไปก็ช่วยอะไรไม่ได้ ชั่วโมงนี้ขอสนุกก่อนแล้วกัน

“ต้องอย่างนี้สิ พี่สะใภ้”

“ย่ะ”สาวสวยทั้งสองออกไปสนุก จนสายตาของปรีญารัตนมองไปที่โต๊ะ VIP เห็นชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งกำลังนั่งดื่มกับเพื่อน

ด้วยท่าทางเรียบเฉย ทำให้เธอสนใจอยากเข้าไปทำความรู้จัก นาทีนั้นเธอตัดสินใจดึงเพื่อนเดินผ่านนักเต้นคนอื่นมาที่โต๊ะของ

ชายหนุ่มที่เธอสนใจ แพรอยากถามเพื่อนว่าจะพาเธอไปที่ไหนจนเพื่อนของเธอหยุดที่บริเวณโซน VIP มีชายหนุ่มสี่คนกำลังนั่ง

ดื่มเธอก็สามารถเดาความต้องการของเพื่อนได้

“สวัสดีค่ะ”เสียงหวานๆของหญิงสาวดังขึ้นทำให้ชายหนุ่มทั้งสี่คนต้องหันไปมอง สาวสวยในชุดเกาะอกสองคนยืนยิ้มให้พวกเขา
อยู่

“สวัสดีครับ”ทนาทักทายสองสาวสวยที่เดินเข้ามาทักทาย แต่สายตาของหญิงสาวกำลังมองไปธีรภัทรเพื่อนของเขาอย่างเปิด

เผยจนเขาต้องหลีกทางให้ ปรัชได้หัวเราะเบาๆที่ชายหนุ่มอย่างทนาถูกเมิน นับว่าผู้หญิงคนนี้สายตาดีที่เลือกสนใจธีรภัทรไม่ใช่
ทนา

“ขอเปรียวกับเพื่อนนั่งดื่มด้วยคนได้ไหมคะ”

“เชิญครับ”กิตรีบเชิญสาวสวยทั้งสองคน ปรีญารัตนเลือกนั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกับชายหนุ่มที่เธอหมายตา แพรเลือกนั่งที่ว่างที่

เหลืออยู่ข้างๆกิตอย่างเกรงใจ

“มาเที่ยวไม่สนุกหรอคะ สนใจออกไปสนุกกับเปรียวไหมคะ”หญิงสาวถามชายหนุ่มที่นั่งเงียบไม่สนใจเธอ แต่เรื่องอะไรเธอจะ

ปล่อยไปเมื่อเธอสนใจแล้ว กิตมองหญิงสาวที่แสดงความสนใจเพื่อนเขาอย่างชัดเจนก็รู้สึกเสียดายเพราะเพื่อนเขาใช้ความหล่อ

ไม่คุ้ม เมื่อก่อนเห็นมันเอาแต่เรียนกับทำกิจกรรม ถึงอย่างนั้นก็มีสาวๆเข้ามาไม่เคยขาด แต่ก็ไม่เคยเห็นเพื่อนคบใครเป็นตัวเป็น

ตนสักคน พอเรียนจบก็ไปเรียนต่อเมืองนอก กลับมานึกว่าจะหนีบแฟนแหม่มกลับมาแต่กลับเป็นโปรเจคชวนเพื่อนมาช่วยทำ

บริษัทของมันตั้งแต่นั้นก็เห็นมันทำแต่งาน ส่วนคืนนี้ก็กว่าจะลากออกมาจากคอนโดได้ก็แทบแย่ ตั้งแต่ที่พวกเขาเข้ามาในร้านก็มี

สาวๆหนุ่มเทียวมาจีบส่วนเพื่อนเขาก็ยังนั่งนิ่งไม่สนใจใครสักคน ดูเหมือนว่ารายนี้จะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ

“เปรียวค่ะ คุณชื่ออะไรคะ”หญิงสาวแนะนำตัวเองอีกครั้ง

“ธีรภัทรครับ”ชายหนุ่มแนะนำตัวพอเป็นมารยาท แต่ไม่ได้รู้สึกชอบผู้หญิงนั่งหวานยิ้มแววตาแสดงออกว่าอยากจะขย้ำเขาซะเต็ม

ประดา ถ้าน้องสาวเขาแต่งตัวออกมาเที่ยวกลางคืนและเข้าหาผู้ชายอย่างนี้เขาคงต้องเป็นห่วงไม่น้อย ธีรภัทรหันไปมองเพื่อนทั้ง

สามคนกำลังหัวเราะเห็นเขาลำบากใจเป็นเรื่องสนุกโดยเฉพาะกิตที่ลากเขาออกมาดื่มคืนนี้

“คุณธีรภัทรมาเที่ยวที่นี่บ่อยไหมคะ”

“ไม่บ่อยครับ ผมไม่ชอบค่อยมีเวลาออกมาเที่ยวกลางคืนเท่าไหร่ ถ้ายังไงผมขอตัวก่อนคนรักโทรตามแล้วด้วย”ธีรภัทรรู้สึกไม่

ชอบใจเมื่อถูกหญิงสาววางมือไว้บนหน้าขาแล้วลูบไปมา เขาจึงต้องโกหกว่ามีคนรักแล้วและเป็นการปฏิเสธที่สุภาพ

“เฮ้ย แกจะกลับแล้วหรอ”กิตกำลังสนุกที่เห็นสีหน้าลำบากใจของเพื่อนอยู่เลย แล้วอีกอย่างนี่ก็ยังไม่ดึกเลย

“อืม พรุ่งนี้ยังมีงาน ทนา ปรัชกลับก่อนแล้วเจอกัน”บอกเพื่อนแล้วรีบออกไปจากร้าน

“เอ่อ คุณธีรภัทรคะ”หญิงสาวกำลังจะตามไปถูกมือหนาของทนารั้งตั้งแขนไว้ เธอจึงต้องนั่งลงที่เดิมแต่สายตายังชะเง้อมองตาม
ธีรถัทร

“คุยกับไอ้ธีร์จะไปสนุกอะไร คุยกับพวกผมดีกว่า ผมชื่อ ทนา นี่ปรัช แล้วนั่นกิต”ทนารีบดึงความสนใจหญิงสาวไว้ไม่ให้ตามเพื่อน

ของเขาไป ถึงจะยากให้เพื่อนมีช่วงชีวิตที่ผ่อนคลายเหมือนคนปกติแต่ธีรภัทรก็ดีเกินไปไม่เหมาะกับผู้หญิงที่แสดงความต้องการ

ที่ชัดเจนจรเกินพอดี ถึงขนาดที่ทำให้ธีรภัทรคนที่มีความอดทนสูงเดินหนีไปได้โดยไม่หันหลังกลับความรู้สึกของเขาบอกว่าผู้

หญิงคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว

“เปรียวค่ะ นั่นแพรเพื่อนฉันยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”หญิงแนะนำตัวเองแต่ในใจยังรู้สึกหงุดหงิดถูกผู้ชายที่เธอหมายตาปฏิเสธ ไม่พอยัง

เดินหนีเธอเหมือนเธอเป็นเชื้อโรคน่ารังเกียจ แล้วไหนจะเพื่อนๆที่คอยกันท่าไม่เธอตามไปนี่อีก คอยดูเถอะเธอจะตามจับเทพ

บุตรของเธอให้ได้


   สนามบาสเกตบอลคณะเศรษฐศาสตร์ข้างโรงอาหารช่วงเย็นจะมีนักศึกษามาเล่นบาสเกตบอล วันนี้ก็เช่นกันนักศึกษา

จำนวนหนึ่งถูกแบ่งออกเป็นสองฝ่ายกำลังแข่งกันยื้อแย่งลูกบาสเพื่อนำไปชู๊ตลงห่วงของอีกฝ่าย เมื่อฝ่ายหนึ่งถือครองบอลอีก

ฝ่ายหนึ่งต้องทำหน้าที่ตั้งรับป้องกันและหาวิธียื้อแย้งลูกบอลกลับคืนมา ทั้งสองฝ่ายยื้อแย้งอยู่ไม่นานเสียงลูกบอลกระทบแป้นก็

ดังขึ้นพร้อมกับเสียงเชียร์รอบๆสนาม ทำให้คนที่นั่งอยู่ม้าหินอ่อนริมสนามละสายตาจากรายงานที่เขาและเพื่อนกำลังช่วยกันทำ

มองเข้าไปในสนามด้วยความสงสัยว่าใครที่กำลังเรียกเสียงกรี๊ดจากสาวๆได้ขนน่าอิจฉา

“เทนนิส”เสียงเรียกดังมาจากในสนามทำให้เขาสอดส่ายสายตาหาคนที่ตะโกนเรียก จนเห็นพี่เป้พี่รหัสวิ่งเหงื่อชุ่มออกมาจาก

สนามตรงมาหาเขาที่โต๊ะ

“สวัสดีพี่เป้ เล่นบาสหรอพี่”เทนนิสทักทายพี่รหัสที่ช่วงนี้ไม่ค่อยมีโอกาสได้เจอ

เป้นั่งลงบนม้าหินอ่อนฝั่งตรงข้ามรุ่นน้อง มองบนโต๊ะมีหนังสือวางอยู่หลายเล่มรวมถึงกระเป๋าสะพายหลายใบ“หวัดดี คลายเครียด

แล้วทำไมได้มานั่งคนเดียวเพื่อนๆไปไหนหมด”

“ไปพบอาจารย์กันครับเห็นว่างานมีปัญหา”ตอบคำถามรุ่นพี่แต่มือก็เขียนไปด้วย”น้ำครับ”เขายื่นน้ำเปล่าให้คนนั่งข้ามที่มีเหงื่อ

ท่วม”ขอบใจนะ”มือหนารับน้ำเปล่าที่ยังเหลือความเย็นอยู่บ้างด้วยความยินดี

“เป็นไงบ้างช่วงนี้”

“เรื่อยๆพี่ แล้วพี่ใกล้จบเป็นไงบ้าง”

“กำลังหางานไปเรื่อย ถ้าไม่มีที่ไหนทำก็คงเข้าไปทำบริษัทที่ไปฝึกงาน นักศึกษาจบพร้อมกันเป็นแสนงานก็หายากต้องแข่งกับ

มหาวิทยาลัยที่ดังๆอีก ไหนจะเส้นสายอีก” เขาพูดแล้วก็เผลอถอนหายใจออกมาเบาๆ

“บ่นเป็นคนแก่เลยพี่ ถ้าหางานไม่ได้ก็เป็นเถ้าแก่ เป็นนายตัวเอง ขายของออนไลน์ไม่ต้องเช่าที่ ไม่ต้องหนีเทศกิจ และไม่ต้อง
หลบฝน”

“ไปทำงานออฟฟิตไปนั่งดูสาวๆใส่สั้นๆ ใส่เสื้อฟิตๆดีกว่า อย่างน้อยเรียนมาทางนี้ตั้งสี่ปีก็ใช้ความรู้ที่อาจารย์สอนใช้ให้คุ้มก่อน

อย่างอื่นค่อยว่ากัน”

ริมฝีปากบางยกยิ้มขึ้นกับคำพูดของพี่รหัสที่ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ผิดกับเมื่อก่อนชวนแต่เขาไปเที่ยวไปเลี้ยงสาย“ถ้าอาจารย์ได้ยิน

คงจะร้องให้ ฟูมฟาย ว่าที่อาจารย์สอนไปมีประโยชน์”

“ก็ใครจะเก่งเหมือนน้องรหัสพี่ละ อาจารย์แต่คนชมไม่ขาดปาก....”

“เป้ ทำอะไรวะ”มือหนาจับลงมาที่บ่าเป้ทำให้เขาต้องหันไปมองเจ้าของมือ

“มาคุยกับน้องรหัสสุดหล่อ แล้วแกไม่เล่นต่อ”

“ไอ้ทิวมันเหนื่อย เล่นเสร็จแล้วว่าจะชวนกันไปหาอะไรกินไปด้วยกันไหม”ตอบคำถามเพื่อนแต่สายตามองไปที่อีกคนที่ใช้นิ้วเรียว

เลื่อนไปบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือไม่สนใจคนมาใหม่จนรุ่นพี่ต้องเรียกให้เงยหน้าขึ้น

“เออ เทนนิสนี่เพื่อนพี่ เป็นเอกอยู่คณะข้างๆนี่หล่ะ”เป็นเอกยิ้มให้คนเงยหน้าขึ้น เขาเห็นเทนนิสนั่งคนเดียวอยู่ข้างสนามนานแล้ว

อยากเข้ามาทัก พอดีกับที่เป้เดินเข้ามาคุยกับเทนนิสเขาจึงทำทีเดินมาหาเพื่อน 

“สวัสดีครับ”เทนนิสทักทายยิ้มให้คนที่เคยเจอก่อนหน้านี้ ที่พวกพี่เขาบอกว่าอยู่คณะข้างๆก็เป็นความจริงแถมเป็นเพื่อนกับพี่รหัส

ก็คงไม่แปลกที่จะไม่รู้จักเขา

“ดีใจที่ได้พบกันอีก ไปหาอะไรกินกับพวกพี่ไหม”เป็นเอกออกปากชวนอีกฝ่าย จนเป้รู้สึกแปลกใจ เพราะเป็นเอกไม่ได้เป็นมิตร

กับคนไปทั่วเรียกว่าไม่ค่อยสนใจคนอื่นเลยด้วยซ้ำ แต่ทำไมถึงออกปากชวนคนที่พึ่งรู้จักกัน

“พอดีผมรอเพื่อนอยู่เอาไว้โอกาสหน้าครับ เอาไว้โอกาสหน้า ผมจะอดข้าวตั้งแต่เที่ยงไว้รอให้พี่เลี้ยง”ปฏิเสธรุ่นพี่ทั้งสองอย่าง
สุภาพ

“อืม ไปกันเถอะเดี๋ยวพวกนั้นรอนาน พวกพี่ไปก่อนนะ” 

“ครับ”เทนนิสตอบรับ มองตามรุ่นพี่ทั้งสองคนเดินคู่กันกลับไปที่สนามบาสเกตอีกฝากที่มีเพื่อนๆของพวกเขายืนรออยู่

ครืน ครืน เสียงเตือนส่งข้อความทักมาผ่านทางระบบพูดคุยออนไลน์ เทนนิสหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเห็นข้อความเข้าเป็นพี่ชายที่

ส่งมาบอกว่าจะมารับ รอยยิ้มบางๆปรากฏขึ้น พร้อมกับรีบส่งข้อความกลับว่าตกลงกลับไป แล้วรีบทำงานที่ค้างอยู่ให้เสร็จรอ
เพื่อนๆ


   รถยนต์เชื้อสายยุโรปเลี้ยวเข้ามารั้วมหาวิทยาลัยชื่อดัง เจ้าของรถกำลังมองหาที่จอดรถที่ว่าง ชายหนุ่มเลี้ยวเข้าจอดลาน

จอดรถที่วางอยู่ มือหนากดโทรศัพท์โทรหาน้องชายที่ส่งข้อความคุยออนไลน์กลับมามาบอกว่าตกลง รอไม่นานปลายสายก็กด
รับ

“พี่มาถึงแล้ว เราอยู่ไหนให้พี่ไปรับไหม”

“รอก่อนพี่ปืน ผมทำงานใกล้เสร็จแล้ว ยืนมองเหล่สาวๆแถวนั้นไปก่อน”

“อืม เดี๋ยวพี่รอ”

วางสายจากน้องชายแล้วออกมาจากรถสูดอากาศนอกรถ เดินไปหาที่นั่งรอ เข้ามาในมหาวิทยาลัยแล้วคิดถึงวันเก่าที่เขายังเป็น

นักศึกษาใช้ชีวิตไปวันๆยังไม่ต้องคิดอะไรมาก ใช้ชีวิตสนุกได้เต็มที่ ปืนกวาดสายตามองรอบๆเห็นนักศึกษาสาวๆน่ารักที่กำลังนั่ง

เล่นคุยกันเป็นกลุ่มอยู่ที่ม้าหินอ่อนใกล้ลานจอดรถ ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่สนใจอยากมีคนมีคนรู้ใจ ทั้งๆที่มีผู้หญิงเข้ามา

เรื่อยรวมทั้งเพื่อนสนิทน้องสาวที่แสดงออกว่าชอบเขาอย่างชัดเจนจนบางทีก็รู้สึกอึดอัด

บรี๊ดๆๆๆ เสียงแตรรถยนต์ดังขึ้นจนทำให้ชายหนุ่มหันไปมอง เห็นนักศึกษาสาวคนหนึ่งกำลังนั่งตกใจอยู่บนพื้น

“เป็นอะไรไหมน้อง เดินระวังหน่อยสิคนยิ่งรีบรีบอยู่”คนขับเลื่อนกระจกลงแล้วตะโกนออกมาอย่างหัวเสีย

หญิงสาวตกใจนั่งกองอยู่บนพื้นข้าวของหล่นอยู่บนพื้น“เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ ขอโทษค่ะ”ถึงเธอจะผิดแต่นี่มันในมหาวิทยาลัยทำไม

ต้องขับรถเร็วขนาดนี้ด้วย 

“เออ เออ ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”

หญิงสาวมองตามท้ายรถยนต์ค่อยๆเลื่อนออกไป ในใจกำลังคิดว่าเป็นนักศึกษามีการศึกษาความคิดน่าจะมีมากกว่านี้ มีน้ำใจกับ

เพื่อนร่วมสถาบันเปิดประตูลงมาดูบ้างก็ยังดี คนเราไม่ได้วัดจากการศึกษา การแต่งกายและรถที่ขับจริงๆด้วย หญิงสาวได้แต่ส่าย

หัว แล้วรีบเก็บข้าวของที่หล่นอยู่ตามพื้น

“นี่ของคุณ”ปืนยื่นสมุดเล่มที่หล่นให้หญิงสาวที่กำลังตั้งใจเก็บข้าวของตัวเอง

“เอ่อ ขอบคุณค่ะ”ธารรับสมุดเล่มเล็กมาจากมือหนา

“เป็นอะไรมากรึเปล่า”เขามองที่หัวเข่าหญิงสาวมีรอยถลอก

ธารมองหัวเข่าที่ถลอกไม่มีเลือดออกแต่ก็รู้สึกแสบขึ้นมานิดๆหลังจากที่ถูกชายหนุ่มตรงหน้าทัก“อ้อ ถลอกนิดหน่อยไม่เป็นไร

มากค่ะ แค่ตกใจนิดหน่อยเพราะคิดว่าดูดีแล้วถึงข้ามถนน แต่ก็ไม่รู้ว่ารถคันเมื่อครู่โผล่มาได้ยังไง” เธอยิ้มให้ชายหนุ่มแปลก

หน้าที่แต่งตัวเหมือนคนที่เพิ่งกลับมาจากทำงานคงจะมารับน้องหรือแฟน ดูเขาไม่ได้มีหน้าตาดีอย่างเดียวแต่ยังเป็นคนน้ำใจอีก

ด้วย หญิงสาวหนยุดความคิดตัวเองแล้วรีบลุกขึ้น

“ขอบคุณนะคะ”

“ไม่เป็นไรครับ คนไทยด้วยกัน”ชายหนุ่มตอบยิ้มๆ

“พี่ปืน พี่ปืน”เสียงตะโกนเรียกชายหนุ่มดังมาก่อนตัว ไม่นานเจ้าของเสียงวิ่งเข้ามาใกล้

“ทำงานเสร็จแล้วหรอ”

“อืม เสร็จแล้ว อ้าว ธารเป็นอะไรทำไมเสื้อผ้าดูเลอะอย่างนี้”เทนนิสถามรุ่นน้องที่ยืนคุยกับพี่ชายอย่างแปลกใจ

“พอดีธารเพิ่งเรียนเสร็จจะรีบไปหาพี่เทนนิสที่ข้างสนามบาส ไม่ทันระวังเลยหกล้มนะคะ”ไม่อยากบอกว่าเกือบถูกรถชนกลัวรุ่นพี่

เป็นห่วง

“หือ แล้วเป็นอะไรมากรึเปล่า”เขาถามอย่างเป็นห่วง

“เป็นอะไรมากค่ะ พอดีได้พี่คนนี้มาช่วย”

“อ้อ นี่พี่ชายพี่เองพี่ปืน แล้วนี่น้องรหัสผมน้องธาร”เทนนิสแนะนำคนทั้งสองให้รู้จักกัน

“ขอบคุณอีกครั้งนะคะพี่ปืน”ไม่มีคำตอบรับมีเพียงรอยยิ้มและการพยักหน้าอีกฝ่าย

“แล้วธารอยากเจอมีอะไรรึเปล่า”

“พอดีธารอยากได้ตัวอย่างรายงานของอาจารย์ชาญวิทย์ อาจารย์บอกว่าของพี่ทำได้ดี”

“เป็นรูปเล่มคงต้องใช้เวลาหา ไม่รู้ว่าถูกปลวกกินไปแล้วรึเปล่า ถ้าเป็นไฟล์เอกสารยังพอจะหาได้เดียวพี่ส่งให้”

“ขอบคุณค่ะเป็นไฟล์ก็ได้ค่ะเพราะต้องใช้ด่วน”หญิงสาวยิ้มออกมาด้วยความดีใจ”ถ้าอย่างนั้นธารขอตัวกลับก่อนนะคะ”

“อืม เดินระวังๆละ”

ชายหนุ่มทั้งมองตามหลังหญิงสาวที่เดินไปขึ้นรถที่จอดอยู่ไม่ไกล ด้วยความเป็นห่วง จนรถคันนั้นขับออกไปทั้งสองถึงเดินไปขึ้นรถ

“พี่สนใจน้องธารหรอ”เทนนิสทำลายความเงียบในรถขึ้น

“ทำไมถึงถามอย่างนั้น”

“ก็ไม่เคยเห็นพี่สนใจผู้หญิงคนไหนมาก่อน นี่ขนาดมีน้ำใจไปช่วยคนไม่รู้จักด้วย”

“ฮึ ฮึ น้องเขาก็น่ารักดีนะ”

“น้องธารเป็นคนดี มีหนุ่มมาจีบเยอะ ถ้าพี่สนใจจริงจังผมจะช่วยแต่ถ้าคิดเล่นๆก็หยุดความคิดนั้นไว้ซะ ถึงเป็นพี่ผมก็ไม่

ช่วย”เทนนิสพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง จนคนฟังต้องหันไปมองใบหน้า



**************************************************************

โปรดติดตามตอนต่อไป

หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 4] 11/11/2559
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 11-11-2016 10:12:44
ใครคู่ใครกันนะ :hao4: :hao4: :hao4:
ปาลภัทร ธีรภัทร เป็นเอก ปืน ใครเป็นพระเอก

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 4] 11/11/2559
เริ่มหัวข้อโดย: jaengsRU ที่ 18-11-2016 15:35:34
ใครคู่ใครกันนะ :hao4: :hao4: :hao4:
ปาลภัทร ธีรภัทร เป็นเอก ปืน ใครเป็นพระเอก

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ต้องติดตามจ้า อิอิ
หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 4] 11/11/2559
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 20-11-2016 20:20:05
ตัวละครเยอะ แอบเดาไม่ถูกว่าใครคู่ใครกันแน่
รอติดตามตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 4] 11/11/2559
เริ่มหัวข้อโดย: jaengsRU ที่ 22-11-2016 14:50:35
ตัวละครเยอะ แอบเดาไม่ถูกว่าใครคู่ใครกันแน่
รอติดตามตอนต่อไปนะคะ


ขอบคุณจ้า  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 5] 22/11/2559
เริ่มหัวข้อโดย: jaengsRU ที่ 22-11-2016 15:01:18


Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก
ตอนที่ 5
[/size]

เสียงแป้นพิมพ์สลับกับเสียงเปิดเอกสารในห้องทำงานที่ถูกตกแต่งไว้อย่างลงตัว โต๊ะทำงานขนาดใหญ่มีเอกสารและแฟ้มวางอยู่

บนโต๊ะ ร่างสูงที่นั่งทำงานเอกสารจ้องจออยู่หน้าคอมพิวเตอร์ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แต่กาแฟในถ้วยและน้ำเปล่าในแก้วหมดแล้ว ธีร

ภัทรขยับตัวเพื่อคลายความเมื่อยล้า วางเอกสารในมือไว้บนโต๊ะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วหลับตาพักสายตาสักครู่ 

ครืน ครืน ครืน เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมือหนาควานหาโทรศัพท์ที่ยังร้องไม่หยุด เขามองดูหมายเลขคุ้นเคยปรากฏหน้าจอ“ครับ”

“ตาธีร์ ตอนเย็นพี่รบกวนไปรับแฝดให้พี่ได้ไหม วันนี้ไม่ใครว่างเลย”เสียงพี่สาวกำลังขอร้องแกมบังคับผ่านปลายสาย

“ครับ”ชายหนุ่มตอบรับอย่างปฏิเสธไม่ได้

“ขอบใจนะ เสาร์อาทิตย์ว่างๆกลับไปเยี่ยมคุณแม่บ้างนะ ท่านบ่นคิดถึง โอ๊ะ แค่นี้นะพี่ต้องขึ้นเครื่องแล้ว อย่าลืมไปรับหลาน

นะ...”ปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงรีบเร่งเหมือนกำลังจะเดินไปไหนสักที่พร้อมกับเน้นย้ำจุดประสงค์ที่เธอโทรมาแล้วสายถูกตัดไป

อย่างรวดเร็ว มองดูเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาข้อมือตอนนี้เกือบบ่ายสามโมง ธีร์กดโทรศัพท์บนโต๊ะติดต่อเลขาบอกให้รู้ว่าวันนี้เขา

ต้องรีบออกไปรับหลานแล้วจะกลับมาเข้าเคลียร์งานที่เหลือถ้ามีอะไรด่วนให้วางไว้บนโต๊ะได้เลย เลขาคนสนิทตอบรับแล้ววาง
สายไป


   รถยุโรปคันหรูเลี้ยวเข้าลานจอดรถโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง ร่างสูงเดินตรงไปที่ศูนย์รับเลี้ยงและพัฒนาเด็กเล็ก(DAY

CARE) ที่ถูกแยกตึกออกจากโรงพยาบาลอย่างชัดเจน บริเวณโดยรอบมีต้นไม้สวนสวยและรั้วโปร่งรอบๆศูนย์ ด้านหน้ามีรูปปั้นตัว

การ์ตูนหลายตัวยืนยิ้มพนมมือไหว้ทักทายต้อนรับเด็กๆและผู้ปกครอง เดินผ่านซุ้มลอดเข้าไปมีตู้เก็บรองเท้าของเด็กๆที่ติดป้าย

ชื่อไว้และแบ่งตามห้องเรียน มือหนากดออดหน้าประตูกระจกบานใสรอไม่นานเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์เปิดประตูออกมาต้อนรับ

“ผมมารับแฝดบู๊ตึ้งบู๊ลิ้มครับ”ชายหนุ่มบอกชื่อเด็กทั้งสองกับเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่สาวยิ้มแล้วรีบให้คนไปรับเด็กทั้งสอง ธีรภัทรลง

ลายมือชื่อในสมุดบันทึกประจำวันว่ามีผู้ปกครองมารับ

“คุณธีรภัทรสวัสดีค่ะ มารับเด็กๆแทนคุณธิมย์รินทร์หรอคะ”หมิวเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์เดินเข้าทักทายชายหนุ่มด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม 

“สวัสดีครับ พอดีพี่ธิมย์ไม่ว่างผมเลยมาเป็นธุระให้”

หมิวมองชายหนุ่มด้วยสายตาที่เป็นประกาย ดีใจที่ได้เจอชายหนุ่มที่เธอหมายปอง แฝดถูกพามาเข้าเรียนที่ศูนย์ตั้งแต่อายุได้สอง

ขวบกว่าโดยมีคุณน้าสุดหล่อเทียวมารับมาส่งสลับกับธิมย์รินทร์แม่ของเด็กๆ คุณน้าหน้าตาดีทั้งใจดีกับเด็กๆทำให้เธอหลงรัก

ทันทีที่เห็น แต่ชายหนุ่มก็ไม่เคยแสดงออกเกินเลย เป็นเธอที่คอยทอดสะพานให้อีกฝ่าย“ค่ะเธอโทรมาแจ้งกับคุณครูประจำห้อง

แล้ว ระยะนี้หมิวไม่เห็นคุณธีรภัทรมารับเด็กๆเลยนะคะ”ที่จริงเธออยากจะบอกออกไปว่าคิดถึง

“ครับ”

“น้าธีร์ น้าธีร์ บู๊ตึ้งอยากกินไก่ทอด”เด็กชายตัวเล็กสะพายกระเป๋าเป้ลายการ์ตูนวิ่งออกมาเกาะขาคุณน้า และเด็กชายอีกคนหน้า

เหมือนกันวิ่งตามพี่ชายออกมาจากห้องเรียนหน้าขาวไปด้วยแป้งมีกลิ่นหอมอ่อนๆจากแชมพูเด็ก“น้าธีร์ บู๊ลิ้มอยากกินติม”

“เดี๋ยวน้าพาไป วันนี้เป็นเด็กรึเปล่า”มือหนาลูบหัวเล็กๆของเด็กแฝดทั้งสอง อย่างรอคำตอบ

“บู๊ตึ้งเป็นเด็กดี”

“บู๊ลิ้มด้วย”เด็กๆทั้งสองแย่งกันตอบเพราะกลัวไม่ได้กินไก่ทอดไอติม ภาพเด็กแฝดทั้งสองกำลังอ้อนคุณน้าสุดหล่อทำให้เจ้า

หน้าที่หลายคนอดเอ็นดูไม่ได้

   ขับรถออกมาจากโรงพยาบาลกลับมาที่ทำงาน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกเพราะจำ

หมายเลขทะเบียนได้ รถหรูเลี้ยวเข้าจอดลานจอดรถที่ประจำ แล้วพาเด็กๆไปที่ร้านไก่ทอดไม่ไกลจากที่ทำงานตามที่สัญญาไว้

ก่อนหน้านั้น คุณน้าจูงมือเล็กๆเข้าไปในร้านchicken café ที่มีลูกค้ายืนต่อแถวสั่งอาหารอยู่หลายคน เด็กๆหลายคนสั่งชุดอาหาร

ที่มีของเล่น แต่ไอศกรีมก็ยังเป็นที่ชื่นชอบของเด็กๆ ร่างสูงมองไปที่พนักงานประจำเคาเตอร์กำลังแนะเมนูอาหารให้ลูกค้าอย่าง

ชำนาญช่วยให้การตัดสินใจของลูกค้าเร็วขึ้น ยืนต่อแถวไม่นานก็ถึงคิว

“สวัสดีครับ ลูกค้ากินที่นี่หรือกลับบ้านครับ”เทนนิสถามลูกค้าร่างสูงหน้าตาคุ้นๆที่มีเด็กแฝดสองคนยืนขนาบซ้ายขวา

“ท่าทางร้านนี้เขาใช้งานคุณได้คุ้มมาก”ธีรภัทรยิ้มทักทายพนักงานคนขยันที่เปลี่ยนหน้าที่อีกแล้ว ทำให้พนักงานหนุ่มยิ้มออกมา

เพราะเจออีกฝ่ายทีไรเขาแทบทำงานไม่ซ้ำกัน

เด็กชายทั้งสองเห็นคุณน้าคุยกับใครก็จำได้ว่าเป็นพี่ชายใจดีข้างบ้านนั่นเอง“สวัสดีพี่จายบู๊ตึ้งอยากได้ไก่ทอด”เด็กชายตัวเล็ก

เขย่งเท้าโผล่หน้าเล็กๆขึ้นมาจากเคาเตอร์พูดกับพี่ชายข้างบ้านอย่างดีใจที่ได้เจอพี่ชายอีกครั้ง”เอาติมให้บู๊ลิ้มด้วย”น้องชายตัว

เล็กไม่ยอมพี่ชายเขย่งเท้าสั่งไอศกรีม 

“รับเป็นชุดไหนดีครับ ให้พี่แนะนำดีกว่า”เขาช่วยแนะนำเมนูอาหารกับลูกค้าตัวเล็ก คุยกับได้สักครู่เจ้าตัวเล็กไม่ค่อยเข้าใจนักเลย

ได้หันไปถามคุณน้า ชายหนุ่มพยักหน้ายิ้มเห็นด้วยกับพนักงานหนุ่ม เด็กชายก็ตัดสินใจเลือกเมนูที่พี่ชายแนะนำพร้อมกับไอศก

รีมเย็นๆถ้วยใหญ่อีกถ้วย รอไม่นานเมนูอาหารก็ถูกจัดเรียบร้อยใส่ถุง เด็กชายรีบรับไก่ทอดมาถือเอง ส่วนบู๊ลิ้มยิ้มแก้มปริที่เห็น

ถ้วยไอศกรีม

“ขอบคุณครับ โอกาสหน้าเชิญใหม่” คุณน้าจูงมือเด็กๆออกจากร้าน

กลับเข้าที่ทำงาน ตอนนี้เลยเวลาห้าโมงเย็นมาเกือบครึ่งชั่วโมงพนักงานต่างตอกบัตรทยอยกลับไปบ้างแล้ว ธีรภัทรพาเด็กๆ

เข้าไปในห้องทำงาน เด็กๆได้ของกินที่ต้องการแล้วต่างนั่งกินเงียบๆ มีบ้างแว่วเสียงพี่ชายอยากกินไอศกรีมจากน้องชาย เจ้าตัว

เล็กก็ไม่หวงป้อนไอศกรีมเข้าปากพี่ชายจนปากเลอะ ส่วนพี่ชายก็ป้อนไก่ทอดให้น้องชายจนอิ่มจากนั้นทั้งสองหยิบสมุดขึ้นมา

ทำการบ้านวาดรูประบายสี

   ความมืดค่อยๆโรยตัว แสงจากดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า แสงสว่างในห้องทำงานยังเหมือนเดิม ธีรภัทรเงยหน้าขึ้นมา

เพราะเสียงหัวเราะเด็กๆยังนั่งอยู่ที่โซฟาแต่ตอนนี้มีเบสกำลังช่วยสอนคำศัพท์เด็กๆ คุณเลขากำลังแฟลชการ์ดให้เด็กๆอ่าน ทั้ง

สองแย่งกันอ่าน แย่งกันตอบ เพราะตอบถามถูกจะได้ของรางวัล เป็นลูกอมขนมชิ้นเล็กๆเป็นของรางวัล ธีรภัทรวางปากกาลง หัน

ออกไปมองด้านนอกถึงรู้ว่าน่าจะกลับได้แล้ว ดูท่าคืนนี้เด็กๆคงต้องค้างกับเขาเหมือนเคยเป็นอย่างนี้บ่อยครั้งเมื่อพี่สาวไม่ว่าง

สงสารสองแฝดไม่ค่อยได้อยู่กับแม่ ตั้งแต่ที่พี่สาวหย่าขาดกับสามีเธอก็ทำแต่งานเขาไม่รู้สาเหตุของการหย่าร้างและเคารพการ

ตัดสินใจของพี่สาว ทุกคนจึงช่วยกันดูแลแฝดรวมถึงเขาด้วย จนบางครั้งมีคนเข้าใจผิดว่าเด็กๆเป็นลูกของเขา

“เบส ช่วยแฝดเก็บของได้แล้วพี่จะพากลับ”

“วันนี้แฝดไปนอนกับพี่หรอ”

“อืม พี่ธิมย์ไปสัมมนาต่างจังหวัดคงต้องอยู่กับพี่หลายวัน”

“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เราค่อยเล่นต่อ น้าจะแวะซื้อขนมมาฝากด้วย”เด็กชายทั้งสองได้ยินว่าขนมต่างดีใจเข้าไปกอดคุณน้าจนเกือบ

ลงไปนอนกับพื้น


   เสียงพูดคุยดังไปทั่วบริเวณลานกิจกรรมคณะเศรษฐศาสตร์ นักศึกษากำลังช่วยกันช่วยกันจัดสถานที่สำหรับงานออกร้าน

ประจำปีเนื่องในวันก่อตั้งคณะตามที่ได้รับมอบหมายโดยมีคณะกรรมการจากสโมสรนักศึกษามาช่วย ลานกว้างถูกแบ่งเป็นล็อก

เล็กๆให้นักศึกษาตั้งร้านค้าหันหน้าเข้าหากันเป็นแนวยาว เวทีถูกตกแต่งให้สวยงามสำหรับพิธีเปิดและการแสดง ป้ายผู้สนับสนุน

งานกิจกรรมถูกนำมาตั้งไว้

เช้าพรุ่งนี้คือกำหนดการเปิดงาน แสงสว่างจากสปอร์ตไลน์สาดไปทั่วลานทำให้ทุกคนสามารถทำงานต่อหลังจากแสงดวงอาทิตย์

ลาลับขอบฟ้า ซุ้มทางเข้างานหลายซุ้มถูกตกแต่งไปด้วยดอกไม้สด ลูกโป่งและผ้าอย่างสวยงาม ลมเย็นเวลากลางคืนพัดโชยมา

เป็นระลอก

ท้องฟ้ามืดเร็วขึ้นอากาศเริ่มเย็นลงมาหลายวันแล้วทำให้รู้ว่าตอนนี้กำลังจะเข้าสู่ฤดูหนาว บริเวณจัดงานเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา

ด้วยความร่วมมือของทุกคนอีกไม่นานก็เสร็จ หลังจากทุกคนช่วยกันทำงานเหนื่อยมาหลายชั่วโมงตอนนี้ก็ถึงเวลาพัก นักศึกษา

จับกลุ่มนั่งกินข้าวกล่องที่คณาจารย์ซื้อมาแจกจ่ายให้ทุกคนที่มาช่วยเตรียมงานจนล่วงเวลา

“เป็นไงบ้างทางโน้นยังมีอะไรให้ช่วยรึเปล่า”เทนนิสถามเหรียญสิบที่เดินมานั่งกินข้าวกับเพื่อน

“เอาโต๊ะออกมาตั้งเตรียมไว้ให้ทุกล็อกตามที่ขอมาแล้วไม่มีอะไรแล้ว”

“พวกซุ้ม เวที ป้ายก็ไม่มีอะไรต้องเตรียมแล้ว”

“แล้วร้านพวกเราคงต้องมาเตรียมของพรุ่งนี้แต่เช้า ป้าเจ้าของร้านเตรียมของให้แล้ว”พักกินข้าวเสร็จทุกคนกลับไปทำงานต่อ

หลายกลุ่มตกแต่งร้านเสร็จต่างแยกย้ายกัน เทนนิสและเพื่อนนัดเวลากันเรียบร้อยต่างแยกย้ายกลับเหมือนกลุ่มอื่น

   เช้าวันงานมาถึงนักศึกษาต่างตื่นเต้นรีบมาเตรียมงานตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่โผล่ บางคนกำลังทดสอบไฟเครื่องเสียงบน

เวที ซุ้มร้านต่างๆถูกตกแต่งเสร็จแล้วไปแล้วหลายร้าน แต่ละกลุ่มหยิบโทรศัพท์ออกมาบันทึกภาพหน้าร้านของตัวเองที่ถูก

ตกแต่งไว้อย่างสวยงามอีกไม่ถึงชั่วโมงงานจะเริ่มเป็นทางการ

 โคมไฟกระดาษสาหลายสีรูปร่างแปลกตาห้อยเป็นแนวอยู่ด้านบนเวลาลมพัดมาทำให้มันปลิวไปแรงลมดูแล้วสวยงาม เทนนิส

และเพื่อนกำลังช่วยกันจัดร้านพร้อมทั้งดูความเรียบร้อยอีกครั้ง

ล็อกขนาดเล็กถูกดัดแปลงให้เป็นร้านขายเครปด้วยโทนสีชมพูขาวหวานจนน่ากิน ส่วนหน้าร้านด้านบนมีป้ายชื่อร้านติดไว้ และมี

ป้ายสามเหลี่ยมรายการอาหารตัวใหญ่ตั้งไว้จนเห็นเด่นชัด

เสียงเพลงประจำคณะถูกเปิดขึ้นพร้อมเสียงสวัสดีทักทายจากพิธีกรชายหญิงที่เดินออกมาบริเวณหน้าเวที มีนักศึกษาทยอยเข้า

มาร่วมเป็นจำนวนมาก งานครั้งนี้คณะบดีให้เกียรติเป็นประธานกล่าวเปิดงาน เสียงปรบมือดังไปทั่วบริเวณ เป็นอันว่าพิธีการเปิด

งานดำเนินไปอย่างเรียบร้อย หลังจากงานถูกเปิดอย่างเป็นทางการท่านประธาน คณาจารย์เดินเที่ยวชมงานตามซุ้มต่างๆ พอเป็น
พิธี

สายมากแล้วนักศึกษาจากหลายคณะเข้ามาร่วมชมงานถ่ายรูปเก็บภาพบรรยายรอบๆที่ถูกตกแต่งไว้สำหรับเอาใจคนชอบถ่ายรูป

พื้นที่ในงานถูกแบ่งไว้หลายโซนเริ่มตั้งแต่เข้างานในงานจะเป็นบริเวณที่จัดไว้สำหรับจัดนิทรรศการแสดงประวัติความเป็นมาผล

งานที่สร้างชื่อเสียงและอื่นๆที่น่าสนใจของคณะ ต่อมาเป็นโซนที่มีสำหรับบริษัทมาเปิดร้านขายของราคาถูกและแจกสินค้า

ทดลองเล่นเกมส์แจกของรางวัล ต่อด้วยร้านขายของสโมสรขายที่ระลึกของคณะประมูลของบนเวทีกลางเพื่อนำเงินมาใช้

สนับสนุนกิจกรรมนักศึกษาและร้านค้าต่างๆ 

“เทนนิสเป็นไงบ้าง”เป้เดินเข้าทักรุ่นน้องสวมผ้ากันเปื้อนสีหวานเข้ากับร้านแต่ก็ดูดี ที่กำลังวุ่นวายกับเก็บเงินลูกค้า

“สวัสดีพี่เป้ ก็เรื่อยๆ”เทนนิสทักทายรุ่นพี่หันมารับเมนูจากลูกค้าคิดเงินประทับตาลงในกระดาษเมนูแล้วส่งคืนให้ลูกค้าไปยื่นกับ

เหรียญสิบที่อยู่ช่องรับเมนูจากนั้นจะเป็นหน้าที่ของวีร์และพี่เจ้าของร้านที่ไปเช่าอุปกรณ์กำลังช่วยกันทำเครปให้ลูกค้าสุดท้ายจะ

เป็นเอื้อมจะเรียกลูกค้ามารับเครปตามเมนู

เป็นเอกเดินตามหลังเพื่อนต่างคณะเข้ามาร้าน สายตามองไปทั่วร้านก็เห็นคนที่มองหากำลังยืนคิดเงินลูกค้าอย่างอารมณ์ดีจนลูก

ค้าสาวๆยิ้มแทบหุบไม่ลง“สวมผ้ากันเปื้อนสีหวานได้ดูดีมากเลย”เขาอดแซวคนที่สวมอะไรก็ดูดีขึ้นมาไม่ได้

“เฮ้ย แกอย่าไปชมมันเดี๋ยวมันเหลิง”

“ไม่หรอกพี่เป็นเอกผมเป็นคนดี พี่เป้ชอบว่าผมอยู่เรื่อย”ชายหนุ่มยิ้มให้เพื่อนของรุ่นพี่

“อ้าว ใส่ร้ายฉันอีกแล้วไอ้เด็กนี่”ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงไม่จริงจัง พอเป้พูดเสร็จทุกคนก็หัวเราะออกมาแทบพร้อมกัน

“พี่โอ๋ไม่มาหรอ ไหนว่าจะมาดูวีร์ใส่ผ้ากันเปื้อนพวกผมอุตส่าเลือกลายหวานเข้ากับร้าน”

“เดี๋ยวพวกมันก็ตามมา”

“แล้วเป็นไงพี่ในงานของกินเยอะไหม”

“เยอะนะ มีแต่ร้านลูกค้าเยอะๆทั้งนั้น แล้วนี่กินอะไรกันรึยัง”

“ยังเลยพี่พากันยุ่งไปไหนไม่ได้เลย พี่เป้ใจดีซื้อมาน้องหน่อยสิ”เสียงพูดขอร้องปนอ้อนหน่อยๆ

ทำให้เป็นเอกอดยิ้มไม่ได้ ไม่คิดว่าเทนนิสจะมุมแบบนี้ด้วย แต่เขาก็รู้สึกชอบถ้าชายหนุ่มอ้อนเขาอย่างนี้บ้าง

“ตลอดเลยแกเทนนิสให้ฉันเลี้ยงตลอด แล้วอยากินอะไร”

“ผมขอลูกชิ้น นะพี่เป้”เหรียญสิบยืนฟังอยู่นานตะโกนบอกรุ่นพี่

“ผมขอน้ำอัดลมเย็นๆสักแก้วก็พอ”วีร์ยืนร้อนหน้าเตามือกำลังใส่ใส้ลงไปบนแผ่นแป้งสีเหลืองสวยตะโกนบอกอีกคน

“พอๆเลยพวกแกใช้อย่างกะเป็นทาส เออ เดี๋ยวซื้อมาให้ไปเป็นเอกไปด้วยกัน”เป้ส่ายหัวอ่อนใจเดินออกจากร้านไป เป็นเอกยิ้ม

กับท่าทางรุ่นพี่แสนดีที่แกล้งทำเป็นบ่นของเพื่อน“ขอบคุณครับ/ขอบคุณครับ”เสียงขอบคุณดังไล่ตามหลังมาเป้อยากหันกลับไป

ด่าแต่ใบหน้าเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มแทน

ลูกค้าเดินเข้าออกร้านเรื่อยๆจากที่หนาตาก็เริ่มบางตาลงเพราะเลยเวลาเที่ยงไปแล้วโชคดีที่อากาศวันนี้ไม่ร้อนอบอ้าวเท่าไหร่

ลูกค้าน้อยลงก็เริ่มได้พักบ้าง เทนนิสหยิบขนมเข้าปากที่มีรุ่นน้องซื้อมาให้อย่างอร่อย มองดูคนเดินผ่านไปมาบางคนหยุดยืนถ่ายรูป

“พี่เทนนิสหวัดดีค่ะ/สวัสดีค่ะ/สวัดีค่ะ”สาวๆเดินเข้ามาทักทาย

“ไงสาวๆ มาอุดหนุนร้านพี่หน่อยสิ”ชายหนุ่มเรียกสาวๆเข้ามาในร้าน

“ร้านพี่เทนนิสสีหวานมากเลยนะคะ”ฟร้องมองไปรอบร้านที่ตกแต่งได้อย่างน่ากิน เจ้าของร้านทั้งสี่หนุ่มก็น่ากินไม่ต่างกัน โดย

เฉพาะคนที่กำลังยิ้มให้เธออยู่ตอนนี้ยิ่งสวมผ้ากันเปื้อนสีหวานแล้วด้วย รู้สึกว่าเข้ากันเข้ากันเธอคิดได้อย่างนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้น

มาแอบบันทึกภาพที่คิดว่าชาตินี้คงไม่มีโอกาสได้เห็น แอบถ่ายรูปรุ่นพี่จนพอใจแล้วรีบโพสต์ลงโซเชียลมีเดียพร้อมเพิ่มคำพูด

เล็กๆน้อยลงไป เธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับผลงานตนเองโพสต์ภาพพร้อมข้อความลงไปไม่ถึงห้านาทีมีคนเข้ามากดถูกใจ แสดง

ความคิดเห็นใต้ภาพหลายคน

“พอดีมีคนมาช่วยออกแบบทำร้านให้เขาบอกว่าแบบนี้น่ารักดี ของฟรีก็เลยตกลง”

“พี่เป้ไลน์บอกแล้วค่ะให้มาอุดหนุน ว่าแต่ของขายดีไหมคะ”ธารมองไปรอบที่ตอนนี้ไม่ค่อยมีลูกค้าแล้ว

“ก็เรื่อยๆ แล้วรายงานที่พี่เอาวันก่อนใช้ได้ไหม”

“ใช้ได้ค่ะ ขอบคุณมากเลย ธารเอาไส้กรอกพริกเผามายองเนส ฟร้องกับแบนด์นเนมเอาอะไร”หญิงสาวเขียนเครื่องหมาย

กากบาทลงบนช่องบนกระดาษแล้วหันไปเพื่อนทั้งสองที่กำลังสนุกกับการถ่ายรูป

หญิงสาวทั้งสองหยุดสนใจมือถือหันมาดูในกระดาษที่เพื่อนยื่นให้“เอากล้วยนมช็อก”

“แบนด์นเนมเอาหมูหยองพริกเผามายองเนสนะสั่งให้ด้วย”

สาวๆเดินออกจากร้านด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มเพราะเครปในมือได้ไส้เยอะเป็นพิเศษจนทะลักออกมาจากแป้งสีเหลืองกรอบ   

แสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปแล้วความมืดกำลังมาแทน นักศึกษาต่างช่วยกันเก็บร้านเคลียสถานที่เพราะต่อจากนี้

จะเป็นกิจกรรมสุดท้ายของงาน งานแสดงคนตรีเป็นรายการสุดท้าย ลานกิจกรรมกลับมาโล่งอีกครั้งบนเวทีนักดนตรีกำลังเตรียม

พร้อมแสดง นักร้องรับเชิญจากต่างคณะขึ้นบนเวทีเสียงกรี๊ดจากสาวๆและเสียงปรบมือโห่ก็ดังขึ้น นักร้องหนุ่มหน้าตาดีดรีกรีเป็น

ถึงเดือนมหาวิทยาลัยกำลังยืนเด่นกลางเวทีในมือถือไมโครโฟนแสงสปอร์ตไลน์สาดส่องไปทั่วบริเวณ เพลงแรกก็ดังขึ้นเริ่มต้น

ด้วยเพลงจังหวะช้าๆน่าฟังแต่พอให้สามารถโยกตามจังหวะได้ จากนั้นเปลี่ยนจังหวะเพลงไปเรื่อย สุดท้ายคอนเสิร์ตจบลงใน

เวลายี่สิบนาฬิกา จากนั้นทุกคนต่างแยกย้ายกลับ


เช้าวันหยุดแต่พระอาทิตย์ไม่ได้หยุดยังทำหน้าที่ของตนเองเหมือนเดิม มันกำลังส่องแสงสว่างปลุกสิ่งมีชีวิตให้ตื่นขึ้นรับวันใหม่

ในห้องนอนที่เปิดเครื่องอากาศจนเย็นสบายคนที่นอนอยู่บนเตียงยังนอนหลับสบาย แต่อีกเตียงไม่มีคนอยู่บนนั้นแล้ว เทนนิสตื่น

ลงมาสูดอากาศตอนเช้าหน้าบ้าน เก้าโมงกว่าบิดตัวไปมาด้วยความรู้เมื่อยตามตัวเพราะงานออกร้านทำให้เขาต้องยืนเกือบทั้งวัน

แบกของไปมาแถมยังกลับบ้านดึกอีกแต่ก็ดีที่ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี ที่เหลือก็คงเป็นส่งรายงานการปฏิบัติงานเพื่อเอาคะแนน

ร่วมกิจกรรมของคณะเท่านั้น เขาเดินเข้าไปในครัวเปิดดูตู้เย็นไม่รู้ว่ามีอะไรเหลืออยู่บ้าง เปิดดูช่องชิลมีของสดเหลืออยู่ และผัก

สดสองสามอย่างน่าจะพอทำอะไรง่ายๆกินได้บ้างเดี๋ยวค่อยออกไปซื้อของสดมาไว้ติดตู้ มือขาวหยิบกระปุกน้ำเย็นออกมาเทใส่

แก้ว อากาศวันนี้เย็นสบาย ถ้าเย็นกว่านี้อีกสักหน่อยเขาคงต้องเอาเสื้อกันหนาวมาซัก

   เช้าวันหยุดที่เทนนิสกำลังนั่งดูโทรทัศน์รายการทั่วไปอยู่นั้นมีเสียงออดหน้าบ้านดังขึ้น เขาลุกขึ้นมองออกหน้าประตูรั้วเห็น

แขกคนสำคัญของเพื่อนยืนยิ้มอยู่ เขาไหว้ทักทายแขกที่เทียวแวะมาหาเพื่อนเขาบ่อยๆจนกลายเป็นแขกประจำไปแล้ว เขาทำ

หน้าที่เป็นเจ้าบ้านที่ดีเชิญปาลภัทรเข้ามาในบ้าน ชายหนุ่มตัวโตหน้าตาออกไปทางยุโรป เขาเคยเจอผู้ชายคนนี้ก่อนหน้านั้นเมื่อ

หลายปี ก่อนที่จะย้ายไปอยู่ต่างประเทศ

“วีร์ยังไม่ตื่นเลยพี่ปาล นั่งรอก่อนนะ”

“พี่โทรหาแล้วบอกว่ากำลังแต่งตัวอยู่”ชายหนุ่มตอบเจ้าของบ้านที่แสดงการต้อนรับเป็นอย่างดีทุกครั้งที่มารบกวน เขาพิจารณา

ชายหนุ่มตรงหน้าต้องบอกได้เลยว่าคนเป็นคนที่มีบุคลิกดูดีจนอยากชวนไปร่วมงาน 

“พี่ปาลมาเช้า เมื่อคืนกว่าจะได้นอนไม่อยากตื่นเลย”คนตัวเล็กแต่งตัวเรียบร้อยอ้าปากฮ้าวน้อยๆเดินลงมาจากชั้นบ่นไม่ค่อย

พอใจที่เห็นอีกฝ่ายมาแต่เช้าทั้งที่เป็นวันหยุดเขาก็อยากตื่นสายๆ แต่ก็เข้าใจว่านัดกันไว้ก่อนหน้านี้แล้ว

“บ่นเป็นคนแก่ไปได้ ไปเถอะเดี๋ยวพี่ต้องไปแวะทำธุระก่อน”

“อืม เทนนิสออกไปข้างนอกนะ ถ้าอยากได้อะไรโทรมานะ”

“เย็นๆพี่พาวีร์มาส่ง”

“ครับ”   


หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 5] 22/11/2559
เริ่มหัวข้อโดย: jaengsRU ที่ 22-11-2016 15:02:06

รถยนต์เลี้ยวเข้าจอดลานจอดหน้ารถตึกสูง มีรถยนต์หลายคันจอดอยู่บนลานกว้าง ปาลภัทรเดินนำคนตัวเล็กที่ทำหน้าสงสัยแต่

ไม่ได้เอ่ยปากถามเข้าไปในตึก แล้วเข้าไปในลิฟต์โดยที่ค่อยๆเคลื่อนขึ้นไปทีละชั้น แม้จะเป็นวันหยุดแต่ก็ผู้คนพลุกพล่านพอ

สมควร วีร์เดินตามหลังคนตัวโตออกมาจากลิฟต์เรื่อยๆผ่านห้องหลายห้อง มองผ่านกระจกใสเข้าไปข้างในมีโต๊ะทำงานอยู่ และ

ฉากกั้นแต่ละโต๊ะไว้ จนมาถึงห้องสุดท้ายเดินเข้าไปข้างในเป็นห้องทำงานที่ถูกตกแต่งไว้อย่างดี

“ที่นี่ออฟฟิตพี่หรอ”มองไปรอบๆห้องทำงานอย่างสนใจ จำได้ว่าคนตรงหน้าเคยบอกว่าเปิดบริษัทอะไรสักอย่างเกี่ยวกับโฆษณา

เขาไม่แน่ใจ

“ใช่ เป็นไงสวยไหม”

“พี่เช่าทำสำนักงานทั้งชั้นเลยรึเปล่า”

“ไม่แค่ฝั่งนี้ครึ่งหนึ่ง ยังเป็นแค่บริษัทเล็กๆมีพนักงานไม่เท่าไหร่ ถ้าหิวตู้เย็นอยู่ตรงนั้นมีน้ำอัดลมกับน้ำผลไม้อยู่”

“ไม่อะยังอิ่มก๊วยเตี๋ยวไก่กับข้าวมันไก่อยู่ พี่ทำงานเถอะผมจะนั่งเล่นเกมส์อยู่โซฟานี่แหล่ะ”บอกเจ้าของห้องให้รีบไปทำงานไม่

ต้องเป็นห่วง ปาลภัทรยื่นมือหนาไปลูบหัวเล็กๆแล้วไปนั่งที่โต๊ะทำงานปล่อยให้คนถูกลูบหัวจนผมยุ่งนั่งทำหน้ามุ่ยเล่นเกมส์อยู่

คนเดียว เขาเปิดคอมพิวเตอร์ดูงานด่วนที่ถูกส่งมาเมื่อคืน แล้วหยิบงานในแฟ้มที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาอ่านดูรายละเอียดของงานที่

ต้องแก้ไขเพิ่มเติมหลังจากที่นำไปเสนอลูกค้า

   ตัวกลมๆหลากสีกำลังเด้งดึงไปบนจอมือถือ มือเล็กเลื่อนจับลูกกลมๆเด้งไปมาเพื่อให้อยู่แนวเดียวกันสีเดียวกันให้ครบห้า

ลูกแล้วจะได้คะแนน ในด่านที่หนึ่งต้องได้คะแนนอย่างต่ำหนึ่งหมื่นคะแนนในช่วงเวลากำหนดสามนาที ในด่านต่อไปคะแนนจะ

เพิ่มขึ้นเรื่อยๆแต่เวลาจะลดลงเรื่อยในแต่ละด่าน คนตัวเล็กนั่งขมวดคิ้วเมื่อแต่ละด่านเพิ่มความอยากขึ้นเขาสามารถแพ้ได้อีกสอง

ครั้งหลังจากนั้นต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่ มือเล็กหยุดเกมส์ไว้แล้วหยิบขนมขึ้นมากินคลายเคลียด เขาไม่นึกว่าเกมส์ที่ดูเหมือนง่าย

จะเล่นได้ยากอย่างนี้ยังดีที่เป็นเกมส์ให้โหลดเล่นฟรี ความนิยมก็สี่ดาวมีคนเขียนแสดงความคิดเห็นว่าเกมส์สนุก นั่นเขาก็เห็น

ด้วยเล่นง่ายไม่มีอะไรซับซ้อน เขาวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะกลางเอนหลังพิงผนักโซฟา มองไปรอบห้องที่เงียบ หันไปมองอีกคนที่

กำลังตั้งใจทำงานด้วยสีหน้าจริงจังมาเกือบชั่วโมง เขาไม่เคยได้เห็นพี่ชายที่เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กคนนี้ในมุมนี้มาก่อน หลัง

จากที่ห่างกันไปหลายปีคุยกันผ่านอินเตอร์เน็ตกันแทบทุกวันก็รู้สึกหายคิดถึงไปบ้างและดีใจที่อีกฝ่ายไม่ลืมสัญญาที่ให้ว่าจะกลับ
มา   


   วีร์วางแก้วน้ำเย็นๆไว้บนโต๊ะทำงานที่ว่างอยู่ คนที่กำลังทำงานเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้คนใจดีเอาน้ำดื่มเย็นๆมาให้เขาบอก

ขอบคุณก่อนหยิบน้ำขึ้นมาดื่ม สายตามองคนตัวเล็กกลับไปนั่งที่โซฟาเล่นเกมส์กินขนมเงียบๆ

“ปาลคะ ริต้าคิดถึงคุณจังเลย”ประตูห้องทำงานเปิดออกพร้อมกับหญิงสาวหุ่นเพรียวในชุดกระโปรงเข้ารูปสวมรองเท้าส้นสูงวิ่ง

เข้าไปหาชายหนุ่มที่กำลังนั่งทำงาน

“ริต้า คุณเข้ามาทำไม”ชายหนุ่มถามเสียงแข็งเมื่ออีกฝ่ายพยายามจะเข้ามาใกล้

ริต้าเกือบหุบยิ้มหวานลงทันทีเมื่อได้ยินคำพูดไม่สนใจและเย็นชาใส่เธอเหมือนเช่นทุกครั้งที่เห็นหน้า ผู้ชายที่ได้ยากอย่างนี้สิถึง

ถูกใจเธอ“แหมปาลทำไมต้องพูดห่างเหินกันอย่างนี้ละคะ”เธอยังไม่ละความพยายามต่อไป

“ริต้า ทำตัวดีๆหน่อยผมมีแขก ผมไม่อยากให้คนของผมเข้าใจผิด”ชายหนุ่มเตือนหญิงสาวด้วยน้ำเสียงเรียบให้เธอหยุดท่าทาง

ยั่วยวนนั้น และเหลือบตามองคนตัวเล็กที่กำลังจ้องมองมาที่เขาด้วยสายตาที่อ่านไม่ออกจนรู้สึกไม่สบายใจกลัวว่าอีกฝ่ายจะ

เข้าใจผิดเรื่องของเขากับริต้า

“โอ๊ะ โทษทีริต้าไม่ทันเห็น  ไม่รู้มาก่อนว่าคุณมีน้องชาย”หญิงสายปรายตามองเด็กหนุ่มตัวเล็กนั่งมองมาทางเธอด้วยท่าทีเฉยชา

เธอรู้สึกไม่ถูกชะตากับเด็กคนนี้เลยไม่รู้ว่าเป็นอะไรกับผู้ชายที่หมายปอง แต่สายตาที่ปาลภัทรมองเด็กคนนั้นเป็นสายตาที่เธอไม่

เคยถูกมองมาก่อน

วีร์มองหญิงสาวลูกครึ่งหน้าตาสวยที่เข้ามาในห้องกำลังพูดจาจีบปากจีบคอใสผู้ชายอย่างไม่อายเขา แล้วหน้าอกนั่นจะใหญ่ไป

ไหน ยังไงก็ไม่เกี่ยวกับเขา แต่ไม่รู้ทำไมเห็นคนทั้งสองอยู่ใกล้กันแล้วรู้สึกไม่พอใจยังไงไม่รู้ หงุดหงิด ขวางหูขวางตา นี่พี่ชาย

เขาชอบผู้หญิงแบบนี้หรอ ไม่มีดีกว่านี้แล้วรึไง ผู้หญิงคนนี้สวยแต่ไม่ผ่านไม่เหมาะจะมาเป็นพี่สะใภ้ ไม่เหมาะเลยไม่เหมาะเลย
จริงๆ

“ผมว่าคุณกลับไปเถอะผมทำงานเสร็จก็กำลังจะกลับเหมือนกัน”ชายหนุ่มวางเอกสารปิดคอมพิวเตอร์ออกปากไล่อีกฝ่ายอย่าง
สุภาพ

“ถ้าอย่างนั้นเราไปกินข้าวกันนะคะ ริต้าออกมาคนเดียวไม่มีเพื่อนกินข้าว”เธอพยายามอ้อนอีกฝ่ายให้ใจอ่อน

“คงไม่ได้ผมมีธุระต้องทำต่อ แล้วก็ไม่ได้มาคนเดียวด้วย”เขารีบปฏิเสธหญิงสาวที่แสดงท่าทางไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ และเน้นคำ

พูดที่เขาไม่ได้มาคนเดียวให้อีกฝ่ายเข้าใจ ทั้งๆที่เขาแสดงออกชัดเจนขนาดนี้แล้ว ทำไมถึงเป็นผู้หญิงที่น่ารำคาญอย่างนี้ ถ้าเธอ

ไม่ใช่นางแบบที่ทางบริษัทต้องร่วมงานด้วย ออฟฟิตเขาก็ไม่มีสิทธิ์เข้ามาเหยียบ

ถูกอีกฝ่ายปฏิเสธอย่างไม่รักษาน้ำใจ เธอก็สึกหน้าตึงขึ้นมาไม่ได้“งั้นวันนี้ริต้ากลับก่อน แล้วหลังจะมากินข้าวด้วย”พูดจบหญิง

สาวลูกครึ่งเดินสบัดก้นลงส้นเสียงดังตึกตึกออกจากห้องทำงานไป ส่วนคนที่เล่นเกมส์ยังต้องเงยหน้ามองตามเธอออกไป

   ออกจากออฟฟิตทั้งสองไปกินข้าวที่ห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ ขึ้นบันไดไปชั้นบน เดินดูมองหาร้านอาหารที่ต้องการ เลยเวลา

เที่ยงได้สักพักร้านอาหารที่เต็มไปด้วยลูกค้าก็ว่าง พวกเขาเลือกเข้าไปนั่งในร้านอาหารญี่ปุ่น สั่งเมนูอาหารแบบเซตคนละเซตไม่

นานพนักงานก็นำมาเสิร์ฟ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นแฟนพี่หรอ..”ถามยังไม่ทันจบอีกฝ่ายรีบตอบโดยไม่ต้องคิด

“ไม่ใช่”ชายหนุ่มชอบคำถามแบบสั้นๆดูเหมือนว่าจะยังไม่ชัดเจนจึงอธิบายให้อีกฝ่ายฟัง”เธอเป็นนางแบบที่ร่วมงานกับทางบริษัท

ไม่มีอะไรมากกว่านั้น”อธิบายไปแล้วสังเกตสีหน้าอีกฝ่ายที่ยิ้มพอใจกับคำตอบของเขา ชายหนุ่มรู้สึกพอใจที่คนตรงหน้าสนใจ

อยากรู้เรื่องส่วนตัวของเขา ไม่รู้ว่าคิดเป็นเองหรือกำลังเข้าข้างตัวเองเหมือนกับว่าคนตรงหน้าไม่พอใจที่เขาอยู่กับริต้า

“เธอก็ดูสวยดีนะครับ”พูดขึ้นมาลอยๆแล้วคีบไก่ทอดเข้าปากไม่สนใจรอฟังความคิดเห็นอีกฝ่าย

ริมฝีปากได้รูปโค้งขึ้นอย่างพอใจเหมือนเขาได้ยินเสียงคำพูดที่แสดงออกมาว่าไม่ค่อยพอใจริต้ามายุ่งกับเขา“พี่ไม่ชอบดูคนที่

ภายนอก”อีกอย่างเขามีคนที่ชอบอยู่แล้ว ถึงคนคนนั้นจะยังไม่รู้และเขาไม่เคยบอกออกไปก็ตามเพราะยังไม่ใจว่าอีกคนจะรู้สึก

แบบเดียวกันกับเขารึเปล่าหรือเห็นเขาเป็นแค่พี่ชายแสนดีเท่านั้น       

   มือขาวสลัดผ้าสองสามครั้งแล้วหยุดลงเปลี่ยนเป็นหยิบไม้แขวนขึ้นมาแทน เสื้อผ้าชิ้นสุดท้ายถูกแวนไว้บนราวตากผ้า

เทนนิสมองผลงานตัวเอง ยิ้มแล้วถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกโล่งที่สามารถจัดการงานตรงหน้าได้เสร็จขณะที่กำลังจะเดิน

กลับเข้าบ้านมีเสียงเล็กๆคุ้นเคยเรียกเขาไว้

“พี่จาย พี่จาย ฉายไหมอยากกินหนม”บู้ตึ้งโผล่หน้าเล็กๆอยู่ข้างรั้วเรียกพี่ชายข้างบ้านไว้ บอกให้รู้ว่าเจ้าสายไหมตัวโตน้ำลายเริ่ม

ยืดกำลังหิวขนม ถ้าสายไหมพูดได้คงต้องพูดออกมาแน่ๆว่ามันไม่ได้อยากกินเพราะแม่บ้านเอาอาหารเม็ดและขนมรูปกระดูกให้

มันแทะจนอิ่มที่มันน้ำลายยืดอยู่นี่เป็นเพราะธรรมชาติของมันเอง แต่จะให้มันทำยังไงได้เจ้านายน้อยของมันอุส่าลากมันมาจาก

หน้าบ้านเพื่อมาหาพี่ชายข้างบ้านใจดีที่ให้ขนมเนื้อไก่บดเป็นแท่งให้มันกินบ่อยๆเวลาที่มันโผล่หน้าหล่อๆมาข้างรั้ว   

“หวัดดีจอมยุทธ์น้อยทั้งสอง สายไหมด้วย”ชายหนุ่มเดินกลับมายืนข้างรั้ว มือขาวจับที่แก้มนุ่มของเด็กชายทั้งสองและลูบหัวเจ้า

ตูบตัวโตเบาๆอย่างเอ็นดู

“สวัสดีคราบ/สวัสดีคราบ/โฮ่ง”สามเสียงตอบรับคำทักทายของเทนนิสแทบพร้อมกัน

“ไม่รู้ว่าสายไหมหรือจอมยุทธน้อยทั้งสองอยากกินขนมกันแน่”เขาพูดอย่างรู้ทัน

“คิก คิก”เด็กๆหัวเราะเสียงใสเมื่อถูกจับได้ว่าเอาสายไหมมาอ้าง พวกเขาแค่อยากมาเล่นกับพี่ชายข้างบ้านวันนี้คุณยายออกไป

วัดแต่เช้าส่วนคุณน้ายังไม่ตื่นพี่ๆแม่บ้านหลังจากให้พวกเขากินข้าวเช้าเสร็จก็กลับไปทำงานปล่อยให้พวกเขาออกมาวิ่งเล่นรอบ

บ้านกับสายไหม จนมาเจอพี่ชายข้างบ้านกำลังยืนตากผ้าอยู่คนเดียวเลยอยากชวนมาเล่นด้วยกัน ไม่รู้ว่าที่บ้านพี่ชายมีอะไรเล่น

บ้างเพราะบ้านคุณยายพวกเขาวิ่งสำรวจทั่วจนเบื่อแล้ว

“หืม อยากมาเล่นที่บ้านพี่รึเปล่า”เทนนิสถามเด็กๆเหมือนรู้พวกเขาว่าต้องการอะไร

“ยากครับ/ยากครับ”จอมยุทธน้อยทั้งสองตอบพร้อมกันใบหน้าแววตาแสดงออกว่าดีใจจากคำเชิญของพี่ชาย   

“จะพากันไปซนที่ไหนอีก”เสียงทุ้มดังขึ้นจากด้านหลังเด็กๆ ชายหนุ่มร่างสูงสวมกางเกงนอนขายาวกับเสื้อยืดสีขาวในมือข้าง

หนึ่งถือถ้วยกาแฟไว้ยืนหล่อมองมาที่ทุกคน

“น้าธีร์ บู้ตึ้งกับน้องอยากไปเที่ยวบ้านพี่จาย”เด็กชายตัวเล็กทั้งสองวิ่งไปเกาะขาคุณน้า คุณน้ายืนเงียบแต่ยิ้มบางๆให้ชายหนุ่มอีก

คนที่ยืนยิ้มอยู่หลังรั้ว เขารู้สึกลำบากใจกลัวเด็กๆจะสร้างให้ปัญหาเพื่อนบ้าน

“ใกล้จะเที่ยงแล้ว น้าว่าเราน่าจะชวนพี่ชายมากินข้าวบ้านเราดีกว่า”ชายหนุ่มลูบหัวเล็กของหลานชายแล้วมองไปที่เพื่อนบ้าน

“ได้หรอฮะ”เด็กๆที่กำลังวิ่งไปรอบร่างสูงเงยหน้าถามอย่างดีใจ

“ได้ครับ”

“พี่จาย มากินข้าวบ้านบู้ตึ้งไหม”

“กับข้าวอาหย่อย”บู้ลิ้มช่วยพูดให้พี่ชายตัดสินใจง่ายโดยเอากับข้าวมาล่อ

“มาเถอะ เด็กๆอยากให้คุณมา พวกเราอยากจะทำความรู้จักกับเพื่อนบ้าน”ธีรภัทรออกปากชวน

เทนนิสยิ้มออกมาอย่างแปลกใจเมื่อเห็นทุกคนอยากชวนเขาไปกินข้าวที่บ้าน“ครับ ได้ครับ”เขาตอบรับคำชวน

   บ้านหลังใหญ่บริเวณพื้นที่กว้าง สวนถูกจัดได้อย่างร่มรื่นด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ ทางเดินจากประตูรั้วยาวจนถึงหน้าบ้าน

เทนนิสตอบรับคำชวนจากเพื่อนบ้าน เขากลับเข้าบ้านอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินเข้ามาในบ้านหลังข้างๆตามคำชวน

“พี่จาย พี่จาย นั่งข้างๆบู้ลิ้ม”เด็กชายรีบวิ่งเข้าไปหาพี่ชายข้างบ้านแล้วจูงมือชายหนุ่มมานั่งเก้าอี้ข้างๆ

“สวัสดีครับคุณป้า ผมอนุญาติเรียกอย่างนั้น”เทนนิสไหว้หญิงสูงวัยท่าทางใจดีที่นั่งยิ้มอย่างเป็นมิตรให้เขา และเด็กๆเรียกว่าเธอ

ว่าคุณยายแต่ใบหน้าหญิงสูงวัยยังดูอ่อนกว่าวัยมาก

“สวัสดีจ๊ะ เรานี่เองที่เด็กๆชอบพูดถึงบ่อยๆในที่สุดก็ได้เจอตัวจริงสักที”ทิพวรรณยิ้มให้เด็กหนุ่มหน้าตาดี ดูแล้วเธอรู้สึกว่าเด็กคน

นี้ดูเหมือนจะเป็นคนดี

“ขอบคุณนะครับที่ชวนผมมากินข้าว”เขาอยากบอกว่าชอบของฟรี สายตากำลังมองกับข้าวบนโต๊ะหลายอย่างที่กำลังส่งกลิ่นหอม

ต้มจืดเต้าหู้หมูสับ แกงส้มชะอมไข่ใส่กุ้ง ผัดผักรวมใส่หมู ไข่เจียวกุ้งสับ ปูอัดชุปแป้งทอด

“ดูเด็กๆจะดีใจมากพี่ชายข้างบ้านมากินข้าวด้วย กินเยอะๆนะแล้วพี่เทนนิสเขาจะเล่นด้วย”หญิงสูงวัยหันไปบอกกับเด็กที่กำลังนั่ง

กินข้าวทำตาแป๋วมองผู้ใหญ่คุยกัน

“ครับ/ครับ”

“กับข้าวอร่อยไหม กินเยอะๆนะลูกนานทีบ้านนี้จะมีโอกาสได้ต้อนรับแขก ธีร์ก็เหมือนกันช่วงนี้ผอมไปนะ”

“ขอบคุณครับ”ธีร์ขอบคุณที่แม่ตักกับข้าวใส่จาน

“ขอบคุณครับ”เทนนิสขอบคุณร่างสูงที่ตักกับข้าวใส่จานของเขา

“แล้วหนูอยู่ที่บ้านกับใคร”

“ผมอยู่กับเพื่อน”เขาคำตอบถามแล้วหยุดก่อนจะพูดขึ้นอีกว่า”คือพ่อกับแม่ผมเสียไปแล้ว”คำตอบของเขาทำให้ในห้องเงียบลง

“เอ่อ ป้าเสียใจด้วย”

“ไม่เป็นไรครับ”เพราะเขาทำใจได้แล้ว เทนนิสยิ้มให้หญิงสูงวัยที่ทำหน้าเสียใจที่ตั้งคำถามนี้กับเขา

“บู้ตึ้งกับน้องอิ่มแล้วพี่เทนนิสเล่นกัน”เด็กชายตัวเล็กวางช้อนลงบอกทุกคนในโต๊ะอาหารให้รู้

“เด็กๆอย่าเพิ่งกวนพี่สิ ให้พี่เขากินให้อิ่มก่อน”

“ไม่เป็นไรครับ ผมอิ่มแล้วครับ”

เด็กๆทั้งสองได้ยินคำตอบแล้วรีบปีนลงจากเก้าอี้เดินไปจูงมือพี่ชายข้างไปเข้าไปในห้องนั่งเล่น ทิพวรรณหันไปมองหน้าลูกชาย

ที่กำลังยิ้มมองตามทั้งสามคนไป

   ของเล่นในกล่องพลาสติกใบใหญ่สองกล่องถูกลากออกมา บนพื้นห้องนั่งเล่นที่ปูไปด้วยพรมนุ่ม เด็กๆต่างเอาของเล่นของ

ตัวเองมาโชว์ให้เทนนิสดู ว่าพวกเขามีอะไรบ้าง เขาเห็นตัวต่อหลายขนาดหลากสีจึงได้ชวนเด็กๆสร้างปราสาทขึ้น ก่อนอื่นเขาให้

เด็กวาดภาพออกมาว่าต้องการสร้างปราสามเป็นแบบไหน กระดาษเปล่าขนาดเอสี่ถูกเด็กๆวาดความคิดจินตนาการลงไปทีละรูป

พร้อมทั้งอธิบายว่ามันคืออะไร ภาพวาดของเด็กไม่กี่ขวบทำให้ชายหนุ่มต้องขมวดคิ้วมองบางครั้งต้องหัวเราะออกมาเมื่อเฉลยว่า

มันภาพอะไร เมื่อได้ภาพที่ต้องการแล้วเด็กทั้งสองคนช่วยต่อเติมส่วนเทนนิสคอยให้ความช่วยเหลือข้างๆ เสียงหัวเราะเสียงพูด

คุยของทั้งสามคนอยู่ในสายตาธีรภัทรที่นั่งมองอยู่ไม่ไกล เขาดีใจที่หลานชายทั้งสองได้เพื่อนใหม่ แล้วรู้สึกชอบเพื่อนบ้านคนนี้

เหมือนที่เด็กๆชอบ

“เด็กๆถึงเวลานอนกลางวันแล้ว”ทิพวรรณเดินเข้ามาในห้องพร้อมพี่เลี้ยงบอกให้หลานชายทั้งสองไปนอน จอมยุทธทั้งสองออก

อาการงอแงเล็กน้อยยังไม่อยากไปนอนเพราะพวกเขากำลังสนุกอยู่

“ไปนอนเถอะเดี๋ยววันหลังพี่จะมาเล่นด้วย”บู้ลิ้มนั่งอยู่บนตักพี่ชายข้างบ้านหันมองหน้า

“สัญญานะ”บู้ลิ้มวางมือจากของเล่นถามพี่ชายข้างบ้าน

“สัญญาครับ”

หลังจากทำสัญญาเกี่ยวก้อยพี่เลี้ยงจูงมือเด็กๆเดินขึ้นบ้านไป เทนนิสมองเห็นหญิงสูงวัยกำลังถือถาดอาหารว่างออกมาจากครัว

“ให้ผมช่วยไหมครับ”

“ขอบคุณจ๊ะ ยังไงป้ารบกวนช่วยเอาของว่างไปให้พี่เขาหน่อย”ทิพวรรณชี้ออกไปด้านนอกที่มีศาลาขนาดกลางในสวนใต้ต้นไม้

“ครับ”

เทนนิสเดินเข้าไปในสวนด้านหลังบ้านที่มีต้นสูงหลายต้น สวนสีเขียวถูกดูแลอย่างดี เขาเดินตามทางเดินที่ปูด้วยตัวหนอนหิน

กรวด เขาเดินเข้าไปในศาลาเห็นชายหนุ่มกำลังนั่งจ้องจอโน๊ตบุ๊คอยู่

“พักก่อนไหมครับ”มือขาววางถาดอาหารว่างลงบนโต๊ะ

เสียงนุ่มดังขึ้นทำให้ธีรภัทรที่กำลังนั่งอ่านข้อความบนหน้าจอเงยหน้าขึ้นมองไม่นึกว่าจะเป็นเพื่อนบ้านที่ยกของว่างมาให้“เอ่อ

อ้อ ขอบคุณครับ คุณจะกลับแล้วหรอ”มองเพื่อนบ้านที่ยืนมองออกไปรอบๆสวน

“ครับ พี่เลี้ยงพาเด็กๆไปนอนกลาวันแล้ว”

“เหมือนเด็กๆจะชอบคุณมาก”

“ใช่ เพราะผมหน้าตาดี”ชายหนุ่มตอบแล้วมองหน้าอีกคนที่ทำเหมือนจะยิ้มออกมา

“คุณยิ้มแล้ว”

“หึ”

“ผมเห็นคุณดูเครียดๆเลยพูดให้คุยสบายใจขึ้น”

“คุณคงลำบากมาก”

“แต่ไม่ลำบากเท่าคุณ เพราะอย่างน้อยผมก็มีวันหยุดตั้งสองวันทุกๆสัปดาห์ส่วนคุณต้องมานั่งทำงานในวันหยุด”เทนนิสมองหน้า

อีกกฝ่าย เหมือนจะเถียงหรือที่เขาพูดไม่จริง เขาไม่รู้ความหมายของคำว่าลำบากอีกฝ่ายแต่สำหรับเขาไม่มีคำคำนั่นในสมอง

“ฮึ ฮึ อาจจะจริงดูเหมือนว่าผมจะลำบากกว่าคุณ”คำพูดของอีกฝ่ายทำให้เขาต้องหัวเราะออกมา เด็กคนนี้มองโลกต่างจากเขา

เป็นคนที่น่าสนใจจริงๆ



************************************************************************

โปรดติดตามตอนต่อไป


หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 5] 22/11/2559
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 22-11-2016 16:39:31
เราว่า ปาลภัทรคู่วีร์
ส่วนเทนนิสนี่รอลุ้นระหว่าง ธีรภัทรกับเป็นเอกว่าใครจะเข้าวินเป็นพระเอก

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 6] 9/12/2559
เริ่มหัวข้อโดย: jaengsRU ที่ 09-12-2016 14:04:41

Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก
ตอนที่ 6
[/size]

หน้าห้างสรรพสินค้าขนาดกลางชื่อดัง บริเวณประตูทางเข้าที่มีคนเข้าออกตลอดเวลา พนักงานประจำร้าน chicken caféสองคน

กำลังยืนแจกใบปลิวแนะนำเมนูอาหารใหม่

“เบอร์เกอร์ปลาแซวม่อนกับซอสเปรี้ยว”เทนนิสพลิกอ่านกระดาษใบปลิวสำหรับโฆษณา รูปภาพแฮมเบอร์เกอร์ชิ้นโตถูกตกแต่ง

จนสวยและน่ากิน

“น่าอร่อยดี ราคาเปิดตัวแค่ 59 บาท”วีร์ที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามเดินมาหยุดข้างๆเพื่อน เมนูใหม่โฆษณาออกทางโทรทัศน์มาได้หลาย

วันแล้ว พวกเขาเลยทำหน้าที่นำใบปลิวมาแจก ยืนทำงานมาเกือบชั่วโมงมองเข้าไปในร้านลูกค้าเยอะเป็นปกติเหมือนทุกวัน เมนู

ใหม่น่าจะเรียกลูกค้าเพิ่มขึ้นได้ ใบปลิวในมือหมดแล้ว จากนั้นพวกเขากลับเข้าร้านแยกย้ายทำงานของตัวเอง

“พี่เทนนิส สวัสดีค่ะ”เสียงหญิงสาวดังมาก่อนตัว

ชายหนุ่มยิ้มให้หญิงสาวที่เดินตรงเข้ามาหาเขาด้วยรอยยิ้ม“สวัสดี เป็นไงบ้างไปเข้าอบรมหลายวันได้อะไรมาเยอะเลยสิ”เทนนิส

หยิบถ้วยกาแฟออกจากเครื่องล้างอัตโนมัติจัดถ้วยกาแฟสีขาวไว้บนชั้นตามขนาดของมัน

“สนุกดีค่ะ ได้กินกาแฟฟรีจนตอนกลางเกือบนอนไม่หลับและได้เจอเพื่อนต่างสาขาด้วย”ปลาเล่าเรื่องที่ได้มีโอกาสเข้าไปฝึก

อบรมที่ออฟฟิตหลัก เธอรู้สึกสนุกกับมัน

“ใครเป็นคนสอนชงกาแฟ”

“พี่แชมป์ค่ะ แกสอนเก่งมากเลย”ทั้งๆที่ปกติเธอเห็นแต่พี่แชมป์ถือเอกสารเดินไปเดินมาและนานทีจะเห็นเข้าร้าน ไม่นึกว่าจะชง

กาแฟเก่งขนาดนี้

“อืม ได้อาจารย์ดีถ้าอย่างนั้น  วันนี้ก็พร้อมแสดงฝีมือได้แล้วซิ”

“ปลาคิดว่าน่าจะทำได้”เธอรู้สึกกังวลอยู่บ้างถ้าต้องทำจริงๆ

“วันนี้เอาเอกสารที่ไปอบรมมาไหม”

“ค่ะ นั่นปลาวางไว้บนเคราเตอร์ด้านหลัง”เธอชี้ไปมุมด้านหลังบริเวณหลบมุมกล้องวงจรปิด

“เอกสารเหมือนตอนที่พี่เข้าอบรมเลย ผ่านมาหลายปีแล้วยังใช้แบบเดิมอยู่อีก”เขาเปิดเอกสารข้างในอธิบายวิธีชงกาแฟหลาย

แบบ”แล้วจำสูตรกาแฟในนี้ได้ไหมดแล้วรึยัง”

“ยังไม่แม่น แต่ที่แน่ใจที่สุดคงเป็น Espresso และ Americano”

“ใช่กาแฟดำและกาแฟดำผสมน้ำร้อน ตอบอย่างนี้คนสอนคงช้ำใจตาย อย่าลืมนะพี่แชมป์ประจำสาขานี้”

“พี่เทนนิสอย่าขู่หนูสิ พี่แชมป์ยิ่งหน้ากลัวอยู่ด้วย”

“พี่ไม่ได้ขู่ แต่เดี๋ยวพี่เขาจะเรียกทดสอบหลังการอบรม ประมาณเทนเนอร์ติดตามผลนะ”มันเป็นการรักษามาตรฐานของพนักงาน

รวมไปถึงพนักงานที่ทำงานมานานอย่างเขาก็ต้องถูกทดสอบเหมือนกัน เขายิ้มให้รุ่นน้องเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลแล้วกลับไป

ทำงานตัวเองต่อ เทนนิสเช็คจำนวนนมสดในตู้เย็นก่อนเดินไปที่ห้องเย็นเอานมสดออกมาเพิ่ม นำแก้วสำหรับใส่เครื่องดื่มร้อน

เครื่องดื่มเย็นฝาปิด น้ำตาล ช้อนคน ออกมากห้องเก็บของด้านหลังร้านออกมาเติม จากนั้นเขาล้างถ้วยกาแฟที่แช่อยู่ในอ่างล่าง

จานแล้วคว่ำถ้วยที่ล้างเสร็จใส่ในเครื่องล้างจานอัตโนมัติปล่อยให้เครื่องทำงานเอง ปลาและพนักงานคนอื่นอยู่ประจำหน้าเคา

เตอร์ เขามองรุ่นน้องทำหน้าที่ชงกาแฟอย่างตั้งใจถึงบางครั้งจะช้าไปบ้างแต่ก็ได้พนักงานคนอื่นคอยช่วยให้คำแนะนำ ทำงานอยู่

หลายชั่วโมงในที่สุดก็ถึงเวลาเลิกงาน เขากลับเข้าไปหลังร้านเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องพักพนักงาน

“เทนนิส ถามหาพี่มีอะไรรึเปล่า”เท็นผู้จัดการร้านเดินเข้ามาชายหนุ่ม

“เรื่องที่ผมเคยบอกก่อนหน้าว่าจะเลิกทำงานที่นี่”

“ทั้งเทนนิสและวีย์ใช่ไหม”เท็นถามชายหนุ่มทั้งสองที่กำลังยืนเปลี่ยนเสื้อในห้องพักของพนักงาน

“ครับ”

“ได้ไม่มีปัญหา แต่พี่ขอเวลาสักพักนะถ้าออกตอนนี้พี่หาคนมาแทนไม่ได้ ยิ่งร้านกาแฟมันเป็นอะไรที่ยุ่งยากอย่างที่รู้”

“ได้ครับผมกับวีร์ไม่มีปัญหา”

“ขอบคุณจ้า กลับบ้านดีๆล่ะเด็กๆ”พูดเสร็จแล้วเธอเดินกลับออกไป

“โอ๊ย ปวดขาชะมัดยืนมาทั้งวัน”วีร์บ่นแล้วนั่งลงบนเก้าอี้หยิบโทรศัพท์ที่กำลังสั่นเบาๆออกมาดูทำให้รู้ว่าคนที่โทรศัพท์มาบอกว่า

จะมารับหลังเลิกงานมาถึงแล้ว เขาปล่อยให้โทรศัพท์สั่นอยู่สักครู่แล้วส่งข้อความตอบกลับให้อีกฝ่ายรอก่อน

”วันนี้ร้านใหญ่คนลาเยอะเลย ฉันวิ่งวุ่นเลยตอนบ่าย แล้วผู้จัดการคนใหม่เหมือนจะมีปัญหากับฉันด้วย”วีร์ตัดสินใจพูดเรื่องที่เกิดขึ้น

“หืม ยังไง”เทนนิสรู้สึกแปลกใจที่มีคนมีปัญหากับเพื่อนของเขา

“ไอ้นั่นมันตะโกนว่าฉันไม่ยอมกดลบเมนูที่ complete แล้วฉันอยู่หน้าเคาเตอร์ต้องรับลูกค้าคิดเงินแล้วต้องจัดอาหารอีก”เขา

พยายามพูดช้าๆเพื่อระงับอารมณ์ที่ยังหลงเหลืออยู่ พูดแล้วก็รู้สึกโมโหเรื่องเล็กแค่นี้ต้องตะโกนว่าเขาเสียงดังด้วยมันไม่ใช่เรื่อง
เลย

“แล้วนายไม่ตะโกนกลับไปบ้างว่าแทนที่เอาเวลาตะโกนว่านาย ทำไมไม่ลบมันออก”

“ฉันทำไปแล้ว รู้ไหมมันว่ายังไงต่อ”เขาถามอีกฝ่าย เทนนิสส่ายหน้าไม่อยากเดาเป็นคำตอบ “มันว่าฉันเป็นแค่พนักงานมันเป็นผู้

จัดการร้าน”เทนนิสมองหน้าเพื่อนเงียบๆอย่างเข้าใจความรู้สึก คงหมายถึงพวกเขาเป็นพนักงาน Past-time ไม่ใช่พนักงานประจำ

หรือมีความรู้แค่มัธยมปลายคงเทียบไม่ได้กับคนที่จบปริญญาตรีและเป็นผู้จัดการร้าน ก็ไม่ใช่ลูกจ้างอย่างพวกเขารึไงที่ทำงานให้

วันหยุดไม่มีคนก็ต้องมาช่วย ถ้ามีคนพูดกับเขาอย่างนี้เป็นเขาคงเดินหนีหรือทำอะไรมากกว่านั้น เพื่อนของเขาระงับอารมณ์ได้ดี

มาก ไม่รู้ว่าเรื่องเกิดตอนไหน เพราะร้านใหญ่จะตะโกนหรือเสียงดังเป็นปกติ เขามองแววตาเพื่อนยังหลงเหลือร่องรอยความไม่

พอใจปรากฏอยู่ มิน่าตอนที่พี่เท็นเข้ามาวีร์ถึงไม่มองหรือไม่สนใจเลย

“ช่างมันเถอะ พรุ่งนี้วันหยุดแล้วพักให้หายเหนื่อยแล้วค่อยมาลุยกันต่อ”เขาพูดให้เพื่อนลืมทำงานเหนื่อยมาหลายชั่วโมงได้พัก

ผ่อนบ้างมันอาจจะดีขึ้น

“อืม ต่อไปพวกเราลดเวลางานดีไหม ฉันไม่อยากเจอหน้ามันบ่อย”ฟังจากน้ำเสียงอีกฝ่ายทำให้เทนนิสรู้ได้ว่าเพื่อนเขาไม่พอใจผู้

จัดการคนใหม่มากๆ

“ได้ตามนั้น ไม่มีปัญหาใกล้สอบแล้วด้วย รายงานก็เยอะเดี๋ยวก็จะสอบย่อยอีก”เทนนิสยอมรับฟังความคิดเห็นของเพื่อน ไหนๆก็

ต้องออกอยู่แล้วลดเวลาทำงานที่แน่นให้เหลือน้อยลงบ้างก็ดี เพราะถ้าไม่มีคนทำงานอยากรู้ว่าผู้จัดการจะทำอย่างไร แต่ยังไง

เขาก็อยากให้ทุกอย่างจบด้วยดีทั้งสองฝ่าย

“ขอบใจนะ อาจจะงี่เง่าไปหน่อยแต่ฉันรู้สึกแย่กับมันจริงๆ”

“ไม่เป็นไร สบายใจขึ้นแล้วใช่ไหมกลับเถอะ พี่ปาลรอนานแล้ว”

วีร์มองหน้าจอที่มีคนโทรเข้ามา พี่ปาลคงรอนานแล้ว“นายก็กลับดีๆล่ะ”เขาเก็บของลงกระเป๋าแล้วรีบเดินออกจากร้าน เทนนิส

มองเพื่อนที่เดินออกไปแล้ว เอาละดึกแล้วเขาก็คงต้องกลับแล้วเหมือนกัน พรุ่งนี้วันหยุดเขาจะนอนตื่นสายๆแค่คิดก็มีความสุขจะ
แย่แล้ว



   ในบ้านหลังใหญ่หญิงสูงวัยและแม่บ้านกำลังช่วยกันจัดโต๊ะอาหารสำหรับมื้อเช้า อาหารถูกนำมาเตรียมไว้อย่างเรียบร้อย

สมาชิกทุกคนในบ้านทยอยมานั่งรวมที่โต๊ะ

“ปืนตื่นเช้าเลยวันนี้มีธุระหรอลูก”ปรีญาวรรณถามลูกชายที่เดินลงมาจากชั้นบนมานั่งลงบนเก้าอี้ เธอมองลูกชายคนโตที่แต่งตัว

เหมือนกำลังจะออกไปข้างนอก

“ครับ ผมว่าจะออกไปทำธุระสักหน่อย”ชายหนุ่มตอบแล้วลงมือกินข้าว

“พักผ่อนบ้างนะลูก ตั้งแต่กลับมาแม่เห็นปืนทำงานตลอดเลย”เธอพูดกับลูกชายอย่างเป็นห่วงเพราะตั้งแต่กลับมาจากต่าง

ประเทศก็ถูกบังคับให้เข้าไปเรียนรู้งานในบริษัท

“ลูกมันต้องเรียนรู้งานคุณก็รู้เรากำลังมีปัญหา แล้วเปรียวยังไม่ตื่นอีกหรอ”อติพจน์ถามถึงลูกสาวอีกคนที่ควรจะมานั่งกินข้าวด้วย
กัน

“เมื่อคืนแจ่มบอกว่ากลับดึกค่ะ”เธอช่วยแก้ตัวให้ลูกสาว

“กลับดึกหรือกลับเช้า ผมได้ยินเสียงตอนตี 3 นี่เอง”เขาพูดอย่างรู้นิสัยลูกสาวคนนี้ดี ไม่รู้ว่าที่นิสัยเป็นแบบนี้เพราะส่งไปอยู่เมือง

นอกตั้งแต่เด็กๆหรือเป็นเพราะคนเลี้ยง

“ลูกต้องมีเพื่อนเข้าเรียนมหาวิทยาลัยต้องปรับตัวบ้าง”เธอก็รู้สึกเป็นห่วงลูกสาวเหมือนกัน ตั้งแต่กลับมาก็เที่ยวกลางคืนตลอด

กลับมาบางวันก็สว่าง

“เอาเถอะ คุณก็ช่วยช่วยดูแล้วกัน เพราะช่วงนี้ผมยังยุ่งเรื่องบริษัท”

“ผมอิ่มแล้วขอตัวก่อนนะครับ”ชายหนุ่มรวบช้อนส้อมไว้ ถึงกับข้าวตรงหน้าจะอร่อยแค่ไหนแต่บรรยากาศมันไม่เหมือนบ้านก็

ทำให้ความยากอาหารลดลง พ่อที่ไม่สนใจลูกนอกจากตัวเองบังคับเขาในทุกๆเรื่อง แม่ที่ฟังแต่พ่อเถียงอะไรไม่ได้ น้องสาวที่ถูก

ส่งไปอยู่เมืองนอกตั้งแต่เด็กไม่สนใจเรียนเอาแต่เที่ยว เขาน่าจะชินได้แล้วครอบครัวที่เหมือนจะมีครบทุกอย่างที่จริงไม่มีอะไร
เลยซักอย่าง

“ทำไมกินน้อยจังเลยหรือกับข้าวไม่อร่อย”ปรีญาวรรณถามอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นลูกชายกินเข้าไปไม่กี่คำ

“ไม่ครับกับข้าวฝีมือแม่อร่อยที่สุดเลยแต่ผมมีนัดเลยต้องรีบไป”ชายหนุ่มพยายามพูดให้มารดาไม่เป็นกังวล

“ไม่รู้ว่าจะรีบไปไหน”

“จะไปไหนได้ถ้าไม่ไปหาไอ้เด็กนั่น”อติพจน์พูดขึ้นมาอย่างรู้ดี

“คุณคะ นั่นหลานชายคุณนะคะ”

“ฉันไม่เคยคิดว่ามันเป็นหลาน”เขาเกลียดมันเหมือนที่เขาเกลียดพ่อของมัน ที่จริงมันน่าจะตายไปกับพ่อกับแม่มันในอุบัติเหตุ

รถยนต์นั่น ไม่น่าให้มันมานั่งถือหุ้นในบริษัทอย่างสบายใจได้เหมือนทุกวันนี้

   ปืนขับรถออกมาจากบ้านตรงไปหาคนที่เขาส่งข้อความไปหาเมื่อคืนว่าจะไปหา เขาเข้าไปเรียนรู้งานในบริษัทตลอดหลาย

สัปดาห์เขารู้สึกเหนื่อยเบื่อหน่ายที่ต้องไปเจอสายตาของคณะผู้บริหาร พนักงานที่ดูถูกว่าเขาใช้ชื่อของพ่อเข้าไปทำงาน ระบบ

การทำงานในบริษัทค่อนข้างจะมีปัญหา คนในองค์กรขาดความสามัคคี คงเป็นเพราะผู้นำพ่อของเขามีความน่าเชื่อถือไม่มากพอ

ปัญหามันคงเกินจะแก้ไขพ่อจึงต้องเตรียมรับมือ

ขับรถออกมาได้สักพักก็ถึงหน้าบ้านคนที่เขานัดไว้ ไม่รู้ว่าจะตื่นรึยังเพราะตอนนี้เพิ่งจะเก้าโมง เขาจอดรถไว้หน้าบ้านแล้วใช้

กุญแจสำรองที่ได้มาเปิดเข้าไปในบ้านที่ยังเงียบอยู่เท่านี้ก็เดาได้ไม่ยากว่าเจ้าของยังหลับอยู่ชั้นบน เขาเดินขึ้นไปชั้นบนบ้านที่

เขาเคยอยู่ก่อนที่จะไปเรียนต่อต่างประเทศ บ้านที่ให้ความรักและความอบอุ่นในขณะที่เขาไม่เคยได้รับจากครอบครัวของเขา

ผ่านห้องนอนของคุณอาทั้งสองที่ปิดประตูไว้สนิท ห้องนอนเก่าของเขาที่แอบหนีความวุ่นวายกลับมาที่นี่บ่อยๆ จนมาหยุดเท้าที่

หน้าห้องนอนน้องชาย มือหนาหมุนลูกบิดแล้วผลักประตูเข้าไปข้างใน

ในห้องอากาศเย็นสบายเพราะเครื่องปรับอากาศยังทำงานอยู่ ชายหนุ่มเดินสำรวจห้องกว้างที่มีโต๊ะทำงานมีชั้นวางหนังสือสอง

สามหลังตั้งไว้รอบๆกั้นไว้เหมือนเป็นห้องทำงานเล็กๆ เขาเดินไปหยุดที่เตียงเดี่ยวที่ว่างอยู่นั่งลงมองคนนอนหลับสบายอยู่อีก

เตียง บ้านหลังนี้ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายไม่ต้องคอยคิดหรือกังวลเรื่องต่างๆ ชายหนุ่มนั่งคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปเรื่อยจนคนที่นอน

บนเตียงขยับตัวแล้วลืมตาตื่น

“อ้าว พี่ปืนมาแต่เช้าเลย มีอะไรรึเปล่า”เทนนิสมองเห็นว่าเป็นคนใครก็ขยับตัวนอนตะแคงมองหน้าพี่ชายที่หายไปหลายสัปดาห์

อยู่ๆก็โผล่มาแต่เช้า ไม่ใช่ซิเมื่อวานส่งข้อความบอกว่าจะเข้ามาหา ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรแต่ดูจากสีหน้าทำให้รู้ได้ว่าคงเป็นเรื่องที่

ทำให้คนตรงหน้ารู้สึกลำบากใจ

“ไม่เช้าแล้วสายแล้ว ตื่นเถอะไปหาอะไรกินกัน”ปืนบอกคนที่ยังไม่ยอมลุกจากเตียง นอนหัวฟูส่งยิ้มมาให้ ถ้าเขาเป็นผู้หญิงคน

หลงเสน่ห์น้องชายเขาไม่ยาก ฉลาด ขี้เล่นนิดๆ มองโลกในแง่ดี หน้าตาดี

“เป็นอะไร มีเรื่องไม่สบายใจอะไรอีก”เทนนิสถามคนที่ท่อสังขารมาปลุกเขาชวนไปกินข้าวแต่เช้า บ้านไม่มีข้าวให้กินรึไงเดือด

ร้อนคนจะหลับจะนอน

“ฮึ ทำเป็นรู้ดีไม่มีอะไรหรอก”

“ฮ้าว ไม่รู้รึไงว่าวันนี้มันวันหยุด“คนบนเตียงลุกขึ้นนั่งมองอีกคนที่ทำหน้าไม่ทุกข์ที่มารบกวนคนอื่นแต่เช้า”เมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็

ดึกแล้ว”เทนนิสลุกจากเตียงไปหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำปากก็บ่นไปด้วย ปืนนั่งยิ้มกับท่าทางของน้องชายถึงปากจะบ่นแต่ก็
ยังรีบตื่น

เขาลุกเดินไปที่โต๊ะทำงานหยิบกรอบรูปอยู่บนโต๊ะขึ้นมาดู ในนั้นมีคุณอาทั้งสองน้องชายและเขาทุกคนกำลังยิ้มให้กล้อง วันเวลา

ของความสุขมันมักผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยที่เราไม่เคยคาดคิด เขาจ้องมองภาพในความทรงนั้นอยู่สักพักจนได้ยินเสียงเรียกเขา

วางรูปลงที่เดิมแล้วออกไปจากห้อง

   วันหยุดเทนนิสอยากอยู่บ้านแทนที่จะต้องนั่งเผชิญกับรถติด ควันพิษ และฝูงคนออกมาเดินห้างสรรพสินช่วงวันหยุด ห้าง

สรรพสินค้ามักจะมีโปรโมชั่นเรียกให้คนออกมาจับจ่ายใช้สอยช่วงวันหยุดมันเป็นการสนับสนุนให้คนไทยใช้เงินมากกว่าการ

อดออมนั่นเป็นเหตุผลที่คนไทยยังยากจนและมีหนี้สินภาคครัวเรือนเป็นอันดับแรก

เข้ามาในห้างสรรพสินกลางมหานครนานครั้งจะได้มีโอกาสมาสักครั้งคนยังเยอะเหมือนเดิม เทนนิสกวดสายตาไปรอบๆลานโปร

โมชั่นของห้างสินค้าลดราคา ป้ายสีแดงเขียนว่า SALE 50- 70% ตัวขนาดใหญ่พร้อมเชิญชวนให้คนเดินเข้าไปชมสินค้า ทำให้

หลายคนอดใจไม่ไหวเดินเข้าไปข้างใน

“อยากกินอะไร”เสียงของคนที่ยืนอยู่ข้างๆทำให้เทนนิสรู้ถึงจุดประสงค์ของการมาอยู่ที่นี่

“ข้าวมันไก่ ข้าวขาหมู สุกี้ทะเล ก๋วยเตี๋ยวไก่ แล้วก็”เทนนิสกำลังจะพูดชื่อกับข้าวต่อก็ถูกพี่ชายหยุดไว้

“พอก่อน นี่ไปอดยากมาจากไหน มิน่าทำไมถึงผอมอย่างนี้”ปืนยิ้มให้ท่าทางขี้เล่นของน้องชาย

“พูดเล่นไปกินหม้อร้อนบุพเฟ่ดีกว่า มีอะไรให้เลือกกินเยอะเลย”

“ได้ไม่มีปัญหา ตามใจเจ้ามือเลย”ชายหนุ่มพูดแล้วมองหน้าคนอายุน้อยกว่าทำสีหน้าไม่ค่อยพอใจ

เทนนิสกอดอกหรี่ตามองพี่ชายที่สูงกว่าอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่“ถ้าตามใจเจ้ามือก็คงต้องกลับบ้านไปต้มบะหมี่กินคนละซอง

อ้อมีไข่ไก่ให้ด้วยสนใจปะ”เอาสิพี่ชายคุณจะหาอะไรกินที่นี่หรือจะกลับไปกินบะหมี่เลือกเอา

“ล้อเล่นน่า พี่พามาก็ต้องเลี้ยงสิ”

“พูดอย่างนี้ ให้สมกับที่แหกขี้ตาตื่น ฝ่ารถติดมาด้วยหน่อย”เทนนิสยิ้มอย่างผู้ชนะ คอยดูเถอะรบกวนเวลานอนในวันหยุดของเขา

เรื่องไม่จบแค่ที่ร้านอาหารบุพเฟ่นี่แน่นอน เขาเดินนำเจ้ามือเข้าไปในร้านอาหารที่ยังว่างอยู่หลายที่เพราะห้างสรรพสินค้าเพิ่งเปิด

ได้ไม่ถึงชั่วโมง ทั้งสองเลือกที่นั่งได้แล้วต่างแยกย้ายไปตักอาหาร เทนนิสเดินรอบเคาเตอร์อาหารที่มีของสดอยู่เต็มจนเลือกไม่

ถูก เขาเลือกหยิบอาหารใส่ถาดจนพอใจกลับมานั่งที่โต๊ะมีหม้อที่เต็มไปด้วยน้ำซุปตั้งอยู่บนเตาไฟฟ้าที่ถูกพนักงานเปิดไว้ให้แล้ว
เรียบร้อย

หนึ่งชั่วโมงสี่สิบห้านาทีเป็นเวลาที่ทางร้านกำหนดเขาต้องกินให้เสร็จภายในเวลาที่กำหนด น้ำซุปในหม้อเริ่มเดือดเทนนิสใส่

เบคอนที่สไลด์เป็นชิ้นบางๆ เนื้อหมูเนื้อไก่หมักด้วยเครื่องปรุงพิเศษทางร้าน เนื้อปลาที่ถูกแล่ออกมาเป็นชิ้นๆวางอยู่บนถาดคอน

โดที่เรียงเป็นชั้นไว้ ตามด้วยปลาหมึก กุ้ง ข้าวโพดอ่อน ผักบุ้ง ผักกาดขาววุ่นเส้นและไข่ไก่ รอไม่นานผักและเนื้อสัตว์ในหม้อก็สุก

“จะบอกได้ยังว่ามีเรื่องอะไรไม่สบายใจ”เทนนิสลดปุ่มที่เตาให้ไฟเบาลงแล้วเริ่มตักเนื้อสัตว์ผักออกมาใส่จานไว้ เขาตักพริก

กระเทียมสับและบีบมะนาวลงในถ้วยน้ำจิ้ม จากนั้นคนทุกอย่างให้เข้ากัน

“ทำไมถึงคิดว่าพี่มีเรื่องไม่สบายใจ”

”เมื่อเช้าออกจากบ้านมาส่องกระจกบ้างรึเปล่า อืม เบค่อนกับหมูหมักอร่อย”

ปืนเลิกคิ้วขึ้นกับคำถามของน้องชาย“ทำไมมันดูแย่ขนาดนั้นนั้นเลยหรอ”

“ไม่หรอกแค่คิ้วแทบผูกโบว์ หน้าตาเหมือนคนอดนอน แล้วก็”

“พอเถอะ เรานี่ไม่น่าโตเลยตอนเด็กๆออกจะน่ารัก เดินตามพี่ตลอด”

“โตแล้วไม่น่ารักแต่ก็หล่อนะ แล้วก็ยังเป็นห่วงพี่ชายเหมือนเดิมเหมือนที่พี่เป็นห่วงผม”เขายิ้มให้พี่ชายที่บอกว่าหิวแต่นั่งกินผัก
จากหม้อไม่กี่ชิ้น

“ถ้าวันหนึ่งพี่ไม่สามารถรักษา Happy Mall ไว้ได้..”

“ช่างมันไม่เป็นไร ผมคิดว่าพี่ทำดีที่สุด ในขณะที่ผมทำอะไรไม่ได้เลย”เขาตอบอย่างไม่ใส่ใจเพราะถ้าพี่ชายไม่ช่วยเขาแม้แต่ที่

ซุกหัวนอนก็จะไม่มี 

“พี่อยากจะทำ Mini Martหรืออะไรทำนองนั้น”ชายหนุ่มพูดความคิดของตัวเองออกมา เทนนิสหยุดกินแล้วมองหน้าพี่ชายรอฟัง

คำอธิบายเพิ่มเติม ถ้าลองพูดขึ้นมาพี่ชายเขาคงแน่ใจอะไรในหลายๆอย่าง

“ร้านสะดวกซื้อ ที่พ่อเคยคิดจะทำนะหรอ ผมว่าร้านกาแฟก็สนใจนะ”ถ้าจะเริ่มต้นทำอะไร ทำแบบเล็กๆเป็นความคิดที่ดี

“ใช่ พี่ลองศึกษาดูแล้วตั้งแต่ที่อยู่ที่โน่น และมีเงินก้อนหนึ่งได้จากเสี่ยงดวง”เขาไม่อยากเสียเวลาให้บริษัทนี้อีกแล้ว และรู้สึกดีที่

น้องชายเห็นด้วยกับความคิดของเขาแม้ทุกอย่างกำลังอยู่ในขั้นเริ่มต้นแต่ก็มีแนวโน้มจะเป็นไปได้ด้วยดี

“หมายความว่า Happy Mall คงต้องเปลี่ยนเจ้าของใช่ไหม”ไม่รู้สึกแปลกใจเลย เพราะคนที่บริหารเป็นผู้ชายที่เห็นแก่ตัวคนนั้น

และมักคิดว่าตัวเองรู้เก่งไปซะทุกอย่างแต่ที่จริงไม่ใช่       

“ตอนนี้มีผู้ถือหุ้นหลายคนกำลังจะปล่อยถ้ามันตกไปกว่านี้ แต่มันก็เป็นสิทธิ์ของพวกเขา”

“พี่อยากได้คนร่วมหุ้นบริษัทใหม่ละสิ แต่ตอนนี้ผมมีแค่ 10 บาทที่เหลือติดไว้ก่อน”เทนนิสพูดติดตลกให้พี่ชายหายกังวล

“ได้”

“ถ้ามีอะไรที่ผมพอจะช่วยได้ก็บอก แต่กองทัพเดินด้วยท้อง ของในหม้อยังเหลืออยู่เยอะผมกินคนเดียวไม่หมด หรือจะเอาของ

หวานไหมกินแล้วจะได้หายเครียด”การได้พูดอะไรออกมาบ้างทำให้ชายหนุ่มสบายใจขึ้น ปืนคิดถูกที่ออกมาหาอะไรกินข้างนอก

กับน้องชาย ทั้งสองกลับมาสนใจอาหารในหม้อต่อเปลี่ยนหัวข้อพูดคุยเป็นเรื่องทั่วไป สีหน้าเคร่งเครียดเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม

และอารมณ์ที่ผ่อนคลาย หลังจากกินจนอิ่มแล้วทั้งสองเดินย่อยดูเสื้อผ้า

“พี่เทนนิส”เสียงหญิงสาวดังขึ้นทำให้ชายหนุ่มทั้งสองหันมาสนใจเธอ หญิงสาวในกางเกงยีนสามส่วนเสื้อยืดสีขาวพิมพ์ลายกับ

รองเท้าผ้าใบสะพายกระเป๋าเป้เดินเข้าไปหาชายหนุ่ม

“ธาร มาเที่ยวหรอ”

“ค่ะ พอดีมาดูหนังกับเพื่อนๆเพิ่งแยกกันเมื่อกี้ พี่เทนนิสมาเที่ยวหรอคะ สวัสดีค่ะพี่ปืน”เธอทักทายพี่ชายของพี่รหัส

“สวัสดีครับ”ปืนทักทายน้องรหัสคนสวยของน้องชาย

“ยังไงธารขอตัวก่อนนะคะ พอดีมีนัดต่อ”เธอขอตัวแล้วเดินลงไปชั้นล่าง ปืนยังมองตามร่างหญิงสาวจนลับตาไปในฝูงคน

“ไม่ตามไปล่ะตอนนี้ยังทันนะ”เขายิ้มให้พี่ชายอย่ารู้ทัน

   หลังจากเดินย่อยได้สักพักพวกเขาตัดสินใจซื้อตั๋วเข้าไปดูหนังต่างประเทศที่กำลังเป็นที่นิยม ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่เขาไม่

เข้าโรงหนัง หนังเข้าโรงฉายมาแล้วสองสัปดาห์รอบฉายถูกลดจำนวนลง คนในโรงหนังก็น้อยลง ฉากซุปเปอร์ฮีโร่กำลังต่อสู้กับ

เหล่าร้ายด้วยพลังเหนือธรรมชาติ ต่อสู้กันอยู่นานสุดท้ายซุปเปอร์ฮีโร่ก็ชนะ หนังจบลงพวกเขากลับออกมาจากโรงหนัง

“หนังแอ๊คชั่นจริงๆ สู้กันทั้งเรื่องเลย”

“บ่นเหมือนเงินตัวเองเลย”

“ผมชอบไม่ได้บ่น มันคุ้มกับค่าตั๋วมากเลย สนุกจนลืมกินป๊อปคอนนี่เลย”เทนนิสยื่นป๊อบคอนที่เหลืออยู่เต็มกล่องให้พี่ชาย “ยิ่ง

ฉากพระเอกกระโดดตีลังกาลงมาจากตึกสูงมายืนหน้าโจร อย่างมัน”ชายหนุ่มพูดถึงฉากในหนังที่ทำให้เขาตื่นเต้นจนต้องพูดให้

คนที่ดูด้วยกันฟังอีกครั้ง ปืนทำหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดีรับกล่องป๊อปคอนมาไว้ในมือแล้วป้อนให้น้องชายที่บ่นบอกว่าหนังสนุกจนลืม

กิน คนถูกป้อนมองหน้าพี่ชายอย่างเคืองๆเขารู้ว่าถูกพี่ชายแกล้ง

“ก็เห็นบ่นบอกว่าไม่ได้กินพี่เลยป้อนไง”ปืนพูดยิ้มให้อีกฝ่ายแต่ก็ได้รับสายตาเคืองกลับมาแทน

เดินลงมาจากชั้นของโรงหนังเทนนิสชวนอีกฝ่ายไปเดินดูของใช้ เขาจำได้ว่าโฬมล้างหน้าใกล้จะหมดแล้ว ไหนๆวันนี้ก็ออกมา

ห้างใหญ่กลางเมืองน่าจะซื้อไว้ เข้าไปในร้านขายยาตรงเคาเตอร์เวชสำอาง เทนนิสกำลังยืนอ่านรายละเอียดสินค้าด้านหลังโฬ
มล้างหน้า

“พี่ปืน สวัสดีค่ะ”

“สวัสดีครับ น้องแพร”

“ดีใจจังเลยค่ะได้เจอพี่ปืน”แพรยิ้มให้ชายหนุ่ม เธอดีใจที่ได้เจอคนตรงหน้าเพราะหลายสัปดาห์ไม่มีโอกาสได้เจอไปหาที่ทำงาน

อีกฝ่ายก็ทำแต่งานจนไม่มีเวลาว่างให้เธอ วันนี้เธอรู้สึกเบื่อๆจึงได้ออกมาเดินซื้อของเดินเลือกดูเสื้อได้สักพักเห็นอีกฝ่ายมาที่ร้าน

ขายยาเธอถึงได้รีบตามเข้ามา

“น้องแพรมาซื้อของหรอครับ”

“ค่ะ พี่ปืนมาซื้อของกับใครคะ”แพรมองชายหนุ่มหน้าตาดียืนอยู่ข้างๆคนที่เธอชอบอย่างไม่เป็นมิตร เธอเห็นทั้งสองเดินเข้ามาใน

ร้านขายยาด้วยกันและท่าทางที่สนิทสนมทำให้เธอไม่ค่อยชอบใจ

“น้องชายพี่เอง”ปืนบอกอีกฝ่ายสั้นๆ

หญิงสาวมองเทนนิสตั้งแต่หัวจรดเท้า“เท่าทีรู้พี่ปืนไม่มีน้องชายนี่คะ แล้ว..”ยังพูดไม่ทันจบประโยคคนที่ถูกพากพิงก็พูดขึ้น

“พี่ปืน น้องเลือกของเสร็จแล้วเราไปเดินดูของร้านอื่นกันดีกว่า”เทนนิสหยิบของที่ต้องการใส่ตระกร้าแล้วเดินมาควงแขนพี่ชาย

พูดจาออดอ้อนเสียงหวาน ส่งยิ้มหวานให้หญิงสาวที่มองเขาด้วยท่าทางเหมือนกำลังตกใจที่เห็นเขาควงแขนปืน คนที่ถูกน้อง

ชายเดินเข้ามาควงแขนแปลกใจอยู่บ้างกับท่าทีและคำพูดของอีกฝ่ายแต่ก็พอจะเดาสถานการณ์ออกและให้ความร่วมมืออย่าง
โดยดี

“เอ่อ ครับ”ปืนยิ้มเกือบหัวเราะออกมาเมื่อเห็นท่าทีของน้องชายแกล้งผู้หญิงตรงหน้า

“พี่ปืนนี่มันอะไร นี่..นี่.พี่อย่าบอกนะว่าพี่ชอบผู้ชายคนนี้”แพรมองชายหนุ่มสองคนสลับกันไปมา ไม่พอทั้งสองยังกุมมือกันต่อ

หน้าเธอเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา เธอโกรธมากและรู้สึกขยะแขยงการกระทำของคนทั้งคู่ แต่เธอไม่ยอมปล่อยผู้ชายที่ชอบไป

หรอก ไม่รู้ว่าพี่ปืนไปหิ้วไอ้เด็กนี่มาจากไหน แต่เธอมาก่อนยังไงก็ไม่ยอมให้ใครมาแย่งได้

ปืนยังไม่ตอบคำถามฝ่ายหญิงก็ถูกน้องชายลากมาที่แคชเชียร์ เทนนิสจ่ายเงินแล้วไม่ลืมหันมามองหญิงสาวที่กัดริมฝีปากแน่น

ระงับอารมณ์โกรธมองมาที่เขาเหมือนอยากจะกินเลือดกินเนื้อ ใครบอกให้เธอแสดงท่าทีดูถูกเขาก่อนเขาก็แค่อยากแกล้งเล่นๆ

เท่านั้น ทั้งสองเดินออกจากร้านขายยา หญิงสาวเดินตามมาติดๆกระชากแขนเทนนิส

“แกไอ้วิปริต ไม่มีปัญหาหาแฟนแล้วรึไงถึงได้มาแย่งแฟนคนอื่น”แพรหมดความอดทนด่าอีกฝ่ายออกไป ทั้งสองคนยืนเผชิญกับ

เธอก้าวเข้าไปพยายามจะตบอีกฝ่าย แต่มีคนมายืนขวางเธอไว้

ปืนดึงน้องชายให้มายืนด้านหลัง ไม่อยากทั้งสองมีเรื่องกัน“พี่ว่าแพรเข้าใจอะไรผิดไปแล้วละ พี่กับแพรเราไม่ได้เป็นอะไรกัน”เขา

พูดให้อีกฝ่ายเข้าใจ

“แต่เรากำลังจะมั่นกันนะคะ”แพรตัดสินใจพูดออกมาให้อีกคนตาสว่างเลิกยุ่งกับแฟนของเธอสักที พร้อมกับเตือนความจำของปืน

คำพูดของเธอทำให้เทนนิสแปลกใจอยู่บ้าง แต่คิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องสำคัญพี่ชายเลยไม่คิดที่เล่าให้เขาฟัง

“นั่นเป็นข้อตกลงของใหญ่ พี่ยังไม่ได้รับปาก”พูดจบปืนรีบดึงน้องชายออกมาก่อนที่มีอะไรมากกว่านี้ ปล่อยที่หญิงสาวยืนกระทบ

ส้นสูงกำมัดแน่นไม่พอใจอยู่คนเดียว

   ในห้องผู้โดยสารมีเพียงเสียงเพลงช้าจังหวะเบาๆ

“พี่ขอโทษ ที่น้องแพรพูดกับเราไม่ดี”ปืนตัดสินใจพูดออกมาเมื่อมองซีกหน้าน้องชายที่กำลังแสดงออกว่าไม่พอใจที่อยู่เฉยๆมีคน

มาหาเรื่อง

“ยายป้านั่นเป็นใคร”เทนนิสตัดสินใจถามพี่ชาย

“พ่อจะให้พี่มั่นกับเธอ มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจ ไม่ได้เกิดจากความรัก”เขาเคยบอกปัดพ่อไปแล้วหลายครั้งแต่พ่อไม่เคยฟัง นี่

มันคือความสุขชั่วชีวิตของเขานะเขาต้องเป็นคนเลือกเองสิ เขายอมพ่อมามากแล้ว

“ถูกบังคับอีกแล้วละสิ”

“อืม”ชายหนุ่มพยักเป็นการยืนยันว่าเขาไม่ได้ชอบน้องแพรเห็นว่าเป็นน้องสาวเท่านั้น

“แล้วจะทำยังไง ไม่ใช่ป่านนี้โทรไปฟ้องพ่อพี่แล้วมั้ง”เทนนิสพูดแล้วหยุดก่อนที่จะคิดอะไรได้”เออแต่ก็ดีนะ”ถ้าเธอโทรไปฟ้อง

ว่าพี่ชายเขาชอบผู้ชาย บนใบหน้าใสมีรอยยิ้มชั่วร้ายขึ้นมา จนคนที่กำลังขับรถอยู่อดทักขึ้นมาไม่ได้“คิดอะไรแผลงๆนะเรา”เขา

เดาความคิดน้องชายได้ว่ากำลังคิดทำอะไรแน่ๆ

“ทำไม ก็อยากมาทำท่าทางดูถูกแกล้งนิดหน่อยไม่เห็นเป็นไรเลย”

“หึหึ”ชายหนุ่มส่ายหัวกับน้องชาย

“เธอไม่เหมาะกับพี่ ผมว่าน้องธารน่าจะเหมาะกว่า”

ปืนเลิกคิ้วหนาขึ้นอย่างแปลกใจคำพูดของน้องชาย“พูดเหมือนจะเป็นพ่อสื่อให้อย่างนั้นแหล่ะ”

“ใช่ แต่พี่ต้องบอก่อนว่าชอบน้องธารรึเปล่า”เทนนิสหันหน้ามาพูดกับพี่ชายด้วยท่าทางดูจริงจัง


หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 6] 9/12/2559
เริ่มหัวข้อโดย: jaengsRU ที่ 09-12-2016 14:08:13


         เอกสารประการเรียนรู้เย็บมุมด้านขวาด้วยลวดเย็บกระดาษวางอยู่บนโต๊ะเลคเชอ อาจารย์แจกเอกสารให้นักศึกษา ก่อน

สรุปเนื้อหาที่จะใช้สอบในสัปดาห์หน้า ตารางสอบของมหาวิทยาลัยประกาศออกมาเป็นทางการแล้ว นักศึกษาต่างตั้งใจฟัง

อาจารย์เพื่อให้รู้แนวข้อสอบให้มากที่สุด ปากกาเน้นข้อความถูกเน้นลงบนหัวข้อที่อาจารย์บอกว่าออกไปแล้วให้อ่านเพิ่มเติม ฟัง

อาจจะดูเหมือนง่ายที่จริงแล้วไม่ใช่ อาจารย์บอกแนวข้อสอบคงคิดว่าข้อสอบคงไม่ง่าย เกือบสองชั่วโมงที่อาจารย์ช่วยนั่ง

ทบทวนบทเรียนก่อนวัน จากนั้นสอบไม่กี่วันอาจารย์ปล่อยนักศึกษาพร้อมอวยพรให้โชคดีในการสอบและเที่ยวอย่างวันเทศกาลปี

ใหม่ที่ใกล้จะมาถึงอย่างสนุก นักศึกษาพนมมือรับคำอวยพรแล้วทยอยเดินออกจากห้องเรียน

ช่วงกลางสัปดาห์หลายวิชาได้ปิดคอร์สไปหมดแล้วที่เหลือเป็นตามส่งงานที่ยังค้างบ้างตามแก้งานบ้าง ส่วนคนที่เรียบร้อยแล้ว

ทุกอย่างต่างจับกลุ่มอ่านหนังสือสลับกับติวในวิชาที่ตัวเองถนัด ขอถ่ายเอกสารสมุดเลคเชอร์ของเพื่อนที่จดได้ละเอียดลายมือ

อ่านง่าย เอกสารประกอบการเรียนหลายวิชาวางอยู่บนโต๊ะยาวเทนนิสกำลังทำความเข้าใจกับเนื้อหาในแต่ละวิชาที่จะใช้สอบ นิ้ว

เรียวใช้ปากกาเน้นข้อความสลับใช้ปากกาสีแดงขีดเส้นใต้เพื่อให้เห็นข้อความสำคัญได้ชัดเจนมากขึ้น รายงานสอบย่อยเขาทำ

คะแนนได้ดีถ้าสอบสัปดาห์หน้าทำคะแนนได้ดีจะช่วยให้สอบปลายภาคสบายขึ้น

“เทนนิส เสาร์ อาทิตย์ไปอ่านหนังสือที่บ้านแกนะ”เหรียญสิบวางปากกาลงบิดขี้เกียจพูดกับเพื่อนที่

“บ้านนายไม่มีรึไง”

“ติวไง ที่เคยบอกจะช่วย”เหรียญสิบทวงคำพูดที่เพื่อนเคยบอกไว้ก่อนหน้านั้น

“ใช่ เทนนิสบอกว่าจะติวให้พวกเรา”เอื้อมเตือนความจำอีกคน

“อืม”เทนนิสตอบรับเพื่อนแล้วกลับไปสนใจเอกสารตรงหน้าต่อ

ช่วงก่อนสอบไม่กี่วันมหาวิทยาลัยค่อนข้างเงียบ กิจกรรมต่างๆถูกยกเลิกทางมหาวิทยาลัยให้ความสำคัญกับการสอบ และตาม

ห้องสมุดของคณะมีนักศึกษาเข้าไปนั่งอ่านหนังสือมากกว่าปกติ ใต้อาคารเรียนก็มีนักศึกษาจับกลุ่มอ่านหนังสือ เดือนสุดท้าย

ของปีอากาศก็เย็นสบายบวกกับต้นไม้ที่ปลูกไว้เต็มคณะทำให้มีลมเย็นพัดตลอดทั้งวัน หลังจากเทนนิสช่วยสรุปเนื้อหาจาก

เอกสารได้แล้วทุกคนต่างยกย้ายกันกลับ

   มาถึงวันหยุดตามที่ตกลงไว้เหรียญสิบ เอื้อมมาที่บ้านเทนนิสตอนสาย เทนนิสเดินออกเปิดประตูให้เพื่อน ส่วนวีร์นอนเพิ่ง

ตื่น เทนนิสมองเพื่อนที่หอบเสื้อผ้ามาค้างคืนเพราะวันจันทร์เป็นวันแรกของการสอบ พวกเขามีเวลาอ่านหนังสือแค่สองวันก่อน

สอบ เป็นเรื่องปกติถ้าไฟไม่ลนก้นก็ไม่อ่านหรอกหนังสือ ตอนเช้าทุกคนต่างคนต่างแยกกันอ่านหนังสือไปก่อน สงสัยหรือไม่เข้า

ให้ทำเครื่องหมายไว้

   หลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จทุกคนมานั่งพร้อมกันในศาลาไม้เลื้อย เศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศเป็นวิชาแรกที่เทนนิสช่วย

เพื่อนๆสรุปเนื้อหาย่อๆ จากนั้นทบทวนแบบฝึกหัด และดูงานที่อาจารย์ส่งคืน บ่ายแล้วอากาศเริ่มอุ่นขึ้นแต่ก็ยังเย็นสบาย อ่าน

หนังสือไม่ถึงสองชั่วโมงสมาธิของเหรียญสิบก็หมดลง เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นโซเชียลเน็ตเวิร์คกดกดจิ้มจิ้มไปบนหน้าจอ

โฟกัสกล้องโทรศัพท์ไปที่เพื่อนที่กำลังตั้งใจอ่านหนังสือ ไม่ถูกสิตอนนี้เอื้อมกำลังเล่นเกมส์ วีร์กำลังอ่านหนังสือการ์ตูน มีแต่

เทนนิสที่กำลังนั่งเขียนอะไรไม่รู้ยุกยิกอยู่คนเดียว ถ้าเขาคิดไม่ผิดน่าจะแนวข้อสอบ อย่างนั้นต้องถ่ายรูปคนขยันคนอื่นจะได้รู้ว่า

พวกเขามาอ่านหนังสือกัน ได้รูปที่พอใจแล้วเขาโพสต์ลงไปในโซเชียลเอฟพร้อมข้อความบนภาพ สักครู่ก็คนเข้ามากดชอบ มีทั้ง

รุ่นน้องเพื่อนรุ่นพี่เพื่อนๆเขียนแสดงความคิดเห็น มีหลายข้อความที่ทำให้เขาสามารถยิ้มได้ พักสมองได้สักพักทุกคนก็กลับมา

สนใจอ่านหนังสือเรียนต่อ     

   
   วันสอบวันแรกมาถึงลานจอดรถเต็มแน่นไปด้วยรถตั้งแต่เช้า นักศึกษาส่วนใหญ่นั่งอยู่ในโรงอาหารกินข้าวไปด้วยติว

หนังสือครั้งสุดท้ายไปด้วย นักศึกษาบางกลุ่มยังคุยเรื่องไปเที่ยวหลังสอบเสร็จ บางคนมีสภาพเหมือนนอนไม่พอไม่ใช่เรื่องแปลก

เป็นแบบนี้ทุกครั้งที่มีสอบ เทนนิสและเพื่อนกำลังนั่งกินข้าวก่อนเข้าห้องสอบ ส่วนมือกำลังนั่งเล่นโทรศัพท์ผ่อนคลายสมองไป

ด้วย เมื่อคืนเขาเข้านอนไม่ดึกเท่าไหร่เพราะจะได้รู้สึกสดชื่นไม่ต้องมาหลับในห้องสอบ และได้แต่หวังว่าอ่านหนังสือก่อนสอบ

สองวันที่ผ่านมาจะมีประโยชน์อะไรบ้าง เสียงออดดังขึ้นพร้อมเสียงตามสายประกาศให้นักศึกษาเตรียมเข้าห้องสอบได้ในอีกสิบ

นาที ให้นักศึกษาทุกคนเตรียมบัตรนักศึกษา แต่งกายให้เรียบร้อย เตรียมอุปกรณ์ที่ใช้ในการสอบ ปิดเครื่องมือสื่อสาร

“ไปกันเถอะใกล้ถึงเวลาแล้ว”เทนนิสเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอโทรศัพท์แล้วชวนทุกคนขึ้นห้องสอบ ทุกคนเก็บของลงกระเป๋าหยิบ

จานข้าวไปเก็บให้เรียบร้อย เทนนิสเดินไปซื้อน้ำแล้วตามหลังเพื่อนขึ้นห้อง ห้องสอบอื่นกำลังยืนเข้าแถวตรวจบัตรนักศึกษาก่อน

เข้าห้องสอบ ขึ้นมาถึงชั้น 3 ห้อง 2 อาจารย์กำลังเรียกทุกคนเข้าห้อง นักศึกษานั่งประจำที่บนโต๊ะเลคเชอร์ติดรายชื่อและเลข

ประจำตัวไว้พร้อมทั้งกระดาษคำถามคำตอบคว่ำไว้ เสียงตามประกาศให้นักศึกษาให้ลงมือทำข้อสอบได้ เทนนิสเปิดดูกระดาษ

คำถามแบบอัตนัย 80 ข้อ 5 ตัวเลือก และปรนัย 20 ข้อ อ่านคำสั่งแล้วลงมือทำให้ทันกับเวลากำหนด 1 ชั่วโมง 30 นาที

   เสียงออดดังขึ้นอีกครั้งต่อมาเป็นเสียงตามสายประกาศให้นักศึกษาที่ทำข้อสอบเสร็จแล้วออกจากห้องสอบได้ เวลาผ่าน

ไปแล้ว 45 นาที ทันทีที่ประกาศเสร็จนักศึกษาที่ทำข้อสอบเสร็จแล้วแต่ละห้องต่างคว่ำข้อสอบไว้บนโต๊ะเหมือนเดิมแล้วเดิมออก

จากห้องสอบเงียบๆ เสียงพูดคุยหลังจากทำข้อสอบเสร็จดังอยู่หน้าห้อง ทั้งเสียงหัวเราะที่ทำได้เสียงบ่นที่ทำไม่ได้สักพักเสียงก็

เงียบลงทุกคนที่นั่งในห้องกลับมามีสมาธิข้อสอบตรงหน้าอีกครั้ง

   เทนนิสเขียนคำตอบสุดท้ายลงไปแล้วกวาดสายตาดูคำตอบโดยรวมข้อสุดท้ายอีกครั้ง แล้วเหลือมองนาฬิกาข้อมือที่บอก

ว่าอีก 30 นาทีจะหมดเวลายังพอมีเวลาให้เขาทวนคำตอบอีกครั้ง โดยรวมแล้วข้อสอบไม่ยากไม่ง่ายแต่หลังจากที่ตรวจออกมา

เขาได้คะแนนเท่าไหร่นั่นก็อีกเรื่อง เขาคว่ำกระดาษคำตอบไว้บนโต๊ะแล้วเดินออกมาหน้าห้องเห็นวีย์กำลังก้มหน้าเล่นเกมส์

โทรศัพท์ในมือ

“คนอื่นกลับแล้วหรอ”

“อ้าว เสร็จแล้วหรอ สองคนนั้นกลับแล้ววันนี้สอบแค่ตัวเดียว บอกว่าจะกลับไปนอน”วีร์หยุดเกมส์ไว้แล้วเงยหน้าพูดกับเพื่อนแล้ว

ยื่นกระเป๋าให้

“เพราะเราสอบนอกตารางไปหลายตัวเลยสบายหน่อย แล้วไปไหนอีกไหม”เทนนิสเก็บของลงกระเป๋า แล้วทั้งสองคนเดินลงไป
ข้างล่าง

“กลับดีกว่ามะรืนมีสอบยังไม่ได้อ่านหนังสือเลย ทำข้อสอบได้ไหม”วีร์ถามคนที่ไม่มีแววกังวลใจหลังทำข้อสอบ เขาคิดว่าเพื่อน

ทำข้อสอบแน่นอน

“น่าจะได้”เทนนิสตอบเพื่อนอย่างไม่มั่นใจ

“ข้อสอบแค่สี่ตัวเลือกก็เยอะแล้ว นี่ ห้าตัวเลือก ยังดีที่ข้อสอบเขียนไม่ยากเท่าไหร่”วีร์อดบ่นขึ้นมาไม่ได้

“แล้วสองคนนั้นเป็นยังไงบ้าง”

“บ่น บ่นเหมือนกัน แต่ดูเหมือนว่าจะทำได้อยู่นะ อ้อเห็นบอกว่าพรุ่งนี้จะมาอ่านหนังสือด้วย”

ตึง เสียงข้อความเข้าวีร์หยุดพูดหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าขึ้นมาเปิดดู อ่านข้อความที่ถูกส่งมาแล้วยิ้ม จนทำให้เทนนิสแปลกใจอด

ถามขึ้นมาไม่ได้”มีอะไรรึเปล่า”

“พี่ปาลบอกว่าเย็นนี้จะมากินข้าวด้วย ได้ไหม”วีร์ถามความคิดเห็นเจ้าของบ้าน เพราะคนที่ทำกับข้าวยังไงก็เป็นเพื่อนถ้ารบกวน

มากเกินไปออกมากินแถวหน้าปากซอยก็ได้

เทนนิสพยักหน้าแล้วยิ้มเป็นคำตอบ สายตาสังเกตท่าทางที่เพื่อนกำลังพิมพ์ข้อความกลับไปพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า ไม่รู้ว่า

คิดไปเองรึเปล่าที่ดูเหมือนสองคนนี้ดูแปลกๆ แต่แปลกยังไงเขายังไม่แน่ใจเท่าไหร่“พี่ปาลทำบริษัทเกี่ยวกับโฆษณาใช่ไหม”

“ใช่ ทำไม”

“พี่เขาให้นามบัตรไว้ พอดีว่าพี่ปืนชวนลงทุนทำอะไรเล็กๆน้อยๆ เลยถามเผื่อไว้ไปใช้บริการ คนกันเองน่าจะดีกว่า”

“จะทำอะไร แล้ว Happy Mall ล่ะ”วีร์ถามด้วยความแปลใจก็ไหนข่าวออกมาว่าพี่ปืนจะได้เป็นผู้บริหารไม่ใช่หรอ เปลี่ยนใจแล้ว
หรือว่ายังไง

“ทำอะไรยังไม่รู้พี่ปืนกำลังดูหลายอย่าง ส่วนอะไรมันจะเกิดมันต้องเกิด”เทนนิสพูดอย่างไม่ใส่ใจในสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น “อีกอย่าง

ใกล้จะเรียนจบแล้วเลยมองอนาคตตัวเองไว้บ้างก็ไม่น่าเสียหาย”เขาพูดขึ้นมาแล้วเดินนำไปที่ลานจอดรถที่โล่งกว่าปกติ สอบ

เสร็จไปอีกวันหายห่วงไปอีกวิชายังเหลือที่ต้องสอบอีกสองวัน

   สอบวันที่สองวิชาสุดท้ายตอนบ่าย แดดยังร้อนเหมือนทุกวันแต่ก็ยังมีลมพัดเย็นๆเป็นระยะ เริ่มเวลาสอบได้สักพักแล้วแล้ว

แต่เพราะกินมากเกินไปทำให้เทนนิสรู้สึกง่วงขึ้นมา เขาพักสายตาจากหน้าหระดาษเอสี่ที่ตัวหนังสืออยู่เต็มมองออกไปนอก

หน้าต่างแทน ในห้องเงียบมากจนได้ยินเสียงคนตะโกนพูดกันแว่วมากจากโรงอาหาร เขาเอนหลังพิงพนักเพื่อให้นั่งสบายมากขึ้น

แล้วกลับมาทำข้อสอบ เมื่อเช้าเขาทำข้อสอบผ่านไปได้ด้วยดี คงเป็นเพราะใช้วันหยุดอ่านหนังสือ ข้อที่ 59.เขาอ่านโจทย์ที่มีอยู่

สองบรรทัดแล้วเลื่อนมาดูคำตอบให้เลือกห้าตัวเลือก คิดไม่นานตัดสินใจฝนคำตอบลงบนกระดาษ


“วันนี้สอบไปสองวิชาเหนื่อยกว่าเรียนปกติอีก”วีร์บ่นทันทีที่นั่งลงบนม้าหินอ่อนข้างตึกสอบ เขานั่งเท้าคางมองนักศึกษาคนอื่น

ทยอยลงมาจากห้องสอบ

“ข้อสอบเมื่อเช้ายังง่ายกว่า”เหรีญสิบทำหน้าเครียดใส่หน้าจอมือถือ กดเล่นเกมส์

“เฮ้ย นั่งทำอะไรกันอยู่”เสียงทักดังขึ้นทุกคนหันไปมอง

“พี่เป้สวัดีครับ /สวีสดีครับ”ทุกคนทักทายรุ่นพี่ที่เดินเข้ามาทัก

“สวัสดี ทำไมเหรียญสิบทำหน้าเหมือนกำลังคนจะสอบตกอย่างนั้นวะ”เป้ทักรุ่นน้องที่นั่งหน้าเครียดกดจิ้มโทรศัพท์อยู่

“โฮ พี่เป้คนเพิ่งสอบเสร็จพูดเป็นลาง”

“อ้าว หรอโทษทีไม่ได้ตั้งใจ”

“แล้วนี่สอบเสร็จแล้วหรอพี่”เทนนิสถาม

“ใช่ ว่าจะมาชวนไปเที่ยวหลังสอบเสร็จ วันศุกร์นี้ห้ามปฏิเสธโดยเฉพาะน้องรหัสที่รัก”เป้พูดอย่างรู้ทันน้องรหัสว่าอีกฝ่ายต้องหา
เรื่องปฏิเสธ

“โห รู้ทัน”ก็คนไม่ชอบไปเที่ยวที่แบบนั้นทำไงได้

“ไปที่ไหนพี่”เหรีญสิบหันมาถามอย่างอารมณ์ดี นานแล้วไม่ได้ไปเที่ยว

“ที่ไหนกำลังดูอยู่ เดี๋ยวจะโทรมาบอก แค่นี้แหล่ะแล้วเจอกัน”พูดกับน้องเสร็จเป้ก็เดินกลับหาเพื่อนๆที่ยืนรออยู่




*************************************************

โปรดติดตามตอนต่อไป

หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 6] 9/12/2559
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 09-12-2016 16:35:58
 :3123: :3123: :3123: :3123:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 6] 9/12/2559
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 10-12-2016 09:45:14
รอค่ะ ชอบเทนนิสจัง
หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 7] 30/12/2559
เริ่มหัวข้อโดย: jaengsRU ที่ 30-12-2016 08:20:22

ตอนที่ 7

   คืนก่อนปีใหม่อุณหภูมิลดลงตามที่พยากรณ์อากาศประกาศเตือน อากาศจะหนาวเย็นอยู่เกือบสัปดาห์เป็นข่าวดีสำหรับ

ผู้คนในมหานครที่จะได้สัมผัสอากาศหนาว โดยไม่ต้องขับรถท่อไปไกลถึงภาคเหนือ เสื้อกันหนาวแฟชั่นก็ขายดีกว่าทุกปี ถนน

เส้นหลักในเมืองโล่งกว่าปกติเพราะคนเริ่มเดินทางกลับบ้านต่างจังหวัดตั้งแต่สองวันก่อน สองข้างทางถนนถูกตกแต่งไปด้วย

หลอดไฟหลากสี ถนนหลายสายถูกปิดเพราะมีการตั้งเวทีจัดกิจกรรมนับถอยหลังต้อนรับปีใหม่

ผู้คนต่างทยอยออกมาดูไฟที่ถูกตกแต่งไว้อย่างสวยงามตามสถานที่ต่างๆที่ทางราชการและเอกชนร่วมมือกันจัด และประกาศให้

ประชาชนรู้ทางป้ายโฆษณาอินเตอร์เน็ตและวิทยุ พร้อมทั้งประกาศลดค่าโดยสารรถไฟลอยฟ้าและรถไฟใต้ดินในวันส่งท้ายปีเก่า

กับวันปีใหม่เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้คนที่อยู่ในเมืองหลวง เทนนิสสอบผ่านมาแล้วสองวันสอบวันสุดท้ายผ่านไปได้ด้วยดี เขา

นอนขึ้นราอยู่บ้านเพราะเหนื่อยจากการใช้สมองการสอบ วันนี้ต้องออกมาเที่ยวตามที่พี่รหัสได้ออกมาปากชวนเป็นรวบยอดฉลอง

สอบเสร็จและปีใหม่ ทำไมคืนก่อนใหม่อากาศหนาวอย่างนี้เขาต้องขับมอเตอร์ไซด์ฝ่าลมหนาวออกมาเที่ยวด้วย ทำไมไม่นอนดู

ทีวีซุกตัวใต้ผ้าห่มอุ่นๆแล้วกินบะหมี่ถ้วยรสต้มยำกุ้ง พูดไปแล้วก็อยากเลี้ยวรถกลับแต่ก็กลัวโดนพี่รหัสด่าและเพื่อนรุม

ประชาทัณฑ์ ว่าแต่ทำไมร้านที่จะไปเที่ยวไม่ปิดร้านให้พนักงานหยุดไปเที่ยวพูดแล้วคิดถึงตัวเองเมื่อก่อนก็ไม่เคยได้หยุดกับคน

อื่นเหมือนกันเพราะไม่รู้ว่าหยุดแล้วจะไปเที่ยวกับใครในเมื่อไม่มีใครอยู่บ้านสักคน

เมื่อปีที่แล้วเวลานี้เขาต้องทำงานอยู่ chicken café ยืนมองไฟกระพริบที่ต้นคริสต์มาสที่ถูกตั้งไว้อยู่หน้าห้างสรรพสินค้ามันถูก

ตกแต่งไว้อย่างสวยงาม อากาศหนาวทำให้เขารู้สึกชาที่มือขึ้นมาจนต้องซุกมือข้างหนึ่งไว้ในกระเป๋ากางเกง ขี่รถมาสักพักก็ถึง

ร้านอาหารที่นัดกันไว้ เลี้ยวเข้าจอดที่สำหรับมอเตอร์ไซด์ แล้วหยิบมือถือโทรหาเพื่อนให้ออกมารับ

“อยู่ไหน มาถึงแล้ว ออกมารับหน่อย รอที่ลานจอดรถนะ”เทนนิสมองไปรอบๆลานจอดรถมีรถหลายคันจอดอยู่ สองทุ่มกว่าแต่

รู้สึกเหมือนดึกมากแล้ว หน้าร้านถูกตกแต่งด้วยไฟกระพริบเสียงดนตรีจังหวะสบายๆดังแว่วมาจากในร้าน ตึกแถวร้านค้าบริเวณ

รอบๆปิดเงียบ นานๆทีจะมีรถขับผ่านมาสักคัน ตอนนี้เวทีคอนเสิร์ตหน้าห้างดังจะเริ่มแล้วรึยังแล้วจะมีศิลปินคนไหนขึ้นแสดงบ้าง

อยากไปดูแต่ก็ไม่ค่อยชอบคนเยอะ ไม่รู้ว่าวันพี่ชายเขาออกไปเที่ยวฉลองที่ไหนโทรมาชวนเขาตั้งแต่เที่ยงถ้าไม่ติดว่ารับปากพี่

รหัสไว้ก็คงได้ไปด้วย กรุงเทพยังอากาศขนาดนี้บนภูเขาคงจะหนาวมาก รอไม่นานเหรียญสิบออกมารับ เขาเดินตามเพื่อนเข้าไป

ด้านในมีคนนั่งเกือบเต็มร้าน มองรอบๆในร้านอาหารกึ่งผับที่ตกแต่งไปด้วยสายรุ้งหลากสีกำลังกระทบกับแสงไฟ พนักงานสาว

สวยแต่งตัวเป็นซานตี้สุดเซ็กซี่ส่วนพนักงานชายแต่งตัวปกติเพิ่มแค่เพียงใส่หมวกสามเหลี่ยมสีแดง ตั้งแต่เข้ามาในร้านสายตา

หลายคู่มองตามเทนนิสอย่างสนใจแต่เจ้าตัวไม่ได้สนใจตามหลังเพื่อนเข้าไปจนถึงโต๊ะ โต๊ะสองโต๊ะที่มีคนนั่งอยู่เต็ม มีทั้งรุ่นพี่ที่

เขารู้จักและเพื่อนๆหลายคนรวมถึงเพื่อนของเขาที่มาแล้วทุกคน นี่เขามาเป็นคนสุดท้ายรึเปล่า เขาทักทายรุ่นพี่ทุกคน วีร์เรียก

เขาให้นั่งข้างๆ สอบเสร็จแล้ววีร์ก็กลับไปอยู่บ้านเห็นบอกว่าที่บ้านจะพาไปเที่ยวแต่ไม่รู้ที่ไหน

“มาช้า หนาวละซิแก้มแดงมาเชียว”

“หนาวมากเลย แล้วไม่เที่ยวกับที่บ้านแล้วหรอ”เทนนิสเบียดเข้ามานั่งข้างๆ นั่งเบียดกันอย่างนี้รู้สึกอุ่นขึ้นมาก

“ไปพรุ่งนี้เช้า ไปเที่ยวกาจนบุรี ว่าแต่ไม่สนใจไปเที่ยวด้วยกันหรอเปลี่ยนใจตอนนี้ยังทัน แม่กับพ่อก็บอกให้มาชวน”

“ไม่ล่ะ เอาไว้โอกาสหน้า ซื้อขนมมาฝากก็พอเอาเยอะๆนะ”เขาอยากอยู่บ้านอ่านหนังสือการ์ตูนที่ซื้อไว้ก่อนหน้านี้ ยังมีนิยาย

กำลังภายในลดราคาที่ซื้อมาจากงานสัปดาห์หนังสืออีกยี่สิบเล่มที่ยังไม่ได้อ่าน ไหนจะต้องทำความสะอาดบ้านอีกอันหลังนี่ดู

เหมือนจะมีสาระที่สุด

“ได้ ถ้าอยากได้อะไรเป็นพิเศษก็โทรบอกแล้วกัน กินนี่รองท้องก่อนเดี๋ยวเมา”

เทนนิสกินยำที่เพื่อนเลื่อนมาไว้ตรงหน้า และมองกับข้าวน่ากินหลายอย่างอยู่บนโต๊ะ เขาจิบกับเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์บางๆ

แทบจะเหมือนน้ำเปล่า ที่เขาขอเป็นพิเศษ ทำไงได้เขายังไม่อยากเมา มองไปรอบๆโต๊ะเห็นคนมองเขามองชัดๆถึงรู้ว่าเป็นใคร พี่

เป็นเอกเพื่อนของพี่รหัสถึงว่าทำไมมีรุ่นพี่ที่เขาไม่รู้จักหลายคน เขายิ้มให้อีกฝ่ายแล้วกินกับข้าวต่อ บนเวทีมีการแสดงดนตรีสด

เสียงรุ่นพี่คุยกันอย่างออกรส ส่วนเขานั่งฟังเพื่อนๆคุยกันเงียบๆ อีกไม่ถึงสองชั่วโมงจะเข้าสู่วันใหม่ของปีใหม่ ในร้านลูกค้าเริ่ม

แน่น บางคนเริ่มมึนบ้างแล้ว ยิ่งดึกอากาศยิ่งหนาว เทนนิสลุกไปเข้าห้องน้ำ ทางไปห้องน้ำมีหลายคนกำลังยืนสูบบุหรี่บางคนมา

ยืนโทรศัพท์อวยพรปีใหม่ให้กับคนอยู่ไกล บริษัทเครือข่ายโทรศัพท์บอกว่าสัญญาณ 4G แรงไม่รู้ว่าจะแรงขนาดสามรถโทรไป

อวยพรพ่อกับแม่เขาที่อยู่ไกลถึงบนฟ้าได้รึเปล่า อีกไม่นานจะเข้าปีใหม่แล้วเขายังไม่รู้ว่าในหนึ่งปีข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น จะเจอ

เรื่องดีหรือร้าย ยังไงพรุ่งนี้เขาน่าจะตื่นแต่เช้าทำบุญตักบาตร เดินเข้าไปในห้องน้ำทำธุระเรียบร้อยมองหน้าที่แดงนิดๆเพราะฤทธิ์

แอลกอฮอล์

“ไงเรา เมาแล้วรึหรอถึงแอบมาเข้าน้ำห้อง”เป็นเอกทักคนที่ยืนส่งกระจกอยู่นาน

“อ้อ ยังไม่เมาครับ”

“พรุ่งนี้ไปเที่ยวกับไอ้เป้เปล่า”

“ไม่ได้ไปครับ พี่ก็ไปหรอครับ”

“ใช่ เราน่าจะไปไปหลายคนสนุกดี”เป็นเอกอยากให้คนตรงหน้าไปด้วย เขามองหน้าใสๆที่เริ่มแดงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ เป็น

เขาเองที่เดินตามอีกฝ่ายมาเพราะอยากหาโอกาสคุยด้วย

“ผมมีนัดแล้วเลยไปไม่ได้ เอาโอกาสดีกว่า”เทนนิสปฏิเสธอีกฝ่าย รู้สึกช่วงหลังๆนี้จะเจอเพื่อนของพี่รหัสบ่อยจนเกินความจำเป็น

ทั้งสองออกจากห้องน้ำกลับไปที่โต๊ะเทนนิสมองนาฬิกาดิจิตอลขนาดใหญ่ที่ตั้งบนเวทีบอกเวลาอีกชั่วโมงกว่าจะเข้าปีใหม่แต่

ตอนนี้เขาง่วงแล้ว อีกอย่างพี่เท็นโทรบอกให้เขาไปเอาเงินเดือนเดือนสุดท้ายเลยต้องขอตัวกลับก่อน ขี่มอไซด์ออกมาจากร้าน

ผ่าอากาศหนาวไปบนเส้นทางที่ไม่มีด่านตรวจเพราะไม่รู้ว่าแอลกอฮอล์ในเลือดเขาเกินกำหนดรึเปล่า ค่อยๆขี่ช้าๆจนถึง

ร้านchicken café หน้าร้านถูกตกแต่งด้วยตุ๊กตาหิมะและซานตาครอสหนวดขาวสวมชุดสีแดงส่งยิ้มให้เขา  ผลักประตูเข้าไปข้าง

ในอากาศในร้านอุ่นสบายและมีเสียงเพลงที่เข้ากับเทศกาล ในร้านมีลูกค้านั่งอยู่ไม่กี่โต๊ะช่วงในคืนวันหยุดยาว แต่ดูแล้วบริการส่ง

ถึงบ้านจะได้รับความนิยมมากกว่า เขาเดินตรงไปที่ร้านกาแฟ

“พี่เทนนิส สวัสดีปีใหม่”

“อีกตั้งชั่วโมงกว่าจะเข้าปีใหม่”

“แหม ก็ใกล้แล้วนิคะ”

“ปลาพี่ขอลาเต้ร้อนไม่เข้มมากแก้วกลางกลับบ้านนะ”

“ได้ค่ะ เดี๋ยวทำพิเศษให้ แล้วไปเมาที่ไหนมาคะ ไม่ชวนน้องเลยใจร้าย แล้วพี่วีร์ของหนูไม่มาด้วย”

“ไปกับรุ่นพี่ที่มหาลัยกับวีร์นั่นแหล่ะแต่ดึกแล้วขี้เกียจอยู่เลยขอกลับก่อน แล้วทำไมเราไม่ได้หยุดกับคนอื่นเขาล่ะ”

“ปลาเพิ่งกลับมาจากเชียงใหม่ สอบเสร็จแล้วก็สะพายเป้ขึ้นเชียงใหม่ต่อด้วยเชียงราย กลับมาไม่มีเงินกินข้าวเลยมา

ทำงาน”ปลาตอบไปหัวเราะไปเมื่อคิดว่าไปเที่ยวกับเพื่อนสนุกแค่ไหน นี่ขนาดไม่จ่ายเงินค่าห้องพักกับค่ารถแต่ทุกอย่างหมดไป

กับของกินแถมน้ำหนักเพิ่มอีกสองสามกิโลตามมา

“ได้แล้วค่ะ ลาเต้พิเศษสำหรับพี่เทนนิส”

“ขอบใจนะ”

“พี่เทนนิสมาเอาเงินเดือนใช่ไหมคะ เดี๋ยวปลาไปตามพี่เท็นให้”ปลาเดินหายเข้าหลังร้านตามผู้จัดการ

เทนนิสหามุมนั่งติดกระจกที่หันหน้าออกไปทางถนน เก้าอี้หัวโล้นตัวสูงวางเรียงยาว ปกติเป็นมุมที่ลูกค้าชอบมานั่งแต่วันนี้กลับ

ว่างมีเพียงเขาคนเดียวที่นั่งอยู่ ถนนข้างนอกโล่งกว่าทุกวัน มองขึ้นไปด้านบนตรงนี้สามารถมองเห็นรถไฟฟ้าวิ่งอยู่บนลาง ดึก

ขนาดนี้แล้วหลายคนจูงมือครอบครัว คนรักออกเที่ยว เตรียมตัวนับถอยหลังเข้าสู่วันใหม่กันอย่างมีความสุข

“เทนนิส ทำไมวันนี้ว่างมารับเงินเดือนได้ รับของวีร์ไปด้วยนะ”

“ขอบคุณครับ”

“นับดูก่อนก็ได้ ไม่ได้ทำงานที่นี่แล้วพี่คงคิดถึงถ้ามีเรื่องอะไรให้ช่วยก็บอกพี่ได้เลยนะ”เท็นนึกถึงเวลาที่เธอมีเรื่องเดือดร้อนก็ได้

เทนนิสกับวีร์ช่วยบ่อยๆ หายากที่จะมีเพื่อนร่วมงานที่ขยันทำงาน ซื่อสัตย์และเข้ากับทุกคนได้ ที่สำคัญน้องหล่อ

“พี่ไม่มีอะไรให้เป็นของขวัญปีใหม่ เอานี่ไปกินชุดปาร์ตี้ช่วงนี้มีโปรโมชั่นพี่ให้เอาไปกินกับเพื่อนๆ”

“โฮ พี่เท็นมันไม่เยอะไปหรอครับ”

“ไม่หรอกรับไปเถอะ

“เอ่อ ขอบคุณครับ สวัสดีปีใหม่”


   ไฟในห้องทำงานปิดลงร่างสูงถือเอกสารลงจากชั้นบนตรงไปที่รถจอดอยู่ บนลานที่มีรถเขาแค่คันเดียวจอดอยู่ ธีรภัทรเปิด

ประตูด้านหลังวางเอกสารไว้ แล้วขับออกไป ทำงานติดต่อกันมาหลายชั่วโมงทำให้ปวดตึงที่ไหล่ทั้งสองข้างและรู้สึกหิวตอนเย็น

กินแค่กาแฟแก้วเดียวไม่รู้ว่าจะกินอะไรดี

เขาเหลือบมองเวลาในรถนี่ดึกขนาดนี้แล้วหรอนี่มองข้างทางปกติแถวนี้จะครึกครื้นมีร้านขายกับข้าวอยู่เต็ม ตอนนี้เขารู้สึกเพลียๆ

เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยกลับบ้านวันนี้กลับไปนอนที่คอนโดก่อนดีกว่า ได้แช่น้ำอุ่นคงทำให้สบายขึ้น ไม่รู้ว่าเพื่อนๆเขาคืนนี้ออกไปเที่ยว

ดื่มฉลองกันที่ไหนบ้าง นานแล้วเหมือนกันที่ไม่มีโอกาสได้ไปเที่ยวช่วงเทศกาลเพราะคงทำแต่งาน

เมื่อตอนบ่ายเพื่อนของเขาก็โทรเข้ามาชวนแต่ปฏิเสธไป คืนก่อนปีใหม่สองข้างทางประดับประดาไปด้วยไฟหลากสี ดูแล้วสวย

เอ๊ะ เกิดอะไรขึ้น รถที่ขับมาดีดีก็มีท่าทีแปลกแปลก จนเขาต้องตีไฟเลี้ยวเข้าจอดข้างทางแล้วก็ดับไป โชคดีที่ไม่มีรถตามมาถ้า

ไม่อย่างนั้นเขาคงโดนด่าไปแล้ว ธีรภัทรพยายามสตาร์ทเครื่องอีกครั้งแต่เงียบ พยายามอีกครั้งแต่ก็เงียบ พยายามอยู่หลายครั้ง

เช็คดูปริมาณน้ำมันตรงหน้าปัด น้ำมันไม่ได้หมด ธีรภัทรมองรอบๆเห็นแค่ตึกแถวร้านค้าปิดเงียบ ดึกขนาดนี้แล้วอีกอย่างเป็นช่วง

วันหยุดยาวไม่ใช่เรื่องแปลก เขาหยิบโทรศัพท์ออกโทรหาเพื่อนที่พอจะช่วยได้

   หมดธุระที่ร้าน chicken café เทนนิสก็รีบออกมาจากร้าน เขาขี่มาเรื่อยลาเต้อุ่นๆทำให้รู้สึกดีขึ้นไม่ง่วงเท่าไหร่ก่อนกลับ

บ้านเขาน่าจะไปแวะนับถอยหลังที่ไหนสักที่ดีกว่าไหมนะ ขณะที่ขี่อยู่เห็นรถคันหนึ่งจอดอยู่ไฟท้ายทั้งสองข้างกระพริบท่าทางจะ

มีปัญหา เขาชะลอความเร็วลงแล้วถอยหลังกลับมาจอดให้ห่างมีชายคนหนึ่งที่กำลังยืนมองรถอยู่ ส่วนชายอีกคนน่าจะเป็นช่าง

กำลังก้มลงใช้ไฟฉายส่องเข้าไปดูเครื่องยนต์

“นี่คุณรถเป็นอะไรรึเปล่า มีอะไรให้ผมช่วยไหม”เทนนิสตะโกนถาม จอดรถอยู่ค่อนข้างห่างแต่ก็เห็นหน้าผู้ชายแต่งตัวดีน่าจะเป็น

เจ้าของรถมองมาที่เขา “อ้าว คุณนั่นเองนึกว่าโจรขโมยรถที่ไหน”

ธีรภัทรยิ้มให้คนที่ทักว่าเขาเป็นโจรขโมยรถ นี่สภาพตอนนี้เขาดูแย่ขนาดนั้นเลยหรอ“รถมีปัญหานิดหน่อย ช่างกำลังดูอยู่ เดี๋ยว

เขาคงลากไปที่อู่”พูดแล้วหันไปคุยกับช่างที่ตรวจเครื่องยนตร์อยู่

“ต้องหลังปีใหม่นะครับถึงจะได้รถคืน ถ้ายังไงผมจะติดต่อกลับ”ชายหนุ่มแต่งตัวเหมือนช่างยื่นเบอร์ติดต่อให้เจ้าของรถ เดินกลับ

ไปที่รถลาก แล้วรถยุโรปคันหรูไป

“คุณไม่ตามไปหรอครับ”เทนนิสถามอย่างเป็นห่วงที่รถราคาแพงถูกลากไป ถ้าเป็นเขาคงเป็นห่วง

“เขาไว้ใจได้”

“ก็ดี จะไปไหนต่อให้ผมไปส่งไหม 200”เทนนิสมองสภาพผู้โดยสารที่เลอะไปด้วยคราบน้ำมันแล้วยิ้มให้อีกฝ่าย เจอกันบ่อยครั้ง

แต่ไม่เคยเห็นสภาพนี้มาก่อนแต่ดูแล้วก็ดูดีไปอีกแบบ เขามองไปรอบๆถึงแถวนี้จะมีรถผ่านไปมาบ้างมีไฟสว่างแต่ก็ไม่ค่อย

ปลอดภัยเท่าไหร่สำหรับผู้ที่แต่งตัวดีสะพายเอกสาร”ผมไม่แน่ใจว่าจะมีแท็กซี่มาแถวนี้ ไปเถอะผมไปส่งดึกมากแล้ว”

ธีรภัทรอยากปฏิเสธอีกฝ่ายด้วยความเกรงใจแต่ก็ดีที่อีกฝ่ายมีน้ำใจ อีกอย่างมันก็ดึกแล้วไม่อยากรบกวนคนอื่น“ขอบคุณ”เขายอม

ขึ้นซ้อนท้ายโดยดี

   เทนนิสเดินตามคนประสบภัยรถเสียขึ้นมาคอนโดเมื่ออีกฝ่ายชวนให้มาพักด้วยกัน เขาอยากปฏิเสธแต่ก็ง่วงอากาศหนาว

กลัวกลับไม่ถึงบ้านนี่ก็ใกล้เที่ยงคืนแล้วขอรบกวนสักครั้งเถอะ คอนโดหรูที่เขาเคยมาส่งอาหารก่อนหน้านั้นเพิ่งได้สังเกตอย่างชัด

ชัด ขึ้นลิฟต์มาชั้นแปด โถงทางเดินตกแต่งเรียบๆมีต้นไม้กระถางวางไว้ตามทางเดินมีกล้องวงจรปิดติดตั้งตามมุมอับ เดินมา

เรื่อยๆจนมาถึงหน้าห้อง เจ้าของห้องใช้การ์ดเสียบเข้าในช่องกดรหัสเจ็ดแปดตัวแล้วผลักประตูเข้าไป ข้างในห้องกว้างที่ถูกแบ่ง

สัดส่วนอย่างลงตัวและถูกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์เรียบเรียบเป็นระเบียบแต่ดูดีเหมือนเจ้าของ

“ทำตัวสบายนะ ไม่ต้องเกรงใจ”คำพูดเป็นกันเองของเจ้าของห้องคลายความกังวลได้บ้าง กลิ่นสเปรย์ปรับอากาศหอมเย็นอ่อนๆ

ของยูคาลิปตัสทำให้รู้สึกสดชื่น เขาวางชุดไก่ทอดและของกินที่แวะซื้อมาจากร้านข้างทางบนโต๊ะกินข้าวแล้วมองสำรวจไปรอบ

รอบ เมื่อก่อนเคยคิดไว้ว่าอยากมีห้องแถวบนตึกสูงอย่างนี้ไว้เป็นของตัวเองสักห้อง แต่ราคาแต่ละที่แพงเกินความจำเป็นถึงแม้ว่า

บ้านจะไกลจากมหาวิทยาลัย

ของใช้ในห้องยังดูใหม่เจ้าของห้องคงดูแลรักษาเป็นอย่างดี ที่นี่คงจะแพงน่าดูถึงจะไม่ใกล้ทางด่วน รถไฟลอยฟ้า รถไฟใต้ดิน

หรือห้างสรรพสินค้าแต่ยังสะดวกสบายในการเดินทาง เจ้าของห้องบอกให้เขานั่งดูโทรทัศน์รอก่อนหายเข้าไปในห้องน่าจะ

เข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก็น่าอยู่หรอกเลอะคราบน้ำมันขนาดนั้น

เทนนิสไม่เกรงใจเดนนั่งบนโซฟาตัวใหญ่และนุ่ม เปิดโทรทัศน์เลื่อนดูรายการถ่ายทอดสดนับถอยหลังเข้าปีใหม่ ผู้สื่อข่าวนอก

สถานที่กำลังสัมภาษณ์คนที่ไปเที่ยวในงานมีทั้งมาเป็นครอบครับ คู่รักและกลุ่มเพื่อน บรรยากาศในการดูครึกครืนมีประชาชน

จำนวนมากเข้าไปร่วมงาน เจ้าที่รักษาความปลอดภัย ตำรวจนอกในเครื่องแบบเข้าไปช่วยอำนวยความสะดวก จากนั้นตัดภาพไป

ที่การเฉลิมฉลองของต่างประเทศ มีหลายประเทศเข้าสู่วันใหม่ไปแล้วภาพงานเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ จุดพลุผลาญเงินภาษี

ประชาชนหลายล้านเพียงไม่กี่นาที

ในสภาพเศรษฐกิจทั่วโลกตกต่ำน่าจะมีวิธีเฉลิมฉลองประหยัดกว่านี้ เป็นแบบแนวคิดที่ว่า สวย ประหยัด อะไรประมาณนี้ ว่าไป

แล้วเขาก็อยากเห็นพลุเหมือนกันเขาลุกขึ้นเดินไปหยุดหน้ากระจกใสมองออกข้างนอก จากตรงนี้คงมองเห็นพรุ

“โทษทีนะที่ปล่อยให้รอ แต่สภาพผมมันค่อนข้างแย่”ธีรภัทรเดินออกจากห้องสภาพที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่เรียบร้อย ผม

ที่สระยังชื้นนิดๆ กว่าจะล้างคราบน้ำมันและกลิ่นออกได้เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน เขาขอโทษอีกฝ่ายที่กำลังยืนมองออกไปข้าง

นอก ทั้งสองนั่งกินข้าวมื้อดึกด้วยกัน”คืนนี้คุณไม่ไปเที่ยวกับเพื่อนๆหรอ”ธีรภัทรถามอีกฝ่ายที่นั่งกินไก่ทอดกล่องโตเหมือนจะซื้อ

ไปฉลองที่ไหน

“ผมเพิ่งกลับจากฉลองกับรุ่นพี่เพื่อนๆที่มหาลัย มีธุระเลยกลับก่อน “จนมาเจอคุณกำลังรถเสีย คุณคงไม่ได้กลับจากที่ทำงาน

หรอกนะ”เขาถามอีกฝ่าย เหมือนคนไม่เหมือนที่กลับมาจากปาร์ตี้ อย่างน้อยเขาก็ยังมีกลิ่นแอลกอฮอล์ติดตัวมา

“ปึง ปึง ปึง สวัสดีปีใหม่ Happy New Years..”ยังไม่ทันที่จะตอบคำถามเสียงพรุเสียงอวยพรในวันขึ้นปีใหม่ในโทรทัศน์ก็ดังขึ้น

ทั้งสองมองออกไปข้างนอกเห็นพรุที่แตกกระจายเป็นรูปดอกไม้หลากสีอยู่บนท้องฟ้าทางด้านบริเวณที่จัดงาน

“สวัสดีปีใหม่ครับ ปีที่แล้วผมก็ทำงานข้ามปีเหมือนคุณนี่แหล่ะ”เทนนิสยิ้มให้ฝ่ายอย่างเข้าใจ

“สวัสดีปีใหม่ นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ผมกินข้าวข้ามปี”ธีรภัทรพูดเสร็จทั้งสองก็หัวเราะขึ้นมาแทบพร้อมกัน

   เช้าวันใหม่วันแรกของปี หลายคนกำลังนอนหลับสบายหลังจากที่ดื่มกินฉลองกับเทศกาลส่งท้ายปี และยังเป็นเช้าวันหยุด

ผักผ่อน ถนนหน้าคอนโดยังโล่งว่างนานทีมีรถผ่านมาสักคัน แต่มีรถที่จอดนิ่งสนิทอยู่ข้างถนนหลายคัน ไฟข้างทางไฟหน้า

ตึกแถวยังเปิดสว่างอยู่ อากาศตอนเช้าเช้ายังหนาวและมีหมอกลงบางบาง เทนนิสยืนถือถาดใส่ของแห้งสำหรับใส่บาตร ถามจา

กรปภ.บอกว่ามีพระเดินบิณฑบาตผ่านหน้าคอนโดทุกวัน เขาจึงชวนเจ้าของห้องแหกขี้ตาตื่นมารอใส่บาตร เมื่อคืนหลังจากกิน

ข้าวเสร็จขอใช้ห้องน้ำเจ้าของห้องและยังขอยืมเสื้อผ้าอีกเขาก็นอนอยู่บนโซฟารับแขกหลับสบายจนถึงเช้า  สาเหตุที่ต้องชวน

เจ้าลงมาด้วยเพราะไม่มีกุญแจห้อง ยืนรอไม่นานก็เห็นพระภิกษุถือบาตรใกล้เข้ามา

“นิมนตร์ครับ”ทั้งคู่ถอดรองเท้ายกของใส่บาตรเหนือศีรษะแล้วอธิษฐานในใจ ธีรภัทรหยิบนมสด บะหมี่ ขมปัง ลงในบาตรพระ

ภิกษุและสามเณรจากนั้นนั่งยองๆรับพร ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่ไม่มีโอกาสได้ตื่นเช้ามาใส่บาตรเมื่อก่อนได้มีโอกาสไปวัดกับแม่

บ่อยๆ ตอนนี้มีเหตุผลอย่างทำให้เขาไม่มีโอกาส ใส่บาตรเสร็จทั้งสองกลับขึ้นห้อง เทนนิสช่วยเจ้าของห้องทำความสะอาดเก็บ

หมอนผ้าห่มแล้วอาบน้ำเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าชุดเดิมที่เขาโยนลงเครื่องซักผ้าเมื่อคืน ทิ้งตัวลงบนโซฟานุ่มที่เขาใช้เป็นที่นอนตลอด

ทั้งคืนก็รู้สึกหิวขึ้นมา เดินไปมองหาของกินไม่รู้ว่ามีอะไรพอจะกินได้บ้างเหลือไก่ทอดที่เคยกรอบชิ้นหนึ่ง แฮมเบอร์เกอร์เย็นเย็น

และมันฝรั่งทอดเหี่ยวๆ เห็นแล้วไม่อยากกินเมื่อคืนกินจนเอียนแล้ว ธีรภัทรมองคนขยันชวนเขาไปใส่บาตรตั้งแต่เช้าไม่พอยัง

อาสาทำความสะอาดห้องที่ปกติจะมีแม่บ้านของคอนโดทำอยู่แล้ว เดินก้มๆเงยๆอยู่ในครัว ดูแล้วท่าทางจะหิว ดูเวลาแล้วก็สาย

มากแล้ว

“หิวข้าวแล้วหรอ”

“อ้อ ครับ”เขาหัวเราะออกมาอย่างอายๆ

“ไปหาอะไรข้างนอกกินกัน แต่เป็นรถคุณนะ”

ไม่ต้องให้อีกฝ่ายพูดซ้ำเทนนิสรีบหยิบกุญแจรถเดินนำเจ้าของห้องออกจากห้อง ขี่ไปที่ห้างสรรพสินค้าใกล้ๆโชคดีร้านอาหารใน

ห้างไม่ปิดไม่อย่างนั้นเขาคงต้องเพิ่งอาหารแช่แข็งในร้านสะดวกซื้อแน่นอน เดินเลือกสักพักสุดท้ายก็เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่การัน

ตีความสดใหม่ของวัตถุดิบ ห้างเพิ่งเปิดได้ชั่วโมงกว่าลูกค้ายังไม่ค่อยมีพวกเขาเลือกนั่งติดกระจกที่สามารถมองเห็นข้างนอก

พนักงานทักทายต้อนส่งเมนูให้และยังแนะนำเมนูประจำเทศกาลของร้านเป็นราเมง ทั้งคู่สั่งอาหารชุดคนละชุด ของกินเล่นสอง

สามอย่าง รอสักพักก็ได้อาหารน่าตาอร่อยบนกระทะร้อน

“วันนี้คุณธีร์กลับบ้านรึเปล่าครับ”เทนนิสถามคนตรงหน้า เพราะจะได้ถือโอกาสไปไหว้คุณป้าตั้งแต่ที่ได้รู้จักเธอจะมักมีของมาฝา

กบ่อยๆจนเกรงใจ

“เรียกพี่ว่าพี่ธีร์ก็ได้นะ แต่ไม่ต้องเรียกว่าน้าธีร์เหมือนเด็กๆก็พอ”

“ครับ”

“คงจะเป็นสายๆหน่อย คุณแม่บอกว่าจะจัดปีใหม่ให้เด็กๆเราก็ไปด้วยสิ”

“คุณป้าบอกแล้วครับ เกรงใจยังไงไม่รู้วันก่อนคุณป้าก็แบ่งกับข้าวมาให้”

“คุณแม่ชอบทำกับข้าว ถ้าว่างๆก็ไปเล่นกับท่านสิ”

“อย่างนี้ผมว่าน่าจะซื้อของไปไหว้คุณป้า กับของไปฝากเด็กๆ”

ทั้งคู่กินไปด้วยคุยเรื่องทั่วไปไปด้วยนี่คงเป็นไม่กี่ครั้งที่ธีรภัทรยิ้มหัวเราะบ่อยขนาดนี้ถึงจะเรื่องทั่วไปแต่คุยด้วยกลับไม่น่าเบื่อ

แถมคุยด้วยแล้วสนุกมีความคิดแปลกในหลายๆเรื่อง และเป็นคนเก่งที่สามารถประคับประคองชีวิตที่ไม่มีพ่อแม่อยู่ข้างๆไม่ให้ออก

นอกลู่นอกทาง ปกติมื้อเช้าของเขาจะอะไรง่ายๆนานแล้วที่ไม่ได้กินอะไรจริงจังอย่างข้าวมื้อนี้ เขามองดูคนที่เจริญอาหารกินข้าว

ในถ้วยหมดแล้วกับบนกระทะร้อนก็หายไปหมด ยังต่อด้วยเกี๊ยวซ่ากับกุ้งเทมปุระ ดูเหมือนอีกฝ่ายกำลังมีความสุขในการกินส่วน

เขากินได้นิดหน่อยก็เริ่มอิ่ม

กินข้าวเสร็จแล้วจากนั้นเทนนิสชวนอีกฝ่ายไปซื้อของขวัญปีใหม่ให้คุณป้าเขาเลือกเป็นอาหารบำรุงสุขภาพ ส่วนเด็กๆเลือกหุ่น

ยนตร์ คิดว่าจอมยุทธ์น้อยทั้งสองต้องชอบแน่นๆ หลังจากซื้อของเรียบร้อยร้อยทั้งสองแยกกัน 

หลังจากที่แยกจากธีรภัทร เทนนิสกลับเข้าบ้านเริ่มจากทำความสะอาดห้องนอนกวาดถูจัดการรื้อผ้าปูปอกหมอนผ้าห่มลงไปซัก

ล้างห้องน้ำ เก็บขยะใส่ถุงดำลากไปทิ้งถังขยะหน้าบ้าน มองตามถนนคอนกรีตดูเหมือนหลายๆบ้านจะไม่มีคนอยู่คงออกไปเที่ยว

ในช่วงวันหยุด คุณนายตำรวจหน้าบ้านก็บอกว่าจะไปเยี่ยมลูกชายอยู่ต่างจังหวัดเหมือนกัน จากแถวนี้ที่เงียบอยู่แล้วยิ่งเงียบกว่า

เดิม เขากลับเข้าบ้านทำความสะอาดห้องอื่นๆที่อยู่ชั้นบนต่อ เปิดดูห้องนอนใหญ่ที่ถูกตกแต่งห้องเหมือนเจ้าห้องยังอยู่ รูปถ่าย

อัดใส่กรอบอย่างดีวางอยู่บนชั้นวาง มือขาวหยิบกรอบรูปขึ้นมาดูในรูปถ่ายพ่อแม่ยืนคู่กัน เขาเป็นตากล้อง เป็นรูปถ่ายใบแรกใน

ชีวิตภาพไม่ชัดเพราะมือยังสั่นและยังดูแสงองค์ประกอบของภาพไม่เป็นรูปออกมาไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ ของทุกอย่างในห้องยัง

เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน สิ่งที่เปลี่ยนคือเจ้าของห้องนอนนี้ไม่อยู่แล้ว เขาวางพวงมาลัยและการ์ดปีใหม่วางไว้หน้ารูปถ่ายบนโต๊ะ

หัวนอน กราบสวัสดีปีใหม่ผู้ให้กำเนิด จัดการปัดกวาดทำความสะอาดแล้วถอยหลังออกจากห้องนั้นเงียบๆ จากนั้นลงชั้นล่างแวะ

ทำความสะอาดห้องครัวล้างตู้เย็น ต่อด้วยห้องโถง ห้องรับแขก

กว่าจะสามารถจัดการกวาดถูพื้นเสร็จ ใช้เวลาอยู่หลายชั่วโมง เทนนิสยืนชื่นชมผลงานการทำความสะอาดของตัวเองอย่างภาค

ภูมิใจ ใบหน้าตามตัวเต็มไปคราบฝุ่นและหยากไย่ เนื้อตัวเหนียวไปด้วยเหงื่อ เขาดึงผ้าปิดจมูกออกเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาด

บ้านให้เรียบร้อย แล้วนอนแผ่นบนโซฟารับลมเย็นๆที่ห้องรับแขกอย่างสบาย จนมีเสียงออดหน้าบ้านดังขึ้น ไม่รู้ว่าใครมาหาเขา

ตอนนี้ ไม่รู้รึไงว่าวันนี้เป็นวันหยุดเขาอยากตะโกนออกไปว่าไม่ใครอยู่ เงยหน้าดูนาฬิกาตอนนี้บ่ายสามโมงเย็นแล้วนี่เขาทำความ

สะอาดจนเพลินจนลืมกินข้าวเที่ยงมิน่าทำไมถึงหิวอย่างนี้ เสียงออดหน้าบ้านดังขึ้นอีกครั้ง เทนนิสตัดสินใจลุกขึ้นเดินไปหน้า

บ้านอย่างจำใจ มาถึงประตูรั้วเห็นร่างสูงกับเด็กฝาแฝดส่งยิ้มให้

“พี่เทนนิส/พี่เทนนิส”บู้ตึ้งบู้ลิ้มเรียกพี่ชายอย่างดีใจ ยืนเกาะประตูรั้วยื่นมือเข้ามากวักเรียกเขาให้เข้าไปหา

“อ้าว พี่ธีร์ว่างหรอครับถึงพาเด็กๆกดออดบ้านผมเล่น”เทนนิสแปลกใจที่เห็นเพื่อนบ้านทั้งสามมากดออด

ธีรภัทรมองเจ้าของบ้านใส่เสื้อสีซีดคอเปื่อย กางเกงขายาวเก่าเก่าเดินลากรองเท้า ผมยุ่งใบหน้าที่เต็มไปด้วยฝุ่นไม่รู้ว่าไปทำ

อะไรมา“เป็นไรเราไปตกถังฝุ่นที่ไหนมาทำหน้าตาเป็นอย่างนั้น”เขาถามอย่างแปลกใจ

 ถังฝุ่นบ้าที่ไหนกันเขาเพิ่งทำความสะอาดบ้านเสร็จ“เข้าบ้านก่อนไหมครับ”เทนนิสเปิดประตูรั้วเชิญเพื่อนบ้านเข้าข้างใน

สองแฝดเข้ามาในบ้านได้รีบวิ่งมาจับมือพี่ชาย เดินเข้าบ้านคนละข้าง เขาพาทั้งสามคนเข้าไปนั่งที่ห้องรับแขก เดินเข้าไปในครัว

หาน้ำมารับแขก กลับออกมาเห็นเพื่อนบ้านนั่งเรียบร้อยอยู่บนโซฟาแต่สายตากำลังมองไปที่ตู้โชว์ อ้อ นั่นรูปครอบครัวเขาที่เขา

ใส่กรอบตั้งไว้

“บ้านน่าอยู่ดีนะ”ธีรภัทนมองไปรอบๆห้องที่ตกแต่งเรียบง่ายเหมือนแบบที่เขาชอบ

“ขอบคุณครับ มีอะไรรึเปล่าหอบกันมาหาผมเนี่ย”

“บอกไปสิเจ้าตัวเล็ก”

“บู๊ตึ้งกับน้องมาชวนพี่เทนนิสไปแต่งต้นคริสต์มาส”

“ได้ครับ แต่ขอเวลาพี่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ”

“ครับ/ครับ”ทั้งสองดีใจที่พี่ชายไปช่วย




หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 7] 30/12/2559
เริ่มหัวข้อโดย: jaengsRU ที่ 30-12-2016 08:27:04


        ต้นคริสต์มาสต้นขนาดกลางถูกแกะออกจากล่อง มีบู้ตึ้งบู้ลิ้มและสายไหมช่วยหยิบโน่นยื่นนี่ช่วยเทนนิสประกอบขึ้นจนเป็น

รูปร่างตามแบบที่แถมมาให้ในกล่อง เด็กชายทั้งสองดีใจที่ได้เห็นต้นคริสต์มาสที่คุณอาสัญญาจะซื้อมาให้ บู้ตึ้งบู้ลิ้มสายไหมและ

พี่ชายข้างบ้านช่วยกันตกแต่งให้สวยงาม เอากล่องของขวัญจิ๋ว ลูกบอล ดาวและสายรุ้งประดับรอบๆ

จากนั้นเทนนิสวางกล่องของขวัญไว้รอบๆ ธีรภัทรนั่งดูหลานๆกำลังช่วยพี่ชายข้างบ้าน จับโน่นส่งนี่ ไม่รู้ว่ากำลังช่วยหรือกำลัง

ป่วน สายไหมอีกตัวเห็นลูกบอลกลมหน่อยก็แอบคาบเอานอนแทะมันคงสงสัยว่ามีอะไรอยู่ในลูกบอลกลมๆ บู้ตึ้งเห็นสายไหม

กำลังนั่งแทะลูกบอลก็รีบแย่ง แต่เรื่องอะไรสายไหมจะยอม มันก็รีบคาบลูกบอลวิ่งหนี ลูกตากลมเล็กของมันเหลือบมองเจ้านาย

น้อยอย่างไม่สนใจ บู้ลิ้มเห็นเหตุการณ์เลยเข้าไปช่วยพี่ป่วนอีกคน สองคนวิ่งไล่หนึ่งหมาตัวโตน้ำลายยืดเพื่อแย่งลูกบอลคืน แต่

ด้วยสายไหมตัวโตจึงทำอะไรไม่ได้เด็กๆจึงเปลี่ยนแผนการรีบวิ่งไปขอความช่วยเหลือพี่ชายข้างบ้าน ที่นั่งดูเหตุการณ์ยิ้มๆไม่พอ

ยังส่ายหัวอีก

เทนนิสเดินเข้าไปพูดสายสองสามคำเจ้าหมาตัวย้วยก็ยอมคืนลูกบอลผสมน้ำลายให้แต่โดยดี บู๊ตึ้งเห็นไม่ค่อยพอใจเข้าไปดุเจ้า

สายไหมใหญ่ว่าทำตัวเป็นกบฏ “แกเป็นหมาของข้าต้องเชื่อฟังข้าสิ” สายไหนเอียงคอมองเจ้านายน้อยที่กำลังทำหน้าหน้าตาน่า

รักดุมันอยู่ ยากจะเถียงออกไปบ้างว่าถ้าพี่ชายข้างบ้านไม่พอใจไม่เอาขนมอร่อยให้มันกินเจ้านายจะรับผิดไหม ช่างเถอะมันลุก

ขึ้นไม่สนใจไปคาบสายรุ้งที่วางอยู่บนพื้นขึ้นมาแทน มันกำลังแปลกใจว่ามันคืออะไรทำไมมีขุนปุกปุยเหมือนมัน แต่สายไหมคาบ

สายรุ้งไปไม่ได้ไกลบู๊ตึ้งก็รีบคว้าปลายอีกข้างไว้ ทำให้เกิดการชักเย่อคนกับหมาขึ้น คราวนี้บู้ลิ้มไม่ได้เข้าไปช่วยพี่ชายแต่กลับ

ไปนั่งบนตักเทนนิสนั่งส่งเชียร์พี่ชายแทน  สุดท้ายเชือกสายรุ้งเล็กเล็กก็ขาดแบ่งกันละครึ่ง

สายไหมอารมณ์ดีที่เห็นเจ้านายตัวน้อยล้ม ส่วนบู้ตึ้งก็หัวเราะดีใจที่แย่งสายรุ้งมาได้แล้วรีบเอามาอวดน้องชายกับเทนนิส ทำให้

เทนนิสต้องอดหัวเราะไม่ได้ ส่วนธีรภัทรที่นั่งมองอยู่นานก็ต้องยิ้มออกมา

“ยิ้มอะไรอยู่คนเดียวตาธีร์”ธิมย์รินทร์พี่สาวเดินถือจานไก่ทอดของโปรดสองแฝดออกมาวาง เห็นน้องชายตายด้านของตัวเองนั่ง

ยิ้มอยู่คนเดียว

“เปล่า ครับตลกเด็กๆ”ชายหนุ่มบอกพี่สาว ธิมย์รินทร์มองไปที่ลูกชายฝาแฝดจอมซนกำลังวิ่งไล่สายไหมอย่างสนุกสนาน เห็น

ลูกชายมีเพื่อนยิ้มหัวเราะคนเป็นแม่ก็มีความสุขแล้ว ในตอนแรกที่เธอเลิกกับสามียังกังวลแต่ดูเหมือนทุกอย่างไม่เลวร้ายอย่างที่เธอคิด

“นี่ถ้ารู้ว่ามีเพื่อนบ้านหน้าตาหล่อเกาหลีอย่างนี้ ฉันกลับมาเยี่ยมแม่บ่อยๆแล้ว”เธอพูดแล้วหันมาส่งยิ้มให้น้องชาย ธีรภัทรส่าย

หน้าคำพูดเล่นๆของพี่สาว เขาก็คิดว่าเทนนิสหล่อแบบเกาหลี ตัวผอม บางๆแต่เห็นอย่างนี้ก็กินเยอะเหมือนกัน

ธิมย์รินทร์หยิบโทรศัพท์เดินไปหาเด็กๆที่แต่งต้นคริสต์มาสเสร็จแล้ว“บู้ติ้ง บู้ลิ้มเก่งมากเลยลูกไหนไปยืนใกล้ๆต้นคริสต์มาส ทำ

หน้าตาหล่อด้วยพี่เทนนิสด้วย ตาธีร์มาเร็วมาถ่ายรูปเอาสายไหมเข้าไปด้วย”ธีรภัทรเดินมายืนข้างๆเพื่อนบ้านที่มีความสูงอยู่แค่

ไหล่”ตาธีร์เขยิบเข้าไปใกล้ๆน้องหน่อยเดี๋ยวภาพออกมาไม่สวย ฉันจะเอาไปลงโซเชียวเอฟ เพื่อนๆฉันต้องอิจฉาแน่ๆผู้ชายบ้าน

นี้มีแต่คนหล่อหน้าตาดี”ตากล้องบ้าอำนาจสั่งจนพอใจแล้วกดชัดเตอร์ เธอรีบเลือกรูปที่ชอบโพสต์ลงโซเชียลเอฟ แล้วยิ้มน้อย

ยิ้มใหญ่เมื่อมีเพื่อนเข้ามากดถูกใจและแสดงความคิดเห็นอิจฉา

“พี่เทนนิส ไม่ได้ไปเที่ยวกับพี่วีร์หรอคะ”ธารรพีออกมาจากห้องครัวไปนั่งลงข้างๆพี่รหัส เธอถามอย่างแปลกใจเพราะทั้งสองตัว

แทบติดกันตลอดอดน่าอิจฉา

“พอดีช่วงนี้อยู่ในภาวะเงินฝืดเคือง”ธารรพีมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่เชื่อ ไหนจะทำงานพิเศษ ขายของออนไลน์ ไม่เที่ยวไม่

ดื่มแฟนก็ไม่มีขี้เหนียวจะตายเธอไม่เชื่อเด็ดขาด เธอมองหลานแฝดทั้งสองที่ติดพี่รหัสแจก็ใครบ้างได้รู้จักพี่รหัสเธอแล้วไม่ชอบ

บ้าง บู้ลิ้มยิงฟันเล็กๆใส่คุณน้าสาวคนสวย ธารพีมองหลานตัวเล็กนั่งบนตักรุ่นพี่ นี่ถ้าสาวๆมาเห็นต้องอิจฉาหลานตัวน้อยของเธอ

ที่ได้นั่งตักหนุ่มหล่อ

รุ่นพี่ของเธออัธยาศัยดีเข้ากับคนง่าย หล่อ ยิ้มเก่ง เป็นที่หมายปองของสาวๆในคณะไม่เว้นเพื่อนๆของเธอ บ่อยครั้งที่เธอถูก

เพื่อนร่วมชั้นปีวานเอาให้ขนมไปให้ แต่ถึงจะรู้จักกันมาหลายปีแต่ก็ไม่ค่อยรู้เรื่องของพี่เทนนิสเท่าไหร่เช่น มี แฟนแล้วรึยัง กำลัง

คบกับใครอยู่รึเปล่า จนบางคนคิดพี่วีร์กับพี่เทนนิสคบกันอยู่ไม่รู้ว่าข่าวลือเป็นความจริงไหมเพราะไม่เห็นทั้งสองเดือนร้อนที่จะรับ

หรือปฏิเสธแถมยังใช้ชีวิตปกติไม่สนใจข่าวลือ ข่าวลือก็คือข่าวลือไม่ได้ทำให้พี่รหัสของเธอลดความเป็นที่นิยมของสาวได้แค่มี

หนุ่มๆมานิยมมากขึ้นเท่านั้น ขนาดพี่ชายตายด้านของเธอยังแอบมองพี่รหัสเธออยู่หลายครั้ง เธอแอบเห็นนะถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีพี่

ชายของเธอจะได้เลิกทำหน้าตายด้านบ้างานสักที

“ธารเป็นอะไรหน้าตาเหมือนคิดอะไรไม่ดีอยู่”เทนนิสมองรุ่นน้องที่นั่งจ้องหน้าเขาอยู่เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ เขาพูดเสียงเบาลง

ปิดหูบู้ลิ้มที่อยู่บนตักไม่ให้ได้ยินถามน้องรหัสว่า”แล้วพี่ปืนไม่ชวนออกไปเที่ยวที่ไหนหรอ”เขาถามเผื่อเอาไว้แซวพี่ชาย

ธารรพีได้ยินคำถามก็ยิ้มคิดถึงพี่ปืนผู้ชายอบอุ่นตั้งแต่เข้ามาสารภาพว่าชอบเธอก็โทรเทียวมาจีบแทบทุกวัน“ไปมาแล้วเมื่อวาน

ไปเดินดูไฟดูพลุแถวในเมืองมา”พูดไปแล้วเดตข้ามปีนี่ก็ดีไปอีกแบบ

“อืม”พี่ชายเขานี่ไวไฟน่าดูเพิ่งเปิดไฟเขียวให้ไม่นานก็ชวนน้องรหัสเกเรเที่ยวกลางคืนแล้ว

“เด็กๆ มากินข้าวได้แล้ว”ทิพวรรณเรียกทุกคนมารวมที่โต๊ะอาหาร

“ไก่ทอด/ไก่ทอด”สองแฝดวางของเล่นแล้ววิ่งไปที่โต๊ะอาหารทันที

ธิมย์รินทร์รีบเข้ามาห้ามสองแสบก่อนที่หยิบไก่ทอดไปกิน“อะ อะ คุณแม่เคยบอกว่าว่ายังไง คุณครูที่โรงเรียนบอกไว้ว่ายังไงครับ

จำได้ไหม”

สองแสบมองหน้าแม่ตาแป๋วแล้วคิดไปด้วย“ต้องล้างมือก่อนกินข้าว”สองแสบตอบพร้อมกันเสียงดัง

“รู้แล้วก็รีบไปอย่าช้า”

“เดียวผมพาน้องไปเองครับ”เทนนิสจูงเด็กๆเข้าไปในห้องน้ำ สองแฝดเหยียบตั่งขึ้นไปล้างมือด้วยสบู่เหลวจนสะอาดเทนนิสให้

ผ้าสะอาดเช็ดมือเล็กๆจนแห้งกลับมานั่งพร้อมหน้าที่โต๊ะอาหาร บนโต๊ะมีกับข้าวน่ากินหลายอย่างกลิ่นหอมเรียกน้ำย่อยเขาได้

อย่างดี วันนี้ทำความสะอาดบ้านจนเพลินลืมกินข้าวเที่ยงแต่ไม่เป็นไรเขาจะชดเชยด้วยมื้อเย็น เสียงพูดคุยสลับเสียงหัวเราะ

เสียงของเด็กๆเรียกแม่ให้หยิบโน่นหยิบนี่ดังเป็นระยะ ทำให้เทนนิสรู้สึกอิจฉาอยู่บ้างแต่ก็มีธารรพีและธีรภัทรชวนคุยด้วย งาน

เลี้ยงในครอบครัวจบลงเกือบสองทุ่มเด็กๆถูกพาไปอาบเตรียมเข้านอน เทนนิสขอตัวกลับเพราะรบกวนมาตั้งแต่ตอนบ่าย


   ท้องฟ้าสีดำในคืนปีใหม่ท้องฟ้ายังมีดาวให้เห็น พระจันทร์ดวงกลมโตยังดูสวย คืนนี้อากาศยังหนาวมีลมพัดมาเรื่อยๆทำให้

ธีรภัทรที่ยืนรับลมที่ระเบียงรู้สึกผ่อนคลาย นานครั้งได้หยุดคิดเรื่องงานที่ต้องแข่งขันวุ่นวาย วิ่งตามกระแสสังคมทั้งวัน พักมองดู

รอบๆข้างบ้างก็ดีเหมือนกัน ดวงตาสีอ่อนมองผ่านความมืดไปที่บ้านข้างๆชั้นบนที่ไฟเพิ่งสว่างขึ้น

“อะ แฮ่ม พึ่งรู้ว่าพี่ชายของธารเป็นพวกถ้ำมอง”เธอมองตามสายตาพี่ชายมองไปที่บ้านหลังข้างๆ ชั้นบนตอนนี้มีห้องหนึ่งเปิดไฟ

อยู่และมีเสียเพลงสากลฟังสบายแว่วมา

ธีรภัทรเลิกคิ้วขึ้นมองน้องสาวที่บอกว่าเขาเป็นพวกถ้ำมอง“ทำไมถึงว่าอย่างนั้น”

“ถ้าไม่ใช่จะมายืนแอบมองพี่รหัสธารหรอคะ”

“ก็ระเบียงห้องพี่อยู่ตรงนี้ เดินออกมารับลมไม่ได้รึไง”ส่วนเรื่องอื่นนั้นเป็นผลพลอยได้

“ได้ค่ะ พี่รหัสธารน่ารักใช่ไหม”เธอถามพี่ชายแล้วยิ้ม เหมือนมีอะไรแอบแฝง

“เขาดูเป็นคนดี เข้ากับคนง่าย กินเก่ง คุยเก่ง...”

“จีบเลย”

“ฮึ! อะไรนะพูดอีกทีสิ”คำพูดของน้องสาวคนสวยทำให้เขาแทบตกระเบียง

“ธารบอกให้พี่ธีร์จีบพี่เทนนิสเลย”

“นี่ธารเป็นอะไรพูดจาแปลกๆ”เขายืนไปวางบนหน้าผากน้องสาววัดอุณหภูมิ”ตัวก็ไม่ร้อนนี่นา รึกินอะไรผิดสำแดงมารึ

เปล่า”คำถามของพี่ชายทำให้เธอหน้ามุ่ย”พี่รหัสเราเป็นผู้ชายนะ”ธารรพีอยากเถียงพี่ชายว่าผู้ชายแล้วทำไมเดี๋ยวนี้โลกเปิดกว้าง

ที่มหาวิทยาลัยของเธอเขาคบกันออกเปิดเผย เรื่องของความรักไม่มีเลือกเพศ เลือกอายุหรอก แค่คนสองคนอยู่ด้วยกันมีความ

สุข คุยกันรู้เรื่อง ดูแลซึ่งกันและกัน ถึงเธอจะไม่ค่อยเข้าใจเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ก็ตาม“ช่างเถอะ เดี๋ยวพี่ก็รู้ใจตัวเองหล่ะ”

“อืม พูดอะไรแปลกๆนะเราวันนี้ ที่บอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วยคงไม่ใช่เรื่องนี้หรอกนะ”

“ไม่ใช่”เรื่องนั้นเป็นผลพลอยได้”ธารจะมาขอเงินพี่ธีร์ สามหมื่น”

“เอาไปทำอะไรเยอะขนาดนั้น เงินเก็บไม่มีหรอ”

“มี แต่ไม่พออยากได้เพิ่ม”

“ได้ พี่จะให้สี่หมื่นแต่ปิดเทอมฤดูร้อนเข้าไปช่วยงานพี่บริษัท”ให้เงินน้องสาวไม่ใช่ปัญหาแต่แค่อยากให้รู้ค่าของเงิน

“ได้ ไม่มีปัญหาค่ะ”ขอสามหมื่นได้สี่หมื่นคิดถูกมาที่มาขอพี่ธีร์

“แล้วจะบอกได้รึยังว่าจะเอาเงินไปทำอะไร”

“ไปเที่ยวญี่ปุ่น ไปกับเพื่อนคิดว่าจะซื้อทัวร์ไป”

“อืม ก็ดีปลอดภัยดีแม่จะได้ไม่เป็นห่วง”

“ถ้าอย่างนั้นไม่รบกวนพี่ชายแล้วเชิญถ้ำมองต่อไปได้เลยนะคะ”พูดแล้วเธอรีบเดินออกจากห้อง ปล่อยให้เจ้าของห้องคิดว่าตัว

เองเป็นถ้ำมองจริงจึงหันหลังกลับเข้าห้อง

   อาบน้ำอุ่นๆหลังจากที่ทำงานเหนื่อยมาทั้งวันรู้สึกสบายตัว เทนนิสผึ่งผ้าเช็ดตัวไว้บนราวแล้วทิ้งตัวนอนลงเตียงที่เปลี่ยน

ผ้าปูผ้าห่มใหม่ยังได้กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มอ่อนๆรู้สึกสดชื่น หยิบของขวัญปีใหม่ที่ธีรภัทรให้ เป็นปากกากับสมุดโน้ตเล่มเล็กลาย

แปลกตาเป็นของขวัญง่ายๆเหมืนคนให้เลยเขาก็ให้อีกฝ่ายเป็นปากกากับสมุดโน้ตเล่มเล็กเหมือนกัน นอนมองสมุดโน้ตสักพัก

ความง่วงเข้าโจมตี ลุกขึ้นไปปิดไฟแล้วเข้านอน


       หลังจากหมดช่วงวันหยุดช่วงปีใหม่เทนนิสกับเพื่อนกลับมาเรียนตามปกติ เขาไม่ต้องทำงานพิเศษมีเวลาเพิ่มขึ้นใช้ชีวิต

เหมือนนักศึกษาปกติ เรียนบ้าง เล่นบ้าง มีกิจกรรมของมหาวิทยาลัยที่ต้องมีส่วนร่วมบ้างแต่เสร็จจากกิจกรรมก็เข้าเตรียมตัวสู่ช่วง

สอบปลายภาค นักศึกษาชั้นปีสุดท้ายต้องขยันเป็นพิเศษไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่งงานหรืออ่านหนังสือสอบแล้วยังเตรียมตัวหางาน

หรือเรียนต่อ ส่วนนักศึกษาชั้นปีอื่นๆก็ต้องเร่งทำงานอ่านหนังสือไม่ได้เกรดตกจนถูกไล่ออก

ช่วงก่อนสอบปลายภาคไม่กี่สัปดาห์เป็นช่วงที่รุ่นพี่ที่จบไปแล้วกลับรับพระราชทานปริญญาบัตรถือโอกาสนี้พบปะรุ่นน้องเล่าเรื่อง

ราวประสบการณ์ที่ออกไปเรียนรู้นอกรั้วช่วงหนึ่งปีว่าเจออะไรมาบ้างบางคนแนะรุ่นน้องให้ไปสมัครงานที่ตนเองทำงานหรือบริษัท

อื่นที่มีคนแนะนำมา บางคนแนะให้รุ่นน้องเรียนต่อ ทำให้ร้านอาหารรอบมหาวิทยาลัยถูกจองล่วงหน้าบางร้านยังมีส่วนลดสำหรับ

พี่บัณฑิตเพื่อเรียกลูกค้าเข้าร้านอีกด้วย งานพระราชทานปริญญาบัตรรุ่นน้องต้องรวบรวมเงินซื้อของที่ระลึกแสดงความยินดี เสียง

หัวเราะ เสียงร้องเพลงบูมจากรุ่นน้อง ภาพรุ่นพี่หอบหิ้วตุ๊กตาตัวโตและช่อดอกไม้ช่อโตถ่ายรูปกับน้องๆ ผ่านพ้นไปด้วยดีก็เข้าสู่

สัปดาห์การสอบปลายภาคสัปดาห์ตัดสินอนาคตของใครหลายคน

ปลายเดือนกุมภาพันธ์มาถึงในที่สุดเวลาการสอบก็ผ่านไปอย่างเรียบร้อย เหลือแค่เกรดออก หรือรอประกาศสอบแก้ตัวครั้งที่

1และ 2 ปิดเทอมภาคฤดูร้อนมาถึงคนที่ไม่มีปัญหากับผลการเรียนเตรียมออกเที่ยวกับครอบครัว คนรักหรือกลุ่มเพื่อน แต่เทนนิส

กับเพื่อนต้องเตรียมตัวเข้าฝึกงาน


***************************************************************
โปรดติดตามตอนต่อไปจ้า

ลืมไปเลย

 .......ตอนนี้เข้ากับเทศมาก..............อ่านให้สนุกนะคะ............สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้า

ขอให้ทกคนมีความสุข.....สมปรารถนาทุกสิ่งอย่าง........และก็รวย รวย รวย จ้า

หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 7] 30/12/2559
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 30-12-2016 18:50:06
พี่ธีรจะรู้ใจตัวเองง่ายไหมหนอ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 7] 30/12/2559
เริ่มหัวข้อโดย: jaengsRU ที่ 10-01-2017 09:29:42
พี่ธีรจะรู้ใจตัวเองง่ายไหมหนอ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


มาเอาใจช่วยกันนะคะ
หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 8] 10/01/2560
เริ่มหัวข้อโดย: jaengsRU ที่ 10-01-2017 09:37:00
ตอนที่ 8

   เสียงดนตรีจังหวะสนุกดังไปทั่วบริเวณห้องประชุมกว้างที่ตอนนี้ถูกตกแต่งไปด้วยซุ้มดอกไม้ซุ้มลูกโป่งตรงทางเข้าลง

ทะเบียนเข้างาน และบริเวณลานหน้าเวทีที่มีรถยนต์รุ่นใหม่สามคันสัญชาติญี่ปุ่นกำลังจอดอยู่ด้านล่างเวที มีแสงไฟหลอดเล็ก

ส่องไปรอบรถและพริตตี้สาวสวยหกคนกำลังยืนประจำรถแต่ละคันให้ข้อมูลเกี่ยวกับรถสำหรับผู้ที่สนใจ

แต่บางคนก็สนใจถ่ายรูปพริตตี้คู่กับรถมากกว่า รถเก่งสปอร์ตคันหรูรุ่นใหม่ประหยัดน้ำมันเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ราคาเปิดตัวล้าน

ต้นๆสำหรับรุ่นมาตรฐาน แต่ตัวที่นำมาแสดงในงานทั้งสามคันถูกแต่งไว้อย่างสวยงามทั้งภายนอกภายใน แต่สำหรับผู้ที่เข้ามาร่วม

งาน จองรถจะได้ส่วนลดและสิทธิพิเศษมากมาย งานเปิดตัวรถรุ่นใหม่ของบริษัทนำเข้ารถญี่ปุ่นรายใหญ่

ภาพโฆษณารถยนต์คันใหม่ที่เปิดฉายในโทรทัศน์ถูกเปิดขึ้นแขกที่มาร่วมงานต่างหันไปสนใจบนเวที พร้อมการปรากฏตัวของพรี

เซนเตอร์คนล่าสุด มีข่าวออกมาว่าค่าเซนต์สัญญาครั้งเธอได้รับค่าตัวเจ็ดหลัก ดาราสาวแสนสวย เดินออกมาจากหลังเวทีด้วยลุค

สวย ฉลาด สมาร์ทและสตรอง

            หลังจากนั้นประธานบริษัทวัยกลางคนขึ้นกล่าวเปิดงานอย่างเป็นทางการแสงแฟลตดังรัวพร้อมกับเสียงปรบมือของผู้

ร่วมงาน พิธีเปิดเสร็จสิ้นประธานเดินลงจากเวทีมีนักข่าวหลายสำนักเข้าไปขอถ่ายรูปขอทำข่าวสัมภาษณ์ เจ้าของบริษัทนักธุรกิจ

หลายคนถูกเชิญมาร่วมงานเปิดตัวสินค้าครั้งนี้ นักร้องวัยรุ่นชื่อดังสลับสับเปลี่ยนขึ้นเวทีแสดงดนตรีให้ความบันเทิงแขกภายในงาน

   ธีรภัทรกำลังยืนดื่มเครื่องดื่มและหาอะไรกินรองท้องหลังจากประธานกล่าวเปิดงาน มีเบสเลขาช่วยเลือกกับข้าวให้เจ้านาย

กับข้าวในงานดูน่ากินหลายอย่างแต่ดูเหมือนคนจะสนใจรถกับพริตตี้ซะมากกว่ากับจึงได้เหลือเยอะ

“คุณธีรภัทร สวัสดีค่ะ บังเอิญจังเลยที่มาเจอกันที่นี่”

เสียงผู้หญิงเดินเข้ามาทักพี่ชายทำให้เบสเงยหน้าจากของกินเล่นขึ้นมามองเจ้าของเสียง

“สวัสดีครับ เอ่อ..”ธีรภัทรจำไม่ได้คนที่เข้าทักเป็นใคร แต่ก็พยายามนึก

“เปรียวค่ะ ดีใจจังเลยค่ะที่ได้เจอคุณที่นี่”เธอบอกชื่อให้คนตรงหน้ารู้ ให้มันรู้ไปว่าผู้หญิงสวยอย่างเธอเขาจะจำไม่ได้

“ครับ”เขานึกออกแล้วผู้หญิงคนนี้เขาเจอเธอที่ผับแห่งหนึ่ง

“คุณธีรภัทรมากับใครค่ะ”เธอมองหาผู้หญิงที่คิดว่าจะเป็นคู่ควงของผู้ชายตรงหน้า”พอดีว่าเปรียวมากับคุณพ่อ ท่านไปคุยกับ

เพื่อนเปรียวไม่รู้จักใคร”

เบสยืนฟังทั้งสองคุยกันอยู่นานดูก็รู้ว่าพี่ชายเขาไม่ชอบผู้หญิงคนนี้ เธอไม่รู้ มองไม่ออกหรือแกล้งโง่กันแน่

“พี่ธีร์มากับผมครับ”เบสเดินอยู่ข้างพี่ชายแล้วส่งยิ้มให้เธอ”ผมตักอาหารให้แล้วเราไปนั่งกินที่โต๊ะตรงนั้นดีกว่า”เขาชี้ไปที่โต๊ะที่

เตรียมไว้สำหรับให้แขก

“ผมขอตัวนะครับ”ธีรภัทรเดินไปที่โต๊ะที่ว่าง

ปรีญารัตนเม้มปากเป็นเส้นมองตามหลังชายหนุ่มที่ไม่สนใจเธอเลย นี่เธอไม่มีเสน่ห์หรือสวยไม่พอให้เขาสนใจเลยรึไง มองไป

รอบงานก็มีผู้ชายหลายคนแอบมองเธอบางคนก็เดินเข้ามาทัก แต่ทำไมเธอเจอเขากันทีไรถึงเป็นแบบนี้ทุกที แล้ววันนี้ยังมีไอ้

ผู้ชายหน้าอ่อนที่นั่งข้างๆนั่นทำท่าทางสนิทสนมจนน่าตบนั่นอีก คอยดูเถอะเธอไม่ยอมให้มันจบแค่นี้หรอก

“พี่ธีร์ผู้หญิงคนนั้นใครหรอ”เบสหันกลับไปมองผู้หญิงในชุดกระโปรงสั้น ยืนสวยแสดงท่าทีไม่พอใจ แถมยังส่งสายตาพิฆาตมอง

มาที่เขา “เวลาเธอมองพี่เหมือนจะกินลงท้องอย่างนั้นแหล่ะ”

“เคยเจอในผับ ไอ้กิตลากไปเที่ยว”เขาพูดด้วยท่าทางไม่สนใจ แล้วกินต่อ

“ฮือ เด็กนั่งดริ้งรึเปล่าดูแต่งตัว”ที่จริงก็สวยอยู่หรอก ไม่อย่างนั้นผู้ชายในงานคงไม่มองตาม “พี่ธีร์ระวังไว้นะผมไม่อยากได้พี่

สะใภ้แบบนี้”เขาเตือนพี่ชายอย่างเป็นห่วง

“แล้วเราว่าแบบไหนดี”เขามองลูกพี่ลูกน้องที่ทำหน้าตาเป็นห่วง เหมือนเขาเป็นเด็ก

“แบบไหนหรอ เอาเป็นแบบที่ทำให้พี่ชายผมหันไปสนใจได้มากกว่างาน”แล้วมันแบบไหนกันนะ เบสยังคิดไม่ออกเลย

“ขอโทษนะคะ ขอเปรียวนั่งด้วยคน”เธอไม่รอให้คนที่นั่งอยู่อนุญาต เธอนั่งลงข้างๆธีรภัทร แล้วมองเบสด้วยหางตา

“เชิญครับ”

“คุณธีรภัทรไปเดินดูรถรึยังคะ”เธอชวนพยายามชวนอีกฝ่ายคุย

“ยังเลยครับ”เขาเข้าในงานพิธีเปิดก็เริ่มแล้ว พอเปิดงานเสร็จทักทายผู้ใหญ่ที่รู้จักไม่กี่คนเบสก็ชวนเขามาหาอะไรกิน

“เปรียวก็เหมือนกัน ถ้ายังไงกินเสร็จแล้วเราเดินไปดูไหมคะ”พูดแล้วหันไปมองเบสที่นั่งข้างๆ เหมือนจะบอกให้รู้ว่าเธอชวนแค่ธีร

ภัทรส่วนคนอื่นไปที่อื่น

“เปรียว”แพรพรรณถือจานอาหารวางลงข้างเพื่อนด้วยสีหน้าไม่พอใจ”ขอนั่งด้วยคนนะคะ” หันไปขออนุญาตกับเพื่อนร่วมโต๊ะ

“แพร มาได้ไงพี่ชายฉันล่ะ”เธอหันไปมองก็ไม่เห็นพี่ชายตัวดี ที่เธออุส่าปลีกตัวอกมาให้ได้อยู่สองต่อสอง

“ไม่รู้เดินมาด้วยกันอยู่ดีๆก็หายไป เดินตามหาอยู่ตั้งนานก็ไม่เห็น แต่ก่อนจะออกไปเห็นโทรหาใครไม่รู้ ฉันว่าต้องเป็นไอ้เด็กคน

นั้นแน่ๆ”ไม่รู้ว่าเด็กนั่นมีดีอะไร ทำไมเธอถึงสู้ไม่ได้

ขณะที่สองสาวกำลังคุยกันเบสสะกิดพี่ชายให้ลุกขึ้น เดินออกมาจากเงียบๆ

“ไอ้เด็กผู้ชายที่เธอเคยบอกฉันก่อนหน้านี้รึเปล่า”จำได้ว่าเพื่อนเคยเล่าให้ฟังก่อนหน้านี้ ว่าพี่ชายเลี้ยงเด็กผู้ชายไว้ถึงจะเป็นเรื่อง

ปกติเพราะตอนที่ต่างประเทศชายรักชายก็มีให้เกลื่อน คิดว่าพี่ชายของเธอน่าจะจริงจังเท่าไหร่พอเบื่อก็ทิ้ง แต่ถึงขนาดทิ้งเพื่อน

เธอไว้คนเดียวแล้วออกไปหานี่ชักไม่ดี เธอคิดว่าน่าจะบอกพ่อให้จัดการตัดไฟแต่ต้นลม

“ใช่ น่าจะเป็นคนนั้นแหล่ะ”

“ใจเย็นก่อน อ้าวคุณธีรภัทร คุณธีรภัทรหายไปไหนแล้ว”เธอมองหาคนที่นั่งอยู่ข้างๆเธอเมื่อครู่หันไปคุยกับเพื่อนแปบเดียวหาย

ไปแล้ว อะไรกันเบอร์ติดต่ออะไรก็ไม่ได้ ใช่ว่ากรุงเทพแคบซะเมื่อไหร่

“ผู้ชายที่นั่งข้างเธอนะหรอเขาไปตั้งนานแล้ว ถ้าอยากรู้ว่าเขาเป็นใครก็ไปสอบถามจุดลงทะเบียนซิ ชื่อธีรภัทรมันจะมีสักกี่คนกัน
เชียว”

“ใช่แล้วทำไมฉันไม่คิดถึงเรื่องนี้มาก่อน ถ้าอย่างนั้นไป อิ่มได้แล้ว กินไปก็มีแต่อ้วน ไปช่วยฉันหาว่าเขาเป็นใคร”ปรีญารัตนลุกขึ้น

ลากเพื่อนตรงไปจุดลงทะเบียน คอยดูเธอจะรู้ให้ได้ว่าเขาเป็นใครและจะไม่ปล่อยให้หลุดมือไปได้


   เช้าวันใหม่วันแรกของสัปดาห์บนท้องถนนยังเต็มไปด้วยรถที่สัญจรไปมา หนึ่งเดือนแล้วที่เทนนิสและวีร์เข้าฝึกงานบริษัท

เทแอร์เพ วันแรกที่เข้ามาบริษัทฝ่ายบุคคลแจ้งให้ทราบกฎระเบียบของบริษัท สวัสดิการที่จะได้รับพวกเขาได้รับเงินค่าฝึก

ประสบการณ์ ทราบกฎระเบียบแล้ว เจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลพาทั้งสองเดินไปแนะนำตามแผนกต่างๆ พนักงานแต่ละคนเป็นกันเอง

ยินดีต้อนรับนักศึกษาฝึกงาน ตั้งแต่เข้าฝึกงานพวกเขาต้องตื่นแต่เช้า เพื่อมาให้ทันเข้างาน เทนนิสเลี้ยวรถเข้าจอดรถสำหรับมอร์

เตอไซด์แล้วรีบไปแสกนลายนิ้วมือที่เครื่อง 8.10 นาทียังไม่สาย ฝึกงานมาได้เดือนหนึ่งยังไม่ค่อยชินที่ต้องแต่เช้าเท่าไหร่

“เทนนิสเราไปพักกับพี่ปาล ตื่นแต่เช้าอย่างนี้ไม่ไหว”วีร์นึกถึงพี่ชายชวนให้ไปพักที่คอนโดไม่ไกลจากที่เขาฝึกงานนัก น่าจะดี

กว่าที่รีบตื่นแต่เช้า

“เดี๋ยวค่อยว่ากัน ขอไปเข้าห้องน้ำก่อน”เขารีบดินเข้าห้องน้ำส่องกระจกดูสภาพตัวเองที่รีบมาแต่เช้า เสื้อผ้ายับยู่ยี่อยู่บ้างแต่ก็ไม่

ได้ดูน่าเกียจเท่าไหร่ เฮ้อ ถอนหายใจเหนื่อยตั้งแต่เช้า ที่จริงก็อยากหาที่พักแถวนี้เหมือนกันจะได้สะดวกในการเดินทางยิ่งช่วงที่

มีงานด่วนพี่ๆบอกว่าต้องทำงานดึก แต่ค่าที่พักแถวนี้ถูกซะเมื่อไหร่ จะให้ไปพักพี่ปาลก็เกรงใจ

“เป็นอะไร ทำไมทำหน้ายุ่งแต่เช้า งานหนักหรอ”

“เอ่อ เปล่าครับ”นี่ก็อีกคนตอนรู้ว่าธีรภัทรเป็นเจ้าของบริษัทเขาก็ตกใจไม่รู้ว่าโลกจะกลมไปไหน เขาพยายามทำตัวไม่สนิทอีก

ฝ่ายจนเกินไปกลัวจะถูกพนักงานคนอื่นจะว่าได้

“ยังไม่ถึงเวลางานเข้าไปคุยพี่ในห้องก่อนดีกว่า”เขาเดินนำอีกฝ่ายเข้าไปในห้องทำงาน

“เจ้านายมาทำงานแต่เช้าเลยหรอครับ”

ธีรภัทรไม่ค่อยชอบให้อีกฝ่ายเรียกเจ้านายแต่เพื่อให้เกิดความสบายใจก็ต้องยอม“รีบออกมากลัวรถจะติด ทำงานมาได้เดือนหนึ่ง

แล้วที่นี่เป็นยังไงบ้าง”ได้ยินเพื่อนร่วมงานหลายคนบอกว่าเด็กฝึกงานนิสัยดี ขยันทำงาน ว่านอนสอนง่าย มองออกไปนอกห้องที

ไรเห็นแต่นักศึกษาฝึกงานเทียวเดินถ่ายเอกสาร ส่งเอกสารตามโต๊ะ บางครั้งยังเห็นลงไปซื้อกาแฟข้างล่างช่วยแม่บ้าน 

“ดี ครับพี่ๆทุกคนใจดี”มีคนรักก็ต้องมีคนเกลียดเป็นธรรมดา แต่แค่ไม่ต้องไปสนใจเท่านั้นก็พอและงานก็ไม่ได้หนักมากถ้าเทียบ

กับที่ทำงานร้านอาหาร

ธีรภัทรยิ้มพอใจกับคำตอบที่อีกฝ่ายไม่มีท่าทางไม่พอใจงานที่พนักงานคนอื่นๆสั่งให้ทำ“ได้ยินว่าเราเทียวกลับบ้านทุกวัน ไม่

เหนื่อยรึไง ถ้ายังไงชวนเพื่อนมาพักกับพี่ไหม”

“จะดีหรอครับ ผมเกรงใจ”แต่ก็น่าจะเกรงใจน้อยกว่าไปอยู่กับปาลภัทร  เขาไม่อยากเป็นก้างสองคนนั้นแค่คิดก็วางตัวลำบาก แต่

ยังไงเรื่องนี้ปรึกษากับวีร์ก่อนก็ดี

เห็นท่าทางอีกฝ่ายกำลังคิดอยู่เลยถามออมาว่า“รึอยากจะพักกับแฟนแค่สองคน”

“หา!นี่เจ้านายก็เชื่อว่าผมกับวีร์เป็นแฟนกันเหมือนคนอื่นหรอครับ”ในมหาวิทยาลัยไม่เท่าไรแม้แต่ที่ทำงานก็เป็นกับเขาด้วย

“ไม่หรอก แค่ดูเหมือนแค่นั้นเอง”เขายิ้มนึกถึงในที่ทำงานสาวๆพูดว่าทั้งสองเป็นคนรัก ดูเหมือนสาวๆในบริษัทจะชื่นชอบอยากให้

ทั้งสองเป็นคนรักกันออกหน้าออกตา

“ผมกับวีร์เป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็ก คือ แม่ของพวกเราเป็นเพื่อนกัน”

“ไม่ต้องคิดมาหรอก พี่เคยได้ยินจากยัยธารมาบ้าง”

“ครับ แล้วธารจะเข้ามาทำงานเมื่อไหร่ครับ”

“น่าจะหลังจากกลับมาจากญี่ปุ่น ถ้ายังไงตอนเย็นให้คำตอบพี่นะ”

“ครับ ผมขอตัวไปงานก่อน”

ธีรภัทรพยักหน้าตอบรับ มองตามหลังคนเดินออกจากห้องไป แล้วกลับมาทำงานของตัวเอง ทำงานมาหลายปีไม่รู้ทำไมช่วงนี้

ทำไมทำงานแล้วมีความสุขผิดปกติ ตื่นแต่เช้าอยากมาทำงาน หยิบแฟ้มที่วางอยู่บนโต๊ะเปิดอ่านข้างในแต่ตอนนี้จิตใจไม่ได้อยู่ที่

งานมันตามแผ่นหลังบางๆที่เดินออกจากห้องเมื่อครู่ไปด้วย

“พี่กวินทร์ สวัสดีครับ”

“หวัดดี หล่อแต่เช้าเชียวนะน้องรัก”

“ทำอะไรอยู่พี่ หน้าตาเครียดเชียว”

“ไม่มีอะไรหรอก เมื่อคืน บางกอกซิตี้แพ้คาบ้าน 1-2 พูดแล้วก็หงุดหงิดอุตส่าตั้งใจเชียร์ กลับแพ้ซะได้ทั้งที่ครึ่งแรกเป็นฝ่ายนำก่อน”

“แพ้อีกแล้วหรอพี่ เมื่ออาทิตย์ที่แล้วก็แพ้”เขาเดินไปดูหน้าจอคอมพิวเตอร์ดูภาพข่าวกีฬานักเตะชื่อดังยิงประตูเข้าอย่างสวยงาม

“ก็ใช่สิ นี่ถ้าแต่ก่อนมีฟุตบอลไทยลีกส์พี่ได้ไปคัดตัวพวกนี้ไม่มีทางได้เกิด”

“อ้อ พี่เมาค้างรึเปล่า”

“เมื่อคืนไม่ได้กิน นี่ถ้าพี่มีเงินจะตั้งสโมสรทีมฟุตบอล”

“ถ้าอย่างนั้นที่ผมฝันว่าจะได้เห็นทีมชาติของเราเตะกับทีมชาติบราซิลในศึกชิงแชมป์ฟุบอลโลกก็น่าจะเป็นจริงได้สิ”

“พี่ว่าแกกลับไปนั่งทำงานที่โต๊ะเถอะ ก่อนที่พี่จะตกงานแล้วไปนอนฝันที่บ้าน”

   เทนนิสกลับไปนั่งทำงานที่โต๊ะ มีเอกสารที่ต้องพิมพ์ เอกสารที่ต้องถ่ายเอกสารเดินแจกตามแผนกต่างๆ เขาเดินไปหยิบ
กระดาษตรงไปที่เครื่องถ่ายเอกสาร

เมื่อก่อนเคยได้ยินรุ่นพี่หลายคนบ่นว่าเรียนจบปริญญาตรีทำไมต้องไปถ่ายเอกสารส่งแฟกซ์ เดินเอกสารหรือยกของหนักๆ ต้อง

นั่งทำงานในห้องแอร์เย็นๆสบายๆสิถึงจะถูก เขาว่าก่อนที่จะถึงจุดนั้นน่าจะเรียนหรือรู้เริ่มต้นสิ่งเล็กๆน้อยๆ บริษัทยังไม่เชื่อใจคน

ที่จบใหม่ไม่มีประสบการณ์การทำงาน ไม่กล้ามอบหมายให้ทำงานสำคัญ ทุกคนต่างต้องพิสูจน์เรียนรู้งานให้ได้รับความเชื่อใจ

นิ้วเรียวกดจำนวนเอกสารแล้วกดปุ่มถ่ายเอกสาร กลับมานั่งที่โต๊ะใช้ลวดเย็บกระดาษเย็บมุมให้เรียบร้อย เดินไปส่งไปส่งเอกสาร

ตามแผนกต่างๆ แล้วกลับมานั่งพิมพ์งานค้างอยู่ มองดูพนักงานหลายคนเปิดเน็ตเล่นโซเชียลเอฟผ่านโทรศัพท์มือถือ เทนนิส

หยิบหนังสือเวียนแจ้งหัวข้อประชุมที่สำคัญคือเกี่ยวกับสินค้าตัวใหม่ กิจกรรมที่มีในช่วงสงกรานต์และกิจกรรมเข้าสู่ 6 ปีของ

บริษัทขึ้นมาอ่านดู

“ทำอะไรอยู่”กิตเดินมาหยุดที่โต๊ะทำงานเทนนิส มองคนกำลังตั้งใจทำงาน

“เอ่อ พิมพ์งานอยู่ครับพี่กิตมีอะไรให้ผมช่วยรึเปล่า”

“วันนี้ประชุมอีกแล้วน่าเบื่อ”

“แล้วทุกปีช่วงสงกรานต์ทำอะไรกันบ้างครับ”ในฐานะนักศึกษาประการณ์อยากรู้ว่าบริษัทมีกิจกรรมอะไรบ้าง

“อือ ไม่มีอะไรพิเศษหรอก ตอนเช้าเลี้ยงพระ จากนั้นก็มีรถน้ำดำหัว เลี้ยงข้าวอะไรประมาณนั้น แต่ปีนี้ว่าจะไปเปิดบู๊ทแจกสินค้า

ตัวใหม่ด้วย”

“ออกนอกสถานที่ช่วงวันหยุดนี่ได้ค่าแรงพิเศษไหมครับ”เทนนิสรู้สึกสนใจ

“ได้สิ อยากไปรึไงเรา”พนักงานคนอานมีแต่อยากหยุดไปเที่ยว แต่เด็กนี่อยากทำซะงั้นนี่เป็นโรคบ้างานเหมือนเพื่อนรึเปล่า

“ได้ไหมครับ”

“ไม่รู้สิ”ชายหนุ่มบอกปัดไม่สนใจ”แล้วส่งแผนงานเข้าประกวดไหมนักศึกษาก็ส่งได้นะ”กิตชอบเทนนิสที่ขยันมีความคิดแปลก

ใหม่เรื่องที่มีการเปิดให้มีการประกวดแผนงานเด็กหนุ่มนี่ก็เป็นคนออกความคิดเห็น ทำงานมีหลายปีเปิดโอกาสให้พนักงานมีส่วน

ร่วม ให้รางวัลเป็นตัวกระตุ้นให้พนักงานแสดงความสามารถออกมาก็ดีไปอีกแบบ

“แน่นอนครับ เงินรางวัลเยอะขนาดนั้นใครจะไม่สน”

“ดีๆ พี่ก็อยากเห็นแผนงานเราเหมือนกัน วันนี้เงินเดือนพี่ออก”

“ครับ เงินเดือนพี่ออก เงินเดือนผมก็ออกครับ ว่าแต่พี่จะมาบอกผมทำไม”

“เที่ยงนี้ไปกินข้าวพี่เลี้ยง”

“พี่กิตเลี้ยงผมด้วย”กวินทร์เดินเข้ามาส่วนร่วม

“เลี้ยงน้องใหม่ เทนนิสกับวีร์วันก่อนมันช่วยพี่ทำงานให้พี่”เขามองนาฬิกาข้อมือแล้วบอกกับอีกฝ่ายว่า”อีก 15 นาทีเจอกัน”กิต

เดินกลับเข้าห้องทำงาน

   ถึงเวลาพักเที่ยง บริษัทมีนโยบายประหยัดพลังงาน ไฟฟ้า เครื่องคอมพิวเตอร์ และเครื่องปรับอากาศในออฟฟิตถูกปิด

พนักงานจับกลุ่มเดินเข้าร้านอาหารที่เปิดอยู่ใกล้ๆบริษัท แถบนี้มีตึกสูงอาคารสำนักงานตั้งอยู่เยอะทำให้มีร้านค้าร้านอาหาร รถ

เข็น อยู่เต็มไปหมด ร้านอาหารหลายร้านที่เงียบมาตลอดเช้าเที่ยงตรงภายในร้านเริ่มคึกคักเต็มไปด้วยพนักงานออฟฟิตหลาก

หลายบริษัทออกมาพักกินข้าว ตอนเที่ยงต้นเดือนเมษายนอากาศร้อนมาก เทนนิสกับวีร์คิดไว้ว่าจะมากินข้าวมันไก่เจ้าอร่อยร้าน

อยู่ไม่ไกลจากที่ทำงานมากนักโดยมีกิตทำหน้าที่เป็นเจ้ามือ ขณะที่จะออกมากินข้าวเจอคุณเลขาและเจ้านายกำลังจะไปกินข้าว

กิตชวนทั้งสองไปกินข้าวด้วยกัน ธีรภัทรและเบสไม่ปฏิเสธ

พวกเขาเดินเข้าไปในร้านข้าวมันไก่ห้องแถวสองคูหาก็ได้กลิ่นของน้ำซุปทันที ด้านในร้านตกแต่งโล่งให้อากาศระบายเหมือนร้าน

อาหารทั่วไปมีพัดลมติดบนเพดานและพัดลมไอน้ำช่วยให้ไม่ค่อยร้อนอบอ้าวเท่าไหร่ เลือกที่นั่งได้แล้วพนักงานรีบเดินมารับออ

เดอร์ ข้าวมันไก่ร้านนี้พิเศษตรงที่น้ำซุปจากซีโครงไก่ ใส่รากผักชี ฟักเขียว หัวไชเท้าและเลือดไก่ ต้มใส่หม้อใบใหญ่ตั้งบนไฟ

อ่อนๆสามารถเติมได้ตลอด เนื้อไก่ต้มที่นุ่มและก๊วยเตี๋ยวไก่น้ำซุปอร่อยไม่ต้องปรุงเพิ่ม

ในร้านมีพนักงานสาวออฟฟิตบางโต๊ะกำลังพูดคุยเรื่องเสื้อผ้าที่พึ่งซื้อมาใหม่บนว่าใส่ไม่ได้เพราะว่าน้ำหนักขึ้น บางคนพูดเรื่อง

ละครน้ำเน่าที่ดูเมื่อคืนกำลังถึงตอนสนุกระหว่างที่กินข้าวไปด้วย บางคนก็เหลือบมามองชายหนุ่มทั้งห้า หันกลับไปพูดกับเพื่อน

ให้หันไปมองถามกันเองเล่นว่าใครหล่อกว่าใครแล้วชอบใครมากที่สุด

“ฉันชอบคนนั้นที่ใส่เชิตสีครีม หล่อ ขรึมๆดูเป็นผู้ใหญ่”

“ท่าทางจะดุ อยากได้แฟนไม่ได้อยากได้พ่อ ของฉันต้องหนุ่มน้อยใส่ชุดนักศึกษาแบบเกาหลีคนนั้น สูงหุ่นบางๆ กำลังดีกรุบ

กรอบ น้องคนที่ใส่ชุดนักศึกษาอีกคนก็น่ารักนะ แต่น่ารักเกินไปหน่อย”

“ไม่ชอบเด็ก ถึงจะขี้อ้อนหรือกินแล้วเป็นอมตะก็ขอผ่านฉันชอบผู้ชายใส่แว่น โอ๊ะฉันแพ้ผู้ชายใส่แว่น”

“พวกเธอไม่รู้อะไรซะแล้วผู้ชายต้องเจ้าชู้นิดๆ สายตาแพรวพราวกรุ้มกริ่ม ผู้ชายมันต้องร้าย เลวนิดๆถึงจะมีเสน่ห์”สาวๆมองไปที่

ชายหนุ่มอีกคนที่มีลักษณะที่เพื่อนบอก แล้วพยักเห็นด้วยแต่ในใจก็ได้แต่เถียงว่าพวกเธอไม่ชอบแบบนั้น พวกเธอนั่งหน้าเครียด

มาตลอดทั้งเช้าออกมากินข้าวเจออะไรที่ดูดี สาวๆก็มองบ่อยให้เป็นอาหารตา บางคนก็อยากรู้ว่าชายหนุ่มกลุ่มนั้นทำงานที่บริษัท

ไหน

ตึกสูงที่เปิดให้เช่าซื้อทำสำนักงานมีทั้งนักลงทุนคนไทยต่างชาติเข้ามาเช่าซื้อแต่บางบริษัทเจอพิษเศรษฐกิจปิดกิจการไปก็

หลายบริษัท ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีคนเก่าไปคนใหม่มาเรื่อยๆ

กิตแปลกใจที่วันนี้เพื่อนลงมากินข้าวข้างล่างปกติเห็นแต่อยู่ในห้องทำงานกินข้าวกับคุณเลขา มองไปรอบๆร้านเห็นสาวๆมองมา

ที่กลุ่มพวกเขาสายตาพวกเธอมองมาที่เพื่อนของเขา และมองตามเทนนิสกำลังช่วยเพื่อนตักน้ำซุปใส่ถ้วยมาวางที่โต๊ะ เด็กนี่มัน

เสน่ห์แรงจริงๆ นั่งรอไม่นานข้าวมันไก่พิเศษข้าวน้อยๆเนื้อไก่เยอะๆไม่เอาหนังของเทนนิสก็ถูกนำมาเสิร์ฟตามด้วยของคนอื่น 

“อืม ข้าวมันไก่ร้านนี้อร่อยดีนะ น้ำจิ้มรสไม่เหมือนร้านอื่น น้ำซุปนี่ก็อร่อย”เบสออกปากชมปกติไม่ค่อยชอบกินข้าวมันไก่เพราะไม่

ชอบน้ำจิ้มบางร้านใส่ซีอิ้วเยอะ บางร้านใส่ขิงมากเกินไป

“อร่อยใช่ไหมครับ ผมก็ชอบน้ำจิ้มกับน้ำซุปร้านนี้เหมือนกัน”เทนนิสกินข้าวมันไก่มาหลายร้านเขาก็ชอบน้ำจิ้มร้านเหมือนกัน

“พี่ธีร์ สงกรานต์น่าจะเหมาข้าวมันไก่ก๊วยเตี๋ยวไก่ไปเลี้ยงพนักงานนะครับ”เบสเสนอเมนูอาหาร

“ลองเอาลองเว็บแล้วให้พนักงานเข้าไปโหวตสิ”เขาอยากให้พนักงานทุกคนมีส่วนร่วมในกิจกรรมของบริษัทจัดขึ้น เขาเป็นคนกิน

ง่าย ไม่ค่อยเลือกกินเท่าไหร่

“ก็ดีนะครับ พี่เบสคิดเมนูอาหารไว้แล้วให้คนเข้าไปโหวต ว่าแต่เลี้ยงข้าวฟรีนี่กี่อย่างครับเจ้านาย”เทนนิสถามอย่างสนใจ

ทุกคนได้ยินคำถามของเทนนิสก็พากันอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ ทำให้เจ้าของคำถามนั่งงงว่าเขาพูดอะไรผิดไปรึเปล่า


หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 8] 10/01/2560
เริ่มหัวข้อโดย: jaengsRU ที่ 10-01-2017 09:41:09

         กินข้าวเที่ยงเสร็จแล้วเทนนิสแวะซื้อผลไม้ตามรถเข็น น้ำมะพร้าวปั่นเย็นๆ กับขนมสองสามอย่างไปฝากพี่กวินทร์ที่วันนี้ไม่

ได้ลงมากินข้าวด้วยเพราะต้องออกไปทำธุระที่ธนาคาร กลับเข้าที่ทำงานเขากับเพื่อนไปช่วยกันเตรียมห้องประชุม เตรียมโน๊ตบุ๊ค

เช็คโปรเจคเตอร์ เตรียมเอกสารสำหรับผู้เข้าร่วมประชุม พนักงานแผนกเลขาลากรถเครื่องดื่มและของว่างเข้ามาในห้อง ผู้เข้า

ประชุมทยอยลงชื่อรับเอกสารแล้วนั่งอ่านเอกสารทบทวนหัวข้อที่ประชุมวันอีกครั้งรอท่านประธาน

   การประชุมเริ่มขึ้นที่ประชุมกำลังดูโฆษณาเปิดตัวของสินค้าตัวใหม่ จะลงฉายในโทรทัศน์ในช่วงก่อนสงกรานต์ เป็นเครื่อง

ดื่มชาเขียวผสมนม โฆษณาใช้เวลาไม่ถึงสามนาทีจบลงในที่ประชุมปรบมือยินดีพร้อมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจเมื่อคิดว่า

พวกเขาใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะได้สินค้าตัวนี้ออกมา ต่อจากนี้ต้องมาลุ้นกันว่าสินค้าจะขายดีเหมือนกับมันฝรั่งรึเปล่า พนักงาน

แจกสินค้าตัวอย่างที่พร้อมจำหน่ายในแพ็คเก็ตสวยน่ากินให้ทุกคนในที่ประชุมได้ลองชิม จากนั้นเริ่มพูดคุยเรื่องจำนวนสินค้า

ทดลองที่จะแจกในช่วงสงกรานต์บริเวรจุดพักแรกถนนเส้นทางไปภาคอีสานและลงใต้ ได้จำนวนที่แน่นอนแล้วผู้จัดการฝ่าย

โรงงานรับเรื่องไป ส่วนแผนกบุคคลรับเรื่องหาคนไปแจกสินค้า เทนนิสช่วยเบสบันทึกการประชุมเงียบๆเหลือบมองหัวหน้าแต่ละ

คนสีหน้าจริงจัง เขาหยิบเครื่องดื่มเท่ใส่แก้วที่มีน้ำแข็งอยู่ อืม อร่อยดีรสชาตินุ่มดี ไม่ขมฝาดจืดและไม่หวานมากกำลังดี กินกับ

เค้กก็หวาน ไม่เลี่ยน ธีรภัทรเหลือบมองคนที่กำลังกินผลิตภัณฑ์ชิ้นใหม่ของบริษัทด้วยท่าทางอร่อยจนเขาอยากลองกินดูบ้าง

และรสชาตินี้น่าจะถูกใครหลายคน

“เทศกาลสงกรานต์ที่บริษัทจะจัดขึ้นก่อนวันหยุดหนึ่งวัน เราจะทำเหมือนทุกปี ตอนเช้าเลี้ยงพระ รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ กินข้าวเที่ยง

ด้วยกัน ตอนบ่ายฟรี กำหนดการทุกคนคงได้รับแล้ว และจะแจ้งทราบอีกทีทางอินทราเน็ต”เบสแจ้งรายละเอียดให้ที่ประชุมทราบ 

   สามชั่วโมงกว่าในที่สุดการประชุมก็เสร็จทุกคนทยอยเดินออกจากห้องประชุม เทนนิสช่วยเก็บโน้ตบุ๊ก ปิดโปรเจคเตอร์

เก็บแก้วน้ำและขยะ เขาเดินถือบันทึกรายงานไปให้คุณเลขาหน้าห้องเจ้านาย เบสหยิบแฟ้มรายงานการประชุมอันเก่าเป็น

ตัวอย่างให้เทนนิสลองทำสรุปรายงานการประชุมมาส่งพรุ่งนี้ ได้งานทำแล้วเขากลับไปที่โต๊ะทำงานมองนาฬิกาแขวนผนังอีกไม่

นานจะเลิกงานแล้ว มีเพื่อนร่วมงานหลายคนแวะมาคุยด้วยถามเรื่องที่ประชุมว่าเป็นยังไงบ้าง วีย์เห็นเพื่อนกลับมานั่งโต๊ะชวนไป

นั่งพักในห้องครัว เข้าไปในครัวมีพนักงานหลายคนมานั่งพักจับกลุ่มคุยกันว่าเลิกงานจะไปที่ไหนกันต่อ บางคนชวนกันไปดูหนัง

ซื้อของ ไปร้องคาราโอเกะ คุยไปคอยระวังไปด้วยว่าเจ้านายจะเดินเข้ามารึเปล่า แต่ละชั้นจะมีห้องครัวให้พนักงานเข้ามานั่งพัก

กินข้าวดื่มน้ำ ดื่มกาแฟหรือมานั่งพัก ชั้นนี้มีไม่กี่แผนกพนักงานไม่เยอะและอยู่ใกล้เจ้านายทำให้ต้องระวังตัวตลอด แต่หลายคน

เลือกเดินลงไปนั่งพักคุยเล่นกับเพื่อนชั้นล่างมากกว่า ส่วนคนที่อยู่มานานก็เคยชินกับเจ้านายขอแค่ไม่ทำอะไรผิดมากมายก็ไม่

ถูกตำหนิ หมวยพนักงานแผนกบัญชีกำลังนั่งคุยกับเพื่อนเรื่องชวนกันไปเดินซื้อเครื่องสำอางค์ลดราคา เธอเห็นชายหนุ่มทั้งสอง

เดินเข้ามาเรียกเข้ามานั่งด้วย

“นี่เทนนิสวีร์ใช้ครีมอะไร ทำไมหน้าใสบอกพี่บ้างสิ”หมวยถามชายหนุ่มทั้งสองหน้าใสกว่าผู้หญิงบางคน ส่วนเธอต้องอาศัยทา

แป้งผสมรองพื้นหน้าถึงได้ออกมาดูดีอย่างนี้ คำถามของเธอทำให้เพื่อนร่วมงานหลายคนมองแก้มใสๆอย่างรู้สึกอิจฉา

“หรือว่าจะเป็นครีมที่กำลังดังในอินเตอร์เน็ตอยู่ตอนนี้เพื่อนหวานก็แนะนำมาเหมือนกัน”

“ผมใช้ครีมพวกเวชสำอางก์ ครีมในเน็ตผมไม่กล้าใช้ไม่รู้ว่าใส่อะไรลงไปบ้าง”แต่ก็มีคนหลงเชื่อโฆษณาว่าใช้แล้วขาว สวย และ

ยิ่งมีดารานักแสดงหรือวัยรุ่นหน้าตาดีออกมาบอกว่าใช้แล้วได้ผลยิ่งทำให้คนตัดสินใจเชื่อง่ายขึ้น

“จริงๆนั่นแหล่ะแค่เอากระปุกครีมมาถ่ายรูปด้วยก็บอกว่าใช้แล้วสวยเหมือนดารา เป็นอย่างนั้นจริงครีมเคาเตอร์แบรนด์ก็ขายไม่

ออกพอดี”เพื่อนร่วมงานหลายคนฟังแล้วรู้สึกไม่กล้าเสี่ยง ถ้าเกิดอาการแพ้ขึ้นมาจะไม่คุ้ม

“กินอาหารเสริมสิครับ ทาครีมได้บำรุงแค่ผิวหน้าแต่กินอาหารเสริมได้บำรุงได้ดีกว่าตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าด้วย”สาวๆได้ฟัง

แล้ว ต่างก็บอกว่าพวกเธอเคยกินแล้วแต่นานไปก็ขี้เกียจกิน เดี๋ยวนี้เห็นมีหลายยี่ห้อแต่ก็ไม่กล้าเสี่ยง เทนนิสแนะนำให้อ่าน

บทความเกี่ยวกับอาหารเสริมหลายตัวให้รู้ว่าต้องเลือกกินชนิดไหนให้เข้ากับสภาพผิวแต่ละคน คุยได้ไม่นานเสียงสัญญาณเลิก

งานก็ดังขึ้น หมวยและเพื่อนของตัวกลับก่อนเพราะพวกเธอต้องไปทำธุระต่อ ในห้องครัวที่ตอนแรกมีพนักงานอยู่หลายคนตอนนี้

มีแค่เทนนิสกับวีร์กำลังเล่นคุยกันอยู่ เทนนิสคุยเรื่องที่วันนี้ได้เข้าไปช่วยจดบันทึกรายงานการประชุม เป็นครั้งแรกที่เข้าไปในห้อง

ที่ทุกคนดูจริงจัง และเขาได้ลองกินชาเขียวนมสินค้าตัวใหม่ที่จะวางขายกลางเดือนนี้ วีร์บอกว่าเหรียญสิบกับเอื้อมส่งข้อความมา

ชวนไปเล่นน้ำช่วงสงกรานต์ แต่เขายังไม่รับปากเพราบางทีแม่อาจจะพาไปเที่ยว เพื่อนทั้งสองคนฝึกงานกับบริษัทญาติบอกว่า

ไม่ค่อยทำอะไรได้แต่ไปช่วยคนโน้นทีคนนี้ที วีร์ได้แต่บอกไปว่าพวกเขาก็เป็นเหมือนกัน แต่รอให้ผ่านไปสักระยะอาจจะได้รับ

โอกาสจากผู้ใหญ่ แล้วเรื่องที่พักจะเอายังไงวีร์ถามเพื่อน เทนนิสคิดก่อนแล้วพูดขึ้นว่าจะไปพักกับเพื่อนรุ่นพี่แถวๆนี้ให้วีร์ไปพัก

กับปาลภัทรได้เลย เขาตอบตกลงธีรภัทรไปแล้วว่าจะขอไปพักด้วย ได้ฟังคำตอบเพื่อนแล้ววีร์ก็เข้าใจว่าเพื่อนเกรงใจเจ้าของ

ห้อง เป็นเพื่อนกันมานานเขาเข้าใจ เขาส่งข้อความไปหาปาลภัทรให้รู้ว่าเขาจะเข้าไปขอพักด้วย อีกฝ่ายได้รับข้อความก็ส่ง

ข้อความกลับว่าดีใจว่าเขาตอบตกลงจะเข้ามาพักด้วย

“อ้าว สองคนนี้ยังไม่กลับอีกหรอ”กวินทร์เข้าหาน้ำกินเห็นสองหนุ่มกำลังนั่งคุยกันอยู่

“สักหน่อยพี่ แล้วพี่ไปไหนต่อ”

“รีบกลับบ้านสองทุ่มทีมชาติไทยมีนัดอุ่นเครื่องกับญี่ปุ่น”

เทนนิสเลิกคิ้วขึ้นเหมือนนึกอะไรขึ้นได้“อืม จริงด้วยลืมไปเลยว่าคืนนี้ ฝากเชียร์ด้วยนะพี่”กวินทร์นี่ชอบฟุตบอลเอามากๆนี่ถ้าคืนนี้

มีเตะที่ไทยแล้วแกคงรีบไปจองที่นั่งแล้ว

“ได้ พี่กลับก่อนละ พี่กลับก่อนนะวีร์”ทิ้งแก้วกระดาษลงในถังขยะแล้วแล้วรีบเดินออกไป กลัวถ้ากลับช้ากว่านี้รถติดจะพลาดไม่

ได้ดูฟุตบอล

“ครับ เจอกันพรุ่งนี้”

ทั้งสองคนมองเวลาว่าเย็นแล้วก็ตัดสินกลับไปเก็บของที่โต๊ะแล้วกลับบ้าน ช่วงเวลาหลังเลิกงานทั้งสองแวะหากินก่อนเข้าบ้าน

ไม่ลืมซื้อของไปกินรอบดึก กลับมาถึงบ้านท้องฟ้าก็มืดสนิทไฟในซอยก็เปิดสว่าง แต่ทุกบ้านยังเงียบเหมือนทุกวัน เปิดประตูรั้ว

เข้าไป สายไหมก็โผล่หัวโตๆและน้ำลายยืดๆของมันมาทักทาย เทนนิสเดินเข้าบ้านหยิบขนมรูปกระดูกให้เจ้าตูบและลูบหัวมัน

อย่างเอ็นดู

วีร์อาบน้ำเรียบร้อยตากผ้าเช็ดตัวบนราว เห็นเพื่อนกำลังนั่งอ่านหนังสือนิยายที่บอกว่าซื้อจากสัปดาห์หนังสืออย่างตั้งใจ ทำ

หน้าตาเหมือนกับอ่านหนังสือสอบซะมากกว่า เห็นอ่านมาหลายวันแล้วเป็นหนังสือซื้อมาตั้งแต่ที่แล้ว เดือนที่แล้วเขาก็พาไปซื้อ

มาอีกหลายเล่มเป็นพวกหนังสือลดราคา มองดูบนชั้นหนังสือที่เพิ่มขึ้นทุกปี ให้เขามานั่งอ่านหนังสือเล่มหนามีแต่ตัวหนังสือเต็ม

หน้ากระดาษฝันไปเถอะที่เขาจะอ่านแค่เห็นก็ง่วงแล้ว เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นเกมส์ช่วงนี้ทำงานไม่มีเวลาเล่นเกมส์เหมือน

แต่ก่อน บอกว่าไม่มีเวลาก็ไม่ถูกแต่ไม่กล้าเอาขึ้นมาเล่นมากกว่า เห็นเวลาทำงานมีพนักงานบางคนแอบเล่นเกมส์เล่นโซเชียล

เอฟ เขาไม่กล้าเสี่ยงกลัวโดนดุ

“คิดแผนงานแล้วรึยัง”

“อืม คิดแล้ว”

“จริงดิ ทำเสร็จยังขอดูหน่อย”เขามองหน้าเพื่อน เทนนิสยิ้มให้แล้วชี้ไปที่หัวตัวเองบอกว่าทุกอย่างอยู่ในหัวเขาหมดแล้วเหลือแค่

เขียนออกมาเท่านั้น วีร์รู้ว่าเพื่อนเก่งขอให้เพื่อนช่วย เทนนิสถามว่าต้องการจะทำแบบไหน เขาแนะนำเพื่อนให้ทำเกมส์แต่ก็ยุ่ง

ยากเกินไปเปลี่ยนเป็นสติกเกอร์ไลน์ช่วยประชาสัมพันธ์ให้คนรู้ผลิตภัณฑ์องบริษัทมากขึ้นน่าจะดี โดยใช้มันฝรั่งหรือซองขนมมัน

ฝรั่งแสดงอารมณ์คำพูดต่างๆ วีร์ได้ฟังความคิดเห็นเพื่อนรีบลุกขึ้นดูตัวอย่างการเขียนแผนงานผ่านหน้าจอโทรศัพท์อย่างตั้งใจ

เทนนิสเห็นเพื่อนกำลังตั้งใจบอกว่าพรุ่งนี้จะช่วยคิดแต่ตอนนี้นอนก่อน

   เช้ากลางสัปดาห์ อากาศตอนเช้ายังสดชื่นเหมือนเดิม ปืนยืนอยู่หน้ากระจกกำลังสวมเสื้อแต่งตัวให้เรีบร้อยออกไปทำงาน

เขาหันซ้ายขวามองความเรียบร้อยอีกครั้งแล้วหยิบกระเป๋าเอกสารเดินลงไปชั้นล่าง เฆ้นแม่กำลังช่วยแม่บ้านจัดเตรียมมื้อเช้าให้

ทุกคน พ่อกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ เขานั่งลงที่เดิมวันนี้มีข้าวต้มปลาเป็นมื้อเช้าก่อนออกไปทำงานทุกคนนั่งกินข้าวเงียบๆเป็น

ปกติเหมือนทุกวัน ปรีญารัตนเดิน อ้าปากหาว มานั่งข้างๆพี่ชาย เธอกระซิบบอกพี่ชายว่าเธอบอกเรื่องที่พี่ชายแอบออกไปหาเด็ก

ผู้ชายคนนั้นกับพ่อแล้วเตรียมตัวโดนพ่อด่าได้เลย ปืนนั่งนิ่งเหลือบมองชายสูงอายุ

“ฉันส่งแกไปเรียนเมืองนอก ไม่นึกว่าแกจะมีความคิดวิปริตชอบผู้ชายด้วยกัน”

“เพล้ง”เสียงช้อนหล่นกระทบจานเสียงดัง”ขอโทษค่ะ”ปรีญาวรรณตกใจที่สามีบอกว่าลูกชายของเธอชอบพออยู่กับผู้ชายด้วยกัน

นี่มันเรื่องอะไรกันเธอไม่อยากเชื่อ เธอมองไปที่ลูกชายยังนั่งกินข้าวไม่สนที่แก้ตัวเรื่องที่สามีเธอพูด

“ผมไม่ได้ชอบแพรพรรณ”เขาพูดเสียงเรียบ ไม่สนใจท่าทีของพ่อจะรู้สึกอย่างไร

“แต่ชอบผู้ชายด้วยกัน”ปรีญารัตนพูดขึ้นมาจ้องหน้าพี่ชายแสนดี เธออยากเห็นพี่ชายถูกพ่อดุบ้าง

อติพจน์วางช้อนลง หันหน้าไปมองลูกชายที่แต่ก่อนพูดอะไรก็เชื่อฟังตลอดแต่ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ลูกชายคนนั้นถึงกล้าขัดใจเขา

ลูกสาวอีกคนที่เอาแต่เที่ยวไปวันๆ

“แล้วแต่จะคิด พ่อบังคับผมมามากแล้ว แต่นี่มันความสุขทั้งชีวิตของผม ผมขอเถอะให้ผมได้มีสิทธิ์เลือกเองบ้าง”เขาพูดสิ่งที่

อยากพูดออกมา ที่จริงเขาน่าจะพูดอย่างนี้ตั้งนาน

“เด็กนั่นเป็นใคร”ถามอีกครั้งเพื่อแน่ใจ

“ผมไม่ได้มีใครทั้งนั้นแหล่ะ ถ้าพ่อจะเชื่อคำพูดใครก็ควรที่สืบให้รู้ก่อน ผมอิ่มแล้วขอตัวนะครับ”ลุกจากเก้าอี้แล้วเดินออกจาก
บ้านไป

“ฮึ”ทำเป็นโกรธกลบเกลื่อนคอยดูเถอะเธอจะขัดขวาง ปรีญาวรรณมองตามหลังลูกชายรู้สึกสงสารที่ไม่มีอิสระในการใช้ชีวิต

แม้แต่จะความรักก็ต้องให้พ่อหามาให้

“ผมอิ่มแล้ว”แค่นี้ก็ทำให้อติพจน์เดาได้ว่าผู้ชายที่ลูกชายสนิทด้วยมีคนเดียว เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาให้เลขาสืบเกี่ยวกับหลาน

ชายของเขาถ้ามีข่าวว่าลูกชายเขาไปชอบเด็กผู้ชาย แผนการที่เคยคิดจะไห้ลูกชายแต่งงานกับลูกสาวเพื่อนคงต้องมีปัญหา เขา
คงต้องไปหาเด็กนั้นสักครั้ง

   เสียงดนตรีบำบัดดังแว่วมาจากห้องรับแขก ธีรภัทรเงยหน้าขึ้นจากเอกสารหันไปมองหน้านาฬิกาเกือบจะหนึ่งทุ่มแล้ว

ท้องฟ้าด้านนอกยังมีแสงพระอาทิตย์อยู่บ้างช่วงหน้าร้อนพระอาทิตย์จะตกช้ากว่าปกติ เขาวางปากาลงบนโต๊ะใช้มือนวดคลึง

หว่างคิ้ว รู้สึกหิวน้ำเดินออกจากห้องทำงานผ่านห้องรับแขกที่ตอนนี้มีเพื่อนร่วมห้องกำลังนั่งอ่านหนังสือด้วยหน้าตาเคร่งเครียด

เขาสงสัยว่าอีกฝ่ายกำลังอ่านอะไรอยู่ นั่งลงโฟซาอีกตัวหยิบหนังสือที่วางอยู่หลายเล่มขึ้นมาเปิดดู นวนิยายหรอ เขาเลิกคิ้วขึ้น

ด้วยความแปลกใจ

“ผมเปิดเพลงเสียงดังรบกวนพี่รึเปล่า”เทนนิสถามเจ้าของห้องที่นั่งลงบนโซฟาเงียบๆ เขาย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่หลายวันแล้วตอนแรก

ก็เกรงใจอยู่บ้าง เขาไม่ต้องทำความสะอาดเพราะมีแม่บ้าน แต่เจ้าของห้องก็อนุญาตให้ทำกับข้าวง่ายๆ นอกจากนั้นเจ้าของห้อง

ก็ขลุกอยู่แต่ในห้องทำงาน มีบ้างออกมานั่งดูโทรทัศน์รายการสารคดี ใช้ชีวิตเหมือนหุ่นยนต์ยังไงไม่รู้ คนที่สร้างขึ้นมาคงตั้ง

โปรแกรมไว้ไม่กี่อย่าง เมื่อวานเขาเลยชวนอีกฝ่ายแวะซื้อของใช้ที่ห้างสรรพสินค้า กินข้าวข้างนอก เห็นอีกฝ่ายชอบเขาก็ดีใจ

อย่างน้อยก็คงไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายลำบากใจเท่าไหร่

“เปล่าหรอก แค่หิวน้ำ แล้วอ่านอะไรอยู่ท่าทางจะสนุก”ลองเปิดอ่านเนื้อหาข้างใน นานแล้วที่ไม่ได้อ่านหนังสือประเภทนี้

สนุกกับผีนะสิ”นิยายจีนแปลครับ แต่อ่านไปแล้วเหมือนไม่ได้แปลยังไงไม่รู้ อ่านแล้วไม่ค่อยรู้เรื่อง ดีนะเป็นหนังสือลดราคาไม่

อย่างนั้นผมคงเสียดายเงินมากกว่านี้”พูดไปแล้วก็มองหนังสือหลายเล่มที่วางอยู่บนโต๊ะ เขาน่าจะคิดได้ถ้ามันสนุกคงไม่เอามาลด

ราคาหรอก คนแต่งก็ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน

“นิยายจีนแปลหรอ พี่นึกว่าเราจะชอบอ่านพวกแฟนตาซีมากกว่า”

จะบอกว่าเขาเป็นพวกเพ้อฟันอะไรปะมาณนี้รึเปล่า“ฮึ ฮึ ผมอ่านแบบแฟนตาซีไม่รู้เรื่อง อ่านแล้วไม่ชอบรู้สึกไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไม่มีจินตนการหรือจินตนาการไปไม่ถึงก็รู้”

“แล้วเรื่องที่อ่านเกี่ยวกับอะไร”

“เกี่ยวกับราชวงศ์หนึ่งของจีน ประมาณว่าตัวเอกเป็นคนธรรมดาใช้ความสามารถจนได้ดีเป็นถึงแม่ทัพใหญ่อะไรประมาณนี้ นี่มี

หลายเรื่องเลยครับถ้าผมลงเรียนประวัติศาสตร์จีนอ่านนิยายพวกนี้ไปสอบผมต้องได้ A แน่นอน”

“ประวัติศาสตร์จีนมีวัฒนธรรมที่ยาวนาน ไม่แปลกที่พวกเขาจะรักและภูมิใจ แต่ก็สอนดีนะที่บอกว่าคนธรรมดาใช้ความสามารถจะ

เป็นกลายเป็นใหญ่เป็นโตได้ มันทำให้เห็นความพยายามของคน”

“จะทุ่มหนึ่งแล้วหรอนี่ ผมจะลงไปหาของหวานกินแก้ปวดหัว พี่ธีร์จะเอาอะไรไหมครับ กับข้าวผมทำเสร็จแล้วอยู่บนโต๊ะหิวก็ได้

เลยไม่รอผม”พูดแล้วก็คิดว่าตัวเองทำเหมือนเจ้าของห้องไปทุกวัน โชคดีที่ธีรภัทรเป็นคนกินง่าย ห้องในคอนโดไม่ค่อยสะดวก

ทำกับข้าวเพราะปัญหาเรื่องกลิ่น เขาเลือกทำอาหารง่าย วันก่อนได้ไปกินอาหารญี่ปุ่นเลยมีความคิดอยากลองทำดู ครัวที่มี

อุปกรณ์ครบทุกอย่างปล่อยไว้เฉยๆก็น่าเสียดายตายเลย ถือเป็นค่าตอบแทนเจ้าของห้องให้มาอาศัยอยู่ด้วย

“ไม่ล่ะ อย่ากลับดึกนะ”

“ถ้าอยากได้อะไรโทรบอกผมนะ”

เทนนิสรีบเดินออกจากห้องพัก กลัวว่าร้านกาแฟแถวนี้จะปิดก่อนจะได้กินเค้กอร่อยๆ ใช้สมองไปเยอะตอนนี้รู้สึกหิว ทำงานนี่สนุก

ว่าเรียนเป็นไหนๆ ไม่ต้องรีบเข้าห้องเรียนให้อาจารย์เช็คชื่อ ทนนั่งฟังอาจารย์วันละหลายชั่วโมง ไม่ต้องรีบทำรายงานการบ้านส่ง

อาจารย์ ที่สำคัญไม่ต้องอ่านหนังสือจนดึกก่อนไปสอบ ทำงานเหนื่อยมาทั้งวันอย่างน้อยก็ได้พักสมองบ้าง แต่ทำไมเขาเห็นพี่ธีร์

ทำงานตลอดเป็นเจ้านายลำบากอย่างนี้อย่าเป็นมันเลยดีกว่า ติ๋ง เสียงลิฟต์เปิดมีคนเดินเข้าในลิฟต์

“อ้าว เทนนิส มาทำอะไรที่นี่”เป็นเอกทักรุ่นน้องที่ยืนอยู่ในลิฟต์ก่อนแล้ว

“สวัสดีครับ พอดีว่าผมมาขอพักกับเพื่อน กำลังจะหาของหวานกิน”

“พอดีเลย พี่ว่างไปด้วยคนสิ”เป็นเอกยิ้มให้รุ่นน้อง รอสักครู่ลิฟต์มาหยุดชั้นล่างทั้งสองเดินไปที่ร้านกาแฟแถวคอนโด ป้ายหน้า

ร้านบอกเวลาปิดสามทุ่ม เข้าไปในร้านยังมีคนนั่งอยู่หลายโต๊ะ ทั้งสองเดินไปสั่งเครื่องดืมที่เคาเตอร์ เทนนิสมองตู้แช่เค้กที่มีเค้ก

หลายแบบอยู่ข้างในหน้าตาน่ากินทั้งนั้น ราคาไม่แพงเท่าไหร่ เห็นแล้วคิดถึงร้านกาแฟแถวๆมหาวิทยาลัย เป็นเอกอาสาจ่าย

ทั้งหมด เทนนิสก็ไม่ขัดใจ

“ฝึกงานเป็นยังไงบ้าง ดูผอมไปนะเรางานหนักหรอ”

เอ๊ะ นี่เขาน้ำหนักลดอีกแล้วหรอ มันไม่เหมือนตอนเรียนอยากกินตอนไหนก็แค่วิ่งไปโรงอาหาร แต่เวลาทำงานก็กลัวถูกหัวหน้า

ว่า“ไม่หนักครับ วันๆทำแต่ถ่ายเอกสาร ส่งแฟกซ์ เดินเอกสาร พิมพ์ กรอกข้อมูล และทำงานช่วยๆพี่ๆเขา”

“คิดได้อย่างนั้นก็ดี”

“แล้วพี่ตอนนี้ทำอะไรอยู่”

“ทำงานช่วยที่บ้าน พอดีที่บ้านทำ Import-Export เล็กอยู่ เดี่ยวว่าจะแยกออกมาทำของตัวเอง”

“ฮือ”

“ทำเป็นแบบฝากขายของผ่านทาง Web เหมือนต่างประเทศ อย่างเกาหลีมีเว็บไซด์ขายของเขาเองที่ขายพวกเครื่องสำอาง

เสื้อผ้าแฟชั่นของเขา แล้วก็แผ่นซีดีเพลงของศิลปินเกาหลี วัยรุ่นไทยชอบซื้อ แต่ของพี่จะทำแบบเป็นสินค้าจุดเด่นของไทย

พวกสินค้า Otop สินค้าโครงการหลวง ของขึ้นชื่อแต่ภาคอะไรประมาณนี้”

“ฟังดูแล้วน่าสนใจมาก ขายของทางอินเตอร์เน็ตในอนาคตมีแนวโน้มตลาดจะขยายตัว เข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น”

“เป็นไงสนใจมาทำการตลาดให้พี่ไหม ไม่เกินปลายปีนี้ทุกอย่างน่าจะเรียบร้อย”

“อืม เร็วขนาดนั้นเลย แล้วไม่ชวนพี่เป้”

“พอดีถูกหวยได้เงินมาก้อนหนึ่งเลยอยากรีบทำ ส่วนไอ้เป้มันกำลังติดสาวอยู่ มันไม่สนใจเพื่อนหรอก”

“จริงดิ พี่ผมเป็นเอามากถึงว่าไม่รู้โพสต์อะไรลงไปในโซเชียลเอฟบ้าง เอางี้ถ้ามีอะไรที่ผมช่วยได้ก็บอกเพื่อนพี่เป้ผมยินดี

ช่วย”ไหนบอกว่าจะตั้งทำงานเก็บเงิน เจอสาวสวยไม่เท่าไหร่ ไม่ไหวไม่ไหวเดี๋ยวต้องส่งข้อความไปตอนสติซะหน่อย

“ขอบใจล่วงหน้า เดี๋ยวกลับก่อน ว่างๆ เราค่อยไปหากินกัน ไปละ”

“โชคดีครับ”

   ข้างนอกท้องฟ้ามืดสนิทเทนนิสนั่งกินนมอุ่นๆกับเค้กส้มชิ้นใหญ่มองออกไปข้างนอกรถยังบนถนนใหญ่ยังติดเป็นระยะ เดิน

ไปเลือกหยิบนิตยสารที่วางอยู่บนชั้นเลือกหยิบนิตยสารเพิ่งออกใหม่กลับมานั่งอ่านที่โต๊ะ เปิดอ่านไปเรื่อยๆมองดูเวลาไม่ถึง

ชั่วโมงร้านจะปิด เก็บหนังสือไว้บนชั้นไม่ลืมซื้อขนมเค้กขึ้นไปฝากเจ้าของห้องไม่รู้ตอนนี้กินข้าวไปแล้วรึยัง




***************************************************

โปรดติดตามตอนต่อไป


 :katai4: :katai4:

หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 8] 10/01/2560
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 10-01-2017 21:44:30
 :3123: :3123: :3123: :3123:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 8] 10/01/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 11-01-2017 00:33:58
 :L2: :pig4:

เรามาติดตามด้วยคน
หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 8] 10/01/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 11-01-2017 16:39:52
เรื่องน่าสนใจ ดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆ
ค่อนข้างอืด ตัวละครเยอะ
เป็นการบรรยายเป็นส่วนใหญ่
การพูดจาสนทนาค่่อนข้างน้อย
เป็นกำลังใจให้ไรท์ นะ  :mew1: :mew1: :mew1:
ธีรภัทร เทนนิส  :mew1:
ปาลภัทร วีร์  :mew1:
เป็นเอก สนใจเทนนิส
ปืน เหมือนจะชอบธาร
แพรพรรณ แสดงความเป็นเจ้าของปืน
แถมทำกิริยาน่าเกลียดใส่เทนนิส
ทั้งที่ยังไม่ได้หมั้นหมาย
ริต้า แสดงออกว่าชอบปาลภัทรเต็มที่
เปรียว เป็นน้องสาวปีนหรือเปล่า
ล่าผู้ชายไม่อายเลย อ่อยธีรภัทรเต็มที่
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
ปล. คำผิดเยอะมาก ก่อนลงทวนอีกครั้งนะ
หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 8] 10/01/2560
เริ่มหัวข้อโดย: jaengsRU ที่ 25-01-2017 10:47:17
เรื่องน่าสนใจ ดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆ
ค่อนข้างอืด ตัวละครเยอะ
เป็นการบรรยายเป็นส่วนใหญ่
การพูดจาสนทนาค่่อนข้างน้อย
เป็นกำลังใจให้ไรท์ นะ  :mew1: :mew1: :mew1:
ธีรภัทร เทนนิส  :mew1:
ปาลภัทร วีร์  :mew1:
เป็นเอก สนใจเทนนิส
ปืน เหมือนจะชอบธาร
แพรพรรณ แสดงความเป็นเจ้าของปืน
แถมทำกิริยาน่าเกลียดใส่เทนนิส
ทั้งที่ยังไม่ได้หมั้นหมาย
ริต้า แสดงออกว่าชอบปาลภัทรเต็มที่
เปรียว เป็นน้องสาวปีนหรือเปล่า
ล่าผู้ชายไม่อายเลย อ่อยธีรภัทรเต็มที่
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
ปล. คำผิดเยอะมาก ก่อนลงทวนอีกครั้งนะ


ขอบคุณมากสำหรับความคิดเห็น........
ดีใจมากที่มีคนอ่านแสดงความคิดเห็นยาวอย่างนี้.....ชอบอ่ะ
ใช่เนื้อเรื่องค่อนข้างอืด....เป็นความตั้งใจของคนแต่ง..อิอิ
บอกชื่อตัวละคนแถมนิสัยอย่างนี้ ...อ่านอย่างละเอียดจริงๆ...ปลื้มมาก
ว่างๆ..เข้ามาอ่านเรื่อยๆนะ..............
หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 8] 10/01/2560
เริ่มหัวข้อโดย: jaengsRU ที่ 25-01-2017 10:51:48

แจ้งข่าว
ขออนุญาติหายไปสักพัก.........ติดสอบจ้า..........(สอบตกเดี๋ยวจะโดนดุ)
หลังสอบเสร็จจะมาลงให้ต่อจ้า....ไม่มีหนีหายแน่นอนจ้า....
ขออภัยในควาใไม่สะดวกมาณที่นี้ด้วย
หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 9] 28/02/2560
เริ่มหัวข้อโดย: jaengsRU ที่ 28-02-2017 09:20:36

ตอนที่ 9
[/size]

   ในห้องทำงานกว้างชายหนุ่มร่างสูงสวมเสื้อสีเขียวอ่อนกำลังนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานตัวโต เขาอ่านแผนงานที่พนักงานส่งเข้าประกวด โดยมีเลขาหนุ่มอีกคนนั่งอยู่ตรงข้ามช่วยดู แผนงานหนึ่งหน้ากระดาษตามฟอร์มที่บริษัทแจกให้เป็นกระดาษสรุปย่อให้เข้าใจง่ายเขียนด้วยลายมือ แต่ไม่ได้เขียนชื่อเจ้าของมีเพียงหมายเลขเขียนไว้ที่มุมกระดาษ ธีรภัทรรู้สึกว่ายุติกรรมกับทุกฝ่ายไม่ต้องคิดว่าเป็นลูกคนนั้นคนนี้เป็นพนักงานเก่าหรือใหม่ เขาเปิดอ่านแผนงานทีละแผ่นจนมาหยุดสนใจแผนงานหนึ่ง บอกรักแบบทะเล้น บอก ขอโทษแบบทะเล้น และบอกขอบคุณแบบทะเล้น ความคิดง่ายๆแต่อ่านเข้าใจความหมาย แผนงานเหมาะที่จะใช้ทำกิจกรรมร่วมสนุกถ่ายรูปเหตุการณ์ที่ บอกรัก บอกขอโทษ และบอกขอบคุณแบบทะเล้นไม่เหมือนใครแล้วในภาพถ่ายนั้นต้องมีผลิตภัณฑ์ของทะเล้นอยู่ด้วย สามารถทำเป็นโฆษณา หรือใช้คำพวกนี้พิมพ์ลงในแพคเก็ตสินค้าได้ เจ้าของความคิดนี่ใช้ได้ ธีรภัทรแยกกระดาษแผ่นนั้นออกมาจากกอง
“เป็นไงบ้างครับพี่ธีร์มีอันไหนบ้างน่าสนใจบ้าง”เบสนั่งดูเอกสารเงียบช่วยเจ้านายถามขึ้นมาเมื่อเห็นอีกฝ่ายเหมือนจะเจอแผนงานที่ถูกใจแล้ว
“เยอะเหมือนกัน มีสองสามแผ่นที่ถูกใจ คณะกรรมการคนอื่นดูแล้วรึยัง”
“เรียบร้อยแล้วครับ เหลือพี่ธีร์เป็นคนสุดท้าย ผมจะรวบรวมคะแนนจากกรรมการแต่ละคนให้มาแล้วจะประกาศทาง อินทราเน็ตให้ทุกคนรู้”
“อืม แล้วหมายเลขไหนได้คะแนนเยอะที่สุด”
“ความลับครับ ห้ามบอกใครประธานบริษัทก็ห้ามบอก”
“ฮึ ฮึ ได้ไม่อยากรู้แล้ว นี่สามคนที่พี่เลือกส่วนคะแนนพี่เขียนไว้ตรงนี้”
“ขอบคุณครับ”เลขาหนุ่มรับแผนงานนี่ให้คะแนนเรียบร้อยแล้วมาดู เขายิ้มอย่างพอใจที่ผลงานที่เขาชอบมีคณะกรรมการหลายคนชอบเหมือนเขา”ใกล้เลิกงานแล้วพี่ธีร์ก็พักบ้างเถอะครับเหนื่อยมาทั้งวัน อีกอย่างก็ไม่มีงานอะไรแล้วด้วย”
“อืม ก็ดีเหมือนกัน”ร่างสูงหลับตานวดหว่างคิ้วผ่อนคลายความเมื่อยล้า”แล้วงานสงกรานต์ที่จะจัดเป็นยังไงบ้าง”
“เรียบร้อยครับ ทำหนังสือเชิญไปที่วัดแล้วพระท่านก็ตอบแล้วเรียบร้อย วันนั้นลุงชมจะขับรถตู้ไปรับพระ อาหารที่ใช้เลี้ยงพนักงานก็ได้แม่บ้านช่วยทำเป็นอาหารง่ายๆ ส่วนผู้ใหญ่รดน้ำดำหัวก็จะเป็นพนักงานที่อายุเยอะและคณะผู้บริหาร“ธีรภัทรฟังเลขาบอกความคืบหน้าของงานก็รู้สึกหายกังวล พนักงานทำงานหนักมาหลายเดือนได้ผ่อนคลาย มีเวลาสนุกบ้างก็ดี “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวกลับไปทำงานต่อก่อนนะครับ”เจ้านายพยักหน้าเป็นเชิงตอบรับ
   อีกไม่ถึง 15 นาทีจะถึงเวลาเลิกงานนาฬิกาดิจิตอลตัวใหญ่บอกเวลาบนผนัง พนักงานหลายคนรีบเร่งทำงานวันนี้ให้เสร็จก่อนเวลาเลิกงานและไม่อยากให้งานค้างไปจนถึงพรุ่งนี้ กิตวางงานในมือที่นั่งทำมาตลอดทั้งบ่าย เขารู้สึกเบื่อกระดาษเอสี่สีขาวที่มีตัวหนังสือเต็มไปหมด วันนี้ปลายสัปดาห์เขาอยากออกไปหาอะไรดื่มแต่ยังหาเพื่อนไม่ได้ มองออกไปด้านนอกที่แผนกทั่วไปเขารู้แล้วว่าจะชวนใครไปดี ปิดแฟ้มงานบนโต๊ะให้เรียบร้อย เดินตรงไปแผนกทั่วไป
“เทนนิสเลิกงานไปกินเหล้ากันพี่เลี้ยง”
ฮืม ชายหนุ่มเจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นมองเจ้านายที่ชอบเอางานเอกสารมาให้ช่วยทำบ่อยๆเกาะฉากกั้นส่งยิ้มหวานมาให้ เทนนิสก้มหน้าลงมองหน้าจอคอมที่มียังมีงานค้างอยู่นิดหน่อย แล้วปฏิเสธออกไปว่า”พี่ผมอายุยังถึงไปชวนพี่กวินทร์กับปอนโน่น”เขาชี้ไปรุ่นพี่อีกสองคนนั่งหน้ายุ่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่ถัดไปอีกสองสามโต๊ะ
“ไอ้เทนนิสแกจะบอกว่าฉันกับพี่ปอนแกแล้วใช่ไหม”กวินทร์ได้ยินชื่อตัวเองถูกพาดพิงก็เลื่อนเก้าอี้ล้อชะโงกหน้าออกมาจากฉากกั้น เขารู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีเจตนาว่าเขาอย่างนั้น
“เปล่าพี่”ตะโฏนปฏิเสธออกไป แล้วหันไปบอกคนที่ยังเกาะฉากกั้นไม่ไปไหน”พอดีเย็นนี้ผมมีนัดแล้ว เอาไว้โอกาสหน้านะพี่กิต แต่ช่วยกรุณาบอกผมก่อนล่วงหน้าหลายวันก็ดี”ไม่ใช่นึกจะชวนก็ชวน
“พี่กิตไปกับผมกับพี่ปอนก็ได้พวกผมว่างตลอด”กวินทร์ลุกขึ้นเดินมาคุยกับหัวหน้าที่บอกว่าอยากไปดื่ม
“วันนี้แกไม่กลับไปดูบอลหรอกวินทร์”
“วันนี้ไม่มีบอลเตะพี่ ไปได้”
“ถ้ามี มันคงจะไปกับพี่หรอก แล้วเราจะไปที่ไหนพี่”ปอนเดินเข้ามาร่วมวงคุยด้วย
“ไปกับพวกแกไม่เลี้ยงนะโว้ย กินเหล้าเหมือนกินน้ำเปล่าเปลืองชะมัด”
“โถ่พี่ นานๆครั้งเลี้ยงน้องเลี้ยงนุ่งจะเป็นไรไป”
“พี่พี่คุยอะไรกันอยู่กัน จะพากันไปเที่ยวที่ไหน”วีร์ได้ยินเสียงคุยกันคุ้นๆ ชะเง้อมองเห็นรุ่นพี่หลายคนยืนคุยเกาะฉากกั้นโต๊ะที่เพื่อนนั่งอยู่ เขาสนใจเข้าไปคุยด้วย
“ไปกินเหล้ากัน ไปด้วยกันไหม เทนนิสก็ไปนะ”คนที่นั่งอยู่กำลังจะอ้าปากปฏิเสธว่าตัวเองไม่ไป เพื่อนคนตัวเล็กเห็นก็รู้ว่าเพื่อนจะพูดอะไร
“พวกผมไม่ว่าง วันนี้ต้องไปเป็นเพื่อนผมทำธุระ”
“เห็นไหมพี่ผมบอกแล้วว่าไม่ว่าง เอาไว้มันหลัง”
เสียงสัญาณเลิกงานดังแว่วมาพนักงานที่ทำงานเสร็จเรียบร้อยเก็บของ เปิดคอมพิวเตอร์บอกลาเพื่อนๆไปสแกนลายนิ้วมือก่อนกลับ ออฟฟิตที่ปกติเงียบอยู่แล้วก็เงียบลงไปอีกไฟที่ไม่ได้ใช้ก็ปิด ส่วนเครื่องปรับอากาศปิดแล้วเมื่อถึงเวลาเลิกงานแต่ก็ยังรู้สึกเย็นอยู่ มันเป็นนโยบายประหยัดพลังงานของบริษัท เทนนิสนั่งทำงานต่อจนเสร็จ เปลี่ยนมาเข้าอินเตอร์เน็ตอ่านข่าวออนไลน์รอเวลาอย่างน้อยเจ้านายก็ยังไม่ออกมาจากห้องทำงาน กลับห้องพักตอนนี้ก็ไม่มีอะไรทำข้างนอกตอนเย็นๆอากาศร้อน ปลายสัปดาห์หลายคนชวนกันไปดื่ม เที่ยว ไปดูหนัง ดูหนังไม่รู้ว่าช่วงนี้มีหนังเรื่องอะไรน่าสนใจเข้าฉายบ้าง ว่าแล้วเขาก็เปิดดูเฉกรอบหนังและรายชื่อหนังที่เข้าฉาย เลื่อนเมาส์ดูแล้วค้นหารายละเอียดของหนัง ดูไปสองสามเรื่องรู้สึกมีคนมียืนอยู่ข้างๆทำให้เขารีบเงยหน้าขึ้นมอง
“หนังเรื่องนี้น่าดู ไปดูหนังกันไหม”ธีรภัทรเดินออกจากห้องตรงมาหาเพื่อนร่วมห้องจะชวนกลับเร็ว แต่เห็นอีกฝ่ายกำลังตั้งใจดูตัวอย่างหนังเรื่องหนังอย่างตั้งจนไม่รู้ว่าเอามาหยุดยืนอยู่ข้างๆ คงเป็นหนังสนุกมากถึงได้ตั้งใจดูขนาดนั้น
“ครัย”คำพูดของร่างสูงที่ยืนมองหน้าจอทำให้เทนนิสแปลกใจ วันนี้อากาศร้อยเกินไปรึเปล่าคนบ้างานไหนชวนเขาไปดูหนัง แต่ก๋ดีกลับห้องพักก็ว่างไม่มีอะไรทำ ยังไงแวะซื้อนิยายเล่มใหม่ดีกว่า เขาตอบตกลงอีกฝ่ายรีบปิดคอมพิวเตอร์ปิดไฟ เดินตามร่างสูงไปที่ลานจอดรถที่มีรถจอดอยู่ไม่กี่คัน ช่วงนี้รู้สึกตัวเองเหมือนคุณหนูมีคนขับรถหรูหรูให้นั่ง ได้นั่งบนเบาะนุ่มสบายเอนหลังได้ แอร์ก็เย็นฉ่ำ มีเพลงจังหวัดฟังสบายแบบที่เขาชอบให้ฟังด้วย แต่ถ้าเจ้าสองล้อคู่หูรู้ความคิดนี้เข้าต้องน้อยใจแน่เลย นั่งฟังเพลงจบไปหลายเพลงในที่สุดก็มาถึงห้างสรรพสินค้าที่ใกล้ที่สุด ทั้งสองขึ้นไปชั้นบนดูรอบหนัง เรื่องที่ต้องการดูรอบที่ฉายเร็วที่สุดอีกสองชั่วโมง เป็นหนังเข้ามาแล้วสองสัปดาห์ทำให้รอบหนังห่างกัน เข้าแถวซื้อตั๋วเรียบร้อยกลับลงมาหาอะไรกินรอเวลา อีกอย่างเทนนิสก็เริ่มหิวแล้วด้วย ช่วงเย็นปลายสัปดาห์ร้านอาหารชื่อดังหลายร้านยังเป็นที่นิยม และมีหลายร้านต้องถึงขนาดถือบัตรคิวรอหน้าร้าน นี่มันร้านอาหารหรือโรงทานกันแน่ คนทั้งสองเดินหาร้านอาหารที่คนไม่เยอะเกินไปตัดสินใจเข้าร้านสเต๊ก สั่งสเต๊กจานใหญ่คนละจานกับน้ำอัดลมแก้เลี่ยน
“นี่ถ้าผมมีเงิน ผมจะเปิดร้านอาหารญี่ปุ่น เกาหลี”ชั้นนี้ทั้งชั้นเป็นร้านอาหารทั้งหมดแต่ส่วนใหญ่เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นกับร้านอาหารเกาหลี ส่วนร้านอาหารไทยมีไม่ถึงสองร้านและที่สำคัญอาหารจานหนึ่งราคาร้อยกว่าบาททำให้เทนนิสคิดถึงกับข้าวที่คณะอร่อยแถมไม่แพง
“ไม่แน่ใจว่าเป็นกับเรื่องความชอบของรสชาติหรือค่านิยม คนไทยชอบของที่นำเข้าจากต่างประเทศ”
ใช่เทนนิสก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันเพราะของบางอย่างที่นำเข้าจะมาตรฐานหรือคุณภาพที่มากกว่าในบางอย่าง “ร้านอาหารไทยผมว่าน่าจะเปิดขายให้ชาวต่างชาติมากกว่า คนไทยส่วนใหญ่จะนั่งกินอาหารตามสั่งข้างทางมากกว่าหรือร้านอาหารบรรยากาศดี และอีกอย่างอาหารไทยคนไทยกินบ่อยแล้วและใครก็ทำเป็น อาหารญี่เป็นอาหารทางเลือกเป็นอะไรแปลกใหม่และรสชาติไม่จัด”แต่สเต๊กหมูกับสเต๊กปลาพริกไทยดำนี่อร่อยเหมือนกัน “ยังไงอาหารไทยก็อร่อยที่สุด อืม คุณป้าทำกับข้าวได้อร่อยมากเลย”
ธีรภัทรยิ้มเมื่ออีกฝ่ายชอบฝีมือทำกับข้าวแม่ของเขา“เราก็ทำกับข้าวเก่งนะ”นึกถึงกับข้าวหลายอย่างที่คนตรงหน้าทำให้กินทุกวันแทบไม่ซ้ำกัน บางวันยังมีขนมคุกกี้ให้กินอีก
“มันจำเป็นถ้าไม่ทำก็ไม่มีใครทำให้กิน ไม่อย่างนั้นผมก็ต้องพึ่งอาหารแช่แข็งในร้านสะดวกซื้อ”ถ้าเป็นอย่างนั้นคงเป็นโรคไตหรือเป็นโรคขาดสารอาหารตายกันพอดี
“อืม มิน่าทำกับข้าวอร่อย”
“ผมไม่ดีใจหรอกครับที่คนกินง่ายอย่างพี่บอกว่ากับข้าวฝีมือผมอร่อย”กับข้าวอร่อยหรือไม่อร่อยก็กินได้หมดไม่มีบ่นสักคำ
ธีรภัทรได้ยินตรงหน้าพูดแล้วอยากเถียงแต่มันก็เป็นความจริงที่เขาไม่ค่อยเรื่องมากกับของกินเท่าไหร่
“สงกรานต์นี้ไปเที่ยวไหนรึเปล่า”
“ยังไม่รู้เลย ทำไมจะชวนผมไปเที่ยวที่ไหน”
“ใช่ พี่ธิมกับคุณแม่ไม่ว่างแต่สองแฝดอยากไปเที่ยว คุณแม่เลยให้มาชวนเราไปด้วยพาเด็กๆไปเที่ยววัดเหมือนทุกปี”
เทนนิสยิ้มให้อีกฝ่ายเขายังไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ อืม ไปเป็นพี่เลี้ยงเด็กนี่เอง
หลังจากกินสเต๊กจนอิ่มทั้งสองออกไปเดินย่อยชั้นล่าง จนไปแวะเข้าร้านหนังสือทั้งสองเดินแยกไปมุมหนังสือที่ตนเองชอบ เทนนิสไปมุมนวนิยายดูว่ามีเรื่องไหนออกมาใหม่น่าสนใจบ้าง อ่านชื่อหนังสือที่อยู่บนสันเรียงอยู่เต็มชั้นแยกตามประเภทของนิยาย หยิบโน้นเล่มนี้ขึ้นมาอ่านมองดูเวลาอีก 15 นาทีจะถึงเวลาหนังฉายทั้งสองกลับนั่งรอหน้าโรงหนัง
ซื้อข้าวโพดคั่วกับน้ำอัดลมชุดประหยัด ชายหนุ่มหน้าตาดีสองคนนั่งรอหน้าโรงหนังสาวๆหนุ่มๆหลายคนแอบมองทั้งคู่
“พวกแกดูผู้ชายสองคนนั้นซิ”
“อือ กำลังเล่นเกมส์มันมันเลย ไหนไหนแกอยากให้ฉันดูอะไร”หญิงสาวที่กำลังนั่งเล่นโทรศัพท์เงยหน้าขึ้นแล้วหันไปมองตามที่เพื่อนบอก ส่วนอีกคนก็เหลียวมองไปตามสายตาเพื่อน
“นั่นไงนั่งอยู่ใกล้ทางเดินคนหนึ่งก็สูงหล่อเข้มตาสวยเหมือนลูกครึ่งเลยแต่งตัวเหมือนเพิ่งเลิกงาน อีกคนก็สูงหล่อเหมือนเกาหลีเลยใส่ชุดนักศึกษาด้วย”
“แกมองซะเขาจะทะลุแล้ว รู้จักเช็ดน้ำมูกน้ำลายบ้าง”
“ว่าไปนั่น ว่าแต่มันมีจริงๆหรอ”
“แกว่าเขาเป็นแฟนกันเปล่าวะ ดูเหมาะกันดี”
“ไม่หรอกมั้งแค่ผู้ชายหน้าตาดีสองคน มาดูก็จะเป็นแฟนกันแล้วหรอ ถ้าฉันมาเพื่อนผู้หญิงสองคนบ่อยไม่เป็นเลสแล้วรึไง”
“เรื่องแบบนี้ไม่แน่หรอก แต่เขาเป็นแฟนกันก็ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนนี่นา”
“เกือบเดินเข้าขอเบอร์แล้วไหมล่ะ”
“ฉันว่าแกเดินไปขอเขาก็ไม่ให้หรอก ถ้ามีแฟนแบบแกฉันขอเป็นโสดดีกว่า”
“อ้าว พูดอย่างนี้มาด้วยกันรึเปล่าเนี่ย”
“ไม่ต้องเถียงกันแล้วเข้าไปข้างในดีกว่า ประตูเปิดแล้ว”
สามสาวเลิกสนใจหนุ่มหล่อเดินตามกันเข้าไปในโรงหนัง
   ในโรงหนังมืดสลัวอากาศเย็นสบายทุกสายตากำลังจดจ้องไปจอหนังขนาดใหญ่ เสียงหนังที่กำลังฉายอยู่บนจอดังขึ้นเป็นระยะ เสียงดนตรีระทึกขวัญดังขึ้นสลับกับเสียงเงียบ หลายครั้งทำให้คนที่ตั้งใจดูต้องสะดุ้งตกใจ บางคนถึงกลับส่งเสียงกรี๊ดออกมาเมื่อมีผีหน้าตาน่ากลัวโผล่มาจากใต้เตียงบ้าง ในห้องน้ำบ้าง ก็มันน่ากลัวอย่างนี้ซิเทนนิสถึงไม่กล้านอนเตียงที่มีใต้เตียงโล่งเวลาดึกกลัวมีตัวอะไรคลานออกมาหรือมีมือโผล่ออกมาจับข้อเท้า แล้วไอ้เสียงดนตรีกระตุ้นอารมณ์ให้รู้สึกกลัวสลับกับเงียบน่าขนลุกนี่ ทำให้เขาต้องเกาะที่พักแขนไว้แน่น ข้าวโพดคั่วกับน้ำอัดลมก็แทบกลืนไม่ลง
“เฮ้ย”เขาตกใจเมื่อเห็นผีโผล่มา จนต้องรีบใช้มือข้างหนึ่งปิดปากไว้ ส่วนมืออีกข้างเกาะแขนคนนั่งข้างๆอย่างไม่ตั้งใจ คนถูกเกาะแขนก็ตกใจเหมือนกันเมื่ออยู่เฉยมีมือมาเกาะที่แขน เขาหันหน้ามามองคนนั่งข้างๆนั่งจ้องหน้าจอปิดปากนั่งหลังติดผนักเก้าอี้ หัวเอียงมาเกือบชิดไหล่ขวาของเขา จนได้กลิ่นแชมพูอ่อนอ่อนกลิ่นน้ำหอมจางจางของคนข้างๆที่เขาได้กลิ่นบ่อยๆ เขาหันไปมองเส้นผมสีดำอย่าลองใช้มือลูบจะนุ่มเหมือนที่เขาไว้รึเปล่า ขณะที่กำลังคิดอะไรบ้าบ้าหัวของอีกฝ่ายก็ชิดเข้ากับจมูกจนได้กลิ่นหอม
เทนนิสนั่งเกรงอยู่นานจนรู้สึกว่าตนเองนั่งผิดท่า และเหมือนว่ามือข้างหนึ่งจับแขนใครอยู่ ไม่ต้องเงยหน้าขึ้นมองก็รู้ว่าเป็นแขนของใคร“ขอโทษครับ”เขารีบปล่อยมือที่เกาะคนนั่งข้างๆออก ทำยังไงได้คนมันตกใจนิ
คำขอโทษเบาเบาของเทนนิสทำให้ธีรภัทรได้สติขึ้นมาเบือนหน้าหนีและหัวใจที่หยุดเต้นเมื่อครู่กลับมาเต้นแรงไม่เป็นจังหวะโดยที่เขาเองหาสาเหตุไม่ได้ จนต้องเลื่อนมือมาวางที่หน้าอกตัวเอง นี่เขาเป็นอะไรไปทำงานเยอะจนเป็นโรคหัวใจแล้วรึเปล่า
“เฮ้อ จบแล้วในที่สุดพระเอกกับนางเอกก็ปราบผีนั่นได้”ไฟในโรงหนังสว่างขึ้น บนจอดำมีแต่ตัวหนังสือวิ่งขึ้นเรื่อย คนดูทยอยเดินออกไปตรงประตูทางออก คนดูบางคนยังพูดถึงหนังที่พึ่งจบไป
 “ไม่รู้ว่าคืนผมนอนหลับสนิทรึเปล่า ภาพที่ผีผู้หญิงมันคลานออกมาจากใต้เตียงติดตาผมอยู่เลย ยิ่งคิดยิ่งสยอง”
“คนเขาถึงบอกว่าผีไทยน่ากลัว ไม่แพ้ผีชาติใดในโลก”
“ฟังดูแล้วเหมือนจะดูดี”แต่ไม่น่าภาคภูมิใจเลยที่ประเทศตัวเองมีสิ่งลี้ลับชวนขนหัวลุกอยู่”พี่เป็นอะไรรึเปล่าดูหน้าแดงแดง"เขามองหน้าอีกฝ่ายที่แดงเห่อเล็กน้อย เขาคิดว่าอีกฝ่ายอาจจะเป็นไข้เพราะช่วงนี้อากาศร้อนขึ้นทุกวัน ธีรภัทรถูกทักก็เข้าใจว่าตนเองอาจจะป่วยจริงๆ บางทีได้เขาได้นอนพักสักงีบอาจจะดีขึ้นก็ได้ อืม แค่นอนพักก็จะหาย
   
   ฟ้าใหม่แล้วละนะน้อง สงกรานต์เราร้อง ทำนองเพลงโทน โน่นไงจ๊ะ โทนป๊ะโทนๆ
ทั้งโยกทั้งโยนเย้ายวนยั่วใจ .........เสียงเพลงเริงสงกรานต์ของวงสุนทราภรณ์ถูกเปิดขึ้นในตอนสายของวันที่ทางบริษัทจัดงานสงกรานต์ให้พนักงานได้มีส่วนร่วมกับวัฒนธรรมประเพณีของไทย กลิ่นน้ำอบไทยกลิ่นดอกมะลิส่งกลิ่นหอมอ่อนไปทั่วงาน วันนี้ทุกคนสวมเสื้อลายดอกสีฟ้าขาวที่ทางบริษัทแจกให้และประแป้งที่แก้มเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศรื่นเริง พนักงานที่ได้รับมอบหมายหน้าที่กำลังเร่งมือตรวจความเรียบร้อยงานของตัวเองก่อนที่จะถึงเวลางานเริ่ม บริเวณชั้นหนึ่งของสำนักงานถูกจัดให้เป็นสถานที่จัดงานบรรยากาศคล้ายงานวัด เสื่อที่ยืมมาจากวัดถูกปูยาวเป็นแถวหลายแถวให้พนักงานได้นั่งร่วมประกอบพิธีทางศาสนา อาสนะและสิ่งของอื่นๆทางบริษัทซื้อถวายวางไว้พอดีกับจำนวนพระสงฆ์ที่นิมนตร์มา ภัตราหารเพลเตรียมพร้อมพระสงฆ์ 9 รูป เมื่อพระสงฆ์มาถึงพนักงานประเคนอาหารคาวหวานให้พระภิกษุสงฆ์ เสร็จสิ้นพิธีสงฆ์ ต่อมาพนักงานสูงอายุและคณะผู้บริหารของบริษัทถูกเชิญให้นั่งบนเก้าอี้ให้พนักงานเข้าแถวรดน้ำดำหัวขอพร   
“ขนมจีนน้ำยาแกงไก่อร่อยดีนะ”เทนนิสกำลังนั่งกินขนมจีนหลังจากที่เข้าแถวรดน้ำผู้ใหญ่เสร็จ บางคนก็ตักกับข้าวขึ้นไปกินที่ห้องครัว
“ฉันยังไม่ได้ลองกินเลย แล้วนี่ตกลงได้ยังว่าสงกรานต์จะไปเที่ยวไหน”วีร์ถามเพื่อนที่ยังไม่ตอบตกลงว่าช่วงวันหยุดจะไปเที่ยวที่ไหน
“พรุ่งนี้ว่าจะไปกับพี่ธีร์”
“ถ้าอย่างนั้นอีกสองวันที่เหลือพวกเราไปเล่นน้ำแถว Happy Mall กันนะปีนี้ก็ปิดถนนให้เล่นน้ำเหมือนเดิมมีเวทีแสดงดนตรีด้วย”เขาอยากไปเล่นน้ำกับเพื่อนเพื่อน เอื้อมกับเหรียญสิบก็ตกลงแล้วว่าไป ที่จริงเขาน่าจะชวนพี่ปาลไปด้วยไปหลายคนจะได้สนุก
“อากาศร้อนๆ อยากไปเที่ยวทะเลแต่ถ้าไปช่วงนี้คงไม่มีที่พักแถมคนเยอะด้วย ทำงานทั้งวันทำให้รู้เลยว่าวันหยุดมีค่าแค่ไหน ถ้ามีเวลาก็อยากไปเที่ยว ทะเล ภูเขา แล้วกระเพาะปลาอร่อยไหม”เขามองถ้วยชานอ้อยที่ไม่มีอะไรเหลืออยู่ในนั้น
“อร่อยดี”เขาเลื่อนถ้วยเปล่าให้เพื่อนดู”เครื่องเยอะมีทั้งเห็ดหูหนูขาว แคบหมู ปีกบนไก่ ไข่นกกระทา เครื่องในไก่และเลือดไก่ด้วยฉันก็เพิ่งกินกระเพาะปลาสูตรคุณป้าแม่บ้าน นี่ฉันลองแอบไปถามสูตรมาแล้วด้วย ไว้จะทำให้กิน”
เทนนิสเลิกคิ้วขึ้นหันไปมองเพื่อนที่มั่นใจว่าจะทำกระเพาะปลาได้อร่อย เขาลุกขึ้นไปตักกระเพาะปลาที่โต๊ะ วีร์เดินตามเพื่อนไป
“ตักต้มยำให้ด้วยดิ”เขายื่นถ้วยใบเล็กให้เพื่อน”ดีจะได้ไม่ต้องทนกินแต่ข้าวผัด”ไม่ใช่ว่าไม่อร่อยแต่ทำบ่อยเกินไปก็เบื่อ”แล้วเคยทำข้าวผัดให้พี่ปาลกินบ้างไหม เอาเห็ดฟางเยอะๆ อร่อยดี”
“ทำสองสามครั้งแล้ว พี่แกคงเบื่อหรอกแต่ไม่พูด ฉันทำอย่างอื่นไม่เป็นนี่นาทำไง หยิบขนมจีนใส่ถ้วยให้หน่อยเอาสองชิ้นพอ เหลือท้องไว้กินอย่างอื่นด้วย”ของหวานกับผลไม้สดก็น่ากิน และยังมีไอติมกะทิด้วย
“กับข้าวฝีมือป้าแม่บ้านอร่อยไหม”เบสเดินเข้ามาเปิดหม้อดูกับข้าวว่ามีอะไรบ้าง กับข้าวที่เกือบเต็มหม้อใบขนาดกลางเมื่อเช้าตอนนี้เหลือครึ่งหม้อ ถ้าไม่หมดคงต้องให้ป้าแม่บ้านห่อกลับไปกินที่บ้าน วิ่งวุ่นทั้งเช้าหิวแล้วด้วย เบสหยิบจานเล็กเล็กหยิบผลไม้ใส่สองสามชิ้นรองท้องก่อน
“อร่อยสมคำล่ำลือ พี่เบสกินอะไรแล้วยังครับเห็นวิ่งวุ่นทั้งเช้าเลย”เห็นแล้วเหนื่อยแทน
“ยังเลย กำลังหากับข้าวให้เจ้านายก่อน”อืม ฝรั่งนี่กรอบหวานดีด้วย แตงโมนี่ก็หวาน
“เทนนิสพัดไทด้วยไหม พี่เบสจะไปกินกันข้างบนกับเจ้านายหรอครับ”
“ไม่ล่ะ เอาไก่ทอดกับทอดมันดีกว่า”เขาชี้ที่ถาดของทอดหลายอย่างอยู่ในนั้น
“กินข้างล่างนี่แหล่ะพอดีมีหัวหน้าโรงงานมาด้วย”
“เดี๋ยวพวกผมช่วยพี่เบส เอากับข้าวทุกอย่างใช่ไหม”
“ใช่ งั้นพี่ไปเตรียมโต๊ะก่อนนะ”เบสเดินไปเตรียมโต๊ะให้เจ้านาย เทนนิสและวีร์เดินถือถาดกับข้าวตามไป และช่วยจัดโต๊ะ
“เทนนิส วีร์กินข้าวยัง มานั่งกินข้าวด้วยกันสิ”
“ไม่เป็นไรพี่กิต พวกผมได้ที่นั่งแล้ว”
“มานั่งกินด้วยกันสิ กับข้าวเยอะแยะกินไม่กี่คนกินไม่หมดหรอก”ธีรภัทรเพิ่งเดินมาได้ยินทั้งสองคุยกัน เจ้านายออกปากชวนทั้งสอง ทั้งสองก็ไม่กล้าปฏิเสธเดินไปหยิบกับข้าวกลับมาที่โต๊ะ นั่งกินข้าวกับผู้ใหญ่หลายคนเงียบเงียบและรู้สึกเกร็ง และกับข้าวไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่ กิตแนะนำนักศึกษาฝึกงานทั้งสองให้รู้จักกับหัวหน้าดูแลฝ่ายของโรงงานที่นานครั้งจะโผล่เข้ามาที่สำนักงานใหญ่ คนหนึ่งคือปรัญชายหนุ่มตัวสูงผิวขาวเหลืองสวมเสื้อลายดอกสีฟ้าขาวส่วนอีกคน ทนาชายหนุ่มที่มีความสูงไล่เลี่ยกันแต่สีผิวเข้มกว่า ทั้งสองปกติจะอยู่ประจำที่โรงงานดูแลเครื่องจักร สินค้าการผลิตและขนส่งสินค้า นานทีเข้ามาที่บริษัทแต่วันก่อนเพื่อนโทรไปบอกว่าคืนนี้จะพาเลี้ยงเหล้าพวกเขาไม่อยากขัดใจเพื่อน ที่จริงวันนี้โรงงานก็หยุดให้คนงานกลับบ้านเพราะโรงงานมีลูกจ้างมาจากต่างจังหวัดเป็นส่วนใหญ่ ปรัญมองเด็กฝึกงานทั้งสองที่พนักงานสาวหลาย
หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 9] 28/02/2560
เริ่มหัวข้อโดย: jaengsRU ที่ 28-02-2017 09:21:34
คนบอกว่าหล่อ ใช่คนหนึ่งหล่อแต่อีกคนน่าจะเรียกว่าน่ารักมากกว่า ธีรภัทรมองเทนนิสปกติเห็นใส่ชุดนักศึกษาไม่งั้นก็ชุดนอนเสื้อยืดคอเปื่อยกับกางขายาวเอวย้วยแต่วันนี้ใส่เสื้อยืดสีขาวสวมทับเสื้อลายดอกและสวมกางเกงยีนต์เข้ารูปทำให้ดูดีไปอีกแบบ เขาหันไปคุยกับอีกฝ่ายถามว่ากับข้าววันนี้อร่อยไหม อีกฝ่ายตอบกลับมาว่าอร่อยเขาก็ดีใจ ตั้งแต่วันที่หัวใจของเขาเต้นแรงไม่รู้สาเหตุ จากนั้นก็เกิดขึ้นอีกหลายครั้งแต่มันจะเกิดเฉพาะเวลาที่เขาอยู่ใกล้เทนนิส บางทีน้องสาวเขาอาจพูดถูกเขาชอบรุ่นพี่ของเธอเข้าแล้ว 
“ปลายเดือนที่แล้วเครื่องที่เราสั่งซื้อมาแทนตัวเก่าจะมาถึงแล้ว ทางบริษัทส่งทีมวิศวกรมารับเอาเครื่องเก่าไปและติดตั้งตัวใหม่ให้เราแล้วเรียบร้อย ลองเช็คเครื่องหลายครั้งไม่มีปัญหา ส่วนเรื่องที่เจ้าหน้ามาตรวจคุณโรงงานที่มาตรวจประเมินเดือนไหนหนังสือน่าจะมาถึง”
“ได้รับแล้วแจ้งหัวหน้าคนอื่นแล้ว ส่วนคนที่จะไปยังไม่ลงตัว”
“นี่ไงเอาเด็กสองคนนี่ไง จะได้ไปช่วยงานเบสมันด้วย มาฝึกงานอย่าอยู่แต่ในออฟฟิต พาน้องไปดูโรงงานด้วยเวลาไปคุยกับเพื่อนได้”
“ไงเทนนนิส วีย์อยากไปดูโรงงานไหม”
“ครับ/ครับ”ทั้งสองตอบพร้อมกัน แล้วมองหน้ากันพวกเขาอยากไปดูความลับความอร่อยมันฝรั่ง
“ตามนี้เบจเพิ่มชื่อน้องทั้งสองคนเข้าไปด้วย เอาไปเป็นเพื่อนกินหล้าด้วย”
กินข้าวไปด้วยคุยไปด้วยเปลี่ยนหัวข้อสนทนาจากเรื่องงานเปลี่ยนเป็นเรื่องชวนกันไปดื่มคืนนี้ กิตโทรชวนเพื่อนหลายคนไว้แล้วนานทีได้มีโอกาสเจอกัน แต่บางคนก็มาไม่ได้ต้องไปเที่ยวต่างจังหวัดต่างประเทศกับคนรักกับครัวครอบในช่วงวันหยุดยาว คนที่ว่างมาก็เป็นชายโสด กินข้าวเสร็จ นัดเวลาสถานที่เรียบร้อยแล้วทุกคนแยกย้ายกันในตอนบ่าย
   พรุ่งนี้วันหยุดยาววันแรกตั้ง ตอนบ่ายถนนขาออกการจราจรเริ่มติดขัด  ผู้คนกำลังเดินทางออกต่างจังหวัดกลับบ้านบางคนไปเที่ยว แต่เทนนิสกลับมานั่งอ่านการ์ตูนฟังเพลงกินขนมตั้งแต่บ่ายสี่โมง หลังจากที่ช่วยทุกคนเก็บสถานที่จนเรียบร้อย เขาปิดหนังสือการ์ตูนเล่มที่สิบลง มองไปรอบรอบห้องที่มีเสียงดนตรีบรรเลงแล้วเหลือบมองนาฬิกา เกือบจะหกโมงเย็นแล้วมิน่าเขาถึงรู้สึกหิว นั่งอ่านการ์ตูนมาเกือบสองชั่วโมงปวดแขนไปหมด ใกล้ถึงเวลานัดธีรภัทรเดินออกมาจากห้องทำงานบอกให้เทนนิสไปอาบน้ำเตรียมตัว เทนนิสเก็บหนังสือบนโต๊ะให้เรียบร้อยเดินเข้าห้องนอน เขาหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัว กลับออกมาเห็นเจ้าของห้องนั่งดูข่าวอยู่ที่โซฟา
“ว้าว วันนี้พี่ธีร์ดูดีมากเลย แต่งตัวแบบนี้ดูดีดูเด็กขึ้นเป็นกอง สาวสาวเห็นต้องมองตาเป็นมัน เหลียวหลังจนคอเคล็ด”เขาชมคนที่สวมเสื้อยืดกางเกงยีนเข้ารูปสบายสบายแทนใส่เสื้อเชิ้ตสวมสูทหรู
คนถูกชมทำตัวไม่ค่อยถูก ตื่นเต้นดีใจนิดนิดที่ถูกอีกฝ่ายชม”ทำไมทุกวันพี่ดูไม่ดีหรอ”ชักไม่แน่ใจที่ถูกอีกฝ่ายชม 
“เปล่า ผมชอบที่พี่แต่งตัวแบบนี้มากกว่าดูสบายสบาย มากกว่าเสื้อเชิ้ตกับสูทราคาแพง”แล้วทำหน้าตาไร้อารมณ์ จนคนรอบข้างเดาไม่ถูกว่าเจ้านายอยู่ในอารมณ์ เป็นคนที่เข้าใจยากคนหนึ่งแต่พอได้รู้จักจริงจริงแล้ว ผู้ชายคนนี้ก็เป็นคนดีคนหนึ่งแต่แค่เป็นคนพูดน้อยและแสดงอารมณ์ความรู้สึกทางสีหน้าไม่เก่งก็เท่านั้น
คำตอบของคนตรงหน้าทำให้คนฟังยิ้มได้“เราก็ดูดีนะ ดูดีกว่าเสื้อคอเปื่อยกับกางเกงเอวย้วย”
“ไม่ต้องแซวผมหรอก ผมไม่อายเพราะมันใส่แล้วสบาย”
“ฮึ ฮึ รีบไปกันเถอะปล่อยให้คนอื่นรอมันไม่ดี”เขาเตือนอีกฝ่ายอย่างอารมณ์ดี เทนนิสเดินตามอีกฝ่ายไปที่ลานจอดรถ และบอกธีรภัทรให้แวะรับวีร์ไปด้วย ผู้โดยสารครบรถคันหรูวิ่งไปตามถนนปลายทางคือบ้านกิตตามที่นัดกันไว้ ข่าวทางวิทยุออกอากาศให้ผู้ใช้รถหลีกเลี่ยงเส้นทางที่มีการจราจรติดขัด พวกเขามาถึงก่อนเวลานัดเล็กน้อย ทางเข้าหมู่บ้านมีเจ้าหน้ารักษาความปลอดภัยคอยตรวจ เมื่อเจ้าหน้าปล่อยให้เข้าไปข้างในบ้านจัดสรรหลังใหญ่เรียงเป็นแนวยาวเกือบทุกบ้านปิดเงียบมีเพียงแสงไฟหน้าบ้านริมรั้วเปิดทิ้งไว้ เข้าไปลึกมากก็เจอบ้านกิต หน้าบ้านมีรถจอดอยู่แล้วสองคัน บ้านสองชั้นหลังใหญ่ดูแล้วน่าจะไล่เลี่ยกับบ้านธีรภัทร หน้าบ้านเปิดไฟสว่างมีเสียงคนคุยกันแว่วออกมาจากในบ้าน ธีรภัทรกดออดสองสามครั้งเจ้าของก็วิ่งออกมาเปิดประตูให้ เข้าไปในบ้าน ปรัญและทนากำลังช่วยยกกับข้าวออกมาจากครัว เทนนิสเข้าไปช่วยยกของที่เหลือ   
   ยำวุ้นเส้น ปลาหมึกย่างกุ้งเผาหอยแครงนึ่งถาดใหญ่พร้อมน้ำจิ้มซีฟู๊ด ปีกลางทอดและกับแกล้มอีกสองสามอย่าง เทนนิสกินทุกอย่างลองท้องเพราะกับข้าวกินตั้งเที่ยงย่อยหมดแล้ว กับข้าวทุกอย่างเจ้าของบ้านซื้อจากข้างนอกไม่บ่อยครั้งจะกินกุ้งตัวใหญ่กับน้ำจิ้มอร่อย จนทุกคนแซวว่าต้องเก็บเงินค่ากุ้งเผาเพราะดูจากเปลือกกุ้งแล้วเขาน่าจะกินเยอะสุด เขาไม่แก้ตัวแค่หัวเราะแก้เขินและไม่สนใจ ปล่อยให้เจ้านายและเพื่อนจิบเหล้านอกขวดเหลี่ยมฝาสีดำข้างขวดคาดฉลากสีดำไปคุยกันไป กับข้าวหมดเขาก็ไปตักมาเพิ่ม นั่งกินเงียบๆคุยกับคนอื่นบ้าง ฟังเจ้านายคุยกันว่าทุกคนเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยมัธยมเรียนโรงเรียนเดียวกันและมหาวิทยาลัยเดียวกันแต่คนละคณะ คนแก่เอาเรื่องเก่ามาพูด คนที่ถูกพูดถึงมาที่สุดเป็นกิตหนุ่มเพลบอยที่ควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าจนเจอดีไปเจอสาวประเภทสองเข้า
“ชีวิตวัยรุ่นลูกผู้ชายอย่างเราสิ่งที่สำคัญ ก็คือ เหล้า เที่ยว รถ และก็ผู้หญิง”กิตพูดแล้วยกแก้วขึ้นจิบ เขายอมรับสมัยเรียนมหาวิทยาลัยใช้ชีวิตเต็มที่ แต่ก็เคยทิ้งการเรียนทิ้งเพื่อน หลังเรียนจบก็ปรับเปลี่ยนนิสัย มีบ้างที่เที่ยวดื่มแต่ก็ไม่บ่อยเหมือนแต่ก่อนเพราะมีหน้าที่การงานความรับผิดชอบที่ต้องผิดชอบ
“เจ้านายนี่ก็ใช่ย่อย”กิตพูดแล้วหยุดมองไปที่เพื่อนนั่งนิ่งไม่รู้ว่าอยู่ในอารมณ์ไหน คนถูกพูดถึงไม่รู้แปลกใจแต่อยากรู้ว่าจะถูกพูดถึงเรื่องอะไร เขามองไปที่เทนนิสกำลังทำท่าทางสายตาอยากรู้อยากเห็น จนเขายิ้มออกมาบางบางดีใจที่อีกฝ่ายสนใจในตัวเขา ที่จริงเรื่องแบบนี้ถ้าอีกฝ่ายอยากรู้เรื่องในสมัยเรียนถามเขาเขาก็จะบอก แต่เอาเถอะให้เพื่อนเพื่อนบอกก็คงไม่เสียหายอะไร
“เล่าเลยพี่ เจ้านายอนุญาตแล้ว”เขาอยากรู้เจ้านายทำหน้าตาไร้อารมณ์อย่างนี้ตั้งแต่สมัยก่อนรึเปล่า
“เห็นมันหน้าตาไร้อารมณ์อย่างนี้สาวสาวเยอะอย่าบอกใคร แต่มันก็ไม่เคยคบใครได้นาน ชอบมีคนมาหาเรื่องมันบ่อยบ่อยด้วย”
“มันเรื่องมาก คิดว่าตัวเองหล่อเลือกได้”
ธีรภัทรฟังเพื่อนพูดเรื่องตัวเองแล้วคิดถึงภาพตัวเองตอนนั้นไปด้วย เจอหน้ากันครั้งแรกต่างคนต่างไม่มีใครชอบขี้หน้ากันเกือบจะตีกันก็หลายครั้งแต่สุดท้ายไม่รู้อะไรทำไมถึงได้มาเป็นเพื่อนกันจนถึงตอนนี้ เพื่อนในขวดเริ่มปริมาณลงจนเหลือแค่ก้นขวด น้ำแข็งในถึงเริ่มละลาย ทนา ปรัญก็แสดงอาการเมาออกมา เทนนิสมองหน้าจอโทรศัพท์มีสายเข้าเขาต้องออกไปคุยข้างนอก เป็นปาลภัทรโทรมาถามว่าจะกลับตอนไหน อย่าปล่อยให้วีร์กินจนเมา ไม่รู้จะเป็นห่วงอะไรกันนักกันหนา โทรมาได้ทุกหนึ่งชั่วโมงนี่ห่วงเกินเป็นพี่น้องรึเปล่าพี่ปืนยังไม่ยังขนาดนี้ แต่ก็เข้าใจว่าเพื่อนของเขาน่ารักมีหนุ่มหนุ่มเข้ามาจีบบ่อยบ่อย จนเขาต้องสวมรอยว่าเป็นแฟนเพื่อตัดความรำคาญจนกลายเป็นข่าวลือถึงทุกวันนี้ บางทีที่เคยคิดว่าปาลภัทรคิดกับเพื่อนเขามากกว่าพี่น้องอาจจะเป็นจริงก็ได้ แต่เพื่อนเขาคิดยังไงเดาใจไม่ถูก เจ้าตัวยังไม่รู้ใจตัวเองแล้วเขาเป็นแค่คนนอกจะไปรู้ใจเพื่อนได้ไง ถ้าเขาลองกระตุ้นให้เพื่อนคิดและกระตุ้นให้ฝ่ายโน้นชัดเจนมากขึ้นทุกอย่างอาจจะดีขึ้นก็ได้ ......ไม่เอา ไม่ยุ่งเรื่องของชาวบ้านให้พวกเขาไปจัดการกันเอง ห้าทุ่มกว่าแล้วอากาศข้างนอกไม่ร้อนมากเพราะมีต้นไม้และลมพัดมาเบาๆ คุยโทรศัพท์เสร็จเขายังไม่กลับเข้าไปในบ้านเขานั่งเล่นบนโต๊ะหินอ่อนมองท้องฟ้าโปร่งแต่มองไม่เห็นดาวสักดวง
“ออกมานั่งทำอะไรข้างนอกมืดมืดคนเดียว”ธีรภัทรนั่งลงข้างข้างคนที่แหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าจนได้กลิ่นน้ำหอมจางจางผสมกลิ่นแอลกอฮอล์เวลาลมพัดมาเบาจนทำให้หัวใจเต้นแรงจนต้องขยับให้ห่างอีกฝ่าย เขามองซีกหน้าข้างหนึ่งที่ถูกแสงไฟเขาชอบมองแก้มใสๆไม่รู้ว่ากดจมูกลงไปจะหอมและนุ่มเหมือนที่คิดเอาไว้รึเปล่า เฮ้อ นี่เขาคงดื่มเยอะไปหน่อยเลยคิดอะไรบ้าบ้า หรือเขาควรจะไปหาหมอดีช่วยตรวจรักษาอาการไม่ให้มีความคิดไม่เข้าท่าแบบนี้ ถ้าอีกฝ่ายรู้ว่าเขาคิดบ้าบ้าแบบนี้คงรังเกียจเขาแน่แน่ ใช่เขาต้องเก็บความรู้สึกที่มันเพิ่มขึ้นทุกวันให้มิดชิด มันเป็นความคิดที่ผิดที่เขาชวนอีกฝ่ายมาอยู่ด้วยความหวังดีความเป็นห่วงอีกฝ่ายทำให้เขาเป็นบ้าอยู่ทุกวันนี้ นี่ถ้าวันดีคืนดีเขาหน้ามืดควบคุมตัวเองไม่อยู่ทำอะไรบ้าบ้าลงไปมันต้องแย่แน่แน่
“มาดูดาวครับ วันนี้ฟ้าโปร่งน่าจะมองเห็น”นิ้วเรียวหันหน้าไปยิ้มให้คนตรงหน้า ไม่รู้ว่าเขาตาฝาดเห็นอีกฝ่ายกำลังนั่งยิ้มให้เขาอยู่ รึว่าพี่ธีร์จะเมาแล้ว ตายละแล้วจะกลับยังละเนี่ยพี่ปาลไม่อยากให้ค้างด้วย รึจะปิดเครื่องทำเป็นโทรศัพท์แบตหมดดี
“พี่ยังไม่เมาไม่ต้องห่วง แล้วนับได้กี่ดวงละ”ธีรภัทรยื่นไปลูบแก้มอีกฝ่าย ทำให้เทนนิสตกใจ”ข้าวติดแก้ม”คำอธิบายของคนตรงหน้าทำให้เทนนิสรีบใช้มือลูบแก้มตัวเองหาเศษอาหาร ไม่รู้ว่ามีข้าวติดอยู่อีกรึเปล่า“เอ่อ นับไม่ได้สักดวง สงสัยดาวไปพักร้อนกันหมด”เขาพูดทำลายบรรยากาศที่เงียบลง และรู้สึกอายที่มีข้าวติดแก้ม มิน่าละทำไมถึงรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องหน้าเขาอยู่
“อาจจะจริง”เขามองใบหน้าขาวเริ่มสีเลือดขึ้นมา คงเพราะอายที่เขาโกหกว่ามีข้าวติดแก้ม คนที่ปกติไม่ค่อยใส่ใจภาพลักษณ์ตัวเองก็มีอารมณ์ความรู้สึกแบบนี้เหมือนกันดูแล้วน่ามองไปอีกแบบ แต่ตอนที่ได้สัมผัสแก้มเมื่อครู่ แก้มนุ่มอย่างที่เขาคิดจริงจริง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาหาจะเรื่องฉวยโอกาสอีกฝ่ายจนได้
“แล้วพี่ธีร์ไม่กินต่อหรอครับ ถึงได้ออกมา”
“สองคนนั้นเริ่มเมาแล้ว อีกอย่างดึกแล้วด้วยกลัวผู้ปกครองวีร์เป็นห่วง”
“แล้ววีร์ละครับ”เขามองหาเพื่อน คงไม่ได้เมาหลับไปแล้วนะ
“ช่วยกิตเก็บของอยู่”
เทนนิสกลับเข้าบ้านไปช่วยเพื่อนเก็บของจะได้รีบกลับ กวาดเศษอาหารลงถุงดำกับข้าวที่เหลือใส่ถุงเก็บไว้ในเย็น ถ้วยจานแช่ไว้ในอ่างเจ้าของบ้านบอกจะจัดการที่เหลือเอง พวกเขาลาเจ้าของบ้านกลับ
   รถจอดที่ลานจอดรถวีร์เดินไปหาปาลภัทรที่ยืนยิ้มอยู่ที่รถเขาหันหน้ามาโบกมือบ๊ายบายให้เพื่อน แล้วตะโกนบอกว่ามะรืนไปเล่นน้ำกันจากนั้นก็ขึ้นรถไป เทนนิสมองตามไปมีความรู้สึกเป็นห่วงเพื่อนขึ้นมา คิดแล้วใบหน้าก็ปรากฏร่องรอยความไม่สบายใจขึ้น ใครใครก็รู้ว่าความรักแบบนี้สังคมไม่ยอมรับและไม่มั่นคง ถ้าเป็นเขาล่ะ เขาแก้ปัญหานี้อย่างไรเลือกที่จะรักต่อไปหรือจะให้มันจบตั้งแต่เนิ่นเนิน บางทีเขาอาจจะเข้าใจผิดความรักไม่ใช่ปัญหามีความรักต้องมีความสุขสิถึงจะถูก
   เช้าวันแรกของวันหยุดยาวถนนที่มุ่งหน้าออกต่างจังหวัดที่ติดมาตั้งแต่ตอนบ่ายของเมื่อวานตอนนี้การจราจรเริ่มคล่องตัวมากขึ้น แต่ก็มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ้าง ข่าวอุบัติเหตุของเมื่อวานสรุปตัวเลขออกมาอุบัติเหตุทางมอเตอร์ไซด์ยังเป็นอันดับหนึ่ง เสียงข่าวจากโทรทัศน์ดังแว่วมาจากนอกห้อง มือหนาเลื่อนไปหยิบนาฬิกาที่วางอยู่บนตู้หัวเตียงขึ้นมาดู 7.45 ธีรภัทรซุกหน้าลงบนหมอนนุ่มกอดผ้าห่มผืนหนาไว้ อากาศในห้องยังเย็นสบายเพราะเครื่องปรับอากาศ วันนี้วันหยุดขี้เกียจตื่นแต่เช้าแต่ร่างกายก็ตื่นโดยอัตโนมัติเพราะความเคยชิน เขาลุกขึ้นนั่งมองไปรอบห้องมีแสงสว่างจากข้างนอกลอดเข้ามา เพิ่งจะเจ็ดโมงเช้าแดดยังแรงขนาดนี้ เขาเปิดประตูออกมาเห็นเทนนิสยังอยู่ในชุดนอนกำลังจ้องจอสี่เหลี่ยมอย่างตั้งใจ เขาเดินเข้าไปในครัวเปิดตู้เย็นหยิบกระปุกน้ำออกมาเทใส่แก้วแล้วเดินไปนั่งดูโทรทัศน์
“ตื่นแล้วหรอครับ”
“อืม ดูอะไรอยู่”
“ข่าวอุบัติเหตุน่ะครับ”แค่คิดถึงตอนที่เขาและครอบครัวประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เท่านั้น อุบัติเหตุตอนนั้นทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนแปลงไปหลายอย่าง แต่ก็โชคดีสามารถผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายนั้นมาได้โดยที่ไม่เป็นบ้าไปก่อน
“เปลี่ยนช่องเถอะ”ธีรภัทรมองใบหน้าที่เรียบเฉย แววตามีร่องรอยเศร้าอยู่บ้าง เขาพอรู้มาบ้างว่าอีกฝ่ายเสียครอบครัวไปเพราะอุบัติเหตุ จึงไม่อยากให้อีกฝ่ายดูอะไรที่สะเทือนจิตใจ
เทนนิสเปลี่ยนช่องสาระคดี แล้วเข้าไปอาบน้ำเตรียมตัวไปบ้านธีรภัทร ตามที่ตอบตกลงว่าจะเที่ยวด้วย ปิดไฟล็อกห้องให้เรียบร้อย
ทั้งสองเดินออกจากคอนโดตอนแปดโมงครึ่ง ธีรภัทรเลี้ยวรถเข้าจอดในบ้าน สองแฝดกับสายไหมก็รีบวิ่งออกมารับ สองแฝดอาบน้ำปะแป้งจนหอมแต่งตัวใส่เสื้อลายดอกวิ่งมาจับมือพี่ชายข้างบ้าน ถามถึงขนมว่ามีขนมมาฝากรึเปล่า สายไหมก็เบียดตัวเล็กๆของมันเข้าถามด้วยว่ามีขนมมาฝากมันด้วยไหม พี่ชายไม่กลับบ้านมันไม่มีขนมอร่อยให้กิน แต่มันก็เป็นเด็กดีช่วยดูแลบ้านให้พี่ชายด้วย บู้ตึ้งดันเจ้าขนฟูออกแล้วถามอีกว่าพี่เทนนิสจะเที่ยวด้วยกันไหม วันนี้คุณยายบอกว่าอาธีร์จะพาไปไหว้พระทรงน้ำพระ บู้ตึ้งบอกว่าอยากไปเล่นน้ำด้วยแต่ยังไม่มีปืนฉีดน้ำสองแฝดรีบอ้อนขอให้พี่ชายพาไปซื้อ เด็กๆบอกว่าคุณแม่ให้เงินมาแล้วบู้ลิ้มควักเงินแบงค์สีเทาหนึ่งใบออกมา บอกว่าคุณแม่คนละใบไปซื้อปืนฉีดน้ำกับขนม ธิมย์รินทร์เดินออกมาจากบ้านเห็นสองแฝดเกาะพี่ชายสุดหล่อ จึงเรียกเข้าบ้านไปกินข้าวก่อนออกไปเที่ยว เธอบอกสองแฝดว่าเดี๋ยวไม่มีแรงเล่นน้ำแล้วหันบอกให้เทนนิสไปตามธีรภัทรเข้าไปกินข้าวเดี๋ยวสายกว่านี้อากาศจะร้อน สองแฝดรีบวิ่งเข้าบ้านบอกให้พี่ชายรีบตามเข้าไป เทนนิสเดินไปตามคนตัวสูงกำลังเก็บของในรถ เขาช่วยถือกระเป๋าเอกสารและโน้ตบุ๊กเดินนำเข้าไปข้างใน
ข้าวต้มปลากับข้าวมื้อเช้ารองท้องก่อนออเดินทาง ธารรพีที่พึ่งกลับมาจากเที่ยวเมื่อวาน เอาของมาฝากพี่รหัสกับพี่ชายเป็นถุงเครื่องรางที่เธอกับเพื่อนซื้อตอนไปไหว้พระ เธอก็ไม่รู้จะซื้ออะไรเป็นของฝาก ขนมเครื่องสำอางเสื้อผ้าจากที่โน่นที่เมืองไทยมีขายให้เกลื่อน ขนมาเยอะก็เป็นน้ำหนักอีก ช่วงที่เธอไปอากาศหนาวยังมีหิมะอยู่บ้างและซากุระกำลังบานมีนักท่องเที่ยวไปเที่ยวเยอะโดยเฉพาะคนไทย เดินไปที่ไหนก็เจอจนนึกว่าอยู่ประเทศไทย ตอนแรกพวกเธอจะไปกับบริษัททัวร์ แต่ฟังจากคนที่เคยไปมาก่อนและดูจากในอินเตอร์เน็ตศึกษาข้อมูลแล้วจึงได้ตัดสินใจไปกันเอง ขึ้นรถไฟใต้ดินครั้งแรกตื่นเต้นกว่าได้เจอผู้ชายหน้าตาดีเดินเข้ามาขอเบอร์อีก หนึ่งเดือนกว่าในต่างประเทศของเธอกับเพื่อนเพื่อนสนุกอย่าบอกใคร กับข้าวที่โน่นรสชาติอร่อยแต่ยังคิดถึงกับข้าวฝีมือแม่คิดถึงร้านส้มตำข้างมหาวิทยาลัย ร้านอาหารไทยก็เยอะแต่แพงมาก นี่ถ้าไม่ติดว่าช่วงสงกรานต์มีนักท่องเที่ยวไปเที่ยวเยอะจนพวกเธอไม่มีพักไม่อย่างนั้นก็ไม่กลับ เมื่อวันก่อนยังได้สัมผัสหนาวใส่เสื้อผ้าหนาแต่พอลงมาจากเครื่องร้อนตับแลบแล้ววันนี้แม่ยังบอกให้ออกไปเที่ยวกับสองแฝด เธอต้องขอผ่านยังเหนื่อยกับการเดินทาง เธอมองดูพี่ชายหน้าตายด้านของเธอไม่ได้เจอแค่เดือนกว่าดูท่าทางเปลี่ยนไปเหมือนจะดูมีวิตชีวาขึ้น อะ อะ นี่อย่าบอกนะพี่ชายเธอรู้ใจตัวเองแล้ว ต้องอย่างนี้สิไม่เสียแรงที่ช่วยผลักดัน คริคริ ข้าวต้มเช้าวันนี้อร่อยดีไม่เสียแรงตื่นมาแต่เช้า
รถจอดสนิทที่ลานจอดรถวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สิบโมงเช้าลานจอดรถกว้างยังมีที่ว่างคนมาเที่ยววัดยังบางตา ร้านค้าแผงลอยที่ตั้งเรียงเป็นแนวยาวตรงทางเข้าวัดคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวซื้อของฝาก เสียงประกาศตามสายทางวัดให้นักท่องเที่ยวรู้ว่าทางวัดจัดงานบริเวณไหน และเชิญชวนให้ทุกคนร่วมทำบุญสร้างศาลาหลังใหม่ ภายในวัดบรรยากาศคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาเป็นครอบครัวเป็นส่วนใหญ่ บริเวณลานวัดมีคนกำลังช่วยกันก่อกองทรายเป็นรูปเจดีย์และใช้ธงปักหลากสีปักตกแต่งให้สวยงาม เทนนิสอุ้มบู้ลิ้มขึ้นเพราะกลัวจะหลงทางเพราะเจ้าตัวเล็กมัวแต่เหลียวมองโน่นมองนี่ บู้ลิ้มตัวเล็กถูกอุ้มก็ยิ้มดีใจเพราะสามารถมองเห็นรอบรอบชัดเจนกว่าเดิมแล้วก็ไม่ต้องกลัวหลงด้วย ตากลมเล็กมองไปเห็นอะไรก็สงสัยไปหมดเลยต้องกระซิบถามพี่ชายข้างบ้าน เทนนิสเดินคู่ไปกับธีรภัทรบู้ตึ้งที่ถูกคุณอาอุ้มเรียกน้องชายให้ดูตรงโน้นตรงนี้ ทั้งสองเดินตามทางที่มีป้ายเขียนบอกไว้จนมาถึงทางเข้าโบสถ์มีรองเท้าวางไว้เต็มหน้าประตู เทนนิสจูงมือแฝดเข้าไปข้างในหาที่วางนั่ง เขาบอกให้เด็กเด็กก้มกราบพระประธาน และอธิษฐานในใจ กราบพระเสร็จเรียบร้อยแล้วออกมาด้านนอก ข้างโบสถ์ทางวัดยกพระพุทธรูปมาไว้ให้พุทธศาสนิกชนมาสรงน้ำ ธีรภัทรอุ้มหลานชายขึ้นจับมือเล็กให้ถือขันตักน้ำสำหรับสรงน้ำพระ แล้วสรงน้ำพระพุทธรูปทีละรูป มีเทนนิสอุ้มบู้ลิ้มเดินตามมาด้านหลัง จากนั้นเทนนิสชวนทุกคนไปก่อกองทราย ทุกคนเห็นด้วยแล้วตรงไปลานวัดมีกองทรายที่ทำก่อเสร็จแล้วหลายกอง บู้ตึ้งบู้ลิ้มเห็นคนอื่นทำอยากทำบ้างรีบเดินไปหาที่ว่าง สองแฝดสนุกกับการก่อกองทราย มีเทนนิสช่างถ่ายรูปจำเป็นเก็บรอยยิ้มของสองแฝดไว้ ส่วนธีรภัทรช่วยเด็กๆก่อกองทรายสายตาก็มองเทนนิสไปด้วย เขารู้สึกวันหยุดสงกรานต์ปีนี้ไม่รู้สึกเหงาเหมือนปีก่อนๆ เป็นวันหยุดที่สนุกอีกวัน 
“พี่ธีร์ผมวว่าพวกเรากลับดีกว่า ดูสองแฝดเหงื่อเต็มตัวแก้มแดงหมดแล้ว ผมกลัวว่าจะป่วยเอา”ไม่อยากใช้เวลาวันหยุดที่เหลือกับไข้หวัด เขาหยิบทิชชู่เปียกออกมาจากกระเป๋าสะพายเช็ดหน้าให้บู้ลิ้มบู้ตึ้ง ขนาดผู้ใหญ่ยังร้อนแต่เด็กสองคนยังเล่นทรายอย่างสนุกโดยไม่บ่นว่าร้อนสักคำ สงสัยจะห่วงเล่นจนลืมร้อน พี่ธีร์อีกเหงื่อจะท่วมตัวอยู่แล้วยังเล่นกับหลานเฉยเลย”ทิชชู่เช็ดเหงื่อครับ”เขายื่นทิชชู่ให้คนตัวโต ธีรภัทรขอบคุณแล้วรับมาเช็ดเหงื่อรู้สึกสบายขึ้น
“หิวกันรึยัง ไปหาอะไรกินกัน”ธีรภัทรมองใบหน้าขาวที่มีเหงื่อเกาะอยู่ที่หน้าผากและไรผมชื้นไปด้วยเหงื่อ
“ปืนฉีดน้ำ ปืนฉีดน้ำ อาธีร์ซื้อปืนฉีดน้ำ”บู้ตึ้งเดินมาเกาะขาคุณอาเตือนคำสัญญาที่บอกก่อนหน้านี้ว่าพาไปซื้อ
“ไปกินข้าวที่ห้างแถวนี้ไหมครับ จะได้ซื้อปืนฉีดน้ำด้วย”
สองแฝดได้ยินว่าจะไปซื้อปืนฉีดน้ำก็ดีใจเลิกสนใจกองทราย เทนนิสช่วยปัดทรายอยู่บนเสื้อผ้าเด็กเด็กแล้วพาไปขึ้นรถ
บ่ายโมงกว่าทั้งสี่คนเข้าไปในร้านไก่ทอด ปกติคนจะเต็มร้านแต่วันนี้คนบางตา เทนนิสอาสาไปซื้อไก่บู้ตึ้งอาสาไปด้วยธีรภัทรหยิบเงินเทนนิสแต่เขาปฏิเสธ ตั้งแต่ไปพักกับธีรภัทรเขาแทบไม่ได้ใช้เงินแค่ซื้อไก่ทอดไม่อยากรบกวน เขาจูงมือบู้ตึ้งไปที่เค้าเตอร์ที่ว่างอยู่ บู้ตึ้งบู้ลิ้มอยากกินไก่ทอดกับเฟรนฟราย เขาสั่งไก่ทอดสำหรับกินสองคน ชุดข้าวสองชุดให้ธีรภัทรกับตัวเองและของกินเล่นสองสามอย่าง อาหารครบจ่ายเงินเรียบร้อยเขาถือถาดกลับมาที่โต๊ะ สองแฝดก็ลงมือกินไก่จนแก้มเลอะท่าทางจะหิวมาก เทนนิสช่วยฉีกไก่ให้สองแฝดและตักข้าวป้อนด้วยจะได้ไม่เจ็บท้อง ธีรภัทรมองคนตรงหน้ากับเด็กเด็กที่อ้าปากให้พี่ชายข้างป้อนข้าวแล้วยิ้มความรู้สึกเหมือนเป็นครอบครัวยังไงไม่รู้ เขาหยิบไก่ทอดให้คนที่ป้อนข้าวเด็กเด็ก เทนนิสขอบคุณแล้วหยิบไก่ทอดใส่จานให้ธีรภัทรกลัวอีกฝ่าย กินไก่ทอดจนอิ่มธีรภัทรก็พาสองแฝดไปซื้อปืนฉีดน้ำตามที่สัญญา แต่เดินออกจากร้านไม่นานมีสาวสวยเดินเข้ามาทัก
“คุณธีรภัทร สวัสดีค่ะ บังเอิญจังเลยมาเที่ยวหรอคะ”ปรีญารัตนเดินยิ้มเข้ามาชายหนุ่ม เธอรีบเดินตามหลังอีกฝ่ายมาตั้งแต่หน้าร้านไก่ทอด
“ครับ”รู้สึกช่วงนี้เขาจะเจอผู้หญิงคนนี้บ่อยมาก ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกที่ร้านอาหาร
“เปรียวโทรไป คุณไม่ค่อยว่างรับโทรศัพท์เลย ช่วงนี้คงยุ่งเพราะสินค้าตัวใหม่รีเปล่าคะ”
“ครับ”เขาไม่รู้ว่าเธอได้เบอร์ติดต่อเขามาได้ยัง ถึงจะเป็นเบอร์ใช้สำหรับติดต่องานก็ตาม
เทนนิสเห็นอีกฝ่ายกำลังคุยกับสาวสวยเขาจึงจะรีบขอตัวจูงสองแฝดไปถ้าอยู่ด้วยกลัวจะรบกวนทั้งสอง แต่ธีรภัทรจับต้นแขนเขาไว้ห้ามไม่ให้ไป เขาจึงได้ยืนฟังทั้งสองคุยกัน แต่สายตาของหญิงสาวมองมาที่เขาเหมือนจะบอกว่าเขาไม่มีมรรยาทที่ยืนอยู่ตรงนี้ ไม่รู้ว่าทั้งสองคนนี้เป็นอะไรกัน เป็นแฟนกันรึเปล่าแต่ไม่เคยเห็นธีรภัทรออกไปกับผู้หญิงคนไหนและไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนมาที่ห้อง ในห้องก็ไม่มีรูปผู้หญิง แล้วเธอคนนี้เป็นใครแต่ดูท่าทางของเธอที่แสดงออกใครก็รู้ว่าเธอชอบผู้ชายไร้อารมณ์คนนี้
ปรีญารัตนมองเทนนิสที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆธีรภัทร ไอ้เด็กนี่เป็นใครแล้วเลื่อนสายตาไปเด็กแฝดหน้าตาคล้ายธีรภัทร“นี่หลานของคุณหรอคะ หน้าตารักน่าเอ็นดู ชื่ออะไรกันบ้างคะ”เธอยืนมือไปจับแก้มบู้ลิ้ม บู้ลิ้มถอยหนีไม่ชอบให้คนที่ไม่รู้จักมาจับตัว ปรีญารัตนรู้สึกเสียหน้าที่เด็กไม่ชอบเธอแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่แอบด่าในใจว่าไอ้เด็กบ้านี่ถ้าไม่ใช่ฉันชอบอาแกฉันก็ไม่สนใจแกหรอกนะ
ธีรภัทรรู้นิสัยหลานชายทั้งสองดี โดยเฉพาะบู้ลิ้มที่ไม่ชอบให้ใครเข้าใกล้ใครง่ายง่าย”ถ้ายังไงผมขอตัวก่อนนะครับจะพาหลานหลานไปซื้อของ”   
“เอ่อ...”เธอยังไม่ทันพูดต่อธีรภัทรก็จูงมือบู้ตึ้งจับแขนเทนนิสเดินไปไม่ฟังเธอ ให้ตายเถอะผู้ชายคนนี้โง่หรือบ้ากันแน่เธอแสดงออกชัดเจนขนาดนี้ยังไม่สนใจเธออีก ผู้ชายเฮงซวยเธอกระทืบเท้าลงพื้นระบายอารมณ์ไม่พอใจ เอาเถอะคราวหน้ายังมี เธอเชิดหน้ารูปหน้ารูปไข่ขึ้นหันหลังกลับแล้วเดินกลับไปที่ร้านอาหารอิตาเลี่ยนที่เดินนั่งอยู่เมื่อครู่   



********************************************
โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ ] 10/02/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 28-02-2017 20:36:59
ธีรภัทร เริ่มหลงเสน่ห์เทนนิส แล้ว
แต่เด็กๆ บู๊ลิ้ม บู๊ตึ๊ง หลงมานานแล้ว
เปรียวปรีญารัตน ตื๊อจัง น่าเบื่อ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 10] 15/03/2560
เริ่มหัวข้อโดย: jaengsRU ที่ 15-03-2017 17:53:52


ตอนที่ 10
[/size]

เช้าวันจันทร์หลังวันหยุดยาวห้าวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว พักผ่อนอย่างเต็มที่ทุกคนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติมาเผชิญกับปัญหารถบนท้องถนนกลับมาติดเหมือนทุกวัน เผชิญกับความเร่งรีบแข่งกับเวลา หลายบริษัทหลายร้านค้าก็กลับมาเปิดทำการตามปกติ แต่หยุดงานไปนานหลายวันทำให้วันแรกของการทำงานหลายคนรู้สึกเบื่อหน่าย หลายคนบ่นอยากหยุดต่ออีกสองสามวัน เทนนิสเข้าไปในห้องครัวกดน้ำดื่มเย็นใส่กระบอกน้ำ พนักงานหลายคนกำลังเล่าเรื่องที่ไปเที่ยวช่วงวันหยุดกับครอบครัว กับคนรักจนคนฟังต้องอิจฉา บางคนมีของฝากติดไม่ติดมือมาฝากเพื่อนร่วมงานด้วย นึกถึงบู้ตึ้งบู้ลิ้มบอกว่าคุณครูให้การบ้านให้วาดรูปว่าวันหยุดสงกรานต์ไปเที่ยวที่ไหนมาบ้าง เขานั่งดูเด็กๆวาดรูปตามจินตนาการก็แอบยิ้มหัวเราะภาพหน้าตาประหลาดที่ทั้งสองวาดออกมา วันสงกรานต์วันที่สองตอนบ่ายๆเขาและเพื่อนเพื่อนออกไปเล่นน้ำที่ถนนในเมือง สองช่วงไฟแดงถนนถูกปิดไมให้รถผ่านมีตำรวจ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำทางเข้าคอยอำนวยความสะดวกป้องกันมิจฉาชีพเข้าไปปะปนกับนักท่องเที่ยวล้วงกระเป๋ากรีดกระเป๋า ทุกปีเป้าหมายจะเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ จึงได้มีป้ายประกาศเตือนติดไว้ตรงทางเข้า พวกเขาเดินตั้งแต่ต้นถนนเข้าไปแบกปืนฉีดน้ำเข้าไปคนละกระบอก สองข้างทางเป็นร้านค้าแผลงลอยบนฟุตบาทที่เช่าที่ขายของและบางบริษัทเช่าที่จำหน่ายสินค้า ยิ่งเย็นคนออกมาเล่นน้ำยิ่งเยอะ กว่าจะเดินถึงทางออกตัวเปียก หนาวจนสั่น มือเปื่อยปากเขียวกันหมด สภาพแต่ละคนดูไม่ได้ กลับถึงบ้านต้องกินยา เทนนิสที่ปกติร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงเช้าวันต่อมามีไข้ ตกลงสงกรานต์สามวัน วันแรกไปไหว้พระ วันที่สองไปเล่นน้ำ วันที่สามนอนป่วย ส่วนวันหยุดอีกสองวันนอนอ่านนิยาย ดูหนังดูการ์ตูนอยู่บ้านสบายใจโดยมีบู้ตึ้งบู้ลิ้มสายไหม มาป่วนกับเจ้านายมาเล่นเป็นเพื่อนที่บ้านพร้อมของกินอร่อย เสียดายเหมือนกัน ไม่ได้เล่นน้ำวันสุดท้ายแต่เอาไว้ปีหน้ารับรองไม่พลาดแน่นอน เขาเดินกลับที่โต๊ะดูงานบนโต๊ะมีอะไรบ้าง หยุดงานไปหลายวันไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นตรงไหนดี แล้วก็ได้ยินเสียงบ่นแว่วมา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครเป็นพูด
“ไม่ชอบวันจันทร์เลย”กวินทร์วางกระเป๋าเอกสารลงบนโต๊ะทำงาน แล้วเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์เตรียมทำงาน
“หวัดดีพี่ วันหยุดไปเที่ยวที่ไหนมาพี่”เทนนิสโผล่หน้ามาจากฉากกั้น ทักทายรุ่นพี่ทำหน้าอารมณ์ไม่ดีแต่เช้า
“แถวนี้แหล่ะ ไม่ได้ไปไหนไกลหรอก ตอนแรกว่าจะไปทะเลแต่ที่พักถูกจองเต็มหมด ไม่พอที่ยังเหลือก็แพง ไม่อยากกลับมาต้มมาม่า แล้วแกล่ะ ไปเที่ยวกันที่ไหน”
“ถนนหน้าห้างพี่ คนเยอะมากเลย”
“อ้อ เห็นออกข่าวเหมือนกัน”
ทั้งสองคุยกันสักพักสัญญาณเข้างานก็ดังขึ้น เทนนิสกลับไปทำงาน ไม่ใช่พนักงานประจำงานที่ทำส่วนใหญ่จะช่วยงานตามแผนกต่างต่างมากกว่า เข้าแผนกนั้นออกแผนกนี้ตลอดเช้า ในออฟฟิตนักงานหลายคนยังคุยเรื่องที่แต่ละคนไปเที่ยวพักผ่อนช่วงวันหยุดยาว บางคนบ่นว่าไปเที่ยวทะเลจนแดดเผาครีมกันแดดราคาแพงก็เอาไม่อยู่ตอนเย็นต้องไปคลินิกหมอซื้อครีมมาทา รุ่นพี่หลายคนเรียกเทนนิสไปเอาของฝากเป็นของตอบแทนที่ช่วยทำงาน ใกล้ถึงเวลาพักเที่ยงเขากลับมาพักที่โต๊ะเห็นวีร์นั่งรออยู่
“ได้ของฝากเพียบเลย แบ่งบ้างดิ”
“ไปนั่งกินในครัวเถอะ”เขาเดินเข้าไปในห้องครัวมีพนักงานเข้ามานั่งพักสองสามคน”หยุดไปหลายวันกลับมาทำงานแล้วเป็นขี้เกียจยังไงไม่รู้ ตอนทีร้านไก่ทอดแทบไม่ได้หยุด”
“อันนั้นก็เรียนไปด้วยทำงานไปด้วย แล้วไม่สบายหายแล้วหรอ”มองหน้าเพื่อนอย่างเป็นห่วง
“นอนพักวันสองวันก็ดีขึ้นแหล่ะ เป็นไงวันสุดท้ายไปเที่ยวเป็นไงบ้าง”
“ไม่ได้ไปเหมือนกัน ของฝากจากใครบ้างอร่อยดี”
“ไม่รู้เหมือนกันพี่พี่เขาให้มา เที่ยงแล้วไปหากินเถอะเดี๋ยวคนจะเยอะไปกินข้าวไก่มันร้านเดิมได้เยอะดี”
ทั้งสองเดินออกจากออฟฟิตตรงไปร้านข้าวมันไก่เจ้าประจำ ช่วงกลางเดือนร้านอาหารราคาถูกเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับพนักงานออฟฟิต ยิ่งกลับมาจากเที่ยวหลังวันหยุดยาวสภาพคล่องทางการเงินในกระเป๋าต้องคำนวณให้ดี ร้านข้าวมันไก่วันนี้คนในร้านแน่กว่าเดิมแต่ก็ยังพอมีที่นั่งเหลืออยู่ ได้ที่นั่งแล้วทั้งสองสั่งแบบพิเศษคนละจานแล้วลุกไปตักน้ำซุปคนละถ้วย ไม่นานข้าวมันไก่เนื้อเยอะๆข้าวน้อยน้อยก็มาวางอยู่บนโต๊ะ อืม ไม่ได้กินนานแล้วรสชาติยังอร่อยเหมือนเดิม
“คุยกับพี่ปาลหรอ”เทนนิสมองเพื่อนก้มหน้าจิ้มตัวหนังสือส่งข้อความกลับ อ่านข้อความที่ส่งมาแล้วยิ้มท่าทางเพื่อนเขาจะเป็นเอามาก คงจะยังไม่รู้ใจตัวเอง
“อืม”
“เป็นอะไรรึเปล่า เห็นคุยกันตลอดยังกะไม่ได้เจอหน้ากัน”
“หมายความว่ายังไง”วีร์เงยหน้าขึ้นจากหน้าจอมองเพื่อน ไม่เข้าใจที่เพื่อนพูด
เทนนิสเลิกขึ้นคิ้วแล้วยิ้มความรู้สึกช้า อย่างนี้มันต้องกระตุ้นซะหน่อย“รู้ตัวรึเปล่าว่าพี่ปาลชอบแกมากกว่าน้องชาย”พูดแล้วสังเกตดูสีหน้าท่าทางเพื่อนจะแสดงสีหน้ายังไง
คนได้ฟังหัวเราะออกมาเบาเบาอย่างไม่ใส่ใจคิดได้ยังไงว่าปาลภัทรจะชอบเขา“ไม่มั้ง มีผู้หญิงหน้าสวยสวยเข้ามาตลอดจะมาสนใจผู้ชายทำไม” เพื่อนเขานี่คิดอะไรแปลกแปลกไปได้
“ถ้าลองสังเกตดูหลายๆอย่างฉันคิดว่าใช่ พี่น้องกันคงไม่ส่งข้อความมาถามหรอกนะว่า ทำอะไร กับใคร ที่ไหน กินข้าวรึยัง...จริงไหม”
“ไม่รู้เหมือนกัน”วีร์วางมือถือลง สงสัยว่าเพื่อนรู้ได้ไงว่าปาลภัทรส่งข้อความมาถามประมาณนี้
“คนตาบอดก็ดูออกพี่ปืนก็ไม่เห็นเป็นอย่างนี้เลย” จะบอกว่าเพื่อนเขาน่ารักแล้วพี่ชายหวงแต่มันผู้ชายนะ ไม่ได้อ่อนแอเหมือนหน้าตา วันหลังต้องพาไปกินก๊วยเตี๋ยวปลาร้านข้างๆแล้ว เผื่อจะได้ฉลาดขึ้นบ้าง
“แล้วฉันต้องทำยังไง”เขาที่ไม่เคยเข้าใจเจตนาอีกฝ่ายก็รู้สึกว่าปาลภัทรรู้สึกเหมือนที่เพื่อนบอก เขาไม่ได้รู้สึกรำคาญ มีความสุขทุกครั้งได้อยู่ใกล้ๆ ชอบเมื่ออีกฝ่ายดูแลใส่ใจเห็นความสำคัญ รู้สึกไม่พอใจบ้างที่เห็นผู้หญิงคนอื่นเข้าใกล้แสดงท่าทีว่าชอบปาลภัทร แบบนี้เขาเรียกว่าหวงรึเปล่า
“ทำยังไง ถามใจตัวเองดิ แกชอบเขารึเปล่าถ้าไม่ชอบก็ปฏิเสธ ถอยออกมาก็เท่านั้นไม่เห็นยาก”
“ละ..ละ..แล้ว แล้ว ถ้าชอบล่ะ”
“ฮึ ฮึ มันก็ไม่ยาก”คำพูดนี่แหล่ะเขาอยากได้ยิน ถ้าเพื่อนชอบเขาก็พร้อมสนับสนุน พี่ปาลก็เป็นคนดีคนหนึ่งหวังว่าจะไม่ทำให้เพื่อนเขาเสียใจ 

   เดือนเมษายนที่ร้อนที่สุดในรอบปีผ่านไปเข้าสู่ต้นเดือนมิถุนายนฝนเริ่มตกมาบ้าง แต่อากาศก็ยังร้อนอบอ้าวเหมือนทุกวัน โรงเรียนเปิดเรียนแล้วตามปกติตั้งแต่กลางเดือนที่ผ่านมาทำให้รถติดมากกว่าเดิมในช่วงเช้าและช่วงเย็น โฆษณาเปิดตัวสินค้าของบริษัทออกอากาศในเดือนที่ผ่านมา หลังจากนั้นเทนนิสและวีร์ออกไปช่วยแผนกการตลาดออกสำรวจข้อมูลสินค้าตัวใหม่ ผ่านการแจกแบบสอบถามตามโรงเรียน หน้าห้างสรรพสินค้า มหาวิทยาลัย และแบบสอบถามระบบออนไลน์ ผลการรวบรวมผลสำรวจเบื้องต้นได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ผลสะท้อนจากลูกค้าหลังจากได้ลองกินสินค้าใหม่จากผลสำรวจของบริษัทกลุ่มอายุ 17 -25 ทั้งชายหญิงต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ารสชาติดีถูกปาก สอดคล้องกับยอดจำหน่ายสินค้าในร้านสะดวกซื้อ ผลสำรวจที่ออกมาออกมาทำให้คนทำงานยิ้มได้ หลายคนแอบคิดว่าถ้ายอดขายยังพุ่งขึ้นจะมีผลต่อโบนัสปลายปีแต่ก็ยังเอาแน่เอานอนกับเศรษฐกิจไทยไม่ได้ ที่ทำได้คือตั้งใจทำงาน
ผลการประกวดแผนงานฉลองเข้าสู่ปี่ที่ 6 ประกาศผ่านทางอินทราเน็ตของบริษัท เทนนิสได้รับรางวัลที่หนึ่งหลายคนประหลาดใจที่แผลงานนี้เป็นของนักศึกษาฝึกงาน หลายคนอิจฉาบ้าง แต่เทนนิสก็เงียบไว้ไม่นานคนก็เลิกสนใจ ทำงานมาได้ระยะหนึ่งเขาก็เริ่มเข้าใจในบริบทของบริษัทเริ่มคุ้นเคยการทำงานหลายรูปแบบที่ไม่มีสอนในห้องเรียนจนบางครั้งทำให้รู้ว่าสิ่งที่เรียนในห้องเรียนนำมาใช้ได้ในชีวิตแค่ส่วนหนึ่งอีกส่วนหนึ่งคือประสบการณ์หรือสิ่งที่เรารู้ได้จากชีวิตจริงเป็นความรู้ที่ไม่มีที่สิ้นสุดสามารถเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต
เทนนิสยังพักอยู่กับเจ้านายช่วยทำกับข้าวทำความสะอาดห้องหรือช่วยทำอะไรที่พอช่วยได้ แทนการจ่ายค่าเช่าห้องเพราะเจ้าของห้องไม่รับ เว็บไซด์ขายของออนไลน์ของเป็นเอกเปิดตัวแล้วโดยมีเป้และเทนนิสช่วย แต่ยังไม่ที่รู้จักมากเท่าไหร่ เลยต้องอาศัยพลังของการโฆษณาผ่านทางสื่อออนไลน์เข้ามาช่วยผลออกมายังไงต้องรออีกสักพัก อีกห้านาทีเที่ยงตรงเทนนิสปิดหน้าจอลงเตรียมออกไปพัก 
“เทนนิสเย็นวันศุกร์ไปดูบอลไหม พี่ได้บัตรมาหลายใบ”กวินทร์เกาะที่ฉากกั้น วางบัตรเข้าดูฟุตบอลหลายใบลงบนโต๊ะยืนยันว่าเขาได้มาหลายใบจริง
“โห พี่ไปเหมาเขามาหรอ”เห็นบัตรดูฟุตบอลหลายใบแล้วหยิบขึ้นมาดู นี่ได้พี่แกจะซื้อมาขายต่อรึไง
“เปล่าหรอกเพื่อนมันถูกขอให้รับมา มันขอให้ช่วยซื้อก็เลยช่วยช่วยกัน แต่จะให้เอามาขายต่อไม่กล้าอีกอย่าในออฟฟิตคงไม่มีใครสนใจอยากจ่ายเงินไปเชียร์ติดขอบสนามเหมือนพี่หรอก”
“มีกี่ใบพี่ ใบละเท่าไหร่เดี๋ยวผมสวมวิญญาณเป็นเซลแมน ไปขายให้พี่พี่แถวนี้เอง”
“จริงหรอช่วยได้มากเลย ถ้าขายได้พี่จะให้แกฟรีเลยสองใบราคาตามบัตรเลย”
“บัตรอะไรพี่กวินทร์”
“นี่ไงพี่ลูกค้าคนแรกมาแล้ว สนใจไปดูฟุตบอลทีมชาติไทยกับทีมชาติญี่ปุ่นไหมน้องชายบัตรใบละ 300”
“แพงอะ ใครให้เอามาขาย”
“นี่ไง ยืนหล่ออยู่นี่ไงเจ้าของ”
เทนนิสบอกให้วีร์ช่วยซื้อวันศุกร์ตอนเย็นจะได้ไปดูบอลด้วยกัน อาจจะไม่สนุกเหมือนดูคอนเสิร์ตแต่หาโอกาสสักครั้งไปดูก็น่าจะดี ช่วงบ่ายหลังจากพักเทนนิสถามพี่พี่มีใครสนใจบ้าง “มีสาวสาวหนุ่มหนุ่มคนไหนอยากซื้อบัตรไปดูกับคนรักรึเปล่าครับ” ประสบการณ์ขายของมาหลายปีช่วยให้เขาขายบัตรเกือบยี่สิบใบหมดก่อนเลิกงาน เขามองซ้ายมองขวาถ้าเจ้านายรู้ว่าเอาเวลางานมาขายของนี่ต้องถูกเขียนรายงานไปที่มหาวิทยาลัยแน่นอน แต่อย่างน้อยก็ได้บัตรมาฟรีสองใบว่าแต่อีกใบชวนใครไปดีนะ กำลังนั่งคิดอยู่ก็เห็นน้องรหัสคนสวยเดินยิ้มมาหา
“น้องธารเย็นวันศุกร์ไปดูฟุตบอลกับพี่ไหม”
“เย็นวันศุกร์ ธารไม่ว่างมีนัดแล้วค่ะ”
“ให้ได้อย่างนี้สิ เห็นแฟนดีกว่าพี่รหัสจำไว้เลย”
 ธารรพีหัวเราะท่าทางน้อยใจของพี่รหัส แต่ก็คิดได้ว่าพี่รหัสสุดหล่อของเธอน่าจะชวนใครไปดูฟุตบอลด้วย พี่ชายตายด้านของเธอถ้าได้ไปดูฟุตบอลต้องรู้สึกขอบใจเธอแน่นอน มีโอกาสทำคะแนนดีขนาดนี้อย่าพลาดละพี่ชาย
เสียงสัญญาณเลิกงานพนักงานทยอยกลับธารรพีขอตัวกลับก่อนวันนี้มีคนมารับมากินข้าว เทนนิสฟังแล้วก็เข้าใจว่าเป็นใคร พี่ชายที่รัก น้องชายมาฝึกงานที่นี่ทั้งคนไม่สนใจมาหา มีแต่โทรมากับส่งข้อความมา ว่าแต่ไปชวนเจ้านายไปดูบอลแล้วเขาจะไปหรอ เอาเถอะลองดูก็เสียไม่หลาย เขาเดินไปเคาะประตูห้องท่านประธานถ้าเป็นเวลาทำงานเขาไม่อยากจะมาเหยียบที่ห้องนี้เลยให้เดินผ่านเฉยเฉยยังไม่อยาก เคาะประตูสองสามครั้งเสียงคนข้างในบอกให้เข้าไปได้ ธีรภัทรเห็นคนเคาะประตูห้องเปิดประตูเดินเข้ามาเขาวางกระเป๋าเอกสารลง”มีอะไรรึเปล่า”
“เอ่อ เย็นวันศุกร์นี้ผมว่าจะชวนพี่ธีร์ไปดูบอล พอดีว่าได้บัตรมาฟรีสองใบ”เขาสังเกตท่าทางอีกฝ่ายยังเงียบแล้วพูดต่อ “ไปเปิดหูเปิดตาบ้างทำงานเหนื่อยมาทั้งสัปดาห์”
“ไปสิ”ธีรภัทรยิ้ม นี่เด็กนี่ชวนเขาออกเดตหรอ ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนมาชวนออกเดตแต่ครั้งนี้รู้สึกดีใจ รีบตอบตกลงเกือบทันที เป็นการออกเดตที่แมนมากดูฟุตบอลที่สนามกีฬาแห่งชาติ
   หลังเลิกงานสวนสาธารณะเป็นอีกทางเลือก ให้ชีวิตคนเมืองหลวงออกมาเดินเล่นออกกำลังกายเป็นเรื่องดี บางคนออกเต้นแอโรบิคตามจังหวะเสียงเพลงมีคนเต้นนำอยู่บนเวที บางคนออกมาเดินสูดอากาศจูงหมามาเดินเล่นหรือปั่นปั่นจักรยานละลายไขมันส่วนเกิน เครื่องออกกำลังหลายเครื่องในสวนสาธารณะก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน ธีรภัทรชวนเพื่อนร่วมห้องออกมาวิ่งออกกำลังกาย นานแล้วที่ไม่ได้ออกมาวิ่งสูดเอาอากาศบริสุทธิ์ตอนเย็น เขาวิ่งรอบสระน้ำครบสามรอบเดินเข้าไปหาคนที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ที่ม้านั่งมองไปที่ลานเต้นแอโรบิค
“ยิ้มอะไรอยู่คนเดียว”
“คือผมเห็นหลายคนเต้นตามไม่ทัน บางคนเต้นไม่เข้าจังหวะคิดว่ามีแค่ผมคนเดียวที่เป็นอย่างนั้น ที่แท้ก็มีคนอื่นที่เป็นเหมือนกัน”
“อืม”
เทนนิสเดินรอบสระแค่รอบเดียวก็เหนื่อยแล้ว นี่เจ้านายวิ่งตั้งสามรอบเก่งมาก เห็นเจ้านายกลับมาพร้อมเหงื่อเต็มหน้าเขายื่นผ้าเช็ดตัวผืนเล็กกับน้ำเปล่าให้ “ขอบคุณ”ธีรภัทรรับผ้าเช็ดหน้ากับน้ำเย็นมาเช็ดเหงื่อเขาจำได้ว่าผ้าเช็ดหน้าไม่ใช่ของเขา เขาไม่ได้หยิบมาด้วย ผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กนี่หอมมีกลิ่นเจ้าของติดมาด้วย มีคนมาออกกำลังกายเป็นเพื่อนนี่ก็ดีไปอีกแบบ มองดูท้องฟ้าเริ่มมืดแล้วมีลมเย็นเย็นพัดมา ทั้งสองกลัวฝนจะตกจึงรีบกลับห้อง
   บ่ายแก่กลางสัปดาห์อากาศร้อนอบอ้าวมองไปนอกหน้าต่างท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆสีเทา ช่วงนี้กำลังเปลี่ยนฤดูอากาศเอาแน่เอานอนไม่ได้เมื่อเช้าท้องฟ้ายังโปร่งแดดแรงเหมาะแก่การตากผ้า แต่ตอนนี้กลับมืดครึ้มไม่แน่อีกไม่ถึงสองชั่วโมงฝนอาจจะตกลงมา ตอนนี้เทนนิสทำงานเสร็จแล้วนั่งเบื่ออยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ จ้องหน้าจอจนหน้าจะเป็นสี่เหลี่ยมอยู่แล้ว วันนี้ทั้งวันเจ้านายกับคุณเลขาออกไปประชุมข้างนอกเกี่ยวกับเรื่องจะมีคณะกรรมการจากส่วนกลางของกระทรวงสาธารณสุขเข้าตรวจเยี่ยมโรงงาน เขาช่วยทำข้อมูลเอกสารเสร็จแล้วเรียบร้อยเหลือแต่รอให้เจ้านายมาดูว่าพอใจรึเปล่า ขณะกำลังนั่งคิดอะไรเพลินโทรศัพท์มีเบอร์แปลกโทรเข้ามา ใครโทรมาเบอร์นี้ไม่คุ้นเลยด้วยความอยากรู้เขากดรับ
“สวัสดีครับ”พูดแล้วรอฟังเสียงปลายสายตอบกลับมาไม่กี่ประโยคก็รู้ว่าใครโทรมา นี่วันนี้พายุจะเข้าเมืองหลวงหรือใกล้วันสิ้นโลกกันแน่ เขากดวางสายแล้วเดินออกบริษัท ไปที่ร้านกาแฟที่อยู่ห่างไปสองช่วงตึก Wizard หน้าร้านตกแต่งได้เหมือนชื่อร้าน อืม จะว่ายังไงดีเลือกร้านได้เข้ากับคนจริงจริง ผลักประตูเข้าไปข้างในคนที่เรียกเขาออกมากำลังนั่งอยู่และมองมาที่เขา
“สวัสดีครับ”เขานั่งฝั่งตรงข้ามชายสูงอายุ สวมสูทราคาแพงนั่งหน้านิ่งสายตามองมาที่เขาอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์
“อืม ไม่ได้เจอกันนาน แกยังเหมือนเดิมไม่ใช่สิต้องบอกว่าแกเหมือนพ่อกับแม่แกมาก”
“ก็ผมลูกพ่อแม่ลูกแม่นิครับ คุณก็ยังเหมือนเดิม”ยังดูเป็นคนเห็นแก่ตัวเหมือนเดิม ทั้งคำพูดและท่าทาง เขายังจำได้ว่าเจอกับผู้ชายคนนี้กันครั้งล่าสุดคงเป็นหลังงานศพพ่อกับแม่ จากนั้นก็ไม่ได้เจอกันอีก ที่จริงก็ต้องพูดว่าอย่าเจอกันอีกเลยน่าจะถูก
“ยังปากดีไม่เปลี่ยน”ไอ้เด็กเหลือขอนิสัยแย่เหมือนพ่อกับแม่แกไม่มีผิด ทำไมใครถึงได้ชอบแกนัก
“ขอบคุณครับ ยังไงผมขอสั่งเครื่องดื่มหน่อยนะครับพอดีเดินมาไกล อากาศร้อนด้วย”เทนนิสลุกขึ้นจากโต๊ะไปที่เคาเตอร์สั่งเครื่องดื่มเย็นเย็นแล้วกลับมานั่งที่โต๊ะเดิม
“เข้าเรื่องเลยดีกว่าครับ ที่คุณต้องการพบผม คงไม่ได้ต้องการมาดูว่าผมสบายดีหรือเปล่า”
“ฉันอยากให้แกเลือกยุ่งกับลูกชายของฉัน”
“แต่นั่นพี่ชายผม ผมแค่อยากช่วยให้เขามีโอกาสเลือกความสุขของเขาเองเท่านั้น”
“โดยการที่ทำให้แพรพรรณคิดว่าพี่ชายแกชอบผู้ชายด้วยกันอย่างนั้นหรอ”
“แล้วแต่คุณจะคิด”แสดงว่าผู้หญิงคนนั้นเอาเรื่องนั้นไปฟ้องผู้ใหญ่จริงจริงด้วย แผนของเขาได้ผลเกินคาด
“Happy Mall กำลังจะแย่ครอบครัวของแพรพรรณจะทำให้มันดีขึ้น”
“โดยการบังคับให้ลูกชายไปแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก คุณก็ยังเห็นแก่ตัวเหมือนเดิม”
“ใช่ ถ้าพ่อแกไม่ไปคว้าผู้หญิงที่ไหนไม่รู้อย่างแม่แกมา Happy Mall ก็จะไม่เป็นเหมือนทุกวันนี้”
“อ้อ”ทุกอย่างเป็นความผิดของครอบครัวเขานี่เอง ขอบคุณที่ความกระจ่าง ความเป็นคนนี่เขาวัดจากฐานะทางการเงินกันนี่เอง เขายิ้มเยาะให้โชคชะตาของตัวเองและก็ดีใจที่พ่อของเขาเลือกความรักนั่นทำให้รู้ว่าพ่อมีหัวใจ
“หุ้น 5% ฉันจะให้แก แลกกับอย่ายุ่งเรื่องนี้”
“ ฮึ ฮึ ผมว่าคุณคงเข้าใจอะไรผิด หรือบางที่ใช้ภาษาไทยไม่ถูกต้อง คุณต้องใช้คำว่า คืน ไม่ใช่คำว่า ให้ เพราะมันเป็นของพ่อผม“อติพจน์กำมือแน่นควบคุมอารมณ์ไว้
“ผมว่าแทนที่คุณจะมาเสียเวลากับคนอย่างผม เอาเวลาไปหาตัวการคอยปล่อยข่าวไม่ดีในบริษัทหรือเที่ยวไปเสนอขายหุ้น บางคนที่คุณไว้ใจมาตลอดอาจจะแว้งกัดได้ แก่แล้วสายตาอาจจะฟ้าฝางเลอะเลือนไปบ้างผมเข้าใจแต่อย่าเละเลือนนานจนสุดท้ายบริษัทที่คุณห่วงนักหวงหนาจะหายไป“
ไอ้เด็กนี่มันพูดบ้าอะไรของมัน ที่มันพูดหมายความว่ายังไง“แก..”ยังพูดไม่ทันจบอีกฝ่ายก็รีบพูดขึ้น
“ขอตัวนะครับ นาฬิกานี่ดังแล้วผมต้องไปรับเครื่องดื่มก่อน”เขาลุกขึ้นยิ้มให้คนสูงอายุที่ยังนั่งนิ่งไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ เดินไปไม่กี่ก้าวเขาหันกลับมาพูดอีกว่า”อ้อ พี่ชายผมเขามีคนที่ชอบแล้วและอุ่นใจผู้หญิงที่เขาชอบไม่ใช่ผู้หญิงที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า”เขาเดินไปรับเครื่องดื่มที่สั่งไว้แล้วเดินออกจากร้านด้วยความรู้สึกแย่ ใบหน้าเรียบเฉย แต่ในใจสับสนมีเรื่องราวมากมายให้คิด
มองนาฬิกาข้อมือเลยเวลาเลิกงานมาแล้วสิบห้านาที เจ้านายจะกลับมาแล้วรึยังนะไม่รู้ว่าเห็นงานที่เขาวางไว้บนโต๊ะแล้วถูกใจรึเปล่าหรือมีอะไรที่แก้ไข คิดได้แล้วเทนนิสรีบกลับขณะที่ใกล้จะถึงออฟฟิต ฝนก็เทลงมาแบบไม่ตั้งตัว ถึงที่ทำงานได้เขาก็ตรงเข้าห้องน้ำใช้ทิชชู่เช็ดหน้าเช็ดผมที่มีหยดน้ำเกาะอยู่ ส่วนเสื้อเขาถอดออกสะบัดสองสามครั้งแล้วอังเสื้อเปียกกับเครื่องเป่ามืออัตโนมัติ เสียงเครื่องเป่าดังจนไม่ได้เสียงใครเดินเข้ามา
ธีรภัทรเดินเข้ามาในห้องน้ำเห็นเทนนิสใช้เครื่องเป่ามือเป่าเสื้ออยู่ เท่านั้นไม่พออีกฝ่ายไม่สวมเสื้อ“ทำอะไรอยู่”
“เฮ้ย ตกใจหมด พอ...พอดีผมออกไปข้างนอกเปียกฝนนิดหน่อย”เขาตกใจไม่นึกว่าจะเห็นเจ้านายที่เดินเข้ามาในห้องน้ำ รู้สึกอายที่ถูกเจอในสบายที่แย่มองตามหลังอีกฝ่ายที่เดินหายเข้าในห้องน้ำห้องในสุด เขารีบพลิกเสื้อบริเวณที่เปียกให้ถูกลมร้อน ธีรภัทรกลับออกมาหยุดยืนอยู่หน้ากระจกเปิดน้ำล้างมือแต่สายคอยมองตามผิวขาวเหลืองที่ดูเนียน บริเวณต้นคอไหล่ไหปลาร้าไล่ลงมาถึงหน้าอกแบน เขาอยากใช้มือลูบไปผิวเนียนเนียนนั่นไม่รู้จะรู้สึกยังไงบ้าง แล้วสายตาของเขาเลื่อนต่ำลงจ้องตุ่มไตเล็กเล็กที่มีสีเข้มกว่าผิวเล็กน้อย ไม่ได้มีขนาดใหญ่เหมือนของผู้หญิงแต่ก็อยากใช้ปลายนิ้วสะกิด นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นอีกฝ่ายอยู่ในสถานการณ์ไม่สวมเสื้อโดยไม่ได้คิดมาก่อน พักอยู่คอนโดเดียวกันได้สักพักก็ยังไม่เคยเห็นมาก่อน หัวใจเต้นแรงขึ้นมาในใจก็อดคิดเรื่องอกุศลขึ้นมาไม่ได้ จนรู้สึกว่าร่างกายของเขาตื่นตัวเล็กน้อยที่เห็นเทนนิสเปลือยครึ่งตัว นี่เขาถ้าจะเป็นเอามากถึงขนาดมีอารมณ์กับผู้ชายด้วยกัน  คนถูกมองรู้สึกอากาศเย็นจนขนลุกจึงรีบสวมเสื้อติดกระดุมให้เรียบร้อยส่องดูตัวเองในกระจกอีกครั้ง เขาหันไปคุยเจ้านายที่อยู่ข้างข้างแต่หลบสายตา ถามอีกฝ่ายว่าเห็นงานที่เขาวางไว้บนโต๊ะรึเปล่า อีกฝ่ายบอกขอบใจงานไม่มีปัญหา ธีรภัทรเห็นผมอีกฝ่ายยังชื้นอยู่กลัวว่าจะไม่สบายเหมือนช่วงสงกรานต์ครั้งก่อนเลยชวนอีกฝ่ายกลับ เขาเองก็รู้สึกเพลียเล็กน้อยกับเรื่องที่ไปประชุมเกี่ยวกับคณะกรรมการจะเข้าไปตรวจโรงงาน
หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 10 ] 15/03/2560
เริ่มหัวข้อโดย: jaengsRU ที่ 15-03-2017 17:55:35


ฝนตกลงมาอย่างหนักได้สักพักตอนนี้เริ่มซาลงแล้ว อากาศที่ร้อนระอุมาทั้งวันสายฝนทำให้เย็นลงได้บ้าง แต่ก็มีเสียงบ่นของหลายคนตามมา ในวันที่ฝนตกทำให้รถติดท้องถนนเต็มไปน้ำสีดำและเศษขยะที่ลอยเกลื่อนข้างทาง น้ำท่วมขังเพราะท่อระบายน้ำไม่ทัน บางคนต้องขับรถมอเตอร์ไซด์ตากฝนกลับบ้าน ฝนที่ตกลงมาทำให้พ่อค้าแม่ค้าตามตลาดนัดต้องหยุดขายของ ส่วนคนที่กลับถึงบ้านแล้วอย่างเทนนิสก็รีบเข้าครัวทำอาหารเย็นเป็นอย่างแรกถามเจ้านายว่าอยากกินอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า อีกฝ่ายบอกว่าอะไรก็ได้ เทนนิสยิ้มให้เจ้านายที่ตอบก็เหมือนไม่ได้ตอบ
เขาสวมผ้ากันเปื้อนเปิดดูตู้เย็นมีของสดอะไรบ้าง เมื่อวาน เมื่อวันก่อนทำกับข้าวอะไรไปบ้าง กวาดสาดตาไปทั่วตู้เย็นก็คิดออกมาจะทำอะไรดี รู้แล้วเขาหยิบวัตถุดิบที่ต้องการใช้ออกมา เปิดน้ำใส่หม้อพอประมาณตั้งบนเตาเปิดไฟกลางกลาง เขาแกะฟักเขียว หัวไชเท้า และแครอทที่หั่นมาแล้วจากห้างสรรพสินค้าออกมาจากถุงพลาสติกล้างให้เรียบร้อย น้ำในหม้อเริ่มร้อนเขาเติมเกลือลงไปเล็กน้อยจากนั้นแกะซี่โครงหมูอ่อนออกจากแพ็คออกมาล้างให้สะอาดแล้ววางลงในหม้อที่เริ่มเดือด ระหว่างปล่อยให้ซี่โครงอ่อนสุก เขาตั้งกระทะก้นแบนใช้ไฟปานกลาง รอจนกระทะร้อนใส่น้ำมันเล็กน้อย น้ำมันร้อนได้ที่วางปลาซาบะที่ล้วงใส้ออกสับครึ่งบั้งตัวปลาแล้ววางลงไป ซี่โครงอ่อนสุกแล้วเขาวางหัวไชเท้าที่สุกลงไปก่อน สักพักตามด้วยฟักเขียวสุดท้ายเป็นแครอท
ทำกับข้าวเสร็จแล้วเพิ่งจะหกโมงเจ้าออกมาจากห้องครัวเจ้าของห้องยังนั่งทำงานเงียบอยู่ในห้องทำงาน เขาถอดผ้ากันเปื้อนแล้วเข้าไปอาบน้ำสระผมกลับออกมานุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว หยิบโลชั่นทาผิวแล้วนั่งเป่าผมที่เริ่มยาวจนแห้งสวมเสื้อผ้าเป็นชุดใหม่ออกมาจากห้อง
เสียงน้ำฝนตกใส่กันสาดดังป๊อกแป๊กเขาเปิดประตูระเบียงออกไปลมเย็นชื้นพัดเข้ามากระทบผิว ที่จริงเขาชอบฤดูฝนนะเพราะทุกอย่างดูมีชีวิตชีวาโดยเฉพาะต้นไม้สีเขียว พลูด่าง ต้นไม่แคระที่อยู่ระเบียงก็คงคิดเหมือนกันกับเขา เทนนิสปิดประตูเดินไปที่ห้องเห็นเจ้าของห้องนั่งดูข่าว
“พี่ธีร์กินข้าวไหมครับ ผมหิวแล้ว”
“อืม พี่ก็หิวแล้วเหมือนกัน วันนี้ทำอะไรกินบ้าง”
เทนนิสเข้าครัวส่วนธีรภัทรเดินตามเข้าไปช่วยตักกับข้าวใส่ถ้วยใส่จานไปวางบนโต๊ะ ต้มจืดซี่โครงหมูอ่อน ปลาซาบะทอดเหลืองน่ากินกับน้ำจิ้มซีฟู้ด
เทนนิสเห็นเจ้านายทำหน้านิ่งตั้งแต่กลับมา ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรไม่สบายใจ หรือว่าเรื่องที่ไปประชุมวันนี้“ไปประชุมวันนี้เป็นยังไงบ้างครับ”
ธีรภัทรยิ้มได้กับคำถามแสดงเป็นห่วงเป็นใยอีกฝ่าย“ของว่างอร่อยดี เบสกับธารบอกว่ากับข้าวอร่อย ปลานี่กินกับน้ำจิ้มอร่อยดีนะ”คนรอฟังคำตอบยิ้มออกมา ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้มีอะไรกังวลใจอย่างที่คิด กินข้าวเสร็จทั้งสองช่วยกันเก็บถ้วยจานจนล้างเรียบร้อย
 ธีรภัทรหายเข้าไปในห้องอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยกลับมาชวนเทนนิสดูหนังที่เพิ่งซื้อแผ่นมา วันนี้ผ่านร้านขายซีดีแต่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายชอบหนังแบบไหนแต่ที่ไปดูด้วยกันครั้งก่อนเป็นหนังผี วันนี้เลยหยิบมาหลายเรื่อง เขาหยิบแผ่นหนังเรื่องที่เทนนิสเลือกเข้าเครื่องเล่น ส่วนคนเลือกแผ่นหนังเสร็จก็เดินเข้าไปในห้องถือหมอน ผ้าห่มและขนมออกมาจากห้องนั่งรอดูหนังสบายใจ ธีรภัทรปิดไฟในห้องกลับมานั่งข้างเทนนิส หนังเริ่มเล่นเสียงดนตรีชวนขนหัวลุกก็ดังขึ้น ชวนให้น่าติดตาม หนังเล่นผ่านไปได้เกือบสามสิบนาที ผียังไม่โผล่แต่เทนนิสรู้สึกหนักที่ไหล่ขวา หันมาดูเห็นคนที่ชวนดูหนังหลับไปแล้ว ไม่พอยังยืมไหล่เขาเป็นที่พิงสบายใจเชียว สงสัยจะทำงานเหนื่อยจะให้ยืมไหล่สักครู่ แล้วค่อยปลุกให้เข้าไปนอนข้างใน แต่ก่อนพ่อของเขาก็เป็นแบบนี้ตื่นไปทำงานแต่เช้ากลับมาบ้านยังต้องหอบงานมาทำ ยังดีที่มีเวลาว่างให้เขากับแม่ เสียงหายใจเบาเบากับกลิ่นแชมพูอ่อนอ่อนจากผมนุ่มที่อยู่บนไหล่ทำให้เขาใจเต้นแรงขึ้นมา นี่เขากำลังตื่นเต้นอะไรอยู่ ขณะกำลังคิดอะไรอยู่คนนอนหลับก็ขยับตัวเล็กน้อยเหมือนรำคาญอะไร เทนนิสเห็นอีกฝ่ายนอนไม่สบายเหมือนกำลังฝันร้ายเขาจึงหยิบหมอนมารองที่ตักแล้วดันศีรษะที่อยู่บนไหล่ลง ใช้มือข้างหนึ่งลูบศีรษะเบาเบาให้คนที่นอนหลับรู้สึกผ่อนคลาย คงจะเป็นความเครียดจากการทำงาน เขาเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์เปิดเสียงดนตรีบำบัดสอดหูฟังเข้ากับหูคนนอนหลับ แต่ก่อนเวลาที่เขาฝันร้ายเสียงดนตรีก็สามารถช่วยได้ คนที่คิดว่าหลับไปแล้วริมฝีปากหนาโค้งขึ้นอย่างพอใจแล้วหลับต่อ
   หนึ่งชั่วโมงผ่านไปหนังจบ ตอนนี้สี่ทุ่มกว่าแล้ว เทนนิสหยิบรีโมทเปลี่ยนเป็นช่องรายการปกติ แต่คนที่นอนหนุนตักไม่มีท่าทีว่าจะตื่น รู้สึกแปลกแปลกยังไงไม่รู้ที่มีผู้ชายตัวโตนอนหนุนตักแทนที่จะเป็นผู้หญิงสาวสวยตัวเล็กเล็ก
“พี่ธีร์ครับ ตื่นเถอะหนังจบแล้วเข้าไปนอนในห้องเถอะ”
“อือ อืม”คนถูกปลุกครางในคอ ค่อยค่อยลืมตาขึ้นในห้องมืดมีแสงสว่างจากจอหน้าโทรทัศน์ อ้อ จำได้ว่ากำลังนั่งดูหนังอยู่แล้วเผลอหลับไป เพิ่งรู้ว่าตักเจ้าเด็กนี่หนุนแล้วหลับสบายอย่างนี้“นี่พี่หลับไปหรอ ขอโทษนะรู้สึกเพลียนิดหน่อย”เขาลุกขึ้นนั้งบีบต้นคอตัวเอง มองใบหน้าคนอยู่ข้างข้าง แล้วหยุดมองที่ริมฝีปากบาง เขาอยากจูบริมปากบางเป็นการขอบคุณที่ให้เขายืมตัก 
“ไม่เป็นไรครับแค่เหน็บกินเฉยเฉย”พูดแล้วก็นวดขาที่กำลังชาบาเบา ธีรภัทรเห็นอีกฝ่ายกำลังนวดขาเขาอยากดึงขานั่นมามานวดบ้าง
“ไปนอนเถอะครับเดี๋ยวผมปิดไฟแล้วก็จะเข้านอนแล้ว”มองคนหัวฟูที่เพิ่งตื่นนอนนั่งอยู่ข้างข้าง
“เป็นอะไรมากไหม ถ้าเดินไม่ไหวให้พี่พาไปที่ห้องไหม”ธีรภัทรเป็นห่วงที่ทำให้อีกฝ่ายต้องมานั่งนวดขา
“เอ่อ ก็ได้ครับ”เขาง่วงแล้วเหมือนกัน ยอมให้อีกฝ่ายช่วยพยุงกลับเข้าห้อง
ธีรภัทรออกมาจากห้องนอนข้างข้างแล้วรู้สึกมีความสุข ปิดไฟล้มตัวลงนอนแล้วยังคิดถึงมือที่ลูบศีรษะเขาเบาเบา ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้จะทำให้เขาชอบไปถึงไหน แค่นี้เขาก็ค่อยๆจมไปในหลุมที่อีกฝ่ายขุดไว้จนหาทางขึ้นยังไม่เจอเลย

หลังจากหมดเวลาช่วงพักเที่ยง เทนนิสกลับเข้ามาที่ทำงานในมือมีผลไม้ช่วยย่อยมาด้วย เพราะมื้อเที่ยงกินเข้าไปเยอะ ร้านอาหารอีสานเปิดใหม่หลายคนบอกว่าอร่อยเขาเลยไม่อยากพลาดชวน วีร์ กวินทร์ เบส กิต ธารรพีและเจ้านายไปลองชิม ลาบหมู ต้มแซ่บกระดูกหมู ซุปหน่อไม้ ส้มตำ ไก่ย่าง และข้าวเหนียว กับข้าวอร่อยเหมือนที่หลายคนบอก เทนนิสแปรงฟันบ้วนปากเรียบร้อยกลับมานั่งทำงานต่อที่โต๊ะ
กำหนดการเข้าตรวจโรงงานออกมาแล้วเป็นช่วงสัปดาห์หน้า ส่วนรายชื่อคณะกรรมการที่เข้าตรวจเยี่ยมจะแจ้งมาอีกทีคงป้องกันการการทุจริต จากที่ฟังมาคณะกรรมการมาจากหลายหน่วยงาน เทนนิสทำเรื่องแจ้งจำนวนพนักงานที่ต้องไปต้อนรับดูแลช่วยงาน ส่วนทางโน้นจะทำเรื่องจองที่พักหารถตู้อำนวยความสะดวกให้ทุกคน เขาช่วยคนอื่นๆรวบรวมข้อมูลเอกสารสำคัญส่งให้ฝ่ายโรงงาน รวบรวมคำถามข้อมูลเก่าย้อนหลังไปสองสามปี เพื่อให้พนักงานประจำที่โรงงานต้องเตรียมตัวตอบคำถามและให้ข้อมูลที่ทางคณะกรรมการต้องการได้ถูกต้องครบถ้วน ก่อนเลิกงานไม่ถึงสิบนาทีเขาส่งเอกสารไฟล์สุดท้าย และส่งให้ซ้ำอีกสองครั้งส่งเข้าเมล์ส่วนตัวป้องกันข้อมูลหาย ในที่สุดงานด่วนก็เสร็จสักที สัปดาห์หน้าต้องไปช่วยต้อนรับคณะกรรมการที่โรงงาน ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้าง นี่เป็นการตรวจรอบแรกถ้าไม่มีปัญหาหรืออะไรผิดพลาดรอบต่อมาก็จะง่ายขึ้น เสียงสัญญาณเลิกงานดังขึ้นพนักงานทยอยกลับ พรุ่งนี้วันหยุดหลายคนยังอยู่ทำงานต่อ เคลียร์งานที่ยังค้างอยู่
“เทนนิสพี่กลับก่อนนะ เจอกันเย็นนี้”กวินทร์เก็บของปิดคอมพิวเตอร์เดินมาบอกอีกฝ่าย วันนี้ต้องไปดูฟุตบอลไทยเตะกับทีมชาติญี่ปุ่นที่สนามกีฬาแห่งชาติ
“หวัดดีครับพี่แล้วเจอกัน”คนเยอะขนาดนั้นคงจะเจอกันหรอก ไม่รู้ว่าเจ้านายทำงานเสร็จแล้วรึยังหรือมีงานอะไรให้เขาช่วยรึเปล่า วันนี้ท่าทางรถจะติดถ้าจอดรถไว้ที่คอนโดแล้วนั่งรถไฟฟ้าไปน่าจะสะดวกกว่า ครืน ครืน ข้อความในไลน์เข้ามาเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดู พี่ชายส่งข้อความมาทักทายวันนี้คงว่างมารับน้องรหัสเขาไปกินข้าวแน่เลย เขาเล่าเรื่องที่อติพจน์มาพบ เพื่อให้พี่ชายรู้ไว้ว่าผู้ชายคนนั้นไม่ยอมล้มเลิกการแต่งงานไปง่ายง่าย เขารู้สึกกังวลใจในความสัมพันธ์ของคนทั้งสองอยู่บ้าง ถ้าผู้ใหญ่ไม่เห็นด้วยพี่ชายเขาจะทำยังไงจะเลือกความรักหรือธุรกิจครอบครัวโดยยอมเสียสละความสุขทั้งชีวิตของตัวเอง เขาส่งข้อความกลับไปว่าวันนี้จะไปดูฟุตบอล วันหลังไปเลี้ยงหน่อยสิ รอไม่นานข้อความตอบกลับมาว่าแน่นอน นั่งคุยไม่นาน มีสายโทรเข้าเป็นธีรภัทรโทรตามให้เขาเข้าไปหาที่ห้อง สงสัยว่าจะทำงานยังไม่เสร็จเลยให้เข้าไปรอหรือช่วยงาน เขาเก็บงานบนโต๊ะให้เรียบร้อยปิดเครื่องคอมพิวเตอร์เดินไปเคาะประตูห้องประธาน แล้วผลักประตูเข้าไป เห็นเจ้าของห้องเก็บของเรียบร้อยแล้ว อ้าว นึกว่ายังทำงานไม่เสร็จ ธีรภัทรยิ้มให้คนเปิดประตูเข้ามา ทำงานเหนื่อยมาทั้งวันแค่เห็นแก้มใสๆก็สดชื่นขึ้นมาทันที วันหยุดสองวันไม่ได้เจอหน้าไม่ได้ยินเสียงเขาต้องคิดถึงอีกฝ่ายแน่แน่เลย วันนี้ตอนเย็นมีนัดไปดูฟุตบอลเขาจำได้เพราะเขียนไว้บนปฏิทิน ทั้งคู่เดินลงไปที่ลานจอดรถเทนนิสเสนอความคิดให้จอดรถไว้ที่คอนโดใช้บริการรถไฟฟ้าเพื่อหลีกเลี่ยงรถติดและหาที่จอดรถลำบาก   
ประตูทางเข้าเปิดเวลา 18.00 ก่อนเวลาฟุตบอลเตะหนึ่งชั่วโมง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่ประจำจุดทางเข้าทั้งสี่ทางที่ตั้งประตูสแกน และเครื่องมือตรวจจับวัตถุระเบิดและอาวุธ แฟนบอลเข้าแถวยาวรอผ่านเข้าประตู เทนนิสเห็นคนยังเยอะอยู่เขาชวนธีรภัทรหาซื้ออะไรกิน ก่อนทางเข้ามาเขาเห็นมีรถเข็นขายของกินหลายอย่าง วันนี้อาการร้อนแต่ไม่มีท่าทีฝนจะตก เขาหยุดอยู่หน้าร้านเครป ถามคนข้างๆเอาด้วยไหม ธีรภัทรพยักหน้าบอกว่าสั่งให้ด้วยเอาแบบไม่หวาน ได้เครปมาเรียบร้อย ทั้งสองเดินไปด้วยกินไปด้วย ธีรภัทรรู้สึกดี นานแล้วไม่ได้ทำตัวสบายสบายแบบนี้ เขาลองกัดเครปของกินเล่นที่เห็นเด็กวัยรุ่นหลายคนชอบกินกันบ่อยบ่อย อืม อร่อยดี เทนนิสเห็นอีกฝ่ายกินได้ก็ดีใจแล้วยื่น ไส้กรอกที่ซื้อมาจากร้านข้างๆให้ ธีรภัทรรับมาชิมดู รสชาติเหมือนกะเพราเลยเพิ่งเคยกินไส้กรอกรสนี้ ทั้งสองเดินกินจนอิ่มแล้วเดินไปเข้าแถวเข้าไปข้างใน
เสียงปรับมือโห่ร้องดังจากคนดูเมื่อนักฟุบอลเริ่มเขี่ยบอล เสียงกองเชียร์ในสนามดังสนั่น ธงชาติไทยปลิวไปตามแรงลมดูสวยกว่าทุกวัน บวกกับเสื้อสีน้ำเงินของกองเชียร์ทำให้เห็นความเป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกัน นักฟุตบอลศูนย์หน้าทีมชาติไทยลากลูกบอลไปหน้าประตูฝ่ายตรงข้ามยิ่งเรียกเสียงเชียร์จากคนดูให้ดังขึ้น แต่ก็จบลงด้วยความเสียดายที่ผู้รักษาประตูรับลูกบอลไว้ได้ แล้วก็เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
“ถ่ายรูปไหมครับ ผมจะเอาลงโซเชียลเอฟ”เทนนิสหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดกล้องมองหามุมสวยๆ เปลี่ยนบรรยากาศ ตอนนี้ท้องฟ้ามืดแล้ว แต่ในสนามยังสว่างเพราะแสงสปอร์ตไลน์ ถ้าใช้กล้องถ่ายรูปตอนนี้คงออกมาสวย
“ให้พี่ถ่ายให้ไหม”ธีรภัทรไม่ได้สนใจฟุตบอลในสนามแต่สนใจคนตรงหน้า ที่กำลังหามุมถ่ายรูป เขาชอบมองอีกฝ่าย เทนนิสเป็นคนที่ทำให้คนที่อยู่ด้วยรู้สึกสบายใจ แต่ก็ทำให้เขานอนไม่หลับได้เหมือนกันเมื่อคิดถึงอีกฝ่ายเปลือยครึ่งตัว คืนก่อนเขายังเก็บเอาไปฝัน ฝันว่าได้นอนกอดอีกฝ่าย มันคงเป็นเรื่องที่แปลกพิลึกผิดปกติที่ฝันถึงผู้ชายที่มีอะไรเหมือนเหมือนกันแทนที่จะฝันถึงผู้หญิงสาวสวย หน้าอกโต หุ่นดี ก้นงอน แต่มันก็เป็นไปแล้ว
“ถ่ายด้วยกันดีกว่า พี่ธีร์มาอยู่ตรงนี้ถือโทรศัพท์ไว้”เทนนิสให้อีกฝ่ายมานั่งข้างๆ ถือกล้องไว้แล้วถ่ายรูป เมื่อได้รูปที่ต้องการเขาโพสต์ลงโซเชียลเอฟแล้วส่งให้อีกฝ่าย ธีรภัทรมองรูปถ่ายที่ส่งมา เป็นรูปคู่รูปแรก เขามองคนในรูปถ่ายกำลังส่งรอยยิ้มหวานมาให้เขา หนุ่มหล่อเจ้าเสน่ห์สาวเห็นก็ชอบมอง รู้สึกหวงบ้างบางครั้งที่ไปไหนมาไหนด้วยกันสองคนแล้วมีผู้หญิงหรือผู้ชายมองมาด้วยสายตาที่เขามอง แต่คนถูกมองกลับไม่สนใจบางครั้งก็แค่มองผ่านหรือยิ้มให้ จนไม่รู้ว่าอีกฝ่ายชอบหรือสนใจคนแบบไหน เป็นคนที่เข้าใจยาก
เก้าสิบสามนาทีรวมเวลาทดบาดเจ็บในที่สุดทีมชาติไทยสามารถเอาชนะทีมชาติญี่ปุ่นได้หนึ่งประตูต่อศูนย์ในครึ่งหลังก่อนหมดเวลา เสียงโห่ร้องดีใจขององเชียร์ที่เข้ามาชมดังก้องไปทั่วสนาม เทนนิสกับธีรภัทรรีบออกมาจากสนามกีฬาขึ้นรถไฟฟ้ากลับ
เทนนิสอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมานั่งดูโทรทัศน์ เห็นเจ้าของห้องนั่งอยู่ก่อนแล้ว“ฟุตบอลวันนี้สนุกดี ทีมชาติไทยทำได้ดีมาก ในตอนแรกยังคิดว่าทีมชาติไทยจะแพ้แล้ว เพราะทางญี่ปุ่นบุกหนักและดูเหมือนว่าเขาจะเก่งกว่าไทยมาก”
“ชอบดูฟุตบอลหรอเรา”เมื่อก่อนฟุตบอลก็เป็นกีฬาชนิดหนึ่งที่เขาชื่นชอบ วิ่งออกกำลังกลางแจ้งวิ่งไล่ตามลูกกลมแย่งกับทีมตรงข้ามสนุกไปอีกแบบ
“นิดหน่อย แต่ก่อนฟุตบอลเป็นกีฬาส่วนตอนนี้มีเรื่องของธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้องมากเกินไป เสน่ห์ความสนุกของฟุตบอลเลยลดลง แต่ผมก็มีความฝันอยากไปดูฟุตบอลโลกรอบชิงชนะเลิศแบบติดขอบสนามอะไรประมาณนี้เหมือนกัน”
“อืม”เป็นความฝันปกติที่คนส่วนใหญ่ที่ชอบฟุตบอลจะมีความฝันแบบนี้
“แล้ววันอาทิตย์พี่ต้องเข้าไปโรงงานมีอะไรให้ผมช่วยรึเปล่า”หยุดอยู่เฉยๆก็ไม่รู้จะทำอะไรกลับบ้านพรุ่งนี้ก็คงไปซักเสื้อผ้าทำความสะอาดบ้าน บางทีอาจจะเดินห้างซื้อครีมอาบน้ำ ซื้อโฟมล้างหน้าขวดใหม่ขวดเก่าก็หมดแล้วอยากเปลี่ยนยี่ห้อใหม่ครีมบำรุงผิวด้วยก็ดี
“อืม ไม่แน่ใจเราว่างพอจะไปกับพี่ได้ไหมล่ะ”
“ได้ครับ ยังไงเดี๋ยวตอนเย็นพรุ่งนี้ผมจะเข้ามา”
“เอาอย่างนี้แล้วกันพรุ่งนี้พี่ก็จะกลับบ้าน แล้วเข้าโรงงานวันอาทิตย์สายๆ”
ดึกแล้วทั้งสองแยกย้ายกลับห้อง เทนนิสปิดห้องนอนปีนขึ้นเตียงเหนื่อยมาทั้งวันได้นอนบนที่นอนนุ่มห่มผ้าห่มผืนโตแค่นี้ก็มีความสุขแล้ว หลับตาลงไม่นานก็หลับสนิท
   เที่ยงวันเสาร์หลังจากกินข้าวเรียบร้อย เทนนิสกลับมาถึงบ้านทิ้งเสื้อผ้าลงเครื่องซักผ้าแยกชนิดผ้าขาวผ้าสีออกจากกัน ทิ้งให้เครื่องทำงานเองอัตโนมัติแล้วเข้าไปทำความสะอาดในบ้าน ไม่ได้อยู่บ้านเกือบสัปดาห์พื้นบ้านเริ่มมีฝุ่นเกาะ เขากวดถูพื้นจนสะอาดเก็บขยะ เดินเข้าห้องครัวเปิดดูตู้เย็นมีแค่เพียงน้ำเปล่า นมไม่กี่กล่อง น้ำอัดลมกระป๋องสามสี่กระป๋อง เสียงเครื่องซักผ้าดังขึ้นบอกว่าเครื่องทำงานเสร็จแล้ว เขาเอาเสื้อผ้าออกมาตาก จากนั้นออกไปข้างนอก ไปที่ห้างสรรพสินค้าแถวบ้านซื้อของใช้ที่จำเป็น เขาเดินไปที่แผนกเสื้อผ้าอุปกรณ์กีฬา เขาอยากได้กระเป๋าสะพายหลังใบใหม่เดินดูหลายยี่ห้อจนเจอแบบที่ถูกใจ เทนนิสใช้เวลาว่างสองสามชั่วโมงตอนบ่ายเดินหาซื้อของที่อยากได้ และแวะเข้าร้านหนังสือหานิยายเรื่องใหม่ กลับมาถึงบ้านค่ำแล้ว หลังจากตรวจความเรียบร้อยรอบบ้านแล้วขึ้นห้อง เก็บเสื้อผ้าของจำเป็น จัดกระเป๋าเรียบร้อยแล้วรีบเข้านอนเพราะดึกมาแล้ว   
         
รถวิ่งตามถนนหลวงด้วยความเร็วปกติเกือบสองชั่วโมง ในที่สุดมาถึงหน้าโรงงานขนาดกลางมีป้ายชื่อบริษัทติดไว้ชัดเจนตอนบ่ายสามโมงเย็น ก่อนเข้าไปด้านในมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำอยู่ด้านหน้า เมื่อรู้ว่าเป็นใครเจ้าหน้าที่เปิดประตูให้ ธีรภัทรตรงไปที่สำนักงานเพื่อดูความเรียบร้อยของเอกสารสองปีย้อนหลังที่ถูกเตรียมไว้หลายแฟ้มบนโต๊ะห้องประชุมเพื่อให้คณะกรรมการที่มาตรวจได้ดู บนปกแฟ้มติดหัวข้อตามเนื้อหาข้างใน เขานั่งดูความเรียบร้อยสักพักแล้วปิดแฟ้มลง เงยหน้าขึ้นเห็นคนที่มาด้วยนั่งเงียบที่โซฟา มองดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือใกล้จะหกโมงเย็นอีกฝ่ายคงจะหิวแล้ว ก่อนอื่นต้องเช็กอินเข้าที่พักก่อนและค่อยไปหาอะไรกิน ธีรภัทรปิดไฟล็อคสำนักงานแล้วขับรถออกมา ตรงไปโรงแรมที่จองไว้ เขาแจ้งชื่อที่โทรมาจอง ทางโรงแรมให้กุญแจห้อง 
“พี่ธีร์มาพักที่นีบ่อยไหมครับ”เทนนิสถามแล้วมองไปรอบทางเดิน รู้สึกกลัวนิดหน่อยเพราะเคยฟังเรื่องเล่าเกี่ยวกับโรงแรมมาเยอะยิ่งโรงแรมเก่าแล้วด้วย
“ทำไม”ธีรภัทรสังเกตอีกฝ่ายที่เหมือนจะกำลังกังวลอะไรอยู่
“คือ มันมีผีไหมครับ”
อีกฝ่ายได้ยินคำตอบแทบจะระเบิดหัวเราะออกมา คนชอบดูหนังผีแต่กลับกลัวผีซะเอง ผิดกับเขาที่กลัวคนมากกว่า เทนนิสเห็นอีกฝ่ายเงียบทำหน้าตาเหมือนจะหัวเราะออกมา แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ทำไมเขากลัวผีแล้วทำไม มันน่าหัวเราะมากนักรึไงเปิดประตูเข้าไปในห้องพัก ห้องเตียงเดี่ยว อ้าว ไม่ใช่เตียงคู่หรอ
“นอนด้วยกันบนเตียงนี่แหล่ะ”ธีรภัทรพูดเหมือนอ่านใจอีกฝ่ายออก ผู้ชายเหมือนกันนอนด้วยกันไม่เห็นแปลกเขากับไอ้กิตก็เคยนอนด้วยกัน หมายถึงนอนจริงๆ
“อ้อ ครับ”เขากลัวอีกฝ่ายจะไม่ชอบมากกว่า กลัวว่าจะนอนดิ้นทำให้คนที่นอนด้วยรำคาญ เขาลากกระเป๋าเดินทางใบเล็กไปไว้มุมห้อง เดินไปดูห้องน้ำมีผ้าเช็ดตัวผ้าเช็ดหน้าสีขาวเตรียมไว้อย่างละสอง สบู่เหลวยาสระผม ห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำและตู้อาบน้ำ ออกมาจากห้องน้ำ เดินไปเลื่อนม่านออก ข้างนอกมืดแล้ว มองเห็นแสงไฟจากหลอดไฟไกลๆ เขาหยิบเสื้อผ้ามาแขวนไว้ในตู้ และช่วยอีกฝ่ายหยิบเสื้อผ้าราคาแพงออกมาแขวน มองดูเสื้อผ้าในตู้ดูแล้วราคามันช่างแตกต่างกัน จัดของเรียบร้อยแล้วธีรภัทรชวนอีกฝ่ายออกไปหาอะไรกิน สอบถามจากพนักงานโรงแรมบอกว่ามีตลาดโต้รุ่งใกล้ๆ เดินไปก็ถึง ทั้งสองเดินตามทางที่พนักงานบอกไม่ถึง 300 เมตร ก็เห็นตลาดโต้รุ่งที่มีของกินขายเต็มไปหมด ธีรภัทรไม่ได้โทรบอกให้ทนากับปรัญออกมากินข้าวด้วย เพราะเขาอยากใช้เวลาส่วนตัวอยู่กับเทนนิสมากกว่า เพื่อนเจอกันบ่อยแล้ว แถบนี้มีโรงงานอยู่หลายโรงงานทำให้มีคนมาจากหลายที่มาทำงานแถวนี้ รวมทั้งคนต่างด้าว กับข้าวที่นี่จึงค่อนข้างหลากหลาย ตั้งแต่เดินเข้ามามีหลายคนมองพวกเขาคงเพราะพวกเขาเป็นคนแปลกหน้า ธีรภัทรรู้สึกเป็นห่วงคนที่มาด้วยอยู่บ้างพยายามเดินเข้าไปใกล้อีกฝ่าย เขาไม่อยากให้อยู่นานกลัวเกิดเรื่องขึ้นระหว่างเดินกลับที่พัก เทนนิสสังเกตเห็นสายตาหลายคู่มองมาที่เขาเหมือนกัน รู้สึกกลัวอยู่บ้างเพราะอยู่ต่างถิ่น จึงหาอะไรกินง่ายๆกับน้ำผลไม้และซื้อของกินติดไม้ติดมือกลับไปกินที่ห้องด้วย
   ธีรภัทรอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยออกมาจากห้องน้ำ ส่วนอีกคนหลับไปแล้ว ในห้องมีแค่ไฟหลอดเล็กๆเปิดอยู่ เกือบเที่ยงคืนแล้วเขาก็เหนื่อยมาทั้งวันเหมือนกัน นั่งบนเตียงอีกฝั่งมองคนที่นอนหันหลังให้ท่าทางจะหลับสบายแต่เขากลับรู้สึกตื่นเต้นยังไงไม่รู้ ปิดโครมบนหัวเตียงลง เหลือไว้ไฟหลอดเล็กๆ เขานอนมองแผ่นหลังต้นคอขาวที่ไม่ไกลจนบางครั้งอยากยื่นมือไปลูบ ถอนหายใจเบาๆกับความคิดบ้าๆของตัวเองแล้วหลับตาลง ไม่นานเขาหลับตามคนที่หลับไปก่อนหน้านี้   




**********************************************

โปรดติดตามตอนต่อไป

หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 10 ] 15/03/2560
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 15-03-2017 22:05:42
 :3123: :3123: :3123: :3123: :3123:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 11 ] 4/04/2560
เริ่มหัวข้อโดย: jaengsRU ที่ 04-04-2017 19:45:19
ตอนที่ 11


เช้าวันแรกของการเข้าตรวจเยี่ยมของคณะกรรมการจากส่วนกลางของกระทรวงสาธารณสุข เทนนิสช่วยเตรียมความพร้อมห้อง

ประชุม โปรเจคเตอร์ โน้ตบุ๊กและอุปกรณ์ต่างๆ คณะกรรมการตรวจเยี่ยมมาถึง เจ้าหน้าและผู้บริหารพร้อม เก้าโมงเช้าการประชุม

เริ่มขึ้น เทนนิสและวีร์อยู่ด้านนอกช่วยพนักงานคนอื่นเตรียมของว่างและเตรียมห้องติดกันเป็นห้องกินข้าว สักพักเบสเปิดประตู

ออกมาเรียกให้พนักงานเอากาแฟของว่างเข้าเสิร์ฟด้านใน

ด้านในยังประชุมกันอยู่เงียบไม่มีเสียงดังมาจากด้านใน พลอยให้คนนั่งอยู่หน้าห้องรู้สึกเครียดไปด้วย เทนนิสเหลือบมองประตู

ห้องบ่อยครั้งเผื่อเบสอยากได้อะไรจะเปิดออกมาบอก แต่เพื่อนที่นั่งหน้าหงอยอยู่ข้างๆนี่ก็หน้าเป็นห่วง ไม่รู้เป็นอะไรเห็นเป็น

อย่างตั้งแต่เช้า ไม่สบายตรงไหนรึเปล่าช่วงนี้ก็ไม่ค่อยมาเวลาได้คุยกันด้วยสิ เขาขี้เกียจนั่งเดา สู้ถามอีกฝ่ายดีกว่าว่าเป็นอะไร

“ทำไมหน้าตาเป็นอย่างนั้น มีเรื่องอะไรไม่สบายใจรึเปล่า”

“หน้าฉันมันแสดงออกขนาดนั้นเลยหรอ”

“ชัดมาก ความคมชัดระดับ HD เลย”     

“บ้า หน้าคนไม่ใช่จอโทรทัศน์”

“แล้วจะบอกได้รึยังว่าเป็นอะไร”อีกฝ่ายยังลังเลอยู่เล็กน้อยก่อนจะเปิดปากพูดความในใจ

“วันก่อนฉันเห็นว่าดึกแล้วพี่ปาลยังไม่กลับ”วีร์หยุดพูดคิดถึงเหตุการณวันนั้น”ปกติถ้ากลับถึงหรือมีธุระพี่ปาลจะโทรมาบอก.... แต่

วันนั้นฉันนั่งรอโทรศัพท์จนดึก และรู้สึกเป็นห่วงด้วยเลยโทรไป”เขาเงยหน้ามองเพื่อนที่กำลังตั้งใจฟัง”ผู้หญิงเป็นคนรับ”

คงฟังหน้าตึงขึ้นมา อยู่กับผู้หญิงจนดึกอาจเป็นเพื่อนหรือเพื่อนร่วมงาน แต่สนิทถึงขั้นให้อีกฝ่ายรับโทรศัพท์ให้“แกคิดมากไปเอง

รึเปล่า ไม่มีอะไรหรอกเขาคงทำงานจริงๆ”ทำไมความรักทำให้คนเราเปราะบาง อ่อนไหว อ่อนแอ ได้ถึงขนาดนี้นะ

“เธอบอกว่าพี่ปาลกำลังนอนอยู่”

เทนนิสเงียบลงเม้มปาก เข้าใจความรู้สึกของเพื่อนทันที ถ้าคนที่เขารักอยู่กับคนอื่นก็คงรู้สึกแย่และอาจจะมานั่งทำหน้าเศร้าอย่าง

นี้เหมือนกัน แต่ที่แย่กว่านั้นทั้งสองไม่ได้เป็นอะไรกัน แล้วรออะไรกันอยู่ทำไมไม่บอกความในใจของตัวเองให้อีกฝ่ายได้รับรู้

ทำไมความรักนี่มันเข้าใจยากชะมัด

“ฉันจำเสียงผู้หญิงคนนั้นได้ ฉันเคยเจอเธอ เธอเป็นนางแบบสวยด้วย”วีร์พูดเสียงเบาลง เขาไม่ไกล้าบอกความรู้สึกออกไปกลัว

ว่าอีกฝ่ายจะคิดไม่เหมือนกัน เขากลัว กลัวไปหมดทุกอย่าง ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เป็นแบบนี้ ถ้าไม่รักก็หึงไม่หวง ถ้าไม่รักก็ไม่ต้องมา

นั่งคิดมาก วันทั้งวันก็ไม่ต้องคิดถึงแต่เขาคนเดียว

“อ้าว แล้วไงมันมีที่มาเลยทำให้รู้สึกสบายใจ ผู้หญิงสวยแล้วยังไง เป็นนางแบบแล้วไง ถ้ารักใครสักคนคนที่เรารักต้องดีที่สุดไม่

ใช่รึไง แล้วได้ถามพี่เค้ารึเปล่าว่าความจริงเป็นยังไง กินนี่ซะจะได้อารมณ์ดีขึ้น”เทนนิสหยิบช็อกโกแลตแท่งออกมาจากกระเป๋าส่งให้เพื่อน

“ขอบใจ แต่เปล่าหรอก ไม่ได้ถาม ไม่กล้า กลัวว่าสิ่งที่กลัวมันจะเป็นความจริง”ขอเวลาหน่อย แต่เอาเถอะอะไรจะเกิดมันก็ต้อง
เกิด

“เลยมานั่งคิด มานั่งเศร้า คิดไปเองอย่างนี้”

“ใช่”

“เอาเถอะไม่ได้เจอกันสักวันสองวันเผื่ออะไรจะดีขึ้นมาบ้าง กลับไปยังไงก็คุยกันให้มันรู้เรื่อง”

“จะพยายาม”กินขนมไปแล้วรู้สึกหิวข้าวขึ้นมา เมื่อวานไม่ได้กินอะไรเลย กลับไปบ้านไปก็ไม่ดีขึ้น ที่จริงพี่ปาลโทรมาหานะแต่ไม่

ยากคุย เหมือนที่เทนนิสว่าห่างกันบ้างก็ดี เทนนิสวางมือบนไหล่เพื่อนเป็นการปลอบ

“อีกชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาพัก แถวหน้าโรงงานมีของกิน ไปหาอะไรกินรองท้องก่อน ส่วนหน้าห้องฝากพี่ๆเขาไว้ก่อน”

“อืม”


   แถวหน้าโรงงานมีร้านกับข้าวตามสั่ง ร้านข้าวแกง ร้านขายของชำ และรถเข็นมาจอดอยู่หลายคัน ทั้งสองไม่อยากเดินไป

ไกลเลยเลือกซื้อขนมจีบซาลาเปา กับลูกชิ้นปิ้ง พนักงานโรงงานบางส่วนเริ่มทยอยออกมาพัก สาวสาวบางคนหยุดยืนมองชาย

หนุ่มแปลกหน้าทั้งสองคนกำลังซื้อขนมจีบซาลาเปา

“ดูนั่นสิผู้ชายสองคนนั้น ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน”

“อ๋อ สงสัยมากับทีมงานสำนักงานใหญ่ สองสามวันนี้มีคนมาตรวจโรงงาน”

“ถึงว่าไม่เคยเห็นหน้า ว่าแต่พวกแกชอบคน ฉันชอบคนตัวสูง”

“ปล่อยเขาไปเถอะ ยังเป็นนักศึกษาฝึกงานอยู่เลย ปล่อยให้เขามีอนาคตต่อไป”

“ทำไมก็แค่ฝันไม่ได้รึไง แกแกเขาหันมายิ้มให้ฉันด้วยแหล่ะ ดูซิ”

เทนนิสเห็นคนกำลังมองมาเขาทำได้คือยิ้มให้คนที่มองแล้วเดินกลับเข้าไปข้างใน ทั้งสองกลับเข้าไปข้างในแอบนั่งกินขนมจีบ

ซาลาเปากับลูกชิ้นปิ้งในห้องครัวพนักงานจนอิ่ม แล้วกลับมานั่งที่เดิม เทนนิสมองหน้าเพื่อนรู้สึกจะดีขึ้นมาก กินอะไรได้และได้

ระบายออกมาบ้างแค่นี้ก็ไม่มีน่าเป็นห่วงแล้ว แต่คอยดูเถอะเจอหน้าคนที่ทำให้เพื่อนเขาเป็นอย่างนี้เมื่อไหร่ จะต่อยให้คว่ำเลย

ไม่รู้ว่าจะทำได้ไหมเพราะพี่ปาลมันตัวโต นั่งคิดอะไรเพลินประตูห้องประชุมเปิดออกมีผู้ชายคนหนึ่งเดินออกมา

“เอ่อ ขอโทษนะครับห้องน้ำอยู่ตรงไหนครับ”อาทิตย์เดินเข้าไปถามเด็กหนุ่มสองคนสวมชุดนักศึกษามหาวิทยาลัยนั่งคุยกันอยู่

หน้าห้อง

“อ้อ ทางนั้นเลยครับเดินตรงไป ห้องน้ำอยู่ทางซ้ายมือ”

“ขอบคุณครับ”

“เขาเป็นคณะการมาตรวจหรอ”วีร์มองตามหลังคนที่เดินเข้ามาถามหาห้องน้ำอย่างแปลกใจคณะกรรมการไม่ใช่มีแต่คนแก่หรอแต่

คนเมื่อกี้ยังดูเหมือนอายุสามสิบกว่ากว่าเท่านั้น

“ใช่ เมื่อเช้าเห็นตอนออกไปต้อนรับ ว่าแต่ถามทำไม”

“แค่นึกว่าจะมีอายุกว่านี้ซะอีก แล้วนี่รู้ว่ามีใครบ้าง”

“อยากรู้ไปดูรายชื่อในใบลงรายชื่อดิ”

วีร์เดินไปอ่านรายชื่อคนในห้องประชุม ไม่รู้จักใครสักคน แขกที่มามีแต่เป็นด็อกเตอร์รองศาสตราจารย์ก็มี อาทิตย์กลับออกมา

จากห้องน้ำ อยากดื่มกาแฟสักแก้วเขาขอรบกวนให้พนักงานแม่บ้านที่นั่งอยู่ช่วยชงให้ ได้กาแฟกับของว่างชิ้นสองชิ้น มองหาที่

นั่งเห็น นักศึกษาฝึกงานนั่งอยู่หน้าห้อง เขาเดินเข้าไปขอนั่งข้างๆนักศึกษาฝึกงานทั้งสองคน อาทิตย์ทักทายและแนะนำตัว พูด

คุยสักถามทั้งสองคนเรื่องทั่วไป เขาเบื่อที่นั่งอยู่ในห้องประชุมเป็นเวลานาน แค่อยากออกมาสูดอากาศข้างนอกบ้าง ข้างในแต่ละ

คนทำหน้าเคร่งเครียดเกินไป ดูจากที่ทางบริษัทส่งเอกสารเบื้องต้นไปที่หน่วยงานก็ไม่มีปัญหาอะไรให้เป็นกังวล ที่พวกเขามาแค่

มาตรวจตามปกติเท่านั้น ผิดกับบางโรงงานที่ส่งเอกสารไปไม่ครบหรือมีปัญหา ถ้าไม่ใช่เรื่องร้ายแรงมากก็ไม่ถึงขนาดปิดโรงงาน

หรอก ก็แค่มีผู้เชี่ยวชาญเข้ามาดูแลให้คำปรึกษาให้โรงงานได้มาตรฐานเท่านั้น เมื่อโรงงานได้มาตรฐานจะได้สร้างความเชื่อมั่น

ให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุน ถึงจะประเทศเกษตรกรรมแต่อุตสาหกรรมก็สำคัญไม่แพ้กัน

“ข้างในห้องประชุมน่าเบื่อมาก นั่งฟังจนเบื่อ เอกสารก็เยอะ”

“ปกติต้องไปตรวจบ่อยแค่ไหนครับ”

“อืม อันนี้ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ กรรมการที่ไปตรวจแต่ละชุดจะไม่เหมือนกัน และชุดเดิมจะไม่ค่อยได้ตรวจซ้ำ ประมาณว่าเขา

สลับสับเปลี่ยนหมุนกันไปเรื่อย ของว่างนี่อร่อยดี อิ่มแล้วผมขอกลับเข้าไปข้างในก่อน ขอบคุณที่นั่งคุยเป็นเพื่อน”เทนนิสกับวีร์

มองหน้ากันเมื่ออาทิตย์เดินกลับเข้าไปในห้องประชุม   

กับข้าวสำหรับมื้อเที่ยงที่สั่งมาจากร้านอาหารมาส่งแล้ว พนักงานของร้านกำลังจัดโต๊ะ กับข้าวสามสี่อย่างถูกเทใส่ถาดตั้งใว้บน

โต๊ะยาว มีของหวานและผลไม้สด ในห้องประชุมเหมือนจะหิวแล้วเบสโผล่หน้าออกมาถามว่ากับข้าวเตรียมพร้อมยัง เทนนิสบอก

ไปว่าใกล้เสร็จแล้วพนักงานเหลือจัดถ้วยจานเท่านั้น เบสพยักหน้ารับรู้บอกว่าอีกสิบนาทีด้านในจะออกมาพักแล้ว


   เที่ยงสิบนาทีประตูห้องประชุมเปิดออก บางคนขอตัวเข้าห้องน้ำ ธีรภัทรใส่สูทหล่อเดินคู่มากับผู้หญิงสวยคนหนึ่ง เป็นหนึ่ง

ในคณะกรรมการ เขาพาธนิตาไปนั่งที่โต๊ะที่จัดเตรียมไว้เรียบร้อย แต่สายตาก็มองหาคนที่ไม่ได้เห็นหน้าตลอดทั้งเช้าคนที่ทำให้

เขานอนหลับไม่สนิท ไม่พอ ไม่รู้นอนยังไงลืมตาขึ้นถึงได้เห็นใบหน้าคนนอนข้างๆอยู่ใกล้แค่คืบ เขานอนจ้องใบหน้าคนที่นอน

หลับสนิท ครั้งแรกในชีวิตที่เคยนอนมองผู้ชายเหมือนกัน สาบานได้ ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงตกใจถีบอีกฝ่ายตกเตียงไปแล้ว แต่

ทำไมคนคนนี้ทำให้เขาอดหยุดมองไม่ได้ เขาอยากเลื่อนไปสัมผัสที่แก้มใส จมูก ปาก ยิ่งมองยิ่งทำเอาหัวใจเต้นแรงไม่หยุด จน

อดคิดไม่ได้ว่าอยากให้วันนี้เป็นวันหยุด เป็นเช้าที่ไม่อยากตื่นเป็นเช้าที่ไม่อยากลุกจากที่นอน เขามองคนขยันช่วยคนโน้นคนนี้

ทำงานไม่หยุด แต่ก็ต้องไม่พอใจเมื่อเห็นเทนนิสคุยกับใครสักคนที่เป็นหนึ่งในคณะกรรมการตรวจเยี่ยม ท่าทางเหมือนสนิทกัน

“กับข้าวอร่อยดีนะคะ คุณธีรภัทรลองกินนี่ดูสิคะ”ธนิตาตักกับข้าวใส่จานให้อีกฝ่าย และส่งยิ้มบางๆให้ ยิ้มที่ใครหลายคนบอกว่ามี

เสน่ห์ใครเห็นใครต้องชอบ ตั้งแต่ที่รู้ว่าจะมาตรวจเยี่ยมที่นี่เธอก็รู้สึกสนใจนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงแถมโสดที่สามารถทำให้มันฝรั่ง

ของกินเล่นยี่ห้อ ทะเล้น ครองอันดับต้นต้นของตลาดหลายปีซ้อนโดยไม่ต้องเข้าตลาดหุ้น ยิ่งได้มาเห็นตัวจริงเธอยิ่งถูกใจ หนุ่ม

หล่อ บุคลิกที่เป็นผู้นำ ดูเป็นผู้ใหญ่ดูอบอุ่นถึงอายุจะน้อยกว่าเธอนั่นไม่ใช่ปัญหา ถ้าเธอต้องการสานความสัมพันธ์ต่อหลังเสร็จ

งาน เธอไม่เชื่อหรอกว่าอีกฝ่ายจะปฏิเสธเธอ

“ขอบคุณครับ”ธีรภัทรหันกลับมาสนใจกับข้าวบนโต๊ะ คงไม่มีอะไรหรอกเทนนิสเป็นคนเขากับคนง่าย เขานั่งฟังเพื่อนๆชวนแขก

คุยเรื่องทั่วๆไป มีบ้างที่ธนิตาถามเรื่องราวเกี่ยวกับเขา อะไรบอกได้ก็บอกอะไรไม่อยากบอกก็เลี่ยงไปเพื่อไม่ให้ดูเสียมารยาท

บางครั้งสายตาเหลือบมองเทนนิสกำลังคุยกับน้องสาวตัวเองอยู่หน้าห้องไม่รู้คุยอะไรกัน ดูเหมือนทั้งสองจะสนุกคุยไปด้วยยิ้มไป

ด้วยจนน่าอิจฉา 

“ตอนบ่ายคุณธีรภัทรจะพาพวกเราเข้าตรวจเยี่ยมภายในโรงงานใช่ไหมคะ”

“ครับ ตามกำหนดการที่เราแจ้งไว้ก่อนหน้านี้”

“คุณธนิตารับอะไรเพิ่มไหมครับ”เบสถามหญิงสาวที่เหมือนกำลังอยากกินเจ้านายเขา บางทีเธออาจจะยังกินข้าวไม่อิ่มหรือบางที

อาจคิดว่าเจ้านายเขาเป็นของหวาน โธ่ เจ้านายที่เสน่ห์แรงของเขามีผู้หญิงจ้องจะจับกินอยู่แล้วยังไม่สนใจอีก คงไม่ได้คิดว่าเธอ

แก่แล้วหนังเหนียวเกินไปรึเปล่า

“ไม่เป็นไรขอบคุณคะ”

เบสลุกขึ้นไปหาอะไรกินเขาหยิบผลไม้สดสองสามช่วยย่อย กับข้าวร้านนี้อร่อยพนักงานที่นี่หาร้านอาหารได้ถูกปาก กำลังชิมผล

ไม้อยู่ เทนนิสเดินเข้าไปถามมีอะไรให้ช่วยไหมตอนบ่าย พวกเขาต้องทำอะไรบ้างต้องเข้าไปในโรงงานด้วยไหม

เบสหยุดคิดแล้วถามอีกฝ่ายอยากเข้าไปดูข้างในไหม เทนนิสพยักหน้า เบสยิ้มเป็นการอนุญาต


   หลังมื้อเที่ยงทุกคนที่เกี่ยวข้องเข้าโรงงานไปดูขั้นตอนการผลิต โดยมีเจ้าหน้าที่เดินนำและคอยให้ข้อมูลตอบข้อสงสัย ทุก

คนที่เข้าข้างในสวมเสื้อทับสวมหมวกให้ถูกหลักอนามัย เจ้าหน้าที่พาไปดูตั้งแต่ขั้นตอนแรกของการป้อนวัตถุดิบเข้าเครื่อง

วัตถุดิบหลักของโรงงานคือมันฝรั่งสดที่คัดด้วยมือ มีพนักงานมีประสบการณ์ทำหน้าที่นั่งคัดมันฝรั่งที่ได้ขนาดและน้ำหนักตามที่

ต้องการ จากนั้นพนักงานจะนำมันฝรั่งที่คัดเสร็จแล้วไปล้างให้สะอาดและปอกเปลือกให้เรียบร้อย และล้างผ่านเครื่องอีกครั้ง

เครื่องจะลำเลียงมันฝรั่งที่ล้างจนสะอาดแล้วเข้าเครื่องแปรรูป มันฝรั่งสดจะออกมาเป็นแผ่น หรือเป็นแท่ง จากนั้นเครื่องลำเลียง

เข้าเครื่องทอด เมื่อได้มันฝรั่งทอดแล้วต่อไปเป็นการปรุงรสในถังผสม เครื่องจะคลุกเคล้ามันฝรั่งกับผงปรุงรสให้เข้ากันส่วนขั้น

ตอนสุดท้ายคือบรรจุลงในซองตามขนาดปิดผนึกและชั่งน้ำหนัก พนักงานจะซุ่มหยิบซองขนมออกมาจากเครื่องมาตรวจสอบ

คุณภาพของรสชาติ เจ้าหน้าที่ให้ความรู้หยุดทีละจุดคณะกรรมการที่เข้าชมต่างตั้งใจฟัง ในมือถือเอกสาร ฟังไปด้วยเขียนอะไร

สักอย่างลงในกระดาษไปด้วย บาทีก็ทำเครื่องหมายถูกลงในช่องว่าง หลังจากฟังแล้วบางคนมีคำถามซักถามบ้างบางจุดที่สงสัย

เจ้าหน้าที่ที่พาชมโรงก็สามารถตอบข้อสงสัยได้จนกรรมการทุกคนพอใจในคำตอบ การเข้าตรวจวันแรกผ่านไปได้ด้วยดี เอกสาร

วันแรกถูกเก็บออกจากห้องประชุมเปลี่ยนเป็นเอกสารของวันต่อไป เจ้าหน้าที่ทุกคนถูกเรียกเข้าประชุมเพื่อฟังผลสะท้อนแต่ละ

ฝ่าย ทุกคนได้รับคำชื่นชมว่าทำงานได้ดีและคำขอบคุณที่ทำให้งานผ่านไปได้ด้วยดี จากหลังประชุมเสร็จทุกคนช่วยจัดเตรียม

ทุกอย่างอย่างจนเรียบร้อย หกโมงเย็นทุกคนต่างแยกย้ายกลับ หลายคนถอนหายใจออกด้วยความโล่งใจที่ทุกอย่างเริ่มต้นด้วยดี

ส่วนของวันพรุ่งนี้ก็ต้องพยายามทำให้ดีอีก


   เทนนิสนอนแผ่บนเตียงเดี่ยวในห้องใหม่ วันนี้เขาเข้าพักกับวีร์ เจ้านายพาทุกคนไปแวะกินข้าวก่อนเข้าที่พักกลับมาถึงห้อง

เขาอาบน้ำรู้สึกเหนียวตัว ออกมาจากห้องน้ำก็กระโดขึ้นเตียงรู้สึกสบายจนอยากหลับ มองไปเตียงข้างๆวีร์หลับไปแล้วน้ำก็ไม่

อาบแต่ยังดีที่เปลี่ยนเสื้อผ้า เขาลุกขึ้นไปปิดไฟเห็นโทรศัพท์ของเพื่อนวางอยู่บนโซฟาหน้าโทรทัศน์สั่นอยู่สองสามครั้งแล้วมี

ข้อความเข้า ไม่ต้องบอกก็เดาได้ว่าใครเป็นคนส่งมา แต่ก็แปลกใจที่อีกฝ่ายไม่โทรมาหาเขา ช่างเถอะมันเป็นเรื่องของคนสองคน

เขาไม่อยากก้าวก่ายเกินไป ปล่อยให้พวกเขาทั้งสองจัดการกันเอง นี่เป็นแค่เริ่มต้นยังผ่านมันไปไม่ได้ไม่ต้องพูดถึงอนาคต ต้อง

เจอเรื่องราวต่างๆตามมาแน่นอน เทนนิสเลิกสนใจโทรศัพท์เพื่อนแล้วปีนขึ้นเตียง มองคนที่หลับสนิท ท่าทางจะไม่ได้นอนมา

หลายวัน อดทนไว้เพื่อนเข้มแข็งไว้เดี๋ยวทุกอย่างจะดีขึ้นเอง ดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มแล้วหลับตามเพื่อนไป


   วันที่สองของการเข้าตรวจ ช่วงเช้าคณะกรรมการยังอยู่ในห้องประชุมเหมือนเดิมตรวจสอบเอกสาร ส่วนช่วงบ่ายเป็นการ

เยี่ยมชมโรงงาน คณะกรรมการตรวจสอบความสะอาด ปริมาณฝุ่นในโรงงาน และอากาศภายในโรงงานถ่ายเทได้สะดวกรึเปล่า

สังเกตการแต่งกายของพนักงาน เครื่องจักรปลอดภัยต่อผู้ใช้งานหรือไม่ มีการตรวจเช็คเป็นระยะรึเปล่า ไฟในโรงงานที่ติดตั้งให้

แสงสว่างเพียงพอ เสียงเครื่องจักรไม่ดังเกินมาตรฐานกำหนด ในโรงงานมีทางหนีไฟไหม ป้ายทางหนีไฟติดไว้เห็นชัดเจนรึเปล่า

และมีทางหนีไฟกี่ทาง แล้วอุปกรณ์ที่ใช้ดับเพลิงเบื้องต้นพร้อมใช้งานตลอดหรือไม่ การเข้าตรวจวันที่สองผ่านไปแล้ว ส่วนวัน

สุดท้ายเป็นการตรวจสอบเอกสารที่เหลือและสรุปผล



   หลังจากสินสุดการตรวจเยี่ยมเจ้านายพาทุกคนที่ทำงานหนักมาหลายวันมาเลี้ยงผ่อนคลาย ผลออกมาเบื้องต้นคือผ่าน ทุก

คนที่ทำงานหนักแทบจะตะโกนร้องไชโย โยนเอกสารที่กองอยู่เต็มห้องขึ้นฟ้า แต่ก็ทำได้แค่ยิ้มออกตามตามกันเท่านั้น กับข้าว

หลายอย่างวางอยู่เต็มโต๊ะ บางคนทำงานจนเครียดกินอะไรไม่ลงไปหลายวันหวังจะกินวันนี้ชดเชย เทนนิสก็พลอยติดโรคเครียด

กับเพื่อนร่วมงานไปด้วย เจ้านายหน้าเครียดมาหลายวัน วันนี้ก็มีรอยยิ้มปรากฏให้เห็น แต่คนที่นั่งข้างๆนี่สิหน้ายังเศร้าไม่เปลี่ยน

นึกว่าห่างกันแล้วจะดีขึ้นดูเหมือนจะยิ่งแย่ แล้วยังกินเหล้าเข้าไปอีก ที่จริงอยากจะห้ามช่างเถอะกินเข้าไปเผื่อจะได้สบายใจขึ้น

มาบ้างชั่วคราวก็ยังดี

“..เทน..เทนนิสพาไปเข้าห้องน้ำหน่อย”วีร์นั่งดื่มมาสักพักก็เริ่มมึนๆ อยากเข้าห้องน้ำแต่ไปไม่ไหวเขาเรียกเพื่อนนั่งอยู่ข้างๆให้พา

ไปห้องน้ำ ใครใช้ให้เขาคออ่อนกินเข้าไปแค่นิดหน่อยก็มึนมึนแล้ว เขาลุกขึ้นไปห้องน้ำรู้สึกพื้นมันโครงไปโครงมาจนมาถึง

ห้องน้ำ เขาเข้าไปด้านในทำธุระให้เรียบร้อยนั่งหลับอยู่บนชักโครกสักครู่ ทำงานนี่ว่าเหนื่อยแล้วแต่รู้สึกคิดถึงใครสักคนนี่มัน

เหนื่อยยิ่งกว่า ไม่ได้เจอหน้ากันหลายวันไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะคิดถึงเขาบ้างไหม ตอนนี้เขาอยากเห็นหน้าอยากได้ยินเสียงอีกฝ่ายมาก

หยิบโทรศัพท์ออกมาดูอ่านข้อความทางไลน์ที่เคยคุยกัน แล้วยิ้มออกมาทั้งน้ำตา ความคิดถึงนี่มันทรมานจังเลย เห็นทีเขาต้อง

เผชิญหน้ากับความจริงไม่ว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกยังไงกับเขาก็ต้องยอมรับมันให้ได้ หลายครั้งที่คิดว่าอีกฝ่ายรู้สึกแบบเดียวกับเขา

บางทีเขาอาจจะเข้าข้างตัวเองเกินไป ปาดน้ำตาที่อยู่บนแก้มแล้วออกมาจากห้องน้ำ เห็นเพื่อนยืนยิ้ม“ล้างหน้าหน่อยจะได้ดี

ขึ้น”เขาพยักหน้าเป็นคำตอบ


   กลับมาที่โต๊ะมีเจ้านายนั่งรอคนเดียว เทนนิสถามถึงคนอื่น เจ้านายบอกว่ากลับไปพักเพราะพรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแต่เช้า

อืม ถ้าอย่างนั้นพวกเขาก็ต้องกลับไปพักบ้างเหมือนกันโดยเฉพาะเพื่อนเขา

   เทนนิสพยุงเพื่อนขึ้นมานอนบนเตียง บอกขอบคุณเจ้านายที่ช่วย ดีที่ไม่ใช่เวลางานไม่อย่างนั้นต้องโดนตำหนิแน่นอน แล้ว

เมาอย่างนี้พรุ่งนี้จะตื่นไปทำงานไหวไหมเนี่ย ธีรภัทรเดินออกจากห้องบอกว่ามีอะไรให้ช่วยก็บอกไม่ต้องเกรงใจ เขาขอบคุณแล้ว

หันกลับมามองเพื่อน ทันทีที่หัวถึงหมอนก็หลับไม่รู้เรื่องแต่ก่อนจะหลับยังเรียกชื่อคนคนหนึ่งไม่หยุด นานแล้วที่ไม่เห็นเพื่อนเมา

อย่างนี้ เขาจัดการถอดเสื้อผ้าคนเมาออกใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวให้ จะได้นอนสบาย คนถูกเช็ดตัวครางออกมาอย่างรำคาญที่ถูก

รบกวนเวลานอน เช็ดตัวเสร็จ เขาหยิบเสื้อตัวเองออกมาสวมให้คนที่นอนอยู่ จัดการเพื่อนเสร็จแล้วกำลังจะหยิบผ้าเช็ดตัว เสียง

โทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขามองดูแล้วตัดสินใจกดรับ ปลายสายบอกว่าตอนนี้อยู่หน้าโรงแรม โทรหาวีร์แต่อีกฝ่ายไม่ยอมรับ เทนนิส

บอกอีกฝ่ายให้รออยู่ข้างล่างเดี๋ยวเขาลงไปหา เขาวางสายแล้วหันไปมองเพื่อนอย่างขอโทษ เป็นเขาที่โทรตามอีกฝ่ายให้มา

เป็นเขาเองที่ยุ่งไม่เข้าเรื่อง แต่ขอให้การยุ่งไม่เข้าเรื่องของเขาครั้งนี้ทำให้ทุกอย่างดีขึ้นด้วยเถอะ

“เทนนิส ทางนี้”

“พี่มาช้า วีร์มันเมาหลับแล้ว”

“เมาด้วยหรอ วีร์โกรธอะไรพี่ ทำไมไม่ยอมรับโทรศัพท์พี่เลย”

“อยู่กับมันทุกวันยังไม่รู้ แล้วผมจะรู้ได้ยังไง”ถามไม่คิด

“คือ ช่วงนี้พี่มีงาน......”

“พี่ทำงาน แล้วคนอื่นเขาไม่ทำงานรึไง ทำงานเยอะทำงานยุ่งแล้วทำไมไม่โทรไปบอก ปล่อยให้มันอยู่ห้องคนเดียวไม่ห่วงความ

รู้สึกมันบ้างรึไง บางทีก็ทำเป็นหวงไปไหนไม่ได้ ทีตัวเองกลับไม่โทรไปบอกมัน”พูดทุกอย่างออกไปแล้วเห็นใบหน้าอีกฝ่ายสลด

ลง จนคิดว่าตัวเองพูดเกินไปรึเปล่า ช่างเถอะถือว่าเอาคืนที่ทำให้เพื่อนเขาคิดมากไม่สบายใจ

“พี่ขอโทษ”

“คนที่พี่ต้องขอโทษ โน่นเมาหลับอยู่บนห้องโน่น ผมถามพี่พี่คิดยังไงกับเพื่อนผมกันแน่”เอาสิแน่จริงพูดมาสิ รอฟังอยู่

อีกฝ่ายเม้มปากยืนเงียบ

“พี่ไม่ต้องตอบผมหรอก ผมไม่อยากรู้แต่แค่อยากบอกว่าคิดอะไรก็ให้บอก ผมคิดว่าเพื่อนผมก็รู้สึกกับพี่เหมือนพี่รู้สึกกับมันนั่นแห

ล่ะ”แค่มันไม่พูอออกมาเท่านั้น


หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 11 ] 4/04/2560
เริ่มหัวข้อโดย: jaengsRU ที่ 04-04-2017 19:51:01



ปาลภัทรได้ยินคำพูดคงตรงหน้าถึงกับแปลกใจ นี่วีร์ชอบเขาหรอ

“ รู้ไหมว่าพี่ทำให้เพื่อนผมเสียใจมาก มันบอกว่าโทรไปหาพี่คืนวันก่อนที่พี่กลับบ้านดึกเป็นเสียงผู้หญิงรับ”เขาหยุดมองหน้า

ใบหน้าคนตรงหน้าว่าจะแสดงท่าทางยังไง แต่อีกฝ่ายยังดูนิ่งเดาไม่ออก”แล้วเธอบอกว่าพี่กำลังนอนอยู่ ส่วนเรื่องราวทั้งหมดพี่

คงรู้ดีอยู่แก่ใจ”

“คือ...”

“พี่เก็บคำแก้ตัวไปบอกเพื่อนผมดีกว่า นี่กุญแจห้องผมให้เวลาพี่คุยกับมัน รู้สึกยังไงก็พูดกันให้รู้เรื่อง ถ้ามันงี่เง่าก็ปล้ำมันเลยผม

อนุญาต ถ้ามันลุกจากเตียงไม่ได้ผมจะลางานกับเจ้านายให้”

“ขอบใจนะ”

เทนนิสพยักหน้ามองตามหลังร่างสูงเข้าไปในลิฟต์โดยสาร เรื่องต่อจากนี้จะเป็นยังไงก็ขึ้นอยู่กับทั้งสองคนแล้ว เขาคงทำได้เท่า

นี้ ว่าแต่คืนนี้เขาจะไปนอนที่ไหน


   ปาลภัทรเปิดประตูเข้าไปในห้องเห็นคนที่ไม่เจอหน้าหลายวันนอนหลับสบายอยู่บนเตียง เขาไม่รู้เรื่องราวที่เทนนิสบอกว่า

วีร์โทรมาหาวีร์ไม่ได้บอก ดูในโทรศัพท์ย้อนหลังก็ไม่มีเบอร์โทรเข้า อาจมีคนกำลังเล่นตลกกับเขา ช่วงนี้วิ่งวุ่นอยู่กับทำงานให้

ลูกค้าจนดึก กลับถึงห้องอีกคนที่อยู่ห้องข้างๆก็ปิดไฟนอนหลับไปแล้ว เขาตื่นมาตอนเช้าก็ไม่เห็น ตอนแรกยังไม่เอะใจว่ามันเกิด

อะไรขึ้น จนเขาโทรหาอีกฝ่ายแต่ไม่ยอมรับ ไม่รับโทรศัพท์ไม่ได้เจอหน้าเขาแทบจะบ้า เขาทำอะไรผิดไปรึเปล่า ถ้าผิดก็พร้อม

จะขอโทษแต่ขอแค่ให้คุยกันให้รู้เรื่องเท่านั้น เขาไม่มีอารมณ์ทำงาน รู้สึกหงุดหงิด จนในที่สุดสายวันนี้เทนนิสโทรมาถามเขาว่า

เกิดอะไรขึ้น นั่นยิ่งทำให้เขางงเข้าไปใหญ่ ช่างเถอะแค่ไปถามอีกฝ่ายก็คงรู้เองเขารีบเคลียร์งานให้เสร็จแล้วขับรถตรงมาที่

โรงแรมที่เทนนิสส่งที่อยู่ไปให้ เพิ่งเห็นคนตัวเล็กกินเหล้าจนเมา เขาเข้าห้องน้ำอาบน้ำทำธุระให้เรียบร้อยกลับมานอนลงข้างๆ

คนที่หลับอยู่ก่อน


   ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นธีรภัทรลุกขึ้นเดินไปที่หน้าประตู เห็นคนที่คิดถึงยืนยิ้มในชุดเดิมอยู่หน้าประตูและพูด

ประโยคที่ไม่คิดว่าจะได้ยิน

“เอ่อ คืนนี้ผมขอมานอนห้องนี้ด้วยได้ไหมครับ”

“ได้ เข้ามาก่อนสิ”เขาตอบโดยไม่ต้องคิด แต่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทะเลาะกับเพื่อนมาหรอ ช่างเถอะถ้าอีกฝ่ายอยากบอกก็คงเล่า

ออกมาเอง เขาบอกให้อีกฝ่ายไปอาบน้ำและหยิบเสื้อผ้าให้ยืม


   ได้อาบน้ำแล้วรู้สึกสดชื่นขึ้นเยอะเลย ไม่รู้ว่าสองคนนั้นจะเป็นยังไงบ้าง ธีรภัทรเห็นคนที่ออกมาจากห้องน้ำนั่งนิ่งไม่พูดไม่

จาเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ รู้สึกเป็นห่วงอยู่บ้าง ยังไม่ทันได้เอ่ยปากถามอีกฝ่ายก็พูดขึ้นมา

”ความรักนี่เข้าใจยากจังเลยนะครับ”

“ฮืม อารมณ์ไหนนิ พูดเหมือนคนกำลังมีความรัก”

“ก็ไม่เชิง พี่ธีร์คิดว่าผู้ชายกับผู้ชายรักกันเป็นยังไงบ้าง”

ธีรภัทรแปลกใจอยู่บ้างที่ได้ยินอีกฝ่ายถามคำถามนี้ขึ้นมา“หลายคนยังรับไม่ได้ สังคมยังไม่เปิดกว้างเรื่องแบบนี้เท่าไหร่”เขาตอบ

แล้วสังเกตท่าทีอีกฝ่าย

“อืม หรืออาจจะใช้เป็นข้ออ้าง ไม่ว่าผู้ชายหรือผู้หญิงไม่มีใครเกิดมาสมบูรณ์แบบ ถ้าผู้ชายคนหนึ่งมีแฟนหน้าตาไม่ดีเพื่อนของ

เขาอาจไม่ชอบและอยากให้ทั้งสองเลิกกัน เวลาเดินไปไหนมาไหนด้วยคนอื่นก็จะมองแอบนินทาว่าผู้หญิงคนนั้นหน้าตาไม่ดีมี

แฟนหน้าตาดี โดยที่ไม่คิดว่าที่จริงแล้วนั่นเป็นเพียงภายนอกเท่านั้น หรือผู้หญิงคนหนึ่งมีแฟนแต่แฟนมีฐานะไม่ดีทางบ้านก็ขัด

ขวาง ให้เหตุผลหน้าตาทางสังคมเป็นที่ตั้ง สรุปแล้วความรักน่าจะเป็นเรื่องของคนสองคน เพื่อน ครอบครัว และสังคมไม่ได้เป็น

ตัวตัดสินหลักคนสองคนต่างหาก ”

“อาจะใช่ หรือไม่ใช่ แล้วถ้าเป็นเราล่ะ“   

“ถ้าเป็นผมเป็นใครก็ได้ที่ ไม่ต้องหน้าตาดี ไม่ต้องรวย ไม่ต้องเรียนหนังสือเก่งหรือฉลาด ขอแค่มีคนคนนั้นอยู่ด้วย เหนื่อยจาก

ข้างนอกมาทั้งวัน กลับมาเจอคนที่เรารักและรักเท่านั้นที่ผมต้องการ”    

“อืม ฟังแล้วดูดีคนเราไม่เหมือนกัน ความคิดก็แตกต่างกันไปด้วย ไม่อย่างนั้นจะมีการหย่าร้างหรอ ชีวิตคู่ไม่ได้เรียบง่ายไม่ได้โรย

ไปด้วยกลีบกุหลาบ มันมักจะมีบททดสอบเข้ามาให้เราต้องเผชิญอยู่ตลอด แล้วคนทั้งสองคนต้องฝ่าฟันมันไปด้วยกัน คนสองคน

ที่ต้องปรับตัวเข้าหากันเรียนรู้ซึ่งกันและกัน มันไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่เหมือนนิยายวัยรุ่นเล่มละร้อยกว่าบาทที่ขายอยู่ในร้านหนังสือ"

รู้หรอน่าว่านั่นคือนิยาย ไม่ใช่เรื่องจริง“ครับ ผมว่าดึกแล้วผมไปนอนดีกว่า”ธีรภัทรเห็นว่าดึกแล้วพรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานตาม

ปกติ ไม่รู้ว่ามีงานกองอยู่เต็มโต๊ะหรือเปล่าแค่คิดก็เหนื่อยขึ้นมา ปิดไฟในห้องลงหน้าจอโทรโทรศัพท์แสดงชื่อคนที่โทรเข้ามา

ธนิตาเป็นผู้หญิงสวยคนหนึ่ง มีการงานมั่นคง เป็นคนฉลาด โสด แต่ไม่ใช่คนที่เขาชอบ นี่คงเป็นคำตอบของคำถามเมื่อครู่ถึงจะ

สมบูรณ์แบบแค่ไหนแต่ไม่ได้รักไม่ได้ชอบก็ไม่ใช่สินะ ริมฝีปากหนาโค้งขึ้นเล็กน้อยอย่างพอใจคำตอบที่เขาค้นพบ ขอบคุณ

สำหรับคำถามที่ทำให้เข้าใจตัวเองมากขึ้น ธีรภัทรพลิกตัวนอนตะแคงมองใบหน้าที่หลับสนิทแล้วหลับตามอีกฝ่าย


   เช้าวันใหม่คนที่หลับสบายทั้งคืนเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ค่อยๆลืมตาขึ้นเห็นใบหน้าคนที่คิดถึงมาหลายวันอยู่แค่คืบ นี่เขา

ยังไม่สร่างเมาอีกหรอหรือฝันไป ช่างเถอะนอนต่อดีกว่ายังไงก็ฝันดีแล้ว เขาหลับตานอนต่อขยับเข้าซุกอ้อมอกคนที่นอนหลับอยู่

นี่คงเป็นฝันแบบ HD ฝันเหมือนจริงมากเลย

“ตื่นแล้วหรอตัวเล็ก”

นั่นได้ยินแม้กระทั่งเสียง เขารู้สึกเหมือนถูกใครกอดอยู่จนต้องลืมตาขึ้น

“พ...พี่ปาลมาได้ไง”เขาลุกขึ้นนั่งมองคนที่นอนยิ้มหล่ออยู่บนเตียง แต่เดียวก่อนนี่มันห้องนอนที่คอนโดนี่ไม่ใช่โรงแรม เขากลับ

มาได้ยังไง

“ไม่ต้องแปลกใจหรอกพี่เป็นคนพากลับมาเอง ปลุกยังไงก็ไม่ตื่นเลยอุ้มขึ้นรถมา”

“เอ่อ อุ้ม แล้วงานงานใช่ต้องไปทำงาน นี่กี่โมงแล้ว”เขาเพิ่งนึกได้ว่าวันต้องไปทำงาน มองหาโทรศัพท์เพื่อดูเวลา

“10 โมงเช้าแล้ว”คนนอนอยู่บนเตียงพูดอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน

“หา! อย่างนี่ก็สายสิ”

“ไม่สายหรอกพี่บอกเทนนิสให้ลางานให้แล้วเรียบร้อยสองวัน ”

“สองวัน”ทำไมต้องสองวัน

“ใช่ สองวัน”

“แล้วพี่ไม่ไปทำงานหรอ”

“ลาเหมือนกันสองวัน”

“โกรธอะไรพี่ ทำไมไม่บอก ทำไมไม่คุยกัน”

“โกรธใครโกรธ โกรธเรื่องอะไรไม่มี แล้วก็เลิกกอดได้แล้ว เป็นอะไรทำงานเยอะจนเพี้ยนไปรึเปล่า”เขาดันหน้าอกคนตัวโตให้ไป
ห่างๆ

“อยากกอด อยากกอดมาตั้งนานแล้ว”เขาดึงตัวคนตัวเล็กเข้ามาในอ้อมกอด

“ป่วยรึไง หรือกินอะไรผิดสำแดง”ปากพูดไปอย่างนั้นแต่ในใจกำลังเต้นแรงเพราะความดีใจ รู้สึกดีที่ได้อยู่อ้อมกอดของอีกฝ่าย

“พี่รักวีร์นะ”ปาลภัทรกระซิบบอกรักคนในอ้อมกอด ตอนนี้เขาไม่มีอะไรต้องลังเลอีกแล้ว เขาคิดทบทวนตลอดเรื่องราวทุกอย่าง

ตลอดทั้งคืน เขาไม่อยากปล่อยมือจากคนคนนี้ไป ถ้าอีกฝ่ายปฏิเสธเขาก็พร้อมที่จะทุกวิถีทางที่จะผูกมัดไว้

“หา!”นี่เขานอนหลับยังไม่ตื่นดี หรือเหล้าที่กินเมื่อวานหมดอายุ วีร์ยื่นมือไปวางบนหน้าผากคนตรงหน้าแล้ววางที่หน้าผากตัวเอง

ก็ตัวไม่ร้อนทั้งคู่

“นี่ผมไม่ฝันไปใช่ไหม พี่ปาลตัวจริงรึเปล่า ที่พูดเมื่อกี้หมายหมายความว่าอย่างนั้นจริงๆใช่ไหม”

“ใช่ พี่รู้สึกอย่างนั้นกับเราจริงๆ รู้สึกมาตั้งนานแล้วกลัวว่าเราจะปฏิเสธ”เขาพูดความในใจให้คนในอ้อมกอดได้รับรู้ ใช้มือหนาลูบ

แผ่นหลังไปมาเบาๆ

“ต...แต่ พี่ไม่ได้คบอยู่กับผู้หญิงที่เป็นนางแบบคนนั้นหรอ”วีร์พูดเสียงเบาลง”คืนก่อนที่ผมโทรไปเธอรับโทรศัพท์บอกว่า”เขา

หลบหน้าอีกฝ่ายไม่อยากพูดต่อ

ชายหนุ่มคลายคนตัวเล็กออกจากอ้อมกอด แล้วจ้องใบหน้าที่กำลังแสดงออกมาว่ากังวลใจ“พี่ขอโทษนะที่ปล่อยให้เราเป็นห่วง

แต่พี่ไม่ได้อยู่กับผู้หญิงคนนั้นแค่สองคน และพี่กับเธอไม่เคยมีอะไรกัน มากกว่าเพื่อนร่วมงาน”เขายืนยันคำพูดด้วยท่าทางที่

จริงจังและน้ำเสียงที่หนักแน่น

“อืม ผมเชื่อก็ได้”คนตัวเล็กยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ รู้สึกดีใจที่ยินคำพูดอีกฝ่าย แต่หุบยิ้มลงเมื่อนึกถึงความเป็นจริง”มันไม่

แปลกหรอที่ผู้ชายชอบกันแบบนี้ ที่...ที่บ้านถ้าพ่อกับแม่รู้ต้องว่าแน่แน่ ไหนจะเพื่อน ไหนจะที่ทำงานอีก”

“ไม่ ไม่แปลกหรอก เรื่องแบบนี้ไม่ได้มีแค่เรา ส่วนที่บ้านแม่พี่รู้เรื่องนี้ตั้งแต่แรก”เขาเข้าใจคำถามและเข้าใจความกังวลของอีก

ฝ่าย ไม่ใช่ว่าเขาไม่เป็นเพราะถ้าตอบว่าไม่ก็คงโกหก แต่เรื่องนี้มันเป็นเรื่องของคนสองคนถ้าพวกเขาหนักแน่นพอ คำตอบคือเรา

ทั้งสองรักกันแค่นี้ก็ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว

เขาเข้าใจว่าเรื่องแบบนี้ไม่แปลกถ้าแปลกคนเขาคงจับไปเผา จับไปถ่วงน้ำหรือจับไปขังออกงานวัดแล้ว แต่แม่รู้เรื่องนี้ตั้งแต่แรก
หมายความว่ายังไง

“แม่พี่รู้เรื่องนี้นานแล้ว ท่านถึงไม่เร่งให้พี่มีแฟนแต่งงาน”พยายามอธิบายอีกฝ่ายให้เข้าใจ

“อยู่ที่โน่นคงมีแฟนเยอะละซิ ดูก็รู้ว่าเสน่ห์แรง ขนาดพวกนางแบบที่ร่วมงานด้วยแต่ละคนมองทีน้ำลายหก บางคนก็แทบจะวิ่ง

ตามอยู่แล้ว”พูดแล้วก็หมั่นไส้

“ฮึ ฮึ พูดอย่างนี้เหมือนจะหึงเลย”คนพูดหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ที่อีกฝ่ายแสดงอาการหึงหวงออกมา”อยู่ที่โน่นก็มีบ้างตามประสา

ผู้ชายโสด หน้าตาดี แต่ไม่ได้จริงจังอะไร เพราะพี่ไปเรียนไม่ได้ไปหาแฟน”เขายอมรับที่มีคนเข้ามาบ้าง ก็แค่ชั่วครั้งชั่วคราว แต่

คนตรงหน้ายังอยู่ในใจตลอด

“ผู้ชายไม่ได้น่ากอดเหมือนผู้หญิงหรอกนะ”

“มันไม่เกี่ยวว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย มันเกี่ยวที่ว่าคนที่พี่กอดเป็นคนที่พี่รักและรักพี่มากกว่า แล้วตัวเล็กคิดยังไงกับพี่ รักพี่

ไหม”คำถามง่ายๆแต่ทำให้อีกฝ่ายเงียบลง วีร์ถูกคำถามตรงๆเล่นงานจนหัวใจเต้นแรงอดหน้าแดงขึ้นมา ไม่รู้จะตอบยังไงดีได้แต่

พยักหน้าช้าๆเป็นคำตอบ แต่อีกฝ่ายไม่ยอม ปาลภัทรยังรอฟังคำตอบออกจากปากคนตรงหน้ามากกว่า

“อื้อ รักเหมือนกัน”ตอบไปแล้วก็โผเข้ากอดคนตรงหน้าทันที ให้ตายไม่มีเคยมีแฟนไม่พอ ดันต้องมาบอกรักผู้ชายคนแรกอีก แต่

รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกที่ได้พูดความในใจออกไป

ปาลภัทรมองเวลาเห็นว่าสายมากแล้วจึงชวนอีกฝ่ายเข้าไปอาบน้ำก่อนออกไปหาอะไรกิน แต่ถูกอีกฝ่ายปฏิเสธ เขาเสียดายเล็ก

น้อยแต่ก็เข้าใจ ยอมเข้าไปอาบน้ำคนเดียวก่อนครั้งต่อไปต้องหาวิธีให้อีกฝ่ายยอมให้ได้ วีร์นั่งนิ่งบนเตียงคิดเรื่องราวที่เกิดต่อ

จากนี้ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น เขาอยากทำทุกวันให้มีความสุขที่สุด ในใจนึกขอบคุณเพื่อนคงเป็นเทนนิสที่บอกเรื่องของ

เขาให้ปาลภัทรรู้

   

   ออกเดินทางจากโรงแรมตอนตีสามกว่ามาถึงคอนโดตีสี่ยังมีเวลาพัก เทนนิสรีบรักษาเวลาอันมีค่าทันทีโดยการนอน รู้สึก

ตัวอีกทีตอนนาฬิกาปลุกดังลั่นห้อง งัวเงียลืมตาตื่นขึ้นมาดูนาฬิกาเจ็ดโมงเช้าแล้วยังง่วงอยู่เลย วันนี้ไม่อยากไปทำงาน เขาลกุ

ขึ้นจาดเตียงเข้าห้องน้ำอาบน้ำทำธุระส่วนตัวถ้าช้ากลัวเจ้านายจะรอ เขาเปิดน้ำจากก๊อกล้างหน้ารู้สึกสดชื่นมองตัวเองใน

กระจกเงาหน้าเต็มไปด้วยฟอง ส่วนมือก็ลูบไปทั่วหน้าเขารู้สึกว่าสิวเม็ดเล็กบนหน้าผากไม่ค่อยมีแล้ว เปลี่ยนโฟมล้างหน้าแล้วดี

ขึ้นจริงๆ เสียงฝนข้างนอกยังดังอยู่เมื่อคืนตอนกลับมาฝนก็ตกอากาศชื้นๆอย่างนี้แหล่ะหลับสบายว่าแล้วก็อยากกลับไปนอน


   อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยออกมาจากห้องแต่ยังไม่ได้ยินเสียงโทรทัศน์ อ้าว พี่ธีร์ยังแต่งตัวไม่เสร็จอีกหรอ สงสัยจะตื่นสาย

คงจะเหนื่อยเพราะเมื่อวานต้องขับรถกลับมาอีก มองออกข้างนอกเห็นฝนยังตกอยู่ จากที่ดูข่าววันก่อนพยากรณ์อากาศบอกว่า

สองสามวันนี้จะมีฝนตก ฤดูฝนนี่นะ ฝนก็ต้องตกเป็นธรรมดา เทนนิสมองดูเวลาถ้าช้ากว่านี้จะสาย เขาจึงตัดสินใจไปเคาะประตู

เรียกเจ้าของห้อง เรียกอยู่ครั้งสองครั้ง ไม่มีเสียงตอบรับรึว่าออกไปก่อนแล้ว ไม่หรอกถ้าจะออกไปก็น่าจะบอกกันบ้าง รึว่าเขา

นอนขี้เซาจนไม่ได้ยินเสียงปลุก ไม่แน่ถ้าอย่างนั้นก็ต้องมีข้อความเขียนติดไว้บ้างซิ เขาลองหมุนลูกบิดแล้วผลักเข้าไป ในห้อง

มืดเพราะในห้องปิดม่านกั้นแสง เขาลองเรียกเจ้าของห้องอีกครั้ง ไม่มีเสียงตอบกลับ เขาเข้าไปข้างใน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเข้ามา

เหยียบห้องนอนธีรภัทร ในห้องเปิดแอร์ซะเย็น เดินตรงไปที่เตียงเห็นเจ้าของห้องนอนอยู่ นี่เป็นอะไรรึเปล่าเรียกขนาดนี้ยังไม่ตื่น

“พี่ธีร์ พี่ธีร์ ตื่น”เขาเรียกคนนอนอยู่เบาๆ เหมือนคนนอนอยู่จะรู้สึกตัว”เป็นอะไรรึเปล่า ไม่สบายตรงไหน”ถามแล้วอีกฝ่ายยังเงียบ

เขาวางมือบนหน้าแก้มซอกคออีกฝ่าย”ตัวร้อนมากเลย เป็นไข้แน่แน่”

“อืม ปวดหัว”

“วันนี้ไม่ต้องไปทำงานหรอกตรับ ไปสภาพนี้ก็ทำอะไรไม่ได้ นอนนิ่งนิ่งนะผมจะโทรไปบอกพี่เบสให้”เทนนิสสั่งอีกฝ่ายแล้วเดิน

ไปปิดเครื่องปรับอากาศเปลี่ยนเป็นผัดลมแทน เลื่อนม่านออกให้มีแสงเข้ามาในห้องบ้าง แล้วโทรหาคุณเลขาบอกว่าเจ้านายป่วย

ไม่สบาย ตัวร้อน ปวดหัว คุณเลขาก็บอกให้เทนนิสไม่ต้องมาทำงานดูแลเจ้านายไม่ให้ดื้อลุกขึ้นมาทำงานบังคับให้กินข้าวกินยา

และนอนเยอะๆ ลองดูอาการก่อนถ้าไม่ดีขึ้นค่อยถ้าไปหาหมอ เทนนิสรับทราบคำสั่งของคุณเลขา ไม่รู้ว่าคนที่ป่วยเป็นเจ้านาย

หรือลูกน้องกันแน่ เดินกลับเข้าห้องดูอาการคนป่วยยังนอนอยู่แล้วใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวให้ ปลดกระดุมออกทีละเม็ด เปิดเสื้อออก

เห็นผิวขาวกับหุ่นใต้เสื้อที่ดูแล้วน่าอิจฉา ผ้าชื้นสัมผัสกับผิว คนที่นอนอยู่ก็ลืมตาขึ้นมาเห็นคนคุ้นหน้ากำลังเช็ดตัวให้ ธีรภัทรรู้สึก

สบายตัวขึ้นมาก อาจจะเครียดเรื่องงานพักผ่อนไม่เพียงพอบวกกับอากาศเปลี่ยนแปลง ทำให้เช้านี้เกิดไม่สบายขึ้นมา เขามองมือ

ขาวที่ใช้ผ้าเช็ดไปตามตัวเขา เทนนิสหยิบเสื้อตัวใหม่ออกมาเปลี่ยนให้คนป่วย บอกให้คนป่วยนอนก่อนเขาจะไปทำข้าวมาให้

และจะได้กินยา คนป่วยนอนรออย่างว่าง่าย เทนนิสลงไปร้านสะดวกซื้อข้างล่างซื้อยาพาราเซตามอล แผ่นเจลลดไข้ ยาอม

มะแว้งรสบ๊วยกับผลไม้สด ฝนหยุดตกแล้วอากาศเย็นสบายถนนเปียกข้างทางมีน้ำท่วมขัง พยาบาลจำเป็นกลับขึ้นมาบนห้องเข้า

ครัวทำข้าวต้มปลาใส่กระเทียมเจียวสำเร็จรูปกับต้นหอมเยอะๆ กลิ่นหอมของข้าวต้มปลุกคนป่วยให้ตื่น เทนนิสให้คนป่วยเอนหลัง

พิงกับหัวเตียง และนั่งเฝ้าคนป่วยกินข้าวต้มให้หมด ธีรภัทรกินข้าวต้มจนหมด กินยาและติดแผ่นเจลลดไข้อย่างว่าง่ายแล้วพัก
ผ่อน


   ไม่รู้ว่านอนหลับไปนานเท่าไหร่ตื่นขึ้นมาอาการปวดมึนที่หัวรู้สึกดีขึ้น คอไม่เจ็บเหมือนเมื่อเช้า ตามเนื้อตัวเหนียวเพราะ

เหงื่อ เขาลุกขึ้นจากเตียงอยากเปลี่ยนชุดที่ชื้นไปด้วยเหงื่อ สายตามองไปที่โซฟาเห็นคนเฝ้าไข้ เมื่อเช้าวุ่นวายดูแลเขาเพิ่งรู้ว่า

เวลาไม่สบายแล้วมีคนคอยดูแลมันดีอย่างนี้เอง เขาก้มลงจูบลงบนหน้าผากของคนที่นอนหลับแทนการขอบคุณ อีกฝ่ายคงจะ

เหนื่อยเหมือนกัน ไม่รู้ว่าเขาทำงานมากเกินไปรึเปล่า น่าจะหาความสุขให้เองบ้างเหมือนที่เพื่อนของเขาชอบพูดกรอกหูบ่อยบ่อย

หาช่วงวันหยุดยาวไปเที่ยวที่ไกลๆก็ไม่เลวเหมือนกัน ไม่รู้ว่าคนนอนฝันดีอยู่บนโซฟาอยากไปกับเขารึเปล่า เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่

เสร็จคนนอนอยู่บนโซฟาก็ตื่นขึ้นมา

“หายปวดหัวแล้วรึยังครับ”เขาลุกขึ้นแนบหลังมือที่หน้าผากแก้มอีกฝ่าย”ตัวไม่ร้อนเหมือนเมื่อเช้า”ค่อยยังชั่วรู้สึกโล่งขึ้นเพราะไม่

ต้องพาเจ้านายไปหาหมอ คงเป็นไข้หวัดธรรมดาไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เอาไว้ตอนเย็นค่อยโทรไปบอกคุณเลขา

“ดีขึ้นมากแล้ว ขอบใจที่ช่วยดูแล”

“ไม่เป็นครับ ว่าแต่หิวไหมครับผมจะหาอะไรให้กิน”ห้าว หลับไปตอนไม่รู้เห็นเรื่องเลย ฝนตกลงมาอีกแล้วหรอเนี่ย

“ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่”แต่คนที่ถามน่าจะหิวมากกว่านะ

“อยากกินอะไรครับ พิซซ่าหรือไก่ทอดดี”

“หือ”ให้คนป่วยกินอาหารแบบนี้จะดีหรอ

“ล้อเล่นครับ”ขืนสั่งอาหารแบบนั้นมาให้เจ้านายกิน คุณเลขารู้เข้าคงโดนด่าตาย

นอนมาทั้งวันแล้วรู้สึกเบื่อๆธีรภัทรออกมานั่งดูโทรทัศน์และกินแอปเปิ้ลกับสาลีรองท้อง ที่เทนนิสปอกใส่จานให้ วันนี้เป็นวันหยุด

ที่สบายที่สุดไม่ต้องคิดกังวลเรื่องงาน ไม่มีเสียงโทรศัพท์คอยกวนใจ แถมยังมีพยาบาลส่วนตัวคอยดูแลอีก เสียงแว่วดังมาจาก

ในครัวเทนนิสกำลังทำกับข้าวมื้อเย็นเป็นข้าวต้มหมูสับ ใส่หมูยอ ไข่ต้ม โรยหน้าด้วยคึ่นไช่ต้นหอมกระเทียมเจียว เป็นอะไรที่กิน

ง่ายสำหรับคนป่วย

คนป่วยกินข้าวได้เยอะกว่าเดิม คนทำก็ดีใจ ไม่มีอาการอ่อนเพลีย แต่ก็ยังมีไข้ขึ้นสูงตอนเย็นให้เห็นอยู่บ้าง เทนนิสโทรไปบอก

คุณเลขาว่าเจ้านายอาการดีขึ้นไม่ต้องพาไปหาหมอ คุณเลขาก็หายห่วง ฝากให้เทนนิสหยุดงานอยู่เฝ้าเจ้านายอีกวันและบอกเจ้า

ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องงาน เพราะมันไม่หนีไปไหนแน่นอนรับรอง หลังกินยาเสร็จ เทนนิสช่วยเช็ดตัวให้ รู้สึกแปลกอยู่บ้างที่ต้องมา

เช็ดตัวให้ผู้ชายด้วยกัน เป็นครั้งแรกเหมือนกันที่ได้ดูแลใครจริงจังอย่างนี้ เขารู้จักกับอีกฝ่ายได้ไม่นานแต่กลับรู้สึกสนิทคุ้นเคย

ขึ้นเรื่อยๆภายใต้สถานการณ์แปลกๆ พบกันบ่อยครั้ง จนในที่สุดถึงขั้นได้มาพักอยู่ด้วยกัน เขามองสายตาอีกฝ่ายที่จ้องเขาอยู่อด

จ้องกลับไม่ได้ ชั่วครู่ที่มองอยู่นั้นเหมือนถูกไฟช็อต กระแสไฟอ่อนๆวิ่งไปทั่วตัวจนหัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ จนเขาต้องหลบ

สายตาอีกฝ่ายที่มองมา หลังจากเช็ดตัวให้คนป่วยเสร็จเขาก็ปล่อยให้คนป่วยได้นอนพัก

เทนนิสฟังเพลง นอนเล่นเน็ตบนเตียงอ่านข้อความที่หลายคนโพสต์ลงไป มีทั้งโฆษณาขายของอวดสรรพคุณสินค้า ใช้แล้วขาว

ภายใน 1-3 วัน พร้อมทั้งมีรูปถ่ายประกอบ บางคนโพสต์เรื่องทั่วไป หลายข้อความอ่านไม่ทันจนตาลาย ตั้งแต่กลับมาถึงห้องรู้สึก

หัวใจของเขาที่เต้นแรงกลับมาเป็นปกติแล้วความรู้สึกเมื่อครู่มันคืออะไรกันแน่ ช่างเถอะนอนพักเดี๋ยวก็หาย เขาวางโทรศัพท์ไว้

บนหัวเตียงและปิดไฟในห้อง ไม่นานก็หลับไป



********************************************************************


โปรดติดตามตอนต่อไป



หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 11 ] 4/04/2560
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 04-04-2017 21:47:25
ปาลวีร์ :-[ :-[ :-[ :-[
รอคู่เทนนิสอ่ะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 11 ] 4/04/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Zetnezz ที่ 04-04-2017 22:23:50
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 11 ] 4/04/2560
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 05-04-2017 14:42:12
สปาร์คแล้ว เย้ๆๆ
หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 12 ] 22/04/2560
เริ่มหัวข้อโดย: jaengsRU ที่ 22-04-2017 21:28:41


ตอนที่ 12
[/size]

   เริ่มต้นเช้าวันใหม่ในวันทำงาน รถยังติดเหมือนเดิม ถึงจะมีโครงการบริการรถสาธารณะอย่างรถไฟฟ้าลอยฟ้าเพิ่มขึ้นอีก

สองสามสาย และเมื่อต้นเดือนที่แล้วรถไฟเส้นทางใหม่เปิดทดลองให้บริการฟรีสองเดือนตลอดเส้นทางแล้ว มีผลสะท้อนกลับมา

คนที่ใช้บริการบอกว่าพึงพอใจ แต่ก็ยังมีปัญหาในชั่วโมงเร่งด่วน รถมาช้าบ้าง สัญญาณเตือนตอนประตูเปิดปิดเสียงเบา ทีม

วิศวกรช่างต่างเข้าไปแก้ไข ส่วนรถไฟฟ้าสายเก่าก็ขยายเส้นทางออกไปเพื่อให้ครอบคลุมจังหวัดใกล้เคียง แต่ก็ไม่ช่วยแก้ปัญหา

เรื่องรถติดในเมืองได้ถึงจะเปลี่ยนรัฐบาลไปแล้วหลายชุด เปลี่ยนผู้ว่าไปแล้วหลายคน

หลายคนยังบ่นว่าเกลียดวันแรกของสัปดาห์ แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ พนักงานทุกคนต่างตั้งใจทำงาน บนโต๊ะมีแฟ้ม

เอกสารหลายแฟ้มวางไว้ เริ่มทำงานไปทีละอย่างสักพักงานก็ลดน้อยลง พนักงาน หัวหน้า หลายคนเดินเข้าออกห้องประชุม

หลายคนเดินผ่านหน้าห้องที่เงียบรู้สึกสนใจว่าข้างในประชุมเรื่องอะไรกัน อาจจะเป็นเรื่องที่คณะกรรมเข้าตรวจโรงงาน ต่างคน

ต่างคาดเดาต่างกัน 

เทนนิสเดินส่งเอกสาร ถ่ายเอกสาร พิมพ์ช่วยงานตามแผนกต่างๆเหมือนทุกวันกลับมานั่งพัก สายตาแอบมองเพื่อนที่นั่งทำงาน

อย่างมีความสุข เท่านี้ก็ไม่ต้องถามแล้วว่าช่วงวันหยุดที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้าง ต้องให้ได้อย่างสิเขาลงมือช่วยเหลือแล้วทุกอย่าง

ต้องสำเร็จ ความรักนี่เข้าใจยากจริงๆ กวินทร์เห็นรุ่นน้องกลับมาที่โต๊ะเดินเข้ามาถามว่าไปต้อนรับคณะกรรมการตรวจเยี่ยมเป็นยัง

ไงบ้าง ได้ยินข่าวว่าถึงกับโทรมาลาป่วย เทนนิสเล่าทุกอย่างให้รุ่นพี่ฟัง คนฟังเข้าใจอยู่ว่าหลายคนต้องงานหนัก แต่ก็ดีใจที่ผลอ

อกมาเบื้องต้นว่าผ่าน 

กินข้าวเที่ยงเสร็จเทนนิสและวีร์กลับขึ้นมานั่งกินขนมที่ห้องกินข้าว เทนนิสถามอีกฝ่ายเป็นยังไงบ้างช่วงวันหยุด วีร์บอกว่าคุยกันรู้

เรื่องแล้วขอบใจที่เป็นห่วง แต่ก็กังวลในหลายเรื่องไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นยังไงบ้าง เทนนิสเข้าใจความกังวลของเพื่อนเขา

อยากให้เพื่อนเชื่อใจในความรักและทำทุกวันให้มีความสุข คนฟังต้องหัวเราะเพราะมันเหมือนญาติผู้ใหญ่ให้คำอวยพรในวัน

แต่งงานยังไงไม่รู้ เทนนิสเลยต้องถามขึ้นมาอีกว่าปาลภัทรยังไม่ได้จัดการอีกหรอ ปล่อยให้วันหยุดยาวดีดีผ่านไปได้ยังไง คนฟัง

หน้าแดงขึ้นมาด้วยความอายแกไอ้เพื่อนบ้า กล้าเอาเรื่องของเขาไปบอกพี่ปาล์มยังไม่คิดบัญชีเลย แล้วยังมาพูดจาแบบนี้อีกเพิ่ง

เป็นแฟนได้ไม่กี่วันเรื่องแบบนี้เอาไว้ก่อนต้องค่อยเป็นค่อยไป ส่วนตอนนี้เขาสงสัยอยู่บ้างว่าแต่คนเป็นแฟนกันต้องทำยังไงแล้ว

ยิ่งผู้ชายกับผู้ชายแล้วด้วย วีร์ลองถามเพื่อนดูเผื่อจะได้คำแนะนำที่ดี

“ไปดูหนังด้วยกัน เที่ยวด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน อยู่ด้วย อะไรประมาณนี้ละมั้งเหมือนคู่รักทั่วไป ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกันเรื่องแบบ

นี้”น่าปวดหัวกว่าทำข้อสอบอีกแฮะ มาถามคนไม่เคยมีแฟนนี่เหมือนกำลังถูกเยอะเย้ยไม่มีผิด

“ตอบแบบนี้เหมือนไม่ได้ตอบ”

“ก็อย่าคิดว่ากำลังคบกับผู้ชาย แต่กำลังเรียนรู้คนที่เรารักสิ”

“อือ อาจจะใช่”ต้องคิดแบบสินะถึงจะถูกไม่ต้องกังวลเรื่องเพศ คบกันเพราะความรัก คิดได้แล้วก็ยิ้มออกมา”นี่ฉันจะลองทำต้มยำ

กุ้งวันก่อนพี่ปาล์มพาไปกินอร่อยมาก”

“วีร์นี่ทำตัวเหมือนคนที่เพิ่งแต่งงานใหม่ไม่มีผิดเลย”

“จริงดิ”วีร์แปลกใจอะไรที่ทำให้เพื่อนมองอย่างนั้น ทั้งที่คิดว่าตัวเองทำตัวปกติ แค่คิดถึงอีกคนมากขึ้น มากขึ้น ทุกวันเท่านั้น

“อืม ปกติจะพูดแต่เรื่องเกมส์ เรื่องหนัง เรื่องเพลง ชวนไปเดินห้าง หรือไปหาของกิน แต่วันนี้มาแปลกอยากทำกับข้าว”

คนถูกแซวอดหัวเราะออกมาไม่ได้ที่รู้นิสัยตัวเอง นั่งกินขนมเล่นเกมส์ในโทรศัพท์ไม่นานก็ถึงเวลาเข้างาน ทั้งสองแยกย้ายกลับ

โต๊ะทำงานของตัวเองต่อ


   ตอนบ่ายทางบริษัทแจ้งเรื่องประชุมช่วงเช้าให้พนักงานได้รับทราบ ผ่านทางอินทราเน็ตของบริษัท ทางบริษัทขอบคุณ

พนักงานทุกคนที่ทำให้การเข้าตรวจเยี่ยมจากคณะกรรมการจากส่วนกลางของกระทรวงสาธารณสุข ผ่านไปได้ด้วย ทางบริษัท

ประกาศให้ทุกคนรู้ว่าผลการตรวจเบื้องต้น ผ่าน 

“อ่านอะไรอยู่”วีร์ถามเพื่อนที่ดูเหมือนกำลังตั้งใจอ่านอะไรอยู่

“นี่ไงเรื่องที่หัวหน้าประชุมกันเมื่อเช้า ลองอ่านดูสิ”เทนนิสหันหน้าจอมาให้เพื่อนเห็นถนัด วีร์ไล่สายตามอ่านตามตัวหนังสือบน

หน้าจอสี่เหลี่ยม แผนกบุคคลแจ้งประกาศวันตรวจสุขภาพประจำปี และมีโครงการรักษาสุขภาพสำหรับพนักงาน ถ้าผลตรวจ

สุขภาพพนักงานคนไหนมีน้ำหนักเกินมาตรฐาน มีแนวโน้มเป็นโรคอ้วนต้องเข้าโครงการเพื่อลดน้ำหนัก

“มีตรวจสุขภาพประจำปีด้วยเราจะได้ตรวจไหม อันนี้แปลกดีน้ำหนักเกินต้องลดน้ำหนักด้วยเหมือนบริษัทต่างชาติเลย ดูเหมือน

พนักงานจะเห็นด้วยพนักงานหลายแสดงความเห็นในห้องสนทนาเห็นด้วย ดูความคิดนี่สิเขาบอกว่าเป็นการแสดงให้เห็นว่าบริษัท

ให้ความสำคัญพนักงาน”

“อาจจะเหมือนที่รัฐบาลรณรงค์ให้คนไทยออกกำลังกาย ลดพุง กินอาหารที่มีประโยชน์ลดแป้งลดมัน แต่ก็อยู่ได้ไม่นาน”

”เรื่องของสุขภาพเป็นเรื่องส่วนตัว ใครอยากมีสุขภาพดีห่างไกลโรคอ้วนก็ต้องเริ่มทำด้วยตัวเอง”

“ไม่งั้นก็เอาอย่างนี้สิ ใครอ้วนไม่มีสิทธิ์เลื่อนขั้นขึ้นเงินเดือนเป็นไง”

“ฟังดูดีนะ เอาแต่ใจตัวเองไปหน่อย”

วีร์ไม่สนใจคำพูดเพื่อนอ่านเนื้อหาบนหน้าจอต่อแผนกบุคคลยังแจ้งเรื่องกองทุนสำรองเลี้ยงชีพพนักงานคนไหนที่ยังไม่สมัคร

หรือรายชื่อตกหล่นให้ไปแจ้งที่ฝ่ายบุคคล  “เรื่องกองทุนสำรองเลี้ยงชีพคงไม่เกี่ยวกับเรา แต่เรื่องของแผนกการตลาดน่าสนใจ

เป็นแผนงานเข้าสู่ปีที่ 6 ของบริษัท มติในที่ประชุมจะจัดกิจกรรม แบ่งเป็นสามกิจกรรม กิจกรรมแรกส่ง SMS รหัสลุ้นโชคในซอง

กิจกรรมที่สอง ตัดมุมซองที่สัญลักษณ์เหมือนกัน 10 ชิ้น แลกมันฝรั่งทะเล้นขนาดปกติได้หนึ่งซอง และกิจกรรมที่สาม ถ่ายคลิป

เฟ้นหา บอกขอบคุณที่ทะเล้นที่สุด บอกรักทะเล้นที่สุดและขอโทษที่ทะเล้นที่สุด โดยเปิดโอกาสให้คนที่กินมันฝรั่งทะเล้นทุก

ขนาดทุกแบบทุกรสถ่ายคลิปเข้าประกวด คณะกรรมการจะเลิกคลิปที่ดีที่สุดอย่างละสามคลิป จากนั้นโพสต์ลงโซเชียลเอฟของ

บริษัทให้คนเข้าไปกดถูกใจของใครมีคนถูกใจมากที่สุดชนะ พวกเราส่งบ้างได้ไหม”

“ได้แต่คงไม่มีใครเข้ากดถูกใจให้หรอก”

“พูดซะเห็นภาพเลย คงมีคนหลงผิดเข้าไปกดถูกใจบ้างแหล่ะ”

“ท่าทางต่อจากนี้บริษัทจะยุ่งอีกนาน”

“ทำงานที่นี่มาสักพักเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่เลย ถ้าพวกเราเรียนจบแล้วที่นี่จะรับพวกเราเข้าทำงานไหม”

“แน่ใจว่าจะทำงานที่นี่ ไม่ใช่บริษัทพี่ปาล์ม”

“อือ นั่นก็อยากทำเป็นแฟนกันทำงานที่เดียวกันมันเป็นยังไงไม่รู้ แล้วไม่รู้ว่าพี่ปาล์มอยากให้ไปทำรึเปล่า”

“ใช่ไหนจะต้องระวังไม่ให้คนในบริษัทรู้ งั้นเรามาทำบริษัทของเราเองดีไหม ไม่ต้องใหญ่เอาเล็กๆ”

“ถ้ามีบริษัทเป็นของตัวเองแล้วต้องทำงานหนักไม่มีเวลาพัก สู้เป็นลูกจ้างไปตลอดชีวิตดีกว่า”

“พูดซะมองไม่เห็นอนาคตอันสดใสเลย อาจารย์มาได้ยินแกพูดต้องน้ำตาตกแน่ๆ”

ทั้งสองคุยกันต่อสักพักแล้วแยกย้ายกลับไปทำงานตัวเองต่อ เทนนิสยังคิดเรื่องอนาคตของตัวเองในอีกหนึ่งปีข้างหน้าหลังจาก

เรียนจบเขาจะทำอะไรดี ขายของออนไลน์ต่อไป หาสมัครเข้าทำงานบริษัทสักที่ ตอนนี้ยังหาคำตอบให้กับชีวิตตัวเองไม่ได้เอา

ไว้ก่อน ทำงานตรงหน้านี้ก่อนถ้างานไม่เสร็จเดี๋ยวจะไม่มีอนาคต

   ในห้องทำงานธีรภัทรกำลังดูเอกสารเกี่ยวกับภาพแพ็คเกจผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ที่จะใช้ร่วมกิจกรรมเข้าสู่ปีที่ 6 เขาดูหลายภาพ

แล้วเก็บลงในแฟ้มตามเดิมมีหลายแบบที่เขาชอบ ร่างกายที่เพิ่งหายป่วยรู้สึกเพลียขึ้นมาจนต้องหยุดทำงานนั่งมองออกไปข้าง

นอก การประชุมช่วงเช้าผ่านได้ด้วยดีกำหนดกิจกรรมแรกจะเริ่มในต้นเดือนหน้า ทางบริษัทจะเริ่มทำการประชาสัมพันธ์ผ่านทาง

เว็บไซด์ของบริษัท โซเชียลมีเดีย และสื่อสิ่งพิมพ์ ส่วนโฆษณาที่จะใช้ลงโฆษณาในโทรทัศน์จะเริ่มถ่ายทำได้ในปลายสัปดาห์นี้

ขณะกำลังไล่เรียงความคิดเงียบๆ ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นทำให้เข้าต้องหันไปมอง

คุณเลขาก็โผล่หน้าเข้ามา“พี่ธีร์ว่างไหมครับ ผมขอเวลาสักครู่จะคุยเรื่องรายละเอียดโฆษณาตัวที่ใช้ประชาสัมพันธ์”เบสยื่นแฟ้ม

เอกสารให้เจ้านายแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ ข้างในเป็นกำหนดการสถานที่ที่ใช้ในถ่ายโฆษณาและอื่นๆ

“อืม ว่ามา”เขารับแฟ้มเอกสารมาแล้วเปิดดูรายเอียดข้างใน

“ตามกำหนดการเดิมคือปลายสัปดาห์จะเริ่มถ่ายทำ พี่ธีร์จะดูไหมครับเผื่อมีอะไรต้องแก้ พาเด็กๆไปดูด้วยก็ดีเห็นธารอยากไปดู

ต้นไม้ พาเด็กๆไปเปิดหูเปิดตาบ้างก็ดี”

คนฟังเลิกคิ้วขึ้นไม่ค่อยแน่ใจว่าตัวเองฟังไม่ผิด“นั่นชื่อคนหรอ”หรือต้นไม้จริงๆ

“พี่ธีร์ไม่รู้อะไร เด็กสมัยนี้ชื่อเล่นต้องมีสองพยางค์และต้องแปลกแปลกด้วย”

“ฮึ ฮึ แล้วเราจะไปด้วยรึเปล่า”

“แน่นอนครับผมอยากไปดูน้องเซนะ”เขาจะไปถ่ายรูปคู่เอาลงโซเชียลให้พนักงานคนอื่นอิจฉาเล่นๆ

“ใครอีกล่ะนั่น”

“ตอนที่เลือกพรีเซ็นเตอร์ พี่ธีร์หลับตาจิ้มเอารึเปล่า ถึงไม่รู้จักใครเลย”

“อาจจะใช่ เลือกตามหน้าตาบุคลิก ดูคณะกรรมการหลายคนก็ชอบด้วยไม่ใช่หรอ ทางบริษัทโฆษณาก็แนะนำมาไม่กี่คน”

“ครับ สองคนนี้กำลังดังเป็นดาราวัยรุ่นหน้าใหม่ น้องต้นไม้เขาเป็นแบบหล่อทะเล้น น้องเซนะลูกครึ่งญี่ปุ่นเป็นแบบน่ารักทะเล้น

ส่วนอีกคนน้องน้ำตาลสวยแบบทะเล้นนี่เขาเป็นนางแบบสวยมาก ช่องฟรีเพิ่มขึ้น รายการใหม่ก็เยอะละครก็เพิ่มขึ้น ดาราหน้าใหม่

ในวงการก็เยอะขึ้นด้วย”ธีรภัทรนึกถึงคนหล่อทะเล้นอีกคน ว่าไปแล้วยังไม่ได้เจอหน้าเลยตั้งแต่เช้า หยุดงานไปหลายวันเขาเลย

ต้องนั่งเคลียร์งานเก่าให้เสร็จ

“จะไปดูสาวๆ เมียที่บ้านเป็นไงบ้างแม่ฝากมาถาม”

“ใกล้คลอดแล้วครับ เดี๋ยวสองแฝดจะมีน้องสาวแล้ว”พูดไปแล้วก็คิดถึงลูกกับเมียตอนนี้ไปอยู่บ้านแม่ยายเตรียมคลอด

”แล้วพี่เมื่อไหร่จะมีแฟนกับเขาบ้าง รึว่ามีแล้วไม่ยอมบอกัน”

“ถ้าขาดเหลืออะไรก็บอกแล้วก่อน พี่จะให้หยุดงานสักอาทิตย์สองอาทิตย์ ช่วงนั้นก็ทิ้งงานให้คนอื่นดู”

เบสยิ้มดีใจที่จะหยุดดูแลลูกกับเมีย“ช่วงนี้พี่ธีร์ไปเจออะไรดีดีมารึเปล่า”นี่เขาไม่ได้จะจับผิดนะ แต่เจ้านายแปลกไปนะช่วงนี้

แปลกไปในทางที่ดีขึ้น

“ทำไมถึงคิดแบบนั้น”เขามีอะไรเปลี่ยนไป แค่รู้สึกว่าช่วงนี้ตัวเองมีสุขกว่าแต่ก่อน ไม่ได้ทำงานไปวันๆ เร่งอยากให้เลิกงานเร็วๆ

อยากใช้เวลาว่างอยู่กับเพื่อนร่วมห้องก็เท่านั้น

“ผมรู้สึกพี่เปลี่ยนไป แบบยิ้มบ่อยขึ้น หัวเราะด้วยคือมีอารมณ์ขันขึ้นกว่าแต่เก่า จะว่ายังไงดี ดูเป็นคนมากว่าหุ่นยนต์ที่ป้อน

โปรแกรมให้ตื่นเช้าตรงมาทำงาน เที่ยงพักกินข้าว เลิกงานแล้วก็กลับบ้าน”

“ไม่มีอะไรหรอก แต่ถ้ายังไม่ออกไปจะไม่ได้หยุดแม้แต่วันเดียว”

“โหย ถามแค่นี้ทำเป็นจริงจังไปได้ ถ้ายังไงอย่าลืมพาคนคนนั้นมาแนะนำบ้างนะครับ ผมไปทำงานก่อน”เบสพูดแล้วรีบเดินออก
ไป 

ธีรภัทรนั่งทวนคำพูดลูกพี่ลูกน้อง ให้พาคนนั้นมาแนะนำ แนะนำว่าอะไรแค่ความรู้สึกของเขาที่มีกับอีกฝ่ายยังไม่ได้บอก ไม่รู้ว่า

อีกฝ่ายจะตอบรับหรือปฏิเสธ จะให้มาแนะนำยังเร็วเกินไป เอาเถอะวันนี้พอแค่นี้ก่อน ออกไปหากาแฟแถวนี้กินแก้ง่วงดีกว่า


   ช่วงบ่ายข่าวที่ทางบริษัทได้นักแสดงนางแบบวัยรุ่นกำลังมีชื่อเสียงมาเป็นพรีเซนเตอร์คนใหม่ดังไปทั้งตึก ยิ่งได้ยินมาว่า

เจ้านายจะเข้าไปดูการถ่ายทำโฆษณาพนักงานหลายคนอยากไปติดสอยห้อยตามไปถ่ายรูปดารากันทั้งนั้น หลายคนไม่รู้จักส่วน

คนที่รู้จักก็เปิดหาข้อมูลรูปภาพประวัติเบื้องต้นให้เพื่อนร่วมงานดู


   หลังจากทำงานช่วงบ่ายเสร็จเทนนิสแอบหลบมานั่งเล่นในห้องครัว นั่งกินชาเย็น แถวนี้มีร้านกาแฟหลายร้านจึงได้มีบริการ

ส่งถึงที่ฟรีถ้าโทรสั่งห้าแก้วขึ้นไป เขาชอบชาเย็นร้านนี้ที่ใช้นมสดเป็นส่วนผสม แทนที่จะใช้นมผงกับครีมเทียมเป็นส่วนผสม

เหมือนร้านชื่อดังหลายหลายร้าน เขารู้สึกรสชาติของนมสดอร่อยกว่า เขามองออกไปด้านนอกท้องฟ้าสีฟ้ามีเมฆสีขาวสลับสีเทา

อยู่เต็มท้องฟ้า ดูท่าว่าวันนี้ฝนคงตกลงมาอีก

“เทนนิส พักหรอแล้วเพื่อนเราไปไหนซะละถึงได้มานั่งเงียบๆคนเดียว”หมวยกดน้ำเปล่าใส่กระปุกลายการ์ตูนน่ารัก

“ยังทำงานไม่เสร็จครับ พี่หมวยมานั่งด้วยกันสิครับ”

“ขอบใจจ๊ะ เป็นไงอร่อยอร่อยไหมชาเย็นร้านพี่”

“ฮืม”เขาแปลกใจกับคำถามของอีกฝ่าย

“นี่ไม่รู้มาก่อนละสิ ว่าเป็นร้านของพี่”เธอยิ้มอย่างภูมิใจเมื่อพูดถึงร้านกาแฟของเธอ

“ครับ ไม่เห็นมีใครบอก”ถึงว่าพนักงานที่นี่ถึงบอกให้อุดหนุนร้านนี้

“ไม่กี่คนหรอกที่รู้เรื่องนี้”

“อร่อยดีครับ ผมชอบไม่หวานมากด้วย”

“ใช้นมสดไขมันต่ำด้วยนะ สาวสาวเขาชอบกัน”

“พี่หมวยได้สูตรมาจากไหนครับ”

“ความลับ ถึงเป็นหนุ่มน้อยหน้าตาดี พี่ก็ไม่ยอมใจอ่อนบอกหรอก”เธอพูดทีเล่นทีจริง จนคนฟังรู้สึกเขินขึ้นมา

“อย่างนี้ไหนทำงานไหนเปิดร้านกาแฟเอาเงินไปเก็บไว้ที่ไหน”

“ไม่หรอก เห็นอย่างนี้แต่ก่อนพี่เคยซื้อแฟรนไชส์ร้านกาแฟมาก่อน ลงทุนไม่กี่หมื่นแรกๆก็ขายดีนะ เพราะมันยังใหม่อยู่ คนไทย

ชอบอะไรใหม่ใหม่ ชอบตามกระแส แต่นานไปก็เบื่อ ร้านกาแฟแถวนี้ก็เยอะขึ้นลูกค้ามีตัวเลือกมากขึ้น ในขณะคู่แข่งเราเยอะขึ้น

หลายร้านพยายามเอาตัวรอดโดยมีอะไรใหม่ๆเข้ามา แต่ร้านของเรากลับปรับเปลี่ยนอะไรก็ไม่ได้ พี่เลยเลิกทำ มาทำร้านของตัว

เองเอาประสบการณ์ตรงนั้น บวกกับเป็นคนชอบกิน และเข้าออกร้านกาแฟบ่อยๆ แอบหยิบไอเดียตรงนั้นมาใส่ตรงนี้บ้าง ในที่สุด

ก็ได้สูตรเครื่องดื่มเย็นที่หลายคนถูกปาก และราคาที่พนักงานออฟฟิตจ่ายได้”

“ธุรกิจกาแฟกำลังเติบโตได้ดี โอกาสขายตัวสูง ไทยเป็นเมืองร้อนเครื่องดื่มเย็น ราคาไม่สูง เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้บริโภค”

“เอ่อ ไหนไหนก็ไหนไหนแล้ว พี่ขอปรึกษาอะไรหน่อยสิ”

“ครับ”

เธอมองไปรอบห้องไม่มีใครอยู่ เธอเขยิบเข้าไปใกล้อีกฝ่าย พูดเบาเสียงลง“ไม่เกรงใจนะ คือพี่คนกับแฟนมาได้สักพักแล้วแต่ยัง

ไม่เคยเปลือยหน้าให้เขาเห็นมาก่อน”เธอหยุดพูดแล้วสังเกตหนุ่มหล่อที่ตั้งใจฟังเธอพูด ให้ตายเถอะแฟนเธอน่าจะหล่อใสได้

อย่างนี้ก็ดี แต่เธอไม่ชอบเด็กนี่สิ ช่างเถอะเธอพูดต่อว่า”พอดีเขาชวนไปเที่ยว แล้วต้องไปค้างคืนพี่กลัวว่าเขาจะรับหน้าจริงพี่ไม่

ได้”เธอรู้สึกกังวลอยู่บ้างไม่รู้จะเรื่องนี้ปรึกษากับใครดี ถ้าเป็นพนักงานผู้ชายคนที่อื่นที่สนิทต้องเรื่องเธอไปล้อหรือบอกให้เธอทำ

อะไรบ้าๆแน่นอน

“เหมือนข่าวที่มีผู้ชายคนหนึ่งเล่นโซเชียลเน็ตเวิร์คเห็นรูปที่ผู้หญิงเอาลงก็หลงรักคุยกันอยู่เกือบปี นัดเจอกันพอเจอตัวจริงผู้หญิง

ที่ตัวเองคุยด้วยแล้วรับความจริงไม่ได้ เลยฆ่าตัวตายนั่นนะหรอครับ”เห็นออกข่าวบ่อยๆ มันคงเป็นข้อเสียของเทคโนโลยีสมัย

ใหม่

“ไม่ขนาดนั้นพี่ก็ดูไม่ได้ขี้เหล่ใช่เปล่า”

“พี่หมวยสวยครับ”คำพูดตรงๆอีกฝ่ายทำให้คนฟังหน้าแดงและเกิดอาการเขิน

“อย่าพูดอย่างนั้นพี่มีแฟนแล้ว เดี๋ยวพี่ก็ตกหลุมรักเราหรอก ผู้หญิงสมัยนี้มีอะไรหลอกตาเยอะ แบบคิ้วไม่มีไม่สวยก็ไปทำ อยาก

ได้ปากชมพูก็ทำได้ อยากสวยแต่งหน้าก็ช่วยได้ หรือจะศัลกรรมก็มีออกเยอะ”

“พี่พูดให้ผมกลัวเลย แต่ผมว่าพี่เป็นตัวเองดีที่สุด ถ้าเขาชอบก็ต้องชอบที่พี่เป็นพี่ ไม่ได้คบกับพี่เพราะหน้าตา วันนี้ยังสวยแต่นาน

ไปก็ต้องแก่ สำหรับผมหน้าตาไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่าไหร่สำคัญที่เราเข้ากันได้ อยู่ด้วยแล้วมีความสุข ปรึกษาปัญหาช่วยเหลือ

ดูแล”เอ๊ะ ทำไมที่พูดมาแวบหนึ่งถึงได้นึกถึงหน้าเจ้านายขึ้นมาได้ เขาท่าจะบ้าไปแล้ว

“เทนนิสพูดคำว่าแก่กระแทกหน้าพี่จนแป้งเกาะบนหน้าพี่เกือบแตกเลย ขอบใจนะได้ผลยังไงพี่จะมาเล่าให้ฟังพร้อมของฝาก ไป

ก่อนออกมานานแล้วเดี๋ยวหัวหน้าถามหา พี่ยังเมาส์ไม่ครบทุกแผนกเลย”

เทนนิสมองคนอารมณ์ดีเดินออกไปจากห้องกินข้าว นี่เขาดูเหมือนคนที่เข้าใจความรักขนาดนั้นเลยหรอ ชาเย็นในแก้วหมดพอดี

เขาก็ต้องกลับทำงานต่อได้แล้ว


   ธีรภัทรพาเทนนิสแวะหาอะไรกินก่อนกลับเขาคอนโด ไม่อยากกวนอีกฝ่ายทำงานเหนื่อยมาทั้งวันช่วงที่ไม่สบายก็ต้องแล

เขาอีก จึงอยากชวนอีกฝ่ายออกมากินข้าวนอกบ้านเดินเล่นซื้อของเปลี่ยนบรรยากาศแทนที่จะกลับไปอยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยม เขา

เลือกไปห้างสรรพสินค้าใกล้ใกล้ ชวนคนที่มาด้วยไปซื้อของใช้เข้าห้องและของสดด้วย เทนนิสชวนอีกฝ่ายกินปิ้ง ย่าง เพราะไม่

ได้กินมานานแล้ว ธีรภัทรเห็นด้วยกับอีกฝ่ายเขาไม่อยากขัดใจ เข้าไปในร้านพนักงานแนะนำโต๊ะริมกระจกที่สามารถมองเห็นด้าน

นอก ได้ที่นั่งแล้วทั้งสองเริ่มสั่งอาหารสองชุด เมื่อกระทะร้อนเทนนิสเอาเนื้อหมูสไลด์วางลงไปทีละชิ้น ตามด้วยผักสดเต้าหู้เห็น

วุ้นเส้นและลูกชิ้นลงไปต้ม ทั้งสองกินไปด้วยคุยไปด้วย ธีรภัทรคีบเนื้อหมูสไลด์สุกแล้ววางใส่จานคนตรงข้าม เขามองเทนนิสกิน

ด้วยอย่างอร่อย เขาเพิ่งเข้าใจคำว่าเปลี่ยนไปของคุณเลขา ปกติแล้วเขาคงไม่สนใจที่ตักหรือคีบอาหารให้ใคร ไม่มานั่งสนใจว่า

ใครที่กินข้าวด้วยจะอร่อยหรือไม่ ไม่เคยสนใจว่าใครชอบหรือไม่ชอบกินอะไร เขาเปลี่ยนไปเยอะจริงจริง หลังจากกินเสร็จทั้งสอง

เดินย่อยดูโทรศัพท์ออกใหม่ตามร้าน เทนนิสสนใจเข้าไปดูร้านขายคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เขาเห็นรุ่นพี่ที่ทำงานมีไว้ใช้ส่วนตัว

ถ้าเขาทำงานก็คงต้องมีไว้ เทนนิสดูโน้ตบุ๊กตัวใหม่ออกมา เขาอยากได้ตัวที่น้ำหนักเบาขนาดพอดี ความจุเยอะ แต่ดูไปแล้วก็

แพงไปหน่อย ธีรภัทรมองอีกฝ่ายเงียบเงียบวัยรุ่นนี่คงชอบเดินเล่น เที่ยวห้าง ดูหนัง เป็นปกติ เขาที่อยู่ในวัยทำงานเลยลืมช่วง

เวลานั้นมาแล้ว เดินดูโน่นดูนี่สักพักทั้งสองเดินไปที่ Super Market ซื้อของใช้และของสดที่จำเป็น

ธีรภัทรช่วยเข็นรถเข็นส่วนอีกคนช่วยเลือกหยิบของลงรถเข็น เข็นรถไปด้วยมองอีกฝ่ายไปด้วย ทำให้คิดถึงเหมือนพวกเขาเป็น

คนรักกัน มาซื้อของเข้าบ้านยังไงยังงั้น เทนนิสไม่รู้ว่าเจ้านายจะพามาซื้อของเขาไม่ได้จดรายการที่ต้องมาด้วยแต่ก็พอจะจำได้

เขามองดูชั้นวางเต็มไปด้วยขวดซอสยี่ห้อและขนาดต่างๆ เขาเลือกหยิบซอสปรุงรสขวดเล็กยี่ห้อเดิมเอาไว้กินกับไข่ดาวตอนนี้

หมดแล้ว หยิบถุงแป้งทำขนมขึ้นมาแล้วคิดขึ้นมาได้ว่า อีกไม่นานจะถึงวันคล้ายวันเกิดเจ้านายแล้วนี่นา เขาจำได้น้องรหัสคนสวย

เป็นคนบอกเมื่อวันก่อน เขาน่าหาของขวัญให้เจ้านายสักชิ้น ว่าแต่เป็นอะไรดีน้า



หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 12 ] 22/04/2560
เริ่มหัวข้อโดย: jaengsRU ที่ 22-04-2017 21:34:08


        กลับถึงห้องฝนตกลงตามคาด ตกหนักอยู่สักพักจนตอนนี้เริ่มซาลง เทนนิสนั่งเล่นหน้าโทรทัศน์อ่านข้อความผ่านโซเชียล

เอฟ มีเพื่อนหลายคนเล่าประสบการณ์ทำงานในหลายเดือนที่ผ่านมาต้องเรียกบ่นมากกว่า บริษัทใหญ่มีงานให้ทำเยอะมีเพื่อน

จากต่างมหาวิทยาลัยก็เยอะ การแข่งขันก็ต้องเยอะตามไปด้วย แต่ทุกคนก็เริ่มต้นทำงานง่ายๆ อย่างถ่ายเอกสาร ส่งแฟ็กซ์ เดิน

เอกสาร อออกไปซื้อข้าวกับกาแฟให้หัวหน้าหรือรุ่นพี่เหมือนกันหมด สาวสาวบางคนบ่นว่าพนักงานผู้ชายเข้าจีบบ่อยๆจนน่า

รำคาญ และห้ามแต่งตัวสวยใช้ของราคาแพงเดี๋ยวจะโดนเขม่น อ่านข้อความไปแล้วเทนนิสก็อดหัวเราะไม่ได้ในสถานการณ์

แปลกๆของเพื่อน ธีรภัทรนั่งดูโทรทัศน์อยู่เห็นอีกฝ่ายหัวเราะขึ้นมาก็อดถามไม่ได้”หัวเราะอะไร”

“เปล่าครับ แค่อ่านข้อความที่เพื่อนเพื่อนแต่ละคนบ่นให้ฟังว่าไปฝึกงานเจออะไรกันบ้าง”

“แล้วเรากับเพื่อน รู้สึกยังไงบ้างมาฝึกงานที่นี่”

“ถ้าผมตอบไม่ถูกใจเจ้านาย จะฝึกงานผ่านรึเปล่า”

“ไม่หรอก”

ถึงเจ้านายจะพูดออกมาอย่างนั้นเขาก็ยังไม่กล้าพูดอะไรออกมา แค่ยิ้มให้อีกฝ่ายเป็นคำตอบแล้วอ่านข้อความของเพื่อนๆต่อ จาก

ที่อ่านข้อความของหลายคนทำให้รู้ว่าทุกคนคิดถึงชีวิตนักศึกษาอยากกลับไปเรียนปีหนึ่งใหม่ สนุกกับชีวิตนักศึกษาไม่ต้องคิด

อะไรมาก ปรบมือร้องเพลง หันซ้ายหันขวา วิ่งไปโน่นมานี่ตามคำสั่งรุ่นพี่เท่านั้น พูดไปแล้วเขาก็คิดถึงเหมือนกัน ว่ากันคนที่

คิดถึงอดีตส่วนมากเป็นคนแก่ แสดงว่าเขาคงแก่แล้วแน่ๆ เป็นนักศึกษาเรียนเข้าสายได้ออกก่อนเวลาได้ ทำงานไม่เสร็จขอเลื่อน

ได้ ลืมทำการบ้านขอเพื่อนลอกได้ เรียนเสร็จชวนกันไปดื่ม แต่ชีวิตทำงานไม่สนุกต้องเข้าออกงานตรงเวลา ทำงานไม่เสร็จต้อง

นั่งทำจนดึกวันหยุดก็ต้องเข้ามาทำ ทำงานห้ามผิดพลาดต้องแล้วตรวจอีก ไม่มีใครช่วยได้ ลอกเพื่อนก็ไม่ได้ เทนนิสวาง

โทรศัพท์ชวนเจ้าของห้องไปนอนดึกแล้ว เดี๋ยวจะไปไม่สบายเอา ธีรภัทรปิดโทรทัศน์กลับเข้าห้องนอนตัวเอง นอนคิดด้วยความ

กังวลหลายอย่างถ้าอีกฝ่ายฝึกงานเสร็จแล้วจะมีโอกาสได้เจอกันบ่อยๆอย่างนี้รึเปล่า คิดได้อย่างนั้นแล้วรู้สึกแย่ขึ้นมา เขาไม่

อยากให้ทุกอย่างจบลงแค่นี้ ช่วงเวลาอีกไม่กี่เดือนที่เหลือเขาต้องทำอะไรซักอย่างแล้ว   

   
วันทำงานอีกวัน หลังจากเข้าบริษัทสแกนลายนิ้วมือทำงานช่วงเช้าเสร็จเรียบร้อยตอนบ่ายบ่าย เทนนิส วีร์ และธารรพีออกจาก

บริษัทมาดูการถ่ายทำโฆษณาตัวใหม่ในห้องสตูดิโอแห่งหนึ่งกับคุณเลขาและเจ้านาย

เข้าไปในตึกสูงด้านในถูกแบ่งห้องหลายหน้าห้องมีชื่อติดไว้ บางห้องมีไปสีแดงขึ้นว่า on air เดินผ่านห้องนั้นมีเสียงปรบมือเสียง

หัวเราะแว่วออกมาจากข้างใน เดินตามเจ้านายไปเรื่อยจนมาถึงห้องห้องหนึ่งมีคนเดินเข้าออกแบกถือของวุ่นวายเหมือนกำลัง

เตรียมทำอะไรสักอย่าง เข้าไปด้านในเป็นห้องกว้างคนงานกำลังรื้อฉากออกและมีเจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งกำลังจัดสถานที่อยู่มุมหนึ่ง

ถ้าเดาไม่ผิดคงจะใช้เป็นฉากถ่ายโฆษณา ยืนมองไปรอบไม่นานมีชายหนุ่มแต่งตัวดีสองคนกับผู้หญิงแต่งตัวสวย สามคนเดิน

ออกมาต้อนรับเจ้านายกับคุณเลขา พูดคุยทักทายสักครู่ใหญ่ จากนั้นผู้ชายทั้งสองขอตัวไปทำงาน ส่วนผู้หญิงพาพวกเขาไปพัก

ด้านนอกที่ถูกเตรียมไว้เหมือนเป็นที่พัก เพื่อคนงานจะได้ทำงานได้สะดวก ชายหนุ่มแต่งตัวที่แยกขอกลับไปทำงานสั่งให้คนจัด

โน่นนี่นั่น สักพักมีแม่บ้านเอาเครื่องดื่มขนมมาเสิร์ฟให้ เทนนิสตื่นเต้นอยู่บ้างเขาไม่เคยเห็นการเบื้องหลังมาก่อน แต่คนอื่นจะไม่

ค่อยสนใจเท่าไหร่ เขาหันมองเบสกำลังคุยโทรศัพท์กับเมียเสียงหวานเชียวผิดกับเวลาปกติที่คุยกับพวกเขาสองมาตรฐาน น้อง

รหัสคนสวยก็ถ่ายรูปตัวเองหลายรูปแล้วรีบส่งรูปถ่ายให้ใครดูนั้นเดาได้ไม่ยาก ส่วนวีร์กำลังเล่นไลน์คุยกับคนรักอยู่คนน่าอิจฉา

เขาทำหน้าเซ็งๆเดินเข้าไปนั่งข้างๆเจ้านายตามประสาคนโสด ธีรภัทรเห็นอีกฝากทำหน้าเซ็งเข้าใจว่าคงรอดูดารานานเลยเบื่อ จึง

บอกให้รู้ว่าอีกไม่นานจะเริ่มถ่ายแล้ว

“นั่น เข้าเริ่มถ่ายกันแล้ว”เทนนิสเห็นด้านในตั้งกล้องมีดาราวัยรุ่นทั้งสามคนบอกว่าเป็นพรีเซนเตอร์อยู่หน้าฉากที่พนักงานหลาย

คนช่วยกันเตรียมเกือบชั่วโมง

“คุณธีรภัทรสนใจเข้าไปข้างในไหมคะ”ผู้หญิงสวยหุ่นดีในชุดกระโปรงสีขาวดำ ผมยาวสีน้ำตาลหยักศก สวมรองเท้าส้นสูงพูด

เสียงหวาน ที่แยกไปเมื่อครู่เดินกลับมา เทนนิสดูสายตาเธอมองเจ้านายแล้วรู้สึกว่าเจ้านายของเขาคงโสดได้อีกไม่นาน

“ไม่ดีกว่าครับ ตามสบายเลยผมแค่พาเด็กๆมาเปิดหูเปิดตาเท่านั้น”ธีรภัทรบอกปัดอีกฝ่าย ตรงนี้มีอะไรน่าสนใจเขาจะไปตรงโน้น

ทำไม อีกอย่างเขาไม่อยากไปรบกวนการทำงานของทีมงาน

โรสรินทร์ยิ้มให้ชายหนุ่มแต่ไม่ยอมแพ้ธีรภัทรเป็นลูกค้าที่ดีไม่เรื่องมากและยัง หล่อ รวย โสดผู้ชายในอุดมคติของผู้หญิงหลาย

คน รวมถึงเธอด้วย

ธารรพีเงยหน้าขึ้นจากจอโทรศัพท์หลังจากคุยกับคนรักแล้ว เธอมองหญิงสาวที่ชื่อโรสรินทร์มองพี่ชายด้วยสายตาไม่น่าไว้ใจ

ตั้งแต่เข้ามาแล้ว ไม่ได้การเธอต้องกันผู้หญิงคนนี้ออก พี่ชายของเธอมีไว้ให้คู่กับพี่รหัสสุดหล่อของเธอเท่านั้น ดูนั่นสิพี่ชายกับพี่

รหัสยืนอยู่ด้วยกันแล้วเหมาะสมกันอย่าบอกใคร ยิ่งเวลาคุยกันดูกระหนุงกระหนิงน่ารักถึงจะเป็นแค่เพียงมโนของเธอเท่านั้น

ก็ตาม อยากรู้ว่าเวลาที่อยู่ด้วยกันสองคนพี่ชายตายด้านของเธอจะเป็นยังไงบ้าง ในที่สุดก็มีคนช่วยให้พี่ชายมีชีวิตชีวา แต่ก่อนว่า

หล่อแล้วตอนนี้ยิ้มง่ายขึ้นพูดมากขึ้นยิ่งหล่อกว่าเดิม สังเกตได้จากมีสาวๆพยายามเข้ามาใกล้ เธอเดินเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า

เข้าไปนั่งคุยกับคนทั้งสาม


   การถ่ายทำโฆษณาผ่านไปได้ด้วยดี เสียงปรบมือดังขึ้นเป็นสัญญาณให้รู้ว่างานวันนี้เสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่เริ่มทยอยเก็บของ


เบสลากเทนนิสวีร์และธารรพีเข้าไปขอถ่ายรูปกับดาราทั้งสามคน ดาราทั้งสามคนเห็นว่าเป็นแฟนคลับต่างยินดีให้ถ่ายรูป เบสถ่าย

รูปจนพอใจแล้วรีบโพสต์รูปลงโซเชียลเอฟ หกโมงเย็นทุกคนกลับไปที่บริษัท

ปลายสัปดาห์หลังจากทำงานเสร็จปืนขับรถออกมารอรับธารรพีหน้าบริษัท วันนี้เขาชวนอีกฝ่ายไปกินข้าว และไปดูหนัง เลี้ยวรถ

เข้าจอดลานจอดรถ โทรหาอีกฝ่ายปลายสายบอกว่ากำลังเก็บของอยู่ ให้รอก่อน ปืนวางโทรศัพท์ออกมายืนรอหญิงสาวข้างนอก

รถ มองไปที่ประตูทางเข้าบริษัทเห็น คนหน้าตาคุ้นเดินยิ้มเข้ามาหา

“ช่วงนี้ไม่ว่างมาเลี้ยงข้าวน้องเลยนะ เอาแต่เลี้ยงสาว”เทนนิสเก็บของเรียบร้อย ลงมารอเจ้านายข้างล่าง กำลังจะไปหาขนม

หวานกับนมเย็นสักแก้วในร้านกาแฟแถวนี้แต่เดินออกมากลับเจอพี่ชายยืนหล่ออยู่ลานจอดรถ

“น้องเลี้ยงบ่อยแล้ว เอาไปเลี้ยงสาวบ้าง”

คนฟังแทนที่จะน้อยใจกลับยิ้มออกมาเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายพูดเล่น“แล้วเมื่อไหร่จะพร้อมบอกที่บ้าน”

“พร้อมเสนอแหล่ะ แต่บอกหรือไม่บอกก็มีค่าเท่ากัน”เห็นอีกฝ่ายทำหน้าตาไม่สบายใจก็พอจะเข้าสถานการณ์ เขาเป็นแค่เด็กคน

หนึ่งคงช่วยอะไรไม่ได้ ปล่อยให้เป็นเรื่องผู้ใหญ่เขาจัดการกันเอง

“น้องรู้เรื่องที่พี่จะถูกจับแต่งงานรึเปล่า”ถามอีกฝ่ายอย่างเป็นห่วงความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่

“รู้ ไม่มีอะไรเป็นความลับ พี่จริงใจ”

“ว่างๆหาเวลาไปกราบผู้ใหญ่ฝ่ายผู้หญิงบ้างก็ดีนะ เขาจะได้รู้ว่าพี่จริงใจ”

“ไม่ได้เจอกัน แค่แปบเดียวกลายเป็นคนเชี่ยวชาญเรื่องความรักไปแล้ว”อดไม่ได้ลูบหัวน้องชายอย่างเอ็นดู ตัวโตขึ้นตั้งเยอะแต่

ก่อนยังเท่าเอวเขาอยู่เลย

“ว่าไปนั่น อีกนานธารจะลงมา ไปเลี้ยงขนมน้องสิ”

“ได้ น้องชายที่รัก”เขาแพ้ลูกอ้อนน้องชายคนนี้เสมอ เขาเคยคิดหลายครั้งแล้วเทนนิสไม่น่าโต น่าจะเป็นน้องชายตัวเล็กที่คอย

เดินตามหลังเขาเหมือนแต่ก่อนก็คงจะดี ใครจะรู้เด็กชายตัวเล็ก สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง จะกลายเป็นหนุ่มหล่อเหมือนทุกวันนี้

ไม่รู้ว่าสาวสาวคนไหนตกหลุมเสน่ห์น้องชายของเขาไปแล้วบ้าง   

ทั้งสองเข้าไปในร้าน ได้กลิ่นหอมกาแฟอ่อนๆ ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย เทนนิสตรงเข้าไปดูเค้กในตู้ มีเค้กหลายแบบทางร้านตกแต่ง

เค้กได้น่ากินจนเขาตัดสินใจเลือกไม่ถูก ยังไงวันนี้ลูกชายเจ้าของ Happy Mall ให้เกียรติเป็นคนเลี้ยงคงต้องเลือกแบบที่แพง

หน่อยน่าจะดี เขาเลือกเป็นเค้กผลไม้รวม บราวนี่ชาเขียว บลูเบอร์รี่มัฟฟิน ช็อกโกแลตเค้กและนมสดเย็นสองแก้ว ขนมที่เลือกไม่

หวานมากซื้อไปฝากเจ้านายด้วย เอาไว้กินกับนมสดหรือโกโก้อุ่นๆตอนเช้าแทนกาแฟก็น่าจะดี ออกจากร้านธารรพีออกมาพอดี

เทนนิสขอบคุณพี่ชายที่ช่วยเลี้ยงขนม

ธีรภัทรเห็นเทนนิสยืนยิ้มโบกมือให้รถที่ขับออกไปไม่รู้ว่าเป็นใครแต่ดูแล้วไม่ใช่รถของพนักงานในบริษัท เทนนิสเห็นเจ้านายเดิน

หน้ายุ่งมาอยู่ข้างๆ เขายื่นนมสดเย็นซื้อมาฝากให้อีกฝ่าย ทำงานมาเหนื่อยๆกินอะไรเย็นๆจะได้รู้สึกสดชื่นขึ้น ธีรภัทรรับแก้วนม

สดมา อารมณ์ไม่ดีเมื่อครู่หายไปแทบทันที นี่เขาแพ้ทางอีกฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด ขนาดยังไม่ได้เป็นแฟนกันเขายังยอมได้ขนาดนี้

ไม่อยากนึกว่าเป็นแฟนกันเขาคงว่านอนสอนง่ายเหมือนสองแฝดแน่ๆ

ตอนสายของเช้าวันเสาร์หลังจากกลับมาถึงบ้าน เทนนิสทำความสะอาดเหมือนทุกครั้ง ดีที่บ้านหลังไม่ใหญ่มากไม่อย่างนั้น

ทำความสะอาดทั้งวันก็คงไม่เสร็จ เทนนิสฉีดน้ำยาดันฝุ่นให้ทั่วผ้าถูพื้น แล้วเริ่มทำความสะอาดชั้นบนทีละห้อง

 ทำความสะอาดจนเหนื่อยเขานั่งพักเปิดโทรทัศน์ดูรายการช่วงวันหยุดตอนใกล้เที่ยง เห็นรายการโฆษณาขายสินค้าทางทีวีขาย

สินค้าหลายอย่าง ส่วนมากเป็นของใช้ในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นชุดทำความสะอาด ชุดกระทะหม้อ ชุดมีด เตาแก็ส ฟังจากที่พิธีกรนำ

เสนอสินค้าผ่านมาสองสามชิ้นขนาดมีแต่ของที่เขาไม่ได้ใช้ ฟังดูแล้วเขายังอยากรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรไปสั่งซื้อเลย ส่วน

มากเป็นสินค้าราคาไม่สูงเป็นสินค้านำเข้าจากต่างประเทศส่วนใหญ่ ให้ตายเดี่ยวนี้ธุรกิจขายตรงกำลังมาแรง แต่ก่อนเป็นแบบไป

เคาะประตูหน้าบ้าน ทำให้มีพวกมิจฉาชีพแฝงตัว สร้างความรำคาญ ตอนนี้ปรับเปลี่ยนมาเป็นขายแบบออนไลน์ โฆษณาผ่าน

โทรทัศน์ ทำให้มีความน่าเชื่อถือขึ้น บริษัทที่รับส่งของก็ได้มาตรฐานหรือสามารถออกไปรับของที่ร้านสะดวกซื้อใกล้บ้านได้

ตากผ้าเสร็จเรียบร้อยท้องก็เริ่มหิว แต่จำได้ว่าของสดในตู้เย็นไม่มี มีแค่น้ำเปล่า น้ำอัดลมและนมไม่กี่กล่อง ถ้าอย่างนั้นคงต้องขี่

เจ้าเพื่อนยากไปออกไปหาอะไรกินหน้าปากซอยแล้ว

อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย หนึ่งชั่วโมงต่อมาเทนนิสก็อยู่ในตลาดสดหน้าปากซอยแล้ว โชคดีที่ตลาดสดนี้มีตลอดทั้งวัน ข้างๆตลาด

ยังมีร้านอาหารตามสั่ง ร้านส้มตำ ร้านก๋วยเตี๋ยวไก่ เขาแวะไปกินก๋วยเตี๋ยวชามหนึ่ง และเดินดูเนื้อผักสดเอาไว้ทำกับข้าวของเย็น

นี้กับพรุ่งนี้ เขาเลือกหยิบคะน้า ใบกะเพรา ต้นหอมผักชีผักอีกสองสามอย่า เนื้อหมูเต้าหู้ปลาและไข่ไก่ เดินจนทั่วตลาดได้ของ

ครบได้ของกินเล่นมาหลายอย่างกับผลไม้สดเขาตัดสินใจกลับ



ธีรภัทรกลับมาถึงบ้านช่วงสายๆ ไม่นานสองแฝดมาถึง เด็กๆเรียกสายไหมออกวิ่งเล่นที่สนามหญ้าหลังบ้านจนเนื้อตัวมอมแมม

เพราะฝนตกทำให้หญ้าในสนามเปียก เด็กๆถูกคุณยายดุเรียกให้เข้าบ้านจับน้ำอาบทั้งคนทั้งหมา จนเรียบร้อยนั่งเล่นตัวต่ออยู่ใน

บ้าน สายไหมอาบน้ำเสร็จเป่าขนจนฟูนอนสบายมองเจ้านายทั้งสองเล่นของเล่นอยู่ ส่วนเจ้านายอีกคนก็นั่งทำงานอยู่หน้าจอ

สี่เหลี่ยมไม่รู้ว่าทำอะไรอยู่แต่ดูเหมือนว่ามีความสุขเพราะเจ้านายยิ้มใหญ่เลย บู้ตึ้งกำลังต่อตัวต่ออยู่เงยหน้าขึ้นเห็นคุณน้านั่ง

ทำงานอยู่ที่โต๊ะแต่บางทีก็ยิ้มอยู่คนเดียวไม่รู้เป็นอะไร เด็กชายเรียกน้องชายให้ดูว่าคุณน้าเป็นอะไรรึเปล่า บู้ลิ้มส่ายหัวไม่รู้

เหมือนกัน ทั้งสองคนหันหน้าไปถามเจ้าขนฟูตัวโต สายไหมได้แต่ใช้ขาหน้าทั้งสองปิดตาไว้บอกว่ามันไม่รู้ไม่เห็นอะไร

คนที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่หน้าจอตอนนี้จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวกำลังคิดถึงอีกคนที่ข้างบ้านอย่างอารมณ์ดี เมื่อเช้าหลังจากแยก

กันกลับบ้าน ธีรภัทรขึ้นไปแอบมองอีกฝ่ายว่าช่วงวันหยุดอยู่คนเดียวทำอะไรบ้าง เขาเห็นอีกฝ่ายเอาขยะออกมาทิ้ง และเอา

เสื้อผ้าออกมาตาก ที่สำคัญมีกางเกงในบอกเซอร์ด้วย เขานิยิ่งนับวันเขายิ่งรู้สึกตัวเองหรือโรคจิตเข้าไปทุกวัน นั่งทำงานตลอด

ทั้งเช้าไม่สมาธิคอยแต่คิดถึงคนอีกคน เสียงเปิดประตูรั้วข้างบ้านแสดงว่าเจ้าของบ้านกลับมาแล้ว คงออกไปหาอะไรกิน ที่จริงน่า

จะมาชวนเขาด้วย ธีรภัทรกำลังคิดอะไรเพลินอยู่รู้สึกมีคนกำลังจ้องอยู่ เขาหันไปมองเห็นเด็กๆนั่งจ้องส่งยิ้มมาให้ ธีรภัทรถาม

เด็กๆอยากได้อะไร เด็กๆบอกว่าอยากไปเล่นกับพี่ชายข้างบ้าน ได้ยินเสียงประตูรั้วบ้านเปิดแสดงว่ากลับมาแล้ว สายไหมได้ยินว่า

เจ้านายน้อยจะเที่ยวข้างบ้านหูของมันก็ยกขึ้นอย่างตั้งฟัง มันก็อยากไปด้วยเหมือนกัน อยากไปกินขนมเบื่ออาหารเม็ดแล้ว คุณ

น้าเห็นเด็กๆอยากไป เขาหยิบโทรศัพท์โทรหาพี่ชายข้างบ้านว่าว่างรึเปล่า ถ้าว่างจะพาสองแสบกับสายไหมไปซนที่บ้าน ปลาย

สายตอบกลับมาว่าวาง พอดีซื้อขนมมาฝากเด็กๆด้วย ธีรภัทรวางสายแล้วรู้สึกน้อยใจอยู่บ้าง ทำไมมีแต่ของสองแสบแล้วเขาล่ะ

สายไหมส่งสายตาเศร้าไปให้เจ้านายบอกไม่ต้องน้อยใจของสายไหมก็ไม่มีเหมือนกัน

กลับมาจากข้างนอก เทนนิสเก็บของสดเข้าตู้เย็น วางขนมของกินเล่นที่ซื้อมาฝากเด็กๆไว้บนโต๊ะเดี๋ยวตอนเย็นค่อยแวะเอาไปให้

กลับขึ้นห้องเปลี่ยนเสื้อผ้ากะว่าจะนอนอ่านหนังสือการ์ตูนออนไลน์สักหน่อย ทิ้งนอนลงบนที่นอนที่พึ่งเปลี่ยนผ้าปูปลอกหมอน

หอมกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มอ่อนๆ กำลังนอนสบายเสียงโทรศัพท์เรียกเข้าดังขึ้น เขาเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะหัวเตียง อ้าว

เจ้านายโทรมาวันหยุดมีอะไรรึเปล่า เทนนิสเลื่อนปุ่มรับปลายบอกว่าจะพาบู้ตึ้งบู้ลิ้มกับสายไหมมาเล่นด้วย เขาตอบรับเจ้านาย

วางสายแล้วมองไปที่ของขวัญบนโต๊ะที่ซื้อมาให้เจ้านาย ในวันคล้ายวันเกิด

เด็กๆไม่ได้มาตัวเปล่าหอบของเล่นมาด้วย แต่ก็ทิ้งของเล่นทันทีเมื่อเห็นขนมที่พี่ชายข้างบ้านใส่จานยกออกมาครัว เทนนิสเอา

กระดูกปลอมที่ซื้อไว้โยนให้เจ้าตูบขนปุย สายไหมกระดิกหางด้วยความดีใจที่ได้ของกินมันเดินวนรอบตัวเองสองรอบแล้วนอนลง

แทะกระดูกอย่างมีความสุข เทนนิสปล่อยให้เด็กๆนั่งกินขนมบนโต๊ะ กลับเข้าครัวเอาชาเย็นนมสดใส่เฉาก๊วยใสแก้วที่เขาทำไว้

ออกมาเจ้านายลองกิน ธีรภัทรลองกินแล้วรสชาติอร่อยไม่หวานมาก และไม่เคยได้กินมาก่อน เขามองพ่อครัวหัวป่าที่ชอบหา

อะไรใหม่มากิน ลองคิดว่าจะดีแค่ไหนถ้าเขาได้คนตรงหน้ามาอยู่ด้วยทั้งชีวิต เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนขอแค่ตอนนี้มีอีกฝ่ายอยู่ข้างๆก็มี

ความสุขแล้ว


บ่ายของวันอาทิตย์ธีรภัทรพาเด็กๆออกมาเที่ยวกินไอติม คุณน้าพาเด็กๆเดินเที่ยวรอบห้างดูนั่นดูโน่นไปเรื่อย แวะดูของเล่นเสริม

สร้างพัฒนาการเด็กดีกว่าให้นั่งจ้องหน้าจอสี่เหลี่ยมวันละหลายชั่วโมง บู้ตึ้งเห็นสีเทียนกล่องใหม่บอกให้คุณน้าซื้อให้ ส่วนบู้ลิ้ม

อยากได้ดินน้ำมัน คุณน้าพยักหน้าเห็นด้วยเป็นของราคาไม่แพงมาก สองแฝดได้ของที่ถูกใจแล้วรีบเร่งให้คุณน้าพาไปกินไอติม

หลายคนเห็นชายหนุ่มกับเด็กแฝดมักเข้าใจว่าคุณพ่อพาลูกมาเที่ยว ธีรภัทรไม่ได้ใส่ใจรีบเดินตามทั้งสองไปที่ร้าน ทั้งสองสั่งไอ

ติมถ้วยเล็กคนละถ้วย ไอติมมาเสิร์ฟเด็กๆก็ลงมือทันที ธีรภัทรช่วยเช็ดปากให้ลิงน้อยทั้งสองแล้วมองออกไปนอกร้าน เห็นคนที่

เขาไปชวนออกมาข้างนอกเดินยิ้มหายเข้าไปร้านอาหารญี่ปุ่นร้านหนึ่ง มิน่าละเขาไปหาที่บ้านถึงไม่เจอ ที่แท้ก็ออกมากับคนอื่น

ว่าแต่ผู้ชายคนนั้นคนที่มากับเทนนิสเป็นใคร ดูแล้วเหมือนสนิทกัน ยังไม่ทันจะบอกรักอีกฝ่ายก็มีศัตรูหัวใจโผล่มาเรื่อยๆซะแล้ว



ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูสองสามครั้งธีรภัทรวางรีโมทย์ไว้เดินไปที่ประตู เปิดออกเห็นคนที่อยากเจอมาทั้งวันยืนยิ้มหล่อ
อยู่หน้าห้อง

“พี่ธีร์ กินข้าวยังผมซื้ออาหารญี่ปุ่น สเต็ก ขนมมาฝาก”เทนนิสชูของกินที่ถืออยู่เต็มสองมือขึ้นให้อีกฝ่ายดู

“ยังเลย ไม่มีคนทำให้กิน”ไม่ใช่หรอกต้องบอกว่า เขากำลังรออีกฝ่ายต่างหากถึงจะถูก กินข้าวคนเดียวไม่อร่อยทั้งที่เมื่อก่อนกิน

คนเดียวมาตลอด และก็คิดเรื่องที่เห็นอีกฝ่ายหายเข้าไปร้านอาหารญี่ปุ่นกับใครไม่รู้ ท่าจะเป็นเอามากก็แค่กินข้าว หายเข้าไปใน

โรงแรมหรือม่านรูดนั่นน่าจะเก็บเอาคิดมากกว่า

“พอดีวันนี้รุ่นพี่ที่ผมงานให้ เลี้ยงข้าวเลี้ยงหนัง เลยซื้อของกินมาด้วย”

อ้อ ที่แท้ก็รุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัย แต่รุ่นพี่นี่แหล่ะตัวดี“เลี้ยงข้าวเลี้ยงหนัง นั่นค่าจ้างหรอ”เขาช่วยอีกฝ่ายจัดกับข้าวใส่จาน

“ครับ”เขายิ้มให้อีกฝ่าย เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องมีอะไรก็ต้องช่วยเหลือกันเป็นธรรมดา

“เลี้ยงง่ายดีนะ”อย่างนี้มันน่าเอามาเลี้ยงซะจริง จะให้เลี้ยงไปตลอดชีวิตก็ยังได้

“พี่ธีร์กินอะไรดีครับ”เทนนิสถามความคิดเห็นอีกฝ่าย

“พี่เอาอันไหนก็ได้”อันไหนอีกฝ่ายก็ซื้อมาให้เขาเหมือนกัน

ทั้งสองนั่งลงกินข้าว ธีรภัทรเล่าที่ตนเองพาหลานๆออกไปเที่ยวกินไอศกรีม ส่วนเทนนิสก็ตั้งใจฟังอีกฝ่ายเล่า กินข้าวเสร็จทั้ง

สองต่างแยกย้ายเข้าห้องพักผ่อนพรุ่งนี้ไปทำงานแต่เช้า ธีรภัทรอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยนั่งลงบนเตียงหยิบปฏิทินขึ้นมาดู อืม

ถ้าจำไม่ผิดพรุ่งนี้วันคล้ายวันเกิดเขานี่นา ทำงานเพลินจนลืมวันเกิดตัวเองไปได้ ไม่รู้ว่าเทนนิสจะรู้รึเปล่า ช่างเถอะยังไงเขาก็

ไม่ใช่คนที่เห็นคนสำคัญเฉพาะวัน   


   เริ่มเช้าวันใหม่วันแรกของการทำงานด้วยสายฝน เทนนิสนั่งมองไปนอกรถเห็นสายฝนหล่นเป็นสาย ข้างถนนมีคนกาง

หลากร่มสี สวมเสื้อกันฝนสีต่างต่าง ที่ปัดน้ำฝนทั้งสองข้างทำหน้าที่สลับกันขึ้นลงเป็นจังหวะพร้อมเพียงจนตาลาย แต่คนที่ขับยัง

นั่งนิ่งหน้าตาเฉยเหมือนเคย จนเดาอารมณ์ไม่ถูกว่ารู้สึกยังไงกับฝนตกแล้วรถติดแหง็กอยู่อย่างนี้ สัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสี

เขียวรถทุกคนค่อยเคลื่อนตัวออกไป ในที่สุดรถก็เลี้ยวเข้าที่จอดรถ เทนนิสลงจากรถกางร่มออกไปยืนรอคนขับ ธีรภัทรรู้สึกชอบ

หน้าฝนขึ้นมาทันที เขาเปิดประตูรถออกเข้าไปอยู่ใต้ร่มกับอีกฝ่ายจนได้กลิ่นน้ำหอม เขาตัวสูงกว่าเทนนิสจึงได้อาสาถือร่มและให้

เทนนิสช่วยถือกระเป๋า เป็นครั้งแรกที่ธีรภัทรได้มีโอกาสอยู่ได้สัมผัสความโรแมนติกเหมือนในนิยาย เขาถือร่มโอบไหล่คนข้างๆ

เดินฝ่าสายฝนที่ตกลงปรอยๆ เขาพึ่งรู้ว่าฤดูฝนก็มีข้อดีเหมือนกัน


   ช่วงเช้าผ่านไปพร้อมกับสายฝนหอบเอาอากาศร้อนอบอ้าวไปด้วย ทิ้งไว้แต่ความชุ่มชื่น เชอะแชะ พนักงานหลายคนบ่น

บอกว่าอากาศอย่างนี้น่านอนวันนี้น่าจะเป็นวันหยุดอีกวัน ช่วงก่อนพักเที่ยงพนักงานแต่ละแผนกช่วยกันออกเงินซื้อของขวัญวัน

เกิดให้เจ้านาย ส่วนเค้กวันเกิดคุณเลขาสั่งไว้แล้ว

“วีร์ ทำไมวันนี้เดินแปลกแปลก”

“เปล่านิ”ปฏิเสธเพื่อนไปแล้วก็รู้ว่ากำลังโดนอีกฝ่ายแกล้ง

“อ้าว หรอดูผิดขอโทษด้วย”คนพูดยิ้มเจ้าเล่ห์ให้เพื่อน

“ไม่ต้องเลย เทนนิส”

“อย่าเพิ่งยอมแหล่ะดีแล้ว ให้พี่ปาล์มทรมานไปนานๆสมกับที่เก็บความในใจไว้หลายปีไม่ยอมบอก มีโอกาสต้องแก้แค้นคืนบ้าง”

“ไม่หรอก ที่บ้านเราห้ามพี่ปาล์มไว้บอกว่าเรียนจบก่อน”

“เออ ดีดีแล้วได้บอกไหมว่าเรียนจบตรีหรือจบโท”

แซวเพื่อนพอหอมปากหอมคอก็กลับมาทำงานต่อ เสียงร้องเพลงอวยพรวันเกิดแว่วออกมาจากห้องเจ้านาย เทนนิสลุกขึ้นเดินไป

ชะเง้อมองตามคนอื่นเห็น หัวหน้า พนักงานปรบมือหลังจากที่เจ้านายเป่าเค้ก ก้อนใหญ่สี่ก้อนเสร็จเรียบร้อย เจ้านายพูดอะไรสอง

สามประโยค ตัวแทนแต่ละแผนกมอบของขวัญ เค้กก็ถูกส่งไปที่ห้องครัวในแต่ละชั้นให้พนักงานให้กิน


   หลังเลิกงานเจ้าของวันเกิดมองของขวัญวันเกิดบนโต๊ะที่พนักงานแต่ละแผนกออกเงินช่วยกันซื้อ ปีนี้เขาจะมีโอกาสได้ของ

ขวัญที่พิเศษกว่าทุกปีรึเปล่าน้า ช่างเถอะแค่อีกฝ่ายอยู่กับเขาทุกวันแค่นี้ก็เป็นของขวัญที่พิเศษกว่าทุกทุกปีแล้ว เขาเก็บของ

เตรียมกลับ กิตก็เดินเข้ามาห้องชวนไปดื่ม ธีรภัทรปฏิเสธวันนี้วันแรกของสัปดาห์เอาไว้โอกาสหน้า กิตรู้ว่าเพื่อนต้องปฏิเสธเขา

ไม่บังคับแล้วขอตัวกลับก่อน

   กลับถึงห้องพักเทนนิสช่วยเจ้านายถือของขวัญหลายกล่องไปวางไว้ในห้องทำงาน แล้วกลับออกมาเตรียมทำมื้อเย็นและ

ไม่ลืมถามเจ้านายว่าอยากกินอะไรเป็นพิเศษในวันพิเศษไหม ธีรภัทรยืนคิดสักครู่แล้วบอกว่าอยากกินสปาเก็ตตี้ คนฟังเลิกคิ้วขึ้น

อยากกินของทำยากซะด้วย เขาเดินไปเปิดตู้เย็น มองหาวัตถุดิบที่สามารภใช้ได้แต่ดูเหมือนว่าไม่มีของที่ใช้ทำได้ และของ

จำเป็นอย่างเส้นต้องลงไปซื้อที่ร้านสะดวกซื้อข้างล่าง


   กลับขึ้นห้องมาพร้อมของที่ต้องใช้ครบ พ่อครัวก็รีบลงมือทำ เริ่มจากต้มเส้นสปาเก็ตตี้ก่อน สักพักก็ได้เส้นเหนียวนุ่มน่ากิน

จากนั้นนำเส้นลงไปผัดกับแฮมไส้กรอกเพิ่มรสชาติที่ชอบลงไป ใช้เวลาไม่นานสปาเก็ตตี้แฮมไส้กรอก หน้าตาน่าอร่อยก็อยู่ใน

จานเรียบร้อย มื้ออาหารอร่อยของทั้งสองก็จบลงด้วยความอิ่มอร่อยเหมือนทุกวัน

   อาบน้ำเสร็จธีรภัทรสวมกางเกงนอนเดินเปลือยอกออกมาจากห้องน้ำ แล้วหยิบใช้ผ้าเช็ดตัวอีกผืนเช็ดผมที่ยังเปียกอยู่

เสียงเคาะหน้าประตูดังขึ้น ทำให้เขาแปลกใจเปิดประตูออกไปเห็นเพื่อนร่วมห้องยืนยิ้มอยู่ แล้วยืนกล่องของขวัญมาให้

“สุขสันต์วันเกิดครับ ครบรอบสามสิบปี”

ธีรภัทรรับของขวัญที่รอมาทั้งวันแล้วหรี่ตาลงมองคนตรงหน้า“อืม ขอบใจนะคงเร็วไปหลายปี”แหมไอ้เด็กนี่พูดจาแบบนี้มันน่าจับ

มาจูบให้เข็ด เขาจ้องริมฝีปากบางที่ขยับขึ้นลงอยากลองชิมว่าจะหวานเหมือนที่คิดไว้รึเปล่า

“ล้อเล่นครับ”แก่ก็ยังไม่เท่าไหร่ไม่น่าน้อยใจ

“แกะเลยได้ไหม”เขาดีใจที่ได้ของขวัญจากที่รอมาทั้งวัน นึกว่าจะไม่ได้ซะแล้ว คนอะไรไม่รู้ใจร้ายปล่อยให้เขารอทั้งวัน คอยดูมี

โอกาสจะเอาคืนบ้าง

“ครับ ตามสบาย”เทนนิสรู้สึกสายตาที่อีกฝ่ายมองมาวันนี้ดูแปลกๆ จนรู้สึกขนลุกขึ้นมา แล้วเป็นครั้งแรกที่เห็นเจ้านายใส่กางเกง

ตัวเดียวเปลือยท่อนบนมีผ้าเช็ดตัวคล้องคอกับผมเปียกที่มีน้ำหยดน้ำลงมาปลายจากผม ทำให้เขามองแล้วรู้สึกใจเต้นแรงแปลกๆ

และอดรู้สึกเขินอีกฝ่ายไม่ได้

“ของขวัญนี่เหมือนคนให้มากเลย”คนพูดมองอีกฝ่ายที่แก้มมีสีเลือดขึ้น ธีรภัทรเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองอยู่ในสภาพไม่เรียบร้อย แต่

ยิ่งเห็นอีกฝ่ายมีปฏิกิริยาที่เขาเปลือยยิ่งอยากแกล้ง

“ผมไม่รู้จะให้อะไร พอดีเห็นมันน่ารักความหมายดีด้วย”กังวลอยู่บ้างกลัวเจ้าของวันเกิดไม่ชอบ

ที่จริงอีกฝ่ายให้อะไรเขาก็ดีใจหมดนั่นแหล่ะ แค่คนที่เราแคร์จำวันเกิดของเราได้แค่นี้ก็ดีที่สุดแล้ว“แมวกวักตัวอ้วน นี่กวักอะไรได้

บ้าง”ธีรภัทรถามเจ้าของแมว มองเจ้าแมวเซรามิคอ้วนยิ้มจนตาหยีให้เขาบนคอมีเชือกแดงห้อยกระดิ่งสีทอง มือข้างหนึ่งตั้งท่า

กวักส่วนอีกข้างเหมือนถืออะไรไว้ดูไม่ค่อยออก”กวักความรักได้ไหม”

“ไม่เคยได้ยินมาก่อน คิดว่าน่าจะได้มั้งครับ”

คนฟังเหมือนคิดอะไรได้หันหน้าแมวอ้วนไปหาคนตรงข้าม ในใจท่องให้มันกวักอีกฝ่ายให้รักให้หลงเขา

เทนนิสเห็นอีกฝ่ายจ้องอยู่จนต้องถามอีกฝ่ายว่า“ครับ มีอะไรรึเปล่า”

“เปล่า ดึกแล้วไปนอนเถอะ”ก่อนที่เขาจะทนไม่ไหวฉุดอีกฝ่ายเข้าไปนอนด้วย”ขอบใจสำหรับของขวัญนะ ชอบมากเลย”โดย

เฉพาะคนให้ เขามองอีกฝ่ายเข้าห้องปิดประตู แล้วเข้ามาในห้องวางเจ้าแมวอ้วนบนโต๊ะหัวเตียง วันเกิดปีนี้พิเศษกว่าทุกปีอย่างที่

เขาคิดไว้จริงๆด้วย




********************************************************************

โปรดติดตามตอนต่อไป




หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 12 ] 22/04/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ชมรดา ที่ 23-04-2017 12:34:20
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 13 ] 21/05/2560
เริ่มหัวข้อโดย: jaengsRU ที่ 21-05-2017 08:53:17


ตอนที่ 13

          ภาพโฆษณาดาราวัยรุ่นหนุ่มหล่อสาวสวยทั้งสามเป็นพรีเซนเตอร์ใหม่ของบริษัท กำลังอธิบายกติกาการเข้าร่วมสนุก

กิจกรรมส่ง SMS ลุ้นโชค ปรากฏอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ เป็นโฆษณาโปรโมทตัวแรกที่ถูกปล่อยออกมา กิจกรรมครั้งนี้ทาง

บริษัทเปลี่ยนแพ็คเกจจิ้งผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งหมดเพื่อให้สอดคล้องกับกิจกรรม หลังจากออกอากาศไม่นานก็ได้รับเสียงตอบรับ

มากกว่าที่คาด คนที่ทำงานหนักยิ้มออกเมื่อผลของงานออกมาดี เทนนิสเพิ่งได้มีโอกาสดูเต็มๆโดยไม่ตัด จำได้ว่าวันที่ไปดูการ

ถ่ายทำไม่เห็นมีอะไรมากที่เหลือคงเป็นเทคนิคคอมพิวเตอร์กราฟิกเข้ามาช่วย ในแต่ละวันมีคนส่ง SMS รหัสเข้ามาร่วมสนุก

จำนวนมาก เขาช่วยพนักงานเก็บรวบรวมรหัสและเบอร์ติดต่อกลับในแต่ละวัน เพื่อเก็บข้อมูลที่รวบรวมเป็นอ้างอิงผลตอบรับของ

กิจกรรม 


หน้าจอคอมพิวเตอร์โปรแกรมพิมพ์งานแบบตารางถูกแบ่งเป็นหลายช่อง หลายเลขรหัส หมายเลขโทรศัพท์ ผลรวมจำนวนผู้ที่ส่ง

รหัสมาแต่ละวัน ผลรวมจำนวนผู้ที่ส่งรหัสมาแต่ละสัปดาห์ ตัวเลขจำนวนผลรวมในแต่ละวันสูงขึ้นเรื่อยๆจนน่าดีใจ ผลประกอบ

การไตรมาสที่สามของปีต้องเพิ่มขึ้นแน่นอน 


ตอนบ่ายปลายสัปดาห์ เทนนิสบันทึกงานลงในเครื่องคอมพิวเตอร์ให้เรียบร้อย แล้วลุกขึ้นบิดขี้เกียจเปลี่ยนท่าทางหลังจากที่นั่ง

ทำงานจ้องหน้าจอมาหลายชั่วโมงเขารู้สึกปวดเมื่อยไหล่ไปหมด มองไปรอบๆแต่ละคนยังก้มหน้าก้มตาทำงาน ปลายสัปดาห์ก็

อย่างนี้ต้องเร่งทำงานให้เสร็จพรุ่งนี้ก็วันหยุดแล้วคงไม่มีใครอยากมานั่งทำงานหรอก วันนี้ที่แผนกบุคคลยังมีคนเข้ามาสมัคร

เหมือนทุกวัน จะว่าไปแล้วที่นี่ก็เป็นตัวเลือกที่ดีเหมือนกัน แต่กว่าจะเข้ามาทำงานบริษัทนี้ได้แผนกบุคคลก็เข้มงวดน่าดู มันก็เป็น

ผลดีในระยะยาวมีพนักงานเข้าออกบ่อยทำให้งานมีปัญหาได้ วันนี้วันศุกร์แห่งชาติเทนนิสชะโงกหน้าไปมองโต๊ะของเพื่อน แต่ไม่

เห็นใคร ไปช่วยงานฝ่ายเลขาแน่เลย อิจฉาพี่เบสได้หยุดไปเลี้ยงลูก คงมีความสุขละสิเห็นถ่ายรูปลงโซเชียล ไม่เว้นแต่ละวัน

ตอนแรกทางบริษัทจะส่งตัวแทนไปเยี่ยมแต่ก็ต้องเบรกไว้เพราะเมียพี่เบสคลอดลูกที่ต่างจังหวัด เทนนิสทำงานของวันนี้เสร็จ

เรียบร้อยแล้วขอพักหน่อยแล้วกัน เขาเดินไปบอกพี่ฟ้าที่เป็นพี่เลี้ยงคอยดูแลสอนงานให้รู้ว่าจะออกไปหาอะไรกินข้างล่าง อีก

ฝ่ายพยักหน้ารับรู้แล้วก้มหน้าทำงานต่อ พูดถึงพี่ฟ้าก็เข้มงวดน่าดูเห็นหน้าแล้วนึกถึงอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยขึ้นมาทันทีแต่คนที่

จะมาดูแลสอนงานเด็กใหม่เจ้าระเบียบหน่อยก็ดี ไม่รู้ว่าทางมหาวิทยาลัยส่งเอกสารให้ทางบริษัทประเมินรอบแรกจะเป็นยังไง

บ้าง ช่างเถอะอย่างน้อยเขาก็รู้ว่าการที่ต้องมานั่งทำงานจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ในห้องสี่เหลี่ยมทั้งวันไม่เหมาะกับเขาจริงๆนั่น

แหล่ะ


วีร์กลับมาที่โต๊ะทำงานหลังจากทำงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาเพิ่งรู้ว่าเป็นเจ้านายต้องทำงานเยอะขนาดนี้ กว่า

จะทำงานเสร็จถึงเวลาเลิกงานพอดี กวาดสายตามองหาเพื่อนที่น่าจะนั่งกรอกข้อมูลอยู่ที่โต๊ะ ไปไหนนะ มองหาไม่เจอเขาหยิบ

โทรศัพท์โทรหา ปลายสายรับเขาถามว่าอีกฝ่ายอยู่ไหน ปลายสายตอบกลับมาว่าลงไปหาอะไรกิน วีร์บอกให้เพื่อนซื้อโกโก้เย็น

เย็นมาฝากด้วย


ไม่ถึงยี่สิบนาทีเทนนิสกลับขึ้นมาวางแก้วโกโก้บนโต๊ะเพื่อน วีร์ขอบใจเพื่อน ได้กินอะไรหวานเย็นๆหลังจากทำงานมาเหนื่อยๆ

รู้สึกสดชื่นขึ้นเยอะ

“ยังไม่กลับอีกหรอเลิกงานแล้วนะ”

“รอของฟรีอยู่”

“ยังไม่ได้บอกว่าฟรีเลย”

“ติดไว้ก่อน เอกสารประเมินพวกเรามาแล้วนะ ตอนบ่ายพึ่งเอาเข้าไปให้แผนกบุคคล”

“ก็แค่ประเมินรอบแรก เข้างานไม่เคยสาย ทำงานตัวเป็นเกรียวหัวเป็นน็อตขนาดนี้ประเมินว่ามีปัญหานี่มีเคือง”เทนนิสพูดอย่างไม่

ใส่ใจ ด้วยน้ำเสียงออกเคืองเล็กน้อย

“เบาๆ เดี๋ยวใครมาได้ยินมันจะดี”ห้ามเพื่อนให้พูดเบาเสียงลง แล้วมองไปรอบๆว่ามีใครอยู่แถวนี้บ้าง

“พนักงานบนชั้นนี้กลับเกือบหมด เหลือแค่หัวหน้าแผนกในห้อง เลขาและผู้ช่วยบางคนที่ยังทำงานอยู่ก็อยู่ตั้งไกล เราไม่ได้พูด
อะไรเสียหาย ทุกอย่างเป็นความจริง”

คนตัวเล็กชะเง้อดูรอบๆแล้วไม่มีใครอยู่ เขาก็กลับมาคุยกับเพื่อนต่อ“ตอนนี้เริ่มคิดถึงมหาวิทยาลัย นี่ก็จะเปิดเรียนแล้วด้วย อีกตั้ง

หลายเดือนกว่าจะฝึกงานเสร็จ”

“บ่นเป็นคนแก่ไปได้ เดี๋ยวทุกวันศุกร์ยังไงก็ต้องเข้าไปเรียน”ว่าไปแล้วเขาก็คิดถึงเหมือนกัน

“เออใช่ ลืมไปเลย”

“ได้เจอเพื่อนรับรองได้คุยไหยุดแน่ ไม่รู้ว่าแต่ละคนไปเจออะไรกันมาบ้าง”

“ว่าไปแล้วเข้าไปอ่านที่เพื่อนแต่ละคนเขียนไว้ในห้องฝึกประสบการณ์ แต่ละคนก็เจออะไรมาเยอะเหมือนกัน”

“เขาถึงได้บอกว่าประการณ์ชีวิตถ้าไม่ลองเปิดประตูไปเจอด้วยตัวเองก็ไม่รู้ เรื่องแบบนี้ต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง ไม่มีสอนใน

ห้องเรียน”

วีร์พยักหน้าเข้าใจได้ดี พวกเขาที่เคยทำงานพิเศษมาก่อนจึงปรับตัวทำงานได้ง่ายกว่าคนอื่น มาแรกๆก็ต้องเจอความจู้จี้ขี้บ่น

หัวหน้าเพื่อนร่วมงาน บางคนก็สั่งงานไม่รู้เรื่องทำอย่างกับเราทำงานที่นี่มาเป็นสิบปี และบอกไห้ทำอย่างหนึ่งแต่จะเอาอีกอย่าง

เจอแบบนี้ตอนแรกก็แทบบ้า และก็ได้แอบด่าหัวหน้าเพื่อนร่วมงานในใจไปหลายครั้งเหมือนกัน ไม่นานก็เริ่มชิน “ไม่รู้ว่าน้องใหม่

ปีนี้จะเป็นยังไงบ้าง รู้สึกเหมือนตัวเองแก่ยังไงไม่รู้”

“ไม่เหมือนหรอก แก่จริงๆและก็จะแก่ไปเรื่อยๆ”

“ขอบคุณ เป็นคำพูดที่ช่วยให้กำลังได้ดีมาก” 

“เทนนิส”เสียงเรียกทำให้ทั้งสองหันไปมอง เห็นเจ้านายถือกระเป๋ายืนมองมาทางนี้

เทนนิสรีบลุกขึ้นหยิบกระเป๋า“เฮ้ย เจ้านายเรียกแล้ว คืนนี้ต้องไปงานกับเจ้านายแทนพี่เบส ไปแล้ว เจอกัน”ที่จริงก็อยากปฏิเสธ

แต่ได้ยินมาว่าของกินในงานเยอะเท่านั้น เขาตอบรับเกือบไม่ทัน อยากรู้เหมือนกันงานสังคมผู้ดีคนมีเงินของกินในงานจะอร่อย

ถูกปากคนเดินดินธรรมดาอย่างเขารึเปล่า หันกลับมามองเพื่อนที่กำลังโทรศัพท์หาใครสักคนอยู่ คงโทรให้คนรักมารับ เขาเดิน

ตามคนตัวสูงลงด้านล่าง ลานจอดรถเหลือรถจอดอยู่ไม่กี่คัน


   ขึ้นชื่อว่าออกงานสังคมแน่นอนต้องแต่งให้ดูดีไม่น้อยหน้าเจ้านาย เทนนิสอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยเช็ดตัวให้แห้งยืนมองชุด

สูทที่ลงทุนซื้อด้วยความเสียดาย เพิ่งรู้ว่าสูทราคาแพงอย่างนี้ยิ่งสูทออกงานแล้วด้วยดีที่เจ้านายช่วยสมทบทุนในครั้งนี้ ไม่รู้

ทำไมต้องให้เขาไปเป็นเพื่อนด้วยถึงจะบอกว่าเป็นประสบการณ์ก็ตาม ยังดีที่เจ้านายบอกว่าซื้อสูทครั้งเดียวใช้ได้หลายงาน แต่

ถ้าจะให้ดีต้องใช้ได้ตลอดชีวิต เริ่มสวมเสื้อตัวในสวมทับด้วยสูทสีเข้มตัดด้วยผ้าเนื้อดีสวมแล้วไม่รู้สึกร้อนเหมือนที่คิด จัดหู

กระต่ายให้ตรงมองตัวเองในกระเงา เพิ่งรู้ว่าตัวเองสวมสูทแล้วดูดีอย่างนี้เหมือนคุณชายมาเอง ชายกลางนะไม่ใช่ชายน้อย

สำรวจความเรียบร้อยตัวเองอีกครั้งหน้ากระจก หยิบสเปรย์ฉีดผมบนโต๊ะฉีดใส่ผมจัดแต่งทรงให้ดูอยู่ทรง แค่นี้ทุกอย่างก็พร้อม
แล้ว


งานแฟชั่นโชว์การกุศลนำเงินรายได้ทั้งหมดในงานเป็นทุนการศึกษาให้เด็กผู้ด้วยโอกาส ป้ายหน้างานขนาดใหญ่ติดไว้จนเห็น

ชัดหน้าห้องประชุมจัดเลี้ยง ส่องเข้าไปด้านในสิ่งที่สะดุดตาที่สุดสำหรับทุกคนเป็นเวที catwalk ขนาดใหญ่มีคนแต่งตัวสวยหล่อ

เดินอยู่นั้น แต่สำหรับเทนนิสเป็นของกินแบบบุฟเฟ่ต์ตั้งเป็นโต๊ะยาวมีพ่อครัวยืนประจำอยู่ นั่นคือเหตุผลที่เขายอมมางานคืนนี้

เทนนิสยืนรอเจ้านายลงชื่อรับเข็มกลัด สักพักเจ้านายเดินเข้ามายื่นเข็มกลัดอีกอันให้เขา พร้อมบอกว่าถ้าไม่มีเข็มกลัดนี้เข้างาน

ไม่ได้ เขาพยักรับทราบรีบรับไปกลัดมุมกระเป๋าบริเวณหน้าอกทันที เข้าไปในเสียงดนตรีเป็นจังหวะดังขึ้น บนเวทีนายแบบนาย

แบบเดินออกมาโชว์เสื้อผ้า ทำให้รู้งานงานเริ่มก่อนที่พวกเขาจะมาถึง


ทั้งสองเดินไปนั่งที่โต๊ะตามที่เจ้าภาพของงานได้จัดเตรียม เทนนิสมองคนที่นั่งร่วมโต๊ะท่าทางเหมือนจะมีฐานะกันทั้งนั้นและมีที่

นั่งหลายที่ยังวางอยู่ เขาแอบกระซิบถามเจ้านายว่าค่าบัตรร่วมงานราคาเท่าไหร่ ธีรภัทรไม่ตอบบอกแต่ว่าก็แพงอยู่ คนที่ได้รับคำ

ตอบพยักหน้าเหมือนพอจะเดาได้ แล้วใช้สายตาแอบมองดูโต๊ะข้างๆบ้าง มีผู้หญิงสาวสวยแต่งตัวดีหลายคนแอบมองมาที่เจ้า

นายของเขา เทนนิสนึกว่าตัวเองใส่สูทออกงานแล้วดูดีที่ไหนได้เทียบเจ้านายไม่ได้เลย ตั้งแต่เข้ามาในงานสาวๆก็มองกันใหญ่

บางคนก็เดินเข้ามาทักทาย เจ้านายก็ทักทายตามมรรยาท จนเขาอดคิดไม่ได้ว่าผู้หญิงแบบไหนนะที่ทำให้เจ้านายสนใจได้

การแสดงแฟชั่นโชว์บนเวทีชุดแรกผ่านไปอย่างเรียบร้อย ชุดที่สองพร้อมเดินขึ้นเวที นางแบบนายที่เดินเสร็จชุดแรกต้องเตรียม

ใส่ชุดต่อไป ด้านหลังเวทีทีมงานแต่ละคนต่างวิ่งวุ่นเพื่อไม่ให้งานออกมาดี ปรีญารัตนกอดอกมองเข้าไปในงานเห็นคนที่ต้องการ

เจอนั่งอยู่ที่โต๊ะ เธอเห็นชายหนุ่มตั้งแต่เข้ามาในงาน ขณะที่กำลังมองอีกฝ่ายอย่างดีใจทีมงานก็เรียกให้เธอเข้าไปเตรียมตัวเดิน

แฟชั่นชุดต่อไป แพรพรรณกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเห็นเพื่อนเดินกลับมาด้วยหน้าตายิ้มแย้มอดถามไม่ได้ว่าเจอผู้ชายที่เธออยากเจอรึ

เปล่า เธอไม่ตอบคำถามเพื่อนแต่ยิ้มให้อีกฝ่ายแทน


กับข้าวหลายอย่างถูกวางใส่ถาดเรียงเป็นแถว กลิ่นหอมเรียกน้ำย่อยได้เป็นอย่างดี เทนนิสคิดว่าคิดถูกแล้วที่ได้ตอบตกลงมางาน

นี้ ยังไงเขาต้องกินให้มันคุ้มกับค่าสูทที่ต้องจ่ายไป เขาเริ่มตักกับข้าวไปหลายอย่างและหยิบของกินเล่นไปอีกจาน ธีรภัทรมอง

คนที่สนใจอาหารตรงหน้ามากว่าตัวเขา รู้สึกมันน่าน้อยใจยังไงไม่รู้เขาตักกับข้าวใส่จานสองสามอย่างเดินตามเทนนิสกลับไปนั่งที่โต๊ะ

“คุณธีรภัทร สวัสดีค่ะ เจอกันอีกแล้ว”ปรีญารัตนถือจานอาหารมานั่งลงข้างๆชายหนุ่ม และยิ้มให้อีกฝ่าย

“สวัสดีครับ”ธีรภัทรเลิกคิ้วขึ้นแปลกใจไม่นึกว่าหญิงสาวอีกครั้งที่นี่

“เปรียวไม่นึกว่าคุณจะมางานนี้ด้วย”ไม่รู้สิแปลกเธออุตส่าลงทุนล็อคที่นั่ง ให้เธอได้ได้นั่งร่วมโต๊ะกับอีกฝ่าย แค่นี้เขาก็หนีเธอไป

ไหนไม่ได้แล้ว

“คุณปรีญารัตนเดินแบบด้วยหรอครับ”เขาเห็นชุดที่เธอใส่เหมือนที่นางแบบบนเวทีใส่เดินแบบ

“ค่ะ ทำไมดูไม่ดีหรอคะ”เธอยิ้มพอใจกับคำถาม เป็นครั้งแรกที่อีกฝ่ายทักเรื่องชุดที่เธอสวม

“เปล่าครับ สวยดีครับ”มันเหมาะที่ใช้จะเดินบนเวทีมากกว่า เขาต้องการที่พูดแบบนั้นมากกว่า

“นี่ก็เพิ่งเดินเสร็จรู้สึกหิวเลยออกมาหาอะไรกิน ถ้ากินก่อนก็กลัวใส่ชุดไม่ได้”

เทนนิสมองสาวสวยในชุดกระอกราตรียาวสีแดงเพลิงมีประกายระยิบระยับ ขับให้ขาวของเธอดูเด่นโดยเฉพาะที่นูนขึ้น ไม่รู้ว่าของ

จริงรึเปล่า ว่าไปแล้วผู้หญิงคนนี้หน้าตาคุ้นๆเหมือนเคยเจอที่ไหน ผู้หญิงที่เข้ามาหาเจ้านายมีสาวสวยทั้งนั้น อ้อ จำได้แล้วว่าเคย

เจอที่ไหนเหมือนเธอเคยเข้ามาทักครั้งหนึ่งตอนที่ไปเดินห้าง โลกกลมจริงๆ เทนนิสมองคนที่บอกว่ามาหาของกิน เธอคงไม่ได้

หมายกับข้าวในจานใช่ไหมเพราะสายตาที่เธอมองเจ้านายเหมือนอยากจะกินเจ้านายมากกว่า เห็นทีเจ้านายจะรอดยาก เอาเถอะ

เรื่องของคนอื่นไม่ยากยุ่ง เขากลับมาสนใจกับข้าวที่ตักมาดีกว่า

“ยัยเปรียว ออกมาทำไมไม่รอฉัน ถ้าไม่รู้ว่านั่งที่ไหนฉันคงหาเธอไม่เจอหรอกนะ”

“อุ้ย คุณธีรภัทร สวัสดีค่ะ บังเอิญจังเลยนะคะ”พอพูดเสร็จก็หันไปมองเพื่อน จอมวางแผน

“สวัสดีครับ”

แพรพรรณมองชายหนุ่มที่เพื่อนของเธอชอบ ลงทุนสืบว่าอีกฝ่ายเป็นใคร โทรศัพท์ไปหาและลงทุนให้ได้มานั่งร่วมโต๊ะ แต่ดูไป

แล้วฝ่ายชายจะไม่ได้สนใจใยดีเลย ถามคำตอบคำ ช่างเถอะมันเป็นเรื่องของเพื่อนเธอไม่อยากจะเข้าไปยุ่งให้มาก แค่เรื่องตัวเอง

ก็ปวดใจจะแย่แล้ว เธอหยิบแก้วน้ำส้มขึ้นดื่มมองไปรอบๆโต๊ะ สายตาไปหยุดที่ชายหนุ่มหน้าใสใส่สูทผูกหูกระต่ายกำลังก้มหน้า

ก้มตากินไม่สนใจใคร เธอพยายามจ้องอีกฝ่ายให้ชัดๆ คนที่กำลังกินอยู่รู้สึกเหมือนถูกจ้องอยู่จนเงยหน้าขึ้น “แกมาอยู่นี่ได้

ไง”เสียงพูดไม่ดังมาก แต่ปรีญารัตนนั่งข้างๆได้ยินจนหันมามองเพื่อน หมายถึงใคร เทนนิสจำได้ว่าผู้หญิงที่กำลังจ้องเขาคือใคร

ไม่ลืมส่งยิ้มหวานให้ทีหนึ่งแล้วกินต่อ คนที่ถูกเมินไม่สนใจแทบอยากร้องกรี๊ดออกมา ยังไงเธอจะไม่ยอมปล่อยมันไปแน่ วันนี้พี่

ปืนไม่มาด้วยแล้วมันมากับใคร เธอมองผู้ชายที่นั่งหน้านิ่งไม่สนใจใคร คงไม่ได้กับผู้ชายที่เพื่อนเธอชอบหรอกนะ ยังไงเธอต้อง

เตือนเพื่อนไว้หน่อยดีกว่า

“นั่นแก ไอ้เด็กนั่นที่ฉันเคยบอกว่าเห็นมันไปไหนมาไหนกับพี่ชายแกบ่อยๆ”แพรพรรณกระซิบบอกเพื่อน สายตาจะมองไปเทนนิส

“พี่ชายฉันไม่มา แล้วมันมากับใคร....”เธอหันมามองเพื่อนเหมือนคิดอะไรได้ อย่าบอกนะว่าไอ้เด็กนั่นมากับผู้ชายของเธอ แพร

พรรณพยักหน้าให้เพื่อนเป็นคำตอบ ปรีญารัตนกำมือแน่น นี่มันยุ่งกับพี่ชายเธอไม่พอยังมายุ่งกับผู้ชายของเธออีก คิดหรอว่าเธอ
จะยอม



   การเดินแบบบนเวทีชุดสุดท้ายเสร็จแล้ว นักออกแบบเสื้อผ้าเดินออกมาพร้อมนางนายแบบรับเชิญโค้งให้กับแขกผู้มีเกียรติ

ทุกคนที่ซื้อบัตรราคาแพงเข้ามาชม แขกบางส่วนทยอยกลับ บางคนยังอยู่ถ่ายรูปกับนายนางแบบที่รับเชิญมา ชุดแต่ละชุดที่ขึ้น

แสดงบนเวทีมีหลายคนให้ความสนใจและสั่งจองเป็นจำนวนมาก เทนนิสออกมายืนรอเจ้านายด้านนอก ธีรภัทรแวะไปทักทายผู้

หลักผู้ใหญ่ที่รู้จัก เทนนิสมองตามแขกที่แต่งตัวดีใส่เสื้อผ้าราคาแพงเดินออกมาจากงาน ต่างพูดอวดอ้าวว่าลูกหลานของตัวเอง

เดินแบบแล้วดูหล่อดูสวยจนน่ารำคาญ เขาเคยเห็นแต่ในละครไม่นึกว่าจะมีโอกาสได้เห็นจริงๆ ขณะที่กำลังมองบรรยากาศรอบๆ

เพลินๆ สองสาวสวยที่นั่งร่วมโต๊ะเดินตรงเข้ามาหา

“นี่แก กำลังยืนอ่อยใครอยู่”

“ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่แกจะมาหากินนะ”ทั้งสองพูดไปแล้วก็หัวเราะ

คำพูดของสาวสวยแต่งตัวดีทั้งสองพูดออกมาไม่ค่อยจะเข้ากับหน้าตาของพวกเธอเลย แล้วที่บอกว่าอ่อย กับหากินนี่หมายถึง

ใครกัน อยู่เฉยๆเดินเข้ามาหาเรื่องนี่ป่วยทางจิตรึเปล่า มิน่าเจ้านายถึงไม่สนใจเธอไม่แปลกใจเลย“ขอโทษนะครับ พวกเรารู้จักกัน

ด้วยหรอ”เขาถามเสียงเรียบ

“ฮึ อย่างพวกฉันจะลดตัวไปรู้จักคนอย่างแกหรอก”ปรีญารัตนยิ้มเยอะอีกฝ่าย อย่าว่าแต่รู้จักเลยแค่คุยด้วยยังไม่ยากเลย ถ้าไม่ติด

ว่าจะเดินเข้าสั่งสอนให้รู้ว่าของใครเป็นของใครเธอไม่อยากจะยุ่งกับคนชั้นต่ำ

“ผมก็ว่างั้น โชคดีแค่ไหนที่ไม่รู้คนอย่างพวกคุณ”เทนนิสพูดเสียงเบาลงเรื่อยๆ ไม่อยากให้ทั้งสองได้ยิน

แต่ก็ไม่เบาพอ ทำให้ปรีญารัตนได้ยินรู้สึกไม่พอใจในคำพูดที่เธอได้ยิน“แกพูดอย่างนี้หมายความว่ายัง คนอย่างพวกฉันเป็นยังไง

แน่จริงพูดออกซิ”ปรีญารัตนก้าวเข้ามาไปใกล้เทนนิสกำลังจะใช้มือข้างหนึ่งฟาดไปที่หน้าอีกฝ่ายแต่มีคนจับข้อมือของเธอไว้ก่อน

“ไม่ทราบว่าพวกคุณมีธุระอะไรกับคนของผม”ธีรภัทรปล่อยข้อมือหญิงสาว ที่เดินเข้ามาพยายามจะทำร้ายเทนนิส เขายืนมองดู

เหตุการณ์อยู่ได้สักครู่ เห็นสองสาวเข้ามาคุยกับอีกฝ่าย แต่ไม่ใช่อย่างที่คิดสองสาวน่าจะเข้ามาหาเรื่องมากกว่า ไม่รู้ว่าทั้งสาม

คนเคยรู้จักกันมาก่อนรึเปล่า

“เปล่านะคะ ไอ้เด็กนี่มันว่าเปรียวกับเพื่อน”เธอลูบข้อมือที่รู้สึกเจ็บเบาๆและปรับน้ำเสียงท่าทางให้ดูน่าเห็นใจ จนเทนนิสมองแล้ว

อยากหัวเราะเมื่อกี้ไม่ใช่ท่าทางแบบนี้นี่นา คนสวยปากไม่ดีหายไปแล้วนะ

“ผมว่าไม่ใช่หรอก เท่าที่เห็นเป็นพวกคุณสองคนที่เข้ามาหาเรื่องเขาก่อน”เขาเริ่มเบื่อผู้หญิงคนนี้แล้ว ไม่มีความจริงใจเลย

“นี่คุณธีรภัทรเข้าข้างมันหรอคะ“เธอหน้าเสียที่อีกฝ่ายเลือกเข้าข้างคนแบบนั้นแทนที่จะเป็นเธอ

“ผมไม่ได้เข้าข้างแต่ผมพูด และเชื่อในสิ่งที่เห็นมากกว่า”

แกไอ้เด็กบ้า เธอพยายามระงับอารมณ์มองเทนนิสด้วยสายตาบอกว่าไม่พอใจ “คุณธีรภัทรไม่น่าไปหลงเชื่อมันเลย คุณคงไม่รู้

อะไร ไอ้เด็กนี่มันมั่ว ครบผู้ชายไปทั่ว”ปรีญารัตนมองหน้าธีรภัทรแล้วยิ้ม“ตาสว่างได้แล้วไอ้เด็กนี่ไม่ได้ดีอย่างที่คุณคิด”

แพรพรรณที่เงียบอยู่นานเปิดปากพูดออกมาในที่สุด“ไอ้เด็กผู้ชายคนนี้มันแย่งแฟนฉัน”เอาสิพวกเธอก็อยากรู้ ว่าอีกฝ่ายจะยัง

ปกป้องไอ้เด็กนี่อยู่อีกไหมเมื่อรู้ว่ามันไม่ได้ใสซื่อเหมือนหน้าตา หน้าแบบนี้มันคงไปหลอกคนมาเยอะ

หา! เอาแล้วไงท่าทางจะไปกันใหญ่ สงสัยเขาจะเล่นละครเก่งเกินไป ทำให้เจ๊แกเชื่อว่าพี่ปืนชอบผู้ชายด้วยกันจริงๆ พูดตอนไหน

ไม่พูดดันมาพูดตอนเจ้านายอยู่ด้วยเดี๋ยวก็เข้าผิดกันไปใหญ่ คงเข้าใจผิดเขากับเจ้านายอยู่แน่แน่ผู้หญิงสองคนนี้นี่มีพลังมโนแรง

กล้ามาก เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนแต่ตอนนี้เขาต้องทำยังไง แม้แต่หน้าเจ้านายยังกล้าหันไปมอง

ธีรภัทรคิ้วกระตุก หรี่ตามองผู้หญิงทั้งสองบอกว่าเทนนิสไปแย่งแฟนของเธอ เขาอยากรู้ว่าไอ้ผู้ชายคนนั้นมันมีดีขนาดนั้นถึง

ทำให้เทนนิสต้องไปแย่งมา”ขอบคุณพวกคุณทั้งสองที่บอก แต่คงเข้าใจผิดเทนนิสเป็นคนรักของผม”เขาพูดจบทั้งสามคนก็มอง

เขาเป็นเป็นตาเดียว เทนนิสตกใจมากพูดไม่ออกแต่ดูแล้วเจ้านายคงโกรธอยู่ ปรีญารัตนแทบอยากจะกรี๊ดออกมาดังๆ

“คุณหมายความว่ายัง ที่บอกว่าคนรัก ฉันไม่เชื่อ มันจะเป็นไปได้ยังไงผู้ชายกับผู้ชาย”เธอไม่ยอมรับผู้ชายคนนี้เธอเจอเขาก่อน

เขาต้องเป็นของเธอซิ

ชายหนุ่มเงียบไม่ตอบคำถามเธอในสมองกำลังคิดทำเรื่องร้ายๆขึ้นมา เขาแต่เดินเข้าไปหาคนที่ยืนอึ้งกับคำพูดของเขาอยู่ ใช้มือ

จับใบหน้าที่ยังงงนั้นหันมาแล้วจูบลงฝีปากบาง เทนนิสที่ยังอยู่ในอาการงงอยู่ ยิ่งตกใจอีกรอบที่เจ้านายโน้มใบหน้าลงแล้วทาบ

ริมฝีปากลงฝีปากเขา สองสาวที่ยืนดูตกใจไม่แพ้กัน


หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 13 ] 21/05/2560
เริ่มหัวข้อโดย: jaengsRU ที่ 21-05-2017 08:59:30

ต่อจากด้านบน

          ในห้องผู้โดยสารบรรยากาศในรถเงียบไม่มีใครพูดอะไร เทนนิสยังงงไม่หาย สิ่งที่เกิดกับเขาเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วเป็นความ

ฝันใช่ไหม เขาเหลือบไปมองเจ้านายเห็น ใบหน้าอีกฝ่ายเรียบเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นั่นมันเป็นจูบแรกของเขาเลยนะ เขา

เผลอยกมือขึ้นลูบริมฝีปากตัวเองเบาๆเขายังจำความรู้สึกนั้นได้ ใบหน้าของเขาเห่อแดงขึ้นมาด้วยความอาย นั่นเจ้านายแค่ช่วย

ไม่ให้ผู้หญิงสองคนมายุ่งกับเขาตั้งหากคิดมากไปได้ คนที่กำลังขับรถดูภายนอกไม่มีอะไรแต่ในใจกำลังมีความสุขแทบอยาก

ตะโกนออกมาอยู่แล้ว ตอนนี้เขานึกถึงแต่ริมฝีปากบางนุ่มๆที่เขาใช้สถานการณ์ไม่คาดคิดช่วยให้สมหวัง เขาอยกรู้เหมือนกันว่า

ไอ้ผู้ชายที่บอกคนของเขาไปแย่งมาเป็นใคร คนของเขาเขาชอบคำนี้ ธีรภัทรเหลือบมองคนข้างๆที่ยังนั่งนิ่งอยู่ในอาการงงๆ


   ได้อาบน้ำแล้วอารมณ์ความรู้สึกที่คอยรบกวนมาตลอดทางก็ค่อยๆหายไป ถามว่าเขาโกรธหรือไม่พอใจไหมที่เจ้านายทำ

ลงไปแบบนั้น เขาตอบไม่ได้เพราะตอนนี้เขาเองก็ไม่ได้ขัดขืน ชั่งเถอะยังไงทุกอย่างก็ผ่านไปแล้วแก้ไขอะไรไม่ได้ ลืมลืมไปซะ

เดี๋ยวก็ดีเอง แต่เขาจะมองหน้าเจ้านายติดได้ยังไงกัน เทนนิสแขวนสูทกลับเข้าที่เดิม เดินออกมาจากห้องด้วยใจตุ้มๆต่อมๆกลัว

เจอเจ้าของห้อง หันซ้ายหันขวาไม่มีใครอยู่รู้สึกโล่งอกอยู่บ้าง เขารีบเดินไปในครัวเปิดตู้เย็นหยิบนมสดออกมาอุ่นกินสักแก้ว

“ยังไม่นอนอยู่หรอเรา”เสียงเจ้าของห้องดังขึ้นอยู่ด้านหลัง แก้วอยู่มือเกือบตกแตกแจ่หัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มแล้ว

“ย..ยังครับออกมาอุ่นนมดื่ม พี่ธีร์จะเอาด้วยไหมครับ”เขาพูดไม่มองหน้าอีกฝ่าย แก้มรู้สึกร้อนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้จนได้แต่

สงสัยทำไมเจ้านายถึงไม่ได้รู้สึกอะไรเลย

“อืม ก็ดีเหมือนกัน” ธีรภัทรเดินไปนั่งลงที่โซฟาเปิดโทรทัศน์เลื่อนหาช่องรายการดูรออีกฝ่าย ไม่นานเทนนิสถือถ้วยเซนามิคสี

ขาวข้างในมีนมอุ่นๆยื่นให้เจ้าของห้อง เขาดื่มนมไปด้วยดูโทรทัศน์ไปด้วย โดยไม่รู้ว่ามีคนมองเขาอยู่

ดวงตาสีอ่อนจ้องมองคนตรงหน้าที่ไม่ยอมหันมาหรือคุยกับเขาเลย ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ธีรภัทรไม่พอใจอยู่บ้างเหมือนถูก

อีกฝ่ายเมินเขาลุกขึ้นไปนั่งข้างๆอีกฝ่าย รู้สึกเหมือนมีคนมานั่งข้างๆเทนนิสหันไปมอง ธีรภัทรกอดอีกฝ่ายไว้แล้วก้มลงจูบริม

ฝีปากบาง ไม่ยอมให้อีกฝ่ายขัดขืน ริมฝีปากหนากดลงอย่างตามใจบดเบียด ชิม ลิ้มรส คนถูกจูบรู้สึกชาเหมือนถูกกระแสไฟฟ้า

ไหลผ่าน ร่างกายไม่มีแรง ธีรภัทรล่วงล้ำเข้าไปโพรงปาก เขาสัมผัสได้ถึงลิ้นนุ่มๆลื่นๆและรสชาติหวานๆนิดนิด ธีรภัทรเริ่มควบคุม

ตัวเองไม่ได้เขากดริมฝีปากลงซ้ำแล้วเน้นย้ำอยู่อย่างนั้นจนรู้สึกว่าคนในอ้อมกอดหายใจไม่ออก

คนตัวโตปล่อยคนในอ้อมกอดออก มองหน้าที่เห่อแดง เทนนิสหอบหายใจเข้าปอด เช็ดปากแดงเจ่อมองคนตรงหน้าตัวการที่

ทำให้ต้องมีสภาพอย่างนี้ เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายทำไมต้องทำอย่างนี้จนต้องถามออกมาว่า”พ..พี่จูบผมทำไม”เขาเกือบหาเสียงตัวเอง

ไม่เจอ ถูกผู้ชายด้วยกันจูบครั้งเดียวไม่พอนี่ตั้งสองครั้ง ครั้งที่สองนี่เขาถึงกับจูบตอบด้วยยิ่งคิดยิ่งหน้าอาย

“พี่ชอบเรา”คำสารภาพสั้นๆ ที่ทำให้คนฟังต้องเงียบ คนสารภาพความในใจสังเกตว่าอีกฝ่ายรู้สึกยังไงกับคำพูดที่เขาบอกไป กว่า

จะพูดออกมานี่เขาอุส่ารวบรวมความกล้าตั้งนาน มองดูริมฝีปากบางเจ่อที่ถูกเขาจูบอย่างเอาแต่ใจ

“ไม่ตลก ผมไม่ขำ”จะให้เชื่อได้ยังไงว่าเจ้านายชอบผู้ชายด้วยกัน อีกฝ่ายไม่เคยแสดงท่าทีอะไรมาก่อนว่าชอบผู้ชายด้วยกัน ถ้า

จะหลอกก็ไปหลอกเด็กดีกว่า”ปล่อยผมเถอะ”ไม่รู้ใจคอจะกอดไปถึงไหน

ธีรภัทรยอมปล่อยอย่างว่าง่าย เขาไม่ชอบสายตาที่อีกฝ่ายมองมา นี่สิ่งที่เขาทำมันดูเชื่อเถือไม่ได้ขนาดนั้นเลยหรอ“พี่ชอบเรา

จริงๆนะ”เขาจ้องเข้าไปในดวงตาสีเข้มทั้งคู่ ที่บอกว่าไม่เชื่อเขา

เทนนิสตั้งสติถามอีกฝ่าย“ทำไมถึงชอบผม ทำไมไม่เป็นคนอื่น ล..แล้วพี่เป็นเกย์หรอ”เขารัวถามคำถามอีกฝ่าย บอกว่าชอบเขา

จะดีหรอเขาเป็นผู้ชายนะ คิดดีแล้วหรอ

“ไม่รู้เหมือนกันมันรู้สึกไปเอง อธิบายไม่ได้ พี่ไม่ได้ชอบผู้ชายคนอื่นนอกจากเรา”

“เป็นผมจะดีหรอคือ....”

“ดีสิ เชื่อพี่”เขารวบตัวอีกฝ่ายที่กำลังรู้สึกสับสนเข้ามากอด ลูบแผ่นหลังเบาๆ  คนถูกปลอบรู้สึกแปลกผู้ชายสองคนนั่งกอดกันบน

โซฟาหน้าโทรทัศน์ ในคืนวันศุกร์หลังจากที่จูบกันเสร็จแล้ว นี่เขากำลังฝันอยู่รึเปล่า หรือเจ้านายทำงานเยอะเกินไปแล้วเครียด
จนป่วย

“พี่ชอบเรา เป็นแฟนกันนะ”เขากระซิบข้างหูคนในอ้อมกอด แล้วฉวยโอกาสกดจมูกลงบนแก้มนุ่ม

“หะ ม..มันไม่เร็วไปหรอเราพึ่ง..”

“เราพึ่งจูบกัน ถ้าพี่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้มันอาจจะมากกว่านั้น”ลองปฏิเสธสิเขาจะปล้ำให้ดู

เทนนิสมองสายตาอีกฝ่ายที่ส่งมาข่มขู่“พี่ชอบผมจริงหรอ ไม่ได้หลอกกันนะ”เขาถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ และใช้มือยัน

หน้าอกคนตรงหน้าไว้ คนอะไรมือไม้เป็นหนวดปลาหมึก ถ้าไม่จับก็ลูบ แต่ก่อนไม่เคยรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นแบบมาก่อนเลย ตอนนี้เขา

อยากร้องไห้

อีกฝ่ายไม่ตอบแต่พยักหน้าแทน

“ก...ก็ได้”เขาตอบได้ไม่เต็มปาก แต่แค่นั้นก็เพียงพอแล้วให้คนตัวโตยิ้มออก“วันนี้ดึกแล้วไปนอนกันเถอะ”เทนนิสลุกขึ้นอย่างว่า

ง่ายเดินเข้าห้อง แต่ก็ตกใจเมื่อเห็นอีกคนตามมา เขาไล่คนตามเข้ามาในห้อง แถมบ่นให้ว่าห้องตัวเองมีทำไมไม่ไปนอนจะมา

นอนเบียดบนเตียงแคบทำไมคิดว่าตัวเองตัวเล็กนักรึไง ที่จริงเขากลัวว่าจะถูกอีกฝ่ายล่วงเกินอีก ห้ามไปก็เท่านั้นเมื่อคนตัวโตไม่

สนใจเดินไปนอนบนเตียงเฉย เขาไม่รู้จะทำยังไงต้องปล่อยเลยตามเลย เป็นผู้ชายนอนด้วยกันไม่มีอะไรเสียหายหรอก....มั้ง

ธีรภัทรนอนตะแคงมองคนนอนหันหลังให้แล้วถามว่า ไปทำอะไรมาทำไมผู้หญิงสองคนนั้นถึงได้เข้าไปหาเรื่อง เทนนิสหันหน้า

กลับมามองคนถาม เขาเล่าเรื่องที่ทำให้ผู้หญิงชื่อแพรพรรณเข้าใจผิดทั้งหมดให้อีกฝ่ายฟัง

ธีรภัทรได้คำตอบที่พอใจแล้วก็ยิ้มนอนหลับอย่างสบายใจ


   เช้าวันใหม่ที่มาพร้อมกับสายฝนโปรยปราย เย็นสบายจนคนที่นอนหลับสบายบนเตียงไม่อยากลุกไปไหน ส่วนคนที่ตื่นแล้ว

กำลังนอนคะแคงมองใบหน้าคนนอนอย่างมีความสุข เทนนิสมองใบหน้าหล่อมีเสน่ห์ขนาดเวลานอนยังดูดี อย่างนี้สิสาวๆถึงชอบ

วิ่งตามกันเป็นพรวนแล้วทำไมถึงมาชอบเขาได้ รึว่าชอบของแปลก ว่าไปแล้วเขาก็ไม่นึกรังเกียจเขาเลื่อนมือขึ้นไปวางไปแก้มอีก

ฝ่ายเพื่อนยืนยันว่าเขาไม่ได้หลับและฝันอยู่

คนที่คิดว่ากำลังหลับอยู่ อยู่ดีดีก็ลืมตาขึ้นแล้วพูดว่า“อรุณสวัสดิ์ ที่รักเมื่อคืนหลับสบายดีไหม”คนเพิ่งตื่นนอนกุมมือขาวที่วางไว้

บนแก้มไว้ ไม่พอยังดึงอีกฝ่ายเข้าไปกอด

“อ..อรุณสวัสดิ์ ตื่นนานแล้วหรอครับ”ตื่นแล้วก็ไม่บอกปล่อยให้นอนมองอยู่ได้ตั้งนาน เขารู้สึกตัวเองใจง่ายยังไงไม่รู้ เป็นแฟนกัน

ยี่สิบสี่ชั่วโมงก็ไม่ถึง แต่ยอมให้อีกฝ่ายนอนกอด

“เพิ่งตื่น วันนี้ฝนตกอากาศน่านอน ทำไมตื่นเร็วหิวแล้วหรอ”โห ถามคำถามนี้เหมือนคนรู้ใจกันเลย

“เป็นอะไรดูเงียบเงียบ”คนนอนตะแคงใช้มือเท้าศีรษะถามอย่างเป็นห่วง

“เปล่า แค่ยังช๊อค เอาพี่ธีร์คนเดิมของผมกลับมา”

“ฮึ ฮึ เป็นเพราะเราที่ทำให้พี่เป็นแบบนี้ รับผิดชอบด้วย”เขาเองยังไม่คิดว่าตัวเองเป็นได้ขนาดนี้

ทั้งสองนอนคุยกันสักครู่แล้วหลับต่อ


   ไม่รู้ว่ากี่โมงแล้วคนที่กำลังนอนสบายรู้สึกตัวใช้มือควานหาคนที่นอนอยู่ข้างแต่ไม่เจอ ธีรภัทรเปิดตาขึ้น คนที่นอนอยู่ข้างๆ

เมื่อคืนหายไป  สงสัยจะหิวแล้วเลยออกไปหาอะไรกิน ตอนนี้กี่โมงแล้ว เขานอนหงายมองเพดานสีขาวในห้องคิดทบทวนเรื่องที่

เกิด มันอาจจะดูเร็วไปสำหรับอีกฝ่าย ว่าไปแล้วเขาก็เพิ่งได้เห็นใบหน้าท่าทางหลากหลายอารมณ์ของอีกฝ่าย แล้วไหนริมฝีบาง

ที่ทำให้ควบคุมอารมณ์เกือบไม่อยู่นั่นอีก หัวใจของเขาลงความเห็นว่าเทนนิสเป็นคนที่อันตรายและน่าเข้าใกล้มาก

เขาคิดถึงเรื่องที่เทนนิสเล่าให้ฟังเมื่อคืนถึงสาเหตุที่ทำให้สองสาวเข้าใจผิดเพิ่งรู้ว่าอีกฝ่ายมีพี่ชาย ทำให้เขารู้ว่าเขายังรู้จักคน

ของเขาไม่ดีพอ ยังไงซะยังมีเวลาเรียนรู้กันอีกมาก ในห้องนี้มีแต่กลิ่นเจ้าของห้องเต็มไปหมด เหมือนฝันเลยที่ได้อีกฝ่ายมานอน

กอด เขาซบหน้าลงหมอนสูดกลิ่นหอมอ่อน ขณะกำลังดมกลิ่นจากหมอนอยู่ร่างกายบางส่วนก็ตื่นตัวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

ตื่นนอนขึ้นมารู้สึกหิวเห็นคนนอนข้างกำลังหลับสบายไม่อยากกวน เทนนิสลุกจากเตียงเข้าไปในครัวเปิดตู้เย็น กวาดสายตาไปทั่ว

มี กุ้ง ปลาหมึก และปูอัด ทำข้าวต้มทะเลรวมน่าจะได้ เขาหยิบวัตถุออกมาล้างหั่นให้เรียบร้อย เติมน้ำใส่ในหม้อตั้งไฟรอจนเดือด

เติมเกลือลงไปเล็กน้อย ใส่กุ้งที่แกะเปลือกเรียบร้อยแล้วปลาหมึกหั่นแล้วและปูอัด ทุกอย่างสุกเติมข้าวสวยลงไปพอประมาณ ใส่

ผงปรุงรสลงไปเล็กน้อย ใส่ต้นหอมซอย คึ่นไช่และผักซีลงไปเป็นอันเสร็จ

เปิดประตูเข้าไปในห้องบนตียงไม่มีคนนอนอยู่ คงกลับห้องไปแล้ว เทนนิสหยิบเสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัวหายเข้าไปในห้องน้ำ ตอนนี้ฝน

หยุดตกแล้ว สักพักเขาน่าจะกลับบ้านได้



                      บนเตียงกว้างคนนอนบนเตียงยุกยิกไปมาแล้วลืมตาขึ้น นี่เช้าแล้วหรอ ปรีญารัตนมองไปรอบๆห้องให้ชัด นี่มัน

ไม่ใช่ของเธอนี่นาแล้วห้องใคร เธอยันตัวเองให้ลุงขึ้นนั่งบนเตียงทำให้เห็นมีคนผู้ชายอีกคนนอนหลับอยู่ข้างๆ รู้สึกปวดหัวนิด

หน่อยคงเพราะเมื่อคืนดื่มเหล้าเยอะไปหน่อย คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเธอกำผ้าห่มแน่นด้วยความแค้น ไอ้เด็กผู้ชายคนนั้นมันดีกว่า

เธอตรงไหน ทำไมผู้ชายถึงได้ชอบมันนักคอยดูเถอะ เธอไม่มีทางปล่อยให้มันมีความสุขแน่แน่เธอขอสาบาน มองหาโทรศัพท์

กดโทรออกหาเพื่อน ไม่นานปลายสายก็มีคนรับ

“แพรตัดสินใจแล้วฉันไม่ปล่อยไอ้เด็กนั่นไป หาคนให้ฉัน ฉันจะไปให้คนไปจัดการมัน ถ้ามายุ่งกับคนของฉันก็อย่างหวังว่าชีวิตจะ

ได้อยู่สบาย”พูดไปแล้วภาพที่เห็นผู้ชายสองคนจูบกันก็ทำให้อยากอาเจียนขึ้นไม่ได้

“อย่าทำอะไรรุนแรงนะ ยังไงเรื่องก็ผ่านไปแล้ว”ปลายสายมีน้ำเสียงกังวลใจ

“เรื่องนี้แกไม่ต้องยุ่ง แค่นี้ก่อนนะ”เธอกดวางมองหน้าจอที่มืดลง ฮึ เธอไม่ทำอะไรรุนแรงหรอก ถ้าไม่ทำก็ไม่ใช่เธอนะสิ หน้าโง่

เหมือนเพื่อนของเธอสิถึงปล่อยให้มันแย่งแฟนไปได้ แต่เธอไม่ใช่

“อืม ทำไมตื่นเร็วจังเลยที่รัก แล้วคุยกับใครอยู่”

“เปล่าค่ะ”

เธอปฏิเสธเสียงหวาน ชายหนุ่มที่พึ่งตื่นดึงเธอนอนลงบนเตียงนุ่มแล้วขึ้นทาบทับ ไม่นานทั้งสองก็กลายเป็นหนึ่งเดียวกัน

 

                   มือขาวเปิดประตูห้องน้ำออกมาเห็นร่างสูงนั่งยิ้มอยู่บนเตียง เทนนิสก้าวขาไม่ออกเมื่อเห็นสายตาที่อีกฝ่ายมองมอง

“พี่มาชวนไปกินข้าว”คนพูดนั่งบนเตียงมองคนเกิดอาการตกประหม่า ทำอะไรไม่ถูก

“ค..ครับ”ยังไม่ชิน ไม่รู้จะทำยังไง

จนคนมองรู้สึกสงสารเดินเข้าไปโอบกอดอีกฝ่ายไว้”ทำตัวเหมือนเดิมก็พอ ค่อยเป็นค่อยไป”เขาไม่อยากรีบเร่งอีกฝ่าย เทนนิส

หน้ามุ่ยคนอะไรเอะอะจะกอดก็กอด คนเขามีพ่อมีแม่นะ 

ทั้งสองนั่งกินข้าวเช้ามื้อแรกของการเปลี่ยนสถานะ ธีรภัทรชวนอีกฝ่ายคุยคลายความกังวล ดูเหมือนจะได้ผลเทนนิสลืมไปชั่ว

ขณะกลับมาร่าเริงเหมือนเดิม บรรยากาศแบบเดิมๆกลับมาแล้ว

“เหมือนคู่แต่งงานใหม่เลย”

คำพูดของธีรภัทรทำให้คนที่กำลังกินอย่างอร่อยเกือบสำลัก“เหมือนที่ไหนปกติก็เป็นอย่างนี้ไม่ใช่รึไง”ไม่มีอะไรเปลี่ยนหรือ

แปลกไปซะหน่อย

“เรารู้สึกยังไงกับพี่บ้าง เคยชอบพี่บ้างไหม”คนถามเท้าแขนมองคนนั่งตรงข้าม อยากรู้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกกับเขายังไง ที่แน่แน่ไม่ได้

รังเกียจและน่าชอบเขาอยู่บ้าง

“ไม่รู้เหมือนกัน เรื่องแบบนี้มันตอบกันได้ง่ายๆที่ไหน”

“ไม่ต้องทำหน้าเครียดเหมือนกำลังสัมภาษณ์เข้าทำงาน”

เขาว่ามันเครียดกว่านั้นเยอะ เพราะสัมภาษณ์งานไม่ผ่านยังไปสมัครที่อื่นได้ แต่เรื่องความรักมันไม่ใช่ว่าใครก็จะสามารถมา

แทนที่ใครได้“แล้วคนเป็นแฟนกันต้องทำยังไง”ถามคนที่น่าจะตอบคำตอบนี้ได้ดี

“ไม่ต้องทำอะไรมาก รักพี่ ห่วงพี่ หวงพี่ คิดถึงพี่ให้มากๆก็พอ”ตอบแล้วยิ้มอย่างพอใจ แค่มีความตรงหน้าอยู่ด้วยกันแค่นี้เขาก็

พอใจแล้ว

“อ้อ แล้วถ้ามีคนเข้ามายุ่งผมสามารถบอกเขาได้ไหมว่าพี่เป็นแฟนผม”ถามไปแล้วดูท่าทางคนตรงหน้า จะตอบยังไง

“ไม่มีปัญหา ออกจะดีใจด้วยซ้ำไป”ตอนนี้อีกฝ่ายยังไม่เชื่อความรู้สึกที่เขามีให้ ที่ทำได้คือต้องแสดงออกเท่านั้น เขายิ้มให้คนที่

นั่งนิ่งมองตรงมาหาเขาเหมือนต้องการมองให้ทะลุถึงหัวใจ


   กลับมาถึงบ้านตอนสาย เทนนิสทำงานบ้านเหมือนทุกครั้งแต่ครั้งนี้มีแขก นั่งทำงานอยู่หน้าโทรทัศน์เงียบๆ เขาทำความ

สะอาดบ้านไปด้วย อดเหลือบมองคนขยันไปด้วยไม่ได้ ที่เขารู้สึกดีกับอีกฝ่ายไม่รู้เป็นเพราะความใกล้ชินความเคยชินหรือเปล่า

ถ้าห่างกันไปแล้วความรู้สึกจะเปลี่ยนแปลงไปรึเปล่า เทนนิสวางเครื่องดื่มเย็นๆวางไว้บนโต๊ะให้คนขยันให้พักบ้างเห็นนั่งทำหน้า

เครียดมาหลายชั่วโมงแล้ว

“ทำงานทั้งวันพักบ้างนะครับ”นั่งลงข้างๆ มองคนที่ทำหน้าเครียด จ้องหน้าจอสี่เหลี่ยม หน้าตาแบบนี้สิที่เขาเห็นบ่อยๆ ไม่ค่อยชิน

กับอีกเวอร์ชั่นที่เจอเมื่อคืน แต่ก็ให้ความรู้สึกไปอีกแบบ

คนตัวโตเลิกสนใจงานหันมาสนใจเครื่องดื่มเย็นๆ กับคนที่นั่งข้างๆ ตามเนื้อตัวมีฝุ่นเกาะอยู่ ไรผมชื้นไปด้วยเหงื่อ“ดีเหมือนกัน

ขอบใจนะ”ไม่อยากกับไปนั่งทำงานที่บ้านคนเดียว และอยากรู้ด้วยว่าช่วงวันหยุดอีกฝ่ายทำอะไรบ้าง”เราก็พักบ้างกลับมาเห็นทำ

โน่นทำนี่ไม่หยุดเลย จนหน้ามอมแมมเหมือนกัน”เขาเอนหลังพิงโซฟา มองอีกฝ่ายด้วยสายตาพราว ยืนมือไปเช็ดคราบฝุ่นที่ติด

อยู่บนแก้มใสเบาๆ แก้มนี้เขาแอบขโมยหอมแล้วเมื่อคืนทั้งนุ่มทั้งหอมเหมือนที่เคยคิดไว้จริงๆ

เทนนิสยิ้มเขินๆให้อีกฝ่าย“อย่าเข้าใกล้ผม ผมมีแต่เหงื่อเหม็นด้วย”เขาดันคนที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ออก กวาดบ้าน ทำโน่นทำนี่

ไม่มีอะไรมากทำเป็นประจำจนชินแล้ว อีกอย่างทำแค่สัปดาห์ละครั้ง อยู่กับพี่ธีร์เขาก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจากทำกับข้าว

”มีงานด่วนหรอครับเห็นนั่งทำงานตั้งนานแล้ว”ถามเผื่อว่าจะมีอะไรที่เขาพอจะช่วยได้

ปิดโน้ตบุ๊คลง แล้วหันมาสนใจอีกฝ่าย“ไม่หรอก ก็เรื่อยๆ เช็คโน่นดูนี่”

“วันนี้เด็กๆไม่มาหรอครับ”ถามหาเด็กๆที่ปกติจะชอบมาเล่นด้วยบ่อยๆ

“ใช่ ไม่มีใครอยู่บ้านเลย”ตอบด้วยน้ำเสียงเนือยๆ

“อยากงีบหน่อยไหมครับ เดี๋ยวผมเอาหมอนมาให้”เห็นหน้าตาอีกฝ่ายเหมือนจะเพลีย

“นอนด้วยกันไหม”คนถามยิ้มหวานยื่นมือมากุมมือขาวไว้ เป็นคำถามง่ายๆแต่ก็ให้คนฟังต้องเขินหน้าแดง

นั่นไงโผล่ออกมาอีกแล้วพี่ธีร์เวอร์ชั่นใหม่ เทนนิสปฏิเสธบอกว่ายังเหลืองานต้องทำอีก อีกฝ่ายบอกเอาไว้พรุ่งนี้ค่อยทำต่อ เขา

บอกอีกว่าทำเสร็จแล้วจะมานอนเป็นเพื่อน ธีรภัทรถึงได้ยอมอย่างว่าง่าย เขากลับไปรีดเสื้อผ้าที่ยังค้างอยู่ ส่วนด้านนอกสายฝนก็

โปรยปรายลงมาไม่หยุด อากาศเย็นสบายทำให้เขารู้สึกง่วงไปด้วย รีดเสื้อผ้าเสร็จแล้ว เขาขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับลงมา

นั่งมองคนที่นอนหลับสบายอยู่บนที่นอนปิคนิค เขามองออกข้างนอกมองสายฝนที่ยังโปรยปรายไม่หยุด ต้นไม้ที่ถูกน้ำฝนเป็นสี

เขียวสวย คนนอนหลับลืมตาขึ้นเพราะกลิ่นหอม เขายิ้มให้อีกฝ่ายขยับให้นอนลงข้างๆทั้งสองนอนฟังเสียงน้ำฝนหยดลงบน

หลังคาแล้วหลับไปด้วยกัน





***************************************************************************


 ช่วงนี้ฝนตกบ่อยดูแลสุขภาพด้วยน้า (คนแต่งก็เกือบลอยไปตามน้ำฝนแล้วเชียว)

โปรดติดตามตอนต่อไป

หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 13 ] 21/05/2560
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 21-05-2017 17:59:06
ชะนีจะทำอะไรเทนนิส :katai1: :katai1: :katai1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 13 ] 21/05/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ชมรดา ที่ 21-05-2017 19:31:50
ขอบคุณค่ะ  ยาวมากกกก  ชอบจ้า
เป็นแฟนกันแล้วจ้า  พี่ธีร์น้องเทนนิส 
หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 14 ] 04/06/2560
เริ่มหัวข้อโดย: jaengsRU ที่ 04-06-2017 09:20:58

ตอนที่ 14
[/size]

   มหาวิทยาลัยเปิดเรียนตามปกติได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว ช่วงสัปดาห์แรกของการเปิดเรียนนักศึกษาหลายคนยังยุ่งวุ่นวายกับ

การ เพิ่ม ถอน ลด รายวิชาตามที่ประกาศมหาวิทยาลัยประกาศออกมา และทุกอย่างกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหลังเงียบเหงาไป

นานหลายเดือน เสียงเพลงประจำมหาวิทยาลัยแว่วมาตามเสียงตามสายเพื่อให้นักศึกษาน้องใหม่คุ้ยเคยกับบทเพลง นักศึกษา

น้องใหม่แต่งตัวถูกระเบียบติดป้ายชื่อเดินขึ้นห้องเรียนเตรียมตัวเรียนในชั่วโมงต่อไป


   ห้องเรียนที่เคยเงียบเหงามานานหลายเดือนกลับมาคึกคักเหมือนเดิม หรืออาจจะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ เจอกันครั้งที่แล้ว

พวกเขายังเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 3 ตอนนี้กลายเป็นนักศึกษาชั้นปีสุดท้ายและอีกไม่ถึงปีพวกเขาจะจบการศึกษาไปเป็นน้องใหม่ใน

ชีวิตการทำงาน วันแรกของการกลับมาเรียนหลังได้ใช้ประสบการณ์ฝึกงานมาหลายเดือน หลายคนตื่นแต่เช้าเข้ามานั่งรออาจารย์

ในห้องเรียนทั้งที่เมื่อก่อนเข้าเรียนพร้อมอาจารย์ ทุกคนเติบโตขึ้นมากจากการที่ได้ออกไปเรียนรู้ประสบการณ์ด้วยตนเอง เสียง

หัวเราะพูดคุยจากนักศึกษาจับกลุ่มคุยกันเกี่ยวกับเรื่องที่แต่ละคนไปประสบพบเจอช่วงเวลาที่ไม่ได้เจอกัน ท้ายที่สุดของบท

สนทนาของแต่ละคนก็คือคิดถึงเพื่อนคิดถึงชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย

   อาจารย์ประจำวิชาเข้าก่อนเวลาเล็กน้อย พรนำพาเริ่มจากการแนะนำตัวเบื้องต้นและแนะนำเนื้อหาวิชาเศรษกิจไทย ที่

นักศึกษาจะได้เรียน เธอแจกเอกสารเกี่ยวกับเนื้อหาที่ต้องเรียน เกณฑ์การทดสอบ เก็บคะแนน และการเข้าเรียน นักศึกษาทุกคน

เงียบตั้งใจฟัง ยกมือขึ้นถามบ้างในหัวข้อที่สงสัย ส่วนหนังสือที่ใช้ประกอบการเรียนเธอเรียกให้หัวหน้าและตัวแทนอีกสองสาม

คนไปเอามาจากโต๊ะของเธอมาแจกเพื่อนๆ เป็นวันแรกของการเริ่มเรียนวิชานี้แต่นักศึกษามาครบทุกคนตามใบรายชื่อที่ลง

ทะเบียนกับทางมหาวิทยาลัย นั่นทำให้เธอดีใจ หัวหน้าห้องและตัวแทนกลับมาพร้อมกับหนังสือเล่มหนา ทุกคนลุกขึ้นจากที่ เข้า

แถวออกมารับหนังสือเรียนพร้อมลงชื่อเป็นหลักฐาน ได้หนังสือเรียนเศรษฐกิจไทยไปแล้วหลายคนเปิดดูข้างใน

“เพิ่งรู้ว่ามาเรียนหนังสือนี่มันดีก็วันนี้”เหรียญสิบเปิดดูเนื้อหาในหนังสือเรียนแล้วบ่นขึ้นมาเบาๆ

“ฝึกงานไม่สนุกรึไง ได้ยินข่าวว่ามีสาวๆมาชอบเยอะเลยนิ”ชายหนุ่มตัวเล็กอดแหย่เพื่อนไม่ได้หลังได้ยินจากเอื้อมเล่าให้ฟัง

“ใครบอก”พูดแล้วหันไปมองเพื่อนอีกคนที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ เกิดอาการตั้งใจอ่านหนังสือเรียนใหม่อย่างร้อนตัว”อย่าไปเชื่อไอ้

เอื้อมให้มาก”

“แล้วเป็นไงไปฝึกงานหลายเดือนแล้วไม่เคยเห็นพวกแกสองคนเขียนบ่นอะไรเลย”หนุ่มแว่นเงยหน้าจากหนังสือถามเพื่อนทั้ง

สองที่ดูเหมือนจะไม่มีเรื่องอะไรให้หนักใจ

“ก็ไม่ต่างจากคนอื่นหรอก แค่คนบ่นไปหมดแล้วก็เลยไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอีก อีกอย่างเอาเรื่องที่เกิดในที่ทำงานไปเล่าให้คนอื่นฟัง

มันดูไม่ดีเท่าไหร่”

เพื่อนๆพยักหน้ารับรู้กับคำพูดของเทนนิส ทุกคนได้หนังสือเรียนครบ อาจารย์ปล่อยนักศึกษาที่คุยกันให้หายคิดถึง

หัวหน้าห้องจึงถือโอกาสประกาศเรื่อง กิจกรรมรับน้อง ให้ทุกคนให้ความร่วมมือแต่งงกายถูกระเบียบเป็นตัวอย่างให้น้องๆ ใครที่

อยากเจอหน้าน้องวันนี้ตอนเย็นจะมีกิจกรรมเข้าห้องเชียร์ไปส่องดูได้ ส่วนกิจกรรมอื่นตามกำหนดการที่ทางคณะประกาศ

หมดเวลาคาบแรกของวัน ทุกคนทยอยออกจากห้องเตรียมตัวเข้าเรียนในชั่วโมงต่อไป เหรียญสิบมองดูรุ่นน้องที่เดินตามกันเป็น

กลุ่ม พูดคุย หัวเราะ ยอกล้อ เข้าห้องเรียน รู้สึกดีกว่าที่นั่งทำงานหน้าจอเดินส่งเอกสารตามโต๊ะมีคนทำหน้าเครียด หน้าบึง
 เสียงดุ

บรรยากาศในที่ทำงานก็เงียบจนง่วงนอน ผิดกับที่นี่ลิบลับ คิดแล้วก็ไม่อยากกับฝึกงานแล้ว เขาเลิกคิดแล้วเดินตามเพื่อนเข้าห้องเรียน

หมดเวลาเรียนช่วงเช้าเป็นเวลาบ่ายโมง โรงอาหารยังเต็มไปด้วยนักศึกษาเดินขวักไขว่เหมือนทุกวัน หลายคนเห็นแล้วแทนที่จะ

บ่นว่าคนเยอะแต่กลับพูดออกมาว่าอย่างนี้สิชีวิตนักศึกษา เสียงดังไปหน่อยดีกว่าไปนั่งกินเงียบๆกับเพื่อนร่วมงานไม่กี่คน เวลา

กินก็ต้องรักษามรรยาท กรงใจเพื่อน กลัวเจ้านาย เทนนิสพยักหน้าเห็นด้วยไม่มีที่ไหนกับข้าวอร่อยเท่าที่คณะอีกแล้ว ไม่มีกับข้าว

ถูกกว่า ได้เยอะกว่าที่คณะอีกแล้ว เป็นครั้งแรกที่เขาไม่รู้สึกรำคาญเสียงดังในโรงอาหาร นี่ขนาดยังไม่จบไปเขายังเป็นได้ขนาดนี้

ถ้าจบไปไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง  เดินวนหาที่นั่งจนเจอที่ว่าง พวกเขาขึ้นเรียนอีกทีตอนบ่ายสามมีเวลาพักสองชั่วโมงจึงไม่รีบมาก
นัก เทนนิสนั่งเฝ้าโต๊ะให้เพื่อนไปซื้อกับข้าวมาให้ นั่งไปสักพักโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขาเดาได้ไม่ยากว่าเป็นใคร เมื่อเช้าก็มาส่งแล้ว

นี่ยังจะโทรมาหาอีก

“ครับ”รีบรับโทรศัพท์ไม่ยากให้ปลายสายคอยนาน ปลายสายถามกลับมาเป็นยังไงบ้างเปิดเรียนคิดถึงคนที่ทำงานรึเปล่า เขายิ้ม

หันซ้ายหันขวาแล้วตอบไปว่าคิดถึง ปลายสายบอกว่าคิดถึงเหมือนกัน คนฟังอดยิ้มกับคำพูดง่ายๆไม่ได้ บอกปลายสายให้คุย

ผ่านออนไลน์จะได้ไม่เปลืองและบอกปลายสายว่าตั้งใจทำงาน วางสายไปแล้วเขากดเข้าไปในโปรแกรมคุยออนไลน์ รู้สึกว่าไม่

ได้เจอ ยิ่งรู้สึกคิดถึงทั้งที่อยู่ไม่ห่างกันกี่สิบกิโล

   ทุกคนกลับที่โต๊ะมาพร้อม ข้าวราดแกง ก๋วยเตี๋ยว และน้ำปั่น วีร์หยิบนมปั่นเจ้าประจำขึ้นมาดูดอย่างคิดถึง กินทุกวันก็รู้สึก

เบื่อ นานทีได้กินก็รู้สึกคิดถึง”ยังอร่อยเหมือนเดิม”สมกับที่คิดถึง ถ้าเจ้าของร้านน้ำปั่นได้ยินคงจะดีใจ

   นักศึกษาน้องใหม่นั่งกันเป็นกลุ่มมองดูรุ่นพี่ในคณะ จับกลุ่มกินขนมหลังกินข้าวเสร็จสายตาก็สอดสายมองโต๊ะรอบๆ ผู้หญิง

หลายคนหันมามองโต๊ะที่เทนนิสและเพื่อนๆนั่งอยู่

“นี่แกนั่นรุ่นพี่คณะเรารึเปล่าวะ”น้องใหม่คนหนึ่งชี้ไปที่โต๊ะอยู่ไม่ไกลมีรุ่นพี่นั่งกินข้าวกันอยู่

น้องใหม่คนที่สองชะเง้อมองตามปลายนิ้วที่เพื่อนชี้ไป“อือ ไม่แน่ใจผูกไทด์มหา’ลัยแต่ไม่เคยเห็นที่โรงอาหารมาก่อน”

“ไหนคนไหน”น้องใหม่คนที่สามหยิบผลไม้ขึ้นมากินแล้วถามเพื่อน

“มีแต่คนหล่อ สเปคฉันทั้งนั้นเลย”น้องใหม่คนที่สี่เห็นรุ่นพี่ที่เพื่อนบอกมีแต่หน้าตาทั้งนั้นเลย

“พี่เขาอยู่คณะเราจริงหรอ”น้องใหม่คนที่ห้า ถ้าเป็นรุ่นพี่ในคณะจริงเปิดเรียนมาตั้งสัปดาห์ หน้าตาดีอย่างทำพวกเธอไม่เคยเห็นมาก่อน

“ว่าไงสาวๆคุยอะไรกันอยู่”ขณะที่สาวๆน้องใหม่กำลังคุยกันอยู่รุ่นพี่ก็เดินเข้าทัก

“สวัสดีค่ะพี่เติม/พี่อาร์ม/พี่เก้า”พวกเธอยกมือไหว้ทักทายรุ่นพี่ทั้งสามคนพร้อมกัน และเขยิบที่ว่างให้พี่ๆนั่ง

“พวกพี่มาพอดี พวกหนูมีอะไรจะถาม พี่ๆที่นั่งหล่ออยู่โต๊ะนั้นเป็นใครคะ อยู่คณะเรารึเปล่า”

“ไหน ในคณะจะมีใครหล่อกว่าพวกพี่ไม่มีอีกแล้ว”เติมมองไปทิศทางที่สาวๆชี้”...อ้อพวกพี่เทนนิส”ไม่แปลกใจเลยที่เป็นกลุ่มนั้น

“ใครหรอพี่”สาวๆน้องใหม่ถามเกือบพร้อมกัน ด้วยความสนใจอยากรู้จัก

“รุ่นพี่ปี 4 คณะเรานี่แหล่ะ แต่อย่าไปยุ่งกับเขาเลย”เบรกความคิดของสาวไว้เพียงเท่านี้ ไม่อยากให้ฝันไปมากกว่านี้

“ทำไมพี่ พี่เขาเป็นคนไม่ดีหรอ”น้องใหม่คนที่หนึ่งขมวดคิ้วไม่เข้าใจ ที่บอกว่าอย่าไปยุ่งพี่เขาเป็นมาเฟียหรือโจรปล้นหัวใจสาวๆรึ
ไง

“เปล่า ปล่อยให้พวกพี่อยู่ที่ดีๆของเขาอย่าไปดึงพวกพี่เขาลงมาเลย”

“อ้าว พี่เติมพูดอย่างนี้ได้ไง”สาวๆทำหน้ามุ่ยไม่ชอบใจกับคำพูดของรุ่นพี่ขี้เล่น

“ล้อเล่นครับสาวๆ”

“พี่เติมคนที่หล่อใสออกเกาหลีหน่อยอ่ะ นั่งฝั่งโน้นพี่เขาชื่ออะไร”น้องใหม่คนที่สามถามชื่อรุ่นพี่ที่สนใจ

“พี่เทนนิส เล่นของสูงนะเรา ของรักของหวงของคณะเลยนะนั่น ตัดใจเถอะน้อง สวย น่ารัก กว่าน้องก็อกหักมาแล้ว”

“ทำไมพี่”

“ก็ไม่ทำไม พี่เขาหล่อเรียนเก่ง นิสัยดี ฐานะดี”ชายหนุ่มหยุดเว้นวรรคให้สาวๆได้เพ้อแล้วกระชากความคิดสาวๆลงเหว”แต่พี่เขา

เป็นเกย์”

“เฮ้ยทำไมพูดอย่างนี้”

“ใช่ ทำไมพูดจาใส่ร้ายกันแบบนี้”

“พี่รู้ได้ไง”

“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เขาพูดต่อๆกันมา นั่นเห็นคนตัวเล็กๆน่ารักไหม คนนั้นแฟนพี่เขา”

ทุกคนมองไปชายหนุ่มตัวเล็กแทบเป็นตาเดียวกัน“ไม่จริงมั้ง มั่วแล้ว มีคนปล่อยข่าวแกล้งรึเปล่า”

“นี่พวกน้องครับเป็นอะไรกับพี่เขาครับ ทำไมถึงช่วยออกตัวแทนพี่เขาจริง พี่เขาไม่เห็นร้อนตัวเลย ก็บอกแล้วไงว่าเขาพูดต่อๆกัน

มา แต่พวกสาวๆในคณะมีแต่คนเชียร์ให้สองคนนี้เป็นแฟนกันจริง พี่ก็อีกคน”เขายิ้มอย่างชั่วร้ายออกมา

“ทำไมอะพี่”

“ถ้าหล่อ เพอร์เฟคอยู่ในคณะสาวๆที่ไหนจะมองพวกพี่วะ”อาร์มเฉลยให้น้องๆเข้าใจหัวอกของคนไม่มีหญิงแลเหลียว

“โฮ ไม่คุยกับพวกพี่แล้ว”สาวๆโห่ผิดหวังกับคำพูดของรุ่นพี่

“เออ พี่เขาสองคนก็ดูเข้ากันดี ดูเหมาะกันยังไม่รู้”น้องใหม่คนที่ห้ามองรุ่นพี่ทั้งสองคุยกันยิ้มให้กันดูแล้ว จิ้นมาก

“นั่น ๆ พวกพี่เขายิ้มมานี้เหมือนรู้ว่าเรามองอยู่เลย หล่อน่ารัก”กลุ่มรุ่นพี่ที่พวกเธอมองอยู่ดีดีก็หันมาส่งยิ้มให้สาวๆแทบใจละลาย

“น้องๆครับ เล่นมองพี่เขาทั้งโต๊ะขนาดนี้ไม่รู้ก็ควายแล้วครับ”เติมพูดเสร็จ สาวๆทั้งกลุ่มก็หันขวับมามองเขาทันที



   คนที่นั่งทำงานในห้องทำงานทั้งวันใบหน้ามีรอยยิ้มขึ้นมาบ้างหลังจากได้ยินเสียงนุ่มจากปลายสาย วางสายไปแล้วแต่

หัวใจมันลอยไปหาอีกคนนี่ซิ ไม่มีอารมณ์อยากทำงานเลย นั่งทำงานทั้งวันรู้สึกว่าวันนี้ทำไมถึงผ่านไปอย่างช้าๆ ทั้งที่อยากให้มัน

ถึงตอนเย็นเร็วๆ

วันนี้เขามีโอกาสได้ไปส่งอีกฝ่ายที่หน้าคณะคิดไปแล้วเหมือนเสี่ยแก่ๆรับเลี้ยงเด็กนักศึกษายังไงไม่รู้ เขามองตามแผ่นหลังที่เดิน

ลงจากรถหลังจากขอบคุณที่มาส่งถ้าจะให้ดีเขาอยากให้เปลี่ยนเป็นหอมแก้มสักฟอด มีสาวๆมองตามคนเขาเยอะเลย เคยได้ยิน

น้องสาวเล่าให้ฟังหลายครั้งว่าคนของเขาเสน่ห์แรง มาเห็นกับตาก็อดหวงไม่ได้

ช่วงเช้าของวันนี้เขาประชุมเกี่ยวกับการวางแผนเปิดตัวโฆษณาตัวที่สอง เพื่อเริ่มกิจกรรมร่วมสนุกกิจกรรมที่สอง ก่อนกิจกรรมที่

หนึ่งจะปิดลง จากนั้นเป็นประชุมเกี่ยวกับการท่องเที่ยวประจำปีของบริษัท ดูเหมือนหลายคนกำลังรอช่วงเวลานี้อยู่ ส่วนสถานที่

ท่องเที่ยวพนักงานเข้าไปร่วมโหวตได้ในเว็บไซด์ของบริษัท และรวมไปถึงไปเรื่องการพิจารณาเลื่อนตำแหน่งขึ้นเงินเดือนในช่วง

ปลายปีที่จะมาถึง



ตึงตะตึงตึง ตึงตะตึงตึง เสียงกลองตีเป็นจังหวะพร้อมด้วยเสียงร้องเพลงปรบมือเป็นจังหวะในห้องห้องสโลปขนาดใหญ่สามารถจุ

นักศึกษาน้องใหม่ได้หลายร้อยคนที่นั่งแยกตามสาขาวิชา ในห้องเปิดเครื่องปรับอากาศจนเย็นสบายแต่บรรยากาศไม่ได้ชวนให้

รู้สึกอย่างนั้นเลย เมื่ออยู่ดีๆประธานเชียร์จอมเผด็จก็เดินขึ้นไปบนเวทีสั่งให้น้องใหม่ทุกคนหยุดร้อง เพราะดูเหมือนบางคนไม่

ตั้งใจร้องเพลง ร้องไม่พร้อมเพรียงกันและดูเหมือนจะจำเนื้อเพลงไม่ค่อยได้ ทั้งที่ได้สมุดเนื้อเพลงไปแล้ว ประธานหน้านิ่งบอก

ให้พี่เลี้ยงน้องใหม่สอนร้องเพลงถ้าวันนี้ร้องเพลงที่สอนไม่ได้พี่ๆจะโดนลงโทษ ข้างหน้าของทุกคนคือเวทีกว้างประธานเชียร์ยืน

เด่นสั่งด้วยน้ำเสียงเข้มใบหน้านิ่งมองกวาดสายตามองนักศึกษาน้องใหม่ นักศึกษาน้องใหม่ชายหลายคนเห็นแล้วหมั่นไส้อยาก

วิ่งลงไปต่อยปากนั่นดูสักครั้ง เข้าใจว่าเป็นการแสดงเป็นกิจกรรมหนึ่งของคณะ สาวๆหลายคนมองประธานด้วยสายตาชื่นชม ใน

ใจพวกเธอคิดว่าพี่ประธานนี่หล่อ เข้ม ดุ

ด่าพอหอมปากหอมคอประธารเชียร์หลีกทางให้พี่เลี้ยงน้องพาน้องๆร้องเพลงตามเดิม แต่เสียงดังขึ้น พร้อมเพรียงขึ้น ส่วนคนที่

ยืนดูเหตุการณ์นอกห้องกลั้นหัวเราะแทบไม่ได้ที่เห็นเพื่อนรุ่นเดียวกันวางมาด พูดจากวนส่วนล่าง

“พี่เทนนิส พี่วีร์ พี่เอื้อม พี่เหรียญสิบ สวัสดีค่ะ มาดูน้องๆหรอคะ”หนึ่งในพี่เลี้ยงน้องใหม่เดินเข้ารับของจากรุ่นพี่ที่แวะซื้อขนมมาฝากน้องๆ

“อยากมาย้อนรอยว่าเมื่อก่อนตอนปีหนึ่งทำอะไรบ้าง”เสียงเพลงประจำคณะดังก้องอยู่ในห้อง แว่วออกมาข้างนอก

“แล้วนี่อีกนานไหมถึงจะรู้ว่าใครเป็นพี่รหัส”เหรียญสิบอยากรู้ว่าสายรหัสจะผู้หญิงหรือผู้ชาย

“อีกไม่นานค่ะ”

ยืนดูน้องทำกิจกรรมไม่นานโทรศัพท์ของวีร์ดังขึ้นเขาตัวกลับก่อน เอื้อมกับเหรียญก็กลับก่อน เทนนิสมานั่งรอคนที่บอกจะมารับ

หน้าคณะหยิบหนังสืออ่านเล่นออกมารอเวลา ให้สาวๆที่นั่งเล่นจับกลุ่มคุยกันนั่งมองกันเป็นบุญตา สักพักคนที่รอก็มารับกลับ

พรุ่งนี้วันหยุดธีรภัทรพาอีกฝ่ายกลับบ้าน ก่อนกลับแวะซื้ออะไรเข้าไปกิน เพราะดูจากตารางเรียนของอีกฝ่ายแล้วไม่อยากให้

เหนื่อยทำกับข้าว เทนนิสเห็นด้วยเท่าที่จำได้ในตู้เย็นไม่มีสดอยู่เลย ทั้งสองจึงตกลงแวะตลาดนัดก่อนกลับบ้าน

ขับรถมาไม่นานก็ถึงตลาดนัดตอนเย็น วันนี้ฝนไม่ตกพ่อค้าแม่ค้าตั้งแผงขายของเต็มตลาด ท้องเริ่มมืดแสงสว่างจากหลอดนีออน

ในตลาดก็เปิดขึ้นจนสว่าง ช่วงเย็นวันศุกร์กลับจากทำงานผู้คนออกมาเดินซื้อของ ซื้อกับข้าว ตลาดจึงคึกคักกว่าทุกวัน ทั้งสอง

เดินเข้าไปในตลาดมองหาของกิน เดินไปหยุดซื้อไปเรื่อยๆ เทนนิสหันมองดูร้านขายกับข้าว แต่ละร้านมีแต่กับข้าวน่ากินทั้งนั้น

นานครั้งได้เปลี่ยนบรรยากาศออกมาเดินเที่ยวตลาดนัดก็ดี เดินดูโน่นนี่ซื้อของกับข้าวไปหลายอย่างสักพักท้องก็เริ่มหิว เขาหยุด

ซื้อลูกชิ้นปิ้งแล้วหันไปถามคนข้างๆที่ช่วยถือถุงกับข้าวเต็มไม้เต็มมือว่ากินลูกชิ้นไหม อีกฝ่ายไม่ปฏิเสธติดว่ามีของเต็มไม้เต็มมือ

อยากให้อีกฝ่ายป้อน เทนนิสก็ป้อนว่าง่าย ธีรภัทรพอใจที่อีกฝ่ายยอมป้อน

กลับมาถึงบ้านมองเข้าไปข้างในเหมือนจะไม่ใครอยู่ในบ้าน บ้านปิดไฟเงียบ มีแค่ไฟหน้าบ้านเปิดอยู่ ธีรภัทรเลี้ยวรถเข้าจอดใน

บ้าน มีแค่สายไหมวิ่งออกมารับ เข้าขนฟูเห็นเจ้านายกับพี่ชายก็ดีใจ ธีรภัทรหยิบกระเป๋าและของออกมาจากรถ เดินตามหลัง

เทนนิสไปที่บ้าน


เทนนิสเอาของไปเก็บในครัวแล้วพาแขกขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกห้อง ส่วนเขาใช้ห้องน้ำอีกห้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า อีก

คนยังอาบน้ำยังไม่เสร็จ เขาลงมาข้างล่างอุ่นกับข้าวรอ ธีรภัทรอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยเดินตามเจ้าของบ้านลงมาได้ยินเสียงออกมา

จากครัว เขาเดินตามเสียงเข้าไปเห็นเทนนิสอุ่นกับข้าวเสร็จแล้ว เขาอดคิดไม่ได้ว่าเหมือนคู่แต่งใหม่ภรรยาทำกับข้าวให้สามีกิน

หลังจากกลับมาทำงาน เขาช่วยอีกฝ่ายยกกับข้าวออกมาวางที่โต๊ะจนเสร็จ

“ไปเรียนวันนี้เป็นยังไงบ้าง”นั่งกินข้าวไปด้วยถามอีกฝ่ายไปด้วย

“ถามเหมือนพ่อถามลูกไปเรียนวันแรกเลย”ตักกับข้าวให้คนถามอย่างเป็นห่วง หรือหวงไม่แน่ใจ

“เปลี่ยนเป็นแฟนไม่ได้หรอ พ่อแก่เกินไป”

“ฮึ ฮึ ดีครับ เพื่อนแต่ละคนคุยไม่หยุด วันนี้ยังไม่ได้เรียนอะไรมาก ส่วนน้องใหม่ก็น่ารักเยอะแยะเลย”

ธีรภัทรที่นั่งฟังอย่างตั้งใจ ใบหน้าบึ้งลงแล้วพูดกับอีกฝ่ายว่า“น่ารักก็ช่างเขา แต่อย่ามายุ่งกับคนของพี่ก็แล้วกัน”

คนฟังรู้สึกขนลุกกับน้ำเสียงเรียบแต่ติดดุนั้นไม่ได้”ขี้หึง ขี้หวง”คบกันไม่นานก็พอจะเดาได้ไม่ยากว่าอีกฝ่ายรู้สึกยังไง

“แฟนพี่หล่อไง ก็ต้องห่วง หวง เป็นธรรมดา”มีแฟนหน้าตาดีใครไม่หวงก็บ้าแล้ว

“คร๊าบบบ แล้ววันนี้ที่บริษัทเป็นยังไงบ้างครับ ผมกับวีร์ไม่อยู่ช่วยงานมีใครบ่นคิดถึงไหมครับ”

“ไม่รู้หรอกใครบ่นคิดถึง แต่พี่คิดถึงเราทั้งวันเลย”แทบไม่เป็นอันทำงาน เขาส่งยิ้มหวานให้คนตรงหน้า

อืม ไม่บอกก็พอจะรู้เล่นโทรหาบ่อยขนาด ส่งข้อความคุยออนไลน์มาอีก เมื่อก่อนไม่เคยคิดว่าจะเห็นอีกด้านของอีกฝ่าย ผู้ชายที่

ดูเงียบๆทำหน้าหน้าตาไร้อารมณ์ แต่พอรู้จักกับเป็นคนดีคนหนึ่ง ใจดี จริงจังกับงาน มีความรับผิดชอบ และตอนนี้ก็เป็นผู้ชาย

อบอุ่น เอาใจเก่ง ปากหวาน และขี้หวง

   หลังกินข้าวอิ่มแล้วเจ้าของบ้านชวนแขกนั่งย่อยโดยการดูหนังแอ็คชั่นไซไฟที่เพิ่งลาโรงภาพยนตร์เมื่อไม่นานมานี้ สายฝน

ข้างนอกเริ่มโปรยปรายลงมาทำให้อากาศเย็นสบาย

“ประชุมวันนี้เป็นยังไงบ้างครับ ที่ว่าจะท่องเที่ยวประจำปี”เห็นพี่ๆที่ทำงานพูดกันใหญ่เลยว่าปีนี้จะเที่ยวทะเล

“ที่ประชุมเห็นด้วย สถานที่เวลาจะแจ้งอีกที และปีนี้จะไปมอบของบริจาคพอดีมีคนเสนอมา”

“แล้วอย่างนี้พวกผมจะได้ไปด้วยไหม”ถามอย่างความมีหวัง 

“อืม ให้ไปด้วยดีไหมน้า ถ้าทำตัวน่ารักจะให้ไปด้วย”คนตัวโตฟังน้ำเสียงอีกฝ่ายก็รู้ว่าอยากไปด้วย แต่เขาจะเที่ยวกับอีกฝ่ายแค่

สองคนมากกว่า

“ถ้าอย่างนั้นผมคงไม่ได้ไป ทำตัวหล่อว่าไปอย่าง”

พูดกวนไม่พอ ยังยักคิ้วใส่อีก แหมพูดจาอย่างนี้มันน่าจริงๆ”พี่จูบได้ไหม”ธีรภัทรถามเสียงนุ่ม จ้องใบหน้าที่เริ่มแดง ดวงตาสีเข้ม

หลบไม่กล้ามองคนถาม เขาถืออีกฝ่ายเงียบเป็นคำอนุญาต ทาบปากลงริมฝีปากนุ่ม

“เฮ้ย”เทนนิสร้องเสียงหลงเมื่ออยู่ดีๆก็ถูกกระชากไปข้างด้านหลังอย่างแรง จนไปอยู่ในอ้อมกอดใครสักคน จากนั้นก็มีเสียงใคร

ถูกชก”พลั๊วะ”และเสียงร้องตามมา“โอ๊ย”

“แกทำอะไรน้องฉัน”ปืนยืนชี้หน้าผู้ชายที่เขาชกไปเมื่อครู่ วันนี้ว่างไม่มีธุระที่ไหนเขาเลยตรงมาหาน้องชายที่บ้าน เปิดประตูเข้า
มาใครจะรู้ว่าจะเจอผู้ชายที่ไหนกำลังจูบน้องชายของเขาอยู่ ถ้าไม่เข้ามาเห็นไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถูกชกไปแค่หมัดเดียวมันยัง

ไม่พอหรอก“เทนนิสไอ้หมอนี่เป็นใคร”หันมาถามน้องชายทียืนเงียบอยู่

คนที่กำลังยืนงงอยู่หันหน้าไปมองพี่ชายที่ทำหน้าดุจนน่ากลัว เขาไม่เคยเห็นท่าทางแบบนี้ของพี่ชายเลยสักครั้ง แล้วจะให้เขา

ตอบว่าไง”ฟ..แฟนผมเอง”เขาตอบเสียงเบาไม่กล้ามองหน้าพี่ชาย

“หะ”คนถามทำหน้าตกใจหันมามองหน้าน้องชายอีกครั้ง นี่เขาหูฝาดหรือเสียงฝนข้างนอกมันดังจนได้ยินเพี้ยนไป

“แฟนผมเอง”ยืนยันคำตอบเดิม

“แฟน นั่นมันผู้ชายไม่ใช่รึไง”แถมตัวโตอีกตั้งหาก นี่น้องชายเขาเพี้ยนไปแล้วหรือถูกไอ้หมอนั่นมันหลอกเอา

“แล้วคุณเป็นใครมายุ่งอะไรกับแฟนผม”คนที่เงียบอยู่นานจับมุมปากที่ถูกชกเข้าเต็มแรง เขายังอยู่ในอาการงง เพราะอยู่ดีดีก็ถูก

ชกจนรู้สึกมึนนิดๆ เขาจ้องผู้ชายที่อยู่ๆก็เข้ามาโวยวาย อย่างไม่ชอบขี้หน้า

“พี่ปืน พี่ชายผมเอง”เทนนิสบอกคนที่ทำหน้านิ่งไม่พอใจที่ถูกขัดจังหวะ“ส่วนนั่นพี่ธีร์พี่ชายน้องธาร”เขาพูดเสียงเบาลงจนได้ยิน
แค่สองคน

ปืนหันหน้ามาน้องชายถามอีกครั้งว่าใช่อย่างที่เข้าใจรึเปล่า เทนนิสรีบยักหน้ายืนยันว่าใช่อย่างที่คิด

“สวัสดีครับ”คนที่อารมณ์ร้อนเมื่อครู่ยกไหว้คนที่ถูกชกหน้าตาเฉย เล่นเอาธีรภัทรยิ่งงงไปใหญ่ไม่รู้ว่าคนของเขาพูดอะไรแต่

สามารถทำให้อีกฝ่ายอารมณ์เย็นขึ้นมานิดหน่อย

“เป็นแฟนกัน คบกันมานานรึยังทำไมพี่เห็นรู้มาก่อน”เดี๋ยวนี้มีอะไรไม่บอกพี่ชายคนนี้เลย มันน่าน้อยใจยังไงไม่รู้

“สนใจด้วยหรอ”พูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจ”รู้จักกันมาได้สักพักแล้ว แต่เพิ่งคบกันเป็นแฟนไม่นาน”

“ใช่คนที่บอกว่าไปพักด้วย เจ้านายเรานะหรอ”นี่นะหรอเจ้าของมันฝรั่งทะเล้น มีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับสอง ได้ข่าวว่ามี

นักลงทุนต่างชาติสนใจเข้ามาร่วมลงไม่น้อยทีเดียว และบริษัทกำลังขยายตลาดไปลงทุนต่างประเทศ วันนี้เพิ่งได้เจอตัวจริงหล่อ

เหมือนที่เขาว่ากันจริงๆ ไม่คิดว่าจะยังหนุ่มนึกว่าแก่กว่าซะอีก ธารรพีก็ไม่เคยเล่าเรื่องพี่ชายคนนี้ให้ฟัง เคยแต่บอกว่าไปทำงาน

ช่วยพี่ชายช่วงปิดเทอม เขาที่เคยไปรับเธอหน้าบริษัทหลายครั้งก็ไม่เคยได้เจอ คงไม่ใช่ว่าเธอรู้เรื่องความสัมพันธ์ของทั้งคู่หรอก
นะ

“อืม”

“เลิกกับเขาซะ คบกันแบบนี้มันคบกันได้ไม่นานหรอก อีกอย่างทางบ้านเขาก็รับเรื่องแบบนี้ไม่ได้หรอกเชื่อพี่”ใครมันจะรับเรื่อง

แบบนี้ได้ ที่นี่เป็นประเทศไทยสังคมยังไม่ได้เปิดกว้างเหมือนต่างชาติ

เฮ้ย!! พี่ภรรยาทำไมพูดจาแบบนี้ เขารักของเขาอยู่ๆจะบังคับให้น้องมาเลิกได้ไง ไม่เผด็จการไปหรอ“ผมว่าเรื่องนี้ให้ผมสองคน

เป็นคนตัดสินกันเองดีกว่า คุณเป็นคนนอก”เรื่องแบบนี้ใครจะไปยอม เขาอุส่าได้น้องมาแล้วเรื่องอะไรจะปล่อยไป

“ผมจะเชื่อว่าคุณจริงใจกับน้องผมได้แค่ไหน ใครจะการันตีว่าคุณว่าคุณจะไม่ทำให้น้องผมเสียใจ”

“ไม่มีใครการันตี มีแต่ผมคนเดียวที่พิสูจน์ความจริงใจกับน้องได้”เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง แล้วหันไปมองอีกคนที่ยืนหน้าแดง

เห็นแล้วอยากจับมาหอมแก้มจริงๆ

“นั่นมันก็เรื่องของคุณ ยังไงผมก็ยังไม่เห็นด้วยที่จะให้คุณคบกับน้องผม”เลิกสนใจแล้วหันไปมองน้องชายสำรวจตามตัวไม่รู้ว่าถูก

ไอ้ผู้ชายบ้ากามทำอะไรรึไป”แล้วเขาทำอะไรเรารึเปล่า”

“เปล่า”

“ดีแล้ว ดึกแล้วขึ้นไปนอนได้แล้ว วันนี้พี่จะนอนด้วย ส่วนคุณนอนห้องรับแขกไปเดี๋ยวให้น้องเอาหมอนผ้าห่มลงมาให้”พูดเสร็จ

แล้วจูงมือน้องชายเดินขึ้นข้างบนไม่หันไม่กลับมาปล่อยให้ธีรภัทรนั่งเม้มปากข่มอารมณ์ไม่พอใจอยู่คนเดียว

“เฮ้ย พี่ธีร์เป็นแขกทำอย่างนี้ไม่ดีนะ แล้วนี่คิดไงมานอนด้วย”ถามพี่ชายที่อยู่ดีๆก็โผล่มาไม่บอกมากล่าว เขาเดินไปหยิบที่นอน

ปิกนิก ผ้าห่มและหมอนออกมาจากตู้วางไว้ที่ปลายเตียง

“ถ้าบอกจะได้เห็นเราหรอว่าทำอะไรอยู่ รักผู้ชายคนนั้นหรอ”ปืนถามน้องชายแล้วสังเกตท่าทางน้องชาย

“อืม ไม่งั้นจะปล่อยให้ทำอย่างนั้นได้ไง”ถามไม่คิด เขาไม่ได้ใจง่ายอย่างนั้นนะ

“พี่ไม่อยากตัดสินอะไรหรอกนะ เพราะคนที่จะตัดสินใจเรื่องทุกอย่างคือเรา และไม่มีสิทธิ์ห้ามด้วย”เขาไม่อยากเหมือนพ่อของ

เขาคอยที่ขัดขวางความรักโดยไม่ฟังเหตุผลใครนอกจากตัวเอง เรื่องความรักของใครก็ต้องให้คนนั้นได้เรียนรู้ด้วยตัวของเขาเอง
ถึงจะถูก

“ขอบคุณครับ”เทนนิสเดินเข้าไปสวมกอดพี่ชาย แล้วหอบที่นอนลงไปให้คนข้างล่าง



หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 14 ] 04/06/2560
เริ่มหัวข้อโดย: jaengsRU ที่ 04-06-2017 09:25:58

        เช้าทำงานวันแรกของสัปดาห์สายฝนที่โปรยปรายช่วงวันหยุดที่ผ่านมาหยุดแล้ว ต้อนรับวันใหม่ด้วยแสงแดดอ่อนๆและ

เมฆสีเทาที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า ในห้องทำงานมีชายหนุ่มร่างสูงนั่งไม่ติดเที่ยวมองออกไปข้างนอกว่าคนที่ต้องการเจอมาถึงแล้วรึ

ยัง คืนนั้นในบ้านคนรัก ธีรภัทรต้องนอนที่ห้องรับแขกคนเดียว ไม่พอตื่นเช้ามาก็ถูกไอ้พี่ชายหวงน้องไล่กลับบ้าน ไม่ได้เจอหน้า

น้องทั้งวันเพราะไอ้พี่ชายพาน้องออกไปข้างนอกจนค่ำถึงกลับเข้ามาเป็นอย่างนี้ทั้งสองวัน แล้วเมื่อวานน้องก็ไม่ได้กลับมาที่คอน

โด ไม่ได้เจอหน้าไม่พอแม้แต่เสียงก็ยังไม่ยิน ทำให้นอนไม่หลับคิดถึงอีกฝ่าย

“พี่ธีร์มานานแต่เช้าเลยนะครับ”เสียงที่คิดถึงดังขึ้นทำให้คนที่นั่งคิดถึงยิ้มขึ้นมา ธีรภัทรเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายแล้วกอด

“คิดถึง แล้วเราเป็นยังไงบ้าง”นี่แค่ไม่เจอหน้าแค่สองยังเป็นเอามากขนาดนี้ ร่างสูงกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น กดจมูกลงผมนุ่ม

คนที่ถูกกอดก็ลูบแผ่นหลังหนาเป็นการปลอบโยนพี่ชายเขาคงเล่นแรงไปทำให้อีกฝ่ายรู้สึกแย่ ไม่รู้ว่าถ้าพี่ธีร์รู้ว่าน้องสาวเป็นแฟน

กับพี่ชายเขาจะเอาคืนยังไงบ้าง

“คิดถึงเหมือนกันครับ ขอโทษเรื่องพี่ชายด้วยนะครับ”สูดกลิ่นน้ำหอมจากคนตัวโต

“ไม่เป็นไรหรอก เขาเป็นพี่ชายห่วงน้องก็สมควรแล้ว เขาอาจจะพูดถูกว่าพี่ควรทำอะไรให้ชัดเจน มันถือเป็นการให้เกียรติเรา

ด้วย”แต่อย่าให้ถึงที่เขาบ้างแล้วกันอย่าหาไม่เตือน ที่ยอมทุกอย่างแค่ไม่อยากให้น้องต้องลำบากใจเท่านั้น

“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะครับ กินอะไรมารึยังผมซื้อของกินมาฝาก”มือขาวชูของกินที่ซื้อติดไม้ติดมือมาฝาก อีกฝ่ายไม่ตอบเดิน

จูงมือเข้าไปในครัว

   ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติเหมือนวันทำงานทุกทุกวัน ธีรภัทรนั่งทำงานในห้องเงียบๆ อารมณ์ไม่คงที่ในช่วงวันหยุดกลับมา

เป็นปกติแล้ว เขากำลังศึกษาเกี่ยวการลงทุนในกลุ่มอาเซียน มีรายชื่อบริษัทยักใหญ่หลายบริษัทเข้าร่วมลงทุนไปก่อนหน้านี้ ไม่

ว่าจะเป็นการลงทุนเกี่ยวอุปกรณ์ไฟฟ้าอุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์จากประเทศจีน ด้านการสื่อสารและประกันชีวิตจากประเทศ

เกาหลี อุตสาหกรรมรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าจากประเทศญี่ปุ่น และอาหารจากประเทศไทย เมื่อมีเขตการค้าเสรีเกิดขึ้นสามารถ

เรียกนักลงทุนต่างชาติเข้ามาได้มาก บริษัทยังสามารถเติบโตได้เรื่อยๆแต่ต้องก้าวไปทีละก้าวอย่างมั่นคง


   เทนนิสกำลังช่วยกวินทร์สรุปข้อมูลแบบสอบถาม แต่ก็มีข้อความส่งเข้ามา เขาหยิบโทรศัพท์มาดู กวินทร์แซวว่าเป็นสาวๆ

ที่ไหนคิดถึงส่งข้อความมาหา เขาไม่แก้ตัวแค่ยิ้มให้อีกฝ่าย มือขาวเปิดอ่านข้อความที่ถูกส่งมา อย่างที่คิดเป็นข้อความแบบเดิม

อีกแล้ว เขาได้รับข้อความข่มขู่แบบคล้ายกันนี้มาได้ระยะหนึ่งแล้ว ไม่รู้ว่าใครเป็นคนส่ง โทรกลับเบอร์ที่ส่งข้อความมาโทรติดแต่

กลับไม่มีคนรับ ไม่รู้ว่าคนส่งส่งผิดรึเปล่า ไม่แค่นั้นในโซเชียลเอฟของเขายังมีคนมาปล่อยข่าวว่าเขากับเพื่อนเป็นคู่รักกัน ไม่รู้ว่า

ไปเผลอเหยียบเท้าใครเข้าถึงมีคนมาลอบกัด วันก่อนเขาลองปรึกษาพี่ชายดูแล้วและบอกว่าจะช่วยดูให้ ไม่รู้ว่าคนที่ก่อกวน

ต้องการอะไรแต่ที่แน่ๆไม่ได้มาดีแน่

   มื้อเที่ยงเทนนิสและเพื่อนฝากท้องไว้ที่ร้านอาหารตามสั่งแถวที่ทำงาน ก่อนจะเข้าที่ทำงานเขาชวนเพื่อนเดินซื้อขนมกิน

ก่อน เดินผ่านแผงร้านหนังสือพิมพ์เห็นเจ้าของร้านกำลังจัดหนังสือบนแผง เขาเหลือบไปเห็นนิตยสารเล่มหนึ่งเขียนข้อความไว้

บนหน้าปกน่าสนใจ เขาหยิบขึ้นพลิกอ่านข้างในแล้วจ่ายเงิน ขณะที่เดินออกจากร้านเขาอยู่รู้สึกเหมือนมีคนคอยจ้องอยู่เขาหัน

หลังกลับไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนมองมาทางเขาแล้วหันไปทางอื่น ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่า

“เป็นอะไรเทนนิส ทำไมหน้าซีดซีด”

“เปล่า”

“แล้วมองอะไร”

“ไม่มีอะไร”ปฎิเสธเพื่อนไปแล้ว เดินต่อไปร้านขายวาฟเฟิลเจ้าอร่อย” พี่ครับเอาวาฟเฟิล ช็อกโกแลต สตอเบอรี่และ.. ”

“บลูเบอรี่กับลูกเกดด้วยครับ”คนตัวเล็กรีบพูดแทรกขึ้นมาเหมือนรู้ใจเพื่อนว่าชอบกินอะไร

ยืนรอหน้าร้านไม่นานวาฟเฟิลสีน้ำตาลร้อนๆส่งกลิ่นทั้งสี่ไส้ก็มาอยู่ในมือ 

เข้าทำงานตอนบ่ายหลังพักเติมพลังจนเต็มกระเพาะ ทั้งของคาวของหวาน เทนนิสนั่งประจำที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ตามเดิม

จัดการกรองข้อมูล แยกตามประเภทที่บริษัทต้องการ ดึงข้อมูลจากแฟ้มงานที่ได้มา ไม่นานก็ได้ข้อมูลที่ต้องการ

เขาปรับหน้ากระดาษให้สวยงามแล้วสั่งพิมพ์ข้อมูลเบื้องต้นออกมาให้กวินทร์ บันทึกข้อมูลทุกอย่างในเครื่องและส่งเมล์บริษัทให้

กวินทร์ ในที่สุดงานของวันนี้ก็เสร็จไปอีกชิ้น

   เสียงบอกเวลาเลิกงานดังขึ้น พนักงานต่างทยอยกลับเพราะดูจากท้องฟ้าตอนนี้กลัวว่าฝนจะตกลงมาอีก ช่วงหน้าฝนยิ่ง

เอานาเอาแน่นอนกับอากาศไม่ได้

   กลับถึงห้องเทนนิสสวมผ้ากันเปื้อนเข้าครัวทำหน้าที่เป็นพ่อครัวเหมือนทุกวันแต่วันนี้พิเศษตรงที่มีผู้ช่วยตัวโต มาช่วย เป็น

ครั้งแรกที่เขาได้เห็นอีกฝ่ายสวมผ้ากันเปื้อน อืม ดูดีไปอีกแบบ

ร่างสูงเลิกคิ้วขึ้นเมื่อถูกคนรักมองสำรวจ เห็นอย่างนี้ตอนอยู่ที่เมืองนอกเขาก็เคยเข้าครัวทำกับข้าวเหมือนกัน แต่เป็นอาหารง่ายๆ

ไม่ได้ทำยุ่งยากเหมือนกับอาหารไทยทีกำลังเริ่มทำ ตอนนี้เขามองพ่อครัวสุดหล่อเริ่มหุงข้าว แล้วเปิดดูตู้เย็นมองของสดที่มีใช้

ทำอะไรได้บ้าง พ่อครัวหันมาถามผู้ช่วยว่าอยากกินเป็นพิเศษรึเปล่า ชายหนุ่มยืนคิดแล้วตอบไปว่าอะไรก็ได้ พ่อครัวหนุ่มบอกว่า

จะทำผัดผักรวม กับต้มยำกุ้ง ธีรภัทรพยักหน้าเห็นด้วย พ่อครัวหยิบกุ้งแช่แข็งออกมา เขาบ่นนิดหน่อยว่าไม่มีโอกาสได้กินกุ้งสด

ตัวโตโตตอนนี้ทนกินกุ้งแช่แข็งไปก่อน และหยิบผักออกมาให้ผู้ช่วยตัวโตล้างให้สะอาด เทนนิสเหลือบมองคนล้างผักอย่างตั้งใจ

แค่ล้างผักทำหน้าตาจิงจังเหมือนนั่งอยู่ในห้องประชุมไปได้ เตรียมวัตถุดิบเรียบร้อยจากนั้นเขาเติมน้ำใส่หม้อตั้งไฟรอจนน้ำเดือด

เติมเกลือลงไปเล็กน้อยตามด้วยข่าตะไคร้ใบมะกรูดพริกและมะเขือเทศ น้ำในหม้อเดือดเติมกุ้งลงไปตามด้วยผักชีต้นหอมและ

ปรุงรสแค่นี้ก็เรียบร้อย เทนนิสปรุงรสชาติแล้วให้ผู้ช่วยที่ยืนกอดอกดูเขาทำกับข้าวลองชิมรสชาติดู คนตัวโตชิมรสชาติแล้วพยัก

หน้าแล้วยกนิ้วโป้งขึ้นการันตี จากนั้นก็เป็นผัดผักรวม 

   กินข้าวจนอิ่มทั้งสองช่วยกันล้างจาน แล้วนั่งย่อยดูข่าวเตือนของศูนย์ภัยพิบัติแห่งชาติเตือนพายุใต้ฝุ่นระดับ5 และอาจจะ

อ่อนกำลังเมื่อเคลื่อนที่เข้าประเทศในอีกสองสามวันข้างหน้า ภาคเหนือภาคอีสานตอนบนจะได้ผลกระทบมากที่สุด ให้ระวังดิน

โคลนถล่ม บ้านเรือนพังเสียหายและต้นไม่หักด้วยแรงพายุ หลังข่าวจบฝนก็ตกลงมา

   นั่งดูรายการโทรทัศน์สักครู่ทั้งสองแยกย้ายกลับห้อง เทนนิสอาบน้ำทำธุระส่วนตัวเรียบร้อย นั่งลงบนที่นอนเปิดกระเป๋าเป้

สะพายหยิบนิตยสารที่เขาซื้อมาเมื่อตอนเที่ยงออกมาดู เป็นนิตยสารเกี่ยวข่าวความไหวเศรษฐกิจ ปกติเขาก็ไม่ได้อ่านอะไรที่มัน

น่าเบื่ออย่างนี้หรอกถ้าไม่เห็นว่าหน้าปกเขียนว่ามีบทสัมภาษณ์ธีรภัทร เขาแค่อยากรู้ว่าอีกฝ่ายให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Thailand

Business ว่ายังบ้าง มือขาวเปิดดูไปเรื่อยๆ มีทั้งข่าวความเคลื่อนไหวเศรษฐกิจทั้งในและนอกประเทศ  เส้นทางการลงทุน

แนะนำธุรกิจแบบ SME ที่ประสบความสำเร็จ จนมาถึงเป้าหมายหลักที่เขาตัดสินใจซื้อนิตยสารเล่มนี้  ภาพถ่ายนักธุรกิจหนุ่มหล่อ

ยืนอยู่หน้าป้ายชื่อบริษัท ในห้องทำงาน ในร้านกาแฟก็มี ฮือ แต่ละรูปหล่อไม่เบาเลย ดูรูปถ่ายจนพอใจแล้วอ่านบทสัมภาษณ์อยู่

หน้าถัดไป

Q : ความลับของสำเร็จของคุณคืออะไร?

A : ความซื่อสัตย์ ความตั้งใจ ความรับผิดชอบ

อ่านไปแล้วก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ตอบเหมือนนักการเมืองเลย คำถามหลายคำถามที่ถามส่วนมากจะเกี่ยวกับงานที่ทำจนมาถึง

คำถามเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว

Q : มีคนรู้ใจรึยัง?

A : มีแล้วครับ(ตอบแบบยิ้มยิ้ม แถมยิ้มหล่อด้วย)

Q : ตอบอย่างนี้สาวๆอกหักกันเยอะ แล้วไม่ทราบเมื่อไหร่จะมีข่าวดี

A : คนรักผมยังเรียนอยู่ คณะเศรษฐศาสตร์ ปี 4

Q : อย่างนี้จบมาน้องคงมาช่วยงานที่บริษัท

A : ผมยังไงก็ได้ ตามใจน้อง

Q : ขออีกคำถามนะคะ อะไรที่ทำให้เขาชนะใจคุณได้ (แหมถามเหมือนคำถามในงานแต่งงานเลย)?

A : เขาเป็นคนน่ารัก นิสัยดีเข้ากับคนง่าย ทำกับข้าวเก่ง อย่างข้าวกล่องวันนี้เขาก็เป็นคนทำให้

คนอ่านบทสัมภาษณ์ไปแล้วอดมีรอยยิ้มไม่ใช่

“อ่านอะไรอยู่ที่รัก ตั้งใจเชียว”คนพึ่งอาบน้ำเสร็จแอบย่องเข้าห้องอีกฝ่าย ปีนขึ้นมาบนเตียงหนุนตักอย่างไม่เกรงใจเจ้าของตัก

เทนนิสยกหนังสือขึ้นมองหน้าคนบนตักแล้วมองรูปในหนังสือ คนคนเดียวกันแต่หล่อคนละแบบ

“หืม หนังสือออกแล้วหรอเป็นไงตัวจริงกับในรูปใครหล่อกว่ากัน”

ก็อยากจะโกหกอยู่หรอกว่าไม่หล่อ แต่เป็นคนโกหกไม่เก่ง“หล่อทั้งสองแบบนั่นแหล่ะ แบบไหนผมก็ชอบหมด”

“แล้วบทสัมภาษณ์ พี่ตอบได้ดีไหม”

“ก็ดีครับ”ใบหน้ามีรอยยิ้มเมื่อคิดถึงบทสัมภาษณ์ตรงไปตรงมาไม่ปิดบังของอีกฝ่าย แต่ก็แอบกังวลอยู่บ้างถ้ามีคนรู้ความจริง

เหมือนที่พี่ชายเขาบอกเรื่องแบบนี้ใช่ว่าทุกคนจะรับได้

“พูดได้ถูกใจ อย่างนี้ต้องให้รางวัล”พูดเสร็จเขาก็ทำหน้าเจ้าเล่ห์ เลื่อนมือหนาเข้าในเสื้ออีกฝ่ายกอดเอวบางไว้ซุกหน้าเข้าสูด

กลิ่นหอมๆของหน้าท้องแบนๆ

“เฮ้ย พี่ธีร์อย่าลูบสิมันจักจี้นะ”ดึงมือปลาหมึกอีกฝ่ายออก ไม่รู้จะลูบอะไร ลูบหาหวยรึไง

“นอนเถอะดึกแล้วเดี๋ยวไม่สบาย”มองคนที่ยังสนใจนิตยสารในมือ มากกว่าเขา ไม่ได้เจอหลายวัน วันนี้อยากนอนกอดทั้งคืนให้

หายคิดถึงเลย

“นอนก่อนเลยครับ ผมยังเด็กร่างกายแข็งแรงไม่ป่วยง่ายๆ”

ฮือ ทำไมที่รักพูดจาไม่น่ารักอย่างนี้”ร่างกายพี่ก็แข็งแรงเหมือนกัน ตอนนี้แข็งจนปวดแล้ว”ไม่พูดเปล่าดึงมืออีกฝ่ายจับยืนยัน

ความแข็งแรงของตัวเอง

“เฮ้ย พี่ธีร์ทะลึ่งเล่นอะไร”เทนนิสตกใจสัมผัสเมื่อครู่รีบดึงมือกลับคืน

“ให้จับแค่นี้เองไม่เห็นทะลึ่งตรงไหน ไม่จับตอนนี้อีกหน่อยก็ได้จับ”

“ไม่พูดด้วยจะนอนแล้ว ปล่อยได้แล้วคนจะนอน”เขาดันศีรษะที่หุนตักอยู่แล้วดึงผ้าห่มขึ้นนอนหันหลังอีกฝ่าย

“ดี พี่ก็ง่วงแล้วเหมือนกัน”ธีรภัทรเขยิบเข้าไปใกล้อีกฝ่าย“โกรธพี่หรอ พี่ขอโทษต่อไปไม่แกล้งแล้ว”เขากระซิบข้างหูคนที่กำลัง
งอล

“ไม่ต้องมากอดเลย คนทะลึ่ง”คนกำลังงอลปัดแขนที่กอดไว้ออก แต่คนกอดหรือจะยอมเขานอนคนเดียวมาหลายวัน คนหนึ่งปัด

ออกอีกคนกลับมากอดเหมือนเดิมเป็นอย่างนี้อยู่หลายครั้ง จนทั้งคู่หลับไปพร้อมกัน



   ประกาศจากบริษัทติดไว้บนบอร์ดแจ้งข่าวสาร พนักงานหลายคนหยุดอ่านเกี่ยวสถานที่และกำหนดการเบื้องต้นท่องเที่ยว

ประจำปี ณ อ.หัวหิน จ.ประจวบ  ใครที่จะไปให้ลงชื่อกระดาษที่ติดไว้บนบอร์ด ประกาศเพิ่งติดไว้เมื่อวันก่อนตอนเย็นยังมีคน

ลงชื่อไม่มาก อีกประกาศรับบริจาคเงินและสิ่งของที่สามารถใช้ได้จะนำไปบริจาคให้น้องผู้ด้อยโอกาส เทนนิสยืนอ่านประกาศรอ

เพื่อนที่กำลังเข้าห้องน้ำก่อนไปพักเที่ยง เขามองภาพถ่ายสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงภายในจังหวัด พี่พี่หลายคนบอกไปเที่ยว

กับบริษัทสนุก ตกกลางคืนมีปาร์ตี้

“พวกเราไปเที่ยวด้วยได้ไหม”

“พึ่งไปเที่ยวมาไม่ใช่หรอ”

“ยังไปไม่หมดเลย มีหลายที่ยังไม่เคยไป อีกอย่างไปไม่เสียตังต์ใครบ้างไม่อยากไป”

“เห็นพี่พี่เขาบอกว่า ไปเที่ยวนี่ใช้พิจารณาเลื่อนตำแหน่งขึ้นเงินเดินด้วยนะ”

“อืม แล้ววันไปกินอะไรดี”

“ตามสั่งไหม อยากกินกระเพราปลาหมึก กับปลาหมึกชุบแป้งทอด”ทั้งสองตกลงกันได้ รีบออกจากบริษัทไปร้านอาหารตามสั่งถ้า

ไปช้ากว่านี้คนจะแน่นร้านไม่มีที่นั่ง

ขณะที่เดินออกจากบริษัทรอจะข้ามถนนไปอีกฝั่ง อยู่อยู่ก็มีรถเก๋งที่ขับมาอย่างเร็วเฉี่ยวทั้งคู่เข้าอย่างแรง

“โอ้ย”คนตัวเล็กที่ล้มลงแรงรีบลุกขึ้นตะโกนตะโกนด่าตามหลังรถคันดังกล่าว “ขับรถภาษาอะไรวะ แม่งจะรีบไปตายที่ไหนวะ

เฉี่ยวแล้วหนีไม่สนใจจอดลงมาดูนิสัยว่ะ”

”เทนนิสเป็นไงบ้าง”วีร์รีบเข้าไปหาเพื่อนที่นั่งกองอยู่พื้นกุมแขนข้างหนึ่งอยู่

“ไม่เป็นไรมากหรอ แค่รู้สึกปวดปวดข้อมือ”ลองขยับข้อมือดูรู้สึกเจ็บแปลบ ลุกขึ้นสำรวจตามเนื้อตัว”แล้วก็แผลถลอกนิดหน่อย”

“น้องเป็นอะไรรึเปล่า”คนที่เหตุการณ์เดินเข้ามาถามอย่างเป็นห่วงเพราะรถเก่งคันดังกล่าวขับมาเร็วมาก

“ไม่เป็นไรมากครับ ขอบคุณมากพี่”

“น้องคนนี้มีแผลนิเลือดออกด้วย พี่ว่าไปหาหมอให้หมอตรวจเถอะ”

“คนเรานี่มันยังไงนี่ทางม้าลายเห็นคนยืนรอข้ามถนนยังขับรถเฉี่ยวมาได้”

“ไปหาหมอเถอะ มีเลือดด้วย ปวดข้อมือด้วยไม่ใช่หรอ ปล่อยไว้เดี๋ยวเป็นอะไรมากกว่าเดิม”

“อืม ก็ได้”

   แทนที่พักเที่ยงจะได้นั่งกินข้าวแต่ต้องมานั่งอยู่ในโรงพยาบาลหน้าห้องยารอเพื่อน วีร์หลังจากที่เช็คร่างกายเรียบร้อยออก

มารอรับยาและใบรับรองแพทย์ แต่เพื่อนยังไม่ออกมาจากห้องตรวจไม่รูว่าเป็นอะไรมากรึเปล่า ตอนนั่งแท็กซี่มาด้วยกันยังดีดีอยู่

นี่นา ระหว่างทางมาโรงพยาบาลเขาโทรเข้าไปหาฝ่ายบุคคลบอกว่าเกิดอุบัติเหตุถูกรถเฉียว พี่แผนกบุคคลถามอย่างเป็นห่วงถาม

ว่าเป็นอะไรมากรึเปล่า เขาบอกไปว่ามีแค่แผลถลอกตามร่างกายเท่านั้น ปลายสายรับทราบบอกให้ให้เอาใบเสร็จและขอใบรับ

รองมาเบิกค่ารักษาที่การเงินได้ แล้วจะแจ้งหัวหน้าให้รู้ เลยเวลาพักมาเกือบชั่วโมงแล้วตอนนี้เขารู้สึกหิวแล้วด้วยสายตากำลัง

มองหาของกิน จนมองไปเห็นร้านกาแฟ เขาตัดสินใจไปรอเพื่อนที่ร้านกาแฟ

“พี่ครับโกโก้ปั่นแก้วหนึ่ง”นั่งลงหน้าร้านมีคุณหมอสวมชุดกาวออกมาพักดูดกาแฟคุยกัน เขาหยิบโทรศัพท์ส่งข้อความถึงคนรักว่า

ทำอะไรอยู่ว่างรึเปล่า วันนี้ไม่ต้องมารับจะนั่งแท็กซี่เข้าไปหาส่งข้อเสร็จไม่นานอีกฝ่ายก็ส่งข้อความรับทราบตอบกลับมาอ่าน

ข้อความแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ขอล่ะตอนนี้ปวดตามเนื้อตัวไปหมดเขาไม่ขอกลับไปทำงานแน่นอนใครจะว่ายังไงก็ช่าง คิดไป

แล้วก็โกรธรถเก่งคันนั้น อยู่ๆก็ขับมาเฉี่ยวพวกเขาอย่างนั้นเหมือนตั้งใจ ช่างเถอะบางทีเขาอาจคิดมากไปเอง มันคงไม่มีอะไร
หรอก

   ร่างสูงก้าวเท้าลงจากรถหรูทันทีที่รถสนิทบนลานจอดรถโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ใบหน้าหล่อแสดงความกังวล เขาเดิน

เข้าไปในตัวตึกตรงไปที่เจ้าหน้าประชาสัมพันธ์ถามเส้นทางไปห้องตรวจ วันนี้เขาออกไปทำธุระตั้งแต่เช้ากลับเข้ามาเกือบบ่าย

โมงกำลังนั่งทำงานเอกสาร แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นบอกว่าคนรักถูกรถเฉี่ยวตอนนี้อยู่โรงพยาบาล เขารีบวางงานตรงหน้าขับ

รถออกมาทันที ไม่รู้ว่าเป็นอะไรมากรึเปล่า ธีรภัทรรีบเดินจนมาถึงหน้าห้องตรวจมองหา

“พี่ธีร์ทางนี้ครับ”เทนนิสยืนขึ้นเรียกอีกฝ่าย

“เป็นยังไงบ้าง”

“ยังครบสามสิบสอง และก็ยังหล่อเหมือนเดิม”

ร่างสูงไม่เชื่อรีบสำรวจตามตัวอีกฝ่าย”แต่มีแผลตามตัวกับข้อมือใช่ไหม”ชายหนุ่มส่งสายดุอีกฝ่าย

“ครับ”แค่ไม่อยากให้อีกฝ่ายเป็นห่วงก็เท่านั้น

“แล้ววีร์ล่ะ”มองหาอีกคน

“กลับไปแล้วเห็นบ่นว่า ปวดตามเนื้อตามตัว”

ร่างสูงพยักหน้ารับรู้ แล้วจูงมือคนป่วยไปที่รถ ขับรถออกจากโรงพยาบาล เขาเหลือบมองคนป่วยเป็นระยะและถุงยาที่มียาแก้ปวด

แก้อักเสบสองสองซองขึ้นมาดู ธีรภัทรถามคนป่วยว่ากินยารึยัง อีกฝ่ายส่ายหัวบอกว่ายังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลย เขาตัดสินใจแวะ

ห้างสรรพสินค้าก่อนกลับไปที่ห้อง

บ่ายวันปกติธีรภัทรพาคนป่วยแวะกินข้าว และหาซื้อกับข้าวเข้าไปพร้อมคิดว่าวันนี้คงไม่กลับออกมาแล้ว อีกอย่างข้อมือซ้ายเจ็บ

อย่างนี้คงทำอะไรไม่สะดวก ส่วนงานที่บริษัทปล่อยให้คนอื่นทำไปคนตรงหน้าสำคัญกว่า ทั้งสองเข้าร้านอาหารญี่ปุ่น สั่งอาหาร

เรียบร้อย พนักงานนำอาหารมาเสิร์ฟคนป่วยก็ลงมือทันทีโดยไม่ต้องบอก เห็นคนป่วยกินข้าวได้ปกติอีกฝ่ายก็ยิ้มได้

“แล้วข้ามถนนกันยังไงให้รถเฉี่ยวได้ ดีนะยังแค่เฉี่ยวไม่ชนเอา”

“ยังไม่ได้ข้ามเลยแค่ยืนอยู่ข้างถนน รถเก๋งคันนั้นมาจากไหนไม่รู้ อยู่ๆก็เฉียวผมกับวีร์เฉยเลย ไม่สนใจจอดรถมาดูด้วยซ้ำ”สงสัย

จะรีบไปตายเหมือนที่เพื่อนเขาบอกจริงๆ ไม่รู้ว่าป่านนี้ถึงที่ชอบแล้วรึยัง

“ทีหน้าทีหลังก็ระวังแล้วกัน”

“อือ ผมเป็นผู้ชายนะครับ แข็งแรงจะตายไม่ต้องห่วงขนาดนั้นก็ได้”

“เรื่องแบบนี้ไม่เกี่ยวกับผู้หญิงหรือผู้ชายนะ ผู้ชายแข็งแรงแค่ไหนก็ตายได้เป็นคนเหมือนกัน มีหนึ่งหัวใจ หนึ่งชีวิต เจ็บปวด

เหมือนกัน พี่เป็นห่วง”

“ขอโทษครับ คราวหน้าจะวังตัวให้มาก”เลื่อนมือข้างหนึ่งไปกุมมือคนตรงหน้าไว้

“ก็แค่นั้น นี่หมูชุปแป้งทอดกินเยอะๆ ไม่อิ่มสั่งเพิ่มได้”

“ขอบคุณครับ แค่นี้ก็พอเดี๋ยวไม่ได้กินขนม”

“แล้วข้อมือเมื่อไหร่จะหาย”มองข้อมือที่มีผ้าคาดรัดพยุงข้อมืออยู่

“ประมาณ 3-4 สัปดาห์”อีกฝ่ายพยักหน้ามองคนที่เพิ่งถูกรถเฉี่ยวมา เสื้อผ้าเลอะไปหมด แถมยังมีคราบเลือดติดมาด้วยไม่รู้ว่าใคร

ใจร้ายขับรถเฉี่ยว ไม่พอเฉี่ยวแล้วยังหนีอีกอย่าได้เจอตัวนะ ถ้าเจอเรื่องไม่จบง่ายๆแน่



********************************************************************

ใกล้จะจบแล้ว

โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 14 ] 04/06/2560
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 04-06-2017 09:51:36
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 14 ] 04/06/2560
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 04-06-2017 12:01:14
ใครคือผู้ประสงค์ร้ายคนนั้น
ใกล้จบแล้วเหรอ  ไวจังนะ
หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 14 ] 04/06/2560
เริ่มหัวข้อโดย: knxiiviii ที่ 04-06-2017 13:13:02
ครบสูตรนางร้ายจริงๆ --"
หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 14 ] 04/06/2560
เริ่มหัวข้อโดย: iamtsubame ที่ 07-06-2017 01:21:11
เทนนิสเอ๊ยยยย :เฮ้อ:
ไม่ได้สงสัยอะไรเลยเรอะ!!! ไหนจะข้อความข่มขู่อีก :z3:
หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 15 ] 27/07/2560
เริ่มหัวข้อโดย: jaengsRU ที่ 27-07-2017 11:39:08

                                                      Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก

                                                                         ตอนที่ 15


            กิจกรรมรับน้องจบลงด้วยเสียงหัวเราะและน้ำตาของความตื้นตันที่รุ่นน้องมีต่อรุ่นพี่ ต่อจากนั้นเป็นช่วงเวลาเลี้ยงสาย

รหัส เทนนิสและเพื่อนตัดสินใจรวมกลุ่มเลี้ยงสายรหัสที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง

อีกไม่ถึงสามสิบนาทีจะถึงเวลานัดเทนนิสพึ่งออกจากคอนโดมาได้ครึ่งทาง โดยมีธีรภัทรทำหน้าที่คนขับรถมาส่ง ที่จริงต้องบอก

ว่ามาเฝ้าน่าจะถูก ระหว่างที่กำลังเดินทางเพื่อนๆต่างโทรมาถามว่าถึงไหนแล้ว จนคนรับสายรู้สึกรำคาญ ธีรภัทรมองคนรักที่วันนี้

แต่งตัวหล่อเป็นพิเศษจนน่าเป็นห่วงว่าจะมีคนเข้ามาจีบ วันนี้เลยออกมาเปลี่ยนบรรยากาศชวนเพื่อนสนิทออกมากินข้าว

ขับรถผ่านไฟแดงมาเรื่อยจนมาถึงร้านอาหารที่นัดกันไว้ สบายสบาย ชื่อร้านอาหาร ธีรภัทรเลี้ยวรถเข้าไปจอดในลานจอดมีรถ

หลายคันอยู่ ทั้งสองเข้าไปในร้าน แยกไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง ธีรภัทรเดินไปหากิตที่กำลังนั่งดื่มคนเดียว

“ไง มาช้านะเจ้านาย นัดออกมาแท้ๆ”

“โทษทีรถติด สั่งอะไรแล้วยัง”นั่งลงฝั่งตรงข้ามกับเพื่อนแล้วมองกับข้าวบนโต๊ะ

“จะเหลือหรอ แค่รอเจ้ามือมาจ่าย”เขาชงเครื่องดื่มบางๆให้เพื่อน

“ใครบอกว่าจะเลี้ยง”รับเครื่องดื่มมาจิบแล้วเหลือบมองโต๊ะที่คนรักเดินไปอย่างสนใจ อยากรู้ว่าอีกฝ่ายเวลาอยู่ในกลุ่มเพื่อนจะ

เป็นยังไงบ้าง น้องสาวเขาถึงบอกว่าเป็นขวัญใจสาวๆ

“อ้าวชวนออกมาก็ต้องเลี้ยงซิ แล้วนั่นเทนนิสมากินกับเพื่อนๆหรอ มีสาวๆน่ารักด้วย”สาวนักศึกษานี่เขาชอบ

“อื้อ จะไปเลี้ยงเหล้าสาว แต่ให้ฉันเลี้ยงข้าวแกเนี่ยนะ ไอ้คนขี้งก”

“เอ่อน่า ยังไงปีหน้าแกก็ช่วยขึ้นเงินเดือนให้ฉันสิ ใช้งานยังกะทาสเงินเดือนนิดเดียว”ที่จริงก็บ่นบ่นไปงั้นแหล่ะ ไม่มีที่ทำงาน

ที่ไหนทำแล้วมีความสุขเท่าที่นี่อีกแล้ว ทุกคนอยู่กันเป็นแบบครอบครัว ถึงจะไม่ใช่บริษัทใหญ่โต มีต่างชาติเข้ามาร่วมหุ้นแต่ก็
มั่นคง

“เดี๋ยวให้เงินเงินเดือนล่วงหน้าพร้อมซองขาวด้วยเป็นไง”

“โหดวะ”

“ไม่ต้องบ่น ปีหน้าจะหาคนมาช่วยงานสองสามคน เบื่อนั่งทำงานทั้งวันแล้วเหมือนกัน ทำงานมาหลายปียังไม่เคยลาพักร้อนยาวๆ

กับเขาเลยสักครั้ง”

“เพิ่งคิดได้หรอครับ เมียก็ไม่มี เที่ยวก็ไม่เที่ยว ดื่มก็ไม่ดื่ม เงินเยอะแยะเก็บไว้ทำไม”รู้สึกว่าช่วงนี้เพื่อนของเขาเปลี่ยนไป อาจจะ

มีความรักเหมือนที่คุณเลขาเบสบอกก็ได้

แล้วรู้ได้ไงว่าไม่มีธีรภัทรอยากเถียงอีกฝ่ายออกไปอย่างนั้นให้ตกใจ แต่คนของเขานี่สิ บอกว่ายังไม่อยากให้ใครรู้


   ร้านอาหารกึ่งบาร์ตกแต่งในสไตล์ทรอปิคอลบรรยากาศร้านให้ความรู้สึกเหมือนมาพักร้อน ในร้านยังมีดนตรีดนตรีสดจังหวะ

เบาๆฟังสบายที่เข้ากับบรรยากาศของร้าน คืนก่อนวันหยุดมีคนออกมากินข้าวจิบเครื่องดื่มเบาๆในบรรยายผ่อนคลายหลังทำงาน

เหนื่อยมาทั้งสัปดาห์

เทนนิสเข้ามาในร้านทุกคนมาครบกันทุกคนแล้ว โต๊ะถูกนำมาต่อกันให้เท่ากับจำนวนคนที่มา ดูไปแล้วเหมือนจะเป็นกลุ่มใหญ่

ที่สุดในร้าน กับข้าวเครื่องดื่มหลายอย่างทยอยมาเสิร์ฟจนเต็มโต๊ะ เป็นการเลี้ยงสายครั้งแรกของน้องๆปีหนึ่ง น้องๆเริ่มทักทายรุ่น

พี่ทำความรู้จัก รุ่นพี่แนะนำตัวเองแลกเบอร์ติดต่อเวลามีเรื่องต้องการให้ช่วยเหลือ จากนั้นให้ของที่ระลึกกับน้อง

“มะปราง เข้ามาเรียนที่นี่คนเดียวหรือมากับเพื่อน”รุ่นน้องสาวเหนือกำลังถูกรุ่นพี่ถามอย่างสนใจ อะไรที่ทำให้เธอต้องเรียนไกล
ถึงที่นี่

“มากับเพื่อนค่ะ แต่เรียนคนละคณะ”

 “แล้วพักที่ไหนกัน”ธารรพีถามอย่างเป็นห่วงในฐานะรุ่นพี่และผู้หญิงเหมือนกัน

“พักหอพักกับเพื่อน หอแถวๆมหา’ลัยนี่เองค่ะ”เธอมองหน้าตาสายรหัสเธอแต่ละคนหน้าตาหล่อสวยทั้งนั้น โดยเฉพาะปู่รหัสของ

เธอที่สาวๆหลายคนในคณะแอบชอบกันไม่เว้นเธอที่เห็นครั้งแรกไกลไกลยังอดใจสั่นน้ำลายไหลในความหล่อใสและรอยยิ้ม

อบอุ่นกระชากวิญาณไม่ได้ แต่ก็ได้ข่าวมาอีกว่าเป็นพี่เขาเกย์ แฟนของพี่เขาก็คือพี่วีร์ผู้ชายตัวเล็กหน้าตาน่ารักนั่งอยู่ข้างๆกัน

นี่เอง แทนที่จะรู้สึกไม่ดีที่เห็นสองคนนี้อยู่ด้วยกันกลับรู้สึกมีความสุขไปด้วยอย่างบอกไม่ถูก

“ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกพี่พี่แล้วกันนะ”

“ขอบคุณค่ะ”


   ทุกคนพูดคุยกับน้องใหม่สร้างความคุ้ยเคยระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้อง สี่ทุ่มกว่าทุกคนก็แยกย้ายกันกลับ บางคนชวนกันไปเที่ยว

ต่อ เทนนิสขอตัวกลับก่อนเพราะมีคนรออยู่ไม่รู้ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง เขาเดินเข้าไปหาธีรภัทรที่ตอนนี้นั่งอยู่เดียว อีกฝ่ายเห็นเขา

เดินเข้าไปหาก็ยิ้มให้ทันที

“พี่กิตกลับแล้วหรอครับ”

“สาวโทรมาตาม มันเลยรีบไป”

“น่าสงสารถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว กลับเลยไหมครับ ง่วงแล้ว”

“เดี๋ยวพี่ขอไปเข้าห้องน้ำก่อน เราไปที่รถ”ยืนกุญแจให้อีกฝ่าย แล้วเดินไปเข้าห้องน้ำ


   เทนนิสเดินออกจากร้านไปรอที่รถ โดยที่เขาไม่ทันสังเกตว่ามีคนยืนรอแถวนั้นอยู่ก่อนแล้ว ชายแปลกหน้ารูปร่างสูงใหญ่

สวมหมวกปกปิดใบหน้ามองเห็นเป้าหมายที่มันรออยู่หลายชั่วโมงเดินออกมาจากร้านคนเดียว ชายแปลกหน้ามันกดหมวกลงต่ำ

เหลียวมองรอบๆว่ามีใครอยู่แถวนี้รึบ้างรึเปล่า เมื่อไม่เห็นใครมันรีบเดินเข้าไปหาเหยื่อ ที่หยุดยืนอยู่ข้างข้างรถหรู กำลังกดรีโมท

เพื่อจะเปิดประตูเข้าไปในรถ มันรีบเดินเข้าไปประชิดตัวด้านหลังของเหยื่อ ใช้มีดจี้ไปที่เอวแล้วบอกเหยื่อของมันว่า“ยกมือ

ขึ้น”มันสั่งเทนนิสให้ยกมือขึ้น ชายหนุ่มตกใจเมื่ออยู่เฉยๆก็มีคนเดินเข้าประชิดตัวทางด้านหลังแล้วใช้มีดจี้ที่เอว เขาพยายามจะ

ขัดขืนหันไปมองหน้าคนที่ใช้มีดขู่ให้ชัด แต่มันไม่ยอม คนร้ายดันเขาไปจนติดด้านข้างของรถจนขยับไม่ได้ ในใจเริ่มรู้กลัวไม่รู้ว่า

มันต้องการอะไรกันแน่ ลานจอดรถนี่ก็ไม่ได้เปลี่ยวจนมีพวกมิจฉาชีพมาดักรอ เขาพยายามตั้งสติมองไปรอบๆดูว่ามีใครอยู่แถวนี้

บ้างแต่ก็ไม่มี จ้องมองไปที่กระจกรถ ที่มีเงาคนร้ายปรากฏอยู่เขาเพ่งสายตามองแต่แสงสว่างจากหลอดไฟในลานกว้างไม่เพียง

พอที่จะเห็นหน้าคนร้าย อีกอย่างมันสวมหมวกปิดหน้าอย่างมิดชิด แต่เท่านี้ก็ทำให้รู้ได้ทันทีว่ามันไม่ได้มาดีอย่างแน่นอน 

”อยู่นิ่งๆนะมึงถ้าไม่อยากตาย”เหมือนมันจะรู้คิดของเทนนิส มันขู่เขาอีกครั้ง แล้วมองไปรอบอีกครั้งกลัวคนจะมาเห็น

“ยอมแล้ว ยอมแล้ว อยากได้อะไรเอาไปเลย กระเป๋าตังค์อยู่กระเป๋าหลัง”มันได้ยินแล้วลูบคลำคลำไปที่กระเป๋าหลังของเขา

ขณะนั้นเองคนที่เสร็จธุระจากห้องน้ำ เดินออกมาจากร้านเห็นใครสักคนทำอะไรน่าสงสัยอยู่ข้างๆรถเขา รู้สึกเหมือนจะไม่ใช่เรื่อง

ดีเขาจึงได้ตะโกนออกไป”เฮ้ย นั่นทำอะไรวะ”เสียงดังขึ้นด้านหลังเทนนิสจำได้ว่าเป็นเสียงใคร เขารีบตะโกนบอกอีกฝ่ายให้

ช่วย”พี่ธีร์ช่วยด้วย มีคนจะทำร้ายผม”ตะโกนออกไปแล้วคนร้ายหันไปมองคนมาใหม่

“อย่าเข้ามานะถึงไม่อย่างนั้นไอ้หมอนี่ไว้ไส้ทะลักแน่”เทนนิสเห็นคนร้ายกำลังเผลอ เขารีบหันกลับมา แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น

เมื่อคนร้ายใช้มีดแทงลงมาที่ท้องของเขา

“โอ๊ย”

”กูบอกมึงแล้วว่าให้อยู่เฉยๆ”มันแค่ต้องการข่มขู่อีกฝ่ายตามคำสั่งนายจ้าง แต่อีกฝ่ายดันขัดขืนมันเลยต้องลงมือจริงๆ มันตั้งสติ

ได้รีบดึงมีดออกแล้ววิ่งหนีไปทางหน้าร้านที่มีรถจอดรออยู่ก่อนแล้ว

คนที่กำลังยืนอยู่เลือกที่จะวิ่งเข้าไปดูร่างที่ร่วงอยู่บนพื้นแทนที่จะวิ่งตามคนร้ายไป“เทนนิสเป็นยังไงบ้าง”เขาเรียกอีกฝ่ายรีบ

สำรวจร่างกายคนรักว่าเกิดอะไรขึ้นรึเปล่า“เลือด เลือดออกทำใจดีดีไว้นะ”

“เจ็บ เจ็บ”คนที่ถูกแทงพูดออกมาได้แค่นั้น มองดูเลือดในมือแล้วทุกอย่างตรงหน้าก็ค่อยๆพร่ามัว

ธีรภัทรเห็นท่าทางอีกฝ่ายไม่ค่อยดีเขารีบอุ้มขึ้นรถ ตรงไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด


   รถเก่งไม่มีป้ายทะเบียนขับออกมาจากที่เกิดเหตุได้สักพัก ก็มาจอดอยู่ที่จุดนัดหมายแถวนอกเมือง ที่พวกมันนัดพบกับ

นายจ้าง จอดรถรอไม่นานก็มีรถเก่งมาจอดด้านหลังและมีหญิงสาวเดินลงมาจากรถ พวกมันทั้งสองเห็นก็ดีใจรีบเดินลงจากรถ

เข้าไปหานายจ้าง เพื่อไปรายงานผลว่าพวกมันทำงานเสร็จแล้วตามที่สั่ง

“หวัดดีครับนาย”

“เป็นไง งานสำเร็จไหม”

“เรียบร้อยครับนาย แต่ไอ้เจตมันดันแทงไอ้หน้าอ่อนไปจริงๆ ไม่รู้ว่ามันตายแล้วรึยัง”

“ดี ให้มันตายได้ยิ่งดี ตอนแรกกะแค่ขู่ ถ้ามันตายก็ยิ่งดี”

พวกมันสองคนหันหน้ามองกันแล้วยิ้มเมื่อเจ้านายถูกใจในผลงาน

“เอ่อ นายว่าแต่ค่าจ้างพวกผมละครับ”

“นี่ แสนหนึ่งตามที่สัญญาและอีก ห้าหมื่นให้ค่าทำงานได้ถูกใจ”

“ขอบคุณครับนาย”

“พวกแกสองคนแน่ใจนะว่า จะไม่มีใครสาวมาถึงฉันได้”

“แน่นอนครับนาย พวกผมทำงานมาหลายปีรับรองได้”

หลังจากที่ได้เงินครบเรียบร้อยตามที่ตกลงแล้วพวกมันก็ต้องหนีไปหาที่กลบดาน ส่วนคนว่าจ้างก็ยืนยิ้มมีความสุขกับสิ่งที่เกิดขึ้น

เธอบอกว่าแล้วมันไม่มีทางมีความสุขได้ ครั้งนี้แค่เตือนแต่ครั้งหน้ามันต้องตาย เธอคิดแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งรูปดอกไม้

จันทน์ในกล่องข้อความให้คนเจ็บอวยพรขอให้ตายเร็วๆ แค่คิดว่าอีกฝ่ายกำลังจะตายเธอก็แทบจะสำลักความสุขแล้ว


   เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงในที่สุดคนป่วยก็ถูกเข็นออกมาจากห้องฉุกเฉินไปที่ห้องพิเศษที่จองไว้ ธีรภัทรนั่งมองหน้าคนป่วย

ยังนอนหลับไม่ได้สติเพราะฤทธิ์ยา ใบหน้าคนป่วยขาวซีดเพราะเสียเลือดมาก หมอบอกว่าอีกชั่วโมงก็จะรู้สึกตัว เขาไม่รู้ว่ามัน

เกิดอะไรขึ้นทุกอย่างมันเกิดเร็วมาก รู้แค่ว่าอีกฝ่ายถูกคนทำร้ายแต่ไม่รู้ว่าคนร้ายคือใครต้องการอะไร หากต้องการของมีค่า

กระเป๋าตังค์ โทรศัพท์ นาฬิกาก็ยังอยู่ครบ


   เขารีบโทรแจ้งตำรวจหลังจากที่มาถึงโรงพยาบาลได้ไม่นาน เพราะคิดว่าคนร้ายน่าจะยังไปได้ไม่ไกลและทางตำรวจขอ

ความร่วมมือกับทางร้านอาหารเปิดกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่ในลานจอดรถ ประกอบกับคำให้การเบื้องต้นของเขา ระหว่างที่นั่งเป็น

กังวลกับอาการของคนรักเสียงข้อความเข้าของโซเชียลเอฟในโทรศัพท์คนป่วยก็ดังขึ้น ทำให้เขาหันไปมองแล้วหยิบขึ้นมาดู สิ่ง

แรกที่ได้เห็นในกล่องข้อความก็คือ ดอกไม้จันทน์ ดวงสีอ่อนหรี่ลงเลื่อนดูข้อความเก่าอีกสองสามข้อความ นี่มันคืออะไร คงที่ส่ง

มานี่ไม่ปกติรึเปล่า บางทีเขาพอจะเดาได้แล้วว่าคนร้ายต้องการอะไร ธีรภัทรขบกรามบีบโทรศัพท์ในมือแน่น มีคนต้องการทำร้าย

คนรักของเขา ไม่รู้ว่ามันเป็นใครแต่เขาไม่เอาไว้แน่

“อือ อืม”เสียงคนบนเตียงดังขึ้น พร้อมทั้งขยับตัวเล็กน้อย ธีรภัทรวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมหันมาสนใจคนป่วยที่รู้สึกตัวแล้ว

“ที่รัก เป็นยังไงบ้าง”เสียงทุ่มคุ้นเคยดังขึ้นใกล้พร้อมรู้สึกมือถูกอีกฝ่ายกุมไว้ ทำให้คนป่วยที่ลืมตาขึ้นมาเห็นคนรักนั่งยิ้มให้อยู่

ข้างเตียงอดยิ้มตอบไม่ได้ เทนนิสมองไปรอบๆห้องสีขาวและมีสายยางห้อยอยู่เหนือศีรษะ ในห้องมีกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อจางจาง

เออ ใช่สิเขาถูกคนทำร้ายนี่นา เขามองไปที่บริเวณหน้าท้องตอนนี้เริ่มรู้สึกเจ็บขึ้นมา ส่วนคนที่ช่วยเขาไว้ก็คงเป็นคนที่นั่งอยู่ข้างๆ

เตียงนี่เอง

“เจ็บแผลนิดหน่อย แล้วนี่ผมอยู่ที่โรงพยาบาลใช่ไหม”

“ใช่ หมอบอกว่าเราเสียเลือดไปเยอะ แผลลึกด้วยแต่โชคดีที่โดนอวัยวะสำคัญ”

“แล้วคนร้าย”อยากรู้ว่ามันเป็นใคร

“พี่โทรแจ้งตำรวจเรียบร้อยแล้ว ไม่นานก็คงจะได้ตัว”

คนป่วยพยักหน้า”คือผมไม่รู้ว่าคนร้ายต้องการอะไร”เขาหยุดพูดพยายามเรียบเรียงความคิด”ผมคิดว่ามันต้องการทำร้ายผม”เขา

มองหน้าอีกฝ่าย เหมือนมีคำถามขึ้นมาว่าเขารู้ได้ยัง”ช่วงนี้ผมได้รับข้อความแปลกๆ ก็เลยคิดว่า”ไม่รู้ว่าใครต้องการทำอย่างนั้น

เพราะเขาไม่เคยมีเรื่องกับใครมาก่อน”ขอโทษผมไม่ได้ตั้งใจจะปิด แต่คิดว่าเป็นแค่....”

“ไม่ต้องกังวลไปหรอก เดี๋ยวให้ตำรวจจัดการ”กุมมือคนป่วยไว้แน่นเข้าใจความรู้สึกอีกฝ่ายว่าไม่ต้องการให้เขากังวลใจ แค่

ทำงานมาทั้งวันก็เหนื่อยอยู่แล้ว 

“ครับ”คนป่วยรับคำและเริ่มง่วงอีกแล้วเพราะเสียเลือดมาก ธีรภัทรบอกให้คนป่วยนอนพัก เขาปรับเตียงให้นอนสบายเลื่อนผ้าห่ม

ให้ ส่วนเขาจะกลับไปที่ห้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเก็บของมาเฝ้า คนป่วยพยักหน้ารับรู้แล้วหลับไป ร่างสูงกดจมูกลงบนหน้าผาก

แล้วเดินออกจากห้องไป


   เสียงคนคุยกันเบาๆดังอยู่ข้างเตียงทำให้คนป่วยนอนบนเตียงรู้สึกตัว เทนนิสขยับตัวเล็กน้อยมองหาเสียงที่รบกวนเวลา

นอนของเขา เห็นคุณหมอพยาบาลกำลังยืนคุยกันอยู่

“เป็นไงครับคนป่วย ตื่นแล้ว ปวดแผลรึเปล่าครับ”คุณหมอสูงอายุสวมแว่นหน้าตาใจดีถามอาการเบื้องต้นคนป่วยหลังเข้ารับการ

รักษาว่ามีอาการอะไรที่ผิดปกติรึเปล่า

“ครับ ปวดนิดนิด”

“อาการไม่น่าเป็นห่วง กินยาที่หมอสั่ง นอนพักอีกวันสองวันก็กลับบ้านได้”คุณหมอบันทึกข้อมูลลงในแผ่นชาร์ตหลังสอบถาม

อาการคนป่วย

“ครับ”

คุณหมอคุยกับคนป่วยอีกสักครู่ก็ขอตัว คุณพยาบาลเขียนรายงานบนแผ่นชาร์ตหลังจากถอดสายน้ำเกลือ ถอดสายเลือดวัด

อุณหภูมิร่างกายและความดัน จากนั้นเลื่อนผ้าม่านเตรียมเช็ดตัวให้ผู้ป่วย


   เช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยพยาบาลก็ยกข้าวต้มร้อนๆเข้ามาวางบนโต๊ะค่อมเตียง ท้องว่างมาหลายชั่วโมงแต่ไม่มีความ

ยากยิ่งอาหารคนป่วยหน้าตาไม่น่ากินเอาซะเลย เทนนิสตักข้าวต้มกินสองสามคำแล้วกินยา หมดหน้าที่พยาบาลปล่อยให้คนป่วย

นอนดูทีวี คนป่วยนอนรอคนที่บอกว่าจะกลับมาเฝ้า ตั้งแต่ตื่นมายังไม่เห็นหน้าเลย ไม่รู้ไปไหนของเขาไม่รู้รึไงว่าแฟนป่วยทำไม

ไม่มาดูแล

“คนป่วยเป็นไงบ้าง กินข้าวยัง”ธีรภัทรเปิดประตูเข้ามาเห็นคนป่วยหน้างอนอนจ้องโทรทัศน์ หันมามองเขาตาขวาง เอาแล้วไง ตื่น

มาไม่เห็นเขาเลยโกรธแน่นแน่เลย

“ไปไหนมาครับ มาช้า”เหลือบมองคนที่พึ่งเข้ามาในห้อง ในมือถือของกินมาหลายอย่าง

คนตัวโตรีบวางของบนโต๊ะเดินไปนั่งข้างเตียงง้อคนป่วยอารมณ์ไม่ดีทันที“ขอโทษ”เขากุมมือขาวที่ขาวซีดลูบเบาๆ ทำหน้าสำนึก

ผิด”พอดีพี่แวะเข้าไปคุยกับตำรวจ ไม่นึกว่ามันจะนานขนาดนี้”

คนป่วยลึกคิ้วขึ้นรีบหันกลับมาถามอีกฝ่าย“แล้วเป็นไงครับ มีอะไรคืบหน้ารึเปล่า”

“ยังเลยครับ ให้เวลาตำรวจบ้างสิครับ เรื่องเกิดยังไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงเลย”

“ครับ”ไม่มีอะไรเขาแค่กลัวว่าคนที่จ้องทำร้ายจะไม่จบแค่นี้

“กินอะไรแล้วรึยัง พี่ซื้อของกินมาฝากเยอะเลย”

“เรียบร้อยแล้วครับ พี่ธีร์กินเถอะครับแล้วนอนพักสักงีบ”ใช้มือข้างหนึ่งวางไว้บนแก้มอีกฝ่าย ใบหน้ามีร่องรอยอดนอน ดูไปแล้ว

น่าสงสารวันหยุดทั้งที กลับต้องมาอยู่ที่โรงพยาบาล

อีกฝ่ายยิ้มตอบรับความเป็นห่วง ใครกันแน่น่าเป็นห่วงกว่ากัน เขากินกาแฟกับขนมปังรองท้องก่อนเข้ามา ตอนนี้ยังไม่หิวเอาไว้

นอนหลับสักงีบแล้วค่อยตื่นมากินแล้วกัน เขาเดินไปเปิดตู้หยิบผ้าห่มหมอนออกมาแล้วขึ้นไปนอนบนโซฟา สักพักก็หลับไป คน

ป่วยเบาเสียงโทรทัศน์ลง หยิบหนังสือนิยายที่ธีรภัทรเอามาจากห้องมาอ่าน


   ไม้รู้ว่านานเท่าไหร่คนที่นอนโซฟาเปลี่ยนไปนั่งทำงานจ้องหน้าจอโน้ตบุ๊กบนโต๊ะกินข้าวแล้ว คนป่วยตอนนี้เริ่มหิวแล้ว

เพราะตอนเช้ากินแค่เข้าต้มไปไม่กี่ช้อน เขาลุกขึ้นจากเตียงเดินขโยกเขยกมือกุมแผลไปนั่งข้างๆคนตัวโต พอนั่งลงอีกฝ่ายก็ส่ง

สายดุดุมาให้ทันที “อยากได้อะไรทำไมไม่บอกพี่”คนป่วยยิ้มหวานไม่สนใจสายตาดุดุนั้นแล้วบอกว่า”หิวแล้วครับ”

ธีรภัทรดูเวลาแล้วสายมากแล้ว เห็นอีกฝ่ายบอกว่ากินข้าวต้ม แค่นั้นคงไม่พอ เขาลุกขึ้นไปหยิบเค้กที่ซื้อมาจากข้างล่างออกมา

จากตู้เย็น เลือกแอปเปิ้ล สาลีออกมาปลอกให้คนป่วยสองสามลูก

“เอาเป็นรูปกระต่ายนะครับ”

“ฮือ ดูการ์ตูนมากเกินไปนะเรา แค่ปลอกแบบธรรมดาก็แย่อยู่แล้ว”

คนป่วยดูผลไม้สับเป็นชิ้นปลอกเปลือกวางอยู่ในจาน เขารู้ว่าอีกฝ่ายไม่ค่อยถนัดแบบนี้และต้องพยายามน่าดู ผู้ชายตัวโตปกติมือ

จับแต่กระดาษปากกา แต่ตอนนี้มาจับมีดปลอกผลไม้ดูแล้วไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่ รสชาติไม่ได้ตัดสินแค่เพียงภายนอกเท่านั้น

เขาหยิบผลไม้ชิ้นหนึ่งขึ้นมากินถึงหน้าตาไม่ดีเท่าไหร่“อร่อย”เป็นคำพูดง่ายๆคนฟังกลับรู้สึกดีจนต้องยิ้มออกมา เห็นอีกฝ่ายกิน

ได้โดยไม่บ่นก็ดีใจแล้ว เทนนิสเห็นคนตัวโตยังไม่ได้กินอะไรเขาถือโอกาสหยิบผลไม้ป้อนอีกฝ่าย ธีรภัทรเห็นผลไม้ที่ปลอกให้

คนป่วยยืนมาให้เขาก็รีบงับทันที อืม อร่อยจริงจริง ไม่รู้ว่าใครเป็นคนป่วยกันแน่

ก๊อก ก๊อก กินกันไปได้ไม่กี่คำเสียงเคาะหน้าห้องก็ดังขึ้น ยังไม่ได้เดินไปเปิดประตูก็เปิดออก เห็นเพื่อนสนิทกับคนรักของเพื่อน

เข้ามาในห้อง

“พี่ธีร์หวัดดีครับ เทนนิสเป็นไงบ้าง”ชายหนุ่มตัวเล็กทักทายเจ้านายแล้วเดินไปนั่งข้างเพื่อนถามอาการเพื่อนอย่างเป็นห่วง ตอน

แรกที่โทรไปบอกว่าถูกคนทำร้ายร่างกาย เขายังไม่นึกว่าจะถึงต้องนอนโรงพยาบาล

“ดีขึ้นมากแล้วล่ะ พรุ่งนี้น่าจะออกจากโรงพยาบาลได้”

“คุณธีรภัทรสวัสดีครับ”ปาลภัทรทักทายผู้ชายอีกคนนั่งปลอกผลไม้ให้ป่วยกิน

“สวัสดีครับเชิญตามสบาย”

“พี่ปาลหวัดดีครับ”

“สวัสดีครับ ไปทำอีท่าไหนทำไมถึงได้มานอนโรงพยาบาลได้”ถามคนป่วยที่ไม่น่าจะไปมีเรื่องกับใครได้ ทำไมถึงมานอนโรง

พยาบาลได้

“ไม่รู้เหมือนกันครับ บางทีอาจจะเป็นคราวซวยก็ได้ใครจะไปรู้ ว่าแต่วีร์แล้วไหนของฝากที่บอกให้ซื้อมาฝาก”คนป่วยทวงของที่

บอกให้เพื่อนซื้อมาให้

“แล้วหมอเขาให้กินได้หรอ”ถามอย่างกังวล แล้วไม่ลืมมองไปที่เจ้านาย ตอนแรกที่รู้ว่าทั้งสองคบกันก็ตกใจอยู่บ้างไม่นึกว่าคนไร้

อารมณ์อย่างเจ้านายจะมาตกหลุมรักเพื่อนเขาจริงๆ แต่เห็นที่เจ้านายปกติทำหน้านิ่งไร้อารมณ์วันนี้กลับนั่งปลอกผลไม้ให้เพื่อน

เขา เห็นเพื่อนมีคนคอยดูแลอย่างดีเท่านี้ก็ไม่ต้องเป็นกังวลแล้ว


                                                            มีต่อข้างล่าง
หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 15 ] 27/07/2560
เริ่มหัวข้อโดย: jaengsRU ที่ 27-07-2017 11:44:27

                                                                     ต่อจากข้างบน

         บ่ายของวันต่อมาหมอก็อนุญาตให้คนป่วยกลับบ้านบ้าน แผลไม่มีอาการอักเสบหรือติดเชื้อ แต่ก็ต้องพยายามรักษาความ

สะอาดและไม่ให้ถูกน้ำ ธีรภัทรหยุดงานอีกวันดูแลคนป่วย ส่วนคนป่วยหยุดงานไปสามสี่วันอยู่ในห้อง นอนเล่นอ่านหนังสือ

การ์ตูน อ่านนิยาย ดูหนัง แผลเริ่มดีขึ้นเขากลับไปเรียนและเริ่มทำงานได้ตามปกติในสัปดาห์ต่อมา


   ข่าวความเคลือบหน้าตามหาคนร้ายที่ทำร้ายร่างกายเขายังไม่มี ธีรภัทรก็ยิ่งเป็นห่วง กลัวว่าคนร้ายจะกลับมาทำร้ายคนรัก

ของตัวเองอีก ทำให้วันไหนว่างตอนเที่ยงเขาจะไปกินข้าวด้วยหรือไม่ก็เรียกเข้าไปนั่งกินที่ห้อง ส่วนเวลาเลิกงานให้อีกฝ่ายรอที่

โต๊ะหรือเข้าไปรอในห้องไม่เดินไปไหนคนเดียว

เวลาผ่านไปเรื่อยในที่สุดก็มาถึง วันท่องเที่ยวประจำปีของบริษัทพนักงานแต่ละคนต่างดีใจ ได้ไปเที่ยวพักผ่อน เป็นรางวัลที่

บริษัทมอบให้ รถบัสท่องเที่ยว 32 ที่นั่ง 4 คันจอดรอรับทุกคนอยู่หน้าบริษัท แต่ละคันติดป้ายหมายเลขไว้หน้ารถมีเจ้าหน้าที่

ประจำรถตรวจเช็ครายชื่อสมาชิกของรถแต่ละคน เวลานัดหมายคือเจ็ดโมงเช้า ล้อหมุนเจ็ดโมงครึ่ง ตอนนี้หกโมงเกือบเจ็ดโมง

คนก็เริ่มทยอยมาเกือบครบแล้ว บางคนลากกระเป๋าเดินทางใบเล็กลงมาจากรถแท็กซี่ เข้าไปรวมกลุ่มกับเพื่อน พนักงานสาวๆ

ต่างแต่งตัวสวยไปเที่ยว บางคนเริ่มเก็บภาพประทับใจกับเพื่อนตั้งแต่ยังไม่เริ่มออกเดินทาง ระหว่างที่จับกลุ่มถ่ายรูปอยู่นั้นพวก

เธอเหลือบไปเห็นเจ้านายยืนหล่อกอดอกมองพนักงานทุกคนอยู่

“พี่หมวยดูนั่นซิ ดูเจ้านายของเราวันนี้หล่อ ดูดีมาก”

“ไหน... เออหล่อจริงจริงแก ไม่เคยเห็นท่านใส่ชุดลำลองมาก่อน ดูเด็กลงตั้งเยอะ”

“แหมพี่เจ้านายเราก็ยังแก่สักหน่อย

“แล้วนั่นใช่ลูกลูกท่านไหมน่ะพี่ หน้าตาน่ารักเชียว”

“ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะใช่ ดูคล้ายๆเหมือนกัน”

“พอพออย่าไปยุ่งเรื่องเจ้านายเดี๋ยวตกงานกันเปล่า มาถ่ายกันต่อดีกว่า เอ้า แกยิ้มหน่อยรูปนี้ฉันจะเอาลงโซเชียลเอฟ”

ธีรภัทรยืนดูสตาฟเตรียมความพร้อมก่อนการเดินทาง และคอยดูว่ามีอะไรขาดเหลือบ้าง จำนวนพนักงานที่ลงชื่อไปท่องเที่ยว

ประจำปีของปีนี้มีจำนวนเพิ่มขึ้น นั่นหมายความว่าทุกคนจะชอบทะเล โดยเฉพาะสาวๆดูตื่นเต้นเป็นพิเศษ ดวงตาสีอ่อนมองคนรัก

ในชุดลำลองกำลังช่วยงานสตาฟทำงานอยู่ แผลหายแล้วก็เริ่มซนทันที เทนนิสช่วยพี่ๆขนน้ำเปล่าขึ้นรถ ขนมของว่าง และข้าว

เหนียวหมูทอดกับข้าวเช้าที่จะแจกให้ทุกคน

“เทนนิสวางไว้ตรงนั้นแหล่ะ แล้วไปดูให้พี่หน่อยว่ารถคันไหนของไม่ครบบ้าง”พี่สตาฟวานให้น้องไปดูรถคันอื่นๆ

“ครับพี่”เทนนิสรับคำอย่างว่าง่ายเดินไปสำรวจดูของตามรถ และไปบอกพี่สต๊าฟว่าของครบทุกคันแล้ว

เจ็ดโมงสิบห้าสตาฟเรียกให้ทุกคนขึ้นรถตามที่แจ้งไว้ พนักงานต่างรีบขึ้นรถไปหาที่นั่งไว้ ไม่นานรถบัสทั้งสี่คันก็พร้อมออกเดิน

ทาง ทันทีที่รถออกตัวเสียงปรบมือโห่ร้องก็ดังขึ้น สตาฟทำหน้าที่เช็คจำนวนผู้โดยสารอีกรอบ และเริ่มแจกข้าวแจกน้ำและขนม

“ไปเด็กๆขึ้นรถได้แล้ว”ธีรภัทรบอกเด็กทั้งสามคน นั่งตากลมมองรถบัสทั้งสี่คันเคลื่อนออกไปจากลานจอดรถหน้าบริษัท

“ได้ครับคนแก่ ปะบู้ตึ้งบู้ลิ้ม เราไปขึ้นรถกัน เดี๋ยวคนแก่จะดุเอา”เด็กๆเดินจับพี่ชายข้างบ้านตรงไปที่รถ ทั้งสองยิ้มดีใจที่จะได้ไป

เที่ยว เทนนิสไม่ได้ขึ้นรถไปพร้อมกับคนอื่นส่วนวีร์กับคุณแลขาเบสมาไม่ได้เพราะป่วยไม่รู้ว่าป่วยจริงหรือเปล่า อย่าให้รู้ว่าโกหก

นะ ถ้ารู้ไม่ต้องเอาของฝาก

“ปากเก่งนะครับที่รัก รับรองคืนนี้ไม่รอดแน่”แกล้งขู่ให้อีกฝ่ายกลัว

“เสียใจคืนนี้ผมนอนกับแฝด”ยังไม่ได้บอกสักคำเลยว่าจะนอนด้วย

“นอนกับพี่เทนนิส เย้/เย้”แฝดดีใจ ไม่ได้ดูคุณน้าที่หน้าคล้ำลง ในใจก็ได้แต่คิดว่าไม่น่าเอาก้างมาเลย

“อ้าว แล้วน้าธีร์จะนอนกับใครเด็กๆไม่สงสารน้าหรอที่ต้องนอนคนเดียว”คุณน้าทำเสียงเศร้าให้หลานๆเห็นใจ

บู้ลิ้มสงสารน้าธีร์“นอนด้วยกัน พี่เทนนิสให้น้าธีร์นอนด้วย”

“นั่นไง มันต้องอย่างนั้นหลานน้า พูดจาน่ารักเดี๋ยวเลี้ยงไอติมคนละถ้วยเลย”ธีรภัทรยิ้มอย่างผู้ชนะ เขาลืมบอกไปว่าแฝดนอนแต่

หัวค่ำ

แฝดไม่มีใครดูแล ธีรภัทรเลยต้องรับหน้าที่คุณน้าแสนดี รับมานอนที่ห้องตั้งแต่เมื่อคืนจะได้สะดวกตื่นแต่เช้า และเหตุนี้ธีรภัทร

เลยต้องขับรถส่วนตัวมา ให้เทนนิสคอยมานั่งเป็นพี่เลี้ยงดูแลเด็กๆไปด้วย แหมช่างเป็นข้ออ้างที่ดีเหลือเกิน แค่นี้ก็เหมือนไป

เที่ยวแบบครอบครัว พ่อแม่ลูกแล้ว คิดได้อย่างนี้ริมฝีปากหนาก็โค้งขึ้นมา

เดินทางออกจากเมืองหลวงใช้เส้นทางถนนเพชรเกษม สองข้างทางผ่านบ้านเรือน ทุ่งนา เด็กๆเกาะขอบหน้าต่างมองออกไป

นอกหน้าต่างเห็นวัวควาย เย็นแกว่งหางปากเคี้ยวหญ้ามองมา เด็กชายทั้งสองก็ชี้นิ้วให้พี่ชายข้างบ้านดู ธีรภัทรขับนำรถบัสท่อง

เที่ยวเพื่อจะได้มีเวลาแวะเที่ยวตามข้างทาง เขามองกระจกหลังเห็นหลานๆมีความสุขกับถามโน่นถามนี่พี่ชายข้างบ้าน สักพัก

เทนนิสชวนเด็กๆนั่งดูการ์ตูนกินขนมไปด้วย

ขับออกมาได้สักพักใหญ่ใหญ่ ธีรภัทรเลี้ยวรถเข้าปั๊มน้ำมันให้เด็กๆได้เข้าห้องน้ำ ซื้อขนมดูเหมือนว่าขนมที่ซื้อมาจะหมดแล้ว เขา

จูงมือเด็กๆเข้าห้องน้ำ ส่วนเทนนิสไปซื้อเครื่องดื่มเย็นเย็นให้ทุกคน หลังจากทำธุระเรียบร้อยเด็กๆก็บ่นบอกว่าหิวข้าวเลยต้องแวะ

ที่ศูนย์อาหารหาอะไรกินก่อน

“บู้ตึ้ง บู้ลิ้มเอาข้าวมันไก่ไหมพี่จะไปซื้อให้”

“เอาครับ/ครับ”เด็กๆนั่งบนโต๊ะดูดน้ำเย็นสบายใจ พูดเกือบพร้อมกันเพราะตอนนี้หิวมาก ถึงจะกินขนมไปแล้วก็ตามเทนนิสไม่ลืม

ถามคุณน้าของเด็กๆว่าอยากกินอะไร ตอนเช้าได้กินแค่ข้าวต้มกับแซนวิซไม่กี่ชิ้นที่เขาป้อนตอนอยู่บนรถ

“เอาเหมือนกันนั่นแหล่ะ”ไม่อยากให้อีกฝ่ายยุ่งยาก”ให้พี่ไปช่วยไหม”

“ไม่เป็นไรครับขับรถมาเหนื่อยๆ นั่งพักกับเด็กๆดีกว่า”ยิ้มให้อีกฝ่ายแล้วตรงไปที่ร้านข้าวมันไก่


          จอดพักกินข้าวเกือบชั่วโมง มาถึงโรงแรมที่พักก็บ่ายสองโมงกว่า รถบัสทั้งสี่คันมาถึงก่อนหน้านี้นานแล้ว ตอนเที่ยง

พนักงานกินข้าวที่ทางโรงแรมเตรียมไว้ให้ จากนั้นก็แยกย้ายเข้าที่พักตามที่สตาฟจัดไว้หากใครไม่พอใจสามารถสลับสับเปลี่ยน

กับเพื่อนได้ ห้องพักแบ่งเป็นโซนของชายหญิงแยกจากกันชัดเจน หลังจากเข้าห้องพักเรียบร้อยบางคนชวนกันออกไปเดินเล่น

สำรวจชายหาด บางคนชวนกันออกไปเดินเล่นตลาดหาซื้อของฝาก บางส่วนนัดรวมตัวกันที่ห้องหนึ่งเตรียมการแสดงสำหรับ

ปาร์ตี้คืนนี้

เทนนิสจูงมือแฝดไปที่ห้องพักโดยมีธีรภัทรช่วยถือกระเป๋าเดินตามหลัง ห้องพักบังกะโลแยกออกมาห่างจากพนักงานคนอื่น ดู

แล้วเป็นส่วนตัวมาก เปิดประตูเข้าไปด้านใน แบ่งออกเป็นสองห้องนอน มีระเบียงหน้าห้องยื่นออกไป เลื่อนประตูกระจกใสออก

ไปเห็นหาดทรายสีขาว ทะเลสีคราม กลิ่นเค็มของเกลือและลมพัดเย็นสบาย จนคนยืนมองต้องสูดอากาศดีๆเข้าปอด

“เป็นไงห้องสวยไหม ถูกใจไหม”ร่างสูงเดินมาซ้อนข้างหลังกอดเอวอีกฝ่ายไว้ กดจมูกลงบนซอกคอขาว มองออกไปด้าน

นอก”เสียดายได้พักแค่คืนเดียว”

“สวยครับ พาสาวๆมาพักบ่อยละซิ”

หืม ทำไมที่รักพูดจาหาเรื่องอย่างนี้ละครับ“ไม่เคยครับ ไม่เคยปกติก็ทำแต่งาน เที่ยวประจำปีก็นอนคนเดียว ปีนี้ปีแรกที่มีคนมา

นอนด้วย”ว่าไปแล้วก็ขอหอมให้ชื่นใจหน่อยเถอะ”ฟอด”ชื่นใจ คนถูกฉวยโอกาสหอมแก้มได้แค่ยืนยิ้มหน้าแดงอายที่อีกฝ่าย

แสดงความรักไม่กลัวว่าใครจะมาเห็น นี่มันไม่ใช่ในห้องนะถ้ามีพนักงานของบริษัทเดินมาล่ะจำทำยังไง เขาเป็นคนห่วงแทนอีก

ฝ่ายไม่ได้ แต่เรื่องความรักห้ามไม่ได้หรอกเรื่องแบบนี้ “มาเหนื่อยๆ นอนพักไหมครับกว่าจะถึงเวลาปาร์ตี้เริ่มคงอีกนาน”

“อืม หลับสักงีบก็เหมือนกัน ไปนอนด้วยกันนะ”ยังไม่ทันที่จะตอบรับหรือปฏิเสธ ก็มีเสียงเล็กๆใสๆ และเสียงวิ่งตึกตึกเข้ามาใน

ห้อง พร้อมกับเด็กๆส่งยิ้มหวานมาให้ทั้งคู่ ธีรภัทรเลยต้องปล่อยคนในอ้อมกอดเป็นอิสระอย่างไม่เต็มใจ

“พี่เทนนิส พี่เทนนิส ไปเล่นน้ำกันครับ”บู้ตึ้งจับมือพี่ชายข้างบ้านชวนออกไปเล่นน้ำ

“ไปกัน ไปกัน”บู้ลิ้มแหงนหน้าส่งยิ้มหวานให้พี่ชาย

“ผมว่าคงไม่ได้แล้วแหล่ะ”ดูเด็กๆเปลี่ยนเสื้อผ้าใส่ชุดเล่นน้ำเรียบร้อยแล้ว”พี่นอนเถอะเดี๋ยวผมดูแฝดให้”

“โอ้ โดนทิ้งซะงั้นเศร้าเลย”

“งั้น ไปเล่นด้วยกันทั้งหมดนี่แหล่ะ แต่พี่กับน้าธีร์ขอเปลี่ยนชุดก่อน”บอกทั้งสองให้รอก่อน แล้วอุ้มทั้งคู่นั่งบนเตียง เทนนิสเปลี่ยน

เสื้อผ้าเป็นเสื้อยืดกางเกงขาสั้นสำหรับเล่นน้ำ

เปลี่ยนเสื้อเรียบร้อยออกมาเล่นน้ำเล่นทรายที่ชายหาด เด็กๆสนุกมาก นานแล้วที่ไม่ได้มาเล่นน้ำทะเล ถึงจะว่ายน้ำเป็นแต่ก็ไม่น่า

วางใจเทนนิสบอกทั้งสองใส่ห่วงยางด้วย แฝดทำตามว่าง่ายเพราะถ้าปฏิเสธจะไม่ได้ลงน้ำ โชคดีที่หาดหน้าบังกะโลมีร่มเย็น

สบาย เล่นน้ำสักพักเทนนิสก็ขึ้นมาที่นั่งเช็ดตัวอยู่เก้าอี้ชายหาด แต่ก็ยังเป็นห่วงเด็กๆจนต้องตะโกนบอกไม่ให้ไปเล่นไกล คนตัว

โตนอนหลับไปแล้วบอกให้เข้าไปนอนข้างในก็ไม่ไป ลมทะเลแรงขนาดนี้เขากลัวว่าอีกฝ่ายจะป่วย เขามองใบหน้าคนนอนหลับ

สงสัยจะขับรถจนเหนื่อย เข้าไปหยิบผ้าห่มผืนบางออกมาห่มให้คนนอนหลับ กลัวว่าจะไม่สบาย เขาดีใจที่อีกฝ่ายถึงจะทำงาน

หนักแต่ก็ยังหาเวลาที่อยู่ด้วยกัน ดูแลเขาเวลาที่ไม่สบาย ไม่หวานเหมือนคู่อื่น ไม่ได้หวือหวาจนเกินไป เรื่อยเรื่อย เรียบง่าย

สบายสบายอย่างนี้แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว   

“พี่เทนนิส พี่เทนนิส”แฝดวิ่งขึ้นมาจากน้ำ มาหาคนที่นั่งอยู่เก้าอี้ชายหาด

“เป็นไงเล่นเสร็จแล้วหรอ”หน้าตามอมแมมเชียว เทนนิสหยิบเช็ดตัวผืนเล็กเช็ดตัวให้ทั้งสอง

“ครับ บู้ลิ้มหิวแล้ว”

“บู้ตึ้งด้วยหิวหมือนกัน”

เออ ใช่ลืมนึกไปว่าเด็กๆได้กินข้าวไปตั้งแต่เที่ยงตอนนี้ก็น่าจะหิวแล้ว ว่าแต่จะกินที่โรงแรมหรือออกไปกินข้างนอกดีละ

“โทรสั่งมากินที่กินห้องดีกว่า ตอนนี้ยังมีแดดอยู่ออกไปข้างนอกเดี๋ยวไม่สบายเอา”คนนอนอยู่เมื่อครู่ ลุกขึ้นนั่งอุ่มบู้ลิ้มไปนั่งตัก

“ถ้าอย่างนั้นก็เข้าไปอาบน้ำ พี่จะโทรสั่งข้าวผัดทะเลมาให้”

“เย้/เย้”แฝดดีใจรีบวิ่งเข้าไปในห้อง โดยที่ไม่ต้องบอกอีกรอบ เทนนิสชวนคนเพิ่งตื่นเข้าห้อง


   หกโมงเย็นพระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบท้องทะเล หลายคนไปยืนดูช่วงเวลาที่โรแมนติกนี้และไม่ลืมเก็บภาพความ
ประทับใจไปด้วย

เมื่อถึงเวลาทุกคนมารวมตัวที่ชายหาด ทางโรงแรมเตรียมโต๊ะอาหารไว้ และมีเวทีทำการแสดง นักแสดงออกมาหาอะไรกินรอง

ท้องก่อนคนอื่นเพื่อไปแต่งตัว ทุกคนนั่งตามแผนกตามป้ายที่สตาฟตั้งไว้ ทำให้โต๊ะผู้บริหารมีคนมานั่งร่วมโต๊ะไม่กี่คน

“ถ้ามีอะไรขาดเหลือบอกทรายได้นะคะ”หญิงสาวเจ้าของโรงแรมลงมาร่วมงานปาร์ตี้ตามคำเชิญ เธอได้ยินมาว่ามีบริษัทมันฝรั่ง

ทะเล้นมาจองที่พักเที่ยวประจำปี ไม่นึกว่าเจ้าของบริษัทจะหล่อถูกใจเธอขนาดนี้ รู้อย่างนี้เธอคงรีบมาต้อนรับด้วยตัวเองตั้งแต่
แรก

“ขอบคุณครับ คุณทรายต้อนรับได้ดีมาก”

“ดีใจค่ะ ที่ได้ยินอย่างนี้”

บู้ตึ้งอยากกินกุ้งเผาตัวโตแต่อยู่ไกลเกินไป พี่เทนนิสก็กำลังป้อนปูให้น้องชายอยู่ แล้วผู้หญิงคนนี้ทำไมถึงชวนน้าธีร์คุยไม่หยุด

เลย สงสัยอยู่บ้านไม่คนคุยด้วยรึไง คุณครูเคยสอนว่าเวลากินข้าวห้ามคุยกัน ตอนอยู่โรงเรียนเขาเคยคุยกับเพื่อนยังโดนคุณครูดุ

บ่อยๆ ผู้หญิงคนนี้ต้องนิสัยไม่ดีไม่เชื่อฟังที่คุณครูสอน เอ่อ คุณแม่เคยบอกว่าถ้ามีผู้หญิงนิสัยไม่ดีเข้ามาคุยกับน้าธีร์ต้องขัดขวาง

เพราะพวกเธอจะมาหลอกน้าธีร์ให้เสียใจ ร้องไห้“น้าธีร์ บู้ตึ้งอยากกินกุ้ง ป้อนหน่อยครับ”

“ป้อนบู้ลิ้มด้วย”

“ได้ครับ น้าแกะกุ้งให้เยอะๆเลย”

“ให้พี่เทนนิสด้วย”

“ครับได้ครับให้พี่เทนนิสด้วย”ธีรภัทรแกะเปลือกกุ้งวางใส่จานหลานชายทั้งสองและไม่ลืมวางใส่จานอีกคนที่นั่งนิ่ง ไม่สนใจเขา

ตั้งแต่ที่มีผู้หญิงที่ชื่อทรายมานั่งข้างๆ คงจะไม่ได้หึงอยู่หรอกนะ   

“หลานคุณธีรภัทรหรอคะ ดูน่ารักทั้งคู่เลยนะคะ”เธอมองเด็กชายหน้าตาน่ารักกำลังกินกุ้งที่คุณอาแกะให้อย่างอารมณ์ดี

แต่โตแล้วน่าจะกินเองได้แล้วนะเด็กพวกนี้ ไม่เห็นรึไงว่าผู้ใหญ่เขาจะคุยกัน สงสัยจะถูกตามใจจนนิสัยเสีย

“คุณธีรภัทรลองกินนี่ดูสิคะ ผัดฉ่าทะเลรวมของเราขึ้นชื่อมากนะคะ”เธอตักกับข้าวใส่จานชายหนุ่ม”ต้มยำกุ้งที่นี่ก็อร่อยเหมือนกัน

อาหารทะเลของเราสดมาก”

“เอ่อ ขอบคุณครับ ไม่เป็นไรครับ ผมไม่รบกวน เชิญคุณกินตามสบาย”เดี๋ยวแฟนเขาเข้าใจผิด หญิงสาวส่งยิ้มหวานให้ชายหนุ่ม

แล้วชวนคุยต่อ ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายกำลังทำหน้าลำบากใจ 

“เด็กๆเอากุ้งอีกไหม”ปากถามเด็กๆแต่สายตามองอีกคนที่นั่งทำหน้ามุ่ย ธีรภัทรแกะกุ้งให้เพราะว่าอีกฝ่ายชอบกิน 


   งานปาร์ตี้เริ่มขึ้นการแสดงของพนักงานแต่ละแผนกทยอยขึ้นไปบนเวที เสียงหัวเราะ โห่ร้อง เสียงปรบมือ ดังขึ้นตลอดที่มี

การแสดงบนเวที อาหารบนโต๊ะทยอยเสิร์ฟเรื่อยๆ จากของคาวเปลี่ยนของหวาน จนงานจบลงบางส่วนก็กลับห้องไปพักผ่อน บาง

ส่วนจับกลุ่มกินเหล้าริมชายหาดของโรงแรม

“บู้ตึ้งบู้ลิ้ม มาแปรงก่อนเร็ว ดึกแล้วจะเข้านอน”เทนนิสเรียกเด็กชายทั้งสองที่อยู่ในชุดนอนนั่งดูโทรทัศน์

“ครับ/ครับ”ทั้งสองรีบวิ่งตามคนเรียกเข้าไปในห้องน้ำ ถือแปรงสีฟันอันเล็กของตัวเองไว้ในมือรอพี่ชายข้างบ้านบีบยาสีฟันให้

“หือ กลิ่นยาสีฟันสตรอเบอร์รี่นี่หอมมากเลย”

“อร่อยด้วยครับ บู้ลิ้มชอบ”

“เฮ้ย มันกินไม่ได้นะบู้ลิ้ม”

“คุณครูบอกแล้วครับ บู้ลิ้มไม่ได้ตั้งใจกลืน”

เทนนิสช่วยเด็กๆแปรงฟันจนเสร็จแล้วไปส่งที่เตียง

“ที่รักดึกแล้วไปนอนกันเถอะ”ธีรภัทรเดินเข้ามากอดคนรัก

“หึ ชวนผิดคนรึเปล่า ไม่ไปชวนคุณทรายอะไรนั่นมานอนด้วยละ เห็นคุยกันถูกคอนิ จนเธอไม่ยอมลุกไปไหนขนาดงานปาร์ตี้เลิก

แล้วยังทำท่าจะตามมาถึงห้องซะงั้น” ดูสายตาผู้หญิงคนนั้นก็รู้ว่าคิดอะไรอยู่ 

นั่นไงซื้อหวยทำไมถูก กำลังหึงอยู่จริงอย่างที่คิด เห็นนั่งเงียบตั้งแต่อยู่ในงาน “ไม่ได้รักคนนั้น แต่รักคนนี้ ไม่ชอบเธอด้วยแค่คุย

ตามมารยาทเท่านั้นไม่ได้มีอะไร”ใครจะไปคิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะยอมไปไหน เล่นเอาที่รักเขาเข้าผิดซะได้

ไม่เชื่อหรอก สวย อึ๋ม ขนาดนั้นไม่คิดอะไรได้ไง“ไม่เอาคืนนี้จะนอนกับแฝด สัญญาแล้วด้วย”ทำตัวไม่ดีอย่าคิดว่าจะไปนอนด้วย

เลย ก็ใครใช้ให้มีแฟนหน้าตาดี ใครเห็นก็ต้องชอบเป็นธรรมดา

“หึงหรอ”ดึงคนรักมานั่งที่โซฟา แล้วมองหน้าอีกฝ่ายที่บอกว่ากำลังอารมณ์ไม่ดี

ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันจนเป็นเส้นตรง“อืม หึงแล้วจะทำไม หึงไม่ได้หรอ”

“ไม่ได้บอกว่าหึงไม่ได้”กุมมือคนรักไว้แน่น ไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้อีกฝ่ายคิดว่าเขาชอบผู้หญิงคนนั้น คุยด้วยก็แทบจะนับคำได้ เป็น

เธออีกที่มานั่งข้างเขาชวนคุยโน่นคุยนี่ไม่ยอมหยุด เทนนิสมองหน้าคนรักที่กำลังยิ้มดีใจอะไรสักอย่าง”ยิ้มอะไรไม่ทราบ”ยิ่งเห็น

อีกฝ่ายยิ้มยิ่งรู้สึกหงุดหงิด   

“ดีใจมีคนหึง เขาบอกว่ายิ่งหึงมากกยิ่งรักมาก”ดึงคนรักเข้าไปกอดไว้ ใช้มือหนาลูบแผ่นหลังเบาๆ”ไม่โกรธนะ ดีกันนะ ดีกัน พี่ไม่

ได้คิดอะไรกับเธอจริงๆ”

“รู้ แล้วก็ไม่ได้โกรธด้วย แค่รู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อย”

“ถ้าอย่างนั้นไปนอนกันเถอะจะได้หายหงุดหงิด”

“อืม”พยักหน้าเดินตามแรงดึงอีกฝ่ายไปที่เตียง เพราะรู้ว่าปฏิเสธยังไงอีกฝ่ายก็ไม่ยอมให้เขาไปนอนที่อื่นแน่ๆ

   
                 เช้าวันใหม่พระอาทิตย์ค่อยๆโผล่ขึ้นมาจากทะเล เทนนิสออกมาเดินเล่นรับอากาศสดชื่นตอนเช้า เขากำลังยืน

กอดอกมองน้ำทะเลที่เป็นคลื่นเล็กๆ ยืนอยู่สักพักชายหนุ่มร่างสูงวิ่งเหงื่อท่วมตัวเข้ามาหา

“นึกว่าหายไปไหน นึกว่าแอบหนีตามผู้หญิงคนนั้นไปแล้ว”

“ตื่นออกมาวิ่งกำลังกายแต่เช้า พี่เห็นเรานอนหลับสบายไม่อยากกวน”

“อืม”ที่จริงก็รู้อยู่แล้วเห็นรองเท้ากับเสื้อผ้าออกกำลังหายไป เลยออกมายืนรออยู่เนี่ย”เช็ดเหงื่อครับเดี่ยวไม่สบาย”ส่งผ้าเช็ดหน้า

ฝืนเล็กให้”ขอบใจนะ”

“เข้าไปข้างในเถอะครับ เด็กๆตื่นแล้วจะไม่เห็นใคร ใกล้ถึงเวลากินข้าวแล้วด้วย”ทั้งสองกลับเข้าห้องพัก เด็กชายทั้งสองตื่นแล้ว

นั่งหัวฟูดูการ์ตูนอยู่หน้าโทรทัศน์ แหมเป็นเด็กเลี้ยงง่ายกันทั้งคู่เลย“บู้ตึ้งบู้ลิ้มหิวข้าวกันรึยัง”เทนนิสนั่งลงลูบหัวทั้งสองอย่าง

เอ็นดู”ยังคับ/ยังคับ” ปล่อยให้เด็กทั้งสองนั่งดูการ์ตูนสักครู่แล้วเรียกออกไปกินข้าวเช้าที่ทางโรงแรมเตรียมไว้พร้อมกับพนักงาน
คนอื่น 


   เสร็จจากมื้อเช้า สตาฟให้ทุกคนกลับไปเก็บของมาไว้ที่รถบัสเตรียมเช็คเอาท์ออกจากที่พัก เทนนิสช่วยเด็กๆแต่งตัว
เรียบร้อยเก็บของลงกระเป๋า

“แหม วันนี้หลานน้าหล่อกันทั้งคู่เลย”เด็กๆถูกชมต่างแย้มแป้นโชว์ฟันขาวกันใหญ่

“จะบอกว่าหล่อเหมือนน้าว่างั้น”แหมพูดจาได้น่าหมั่นไส้มาก

“ครับ”ชายหนุ่มไม่ปฏิเสธที่ถูกชมว่าหน้าตาดี เก็บกระเป๋าเรียบร้อย ออกเดินทางทุกคนปรึกษากันว่าออกจากที่นี่จะไปที่ไหนกัน

ธีรภัทรบอกถ้าอยากไปเที่ยวที่ไหนเขาจะพาไป “ไปเที่ยว น้าธีร์บู้ลิ้มอยากเที่ยว อยากไปเล่นน้ำ อยากไปเล่นเครื่องเล่น”บู้ลิ้ม

ตะโกนบอกบอกคุณน้า อืม แล้วที่ที่ว่าอยู่ไหนละครับบู้ลิ้ม ช่างเถอะยังไงวันนี้ก็ว่างทั้งวัน ขับรถไปเรื่อยก็คงจะเห็นเอง ใช้เวลาวัน

หยุดให้เต็มที่แล้วกัน เย็นๆค่อยเดินทางกลับ คิดได้อย่างนั้นแล้วมองไปที่กระจกมองหลังยิ้มให้คนที่นั่งอยู่เบาะหลังเล่นกับ

หลานๆของเขาอยู่


*****************************************************************

โปรดติดตามตอนต่อไป




หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 15 ] 27/07/2560
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 27-07-2017 22:30:18
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 16 ] 8/08/2560
เริ่มหัวข้อโดย: jaengsRU ที่ 08-08-2017 10:37:48
                                                       Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก

                                                                             ตอนที่ 16

   ไม่ถึงเดือนครึ่งก็จะถึงสิ้นปี ฤดูหนาวเพิ่งมาถึงได้ไม่นานหลายคนได้รื้อเสื้อกันหนาวตัวเก่าออกมาใส่เพราะยังไม่แน่ใจว่าปี

นี้จะหนาวนานกว่าทุกปีรึเปล่า กิจกรรมสุดท้ายของบริษัทก็ปล่อยโฆษณาออกมาโปรโมท มีคนส่งผลงานเข้าร่วมสนุกเป็นจำนวน

มาก ร่างสูงออกจากห้องประชุมเดินมานั่งที่โต๊ะทำงาน เขาเพิ่งเสร็จจากการเข้าประชุมสรุปงานของกิจกรรมที่สอง ผลที่ออกมา

ให้ผลพึงพอใจเป็นอย่างมาก และได้ประชุมวางแผนงานในช่วงต้นปีหน้า มือหนาหยิบแฟ้มที่ต้องพิจารณาขึ้นมาดูอ่านรายชื่อ

พนักงานที่ได้ขึ้นเงินเดือนหลายคน โดยที่ดูจากผลงานที่ออกมาพวกเขาก็ควรที่จะได้รับ เขาหยิบปากกาลงชื่อ แล้วโทรเรียกให้

คุณเลขาเข้ามาเอาเอกสาร ธีรภัทรมองตารางเรียนบนหน้าจอโทรศัพท์อีกตั้งชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาพักของเทนนิส เขาอยากโทร

ไปคุยด้วยจะส่งข้อความผ่านไลน์ไป แต่ก็กลัวไปทำลายสมาธิการเรียนของอีกฝ่าย ดูปฏิทินนี่ก็ใกล้จะปีใหม่แล้วเขาน่าจะหาของ

ขวัญให้คนรักสักชิ้นหรือพาไปเที่ยวที่ไหนไกลๆอย่างญี่ปุ่นก็ไม่เลวเหมือนกัน ไปนั่งถูหลังให้อีกฝ่าย แล้วแก้ผ้าแช่น้ำพุร้อน หน้า

หนาวหิมะตกไปเล่นสกีด้วยก็ดี แค่คิดแค่นี้ก็มีความสุขแล้ว


   หมดชั่วโมงเรียนของช่วงเช้า เทนนิสและเพื่อนลงมานั่งกินข้าวที่โรงอาหาร คนยังเยอะเหมือนเคย เทนนิสทำหน้าที่นั่งเฝ้า

ของที่โต๊ะ ข่าวที่เคยออกมาว่าเขาเป็นเกย์เคยดังอยู่ช่วงหนึ่งเดินไปไหนก็มีแต่คนมอง ตอนนี้ก็เริ่มซาและเปลี่ยนเป็นไม่สนใจแล้ว

ไม่รู้ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวออกมา รวมถึงเรื่องที่เขารับข้อความแปลกๆและเรื่องที่ถูกทำร้ายตำรวจจับตัวคนร้ายได้สารภาพว่ามี

คนจ้างวานเป็นผู้หญิงไม่รู้ชื่อไม่เห็นหน้าตา เวลาที่เจออีกฝ่ายเธอจะปิดหน้าตาได้ยินแต่เสียง นั่นเป็นเบาะแสเดียวที่ได้มาและ

เป็นแบะแสที่กว้างมาก แต่ก็ถือว่าตำรวจทำงานได้ดีในระดับหนึ่ง ตอนนี้ทุกอย่างดูเงียบๆไม่รู้ว่าคนร้ายรู้ตัวกลัวจะถูกจับหรือมัน

เงียบที่จะทำอะไรรึเปล่า ตอนนี้เขาต้องระวังตัวเองเป็นพิเศษ

“พี่เทนนิสมากินข้าวหรอคะ แล้วคนอื่นละ”ธารรพีนั่งลงที่โต๊ะมองหาคนอื่น

“ใช่ คนอื่นไปซื้อข้าว พี่เฝ้าของ”พูดไปแล้วก็เหมือนหมายังไงไม่รู้นั่งเฝ้าของเวลาที่เจ้านายไม่อยู่”ธารกินข้าวยัง”

“เรียบร้อยแล้วค่ะ พี่เทนนิสพอดีธารมีเรื่องขอร้อง”

“หืม เรื่องอะไรล่ะ”

“คือ...คือว่าอาทิตย์นี้พี่ปืนบอกจะพาธารไปไหว้ผู้ใหญ่ที่บ้าน แต่ธารกังวลนิดหน่อยเลยอยากให้พี่ไปเป็นเพื่อน”เธอกังวลหลายๆ

อย่างและกลัวว่าจะทำตัวไม่ถูก ทำให้ผู้ใหญ่ไม่ชอบ”ไปเป็นเพื่อนธารนะ ธารจะบอกพี่ธีร์ให้”เธอทำสายตาอ้อนวอนให้รุ่นพี่

เห็นใจ”ก็ได้ ถ้าพี่ธีร์ยอมให้ไปนะ”บอกอีกฝ่ายไว้ก่อน

“ขอบคุณค่ะ งั้นธารไปก่อนนะ”

“อ้าว นั่นน้องธารนิ มาทำอะไร”

“แวะมาคุยด้วยนิดหน่อย แล้วได้ไหมราดหน้า”

“นี่เลย สั่งแบบพิเศษให้เลย”

“อืม ขอบใจ”แววตาสีเข้มฉายแววความกังวลออกมา ไม่ใช่แค่ธารรพีกังวลใจที่จะไปบ้านนั้น เขาก็กังวลใจเหมือนกัน นานแล้วที่

เขาไม่ได้เป็นเหยียบบ้านหลังนั้น ตั้งแต่ที่พ่อกับแม่เสีย

“เป็นอะไร หิวไม่ใช่หรือกินซิ”

“อืม”


   เข้าเรียนอีกครั้งในตอนบ่าย หัวข้อแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 1-จนถึงฉบับปัจจุบัน ฉายอยู่บนจอ

โปรเจคเตอร์ อาจารย์กำลังบรรยายเนื้ออยู่หน้าชั้นห้อง นักศึกษาอ่านเอกสารประกอบหัวข้อที่เรียน

“นักศึกษาพยายามจำเนื้อหาใจความสำคัญของแผนเศรษฐกิจแต่ละฉบับให้ได้ แน่นอนว่ามีข้อสอบ ไม่ใช่แบบตัวเลือกอย่างที่

พวกคุณแน่นอน”เสียงนักศึกษาในห้องสูดปากทันที ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเป็นแบบเขียนล่ะสิ นั่นน่ะคือนรกของจริงที่ต้องมานั่งท่อง

แผนตั้งสิบเอ็ดฉบับมันไม่ใช่น้อยๆและไม่ได้สอบแค่วิชานี้วิชาเดียวนะ

“ชั่วโมงนี้พอแค่นี้ก่อน นักศึกษาอย่าลืมทบทวนบทเรียน ส่วนแบบฝึกหัดที่ให้ไปส่งภายในวันนี้ที่โต๊ะอาจารย์”เธอย้ำนักศึกษาอีก

ครั้งก่อนจะลืม เพราะแบบฝึกหัดมีคะแนน

“ขอบคุณครับ/ขอบคุณค่ะ”อาจารย์เก็บของเดินออกจากห้องไป นักศึกษาบางส่วนทยอยออกจากห้องบางส่วนยังนั่งทำแบบ

ฝึกหัดที่อาจารย์สั่ง

“โอ้ ตายกันไปเลยอาจารย์อรดี ทำไมโหดอย่างนี้วะ”

“ไหน ใครเสร็จแล้วเอามาลอกดิ”

“เอ้ย หัดคิดเองบ้างดิ มีแต่ลอกเดี๋ยวสมองก็ฝ่อหมด”

“แกไม่รู้อะไรเวลาไปทำงานลอกไม่ได้ ตอนนี้ลอกได้ก็ต้องทำ เรียนจบไปไม่โอกาสได้ทำอีกแล้วนะ”เหรียญสิบหยิบแบบฝึกหัด

ของเพื่อนมาลอกหน้าตาเฉย นั่งทำแบบฝึกหัดจนเสร็จรวบรวมไปส่งและทุกคนแยกย้ายกันกลับ   

เทนนิสนั่งรอคนมารับเหมือนปกติเพราะธีรภัทรเป็นห่วงไม่อยากให้กลับเอง รถคันหรูเข้ามาจอดหน้าคณะเขาก็รีบเดินไปขึ้นรถ

“หวัดดีครับ วันนี้ทำงานเหนื่อยไหม”ขึ้นรถแล้วทักทายอีกฝ่าย ที่รีบขับรถมารับ

ริมฝีปากหนาโค้งขึ้นเล็กน้อยกับคำถามธรรมดาแต่ได้ยินแล้วกลับรู้สึกดีไม่น้อย“นิดหน่อย แล้วเราล่ะ”วางมือหนาบนศีรษะอีกฝ่าย

แล้วเลื่อนมาจับแก้มนุ่มที่คิดถึงมาทั้งวัน

“ดีครับ”ดีกว่าไปทำงานเยอะเลย อยากจะพูดออกไปอย่างนั้นมากกว่า“เอ่อ พี่ธีร์พอดีว่าพี่ปืนจะพาน้องธารไปเจอผู้ใหญ่ที่บ้าน

อาทิตย์นี้”

“ครับ”คิ้วหนาขมวดขึ้นเล็กน้อย ได้ยินชื่อคนหวงน้องชายขึ้นมาทีไรรู้สึกเหมือนมีเรื่องไม่ค่อยดีตลอด”แล้วยังไงต่อ”

“น้องชวนผมไปเป็นเพื่อน”พูดแล้วสังเกตสีหน้าอีกฝ่าย แล้วพูดต่อ”ไปกินข้าวเที่ยงไม่กี่ชั่วโมงก็กลับ”

ร่างสูงมองอีกฝ่าย เทนนิสพยักหน้าบอกว่าแค่นั้นจริงๆ ธีรภัทรกำลังใช้ความคิด ก็ยังดีที่ไปกินข้าวเที่ยง“อืม ได้”เทนนิสดีใจที่อีก

ฝ่ายยอมให้ไป เขารีบส่งข้อความบอกน้องว่าตกลงไปได้

ก่อนกลับเข้าที่พักทั้งสองแวะกินข้าวก่อน เทนนิสอยากกินสเต็ก เขาลากร่างสูงเข้าไปในร้านหาที่นั่ง สั่งสเต็กคนละจานแล้วไป

เดินไปตักสลัด ที่จริงเขาไม่ค่อยชอบรสชาติสเต็กร้านนี้เท่าไหร่ แต่ที่ชอบคือที่นี่มีอะไรให้กินมากกว่าสเต็ก อาหารมาเสิร์ฟทั้ง

สองนั่งคุยกัน เทนนิสถามถึงเรื่องงานปีใหม่ที่จะจัดขึ้น

“ปีใหม่นี่ทางบริษัทจัดงานยังไงครับ”ถามอีกฝ่ายและจิ้มมันฝรั่งทอดจนเหลืองกรอบเข้าปาก

“ทุกปีก็ให้มีการแสดง สลับกับจับรางวัลที่ทางบริษัทเตรียมไว้”ร่างสูงคิดถึงงานปีใหม่ในปีที่ผ่านมา ก็เป็นประมาณนี้

ฟังแล้วน่าสนุก“ไม่ต้องเตรียมซื้อของขวัญไปจับฉลากกับคนอื่นหรอ”

“ตามแผนกน่าจะเป็นอย่างนั้น แต่วันที่บริษัทจัดไม่ต้อง”

“อืม”เทนนิสจิ้มสเต็กหมูพริกไทยดำที่ถูกหั่นเป็นชิ้นเข้าปาก คิดถึงเรื่องพี่ๆตามแผนกพูดกันว่าจะมีจับฉลากของขวัญปีใหม่

แล้วไปเลี้ยง กินปีใหม่หลังเลิกงาน และช่วยกันออกเงินกันซื้อของขวัญปีใหม่ไปไหว้ท่านประธาน ก็คงเหมือนที่พวกเขาซื้อ

กระเช้าไปไหว้อาจารย์นั่นละมั้ง”แล้วอย่างนั้นวันงานก็ต้องมีของขวัญจากท่านประธานสิครับ”

“ใช่ อยากได้หรอ”

“ครับ ท่านประธาน”นั่นมันเป็นความฝันอันสูงสุดของพนักงานทุกคนเลยนะนั่น

“อยากได้อะไรบอกให้พี่ซื้อให้ง่ายกว่านะ”

“รถหรูสักคันก็ดีครับ”

“ขับรถเป็นแล้วหรอเรา ถึงมาขอให้พี่ซื้อให้ อยากได้จริงหรอ”

“ล้อเล่นครับ”มีคนขับให้นั่งสบายกว่าเยอะ ขับรถในเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องสนุกเหมือนที่โฆษณาในโทรทัศน์ที่มีถนนโล่งกว้างไป

สุดลูกหูลูกตา ข้างทางมีแต่ต้นไม้ใบหญ้าสีเขียวอากาศบริสุทธิ์ ความเป็นจริงขับรถออกจากบ้านก็เจอแต่รถเต็มถนนเหยียบเบรค

บ่อยกว่าคันเร่งด้วยซ้ำ พอเร่งความเร็วหน่อยก็เจอไฟแดง ถนนที่แคบอยู่แล้วก็มีรถมาจอดอยู่ไม่พอยังมีรถเมล์คันใหญ่คอยขับ

เบียดให้รู้ว่าข้าใหญ่คงกลัวคนอื่นไม่รู้ว่าเป็นจ้าวถนน แล้วอากาศก็เต็มไปด้วยมลพิษเต็มไปหมด เขาจะเอารถมาทำอะไร

“ถ้าอยากได้พี่จะซื้อไห้ แต่ก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน”นั่นนักธุรกิจมาเอง ลงทุนทำอะไรต้องได้ผลกำไรตอบแทนกลับคืนมา แค่

เทนนิสเห็นรอยยิ้มอีกฝ่ายก็รู้ว่าการลงทุนครั้งนี้เสี่ยงเหลือเกิน จนเขาบอกไปว่าแค่ล้อเล่นจริงๆ เกือบไปแล้วไง ริมฝีปากหนาโค้ง

ขึ้นเล็กน้อย ธีรภัทรแค่อยากแกล้งคนตรงหน้าเฉยๆ แค่บอกว่าต้องมีข้อแลกเปลี่ยนก็เล่นเอาอีกฝ่ายทำหน้าตาตื่นตกใจ ทำ

เหมือนอย่างกับว่าจะถูกเขาจับกินยังไงยังงั้นแหล่ะ 

คนถูกจ้องด้วยสายตาอันตราย กลืนสเต็กหมูลงอย่างลำบาก“พี่ธีร์ไม่รู้อะไรไปลุ้นในงานแบบนั้นมันสนุกว่าเวลามีคนอ่านชื่อเราว่า

เป็นคนโชคดีที่สุดในงาน”

“งั้นของขวัญปีใหม่ไม่เอา ไม่อยากได้”

“เอาครับ พี่ธีร์ให้อะไรเอาหมด”นาทีนี้ต้องปากหวานไว้ก่อนเดี๋ยวอด   

“แล้วสอบเสร็จวันไหน”

“ตารางสอบยังไม่ออกเลย ต้องรอก่อน ทำไมครับ”

“จะพาไปเที่ยว”

“ไปเที่ยว อยากไป ไปที่ไหน”ดีใจจะได้ไปเที่ยวหลังสอบเสร็จไปพักผ่อนน่าจะดี

“ญี่ปุ่น”

“ญี่ปุ่น”คนฟังตาโต รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเขาอยากไป อีกฝ่ายคงเห็นเขาเทียวส่ง SMS ไปลุ้นเที่ยวกับร้านสะดวกซื้อบ่อยๆ เหมือนที่

อีกฝ่ายเคยบอกว่าเก็บเงินไปเที่ยวเองมีโอกาสจะได้ไปเที่ยวมากกว่าลุ้นโชคแบบนั้น แต่มันสนุกไงได้อารมณ์ไปอีกแบบ“ไปช่วง

ปีใหม่คนเยอะแย่งกันเที่ยวด้วย ไปเองหรือไปกับทัวร์”

“แล้วแต่เราชอบแบบไหน”

“ไปเองดีกว่า ไปช่วงเดือนมีนา-เมษา หิมะยังพอมีให้เห็น บางที่และจะได้ไปดูดอกไม้ด้วย แล้วงานละครับ ไปเที่ยวไกลนานเป็น

อาทิตย์สองอาทิตย์จะไม่มีปัญหาหรอครับ”

“ไม่มีปัญหา คนในบริษัทเยอะแยะ”ทำอะไรไม่ได้คอยแต่จะให้เขาทำเองทั้งหมด ก็ไม่รู้จะมีไว้ทำไม

“แหม คอยตามใจอย่างนี้เดี๋ยวผมก็เสียนิสัยพอดี”แค่นี่ก็พอรู้ว่าอีกฝ่ายให้ความสำคัญกับเขา“ขอบคุณครับ”คิดดูแล้วใกล้จะปีใหม่

อีกฝ่ายคงอยากพาเขาไปเที่ยวเป็นของขวัญปีใหม่ เขาเองก็น่าจะมีของขวัญให้อีกฝ่ายบ้าง เป็นอะไรดีนะ

ในช่วงปลายปีแผนกต่างๆเริ่มมีมหกรรมกระตุ้นยอดขายต้อนรับเทศกาล ไม่ว่าจะเป็นสินค้าลดราคา ของแถม สะสมแต้ม กินอิ่ม

เรียบร้อยแล้วเทนนิสชวนธีรภัทรเดินย่อยดูของตามแผนกต่างๆ สายตามองหาของขวัญที่เหมาะกับอีกฝ่าย เดินดูจนครบรอบยัง

หาของขวัญที่เหมาะกับอีกฝ่ายไม่ได้ เอาเถอะวันหลังค่อยออกมาหาดู จากนั้นเทนนิสเดินไปซื้อของใช้ เขาอยากได้ครีมอาบน้ำ

กับโลชั่นให้เข้ากับฤดูหนาว อากาศเย็นทำให้ผิวของเขาแห้ง โดยเฉพาะผิวหน้า ยืนเลือกดูสักพักก็เลือกได้ แล้วมองหาอีกคน

ที่มาด้วยกำลังยืนดูของอยู่ไม่ไกล

“พีธีร์ทำอะไร”

“ช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดีพี่เลยจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ”

“ยังไง”

“นี่ไง ช่วยเกษตรกรที่ปลูกยางพารามีรายได้มากขึ้น”เทนนิสมองบนชั้นที่มีกล่องถุงยางอนามัยหลายยี่ห้อหลายขนาดหลายกลิ่น

วางเรียงกันอยู่

อุส่าตั้งใจฟัง ที่แท้ก็เรื่องไร้สาระ ช่างเถอะคิดซะว่าไม่ได้แล้วกัน”ตามสบายนะครับผมไม่กวนแล้ว”

ร่างสูงรีบดึงมืออีกฝ่ายไว้“หึ หึ ล้อเล่นน่า เลือกของเสร็จแล้วหรอได้อะไรบ้าง”

“เรียบร้อยแล้ว ได้ครีมอาบน้ำโลชั่นกับครีมทาหน้า”

“ครบแล้วก็กลับกันเถอะ”

ทั้งคู่เดินออกจากร้าน อยู่อยู่ก็มีคนเดินเข้าทัก

“เทนนิส”

“อ้าว พี่เป็นเอกสวัสดีครับ”

“ไม่ได้เจอตั้งนาน สบายดีไหม”

“ครับ แล้วพี่ล่ะ”

“งานยุ่งนิดหน่อย”

“งานยุ่งแสดงว่าบริษัทกำลังไปได้ด้วย”

“ประมาณนั้น แล้วนี่จะไหน”

“อ้อ ผมกินข้าวเสร็จแล้วก็เลยมาซื้อของใช้ กำลังจะกลับพอดี”เออ ลืมไปเลยว่าไม่ได้มาคนเดียว เทนนิสหันไปมองร่างสูงข้างยืน

หน้ามุ่ย กดดันเขาเขาอยู่ข้างๆ

“เอ่อ แล้วนี่ใคร”เห็นยืนมองหน้าเขาตั้งนานแล้ว

จะให้บอกว่ายังไงดีล่ะ“เอ่อ แฟนผมเองครับ พี่ธีร์”

เป็นเอกชะงักไปเล็กน้อยกับคำแนะของคนตรงหน้า ไม่เจอกันแค่พักเดียวเขาพลาดอะไรไปรึเปล่า มิน่าผู้ชายคนนี้ถึงทำหน้าดุม

องเขาตาแทบไม่กระพริบที่แท้ก็หวงนี่เอง“สวัสดีครับ”เป็นเอกรู้สึกเศร้าขึ้นมาทันเมื่อรู้ว่าเทนนิสมีคนรักแล้วยังไม่ทันสารภาพรักก็

อกหักซะแล้ว

“ส่วนนี่พี่เป็นเอกเป็นรุ่นพี่ที่มหาลัย ที่ผมเคยไปช่วยงาน”

คนที่ทำหน้ามุ่ยเมื่อครู่ตอนนี้กำลังอารมณ์ดีที่สุด เพราะได้ยินว่าเทนนิสแนะนำคนอื่นให้รู้ว่าเขาเป็นคนรัก“สวัสดีครับ”อ้อ จำได้

แล้วคนที่เคยเห็นไปกินข้าวกับน้องคราวก่อน

“พี่ธีร์ทำอะไร”ขึ้นมาบนรถคนตัวโตดึงเข้ากอดทันที จนคนถูกกอดตกใจการกระทำที่ไม่ได้ตั้งตัวมาก่อน

“ให้รางวัลคนน่ารัก”ไม่ติดว่าที่สาธารณะเขาอยากจูบอีกฝ่ายด้วยซ้ำ

“เดี๋ยวคนอื่นก็มาเห็นหรอก”มองออกไปนอกรถกลัวมีใครเดินผ่านมาเห็น“อยู่ในรถเขามองไม่เห็นหรอก”เขาไม่อยากทำให้อีกฝ่าย

ลำบากใจ แต่คนในอ้อมกอดดันทำตัวน่ารักเขาเลยอดใจไม่ไหว

“เป็นอะไรไปครับ”รู้สึกว่าอีกฝ่ายแปลกไป มือขาวลูบหลังคนตัวโต

“ดีใจที่เราบอกคนอื่นว่าพี่เป็นแฟน”

“ก็บอกความจริง ไม่มีอะไรต้องปิด ไม่บอกเดียวมีคนมาแย่ง นี่อย่าบอกนะว่ากำลังหึงผมอยู่ ถ้าใช่ก็หยุดความคิดไว้”ชอบคิดอะไร
ไม่รู้

“อือ”ธีรภัทรยอมรับกับอีกฝ่ายว่าเขากำลังคิดอย่างนั้น

“ฮ่า ฮ่า ตลกแล้วผมกับพี่เป็นเอกเป็นเพื่อนกัน พี่เขาไม่ได้คิดกับผมแบบนั้นแน่”

“เราไม่คิด ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นเขาไม่คิด”พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง อยากให้ระมัดระวังตัวไว้บ้าง”แค่มองตาก็รู้แล้วว่ามันชอบ
เรา”

“ทำไมถึงคิดอย่างนั้น”เขาคงไม่ได้มีอะไรดึงดูเพศเดียวกันหรอกนะ

“มันใช้สายตาแบบเดียวกันที่พี่มองเราไง”

“อืม”ไม่มีอะไรจะพูดเขาไม่ค่อยเข้าใจเรื่องแบบนี้เท่าไหร่ และไม่อยากให้เรื่องแบบนี้มาให้ผิดใจกัน เดียวจะทำให้พวกเขาเสีย

ความรู้สึกเท่านั้น

ถึงห้องพักเทนนิสเดินเข้าห้องไปอาบน้ำ รู้สึกเหนียวตัวเพราะเหงื่อถึงอากาศช่วงนี้จะเย็นลงมากแต่ตอนกลางวันอากาศยังร้อนอยู่

อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย รู้สึกสดชื่นออกมาจากห้องน้ำ เห็นคนตัวโตอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยนั่งอยู่บนเตียงหลังพิง

หมอนดูไอแพด

“ดูอะไรอยู่ครับ”เห็นอีกฝ่ายทำหน้าตาจริงจัง เทนนิสนั่งลงข้างๆมองไปที่หน้าจอไอแพด”เฮ้ย ดูอะไร”ตกใจหมดเลย เห็นผู้ชาย

สองคนบนหน้าจอถอดเสื้อผ้าหมดกำลังทำอะไรกันอยู่โจ่งแจ้ง ภาพชัดเจนขนาดนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ากำลังทำอะไรกัน

“หึ หึ”ร่างสูงหัวเราะอีกฝ่าย”ดูไว้ ศึกษาไว้ใช้กับเราไง”ไม่เห็นจะแปลกเลย เขาไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายมาก่อนเป็นธรรมดาที่ต้อง

เรียนรู้เรื่องแบบนี้

คนฟังเม้มฝีปากบางแน่น จ้องใบหน้าอีกฝ่ายที่ยังดูต่อ“ใครบอกว่าจะให้ทำ พี่รักผมต้องให้ผมทำดิ”ยิ้มกวนยักคิ้วให้อีกฝ่ายเป็น

เชิงท้าทายกล้าเปล่าล่ะ

ฮือ ที่รักพูดไม่ได้รูปร่างตัวเองเลย”อือ จะon top พี่หรอใจเย็น ท่านั้นเอาไว้ก่อน”คำพูดเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาของธีรภัทรทำให้

คนฟังต้องรีบหุบยิ้ม เปลี่ยนมาเป็นแยกเคี่ยวใส่แทน

“ทะลึ่ง มีอะไรเหมือนกันไม่รู้จะดูไปทำไม”เห็นอีกฝ่ายยังดูเฉยไม่สนใจเขา ไม่รู้ว่ามีอะไรน่าดูจนต้องถามออกมา”พี่ธีร์ชอบแบบนี้

หรอ”ชะเง้อดูผู้ชายที่อยู่ข้างล่างตัวเล็กผิวขาวถูกผู้ชายอีกคนทับอยู่ ขยับสะโพกไปมา คนที่นอนอยู่ข้างล่างอ้าขาออกร่างกาย

ขยับไปตามแรงที่ถูกกระแทก

แบบนี้ แบบนี้คือแบบไหน ร่างสูงมองหน้าอีกฝ่ายอย่างสงสัย เห็นอีกฝ่ายทำหน้ามุ่ยแล้วอดแกล้งไม่ได้”พี่ชอบทุกท่าละ ถ้าได้ทำ

กับเรา”ดวงตาสีอ่อนเป็นประกาย มองอีกฝ่ายอย่างคาดหวัง

“ทะลึ่งเถอะ ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”ตาแก่จอมหื่นนี่

ร่างสูงส่ายหัวเบาๆ แกล้งแค่นี้ก็ไม่ได้“พี่ชอบเรามากกว่า”คนอะไรหึงแม้กระทั่งหนังโป้

“แล้วนั่นเขาทำกันแล้วมีความสุขจริงๆหรอ ดูไปแล้วเหมือนครางออกมาเฉยๆหน้าตาไม่ได้บอกว่าอย่างนั้นเลย”

เด็กนี่ขี้สงสัยจริง เปิดเสียงเบาๆยังอุส่าได้ยินอีก“เรื่องนี้พี่ไม่รู้ ถ้าอยากรู้ก็ต้องลอง”กระซิบข้างหูอีกฝ่าย จนคนฟังรู้สึกขนลุกขึ้น
มา

“จะให้มันดูมีอารมณ์เหมือนการ์ตูนชายรักชายที่เราอ่านได้ยังไง”นั่นรู้อีกว่าเขาแอบอ่านการ์ตูนชายรักชาย”พี่ว่าเรื่องแบบนี้ต้อง

พิสูจน์อย่าให้เขาหลอกเอาได้”ฟังดูแล้วเหมือนจะดี แต่คิดดูอีกทีแล้วเหมือนจะเข้าตัว ยังไม่ทันจะขยับตัวหนี ร่างสูงก็รีบดึงตัวอีก

ฝ่ายเข้าไปกอด”ช่วยพี่หน่อยซิ คนดี”เสียงเบาเหมือนกระซิบริมฝีปากขบเม้มลงที่ติ่งหูเบาๆและซอกคอขาว ทำให้คนอยู่ในอ้อม

กอดรู้สึกเหมือนถูกกระแสไฟอ่อนอ่อนวิ่งไปทั่วตัว ร่างสูงเห็นอีกฝ่ายไม่พูดอะไร เขาจับมือขาวให้มาทักทายลูกชายของเขาที่

กำลังตื่นตัว”เอ่อ.. มันใหญ่..ร้อนด้วย”ดวงตาสีเข้มก้มมองสิ่งที่อยู่ในมือ ร่างสูงมองใบหน้าที่เห่อแดงริมฝีปากหนาโค้งขึ้นอย่าง

พอใจกับคำพูดของอีกฝ่าย”ขยับ มันสิ”ไม่ต้องบอกซ้ำอีกฝ่ายก็รู้ความหมาย เขาขยับมือขึ้นลงเป็นจังหวะช้าๆซุกใบหน้าที่เห่อ

ร้อนลงหน้าอกแกร่ง หัวใจของธีรภัทรเต้นแรงเพราะถูกกระตุ้นด้วยมือคนรัก “อืม”เขาครางออกมาเบาๆ ความรู้สึกดีค่อยๆเพิ่มขึ้น

เขาสอดมือหนาเข้าไปในเสื้ออีกฝ่ายใช้ปลายนี้สะกิดที่ตุ่มไตเล็กๆดันร่างที่ซบหน้าอยู่ที่อกให้เงยหน้าขึ้นและกดจูบลงริมฝีปาก

บาง สอดลิ้นเลียชิมริมฝีปากจนร่างที่อยู่ในอ้อมกอดสั่นเบาๆ เทนนิสรู้สึกเหมือนกำลังจะสำลักความรู้สึกดี เขาหายใจแทบไม่ทัน

เมื่ออีกฝ่ายกดย้ำอยู่หลายครั้งสอดลิ้นไปทั่วโพรงปากดูดลิ้นชิมความหวาน

”เร่งจังหวะหน่อยที่รัก”เสียงแหบพร่าดังอยู่ข้างหู มือขาวเร่งจังหวะตามเสียงบอก แขนที่โอบอยู่รอบเอวกอดรัดแน่นขึ้น เสียง

หอบหายใจคนตัวโตดังอยู่ข้างหู ริมฝีปากหนาขบเม้มใบหูจนเทนนิสต้องครางออกมา ร่างหนากระตุกสองสามครั้งน้ำสีขุ่นก็ไหล

ออกมาเต็มมือขาว

“พี่มีความสุขมากที่รัก ฟอด”

“อือ”คนในอ้อมกอดใบหน้าร้อน ก้มหน้ากับอกอีกฝ่ายฟังเสียงหัวใจ สมองกำลังคิดทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ นี่เขาทำอะไรลง

ไปและทำลงไปได้ยังไง แถมตอนนี้เขายังมีความรู้สึกตื่นตัวอีก โอ้ย อยากจะบ้าตาย

“ให้พี่ช่วยไหม”คนถามรู้สึกได้ว่าคนอ้อมกอดมีความต้องการ ก่อนที่มือหนาจะเลื่อนไปสัมผัสส่วนที่ตื่นตัวของอีกฝ่าย คนที่อยู่ใน

อ้อมกอดก็รีบลุกขึ้นวิ่งหายเข้าไปในห้องน้ำ”หึ หึ”เด็กหนอเด็ก คิดถึงสัมผัสเมื่อครู่แล้วเขาก็สึกตื่นตัวขึ้นมาอีกครั้ง คนตัวการที่

ทำให้รู้สึกวิ่งหายเข้าไปในห้องน้ำแล้ว ได้ยินเสียงน้ำไหล เขาเองก็คงต้องจัดการกับความรู้สึกอีกครั้งเหมือนกัน ว่าแล้วก็เดินกลับ

ไปที่ห้องตัวเองอย่างอารมณ์ดี   



หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที่ 16 ] 8/08/2560
เริ่มหัวข้อโดย: jaengsRU ที่ 08-08-2017 10:45:29
         วันอาทิตย์มาถึง ปืนมารับคนรักและน้องชาย ในตอนสายเพื่อไปกินข้าวเที่ยงที่บ้านตามที่นัดกับทุกคนที่บ้านไว้ รถเลี้ยว

เข้ามาจอด เทนนิสลงจากรถมองสำรวจไปรอบบ้านหลังใหญ่ยังเหมือนเดิม เดินเข้าไปด้านในเห็นทุกคนนั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหาร ปืน

แนะนำธารรพีและเทนนิสให้ทุกคนรู้จัก เทนนิสมองหญิงสาวคุ้นหน้าที่เขาเคยเจอก่อนหน้านี้ที่งานการกุศลที่แท้เธอก็เป็นลูกพี่ลูก

น้องของเขานี่เอง ปรีญารัตนแปลกใจที่ได้เห็นเทนนิสสายตาของเธอจ้องอย่างไม่วางตา พี่ชายของเธอพาไอ้เด็กนี่มาด้วยทำไม

เมื่อทุกคนมาพร้อมก็เริ่มกินข้าวพูดคุยถามหญิงสาวที่ลูกชายพามา อยากรู้ว่าเป็นใคร มาจากไหน เรียนหรือทำงานอยู่ ทำไมทั้ง

สองถึงได้มารู้จักกัน ธารรพีกินข้าวไปด้วยคอยตอบคำถามของผู้ใหญ่ทั้งสองไปด้วย อาการที่รู้สึกประหม่าและกังวลตั้งแต่ที่ยังมา

ไม่ถึงก็ค่อยๆดีขึ้น เมื่อผู้ใหญ่ทั้งสองดูเป็นกันเองโดยเฉพาะปรีญาวรรณคอยบอกให้ลูกชายตักโน่นตักนี่ให้ธารรพี เทนนิสนั่ง

สังเกตผู้ใหญ่ทั้งสองเหมือนจะชอบธารรพี เห็นแค่นี้เขาก็ดีใจไปด้วย เขานั่งกินข้าวเงียบเงียบไม่สนสายตาที่ปรีญารัตนมองมา

เขาเกือบลืมผู้หญิงคนไปแล้วถ้าวันนี้ไม่มาเจอที่นี่ก็ไม่รู้ว่าเป็นญาติกัน เธอน่าจะเป็นน้องสาวของปืนที่ส่งไปอยู่เมืองนอกตั้งแต่
เด็ก

”ป้าไม่ได้เจอเทนนิสตั้งนาน โตขึ้นมากเลย สบายดีไหมเรา”ปรีญาวรรณถามหลานชายที่นั่งเงียบตั้งแต่มาถึง ถ้าเป็นแต่ก่อนสามี

ของเธอคงไม่นั่งเงียบอย่างนี้

“ขอบคุณครับ  สบายดีครับ แล้วคุณป้าละครับ”

“เรื่อยๆตามประสาคนแก่ ได้ยินว่าน้องธารเป็นรุ่นน้องที่มหาลัยของเราด้วย”

“ครับ”

“ถึงว่าทำไมพี่เราชอบไปหาบ่อยๆที่แท้ก็มีเป้าหมาย”

“ผมไปหาน้องจริงๆ”

“จ้าแม่เชื่อ ตักกับข้าวให้เทนนิสด้วยลูก กินเยอะๆนะลูกดูผอมไปนะเรา”

ท่าทางที่ดูสนิทสนมเป็นกันเองของปรีญาวรรณกับเทนนิสทำให้ปรีญารัตนอดแปลกใจไม่ได้ คงไม่ได้หมายความว่าแม่ของเธอ

รู้จักกับไอ้เด็กนี่หรอกนะ แล้วที่บอกว่าไม่ได้เจอตั้งนายหมายความว่ายังไงไม่เข้าใจ ไหนใครช่วยบอกเธอได้บ้าง

“เปรียวคงไม่รู้จักน้อง นี่เทนนิสลูกชายของอาอติพัทธ์”คำพูดของปรีญาวรรณ ทำให้ปรีญารีตน์ที่นั่งเงียบต้องกำมือแน่น

หมายความว่าไอ้เด็กนี่เป็นญาติของเธอ ไม่ยอม เธอไม่มีวันยอมรับเรื่องบ้าๆแบบนี้ได้หรอก ใครจะนับญาติกับมันก็ช่างแต่กับเธอ

ไม่ใช่ เธอจ้องไปที่เทนนิสส่งยิ้มเป็นมิตรมาให้เธอ ยิ้มนี่หมายความยังไงต้องการที่จะยิ้มเยาะเย้ยเธอรึไง

“อย่างที่ผมเคยบอกก่อนหน้านี้ ผมจะโอนหุ้น 5% ให้น้อง และหลังจากเรียนจบผมจะให้น้องเข้าไปช่วยงาน ตอนนี้ผมกำลังจะ

เริ่มทำโครงการใหม่ Happy Mart”ปืนมองหน้าอธิพจน์ที่รู้เรื่องนี้อยู่ก่อนแล้ว อธิพจน์นั่งฟังเงียบๆได้แค่พยักหน้าเบาๆ เขาจะทำ

อะไรได้ ในเมื่อตกลงกับลูกชายแล้วว่าถ้าสามารถกู้วิกฤต Happy Mall ได้สำเร็จเขาก็จะไม่ยุ่งทุกเรื่องของลูกชาย

ปรีญารัตนนั่งฟังมองใบหน้าของพ่อที่ไม่พูดอะไรสักคำ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ เธอไม่พอใจ ทำไมหุ้น 5% นั่นไม่ใช่ของเธอแต่กลับ

เป็นของไอ้เด็กเหลือขอนี่ ก่อนหน้านี้ที่เธอจะเข้าไปช่วยงานที่บริษัทพี่ชายยังไม่ดีใจ หรือกระตือรือร้นอยากให้เธอไปช่วยงาน

อย่างนี้เลย เธอรู้สึกว่านั่งทนอยู่ในบรรยากาศแบบนี้ไม่ไหว“ขอตัวก่อนนะคะ รู้สึกไม่ค่อยสบาย”รู้สึกว่าหายใจเอาอากาศเดียวกับ

ไอ้เด็กนี่แล้วรู้สึกแทบอยากอาเจียนออกมาให้ได้

เดินออกไปข้างนอก ด้วยความรู้สึกกระวนกระวายใจ ปรีญารัตนหยิบกิ่งไม้แห้งขึ้นฟาดกับต้นไม้ดอกไม้ในสวนเพื่อระบายอารมณ์

ความรู้สึกอึดอัดในใจ”นี่แน่ะ นี่แน่ะ แก ตายซะเถอะ ไอ้เด็กบ้า ไอ้เด็กเหลือขอ ทำไมแกไม่ตายตายไปนะ ทำไม ไม่ใช่แค่พี่ชาย

ของเธอ พ่อกับแม่ก็คอยเห็นมันดีไปด้วย”ไม่ได้การแล้วเธอต้องทำอะไรซักอย่าง เธอไม่แพ้มันหรอก หยิบโทรศัพท์ออกมาจาก

กระเป๋ากดโทรศัพท์ โทรออกไป

“แพรนี่ฉันเอง แกรู้ไหมว่าพี่ปืนพาแฟนมาที่บ้าน ไม่พอยังพาไอ้เด็กคนนั้นมาด้วย”เธอหยุดฟังปลายสายพูด“แล้วไง แกพูด ว่า

แล้วไง แกรู้ไหมว่า ไอ้เด็กนั่นแม่บอกว่ามันเป็นญาติกับฉัน แล้วแค่นั้นยังไม่พอพี่ปืนพี่ชายฉันยังยกหุ้น 5% ให้มันแทนที่จะยกหุ้น

นั้นให้ฉัน คอยดูนะคราวนี้ฉันไม่ปล่อยมันไว้แน่ครั้งก่อนแค่ขู่แต่ครั้งหน้าของจริง ไม่มันก็ฉันต้องตายกันไปข้าง”เธอวางสายไป

แล้วใบหน้ามีรอยยิ้มขึ้นมาแต่เต็มไปด้วยอารมณ์โกรธเกลียด

 ใกล้ๆกันมีคนแอบฟังเรื่องราวที่ปรีญารัตนคุยผ่านโทรศัพท์ ดวงตาสีเข้มมองตามร่างคนที่คุยโทรศัพท์เมื่อครู่เดินหายเข้าไปใน

บ้าน ริมฝีปากเม้มเข้าหากัน ถ้าไม่ได้ยินเรื่องที่ปรีญารัตนคุยผ่านโทรศัพท์เมื่อครู่ก็คงไม่รู้ว่าใครที่ต้องการทำร้ายเขา การที่อยู่

เฉยๆไม่ได้แปลว่าใครจะเข้ามาหาเรื่องก็ได้ เขาไม่ได้เป็นคนดีขนาดนั้นยิ่งถ้ารู้ว่าใครคือคนทำร้ายแล้วด้วย

“พี่เทนนิสมายืนทำอะไรตรงนี้”

“มาเดินย่อย พอดีกินเยอะไปหน่อย กับข้าวอร่อยทุกอย่างเลย”

“ใช่ คุณป้าทำกับข้าวอร่อยจริงๆ ธารก็กินไปเยอะเหมือนกัน”รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เรื่องยังไงไม่รู้เพราะเธอทำกับข้าวไม่เป็น ทั้งที่

แม่ของเธอก็เคยสอนแต่ทำออกมากลับไม่ได้เรื่อง

“เป็นไงบ้างรู้สึกเป็นยังไง”

“ดีกว่าที่คิดไว้ คุณลุงคุณป้าน่ารัก”โดยเฉพาะคุณป้าที่คอยสนใจถามโน่นถามนี่เรื่องของเธอ ถึงคุณลุงจะนั่งเงียบไม่ค่อยพูด และ

น้องสาวพี่ปืนที่ดูเหมือนไม่ค่อยเป็นมิตรแต่โดยรวมของการมาพบผู้ใหญ่ครั้งแรกก็ดีกว่าที่คิดไว้เยอะ


   วันหยุดพักผ่อนผ่านไปวันทำงานเริ่มต้นอีกครั้ง เทนนิสตื่นขึ้นมาทำอาหารเช้าง่ายๆ อย่างแซนวิซ เขาใช้ขนมปังโฮลเกรน

แผ่นหนาทาด้วยน้ำสลัดทูน่า วางบาโลน่าหมูลงไป ตามด้วยผักกาดแก้วแตงกวาสไลด์ บาโลน่าหมูอีกชั้นและขนมปังทาน้ำสลัด

อีกแผ่นกระกบลงไป จากนั้นเทน้ำผลไม้สดที่ได้จากเครื่องสกัดใส่กระติก เปลี่ยนจากดื่มกาแฟเปลี่ยนมาดื่มน้ำผลใม้สกัดสดเพื่อ

สุขภาพบ้างก็ดี จัดของใส่ตระกร้าร่างสูงแต่งตัวเรียบร้อยเดินออกมาจากห้อง

“วันนี้ทำอะไรให้กิน”

“แซนวิซกับน้ำผลไม้ ลองใช้เครื่องสกัดที่พี่ซื้อมาให้”

“อืม ตื่นแต่เช้ามาทำกับข้าวเหมือนแม่บ้านเลย”   

“ผมว่าเหมือนพ่อบ้านก็พอมั้ง”

ธีรภัทรยิ้มให้คนตรงหน้าแล้วกดจมูกลงบนแก้มใส คนถูกฉวยโอกาสค้อนให้


   เช้าวันทำงานผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลังพักเที่ยงเสร็จทุกคนกลับเข้าทำงานปกติ เทนนิสเดินส่งเอกสารไปตามแผนกต่างๆ

“เอกสารพี่หมวยเซนต์รับด้วยครับ”

“แปบนะ พี่หยิบปากกาก่อน”

“นั่นพี่ดูอะไรอยู่ครับ”

“อ๋อ พี่ดูเทคนิคการแต่งหน้าเขียนคิ้ว เดียวนี้อยากรู้อะไรเกี่ยวกับความสวยความงามแค่คลิกเดียวมีให้ดูหมดทุกอย่าง”

“ผมว่าผู้หญิงในคลิปเขาดูสวยอยู่แล้ว ไม่ต้องทำอะไรมากก็สวยอยู่แล้วรึเปล่าครับ”

“คิดเหมือนพี่เลย แต่ถ้าหน้าตาไม่ดีใครเขาจะอยากดู”

“อาจจะริงอย่างที่พี่พูด แต่หน้าตาดีนิสัยแย่ แบบนั้นก็ไม่ไหวนะครับ”พูดแล้วคิดถึงญาติของเขาที่หน้าตาสวยแต่นิสัยไม่เหมือน

หน้าตา ไม่รู้ว่าเธอจะทำอะไรอีกบ้าง

“พี่ก็คิดเหมือนเรา เหมือนที่เรากำลังทำงานกันอยู่ หน้าตาอาจมีส่วนช่วยในบางเรื่องแต่ไม่ใช่ทั้งหมด เขาวัดกันที่ผลงาน ความ
สามารถ”

“ครับ”

“เออ แล้วแผนกเรางานปีใหม่บริษัทจะทำการแสดงอะไร”

“แอบสืบความลับแผนกจากผมหรือครับ ถามไปก็ไม่ได้อะไรหรอกครับ เพราะผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”

“อ้าว เป็นงั้นไป”

“แล้วรางวัลการแสดงนี่ได้เยอะไหมครับ”

“เยอะเหมือนกันนะ แต่อย่ามาถามแผนกที่ไม่เคยชนะมาก่อนเลย”พูดแล้วมันเศร้า”แต่ทุกคนจะลุ้นรางวัลต่างกายแฟนซีมากกว่ามี

ทั้งแต่งแบบทีม แบบเดี่ยวนะ”

มิน่าพนักงานสาวๆหลายคนคุยกันเรื่องไปหาเช่าชุดแฟนซีสวยสวยกัน เทนนิสเดินเอกสารเรียบร้อยกลับไปนั่งทำงานที่โต๊ะ เขา

รวบรวมรูปถ่ายเอกสารกิจกรรม ผลสำรวจแบบประเมิน กิจกกรมที่สามเพื่อดูผลตอบรับเบื้องต้น


   นั่งทำงานจนเพลินเสียงสัญญาณเลิกงานดังขึ้น ถึงได้เงยหน้าขึ้นจากหน้าจอ วีร์มานั่งคุยกับเพื่อนสักพักก็กลับ เหมือน
พนักงานคนอื่น

   
   อุณหภูมิค่อยค่อยลงลด หลายจังหวัดได้สัมผัสอากาศหนาว ทะเลหมอกและน้ำค้างแข็งในตอนเช้าบนยอดเขาสูง ในเมือง

หลวงเสื้อกันหนาวแฟชั่นใหม่ออกมาวางขาย วันหยุดสิ้นปีประกาศออกมาอย่างเป็นทางการหลายคนวางแผนไว้แล้วเรียบร้อย

หลายคนเลือกเดินทางออกต่างจังหวัด การฝึกประสบการณ์ของเทนนิสและเพื่อนสิ้นสุดลงแล้ว หลายคนโห่ร้องออกมาด้วยความ

ดีใจ รอผลประเมินที่ทางบริษัทไปฝึกงานส่งมาให้มหาวิทยาลัย และส่งเล่มรายงานหลังจากฝึกงานเสร็จ ทางมหาวิทยาลัย

ประกาศวันสอบออกมาแล้วสองสัปดาห์ก่อน เขาและเพื่อนวิ่งวุ่นส่งงานเกือบทั้งสัปดาห์ และจะเริ่มสอบวิชาแรกในวันพรุ่งนี้ คน

ขยันกำลังตั้งใจอ่านหนังสืออยู่บนโต๊ะ ร่างสูงเปิดประตูเข้ามาในห้องวางแก้วนมอุ่นบนโต๊ะ

“พักหน่อยไหม พี่เห็นเราอ่านมาหลายชั่วโมงแล้ว”มือหนาวางที่ไหล่อีกฝ่ายบีบนวดคลึงเบาๆ

“สบาย จังเลย”เพิ่งรู้ว่ามีแฟนเป็นหมอนวด

“ถ้าเหนื่อยก็พักก่อน ตอนนี้พี่มีแฟนเป็นหมีแพนด้าแล้ว”นิ้วเรียวลูบไปบนขอบตาที่บวมช้ำเพราะอดนอนติดต่อกันหลายวัน สภาพ

เขาตอนนี้คงแย่น่าดู ใครใช้ให้ต้องส่งรายงานหลายชิ้นก่อนสอบกัน ไม่พอยังเป็นรายงานที่ต้องเขียนด้วยมืออีก อย่างนี้มันฆ่ากัน
ทางอ้อมชัดๆ

“อีกนิดครับ เดี๋ยวจะจบแล้ว”รู้สึกเพลียเหมือนกันคอยดูพรุ่งนี้สอบเสร็จจะรีบกลับมานอน นอน และก็นอน

“อืม” นี่ขยันขนาดนี้ กะจะเอาเกียรตินิยมเลยรึไง

“ถ้าง่วงนอนก่อนได้เลยครับ ไม่ต้องรอ”

ธีรภัทรนอนบนเตียงเอนหลังพิงหมอนนั่งมองคนขยัน“หลังเรียนจบ คิดไว้แล้วรึยังว่าจะทำอะไร”

“อือ ผมจะไปทำงานช่วยพี่ปืน กำลังจะทำ Happy Mart”

“Happy Mart”

“ใช่ Happy Mart ตอนนี้แผนงานส่วนหนึ่งเรียบร้อยแล้ว”เทนนิสปิดหนังสือแล้วลงไปนอนข้างๆคนตัวโต

“เหมือนถูกทิ้ง”

“แค่ไปทำงานกับพี่ เลิกงานก็กลับมาเจอกัน วันหยุดก็ไปเที่ยวกัน”

ไม่มีอะไรแค่ไม่อยากให้น้องไปอยู่กับไอ้พี่ชายหวงน้องเท่านั้นไม่รู้ว่าจะเล่นตลกอะไรอีก“ทำงานแล้วเก็บเงิน มาขอพี่นะจะบอก

แม่ไว้ไม่ให้เอาค่าสินสอดเยอะๆ”

“บอกแม่ยกให้ฟรีไม่ได้หรอ”เทนนิสเลื่อนมือไปหยิกแก้มอีกฝ่ายอย่างหมั่นเคี่ยว

แหม พูดเหมือนไปขอลูกหมาอย่างงั้นแหล่ะ”ให้พี่หอบกระเป๋าหนีตามไปเลยไหม อ้าว หลับไปแล้ว นอนดึกมาหลายวันแล้วนี่นา

ราตรีสวัสดิ์ ที่รัก”ริมฝีปากหนากดลงบนหน้าผากเนียน


   ธีรภัทรขับรถออกมาจากบริษัทมารับเทนนิสที่มหาวิทยาลัย วันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้าย ส่วนที่บริษัทคืนนี้มีงานเลี้ยงปีใหม่

ก่อนจะปิดยาวถึงปีใหม่ ตอนสายนิมนต์พระมาฉันภัตรตาหารเพลที่บริษัท จากนั้นปล่อยให้พนักงานเตรียมตัวสำหรับงานคืนนี้ เขา

ตั้งใจมารับอีกฝ่ายไปเตรียมตัวไปงานคืนนี้ด้วยกัน เลี้ยวรถเข้าไปในคณะลานจอดรถปกติที่มีรถจอดอยู่เต็มวันนี้ดูโล่ง ดูเหมือนว่า

วันนี้สอบวันสุดท้ายของมหาวิทยาลัยแล้ว จอดรถเสร็จแล้วเขานั่งรออีกฝ่ายอยู่ในรถ คอยชะเง้อมองหาอีกฝ่ายว่าสอบเสร็จแล้วรึ

ยัง รอไม่นานเห็นเทนนิสเดินลงมาจากอาคารเรียน ยืนคุยกับกลุ่มเพื่อนสนิทสองสามคนไม่รู้ว่าพูดอะไรแล้วก็แยกกันเดินตรงมาที่
รถ

“บรี้น บรี้นนนนนนนนนน”

ธีรภัทรนั่งอยู่ในรถได้เสียงแตรรถดังขึ้น เกิดลางสังหรณ์ใจไม่ดีเขารีบลงมาจากรถ”เทนนิส”ริมฝีปากหนาขยับแทบไม่มีเสียงออก

มา เขาวิ่งเข้าไปดูคนที่นั่งกองอยู่บนพื้น“เทนนิส”ธีรภัทรเรียกคนที่นั่งอยู่”เป็นอะไรมากไหม”สำรวจตามเนื้อตัวที่มีแผลถลอกและ

เลือดไหลหลายที่

“โอ๊ย พี่ธีร์”คนเจ็บร้องออกมาเมื่อถูกจับที่แขน

“เป็นอะไรมากไหม”

“เจ็บแขน”

“เทนนิสเป็นอะไรมากไหม”วีร์กำลังจะไปขึ้นรถแต่ได้ยินเสียงรถบีบแตรดังหันกลับมาเห็นเพื่อนนั่งกองอยู่กับพื้น เลยรีบวิ่งเข้ามา

ดู”พี่ธีร์พามันไปส่งโรงพยาบาลดีกว่า”

“ลุกไหวไหม”

คนเจ็บพยักหน้า ร่างสูงรีบอุ้มไปที่รถแล้วตรงไปที่โรงพยาบาล

   หมอทำแผลตรวจร่างกายคนเจ็บเรียบร้อยแล้ว เทนนิสถูกพามาพักที่ห้อง ถึงดูภายนอกแผลไม่ร้ายแรงเท่าไหร่ เอ็กเรย์

ร่างกายแขนซ้ายหักต้องใส่เฝือกสักระยะ สแกนสองไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่หมออยากให้นอนดูอาการสักคืน ธีรภัทรโล่งใจขึ้น

เมื่อเห็นคนเจ็บเข้ามาในห้อง เขาเข้าไปถามอาการคนป่วยจากหมอ แล้วลงไปหาซื้ออะไรให้คนป่วยก่อนกินยาเพราะเทนนิสไม่

ชอบอาหารโรงพยาบาลที่เตรียมให้ ธีรภัทรกลับเข้าห้องมาอีกครั้งเห็นคนป่วยนอนดูโทรทัศน์อยู่ เขาจัดการเทข้าวต้มใส่ถ้วยให้
คนป่วย

“กินรองท้องก่อนกินยา ตัวเริ่มร้อนแล้วคงจะมีไข้”มือหนาวางบนหน้าผากมน เลื่อนมาจับแก้มนุ่มที่เริ่มร้อนเพราะพิษไข้

“ปวดตามเนื้อตามตัวด้วย”คนป่วยกินข้าวต้มอย่างว่าง่าย อย่างน้อยก็รสชาติดีกว่ากับข้าวโรงพยาบาลเป็นไหนๆ นั่งกินข้าวอยู่

โทรศัพท์อีกฝ่ายดังขึ้น เห็นคุยได้ไม่นานก็วาง“มีธุระหรอครับ”

“ตำรวจโทรมา บอกว่าจับคนร้ายได้แล้ว”คราวนี้ทำงานได้เร็วดี คงเพราะหลักฐานที่เขาให้คนคอยตามสืบมาด้วย ธีรภัทรมองคน

เจ็บอย่างเป็นห่วงรู้ว่าใครเป็นคนจ้างวานให้ลงทำร้ายคนรัก

“ดีที่ผมเห็นรถเก่งคันนั้นก่อนไม่งั้นเจ็บหนักกว่านี้แน่”ดูเหมือนว่าคนร้ายอยากให้เขาตาย

“พี่บอกเพื่อนเราแล้วว่าเราไม่เป็นอะไรมาก ไม่ต้องแห่กันมาเยี่ยม”มือหนาลูบแก้มใส ที่ดูซีดและตัวร้อน

“ขอบคุณครับ แล้วงานคืนนี้จะเอาไงครับ”ดูสภาพตัวเองแล้วคงแบกสังขารไปงานด้วยไม่ได้ อุส่าว่าจะกินของอร่อยซะหน่อยแต่ก็
อดเลย

“อยากไปรึไงเรา”

“ก็อยากไปอยู่แต่สภาพนี้คงไม่ไหว”

“แฟนซีใส่เฝือกไง”

ล้อเล่นรึไง“ผมว่าปีใหม่จะไปไหว้พระทำบุญบ้าง เข้าออกโรงพยาบาลหลายรอบแล้วรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่”

“ดีเหมือนกัน”เขาก็รู้สึกไม่ค่อยดีที่เห็นอีกฝ่ายเสียเลือดบ่อยๆ”กินข้าวแล้วกินยาจะได้นอนพัก พี่จะไปคุยกับตำรวจหน่อยแล้วจะ

รีบกลับมาเฝ้า”

“ครับ”ธีรภัทรปรับเตียงให้คนป่วย ดึงผ้าห่มให้ กดจมูกลงบนหน้าผาก แล้วเดินออกไปจากห้อง

   หลับไปได้สักพักได้ยินเสียงคนคุยกันในห้อง ไม่รู้ว่าคุยอะไรอยู่แต่เสียงดังจนคนที่หลับอยู่ต้องตื่นขึ้นมาดูว่าใคร คนป่วย

ตื่นขึ้นมามองไปรอบๆห้องเห็นคนรักและพี่ชายยืนคุยกันอยู่

“พี่ปืน มาได้ไง”

“เป็นไงบ้างเรา”ปืนเดินมายืนข้างเตียงน้องชาย เห็นคนป่วยแล้วรู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด

“ไม่ค่อยดีเท่าไหร่”

“พี่รู้เรื่องทั้งหมดแล้ว ตอนนี้พ่อกับแม่กำลังไปทำเรื่องประกันตัวเปรียวออกมา”รู้สึกผิดที่น้องสาวตัวดีคิดจะฆ่าญาติตัวเอง รู้ว่า

น้องชายถูกรถชนจนต้องมานอนโรงพยาบาล แถมได้ยินมาว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกปรีญารัตนจ้างวานคนมาทำร้าย”ไม่ต้องห่วงนะ

พี่จะไม่ให้เปรียวมาทำร้ายเราอีก”

คนป่วยหันไปมองร่างสูงยืนกอดอกทำหน้าตาไม่สบอารมณ์อยู่ข้างเตียง ไม่รู้ว่าสองคนนี้คุยอะไรกันอยู่แต่ท่าทางเครียดน่า

ดู“ครับ”

“พี่ขอโทษแทนเปรียวด้วย หลักฐานพยานมัดตัวแน่นข้อหาจ้างวานโทษหนักทีเดียว”

“ไม่ใช่ความผิดของพี่นี่ ไม่ต้องคิดมาก”

“ไม่รู้ว่าอะไรทำให้เปรียวกลายเป็นคนแบบนี้ไปได้ แต่คนทำความผิดก็คงต้องรับโทษที่ทำไว้”

ปืนขอบใจน้องชายที่เข้าใจ เขาปล่อยให้คนป่วยพักผ่อนแล้วกลับไปหาพ่อกับแม่ที่กำลังทำเรื่องประกันตัวน้องสาว


   วันต่อมาคนป่วยอาการดีขึ้นร่างกายไม่มีอาการผิดปกติ หมออนุญาตให้กลับได้ กลับมาถึงห้องเทนนิสคุยกับเพื่อนผ่านโซ

เชียบเอฟบอกอาการป่วยว่าดีขึ้นแล้วไม่เป็นห่วง ส่วนเรื่องคนร้ายปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจจัดการ เขาอัพเดทข่าวสารเห็นพี่

ที่บริษัทฝึกงานโพสตข้อความลงว่าได้ของขวัญปีใหม่เป็นอะไรบ้าง เห็นภาพที่แต่ละคนเอาลงแล้วอิจฉา


   ผ่านไปหนึ่งวันนอนพักผ่อนอยู่ห้องตั้งแต่เช้าถึงเย็นแถมมีคนคอยดูแลอย่างดี อาการปวดเมื่อยและไข้ก็ลดลง

วันต่อมาเทนนิสไปให้ปากคำกับทางตำรวจมีธีรภัทรไปเป็นเพื่อน เสร็จจากนั้นไปทำบุญที่วัดแล้วกลับบ้าน

   เช้าวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่มาถึง อุณหภูมิลดลงอีกอากาศในตอนเช้าหนาวเย็น จนทำให้เทนนิสขยับตัวเล็กน้อยพลิก

ตัวเข้าไปหาคนนอนข้างๆ

“หนาวหรอ”ธีรภัทรกอดคนต้องการความอบอุ่นไว้

“นิดหน่อย”ได้กอดคนข้างๆแล้วรู้สึกอุ่นขึ้นเยอะเลย

“วันนี้ไปไหว้แม่พี่กัน”

“อือ ผมยังไม่ได้เตรียมของขวัญเลย”ของขวัญแฝดก็ยังไม่ได้เตรียม แต่ของพี่ผมมีแล้ว

“ไม่เป็นไรหรอก แม่พี่มีเรื่องจะคุยด้วย”คนนอนอยู่เงยหน้ามองคนตัวโตที่ลูบแผ่นหลังเขาอยู่”เรื่องของเรา”ฟังดูแล้วรู้สึกกลัวอยู่

บ้างที่ต้องไปเจอคุณป้าในฐานะคนรักลูกชายของท่าน ไม่รู้ว่าจะเป็นยังบ้าง เวลานี้เขาเข้าใจความรู้สึกของธารรพีแล้ว


   เย็นวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่เทนนิสนั่ง รวมกินข้าวกับครอบครัวของธีรภัทร ก่อนหน้านี้เขาได้ขึ้นไปคุยกับทิพวรรณบน
ห้อง

“แม่รู้เรื่องเราทั้งคู่แล้ว ตอนแรกก็ตกใจอยู่บ้าน แต่เห็นว่าตาธีร์โตแล้ว”

“ขอบคุณครับแม่ที่เข้าใจ”

หญิงสูงวัยหนักใจอยู่บ้างเรื่องความรักที่ไม่ปกติของลูกชาย แต่เห็นลูกชายที่เปลี่ยนไปหลายก็เข้าใจ เรื่องความรักมันบังคับกัน

ไม่ได้”แม่ไม่มีอะไรจะให้ มีแค่สร้อยพระ”เธอหยิบสร้อยพระที่เตรียมไว้สวมให้คนละเส้น ให้พระช่วยคุ้มครอง”เทนนิสเอาลูกชาย

แม่ไปแล้วดูแลพี่เขาให้ดีนะลูก หนักนิดเบาหน่อยก็อภัยให้กัน มีอะไรค่อยพูดค่อยจา”

“ครับ”ตอบรับแล้วหันไปมองคนข้างๆ เห็นธีรภัทรหยิบแหวนออกมาจากกล่องกำมะหยี่ จับมือขาวมาแล้วสวมแหวนทองคำขาวให้

อีกฝ่าย

“พี่จองไว้ก่อน กลัวคนมาแย่งไป”เทนนิสยิ้มให้คนสวมแหวน”ขอบคุณครับ”

“สวมแหวนให้พี่ด้วยสิ”เทนนิสหยิบแหวนในกล่องอีกวงสวมให้อีกฝ่าย ดูไปแล้วเหมือนงานแต่งงานยังไงไม่รู้ และยังมีคุณแม่ช่วย

เป็นพยาน


   อาหารมื้อค่ำผ่านไปอย่างอบอุ่น เทนนิสเอาของขวัญที่เตรียมมาให้แฝด เด็กๆดีใจที่ได้ของขวัญ ธีรภัทรพาเทนนิสขึ้นไป
บนห้อง

   เทนนิสเดินสำรวจห้องนอนคนรักแล้วเดินออกไปนอกระเบียง เหมือนมองจากตรงนี้จะเห็นห้องของเขาพอดีไม่รู้คิดไปเองรึ
เปล่า

“มายืนข้างนอกไม่หนาวหรอ”ร่างสูงกอดอีกฝ่าย

“นิดหน่อยครับ นี่มองจากตรงนี้เห็นห้องผมพอดีเลย”

“หึ หึ ใช่”

“วันนี้ของปีที่แล้ว เรายังเป็นแค่เพื่อนบ้านกัน ผมยังได้ไปนอนที่คอนโดพี่ แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นแฟนแล้ว”

“อืม เดี๋ยวปีหน้าก็จะได้เป็นเมียพี่แล้ว”

“ดึกแล้วผมกลับก่อนนะ”

ธีรภัทรยิ้มเมื่อรู้ความคิดอีกฝ่าย“วันนี้นอนที่นี่นะ”

“ก็..ก็ได้”เทนนิสตอบเสียงค่อย

ธีรภัทรกอดอีกฝ่ายไว้แน่นกลัวว่าจะหนาว ใครจะรู้ว่าเด็กหนุ่มในอ้อมกอดเขาคนนี้ จะทำให้เขาที่ไม่สนใจเรื่องอื่นนอกจากทำงาน

ได้มารู้จักความรัก ทั้งสองยืนมองท้องฟ้าในคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ จนเข้าสู่วันแรกของปี

“พี่รักเรานะ”คำพูดบอกรักดังข้างหู

“ผมก็รักพี่ธีร์เหมือนกัน”บอกรักคนตรงหน้าออกไป ริมปากบางก็ถูกริมฝีปากอีกฝ่ายประกบลงมา เป็นจูบที่เนิ่นนาน อบอุ่น

เป็นคำสัญญาว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไรแต่พวกเขาทั้งคู่ จะทำช่วงเวลาของทุกวันให้มีความสุขตลอดไป



********************************************************************

จบแล้วจ้า
[/size]

หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที 16 ] 8/08/2560 [The End]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 08-08-2017 12:28:50
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที 16 ] 8/08/2560 [The End]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 12-08-2017 10:00:44
 :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที 16 ] 8/08/2560 [The End]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 15-08-2017 20:32:27
เพิ่งเข้ามา อ่านรวดเดียวจบ สนุกใช้ได้เลย
แต่มีหลายจุดที่ทำให้สะดุด ตอนต้นดูยืดๆ พอท้ายๆก็ดูรวบรัดซะงั้น

ถ้าจะรวมเล่ม มีจุดที่ต้องแก้เยอะเลย ที่ส่งให้ดูเป็นตัวอย่าง ที่เจอจากหน้า 3
เช่น
พิมพ์ผิด
เอ็กเรย์ ร่างกายแขนซ้ายหักต้องใส่เฝือกสักระยะ สแกนสองไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง >> เอ็กซ์เรย์ - สมอง
พิมพ์ซ้ำในจุดที่ควรใช้ ๆ ไม้ยมก
อยู่อยู่ก็มีคนเดินเข้าทัก >> อยู่ๆ ก็มีคนเดินเข้าทัก
ทำไมแกไม่ตายตายไปนะ >> ทำไมแกไม่ตายๆ ไปนะ
อุณหภูมิค่อยค่อยลงลด >> อุณหภูมิค่อยๆ ลดลง

พิมพ์ตัวละครผิด
เนื้อหาบางตอน งง ว่าไปไงมาไง ทำไมได้ง่ายๆ
ปืนไปแก้กันเมื่อไหร่ >>>>ในเมื่อตกลงกับลูกชายแล้วว่าถ้าสามารถกู้วิกฤต Happy Mall ได้สำเร็จเขาก็จะไม่ยุ่งทุกเรื่องของลูกชาย

อ่านแล้วขัดๆ
“แล้วไง แกพูด ว่า แล้วไง แกรู้ไหมว่า ไอ้เด็กนั่นแม่บอกว่ามันเป็นญาติกับฉัน แล้วแค่นั้นยังไม่พอพี่ปืนพี่ชายฉันยังยกหุ้น 5% ให้มันแทนที่จะยกหุ้นนั้นให้ฉัน คอยดูนะคราวนี้ฉันไม่ปล่อยมันไว้แน่ครั้งก่อนแค่ขู่แต่ครั้งหน้าของจริง ไม่มันก็ฉันต้องตายกันไปข้าง”
“แล้วไง แกรู้ไหม แม่บอกว่าไอ้เด็กนั่น มันเป็นญาติกับฉัน แค่นั้นยังไม่พอพี่ฉันยังยกหุ้นให้มันแทนที่จะยกหุ้นให้ฉัน คอยดูนะคราวนี้ฉันไม่ปล่อยมันไว้แน่ ครั้งก่อนแค่ขู่แต่ครั้งหน้าของจริง ไม่มันก็ฉันต้องตายกันไปข้าง”

อ่านแล้วไม่เข้าใจ ธีรภัทร ก็นั่งมองอยู่ ทำไมกลายเป็นได้ยินเสียงแตร  น่าจะเป็นว่ามองเห็นรถวิ่งเฉี่ยวชนเทนนิส แล้วถ้าได้ยิน ก็น่าจะเป็นเสียงเร่งเครื่องหรือเสียงเบรค

รอไม่นานเห็นเทนนิสเดินลงมาจากอาคารเรียน ยืนคุยกับกลุ่มเพื่อนสนิทสองสามคนไม่รู้ว่าพูดอะไรแล้วก็แยกกันเดินตรงมาที่รถ

“บรี้น บรี้นนนนนนนนนน” <<< เสียงเร่งเครื่อง

ธีรภัทรนั่งอยู่ในรถได้เสียงแตรรถดังขึ้น เกิดลางสังหรณ์ใจไม่ดีเขารีบลงมาจากรถ”เทนนิส”ริมฝีปากหนาขยับแทบไม่มีเสียงออกมา

หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที 16 ] 8/08/2560 [The End]
เริ่มหัวข้อโดย: jaengsRU ที่ 21-08-2017 19:00:33
เพิ่งเข้ามา อ่านรวดเดียวจบ สนุกใช้ได้เลย
แต่มีหลายจุดที่ทำให้สะดุด ตอนต้นดูยืดๆ พอท้ายๆก็ดูรวบรัดซะงั้น

ถ้าจะรวมเล่ม มีจุดที่ต้องแก้เยอะเลย ที่ส่งให้ดูเป็นตัวอย่าง ที่เจอจากหน้า 3
เช่น
พิมพ์ผิด
เอ็กเรย์ ร่างกายแขนซ้ายหักต้องใส่เฝือกสักระยะ สแกนสองไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง >> เอ็กซ์เรย์ - สมอง
พิมพ์ซ้ำในจุดที่ควรใช้ ๆ ไม้ยมก
อยู่อยู่ก็มีคนเดินเข้าทัก >> อยู่ๆ ก็มีคนเดินเข้าทัก
ทำไมแกไม่ตายตายไปนะ >> ทำไมแกไม่ตายๆ ไปนะ
อุณหภูมิค่อยค่อยลงลด >> อุณหภูมิค่อยๆ ลดลง

พิมพ์ตัวละครผิด
เนื้อหาบางตอน งง ว่าไปไงมาไง ทำไมได้ง่ายๆ
ปืนไปแก้กันเมื่อไหร่ >>>>ในเมื่อตกลงกับลูกชายแล้วว่าถ้าสามารถกู้วิกฤต Happy Mall ได้สำเร็จเขาก็จะไม่ยุ่งทุกเรื่องของลูกชาย

อ่านแล้วขัดๆ
“แล้วไง แกพูด ว่า แล้วไง แกรู้ไหมว่า ไอ้เด็กนั่นแม่บอกว่ามันเป็นญาติกับฉัน แล้วแค่นั้นยังไม่พอพี่ปืนพี่ชายฉันยังยกหุ้น 5% ให้มันแทนที่จะยกหุ้นนั้นให้ฉัน คอยดูนะคราวนี้ฉันไม่ปล่อยมันไว้แน่ครั้งก่อนแค่ขู่แต่ครั้งหน้าของจริง ไม่มันก็ฉันต้องตายกันไปข้าง”
“แล้วไง แกรู้ไหม แม่บอกว่าไอ้เด็กนั่น มันเป็นญาติกับฉัน แค่นั้นยังไม่พอพี่ฉันยังยกหุ้นให้มันแทนที่จะยกหุ้นให้ฉัน คอยดูนะคราวนี้ฉันไม่ปล่อยมันไว้แน่ ครั้งก่อนแค่ขู่แต่ครั้งหน้าของจริง ไม่มันก็ฉันต้องตายกันไปข้าง”

อ่านแล้วไม่เข้าใจ ธีรภัทร ก็นั่งมองอยู่ ทำไมกลายเป็นได้ยินเสียงแตร  น่าจะเป็นว่ามองเห็นรถวิ่งเฉี่ยวชนเทนนิส แล้วถ้าได้ยิน ก็น่าจะเป็นเสียงเร่งเครื่องหรือเสียงเบรค

รอไม่นานเห็นเทนนิสเดินลงมาจากอาคารเรียน ยืนคุยกับกลุ่มเพื่อนสนิทสองสามคนไม่รู้ว่าพูดอะไรแล้วก็แยกกันเดินตรงมาที่รถ

“บรี้น บรี้นนนนนนนนนน” <<< เสียงเร่งเครื่อง

ธีรภัทรนั่งอยู่ในรถได้เสียงแตรรถดังขึ้น เกิดลางสังหรณ์ใจไม่ดีเขารีบลงมาจากรถ”เทนนิส”ริมฝีปากหนาขยับแทบไม่มีเสียงออกมา



ขอบคุณสำหรับความคิดเห็น ชอบอ่ะ แสดงว่าจริงๆ (ปลื้มมาก)
แล้วจะเก็บไปแก้ไขนะคะ
หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [The End] แจ้งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: jaengsRU ที่ 04-08-2018 20:04:02
Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก ในรูปแบบ E-book

(https://www.picz.in.th/images/2018/08/03/BwR2pz.md.png)

+++ ปรับปรุงเนื้อหา
+++ ส่งพิสูจน์อักษร จัดหน้า
+++ ขนาด A5 จำนวน 500+ หน้า
+++ ตอนพิเศษ 3 ตอน
+++ ไฟล์ pdf , epub
[/size]

สนใจจิ้มที่นี่เลยจ้า
https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=76286&page_no=1 (https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=76286&page_no=1)
หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที 16 ] 8/08/2560 [The End]
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 05-08-2018 17:26:27
 :pig4: :pig4: :pig4: ขอบคุณมากๆค่ะสำหรับนิยายสนุกๆและอบอุ่นแต่เราว่าช่วงท้ายดูรวบรัดไปหน่อยนะคะแบบมันงงๆไปหน่อยจนขาดอารมณ์ไปช่วงจะจบเหมือนตัดบทไปเร็วถ้าปรับช่วงท้ายจะสมูทขึ้นดีมากๆเลยค่ะ ชอบคู่แฝดเป็นพิเศษน่ารักมากกกกกเอ็นดูแรงและสายไหมตัวป่วน ส่วนคู่หลักไม่ต้องพูดถึงแพรวพราวกันมาก  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที 16 ] 8/08/2560 [The End]
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 15-03-2021 13:09:55
 :-[
หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที 16 ] 8/08/2560 [The End]
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 29-03-2021 18:57:12
ก็สนุกดีนะคะ แต่บางตอนก็งงๆอยู่บ้างแต่โดยรวมก็ยังสนุกดีค่ะ
หัวข้อ: Re: Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก [ตอนที 16 ] 8/08/2560 [The End]
เริ่มหัวข้อโดย: PanGii ที่ 02-04-2021 03:32:10
อ่านแล้วรวดเดียวเลย สนุกนะคะ