กุญแจดอกที่ 15
สรุปว่าเมื่อคืนพญาต้องยอมตามใจปล่อยให้หนูด้วงกับโอบอุ้มนอนที่ห้อง ‘ใต้ชาหมุด’ หรือห้องใต้สมุทรที่หนูด้วงเป็นคนตั้งชื่อห้องให้ แม้พญาจะบอกให้เรียกห้องนั้นว่าวังของเราแต่หนูด้วงก็ยังยืนยันว่านี่มันคือ ‘ห้อนใต้ชาหมุด’ ไม่ใช่ ‘วันขอนเรา’ สุดท้ายทุกคนก็ต้องยอมเรียกห้องที่มีอควาเรียมขนาดเล็กนั้นว่า ‘ห้อนใต้ชาหมุด’ ตามบัญชาของเจ้าน้อยตัวน้อยที่มีฐานะเป็นแม่ของน้องปลาทุกตัวในตู้
วันนี้พญาตื่นตั้งแต่เช้าและบอกให้เทียมฟ้าอยู่ดูแลเด็กๆ ที่บ้านเพราะเขากับก้านจะไปสืบเรื่องลูกค้าที่มิสเตอร์คิมจะเข้ามาส่งยากันที่เกาะใบไม้คราม เทียมฟ้าอยากจะตามไปด้วยแต่ก็รู้ว่าพญาคงไม่ยอมเลยไม่ได้เอ่ยปากขอและยอมอยู่ดูแลเด็กทั้งสองคนตามคำสั่งของพญา
เมื่อก้านมารับพญาไปแล้วเทียมฟ้าก็เข้ามาในครัวเพื่อดูว่าจะทำอะไรให้เด็กๆ กินได้บ้าง แม้ครัวที่นี่จะมีขนาดเล็กแต่ก็มีอุปกรณ์ครบครัน เทียมฟ้าไม่อยากจะเชื่อว่าพญาจะออกแบบเองทุกอย่างแต่ก้านยืนยันว่าพญาออกแบบเองทุกห้อง ซึ่งคำบอกเล่าของก้านทำให้เทียมฟ้าคิดว่าพญามีความสามารถในเรื่องการออกแบบตกแต่งภายใน ไม่ว่าจะบ้าน ตู้ปลาหรือสวนย่อมด้านหลังก็ดูดีและสวยงามอย่างกับจ้างมืออาชีพมาออกแบบให้
“เด็กๆ แต่งตัวเสร็จรึยัง” เทียมฟ้าตะโกนถามโอบอุ้มกับหนูด้วงเพราะว่าจะพาไปทานข้าวที่โรงแรมของนายหัวพยนต์ เนื่องจากเช็คดูแล้วไม่มีของสดติดครัวเลยสักอย่าง
“เสร็จแล้วครับอาน้อง” โอบอุ้มจูงมือหนูด้วงเดินมาหาเทียมฟ้าหลังจากที่แต่งตัวให้หนูด้วงเสร็จแล้ว
“หนูก็เฉ็ดแย้ว”
“หิวไหม” เทียมฟ้าถามหนูด้วง
“หนูหิว แย้วน้อนปลาจะหิวมั้ย” หนูด้วงยังคงเห่อน้องปลาอยู่เลยเป็นห่วงกลัวว่าลูกๆ ของตัวเองจะหิว
“อยากจะขึ้นไปให้อาหารปลาล่ะสิ ต้องรอให้ยุงพญามาก่อนนะครับ เราไปกินข้าวกันก่อนพอกลับมายุงก็น่าจะกลับมาพอดี”
“ก้อได้ก้อได้” หนูด้วงพยักหน้ารับรู้ก่อนจะเดินตามโอบอุ้มและเทียมฟ้าไปขึ้นรถ
ถนอมขับพาเจ้านายทั้งสามคนมาถึงโรงแรมภูมิเทพ เทียมฟ้าโทรมาบอกพเยียเอาไว้ก่อนแล้วว่าจะพาเด็กๆ มาทานอาหารเช้าที่นี่ เมื่อมาถึงพเยียจึงมารอรับหลานทั้งสองคนที่ล็อบบี้ของโรงแรม
“มาหาให้น้าหอมก่อน” พเยียย่อตัวลงไปหอมแก้มของหนูด้วงก่อนจะหันมารับไหว้โอบอุ้ม
“น้องฝากเด็กๆ ไปกับพี่เยียก่อนนะครับ น้องว่าน้องเห็นเพื่อนเดินผ่านไปทางนั้นจะขอไปดูหน่อยว่าใช่หรือเปล่า” เทียมฟ้าคิดว่าตัวเองตาไม่ฝาดเพราะเห็นดนัยเดินไปกับผู้ชายอีกคน
“ได้ค่ะ เสร็จแล้วคุณชายรีบตามมานะคะ เยียให้เชฟของโรงแรมเตรียมอาหารพิเศษเอาไว้ให้เยอะเลย”
“ครับ” เทียมฟ้ารับคำก่อนจะเดินไปตามหาดนัยเพราะอยากรู้ว่าดนัยมาทำอะไรที่นี่
เทียมฟ้าเดินตามมาจนเห็นว่าเป็นดนัยจริงๆ ไม่ผิดตัว ซึ่งอดีตคนรักของเทียมฟ้ากำลังยืนคุยอยู่กับ ‘คีตะ’ อดีตคนรักของมีคุณด้วยท่าทางสนิทสนม แอบยืนดูอยู่พักใหญ่ก็ตัดสินใจเดินกลับมาที่ห้องอาหาร การที่เทียมฟ้าเดินมาแอบดูดนัยไม่ใช่เพราะหึงหวง เขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับดนัยแล้ว จะว่าไปที่ผ่านมาก็ไม่ได้รักดนัยแต่เพราะดนัยช่างเอาอกเอาใจเทียมฟ้าก็เลยตัดสินใจที่จะลองคบด้วย แต่คบไปได้ไม่เท่าไหร่ดนัยก็ออกลายเจ้าชู้แถมยังชอบเล่นการพนันเป็นชีวิตจิตใจ พอหมดตัวก็มายืมเงินเทียมฟ้า แต่เทียมฟ้าเกลียดคนที่ติดการพนันจึงปฏิเสธและขอเลิก ดนัยโกรธที่เทียมฟ้าไม่ยอมช่วยเหลือด้วยความโมโหจึงคิดจะลงมือลงไม้กับเทียมฟ้า แต่คนที่ต้องเจ็บตัวกลับไปไม่ใช่เทียมฟ้าแต่เป็นดนัยที่เจ็บปางตาย เมื่อเทียมฟ้าเห็นดนัยมาที่นี่เลยสงสัย ยิ่งได้เห็นดนัยมาสนิทสนมกับคีตะก็นึกห่วงกลัวว่าคีตะจะโดนดนัยหลอก
“เจอเพื่อนไหมคะ” พเยียถามเทียมฟ้าหลังจากที่อีกฝ่ายเดินกลับมาแล้ว
“เจอครับ เขาน่าจะพักที่นี่ น้องเห็นเขาคุยอยู่กับพี่คิวเลยไม่ได้ไปทัก”
“อ๋อ คุณดนัยเองเหรอคะที่เป็นเพื่อนของคุณชาย คุณดนัยมาพักที่นี่ได้สองอาทิตย์แล้วค่ะ พักห้องสูทเลยนะคะ ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ เยียว่าพี่คิวคงดูแลให้เป็นอย่างดี” พเยียพูดจบก็หัวเราะเพราะคิดว่าเทียมฟ้าคงเข้าใจความหมาย
“อาน้อน หนูเป็นปู้วิเฉด มาดูมาดู” หนูด้วงเรียกเทียมฟ้าให้หันมาสนใจตัวเอง
“ดูอะไรครับ” เทียมฟ้ายิ้มให้คนเรียกก่อนจะมองไปยังจานอาหารที่ตั้งตรงหน้าเด็กน้อย หนูด้วงเอามือเล็กๆ ทั้งสองมือบังจานตรงหน้าของตัวเองอยู่
“แท่นแท๊...หนูเฉกให้ไข่ดาวยิ้มได้ หนูเก่น” เมื่อหนูด้วงเอามือออกจากเทียมฟ้าจึงเห็นว่าหนูด้วงบีบซอสมะเขือเทศเป็นรูปตากับปากลงบนไข่ดาว แม้ตากับปากของไข่ดาวจะบูดเบี้ยวไปบ้างแต่ก็พอมองออกว่าเป็นหน้าคนกำลังยิ้ม
“โห เก่งจังเลยครับ” เทียมฟ้าปรบมือให้หนูด้วงเพื่อให้กำลังใจ คนถูกชมก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จนตาหยี
“แล้วตาโอบจะกลับไปเรียนเมื่อไหร่” พเยียถามโอบอุ้มที่นั่งมองหนูด้วงด้วยสายตาชื่นชมและเอ็นดูอย่างเปิดเผย
“อีกสามวีคคงต้องกลับแล้วครับ”
“จริงเหรอ เร็วจัง” เทียมฟ้าใจหายที่โอบอุ้มจะกลับไปเรียนต่อแล้ว
“ปี้โอดอุ้นจาไปไหน หนูไปด้วยได้มั้ย”
“ถ้าหนูด้วงไปกับพี่แล้วใครจะดูแลน้องปลาครับ” โอบอุ้มถามหนูด้วงทั้งที่ตัวเองก็ใจหวิวๆ ที่ต้องอยู่ไกลจากครอบครัวอีกครั้ง
“ให้ยุงพะยาดูแย”
“โอ้โห ถึงกับยอมทิ้งน้องปลาเลยเหรอเจ้าตัวเล็ก ติดพี่โอบขนาดนี้ถ้าพี่โอบกลับคงแย่แน่เลย” พเยียลูบผมหนูด้วงเบาๆ ก่อนจะลอบสังเกตโอบอุ้มอยู่เงียบๆ
“น้อง น้องจริงๆ ด้วย” ดนัยที่เพิ่งเดินเข้ามาให้ห้องอาหารพร้อมกับคีตะ พอเห็นเทียมฟ้าก็ปรี่เข้ามาทักด้วยความดีใจ
“สวัสดีครับพี่คิว” เทียมฟ้ายกมือไหว้คีตะแต่ไม่ได้ทักดนัยตอบ คีตะกับพเยียเห็นอาการของเทียมฟ้าก็เริ่มคิดว่าสองคนนี้คงมีปัญหาอะไรกันมาก่อนแน่ๆ
“สวัสดีครับคุณชาย กลับมากันแล้วเหรอครับ” คีตะทักเทียมฟ้ากลับ
“รู้จักกันด้วยเหรอครับ โลกมันกลมจังเลย ผมตามหาน้องแต่ไม่มีใครยอมบอกเลยว่าน้องอยู่ที่ไหน ที่แท้หนีผมมาอยู่ที่นี่เอง” ดนัยถือวิสาสะเดินเข้ามาจับมือของเทียมฟ้า เทียมฟ้ากำลังจะบอกให้ดนัยปล่อยมือแต่ช้ากว่าหนูด้วงที่หันมาพูดกับดนัยก่อน
“ไม่ต้อนจับมืออาน้อน เจอกันต้อนชาหวัดดีแบบนี้ ไม่ยู่เยื่องเยย” หนูด้วงขมวดคิ้วแล้วก็ยกมือไหว้ให้ดนัยดู
“เด็กนี่เป็นใคร” ดนัยชักสีหน้า
“หลานของดิฉันเองค่ะ” พเยียเริ่มไม่พอใจที่ดนัยทำเสียงดุใส่หนูด้วง
“อ๋อ เหรอครับ น่ารักดีนะครับ” ดนัยรีบกลับลำเปลี่ยนท่าทีเมื่อรู้ว่าหนูด้วงเป็นใคร
“ไม่ต้อนมายัก” หนูด้วงทำหน้ามุ่ย เทียมฟ้าถึงกับหลุดขำแม้จะแปลกใจกับอาการของหนูด้วงเพราะหนูด้วงไม่เคยแสดงอาการไม่ชอบใครแบบนี้ให้เห็นมาก่อนเลย
“น้าขอโทษนะครับ ดีกันนะ อะ...น้าให้เงินไปกินขนม” ดนัยควักแบงค์ร้อยมาวางตรงหน้าของหนูด้วงเพราะไม่รู้จะง้อเด็กด้วยวิธีไหน ดนัยเกลียดเด็กแต่จำต้องยอมง้อเพราะเด็กที่ดูก้าวร้าวคนนี้เป็นถึงหลานชายของเจ้าของโรงแรมภูมิเทพ
“หนูไม่เอาหรอด หนูก้อมีแบบนี้ แต่มีฉีม่วงฉีเทา ยุงพะยาบอดว่าหนูมีเยอะแยะ” หนูด้วงกอดอกก่อนจะหันหน้าหนีไปทางอื่น ดนัยหน้าเสียเมื่อถูกเด็กเกทับเรื่องที่มีแบงค์ห้าร้อยแบงค์พันซึ่งดีกว่าแบงค์ร้อยที่ดนัยยื่นให้
“เอ่อ...ผมขอคุยกับน้องหน่อยได้ไหม” ดนัยเลิกสนใจเด็กเจ้าปัญหาคนนี้และหันมาทำเสียงอ้อนวอนเทียมฟ้าแทน
“ผมว่าเราไม่มีอะไรที่ต้องคุยกันแล้ว น้องขอโทษที่เสียมารยาทกับแขกของพี่คิวนะครับ” เทียมฟ้าพูดกับดนัยก่อนจะหันไปพูดกับคีตะ
“แต่ว่า...” ดนัยทำท่าจะตื้อแต่คีตะแตะที่ตัวแขนของดนัยเอาไว้
“เอาไว้วันหลังดีกว่าครับคุณดนัย” คีตะพูดกับดนัยเพราะเกรงว่าเรื่องจะไปถึงหูของพญาแล้วดนัยจะอยู่ที่เกาะนี้ลำบาก
“น้องจะไม่คุยกับผมในวันนี้ก็ได้แต่รู้เอาไว้นะ ยังไงผมก็จะไม่ท้อใจ ผมจะทำให้เรากลับมาเหมือนเดิมให้ได้” ดนัยเน้นย้ำเหมือนจะบอกให้ทุกคนรู้ว่าตัวเองเป็นอะไรกับเทียมฟ้ามาก่อน
“เฉียงดัง ยำคาน” หนูด้วงพูดจบก็เอามืออุดหูจนดนัยหน้าเสีย
“ไปก่อนนะครับคนดีของผม” ดนัยพูดกับเทียมฟ้าด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ แต่เทียมฟ้าทำเป็นไม่สนใจ
“ไปเถอะครับ” คีตะแตะที่แขนของดนัยอีกรอบ ดนัยมองเทียมฟ้าด้วยความอาลัยก่อนจะยอมเดินออกไปในที่สุด อยากจะตื้อให้มากกว่านี้แต่ใจก็ยังเข็ดเมื่อนึกถึงตอนที่โดนเทียมฟ้าจัดการจนตัวเองน่วมไปทั้งตัว ใครจะไปคิดว่าหม่อมราชวงศ์ที่ดูอ่อนโยนบทจะโหดขึ้นมาเล่นเอาเขาเกือบตาย
“ขอโทษด้วยนะครับที่เสียมารยาทกับแขกของพี่” เทียมฟ้าหันมาพูดกับพเยีย
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ นี่ถ้าพี่พญารู้ เยียว่าคุณดนัยคงต้องไปหาที่พักใหม่แน่ๆ”
“ไม่หรอกครับ พี่พญาไม่ใช่คนไม่มีเหตุผลคนเดิมอีกแล้วครับพี่เยีย “ เทียมฟ้ายิ้มให้พเยียเพราะมั่นใจว่าพญาเปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางที่ดีขึ้นแล้ว
พเยียบอกตรงๆ ว่ายังไม่อยากจะเชื่อคำพูดของเทียมฟ้าที่ว่าพญาจะไม่ทำตัวอย่างเดิมอีกแล้ว อาจจะเปลี่ยนแปลงได้ในช่วงแรกแต่สักวันก็อาจจะกลับมาเป็นแบบที่เคยเป็น โดยเฉพาะเรื่องดนัยที่มาแสดงความคุ้นเคยกับเทียมฟ้าแบบเปิดเผยขนาดนี้ถ้าลองพญาได้รู้ดนัยคงอยู่ที่นี่ไม่ได้แน่
“ก็หวังว่าพี่พญาจะเปลี่ยนได้ตลอดไปนะคะ” พเยียถอนหายใจและภาวนาให้หม่อมราชวงศ์เทียมฟ้าคนนี้เปลี่ยนพี่ชายของตัวเองเป็นคนใหม่ได้ตลอดไป
…
พญากับก้านได้นัดพบกับท่านสารวัตรคนใหม่ที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งได้ไม่นาน ‘สารวัตรเพทาย’ เป็นเพื่อนสนิทของคุณชายเอกพี่ชายของเทียมฟ้าและเป็นนายตำรวจที่ขึ้นว่าเป็นมือหนึ่งในเรื่องปราบปรามยาเสพติด เมื่อพญาบอกข้อมูลเรื่องของมิสเตอร์คิมให้สารวัตรเพทายได้ทราบท่านก็บอกว่าจะส่งตำรวจนอกเครื่องแบบไปประจำอยู่ที่เกาะชุดหนึ่ง ซึ่งท่านก็ขอความร่วมมือจากพญาให้ช่วยเกลี่ยกล่อมนายหัวสุริยาให้เข้าร่วมเป็นสายให้กับทางตำรวจ พญาค่อนข้างหนักใจเพราะรู้ว่านายหัวสุริยาไม่ค่อยชอบตัวเองสักเท่าไหร่แต่ก็คิดว่าจะพยายามเพราะอย่างน้อยหากพ่อของตะวันยอมร่วมมือกับทางตำรวจก็จะได้ลดหย่อนโทษที่เคยทำเอาไว้ได้ในฐานะพยานปากเอก เมื่อคุยถึงแผนการที่จะต้องทำกันเสร็จเรียบร้อยแล้วพญาจึงขอตัวลากลับ
“นายว่านายหัวสุริยาจะยอมเหรอครับ” ก้านถามเจ้านายของตัวเองเพราะคิดว่าเรื่องที่ท่านสารวัตรขอมาเป็นเรื่องแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
“ถ้าเขารักตวงเขาจะต้องยอม”
“ถ้ารักเขาจะไล่คุณตวงออกจากบ้านเหรอครับนาย”
“นี่มึงกำลังโมโหแทนตวงเหรอไอ้ก้าน ไหนบอกกูมาซิว่ามึงจีบเขาไปรึยัง” พญาถามก้านเมื่อเห็นลูกน้องคนสนิทมีท่าทีห่วงใยตะวัน
“โธ่นาย ผมไม่ได้จีบหรอกครับ ผมกับเขามันคนละชั้นกัน”
“ไหนมึงบอกกูว่าความรักไม่แบ่งชนชั้นไง”
“นั่นมันนายกับคุณชายน้อง”
“แล้วมันต่างจากมึงยังไง”
“นายกับคุณชายเหมาะสมกัน แต่ไอ้ก้านกับคุณตวงมันยิ่งกว่าหมามองเครื่องบินเสียอีก เขาเป็นถึงลูกชายเศรษฐี”
“แล้วยังไง มึงจะบอกว่ามึงเป็นแค่ลูกน้องกูเลยไม่มีสิทธิ์รักใคร”
“มันไม่แบบนั้นหรอกครับนาย ถึงจะเป็นแค่ลูกน้องของนายแต่เป็นงานที่มีเกียรติมากสำหรับชีวิตของไอ้ก้าน”
“มึงก็อวยกูจนกูเหลิงทุกที แต่ก่อนถ้ามึงบอกใครว่าเป็นลูกน้องของกูคงมีแต่คนดูถูกมึง แต่จำเอาไว้นะไอ้ก้าน ต่อจากนี้ไปกูจะทำให้ทุกคนเห็นว่าพวกมึงจะไม่ได้เป็นแค่นักเลงโตหรือลูกไล่ของไอ้พญาอันธพาลแห่งเกาะใบไม้ครามอีกแล้ว กูจะเลื่อนตำแหน่งให้มึงเป็นผู้จัดการตลาด ให้ไอ้หนอมเป็นเลขามึง ส่วนคนอื่นๆ ก็จะแต่งตั้งให้เป็นพนักงานประจำสาขา ดีไหมวะ” พญาพูดจบก็หัวเราะ
“นายล้อเล่นใช่ไหม”
“กูไม่ได้ล้อเล่น กูมีเงินเดือนประจำพร้อมโบนัส มีสวัสดิการให้ พวกมึงจะมีเงินเดือนประจำที่เสียภาษีแบบถูกต้อง กูมีชุดประจำตำแหน่งให้พวกมึงด้วย กูจะทำให้ครอบครัวของพวกมึงภูมิใจในตัวพวกมึงอย่างที่กูได้สัมผัสมาแล้ว การเป็นหัวหน้าครอบครัวที่มีคนที่รักเฝ้ามองเรา เวลาเราทำอะไรดีๆ มันน่าภูมิใจนะไอ้ก้าน แต่ก็คงต้องจัดการกับมิสเตอร์คิมให้เรียบร้อยก่อน ต้องทำให้เกาะของเราสงบและปลอดภัยจากไอ้พวกคิดไม่ดี”
“ครับนาย พวกผมจะพยายามกันอย่างเต็มที่ ผมจะช่วยนายทำให้เกาะนี้เป็นเกาะสวรรค์”
“ดีมาก แล้วมึงก็ดูแลตวงให้ดีนะ กูเชื่อว่าทั้งเขาและมึงจะมีความสุข” พญาตบบ่าเพื่อให้กำลังใจก้าน
“นาย...”
“อะไร”
“ผม...ผมจูบคุณตวงไปแล้ว” ก้านยอมสารภาพออกมาในที่สุด
“แล้ว...” พญาเลิกคิ้วเพราะคิดว่าจูบมันคือเรื่องธรรมชาติของคนที่พึงพอใจกัน แต่พอเห็นหน้าเจื่อนๆ ของไอ้ก้านก็เลยสงสัยว่ามันเป็นอะไร
“ผม..ผมไม่รู้ว่าต้องทำยังไงต่อไปก็เลยไปแอบอ่านหนังสือธรรมะของนาย”
“หนังสือธรรมะ กูเคยมีหนังสือธรรมะด้วยเหรอวะไอ้ก้าน” พญาขมวดคิ้วและพยายามนึกว่าตัวเองไปซื้อหนังสือธรรมะตั้งแต่เมื่อไหร่
“ก็หนังสือนั่นไงนาย”
“อะไรของมึง”
“ก็หนังสือที่สอนให้รู้ว่าคนเราเกิดมาตัวเปล่า”
“หนังสือของกูเนี่ยนะ”
“โธ่นาย ก็หนังสือโป๊ไงนาย ไอ้ก้านอุตส่าห์พูดอ้อมๆ”
“ฮ่าๆๆ ไอ้เวรก้าน มึงจะพูดอ้อมทำไมให้กูงง คิดได้ยังไงวะ คนเราเกิดมาตัวเปล่า หนังสือโป๊แก้ผ้าตัวเปล่า เอ้อ..ก็จริงของมึงนะ ฮ่าๆๆ แล้วยังไง มึงแอบอ่านหนังสือโป๊ของกูแล้วยังไง มันจะสอนอะไรมึงได้”
“ก็ผมนึกว่ามันจะมีบอกว่าเราควรทำยังไงกับ...กับคนรัก ที่เป็นเพศเดียวกัน...แต่ แต่...คุณตวงมาเห็นตอนไอ้ก้านเปิดดูอยู่พอดี คราวนี้คุณตวงไม่ยอมมองหน้าไอ้ก้านเลย สงสัยจะคิดว่าไอ้ก้านลามก”
“มึงมันก็ลามกจริงๆ”
“โธ่นาย...”
“เฮ้อ..ไอ้ก้านเอ้ย กูจะบอกให้นะ เรื่องแบบนี้มันเกิดด้วยใจ มึงไปทบทวนตัวเองดูให้ดีว่ามึงชอบเขาจริงๆ รึเปล่า ถ้ามึงรักมึงชอบเขาทุกอย่างมันจะเกิดเองตามธรรมชาติ มึงไม่ต้องไปศึกษาอะไรให้ยุ่งยาก มองตาเขาแล้วทุกอย่างจะเป็นไปเอง”
“แล้วถ้าในสายตาเขามีแต่นายล่ะครับ”
“มึงก็ต้องสู้สิวะ สู้จนกว่าในสายตาเขาจะมีมึง”
“ครับนาย ไอ้ก้านจะพยายาม” ก้านรู้สึกมีกำลังใจขึ้น เจ้านายของไอ้ก้านคือเจ้านายและเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิต ใครจะมองว่าไอ้ก้านโชคร้ายที่เป็นได้แค่ลูกน้องของนายพญาไอ้ก้านก็ไม่สน คนพวกนั้นคงไม่รู้หรอกว่าการได้เกิดมาได้เจอกับนายพญาถือเป็นโชคดีที่สุดในชีวิตของไอ้ก้านแล้ว
พญาให้ไอ้ก้านแวะซื้อของสด ของกินและของใช้ต่างๆ ในเมืองก่อนจะเดินทางกลับไปเพราะตลาดที่เกาะยังไม่เปิดจึงต้องตุนข้าวปลาอาหารเอาไว้ ก้านถือโอกาสซื้อเสื้อผ้าและของกินดีๆ ไปฝากคนในครอบครัวแล้วก็ตะวันด้วย เมื่อกลับมาถึงเกาะพญาก็ให้ก้านช่วยขนของเข้าไปเก็บในบ้านให้ก่อนแล้วค่อยกลับ วันนี้ช่างจะมาติดเครื่องปรับอากาศให้ที่บ้านของก้าน พญาจึงอนุญาตให้มันกลับบ้านได้ไม่ต้องอยู่จนถึงเย็น
“ทำอะไรกัน” พญาเดินเข้ามาในสำนักงานก็เห็นเทียมฟ้า โอบอุ้มและหนูด้วงกำลังล้อมวงดูอะไรกันอยู่
“ยุงพะยามาแย้ว มาดูมาดูแด๊ดกะมัมกะปู่กะย่า” หนูด้วงรีบชวนพญามาดูรูปของนับตังค์ มีคุณ ช้วน รวมถึงคุณพลอยประดับที่ถ่ายภาพหมู่อยู่ที่เยอรมันบ้านเกิดของช้วน
“พี่ตังเพิ่งลงรูปในเฟสบุ๊คครับ” เทียมฟ้าขยับที่ให้พญาลงมานั่งข้างๆ
“น้องตังมีเฟสบุ๊คด้วยเหรอ” พญาชะโงกดูรูปก่อนจะช้อนตัวหนูด้วงมานั่งตักของตัวเอง
“อาน้อนก้อมีเฟดบุ๊ด ปี้โอดอุ้นก้อมีเฟดบุ๊ด หนูอยากมีเฟดบุ๊ด ปี้โอดอุ้นบอดว่าจะทำให้หนู” หนูด้วงไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร รู้แต่ว่าจะมีรูปสวยๆ ให้ดู
“น้องโอบบอกว่าพี่พญาก็มีไม่ใช่เหรอ ใช่ไหมพี่ก้าน” เทียมฟ้าหันไปถามก้านเพราะรู้ดีว่าถามพญาเจ้าตัวคงไม่ยอมตอบ
“นายเล่นเฟส ไอจี ทวิตไม่เป็นหรอกครับคุณชาย ผมเคยสมัครไว้ให้นานแล้วแต่นายไม่ยอมอัพเดทอะไรเลย”
“สมัครเอาไว้ส่องหนุ่มหล่อใช่ไหมล่ะพี่ก้าน”
“คือ...” ไอ้ก้านไม่กล้าตอบได้แต่อ้ำอึ้งและหัวเราะแห้งๆ
“คิดนินทากูเหรอไอ้ก้าน ก็สมัครแล้วไม่เห็นจะสนุก ปุ่มอะไรเยอะแยะยากไปหมดเลยไม่เล่นต่อ”
“แต่มันก็แค่ดูรูปเพื่อนของเรา ชอบก็กดไลค์เองนาย”
“จริงด้วย พี่ก้านยังเล่นเป็นเลย” เทียมฟ้าสนับสนุน
“กูกดไลค์ไม่เป็นโว้ย กูกดเป็นแต่ตังค์”
“งั้นเอาบัตรเอทีเอ็มมาให้น้องเก็บเลย ทุกใบด้วย!! ต่อไปจะได้ไม่ต้องกดเก่ง” เทียมฟ้าค้อนใส่พญา
“อ้าว หึงไปอีก” พญาโยกหัวเทียมฟ้าขำๆ
“หึนคืออะได” หนูด้วงเงยหน้ามาถามพญา
“หึงก็คือ...หวง ไม่อยากให้คนนั้นรักคนอื่นมากกว่าเรา ไม่อยากให้เขาไปไหนไกล อยากให้เขาอยู่กับเราตลอดไปเพียงคนเดียว” พญาตอบหนูด้วงแต่ตากลับจ้องไปที่เทียมฟ้าตลอดจนคนถูกจ้องเริ่มเขิน
“ง้าน...หนูจะหึนปี้โอดอุ้น” หนูด้วงหันไปพูดกับโอบอุ้มจนพญาได้ยินแล้วแทบหงายหลังตึง ส่วนโอบอุ้มฟังแล้วนิ่งไปจนเทียมฟ้าดูไม่อออกว่าโอบอุ้มกำลังคิดอะไร
“พี่น้องเขาไม่หึงกันหรอกครับ” พญารีบอธิบายให้หนูด้วงฟังต่อ
“เป็นปี้น้อนหึนไม่ได้ แย้วต้อนเป็นอะไดกัน” เจ้าหนูอะไดยังคงมีคำถามต่อ
“เป็นแฟนกันครับ”
“งั้นหนูจาเป็นแฟนปี้โอดอุ้น”
“ไอ้ก้าน...” พญาไปต่อไม่ถูกเลยคิดขอความช่วยเหลือจากลูกน้องคนสนิท
“ไอ้ก้านขอเอาของไปเก็บดีกว่าครับ” ก้านรีบเอาตัวรอดด้วยการหิ้วของซื้อมาไปเก็บในครัว
“น้องไปช่วยพี่ก้านดีกว่า” เทียมฟ้าก็รีบชิ่งเช่นกันเพราะไม่รู้จะอธิบายให้หนูด้วงฟังว่ายังไง
“คือ คือ...” พญารู้สึกว่าตัวเองเป็นโรคใบ้รับประทานไปชั่วขณะ
“เราต้องโตก่อนครับถึงจะรู้ว่าเราควรเป็นแฟนใคร ตอนนี้เราเป็นเด็ก เราเป็นแฟนใครไม่ได้ เป็นได้แค่พี่น้องกับเป็นได้แค่ผู้วิเศษไปก่อน” โอบอุ้มที่นิ่งไปนานเป็นฝ่ายอธิบายให้หนูด้วงฟัง
“ตะงั้นหนูเป็นปู้วิเฉดก้อได้ พอตัวโตเท่านี้ค่อยเป็นแฟนปี้โอดอุ้น” หนูด้วงชูมือขึ้นสูงเพื่อบอกขนาดวัยที่จะมีแฟนได้
“เจ้าอุ้ม เปิดเฟสบุ๊คของอาน้องให้ป๊าดูหน่อย” พญารีบเปลี่ยนเรื่องก่อนที่ตัวเองจะหัวใจวายตาย ถึงจะรู้ว่าหนูด้วงไร้เดียงสาและพูดไปแบบไม่รู้ความหมายแต่ต่อมหวงหลานมันกำเริบจนเก็บอาการไม่อยู่
(มีต่อด้านล่างค่ะ)
V
V