ยกที่3 เจิด กิจกรรมต่อจากการรับน้องส่วนใหญ่คือการแข่งกีฬากระชากมิตรระหว่างคณะ มีการแข่งแสตนเชียร์ ลีดเดอร์ การแต่งแสตน และอื่นๆ อีกมากมาย เรียกได้ว่าปีหนึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งกิจกรรมอย่างแท้จริง โดยเฉพาะเหล่าคณะที่มีแต่คนจับตามอง
ผมเริ่มจะลืมที่อยู่ห้องตัวเองเข้าไปทุกที วันๆ อยู่ในมหา’ลัย ถ้าไม่กระโดดขึ้นรถไปซื้อของกับเพื่อน ก็พาสาวที่มีน้อยนิดในคณะไปช้อปของสำหรับกิจกรรมเชียร์ ยิ่งผมสูงยาวเข่าดีเคยเล่นกีฬามาก่อน จู่ๆ โดนจับยัดรายชื่อให้ลงแข่งบาสดื้อๆ
แข่งบาสมันไม่เท่าไหร่ ผมมั่นใจฝีมือของตัวเองในระดับหนึ่ง ไม่กลัวเจ็บด้วย คณะไหนก็จัดมาเหอะ ผมสู้สุดใจอ่ะ สถาปัตย์ต้องชนะ!
แล้วอะไรรู้มั้ยครับ ประธานรุ่นไม่รู้มันเกิดมาบนความซวยหรือยังไง จับฉลากคู่แรกเสือกได้คณะตัวเต็ง
วิศวะ...
หน้ารูมเมทลอยมาเลย อือหือ สมพรปากทั้งมันและผม เจอกันครั้งแรกท้าต่อย เอ๊ย ท้าสู้กันในสนาม ได้ของจริงแบบไม่ต้องเสียเวลาแข่งกับคู่อื่นก่อนเลย
พอผลออกมางี้ พวกรุ่นพี่ฟิตจัดสั่งให้พวกผม ฝึก ฝึก และฝึก! อย่างหนักหน่วง เหงื่อท่วมตัวกลับห้องทุกวัน มิทแอบมาส่งข่าวว่า เจ้าซันได้เป็นตัวจริงลงแข่งบาสเหมือนผม ไม่แปลกใจเท่าไหร่ มันสูง แรงเยอะ หน่วยก้านดี เป็นเหตุให้ช่วงนั้นพวกเราแทบไม่เจอหน้ากันเลยครับ ทั้งที่อยู่ห้องเดียวกัน
จนถึงก่อนวันแข่ง ได้พักเต็มที่เพื่อลุยศึกหนักพรุ่งนี้ ระหว่างผมเกากีต้าร์ที่ยืมเพื่อนมาเล่น ซันมันชวนคุย
“ลากปอนด์มันมาดูพวกเราแข่งดีมะ”
ผมพยักหน้ารับโบกมือให้มันชวนไป ปอนด์ดูไม่ค่อยออกไปไหน ลากออกมาบ้างก็ดีเหมือนกัน ขากลับจะได้แวะไปหาอะไรกินด้วย ที่สำคัญ ถ้าปอนด์มาต้องมีขนมติดไม้ติดมือมาด้วยชัวร์ เฮียเฟย์พี่ชายปอนด์ชอบทำขนมเป็นงานอดิเรก และยิ่งชอบมากเวลาทำให้ปอนด์กิน ผมเลยลาภปากอยู่บ่อยๆ
นั่งฟังมันคุย ผมส่ายหัวขำๆ ไอ้ซันแหย่ลูกแมวสนุกปาก ปอนด์เขานิสัยเหมือนแมวน่ะเราเลยเรียกกันจนชิน พอซันบ่นอย่างกับเพื่อนตัวเล็กไม่ยอมมา ผมเลยสอดปากบอกจะเลี้ยงไอติม แน่นอน ระดับปอนด์ ของกินมีหรือจะพลาด ตกลงปลงใจมาดูพวกผมแข่งทันที
“มึงขโมยกีต้าร์ใครมาวะ”
นั่นปากหรือ ผมขมวดคิ้วใส่ หล่อๆ อย่างผมไม่จำเป็นต้องขโมย แค่อ้าปากขอเพื่อนมันก็ถวายให้แล้ว! ความจริงผมไถเพื่อนมาเองแหละ ของตัวเองอยู่บ้านที่เหนือไม่ได้เอามาด้วย เกิดคิดถึงเลยฉกติดมือกลับห้องซะเลย
“กูไม่ได้ขโมย กูแค่วิ่งราว ไม มึงอยากเล่น?”
“เหี้ยกว่าขโมยอีก... ไม่ กูขี้เกียจ มึงเล่นไปเหอะ”
ผมยักไหล่ นึกอะไรดีๆ ออก เปิดหนังสือเพลงลองเล่นนิดหน่อย
“กูขยัน เดี๋ยวกูร้องเพลงให้มึงฟัง”
ลองฮัมเพลงเริ่มเล่นท่อนแรก ผมค่อนข้างมั่นใจในเสียงตัวเอง ขอเน้นร้องท่อนฮุกหน่อยแล้วกัน
ขอสักคนที่มีหัวใจอยู่ในนั้น
หัวใจตรงกับฉัน มาเอาความรักฉันไป
Oh I just wanna be
เธอ เธอได้ยินไหม เธออยู่ตรงที่ใด
เปิดมุมความรักให้ดี ก่อนจะเจอมุมที่ดี
และที่เธอจะรู้วิธี ดูแลคนที่ห่วง
จะไม่ปล่อยให้ใครๆ ต้องเดา
จะไม่ปล่อยให้ในมือต้องเหงา รักของเรา
(Event' (อีเว้นท์) - Season Five)
ร้องไปมองหน้ามันไปด้วยรอยยิ้ม ซันมันเลิกคิ้ว พอผมร้องจบมันพยักหน้ารับดูชอบอกชอบใจ
“เสียงดีนี่หว่า ร้องเพราะกว่ากูอีก”
“แค่นี้?” ผมถามเสียงสูง มันทำหน้างงใส่
“อะไร หรือมึงอยากได้รางวัล อะ กูให้เลยขวดเปล่า”
มันส่งขวดน้ำที่มันกินหมดมาให้ ผมขว้างใส่หัวมัน เวรจริง กูหยอดขนาดนี้ ร้องเพลงจีบมึง มองลึกซึ้ง ถ้าเป็นสาวหรือหนุ่มน้อยนี่ละลายไปถึงไหนแต่มึงพูดแค่ว่าเพราะดี!? ผมจะบ้าตายกับมัน ตกลงมันวิศวะแน่ใช่มั้ยเนี่ย ถ้าไม่นับความเถื่อน นิสัยอย่างมันคุณชายชิบหาย ไม่พอยังดูเด็กเรียนอีก เวรกรรมของผม
“ควายชัดๆ” ผมพึมพำ มันเหนือกว่าคำว่าซื่อบื้อไปละ
“มึงว่าไงนะ?” ทีงี้ทำหน้าโหด
“ป๊าวววว กูบอกลมพัดเย็นดี”
“ลมพัดที่หน้า กูได้ยินคำว่าควายเต็มๆ มึงด่ากูเรอะ”
ผมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แสร้งร้องเพลงต่อ
“ฉันขี่ไอ้ซันวิ่งลุยท้องนา ฮึ้ย ฮึ้ย ฮึ้ยฮึ้ย ฉันคนบ้านป่าหน้าตาเหมือนโจร~”
รออะไร วิ่งสิครับ! ควายซันตกมันแล้ว ผมอุ้มกีต้าร์เปิดประตูเผ่นออกจากห้อง มีไอ้ซันทำท่ากระโดดถีบไล่ตามหลัง เสียงด่ากันงี้ไม่ต้องพูดถึง ห้องอื่นชะโงกหัวมาดูเป็นแถบ ขำอะไรกันนักวะ พวกกูไม่ใช่ตลกคาเฟ่ ไสหัวกลับรูไปเลยไป๊เจ้าพวกใส่เกือก
หลังจากวิ่งปานหนังอินเดียจนโดนอาจารย์หอด่า ผมกับซันได้เหงื่อพอควร เดินลากขากลับห้องมานั่งเล่นกีต้าร์กันต่อ ผมยัดเยียดให้มันเล่นบ้าง ไอ้ซันมันเล่นเก่งใช้ได้ ส่วนผมเป็นนักร้องให้ มันกวนประสาท ทีแรกเพลงสากลอย่างไฮโซ จู่ๆ แม่งเปลี่ยนเป็นเพลงเพื่อชีวิต ตามด้วยเพลงลูกทุ่ง หมอลำ กูคนครับ ไม่ใช่ยูทูป เปลี่ยนแนวมันเลยนะมึง แต่เพื่อความได้อารมณ์ เซิ้งโชว์กลางห้องแม่ง ไอ้ซันหัวเราะลั่น กีตงกีต้าร์ไม่ต้องเล่น มันลงไปกองทุบพื้น หัวเราะจนชักเข้าโรงบาลไปเลยนะมึง ถือว่าตัดกำลังคู่แข่งพรุ่งนี้
เพราะมัวแต่เล่น กว่าจะได้นอนกันเกือบเที่ยงคืน ไม่ใช่เด็กอนามัย แต่พรุ่งนี้ต้องเล่นกีฬานัดกระชากมิตร เราตื่นบึ่งไปมหา’ลัยพร้อมกัน รีบแทบตายคิดว่าจะมารายงานตัวไม่ทัน สรุป มีเหตุนิดหน่อยทำให้ต้องเลื่อนเวลาการแข่ง
ซันแยกไปทางคณะตัวเอง ผมมาฝั่งสถาปัตย์ สาวๆ ดูจะเห่อชุดกันมาก ใส่มาเชียร์จัดเต็ม หนึ่งในนั้นคือคุณเทยตัวโต เจ้าตัวร้องซิกโอดครวญปานญาติเสีย ใส่ชุดไม่ได้เพราะดันตัวพองหลังจากตัดเสื้อไป พอสาวๆ เห็นหน้าผมพากันยุยงส่งเสริม ผมไม่อยากให้ชุดโดนทอดทิ้งเลยอาสาใส่แบบลับๆ หลังแสตน ไม่มีใครในคณะรู้ กระทั่งเดินเนียนออกมาพร้อมกับหลีดนั่นแหละ เสียงกรี๊ดดังกระหึ่ม เสียงโห่ผู้ชายดังยิ่งกว่า ส่วนแสตนฝั่งตรงข้าม ใครถือไรของร่วงหมด
ผมมองซัน มันกำลังกินน้ำพอดี ถึงกับพุ่งออกจากปาก ดีมิทมันหลบทันเลยไม่โดนพรมน้ำมนต์ใส่ แม้เสียงในโรงยิมจะดัง แต่ปากซันมันบ่งบอกมากว่าด่าผมด้วยคำไหน...
เหี้ย!!
นั่นล่ะครับท่านผู้ชม ด้วยชุดหลีดสีประจำคณะ กระโปรงสั้นพลิ้วโชว์ขนหน้าแข้ง เสื้อแขนกุดเอวลอย ผมทรงรากไทรมัดสองจุกผูกโบว์แบบหลีดคนอื่น ทำให้ผมโดดเด่น ณ สถานที่แห่งนี้ แต่ไม่ต้องห่วง ผมใส่กางเกงบาสข้างในครับ พอกรรมการเรียกรวมตัว ผมไปทั้งชุดนี้ คิดดู ขนาดอาจารย์ยังหลุดขำ เหล่มองผมตลอด
“คิดจะแข่งทั้งชุดนี้จริงดิ”
เพื่อนร่วมรุ่นถาม ผมหันไปยิ้มเจิดจ้า
“เออ ตัดกำลังอีกฝ่ายไง”
เท่านั้นแหละ บรรดารุ่นพี่ รุ่นเดียวกันพากันตบหัวตบหลังจนผมที่มัดไว้เกือบหลุด อย่าๆ สาว(เหลือ)น้อยในคณะอุตส่าห์มัดให้ทั้งที
การแข่งเริ่มขึ้น ผมจะแสดงให้ทุกคนเห็นว่าชุดไม่เป็นอุปสรรค์ในการเล่นกีฬา แต่ไม่รู้ทำไม เวลาผมวิ่ง ก้าวขายาวๆ หรือกระโดดสักทีต้องมีเสียงกรี๊ดกับเสียงหวาดเสียวดังมาจากแสตน
ผมคิดว่าตัวเองเล่นไม่เทพขนาดมีแต่คนอยากประกบนะ โดยเฉพาะไอ้ซัน มันแทบไม่ทำแต้มเลย ส่งให้เพื่อนหมด เอาแต่ดักผมอยู่นั่นจนผมชักรำคาญ
“ดักกูจัง ติดใจขาอ่อนกูรึไง”
“ติดใจเชี่ยไรล่ะ มึงทำสมาชิกทีมกูเสียสมาธิ!!” ซันแทบแยกเขี้ยวขบหัวผมอยู่รอมร่อ ขนาดลูกไปอยู่ที่คนอื่นเลยยังตามผมไม่เลิก แล้วก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ราวกับเพื่อนในทีมกลัวผมไม่มีส่วนร่วม ขยันส่งลูกมาให้จัง พอๆ กับฝั่งของซัน แย่งกันมันดิงี้ เวลาผมได้ลูก มันกางแขนดัก ผมเนียนกระแทกไหล่ใส่ มันหน้านิ่วคิ้วขมวดตอบโต้กลับดุเดือดไม่แพ้กัน แต่เครื่องร้อนทุกคน เล่นอย่างกับชิงแชมป์โลก ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมให้คณะตัวเองแพ้
เสียงสัญญาณดังพักรบชั่วคราว ผมหันไปเห็นปอนด์นั่งอยู่กับพวกริวพอดี เลยถือโอกาสเดินไปหาพร้อมซัน มันหันมาด่าผม
“ไอ้สัส ยังจะตามมาอีก ไปเปลี่ยนชุดสิวะ มึงทำทีมกูไขว้เขวจนเสียไปตั้งสองแต้ม” ความผิดกูเรอะ พวกมึงเสียสมาธิกันเอง
“กูมาหาปอนด์ ไม่เสือกครับซัน”
“กูว่าพวกในทีมไม่ได้เสียแต้มเพราะโป้หรอก แต่เป็นมึงมากกว่าซัน ตอนซ้อมเก่งชิบหาย ไมตอนแข่งพลาดบ่อยจังวะ” มิทพูดได้ตรงใจสุดๆ มันจี้ใจดำซันเพราะเอาคืนเรื่องที่ซันเกือบพ่นน้ำใส่แหง
“อะไรเข้าฝันให้ใส่ชุดนี้อะโป้” เพื่อนตัวเล็กถามพร้อมยื่นน้ำมาให้ผมกับซัน ผมรับมาดื่มแบบไม่เกรงใจ เฮ้อ ค่อยดีหน่อย
“ไสหัวกลับคณะมึงไป” ซันปล่อยหมา มือยื่นผ้าเช็ดเหงื่อให้ผม ซัน... การกระทำกับวาจาช่วยไปทางเดียวกันหน่อยเถอะ ผมส่ายหัว รับผ้ามาเช็ดหน้าเช็ดตา มีปอนด์มองตาวาว สีหน้าแบบนี้ จิ้นผมกับซันไปแล้วชัวร์! หนุ่มวายนี่มัน หนุ่มวายจริงๆ
“สาวในคณะยุเลยแต่งเล่นๆ กลับคณะก่อน โค้ชจ้องตาเขียวแล้ว จะเปลี่ยนเสื้อด้วย” ผมยิ้มตอบปอนด์ จงใจเมินคำด่าไอ้ซัน โบกมือลากเพื่อนตัวเล็ก ยักคิ้วกวนซันทิ้งท้ายแล้วกลับคณะตัวเอง ก่อนที่ผมจะถูกวิศวะรุมตื้บและเพื่อนร่วมทีมขว้างลูกบาสใส่หัว
รอบหลังผมเปลี่ยนมาใส่ชุดบาสตั้งใจลงแข่งมากขึ้น ไอ้ซันชู้ตเก่งมาก มันทำแต้มให้ทีมสองรอบติด ทั้งสองฝ่ายสลับทำแต้มอย่างไม่มีใครยอมใคร นับแล้วถือว่าเล่นกันแรงพอสมควร ไม่นอกกติกา แต่ชนกันทีจบการแข่งมีรอยฟกช้ำจะไม่แปลกใจเลย
ผมกับซัน ไม่มีคำว่าเพื่อนหรือรูมเมท แสดงฝีมือของตัวเองเต็มที่ ผลสุดท้ายไอ้ซันมันชู้ตได้อีกลูกก่อนเวลาหมด ทำให้คณะผมแพ้ไปอย่างน่าเสียดาย เจ็บใจชะมัด รุ่นพี่เรียกรวม สีหน้าพวกเราอัดอั้นเต็มกำลัง
“ไม่เป็นไร เราค่อยเอาคืนพวกมันกีฬาอื่น”
แค่ประโยคเดียว ทุกคนกลับมาฮึดอีกครั้ง มีหลายคนในทีมบาสที่ลงแข่งกีฬาประเภทอื่นด้วย พวกในทีมชวนผมไปกินข้าวแต่ผมขอตัวเพราะมีนัด ผมเลยบอกลาปลีกตัวมารวมกลุ่มกับพวกซัน ดีหน่อย ริวกับมิทเลือกที่นั่งเว้นช่วงกับคณะของตัวเองนิดหน่อย ผมเลยไม่ต้องเดินเสี่ยงดงตีนตอนเดินไปหา
“เหนื่อยมากแต่โคตรมัน” ซันเริ่มบทสนทนาก่อน
“เออ มันจนกูช้ำเลยเนี่ย” ผมบ่นงึมงำ ก่อนหันไปมองปอนด์ตาวาว ”หือ ได้กลิ่นขนม เฮียเฟย์เอาขนมมาฝากด้วยสินะ ไหนๆ” ว่าแล้วก็ย้ายตัวเองไปนั่งข้างปอนด์ หยิบกล่องขนมแจกจ่ายให้ทุกคน มีแค่ซัน ดูมันไม่ชอบของเลี่ยน เล่นปาดครีมบนหน้าเค้กให้ปอนด์หมด ส่วนตัวเองกินแต่แป้ง ชะโงกข้ามปอนด์มาดูแขนผม
“ไหนวะ ตอนกระแทกในสนามมึงช้ำเรอะ” ชนกันแรงขนาดนั้น ไม่ช้ำก็คนเหล็กแล้ว
“ไม่เท่ามึงหรอก กูจำได้ว่าศอกกูเข้าพุงมึงไปเต็มๆ เป็นไงมั่ง”
ผมยื่นมือข้ามปอนด์เปิดเสื้อซันดู กล้ามพุงของมันมีรอยช้ำเป็นวง มิทอยากมีส่วนร่วม โผล่เข้ามากอดปอนด์จากทางด้านหลัง อย่าให้เฮียเฟย์เห็นเชียวนะ เดี๋ยวเป็นเรื่อง ขานั้นโคตรหวงปอนด์
“ผัวเมียเป็นห่วงกันต่อหน้าลูกชายไม่ดีนะ ดูปอนด์ทำหน้าเหม็นเบื่อใหญ่แล้ว”
แค่ก! แทบสำลักเค้ก คำว่าผัวเมียมโนในใจจนชิน แต่ปอนด์เป็นลูกพวกผมตอนไหนวะ
“หุบปากไปเลย มึงนี่ก็ชงจริง มันเป็นเรื่องภายในครอบครัว เขาไม่ให้เอามาพูดข้างนอก”
ริวรับไม้ต่อเข้ามาเสริม ผมกับซันร่วมมือกันโบกไปคนละที
“พวกมึงนั้นแหละเงียบให้หมด ไปแดกข้าว” ซันเปลี่ยนเรื่องกอดคอปอนด์ ไม่ทันไรปอนด์หันมาทวงผม
“อย่าลืมไอติมด้วย ซันบอกโป้จะเลี้ยง” ผมขำมองซันขยี้ผมปอนด์จนยุ่ง ล่อด้วยของกินได้ผลดีจริงๆ ดูท่าเฮียเฟย์จะใช้ไม้นี้บ่อยด้วย ไหงปอนด์มันไม่ตัวโตขึ้นเลย สงสัยกระเพาะหลุมดำ ไม่ก็สวรรค์ให้มาแค่นี้
“เออๆ กินข้าวตามด้วยไอติม พอใจยัง” หัวโจกกลุ่มเสนอ
“ดีงามมากๆ” ปอนด์ยกนิ้วโป้งให้ พออกพอใจน่าดู
“จะไปกินที่ไหนกันดี ร้านตามสั่งข้างมอมั้ย ตรงนั้นมีร้านไอติมกับนมปั่นด้วย” ผมลองเสนอ ทุกคนไม่มีใครคัดค้าน พวกมันคงขี้เกียจคิดกันมากกว่า ระหว่างทางไปร้านไม่มีอุปสรรคจนกระทั่งผมเห็นรถสีดำราคาแพงมาจอดเทียบด้านข้าง ผมกับซันพร้อมใจกันดันปอนด์ให้ไปอยู่ด้านหลัง เรามองหน้ากันก่อนจะจ้องที่รถคนนั้น
ช่วงเวลาแห่งการคาดเดาไปต่างๆ นาๆ จู่ๆ มิทที่ปกติร่าเริงตลอด สบถยาวแล้วหันมาขอแยกตัวกับพวกผม
“พ่อมารับแล้ว ฉันกลับก่อนนะ พวกนายไปกินกันเลย ไว้จะมาฉลองชัยชนะให้วันหลังนะเพื่อน” ผมมองตามหลังมิทขึ้นรถคันนั้นไป ดวงตาหรี่มอง พอเดาอะไรได้ลางๆ มิทเคยบอกว่าผมเส้นสายไหนก็ไม่สามารถช่วยเขาได้ ถึงเวลานี้ผมเข้าใจแล้ว เจ้าของรถคันนี้น่ากลัวว่าจะเป็นคนที่ไม่ควรไปยุ่งด้วยมากที่สุด
ซันหันไปคาดคั้นเอากับริว คงเพราะสองคนนี้ส่วนใหญ่มักไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ริวน่าจะรู้เรื่องเกี่ยวกับมิทบ้างไม่มากก็น้อย
“กูจำได้ว่ามิทมันบอกมีแม่คนเดียวไม่ใช่เหรอวะ”
“ไม่รู้เหมือนกันว่ะ ก็เพิ่งเจอพร้อมกับมึงนี่แหละ ช่างมันเหอะ ไอ้มิทไม่ใช่ไก่กา มันไม่เอาตัวเองไปเสี่ยงกับอะไรโง่ๆ หรอก”
ริวตอบทันทีแบบไม่เสียเวลาคิด ใบหน้าเรียบเฉย มันรู้แน่ๆ แต่ไม่น่าจะรู้รายละเอียดทั้งหมด มิทระวังตัวแจขนาดนั้น
“ขอให้มันเป็นแบบนั้นแล้วกัน”
เห็นริวถูกซันต้อน แถมมิทไม่อยากให้ซันรู้เรื่องพวกนี้ จะยื่นมือช่วยนิดๆ หน่อยๆ แล้วกัน ผมปรบมือเรียกให้ทุกคนมาสนใจ เห็นเพื่อนตัวเล็กสะดุ้ง อะไรจะขวัญอ่อนปานนั้น
“พวกมึงจะเล่นเกมจ้องตากันก็ตามสบาย แต่กูหิว ยังไม่แดกอะไรตั้งแต่เที่ยง กูพาปอนด์ไปนั่งรอในร้านล่ะ” ผมลากปอนด์เข้าร้านข้าว ตัดบทสนทนาที่ไร้คำตอบพวกนั้นซะ ได้แต่หวังว่าสักวัน มิทจะพร้อมและเล่าเรื่องทุกอย่างด้วยปากของตัวเอง
หลังกินข้าวตามด้วยไอติมเสร็จ แต่ละคนก็แยกย้ายไปตามทางของตัวเอง ซันเงียบตลอดทางคงยังคิดเรื่องของมิทอยู่ เดี๋ยวหน้านิ่วคิ้วขมวด เดี๋ยวส่ายหัว บางทีดูหงุดหงิด ไอ้คนรักเพื่อนจนโอเวอร์เอ๊ย!
“ซัน กูจะแวะซื้อยา” ที่ห้องมีแค่พารา ไม่มีพวกยาแก้ฟกช้ำ ต้องแวะร้านสะดวกซื้อใต้หอก่อนขึ้นไป เจ้าของชื่อไม่มีปฏิกิริยาสักนิด ผมยื่นมือไปดีดนิ้วตรงหน้ามัน มันมองตาปริบๆ เมื่อกี้ไม่ได้ฟังกูเลยสินะ
“กูบอกว่าจะแวะซื้อยาไปทา มึงรอนี่”
“ยาแก้ปวดด้วยมึง” ก็ยังดีที่สติมันกลับมา ผมพยักหน้ารับเดินเข้าไปในร้าน ด้วยความที่เป็นร้านใต้หอพัก ในร้านเลยมีสิ่งของหลากหลายไม่แพ้เซเว่น เพื่อสนองความต้องการของหนุ่มสาวมหา’ลัยอย่างพวกเรา ผมซื้อยาทากับยาแก้ปวด น้ำดื่มกับของกินนิดหน่อย
ซื้อเกลือแร่ไปด้วยดีกว่า วันนี้เหงื่อออกเยอะ ผมกำลังจะเปิดตูคว้าขวดเกลือแร่ ดันมีอีกมือยื่นมาหยิบให้
“เอาขวดนี้รึเปล่า”
ผู้ชายท่าทางเรียบร้อย หน้าตาดีไม่เลว แต่ยังไม่โดน ผมยิ้มชูสองนิ้ว ไม่ได้จะแอ๊บ กูจะเอาสองขวด เผื่อไอ้คนที่ยืนหน้าบูดอยู่นอกร้าน
“อ่อ สองขวด”
ไม่โง่แฮะ พอผมจะรับอีกฝ่ายดันไม่ยื่นให้ อะไรของมัน
“เห็นถือของเยอะ เดี๋ยวช่วย นายชื่ออะไร เราชื่อเก้า”
“โป้” ผมตอบสั้นๆ แสดงตัวตนชัดเจนขนาดนี้ รอดูหน่อยแล้วกันว่าจะมาไม้ไหน
“เราเห็นโป้ตอนแข่งบาส ชุดที่ใส่ตอนแรกสุดยอดมาก เพื่อนเราตาค้างทุกคน ไม่คิดเลยว่าจะอยู่หอในเหมือนกัน เราอยู่ชั้นสาม ห้อง 302 โป้อยู่ห้องอะไร” โอ้โหเฮ้ย! ไม่ถามเบอร์ ล่อถามเลขห้องเลย ออกตัวแรงมาก ผมขำ ยังไม่ทันจะอ้าปากพูดตัดบทสนทนาไร้สาระ มีแขนข้างหนึ่งกอดคอผม
“ทำไมช้านักวะ แล้วมึงเป็นใคร?”
ซัน กูอยากเอากระจกมาให้มึงส่องเหลือเกิน สีหน้ามึงตอนนี้นอกจากจะเถื่อนแล้วยังควบดีกรีความโหดเข้าไปอีก มันยิ่งอารมณ์ไม่ดีเรื่องมิทอยู่ อย่าใช้โอกาสนี้ระบายอารมณ์นะเฟ้ย ผมไม่อยากโดนข้อหาสมรู้ร่วมคิด
“เพื่อนโป้? เป็นวิศวะ??” นายเก้าแสดงสีหน้าชัดเจนว่าข้องใจมาก คงจะสงสัยล่ะสิ สองคณะไม่ถูกกัน แถมในสนามแทบจะฆ่ากันตายไหงมากอดคออยู่นี่ได้
“เออ กูเป็นรูมเมทโป้ ไป ไหนมึงบอกจะทายาให้กูไง” เพื่อนถึกออกแรงลาก ผมยื้อตัวไว้ ดวงตาคมตวัดมอง ทีมันโมเมว่าผมจะทายาให้ ผมยังไม่ชักสีหน้าใส่มันสักนิด
“ใจเย็นดิ๊ กูเอาเกลือแร่ก่อน” ซันหรี่ตามองเกลือแร่สองขวดในมือเก้า ทางนั้นไม่ดื้อดึง ยอมยื่นให้แต่โดยดี ซันมันดันเมินหน้าตาย เปิดตู้หยิบขวดใหม่แล้วลากผมไปคิดเงิน ปล่อยเก้ายืนทำหน้างงอยู่อย่างงั้น เอาไว้ผมจะคุยดีๆ กันที่หลังนะถ้ามีโอกาส ดูเผินๆ แล้ว เก้าไม่น่าจะนิสัยแย่อะไร แค่สนใจเลยมาคุยถือเป็นเรื่องปกติมาก ขนาดผมแต่ก่อนยังมีบ้างเลย ที่สำคัญโดนซันมันดักขนาดนี้ คงล้มเลิกความคิดจะจีบผมไปแล้วแหละ
จ่ายเงินเสร็จเราหารตังกันคนละครึ่ง พวกเราเดินขึ้นบันไดมาชั้นบน ขนาดถึงห้องซันก็ยังมีท่าทางหงุดหงิดเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนจากเรื่องมิทเป็นเรื่องผมแทน
“มึงอย่าไปคุยกับมันอีก แม่งโคตรไม่น่าไว้ใจ”
ผมมองซันด้วยสายตาว่างเปล่า รู้มั้ย มึงตอนนี้ทำตัวอย่างกับเด็กหวงเพื่อน ผมถอนหายใจกับความขี้ห่วงของมัน คว้าผ้าขนหนูยัดใส่มือไล่มันไปอาบน้ำซะ จะได้หัวเย็น
“เออน่ะ กูตัดสินใจเอง ถ้ากูอ่อนขนาดนั้น กูคงไม่มีชีวิตรอดมาจนถึงปัจจุบันหรอก มึงไปอาบน้ำไป จะให้กูทายาให้ไม่ใช่ไง”
ซันชะงัก ต้องให้ผมเตือนสติมันตลอดๆ นี่ถ้าไม่ติดว่าผมรู้เรื่องมันรักเพื่อน ผมคงเข้าใจว่ามันคิดอะไรกับผมแล้วนะเนี่ย ตั้งแต่เรื่องถอดเสื้อในห้อง
“ไม่ มึงอาบก่อน เดี๋ยวกูค่อยอาบ แล้วเรามาสลับกันทายา”
ผมพยักหน้ารับส่งๆ หยิบผ้าขนหนูของตัวเองเข้าไปอาบแทน พอออกมาซันเข้าต่อ ผมเห็นว่ารอยช้ำตัวเองทาเองได้ เลยจัดการซะ จะมาสลับให้กันทาทำไมเสียเวลา ไหงพอซันออกมาชักหน้าหงิกใส่ผมอีกล่ะ
“มานี่ คิดว่ามีแค่นั้นรึไง หลังมึงก็ช้ำ บอกให้รอกูทำไมไม่รอ”
“กูไม่ได้เป็นง่อยนี่หว่า”
“เออ มึงไม่ได้ง่อย แต่มึงไม่มีตาหลัง หมาตัวไหนทำช้ำขนาดนี้วะ” หมาซันไงครับแหม่ ถามมาได้ ถ้าขืนผมสวนไปมีหวังได้เถียงกันยาว ผมชวนมันคุยเรื่องอื่น พอมันทายาให้ผมเสร็จ ผมก็ทายาให้มันมั่ง
“กูไม่ได้ช้ำจนน่ากลัว แค่กูผิวขาวมันเลยเห็นชัด ไม่เหมือนมึง ดำ แทนมองไม่เห็นว่าตรงไหนช้ำตรงไหนปกติ ทาลำบากชิบ”
ผมก้มอยู่แถวท้องมัน เอ้อ ซันมันเปลือยท่อนบน ส่วนผมหลังทายาเสร็จถูกบังคับให้ใส่เสื้อ เอาวะ คราวนี้ไม่มีผมที่เสียเปรียบอยู่ฝ่ายเดียว เงยหน้ามาจะบอกให้มันหันหลังดูจุดอื่น ดวงตามันมองนิ่ง มือหนาจับปลายรากไทรผมเล่น
“ผมมึงนุ่มดี หอมด้วย”
ผมขมวดคิ้ว อย่ามายั่วเดี๋ยวจัดท่าจระเข้ฟาดหาง มือดันตัวมันออกแล้วจับหันหลัง เอานิ้วป้ายยาจิ้มๆ ใส่จุดที่ช้ำ จงใจเน้นหน่อยด้วยความหมั่นไส้โทษฐานทำผมใจเต้นไปวูบหนึ่ง