พิมพ์หน้านี้ - }Preorder{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) พิเศษมูน-จิน5 P.14 [31/10/60]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Silver Fish ที่ 03-02-2016 04:10:51

หัวข้อ: }Preorder{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) พิเศษมูน-จิน5 P.14 [31/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 03-02-2016 04:10:51
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

****************************************************************************************

เรื่องย่อ
     หนุ่มเหนือนาม 'ปีโป้' เปลี่ยนแนวจากการอยู่ต่างจังหวัดมาเรียนในกรุงเทพ พร้อมพกความลับหนึ่งอย่างติดตัวไปอยู่หอพักของมหาลัย เพียงแค่ไม่ถึงเทอมเขาเปลี่ยนรูมเมทไปแล้วสองครั้ง! คนแรกเป็นหนุ่มน้อยน่ารักเหมือนลูกแมว ส่วนคนที่สองเป็นหนุ่มเถื่อนนิสัยไม่เข้ากับหน้าตา
อีกคนสถาปัตย์
อีกคนวิศวะ
กลับมาอยู่ ห้องเดียวกัน
       น่ากลัวตรงที่ว่าเขาเป็นเกย์ แล้วรูมเมทดันตรงสเปคซะนี่ ช่วงแรกยังอยู่กันดี ไม่รู้วันไหนจะกระชากคอเสื้อต่อยกัน ไม่แน่บางทีอาจกลายเป็น ตบด้วยปาก กระชากด้วยลิ้น ไม่ดีไม่เอา เดี๋ยวฟินตาย~
     เรื่องราวของทั้ง ซัน และ โป้ คู่แยกจากนิยายเรื่อง หนุ่มวายยกกำลังสอง อยู่ตรงหน้าทุกท่านแล้ว

สารบัญ

ยกที่1 สเปก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51735.msg3298901#msg3298901)
ยกที่2 เพื่อนของเพื่อน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51735.msg3299963#msg3299963)
ยกที่3 เจิด (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51735.msg3300748#msg3300748)
ยกที่4 เสื้อ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51735.msg3301793#msg3301793)
ยกที่5 ความลับ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51735.msg3302812#msg3302812)
ยกที่6 กลับบ้าน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51735.msg3307735#msg3307735)
ยกที่7 หอน้อยคอยรัก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51735.msg3309471#msg3309471)
ยกที่8 คนป่วยไม่ผิด (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51735.msg3310698#msg3310698)
ยกที่9 แฟน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51735.msg3311917#msg3311917)
ยกที่10 วันพิเศษ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51735.msg3314432#msg3314432)
ยกที่11 เตรียมตัว (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51735.msg3320045#msg3320045)
ยกที่12 สวนน้ำ(1) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51735.msg3326256#msg3326256)
ยกที่13 สวนน้ำ(2) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51735.msg3331405#msg3331405)
ยกที่14 ผมไม่จนนะครับ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51735.msg3375727#msg3375727)
ยกที่15 เกย์ก็แมนนะเฮ้ย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51735.msg3387367#msg3387367)
ยกที่16 งานก็มา (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51735.msg3405469#msg3405469)
ยกที่17 รุ่นพี่ต่างคณะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51735.msg3414404#msg3414404)
ยกที่18 สนใจ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51735.msg3423836#msg3423836)
ยกที่19 คำถาม? (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51735.msg3434575#msg3434575)
ยกที่20 ชัดเจน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51735.msg3435825#msg3435825)
ยกที่21 เข้าใจตรงกันนะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51735.msg3436863#msg3436863)
ยกที่22 คนจริง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51735.msg3452971#msg3452971)
ยกที่23 ตัวตนของซัน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51735.msg3464073#msg3464073)
ยกที่24 แค่คุณ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51735.msg3480931#msg3480931)
ยกที่25 เสียสละ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51735.msg3509031#msg3509031)
ยกที่26 ลักนะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51735.msg3530391#msg3530391)
ยกที่27 สามีที่ดี (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51735.msg3557598#msg3557598)
ยกที่28 เบา เบา (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51735.msg3564978#msg3564978)
ยกที่29 ความลับของ... (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51735.msg3564978#msg3564978)
ยกที่30 ต่างคนต่างคิด (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51735.msg3620188#msg3620188)
ยกที่31 มิดเทอม (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51735.msg3626465#msg3626465)
ยกที่32 โต๊ะจ๋าพี่มาแล้ว (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51735.msg3648144#msg3648144)
ยกที่33 ฉันจะบินบินไป (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51735.msg3661860#msg3661860)
ยกที่34 ปิ๊กบ้าน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51735.msg3666651#msg3666651)
ยกที่35 สานสัมพันธ์ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51735.msg3677946#msg3677946)
ยกที่36 ปล่อยมันไป (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51735.msg3679553#msg3679553)
ยกที่37 คนละครึ่ง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51735.msg3685140#msg3685140)

(https://upic.me/i/ib/m7li8.jpg)

ซีรีย์มหาลัย
หนุ่มวายยกกำลังสอง (เฟย์xปอนด์) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47430.msg3098237#msg3098237) [จบแล้ว]
Contract มาเฟีย (ป๋าxมิท) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54115.msg3391025#msg3391025) [จบแล้ว]
ผมยอมเป็นหมาถ้าพี่รัก (ริวxธัน) (http://) [coming soon]
??? (วาxเล่) (http://) [coming soon]

แนวแฟนตาซี
Charm Online สาปผมเป็นแวมไพร์ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.0) แนวเกมเข้าใจง่าย [จบแล้ว]
มิติมายา ผมกลายเป็นเงือก (http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1515406) แฟนตาซีโลกเวทมนต์สลับโลกไฮเทค

เรื่องสั้น
Yuki Hana โนบุยูกิxนาคาอิ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54310.msg3399635#msg3399635)
ข้าวโพดสื่อรัก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55283.msg3450873#msg3450873)
บทบาทพระรอง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55794.msg3477847#msg3477847)
I'm come back [Omegaverse,เกิดใหม่] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60291.msg3646857#msg3646857)

ติดต่อตบตีได้ที่
https://www.facebook.com/pages/Silver-Fish/1539533922963776
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่1 Up3/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 03-02-2016 04:12:12
ยกที่1สเปค

   บางที การเรียนต่างถิ่นอาจเปิดโอกาสหลายๆ อย่างให้กับตัวเอง เจอเพื่อนใหม่ พบสังคมใหม่ เปลี่ยนสภาพแวดล้อมไปจากเดิม...ก็อ้างไปเรื่อยแหละ ความจริงผมแค่อยากจะหนีจากที่บ้านใหญ่มาเท่านั้นเอง ตัวผมเป็นคนเชียงใหม่ ถ่อสังขารมาเรียนถึงเมืองกรุงเพื่อเปิดโลกกว้าง

   แต่เรื่องโอกาสนี่ได้จริงๆ นะ โอกาสเจออาหารตาไง...

   ยามสายที่แดดแผดเผา ผมนอนเหงื่อแตกอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเล็ก อันประกอบด้วยเตียงสองชั้นวางติดผนังซ้ายขวา ตู้เสื้อผ้าแบบเหล็กอย่างกับในค่ายทหาร โต๊ะเหล็กและเก้าอี้ไม้อย่างละสอง มีระเบียงอันน้อยนิดพอไม่รู้ว่าเป็นที่ตากผ้า ด้านซ้ายขวาของระเบียงเป็นห้องน้ำกับห้องอาบน้ำแยกกัน ส่วนอ่างล้างหน้าอยู่ด้านนอกแถวที่ต่างผ้าแหละ ผมก็ไม่เข้าใจว่าคนออกแบบต้องการอะไรจากสังคมเด็กหอ

   ด้วยความที่เป็นเด็กต่างจังหวัดและเพิ่งเข้ากรุงครั้งแรก ไม่รู้ที่ทางแถวนี้เลย ผมจึงตัดสินใจอยู่หอพักของมหา’ลัยศึกษาลู่ทางแถวนี้แล้วค่อยย้ายออก ก่อนหน้านี้ผมมีรูมเมทหนึ่งคน เขาเป็นผู้ชายร่างเล็กหน้าละอ่อน ซึ่งตอนนี้ย้ายออกไปอยู่กับพี่ชายต่างสายเลือดเรียบร้อย แต่ยังมีน้ำใจแนะนำเพื่อนอีกคนให้มาอยู่แทน ผมเลยไม่ต้องแห้งเหี่ยวเดียวดายอยู่ในห้อง

   รู้สึกว่าจะมาวันนี้แหละ แต่ไม่รู้ว่าจะมากี่โมง ผมนอนกองกับพื้นกระเบื้องแนบแก้มเอาความเย็นตาเหล่มองนาฬิกามือถือ สิบโมงแล้วยังไม่เห็นวี่แววรูมเมทคนใหม่ เอาวะ! อาบน้ำสักแป๊บคงไม่เป็นไรมั้ง

   คว้าผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำสลัดเสื้อเหม็นเหงื่อทิ้งแล้วเปิดน้ำเย็นชโลมกาย รู้สึกสดชื่นเหมือนได้เกิดใหม่ ระหว่างกำลังฮัมเพลงสระผมถูสบู่อย่างอารณ์ดี เสียงนรกบังเกิด มีคนเคาะประตูอยู่หน้าห้อง ทีแรกผมเข้าใจว่าห้องอื่นจนกระทั่งเสียงเคาะมันเปลี่ยนเป็นเสียงทุบนี่แหละ รีบล้างตัวล้างตัวคว้าผ้าขนหนูพันเอวออกมาแทบไม่ทัน แม่เจ้าเว้ย ท่าทางจะอารมณ์ร้าย ประตูหอจะพังไหมเนี่ย

   “มาแล้วเว้ย!!” ตะโกนแกมประชดมือเปิดประตู สิ่งที่เห็นทำเอาผมอ้าปากค้างตรงข้ามกับอีกคนที่ทำหน้าบูด

   “เปิดช้าฉิบหาย” มาถึงบ่น คิ้วเข้มขมวดยุ่ง “ถอยไปดิ้ กูจะเข้าห้อง” เสียงทุ้มพูดออกมาทำให้ผมได้สติ พยักหน้ารับเปิดทางให้อีกฝ่ายเข้าห้องก่อนปิดประตู ไอ้หมอนี่คงเป็นรูมเมทคนใหม่

   ผมกวาดตามองบนลงล่าง ล่างขึ้นบน ชายร่างสูงใหญ่หุ่นนักกีฬาสวมเสื้อยืดกางเกงยีนหนีบแตะสะพายเป้ใบใหญ่ ผมดำสั้น ตาคม จมูกโด่งหน้าเข้ม เฮ้ย! หล่อ หล่อมาก!! หล่อแบบออกเถื่อนนิดๆ เชี่ย สเปค!!

   อึ้งอะไรกัน อ่อ ผมลืมบอกสินะ อะแฮ่มฟังกันให้ดี ผมหนุ่มเหนือนามปีโป้เป็นเกย์ครับท่าน เรื่องนี้เป็นความลับนะ เงียบๆ ไว้เดี๋ยวไก่ตื่น แม้ผมจะไม่ใช่พวกฟาดไม่เลือกแต่ขออาหารตาไว้ดูก็ยังดี ผมกอดอกมองสำรวจอีกฝ่ายเพลินๆ

   “แล้วเตียงกูอยู่ฝั่งไหน?”

   “ของกูฝั่งซ้าย มึงฝั่งขวา หรืออยากเปลี่ยน?” ผมเลิกคิ้วถาม เขาส่ายหัว โยนของไปฝั่งที่ว่างอยู่ จู่ๆ เขาผละจากของตัวเองเดินไปทางมุมห้องฝั่งของผมหยิบไม้ทีขึ้นมา ขณะเดียวกับที่ผมสังเกตหนังสือเรียนของอีกฝ่าย เราสองคนมองหน้ากัน

   “วิศวะ? / สถาปัตย์?”

ต่างคนต่างเงียบคุมเชิงกัน ผมไม่มีอคติเรื่องสองคณะไม่ถูกกันนะ อาจจะไม่ถูกกันจริง แต่มันก็มีทั้งคนดีและไม่ดี จะเหมาหมดก็ดูจะใจร้ายไปหน่อย อีกอย่าง ตราบใดที่ทางนั้นไม่เริ่มก่อน ผมไม่คิดลงมือ

ภาพรูมเมทหน้าละอ่อนลอยขึ้นมาทันที โธ่เอ๊ย ไอ้ตัวเล็ก ดันลืมบอกเรื่องสำคัญกับพวกเราซะแล้ว ผมคิดอย่างอ่อนใจ เหมือนเราจะนึกถึงคนเดียวกันอยู่ สุดท้ายเลยหลุดหัวเราะทั้งคู่

“ฮ่าๆๆ!”

“ถึงคณะจะไม่ถูกกัน แต่ใช่จะมีเรื่องคอขาดบาดตายสักหน่อย ยินดีที่ได้รู้จักไอ้เด็กวิศวะ กูชื่อโป้” ผมยักคิ้วให้

“กูซัน ส่วนใหญ่ก็แค่แข่งกัน หมั่นไส้กันเองมากกว่าจะต่อยตี บอกไว้ก่อนถึงเป็นรูมเมทแต่งานแข่งกีฬาคณะกูไม่ออมมือนะเว้ย โป้สถาปัตย์” มันท้าทายกลับ เรื่องอะไรจะยอม อย่าคิดว่าความหล่อจะทำให้ผมใจอ่อนไปซะหมดนะ

   “หึ อย่าหลุดกากแล้วกัน”

   “เชี่ย ปากดีงี้ เจอกันในสนามดีกว่าว่ะ”

   พวกเราจับมือกัน งานนี้สนุกแน่

   “แล้วมึงไม่คิดจะแต่งตัวรึไง หรือเป็นพวกชอบโชว์” หนุ่มเถื่อนเลิกคิ้วมอง ผมชะงักเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองยังนุ่งผ้าขนหนูตัวเดียว ความจริงห้องแคบๆ แบบนี้ผู้ชายตัวใหญ่สองคนมาอยู่ด้วยกัน เวลาซันจัดของสวนผมไปมาต้องมีส่วนใดส่วนหนึ่งในร่างกายที่โดนกันบ้าง ซันมันคงไม่คิดอะไรหรอกเพราะมันเหมือนจะเป็นผู้ชายแท้ๆ แต่ผมนี่สิ ควรจะไสหัวตัวเองไปแต่งตัวสักที

   ผมชูนิ้วกลางใส่มันข้อหาที่ว่าผมเป็นพวกชอบโชว์แล้วหลบหยิบชุดใหม่ไปเปลี่ยนในห้องน้ำ ใช่ว่าชายสองคนจะเหนียมอายกัน แต่หอในมันไม่มีผ้าม่าน ขืนเปลี่ยนในห้องโต้งๆ ได้กลายเป็นอาหารตาให้สาวหอตรงข้ามพอดี ติดกับหอของมหา’ลัยเป็นหอพักนอก มีเสื้อผ้าตากตรงระเบียงประปรายบ่งบอกว่ามีคนอยู่ อนาคตไม่แน่ผมอาจจะย้ายไปอยู่หอนั้นก็ได้ ต้องรอดูกันไปก่อน

   ซันใช้เวลาไม่นานในการเก็บข้าวของเข้าที่ พวกผู้ชายไม่ค่อยมีข้าวของอะไรเยอะนักหรอก

   เรื่องราวหลังจากนั้นไม่มีเหตุให้ตีกันแต่อย่างใด ผมกับซันอยู่กันอย่างสงบสุข เช้าตื่นมาสลับกันเข้าห้องน้ำเปลี่ยนเสื้อพาไปมหา’ลัย รับน้องเสร็จแทบจะคลานกลับห้อง คณะพวกเรารับน้องโหดทั้งคู่ ดูเผินๆ ไม่ได้ต่างจากคนอื่นเท่าไหร่ เอาความจริงนะ พวกเด็กหอรูมเมทใช่ต้องสนิทกันตัวติดไปไหนด้วยกันตลอด อันนั้นมันกรณีที่เป็นเพื่อนกันมาก่อน ไม่ก็พวกเรียนสาขาเดียวกันแล้วมาแชร์ห้องประหยัดค่าเช่า

   ตรงข้ามกับพวกผม แค่คณะก็ไปคนละทาง เวลาก็ไม่ตรงกัน ต่างคนต่างมีสังคมเพื่อนเป็นของตัวเอง อาจจะมีบ้างที่ชวนกันไปกินข้าวเย็นหากมีเวลา แต่ส่วนใหญ่แค่เจอก็ทักทายกันนิดหน่อยแล้วกลับมาอาศัยหอเป็นที่ซุกหัวนอนมากกว่า

   บางคืนพวกเพื่อนกับรุ่นพี่ชวนไปดื่มบ้าง รอบไหนเมาหนักนอนตายห้องเพื่อน รอบไหนเลิกไวลากสังขารกลับได้ ก็จะกลับมานอนที่หอ กลิ่นเหล้างี้ไม่ต้องพูดถึง ปกติซันไม่ได้รอผม เขานอนก่อนเลย แต่วันนี้มาแปลก พ่อเจ้าประคุณนอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียง

   เอ้อ นี่ก็อีกอย่าง ซันมันเป็นวิศวะประสาอะไรไม่รู้ แทบไม่ออกไปแดกเหล้ากับเพื่อนฝูง อยู่ห้องถ้าไม่นอนก็จะอ่านหนังสือ ดูแล้วโคตรเด็กเรียนไม่เข้ากับหน้าตาสุดๆ แต่ความเถื่อนยังคงเดิมนะ อันนี้ผมรับประกัน หลังจากเห็นอีกฝ่ายไปเตะประตูห้องอื่นที่เสียงดังจนไม่ได้นอน กระชากคอเสื้อเกือบลากพวกนั้นมาชก ดีที่ผมห้ามไว้ไม่งั้นงานเข้า

   ดวงตาคมเหลือบมองนาฬิกาปลุกบนโต๊ะเหนือหัว

   “ไมกลับมาไว”

   น้ำเสียงเหมือนประชด แต่ความจริงมันไม่มีอะไรเลย ดีที่ผมเป็นคนใจเย็นและมีมนุษย์สัมพันธ์ดีมาก เลยไม่เอาท่าทางกวนของเขาเก็บมาใส่ใจ เพราะผมเองก็กวนน้อยซะที่ไหน

   “ร้านมีคนตีกันเลยวงแตก” ผมตอบไปตามจริงพลางถอดเสื้อออก เหม็นกลิ่นเหล้ากับบุหรี่มาก รู้สึกเหนียวตัวเพราะวิ่งหลบลูกหลงชาวบ้านด้วย

   “เข้าไปถอดในห้องน้ำดิ แสลงตากู”

   ซันมันบอก ผมหันไปมองมันงงๆ หนังตาตกนิดหน่อยเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ แต่สติผมครบถ้วนสมบูรณ์นะ ไม่ได้คออ่อนขนาดนั้น

   “อะไร กูถอดแบบนี้ของกูทุกวัน หรือผีสาวเข้าสิงมึง”

   ผมยกยิ้มมุมปากมอง ไอ้ซันลูบหน้าพรืด ช่างมัน อาบน้ำดีกว่าจะได้นอน

   “เชี่ย! ท่อนล่างมึงก็ยังจะถอด หน้าด้านสัตว์ ไปเลยนะมึง เข้าห้องน้ำไปเลย”

   มันโวยผมใหญ่ เอ้าไอ้นี่ หรือมันจะเปลี่ยนใจจากชายแท้เป็นเกย์ ผมพร้อมสนองนะจะบอกให้ เล็งอยู่ทุกวัน ปากดีไปงั้น ความจริงผมไม่กล้าหรอก ผู้ชายส่วนใหญ่มักไม่ชอบเพศที่สาม ยิ่งต้องมาอยู่ร่วมห้องกันไม่อยากจะพูดถึง เดี๋ยวผมโดนมันกระทืบตายคาห้องพอดี ที่สำคัญผมไม่อยากจะเห็นสายตาดูถูกจากรูมเมทตัวเอง

   “ปิดไฟไมวะ” ผมถามมันที่จู่ๆ ก็ปิดไฟเฉย

   “มึงยังกล้าถามกูอีกเรอะ ตรงข้ามไม่ใช่ป่านะเว้ย มันเป็นหอ”

   “แล้วไง” ผมไม่เข้าใจมันจริงๆ นะเนี่ย น้ำเสียงมันเหมือนจะเป็นห่วง หรือมันจะเป็นแบบผม อยู่กับรูมเมทคนก่อนมากเกินไป ปลุกนิสัยช่างดูแลในตัวขึ้นมา ถ้าเทียบกับผู้หญิงคงปลุกสัญชาตญาณความเป็นแม่มั้ง งี้ผมกับซันก็ปลุกสัญชาตญาณความเป็นพ่อดิ ฮ่าๆ พิลึก ผมคิดอะไรอยู่วะเนี่ย ไร้สาระสุดๆ สงสัยผมจะเมาแล้วจริงๆ

   “เชี่ยโป้ กูไม่รู้จะพูดอะไรกับมึงแล้ว มึงคิดว่าตัวเองหล่อแมนนักเหรอวะ หรือคิดว่าตัวเองหน้าตาเหมือนปลวก เกิดฝั่งตรงข้ามมันเป็นพวกเกย์นิสัยเหี้ยขึ้นมาบุกปล้ำมึงจะทำไง กูไม่ได้อยู่ห้องตลอดนะเว้ย เออ มึงอาจจะต่อยตีได้ เกิดมันพาพวกมารุมหลายคน...”

   “เดี๋ยวซัน มึง ใจเย็น หายใจลึกๆ”

   กลายเป็นผมที่ต้องบอกให้ซันใจเย็น ตกลงใครเมา แต่ที่แน่ๆ ผมสร่างเลยครับ แม้แสงสลัวจากด้านนอกทำให้ไม่เห็นใบหน้ามันชัดเจน แต่ผมมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์เลยว่า หน้าไอ้ซันตอนนี้คงเถื่อนได้ที่

   “ตอนเย็นกูแวะไปซื้อข้าวกินก่อนขึ้นหอได้ยินพวกคณะอื่นมันคุยกัน...” เห็นมันเกริ่นเหมือนจะเล่าเรื่อง ผมเงียบนั่งลงตั้งใจฟังดีๆ พยักหน้าให้สัญญาณมันเล่าต่อ มันยกมือขยี้ผมท่าทางหงุดหงิด

   “พวกมันน่าจะอยู่หอตรงข้ามกับพวกเรา เหมือนว่าหนึ่งในกลุ่มพวกมันจะเป็นเกย์” ผมแอบสะดุ้งกับคำว่าเกย์ ดีที่ซันมัวตั้งใจเล่าเลยไม่ทันสังเกตเห็น

   “อ่าฮะ แล้วไงต่อวะ”

   “มึงเป็นผู้ชายน่าจะเข้าใจดี เวลากลุ่มผู้ชายอยู่ด้วยกันคุยกันแต่เรื่องหยาบโลน มันพูดเรื่องแย่ๆ เกี่ยวกับตัวมึง”

   “เพราะงี้มึงเลยรอเพื่อเตือนกูสินะ” เกือบจะทำหน้าซาบซึ้งให้มันแล้ว มิตรภาพเล็กๆ ระหว่างรูมเมท เพื่อนเอ๋ย กูคงไม่กล้าบอกมึงว่าเป็นเกย์มากกว่าเก่า เอาเป็นว่าไว้ต่างคนต่างแยกหอค่อยบอก ไม่ก็เป็นความลับตลอดกาลไปเลยแล้วกัน!

“ก็นั่นแหละ พอดีกูเล่าเรื่องมึงให้เพื่อนฟัง” อ่าฮะ ไม่แปลก รู้สึกซันจะมีกลุ่มเพื่อนของตัวเอง ไม่เหมือนผม ลอยไปลอยมาเข้ากับทุกคนได้หมด จะชายหญิงไม่เกี่ยง

   “มิทเพื่อนกูมันรู้เรื่องพวกนี้เยอะ มันบอกว่าลักษณะอย่างมึงเป็นที่นิยมในหมู่เกย์มาก”

   “อืมๆ ว่าต่อ” ผมพยักหน้ารับรอฟังมัน

   “กูเลยลองไปเปิดในเน็ต เดี๋ยวนี้นะเว้ย ไม่ใช่แค่ผู้หญิงแล้ว ผู้ชายก็มีโอกาสโดนข่มขืนได้ ดังนั้นมึงต้องระวังให้มาก” คราวนี้ผมมองมันด้วยสายตาแปลกๆ บ้าง เหมือนมันจะสัมผัสได้เหมือนกัน ตบหัวผมแทบทิ่ม อ้าวไอ้นี่ เล่นถึงหัว

   “กูเข้าใจสิ่งที่มึงต้องการจะสื่อระ แต่กูถามอย่าง มึงกับกูเป็นรูมเมทกันก็จริง แต่รู้จักกันไม่กี่อาทิตย์ ไม่คิดว่ามึงเป็นห่วงกูมากเกินไปมั่งเหรอ”

   ถามลองเชิง ดูปฏิกิริยามัน ซันชะงักไปราวกับเพิ่งรู้สึกตัว เจ้าตัวเกาหัว

   “ไม่รู้ว่ะ สงสัยนิสัยกูจะออก คนรู้จักกูทุกคนบอกว่ากูเป็นพวกรักเพื่อนมาก มึงเป็นรูมเมท แถมยังเป็นเพื่อนไอ้ตัวเล็กเท่ากับเป็นเพื่อนกูเลยนึกเป็นห่วงตามประสาเพื่อน”

   ตกลงมันกำลังหาคำตอบให้ตัวเอง ไม่ได้ตอบคำถามผมสินะ ช่างมัน ไม่อยากเซ้าซี้มาก ผู้ชายดีอย่าง เป็นพวกไม่คิดเล็กคิดน้อย ไม่คิดเยอะ ถ้ามันว่าเพื่อนก็คือเพื่อน เอาเข้าจริง ผมเองก็คิดว่ามันเป็นเพื่อนแล้วเหมือนกัน

   “เอาเป็นว่า หลังจากนี้กูจะระวังตัว ไม่แก้ผ้าต่อหน้ามึงอีก โอเคยัง กูจะได้ไปอาบน้ำสักที”

   พอผมจะลุก ซันมันคว้าแขนไว้

   “ต่อหน้าคนอื่นก็ห้ามนะเว้ย” ก็นึกว่ามันจะพูดอะไร ผมส่ายหัวรับเสียงยาน

   “คร้าบๆ”   

หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่1 Up3/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 03-02-2016 13:08:41
 :mew1:  ชอบคู่นี้
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่2 Up4/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 04-02-2016 15:34:44
ยกที่2 เพื่อนของเพื่อน

   ก่อนจะเริ่มเรื่องราวหลังจากนี้ ผมขออธิบายเพิ่มนิดหน่อย รูมเมทคนเก่าของผมชื่อปอนด์ เป็นเด็กไอทีซึ่งย้ายไปอยู่กับพี่ชายแล้วอย่างที่ผมเคยบอกไปก่อนหน้า ปอนด์เป็นรูมเมทของผมเราเลยรู้จักกัน แล้วปอนด์ก็เป็นเพื่อนของซันอีกที แถมเป็นคนแนะนำให้ซันที่กำลังหาหอมาแชร์ห้องกับผม

   ซันมันเลยเหมาว่า เพื่อนของปอนด์ก็เหมือนกับเพื่อนของตัวเองเลยแนะนำคนในกลุ่มให้ผมรู้จัก ผมมองเสียงเอะอะเบื้องหน้าด้วยรอยยิ้มไม่สื่อสิ่งใด

   ช่วงเวลาอันล้ำค่าสุดแสนจะหาได้ยากยิ่ง ผมได้พักช่วงจากการเรียน ประจวบเหมาะกับพวกรุ่นพี่ติดภารกิจบางอย่างทำให้งดรับน้องไปหนึ่งวัน ตั้งหนึ่งวันเชียวนะ! ในใจผมคิดแล้วว่า วันนี้กูจะขี้เกียจ กูจะไม่ซักผ้ารีบผ้า จะไม่ทำความสะอาดห้อง จะไม่เก็บของ จะไม่ทำห่าอะไรทั้งสิ้นนอกจากกินแล้วนอน

   หอในมีแค่พัดลมเพดาน อากาศด้านนอกโคตรร้อนระอุ นอนบนเตียงยางที่เค้านิยมใช้กันในหอพักแบบไม่มีเบาะนุ่มเป็นยางเช็ดทำความสะอาดง่าย คลุมด้วยผ้าปูเตียงบางๆ ยังรู้สึกร้อนจนเหงื่อแตก ผมเลยต้องถอดเสื้อนอนเหลือแค่กางเกงเจเจ นี่ผมเปลืองตัวไปรึเปล่า นิยายเพิ่งเริ่มไปสองตอน รู้สึกถอดเสื้อไปแล้วหลายรอบ

   เอาเถอะ ผมเป็นพวกขี้ร้อน ปกติอยู่บ้านก็ชอบถอดเสื้อ อยู่เหนือกับพวกเพื่อนก็พากันถอดนั่งแดกเหล้า ทุกคนไม่มีปัญหา มีแค่ไอ้ซันนี่แหละ ทำอย่างกับถ้าผมถอดเหมือนเวลาสาวเปลือยท่อนบน ปล่อยมันไป ตอนนี้มันไม่อยู่ ผมขอถอดผึ่งลมนอนตายต่อไป

   แกร้ก

   เสียงไขประตู? คงเป็นซันกลับมาจากเรียนช่วงเช้า หอในก็ดีงี้แหละครับ อยู่ใกล้มหา’ลัยไปกลับได้ตลอดเวลา เข้าไปเช็คชื่อแล้วโดดกลับมานอน พอใกล้ถึงเวลาเลิกค่อยตื่นไปให้จารย์เห็นยังได้

   “รูมเมทมึงอยู่ไหมวะ”

   เสียงไม่คุ้น ไม่ใช่ปอนด์ คงเป็นเพื่อนซัน

   “อยู่ วันนี้มันไม่มีเรียน” เฮ้ย! มึงมารู้ตารางเรียนกูได้ไงเนี่ย หรือว่าจะเป็นเมื่อวานตอนผมกลับมาห้องเห็นมันมาเดินด้อมๆ มองๆ แถวโต๊ะของผม

   “สวยอย่างที่เล่าให้ฟังป่าว” อีกเสียงแซว ขอโทษ กูเป็นผู้ชายครับแหม่ เอะอะกันขนาดนี้ ถึงอยากจะนอนก็นอนไม่หลับ ผมผงกหัวลุกขึ้นมาเปิดประตูให้พวกมันแม่ง จะลีลาคุยกันอยู่หน้าห้องทำไม

   เปิดประตูผ่าง ชายสามคนยืนออกันหน้าประตู คนแรกรูมเมทผมเอง อีกคนเหมือนผู้ชายเจ้าชู้ คนสุดท้ายสูงเปรตที่สุดหน้าตาดูลูกครึ่ง แต่มีสิ่งหนึ่งที่พวกมันเหมือนคือมองผมอ้าปากค้าง ผมที่โดนกวนเวลานอนกำลังหงุดหงิดเต็มที่ หัวทรงรากไทรยุ่งไม่เป็นทรง ดวงตาหรี่มอง คิ้วขมวด ซันมันได้สติก่อนใครรีบดันผมเข้าห้องไม่สนใจเพื่อนอีกสองคน

   “เหี้ย!”

   มาถึงสรรเสริญกูเลย

   “หล่อเหี้ยๆ” ผู้ชายเจ้าชู้พูดพลางเดินตามเข้ามา ปิดท้ายด้วยชายตัวสูงโย่ง

   “กูว่าสวยเหี้ยๆ มากกว่า”

   “พวกมึงจะชมกูอีกนานมั้ย” หงุดหงิด อยากนอน เดี๋ยวโดดเตะปากแม่ง

   “ทำไมมึงไม่ใส่เสื้อ” ไอ้ซันถามเสียงต่ำ ผมหันไปมองยกมือขยี้หัวให้มันยุ่งกว่าเดิม

   “กูร้อน พวกมึงตามสบายแล้วกัน กูขอนอนต่อล่ะ”

   ผมเดินกลับไปที่เตียง ห้องแม่งก็แคบเท่านี้ ไอ้ซันมันรั้งไว้ใช้นิ้วเกี่ยวสร้อยเชือกที่ซ้อนทับไปมาบนคอผม เชี่ย! เจ็บ ผมปัดมือมันออก มันเหมือนเพิ่งรู้ตัวสีหน้ารู้สึกผิด

   “ขอโทษ เจ็บมากมั้ย กูไม่ตั้งใจ เผลอไปหน่อย” มันละล้าละลังเข้ามาดูคอผม ผิวขาวไง แล้วบังเอิญว่าความเกรียมแดดนิดๆ เทียบกับซันแล้วกลายเป็นขาวโอโม่ ขึ้นรอยแดงชัดเจน

   “ไม่เป็นไรแค่นี้ กูชื่อปีโป้ เรียกโป้ก็ได้ รูมเมทไอ้ซัน อยู่สถาปัตย์ พวกมึงคงอยู่วิศวะ?”

   ผมโบกมือให้ซัน ตื่นเต็มตาอารมณ์เริ่มเย็นลง ผมก็พาลมันมากไป มันแค่เป็นห่วงตามประสาเพื่อน ย้ำ เพื่อน! เลยจัดการเปลี่ยนเรื่องไปแนะนำตัวกับไอ้สองตัวที่มองผมกับซันด้วยสายตาแปลกๆ ที่แน่ๆ ผู้ชายท่าทางเจ้าชู้นั่นมันเป็นเกย์เหมือนผมชัวร์! ไอ้ซันมันรู้รึเปล่าเนี่ย ว่ามีเพื่อนเป็นเกย์ แล้วคนที่บอกเรื่องผู้ชายถูกข่มขืนคงเป็นมันด้วยสินะ หน้าตาบ่งบอกยี่ห้อชั่วร้ายมาก

   มันที่ผมจ้องเหมือนจะรู้ตัว เขายักไหล่แนะนำตัวบ้าง

   “กูมิทรี่ อยู่วิศวกรรมไฟฟ้า” มิทรี่ ชื่อบ่งบอกว่าไม่ใช่ไทยแท้เหมือนผมกับซันแน่นอน แต่ครึ่งชาติไหนไม่รู้นะ มิน่าสีผมกับสีตามันถึงแปลกๆ ทีแรกผมคิดว่าย้อมกับใส่คอนแทค สีจริงเหรอเนี่ย มิทมันผมสีน้ำตาล ตาสีดำออกเทา

   “ริววิศวอุตสาหการ ยินดีที่ได้รู้จักนะโป้”

   ชื่อชัดเจน หน้าตาให้ ลูกครึ่งญี่ปุ่น แต่ไหงมันสูงนักวะ หรือสมัยนี้คนญี่ปุ่นเขาสูงกันแล้ว ผมเอะใจอะไรบางอย่าง มิทวิศวกรรมไฟฟ้า ริวช่างอุตฯ ผมหันขวับไปทางซัน

   “อะไร” ผมเลิกคิ้วถาม หล่อทุกท่วงท่าจริงมึง

   “มึงเรียนไร” คราวก่อนเห็นหนังสือรู้ว่ามันวิศวะก็จริง แต่เป็นวิชาพื้นฐานของคณะนี้ ผมเลยไม่รู้ว่าตกลงมันไปทางไหน

   “เคมี”

   ชัดเจน มิน่ามันถึงชอบอ่านหนังสือนัก เรียนสายโคตรยากเลยนี่หว่า แต่หน้าตามันโคตรให้อารมณ์เด็กช่างไปต่อยตีกับชาวบ้านสุดๆ หวังว่าวันดีคืนดีมันคงไม่เอาบีกเกอร์ไปกระแทกหัวใครนะ คิดแล้วขำกับการมโนไร้สาระของตัวเอง

   “โป้ยิ่งกว่าที่คิดซะอีก หน้าหล่อออกสวย ตัวสูงโปร่งผิวขาว หุ่นดี ไม่มีไขมันส่วนเกิน น่ากลัวว่าจะไม่ใช่แค่ผู้ชายที่อยากจับกด ผู้หญิงคงไม่เว้น เดี๋ยวนี้เริ่มมีเทรนหนุ่มหน้าสวยแล้วนะ”

   มิทนั่งเท้าคางบนเตียงซันวิจารณ์ผมซึ่งๆ หน้า แต่สายตาเหล่ไปมองทางซัน ไอ้หมอนี่อันตราย มันกำลังแกล้งเพื่อนตัวเองและผมในเวลาเดียวกัน

   ซันถูกเตือนสติไล่ให้ผมไปใส่เสื้อผ้าโดยมีริวมองตามอย่างเสียดาย เวรล่ะ คงไม่ใช่ว่ามันเกย์ยกกลุ่ม มีแค่ไอ้ซันคนเดียวไม่รู้เรื่องรู้ราวกับเขาหรอกนะ

   และด้วยเหตุนี้ผมถึงได้มานั่งมองพวกมันคุยกันอย่างปัจจุบัน มิทนอนบนเตียงซัน ริวกับซันนั่งบนพื้น ส่วนผมนั่งบนเตียงตัวเอง ได้เพื่อนใหม่แทนการพักผ่อน ผมควรดีใจไหม

   “ทีแรกโป้เปิดประตูมาตกใจแทบแย่ นึกว่าไอ้ซันมันพามาผิดห้องซะแล้ว โป้อย่างแจ่มอะ หัวรากไทร เจาะหูข้างหนึ่ง พันเชือกที่คอแนวๆ”

   ริวมันพูดอย่างออกรสออกชาติ ให้ตายสิ ขนาดนี้ยังไม่พ้นเรื่องของผม ตกลงซันมันพาเพื่อนมาดูผมแทนที่จะพามาเที่ยวห้อง

   “ไม่หรอก กูเห็นมา สถาปัตย์กับนิเทศคนอื่นยิ่งกว่าโป้อีก โป้นี่ธรรมดาไปเลย ไม่ได้ชมว่าไม่ดีนะ แบบนี้กำลังพอดี ไม่เว่อเกิน ไม่จืดชืดแบบไอ้ซัน”

   มิทเสริมขึ้นมา ดูมันเป็นพวกชอบแต่งตัวพอสมควร เสื้อนศ. มันดูจากเนื้อผ้าราคาไม่ใช่ถูกๆ ไม่นับกางเกงกับรองเท้าที่ผมเห็นมันถอดอยู่หน้าประตู ผมเซตอย่างดี ได้กลิ่นน้ำหอมมาจากตัวมันด้วย

    ส่วนริวจะเป็นแบบสบายๆ ไม่แบรนด์ตลาดและไม่หรูหราเกินความจำเป็น นอกนั้นชุดนศ. ปกติ ที่เหลือไอ้ซัน ตัวมันมีแค่นาฬิกาข้อมือเรือนเดียว จืดชืดอย่างที่มิทว่าจริงๆ แหละ แต่มันหล่อไง คนหล่อมีชัยไปกว่าครึ่ง ยิ่งมันหุ่นดีมาดแบดบอยสาวหลง ต่อให้มันใส่เสื้อตัดอ้อยสาวก็กรี๊ดล่ะวะ

   “กูหล่อ จบมะ”

   ไม่มีใครเถียงมัน มิททำหน้าเหม็นเบื่อใส่ ริวหันหน้าหนี ผมส่ายหัว

มิทมันชวนคุยเก่ง ไม่นานผมก็เข้ากับกลุ่มมันได้อย่างลงตัว ถึงได้รู้ว่าความจริงกลุ่มมันมีเพื่อนอีกคน เป็นเพื่อนวัยเด็กของซันชื่อวาคิน หมอนั้นถูกมหา’ลัยเตะส่งให้ไปอยู่วิทยาเขตเหนือ ไม่แน่ว่าวาคนนี้อาจจะได้เจอเพื่อนผมก็ได้นะ เพื่อนที่ผมเคยดูแลมันจนชิน มันชื่อเจเล่ พ่อมันเป็นอาจารย์สอนอยู่มหา’ลัยวิทยาเขตเหนือ มีหน้าที่คอยดูแลเด็กที่ถูกส่งไปเหมือนวา ถึงได้บอกไงว่ามีโอกาสเจอกัน

   คนที่แนะนำให้ผมเรียนมหา’ลัยนี้ พร้อมช่วยจัดการเรื่องราวทุกอย่างคือพ่อของเล่ เขาเป็นผู้ใหญ่ที่ผมนับถือ ผมเคยไปปรึกษาเขาเรื่องรสนิยมตัวเองอยู่หลายครั้ง ด้วยความที่ผมช่วยดูแลไอ้เล่มาตลอด บ้านนั้นจึงเห็นผมเป็นลูกชายอีกคน

   เล่มีความชอบที่ไม่เหมือนคนอื่นตั้งแต่เด็ก มันเป็นผู้ชายหน้าสวย ไม่มีเค้าความหล่อแม้เท่าขี้เล็บมด ตัวบางออกไปทางอ้อนแอ้น ถูกรังแกเป็นประจำ เหตุการณ์แรกพบไม่ค่อยสวยหรูเท่าไหร่ มีเพื่อนผู้ชายมาแซวผมเรื่องหน้าสวย ลามไปด่าไอ้เล่ ผมโมโหเป็นทุนเดิมเลยกระทืบแม่ง ถูกเรียกผู้ปกครอง ทั้งที่ผมทำไปเพราะตัวเอง เล่ดันเหมาว่าผมช่วยมัน หลังจากนั้นตั้งตัวเพื่อนรักผม อ้อนให้พ่อที่มีเส้นสายมาช่วยคุยจนเรื่องจบง่ายๆ

   ผมโดนปู่ตีหนังก้นแทบหลุด พ่อแม่ไม่มีใครช่วยเพราะตอนนั้นทุกคนยังเกรงและกลัวปู่ ผมเลยหนีออกจากบ้าน นึกถึงเพื่อนคนไหนไม่ออก เลยไปหาเล่มัน สรุปได้อยู่บ้านนั้นระยะหนึ่ง ปู่ตามไปจะลากคอผมกลับ ได้พ่อเล่ช่วยรอบสอง ให้ผมกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ หลังจากนั้นเวลาเกิดอะไรขึ้นพ่อเล่ออกโรงช่วยทุกอย่าง สบายแฮผมเลย ยังไงซะทั้งหมดผมไม่ได้เริ่มก่อน ที่สำคัญ ครึ่งหนึ่งเกิดขึ้นเพราะผมช่วยเล่ พ่อยังบ่นๆ ถ้าเล่มันเป็นผู้หญิงจะยกให้ผมซะเลย

   ผมงี้ส่ายหัวคอแทบหลุด แม้ผมเป็นเกย์ แต่ชอบหล่อๆ ครับ ไม่อยากปลูกทุ่งลิลลี่ อันนี้เรียนคำศัพท์มาจากปอนด์นะ ปอนด์เป็นหนุ่มวายช่วยเปิดหูเปิดตาดี

   “เหม่อไรวะโป้ พวกกูถามว่าไปแดกข้าวมั้ย”

   ซันมันโบกมืออยู่ด้านหน้าผม ผมกระพริบตาปริบๆ มองมันกับเพื่อนใหม่อีกสองคน สงสัยระทึกชาติมากไปหน่อย

   “คิดอะไรเพลินๆ น่ะ พวกมึงจะไปกินที่ไหนกัน”
   
   “แถวหอนี่แหละ กูขี้เกียจไปไกล”

   ตกลงกันได้ ก็ไปสิครับรออะไร อาหารไม่พ้นอาหารตามสั่ง ซันกับริวล่อไปคนละสองจาน ส่วนผมกับมิทแค่คนละจานกำลังพอดี ต่อด้วยขนมแถวนั้น

   ไม่รู้ว่าเพื่อนซันมันติดใจอะไรหอพักเท่ารูหนูนัก หลังจากวันนั้นขยันมาหาตลอด โดยเฉพาะมิท เหมือนกำลังหลบหน้าใครสักคนอยู่ ระหว่างซันอาบน้ำผมเลยถามซะ ยังไงก็นับว่าเป็นเพื่อนกันแล้ว เผื่อมีอะไรช่วยได้ จะได้ช่วยๆ กันไป

   “มิท คู่อริตามล่าเหรอ”

   ผมยิงคำถามไปดื้อๆ มิทที่นอนเล่นโทรศัพท์หันขวับมามองแบบไม่อยากเชื่อ เจ้าตัวหัวเราะกระดิกเท้าเล่นเกมมือถือต่ออย่างสบายอารมณ์ หรือผมคิดมากไปเอง

   “ไม่เชิงคู่อริเท่าไหร่ ทำไม... กูดูแสดงออกมากขนาดนั้นเลย?”

   ผมส่ายหัว มิททำตัวปกติ ไม่มีอะไรแตกต่างจากเด็กมหาลัยทั่วไป ติดที่ผมเคยเกเรมาก่อน คบกับคนหลายประเภทมาก เลยพอจะเดาอะไรได้ลางๆ

   ผมเอะใจตั้งแต่เจอมิทครั้งแรกแล้ว เด็กมหา’ลัยธรรดา ใส่ของแบรนด์เนมทั้งตัวแบบนี้ ถ้าบ้านมีฐานะ ควรจะมีรถขับเป็นของตัวเอง แต่มิทไม่มี ที่สำคัญ จากที่พวกนี้คุยกัน มิทอยู่ห้องพักธรรมดาแบบพวกเรา ไม่ได้หรูหราอย่างของที่ใช้เลย จะบอกว่าใช้เงินสิ้นเปลืองกับของพวกนี้จนไม่มีจ่ายอย่างอื่นคงไม่ใช่

   ทุกครั้งที่ซื้อของ มิทซื้อปกติ ไม่ออกไปชอปปิ้งอะไรที่ไหน ถ้าไม่หายตัวไปอย่างลึกลับ ก็จะสิงสถิตอยู่กับเพื่อนตลอด อย่างเช่นเวลานี้

   มันชวนให้นึกถึงเพื่อนคนหนึ่ง เจ้านั่นคล้ายกับมิท ใช้ของแพงเกินวัย ชอบหายตัวไปโดยไม่มีใครรู้ ตอนกลางคืนถ้าไม่กินเหล้าด้วยกันอย่าหวังว่าจะเห็นตัวมัน ที่สำคัญมันทำงานเป็น…ไซด์ไลน์

   ดวงตาผมเบิกกว้าง จ้องมิทเขม็ง คนถูกจ้องเพียงแค่ยิ้ม รอยยิ้มเหมือนที่ผ่านมา แต่ดวงตาวาววับ

   “คนเราย่อมมีความลับไม่ต่ำกว่าหนึ่งเรื่อง และไม่ต้องการให้ใครมายุ่งกับความลับนั้น”

   มิทเปรย ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ชัดเจนขนาดนี้ คงหมายถึงผมอย่าพูดปากและห้ามปากโป้งเด็ดขาด มิทชี้ไปทางห้องน้ำแล้วหัวเราะ ห้ามบอกซันด้วยสินะ

   ผมนึกภาพออกเลย ถ้าซันรู้เรื่องนี้เข้ามันจะโวยวายอาละวาดแค่ไหน ส่วนเรื่องที่มิทเหมือนหลบหน้าใคร คงเป็นพวกลูกค้าไม่ก็โจทย์ล่ะมั้ง เจ้าตัวไม่ให้ยุ่งผมก็จะไม่ยุ่ง แต่ในฐานะเพื่อน ขอพูดสักหน่อย

   “มีอะไรบอกได้เสมอ รู้จักกันแล้วถือว่าเป็นเพื่อน กูพอมีเส้นสายอยู่บ้างนิดหน่อย…”

   “มึงเป็นคนใจดีโป้ ไอ้วาก็เคยพูดกับกูแบบนี้ ริวมันก็ช่วยในแบบของมัน ขอบใจ แต่ไม่เป็นไร เส้นใหญ่แค่ไหนคงช่วยอะไรกูไม่ได้หรอก”

   ดูท่าจะไม่ใช่เรื่องเล็กๆ มิทมันยังลอยหน้าลอยตาอยู่แบบนี้ได้ แสดงว่ายังไหว เรื่องมันยังไม่เกิด อย่าเพิ่งไปปวดหัว ไว้มิทมาขอความช่วยเหลือค่อยว่ากันอีกที ผมไม่อยากเข้าไปยุ่ง เพราะบางครั้ง ความหวังดีอาจจะทำให้เรื่องทุกอย่างมันแย่ลงไปกว่าเดิม

   ผมตบบ่ามิท มิทดันคว้าตัวผมไปกอด ดีนะเราตัวพอกัน แถมผมตั้งหลักดีเลยไม่ร่วงลงไปกองทับกัน

“โป้ใจดีจังเลยน้า สมกับที่ปอนด์อวยอย่างงั้นอย่างงี้ ใครได้เป็นแฟนต้องดีใจมากแน่ๆ”

ตบหัวมิทไปที แม่งมือไวชิบหาย สมอาชีพเลย สำรวจจนรู้ขนาดตัวผมหมดแล้ว จังหวะเดียวกับที่ซันมันหัวเปียกออกมาจากห้องน้ำ ดวงตาคมจ้องพวกเราเขม็ง

   “พวกมึงทำไรกัน”

   “กูกำลังจะขอโป้เป็นแฟน โป้มีแฟนยัง ถ้ามี เลิกซะมาคบกับกู ถ้าไม่มีแต่งกันเลย!”

   งานนี้ซันมันไม่เข้ามายันมิทแฮะ แม้จะจ้องพวกเราอยู่ แต่เหมือนจะเน้นผมเป็นพิเศษ แหนะๆ รอฟังอะไรอยู่ครับมึง ผมมันคนใจดีแบบที่มิทบอก ต้องสนองให้เขาหน่อย

   “ยังไม่มีว่ะ ไม่มีคนในดวงใจด้วย” แนวที่บอกว่าคนในดวงใจแล้ว ตัดทิ้งไปได้เลย แบบนั้นมันตัดหนทางตัวเองเกินไป ดูจากรูปการ ซันมันไม่น่าฉลาดพอจะรู้ว่าคนที่ผมหมายถึงคือใครแล้วอีกอย่างผมแค่แง้มๆ ไว้ชัดเจนว่าซันคิดยังไงกับรสนิยมของผมค่อยกว่ากันอีกที

   มิทมันร้ายน้อยที่ไหน เห็นสีหน้าผมปุ๊บ เดาออกทันทีว่าผมคิดอะไรอยู่

   “มาแต่งกับกูเลย เฮ้ย ไอ้ซัน มาเป็นบาทหลวงให้พวกกูทีดิ๊”

   “หลวงพ่อง เลิกเล่น คนอย่างมึงโป้ได้ไปมีแต่ชีวิตล่มจม” อารมณ์ดีคุยเล่นกับเพื่อนได้แบบนี้ หมายความว่าไงครับคุณซัน ผมนึกขำ ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง และผมพอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้ เพื่อนกันก็ไม่เลว ผมเองไม่ได้ชอบอะไรขนาดนั้นด้วย แค่มันหล่อตรงสเปคเท่านั้น ได้เพื่อนเป็นอาหารตามองทุกวันหายากนะเนี่ย

   “ต้องคบกับมึงใช่มะ ถึงจะดีเลิศปานขึ้นสวรรค์” มิทมันประชด ยอมปล่อยผมแต่โดยดี

   “สวรรค์ชั้นเจ็ดเลยล่ะมึง” ดูแม่ง ยักคิ้วกวนตีน เส้นเท้ากระตุก ยกถีบมันไปที อุ๊ย เท้าลื่น

   “มึงหลับในห้องน้ำมาเหรอซัน ละเมอสัตว์! หน้าเถื่อนอย่างมึงสาวเห็นเผ่นหมดแล้ว”

   “สงสัยจะจริง มิน่า ไม่มีใครจีบกูเลย” ซันลูบคางครุ่นคิด ผมทนเห็นมันหัวเปียกต่อไปไม่ไหว นิสัยช่างดูแลกำเริบ คว้ามันมานั่งบนพื้น ใช้ผ้าขนหนูที่พาดบนคอมันขยุ้มหัวซะ คิดซะว่าเปลี่ยนจากเช็ดหัวแมวปอนด์ มาเช็ดหมาซันแล้วกัน

   สองแขนมันมาวางเท้าบนขาผมทำอย่างกับตัวเองนั่งบนเก้าอี้ราชา เช็ดเสร็จ ผมยันหลังไปทีด้วยความหมั่นไส้ มิทเท้าค้างมองพวกเราทั้งคู่

   “พวกมึงนี่ อย่างกับผัวเมียกันเลยนะ” นั่นปากเหรอ เอารางวัลไป!

   “กูเป็นผัวสินะ” งานนี้ต้องรีบเสนอ อยู่บนดีที่สุด

   “ผัวออนท๊อปอะดิ” มึงพูดอย่างเดียวพอ มาดึงขนหน้าแข้งกูทำไมครับ ผมผลักมันไปนั่งไกลๆ อารมณ์ดีจนบ้า สงสัยน้ำที่อาบจะผสมกัญชา เข้าใจว่ามันพูดเล่นตามประสาผู้ชายคะนองปากเวลาอยู่กับเพื่อน แต่อย่าเป็นงี้บ่อยนะไอ้ซัน เดี๋ยวกูหวั่นไหวขึ้นมาจริงๆ แล้วจะยุ่ง
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่2 Up4/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 04-02-2016 15:51:56
 :hao6:  คึกคักกันดีนะหนุ่มๆ
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่2 Up4/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: lazyishappy ที่ 04-02-2016 16:07:32
สนุกดีค่ะ รอตอนต่อไปนะคะ :mew4:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่2 Up4/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 04-02-2016 16:49:35
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่2 Up4/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: PiSCis ที่ 05-02-2016 11:56:26
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่3 Up5/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 05-02-2016 16:20:52
ยกที่3 เจิด   

   กิจกรรมต่อจากการรับน้องส่วนใหญ่คือการแข่งกีฬากระชากมิตรระหว่างคณะ มีการแข่งแสตนเชียร์ ลีดเดอร์ การแต่งแสตน และอื่นๆ อีกมากมาย เรียกได้ว่าปีหนึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งกิจกรรมอย่างแท้จริง โดยเฉพาะเหล่าคณะที่มีแต่คนจับตามอง

   ผมเริ่มจะลืมที่อยู่ห้องตัวเองเข้าไปทุกที วันๆ อยู่ในมหา’ลัย ถ้าไม่กระโดดขึ้นรถไปซื้อของกับเพื่อน ก็พาสาวที่มีน้อยนิดในคณะไปช้อปของสำหรับกิจกรรมเชียร์ ยิ่งผมสูงยาวเข่าดีเคยเล่นกีฬามาก่อน จู่ๆ โดนจับยัดรายชื่อให้ลงแข่งบาสดื้อๆ

   แข่งบาสมันไม่เท่าไหร่ ผมมั่นใจฝีมือของตัวเองในระดับหนึ่ง ไม่กลัวเจ็บด้วย คณะไหนก็จัดมาเหอะ ผมสู้สุดใจอ่ะ สถาปัตย์ต้องชนะ!

   แล้วอะไรรู้มั้ยครับ ประธานรุ่นไม่รู้มันเกิดมาบนความซวยหรือยังไง จับฉลากคู่แรกเสือกได้คณะตัวเต็ง

   วิศวะ...

   หน้ารูมเมทลอยมาเลย อือหือ สมพรปากทั้งมันและผม เจอกันครั้งแรกท้าต่อย เอ๊ย ท้าสู้กันในสนาม ได้ของจริงแบบไม่ต้องเสียเวลาแข่งกับคู่อื่นก่อนเลย

   พอผลออกมางี้ พวกรุ่นพี่ฟิตจัดสั่งให้พวกผม ฝึก ฝึก และฝึก! อย่างหนักหน่วง เหงื่อท่วมตัวกลับห้องทุกวัน มิทแอบมาส่งข่าวว่า เจ้าซันได้เป็นตัวจริงลงแข่งบาสเหมือนผม ไม่แปลกใจเท่าไหร่ มันสูง แรงเยอะ หน่วยก้านดี เป็นเหตุให้ช่วงนั้นพวกเราแทบไม่เจอหน้ากันเลยครับ ทั้งที่อยู่ห้องเดียวกัน

   จนถึงก่อนวันแข่ง ได้พักเต็มที่เพื่อลุยศึกหนักพรุ่งนี้ ระหว่างผมเกากีต้าร์ที่ยืมเพื่อนมาเล่น ซันมันชวนคุย

   “ลากปอนด์มันมาดูพวกเราแข่งดีมะ”

   ผมพยักหน้ารับโบกมือให้มันชวนไป ปอนด์ดูไม่ค่อยออกไปไหน ลากออกมาบ้างก็ดีเหมือนกัน ขากลับจะได้แวะไปหาอะไรกินด้วย ที่สำคัญ ถ้าปอนด์มาต้องมีขนมติดไม้ติดมือมาด้วยชัวร์ เฮียเฟย์พี่ชายปอนด์ชอบทำขนมเป็นงานอดิเรก และยิ่งชอบมากเวลาทำให้ปอนด์กิน ผมเลยลาภปากอยู่บ่อยๆ

   นั่งฟังมันคุย ผมส่ายหัวขำๆ ไอ้ซันแหย่ลูกแมวสนุกปาก ปอนด์เขานิสัยเหมือนแมวน่ะเราเลยเรียกกันจนชิน พอซันบ่นอย่างกับเพื่อนตัวเล็กไม่ยอมมา ผมเลยสอดปากบอกจะเลี้ยงไอติม แน่นอน ระดับปอนด์ ของกินมีหรือจะพลาด ตกลงปลงใจมาดูพวกผมแข่งทันที

   “มึงขโมยกีต้าร์ใครมาวะ”

   นั่นปากหรือ ผมขมวดคิ้วใส่ หล่อๆ อย่างผมไม่จำเป็นต้องขโมย แค่อ้าปากขอเพื่อนมันก็ถวายให้แล้ว! ความจริงผมไถเพื่อนมาเองแหละ ของตัวเองอยู่บ้านที่เหนือไม่ได้เอามาด้วย เกิดคิดถึงเลยฉกติดมือกลับห้องซะเลย

   “กูไม่ได้ขโมย กูแค่วิ่งราว ไม มึงอยากเล่น?”

   “เหี้ยกว่าขโมยอีก... ไม่ กูขี้เกียจ มึงเล่นไปเหอะ”

   ผมยักไหล่ นึกอะไรดีๆ ออก เปิดหนังสือเพลงลองเล่นนิดหน่อย

   “กูขยัน เดี๋ยวกูร้องเพลงให้มึงฟัง”

   ลองฮัมเพลงเริ่มเล่นท่อนแรก ผมค่อนข้างมั่นใจในเสียงตัวเอง ขอเน้นร้องท่อนฮุกหน่อยแล้วกัน

ขอสักคนที่มีหัวใจอยู่ในนั้น
หัวใจตรงกับฉัน มาเอาความรักฉันไป
Oh I just wanna be
เธอ เธอได้ยินไหม เธออยู่ตรงที่ใด

เปิดมุมความรักให้ดี ก่อนจะเจอมุมที่ดี
และที่เธอจะรู้วิธี ดูแลคนที่ห่วง
จะไม่ปล่อยให้ใครๆ ต้องเดา
จะไม่ปล่อยให้ในมือต้องเหงา รักของเรา
(Event' (อีเว้นท์) - Season Five)
   
   ร้องไปมองหน้ามันไปด้วยรอยยิ้ม ซันมันเลิกคิ้ว พอผมร้องจบมันพยักหน้ารับดูชอบอกชอบใจ

   “เสียงดีนี่หว่า ร้องเพราะกว่ากูอีก”

   “แค่นี้?” ผมถามเสียงสูง มันทำหน้างงใส่

   “อะไร หรือมึงอยากได้รางวัล อะ กูให้เลยขวดเปล่า”

   มันส่งขวดน้ำที่มันกินหมดมาให้ ผมขว้างใส่หัวมัน เวรจริง กูหยอดขนาดนี้ ร้องเพลงจีบมึง มองลึกซึ้ง ถ้าเป็นสาวหรือหนุ่มน้อยนี่ละลายไปถึงไหนแต่มึงพูดแค่ว่าเพราะดี!? ผมจะบ้าตายกับมัน ตกลงมันวิศวะแน่ใช่มั้ยเนี่ย ถ้าไม่นับความเถื่อน นิสัยอย่างมันคุณชายชิบหาย ไม่พอยังดูเด็กเรียนอีก เวรกรรมของผม

   “ควายชัดๆ” ผมพึมพำ มันเหนือกว่าคำว่าซื่อบื้อไปละ

   “มึงว่าไงนะ?” ทีงี้ทำหน้าโหด

   “ป๊าวววว กูบอกลมพัดเย็นดี”

   “ลมพัดที่หน้า กูได้ยินคำว่าควายเต็มๆ มึงด่ากูเรอะ”

   ผมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แสร้งร้องเพลงต่อ

   “ฉันขี่ไอ้ซันวิ่งลุยท้องนา ฮึ้ย ฮึ้ย ฮึ้ยฮึ้ย ฉันคนบ้านป่าหน้าตาเหมือนโจร~”

   รออะไร วิ่งสิครับ! ควายซันตกมันแล้ว ผมอุ้มกีต้าร์เปิดประตูเผ่นออกจากห้อง มีไอ้ซันทำท่ากระโดดถีบไล่ตามหลัง เสียงด่ากันงี้ไม่ต้องพูดถึง ห้องอื่นชะโงกหัวมาดูเป็นแถบ ขำอะไรกันนักวะ พวกกูไม่ใช่ตลกคาเฟ่ ไสหัวกลับรูไปเลยไป๊เจ้าพวกใส่เกือก

   หลังจากวิ่งปานหนังอินเดียจนโดนอาจารย์หอด่า ผมกับซันได้เหงื่อพอควร เดินลากขากลับห้องมานั่งเล่นกีต้าร์กันต่อ ผมยัดเยียดให้มันเล่นบ้าง ไอ้ซันมันเล่นเก่งใช้ได้ ส่วนผมเป็นนักร้องให้ มันกวนประสาท ทีแรกเพลงสากลอย่างไฮโซ จู่ๆ แม่งเปลี่ยนเป็นเพลงเพื่อชีวิต ตามด้วยเพลงลูกทุ่ง หมอลำ กูคนครับ ไม่ใช่ยูทูป เปลี่ยนแนวมันเลยนะมึง แต่เพื่อความได้อารมณ์ เซิ้งโชว์กลางห้องแม่ง ไอ้ซันหัวเราะลั่น กีตงกีต้าร์ไม่ต้องเล่น มันลงไปกองทุบพื้น หัวเราะจนชักเข้าโรงบาลไปเลยนะมึง ถือว่าตัดกำลังคู่แข่งพรุ่งนี้

   เพราะมัวแต่เล่น กว่าจะได้นอนกันเกือบเที่ยงคืน ไม่ใช่เด็กอนามัย แต่พรุ่งนี้ต้องเล่นกีฬานัดกระชากมิตร เราตื่นบึ่งไปมหา’ลัยพร้อมกัน รีบแทบตายคิดว่าจะมารายงานตัวไม่ทัน สรุป มีเหตุนิดหน่อยทำให้ต้องเลื่อนเวลาการแข่ง

   ซันแยกไปทางคณะตัวเอง ผมมาฝั่งสถาปัตย์ สาวๆ ดูจะเห่อชุดกันมาก ใส่มาเชียร์จัดเต็ม หนึ่งในนั้นคือคุณเทยตัวโต เจ้าตัวร้องซิกโอดครวญปานญาติเสีย ใส่ชุดไม่ได้เพราะดันตัวพองหลังจากตัดเสื้อไป พอสาวๆ เห็นหน้าผมพากันยุยงส่งเสริม ผมไม่อยากให้ชุดโดนทอดทิ้งเลยอาสาใส่แบบลับๆ หลังแสตน ไม่มีใครในคณะรู้ กระทั่งเดินเนียนออกมาพร้อมกับหลีดนั่นแหละ เสียงกรี๊ดดังกระหึ่ม เสียงโห่ผู้ชายดังยิ่งกว่า ส่วนแสตนฝั่งตรงข้าม ใครถือไรของร่วงหมด

   ผมมองซัน มันกำลังกินน้ำพอดี ถึงกับพุ่งออกจากปาก ดีมิทมันหลบทันเลยไม่โดนพรมน้ำมนต์ใส่ แม้เสียงในโรงยิมจะดัง แต่ปากซันมันบ่งบอกมากว่าด่าผมด้วยคำไหน...

   เหี้ย!!

   นั่นล่ะครับท่านผู้ชม ด้วยชุดหลีดสีประจำคณะ กระโปรงสั้นพลิ้วโชว์ขนหน้าแข้ง เสื้อแขนกุดเอวลอย ผมทรงรากไทรมัดสองจุกผูกโบว์แบบหลีดคนอื่น ทำให้ผมโดดเด่น ณ สถานที่แห่งนี้ แต่ไม่ต้องห่วง ผมใส่กางเกงบาสข้างในครับ พอกรรมการเรียกรวมตัว ผมไปทั้งชุดนี้ คิดดู ขนาดอาจารย์ยังหลุดขำ เหล่มองผมตลอด

   “คิดจะแข่งทั้งชุดนี้จริงดิ”

   เพื่อนร่วมรุ่นถาม ผมหันไปยิ้มเจิดจ้า

   “เออ ตัดกำลังอีกฝ่ายไง”

   เท่านั้นแหละ บรรดารุ่นพี่ รุ่นเดียวกันพากันตบหัวตบหลังจนผมที่มัดไว้เกือบหลุด อย่าๆ สาว(เหลือ)น้อยในคณะอุตส่าห์มัดให้ทั้งที

   การแข่งเริ่มขึ้น ผมจะแสดงให้ทุกคนเห็นว่าชุดไม่เป็นอุปสรรค์ในการเล่นกีฬา แต่ไม่รู้ทำไม เวลาผมวิ่ง ก้าวขายาวๆ หรือกระโดดสักทีต้องมีเสียงกรี๊ดกับเสียงหวาดเสียวดังมาจากแสตน

   ผมคิดว่าตัวเองเล่นไม่เทพขนาดมีแต่คนอยากประกบนะ โดยเฉพาะไอ้ซัน มันแทบไม่ทำแต้มเลย ส่งให้เพื่อนหมด เอาแต่ดักผมอยู่นั่นจนผมชักรำคาญ

   “ดักกูจัง ติดใจขาอ่อนกูรึไง”

   “ติดใจเชี่ยไรล่ะ มึงทำสมาชิกทีมกูเสียสมาธิ!!” ซันแทบแยกเขี้ยวขบหัวผมอยู่รอมร่อ ขนาดลูกไปอยู่ที่คนอื่นเลยยังตามผมไม่เลิก แล้วก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ราวกับเพื่อนในทีมกลัวผมไม่มีส่วนร่วม ขยันส่งลูกมาให้จัง พอๆ กับฝั่งของซัน แย่งกันมันดิงี้ เวลาผมได้ลูก มันกางแขนดัก ผมเนียนกระแทกไหล่ใส่ มันหน้านิ่วคิ้วขมวดตอบโต้กลับดุเดือดไม่แพ้กัน แต่เครื่องร้อนทุกคน เล่นอย่างกับชิงแชมป์โลก ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมให้คณะตัวเองแพ้

   เสียงสัญญาณดังพักรบชั่วคราว ผมหันไปเห็นปอนด์นั่งอยู่กับพวกริวพอดี เลยถือโอกาสเดินไปหาพร้อมซัน มันหันมาด่าผม

   “ไอ้สัส ยังจะตามมาอีก ไปเปลี่ยนชุดสิวะ มึงทำทีมกูไขว้เขวจนเสียไปตั้งสองแต้ม” ความผิดกูเรอะ พวกมึงเสียสมาธิกันเอง

   “กูมาหาปอนด์ ไม่เสือกครับซัน”

   “กูว่าพวกในทีมไม่ได้เสียแต้มเพราะโป้หรอก แต่เป็นมึงมากกว่าซัน ตอนซ้อมเก่งชิบหาย ไมตอนแข่งพลาดบ่อยจังวะ” มิทพูดได้ตรงใจสุดๆ มันจี้ใจดำซันเพราะเอาคืนเรื่องที่ซันเกือบพ่นน้ำใส่แหง

   “อะไรเข้าฝันให้ใส่ชุดนี้อะโป้” เพื่อนตัวเล็กถามพร้อมยื่นน้ำมาให้ผมกับซัน ผมรับมาดื่มแบบไม่เกรงใจ เฮ้อ ค่อยดีหน่อย

   “ไสหัวกลับคณะมึงไป” ซันปล่อยหมา มือยื่นผ้าเช็ดเหงื่อให้ผม ซัน... การกระทำกับวาจาช่วยไปทางเดียวกันหน่อยเถอะ ผมส่ายหัว รับผ้ามาเช็ดหน้าเช็ดตา มีปอนด์มองตาวาว สีหน้าแบบนี้ จิ้นผมกับซันไปแล้วชัวร์! หนุ่มวายนี่มัน หนุ่มวายจริงๆ

   “สาวในคณะยุเลยแต่งเล่นๆ กลับคณะก่อน โค้ชจ้องตาเขียวแล้ว จะเปลี่ยนเสื้อด้วย” ผมยิ้มตอบปอนด์ จงใจเมินคำด่าไอ้ซัน โบกมือลากเพื่อนตัวเล็ก ยักคิ้วกวนซันทิ้งท้ายแล้วกลับคณะตัวเอง ก่อนที่ผมจะถูกวิศวะรุมตื้บและเพื่อนร่วมทีมขว้างลูกบาสใส่หัว

   รอบหลังผมเปลี่ยนมาใส่ชุดบาสตั้งใจลงแข่งมากขึ้น ไอ้ซันชู้ตเก่งมาก มันทำแต้มให้ทีมสองรอบติด ทั้งสองฝ่ายสลับทำแต้มอย่างไม่มีใครยอมใคร นับแล้วถือว่าเล่นกันแรงพอสมควร ไม่นอกกติกา แต่ชนกันทีจบการแข่งมีรอยฟกช้ำจะไม่แปลกใจเลย

   ผมกับซัน ไม่มีคำว่าเพื่อนหรือรูมเมท แสดงฝีมือของตัวเองเต็มที่ ผลสุดท้ายไอ้ซันมันชู้ตได้อีกลูกก่อนเวลาหมด ทำให้คณะผมแพ้ไปอย่างน่าเสียดาย เจ็บใจชะมัด รุ่นพี่เรียกรวม สีหน้าพวกเราอัดอั้นเต็มกำลัง

   “ไม่เป็นไร เราค่อยเอาคืนพวกมันกีฬาอื่น”

   แค่ประโยคเดียว ทุกคนกลับมาฮึดอีกครั้ง มีหลายคนในทีมบาสที่ลงแข่งกีฬาประเภทอื่นด้วย พวกในทีมชวนผมไปกินข้าวแต่ผมขอตัวเพราะมีนัด ผมเลยบอกลาปลีกตัวมารวมกลุ่มกับพวกซัน ดีหน่อย ริวกับมิทเลือกที่นั่งเว้นช่วงกับคณะของตัวเองนิดหน่อย ผมเลยไม่ต้องเดินเสี่ยงดงตีนตอนเดินไปหา

   “เหนื่อยมากแต่โคตรมัน” ซันเริ่มบทสนทนาก่อน

   “เออ มันจนกูช้ำเลยเนี่ย” ผมบ่นงึมงำ ก่อนหันไปมองปอนด์ตาวาว ”หือ ได้กลิ่นขนม เฮียเฟย์เอาขนมมาฝากด้วยสินะ ไหนๆ” ว่าแล้วก็ย้ายตัวเองไปนั่งข้างปอนด์ หยิบกล่องขนมแจกจ่ายให้ทุกคน มีแค่ซัน ดูมันไม่ชอบของเลี่ยน เล่นปาดครีมบนหน้าเค้กให้ปอนด์หมด ส่วนตัวเองกินแต่แป้ง ชะโงกข้ามปอนด์มาดูแขนผม

   “ไหนวะ ตอนกระแทกในสนามมึงช้ำเรอะ” ชนกันแรงขนาดนั้น ไม่ช้ำก็คนเหล็กแล้ว

   “ไม่เท่ามึงหรอก กูจำได้ว่าศอกกูเข้าพุงมึงไปเต็มๆ เป็นไงมั่ง”

   ผมยื่นมือข้ามปอนด์เปิดเสื้อซันดู กล้ามพุงของมันมีรอยช้ำเป็นวง มิทอยากมีส่วนร่วม โผล่เข้ามากอดปอนด์จากทางด้านหลัง อย่าให้เฮียเฟย์เห็นเชียวนะ เดี๋ยวเป็นเรื่อง ขานั้นโคตรหวงปอนด์

   “ผัวเมียเป็นห่วงกันต่อหน้าลูกชายไม่ดีนะ ดูปอนด์ทำหน้าเหม็นเบื่อใหญ่แล้ว”

   แค่ก! แทบสำลักเค้ก คำว่าผัวเมียมโนในใจจนชิน แต่ปอนด์เป็นลูกพวกผมตอนไหนวะ

   “หุบปากไปเลย มึงนี่ก็ชงจริง มันเป็นเรื่องภายในครอบครัว เขาไม่ให้เอามาพูดข้างนอก”

   ริวรับไม้ต่อเข้ามาเสริม ผมกับซันร่วมมือกันโบกไปคนละที

   “พวกมึงนั้นแหละเงียบให้หมด ไปแดกข้าว” ซันเปลี่ยนเรื่องกอดคอปอนด์ ไม่ทันไรปอนด์หันมาทวงผม

   “อย่าลืมไอติมด้วย ซันบอกโป้จะเลี้ยง” ผมขำมองซันขยี้ผมปอนด์จนยุ่ง ล่อด้วยของกินได้ผลดีจริงๆ ดูท่าเฮียเฟย์จะใช้ไม้นี้บ่อยด้วย ไหงปอนด์มันไม่ตัวโตขึ้นเลย สงสัยกระเพาะหลุมดำ ไม่ก็สวรรค์ให้มาแค่นี้

   “เออๆ กินข้าวตามด้วยไอติม พอใจยัง” หัวโจกกลุ่มเสนอ

   “ดีงามมากๆ” ปอนด์ยกนิ้วโป้งให้ พออกพอใจน่าดู

   “จะไปกินที่ไหนกันดี ร้านตามสั่งข้างมอมั้ย ตรงนั้นมีร้านไอติมกับนมปั่นด้วย” ผมลองเสนอ ทุกคนไม่มีใครคัดค้าน พวกมันคงขี้เกียจคิดกันมากกว่า ระหว่างทางไปร้านไม่มีอุปสรรคจนกระทั่งผมเห็นรถสีดำราคาแพงมาจอดเทียบด้านข้าง ผมกับซันพร้อมใจกันดันปอนด์ให้ไปอยู่ด้านหลัง เรามองหน้ากันก่อนจะจ้องที่รถคนนั้น

   ช่วงเวลาแห่งการคาดเดาไปต่างๆ นาๆ จู่ๆ มิทที่ปกติร่าเริงตลอด สบถยาวแล้วหันมาขอแยกตัวกับพวกผม

   “พ่อมารับแล้ว ฉันกลับก่อนนะ พวกนายไปกินกันเลย ไว้จะมาฉลองชัยชนะให้วันหลังนะเพื่อน” ผมมองตามหลังมิทขึ้นรถคันนั้นไป ดวงตาหรี่มอง พอเดาอะไรได้ลางๆ มิทเคยบอกว่าผมเส้นสายไหนก็ไม่สามารถช่วยเขาได้ ถึงเวลานี้ผมเข้าใจแล้ว เจ้าของรถคันนี้น่ากลัวว่าจะเป็นคนที่ไม่ควรไปยุ่งด้วยมากที่สุด

ซันหันไปคาดคั้นเอากับริว คงเพราะสองคนนี้ส่วนใหญ่มักไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ริวน่าจะรู้เรื่องเกี่ยวกับมิทบ้างไม่มากก็น้อย

   “กูจำได้ว่ามิทมันบอกมีแม่คนเดียวไม่ใช่เหรอวะ”

   “ไม่รู้เหมือนกันว่ะ ก็เพิ่งเจอพร้อมกับมึงนี่แหละ ช่างมันเหอะ ไอ้มิทไม่ใช่ไก่กา มันไม่เอาตัวเองไปเสี่ยงกับอะไรโง่ๆ หรอก”

   ริวตอบทันทีแบบไม่เสียเวลาคิด ใบหน้าเรียบเฉย มันรู้แน่ๆ แต่ไม่น่าจะรู้รายละเอียดทั้งหมด มิทระวังตัวแจขนาดนั้น

   “ขอให้มันเป็นแบบนั้นแล้วกัน”

เห็นริวถูกซันต้อน แถมมิทไม่อยากให้ซันรู้เรื่องพวกนี้ จะยื่นมือช่วยนิดๆ หน่อยๆ แล้วกัน ผมปรบมือเรียกให้ทุกคนมาสนใจ เห็นเพื่อนตัวเล็กสะดุ้ง อะไรจะขวัญอ่อนปานนั้น

   “พวกมึงจะเล่นเกมจ้องตากันก็ตามสบาย แต่กูหิว ยังไม่แดกอะไรตั้งแต่เที่ยง กูพาปอนด์ไปนั่งรอในร้านล่ะ” ผมลากปอนด์เข้าร้านข้าว ตัดบทสนทนาที่ไร้คำตอบพวกนั้นซะ ได้แต่หวังว่าสักวัน มิทจะพร้อมและเล่าเรื่องทุกอย่างด้วยปากของตัวเอง

   หลังกินข้าวตามด้วยไอติมเสร็จ แต่ละคนก็แยกย้ายไปตามทางของตัวเอง ซันเงียบตลอดทางคงยังคิดเรื่องของมิทอยู่ เดี๋ยวหน้านิ่วคิ้วขมวด เดี๋ยวส่ายหัว บางทีดูหงุดหงิด ไอ้คนรักเพื่อนจนโอเวอร์เอ๊ย!

   “ซัน กูจะแวะซื้อยา” ที่ห้องมีแค่พารา ไม่มีพวกยาแก้ฟกช้ำ ต้องแวะร้านสะดวกซื้อใต้หอก่อนขึ้นไป เจ้าของชื่อไม่มีปฏิกิริยาสักนิด ผมยื่นมือไปดีดนิ้วตรงหน้ามัน มันมองตาปริบๆ เมื่อกี้ไม่ได้ฟังกูเลยสินะ

   “กูบอกว่าจะแวะซื้อยาไปทา มึงรอนี่”

   “ยาแก้ปวดด้วยมึง” ก็ยังดีที่สติมันกลับมา ผมพยักหน้ารับเดินเข้าไปในร้าน ด้วยความที่เป็นร้านใต้หอพัก ในร้านเลยมีสิ่งของหลากหลายไม่แพ้เซเว่น เพื่อสนองความต้องการของหนุ่มสาวมหา’ลัยอย่างพวกเรา ผมซื้อยาทากับยาแก้ปวด น้ำดื่มกับของกินนิดหน่อย

   ซื้อเกลือแร่ไปด้วยดีกว่า วันนี้เหงื่อออกเยอะ ผมกำลังจะเปิดตูคว้าขวดเกลือแร่ ดันมีอีกมือยื่นมาหยิบให้

   “เอาขวดนี้รึเปล่า”

   ผู้ชายท่าทางเรียบร้อย หน้าตาดีไม่เลว แต่ยังไม่โดน ผมยิ้มชูสองนิ้ว ไม่ได้จะแอ๊บ กูจะเอาสองขวด เผื่อไอ้คนที่ยืนหน้าบูดอยู่นอกร้าน

   “อ่อ สองขวด”

   ไม่โง่แฮะ พอผมจะรับอีกฝ่ายดันไม่ยื่นให้ อะไรของมัน

   “เห็นถือของเยอะ เดี๋ยวช่วย นายชื่ออะไร เราชื่อเก้า”

   “โป้” ผมตอบสั้นๆ แสดงตัวตนชัดเจนขนาดนี้ รอดูหน่อยแล้วกันว่าจะมาไม้ไหน

   “เราเห็นโป้ตอนแข่งบาส ชุดที่ใส่ตอนแรกสุดยอดมาก เพื่อนเราตาค้างทุกคน ไม่คิดเลยว่าจะอยู่หอในเหมือนกัน เราอยู่ชั้นสาม ห้อง 302 โป้อยู่ห้องอะไร” โอ้โหเฮ้ย! ไม่ถามเบอร์ ล่อถามเลขห้องเลย ออกตัวแรงมาก ผมขำ ยังไม่ทันจะอ้าปากพูดตัดบทสนทนาไร้สาระ มีแขนข้างหนึ่งกอดคอผม

   “ทำไมช้านักวะ แล้วมึงเป็นใคร?”

   ซัน กูอยากเอากระจกมาให้มึงส่องเหลือเกิน สีหน้ามึงตอนนี้นอกจากจะเถื่อนแล้วยังควบดีกรีความโหดเข้าไปอีก มันยิ่งอารมณ์ไม่ดีเรื่องมิทอยู่ อย่าใช้โอกาสนี้ระบายอารมณ์นะเฟ้ย ผมไม่อยากโดนข้อหาสมรู้ร่วมคิด

   “เพื่อนโป้? เป็นวิศวะ??” นายเก้าแสดงสีหน้าชัดเจนว่าข้องใจมาก คงจะสงสัยล่ะสิ สองคณะไม่ถูกกัน แถมในสนามแทบจะฆ่ากันตายไหงมากอดคออยู่นี่ได้

   “เออ กูเป็นรูมเมทโป้ ไป ไหนมึงบอกจะทายาให้กูไง” เพื่อนถึกออกแรงลาก ผมยื้อตัวไว้ ดวงตาคมตวัดมอง ทีมันโมเมว่าผมจะทายาให้ ผมยังไม่ชักสีหน้าใส่มันสักนิด

   “ใจเย็นดิ๊ กูเอาเกลือแร่ก่อน” ซันหรี่ตามองเกลือแร่สองขวดในมือเก้า ทางนั้นไม่ดื้อดึง ยอมยื่นให้แต่โดยดี ซันมันดันเมินหน้าตาย เปิดตู้หยิบขวดใหม่แล้วลากผมไปคิดเงิน ปล่อยเก้ายืนทำหน้างงอยู่อย่างงั้น เอาไว้ผมจะคุยดีๆ กันที่หลังนะถ้ามีโอกาส ดูเผินๆ แล้ว เก้าไม่น่าจะนิสัยแย่อะไร แค่สนใจเลยมาคุยถือเป็นเรื่องปกติมาก ขนาดผมแต่ก่อนยังมีบ้างเลย ที่สำคัญโดนซันมันดักขนาดนี้ คงล้มเลิกความคิดจะจีบผมไปแล้วแหละ

   จ่ายเงินเสร็จเราหารตังกันคนละครึ่ง พวกเราเดินขึ้นบันไดมาชั้นบน ขนาดถึงห้องซันก็ยังมีท่าทางหงุดหงิดเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนจากเรื่องมิทเป็นเรื่องผมแทน

   “มึงอย่าไปคุยกับมันอีก แม่งโคตรไม่น่าไว้ใจ”

   ผมมองซันด้วยสายตาว่างเปล่า รู้มั้ย มึงตอนนี้ทำตัวอย่างกับเด็กหวงเพื่อน ผมถอนหายใจกับความขี้ห่วงของมัน คว้าผ้าขนหนูยัดใส่มือไล่มันไปอาบน้ำซะ จะได้หัวเย็น

   “เออน่ะ กูตัดสินใจเอง ถ้ากูอ่อนขนาดนั้น กูคงไม่มีชีวิตรอดมาจนถึงปัจจุบันหรอก มึงไปอาบน้ำไป จะให้กูทายาให้ไม่ใช่ไง”

   ซันชะงัก ต้องให้ผมเตือนสติมันตลอดๆ นี่ถ้าไม่ติดว่าผมรู้เรื่องมันรักเพื่อน ผมคงเข้าใจว่ามันคิดอะไรกับผมแล้วนะเนี่ย ตั้งแต่เรื่องถอดเสื้อในห้อง

   “ไม่ มึงอาบก่อน เดี๋ยวกูค่อยอาบ แล้วเรามาสลับกันทายา”

   ผมพยักหน้ารับส่งๆ หยิบผ้าขนหนูของตัวเองเข้าไปอาบแทน พอออกมาซันเข้าต่อ ผมเห็นว่ารอยช้ำตัวเองทาเองได้ เลยจัดการซะ จะมาสลับให้กันทาทำไมเสียเวลา ไหงพอซันออกมาชักหน้าหงิกใส่ผมอีกล่ะ
 
   “มานี่ คิดว่ามีแค่นั้นรึไง หลังมึงก็ช้ำ บอกให้รอกูทำไมไม่รอ”

   “กูไม่ได้เป็นง่อยนี่หว่า”

   “เออ มึงไม่ได้ง่อย แต่มึงไม่มีตาหลัง หมาตัวไหนทำช้ำขนาดนี้วะ” หมาซันไงครับแหม่ ถามมาได้ ถ้าขืนผมสวนไปมีหวังได้เถียงกันยาว ผมชวนมันคุยเรื่องอื่น พอมันทายาให้ผมเสร็จ ผมก็ทายาให้มันมั่ง

   “กูไม่ได้ช้ำจนน่ากลัว แค่กูผิวขาวมันเลยเห็นชัด ไม่เหมือนมึง ดำ แทนมองไม่เห็นว่าตรงไหนช้ำตรงไหนปกติ ทาลำบากชิบ”

   ผมก้มอยู่แถวท้องมัน เอ้อ ซันมันเปลือยท่อนบน ส่วนผมหลังทายาเสร็จถูกบังคับให้ใส่เสื้อ เอาวะ คราวนี้ไม่มีผมที่เสียเปรียบอยู่ฝ่ายเดียว เงยหน้ามาจะบอกให้มันหันหลังดูจุดอื่น ดวงตามันมองนิ่ง มือหนาจับปลายรากไทรผมเล่น

   “ผมมึงนุ่มดี หอมด้วย”

   ผมขมวดคิ้ว อย่ามายั่วเดี๋ยวจัดท่าจระเข้ฟาดหาง มือดันตัวมันออกแล้วจับหันหลัง เอานิ้วป้ายยาจิ้มๆ ใส่จุดที่ช้ำ จงใจเน้นหน่อยด้วยความหมั่นไส้โทษฐานทำผมใจเต้นไปวูบหนึ่ง
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่3 Up5/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 05-02-2016 20:32:26
 :really2:    ความสวยเป็นเหตุแท้ๆเลยนะโป้. ซันตกหลุมรักแรกพบชัดๆแต่ยังไม่รู้ตัวอีก ฮ่าๆๆๆ
ขอบคุณค่ะ.  :katai2-1:   
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่3 Up5/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: PiSCis ที่ 05-02-2016 23:18:39
รู้สึกบรรยากาศในห้องซันโป้หวานๆยังไงไม่รู้นะ :-[ :-[  :laugh:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่4 Up7/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 07-02-2016 04:15:58
ยกที่4 เสื้อ

   งานแข่งเป็นช่วงที่วุ่นวาย เด็กปีหนึ่งต้องฝึกอย่างหนัก ขณะเดียวกันรุ่นพี่ปีสองเองต้องเตรียมการคุมน้องและอีกสารพัด ผมเป็นเฟรชชี่ที่ดันมีฝีมือมากไปนิดหนึ่ง บวกกับนิสัยเข้ากับคนอื่นง่าย เลยถูกลากมาช่วยงานแต่งแสตนด้วยฝีมือพวกรุ่นพี่สาว(เหลือ)น้อยทั้งหลาย ดูพวกพี่จะไว้ใจผมราวกับว่าผมไม่ใช่ผู้ชายคนหนึ่ง ขนาดถลกเสื้อเช็ดเหงื่อแบบแมนๆ ต่อหน้าต่อตา...

   “พี่ฝ้าย ผมเป็นผู้ชายนะ ช่วยปิดๆ มากกว่านี้หน่อยเถอะ”

   ผมกลอกตาขึ้นฟ้า นั่น พูดไม่ทันขาดคำ พี่ปุ้นเอากะเขามั้ง โอยย ใครหลายคนอาจจะอิจฉา แต่สำหรับผมมันช่างเป็นการทดสอบศีลธรรมแบบสุดๆ ใช่ว่าผมจะเป็นเกย์แล้วไม่มองผู้หญิงนะ ของสวยๆ งามๆ ยังไงก็น่ามอง สองรุ่นพี่หันมามองผมเป็นตาเดียว จ้องแบบตั้งแต่หัวจรดเท้า เท้าจรดหัว สภาพผมตอนนี้ผันตัวเองเป็นกรรมกรเต็มกำลัง คอยแบกของหนักให้พวกพี่สาวทั้งหลาย เสื้อเชิ้ตนศ.ชุ่มไปด้วยเหงื่อ เปียกยันกางเกงใน
 
   “อ้าว มึงเป็นผู้ชายเหรอ กูนึกว่าเพื่อนสาว”

   พี่ฝ้ายยักคิ้วตอกตะปูโป๊กๆ เอาอีกละ เปิดประเด็นนี้กันอีกแระ พวกรุ่นพี่คนอื่นก็เหลือเกิน แทนที่จะช่วย ดันหัวเราะเยาะรอดูเรื่องสนุก เมื่อไหร่พวกเพื่อนผมกับพวกรุ่นพี่ผู้ชายจะกลับมาฟะ พวกนั้นไปแบกไม้ถึงป่าอเมซอนหรือไง

   “อย่ามัวแต่ยืนสวย ไปแบกถังสีมาให้กู” พี่ปุ้นชี้นิ้วสั่งเยี่ยงราชินี ผมถอนหายใจวิ่งไปหิ้วถังสีมาให้ เขาว่าผู้หญิงอายุมากกว่าชอบใช้งานผู้ชายเห็นจะจริง แต่ละคนสั่งให้ผมไปหยิบนู่น ช่วยนี่ ทานั่นไม่ได้หยุด พอพวกเพื่อนมาราวกับเปิดทางสวรรค์ มีคนแบ่งเบาภาระขี้ข้าแล้วเว้ย!

   ผมไปช่วยแบกไม้กระดานลงมาวางเรียงไว้ด้านล่าง จู่ๆ มีขวดน้ำเย็นยื่นส่งให้ พอหันไปมองไม่ใช่พวกเดียวกันแต่เป็นผู้ชายที่ชื่อเก้า

   “ทำงานหน่อยเลยนะ เหงื่อซก เอ้าน้ำเย็นๆ ชื่นใจ”

   “ขอบใจ”

   เอ่ยปากขอบคุณแล้วรับน้ำมาดื่ม ของฟรีไม่มีเหตุผลต้องปฏิเสธ นับจากวันที่ผมเจอเก้าครั้งแรก ผ่านไปได้สองอาทิตย์ ไม่รู้สวรรค์เป็นใจหรือนรกสาปส่ง ผมมักบังเอิญเจอกับเก้าบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นโรงอาหาร ตอนย้ายห้องเรียนกำลังเดินกลับหอ ขนาดจะมาเรียนยังเห็นเก้ายืนยิ้มแฉ่งอยู่หน้าหอ

   เจตนาชัดเจนขนาดนี้ ผมดูไม่ออกก็ควักลูกตามาเหยียบซะ แต่ไม่มีเหตุให้ต้องปฏิเสธ ในเมื่อผมยังว่างไร้คนจับจอง

   “โอ๊ยยย พวกกูทำงานจนมดลูกหย่อนยังไม่มีหนุ่มคนไหนเอาน้ำมาให้มั่งเลย”

   พี่ปุ้นส่งเสียงโหวกเหวก เก้าเกาหัวยิ้มแห้งหน้าขึ้นสีนิดๆ ส่วนผมชิวมาก คือทีแรกผมก็ระแวงแหละว่าเพื่อนทุกคนจะรับได้ไหมกับรสนิยมของผม ปรากฏว่าที่นี่เปิดเผยมากกว่าที่คิด แถมเด็กศิลป์มักมีความติสท์อยู่ในตัว อย่างพี่ฝ้ายก็บอก มีพวกที่ทำตัวพิลึกยิ่งกว่าผมอีก แล้วคณะนี้มีครบทุกเพศ

   หัวเราะสวนกลับไป

   “ของพี่น้ำเปล่าไม่สนมั่ง มันต้องน้ำเมา!”

   เชี่ย! ตะปูลอย กระโดดหลบแทบไม่ทัน พี่ปุ้นชูนิ้วกลาง

   “มันแน่อยู่แล้วเว้ย เฮ้ยพวกมึงอย่าช้า รีบทำงานเข้า โดยเฉพาะมึงอีโป้ เสน่ห์แรงแซงหน้ารุ่นพี่ ชะนีน้อยอย่างมึงต้องทำงานหนักที่สุด!” พูดจบกราดชี้นิ้วเรียงหัวแล้วเจาะจงมาที่ผม เห็นเก้าคิ้วกระตุก มันเป็นหนุ่มบริหาร บางทีอาจจะรับไม่ได้กับความเถื่อนของคณะนี้ ผมเลยตบบ่ามันเบาๆ

   “กลับไปช่วยที่คณะเถอะ” มันพยักรับ ดูไม่ค่อยอยากไป แต่จำต้องไป สงสัยกลัวพี่จะแหกอกผม เห็นพี่สาวแลแมนกันขนาดนี้แต่ความจริงใจดีมากนะ เลี้ยงเหล้าน้องด้วย พูดแล้วน้ำลายยืด

   “โป้ทั้งชายทั้งหญิงเลยนะมึง”

   เพื่อนรุ่นเดียวกันตวัดแขนกอดคอ ไอ้นี่ไม่ได้คิดอะไรกับผมชัวร์ เพราะมันมีเมียแล้ว ผมยักไหล่ยกยิ้มมุมปาก

   “ช่วยไม่ได้ คนมันหน้าตาดี มึงอยากหล่อเหมือนกูมีวิธีนะ”

   มันหูผึ่งตาโต

   “วิธีอะไรวะ”

   ยิ่งเห็นท่าทางสนใจจนออกนอกหน้ายิ่งอยากแกล้ง ผมคว้าคอมันมาพูดราวกับว่าเรื่องที่จะบอกเป็นความลับระดับสุดยอด

   “มึงเดินออกจากที่นี่นะ แล้วมึงแวะไปหน้ามหา’ลัยซื้อพวงมาลัยดอกไม้ธูปเทียนเอาให้ครบ”

   “โห่! ไรวะ วิธีไร้สาระ” มันทำท่าจะเดินหนี ผมรั้งมันไว้ก่อน

   “ยังมึง ยังไม่จบ หลังจากนั้นมึงไหว้ตั้งสมาธิให้มั่นขอพรให้ตัวเองเกิดมาหน้าตาดี จากนั้นมึงขึ้นไปบนดาดฟ้าของคณะเราแล้วกระโดดลงมาเลย อ้อ ระหว่างโดดอย่าลืมนึกภาพหน้าหล่อๆ ไว้อยากได้แบบไหนคิดแบบนั้น ฮ่าๆ!”

   เพื่อนผมมันคำรามวิ่งไล่เตะตูดผมไปทั่ว สุดท้ายโดนรุ่นพี่ด่าโทษฐานมัวแต่เล่น เพิ่มงานเป็นสองเท่ามานั่งใช้แรงงานมือเป็นระวิง ระหว่างผมกำลังลงสี ถือแปรงเพ่งภาพร่างในกระดาษกับภาพที่อยู่บนกระดานไม้ซึ่งถูกเลื่อยออกเป็นรูปร่าง ทาสีส่วนใหญ่ไปแล้ว เหลือเก็บรายละเอียด บางทีต้องมองใกล้ๆ ถึงจะเห็นจุดพลาด

   จังหวะที่ผมกำลังจะลุกขึ้นดู...

   แคว่ก!

   ทุกสายตาหันมามองที่ผมเป็นตาเดียว รู้สึกลมพัดผ่านแขนข้างซ้าย หันไปมองสิ่งที่เกิดขึ้น มุมที่ผมอยู่มีข้าวของระเกะระกะ แต่ไม่คิดเลยว่าข้างตัวจะมีไม้ติดตะปูเกี่ยวกับแขนเสื้อตอนผมลุกขึ้น พอยืนเต็มความสูง แขนเสื้อนศ.ช่วงไหล่หายไปครึ่ง

   “โป้ ถึงกับเบ่งกล้ามเสื้อขาดเลยเหรอ” ไม่รู้เสียงใครพูดขึ้น ทุกคนพากันฮาใหญ่ ส่วนผมคิดหนัก มองแขนเสื้อร่อแร่ของตัวเอง

   “มาเดี๋ยวช่วย”

   จำเลยผมตอนแรกวิ่งมาดึงแขนเสื้อแล้วกระชากออก บ้าเอ๊ย! คราวนี้ไปทั้งยวง กลายเป็นชุดนศ.แขนยาวข้างกุดข้างแล้ว อนาถจิต! ผมป้ายแปรงสีใส่หน้ามันด้วยความเคียดแค้น มันโวยใหญ่รีบวิ่งไปหาน้ำล้าง เห่อๆ มันเป็นสีแบบล้างออกได้ ร้องซะเป็นผู้หญิงเลย

   “เอาอีกข้างมั้ยโป้ จะได้บาลานซ์”

   “บ้าแล้วพี่ฝ้าย สงสัยต้องเรียกกำลังเสริม”

   ผมขมวดคิ้ว ภาพรูมเมทโผล่มาในหัวคนแรก ความจริงไม่มีปัญหาหรอก แต่เดี๋ยวผมต้องไปคุยกับจารย์อีก ขืนไปสภาพงี้โดนด่าเปิง มือหยิบโทรศัพท์จิ้มชื่อ ‘Iเถื่อน’ ไอต้องเป็นตัวไอภาษาอังกฤษด้วยนะ

   “ซันมึงอยู่ไหนวะ”

   /อยู่คณะ มีไร/ มันตอบกลับมา ได้ยินเสียงพวกมิทด้วย คงอยู่กับเพื่อน

   “มึงมีเสื้อสำรองมะ พอดีเสื้อกูขาด” หวังว่าคุณชายอย่างมันน่าจะพกเสื้อสำรองเอาไว้นะ

   /มึงอยู่ไหน/

   ผมเหล่มองพี่ฝ้าย เอาหูมาแนบซะ คุยเองเลยมั้ยพี่ ฝ่ายคนเผือกเห็นรุ่นน้องจ้องมากๆ เข้า เจ้าตัวผิวปากไม่สมหญิงเดินเนียนไปจับนู่นแตะนี่ ส่วนคนอื่นก้มหน้าก้มตาทำงานกันตามเดิม

   “อยู่หลังตึกคณะ กำลังทำแสตน ช่างเถอะถ้ามึงไม่มีเสื้อก็ไม่เป็นไร”

   แล้วผมจะรายงานมันทำไมวะเนี่ย หรือจิตใต้สำนึกของผมบอกว่าซันมันเริ่มมีบทบาทเป็นพ่อของผมแล้ว

   /รอนั้น เดี๋ยวกูไป/

   พูดจบแม่งวางสายใส่หูทันที ผมรีบโทรกลับ ไอเชี่ยซัน มึงจะมาถิ่นอริทำแมวอะไร ผมกับมันญาติดีกัน ใช่ว่าคนอื่นจะญาติดีกับมันนะ หน้ามันยิ่งกวนส้นเท้าอยู่ สรุป มันไม่ยอมรับสายผม แล้วยังกดตัดคล้ายรำคาญเต็มที่ ผมหันไปหาพี่ปุ้น แกนนำทำงานวันนี้

   “พี่ เดี๋ยวผมมานะ เพื่อนมันจะเอาเสื้อมาให้”

   พี่แกโบกค้อนเป็นเชิงบอกจะไสหัวไปไหนก็เชิญตามสบาย แต่ดวงตาจ้องเขม็ง ถ้าผมเนียนหนีไม่กลับมา อนาคตผมคงจบอยู่เพียงแค่นี้ ผมยกมือไหว้กำลังจะวิ่งออกไปดักซันหน้าคณะก่อนเบรคเอี๊ยดเพราะคนที่กล่าวถึงมันเดินหล่อมานู่นแล้ว

   “จะไปไหน กูบอกให้มึงรอเฉยๆ ไม่ใช่?” ผมเลิกคิ้วถาม ท่าทางอย่างกวน แต่หล่อลาก

   “ไมมาไวจริง มึงไปเลย อยากโดนรุมตีนไงวะ”

   ผมยังอยากแอบมองหุ่นมันอยู่นะเฮ้ย ปล่อยให้มันเดี๊ยงหมดหล่อไม่ได้เด็ดขาด ไอ้ซันขืนตัวไว้ไม่ยอมตามแรงลาก นี่ตีนมึงตอกหมุดติดพื้นรึเปล่า ไม่กระดิกสักนิด ผมว่าผมไม่ได้แรงน้อยนะ ไอ้รูมเมทหน้าเถื่อนไม่สนท่าทางร้อนรนของผม มันก้มลงมองแขนเสื้อข้างที่ขาด แล้วถอดเสื้อตัวเองออกดื้อๆ

   “เอาไปเปลี่ยน”

   “มึงถอดเสื้อมาให้กู ไม่มีเรียนต่อเหรอ”

   มันส่ายหัวยัดเสื้อใส่มือผม ตัวมันชอบใส่เสื้อกล้ามด้านใน ตอนนี้เลยเผยต้นแขนน่ากัดท่อนล่างเป็นกางเกงยีน

   “มึงนี่ถามจริง จะเปลี่ยนเองหรือให้กูเปลี่ยนให้” มันจิ๊ปากดูรำคาญ เอาวะ มันอุตส่าห์เสียสละเสื้อให้ทั้งที ผมปลดกระดุมถอดแม่งตรงนี้ อายอะไรครับผู้ชาย ไม่มีหน้าอกหน้าใจให้มองหรอก ไอ้ซันตาโตมองผมเหมือนโมโห จับแขนลากไปยัดใส่มุมหนึ่งก่อนมันจะยืนเอาตัวบังหันหลังมาให้

   “เปลี่ยนเร็วๆ” มันกัดฟันมอง ผมรีบเปลี่ยนไม่รู้มันแดกรังแตนที่ไหนมา พอเปลี่ยนเสร็จถึงสะกิดเรียก มันมองผมที่ใส่เสื้อมันเรียบร้อยท่าทางพอใจแล้วคว้าเอาเสื้อเก่าที่ขาดไปถือไว้เอง

   “ไม่รังเกียจเหรอ เอาของซันมันไปใส่” มิทโผล่มาจากไหนไม่รู้ ชะโงกหน้าเข้ามาถาม มิน่า ทำไมซันมันถึงเดินเข้ามาสบายใจเฉิบ เจ้ามิทพามานี่เอง บอกได้เลยว่าอยากรู้เรื่องอะไร ส่วนไหนในมหาลัยให้ถามมิท หมอนี่มันรู้หมดทุกอย่างสมกับที่มันรู้จักคนเยอะยิ่งกว่าผมซะอีก

   “รังเกียจทำไม กูซักเองกับมือ”

   ผมหัวเราะ แต่ทุกคนที่กางหูฟังพากันอึ้ง ไอ้เพื่อนผมที่มันฉีกเสื้อวิ่งเข้ามาลากคอผมไปคุย มีพี่ฝ้ายกับพี่ปุ้นรุมเข้ามาหา

   “รูมเมทประสาอะไร มีซักผ้าให้กันด้วย นี่คงไม่รีดด้วยใช่มั้ย”

   “นั่นสิ พวกผู้หญิงอย่างฉัน อยู่กับรูมเมทยังไม่มีรีดเสื้อซักผ้าให้กันเลยนะ” พี่ปุ้นกับพี่ฝ้ายคงเป็นคู่นี้ฮาร์ดคอเกินไป อย่าเอาไปเหมารวมกับหญิงสาวธรรมดาทั่วไปสิ พวกเธอเสื่อมเสียหมด ผมได้แต่คิดในใจ ขืนพูดออกไปตายพอดี

   “บางทีไม่มีเวลาเลยช่วยๆ กันน่ะ”

   พี่ปุ้นมองตาวาว ผมชักรู้สึกความซวยกำลังมาเยือน

   “โป้! เป็นเมียพี่เหอะ แม่ศรีเรือนขนาดนี้ แถมยังช่างดูแลอีก” ผมค้อนใส่ เป็นเมียอะไรกัน อย่างผมต้องเป็นสามีสิถึงจะถูก

   “พูดอะไรยัยปุ้น โป้มันชอบ...อุ๊บ!”

   รีบยกมือไปปิดปากสาวเจ้าอย่างด่วน ผมไม่ยอมให้พี่ฝ้ายพูดจบประโยคเด็ดขาด พลางหันไปมองซัน ทางนั้นยืนคุยกับมิทไม่มีอาการผิดปกติ แสดงว่าเมื่อกี้ไม่ได้ยิน ค่อยโล่งอกหน่อย ผมยังไม่พร้อมจะบอกซันตอนนี้

   เพื่อนผมถามแบบไม่อยากเชื่อ

   “อย่าบอกนะว่ารูมเมทมึงไม่รู้เรื่องมึงเป็นเกย์” เพื่อนเวร ผมตบหัวมันหน้าทิ่ม

   “ไม่น่าเชื่อ นอกจากจะมีสวยใสไร้สมอง ยังมีหล่อแล้วโง่ซื่อบื้ออีกเหรอเนี่ย” พี่ฝ้ายพูดแบบทึ่งจัด ผมปวดหัวจี๊ด

   “ผมขอล่ะ เลิกพูดเรื่องพวกนี้เหอะ”

   จะยกมือไหว้ท่วมหัวแล้ว ทุกคนยอมเออออปล่อยผมไป หลังจากนี้ผมจะโดนแกล้งอะไรบ้างคงได้แต่ก้มหน้ารับชะตากรรม ผมเดินไปมองซันกับมิท

   “ขอบใจที่ให้ยืมเสื้อ พวกมึงกลับไปก่อน ไว้เจอกันที่ห้อง”

   ประโยคหลังผมพูดกับไอ้ซัน

   “ไม่ เดี๋ยวพวกกูรอแถวนี้ มึงเสร็จเมื่อไหร่โทรมา”

   ผมมองตามันปริบๆ หรือว่าอาการหวงเพื่อนของมันจะเลเวลอัพขึ้น? มองมิทที่น่าจะรู้เรื่องมากที่สุด คนถูกจ้องเสมองไปทางอื่น ชัดเลย ฝีมือเจ้ามิทแน่ๆ ผมถอนหายใจ

   “ตามใจ แต่กูต้องแวะไปหาจารย์ตอนเย็นอีก รอได้แน่นะ”

   มันพยักหน้าแล้วลากคอมิทเดินจากไป ผมก้มมองเสื้อตัวเอง กลิ่นมันยังอยู่ รู้สึกอุ่นๆ อยู่เลย ตัวใหญ่กว่าผมไซส์หนึ่งด้วย ผมพับแขนเสื้อพยายามอย่างยิ่งในการทำงานทาสีแล้วไม่ให้เสื้อเลอะ

   งานยังไม่ทันเสร็จดีผมต้องขอตัวไปหาอาจารย์ พี่ปุ้นยอมให้ผมไปแต่สั่งว่าพรุ่งนี้ต้องมาช่วยอีก ผมยกมือไหว้ขอบคุณพร้อมลารุ่นพี่กับเพื่อนคนอื่นแล้ววิ่งขึ้นชั้นบนไปหาอาจารย์ พอคุยเสร็จแล้วลงมาชั้นล่าง ดวงตาสอดส่องมองหาพวกซัน

   ความบังเอิญเกิดขึ้นรอบที่เท่าไหร่ไม่ทราบ เก้าโผล่มาดักจังหวะเดียวกับที่ผมเห็นซันนั่งเต๊ะจุ้ยคุยเพื่อนมัน

   “โป้บังเอิญจัง ไปด้วยกันมั้ย ฉันว่าจะหาอะไรกินก่อนกลับห้องพอดี”

   ถ้ามึงจะบังเอิญขนาดนี้ บังเอิญอุ้มกูกลับห้องเลยไหมครับ

   “ไม่เป็นไร พอดีนัดกับเพื่อนไว้”
   
   เก้ามันทำท่ามองซ้ายมองขวา รอบตัวผมไร้สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าเพื่อน เขายิ้มอบอุ่นยื่นมือมาจับมือผม

   “ไม่เอาน่า กลัวผมฉุดเข้าห้องเหรอ เดี๋ยวเลี้ยงข้าวไปด้วยกันเถอะนะ”

   คุณเคยเห็นผู้ชายอ้อนแล้วดูน่ารักรึเปล่า นี่เลยตรงหน้าผม จะชายหญิงคนไหนสนใจช่วยลากเขาไปที ผมดึงมือออกกำลังจะอ้าปากพูดโดนใครบางคนกระโจนใส่จนเซ

   “ไงโป้ ปล่อยกูรอซะนาน อ้าว หวัดดี” มิททำหน้าใสซื่อหันไปทักทายเพื่อนแปลกหน้า เก้าขมวดคิ้วมองผม ผมเลยแนะนำให้

   “เก้านี่มิท เพื่อนที่ฉันกำลังรอ”

   “ไง โป้เจ้าของเสื้อเขารอนานแล้วไปกันเถอะ ไว้เจอกันนะเก้า”

   มิทมันเหมารวบเองเสร็จสรรพ แล้วลากผมออกจากที่นั่นทันที เก้าไม่ทันพูดอะไรสักคำ วันนี้มีแต่คนลากคนคว้าตัว ขนาดตะปูยังไม่เว้น หรือมันจะเป็นวันเนื้อหอมของผม หอมแบบนี้ไม่ไหว ขอเหม็นดีกว่า

   จุดที่พวกเราอยู่เป็นจุดรวมตัวของบรรดาเพื่อนฝูงต่างคณะ ราวกับเป็นอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ไม่ว่าใครจะบาดหมางอะไรมา ถ้าเข้ามาในเขตนี้คือเขตอภัยทาน แต่ถ้าออกเมื่อไหร่ ประตูนรกเปิดรอคุณอยู่ รอบๆ มีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา สวนสวยพองาม ไม่ไกลมีสนามหญ้ากว้างให้คนเล่นบอลตีแบดกันตามสะดวก ชุดโต๊ะหินอ่อนกระจายอยู่ทั่ว โต๊ะที่มิทพามาทุกคนอยู่ครบ

   “นึกว่าโป้จะถูกเจ้าคนนั้นลักพาตัวแล้วซะอีก”

   ปอนด์ขยับให้ผมไปนั่งข้างๆ ส่วนมิทแยกไปนั่งเก้าอี้ว่าง ริวยกมือทักทาย

   “มีฉันเป็นพระเอกขี่ม้าขาวไปช่วยซะอย่าง เจ้านั่นไม่ได้แอ้มหรอก” มิทพูดพลางแย่งแก้วน้ำริวไปดูด ทางริวเหมือนจะเอือมไม่ยักว่าอะไร คงชิน

   “ถ้ามันตอแยมึงมากๆ บอกกูได้นะ” ซันเสนออย่างใจกว้าง คือมึงจะทำอะไรครับซัน สีหน้ามึงตอนนี้โคตรไม่น่าไว้ใจเลย ผมถอนหายใจส่ายหัว

   “ช่างเถอะ ก็ไม่ได้อะไรขนาดนั้น เลิกพูดเรื่องนี้ดีกว่า” เจ้าของเรื่องบอกแบบนี้ คนอื่นก็ไม่วุ่นวายเพิ่ม ผมชอบกลุ่มซันเพราะแบบนี้แหละ รู้ว่าเมื่อไหร่ควรถามหรือควรถอย แต่ยกเว้นไอ้ซันไว้คนนะ
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่4 Up7/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 07-02-2016 07:18:27
ซันเอ๋ย. ดับเครื่องชนเลยไหม เพื่อนรู้กันหมดแล้ว
 :pig4:   
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่4 Up7/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: PiSCis ที่ 07-02-2016 19:10:06
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่3 Up5/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 07-02-2016 20:28:22
น่าติดตามมากนะครับ
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่4 Up7/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: mi22 ที่ 07-02-2016 21:22:32
ทั้งคู่นี่ให้ความรูสึกว่าพอดียังไงไม่รู้
ชอบมากค่ะ รอซันรู้ใจตัวเอง ส่วนโป้นี่เนื้อหอมไม่เบาเลย

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่4 Up7/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: KIMKUNG ที่ 07-02-2016 21:52:35
ชอบบบบแนวนี้มากๆ มาต่อเร็วๆนะครับ
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่4 Up7/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 08-02-2016 00:02:39
เดินหน้าอ่อยเลยโป๊
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่4 Up7/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: temaripik ที่ 08-02-2016 00:50:18
รอนะคะ
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่5 Up8/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 08-02-2016 16:44:49
ยกที่5 ความลับ
   
   ความเหนื่อยล้าทั้งมวลมาสุมอยู่ที่ตัว รู้สึกปวดเมื่อยไปหมด ไม่ว่าจะช่วยงานทำแสตน ช่วยรุ่นพี่แบกพวกน้ำของว่างสำหรับคนขึ้นเชียร์ ยังมีแข่งกีฬาอีก ด้วยความที่ตอนเล่นพละผมหน่วยก้านที กีฬาไหนขาดคนเป็นต้องจับผมยัดใส่เข้าไป จะตัวจริงตัวสำรองมาหมด

   การเป็นคนมีมนุษย์สัมพันธ์ดีจนรู้จักเขาไปทั่วเริ่มส่งผลเสีย ใครๆ ก็รู้จัก ใครๆ ก็ใช้งานผม สารร่างแทบขาด ต้องทนอีกนิด อีกไม่นานจะหลุดพ้นสักที

   ผมนอนคว่ำหน้ากางแขนขาตายคาพื้นห้อง ซันมันกลับห้องมาใช้เท้าเขี่ย ไอ้หมอนี้ลงกีฬาเยอะกว่าทำไมมันดูไม่เหนื่อยเลยวะ!

   “นอนเกะกะ หลบดิ้”

   “กูตายแล้ว ห้ามรบกวน”

   “อะไรของมึง แค่นี้หมดแรงเหรอวะ” ผมโมโห ดึงขนหน้าแข้งขาข้างที่เขี่ยอยู่ได้ มันเท้ากระตุกเกือบเตะ สบถด่ายาวเหยียด

   “แค่นี้อะไรของมึงวะ เหนื่อยฉิบ มึงแม่งวิ่งไล่แต่กูในสนาม” ผมโวยมัน ล่าสุดแข่งฟุตซอลกัน ที่มีเป็นร้อยไร่ขยันประกบผมอยู่นั่นแหละ ส่วนเรื่องแพ้ชนะ สองคณะผลัดกันไป

   “สำออยว่ะ” มันยิ้มเยาะ พอเสียงโทรศัพท์ดังหยิบขึ้นมาจ้องดูหน้าจอ มันคำรามในคออย่างกับหมาบ้า ผมรีบผุดลุกขึ้นนั่งให้ห่างมันที่สุด พักหลังซันมันดูอารมณ์เสียแปลกๆ แถมโทรศัพท์สายเข้าจนสายแทบไหม้ มันกดตัดสายแงะเครื่องเอาแบตออก โยนซากเครื่องทิ้งบนเตียง

   “โทรกันมาอยู่ได้ รำคาญฉิบหาย บ้านเป็นโครงการโทรศัพท์หรือไงวะ!”

   มันขยี้หัว ผมนั่งเท้าคางกระดิกตีนมองมัน

   “สาวโทรมาเหรอ” ยิ้มแซวๆ มันตวัดสายตามาจ้องเขม็ง เชี่ย เรื่องจริงเรอะ

   “พวกนั้นเอาเบอร์มาจากไหน คนขี้รำคาญอย่างมึงไม่น่าจะเอาไปแจกจ่ายหนิ” ขนาดเพื่อนร่วมห้องหรือรุ่นพี่ในคณะ ผมยังไม่มั่นใจเลยว่าซันมันจะยอมให้เบอร์รึเปล่า ที่เห็นมีเบอร์มันแค่กลุ่มพวกเรา ผม ปอนด์ ริว มิท วาที่ไปอยู่เหนือน่าจะมีด้วยเช่นกัน

   “มิทมันเอาเบอร์กูไปขาย”

   ฮะ!? มิทไม่น่าจะใช่คนแบบนั้น เรื่องนี้ผมว่ามันมีประเด็น ต้องลองเสี่ยงถามดู

   “มึงไปทำอะไรมันก่อนรึเปล่า มันถึงได้เอาคืนมึงแบบนี้”

   เห็นซันชะงัก ชัดเลย ถ้าให้เดาต้องเกี่ยวกับเรื่องความลับของมิทแน่ ทางนั้นดูเหมือนใครรู้ก็ได้ยกเว้นซัน ให้ตายยังไงก็ไม่อยากให้รู้เด็ดขาด ผมเข้าใจ นิสัยรักเพื่อนเกินไปของมันนี่แหละจะทำเรื่องเสีย

   “กูแค่จี้ถามเรื่องที่มันชอบหายหัวเท่านั้นเอง” ดวงตาคู่สวยหรี่ลง ซันร้อนตัวเสมองไปทางอื่น

   “เออ! กูแอบตามมัน ใครจะคิดล่ะว่ามันหายตัวโคตรไว แถมยังรู้ตัวว่ากูตามอีกต่างหาก ทำอย่างกับตัวเองเป็นสายลับ”

   เหอะๆ มันไม่ใช่สายลับหรอก ด้วยอาชีพและด้วยบางสิ่งที่ดูเหมือนจะตามรังควานมิทอยู่ มันจะรู้ทางหนีทีไล่ดี สัมผัสไวก็ไม่แปลก ชีวิตของมิทดูไม่สวยหรูอย่างพวกเรา มาคิดดูดีๆ ความรู้สึกที่ผมมีต่อมิท ราวกับว่าเราไม่ได้อยู่ในสังคมแบบเดียวกัน

   ผมกลอกตาไล่ความคิด เจ้าตัวไม่ให้ยุ่งคือไม่ให้ยุ่ง ต่อไปนี้ผมจะไม่เอามาวิเคราะห์มั่วซั่วอีกแล้ว เอาชีวิตตัวเองให้รอดก่อนดีกว่า อันดับแรก ไอ้ซัน

   “มึงทำตัวเอง ปล่อยเรื่องมิทไป กูว่ามึงหาแฟนสักคนดีมั้ย เผื่อสาวพวกนั้นจะเลิกยุ่ง” และผมจะได้ตัดสินใจง่ายหน่อย ถ้ามันหาสาวเป็นแฟนจริง แสดงว่ามันไม่สนผู้ชายแน่นอน ดังนั้นปล่อยมันผลิตทายาทเพื่อมวลมนุษย์ต่อไป แต่ถ้ามันไม่สน ค่อยหลอกถามมันต่อว่ามันสนผู้ชายรึเปล่า

   “ยังไม่เจอสเปคถูกใจ”

   “สเปคมึงเป็นแบบไหน เผื่อกูเจอจะได้แนะนำให้” หลอกถามต่อไปแบบเนียนๆ มันยืนเก๊กหล่อลูบคาง

   “สเปคกูเหรอ? อืมม ฉลาด เก่ง เป็นการบ้านการเรือน ส่วนหน้าตา...” มันเหล่มองผมปากก็พูดไปด้วย “ขาว สะอาด หน้าตากูไม่เคยคิดซะด้วยสิ เอาเป็นว่าอย่าขี้เหร่จนรับไม่ไหวแล้วกัน นอกนั้นกูโอเค”

   ในความคิดซันตอนนี้ รู้สึกตกใจเล็กๆ เพ่งสำรวจเพื่อนร่วมห้อง เสือกตรงสเปคทุกอย่าง หน้าตาไม่ขี้เหร่ เสียอย่างเดียว มันดันเป็นผู้ชาย ซันถอนหายใจหนักหน่วง ด่าทอพระเจ้าไปหลายคำ

   แม่งง ทำไมมึงไม่เป็นผู้หญิงวะ!!

   ไอ้ซันเหมือนจะบ้าอีกรอบ มันฮึดฮัดถอดเสื้อคว้าผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำ ปล่อยผมมองตามันตาปริบๆ ยกมือลูบหน้า เมื่อกี้มันตรงหมดเลยนี่หว่า...

   รูมเมทผิวเข้มเช็ดหัวเปลือยท่อนบน เดินหน้านิ่วคิ้วขมวดมาทางผมที่กำลังเล่นคอมคุยกับปอนด์ แรกๆ เห็นมันแบบนี้ก็ชวนตื่นเต้นหรอก พักหลังเห็นจนเบื่อชิวไปละ

   “มึงได้กลิ่นอะไรปะ”

   “มึงขี้มา?” ผมเลิกคิ้วถาม ซันโบกหัวจนโขกคีย์บอร์ด ผมยกเท้ายันก้นมันกลับ จัดมาจัดกลับไม่โกง

   “ขี้เหี้ยไร กลิ่นอย่างกับอะไรเน่า”
   
   มันทำจมูกฟุดฟิดเหมือนหมา ว่าไปผมก็ได้กลิ่นนะ เข้าใจว่าห้องไหนคงทำอะไรกินอีกสักพักกลิ่นคงหาย

   “คงมีคนทำอาหาร เดี๋ยวลมพัดก็หาย”

   สักพักมีเสียงแต๊งๆ ดีดกีต้าร์มาจากห้องข้างๆ ปล่อยไป อีกเดี๋ยวมันคงเลิก... ที่ไหนได้แม่งยันเช้า โอเค ผมควรใจเย็นก่อนมันคงจะอกหัก ผู้ชายเข้าใจกัน ซันมันก็ไม่ว่าอะไร กระทั่งผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ กลิ่นเน่านรกยังคงอยู่ เสียงดีดกีต้าร์ห่วยๆ บางทีมีเสียงหอนยังดังต่อเนื่องอย่างคงเส้นคงวา ผมกัดฟันทนบอกให้ซันรอไปก่อนแล้วลงไปบอกอาจารย์ผู้ดูแล ให้จัดการกับกลิ่นไม่พึงประสงค์และเสียงกวนเวลานอน

   เห็นอาจารย์ขึ้นมาเคาะประตูห้องข้างๆ ค่อยวางใจ คืนนี้คงได้หลับกันอย่างสงบสักที...ซะที่ไหนเล่าเว้ย!!

   เวลาตีสามเสียงกีต้าร์พร้อมเสียงหอนยังคงดันอยู่ต่อเนื่อง พร้อมกลิ่นเน่าจากห้องด้านล่าง ผมกับซันลุกพรึบ คิ้วขมวดแทบบี้ยุงตาย จัดการเคาะห้องข้างๆ ก่อนเป็นอันดับแรก ผมยังดีใช้มือ ส่วนซันมันล่อเท้า พอเจ้าของห้องเปิด ไอ้ซันไม่พูดพล่ามทำเพลง ยันตีนเข้าไปก่อนเลย

   “หอนหาพ่อง! พวกกูจะหลับจะนอน อยากตายเหรอวะ!!”

   รูมเมทหัวยุ่งตวาดแบบเดือดจัด ผมมองตาค้างรีบล็อกแขนมันก่อนจะตามเข้าไปยันเขาอีกรอบ ผมกวาดตามองไวๆ เห็นในห้องมีผู้ชายสองคน คนแรกกำลังพยุงเพื่อนที่ถูกถีบหงาย

   “อยู่ๆ มาถีบกันทำไมวะ ตึกนี้เป็นของพวกมึงสองคนรึไง”

   มันด่ากลับแต่ไม่ยักจะเข้ามาใกล้ตีนซัน ผมจะได้แกล้งเผลอปล่อยให้ซันมันพรวดเข้าไปกระทืบอีกสักที ห้องอื่นได้ยินเสียงเอะอะ พากันแห่ออกมาหน้าตาโคตรงัวเงีย ทุกคนจ้องเขม็งมาที่พวกเราแล้วละสายตาไปจ้องไอ้เหี้ยพวกนั้น

   “อ่อ ห้องมึงเองเหรอที่เสียงดัง”

   หนึ่งในไทยมุงก้าวออกมา ใต้ตาคล้ำเหมือนหมีแพนด้า คนอื่นมีสภาพไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่ ส่วนใหญ่คนอยู่หอในคือพวกเด็กปีหนึ่ง และเด็กปีหนึ่งทุกคนกำลังอยู่ในช่วงมรสุมกิจกรรมพร้อมกับการเรียน เวลาพักผ่อนอันมีค่าโดนรบกวนต้องโกรธเป็นธรรมดา ไอ้สองตัวนั้นเพิ่งรู้ชะตากรรม รีบปิดประตูห้อง ซันมันไวกว่าใช้เท้ากั้นประตูไว้

   มือจับประตูสู้แรงผู้ชายสองคนแล้วง้างประตูเปิดออก ท่าทางมันตอนนี้โคตรน่ากลัว ขนาดผมยังสยอง

   “ตึกไม่ได้เป็นของพวกกูแค่สองคนว่ะ ถ้ามึงเสียงดังอีกแม้แต่นิดเดียว กูยินดียอมถูกไล่ออกจากหอแลกกับการกระทืบคน เข้าใจตรงกันนะ”

   มือใหญ่ตบหน้าเหยื่อผู้โชคร้ายแปะๆ น้ำหนักมือไม่ใช่น้อย สองตัวนั้นกลืนน้ำลายอึก ยอมอยู่สงบเสงี่ยม ซันฉีกยิ้มน่าสะพรึงเดินนำกลับห้อง ผมยิ้มโบกมือให้คนอื่นๆ พากันแยกย้ายไปพักผ่อน ส่วนกลิ่นเหม็นเน่าที่โชยมาคงต้องอาศัยปิดประตูกระจกเอา เพราะไม่รู้จะไปตามต้นตอห้องไหน

   จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้สมองเลยตื่นตัว จะข่มตาหลับอีกก็ยากแสนยาก ซันมันพลิกตัวหันมามองผมที่นอนหงายยกแขนก่ายหน้าผากจากเตียงฝั่งตรงข้าม ด้านบนอาศัยเอาของไปกองๆ ไว้ให้พออุ่นใจว่าไม่มีใครมานอนเป็นเพื่อน เตียงสองชั้นในหอพักมันน่ากลัวนะครับ

   “โป้หลับยัง”

   “ยัง”

   “กูว่า กูจะย้ายหอว่ะ”

   ใจผมกระตุกวูบ แต่แสร้งทำราวกับเป็นเรื่องปกติ ซันมันจะย้ายหอ เท่ากับถึงเวลาที่ผมต้องบอกมันแล้วใช่ไหม

   “ย้ายไมวะ”

   “กูรำคาญพวกแม่ง มึงย้ายไปอยู่กับกูนะ มันเป็นห้องชุดมีสองห้องนอนห้องน้ำในตัว มีที่ให้มึงวางโต๊ะเขียนแบบในอนาคต ส่วนกูมีที่วางตู้หนังสือ ไม่ต้องอดอู้อยู่ในหอแคบๆ เหมือนตอนนี้”

   “มึงพูดเหมือนไปดูมาแล้ว?” ผมหันหน้ามาถามมันอย่างไม่อยากเชื่อ ที่มันกลับช้าแต่ละวันไม่ได้โดนสาวลากไปไหนหรือติดกิจกรรม มันออกไปหาห้องเหรอเนี่ย ยังคิดเผื่อให้ผมวางโต๊ะเขียนแบบด้วย สุดยอดผู้ชายดีเด่น

   “เออ กูไปดูกับพี่กูมา พอดีพี่กับพี่สะใภ้มากรุงเทพฯ มึงไม่ต้องห่วงเรื่องเงิน ห้องนี้พี่กูซื้อขาดให้แล้ว เราหารกันแค่ค่าน้ำค่าไฟพอ ไม่ไกลจากมหา’ลัยด้วย”

   ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ เอาวะ คงต้องบอกแล้ว มันเล่นเตรียมการเสร็จสรรพ ตั้งใจลากผมไปอยู่ด้วยเลยนี่หว่า ที่มาถามเหมือนบอกเฉยๆ

   “กูไม่มีปัญหาเรื่องพวกนั้น แต่มึงอะ จะมีปัญหาซะเอง”

   “ทำไมวะ? กูจัดการทุกอย่างจะมีปัญหาได้ไง” ซันลุกขึ้นมานั่งแล้วครับท่านผู้ชม ตอบไม่รื่นหูอาจมีรายการปีโป้อัดเละคากำแพง

   “คือ...จะว่ายังไงดีวะ กูมีรสนิยมไม่เหมือนคนอื่น” ผมพยายามเริ่มด้วยการพูดให้อ้อมโลกที่สุดแล้วดูท่าทีของซัน ถ้ามันมีอาการต่อต้านชัดเจนผมจะหยุดพูดเรื่องนี้แล้วทำเหมือนทุกอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น

   “รสนิยมไม่เหมือนคนอื่น? มึงเป็นหนุ่มวายแบบปอนด์เหรอ” ซันถามงงๆ อ่า นี่ก็อีกเรื่อง ปอนด์กับเฮียเฟย์เป็นหนุ่มวายทั้งคู่ และพวกเขาก็ไม่ได้ปิดบังอะไรด้วย ไม่ใช่ว่าปอนด์ไม่อยากปิดหรอกนะ แต่โดนเจ้าซันกับมิทเซ้าซี้ถามมากๆ สุดท้ายเลยหลุดปากรู้กันทั้งกลุ่ม ทั้งที่ตอนแรกมีแค่ผมที่เคยอยู่กับปอนด์รู้คนเดียว

   ถึงงั้นก็เถอะ เรื่องนั้นก็ส่วนเรื่องนั้น นี่ก็ส่วนนี่ ซันยอมรับเรื่องความชอบปอนด์ได้ ใช่ว่าจะยอมรับเกย์ได้ซะเมื่อไหร่ ในโลกแห่งจินตนาการมันคนละเรื่องกับชีวิตจริง

   “คล้ายๆ กันแต่ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว” กลายเป็นว่าตอนนี้ผมกับซันนั่งประจันหน้ากันบนเตียง ฝั่งซันกอดอกคิ้วขมวด ด้านผมเหงื่อแตกซิกๆ

   “อะไรของมึงวะ ปกติมึงไม่ใช่พวกอ้ำอึ้ง มีอะไรทำไมไม่พูดมาตรงๆ” คุณชายสายพันธุ์เถื่อนเริ่มหงุดหงิด ผมอยากจะตะโกนใส่หน้ามันเป็นบ้า หากไม่ติดว่ากังวลถึงผลลัพธ์ที่จะตามมานะ พอเห็นผมไม่ยอมเปิดปากพูดต่อ ซันถอนหายใจเป็นฝ่ายเริ่มก่อนซะเอง

   “ถือโอกาสนี้เปิดใจคุยกันเลยระหว่างมึงกับกู จะได้ไม่มีปัญหาตอนย้ายไปอยู่ห้องใหม่” เดี๋ยวก่อนโยม ผมยังไม่ทันตกลงปลงใจหนีตามกันนะ ไหงด่วนสรุปแบบนั้น

   ดวงตาซันจ้องนิ่งชวนให้กลืนน้ำลายอึก มันดูลังเลนิดหน่อย ผมเลือกที่จะเงียบไม่เร่งรัดเพราะยังไม่อยากพูดเรื่องของตัวเองเหมือนกัน จนมันเปิดปากพูดออกมา

   “ถ้าย้ายไปมีโอกาสที่พี่กับพี่สะใภ้กูจะมาหา... กูบอกมึงเลยแล้วกัน พวกพี่กูเป็นเกย์มึงรับได้รึเปล่า ถ้าไม่ได้ก็บอก เวลาพวกพี่มากูจะได้เตือนมึงล่วงหน้า”

   ผมอึ้งเรื่องที่ซันบอกแล้วทึ่งด้วยที่มันยังคงยึดมั่นว่าผมต้องไปอยู่กับมันแน่ๆ มีการบอกเตือนล่วงหน้า จะให้กูไปหลบในตู้เสื้อผ้าเหมือนซ่อนชู้รึไง ผมหลุดขำ ซันทำสีหน้าไม่พอใจ

   “ขำไรวะ มึงหัวเราะเยาะพี่กูเหรอ” เสียงเข้มขึ้นจนผมผวา รีบยกมือส่ายหัว

   “ไม่ใช่ๆ กูหัวเราะตัวเอง กลุ้มแทบแย่เรื่องตัวเองเป็นเกย์ สรุปมึงชิงตัดหน้าบอกว่ามีพี่เป็นซะก่อน แบบนี้เท่ากับว่ามึงยอมรับรสนิยมของกูได้สินะ” ผมแก้ตัวเหล่ตามองมัน

   ซันตาโตเป็นนกฮูกไปแล้ว ผมโบกมือไปมา ดีดนิ้วตรงหน้ามันถึงได้สติ มันกระพริบตาปริบๆ ถามผม

   “ตั้งแต่เมื่อไหร่”

   ถามกูอย่างกับพ่อที่จับได้ว่าลูกตัวเองเป็นเกย์ มันนั่งกุมมือจ้องผมเขม็ง มาถึงขั้นนี้แล้ว ถูกมันชกก็ยอมล่ะวะ!

   “ตั้งแต่ก่อนเข้ามหา’ลัย กูขอเป็นฝ่ายถามมึงบ้าง มึงโอเคเหรอให้กูไปอยู่ด้วย” ต้องถามเพื่อความชัวร์ มันอาจยอมรับเรื่องมีเพื่อนเป็นเกย์ได้ แต่การต้องอยู่ด้วยกันมันคนจะกรณี กับพวกพี่ชายนั่นเขาเป็นแฟนกันอยู่แล้ว ไม่เหมือนผมที่มีสิทธิ์ลวนลามมัน แม้จะลวนลามทางสายตาไปเยอะแล้วก็เถอะ

   มันเงียบไป ผมใจแป้ว ทำใจไว้ห้าสิบห้าสิบ พอผมเงยหน้ามองมันถึงกับสะดุ้ง มันมองผมด้วยสายตาโกรธๆ ซวยล่ะ หาอะไรช่วยดี รอบตัวมีแต่หมอนกับผ้าห่ม

   “โป้มึงคิดว่ากูเป็นใคร”

   น้ำเสียงเย็นลงสิบระดับ ผมเริ่มทำอะไรไม่ถูก

   “คุณชายซัน” ซื่อบื้อ แถมท้ายให้ในใจ หลุดปากออกมามีแต่ตายกับตาย

   “กูไม่ขำ มึงคิดว่าเรื่องแค่นี้กูจะถึงกับไล่มึงไปไกลๆ เหรอ มึงดูถูกกูเกินไปแล้ว!”

   “มึงต้องเข้าใจ เรื่องพวกนี้ใช่ว่าใครจะยอมรับง่ายๆ เหมือนมึงไปซะหมด กูผ่านพวกนี้มาเยอะจะระแวงก็ไม่แปลก” หนุ่มเหนือตอบหน้านิ่วคิ้วขมวด ชักจะเริ่มหงุดหงิดแล้วเหมือนกัน ไหงจากคุยกันดีๆ ถึงขึ้นเสียงใส่ผมซะได้ ทีนี้กลายเป็นต่างคนต่างเงียบ จ้องหน้ากันเขม็ง

   “สรุปมึงรับได้หรือไม่ได้ว่ามาเลยดีกว่า” ผมถาม ส่วนมันตอบแบบไม่เสียเวลาคิด

   “กูรับได้! มึงจะเป็นตัวเหี้ยไรกูรับได้หมด กูเตรียมทุกอย่างไว้แล้ว ยังไงมึงต้องย้ายไปอยู่กับกู!!” ผมคิ้วกระตุก วาจาน่าเตะปากแตก ก่อนหน้านี้พอเดาได้ว่ามันเอาแต่ใจ วันนี้ยิ่งชัดเจน เอาแต่ใจโคตร นาซีสลัด

   มันหัวแข็ง ผมหัวดื้อ เอาเข้าไปสิ ในใจน่ะตอบตกลงไปเรียบร้อยแล้วว่าจะตามไปอยู่กับมัน คิดไปคิดมาคำมันแปลกๆ อย่างกับหนีตามกัน ช่างแม่ง เห็นท่าทางมั่นใจเกินร้อยของมันต้องจัดสักหน่อย ให้รู้ซะบ้าง วงการนี้ไม่ใสแบบที่คิด

   คนตัวขาวย้ายตัวเองเข้าหาอีกฝ่าย ชันเข่าตรงหว่างขา เชยคางที่มีตอหนวดนิดๆ ให้เงยมอง โน้มใบหน้าเข้าไปกระซิบข้างหู

   “ถ้ากูทำแบบนี้กับมึงล่ะ มึงยังจะยืนยันคำเดิมอีกไหม”

   ไอ้ซันกัดฟันกรอด ยืนยันคำเดิม

   “เออ!”

   “มึงไม่กลัวกูจะเล่นมึงเหรอ บางทีอาจจะลวนลามทีเผลออย่างตอนนี้”

   ปากพูดไปเรื่อย มือลูบตั้งแต่ลำคอ ไหปลาร้า แผงอกกว้างลงมายันสะโพกสอบ สภาพผมกับมันตอนนี้ ซันเปลือยท่อนบนสวมบ็อกเซอร์ ส่วนผมดีหน่อย มีเสื้อยืดกับบ็อกเซอร์ ดังนั้นไม่ต้องพูดถึง เวลาผมลูบมันจะถึงเนื้อถึงตัวขนาดไหน ผ้ามันบางจะตาย ยิ่งใส่บ่อยๆ จนผ้าเน่ายิ่งไม่ต้องพูดถึง

   รู้สึกกล้ามเนื้อซันมันกระตุก ด้วยความที่อยู่ใต้ความมืดมีเพียงแสงสลัวจากด้านนอก ภาพที่เห็นไม่ชัดเจนมันยิ่งชวนอารมณ์เตลิด

   ซันหุ่นดีเป็นบ้า!

   “หยุด” เสียงเข้มเอ่ยขึ้น ผมหัวเราะในใจ ขอแหย่อีกนิดแล้วกัน
 
   “กูเตือนมึงแล้ว” ขอปิดท้ายด้วยการลากมือไปยังต้นขาแกร่ง กล้ามเนื้อเน้นๆ ได้ยินเสียงซันสูดลมหายใจเฮือก จังหวะผมกำลังจะผละออก จู่ๆ มือใหญ่ล็อกตรงท้ายทอย ปากบดเบียดจูบจนรู้สึกเจ็บ ผมปิดปากแน่น ไอ้ซันไม่สนมันดูดปากผมราวกับอัดอั้นมานาน

   ความเจ็บจี๊ดตรงริมฝีปากทำเอาผมสะดุ้ง มันกัดปากผม! กำลังจะอ้าปากด่า ลิ้นร้อนสอดเข้ามาอย่างกระหาย ผมไม่ยอมแพ้ตอบโต้กลับ โดนลูบคมขนาดนี้จะยอมได้ยังไง รสจูบเคล้ากลิ่นเลือด ได้ยินเสียงมันร้องในคออย่างพึงพอใจ ผมรู้ตัวดีงานงอก ผู้ชายมันเครื่องติดง่าย

   โลกหมุนไปวูบหนึ่ง มือใหญ่จับผมล็อกไว้กับเตียง จังหวะที่มันผงกหัวขึ้นได้ยินเสียงดังโป๊กสุดไพเราะ อารมณ์แบบ สตั๊นคู่ ซันทิ้งตัวมานอนทับผมยกสองมือกุมหัวตัวเอง ผมลองคลึงๆ ดู อู้หู ปูดเป็นลูกมะนาว

   “สัตว์! กูเกลียดเตียงสองชั้น!!”

   รูมเมทผิวเข้มประกาศกร้าว หันมาจ้องผมเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ ขู่เสียงรอดไรฟัน

   “ไม่ต้องเสือกยิ้ม มึงต้องไปอยู่หอนอกกับกู ถ้ามึงไม่ยอมกูจะอุ้มมึงไปเอง แล้วจำไว้ อย่าลองดีกับกูอีกถ้ามึงยังไม่อยากเจอดี!”

   “มาถึงขั้นแลกลิ้น กูถามจริง มึงไม่ได้เป็นเกย์แน่นะ” กลายเป็นผมที่ระแวงซะเอง ดูมันเชี่ยวสุดๆ

   “ไม่ แต่พี่กูเป็น เพื่อนกูก็เป็น ตอนนี้แม่งเป็นยกกลุ่มแล้วมั้ง อีกอย่าง ความจริงกูมันยังไงก็ได้ จะชายจะหญิงขอแค่กูรักกูโอหมด”

   ผมนอนแผ่ เหมือนยกภูเขาออกจากอก ความกังวลต่างๆ นาๆ หายไปเป็นปลิดทิ้ง

   “กลับไปนอนเตียงมึงไป พรุ่งนี้เก็บของย้ายด้วย”

   “เฮ้ย ปุบปับไปป่าว ต้องแจ้งอาจารย์ประจำหอก่อนดิ” ผมผงกหัวขึ้นมาคุยกับมันดีๆ

   “กูเกลียดเตียงสองชั้น กูจะย้าย ใครจะทำไมกู”

   “ตามใจมึงเลยครับคุณชายซัน” ส่ายหัวปลง กลิ้งออกจากใต้ตัวมันกลับเตียงตัวเอง ผู้ชายตัวโตอย่างกับควายสองคนไปนอนเบียดเตียงเล็กแคบแบบนั้นน่าอนาถ ผมขอย้ายกลับสู่ถิ่นฐานตัวเองดีกว่า

   วันรุ่งขึ้น ซันมันเอาจริง ตอนเช้าก่อนไปเรียนมันบอกอาจารย์ข้างล่างว่าพวกเราจะย้ายออก พอจารย์ด่าทำหูทวนลมไม่ได้ยิน เลิกเรียนมาดักรอที่คณะลากผมกลับมาช่วยกันย้ายของที่ห้องใส่รถคันหนึ่ง ผมถามด้วยความสงสัย ที่ผ่านมาผมไม่เคยเห็นมันขับรถเลยนะ แล้วคันนี้งอกมาไง

   “ซัน มึงยืมรถเพื่อนมาเหรอ”

   “ฮึ นี่รถกู กูให้พวกพี่ขับมาให้ ปกติจอดทิ้งไว้ที่คอนโด”

   กระจ่าง มันคุณชายของจริง เพียงแค่ไม่มีคนขับรถ ใช้งานพี่ชายตัวเองแทน สงสัยเป็นลูกคนเล็กที่บ้านตามใจ

   “แล้วไมมึงไม่นอนคอนโดแต่แรกวะ”

   “ไม่อยากเปลืองตัง ไปสิงอยู่บ้านญาติของวามัน ถ้ามันไม่โดนถีบส่งขึ้นเหนือ กูคงไม่ต้องหาหออยู่แบบนี้”

   คงต้องขอบคุณอาจารย์ที่เลือกส่งวาขึ้นเหนือ ไม่งั้นผมกับซันคงไม่ได้เป็นรูมเมทกันจนถึงทุกวันนี้ ข้าวของส่วนใหญ่มีแต่หนังสือของซันกับอุปกรณ์การเรียนของผม ห้องมันอยู่ไม่ไกลจากมหา’ลัยอย่างที่มันบอก เฟอร์นิเจอร์พร้อม ยังได้กลิ่นอับของใหม่ ผมเปิดหน้าต่างระบายอากาศ เริ่มลงมือทำความสะอาดระหว่างซันจัดข้าวของขึ้นชั้น

   เดินมาสำรวจห้องครัว เครื่องครัวครบไม่เลวเลย

   “ซัน มึงบอกอยากกินอาหารฝีมือกูใช่มะ เย็นนี้ไปตลาดกัน”

   มาอยู่แถวนี้ได้สักพัก ผมพอจะรู้ว่าที่ไหนมีตลาดสด ซันมันชะโงกหัวออกมาจากในห้องนอนดวงตาเป็นประกายตอบตกลงทันที

   หลังจัดการห้องเสร็จเราเลยออกมาซื้อของสดที่ตลาด ผมเป็นคนเลือก ซันเป็นคนถือ มันรีเควสเมนูอาหารอย่างกับผมเป็นป้าร้านตามสั่ง ข้าวของมากมายเต็มสองมือ นอกจากพวกของสด ยังมีของกินของใช้บางอย่าง ที่หอในไม่มีตู้เย็น แต่คอนโดมี ยัดน้ำยัดของกินได้สบาย

   พอกลับมาถึงห้อง พวกผมกองทุกอย่างไว้บนโต๊ะ เลือกของสดเข้าครัว นอกนั้นให้ซันจัดการยัดใส่ตู้เย็น ผมทำอาหาร ซันจัดโต๊ะ ได้กับข้าวสองสามอย่างแถมข้าวสวยร้อนๆ แค่นี้ก็ฟินแล้ว

   เมื่อทุกอย่างพร้อมก็ถึงเวลากิน ผมตักคำแรกเข้าปากเคี้ยว ถือว่าไม่เลว ฝีมือยังไม่ตกแม้ว่าจะไม่ได้เข้าครัวตั้งแต่เรียนมหา’ลัย ซันตักกินทุกอย่าง ปากเอ่ยชมไม่หยุด

   “อร่อยอย่างที่มึงบอกจริงด้วย ที่ผ่านมากูนึกว่ามึงแค่ไปช่วยเป็นลูกมือ ไม่คิดว่าจะทำอร่อย”

   “เว่อไป แค่อาหารบ้านๆ” ผมพูดจบมันเอาส้อมชี้หน้า

   “อาหารพื้นๆ ยิ่งทำให้อร่อยยาก มึงอย่าได้ดูถูกเชียว นับแต่วันนี้เป็นต้นไป กูเสียสละให้มึงทำข้าวเย็น ส่วนกูจะเตรียมข้าวเช้า ตอนเที่ยงถ้าอยู่ด้วยกันค่อยช่วยกันทำ ถ้าไม่ ต่างคนต่างกิน เรื่องทำความสะอาดสลับกันวันเว้นวัน”

   ซันมันแจกแจงแบ่งงานเสร็จสรรพ ไม่มีการเอาเปรียบกันแม้แต่น้อย ผมพยักหน้ารับไม่มีปัญหา

   หลังมื้อเย็น ซันเป็นคนล้างจาน ผมนั่งเอนหลังบนโซฟา รู้สึกดีจนน้ำตาแทบไหล อยู่คอนโดห้องชุดมันต้องดีกว่าหอใจเล็กเท่ารูหนู ซันดูจะดีใจมากที่มันหลุดพ้นจากเตียงสองชั้น ความจริงมันบ่นมานานแล้ว เตียงแคบติดกำแพง มันนอนทีไม่แขนก็ขากระแทกกำแพงช้ำตลอด พอลุกหัวก็โขกเหล็กด้านบน เหยียดแข้งเหยียดขาไม่สบาย หวังว่าอาการปวดเมื่อยของพวกเราจะหายนะ

   สวัสดีห้องใหม่ เฮ้อออ...
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่5 Up8/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 09-02-2016 13:41:24
ย้ายเข้าเรือนหอ.   :hao3:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่5 Up8/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 09-02-2016 13:56:43
 :impress2:  นี่มัน....วางแผนไว้แล้วชัดๆเลยซัน จูบแล้วด้วย
นี่ไงแม่บ้าน ขาดแต่สถานะคนรู้ใจ   :hao6: 
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่5 Up8/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 09-02-2016 15:32:34
สนุกดีคะ มาต่อเรื่อยๆ บ่อยๆ นะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่5 Up8/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: RoseBullet ที่ 11-02-2016 21:08:19
ซันนี่ขอยกลุคคุณพ่อประจำกลุ่มให้เลย ฮ่าาาาา ทั้งห่วงทั้งหวงเพื่อนแบบมากๆ ทั้งบ่นทั้งแนะนำต่างๆนานา
ตอนแรกๆเลยที่อ่านแล้วยังไม่คุ้นนิสัยนี้ก็แอบคิดนิดนึงว่า เอ๊ะ ห่วงกันขนาดนี้คิดไรกับโป้ไหมเนี่ย พอรู้แล้วก็เข้าใจ
แต่ๆๆ สำหรับตอนล่าสุดมีทั้งกัดปาก ทั้งจูบ บลาๆ นี่ไม่ใช่แบบเพื่อนล้าววว ฮี่ มีความหวังอันยิ่งใหญ่
สเปคที่พูดมาก็เข้าเค้าเป็นปีโป้ได้เลย ได้พิสูจน์ฝีมือการทำอาหารไปแล้วด้วย
ตอนนี้ก็ถึงขั้นให้ย้ายไปอยู่ด้วยกัน ถ้าไม่ไปนี่เดี๋ยวพี่ซันอุ้มไปเลยนะคะ ฮี่ๆๆๆ ดิบเถื่อนได้จายยย

เราชอบโป้ตรงที่ดูชิลล์ๆดีนะ ตอนใส่ชุดกระโปรงลงไปเล่นบาส น่าร๊ากกก ซันก็ตามประกบใหญ่เลย หวงอ่ะดิ
แล้วก็อีกเรื่องคือถึงแม้ว่าซันจะเป็นสเปคหน้าตาแบบที่โป้ชอบ แต่ถ้าเพื่อนมันยังชอบผู้หญิงปกติ
โป้ก็ไม่ได้คิดไปรุกอะไร ได้อยู่ห้องเดียวกันได้ชมหุ่นบ้างเป็นกำไรชีวิตก็โอเคแล้ว ฮ่าาาา
แล้วตอนก่อนนี้ที่ซันหายไปกับสาว พอกลับมาดันมองโป้แปลกๆคืออะไรอ่ะ มันต้องมีอะไรแน่นอน อยากรู้
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่6 Up14/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 14-02-2016 18:25:41
ยกที่6 กลับบ้าน

   อารมณ์ตอนนี้รู้สึกแปลกใจกับตัวเอง ย้อนกลับไปวันก่อน ผมยังกลุ้มอยู่เลยว่าจะบอกไอ้ซันยังไงดีเรื่องความชอบของตัวเอง ปัจจุบัน นอกจากมันจะโอเคแล้ว ยังลากผมมาแชร์ห้องด้วย ทุกอย่างเหมือนเดิมราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็แค่ย้ายห้องเฉยๆ

   ซันมันไม่มีท่าทีอะไรสักนิด สงสัยคงเป็นเพราะกิจกรรมมหา’ลัยด้วยทำให้พวกเราไม่ค่อยมีเวลาว่างสักเท่าไหร่ พอหมดช่วงกิจกรรม แทนที่จะได้พักดันต่อด้วยมหกรรมงานก่อนสอบ ปั่นงานกันหัวฟู ยังมีเรื่องอ่านสอบอีก เรียกได้ว่าเวลานอนแทบไม่มี สภาพเด็กมหา’ลัยแต่ละคนเหมือนซอมบี้ผุดขึ้นมาจากหลุม

   ผมกับซันแม้จะอยู่ห้องเดียวกัน สลับเข้าออกไม่เป็นเวลา ช่วงนี้งดเรื่องมื้อเช้าฝีมือซันและมื้อเย็นฝีมือผมไปชั่วคราวจนกว่าทุกอย่างจะลงตัว

   ผ่านไปราวๆ สองอาทิตย์ ในที่สุด! พวกเราก็เป็นไทกันเสียที ผมอยากโห่ร้องให้ก้องโลก เพื่อนทุกคนพากับตบบ่ากอดคอ ทั้งหัวเราะและร้องไห้หลังออกจากห้องสอบวิชาสุดท้าย หัวเราะที่หลุดพ้น ร้องไห้เพราะตูไม่ผ่านแน่ๆ

   สมองผมไม่ได้แย่อะไร เข้าเรียนสม่ำเสมอ กิจกรรมไม่ให้ขาด เสนอหน้าหาอาจารย์บ่อยๆ ส่งงานให้ครบ อ่านทวนก่อนสอบ เท่านี้ก็สบายแล้ว ต่อให้เฉียดผ่านยังไงอาจารย์ก็ช่วยด้วยความสงสารหรือสมเพชไม่สำคัญ สำคัญที่ผมรอดเป็นพอ
   
   ผมออกจากกระแสของความโศกเศร้า มุ่งหน้าไปหาที่พักทางใจ ถ้าเป็นเวลาปกติผมคงจะกระโดดไปกินเหล้ากับเพื่อนฉลองสอบเสร็จ พอดีตอนนี้ผมนัดกลุ่มซันเอาไว้ พวกนั้นมันจะฉลองเหมือนกัน เลยต้องผละไปทางนั้นช่างน่าเสียดายยิ่งนัก เอาไว้ผมค่อยไปกินเหล้าฟรีวันหลัง

   จุดพบปะของทุกคณะดูจะเป็นที่นัดรวมตัวของกลุ่มเราไปแล้ว เพราะมีผมที่เป็นเด็กสถาปัตย์กับพวกมันส่วนใหญ่อยู่วิศวะ ปอนด์ไอที ปล่อยมันไป คณะนี้เดินไปไหนไม่ค่อยมีปัญหา เว้นแต่พวกเงินขาดมือ อาจจะดักสอยพวกนี้เพื่อฉกชิงเครื่องมือทำมาหากิน ก็ไม่รู้ว่าจะพกเยอะแยะทำไม ผมเคยถามปอนด์นะ ว่าปกติพกอะไรกันบ้าง

   ไอ้ตัวเล็กบอก ไม่มากไม่มาย ก็แค่โทรศัพท์มือถือ บางคนมีหนึ่งเครื่องบางคนมีสอง แท็บเล็ตต่างหาก โน้ตบุ้คสำหรับเอามาทำงานบางวิชา USB มีอย่างน้อยคนละอัน เอทานอล ฮาร์ดดิสอีก ยังมีหูฟังด้วย เผลอๆ บางรายแค่โน้ตบุ้คไม่จุใจ ยกมาทั้งคีย์บอร์ด เม้าส์ ที่รองเม้าส์ เรียกได้ว่าจัดเต็ม

   ผมถึงคราวกระจ่าง ก็ว่าทำไมเพื่อนตัวเล็กของเรามันถึงไม่โตขึ้นสักที แม่งแบกแบบย้ายบ้าน พอผมพูดแบบนี้ใส่ปอนด์ตวัดตามองยู่ปาก บอกว่าตัวเองมีแค่มือถือ หูฟัง กับ USB เท่านั้น ส่วนโน้ตบุ้ค คีย์บอร์ด เม้าส์แยกต่างหากจะยกมาเฉพาะมีงานกลุ่มที่ต้องใช้ ผมว่าแค่โน้ตบุ้คก็หนักจะแย่

   โต๊ะที่พวกนั้นนั่งหาไม่ยาก แต่ละคนเด่นซะขนาดนั้น ผมเดินตรงไปนั่งข้างปอนด์ ทุกคนดูจะขอบตาดำกันหมด ขนาดปอนด์ยังไม่เว้น ที่เห็นสดใสคงมีแต่มิท ยิ้มเจิดจ้าอยู่คนเดียว

   “โทษทีที่มาช้า พวกมึงคิดกันยังจะไปแดกที่ไหน”

   “หมูกระทะ!”

   ไม่ต่างจากที่คิดเท่าไหร่ นึกอะไรไม่ออกก็หมูกระทะ

   “ก็ดี มันเปิดตอนเย็น นี่เพิ่งห้าโมง งั้นนั่งเล่นแถวนี้ก่อนค่อยไป ปอนด์ต้องรีบกลับมั้ย”

   “ไม่รีบๆ บอกพี่เฟย์แล้วว่าวันนี้จะกลับช้า”

   ผมพยักหน้ารับ เฮียเฟย์พอรู้ว่าปอนด์มากับพวกผมไม่ค่อยห่วงเท่าไหร่ อย่างว่า พวกผมไม่ปล่อยให้ปอนด์เป็นอะไรแน่ ยังไม่อยากอายุสั้น

   “ปิดเทอมพวกมึงไปไหนกัน” ริวเปิดประเด็น จะว่าไปถือเป็นครั้งแรกของการปิดเทอมมหา’ลัย ช่างยาวนานซะจริง ตั้งสองอาทิตย์ อย่าเรียกว่าปิดเทอมเลย มันเหมือนหยุดยาวมากกว่า

   “พี่กูสั่งให้กลับบ้าน” ซันเริ่มคนแรก

   “กูด้วย แต่ไม่ใช่พี่สั่ง แม่สั่ง” ผมกับซันชะตากรรมไม่ต่างกัน

   “อยู่แถวนี้แหละ ไม่รู้จะไปไหน” มิทยักไหล่ ตั้งแต่มันถูกซันตามรอบนั้น มันหายหัวเก่งกว่าเดิมอีก ต่อให้มันบอกว่าอยู่แถวนี้ จะให้หาตัวจริงๆ ไม่เจอหรอก

   “ฉันจะกลับไปอ้อนแม่ให้สมใจอยาก”

   ลูกแหง่... คำสั้นๆ ที่ผุดขึ้นในหัวพวกเราทุกคน พากันมองเพื่อนตัวเล็กด้วยสายตาว่างเปล่า ไม่ใช่ปกติก็อ้อนอยู่แล้วเรอะ เฮียเฟย์ไง ตกหลุมจนขึ้นมาไม่ได้แล้วนั่น

   “บ้านกูไปญี่ปุ่นว่ะ ว่าจะถามพวกมึงพอดี เอาของฝากอะไรมั้ย”

   ทุกคนหูผึ่งหันขวับ!

   “เอาตัวมึงกลับมาครบ 32 ก็พอ” ไอ้ซันมันพูดอย่างกับเพื่อนจะไปออกรบ

   “ขนม เอาขนม!” เพื่อนตัวเล็กตาวาว ผมก้มมองพุงมันอย่างสงบ กินโคตรเยอะ ต่อให้ไม่เจอกันตลอดเวลา ก็พอเดาได้ว่าเฮียเฟย์คงจะขุนด้วยสารพัดของกินและขนมไม่ขาดแหง ทำไมมันไม่โตขึ้นเลยวะ หรือกระเพาะจะเป็นหลุมดำ ช่างเป็นความลึกลับที่สาวทุกคนบนโลกต้องการ

   “อะไรก็ได้” ผมโบกมือ เพราะไม่มีอะไรอยากได้เป็นพิเศษ จะให้บอกเอาเหล้าของทางนั้นมาก็เกรงใจ เหลือแค่มิทคนเดียวที่ยังไม่บอกว่าอยากได้อะไร เจ้าตัวยิ้มตาหยี่อย่างกับจิ้งจอกเจ้าเล่ห์

   “ถุงยาง”

   ผัวะ! พลั่ก!

   ริวโบกหัว ซันยกขาถีบ มิทลงไปกองกับพื้นชักแด่กๆ ผมกับปอนด์พากันขำกลิ้ง พอไอ้มิทมันตะกายกลับขึ้นมานั่งใหม่ก็บ่นกระปอดประแปด

   “พวกมึงหนิทำร้ายร่างกายกู ดูดิ เสื้อกูเปื้อนหมดละ”

   “ของฝากมีเป็นล้าน ทำไมมึงต้องเอาของแบบนี้วะ เห็นแก่หน้ากูตอนซื้อกลับมาบ้าง” ริวบ่นอุบ

   “ก็แหม่ เคยได้ยินว่ามันมีแบบพิเศษบางเฉียบยิ่งกว่าผ้าอนามัยผู้หญิง ใส่แล้วเหมือนไม่ใส่”

   ริวยกมือ ซันยกเท้า ไอ้มิทกระโดดหลบมาอยู่หลังผม มันหัวเราะแบบไม่กลัวน้ำลายกระเด็นใส่บังเกอร์หน้าหล่ออย่างผมเล้ย

   “มันอุตส่าห์จะหอบของมาฝาก มึงก็เลือกดีๆ หน่อยสิวะ” ซันบ่น

   ไอ้มิทหัวเราะฮาเลื้อยไปกอดคอปอนด์ต่อ แม่งไหลไปทั่วกลุ่ม

   “เอาขนมแบบปอนด์ก็ได้ กูไม่รู้ว่าจะเอาอะไรเหมือนกัน”

   ริวส่งเสียงเหอะในคอ เรานั่งเล่นนั่งคุยได้สักพัก ก็หาฝาน้ำอัดลมจากร้านขายน้ำใกล้ๆ มานั่งเล่นหมากฮอสกับตารางบนโต๊ะม้าหินอ่อน คนที่กากที่สุดแทนที่จะเป็นลูกแมว กลับกลายเป็นไอ้ซัน ส่วนคนที่เทพสุดดันเป็นริว มันบอกว่ามันเคยเล่นโกะกับพี่ เหมือนกันที่ไหนล่ะเว้ย พวกเราแทบอยากคว่ำโต๊ะใส่

   ช่วงห้าโมงกว่าได้เวลาออกหากิน กวาดฝาไปทิ้ง มุ่งหน้าสู่ร้านหมูกระทะ อาศัยนั่งรถเมล์เอา ยังดี เรามาเร็วร้านเลยยังพอมีที่ว่าง พวกผมเลือกที่นั่งด้านนอก ด้านในมันลุกไปตักของง่ายก็จริง แต่ควันมันอบอวลแถมยังร้อนอ้าว ด้านนอกลมเย็นกำลังดี

   งานนี้เราตั้งใจมากินกันเฉยๆ ไร้แอลกอฮอล์ อย่างมากมีแค่เหล้าปั่นที่รสชาติอย่างกับน้ำเชื่อมใส่สีปั่นกับน้ำแข็ง ไม่สะท้านกระเพาะพวกเราเลยสักนิด ยกเว้นปอนด์ไว้คน ทางนั้นดื่มไปนิดนึงก็ตัวแดงก่ำ แต่ยังเฮฮาได้ปกติ แสดงว่าเป็นพวกเลือดลมดีจัด กลับไปคงอีกนานกว่าจะหายตัวแดง คิดถึงตรงนี้ผมชะงักตะเกียบ มองซันสื่อความหมาย

   ซันเลิกคิ้วมองอย่างสงสัย ผมบุ้ยปากไปทางลูกแมวที่กำลังโดนมิทหลอกไปกินเนื้ออะไรสักอย่างที่โคตรเค็ม ดวงตาคมมองตาม ส่ายหัวเป็นเชิงว่าไม่เข้าใจ ผมถอนหายใจเฮือก นอกจากจะหล่อบื้อแล้วยังโง่อีกด้วย สลัด!

   ผมหยิบแก้วเหล้าปั่นเปลี่ยนเป็นน้ำเปล่าให้เพื่อนตัวเล็ก ปอนด์ละสายตาจากการก่อศึกตะเกียบกับมิทมองผมงงๆ

   “ตัวแดงหมดแล้ว กลับไปเฮียเห็นตายแน่”

   ซันกับปอนด์พากันสะดุ้งโหยง รายแรกคงสะดุ้งเพราะเกรงความซวยจะมาเยือน รายหลังน่าจะถูกเฮียสั่งกำชับห้ามแตะแอลกอฮอล์แล้วดันฝ่าฝืนคำสั่ง

   “ทำไงดีอะโป้ ลืมสนิทเลย”

   “อะไร มีไรกัน” มิทเสนอหน้ามาพร้อมกับริว ผมเลยอธิบายไป เจ้าตัวพยักหน้ารับแล้วเสนอให้ทำใจแล้วกลับไปรับชะตากรรมซะ ที่เหลือทำหน้าเอือมใส่มันหมด เว้นปอนด์ถอนหายใจปลง เอาเป็นว่าผมกับซันน่าจะคิดเหมือนกันอยู่อย่างในเวลานี้

   จะกลับบ้านมันพรุ่งนี้เลย ป้องกันเฮียบุกมาเอาเรื่อง!

   พอกินกันอิ่มพุงแทบแตก ค่อยล้วงตังของใครของมันออกมารวมจ่ายแล้วแยกย้ายกลับก่อนสองทุ่ม ปอนด์ได้เฮียเฟย์มารับ ผมกับซันพากันมองนู่นมองนี้หลบสายตาของเฮียเฟย์หลังแห็นเพื่อนตัวเล็กตัวเปลี่ยนสีได้ ส่วนมิทมันขอตัวไปคุยโทรศัพท์แล้วหายสาบสูญไปตั้งแต่ตอนทุ่มหนึ่ง สงสัยโดนใครอุ้มขึ้นรถไปแล้ว ริวมันเลยออกตังส่วนของมิทให้ก่อนแยกกลับบ้านตัวเอง ผมกับซันกลับด้วยกัน

   “พรุ่งนี้มึงจะกลับบ้านเลยปะ”

   “คิดไว้งั้น หยุดแค่สองอาทิตย์คงต้องรีบกลับว่ะ มึงล่ะ?”

   “เหมือนกัน ทีแรกว่าจะชวนพวกมึงไปเที่ยวเล่นบ้านกูอยู่ แต่ไอ้ริวดันไปญี่ปุ่นซะได้”

   ผมตบบ่ามัน

   “มึงไม่กลัวบ้านแตกเหรอ ขนเพื่อนไปถล่มน่ะ” มันส่งเสียงหึในคอ

   “แตกไง บ้านกูเป็นรีสอร์ท” กลายเป็นผมที่อ้าปากค้าง เฮ้ย! แม่งคุณชายตัวจริงนี่หว่า

   “อึ้งอะไรมึง แค่รีสอร์ทเล็กๆ” ผมไม่ค่อยจะเชื่อคำพูดมันสักเท่าไหร่ เอาไว้มีโอกาสค่อยไปดูกับตาแล้วกันว่ามันเล็กจริงอย่างปากมันว่ารึเปล่า

   ถึงห้องพากันอาบน้ำนอน เก็บข้าวของพรุ่งนี้แล้วแยกกันไป ผมนั่งรถทัวร์กลับอย่างไม่รีบร้อน ส่วนซันขับรถตัวเอง เห็นว่าขี้เกียจไปนั่งเบียดกับคนอื่น

   บ้านผมอยู่เชียงใหม่อย่างที่ทุกคนรู้กัน พ่อผมสืบทอดกิจกรรมต่อจากปู่ ส่วนแม่มีกิจการส่วนตัวเกี่ยวกับพวกผ้าไหมทอมือ หลับในรถไปสิบตื่น นั่งจนปวดหลัง ในที่สุดผมก็ถึงบ้านสักที กลับไปอันดับแรกไหว้แม่ โยนกระเป๋าทิ้งแล้วนอนตายจนถึงเย็นเวลาพ่อเลิกงาน

   ผมโดนปลุกให้ลงมาทานข้าวเย็นด้วยกัน ที่โต๊ะอาหารมีของโปรดของผมหลายอย่าง คาดว่าเป็นฝีมือแม่หมด แม่ผมแม้จะอายุไม่น้อยแล้วแต่ยังคงความงามตามวัยได้อย่างน่าชื่นชม ผมดำเกล้าขึ้นปักด้วยปิ่นไม้หอม ใส่ชุดแบบชาวเหนือพอกับพ่อ อายุเข้าเลขสี่แต่ยังดูมาดมั่นออร่าผู้นำจับ ที่บ้านมีแม่คนเดียวพูดเหนือตลอด นอกนั้นพูดกลางซะมากกว่าเพราะบ้านเราอยู่ในเมืองแถมฝั่งพ่อยังทำธุรกิจต้องติดต่อกับคนอื่นเลยชินปาก

   หลายครั้งที่ผมสงสัย แม่เป็นผู้หญิงเรียบร้อยช่างยิ้ม ส่วนพ่อเป็นผู้ชายแสนสุภาพ แล้วนิสัยผมมันหลุดผ่าเหล่าผ่ากอมาจากไหน ผมเคยถามพ่อนะ พ่อบอกผมนิสัยเหมือนปู่สมัยหนุ่มๆ เล่นเอาอยากจะไปผูกคอตายใต้ต้นผักชี

   “สวัสดีครับพ่อ ยังหล่อเหมือนเดิมเลยนะ”

   ผมยิ้มพูดเอาใจ พ่อเบ้ปากใส่

   “พอๆ ฉันยังไม่อยากคลื่นไส้ก่อนกินข้าว อยู่ที่นู่นเป็นยังไงบ้าง”

   “มีความสุขดีครับ”

   “จะไปอู้กั๋นนักกิ๋นข้าว ๆ แม่ยะของมักของโป้ไว้จ้าดนัก (อย่ามัวแต่คุยกัน กินข้าวๆ แม่ทำของโปรดโป้หลายอย่างเลย)”

   แม่ตักกับข้าวหลายอย่างให้ผม มีผักสดน่าทาน น้ำพริกอ่องของโปรด แอบปลากุ้ง สารพัดอาหารเหนือ ที่ไหนไม่อร่อยเท่าบ้านตัวเองจริงๆ กลับไปคงต้องลองทำให้ซันมันกินบ้าง

   ผมตักกับข้าวให้แม่ พ่อทำหน้างอนผมเลยต้องตักให้ วนไปเวียนมาแต่มีความสุข กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ครอบครัวผมผ่านอะไรมาไม่น้อย ยิ่งบ้านบ้านเราเป็นคนมีหน้ามีตาในพื้นที่ ปู่ถึงได้โกรธผมหนักขนาดนั้น ทำสงครามเย็นกันพักใหญ่ จนพ่อทนไม่ไหวแข็งข้อแยกตัวออกมาอยู่กันเองนี่แหละ แต่ลูกหลานคนอื่นมีกิจการของตัวเองหมด สุดท้ายพ่อต้องกลับไปสืบทอดงานปู่ต่อไปอยู่ดี

   หลังกินเสร็จผมช่วยแม่เก็บจานเข้าห้องครัว พ่อนั่งพักท้องอยู่ในห้องนั่งเล่น ระหว่างล้างจานแม่ผมชวนคุย

   “วันพูกไปฮ้านตวยแม่เน่อ หมู่ป้าเขากึดเติงหาลูกกั๋นขนาด (พรุ่งนี้ไปร้านกับแม่นะ พวกป้าๆ แกคิดถึงลูกกันน่าดู)”

   “กึดเติงหาก่ว่าไค่ได้แฮงงานเพิ่มครับฮั่น (คิดถึงหรืออยากได้แรงงานเพิ่มกันแน่ครับ)” พวกเราหัวเราะกันอยู่ในครัว ได้ยินเสียงพ่อกระแอมด้านนอกเหมือนอยากมีส่วนร่วม แม่ส่ายหัวเช็ดมือตบบ่าผมเบาๆ ออกไปนั่งเป็นเพื่อนพ่อก่อน

   ผมตามออกไปที่หลังเห็นพ่อแม่หยอกกันหวานชื่นอย่างกับคู่แต่งงานใหม่ ไม่มีลูกชายยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ ความฝันของผมคืออยากมีคนรักอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่าเหมือนพ่อกับแม่ จู่ๆ ภาพซันผุดขึ้นมา ผมสะบัดหัวไล่ความคิด แบบนั้นคงไม่ได้มานั่งหยอกกันน่ารัก แต่ถ้ากวนตีนใส่กันคงเป็นไปได้อยู่

   อยู่บ้านขึ้นนอนตั้งแต่หัวค่ำ เพราะที่นี่ทุกคนตื่นตั้งแต่เช้ามืด ห้องผมเรียบง่าย ไม่มีโปสเตอร์แปะผนัง ไม่มีแผ่นซีดีเครื่องเสียงอะไรทั้งนั้น มีแค่อุปกรณ์วาดภาพ กีต้าร์พิงตรงผนัง กับตู้เล็กที่อัดแน่นไปด้วยหนังสือเพลงและหนังสือเกี่ยวกับสายที่เรียน

   เตียงนอนห้าฟุตสำหรับนอนเหยียดแข้งเหยียดขาสบายๆ เล่นกีต้าร์สักพัก อาบน้ำเข้านอนตื่นแต่เช้าตามแม่ไปที่ร้าน

   ร้านของแม่ขายพวกผ้าไหมทอมือทั้งหลาย มีทั้งลายเก่าแบบดั้งเดิม กับพวกลายใหม่ที่คิดค้นขึ้นตามยุคสมัย มีบริการตัดชุดให้ด้วยผ้าไหมของทางร้าน ที่สำคัญ เราเริ่มทำตั้งแต่ขั้นตอนเลี้ยงตัวไหมจนมาถึงทอเองด้วยมือ ด้วยเหตุนี้หลังร้านเลยเป็นโรงงานขนาดย่อม

   หน้าร้านเปิดแอร์ ผมเดินตามหลังแม่ยิ้มให้กับพนักงานขาย ผ่านเข้าไปหลังร้านที่แบ่งเป็นสัดส่วน เห็นว่าแม่เพิ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาชมขั้นตอนการทอผ้าไหม คนทำก็ชาวบ้านแถวนี้แหละ พอทุกคนเห็นผมต่างดีใจใหญ่ ผมโตที่นี่ จะบอกว่าทุกคนช่วยแม่เลี้ยงผมก็ไม่ผิดนัก หลายคนผมที่ผมไม่เจอคงจะอายุมากเปลี่ยนให้ลูกหลานมาทำต่อแทน

   ผมถือโอกาสช่วงแม่คุยกับลูกค้าด้านนอก เอาใบหม่อนไปให้อาหารตัวไหมในโรงเลี้ยง มองไปก็น้ำลายหกไป อวบอ้วนน่ากินทั้งนั้นเลย ลุงที่ดูแลส่วนนี้เห็นผมจ้องตัวไหมตาเป็นมัน รีบลากออกไปยัดจานตัวไหมทอดใส่มือให้ผมกิน ปากบ่นว่านิสัยไม่เปลี่ยนเลยสักนิด ผมหัวเราะนั่งกินตัวไหมเล่นกับพวกผู้ใหญ่ อยู่จนเย็นค่อยกลับบ้านพร้อมแม่

   วันต่อมาเปลี่ยนเป็นพ่อลากผมไปช่วยดูงาน หรือพาลูกชายไปอวดก็ไม่ทราบ เรียกได้ว่ากลับบ้านมาแทบไม่อยู่บ้าน ถ้าไม่ถูกพ่อแม่ลากไป ก็โดนเพื่อนสมัยเรียกพาไประลึกความหลัง แต่มีคนที่บุกมาหาถึงบ้านตั้งแต่เช้า

   “โป้จ๋า กลับมาไม่เห็นบอกกันบ้าง”

   เสียงดังมาพร้อมแรงโถมเข้ากอด ผมเซไปหลายก้าว เกือบล้ม

   “อ้าว หนูเล่ มาแอ่วก๋า งั้นวันนี้โป้บ่ะต้องไปตวยแม่ อยู่กับเพื่อนที่บ้านเน่อ (อ้าว หนูเล่ มาเที่ยวเหรอ งั้นวันนี้โป้ไม่ต้องไปกับแม่ อยู่กับเพื่อนที่บ้านนะ)” สิ้นคำแม่ออกจากบ้านไปทิ้งให้ผมอยู่กับเพื่อนตัวป่วน

   เล่หรือเจเล่ เป็นลูกเพื่อนแม่ชื่อเราถึงอยู่ในตระกูลเยลลี่เหมือนกัน วันนี้มาในชุดกระโปรงยาวสีขาวกับกระเป๋าสะพายใบเล็ก เรือนผมสีน้ำตาลอ่อนยาวประบ่าคลอเคลียใบหน้าสวยหวาน ผมยกมือกุมขมับ

   “ทำไมแต่งตัวแบบนี้ออกมาจากบ้าน”

   มันทำเอียงคอน่ารัก แล้วถลกกระโปรงให้ผมดู บ็อกเซอร์ผู้ชาย...

   มันเป็นตัวผู้ครับทุกท่าน!

   “ไม่เป็นไร ฉันใส่บ็อกเซอร์มาแล้ว โป้ๆ มีเรื่องจะคุยเยอะแยะเลย นี่รู้มั้ยที่บ้านมีคนมาอยู่ด้วยล่ะ มาจากวิทยาเขตกรุงเทพฯ ที่โป้เรียนอยู่ไง”

   ผมตีมือมันให้ปิดกระโปรงลงแล้วลากไปนั่งคุยที่ศาลาในสวน

   “ก่อนอื่น มึงมาไง ใครมาส่ง”

   ไอ้หมอนี่แหละที่ทำให้ผมมีนิสัยช่างดูแล เป็นผู้ชายแต่ชอบแต่งหญิง แถมยังหน้าสวยกว่าผู้หญิงอีก คงไม่ต้องบรรยายหรอกมั้งชีวิตมันจะเป็นยังไงถ้าไม่มีผมคอยต่อยไอ้พวกนั้นปากแตก

   “ป๋ามาส่ง เอาล่ะฉันขอเล่าต่อนะ คนที่มาโคตรหล่อ ชอบตีหน้านิ่งแต่นิสัยดี ทุกทีทำเหมือนรำคาญแต่ช่วยฉันตลอด” กูว่ามันช่วยเพราะนึกสมเพชมึงมากกว่า เป็นประโยคที่ผมได้แต่เก็บในใจไม่อาจพูดออกมา ถึงพูดไปก็ไม่ซึมซับเข้าสู่สมองน้อยๆ ของมันหรอก

   “คนนั้นชื่อไร”

   “วาคิน”

   “คณะอะไร”

   “วิศวะ หยุดเลยนะ! คนนี้ของฉัน ไม่ยกให้นายหรอก ต่อให้เป็นเพื่อนรักก็ตาม”

   ใบหน้าสวยสะบัดหนีไปอีกทาง ผมเขกกะโหลกมันพลางครุ่นคิด จำได้ว่าเพื่อนซันที่โดนเตะโด่งมาเหนือชื่อวาอะไรนี่แหละ ดันคณะเดียวกันด้วยนะ

   “แป๊บกูโทรหาเพื่อน มึงอย่าเพิ่งพล่าม”

   ผมใช้มือยันหน้ามันไปไกลๆ มันปัดๆ แขนใส่ เล่มันสูงพอๆ กับปอนด์ เทียบกับผู้ชายวัยเดียวกันถือว่าเตี้ย!

   “โหล ซัน มึงว่างปะ”

   /ว่าง โทรมามีไร อย่าบอกนะว่ามึงกลับห้องแล้ว?/

   เล่เลิกตอแหลแต่เอาหูมาแนบกับมือถือผม นิสัย

   “ยัง กูแค่จะโทรมาถามอะไรนิดหน่อย เพื่อนมึงที่มาอยู่เหนือชื่อ ‘วาคิน’ ใช่มั้ย”

   /เออ มึงเจอมันเหรอ ฝากถีบหน้ามันที/

   “ไม่เจอ แต่เจอเจ้าของบ้านที่เพื่อนมึงไปอยู่ด้วย กูว่ามึงกับกูมานั่งไว้อาลัยให้เพื่อนมึงสักสามวิเถอะ แค่นี้ก่อนนะ ไว้เอาของกินไปฝาก”

   ผมกดวางสาย ซันยังสบถไม่จบคำ ป่านนี้คงด่าผมเปิง สรุปเซนส์ผมแม่นจนน่ากลัว วาเจอเล่จริงๆ ด้วย พอหันมาแทบสะดุ้ง เล่มองผมตาพราวระยับ

   “ใครอะ รู้จักกับวาด้วย”

   “เพื่อนวาของมึงไง เป็นรูมเมทกูเอง”
   
   “จริงดิ! โลกกลมจนน่าเกลียด” ปากบอกแต่เขย่าแขนผมจนหัวโยก หลังจากนั้นมานั่งแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน เล่บอกที่เหนือไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเท่าไหร่ ก่อนกลับยังบอกว่าถ้าว่างจะไปเยี่ยมผมที่กรุงเทพฯ อีก

   ในขณะที่ผมพักผ่อนอยู่บ้านอย่างสบายใจ จนถึงเวลาก่อนกลับกรุงเทพหนึ่งวัน คนที่ผมไม่อยากเจอที่สุดบุกมาถึงบ้านที่มีผมอยู่คนเดียวพ่อกับแม่ยังไม่กลับ

   “สวัสดีครับ”

   ผมยกมือไหว้ชายชราที่ถือไม้เท้าเดินเข้ามานั่งในบ้าน ดวงตาดุดันจ้องผมอย่างไม่พอใจ

   “ถ้าฉันไม่มาด้วยตัวเอง คงไม่คิดจะไปไหว้ผู้ใหญ่เลยใช่ไหมเจ้าเด็กไร้มารยาท หึ ไปอยู่กรุงเทพไม่กี่เดือน นิสัยแย่ขนาดนี้ ฉันถึงบอกไงว่าอย่างเอ็งมันปล่อยไกลหูไกลตาไม่ได้ ไม่รู้จะก่อเรื่องอะไรอีกบ้าง”

   ความเงียบเท่านั้นที่ผมจะมอบให้ได้ พูดอะไรไปก็เหมือนแก้ตัว

   “ทำไม ฉันพูดความจริงเลยเถียงไม่ออกสินะ ยัง! ยังไม่ลุกไปเอาน้ำมาให้ฉันอีก”

   ผมลุกขึ้นไปรินน้ำในมาให้แล้วนั่งฟังตาแก่พูดไปเรื่อย สมองคิดไปเรื่องอื่น ไม้เท้ากระแทกโต๊ะไม้ดังปัง! ผมหรี่ตามอง

   “ฉันสอนต้องฟัง!” จังหวะที่ผมคิดจะพูดสักประโยค ที่ประตูมีเสียงรถจอด พ่อเดินดุ่มๆ นำแม่เข้ามาในบ้าน หน้านิ่วคิ้วขมวดใหญ่

   “พ่อแอบมาแบบนี้ที่บ้านใหญ่เป็นห่วงนะครับ รีบกลับเถอะ แม่เขารอทานข้าวเย็นอยู่นะ”

   ปู่ตวัดตามองพ่อ แม่เดินเข้ามาบีบบ่าผมที่นั่งนิ่งตั้งแต่ปู่มา

   “ไม่ต้องมาไล่! สอนลูกให้ดี ไม่งั้นฉันจะฟาดให้หลังหัก”

   ตาแก่ยกไม้เท้าขู่ แม่รีบเข้าไปพยุงพาท่านกลับรถ ผมยกมือไหว้ตามหลัง ปู่ส่งเสียงเหอะในคอทีหนึ่งยอมกลับไปแต่โดยดี พ่อทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาผมรินน้ำมาเสิร์ฟอีกแก้ว

   “โป้ไม่ต้องคิดมากนะ ปู่แค่คิดถึงลูก” ผมพยักหน้ารับถอนหายใจเฮือกใหญ่ นั่งเกร็งจนเหมื่อยไปหมดแล้ว ทางแม่เห็นพวกเราโอเคเลยผละไปจัดการมื้อเย็นในครัวกับแม่บ้าน

   ตอนเด็กผมไม่เข้าใจคิดว่าปู่เกลียดตัวเองที่ผมมีรสนิยมแบบนี้ พอโตมาถึงรู้ ปู่รักผมมากกว่าลูกหลานทุกคน ทำให้คาดหวังมากเช่นกัน พอผมมาเป็นแบบนี้แถมยังดื้อจะไปตามทางที่ตัวเองชอบ ไม่ยอมอยู่ในโอวาทเหมือนพ่อ ปู่เลยโมโหด่าใส่ตามประสาคนแก่ปากจัด ที่บุกมาถึงบ้านคงอยากเห็นหน้าอย่างที่พ่อว่า แต่ผมไม่อยากไปนั่งฟังเสียงบ่นนี่สิ คิดซะว่าให้พรก่อนกลับกรุงเทพแล้วกัน
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่6 Up14/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 14-02-2016 21:50:19
รอลุ้นตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่6 Up14/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 14-02-2016 23:58:06
โลกกลมจริงๆนะครับ
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่6 Up14/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 15-02-2016 06:46:01
นั่นสินะ. คนกันเองทั้งนั้นแถมคงจะเป็นเกย์กันกลายคนเลย. ลุ้นได้อีกหลายคู่
ขอบคุณจ้า. รอวันที่ซันรู้ตัว
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่6 Up14/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: PiSCis ที่ 16-02-2016 11:31:48
โลกกล๊มกลมมมมมมมม

อยากอ่านตอนต่อไปแล้วววววววววววว  :ling1:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่6 Up14/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: imfckwn ที่ 16-02-2016 13:11:00
ลุ้นอะ รีบมานะ
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่7 Up16/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 16-02-2016 14:47:14
ยกที่7 หอน้อยคอยรัก
   
   ตอนนี้ทั้งตอนเป็นเรื่องราวของผม ผู้ชายที่หน้าหล่อที่สุดในโลก ‘อาทิตย์’ ชื่อเล่นคือ ‘ซัน’ ครอบครัวเปิดรีสอร์ทอยู่ที่กาญจนบุรี มีพี่ชายหนึ่งคนดูแลรีสอร์ทที่ลำปาง

   พอผมกลับมาตามคำสั่ง พี่ชายผมยืนยิ้มหวานรออยู่หน้ารีสอร์ท น่าสยดสยองเกินบรรยาย เขาคนนี้ชื่อ ‘ติชิลา’ แปลว่าพระจันทร์ ชื่อเล่นว่า ‘มูน’ ถอดผิวขาว หน้าสวยมาจากแม่เต็มๆ ต่างจากผมที่ถอดความหล่อและดำจากพ่อราวกับโขกมาจากพิมพ์เดียวกัน พี่มูนอายุมากกว่าผมห้าปี ตัวเล็กกว่ามาก แต่พละกำลังยิ่งกว่าพญาช้าง ภายใต้ชุดแสนสวยคือมัดกล้ามดีๆ นี่เอง

   อีกอย่าง พี่ชายผมเป็นเกย์แถมยังเป็นฝ่ายรุก! สเปคของพี่คือหนุ่มสูงยาวเข่าดี หล่อ มีกล้ามสมส่วน ซึ่งไอ้คนประเภทนี้ปกติมันมีแต่รุกทั้งนั้น ในขณะที่ผมคิดว่าพี่ชายคงจะขึ้นคานตลอดกาลเป็นแน่ นรกกลับส่งผู้ชายโชคร้ายคนหนึ่งมา

   พี่จินผู้มีใบหน้าหล่อคมคายและหุ่นดีปานนายแบบ เจ้าของห้างชื่อดังในกรุงเทพฯ ฉลาดเก่งรวยและมีความสามารถสูง ตรงสเปคพี่มูนทุกอย่าง ผมไม่เข้าใจ พี่มูนไปเล่นเสน่ห์น้ำมันพรายใส่พี่จินใช่มั้ย ถึงหลงผิดยอมเป็นของพี่มูนได้ มันยังคงเป็นปริศนาดำมืดจนถึงทุกวันนี้ และไม่มีใครกล้าแตะต้องแม้กระทั่งผมเอง

   เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือจอมยุทธยังมีมนุษย์เมีย เหนือมนุษย์เถื่อนนิสัยคุณชายอย่างผม ยังมีพี่ชายหน้าสวยสุดโฉด อยากกลับหอไปมองหน้าโป้ชะมัด อย่างน้อยๆ ทางนั้นก็สวยไร้พิษภัย...
   
   “นินทาฉันในใจไฟแล่บเชียวนะ กว่าจะโผล่หัวมาได้ ติดสาวรึไง”

   ไม่ได้ติดสาว กำลังสับสนอยู่กับผู้ชายคนหนึ่ง มันคือความคิด ตรงข้ามกับสิ่งที่พูด

   “ผมไม่อยากรีบกลับมาเป็น ก ข ค ง จ ฉ พวกพี่ไง”

   “ให้มันน้อยๆ หน่อย ไปอาบน้ำอาบท่าไป อย่าลืมไปไหว้แม่กับพ่อด้วย”

   ผมรับคำเสียงกวน แล้วใส่เกียร์หมาวิ่งหนีเท้าพี่ชายพุ่งจากรีสอร์ทกลับบ้าน บ้านผมเป็นบ้านเดี่ยวสองชั้น มีสามห้องนอน สองห้องน้ำ สมัยตอนยังอยู่ด้วยกันพร้อมหน้า จนกระทั่งพี่ชายย้ายไปดูแลรีสอร์ทที่ลำปาง แถมยังมีแฟนเป็นตัวเป็นตน พี่เลยแยกไปอยู่บ้านอีกหลัง ขนาดเล็กกว่าบ้านใหญ่เท่าหนึ่ง เห็นว่าแยกไปแบบนั้นรังแกคนรักสะดวกดี ผมขอยืนไว้อาลัยให้พี่สะใภ้หน้าหล่อสามวิ

   ก้าวเท้าเข้าบ้าน สิ่งแปลกปลอมภายในบ้านทำให้คิ้วผมขมวดเป็นปม ยกมือไหว้พ่อกับแม่ และตรงไปตบหัวคนที่นั่งหัวโด่อยู่ในบ้านคนอื่น

   “ใครเชิญมาวะไอ้วาคิน”

   มันหันมาทำหน้าโฉด พอเห็นว่าเป็นผมค่อยเลิกคิ้วยกมุมปาก

   “มาเยี่ยมคุณพ่อคุณแม่ มึงไม่เกี่ยวไปไกลๆ”

   ตบอีกสักที มันเสือกหลบได้ ‘วาคิน’ หรือ ‘วา’ เพื่อนสมัยเด็กของผม หน้ามันหล่อคม มีดีกรีความกวนเกรียนไม่น้อยกว่าผม ต่างกันแค่เวลาอยู่กับคนไม่สนิท มันจะทำตัวเป็นรูปปั้นหน้าตาย ที่สำคัญ มันขี้รำคาญอย่างที่สุด เห็นภายนอกนิ่งๆ ความจริงมันเอาแต่ใจอารมณ์ร้อนกว่าผมสามเท่าตัว

   หางตาเห็นกระเป๋าเป้อยู่ข้างตัวมัน สงสัยเพิ่งมาถึง

   “ซันนิสัยเสียไม่เปลี่ยน ไหนๆ ก็มาแล้ว พาเพื่อนขึ้นไปบนห้องเร็ว”

   แม่ผมสั่ง ผมรับคำลากเพื่อนขึ้นห้อง ต่างฝ่ายต่างโยนกระเป๋าไปคนละมุม ผมนั่งที่เตียงจ้องเขม็งถามอย่างคาดคั้น น้ำหน้าอย่างมันช่วงปิดเทอมไม่ยอมกลับบ้าน แต่ดันหนีมาอยู่บ้านผม ปัญหามีอยู่อย่างเดียว

   “พ่อมึงอยู่บ้านรึไง ถึงเสนอหน้ามาบ้านกู”

   “เออ รำคาญ บ่นเรื่องเดิมๆ กูไปอยู่เหนือก็แย่พอแล้ว ไม่อยากกลับไปปวดหัวที่บ้านอีก”

   ตบบ่ามัน พอเข้าใจ บ้านมันรับราชการทั้งบ้าน พ่อมันเป็นอัยการมีชื่อ อยากให้มันเจริญรอยตาม เตรียมการทุกอย่างเอาไว้แล้ว มันต้องอยู่ในโอวาทของพ่อ จนช่วงม.ปลาย มันทนไม่ไหวระเบิดลง เลือกเข้ามหา’ลัยตามที่ตัวเองชอบโดยไม่สนคำทัดทาน ผลคือพ่อมันโกรธมาก แทบตัดพ่อตัดลูก แต่แม่มันขอเอาไว้เลยกลายเป็นอย่างทุกวันนี้

   ผมว่านิสัยของวาจริงๆ ก็ได้จากพ่อมันมานั้นแหละ เอาแต่ใจ มั่นใจในตัวเอง ยึดความคิดตัวเองเป็นหลัก ทุกอย่างต้องเป็นไปตามที่วางแผนไว้ อารมณ์แบบ คนที่นิสัยเหมือนกัน มักอยู่ด้วยกันไม่ได้

   พูดว่าร้ายมันซะเยอะ จริงๆ มันนิสัยดี รักความถูกต้อง ยึดมั่นในอุดมการณ์ของตัวเอง รักเพื่อนฝูงไม่ต่างจากผม

   “ไมบอกว่าอยู่เหนือแย่วะ หรือที่นั่นเค้าดูแลมึงไม่ดี ให้กูช่วยพูดกับอาจารย์เปลี่ยนคนอื่นไปดีมั้ย”

   “ไม่ หน้าที่กู กูต้องทำเอง จะโยนให้ใครไม่ได้ กูไม่อยากเป็นคนไร้ความรับผิดชอบ อีกอย่าง ทางนั้นดูแลกูดีอยู่”

   “อ้าว งั้นอะไรที่มึงบอกว่าแย่”

   มันทิ้งตัวนั่งข้างเตียง หน้านิ่วคิ้วขมวด

   “ตอนกูไปหอพักมันเต็ม เขาเลยให้กูไปอยู่กับผู้บริหารวิทยาเขตเชียงใหม่ อ.แกใจดี ภรรยาก็น่ารัก ห้องสะดวกสบายกว่าหออีก เหมือนกูเป็นลูกชายอีกคน ปัญหาอยู่ที่ลูกเขานี้แหละ”

   ผมหันหน้าเข้าหามัน เรื่องนี้ชักน่าสนใจซะแล้ว

   “เล่าต่อดิ้”

   มันถอนหายใจ คล้ายระบายความอัดอั้น ผมกับมันถือเป็นเพื่อนรักกัน ไม่มีเรื่องปิดบัง มันเลยเล่ามาแบบหมดเปลือก ใส่อารมณ์กับความรู้สึกของตัวเองเข้าไปด้วย

   วาพล่ามว่า ลูกชายของเขาชอบแต่งตัวเป็นผู้หญิง ไม่พอยังชอบมากวนมันตลอดทุกวี่ทุกวัน ขนาดไปเรียนยังไม่วายบุกไปหาถึงคณะ แต่อีกฝ่ายเป็นลูกของอธิการ เจ้าของบ้านให้มันซุกหัวนอน มันเลยทำอะไรไม่ได้ ยิ่งมันเป็นคนขี้รำคาญอยู่แล้ว เจอแบบนี้ไม่แปลกที่มันจะยิ่งหงุดหงิดหนัก

   “คนอะไรไม่รู้ น่าฆ่าหมกส้วมวันละสิบเที่ยว นิสัยร่าเริงเหมือนคนบ้า ตัวก็เล็ก ผิวก็นุ่มหอมยิ่งกว่าผู้หญิงที่กูเคยควงอีก ทำอะไรก็ไม่เป็น อ่อนแอเหยาะแหยะ ต้องให้กูช่วยตลอด ถ้ามันไม่มีดุ้น กูคงเข้าใจว่ามันเป็นผู้หญิงไปแล้ว ปล่อยให้คลาดสายตาเป็นไม่ได้ อย่างตอนนั้นอีก ลากกูไปช่วยซื้อเสื้อใน กูแค่แวบไปเข้าห้องน้ำแป๊บเดียว เสือกโดนผู้ชายลวนลาม มันน่าจะจับล่ามโซ่ขังไว้ในห้องไม่ต้องเห็นเดือนเห็นตะวัน จะได้เลิกสร้างปัญหาสักที”

   ผมอึ้ง ฟังมันแบบมึนๆ ช่วงแรกมันยังเล่าว่าเขานิสัยแย่งั้นงี้ ไหงฟังไปฟังมา มันชมเขาซะเยอะ ดูเป็นห่วงออกนอกหน้า อาการแบบนี้มันว่ามันตะหงิดๆ นา

   “ไม่ใช่ว่ามึงกดลูกเขาไปแล้วหรอกนะ” หลุดปากถามไปไม่ทันคิด

   “มึงรู้ได้ยังไง” มันทำหน้าเหมือนอเมซิ่งมากที่ผมเดาถูก

   “เหี้ย! นั่นมันลูกผู้บริหารไม่ใช่เหรอ” คำอุทานติดปากดังกระแทกหน้ามัน ถึงมันจะเสือผู้หญิงแต่ไม่เคยเห็นมันควงผู้ชายสักครั้ง มันถูกลูกเขาล้างสมองรึเปล่าเนี่ย แต่มันไม่ควรไปแดกลูกในบ้านเขานะเว้ย

   “มันมายั่ว อ่อยกูถึงห้อง กูก็แค่สนอง ผิดตรงไหน”

   ผมกลอกตา อยากถีบมัน ติดที่ยังคุยไม่จบ เดี๋ยวจะกลายเป็นทะเลาะกันจนไม่ได้คุย

   “กูถามจริง ตกลงมึงเกลียดหรือชอบกันแน่วะ ปากบอกว่ารำคาญ แต่นอนกับเขา แถมยังตามดูแล กูจำได้ว่ามึงไม่ใช่คนนิสัยงี้นี่หว่า”

   มันตาโต ยกมือแตะคางครุ่นคิดอย่างหนัก ที่ผ่านมาผมไม่เคยเห็นมันจะไปเดินช่วยแฟนคนไหนเลือกซื้อชุดชั้นในหรือตามดูแลแบบนี้มาก่อน อย่างมาแค่ควงแล้วเลิก ที่สำคัญ มันไม่ใช่พวกไก่อ่อน เรื่องควบคุมความต้องการของตัวเอง สามารถทำได้สบายมาก ต่อให้ผู้หญิงมาเปลือยเต้นยั่วต่อหน้า ถ้ามันไม่นึกจะเอา มันก็ไม่เอา

   “ไม่มั่ง ไม่หรอก คิดไปเอง”

   เหมือนมันพูดกับตัวเองมากกว่า จัดการโบกหัวไปที

   “อย่าเพิ่งจมสู่ภวังค์ ลุกมาจัดของก่อน กูไม่เก็บเสื้อผ้าให้มึงหรอกนะ”

   ความจริงมันจะไปนอนห้องพี่มูนก็ได้ ยังไงเจ้าตัวก็ย้ายออกไปแล้ว แต่วามันขยาดไม่แพ้ผม เรียกได้ว่าความฝังใจในวัยเยาว์ อาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ควรเข้าไปยุ่ง

   ยัดเสื้อผ้าเสร็จเราลงมาชั้นล่าง โดนพี่มูนลากไปใช้แรงงานในรีสอร์ททั้งคู่ แม้จะไม่ใช่หน้าท่องเที่ยว ก็ยังมีคนเข้าพักอยู่ตลอด ด้วยความที่หน้าผมกับวามันไม่รับแขก เรื่องอยู่ตรงเคาน์เตอร์ตัดไปได้เลย ตำแหน่งงานของเราคือการใช้แรงงาน

   ถามว่าทำไมลูกชายเจ้าของรีสอร์ทต้องมาทำเรื่องแบบนี้ สาเหตุมาจากพ่อสอนพี่มูนกับผมตั้งแต่เด็ก จะคุมคนอื่นได้ ต้องรู้งานที่พวกเขาทำ วิธีศึกษาไวที่สุดคือลงไปทำงานด้วยตัวเอง ดังนั้นเราเลยทำมาแทบทุกตำแหน่งเท่าที่ทำได้ในรีสอร์ท เป็นกันเองกับลูกน้อง ไม่ถือตัว อยู่กันเหมือนญาติ แบบนี้ถึงจะซื้อใจเขาได้ คุมด้วยอำนาจการเงินมันไม่ยั่งยืนเท่าความรู้สึก

   วามันชอบหนีพ่อมาสถิตย์อยู่บ้านผมเลยโดนหางเลขไปด้วย งานแรกคือการแบกของสดที่ชาวบ้านมาส่งเข้าไปในครัว อย่างพวกผักผลไม้สด เนื้อสัตว์สำหรับทำอาหารให้ลูกค้าและเลี้ยงพนักงานในรีสอร์ท กว่าจะหมดคันรถได้เล่นเอาเหงื่อท่วม นับเป็นการออกกำลังกายที่ไม่เลว เราหยิบน้ำเย็นคนละขวดกระดกเดินออกจากด้านหลังมานั่งตากลมที่ล็อบบี้โรงแรม

   จู่ๆ มันหยุดเดินดื้อๆ ผมกระดกน้ำอยู่กระแทกเข้าไปเต็มๆ เจ็บเชี่ย!

   “หยุดไมวะ!”

   “กูเพิ่งรู้ รีสอร์ทมึงมีคนดังมาพักด้วย”

   ผมถลึงตาใส่มัน รีสอร์ทผมออกจะดี จะคนดังไม่ดังชอบหมดแหละ พอมองตามที่นิ้วมันชี้ เห็นชายหนุ่มร่างสูงในชุดเสื้อยืดคอวีสีทึบแบบผู้ใหญ่ กางเกงขายาวผ้านุ่มดูสบาย มือข้างหนึ่งถือหนังสือพิมพ์ เกือบจะให้มาดนักธุรกิจแล้ว ถ้าไม่ติดที่มืออีกข้าง แทนที่จะถือกาแฟ ดันเป็นแก้วนม

   ใบหน้าคมคาย จมูกโด่งเป็นสัน ตาคมเข้ากับคิ้วเข้ม ผมมองด้วยรอยยิ้มนิดๆ ก็นึกว่าใคร

   “นั่นมันเจ้าของห้างในกรุงเทพไม่ใช่เหรอ กูเห็นในนิตยสารธุรกิจบ่อยๆ”

   “อ่าฮะ”

   ผมเดินดุ่มๆ เข้าไปตบบ่าคนที่นั่งอยู่ ไอ้วารีบจ้ำตามมาดึงห้ามไม่ให้ผมไปกวนเขา สมัยก่อนผมไม่สนใจข่าวธุรกิจเท่าไหร่หรอก พอรู้จักคนตรงหน้า เห็นทีไรอดหยิบขึ้นมาอ่านไม่ได้ อ่านทีขำที อิมเมจเวลาทำงานกับเวลาอยู่ที่รีสอร์ทต่างกันราวฟ้ากับเหว

   “หวัดดีพี่จิน”

   “เหงื่อท่วมเชียว โดนมูนใช้แรงงานรึไง”

   ใบหน้าหล่อยกยิ้มมุมปาก พี่สะใภ้ผมเอาอีกละ หว่านเสน่ห์ไปทั่ว ดูซิพนักงานสาวกับลูกค้าหญิงที่เมียงๆ มองๆ พากันตาเป็นรูปหัวใจหมด เดี๋ยวพี่มูนได้หึงหน้ามืดอีกพอดี ผมถือวิสาสะนั่งตรงหน้า ลากเพื่อนมานั่งด้วยก่อนแนะนำตัว

   “นั่นพี่จิน แฟนพี่มูน ส่วนนี่ วาคินเพื่อนผมเอง”

   ไอ้วาอ้าปากค้าง ไม่แปลกที่มันจะอึ้ง ถึงมันจะพอรู้ว่าพี่มูนมีแฟนเป็นผู้ชาย แต่ไม่รู้ลึกว่าใครคือผู้โชคร้าย ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนด้วย ในเมื่อพี่มูนอยู่ที่ลำปาง พี่จินเทียวไปเทียวมา นานทีปีหนจะมากาญกับพี่มูนสักที เจ้าตัวงานยุ่ง แค่หาเวลาปลีกตัวมาอยู่กับพี่มูนก็ยากเต็มทนแล้ว

   “หน้าเกรียนเหมือนซันมันเลยนะ” ปากพี่ท่านก็เหลือร้ายเช่นกัน วาถึงกับคิ้วกระตุก ยกมือไหว้ค้าง

   “ไมพี่มานั่งถ่ายเอ็มวีอยู่ตรงนี้ พี่มูนไปไหนแล้ว” ก่อนหน้านี้ผมเห็นพี่ชายแวบๆ อยู่แถวเคาน์เตอร์นะ
   
   “พาลูกค้าไปดูห้องพัก มาก็ดี เอากาแฟให้หน่อย”

   ผมหรี่ตามองไปทางด้านหลังพี่จิน หัวเราะหึหึในคอ พี่จินติดกาแฟหนักมาก รวมถึงบุหรี่ด้วย ปัจจุบันโดนพี่มูนหักดิบเลิกบุหรี่ไปแล้ว เหลือแต่กาแฟที่เลิกยากเพราะเจ้าตัวต้องทำงานหนัก พี่มูนเลยอนุโลมให้ดื่มน้อยลงและเวลาอยู่กับเจ้าตัวห้ามแตะกาแฟเด็ดขาด นี่คือที่มาของแก้วนมตรงหน้า

   “เมื่อกี้พูดว่าไงนะ”

   เสียงหวานเจี๊ยบแต่น่าสะพรึงหนัก พี่จินสะดุ้งโหยง ขนาดวายังแอบผงะ

   “ไม่มีอะไร แค่ทักทายกันเฉยๆ” รีบแก้ตัวเชียวนะพี่จิน

   “เมื่อคืนโดนไม่พอรึไง หรืออยากเอาอีก มูนไม่ขัดนะ เพื่อจินแล้วมูนสามารถ”

   เสียงหัวเราะราวกับแม่มดผู้ชั่วร้าย ผมเห็นพี่จินเหงื่อตก ส่งสายตาให้ผมช่วยโดยด่วน มีพี่สะใภ้รวยก็ดีงี้ เวลาของฝาก ของขวัญทีไม่น้อยหน้าคนอื่น ให้หรูกว่าพี่มูนอีก ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงค่าปิดปากหรือสินบนกันตาย น่าเสียดาย ตอนนี้ผมไม่อยากได้อะไร อยากเห็นความทุกข์ของคนอื่นมากกว่าเลยทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ใส่ไฟเข้าไปเพิ่ม

   “พี่มูนปล่อยพี่จินมานั่งเป็นอาหารตาชาวบ้านตรงนี้ได้ไง เดี๋ยวก็ถูกใครโฉบไปหรอก”

   “ถ้าฉันลุกไปได้ ตายแน่เจ้าซัน” พี่จินกัดฟันพูดเสียงต่ำ คงอยากยกขาถีบเต็มที่

   “จินน่ะสิ ดื้อจะมานั่งแถวนี้ ทั้งที่พี่ก็ใช่จะอยู่ตรงนี้ตลอดซะเมื่อไหร่ กลับบ้านกันมั้ยจิน เดี๋ยวมูนพยุงกลับ”

   สมเป็นพี่น้องกัน นิสัยขี้แกล้ง ช่างแหย่ไม่มีใครเกิน โดยมีวาเป็นผู้ชมที่ดี มองภาพเบื้องหน้าอย่างสนอกสนใจ

   “ไม่ต้อง ฉันเดินเองได้”

   พี่จินฮึดฮัด ใช้มือเท้าพนักลุกยืนเหมือนขาเจ็บ ซึ่งความจริงมันไม่ใช่ โธ่ๆ เมื่อคืนพี่มูนคงจะหนักมือไปหน่อย ที่มานั่งมองพี่มูนได้คงเป็นพลังความรักล้วนๆ

   “ไม่แกล้งแล้ว มาๆ เดี๋ยวมูนพากลับบ้านนะ เย็นนี้จะทำของโปรดให้ทานด้วย ซันพี่ฝากดูรีสอร์ทต่อที พี่จะไปดูแลสามีผู้น่ารักสักหน่อย”

   ผมหัวเราะก๊าก ปากบอกไม่แกล้ง แต่วาจายังไม่จบ สามีอะไรปวดสะโพก ส่วนภรรยางี้หน้าตาชื่นมื่นอย่างกับปีศาจได้รับพลังชีวิตเต็มเปี่ยม ดูหน้าพี่จินซะก่อน งอนตุบป่องกัดฟันเดินจากไปแบบหล่อๆ โดยมีพี่มูนตามไปแหย่ควงแขนช่วงพยุงอยู่ข้างๆ

   วามองตามสองคนนั้นสีหน้าฉายความแปลกใจชัดเจน

   “เหลือเชื่อ อดีตคาสโนว่าตัวพ่อ เก่งกาจด้านธุรกิจ สามารถเป็นเจ้าของกิจการใหญ่ตั้งแต่อายุยังหนุ่ม มาเป็นแฟนกับพี่มูนเนี่ยนะ”

   “เห็นว่าไปเจอกันที่ห้างพี่จินนั่นแหละ พี่มูนไปช้อปเล่นดันเจอเหตุการณ์พี่จินไล่สาวอุ้มลูก เลยตบเข้าให้ มารู้ที่หลังว่าเป็นความเข้าใจผิด หลังจากนั้นถูกชะตาติดต่อกันจนคบเป็นแฟน”

   “เป็นการพบกันที่แปลกดี” ผมเหล่มองคนข้างตัว เอ็งแปลกกว่าพี่ข้าอีก ไปอยู่บ้านเขา เสือกแดกลูกชายเขาในบ้าน

   “จบเรื่องส่วนตัว เราอยู่ที่แจ้งไม่น่าพูดเท่าไหร่ มึงมาช่วยกูทำงานดีกว่า”

   อาศัยหน้าตาของวามันต้อนรับลูกค้า ส่วนผมคอยแก้ปัญหา สั่งพนักงานในรีสอร์ทไปตามสมควร อันไหนสำคัญค่อยโทรไปหาพ่อให้พ่อช่วยตัดสินใจให้ ส่วนพี่มูนเวลานี้คงไม่เหมาะ และคาดว่าเย็นนี้คงไม่มาทานข้าวที่บ้านใหญ่ชัวร์ ชักสงสารพี่จินตะหงิดๆ

   ช่วงวันหยุดนี้ ผมกับวาช่วยทำงานในรีสอร์ทไปเรื่อย ในระหว่างที่ผมกำลังทำงานเป็นคนสวนโดยมีวาเป็นคนแบกปุ๋ย มือถือเสือกดังขึ้น ลำบากต้องล้างมือกดรับ กำลังจะกรอกเสียงด่า เสียงที่ดังผ่านสายมาทำให้หมดต้องยั้งปากตัวเอง

   /โหล ซัน มึงว่างปะ/

   โป้? โทรมาทำไมหว่าหรือมันกลับหอแล้ว เฮ้ย ไวไปมั้ง ยังเหลือวันหยุดตั้งเยอะ คิดพลางโยนต้นไม้ให้วาปลูกต่อ ตัวเองหลบไปคุยโทรศัพท์

   “ว่าง โทรมามีไร อย่าบอกนะว่ามึงกลับห้องแล้ว?”

   ไอ้วาชูนิ้วกลางใส่ โทษฐานโยนงานให้มันส่วนตัวเองมาคุยโทรศัพท์สบายใจเฉิบ

   /ยัง กูแค่จะโทรมาถามอะไรนิดหน่อย เพื่อนมึงที่มาอยู่เหนือชื่อวาคินใช่มั้ย/ ผมขมวดคิ้ว หรือพวกมันจะรู้จักกัน ไม่มีทาง วามันไปเรียนวิทยาเขตเหนือตอนโป้มากรุงเทพแล้วนี่หว่า

   “เออ มึงเจอมันเหรอ ฝากถีบหน้ามันที” ปากฝาก แต่เท้าผมยกยันแล้ว พวกมึงไปรู้จักกันตอนไหนวะ!

   /ไม่เจอ แต่เจอเจ้าของบ้านที่เพื่อนมึงไปอยู่ด้วย กูว่ามึงกับกูมานั่งไว้อาลัยให้เพื่อนมึงสักสามวิเถอะ แค่นี้ก่อนนะ ไว้เอาของกินไปฝาก/

   “ไอ้เหี้ย อะไรของมันวะเนี่ย โทรมาถามๆ อยู่ฝ่ายเดียว อย่าให้กูกลับกรุงเทพนะมึง”

   ผมขู่อาฆาต ในใจรู้สึกโล่งอก จากที่ฟัง แสดงว่าโจทย์วาเป็นเพื่อนโป้เลยรู้ชื่อเต็มวา เพราะปกติพวกผมจะเรียกมันแค่วาคำนำหน้าเท่านั้น

   “มีเรื่องอะไรวะ ใครโทรมากวนตีนมึง” วารอดพ้นเท้า หันมาถามผมคิ้วขมวด

   “ไม่มีอะไร ดูเหมือนว่ารูมเมทกูจะเป็นเพื่อนกับโจทก์มึงว่ะ”

   “รูมเมทมึงชื่ออะไร?”

   “ปีโป้”

   “มึงเกลียดปีโป้ไม่ใช่เหรอหรือเดี๋ยวนี้มึงหันมาชอบตระกูลเยลลี่แล้ว”
   
   “ไม่ใช่เว้ย ไอ้ของแหยะๆ หยึยๆ ให้ตายยังไงก็กูไม่แดก มันเป็นชื่อรูมเมทกูต่างหาก แล้วของมึงล่ะชื่อไร” ผมดึงมันลงมาทำสวน ปากพูดมือต้องขยับ ไม่งั้นเดี๋ยวงานไม่เสร็จอดข้าวเย็นพอดี เป็นคำสั่งจากพี่มูน

   “ชื่อเจเล่ ตระกูลเยลลี่คงเพราะบ้านเขาสนิทกัน เล่ชอบพูดถึงคนชื่อนี้ให้กูฟังอยู่เรื่อย แล้วรูมเมทมึงหน้าตาเป็นไง นิสัยล่ะโอเครึเปล่า”

   ตกลงมันถามเพราะเป็นห่วงเพื่อน หรือห่วงคนที่มันชอบโดยไม่รู้ตัวเนี่ย

   “หน้าสวย แม่ศรีเรือน ผิวขาว นิสัยกวนตีน ปากดี”

   “อ้าว รูมเมทมึงเป็นผู้หญิง?”

   “ผู้หญิงหน้ามึงสิ ถึงมันจะออกไปทางสวยแต่ยังมีความหล่ออยู่เว้ย แถมแรงควายฉิบหายอยู่สถาปัตย์ด้วย”

   วามองผมด้วยสายตาเหมือน ข้ารู้ข้าเห็นพลางหัวเราะในคอ

   “มาบอกแต่กูชอบเล่ มึงเองก็เถอะ หลงโป้คนนั้นรึเปล่า”

   เสียมในมือชะงักกึก ความเงียบเข้าปกคลุม ผมนึกย้อนกลับไปถึงการกระทำของตัวเองกับความรู้สึกที่มีให้โป้ในช่วงหลัง วาเองก็เงียบระทึกความหลังเช่นกัน ก่อนพวกเราจะหันมามองหน้าอย่างตกใจ พากันสบถคนละคำ ไม่ว่าผมหรือมันต่างเจอคนที่ตรงสเปค แต่เสือกเป็นผู้ชายทั้งคู่ อีกอย่าง สองคนนั้นดันเป็นเพื่อนกันเหมือนกับพวกเรา พระเจ้ากำลังเล่นตลกกับพวกผมแหง

   “ช่างเถอะ คงไม่มั้ง” ผมพึมพำ

   “กูก็ว่างั้น เลิกคิดรีบทำให้เสร็จ กูชักหิวละ” วาตอบ พวกเราก้มหน้าก้มตาเร่งมือทำสวนอย่างไว เสร็จทันก่อนมืดเฉียดฉิว วันนี้พี่มูนลงมือเข้าครัวเองเพราะพี่จินมานั่งทานข้าวด้วย พร้อมหน้ากันที่บ้านใหญ่ อาหารมากมายถูกวางเรียง มีของโปรดครบทุกคนมันถึงได้เยอะ ทีแรกคิดว่าจะกินกันไม่หมด แต่ผมลืมไป มีผมกับวาชอบสูบ เกลี้ยงเกลาทุกจาน

   พอกินเสร็จพี่จินคุยเรื่องธุรกิจกับพ่อ ส่วนผมกับวายืนล้างจานในครัว แม่เตรียมของหวานกับพี่มูน อยู่บ้านมันเปรมจริงๆ ของกินเยอะ ตอนอยู่หอมหา’ลัยแม่งลำบาก ทำอะไรกินก็ไม่ได้ ร้านทั่วไปก็หมาไม่แดก กินพอประทังชีวิตไปวันๆ พักหลังค่อยดีหน่อย ย้ายไปอยู่หอนอกกับโป้ มีคนทำกับข้าวอร่อยๆ ให้กิน

   โป้มันทำอาหารเก่งดี ขอรีเควสอะไรทำได้หมด อันไหนมันไม่เคยทำ รอบแรกอาจจะเค็มไป จืดไปบ้าง แต่รอบสองรับรองความอร่อย นึกถึงแล้วอยากกลับไปกิน

   “เฮ้อ/เฮ้อ”

   “อยากกลับกรุงเทพ/เชียงใหม่”

   พี่มูนหัวเราะกับท่าทางพวกผม ตักต้มถั่วเขียวใส่ถ้วยเล็ก

   “เป็นอะไรไปสองหนุ่ม ทำอย่างกับคิดถึงแฟน”

    โครม!

   จานในมือร่วงลงอ่างอย่างพร้อมเพรียง ดีนะที่ไม่แตก พี่มูนหัวเราะเสียงใดเดินถือถาดออกไปข้างนอก แม่ผมตบบ่าพวกเราให้รีบล้างจะได้ออกไปทานของหวาน


   ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผมกับวาต่างคนต่างถามวันเวลากันวันละสิบเที่ยว สร้างความขบขันให้พี่มูนอย่างที่สุด กระทั่งถึงเวลาสามวันก่อนเปิดเทอม วาตัดสินใจกลับเหนือก่อนกำหนด ส่วนผมยังอยู่ต่ออีกวันค่อยขับรถเข้ากรุงเทพ ผมมาถึงห้องก่อนอย่างที่คิดไว้

   ทีแรกยังเฉย คิดว่าโป้คงจะกลับมาก่อนวันเรียนเลย ที่ไหนได้ วันนี้ป่าไปสามทุ่มผมยังไม่เห็นหัว ได้ข่าวว่าพรุ่งนี้มันมีเรียนเช้า ผมตัดสินใจโทรหาแม่ง พอมันกดรับสายปุ๊บ ผมกรอกเสียงใส่ทันที

   “มึงอยู่ไหนวะ”

   /อยู่บนรถ ฮ้าว มีไร/ ดูท่ามันกำลังนอน เสียงอู้อี้

   “รถอะไร” ผมถามอย่างใจเย็น ไม่แน่ว่ามันอาจจะนั่งรถแท็กซี่จากสนามบินมาหอ

   /รถทัวร์/

   “กูบอกให้มึงนั่งเครื่องกลับมาไม่ใช่เหรอวะ! แล้วงี้มึงจะถึงกี่โมง พรุ่งนี้มีเรียนเช้านะเว้ย วิชาหลักมึงด้วย”

   /กูทันแน่มึงไม่ต้องห่วง แค่นี้ก่อนนะ อยู่บนรถคนนอนทั้งคันไม่อยากคุยมาก/

   “เดี๋ยว มึงใกล้ถึงขนส่งแล้วโทรบอกกู กูจะออกไปรับ”

    /ไม่ต้อง กูนั่งแท๊กซี่กลับเองได้/

   “หุบปากแล้วทำตามที่สั่ง!”

   ผมกดตัดสายบ้าง เวลาเกือบตีสามผมงีบไปหน่อย ได้ยินเสียงโทรศัพท์กดมารับเป็นไอ้โป้ เลยต้องลุกหยิบเอากุญแจรถบึ่งไปรับมันที่ขนส่ง คนโคตรโล่ง แทบไม่มีใครอยู่เลย เห็นมันยืนพิงเสาสัปหงก ผมเดินเข้าไปแย่งเป้ใส่เสื้อกับถุงของฝากมันมาถือ

   “ตื่นมึง กลับห้อง”

   โป้ผงกหัวเดินตามผมขึ้นรถ มันหลับตลอดทางขนาดถึงแล้วยังไม่ตื่น อย่างว่า ถึงไม่ได้ขับ แต่การนั่งรถนานๆ มันทำให้เพลียเหมือนกัน แล้วนี่มันนั่งมาจากเชียงใหม่ ผมอยากจะบ้าตาย ของฝากอะไรช่างแม่ง ผมขออุ้มมันเข้าห้องก่อนแล้วกัน

   พอผมเปิดประตูก้มลงไปอุ้ม มันสะดุ้งตื่นดันอกผมออก

   “ทำไรวะ”

   “เงียบแล้วอยู่เฉยๆ”

   “กูแค่ง่วง ไม่ได้เป็นง่อย กูเดินเองได้”

   มันชักสีหน้า ผลักผมออก คงหงุดหงิดเพราะความง่วง ผมเองก็อารมณ์ขึ้น นี่กูเป็นห่วงมึงนะ เผลอออกแรงกระชากแขนมันไม่ให้เดินหนี แล้วกดกับรถ รั้งท้ายทอยจูบแดกปาก จะได้เลิกพล่ามมาก ปกติมันคงสวนกลับแบบไม่ยอมแพ้ คราวนี้มันไม่มีอารมณ์มาเล่นด้วย ซัดเข่าใส่ท้องผมเต็มๆ จุกเหี้ย ผมยิ่งกำข้อมือมันแน่นบดปากแบบไม่เกรงใจจนมันหอบ กัดปากมันทิ้งท้ายสักทีค่อยผละออก

   “จำไว้ กูพูด มึงต้องฟัง”

   มันถ่มน้ำลายลงพื้น ดูอารมณ์เสียมากกว่าปกติ

   “ถุ้ย! ฟังKไร มึงเป็นพ่อกูเหรอ อึก!”
   
   จับดึงให้มันแหงนคอ แล้วกัดแบบไม่ออมแรง พูดเสียงรอดไรฟันข่มอารมณ์กรุ่น

   “อยู่นิ่งๆ ถ้ามึงไม่อยากเล่นหนังสดที่ลานจอดรถ!”

   สุดท้ายโป้ต้องยอมสงบ รอบนี้มันแบกมันขึ้นบ่า ไม่มาอุ้มถนอมแบบตอนแรก ถึงห้องโยนมันลงเตียงกระแทกประตูปิดกลับห้องตัวเอง

   พอเช้ามาได้ยินเสียงเคาะประตู มีอยู่คนเดียวเท่านั้นแหละ ผมเปิดออกไปปุ๊บหมัดลอยกระแทกพุงซ้ำที่เดิม ไอ้โป้ยืนมองผมกุมท้องจุก

   “เอาคืนที่มึงทำกับกู” มันดึงคอเสื้อนศ.ออก เฮ้ย รอยฟันชัดมาก อยู่ระหว่างคอกับบ่า ขนาดผมเป็นคนทำเองยังตกใจ เมื่อคืนกูลงแรงขนาดนั้นเลยเหรอวะ จำได้ว่ายั้งไว้บ้างนะ ต้องโทษมันขาวมากกว่า ไม่งั้นคงไม่ชัดแบบนี้

   “นู่น แดกซะ ขอโทษที่หงุดหงิดใส่มึงเมื่อคืน พอดีกูง่วง มีปัญหากับปู่ก่อนมาเลยพาล” มันชี้ไปทางโต๊ะอาหาร มีข้าวต้มหมูร้อนๆ วางอยู่สองถ้วย นี่มันแหกขี้ตาตื่นก่อนผมเพื่อมาทำ ทั้งที่มันนั่งรถมาทั้งคืน เชื่อมันเลย

   “เออ” ผมตอบมันสั้นๆ ผมเองก็ผิดที่ไปทำรุนแรงกับมัน ปากโป้เจ่อเลยวุ้ย สงสัยเย็นนี้ผมต้องหาเรื่องให้ไอ้ตัวเล็กมาเที่ยวห้องใหม่ ช่วยดึงความสนใจลดบรรยากาศอึมครึมระหว่างผมกับโป้ จะได้ให้ของฝากด้วย

   แผนการเป็นไปได้ด้วยดี เลิกเรียนผมแวะไปรับโป้อ้างว่าจะรับปอนด์ไปเที่ยวห้องแล้วโทรไปหาเป้าหมาย ก่อนขับรถไปดักรอ อย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด พอมีปอนด์โป้ดูสงบลง เอาแต่นอนจนถึงห้อง ผมเห็นมันหลับสบายไม่อยากปลุก ว่าจะอุ้มสักหน่อย มันดื้ออีกละ ผมเลยก้มลงไปกระซิบข้างหูขู่มัน

   “จะยอมให้กูอุ้มไปดีๆ หรือทำแบบเมื่อวานโชว์ปอนด์”

   มันนิ่ง ไม่ดิ้นอีก ได้ผลดีเป็นบ้า คราวหลังต้องตบรางวัลเป็นขนมให้ปอนด์เยอะๆ

   ปอนด์โทรไปรายงานเฮีย ขานั้นเห็นว่าพวกผมย้ายห้องใหม่เลยอยากมาดูและแวะรับปอนด์กลับทีเดียว ผมไม่ปฏิเสธ ชวนให้เฮียมาทำอะไรกินกันที่ห้อง กินเสร็จค่อยกลับไปพร้อมกับโป้ที่อารมณ์ดีขึ้น จัดว่าแจ่ม
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่7 Up16/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 16-02-2016 15:08:49
 :hao6:  ใกล้แล้ว ฮี่ๆ ดูจากการจูบแล้วคงอีกไม่นานหรอกเนอะซัน
น้องปอนด์นี่ช่างเป็นโซ่ทองคล้องใจของซันโป้จริงๆเลย
งงตรงนี้อะค่ะ   " เสียมในชะงักกึก " ว่าแต่จะมีเรื่องของเจเล่ไหมเอ่ย
 :L2: 
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่7 Up16/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 16-02-2016 20:55:34
รักกันแล้ววว
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่7 Up16/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: powvera ที่ 16-02-2016 21:28:26
ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกว่า  ซันกับโป้ ชักจะร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ  คึคึ


 :z1:   :z1:    :z1:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่7 Up16/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: imfckwn ที่ 16-02-2016 22:11:02
รักแท้แพ้ความใกล้ชิดดดดดดด  :hao6:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่7 Up16/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: เมื่อนั้นฝันว่า ที่ 16-02-2016 22:20:16
 :hao6: :hao6: :hao6: ชอบซันจังเลยง้าาา
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่7 Up16/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: PiSCis ที่ 16-02-2016 22:56:54
ซันนี่ยังไงๆอยู่นะ มีหึงด้วย ทั้งหวงและห่วงโป้มากกกกกกกกกก ว่าแต่รักแบบฮาร์ดคอดีนะ  :mew5:  :laugh:

แล้วเล่นี่เสร็จวาไปแล้ว!  o22
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่7 Up16/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 16-02-2016 22:59:01
:hao6:  ใกล้แล้ว ฮี่ๆ ดูจากการจูบแล้วคงอีกไม่นานหรอกเนอะซัน
น้องปอนด์นี่ช่างเป็นโซ่ทองคล้องใจของซันโป้จริงๆเลย
งงตรงนี้อะค่ะ   " เสียมในชะงักกึก " ว่าแต่จะมีเรื่องของเจเล่ไหมเอ่ย
 :L2:

แก้ไขแล้วครับ ตกคำว่า 'มือ' ไปคำหนึ่ง
เรื่องของเจเล่ต้องรอดูกันต่อไป แต่คู่นี้จะโผล่มาแซมเป็นระยะ
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่7 Up16/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: Bk borz. ที่ 17-02-2016 19:24:21
มาต่อเถอะนะรอทุกวันเลยรีวันละหลายรอบมากชอบนะสนุกมากติดตามๆๆ..
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่7 Up16/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 17-02-2016 21:04:28
มาต่อได้แล้วครับ  รออยู่
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่8 Up17/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 17-02-2016 22:30:05
ยกที่8 คนป่วยไม่ผิด

   ตั้งแต่กลับมาจากบ้าน ผมว่าซันมันเปลี่ยนไป ทำตัวเหมือนหมาหวงก้างจนผมเริ่มไม่เข้าใจแล้วว่า ตกลงมันเป็นห่วงในฐานะเพื่อนหรือในใจมันคิดอะไรมากกว่านั้น อยากจะถามหลายรอบ พอเห็นท่าทางสับสนในตัวเองของมัน ผมเลยพูดไม่ออก

   คุณคิดว่าคนๆ หนึ่งเปลี่ยนความรสนิยมทางเพศของตัวเองมันยากแค่ไหน ผมบอกได้เลยว่ายาก! แค่คนรอบตัวก็ว่าหนักแล้ว ยังรวมถึงครอบครัวญาติพี่น้องจะคิดยังไง ยิ่งบ้านไหนเป็นคนมีหน้ามีตา ปัญหายิ่งเยอะ แบบผมนี่ไง คนที่รับผมได้มีแค่พ่อกับแม่ ญาติพี่น้องคนอื่นไม่เอาผมสักคนและไม่กล่าวถึงด้วย ซึ่งผมไม่ว่าอะไร ขอแค่พ่อแม่ผมโอเค คนอื่นช่างหัวมัน

   กรณีของซัน พี่ชายมันเป็นเกย์ไปแล้ว เพื่อนๆ รอบตัวก็ดูจะไม่รอดสักราย เขาว่าคนคล้ายกันมักดึงดูดกันท่าจะเป็นเรื่องจริง เหลือไอ้ซันหมาดำในฝูงหมาม่วง ไม่รู้มันรอดถึงวันนี้ได้ยังไง แต่มันจะจอดเพราะผมนี่แหละ

   ผมท้าวคางมองมันสะบัดหัวไปมาเหมือนหมาบ้า หลังจากเห็นผมคุยกับเก้าเจ้าเก่าที่มหา’ลัยตอนพักเที่ยง พอกลับถึงห้องมันก็คว้าตัวผมมาถามว่าเป็นอะไรกับเก้า ผมบอกไปว่าทางนั้นชอบ แต่ผมไม่สนเลยคบกันในฐานะเพื่อน มันนิ่งแล้วทำตัวงุ่นง่านอยู่ในห้อง

   มองไปมองมาชักตาลาย หลังเลิกเรียนโดนมันลากกลับห้องไม่ทันแวะซื้อของสดที่ตลาดด้วย ถือโอกาสอู้สักวันแล้วกัน

   “ซัน มึงเดินต่อไปจนพื้นทะลุกูไม่ว่า แต่เย็นนี้กูไม่ทำข้าวเย็นนะ” มันชะงักกึก หันมามอง

   “มึงโกรธ?”

   กลับเป็นผมที่มึนแทน ไหงมันคิดว่าผมโกรธ

   “ไมกูต้องโกรธมึงด้วย” เอาล่ะสิ มีประเด็น

   “พักหลังกูจุ้นจ้านกับมึงบ่อยๆ มีหลายครั้งที่มึงทำเหมือนรำคาญ กูขอโทษโป้ กูไม่รู้ว่าตัวเองเป็นเหี้ยอะไรเหมือนกัน”

   ถือว่ามันยังรู้ตัว ผมผ่อนลมหายใจ กวักๆ มือเรียกให้มันมานั่งคุยกันดีๆ ซึ่งมันยอมทำตามเหนือความคาดหมาย โอ้โหเฮ้ย ดูท่าผมจะมีอิทธิพลสำหรับมันพอสมควร

   “ถึงจะรำคาญจริง แต่กูไม่ได้โกรธมึง ถ้ามึงมันวุ่นวายมากๆ เดี๋ยวกูก็กระทืบมึงเองแหละ ที่วันนี้กูไม่ทำอาหาร” ผมชี้ไปที่นาฬิกา ”มึงดูเวลา นี่มันกี่ทุ่มแล้ว ตลาดสดที่ไหนจะเปิดวะ อีกอย่างกูรู้สึกเหนื่อยๆ เพลียๆ ขอกูอู้บ้างอะไรบ้างสักวันหนึ่งแล้วกัน”

   “มึงไม่สบาย?” ดูมันโฟกัสแค่ประโยคหลัง แถมยังลุกขึ้นเดินมายืนข้างผม เอาหน้าผากมาแตะหน้าผากผมเพื่อวัดไข้ บ้านมึงวัดไข้เพื่อนแบบถึงเนื้อถึงตัวขนาดนี้เลยเหรอวะ ผมหมั่นไส้ คว้าหลังคอมันมาจูบดูดปาก เขาบอกคนเมาความยับยั้งชั่งใจไม่มี คนป่วยก็เช่นกัน แต่ออกแนวหงุดหงิดเอาแต่ใจเพราะรู้สึกไม่สบายตัวมากกว่า

   คิดว่าไอ้ซันจะผลักผมออก ยกมือปิดปากเหมือนสาวน้อยถูกพระเอกจูบ? ฝัน!! มันดูดปากผมกลับจนผมเป็นฝ่ายหายใจไม่ทัน กูป่วยอยู่ครับเพื่อน ช่วยถนอมกูนิด

   ซันผละออก มองผมตาโตเหมือนอึ้งกับการกระทำของตัวเอง ในเวลาแบบนี้คนส่วนใหญ่จะคิดบางอย่างออกมาเพื่อหักล้างความสับสน…

   “เพราะมึงเลยเริ่มก่อน กูเป็นผู้ชายทั้งแท่ง โดนรุกมาก็โต้กลับสิวะ” นั่นปะไร

   “เอาที่มึงสบายใจเลยเพื่อน ตกลงว่าวันนี้กูไม่ทำอาหารนะ ลงไปหาซื้ออะไรข้างล่างกินกันเหอะ”

   ผมชวนมันเปลี่ยนเรื่อง ไม่อยากให้ฟื้นฝอยหาตะเข็บ ดูมันไม่ให้ความร่วมมือสักเท่าไหร่ ลากผมไปที่โซฟา ดันไหล่ให้นอนลงแล้วเดินเข้าห้องไปเอาผ้าห่มมาคลุม

   “มึงไม่ต้องลงไป เดี๋ยวกูซื้อของกินขึ้นมาให้ ตะกี้ตัวมันร้อนจี๋ ถึงว่าทำไมวันนี้หน้าแดงตาเยิ้มแปลกๆ ที่ห้องมียาแก้ไข้มั้ยเนี่ย” ท้ายประโยคเหมือนพึมพำกับตัวเองมากกว่า

   ผมทำท่าจะไปหายากินเอง ห้องนี้อยู่ด้วยกัน แต่ส่วนใหญ่ผมจะเป็นคนจัดเก็บห้อง ไม่แปลกที่ซันมันจะไม่รู้ว่ายาเก็บไว้ที่ไหน พอมันเห็นผมลุกก็หันมาถลึงตาใส่ ดันผมลงนอนอย่างเก่า ผมจะอ้าปากบอกว่าจะไปหายากิน มันชิงพูดตัดหน้า

   “ห้ามขยับไปไหนเดี๋ยวกูมา”

   พูดจบมันออกจากห้องไปทันทีไม่ปล่อยให้ผมอุทรณ์ใดๆ ทั้งสิ้น กำลังจะบอกอยู่ว่าอยากกินข้าวต้มกุ้ง อดเลย...

   ผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง มันกลับมาพร้อมข้าวต้มสองถุงอย่างที่คิด แต่เป็นข้าวต้มหมู แถมยาพาราอีกหนึ่งแผง ซันแกะเทใส่ถ้วยยกมาเสิร์ฟถึงโต๊ะหน้าทีวีให้ผมกิน ส่วนมันโซ้ยอยู่ข้างๆ กินหมดมันยื่นยากับแก้วน้ำให้ ส่วนมันเก็บถ้วยไปล้างในห้องครัว เรียกได้ว่าทุกขั้นตอนไม่ต้องพูดสักคำ มันจัดการให้หมด

   หนังท้องตึง หนังตาหย่อน ผมเดินหาวเข้าห้องไปอาบน้ำนอน ช่วงแรกยังสบายดีอยู่ กลางดึกถึงรู้สึกปวดหัวเหมือนมีใครเอาค้อนมาทุบเป็นระยะ ร่างกายร้อนผ่าว เหงื่อออกท่วมตัว คิดจะลุกไปหาผ้าเช็ดเหงื่อโลกดันหมุนจนทรุดลงไปนั่งบนเตียงตามเดิม

   ผมนั่งเหม่อลังเลว่าจะนอนมันทั้งแบบนี้หรือลุกไปเรียกซันมาช่วยเฝ้าไข้ดี ปกติผมเป็นคนร่างกายแข็งแรงไม่ค่อยป่วยอย่างใครเขา ซึ่งคนจำพวกนี้ถ้าลองป่วยทีจะเป็นหนักมาก สุดท้าย ตัดสินใจเดินไปห้องซัน ลองบิดประตูไม่ได้ล็อก ถือวิสาสะเข้าไปเห็นผ้าห่มป่องๆ ผมทิ้งตัวไปนอนทับมันทั้งอย่างงั้น ไอ้ซันตกใจสะดุ้งตื่นยกขาถีบซะผมลงไปกองบนพื้นห้อง

   เวรเอ๊ย!! กูป่วยมาขอความช่วยเหลือ ไม่ได้มาให้มึงซ้ำเติม

   ไอ้ซันรีบลุกขึ้นมาดูผลงานตัวเอง เห็นเป็นผมนอนพะงาบๆ บนพื่นมันรีบถลาลงมาพยุง ดีมันไม่เหยียบผมซ้ำ ซันลากผมขึ้นไปนอนบนเตียงแทน

   “เฮ้ย! ทำไมตัวร้อนงี้วะ ก่อนนอนกูให้กินยาแล้วนี่ อย่าบอกนะว่ามึงอาบน้ำ?”

   มันถาม ผมพยักหน้ารับ เราขี้ร้อนทั้งคู่เลยไม่คิดติดเครื่องทำน้ำอุ่น พออาบน้ำทีก็เป็นน้ำเย็นเจี๊ยบสูตรแช่ท่อคอนโด ส่งผลให้ผมไข้ขึ้นหนักกว่าเก่า ช่วยไม่ได้ ตอนแรกไม่คิดว่าอาบน้ำแค่นี้จะเป็นหนัก

   ซันด่าผมหนึ่งชุดใหญ่ จ้ำพรวดออกจากห้องไปเอาน้ำกับยามากรอกปาก พร้อมกะละมังกับผ้าชุบน้ำ ผมป่วยแต่ยังมีสติ เห็นมันจะเช็ดตัวให้เลยถอดเสื้อยืดกับกางเกงออก ไอ้ซันตาโตแทบหลุดออกจากเบ้า

   “มึงจะถอดทำไม!”

   “เอ้า มึงจะเช็ดตัวให้กูไม่ใช่เหรอ ไม่ถอดแล้วจะเช็ดไงวะ ถ้ามึงไม่อยากทำเดี๋ยวกูทำเองก็ได้”

   ผมป่วยแล้วหงุดหงิด คว้าผ้าจากมือมันมาเช็ดตัวเอง มันแย่งผมคืนเหมือนเด็ก แล้วจ้องบังคับทางสายตาให้ผมอยู่เฉยๆ มือหนาลากผ้าชุบน้ำบิดหมาดเช็ดไปตามตัว พอถึงช่วงขามันชะงักมือ ผมเลิกคิ้วมองหัวเราะในใจ แสร้งยกขาให้มันเช็ดง่ายๆ ซันยังไม่รู้เจตนาอย่างแกล้งของผม เลยตั้งอกตั้งใจถูอย่างกับหาเลข พอเสร็จมันรีบหยิบเอาเสื้อยืดในตู้ตัวเองมาใส่ให้ผมอย่างไว

   “มึงนอนไป กูจะไปนอนห้องมึงแทน”

   มันทำท่าจะเดินหนี ผมมือไวคว้าแขนมันได้ก่อน มาตอนนี้เพิ่งสังเกต ซันมันไม่ใส่เสื้อ ท่อนล่างมีแค่บ็อกเซอร์ตัวเดียว ผมนึกสนุกอยากแกล้งมันอีกหน่อย ออกแรงดึงจังหวะมันไม่ทันตั้งตัว จนร่างหนาล้มทับอยู่ด้านบน ผมตวัดขาล็อกเอวมันไว้ไม่ให้ลุกหนี

   “จะรีบไปไหนวะซัน ไม่นอนด้วยกันเลยล่ะ นี่ห้องมึงนะ”

   มันใช้สองแขนท้าวไว้บนเตียงระหว่างตัวผมเพื่อพยุงตัวเองไม่ให้ถูกแรงรั้งร่วงมาทับผมทั้งตัว ซันมองภาพที่แสนจะยั่วยวนใต้ร่าง ใบหน้าออกสวยแดงระเรื่อชื้นเหงื่อ เสียงหอบหายใจจากพิษไข้แล้วมันชวนให้คิดอกุศลแบบสุดๆ ยิ่งอยู่ในท่าสุดล่อแหลมด้วยมันยิ่งชวนให้ของขึ้น!

   หากซันเห็นสภาพโป้ก่อนหน้านี้คงไม่รู้สึกอะไร ถ้าไม่เจอเรื่องของวากระตุ้นความคิดขึ้นมา ว่าตกลงแล้วตัวเองคิดยังไงกับโป้กันแน่ ในฐานะเพื่อนเขาก็ดูจะเป็นห่วงปนหวงเกินหน้าเกินตาไปหน่อย ตอนอยู่บ้านก็คิดแต่อยากกลับมาเจอหน้า ที่สำคัญโป้เองก็ตรงสเปคทุกอย่าง ติดอย่างเดียวที่เป็นผู้ชาย

   ไม่สิ...ผู้ชายแล้วยังไง ขนาดพี่เขายังรักกับพี่สะใภ้หวานชื่น...
 
   “ซัน หลับในแล้วเหรอวะ?”

   ได้เสียงอีกฝ่ายเรียกถึงได้สติกลับมาสู่เหตุการณ์ปัจจุบัน

   “ปล่อยได้แล้ว กูไม่อยากติดไข้มึง” ถอยทัพไปนั่งทบทวนความรู้สึกก่อนดีกว่า ซันคิดพลางแงะตัวเองออกจากปีโป้เปื่อยแรงควาย

   “ก็ดีนะ กูจะได้หายไง เขาว่ากันว่าถ้าจูบกันอีกคนจะเป็นไข้แทน ลองกันหน่อยมั้ยพวก” คนป่วยยักคิ้วท้าทายไม่เจียมสังขาร โป้อาศัยว่าตัวเองเป็นไข้ทำอะไรไม่ยั้งคิด รั้งคออีกฝ่ายมาประกบจูบ

   ซันรู้สึกถึงสัมผัสร้อนกว่าปกติแนบชิดจนเผลอตอบรับแล้วรุกกลับ ลิ้นสอดเกี่ยวกระหวัดดูดดื่ม มือหนาลูบไล้ไปตามผิวกายร้อนผ่าวอย่างลืมตัว ก่อนชะงักแล้วผละออก ติดที่ขาล็อกเอวไว้เลยลุกไปไหนไม่ได้ เจ้าของห้องถลึงตามอง

   “โป้ มึงอย่ามายั่วกูดีกว่า กูไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่โดนมึงยั่วแล้วยังเฉย” ยิ่งกูกำลังสับสนในตัวเองแบบนี้ เดี๋ยวแดกมึงไขข้อข้องใจซะเลยหนิ ซันได้แต่คิดในใจ

   “กูไม่รู้ กูป่วย” โป้ยังคงหน้ามึนแกล้งซันต่อไป ถือเป็นการทดสอบด้วย ถ้ามันเป็นผู้ชายแท้ ให้ตายยังไงก็ไม่มีอารมณ์กับผู้ชายด้วยกันหรอก ถามว่าเกิดมันไม่แท้ขึ้นมาผมจะทำยังไง ก็ปล่อยเลยตามเลยสิยากอะไร!

   โดนก่อกวนไปสักพัก คนบางคนเริ่มตบะแตก

   “เหี้ย!! กูเตือนมึงแล้วนะ”

   มันตวาดอย่างเหลืออด คิดจะทำให้อีกคนสำนึกซะบ้าง มือหนากระตุกเสื้อที่เพิ่งสวมโยนทิ้งไปอีกทาง ใช้จมูกโด่งซุกไซร้ลำคอที่เล็งไว้แต่แรก ก่อนจะย้ายมาย้ำจูบหนักๆ ดูดให้ปากบวมเจ่อ

   จังหวะที่จะผละออก หยุดการสั่งสอนแต่เพียงเท่านี้ บังเอิญว่ามือลากผ่านอก โป้สะดุ้งเล็กๆ ดึงความสนใจของซันไปยังจุดนั้น หนุ่มเถื่อนลองเค้นคลึงเบาๆ อีกคนก็ยิ่งสั่นพร้อมส่วนล่างตื่นตัวจนทิ่มโคนขา เหมือนค้นพบสิ่งแปลกใหม่ ทำไปทำมาคนที่คิดสั่งสอนชักเตลิดซะเอง

   “กูเพิ่งรู้ว่าอกผู้ชายก็ทำให้เสียวได้” เอ่ยพลางแสยะยิ้ม นึกสนุกก้มลงไปใช้ปากครอบดูดตามใจ ความเจ็บปนเสียวทำให้คนป่วยเริ่มกู่ไม่กลับ โป้หอบหายใจสะท้านกับอารมณ์ที่ถูกปลุก

   “ซัน มึงจะทำหรือมึงจะเล่นเอาสักอย่าง” คนป่วยบ่นด้วยอารมณ์หงุดหงิด เหมือนไปกดสวิทช์มันเข้า ซันตัดสินใจมันเดี๋ยวนั้น ยกมือหยาบลูบสำรวจไปทั่วร่าง พอขาขาวเลื่อนหลุดจากเอวมันก็ยกไปล็อกไว้ที่ตามเดิม

   “งั้นกูทำเลยแล้วกัน!” เสียงทุ้มพร่ากระซิบข้างหู เบื้องล่างถูกล้วงออกมาเสียดสีกัน เกิดความรู้สึกสุดบรรยาย ซันใช้มือรวบทั้งคู่แล้วรูดไปพร้อมกัน กระทั่งส่วนปลายเปียกชื้นจนปลดปล่อย

   หนุ่มเถื่อนมองมือตัวเองที่เลอะไปด้วยน้ำกาม รอยยิ้มมุมปากทำให้ผมเสียวสันหลังวาบ

   “กูเคยมีอะไรแค่กับผู้หญิง แต่ผู้ชายแม่งมีรูเดียวนี่นะ...”

   มันถอดกางเกงชั้นในแล้วคลำหา ผมสบถไม่เป็นคำ พอนิ้วเจอเป้าหมายก็สอดเข้าไปแบบไม่เกรงใจ จุกจนยกมือโบกหัวมัน ถึงกูมีไข้แต่ไม่ได้หมายความว่าก็จะสิ้นฤทธิ์นะโว้ย

   “ค่อยๆ ทำสิวะ”

   “กูไม่เคยนี่หว่า” ร่างสูงบ่นอุบยอมค่อยๆ ทำตามที่บอก พอเพิ่มนิ้วที่สองไม่ทันไรมันกลับดึงออกแล้วจ่อของตัวเองเข้าไปโดยที่ผมไม่ทันออกปากห้าม อยากจะด่ามันใจจะขาด มึงเพิ่งจะเตรียมไปแค่สองนิ้วเองนะเว้ย ขนาดของมึงสามนิ้วยังไม่พอเลยมั้ง เชี่ย!!

   ความแข็งร้อนค่อยๆ ฝืนกดเข้ามา ผมผ่อนลมหายใจเฮือกไปหลายที พยายามผ่อนอาการเกร็งเพื่อไม่ให้ตัวเองเจ็บ ถึงอย่างงั้นก็ยังเจ็บอยู่ดี ผมตีบ่าให้มันหยุด มันดันเข้าใจตรงกันข้ามฝืนกดจนมิดโคน ทำเอาผมร้องไม่เป็นคำ ทั้งจุกทั้งแน่น

   “อืออ...ไม่ไหวแล้วว่ะโป้ กูขยับเลยนะ” มันสูดปากเริ่มขยับสะโพก ด้วยความที่ไม่มีเจลหล่อลื่นมันเลยฝืดเกินบรรยาย ผมจิกบ่ามันระบายความทรมาน มันก้มลงมากัดอกอย่างหมั่นเชี้ยวจนเป็นรอยฟัน เบื้องล่างเริ่มเร่งจังหวะ พอเข้าที่เข้าทางความเจ็บถูกโยนทิ้ง ผมหลุดครางเสียงสั่นอย่างลืมตัว มันได้ยิน ยิ่งได้ใจขยับตามใจตัวเอง

   เสียงเตียงโยกแข่งกับเสียงหอบคราง ซันพึมพำเหมือนสติหลุดอยู่ข้างหู

   “โคตรดี อ่า...โป้ โป้ มึงเป็นของกู”

   พูดจบเลื่อนมาจูบดูดปาก ไซร้คอให้ขนลุกซู่ไปทั้งตัว ช่วงจวนจะเสร็จ มันใช้มือรูดของผมให้เสร็จไปพร้อมกัน ผมกระตุกกายปลดปล่อยเลอะมือกับหน้าท้อง ร่างสูงจงใจสอดลึกเสร็จสมข้างใน

   จังหวะที่มันหยุดพักก้มลงมาดูดปากผมซ้ำ ผมค่อยมีเวลาฝืนตัวเองดันอกกว้าง เจ็บคอจนเสียงแหบพร่า

   “แฮ่ก... ซันพอก่อน”

   ลำคอแห้งผาก ปวดหัวแทบระเบิด ตัวร้อนอย่างกับกองไฟ ได้ยินเสียงซันมันกลืนน้ำลายอึก ก่อนมันจะเอื้อมไปหยิบขวดน้ำตรงหัวเตียงมากระดกเข้าปากแล้วเชยคางผมขึ้นป้อนน้ำ รู้สึกชุ่มคอขึ้นมาหน่อย แต่ความอึดอัดเบื้องล่างยังคงอยู่ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ทุกการกระทำเมื่อครู่ มันทำทั้งที่ยังแช่ค้างไม่ยอมถอนออก ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ไม่น่าไปยั่วจนมันตบะแตกเลย

   “ตัวมึงร้อนจี๋ แต่โคตรน่าเอา ขออีกนะโป้” หมาหื่นก้มลงมาซุกจูบปากซ้ำๆ ดูจะเป็นส่วนที่มันชอบที่สุด แล้วสะโพกหนาขยับอีกรอบและอีกรอบ...

   กว่าจะเสร็จสมใจ อีกคนก็สลบคาอกไปแล้ว ซันเบิกตากว้าง เพิ่งระลึกได้ว่าอีกฝ่ายป่วยอยู่ รีบผละกายออกจับคนป่วยเช็ดตัวทำความสะอาด เปลี่ยนผ้าปูใหม่แล้วนั่งเฝ้าไข้ตลอดคืนลืมสนใจตัวเองไปเสียสนิท เผลอหลับไปตอนไหนก็ยังไม่รู้ตัว กระทั่งได้เสียงมือถือดังมาจากห้องโป้แทนเสียงนาฬิกาปลุก

   เจ้าของห้องตื่นขึ้นมาดูอาการคนป่วยเป็นอันดับแรก เปลี่ยนผ้าวางบนหน้าผากแล้วค่อยเดินเกาพุงเข้าห้องเพื่อน หยิบมือถือมากดรับสายโดยไม่ดูชื่อ คิ้วขมวดแบบบี้ยุงตาย

   “ใครวะ!” น้ำเสียงเหวี่ยงสุดติ่งเพราะถูกรบกวนเวลานอน ไม่นำพาเลยว่ามือถือที่ตัวเองถือวิสาสะรับน่ะมันของรูมเมท ปลายสายแอบสะดุ้งโหยง

   /ไมเสียงโหด หรือว่าโป้ถูกซันฆ่าหมกห้องไปแล้ว!/ เสียงเล็กโวยวาย ซันยกโทรศัพท์ดูชื่อคนโทรเข้าชัดๆ เห็นเป็นชื่อเพื่อนตัวเล็กค่อยดรอปเสียงลงอยู่ในระดับปกติ

   “ไม่ใช่เว้ย โทรมามีไร” ซันถามกลับ ปอนด์หันไปมองพี่ชายตัวเอง วันนี้พวกเขาสามคนมีนัดกัน ทีแรกเฟย์จะมาเที่ยวซื้อของกับปอนด์ แต่โป้อยากให้เฟย์ช่วยเลือกหนังสือทำอาหารเลยนัดกันที่ห้างตอนสิบเอ็ดโมง จนตอนนี้เวลาล่วงเลยไปเกือบเที่ยงยังไม่เห็นโป้แม้แต่เงา

   /โป้บอกว่าจะออกมาซื้อหนังสือด้วยกัน เลยโทรมาถามว่าถึงไหน/

   “มันป่วยไปไม่ได้” ตอบทันทีแบบไม่ต้องคิด อีกอย่างเมื่อคืนโป้รับศึกหนัก แค่คลานออกจากห้องได้ก็นับว่าสุดยอดแล้ว

   /โป้ป่วย!? เป็นไปได้ไง เพราะซันแน่ๆ ทำจนโป้ป่วยเลยเรอะ เอางี้ ไหนๆ ซื้อของเสร็จแล้วเดี๋ยวไปเยี่ยมที่ห้องนะ/

   ปอนด์มัดมือชกกดวางสายไป ทิ้งให้ใครอีกคนยังยืนค้าง

   “มันรู้ได้ยังว่ากูกดโป้ไปแล้ว โว้ย! กูทำอะไรลงไปวะเนี่ย” สีหน้าเริ่มเครียด หารู้ไม่ เพื่อนตัวเล็กมันก็พูดไปงั้น ดันเป็นความจริงซะนี่ ส่วนคนไม่รู้อย่างซัน เริ่มนั่งไม่ติด รีบเคลียร์ห้องเท่าที่ทำได้ วิ่งลงไปข้างล่างซื้อข้าวต้มร้านตามสั่งมาให้โป้กินก่อนทานยา

   คนป่วยตื่นขึ้นมาสภาพง่วนงุน ซันเป่าข้าวต้มยกขึ้นจ่อปาก

   “รีบแดกเร็ว จะได้ทานยา กูจะเช็ดตัวให้มึงอีกรอบด้วย”

   เห็นท่าทีลุกลี้ลุกลนแปลกๆ อย่างกับกลัวใครมาจับผิด อดออกปากถามไม่ได้ ระหว่างยอมทานข้าวต้มมื้อเช้ากับเที่ยงรวมกัน

   “เป็นอะไรวะ เรื่องที่มึงมีอะไรกับกูไม่ต้องคิดมาก กูยั่วมึงเอง”

   ช้อนที่กำลังตักคำที่สองชะงักอยู่กับที่ ซันกัดฟันกรอดจ้องใส่คนป่วยนิสัยเสีย

   “ไม่ใช่เรื่องนั้น เอาไว้กูกับมึงค่อยเคลียร์กัน แต่ปอนด์กับเฮียเฟย์จะมาที่ห้อง” ประโยคนี้ถึงคราวโป้ตาโตอ้าปากค้าง ซันสบโอกาสตักข้าวยัดใส่ปาก เกือบสำลัก ความจริงเพิ่งมีอะไรกันไป ควรจะถนอมกันหน่อยไม่ใช่เหรอวะ นี่แม่งจะฮาร์ดคอร์ไปไหน คนป่วยคิดทั้งน้ำตา เอาเถอะ มันดูแลผมทั้งคืน แถมยังทำหน้าหมาสำนึกผิด เป่าข้าวต้มป้อนทีละคำก็น่าดีใจแล้ว

   ข้าวต้มหมดถ้วย ซันยื่นยากับน้ำมาให้ ผมรับมากินกระดกน้ำตาม ซันยกถ้วยไปเก็บ ก่อนเปลี่ยนน้ำในกะละมังบรรจงเช็ดตัวให้คนป่วย ผมยกแขนขยับตัวให้มันเช็ดง่ายๆ มองใบหน้าหล่อคมกับคิ้วเข้มที่ขมวดแน่นเลยใช้นิ้วจิ้มนวดตรงหว่างคิ้วให้

   “กังวลอะไรของมึง กูไม่ใช่ผู้หญิงแตกในก็ไม่ท้องหรอก อีกอย่างเฮียเฟย์กับปอนด์เป็นเพื่อน ไม่ใช่พ่อแม่ ดูมึงทำอย่างกับเด็กใจแตกแอบพาลูกเขามากกแล้วโดนจับได้”
   
   “มึงก็เปรียบเทียบซะ... มันก็จริง กูจะตกใจไปทำไมวะ”

   เห็นหมาหงอย อดไม่ได้ยื่นมือไปลูบหัว มันจับมือผมออกมากุมไว้บนตัก นิ้วโป้งสากลูบหลังมือผมไปมาดูใจลอย เสียงออดหน้าห้องดังนั้นแหละมันถึงได้สติ กำลังจะลุกไปเปิดประตู พอหันมาเห็นผมเช็ดตัวเสร็จแต่ยังไม่ใส่เสื้อ มันเลยหยิบเสื้อใหม่มาใส่ให้ ก่อนคว้ากางเกงที่พาดไว้แถวนั้นมาสวมออกไปเปิดประตู ผมกุมขมับอยู่ในห้อง มันรู้ตัวรึเปล่าทำแบบนี้ยิ่งชัดเจน

   ผมใส่เสื้อมัน ส่วนมันใส่แค่ท่อนล่างด้านบนเปลือย อีกอย่างรอยเล็บบนบ่ามันยังอยู่ครบ ที่สำคัญ ผมยังนอนเสนอหน้าอยู่ในห้องมันนะ สองคนนั้นเป็นหนุ่มวายขนานแท้ ทั้งเสพทั้งผลิตเอง(?) เดาไม่ออกก็บ้าแล้ว

   “เฮ้ย! นี่มีอะไรกันจริงๆ เหรอเนี่ย”

   เสียงโวยของปอนด์ดังโหวกเหวกหลังเห็นสภาพซัน สมองพลันนึกถึงเพื่อนอีกคน เจ้าตัววิ่งลิ่วผ่านตัวคนเปิดประตูเข้ามาในห้อง ได้ยินเสียงปอนด์เปิดประตูห้องนอนผม พอไม่เจอเจ้าตัวเลยมาเปิดห้องซันแทน ไอ้ผมอยู่ในสภาพป่วยนอนห่มผ้าอยู่ ปอนด์มือไวดึงผ้าห่มออกถลกเสื้อดู พอเห็นรอยจูบกับรอยฟันพลันอ้าปากเหวอเป็นรูปตัวโอ

   “ทำอะไรกัน!”

   ซันมันวิ่งตามมาคว้าปอนด์โยนไปทางเฮียเฟย์ ดึงเสื้อผมปิดห่มผ้าทับจนถึงคอ เฮียเฟย์นี่แหละอันตรายที่สุด ดวงตาคมพราวระยับ รอยยิ้มกรุ้มกริ่มนั่นอีก หลักฐานคาตาไม่มีโอกาสปฏิเสธ

   “เข้าใจว่าวัยรุ่นฮอร์โมนมันพลุ่งพล่าน ถึงงั้นก็ไม่ควรหักโหมจนโป้ป่วยแบบนี้นะซัน” เฮียเฟย์หันไปสั่งสอนซันด้วยใบหน้าเปี่ยมรอยยิ้มเมตตาสมกับเป็นฝ่ายรุกระดับอาวุโส

   “ไม่ใช่ โป้มัน... เฮ้อ! เฮียผมขอคุยด้วยเดี๋ยว ปอนด์ ฝากดูโป้ด้วย ห้ามทำอะไรเด็ดขาด”

   อย่างปอนด์จะทำอะไรผมได้ ทางเฮียเฟย์เลิกคิ้วหมุนตัวไปนั่งรอบนโซฟา ส่วนปอนด์ดี๊ด๊าดีใจอย่างกับถูกหวยจงใจเปิดประตูแบบแง้มนิดนึงให้ได้ยินเสียงข้างนอก ผมไม่ห้ามเพราะอยากได้ยินเหมือนกันว่าซันจะคุยอะไรกับเฮียเฟย์

   “เอ้า... ว่ามา มีเรื่องอะไรจะปรึกษาพี่ ถ้ากลัวโป้ท้องไม่ต้องห่วง พี่พิสูจน์มาแล้ว ไม่เห็นลูกแมวจะท้องสักที”

   โครม!

   เสียงปอนด์ร่วงตกจากเก้าอี้ เรียกเสียงหัวเราะทุ้มนุ่มจากผู้อาวุโส พี่แกรู้นี่หว่าว่าในห้องแอบฟัง ไหนๆ ก็รู้แล้วไม่เกรงใจล่ะ ผมดึงปอนด์มานั่งส่องตรงประตู เรื่องอาการป่วยไม่ต้องห่วง แค่เป็นไข้แต่ยังสติดีครบถ้วน ไม่ถึงกับพิการ อาจจะเสียดๆ ช่วงล่างบ้าง แต่ถ้าเดินมานั่งแบบนี้สบายมาก

   ซันมันรินน้ำมาให้พี่เฟย์ตามประสาเด็กมารยาทดีผิดกับหน้าตา แล้วเริ่มปรึกษาปัญหาชีวิต มันเป็นคนที่ชอบทำอะไรให้เคลียร์ ไม่ชอบค้างคา ดังนั้นไม่แปลกที่จะใจร้อน พอมีคนให้ปรึกษาเลยขอความเห็นทันที

   “ผมไม่เข้าใจเรื่องอะไรนิดหน่อย”

   “อ่าฮะ ว่ามา” เฮียเฟย์ยิ้มขำ ผมไม่แปลกใจว่าทำไมปอนด์ถึงหลงเฮียนัก ท่านั่งสุดคูล หยิบแก้วน้ำขึ้นจิบดูดีทุกท่วงท่าจนน่าอิจฉา

   ”เฮียรู้แล้วใช่มั้ยว่าผมกับโป้...”

   “อืม รู้แล้ว”

   “ผมเป็นผู้ชาย ที่ผ่านมาเคยแต่ผู้หญิง ไม่เคยยุ่งกับผู้ชายมาก่อน”

   “ทุกอย่างย่อมมีครั้งแรกเสมอ” คนหนึ่งถาม อีกคนหนึ่งตอบฉับไว

   “เฮียจะชกผมก็ได้ แต่ผมขอถามหน่อย เฮียกับผู้ชายคนแรกเป็นยังไงครับ” ซันถามด้วยสีหน้าจริงจัง ส่วนคนฟังแทบสำลักน้ำ มาดสุดคูลจนถึงเมื่อครู่ละลายหายไปในอากาศ ผมกลั้นขำอยู่ในห้องแทบตาย เหล่มองปอนด์ที่ลุ้นคำตอบเฮียเฟย์มากกว่าเรื่องของพวกผมอีก เล็บแทบจิกเข้าไปในกำแพง

   ร่างสูงกระแอมไอเรียกมาดกลับมา เฮียเฟย์เรียบเรียงคำพูดชั่วครู่ ใบหน้าหล่อดูดีแบบผู้ใหญ่ยิ้มละมุนละไมระหว่างระลึกถึงอดีต เห็นรอยยิ้มแบบนั้นเพื่อนตัวเล็กเกร็งตัวอย่างเห็นได้ชัด เฮ้อ ดูท่าเรื่องราวความรักของผม มันชอบไปเกี่ยวข้องกับความรักของคนอื่นอยู่เรื่อย ถือว่าเบิกเนตรแล้วกัน

   “พูดไปอาจจะไม่เชื่อ แต่ผู้ชายคนแรกของพี่คือปอนด์” ผมกับซันพากันอึ้ง ในขณะที่เฮียเฟย์พูดต่อ “ยอมรับว่าตอนแรกพี่เองก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าจะหลงชอบเด็กตัวเล็กๆ อายุพอกับน้องชายตัวเองได้ยังไง จนเพื่อนเตือนสตินั้นแหละถึงเข้าใจว่าพี่ชอบปอนด์แล้วจริงๆ”

   “แล้วหลังจากนั้น เฮียตัดสินใจยังไงถึงคบกับปอนด์”

   เฮียเฟย์ยักไหล่กับคำถามซันแล้วหันมามองปอนด์ที่เปลี่ยนร่างเป็นแมวสีชมพูด้วยรอยยิ้มบาง

   “พอมั่นใจว่าชอบ อย่างอื่นก็ไม่สำคัญแล้ว แค่ทำตามความรู้สึกของตัวเองก็พอ เราล่ะคิดยังไง”

   โดนเฮียเฟย์ถามกลับ ซันเป็นฝ่ายนิ่งไป ค่อยๆ ถ่ายทอดคำพูดของตัวเองออกมาตามความรู้สึก

   “ถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้ว่าชอบโป้รึเปล่า แต่ผมไม่เคยห่วงเพื่อนคนไหนเท่าโป้มาก่อน ตอนกอดไม่มีความคิดว่าขยะแขยงหรือรังเกียจสักนิด ออกจะถูกใจด้วยซ้ำ เลยเผลอ เอ่อ... หน้ามืดไปหน่อย ผมคงเป็นเกย์แล้วสินะ” ซันถอนหายใจ เฮียเฟย์ยกมือตบบ่า

   “เป็นเกย์หรือไม่เป็น มันไม่สำคัญ บอกแล้วว่าของแบบนี้อยู่ที่ความรู้สึก พี่เข้าใจว่าเรากำลังสับสน ค่อยๆ คิดไป” คำแนะนำชวนให้ใจชื้น ซันยิ้มรับกับคำนั้น ก่อนหน้าหงิกกับประโยคต่อมา

   “จากที่ดู พี่ว่าโป้น่าจะเสน่ห์แรง ผู้ชายทำงานบ้านงานเรือนเก่งช่างดูแล รูปร่างหน้าตาดีแบบนี้ต่อให้เป็นชายแท้ยังหวั่นไหว เรื่องนี้พี่ว่าซันน่าจะรู้ดีที่สุด เพราะงั้นอย่ามัวแต่คิดเพลินจนโดนคนอื่นคาบตัดหน้านะ ไปปอนด์กลับบ้าน”

   ทิ้งบอมบ์เสร็จ เฮียเฟย์เดินมาจูงลูกแมวที่เขินม้วนจากไปอย่างสงบ ใจจริงคงจะมานั่งคุยเล่นด้วย แต่เห็นว่าผมป่วย แถมซันมันยังเป็นซะอย่างงี้ เลยเปิดโอกาสให้พวกเราคุยกัน สงสัยหายเมื่อไหร่คงต้องทำของกินอร่อยๆ ไปตอบแทนสองคนนั้นสักหน่อย

   เห็นซันนั่งเงียบอยู่ในห้อง ผมไม่เซ้าซี้ ความจริงที่ยั่วมันไปแค่แกล้งเล่นแต่ดันเตลิด มาถึงตอนนี้ต้องรับผลการกระทำของตัวเอง มันตัดสินใจยังไงผมไม่ว่า เอาไว้จีบใหม่ก็ยังไม่สาย อย่างน้อยๆ มันก็ดูมีใจให้ผมบ้างเหมือนกัน

   ผมย้ายสารร่างตัวเองออกจากห้องซัน คนที่นั่งอยู่หันขวับมามอง

   “มึงจะไปไหน”

   “กลับไปนอนห้องตัวเอง จะให้ยึดห้องมึงไปตลอดคงไม่ดีมั้ง”

   มันก้าวฉับๆ จับผมแบกขึ้นบ่ากลับห้องตัวเองแล้วโยนผมลงบนเตียง นั่งทำหน้าเหมือนหมาขี้ไม่ออกอยู่ข้างๆ โอเค ไม่นอนห้องตัวเองก็ได้ ผมขยับตัวได้ที่ พอหมดเรื่องตื่นเต้นฤทธิ์ยาเริ่มทำงาน จังหวะที่ผมเคลิ้มจวนจะหลับ ซันมันเรียกผม

   “โป้!” ถึงกับสะดุ้งตื่นมองหน้ามันเหลอหลา “มึงกำลังจะหลับเหรอ ขอโทษ กูมีเรื่องต้องบอกมึง ไม่อยากให้มันค้างคา” ผมพยักหน้ารับ พยายามถ่างตาตื่น มันยังไม่เห็นเลยพล่ามต่อไปเรื่อย

   “คือกูยังไม่มั่นใจว่าชอบมึงรึเปล่า แต่กูไม่เคยรังเกียจมึงจริงๆ มันอาจจะดูเห็นแก่ตัว…” เรื่องเห็นแก่ตัวผมไม่รู้ ถ้าเรื่องเอาแต่ใจนี่มึงเป็นมานานแล้วซัน ผมตอบมันในใจ รอว่ามันจะพูดอะไรต่อในสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่น

   “โป้... คบกับกูได้มั้ย กูสาบานว่าจะดูแลมึงอย่างดี ถ้าเกิดมึงมีคนที่ชอบ...”

   “มึงจะปล่อยกูไปสินะ” ตามพล็อตพระเอกทั่วไป ซันหันมาจ้องผมเขม็งแผ่รังสีอำมหิต

   “มึงคิดว่ากูจะยอมให้มึงเลิกมั้ยล่ะ หึหึ มึงเลิกกับกูมึงตาย... รับรองเลยว่ากูจะเอาให้มึงตายคาอกจนมึงนึกไม่ถึง ส่วนไอ้เหี้ยนั่นก็จะตายคาตีนกูด้วย” มันกระซิบเสียงรอดไรฟัน แววตาฉายชัดว่ามันเอาจริง แล้วมึงจะถามความสมัครใจกูทำเพื่อ!

   “จะทำอะไรก็ตามใจ... แต่ตอนนี้มึงออกไปก่อน กูจะนอน กูง่วง กูป่วย อย่ามากวนไอ้สัตว์!” ผมยันมันโครมแล้วคลุมโปงหันก้นให้มันระบายความหงุดหงิดที่ถูกกวนเวลาพักผ่อนกับแก้เขิน ซันหงายหลังลงไปกองบนพื้น มันตะกายกลับขึ้นมานั่งข้างเตียงใหม่เพื่อเฝ้าไข้ผม ได้ยินเสียงบ่นพึมพำ

   “เหมือนกูเห็นอนาคตตัวเองชอบกล”
   
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่8 Up17/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 17-02-2016 23:24:58
โป้นี่สุด ๆ ไปเลย
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่8 Up17/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: temaripik ที่ 17-02-2016 23:34:47
แม่คะ เขาได้กันแล้วค่ะ  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่8 Up17/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 17-02-2016 23:48:04
ซันดูแลโป้ดีๆล่ะ
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่8 Up17/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: alt1991 ที่ 18-02-2016 02:50:28
 :-[ :-[ :hao6: :hao6: :-[ :-[
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่8 Up17/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 18-02-2016 08:44:26
 :hao6:  ซันเสร็จโป้แล้วล่ะ ยินดีด้วยนะ
แมวเหมียวปอนด์มาเพื่อเสพความฟินชัดๆเลยงานนี้ ฮ่าๆ
 :L2:  รอดูอนาคตอันสดใสของซันนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่8 Up17/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: imfckwn ที่ 18-02-2016 09:14:03
กลัวเมียแบบไม่ต้องสืบ 5555555555555555555555555
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่8 Up17/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: fannaio ที่ 18-02-2016 16:26:10
อนาคตที่สดใสรอเราอยู่ค่ะซัน
ขอต้อนรับสู่สมาคมพ่อบ้านใจกล้า  :impress2:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่8 Up17/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 18-02-2016 19:04:47
 :laugh:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่8 Up17/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 18-02-2016 21:12:37
หูววว

เรื่องนี้มีคู่รองกี่คู่คะนี่

อยากรู้เรื่องมิทมากมาย
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่8 Up17/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 18-02-2016 21:45:32
สะบะระหึ้มกันแล้วจ้า :m25:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่8 Up17/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: powvera ที่ 18-02-2016 22:10:13
ลุ้นอยู่นานในที่สุดก็ได้ฟินแบบเสียเลือดเสียที  คึคึ

 :z1:        :haun4:     :haun4:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่8 Up17/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 18-02-2016 23:04:36
หูววว

เรื่องนี้มีคู่รองกี่คู่คะนี่

อยากรู้เรื่องมิทมากมาย

ตอบจ้า
5 คู่ครับ
เฟย์-ปอนด์
ซัน-โป้
xx-มิท
วา-เล่
ริว-xx
ปัจจุบัน แต่งควบสองคู่อยู่ครับ เฟย์ปอนด์มาก่อน ตามด้วยซันโป้

เฟย์ปอนด์ตามลิงค์นี้เลยครับ แต่งไปแล้ว24ตอน

V V V

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47430.msg3098238#msg3098238

ปล.ติดตามข่าวสารที่เพจก็ได้ครับ ความจริงคู่มิท แต่งขำๆ ไปแล้วสองตอน ต้องคุ้ยหาในเพจ ไม่ได้ทำสารบัญ เพราะยังไม่จับจริงจัง
https://www.facebook.com/SilverFsih/ << เพจครับ
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่8 Up17/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: PiSCis ที่ 19-02-2016 00:26:31
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

และแล้วโป้ก็ยั่วจนซันตบะแตก จัดการโป้จนได้  :z1: :hao6:  :hao7:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่8 Up17/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: Bk borz. ที่ 19-02-2016 12:16:49
รอนะรอทุกวันแต่ถ้าวันนี้ได้มาต่อจะดีมาก555555เรารอเธออยู่นะ5555ชอบโป้อ่ะน่ารัก
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่9 Up19/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 19-02-2016 16:30:24
ยกที่9 แฟน

   เสียงริงโทนดังขึ้น ผมเอื้อมมือปัดป่ายคว้าเอามือถือที่วางไว้บนพื้นข้างเตียงมาหยีตาดู เห็นเป็นชื่อเพื่อนในคณะเลยกดรับอย่างเสียมิได้ ให้ตายสิ ขนาดว่าหยุดนอนพักอยู่กับห้องไปหนึ่งวันเต็มยังรู้สึกขัดๆ ตามร่างกายอยู่เลย แต่นับว่าดีกว่าเมื่อวานมากโข ทั้งไข้และอาการอย่างว่า

   “มีไรวะแม็ค” ผมถามเสียงห้วน อยากนอนต่อชะมัด ถ้ามันโทรมาเพราะเรื่องไร้สาระ ผมจะเอาไม้ทีไปเฉาะหน้ามัน

   /เสียงมึงแปลกๆ ยังไม่ตื่นเหรอวะ/

   “เออ กูไม่สบาย วันนี้กูไม่ไปเรียน”

   /เฮ้ย! ไม่ได้ วันนี้จารย์พ่อ.../

   สหายไม่ทันพูดจบ เจอมือดีคว้ามือถือไปหน้าด้านๆ ผมหันไปมองไอ้ซันที่ยังหน้านิ่วคิ้วขมวด อมขี้ฟันเมาขี้ตาเพ่งมือถืออย่างกับว่ามันเป็นชู้ผม มันชันตัวนั่งเอนหลังกับหัวเตียง ผ้าห่มร่นลงเผยให้เห็นท่อนบนเปลือยเปล่า ใบหน้าหล่อเข้มหันมามองช้าๆ เอ่ยวาจาด้วยน้ำเสียงน่าสะพรึง

   “ใคร”

   เสียงทุ้มแหบพร่าเพราะเพิ่งตื่น ดูเซ็กซี่อย่างร้ายกาจและน่าสยดสยองเวลามันมาพร้อมกับสายตาคาดคั้น ถามว่าผมกลัวมั้ย?

   ไม่!

   “เพื่อนที่คณะ มึงนอนไปเหอะ เฝ้าไข้กูมาทั้งคืน”

   ผมบอกมันแล้วคว้ามือถือคืน เห็นแม็คยังไม่วางสายเลยแนบหูคุยต่อ อีกมือดันหัวไอ้ซันให้มันไถลตัวนอนตามเดิม มันยอมนอนด้วยวุ้ย หรือเมื่อกี้มันละเมอ?

   “ตายยังแม็ค”

   /ยังเว้ย! ตะกี้เสียงใครวะโคตรน่ากลัว พ่อมึงมานอนที่ห้องเหรอ/ พ่อแท้ๆ อ่ะอยู่เหนือ แต่ถ้าเป็นพ่อทูนหัวล่ะก็ใช่ ผมคิดตอบมันในใจ เรื่องผมกับซันคบกันเพิ่งตกลงปลงใจกันเมื่อคืน จะให้แหกปากป่าวประกาศก็กระไรอยู่ ถึงมันจะมองออกแต่แรกก็เถอะว่าผมเป็นเกย์

   “พ่อมึงสิ! ตกลงจารย์พ่อว่าไร”

   /กูไม่อยากได้แม่ตีนหนัก/ มันบ่นอุบอิบ /จารย์พ่อบอกว่าให้พรีเซนท์งานวันนี้เพราะอาทิตย์หน้าจารย์ไม่ว่าง ไม่มีรอบแก้ตัวด้วย มึงต้องมาเพื่ออนาคตอันสดใสของกู/

   ผมเหล่มองนาฬิกาบนหัวเตียง ตอนนี้สิบโมง คาบเรียนเริ่มบ่ายมีเวลาเหลือเฟือให้ผมนั่งปรับสภาพตัวเองก่อนลากสังขารไปมหา’ลัย

   “เดี๋ยวกูไป เจอกันที่ห้องเรียนเลย”

   กรรับคำแล้วโอดครวญอีกหลายประโยคกว่าจะยอมวางสาย ผมโยนโทรศัพท์ไปบนเตียงด้วยความเคยชิน ได้ยินเสียงอุ๊กตามมา หันไปมอง มือถือเจ้ากรรมแปะอยู่บนหน้าซันที่จ้องผมตาขวาง เวร ลืมไปไม่ได้นอนคนเดียว ผมหัวเราะหยิบมือถือไปวางโต๊ะข้างเตียงดีๆ ยกมือลูบหน้าให้ซันนอน มันปัดมือผมออก

   ตอนนี้ผมอยู่ห้องซัน เพราะมันบอกว่าดูแลง่ายกว่า ไว้ผมหายป่วยเมื่อไหร่ค่อยกลับห้องตัวเอง ถามว่าทำไมคบกันเป็นแฟนไม่นอนห้องเดียวกัน มันไม่จำเป็นหรอกครับ

   “มึงต้องไปมหา’ลัย?” มันเลิกคิ้วถาม ผมพยักหน้ารับนั่งอยู่ข้างเตียงในสภาพเสื้อตัวเดียวของไอ้ซัน หลับตามือนวดขมับดึงสติ ไข้หายแล้วแต่ยังไม่หายสนิท คงต้องกินยาอีกสักระยะ ส่วนร่างกาย... ลองขยับแขนไล่ความเมื่อย พอจะลุกขึ้นยืนต้องขมวดคิ้ว ยังเสียดอยู่นิดหน่อยขนาดพักไปหนึ่งวันเต็มแล้วนะเนี่ย

   ผลจากครั้งแรกที่ผมโดนเสียบ ปกติเป็นฝ่ายเสียบชาวบ้านเขา ซันมันเห็นอาการผม ยื่นมือหนามาช่วยนวดคลึงแถวสะโพก เข้าใจว่าไม่มีเจตนาแอบแฝง แต่มือร้อนสากกับสภาพล่อแหลมช่างเป็นอันตรายเสียจริง ผมจับมือมันออก

   “กูไม่เป็นไร มึงนอนต่อไปเหอะ”

   “อย่าทำเก่ง เดี๋ยวกูไปส่งมึงที่คณะ วันนี้กูมีเรียนบ่ายเหมือนกัน”

   มันพูดเสียงเข้ม ไม่รู้มีเรียนจริงป่าว แต่ช่างหัวมัน อาสาเป็นคนขับรถก็ดี ไม่อยากไปนั่งรถโดยสารให้สะเทือนก้น ผมแยกกลับห้องตัวเอง ถอดเสื้อเข้าห้องน้ำพลางมองตัวเองในกระจก

   สิ่งที่สะท้อนกลับมาคือภาพชายคนหนึ่งหน้าตายังไม่ตื่นดี ดวงตาสีดำกับเส้นผมยุ่งเล็กน้อยถึงปานกลาง ผิวขาวมีแต่รอยแต้มแดง ตรงอกกับไหล่มีรอยฟันที่ละรอย ขอบอกต่อทุกคนเลยว่าไอ้ซันมือโคตรหนัก รู้สึกขอบคุณชุดนศ.สุดร้อนก็วันนี้ แขนยาวขายาวปิดมิดดีนักแล

   หลังอาบน้ำออกมาช่วยไอ้ซันเตรียมมื้อเช้าควบเที่ยงมานั่งทานกันก่อนไปเรียน ทานหมดแทนที่จะเก็บโต๊ะมันยังมานั่งจ้องหน้าผมอยู่ได้ ผมเก็บจานซ้อนเขี่ยเศษอาหารเลื่อนไปตรงหน้ามัน

   “เก็บดิมึง”

   “มึงลืมไรป่ะ” ดวงตาคมยังคงจ้องนิ่ง ผมเลิกคิ้วหันไปมองเป้ที่มีแต่พวกอุปกรณ์เครื่องเขียนสารพัด สมุดเขียนแบบ สมุดสเก็ตภาพ สมุดไว้จดเวลาไอเดียเกิด ส่วนงานที่ต้องพรีเซนท์อยู่ที่ไอ้แม็ค ก็ไม่ลืมอะไรนี่หว่า ซันมันทำหน้าบึ้ง รวบจานเดินดุ่มๆ มายืนอยู่ด้านข้าง

   “เงยหน้าดิ้”

   ดูมันออกคำสั่ง

   “อะไรของมึง” ปากถามแต่ก็ยอมทำตาม ไม่เงยได้ไง ตัวสูงพอๆ กัน มันยืนผมนั่งเก้าอี้ ไม่เงยหน้าคงคุยกับอกมันแล้ว คนตรงหน้ายกยิ้มมุมปาก ก่อนก้มลงมาแนบริมฝีปากเร็วๆ

   จุ๊บ

   “นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป มึงต้องจูบกับกูตอนตื่นและก่อนนอน ไม่งั้นเจอดี!” ขู่เสร็จพี่ท่านสะบัดตัวเข้าห้องครัวไปล้างจาน

   “เดี๋ยวๆ กูไปตกลงกับมึงตอนไหนวะ” จำไม่เห็นได้ จะบอกว่าผมเป็นไข้จนเบลอ? ไม่มีทาง ถึงผมจะป่วยแต่ไม่หนักขนาดนั้น ผมจ้องไล่หลังไปยืนเท้าแขนตรงเคาน์เตอร์มองแผ่นหลังกว้างที่ใส่แค่เสื้อกล้าม เห็นตรงบ่ามันมีรอยเล็บ ก้มมองมือตัวเอง สงสัยผมคงได้ฤกษ์ตัดเล็บเร็วๆ นี้

   “ในฝันกู” มันตอบโดยไม่หันมามอง เจริญเถอะท่าน ในโลกนี้ไม่มีใครมัดมือชกได้เท่าซันอีกแล้ว เอาที่มันสบายใจแล้วกัน ผมส่ายหน้าหน่ายๆ


   รถ Toyota Camry สีบลอนด์เงินจอดเทียบหน้าคณะสถาปัตย์ หนุ่มหล่อรองเดือนคณะก้าวลงมาจากรถให้สายลมพัดผมทรงรากไทร แขนท้าวกับขอบประตูคุยกับคนในรถท่ามกลางสายตาคนแถวนั้น ก่อนที่จะถูกมือดีคว้าคอเสื้อเข้ารถ ยื้อกันไม่ถึงนาที คุณรองที่เคารพยกเท้ายันเข้าไปด้านในแบบไม่เกรงใจ ก่อนจะปิดประตูรถเสียงดัง ยกแขนเสื้อเช็ดปากแบบเซ็งๆ เข้าคณะ

   “เฮ้ย! เมื่อกี้อะไรวะ มีเรื่องเหรอ?”

   นายแม็คโผล่มาหาเพื่อนอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ว่าเป็นห่วงหรืออยากรู้อยากเห็นอยากเสือกเรื่องชาวบ้านกันแน่ ผมยกมือยันหน้ามันไปห่างๆ

   “ไม่มีอะไร แค่แสดงความรักกันเฉยๆ” ผมตอบหน้าตาย แม็คแทบหัวทิ่ม มันสะพายเป้เหมือนกัน ติดที่มือข้างหนึ่งถือฟิวเจอบอร์ดภาพสเก็ตงานออกแบบภายในร้านส้มตำตามโจทย์ที่กรมันจับฉลากได้ในคาบก่อนแล้วช่วยกันออกแบบ แบ่งหน้าที่กันทำ

   “แสดงความรักกันบ้านไหนวะ กระชากคอเสื้อมีถีบด้วย” ได้ยินเสียงพึมพำจากคนข้างตัว ผมทำหูทวนลมไม่สนใจ เดินนำมันขึ้นลิฟท์ไปห้องเรียน ผมไม่ใช่เด็กเรียนรีบเข้าห้องอะไรหรอกนะ พอดีตะกี้ไอ้ซันมันเล่นบ้าๆ หน้าคณะ ไม่รู้ใครเห็นมั่งต้องหลบก่อน ผมยิ่งมีคนรู้จักเยอะอยู่ ขี้เกียจมานั่งตอบคำถามคน

   “กูเห็นแวบๆ ว่าแฟนมึงเป็นผู้ชายใช่ไหมวะ”

   มันเปรยระหว่างทิ้งตัวนั่งข้างผม ตำแหน่งที่นั่งอยู่หลังสุดติดหน้าต่าง เหมาะแก่การแอบวาดรูปและหาอารมณ์สุนทรีย์จากต้นไทรติดหน้าต่าง... มองไปมองมาหลอนพิลึก สาบานเลยว่าถ้าตอนเย็นผมจะไม่เดินผ่านตรงจุดนี้เด็ดขาด

   “เออ” ผมตอบมันสั้นๆ ที่นี่ไม่สะดวก เพื่อนร่วมสายเริ่มทยอยกันเข้าห้อง แต่มีหรือไอ้กรจะสนใจในเมื่อไม่ใช่เรื่องของมัน พอจะอ้าปากพูดอีก ผมเลยคว้าเอาถุงขนมที่ไม่รู้ใครกินทิ้งใต้โต๊ะยัดใส่ปากมันซะ แม็คโวยลั่นคายทิ้งชี้หน้าเอาเรื่อง ปล่อยมันโวยไปดีกว่าถามอะไรบ้าๆ

   ประจวบเหมาะกับอาจารย์พ่อเดินเข้ามาพอดี มาถึงพ่อท่านไม่เช็คชื่อ เรียกให้ออกมาพรีเซนท์ ใครไม่มีงานถือว่าขาดเรียนและชวดคะแนนงานส่วนนี้ไป บางคนมาไม่ครบคู่ก็ถูกตัดสินเหมือนกัน โหดสมเป็นอาจารย์พ่อ

   การพรีเซนท์ผ่านไปได้อย่างราบรื่นเพราะไอ้แม็คมันแถเก่ง อาจารย์ถามอะไรมันตอบได้หมด บางอย่างไม่ได้ตกลงกันด้วยซ้ำมันยังพูดเป็นตุเป็นตะ เชื่อว่าอาจารย์พ่อรู้แหละ แต่มันดันแถแบบมีเหตุผลและไม่ขัดกับความเป็นจริงเลยรอดไป

   ช่วงที่รอคนอื่นพรีเซนท์จนกว่าจะหมดคาบ นั่งไปนั่งมารู้สึกร้อนดันเลือกมานั่งใต้แอร์ในห้องที่เครื่องประอากาศมันผีเข้าผีออก ลองยกมือจับหลังคอ ผมรากไทรงี้เปียกเพราะเหงื่อ ลำบากผมต้องขอยางมัดผมจากเพื่อนสาวเซอร์ในสาขามาจัดการมัดจุกน้อยที่ท้ายทอย

   พอเลิกคลาสผมแยกกับแม็คทันที ผมเป็นพวกเข้ากับคนง่าย ทำงานกับใคร อยู่กลุ่มไหนได้หมด จะให้อยู่โดดๆ คนเดียวก็ไม่มีปัญหา มีพักหลังนี่แหละที่ผมมักรวมกลุ่มกับพวกซันทุกครั้งที่มีโอกาส ไม่ได้มีอะไรแอบแฝงจริงๆ นะ

   ว่าแต่ ทำไมตลอดทางที่ผมเดินผ่านมีแต่คนมองแปลกๆ วะ ก้มดมรักแร้ตัวเอง ไม่เหม็นนี่หว่า เสื้อผ้าก็ซัก กางเกงไม่ใส่ซ้ำถ้าไม่จำเป็น ยกมือลูบหน้าไม่มีอะไรติด

   ขณะเดินกินลมชมวิว ล้วงกระเป๋ากางเกง ดึงชายเสื้อออก รูดไทเก็บใส่เป้ เพื่อไปยังโต๊ะประจำกลุ่มที่อยู่อาคารรวมพลางมองเวลาในมือถือ ซันมันยังไม่น่าจะเลิกเรียน คาบนี้ผมเรียนสามชั่วโมง ของซันมันสี่ชั่วโมง มิทผมไม่รู้ ลูกแมววันนี้ไม่ได้มาเพราะไม่มีเรียน

   ส่วนริว มันยืนหลบอยู่หลังต้นไม้นั่นไง ทำอะไรของมันลับๆ ล่อๆ ทีแรกว่าจะทักมันอยู่ แต่เห็นมันใจจดจ่อกับอะไรบางอย่าง ผมเลยนิ่งมองตามสายตามันไป เห็นพวกรุ่นพี่ปีสามสวมเสื้อช้อปสาขาเดียวกับริว วิศวะอุตสาหฯ อยู่รอรถอยู่อาคารฝั่งตรงข้าม รอยยิ้มผุดขึ้นมุมปาก มีเรื่องสนุกให้ทำฆ่าเวลาแล้ว

   “ริว ทำไรอยู่วะ” ผมตบบ่าเรียก ริวสะดุ้งหันขวับมามองตาโต

   “มึงมาตั้งแต่เมื่อไหร่!” ตกใจโอเวอร์มาก เจ้าสตอล์กเกอร์

   “เมื่อกี้ เห็นมึงเลยทัก ตกลงมึงทำอะไร”

   “ยืนรับลมเฉยๆ” เพื่อนริวตอบหน้าตาย อ่าฮะ เฉยมาก เกาะหลังต้นไม้จ้องเขม็งอย่างกับจะกินเขาไปทั้งตัว ใครเชื่อก็บ้าแล้ว!

   “ทำเลยืนรับลมมึงดีเนอะ มีถังขยะอยู่ข้างๆ กลิ่นกำลังได้ที่” พูดถึงก็โชยมาเลย จุดที่เราคุยอยู่ใต้ลมด้วยนะ ผมเลยขยับมาหน่อยให้ตัวเองยืนเหนือลม ไม่ไหวกับกลิ่นขยะ ผมไม่ได้จมูกบอดอย่างริว ครึ่งญี่ปุ่นที่เสือกตัวสูงอย่างกับเปรตยกมือเกาแก้มแก้เขิน

   “ริชอบรุ่นพี่เหรอวะ อุตสาหฯ ซะด้วย ได้ข่าวว่าโหด” เหล่ตามอง หนุ่มหน้ามนหันหนี

   “พี่เค้าเป็นลุงรหัสกู” มันตอบเสียงค่อย ผิดวิสัยริวที่มักจะไล่ต้อนคนอื่นคู่กับมิท

   “โอ้โห! เล่นถึงลุงรหัส” ผมหัวเราะตบบ่ามันป้าบๆ อย่างจงใจ ริวเลิกลั่กพยายามบอกให้ผมเงียบ สายไปแล้วเพื่อนเอ๋ย รุ่นพี่ทั้งหลายกำลังหันมามองทางพวกเรา หนึ่งในนั้นกำลังข้ามฟากมาหา ชัดเจนเลยว่าคนนี้แหละ เป้าหมายไอ้ริวมัน ร่างสูงโปร่งเตี้ยกว่าริวแต่ตัวหนากว่า ใบหน้าคมคายตามประสาคนไทย ตัดทรงชายทั่วไปดูจริงจังแฝงความโหดอยู่ลึกๆ ผมดำตาสีเดียวกันชวนมอง

   ริวรีบยกมือไหว้เผื่อแผ่ไปทางรุ่นพี่ที่อยู่อีกฟาก ผมยกมือไหว้ตาม ยังไงรุ่นน้องต้องเคารพรุ่นพี่แม้ว่าจะต่างสาขาก็ตาม ถามว่าผมไม่กลัวโดนยำตีนเหรอ แน่นอนว่าไม่ ส่วนใหญ่พวกรุ่นพี่ปีสามขึ้นไปไม่ค่อยมายุ่งเรื่องพวกนี้หรอก ต้องทำงาน เคลียร์อะไรหลายๆ อย่าง ที่สำคัญผมมีริวอยู่ มันคงไม่ปล่อยให้เพื่อนโดนรุมมั้ง

   “สวัสดีครับพี่ธัน” ริวทักด้วยรอยยิ้ม อย่างกับว่ามันมีหูหางงอกออกมา ส่ายเหมือนหมาเจอเจ้านาย ถือเป็นอีกมุมมองที่ผมไม่เคยเห็น

   “อืม มาทำไรแถวนี้ น้องถาปัตย์ใช่มั้ย ถ้ายังไม่อยากงานเข้าอย่าเฉียดใกล้คณะพี่ดีกว่า” คำเตือนด้วยความหวังดี ผมยิ้มรับ

   “เอ่อ... พี่ธัน นี่เพื่อนผมเองชื่อปีโป้ กลุ่มเดียวกันนั่นแหละ แฟนซันมัน คนนี้พี่ธันวาลุงรหัสกูเอง” ริวรีบแทรกเพราะกลัวจะเกิดปัญหา แถมบอกฐานะเสร็จสรรพ เห็นเจ้าตัวมองมาทางผมคล้ายจะขอโทษที่โมเมตำแหน่งแฟนให้ อย่าห่วงเลยเพื่อน มันคือความจริง กูไม่โทษมึงหรอก

   “ฮะ! แฟนเด็กผีอย่างไอ้ซันอ่ะนะ เฮ้ย น้อง! คิดถูกคิดผิดวะ ถ้าโดนมันบังคับบอกพี่ได้ เดี๋ยวพี่ช่วยเคลียร์ให้” พี่ธันผงะมองผมเหมือนไม่อยากเชื่อ ผมชักสงสัยแล้วสิ ซันมันก่อวีรกรรมอะไรในคณะมันบ้าง ขนาดรุ่นพี่ต่างสายยังแสดงอาการแบบนี้

   พี่ธันดูเหมือนจะดุ เอาเข้าจริงใจดีแฮะ มิน่าริวมันถึงชอบ ที่หายหัวบ่อยๆ มิทบอกว่าตามรุ่นพี่คือแบบนี้เองสินะ

   “ผมไม่ได้โดนบังคับ ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ” ผมตอบจากใจ พี่เขาอือออส่งๆ แล้วหันไปจ้องเขม็งใส่ริว

   “เสาร์นี้อย่าลืมไปติวบ้านกู ถ้าสอบแล้วมึงยังเกรดร่วงทั้งที่เสนอหน้าขอให้กูติวให้ กูจะฆ่ามึงหมกส้วม!”

   “โห พี่ธัน... อย่าโหดกับหลานรหัสนักสิ” ริวรีบถลาไปเกาะแขนรุ่นพี่ทั้งที่สภาพไม่ให้ ผมหรี่ตาจะได้ไม่เห็นเด็กโข่งทำตัวน่าถีบ จะเบนหน้าไปทางอื่นก็เกรงใจ

   “ไม่ต้องมาอ้อน ต่อให้แลบลิ้นส่ายหางทำหน้าโง่เหมือนเจ้าหมาที่บ้าน กูก็ไม่ใจอ่อนให้มึงหรอก” คุณรุ่นพี่สะบัดแขนทิ้งไร้เยื่อใย ริวแสร้งทำท่าเจ็บปวดหนักหนา ไม่ทันจะคุยอะไรกันต่อ เพื่อนพี่ธันตะโกนเรียกให้ขึ้นรถของมหา’ลัย เพราะหากช้าคงจะต้องรอจนขาแข็งอีก รุ่นพี่ในดวงใจริวเลยต้องเลิกกระชากมิตรกับหลานรหัสเพื่อกระโดดขึ้นรถไปกับพวกเพื่อน

   หมาใหญ่อย่างริวเลยได้แต่มองตามรถตาละห้อย ผมหัวเราะในคอ

   “วิ่งไล่เห่ามั้ย”

   “ไม่เอา ไม่ใช่คนในเครื่องแบบ โธ่ โป้... อย่าแซวสิ”

   อือหือ กล้าพูด ทีเรื่องคนอื่นนี่รับเป็นลูกคู่กับไอ้มิท แซวชาวบ้านเขาซะ ผมส่ายหัวเอือมเริ่มออกเดินไปโต๊ะประจำ ริวเดินมาด้วยเพราะมีปลายทางเดียวกัน แหงล่ะ รุ่นพี่ไปแล้วมันเลยต้องกลับมาตายรัง

   “เมื่อกี้โทษทีที่อ้างว่าเป็นแฟนซัน พอดีคณะเรามีกฎ แฟนใครแฟนมันห้ามยุ่ง ห้ามแตะต้อง และถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกันถ้าเป็นแฟนกับวิศวะ” ริวก้มหัวปลกๆ ผมโบกมือไม่ใส่ใจ ก็มันเรื่องจริง จะเดือดร้อนทำไม

   “ไม่เป็นไร เข้าใจว่าช่วยไม่ให้โดนเขม่น” ผมตอบตามที่คิด จู่ๆ ริวมันหยุดเดินดื้อๆ แล้วยังถอยหลังมองด้านหลังผมอีก พอผมหันไปเห็นมันทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก

   “มีไรวะ”

   “โป้ กูว่ามึงแกะผมดีกว่า” มันมองซ้ายมองขวา อย่างกับกลัวเจ้าหนี้มาทวงเงิน

   “อะไรมึง จะแซวว่ากูมัดแล้วเหมือนผู้หญิงรึไง” ออกจะติส มีแต่สาวชมว่าหล่อ เพื่อนในคณะหลายคนยังอิจฉา ทรงนี้ถ้าไม่หน้าตาดีจริงทำไม่ได้นะเนี่ยบอกเลย

   “เอาออกเถอะเชื่อกู” เห็นมันทำสีหน้าจริงจังซะเหลือเกิน ผมจำยอมแกะออก ยี่ให้มันเข้าทรงนิดหน่อย สีหน้าริวถึงดูดีขึ้น

   “ถามหน่อย มึงมัดผมตั้งแต่เมื่อไหร่”

   “ตอนเรียน” ผมตอบ มันทำหน้าแปลกๆ อีกแล้ว “อะไรของมึงเนี่ย กูมัดผมแปลกตรงไหน ปกติก็มัดออกบ่อย” ใช่ว่ามันไม่เคยเห็น ยังขอยางจากผมไปมัดจุกหางหมาให้มิทมันอยู่เลย

   “ไม่แปลกหรอก แต่หลังคอมึงอ่ะ”

   “หลังคอกู?” ผมลองยกมือลูบดู ไม่มีอะไรติด สุดท้ายเลยหยิบมือถือส่งให้มัน

   “ถ่ายให้กูดูหน่อยว่ามันเป็นอะไรกันแน่”

   ริวท่าทางลังเล มองรอบตัวพอเห็นว่าไม่ค่อยมีคนค่อยเดินมายืนด้านหลัง ผมแหวกผมออกให้มันถ่ายหลังคอผมให้ เริ่มรู้สึกตงิดแล้วล่ะว่ามันคืออะไร จังหวะที่ริวขยับเข้ามาถ่ายได้ยินเสียงกดไปสองแชะ มีร่างหนึ่งจ้ำพรวดเข้ามาแทรกระหว่างพวกเราจนปลิวไปคนละทิศ ดีที่ริวมันมือเหนียวจับมือถืออยู่ ไม่งั้นมีร่วงจอแตกกันบ้างแหละ

   ผมหันมามองคนก่อเหตุ ร่างคุ้นตายืนยิ้มมองผมสลับกับริว

   “จุ๊ๆ ไม่ดีนะทั้งสองคน โป้ซันมันจองแล้ว มึงไม่ควรเข้ามาเป็นมือที่สามนะริว” ไอ้มิทที่ไม่รู้มันโผล่หัวมาจากหลุมอากาศไหน ทำหน้าระรื่นกอดคอผมกับริว

   “กูยังไม่คิดสั้นขนาดนั้นเว้ย ยังไม่อยากตายคาตีนมัน” ริวบ่นอุบ ผมกับมิทหัวเราะกับท่าทางโอเวอร์อย่างกับซันมันเป็นฆาตกรโรคจิต

   สรุป ผมก็ยังไม่ได้ดูว่าตกลงหลังคอตัวเองมีอะไร มิทมันเล่นชวนคุยป่วนตลอดจนถึงโต๊ะ อาศัยช่วงมันสองคนแวะไปซื้อน้ำกิน ผมหยิบมือถือขึ้นมากดดูภาพถ่ายล่าสุด ภาพที่เห็นทำให้ผมรู้สึกเหมือนมีเงาดำบดบังไปครึ่งหน้า กดโทรศัพท์โทรหาไอ้ตัวต้นเหตุ รอไม่นานก็มีคนรับ

   /โทรมามี.../ มันยังไม่ทันพูดจบประโยค ผมแทรกมันซะก่อน

   “มึงอยู่ไหน” บอกได้เลยว่าเสียงตัวเองตอนนี้เอาเรื่องมาก ริวกับมิทกลับมาได้ยินพอดียังผงะ พากันไปนั่งเบียดกันที่เก้าอี้ไกลจากผมที่สุด

   /อยู่ห้อง เพิ่งเลิกเรียน/

   “กูกับมึงมีเรื่องต้องเคลียร์กัน ขับรถมาที่อาคารรวม”

   /หา??/ ปลายสายร้องแบบงงๆ ผมกดตัดสายแบบไม่รอให้มันพูดอะไรอีก แล้วนั่งรออย่างสงบ ริวกับมิทไม่มีใครกล้าพูดอะไรสักคำ จนกระทั่งรถคันเดียวกับที่มาส่งผมขับมาจอดอยู่ลานจอดรถอาคารรวม ผมโบกมือลาสองสหายเดินดุ่มๆ ไปที่รถ ลากไอ้ซันที่กำลังจะเดินมาหาผม ยัดเข้าไปในรถแล้วปิดประตูตามเข้าไปนั่งกันอยู่เบาะหลัง มีพื้นที่ให้ออกแรง

   ซันมันเอียงคอน้อยๆ ราวกับจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น? ขอโทษที ถ้าเป็นเจ้าปอนด์ทำมันก็คงน่ารักดีอยู่ แต่นี่นอกจากไม่น่ารักแล้วยังน่าถีบให้กลิ้งอีกต่างหาก เสียสายตาชิบเป๋ง!!

   “รอยที่คอกูนี่มันอะไรฮะ!” ผมกระชากคอเสื้อมันเขย่าๆ เพราะอยู่ในรถกันสองคน แถมกระจกฟิลม์มองไม่เห็นด้านใน ผมเลยไม่ต้องเก็บอาการของตัวเองอีก รับรู้เลยว่าความร้อนกำลังไปรวมอยู่ที่หน้า ในเมื่อรอยที่หลังคอมันคือรอยคิสมาร์ค! ที่สำคัญผมยังเดินร่อนไปร่อนมาค่อนมหา’ลัย มิน่าคนถึงมองกันเต็มไปหมด ยังดีนะที่ผมยาวพอปิดได้บ้าง

   “หือ ไหนวะ?”

   ซันร้องในคออย่างสงสัย แล้วเอี้ยวตัวมาเปิดผมยาวที่ปิดหลังคอออกดู เพราะเมื่อเช้าเจ้าตัวไม่ทันได้ดูเหมือนกัน มัวแต่จูบแล้วรับเท้าก่อนเข้าเรียนก่อนแยกย้ายคณะใครคณะมัน เลยไม่รู้เรื่องสักนิด

   พอเห็นรอยแดงเด่นชัดบนผิวขาว ถึงกับร้องลั่น

   “เฮ้ย! อันนี้กูไม่รู้จริงๆ ตอนตื่นกูไม่เห็นด้วย ขอโทษๆ” ยิ้มแห้งให้อีกฝ่ายที่หักมือเตรียมซ้อมเต็มกำลัง

   “มึงไม่รู้เรื่องแล้วหมาที่ไหนทำวะ มีแค่มึงตัวเดียวนี้แหละ” ว่าแล้วก็ขอซัดสักที ข้อหาแอบทำรอยโดยไม่บอกจนชาวบ้านเค้าเห็นกันทั่ว หมัดหนักซัดเข้ามุมปากเบาะๆ หนึ่งที ซันไม่ขัดขืนหรือว่าตั้งตัวไม่ทันก็ไม่อาจทราบได้ แต่ที่แน่ๆ ซันได้แผลตรงมุมปากไปหนึ่งรอย อยากแถมอีกสักหมัด ถ้ามันไม่คว้าข้อมือผมก่อน

   “พอแล้วโป้ มึงจะต่อยให้กูฟันร่วงรึไงวะ สัตว์ เจ็บ มือหนักตีนหนักชิบ!”

   “ไง เจอความโหดกู เปลี่ยนใจเลิกเป็นแฟนกับกูมะ” ผมถามมันเล่นๆ แต่ถ้ามันตกลงจริงนี่เป็นผมนะที่จะพูดไม่ออก พอเห็นสีหน้าซัน โอเค ไม่ต้องห่วง เล่นจ้องเขม็งแบบจะกินเลือดกินเนื้อ

   “ไม่เลิกเว้ย! ต่อให้มึงซ้อมกู กูค่อยเอาคืนมึงบนเตียงก็ได้” พูดพลางยักคิ้วหลิ่วตา ยิ้มกรุ่มกริ่ม ขอซัดมันอีกสักทีได้มั้ย ผมใช้นิ้วจิ้มตรงมุมปากด้วยความหมั่นไส้ ตอนเป็นเพื่อนยังมีความเกรงใจกันอยู่บ้าน พอเป็นคู่ผัวตัวเมียสิ่งเหล่านั้นลอยหายไปในอากาศ ผมแสดงความโหดได้เต็มที่ตามความกวนบาทาของไอ้ซัน

   หลังคุยกันเสร็จ ซันมันปีนไปนั่งตำแหน่งคนขับ ผมปีนตามไปนั่งด้านข้าง ไหนๆ เราก็อยู่บนรถกันทั้งคู่ ผมเป็นคนโทรไปบอกริวกับมิทว่าขอกลับก่อน จะได้แวะตลาดเพื่อซื้อวัตถุดิบมาทำมื้อเย็น

   ผมคิดเมนูเอาไว้แล้ว เย็นนี้จะทำอะไรให้ซันมันกิน หึหึ

   ที่ตลาดผมมีหน้าที่ซื้อ ซันมีหน้าที่เป็นคนถือเดินตามต้อยๆ พอกลับบ้านโยนของทิ้งไว้บนโต๊ะเข้าครัวเริ่มทำอาหาร กับข้าววางเรียงบนโต๊ะพร้อมใบหน้าเหมือนตกนรกทั้งเป็นของซัน

   “มึงแม่งโหดร้าย… ดูกับข้าวที่มึงทำแต่ละอย่างดิ๊”

   “โหดร้ายตรงไหนวะ ก็แค่ต้มยำปลาช่อน ยำรวมมิตรกับหมูสามชั้นผัดพริกแกง” ผมแสยะยิ้มอย่างสะใจ มันปากแตกแบบนั้นเจอบรรดาอาหารรสจัดตายห่าแน่มึง แล้วมันดันชอบกินพวกอาหารรสจัดฝีมือผมซะด้วย

   “ซี๊ดด แสบโว้ยย!!” คนตรงหน้ากินไปร้องไปด้วยความแสบปาก กับข้าวแต่ละอย่างล่อมาซะแบบเผ็ดจี๊ดจัดเต็มพิกัดอีกต่างหาก งานนี้เลยกินไปสูดปากไป เมียใครวะโหดชิบ

   ขอหัวเราะเยาะมันสักหน่อย ก่อนตักข้าวกินบ้าง อืม รอบนี้ทำออกมาได้ไม่เลว เผ็ดถึงใจกำลังอร่อย ถ้าเป็นซันปกติคงซัดเรียบหมดทุกจานแน่ แต่คงไม่ใช่ซันตอนนี้ ดูๆ ไปก็น่าสงสารนะ เข้าใจความทรมานแบบ ปากอยากกินแต่กินแล้วแสบถึงทรวง ผมถอนหายใจ รวบช้อนทั้งที่ยังทานไม่หมดแล้วลุกขึ้น

   “ไปไหน”

   ลุกปุ๊บถามทันที อย่างกับเด็กน้อยกลัวแม่หาย

   “มึงแดกไปเหอะ”

   ผมตอบแล้วเข้าครัวตอกไข่ ซอยหอมแดงใส่เจียวแล้วเทลงกระทะ พอมันฟูกำลังดีค่อยตักใส่จานมาวางตรงหน้ามัน ไข่เจียวสีเหลืองหอมน่าทาน ซันมันมองหน้าผมตาปริบๆ ยอมรับว่ามันทำแบบนี้ก็น่ารักดี

   “เห็นแล้วอนาถลูกตา กินไข่เจียวไป จะได้ลดเผ็ดลงบ้าง”

   “โป้...” ชายถึกมองผมด้วยสายตาซาบซึ้ง ผมเค้นเสียงในคอ หน้าหล่อยิ้มจนตาหยี

   “ขอบคุณ กูนี่โชคดีจังได้มึงเป็นเมีย ทำอาหารก็เก่ง สู้คนก็เป็น เอาใจใส่ช่างดูแลด้วย”

   “เออๆ กูไม่บ้ายอหรอก แดกไป ของหวานเป็นเยลลี่นะ”

   “ไอ้เชี่ยโป้! กูเกลียดเยลลี่!!”

   หลุดขำพรืด เพิ่งจะชมผมอยู่แหม่บๆ ด่าใส่ซะละ ผมนั่งมองมันเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความเคือง ในใจรู้สึกดีอย่างประหลาด อยู่แบบนี้ก็ไม่เลว ไม่จำเป็นต้องหวานแหววเหมือนคู่รักคู่ไหน แค่อยู่ด้วยกันแล้วมีความสุขสบายใจก็พอ แต่ผมยังไม่ลืมหรอกนะ สถานะพวกเรามันยังก่ำกึ่งกันระหว่างเพื่อนกับแฟน

   ต้องรอดูต่อไปในอนาคต ว่าจุดสิ้นสุดของเส้นทางนี้พวกเราจะเป็นสถานะไหนกันแน่ คงต้องรอเวลาแลเตรียมใจเอาไว้ ไม่ว่าจะจบแบบไหน ผมก็อยากให้อยู่ข้างกันเหมือนเดิม...
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่9 Up19/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: imfckwn ที่ 19-02-2016 16:48:14
แลดูโหดทั้งคู่ 55555
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่9 Up19/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 19-02-2016 17:43:04
ผัวเมียคู่นี้โหดมันฮาจริงๆ
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่9 Up19/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 19-02-2016 17:51:12
 :hao6:   หลังจากเอาคืนกันไปมาบนโต๊ะทานข้าวจากนั้นก็ได้เวลาที่ซันจะได้เอาคืนบนเตียงบ้างสินะ
ดุเดือดร้อนแรงมากๆคู่นี้
พี่เฟย์อย่ายอมฮ่าๆๆๆ. ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่9 Up19/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: peaceminus1 ที่ 19-02-2016 18:50:11
ชอบเรื่องนี้มากกก
ถึงกับสมัครสมาชิกมาคอมเม้นท์ให้กำลังใจนักเขียนคิดดูละกัน อิอิ สู้ๆนะคะ อยากอ่านเรื่องนี้จนจบ
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่9 Up19/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 19-02-2016 18:54:19
ชอบเรื่องนี้มากกก
ถึงกับสมัครสมาชิกมาคอมเม้นท์ให้กำลังใจนักเขียนคิดดูละกัน อิอิ สู้ๆนะคะ อยากอ่านเรื่องนี้จนจบ

ดีใจมาก  :sad4: ขอบคุณที่ติดตามและคอมเม้นเป็นกำลังใจครับ คอมเม้นนี่นับเป็นแรงขับเคลื่อนเลย  :katai4:

ขอบคุณทุกคนที่คอมเม้นด้วยครับ นักอ่านเงาก็ขอบคุณที่ชอบผลงานผมนะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่9 Up19/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 19-02-2016 18:55:06
 :pig4:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่9 Up19/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 19-02-2016 19:17:14
น่ารักกกกก
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่8 Up17/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 19-02-2016 20:40:38
สงสัยโป้จะต้องคุมซันแน่ๆ
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่9 Up19/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 19-02-2016 20:48:15
ตามมาจากพี่เฟย์น้องปอนด์. ดีใจจังที่มีคู่มิทกับริวด้วย. รออ่านต่อนะคะ.
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่9 Up19/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: Bk borz. ที่ 20-02-2016 19:38:05
รอตอนต่อไปน่าาาาารอทุกตอนแหละแต่อย่าหายน่ะใจคอเราไม่ดีเลยชอบโป้อีกล้าวววว55555
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่10 Up22/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 22-02-2016 15:25:54
ยกที่10 วันพิเศษ
 
   วันที่ไม่มีเรียน คือวันแห่งการทำความสะอาดห้อง แม้จะน่าเสียดายที่วันนี้เป็นวันพิเศษอย่างวันวาเลนไทน์ แต่ผมไม่นึกขยันเข้ามหา’ลัยเพื่อรับดอกไม้หรือของขวัญสานรักจากใคร ในเมื่อมีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้ว เงียบไว้อย่าไปบอกซันนะ ถ้าซันมันยังไม่คบกับผม ทั้งวันคงไม่เห็นหัว ผมจะมุ่งหน้าเช็คเรตติ้งรับดอกไม้ ช็อกโกแลตให้หนำใจ
 
   พอมีเจ้าของ สิ่งที่ทำได้คือเปลี่ยนตัวเองเป็นนางแจ๋วอาวุธคือไม้กวาดไม้ถูพื้น ซักผ้าอีกเป็นตะกร้า เอาให้เครื่องซักผ้าประท้วงไปข้าง ยังดีระเบียงกว้างพอสมควร ตากได้ตั้งแต่กางเกงในยันชุดนักศึกษา บางส่วนซักแล้วยังไม่รีดก็เอามารีดแขวนใส่ตู้ให้เรียบร้อย ใครก็ได้เอารางวัลพ่อบ้านดีเด่นมาให้ผมที
 
   กว่าจะทำทุกอย่างเสร็จใช้เวลาเกือบทั้งวัน ตื่นมาทำตั้งแต่ช่วงสาย เงยหน้ามองอีกทีบอกเวลาสี่โมงกว่า ระหว่างที่ผมกำลังนอนแผ่บนโซฟา เปิดพุงตากพัดลม เสียงเคาะประตูดังขึ้นเป็นจังหวะสามช่า อยากตะโกนกลับไปเหลือเกิน พวกเอ็งเคาะเคาะขนาดนี้ เปิดหมอลำเลยมั้ย!

   ด้วยความที่กลัวประตูจะพัง ผมจำต้องลุกไปเปิดดูว่าใครบังอาจมารบกวนเวลาพักผ่อน ปรากฎว่าเป็นคนคุ้นเคยทั้งนั้น
 
   หนุ่มญี่ปุ่นใบหน้าหล่อยิ้มทะเล้นควงคู่มากับลูกครึ่งรัสเซียที่ควรจะสูงดันเตี้ยกว่าไอ้คนแรก ยืนจิ้มโทรศัพท์ยักคิ้วให้ ก้มลงมองสักนิดจะเป็นครึ่งจีนคนสุดท้าย เพื่อนตัวเล็กหน้าโกงอายุยืนยิ้มแฉ่งปานดอกทานตะวัน
 
   มาคิดดูดีๆ กลุ่มผมมีแต่พวกลูกครึ่ง เว้นแต่ซัน ผมกับวา เราสามหน่อคงเป็นครึ่งผีครึ่งคน ไม่ก็ครึ่งบกครึ่งน้ำ...
 
   “โป้! แต่งตัวอะไรเนี่ย”
 
   เพื่อนตัวเล็กขำก๊าก มือกุมท้องนิ้วชี้สภาพพ่อบ้านจำเป็นเพิ่งเสร็จจากสนามรบความสกปรก มือถือในมือท่านได้ใช้ประโยชน์ เสียงดังแชะไอ้มิทเก็บภาพผมเป็นที่ระทึกเรียบร้อย
 
   แปลกตรงไหนกัน แค่ผมมัดจุกน้ำพุบนหัว กับเสื้อมัดปานสาวเที่ยวเลโชว์สะดื้อ ขากางเกงที่พับขึ้นเป็นขาสั้น ออกจะธรรมดาสามัญ ลมพัดเย็นดีจะตาย
 
   “พวกมึงแห่มาห้องกูทำไมกัน คงไม่ใช่นึกอยากจัดปาร์ตี้ชายโฉดรับวาเลนไทน์หรอกนะ”
 
   ผมมองกล่องที่คาดว่าจะเป็นขนมฝีมือเฮียเฟย์ในมือปอนด์ พลางขยับถอยให้พวกมันเข้ามาในห้อง สูดกลิ่นน้ำยาถูพื้นให้ฉ่ำปอด
 
   “ถามจริงมึงไม่รู้เหรอว่าวันนี้วันอะไร”
 
   “วันตายเซนต์วาเลนไทน์ไง” นี่สาระเลยนะเนี่ย ไม่เชื่อคุณๆ ลองไปหาประวัติวันวาเลนไทน์ดู แต่ดูจะสาระไม่พอสำหรับริว มันกลอกตาใส่ผม
 
   “เออ วันตายเซนต์วาเลนไทน์และเป็นวันเกิดไอ้ซันด้วยโว้ย!”
 
   นายริวดูทนไม่ไหวกับสีหน้าอึนจังแกของผม ดวงตาเริ่มเบิกกว้าง อ้าปากพะงาบๆ แบบไม่อยากเชื่อ ให้ตายเถอะซาร่า! ไอ้เถื่อนตัวดำเกิดวันวาเลนไทน์!! งานหยาบแล้วมั้ยล่ะ เป็นแฟนกันซะเปล่าไม่รู้วันเกิดแฟนตัวเอง นี่ผมชิวจนปล่อยปละละเลยสามีมากไปใช่มั้ยเนี่ย
 
   “เวรล่ะ ยังไม่ได้เตรียมอะไรเลย ของขวัญก็ไม่มี” ผมเดินไปเดินมาเหมือนหนูติดจั่น ก่อนตัดสินใจมองเพื่อนเรียงตัว นอกจากริวยืนคุยกับผม มิทกับปอนด์นั่งอืดบนโซฟาเหมาพัดลมของผมไปแล้ว
 
   “พวกมึงมาเพื่อฉลองวันเกิดซันใช่มะ เอางี้ มิทกับริวพวกมึงไปซื้อน้ำแข็งกับน้องแอลมา ปอนด์มากับฉัน ซื้อของสดมาทำอาหารกัน” จะได้แวะซื้อของขวัญด้วย ผมเสริมในใจเงียบๆ “พวกมึงอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม” ถามตามประสาพ่อครัวที่ดี
 
   ริวบอกอยากกินปลาดิบ บ้านบิดามันสิ ผมเลยสั่งให้มันไปหาซื้อมาเองถ้าอยากกิน ส่วนมิทโบกมือมีอะไรกินหมด เลี้ยงง่ายแบบนี้ค่อยน่าคบ ทางลูกแมวรีเควสยำวุ้นเส้น ผมพยักหน้ารับลิสต์รายการอาหารในหัว จัดแจงสภาพตัวเองให้ดูเป็นผู้เป็นคนแล้วแยกกันไปซื้อของตามหน้าที่
 
   ผมพาปอนด์มาตลาดสดใกล้คอนโด ระหว่างหยิบจับเลือกซื้อของพลางนึกไปด้วยว่าจะซื้ออะไรให้ซันดี จะทำช็อกโกแลตให้ก็ไม่ทัน ซื้อเอามันหวานไปซันไม่แดก เหลือบตุ๊กตาหมีสีชมพูกอดหัวใจ... พอนึกถึงหนังหน้ามันตอนอุ้มรู้สึกเสียสายตา
 
   “เป็นไรอะโป้ เห็นจ้องตุ๊กตาเขม็ง ถ้าแค้นใครล่ะก็แนะนำตุ๊กตาวูดูดีกว่า ที่เอาเชือกมาพันๆ กันเป็นตัวเหมือนคน ทีนี้ก็เอาเส้นผมของอริใส่เข้าไป ใช้ตะปูไม่ก็เข็มจิ้ม ถ้าให้ขลังๆ ต้องตอกตอนกลางคืนนะ!”
 
   ปอนด์ส่งเสียงทัก ผมแทบหน้าทิ่มกับคำแนะนำของปอนด์ หันมองคนข้างตัวแบบไม่เชื่อสายตา หนุ่มน้อยน่ารักใสซื่อที่สุดในกลุ่ม มีความคิดดำมืดถึงขนาดนี้เชียวหรือ ที่ผ่านมาผมนึกกลัวว่าปอนด์จะถูกเฮียเฟย์รังแกแบบเนียนๆ คราวนี้ผมชักเป็นห่วงหมาป่าสวมหน้ากากพี่ชายแสนดี ไม่รู้จะโดนเพื่อนตัวเล็กเอาคืนวันไหน
 
   “ไม่ใช่ แค่กำลังหาของขวัญให้ซันน่ะ ไม่รู้จะให้อะไรมันดี จวนตัวขนาดนี้” ผมถอนหายใจ ปอนด์ส่งเสียงอ่อ พยักหน้ารับหงึกหงัก
 
   “ไม่ต้องคิดมากหรอก เชื่อเถอะ ต่อให้ไม่มีของขวัญ ซันมันก็ไม่คิดมาก แค่คำอวยพรอย่างจริงใจก็เหลือเฟือ ถ้ากลัวไม่ชัวร์ลองเอาตัวเองผูกโบว์ดูสิ!”
 
   “วิธีนั้นขอเก็บไว้เป็นตัวเลือกสุดท้ายแล้วกัน” หนุ่มเหนือตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ภาพความใสซื่อของเพื่อนตัวเล็กเริ่มมลายหายไปทีละน้อย ทีละน้อย... เมื่อกี้ตุ๊กตาสาปแช่ง รอบนี้ออกแนว 18+ ให้ตายเถอะ ผมควรจะเตือนเฮียเฟย์ให้กำหนดขอบเขตการอ่านหนังสือ ท่องเน็ตของปอนด์รึเปล่า หรือนี่คือสิ่งที่เรียกว่าหนุ่มวาย ช่างมีพลังมหาศาลยิ่งนัก
 
   “ฮ่าๆ พูดเล่นน่า โป้อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ” ปอนด์หัวเราะเสียงใสกลบเกลื่อนสิ่งที่แอบเผยออกมา อยากบอกว่ามันไม่ทันแล้ว!
 
   “เอาเถอะ รีบซื้อของให้เสร็จดีกว่า จะได้กลับไปทำมื้อเย็น เดี๋ยวจะไม่ทันตอนซันกลับมา”
 
   สองเท้าก้าวฉับๆ โดยมีปอนด์เดิมตามหลัง จังหวะกำลังไปซื้อกุ้งหมึกมาทำยำ เดินผ่านร้านขายดอกไม้สด ยกมือลูบคาง ผมว่าผมพอจะนึกออกแล้วว่าจะให้อะไรซัน
 
   ทางฝั่งสองสหาย ระเห็จตัวเองมาเดินห้างเพื่อซื้อปลาดิบโดยเฉพาะ แถมขนมขบเคี้ยวเต็มตะกร้า
 
   “เดี๋ยวมิท ต้องซื้อเทียนวันเกิดด้วย”
 
   คนถูกเรียกชื่อชะงักเท้า หมุนตัวเลี้ยวไปทางช่องหนึ่ง เรียกสายตาแปลกใจจากริว
 
   “มึงเดินมาแผนกสังฆทานทำไมวะ”
 
   “ซื้อเทียนไง กูว่าเทียนพรรษาก็ไม่เลว มึงช่วยกูดูดิ้มีรึเปล่า” คนพูดหน้าระรื่น ริวหัวเราะพรืด
 
   “มึงก็ว่าไปนั่น... อย่าลืมเอาให้ครบจำนวนอายุมันนะเว้ย!”
 
   พูดจบพากันขำก๊ากกลางห้าง เนื่องจากไม่มีเทียนพรรษา ริวเลยฉวยเอาเทียนที่หมายตาแล้วเดินไปจ่ายตัง ดีที่ริวขับรถมา พวกเขาเลยไม่ต้องลำบากนั่งรถโดยสารหอบหิ้วขวดเหล้ากับแกล้มกลับห้อง พอจอดใต้ตึก แวะเซเว่นซื้อน้ำแข็งเป็นอันครบ
 
   สองหนุ่มขึ้นมาเคาะประตู เป็นปอนด์ที่เปิดให้เพราะโป้กำลังง่วนอยู่ในครัว มิทเป็นคนขนของที่ซื้อมาไปเก็บในตู้เย็น ส่วนริวเดินหายไปช่วยงานในครัวอีกแรง เวลาเกือบหกโมงของกินทุกอย่างถูกเตรียมไว้เรียบร้อย
 
   ด้วยความที่ซันเป็นพวกไม่ชอบของหวาน เฮียเฟย์เลยเลือกทำเค้กใบเตยสูตรพิเศษมาให้ หอมหวานน้อยกำลังดี สองคนซื้อเทียนรับหน้าที่ปักตามอายุโดยเกินมาหนึ่งแท่งตามธรรมเนียม ผมถือโทรศัพท์มอง มีลูกแมวหัวเราะคิกคักอยู่ใกล้ๆ
 
   “พวกมึงแน่ใจนะที่ใช้เทียนนี้”
 
   มันคือเทียนไขสีเหลืองส้มดีๆ นี่เอง ผมเห็นถุงห้าง คิดว่าในห้างต้องมีเทียนวันเกิดแน่ ไอ้สองตัวนี้จงใจกวนชัดๆ
 
   “มั่นใจสิ ปักเสร็จแล้วเป็นรูปหัวใจด้วยเห็นมั้ย” ริวพูดอย่างภาคภูมิใจ ผมส่ายหัวขำๆ โทรหาซันเพื่อถามว่ามันมาถึงไหนแล้ว กดรอสายไม่นานก็มีคนรับ
 
   /จะฝากกูซื้ออะไร/
 
   แทนที่จะเป็นคำทักทาย ดันเป็นประโยคคำถามแบบนี้ซะได้ รู้ตัวไหม นับวันมึงยิ่งทำตัวเหมือนพ่อบ้านใจกล้าเข้าไปทุกที
 
   “ไม่ฝาก มึงอยู่ไหนแล้ว” ถามไปเปิดลำโพงให้ได้ยินโดยทั่วกัน
 
   /ใต้คอนโดกำลังขึ้นไป ถ้าไม่ฝากงั้นแค่นี้นะ กูจะเข้าลิฟท์/
 
   “อืมๆ”
 
   ผมรับคำเสร็จมันกดวางสาย ก่อนเป็นแฟนซันมันชอบตัดสายชาวบ้านรวมถึงผมด้วย พอเป็นแฟนกันแล้วต้องรอให้ผมพูดจบก่อน มั่นใจว่าไม่มีอะไรพูดต่อมันถึงจะวาง ช่างเป็นผู้ชายที่ละเอียดอ่อนดีจริงๆ
 
   พวกเราย้ายตัวเองไปยืนรุมตรงหน้าประตู ในมือแต่ละคนถือที่ดึงสายรุ้งทรงกรวยไว้คนละอัน ผมรับหน้าที่เป็นคนเปิดประตูให้ซัน พอมันเสนอหน้าเข้ามาให้ห้อง เสียงดังปังติดต่อกันสามเสียง
 
   “สุขสันต์วันเกิดซัน!!”
 
   “ขอให้มึงหน้าแก่กว่ากูยิ่งๆ ขึ้นไป” คำอวยพรจากริว
 
   “มีความสุขมากๆ รักเมียหลงเมียนะเพื่อน” มิทตบบ่า
 
   “ขอให้ซันกับโป้รักกันไปนานๆ” ลูกแมวดูอวยพรดีที่สุด แม้จะมีอะไรแอบแฝงในน้ำเสียงก็ตาม
 
   “ฮะ!?”
 
   คนถูกเซอร์ไพรซ์ยืนหน้าเอ๋ออยู่ประตูห้องตัวเอง สายรุ้งหลากสีเต็มหน้าเต็มหัวซันที่เพิ่งกลับมาจากเรียน ผมที่อยู่ใกล้มันพลอยโดนไปด้วย พอมันได้สติถึงยิ้มกว้าง
 
   “ขอบใจว่ะ กูลืมไปแล้วนะเนี่ยว่าวันนี้วันเกิดตัวเอง เห็นคนเอาของมาให้เพียบ เข้าใจว่าเพราะวันวาเลนไทน์ซะอีก” มันเอื้อมมือมาปัดสายรุ้งให้ผม ก่อนจะปัดของตัวเอง
 
   “กูว่าทั้งสองเหตุผลล่ะว้า” มิทหัวเราะเดินนำเจ้าภาพไปนั่งที่โต๊ะเป็นคนแรก ตามด้วยคนอื่นๆ ผมช่วยซันถือถุงบรรจุไปด้วยดอกไม้ ช็อกโกแลตและตุ๊กตา มีพวกกล่องของขวัญเล็กๆ อีก กระเป๋าเป้มันตุงมาเชียว เข้าใจว่ามันหล่อหน้าตาดีเป็นที่นิยม ผมไม่หึงนะ รับของฟรีมาเยอะๆ สิดี ของสามีคือของเรา ของเราก็คือของเรา หึหึ
 
   “กูกับริวทำของกินไว้เพียบ มีเค้กฝีมือเฮียเฟย์ด้วยไว้ยกมาตอนกินข้าวเสร็จแล้วกัน”
 
   ปอนด์วิ่งไปคุ้ยถุงที่ถือมา หยิบเอากล่องของขวัญขนาดย่อมส่งให้ซัน
 
   “ของขวัญจากฉันกับพี่เฟย์ น่าเสียดาย วันนี้พี่ชายต้องทำโอที เลยไม่สะดวกมา เค้กก็อาศัยทำเอาเมื่อคืน โทษทีนะ”
 
   “ไม่เป็นไร กูไม่คิดมาก เค้กเฮียอร่อยอยู่แล้ว ขอบใจปอนด์มาก ฝากขอบคุณเฮียด้วย” ซันตอบพลางแกะของขวัญดู เป็นหนังสือทำมือหายาก ไอ้ซันมองตาวาว จำได้ว่ามันอยากได้หนังสืออยู่เล่มหนึ่ง ขอให้เฮียช่วยหาให้ ไม่น่าเชื่อว่าจะกลายมาเป็นของขวัญในวันนี้
 
   ปอนด์ยิ้มรับ เห็นเริ่มให้ของกัน มิทเลยหยิบของขวัญตัวเองมาให้บ้าง เป็นหลอดที่เหล่าชายหนุ่มคุ้นเคยมัดด้วยริบบิ้นสีแดงอย่างดีซะจนน่าถีบคนให้
 
   “ของขวัญจากกู ใจจริงอยากซื้อยกแพ็คให้ แต่กูเห็นใจโป้ มึงเอาไปหลอดเดียวแล้วกัน”
 
   มิทยักคิ้ว ซันรับมาด้วยรอยยิ้มก่อนจะแยกเขี้ยวขว้างใส่หัวมันแบบไม่เกรงใจ คนกวนประสาทหัวเราะไม่สะทกสะท้านเพราะมันหลบทัน เจ้าหลอดที่ว่าเลยนอนแอ้งแม้งอยู่มุมห้องนู่น เชื่อเถอะ เดี๋ยวซันมันก็เดินไปเก็บหลังทุกคนกลับ
 
   “พ่องสิ! ให้อะไรไม่ให้ มึงนี่เรื่องใต้สะดือตลอด” ซันบ่นแบบไม่จริงจังนัก เข้าใจว่ามันกวน
 
   “มิท มึงนี่ไม่ไหวเลย ต้องอย่างกู!” ริวทุบอก ล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบกล่องสี่เหลี่ยมขนาดเล็กส่งให้ซันด้วยสีหน้าจริงจัง
 
   “รุ่นนี้พิเศษจากญี่ปุ่น บางเฉียบเหมือนไม่ได้ใส่ มีหลายกลิ่นในกล่องเดียว แถมมีแบบขรุขระด้วย ขอมอบให้แด่ซัน”
 
   เจ้าตัวลุกขึ้นยืนก้มหัวใช้สองมือประคองกล่องส่งมอบ ไอ้ตัวเล็กบ้าจี้หัวเราะชอบใจปรบมือเป็นฉากหลัง มิทตบโต๊ะลุกขึ้นยืนโวยวายทันที
 
   “เฮ้ย! ทีตอนกูฝากไม่ยอมซื้อมาให้วะ”
 
   “อย่างมึงหุบปากไปเลย ไม่มีค่าคู่ควรกับของสูงส่งขนาดนี้หรอก” ริวเยาะเย้ย
 
   “ช่างเถอะ ยังไงก็ไม่ใช่ไซส์กู ใหญ่กว่าจม” มันยอมรามือไปแบบง่ายๆ พร้อมวาจาน่าหมั่นไส้ ซันเลยขว้างกล่องที่มันอยากได้ให้ถึงที่ ปลิวไปอยู่กับหลอดก่อนหน้านี้ นี่ถ้าเดินไปหยิบครบเลยนะนั่น
 
   หารู้ไม่ ขนาดที่มิทพูดไม่ใช่ของตัวเอง แต่เป็นของคนใช้อีกคนต่างหาก กว่าพวกเขาจะเก็ตได้ก็หลังจากนั้นนานโข
 
   “พอๆ พวกมึง แดกซะ ก่อนที่มันจะเย็นมากไปกว่านี้”
 
   ผมออกปากห้ามศึกการให้ของขวัญอันแสนอบอุ่น ผมทำเป็นไม่เห็นสายตามองอย่างมีความหวังของใครบางคน แม้ภายนอกมันจะดูเหมือนไม่สนใจ แต่ผมรู้สึกได้ว่ามันเซ็งแค่ไหน ปล่อยมันน้อยใจไปก่อน ไว้พวกนี้กลับเมื่อไหร่ค่อยให้ของขวัญกันอีกที
 
   ด้วยความหิวโหยของชายหนุ่มทั้งห้า เพียงไม่นานอาหารบนโต๊ะทุกอย่างถูกจัดการเรียบ ผมรับหน้าที่เป็นคนยกเค้กเข้ามา ปอนด์ปิดไฟห้องจนเหลือเพียงแสงจากเทียน ไอ้ซันเห็นเค้กขมวดคิ้วฉับ ตวัดสายตามองไล่เตะเพื่อนริวกับมิทแบบไม่ต้องถามเลยว่าใครมันเป็นตัวต้นคิดใช้เทียนแบบนี้
 
   “ซันรีบเป่า ก่อนน้ำลายปอนด์จะหยดใส่เค้กหมดแล้ว” ผมออกปากแซวเพื่อนตัวเล็กที่จ้องเป๋ง เจ้าตัวหันมาทำปากยื่นใส่ ซันยอมราเท้าจากสองเพื่อนตัวกวน หลับตาขอพรแล้วเป่าเค้กรวดเดียวหมด มิทเดินมากอดคอ มือถือแก้วเหล้า มันไปเอามาตั้งแต่เมื่อไหร่ ไวโคตร
 
   “มึงขอไปว่าอะไรวะ”
 
   “ขอให้มึงกับริวเลิกนิสัยกวนส้นกูไง”
 
   “เสียใจด้วยซัน มันคงไม่มีวันเป็นจริง มึงจะจุดแล้วขอพรใหม่มั้ย”  ริวแสร้งทำสีหน้าเศร้าเสียใจสุดแสน ซันส่ายหัวเอือมเลิกยุ่งกับพวกมัน รับมีดจากผมตัดแบ่งเค้กให้ทุกคนหลังเปิดไฟสว่าง
 
   ปอนด์กำลังหม่ำชิ้นที่สองกระแซะเข้าไปหาซันด้วยความอยากรู้อยากเห็น
 
   “ขอไปว่าไรอะ บอกหน่อย ใช่เรื่องเกี่ยวกับโป้รึเปล่า” เพื่อนตัวเล็กตาระยิบระยับ ผมทำหน้าที่เป็นคนรักที่ดี ไม่เข้าไปช่วยเหลือแต่นั่งกางหูรอฟังใจจดจ่อ
 
   “ไม่บอก ถามจริง นี่เค้กวันเกิดกูหรือมึงกันแน่” เจ้าของงานเปลี่ยนเรื่อง
 
   “รู้ว่าซันไม่ชอบของหวานไงเลยช่วยจัดการให้” ปอนด์ทำหน้าซื่อตาใสได้อย่างน่าชื่นชม ผมหัวเราะขำ ยกจานของขบเคี้ยวมาวางแทน เปลี่ยนจากวงเค้กเป็นวงเหล้า
 
   “ปล่อยกินไปเหอะ เอาจริงๆ พวกเราไม่มีใครบ้ากินเค้กเลยสักคน” มิทพูดพลางชงเหล้าแจกจ่ายเว้นปอนด์ ที่ได้น้ำอัดลมแทน
 
   “นั่นสิ เอ้อ ช่วงวันหยุดสี่วันที่จะถึงไปเที่ยวสวนน้ำกันปะ พอดีพี่ชายกูได้บัตรมา” ริวเปิดประเด็น คนอื่นๆ เลยหันไปมองเป็นตาเดียว คนที่รู้ตื้นลึกหนาบางที่สุดอย่างซันเป็นฝ่ายถามรายละเอียด
 
   “ไม่ใช่ว่าพี่มึงเป็นหมอเหรอวะ ได้บัตรสวนน้ำมาจากไหน”
 
   ข้อมูลใหม่เลยนะเนี่ย เฮ้อ ให้ตายสิ... สงสัยผมจะเป็นพวกปล่อยปละจนไม่รู้เรื่องคนรอบตัวเอาซะเลย เว้นมิทไว้คนที่ใช้การสังเกตตัวเองมองจนรู้เรื่องลับๆ บางส่วน
 
   “คนไข้ให้มาน่ะ เป็นสวนน้ำเปิดใหม่ มีเครื่องเล่นเพียบ นับรวมพวกเราห้าคน เฮียเฟย์อีกหนึ่งเป็นหก เหลือตั๋วตั้งสามใบ ชวนใครดี?”
 
   “ไม่ลองชวนพี่ธันล่ะ” ผมเหล่มอง ริวแอบสะดุ้ง หึหึ เจ้าตัวก้มหน้าบ่นอุบอิบ
 
   “พี่ธันไม่ว่างต้องเร่งทำงานส่งน่ะสิ เซ็งชิบเป๋ง”
 
   “พี่ธัน ลุงรหัสมึงอะนะ?” ซันผู้รู้เรื่องครอบครัวชาวบ้านเป็นอย่างดี แต่กลับอ่อนด้อยเรื่องความรักถึงขีดสุด เลิกคิ้วถาม ในใจสงสัย ทำไมมันชวนข้ามรุ่น แทนที่จะชวนพี่รหัส ริวไม่ตอบแค่พยักหน้าด้วยความเซ็ง
 
   ปอนด์จัดการเค้กชิ้นที่สองหมดเงยหน้าร่วมวงสนทนาด้วย
 
   “ทางพี่เฟย์เดี๋ยวขอไปถามดูก่อนแล้วกัน ไม่ชัวร์นะว่าจะได้ไปรึเปล่า”
 
   เพื่อนตัวเล็กตอบน้ำเสียงไม่มั่นใจ คนอื่นนี่มั่นใจไปเกินร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว ปอนด์แสดงสีหน้าอยากไปขนาดนี้ ต้องอ้อนจนเฮียเฟย์ใจอ่อนแน่ๆ ที่เหลือแค่เลือกให้ตรงกับวันหยุดเฮียเฟย์ก็พอ
 
   “ใบหนึ่งกูจองได้ปะ” มิทยกมือ
 
   “ได้ไม่มีปัญหา ทีนี้เหลือสองใบ...” เจ้าของตั๋วมองทุกคนเป็นเชิงถามว่าจะพาใครมาอีกปะ ผมนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง พูดถึงสวนน้ำชวนให้นึกถึงใครคนหนึ่งขึ้นมา เพื่อนชาวเหนือชอบเล่นน้ำมากลองชวนมาดีกว่า ไหนๆ ทางนั้นก็อยากมาเที่ยวกรุงเทพสักครั้ง
 
   “อีกสองใบกูจองแล้วกัน จะลองชวนเพื่อนที่เหนือมาดู”
 
   ซันหันมาขมวดคิ้วมอง ทีแรกเจ้าตัวคงอยากถาม เพื่อนผมที่เหนือสนิทกันจนชวนมานี่มีอยู่คนเดียว ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ามีเพื่อนตัวเองเป็นของแถม รับรองต้องถูกลากมาด้วยชัวร์ เลยพยักหน้ารับหงึกหงัก กลับไปสนใจอย่างอื่นต่อ
 
   พวกเรานัดเวลากันว่าจะไปวันเสาร์ตอนสิบเอ็ดโมง เจอกันที่หน้าสวนน้ำเลย เดี๋ยวริวจะแจกตั๋วที่นั่น

   ปาร์ตี้วันเกิด กินดื่มกันจนห้าทุ่ม มิทโดนผู้ปกครองโทรตาม ริวมันเมาหลับไปแล้ว ไหนๆ ก็มีคนขับรถมารับ มิทเลยอาสาจะไปส่งริวเอง ส่วนปอนด์พี่ชายมาตรงเวลาเป๊ะ ห้าทุ่มยืนหล่ออยู่หน้าห้อง รับปอนด์กลับไปเรียบร้อย
 
   ผมกับซันช่วยกันเก็บซากอารยธรรม สองมือช่วยกันคล่องแคล่วเพียงไม่นานก็เก็บกวาดเรียบร้อย

   ถึงเวลาของพวกเราสักที…
 
   “ขอบคุณที่จัดงานวันเกิดให้กูนะ”
 
   เสียงทุ้มต่ำกระซิบข้างหู เรานั่งเล่นกันบนโซฟา ซันจับมือผมนิ้วโป้งลูบหลังมือเบาๆ ความละมุนมันทำให้ผมยิ่งรู้สึกผิดจำต้องสารภาพออกมา
 
   “ซัน... กูมีเรื่องจะบอก” ขอเกริ่นทำใจหน่อย ถ้ามันน้อยใจผมควรทำยังไงดี จับมากอดจูบปลอบดีมั้ย
 
   “หืม อะไร? เรื่องที่มึงไม่รู้ว่าวันนี้วันเกิดกูน่ะเหรอ?” มันเลิกคิ้วถามด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ไม่มีแววโกรธเคืองเลยซักนิด เป็นผมเองที่แปลกใจ
 
   “มึงรู้ด้วย?”
 
   “กูไม่รู้ดิถึงจะแปลก พวกเราเพิ่งคบกันไม่นาน แล้วมึงไม่เคยถามกูเรื่องพวกนี้ด้วย ถ้ากูเดาไม่ผิด ไอ้สามตัวนั้นมันคาบข่าวมาบอกมึงล่ะสิ”
 
   จี๊ดเลย ยิ่งประโยคที่บอกว่าผมไม่เคยถามมันเรื่องพวกนี้ ยิ่งรู้สึกผิดกว่าเก่า ทำไมผมเป็นคนไม่ใส่ใจมันขนาดนี้นะ ได้ข่าวว่าเป็นผมที่สนใจมันก่อน ผมถอนหายใจ หลังจากนี้คงต้องเรียนรู้เรื่องราวของซันมากกว่านี้ ในใจคิดอย่าง วาจาพูดอีกอย่าง ไม่อยากให้บรรยากาศดีๆ ต้องเสียไป
 
   “แต่มึงรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับกูนี่ กูควรจะกังวลรึเปล่า เหมือนมึงเป็นพวกสตอล์กเกอร์”
 
   “เสียใจด้วย สตอล์กเกอร์เมียตัวเองไม่ผิดว่ะ” ไอ้หน้าหล่อยักไหล่แบบตรูไม่แคร์ ก่อนจะลุกขึ้นดึงมือผมให้เดินตาม “หลับตาก่อน...” หันมาพูดกับผมด้วยดวงตาพราวระยับ
 
   “เล่นอะไรมึง” ของแบบนี้ต้องเล่นตัว ยอมง่ายๆ เดี๋ยวไม่ตื่นเต้น ซันมันไม่สน ใช้มือข้างหนึ่งปิดตาผมแล้วจูงเดินไปที่ห้องของตัวเอง ก่อนจะเปิดตาผมออก ก้มลงมากระซิบข้างหู
 
   “สุขสันต์วันวาเลนไทน์ว่ะ”
 
   สิ่งที่ปรากฏในสายตาทำเอาผมอึ้ง ตุ๊กตาน้องหมาตัวโตนั่งสองขาบนเตียงกอดช่อดอกไม้ที่ถูกจัดแต่งอย่างสวยงามบ่งบอกว่ามันเตรียมมาดี ทั้งลิลลี่สีขาว ทิวลิปสีชมพู กุหลาบสีแดงเข้มกลีบดอกหนาแซมด้วยคัตเตอร์สีขาวราวปุยหิมะกระจายทั่วทั้งช่อส่งกลิ่นหอมรวยริน
 
   “ชอบรึเปล่า?”
 
   ซันผละออกเล็กน้อย ยกมือเกาแก้มที่ขึ้นสีเรื่อ ผมอมยิ้มแก้มแตก หยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปคนเขินกับรูปตุ๊กตาหมากับช่อดอกไม้เก็บไว้เป็นความทรงจำ ยื่นหน้าไปหอมแก้มมันฟอดใหญ่
 
   “ชอบมาก ขอบคุณนะมึง โคตรโรแมนติก” หอมมันไม่พอ รั้งคอมันมาจูบเป็นรางวัล ริมฝีปากได้รูปจูบกลับเบาๆ ค่อยเลื่อนมาหอมแก้มผมคืน จูบหน้าผากปิดท้ายแล้วผละออกมองผมด้วยรอยยิ้มบางๆ

   ให้ตาย...รอยยิ้มแบบนี้ กับแววตาแบบนี้มันชวนให้ละลาย
 
   “กูดีใจที่มึงชอบ...” ซันเอาหน้าผากมาแตะกัน ดวงตาของหนุ่มเถื่อนหวานเชื่อมจนผมต้องเป็นฝ่ายถอยแทน ยอมใจจริงๆ
 
   “รอนี่แป๊บ กูมีของจะให้มึงเหมือนกัน” ผมเดินออกไปเอาดอกไม้ที่แอบไว้มาให้มันบ้าง ในมือของผมมีดอกไม้อยู่ห้าชนิด แต่ละกิ่งมัดด้วยโบว์สีแดง
 
   “ของกูอาจจะไม่ดีเท่ามึงแต่ขอบอกเลยว่ากูมอบให้ด้วยใจ” ผมยิ้ม ซันยืนนิ่งรอรับของขวัญจากผม มือยื่นให้ซันทีละดอกพร้อมพูดภาษาดอกไม้
 
   “ลิลลี่สีส้ม มีความสุขที่อยู่ใกล้กัน”
 
   “กุหลาบสีแดง ฉันตกหลุมรักนายแล้ว”
 
   “ไลเซนทัส ฉันจะดูแลเอาใจใส่นายเอง”
 
   “เบญจมาศสีขาว ฉันจะรักนายแค่คนเดียว”
 
   “คาร์เนชั่นสีแดง โปรดเห็นความรักของฉันด้วยนะ”
 
   ดอกไม้ก้านสุดท้ายถูกส่งถึงมือซัน ผิวเข้มขึ้นสีแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัด อย่าว่าแต่ซันเลย ขนาดตัวผมเองยังรู้สึกหน้าร้อนฉ่า เกิดมาไม่เคยทำให้ใครแบบนี้
 
   “มึงแม่งโคตรมั่ว ภาษาดอกไม้เค้าเพี้ยนหมด” ซันทำบ่น ผมเข้าใจแกล้งทำเลยหัวเราะกลบเกลื่อนความเขิน
 
   “เป็นแบบของกูสำหรับมึงคนเดียวไง ไม่ดีเหรอ” สวนกลับไปหนึ่งดอก ซันถลึงตาใส่ รวบดอกไม้ที่ผมให้กับช่อของตัวเองมาให้ผมถือ มองซ้ายมองขวาหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าผืนสีขาวมาวางแปะบนหัวผม
 
   “ทำอะไรมึง”
 
   “เหมาะดีออก มึงเป็นเจ้าสาว ส่วนกูเป็นเจ้าบ่าว ให้ตุ๊กตาหมานี่เป็นบาทหลวง” มันยักคิ้ว ผมเป็นฝ่ายสะอึกโดนมันหยอดกลับ แบบนี้ไม่ได้ ผมไม่ยอมเสียเชิงหรอก มือซ้ายอุ้มดอกไม้ไว้ มือขวายื่นไปรั้งคออีกฝ่ายมาหา ก่อนจะแนบริมฝีปาก
 
   “จูบสาบานรัก”
 
   ดวงตาหนุ่มเหนือปรือหวาน เรียวปากนุ่มผละออกพลางแลบลิ้นเลียรสชาติที่ติดอยู่ คนมองจ้องเขม็งเรียกชื่อเสียงต่ำเหมือนอดกลั้นอะไรบางอย่าง
 
   “โป้... มึงรออยู่นี่เลยนะ ห้ามไปไหน เดี๋ยวกูมา” ร่างสูงชี้หน้าสั่งกำชับ เดินดุ่มๆ ออกจากห้องไป ได้ยินเสียงบ่นดังแว่วมา
 
   “กูโยนเจลกับถุงยางเอาไว้ไหนวะเนี่ย!”
 
   มองภาพซันงุ่นง่านอยู่ในห้องนั่งเล่น แทบจะคว่ำโซฟาเพื่อหาของ ผมยืนพิงขอบประตู ยกดอกไม้ขึ้นมาสูดกลิ่นหอมเอาไปโรยบนเตียงคงไม่เลว...
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่10 Up22/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 22-02-2016 15:56:54
 :ling1:

สวนน้ำๆๆๆๆๆ

อยากรู้จริงๆมิทจะพาใครมา พามาไหม?

อยากเห็นๆๆๆๆๆๆๆๆ  :ling1:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่10 Up22/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 22-02-2016 16:03:57
ดีจังเลยเนอะ
ของขวัญทุกชิ้นมีความหมายและประโยชน์ใช้สอยจริงๆ
ชอบคู่นี้จัง ลงตัวมากๆ มีคำผิดนิดหน่อยค่ะ เดินตาม. กุหลาบ
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่10 Up22/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 22-02-2016 16:08:47
“กูโยนเจลกับถุงยางเอาไว้ไหนวะเนี่ย!”   :m20:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่10 Up22/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: minkey ที่ 22-02-2016 16:30:55
เขินอ่ะ
เขินฉากเค้ามีเซอร์ไพร์สให้กัน

 :L2:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่10 Up22/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: imfckwn ที่ 22-02-2016 19:34:26
พวกเพื่อนๆเก็บหนีหมดแล้ว แกล้ง 555555555555555555555555
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่10 Up22/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 22-02-2016 23:32:16
ของขวัญวันเกิดก็คงต้องใช้ 555
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่10 Up22/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: PiSCis ที่ 23-02-2016 13:57:50
ผัวเมีย(หื่น)พอๆกัน  :hao6: :laugh:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่10 Up22/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: alt1991 ที่ 23-02-2016 20:54:07
 :hao6: :hao6: “กูโยนเจลกับถุงยางเอาไว้ไหนวะเนี่ย!”  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่10 Up22/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 23-02-2016 21:46:16
 :o8:   :-[
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่10 Up22/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: yaoisamasang ที่ 27-02-2016 22:28:19
เหนือฟ้ายังมีฟ้า...เหนือชายซันยังมีปีโป้  :hao7:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่10 Up22/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: peaceminus1 ที่ 27-02-2016 22:43:38
55555555 พอกันเลย
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่11 Up29/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 29-02-2016 19:01:09
ยกที่11 เตรียมตัว
 
   ความหวานผ่านพ้นไป กลับคือสู่รสชาติจัดจ้านตามเดิม ในวันเกิดซัน ริวเสนอให้ไปเที่ยวสวนน้ำ ผมบอกว่าจะชวนเล่ดู อาศัยช่วงย้ายห้องเรียนโทรหาเพื่อน ไม่รู้เจ้าตัวเรียนอยู่รึเปล่า แต่ถ้าเป็นเล่ เชื่อเลยว่าต่อให้เรียนก็แอบคุยโทรศัพท์ได้ แล้วก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆ เสียงรอสายดังแค่สองตื๊ดก็รับ
 
   /ฮัลโหล โป้จ๋ามีอะไรจ๊ะ/
 
   เสียงหวานจ๊ะจ๋า ผมกลอกตาเอือม
 
   “ทำไรอยู่”
 
   /กำลังมองหน้าวาตอนหลับ น่ารักมาก ขนาดเวลางี้ยังขมวดคิ้ว/ ทำหน้าเครียดแม้เวลานอนมันน่ารักตรงไหน ผมไม่เข้าใจ เอาเถอะ อย่าเอารสนิยมปุถุชนคนธรรมมาไปเทียบกับสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาด
 
   “ไม่มีเรียนสินะ พอดีจะโทรชวนมาเที่ยวสวนน้ำ มีเพื่อนได้บัตรฟรีมาหลายใบ ถือโอกาสเที่ยวกรุงเทพเลยเป็นไง”
 
   พูดจบประโยค ผมก็ยื่นโทรศัพท์ออกห่างจากหูเท่าที่ความยาวแขนจะเอื้ออำนวย
 
   /กรี๊ดดดดดด!! สวนน้ำกรุงเทพ อยากไปๆ หยุดสิ ต่อให้คนวิทยาเขตแต่มหาลัยเดียวกันนะ ต้องหยุดเหมือนกันอยู่แล้ว อยากเที่ยวอะ สวนน้ำๆ/
 
   เสียงกรี๊ดแปดหลอดทะลุโทรศัพท์ขนาดไม่เปิดลำโพง คนเดินผ่านมองผมเป็นตาเดียว ผมยิ้มแห้งโบกไม้โบกมือเป็นเชิงว่าไม่มีอะไร พวกเขาถึงเลิกสนใจ
 
   /แหกปากทำไมวะ คนจะหลับจะนอน!/
 
   อีกเสียงโวยมา ถ้าเป็นซันจะตวาดเสียงดัง แต่รายนี้กดเสียงทุ้มต่ำน่าสยอง บรื๋อ
 
   /ขอโทษจ๊ะ จุ๊บๆ นอนต่อนะเดี๋ยวเค้าคุยกับเพื่อนก่อน/
 
   ได้ยินเสียงกุกกัก เล่มันคงย้ายที่คุยก่อนโดนผัวถีบคว่ำข้อหารบกวนเวลานอนอันแสนมีค่า มันเป็นเด็กสามขวบรึไงมีนอนกลางวัน ดูเหมือนผมตั้งแง่นะ เอาจริงๆ หลังจากเล่เล่าเรื่องวาให้ผมฟังทุกครั้งเวลาติดต่อกัน ผมก็ไม่ค่อยชอบวาต่อให้เป็นเพื่อนซันก็ตาม เพราะมันชอบปากเสียใส่เล่ ดูยังไงก็ไม่มีความอ่อนโยนสักนิด อย่างเล่ต้องคู่กับผู้ชายแสนดีสิ
 
   /โอเคคุยต่อ ไปแน่นอน วันไหนล่ะ/
 
   “วันเสาร์ มึงต้องมาหากูเย็นวันศุกร์ ว่าแต่บอกว่าไปแน่ มึงถามป๋ามึงยัง ไม่นับพ่อทูนหัวของมึงที่นอนเป็นเด็กอนุบาลผึ้งน้อยนั่นอีก”
 
   /โอ๊ยย ไม่ต้องห่วง เล่มีวิธี ไว้เจอกันนะโป้ เตรียมห้องสวีทไว้รอเลยนะ จุบุๆ/
 
   ก่อนเล่กดวางสายผมได้ยินเสียงเพื่อนคนนี้ตะโกนเรียนป๋าดังลั่นบ้าน คงจะขอพ่อมาเที่ยว ถ้าเป็นสมัยก่อนผมคงไปรับด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้เล่มีวาแล้ว น่าจะมากันได้ไม่มีปัญหา หวังแค่ว่าเล่มันจะไม่ก่อเรื่องให้วาปวดหัวจนปล่อยทิ้งระหว่างทางot
 
   ผมบอกเรื่องนี้กับซันตอนกลับห้อง มันแค่พยักหน้ารับแล้วเดินไปย้ายของผมมายัดห้องตัวเองเพื่อเตรียมที่นอนให้เพื่อน จนผมต้องเบรกมัน อีกตั้งหลายวันกว่าพวกนั้นจะมา ไอ้ซันมันจะรีบไปไหน ยังมีหน้าหันมาทำหน้ามึนใส่ผมอีก
 
   “เผื่อไว้ก่อนไง ใกล้ๆ จะได้ไม่ชุลมุน”
 
    “หยุดเลย ไม่ต้อง มึงย้ายซะอย่างกับกูต้องย้ายไปอยู่ห้องมึงถาวร ความจริงไม่ต้องย้ายด้วยซ้ำ ยังไงพวกนั้นก็ผู้ชายไม่เรื่องมากหรอก ใกล้ถึงเวลาค่อยหยิบของจำเป็นมาห้องมึงก็พอ”
 
   “ตามใจมึง ถึงเวลาขนเองแล้วกัน”
 
   พูดจบมันปล่อยของลงพื้นตามเดิมอย่างไร้เยื่อใย ช่วงเวลาแห่งความหวานวันก่อนมันเป็นเพียงภาพลวงตา แต่ตุ๊กตาบนเตียงกับดอกไม้ในแจกันในห้องผมคือเรื่องจริงนะ อย่าถามถึงเจลกับถุงยาง...
 
   “จะไปว่ายน้ำ มึงมีกางเกงว่ายน้ำรึยัง ที่สวนน้ำเขาไม่ให้ใส่ชุดธรรมดาลงนะ”
 
   ผมหยุดมือที่กำลังเก็บของเข้าที่ ลืมสนิท! ว่ายน้ำสระครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่เนี่ย ที่ผ่านมามีแต่โดดตามแหล่งน้ำธรรมชาติ ใส่เสื้อยืดกางเกงบอลลงล้วนๆ
 
   “มึงมีแล้ว?”
 
   “เออ ทำหน้างี้ไม่มีอะดิ พรุ่งนี้พวกเรามีเรียนตอนเช้าวิชาเดียว เลิกเรียนเจอกันที่หน้าคณะมึง เดี๋ยวกูรับไปซื้อกางเกงว่ายน้ำ”
 
   ไม่มีเหตุผลต้องปฏิเสธ ตอนนี้ผมพัฒนาแล้วนะ รู้ตารางเรียนซันทั้งหมด วันเกิดผมจำได้แม่น เรื่องของกินที่มันชอบผมเป็นคนทำอาหารย่อมรู้ดีอยู่แล้ว
 
   วันต่อมาหลังเลิกเรียน มันเป็นฝ่ายมารอผม พอลงมาชั้นล่างปุ๊บก็เห็นมันยืนหล่ออยู่ข้างรถ ผงกหัวเรียกผมให้ขึ้นไปนั่งข้างคนขับ งานนี้ซันลงทุนถอยรถออกมาเองเพื่อความสะดวกในการเดินทาง ห้างที่ซันเลือกเข้าเป็นห้างยอดนิยมของเหล่าวัยรุ่น น่าเสียดายตอนนี้เป็นช่วงบ่ายในวันธรรมดา ห้างเลยไม่ค่อยมีคน แต่ถือเป็นเรื่องดีสำหรับซันที่ไม่ชอบความวุ่นวาย
 
   “แวะกินข้าวก่อนค่อยซื้อ มึงแดกไร” เพราะยังไม่กินมื้อเที่ยง ซัยเลือกชวนกินก่อน กองทัพต้องเดินด้วยท้อง
 
   สองหนุ่มชู้ชื่นยืนอยู่ชั้นรวมร้านอาหาร ทางนู้นร้านอาหารไทย ด้านนี้อาหารญี่ปุ่น ถัดไปอาหารฝรั่ง ผมส่ายหัวกับร้านอาหารพวกนี้ ลากแขนมันเข้าร้านบุฟเฟ่ต์ขนมจีน
 
   ภายในร้านถูกจัดแบบโล่งๆ มีตรงกลางสำหรับตักขนมจีน น้ำยา กับอีกแถวหนึ่งรวมพวกผัดสด น้ำต้องสั่งต่างหาก ผมเลือกนั่งใกล้ๆ จุดตักจะได้ไม่ต้องเดินไกล
 
   น้ำยาให้เลือกมีแกงเขียวหวาน น้ำยากะทิ น้ำยาป่า น้ำเงี้ยว มีแกงไตปลาด้วย ยิ่งอยู่ในห้องแอร์ กลิ่นน้ำยาตีกันอุตลุด ผมจัดการตักให้ซันก่อน ผสมระหว่างกะทิกับน้ำยาป่าตามด้วยผักสดที่มันชอบ ของตัวเองไม่ต่างกัน พอยกไปให้มันที่โต๊ะ มันลองกินแล้วเลิกคิ้วแปลกใจ
 
   “น้ำยาอะไรวะ รสชาติโอเคกว่าที่กูเคยกินอีก”
 
   “กะทิกับน้ำยาป่าไง ความหวานของกะทิ ความเค็มเผ็ดของน้ำยาป่า มันเลยเข้ากันพอดี แต่ที่นี่ทำน้ำไม่ข้นเท่าไหร่ ถ้ามึงอยากกินเดี๋ยวกูทำให้ ต่อไปลองน้ำเงี้ยวมะ”
 
   “ไม่อะ น้ำเงี้ยวกูเคยลองแล้ว ไม่ข้นอย่างที่มึงบอก ดอกงิ้วนี่หาไม่เจอ รอมึงทำให้กินดีกว่า ขอขาไก่อวบๆ ดอกงิ้วเยอะๆ” มันรีเควสเสร็จสรรพ อันนี้ของถนัด ไม่ต้องดูสูตรในเน็ตผมก็ทำได้สบาย ในเมื่อบ้านผมกินบ่อย สูตรต้นตำหรับจากแม่ผมเลย คนเหนือแต้ๆ
 
   นั่งทานไปซันมันก็บ่น ไม่อร่อยๆ ตามนิสัย แต่เห็นมันเติมแล้วเติมอีกหมดเวลากินถึงยอมรามือจากช้อนส้อม เดินลูบพุงที่ป่องขึ้นมานิดๆ นำผมไปแผนกขายชุดว่ายน้ำ
 
   แผนกนี้แบ่งของชายหญิงชัดเจนง่ายต่อการเลือก ของผู้หญิงมีหลากสีสันหลายสไตล์ ของผู้ชายมีแต่แบบเรียบๆ มีไม่กี่แบบ หลักๆ ก็แบบชุดว่ายน้ำทั้งตัว ซึ่นผมไม่คิดใส่เด็ดขาดอึดอัดจะตาย อีกอันก็น้อยชิ้นเกินอย่างกับกางเกงใน วาบหวิวเกินไปต่อให้ซันมันยอมให้ใส่ผมก็ไม่เอา
 
   อีกแบบค่อยดีขึ้นมานิดนึง เป็นกางเกงว่ายน้ำขาสั้นกับแบบขายาวสี่ส่วนเข้ารูป ที่โดนใจที่สุดคงหนีไม่พ้นเนื้อผ้าที่ดูเหมือนกางเกงเที่ยวทั่วไป แต่มีความยืดหยุ่นใช้ลงสระว่ายน้ำได้
 
   “กูว่าแบบนี้ดีที่สุด ไม่อึดอัด ไม่เข้ารูปเกิน”
 
   ซันลูบคางเสนอ ผมว่าหน้าอย่างมันใส่แบบนี้ด้วยชัวร์
 
   “สนใจเหมือนกัน แต่ราคาแม่งไม่น่ารัก เดี๋ยวต้องซื้อหมวกว่ายน้ำกับแว่นตาอีก”
 
   มองป้ายราคาพลางกลืนน้ำลายอึก พันกว่า... ดีไซน์สวย เนื้อผ้าดีจริง สีเทาอ่อนโคตรโดนใจ ซันมันคว้าไปจากมือผม ส่งให้พนักงานแถมหยิบหมวกว่ายน้ำสีเข้าชุดกัน
 
   “เอาตัวนี้ครับ ปะมึง เลือกแว่นตา” พูดจบมันกอดคอผมไปดูโซนแว่น
 
   “เฮ้ย เดี๋ยว! แพงนะ กูเอาเงินมาไม่พอ” ผมกระซิบบอก ให้ตาย ทีแรกผมจะซื้อแบบตลาดนัดด้วยซ้ำ ซันมันไม่ยอมให้ซื้อ มันบอกว่าเนื้อผ้าพวกนั้นไม่ดี เออ ไม่ดีจริง แต่มันดีกับเงินในกระเป๋าผมมากๆ
 
   “แค่เกงว่ายน้ำตัวสองตัว กูมีปัญหาซื้อให้เมียน่า อย่าพูดมาก เลือกแว่นไป แบบนี้ก็ดีนะ สายเหนียวทนไม่กินผม ปรับขนาดได้เยอะด้วย”
 
   มันหยิบแว่นมาให้ผมดู ผมดันมือมันออกกอดคอเตรียมเทศนา
 
   “เงินนั่นบ้านมึงส่งมาให้มึงใช้ ไม่ได้เอามาให้ซื้อของเลี้ยงผู้ชายนะเว้ย” หนุ่มเถื่อนขมวดคิ้วใส่
 
   “นั่นเงินกู กูรับจ๊อบทำงานได้เงินมาไม่เกี่ยวกับที่บ้าน ดังนั้นกูอยากจะซื้อ จะใช้อะไรมันก็เรื่องของกู” มันเลือกเอาแว่นที่มันหยิบนั่นแหละให้พนักงานไปคิดเงินรวมพร้อมส่งบัตรเดบิตจ่ายตัง ก่อนออกจากร้านผมเห็นราคาในใบเสร็จที่มันเซ็น โอ้แม่เจ้า ไม่กี่พันสำหรับผมถือว่าเยอะมากนะกับการจ่ายตังภายในเวลาไม่กี่นาที
 
   “ไม่ต้องมอง กูซื้อให้ มึงต้องใช้ให้คุ้ม”
 
   “ทำอย่างกับมีโอกาสว่ายน้ำบ่อยๆ งั้นแหละ” ผมบ่นอุบ
 
   “ไม่ต้องห่วง ของดีเก็บได้นาน ทิ้งไว้ยางก็ไม่เสื่อมเหมือนแบรนด์ตลาด จะใส่ลงทะเล ลงคลองหรือน้ำตกก็ได้หมด”
 
   ผมหรี่ตามองมัน
 
   “โฆษณาขนาดนี้ เขาจ้างมึงมาเท่าไหร่วะ”
 
   ซันยักไหล่
 
   “ไม่ได้จ้างว่ะ พอดีพี่ชายกูชอบใช้ยี่ห้อนี้ พี่สะใภ้ด้วย กูเลยใช้ตาม มันดีจริงๆ นะมึงต้องลอง”
 
   “เออๆ กูได้ลองแน่ ซื้อมาแล้วนี่”
 
   ซันหัวเราะกอดคอผม ทีแรกมันจะถือให้ แต่ผมไม่เอามันอุตส่าห์พามาจ่ายตังแล้วผมขอถือเองดีกว่า
 
   วันศุกร์เวลาประมาณห้าโมง เล่กับวามาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ โทรมาบอกให้ผมกับซันไปรับตรงฝั่งขาออก ระหว่างยืนรอพวกนั้นออกมาซันบ่นกับผมตลอด
 
   “เห็นมะ เพื่อนมึงยังนั่งเครื่อง แค่ชั่วโมงเดียวก็ถึง วันหลังมึงจะกลับนั่งเครื่องไปเลยนะ จะไปทนนั่งรถทัวร์ทำไม ทรมานตัวเอง”
 
   “ก็มันประหยัดกว่านี่หว่า” ผมเถียงกลับ
 
   “ประหยัดแต่ไม่ปลอดภัย กูเห็นข่าวมาเยอะโคตรอันตรายหรือบ้านมึงให้ประหยัด?” ขอบคุณมันที่มีกะใจถามหลังจากบ่นมาร่วมสิบนาที
 
   “เปล่า บ้านกูเฉยๆ จะนั่งรถ ขึ้นเครื่องหรือเหาะไปได้ทั้งนั้น ขอแค่ถึงที่หมายปลอดภัยก็พอ”
 
   “งั้นหลังจากนี้มึงต้องขึ้นเครื่อง ห้ามงอแง ไม่งั้นก็ไม่ต้องกลับแม่ง” ผมถลึงตาใส่มัน ไอ้คนเอาแต่ใจเอ๊ย! เฮ้อ เข้าใจว่ามันเป็นห่วง แต่มันไม่คิดเรอะขึ้นเครื่องก็อันตรายเหมือนกันนะ ความรู้สึกของกันอยู่บนอากาศห่างไกลจากพื้นโลก คิดยังไงก็น่าหวาดเสียว เลือกได้ผมไม่อยากขึ้นเลยให้ตาย
 
   เถียงกันไปมาสายตาพลันถูกดึงดูดด้วยร่างสองร่างที่ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางผู้คนมากมาย หนึ่งในสองคนนั้นผมจำได้ทันที

   ร่างบางในชุดกระโปรงพลิ้วสีอ่อนสะพายกระเป๋าเล็กด้านข้างโบกไม้โบกมือด้วยรอยยิ้มร่าเริง ข้างกันเป็นชายร่างสูง ใบหน้าคมหล่อดูอารมณ์ไม่ดี เข็นรถบรรจุเป้หนึ่งใบกับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่สีชมพูหวานแหวว
 
   “โป้ คิดถึงจังเลย” เสียงใสดังมาก่อนอันดับแรก เพื่อนวัยเด็กถลามากอดแนบแน่นจนสัมผัสได้ถึงความนูนตรงหน้าอก ถามจริง ฟองน้ำกี่ชั้นครับคุณเพื่อน
 
   “ไงมึง สบายดีนะ” ซันทัก มึงช่วยเช็คหนังหน้าเพื่อนมึงด้วยว่าสบายรึเปล่า
 
   “เวรเอ๊ย เสียเวลาตั้งนานกว่ากระเป๋าจะมา กูแทบจะมุดเข้าช่องจ่ายกระเป๋าไปหาเองแล้ว”
 
   วาสบถ นับว่าเป็นครั้งแรกที่ผมเจอตัวจริงของวา ดูเผินๆ เหมือนเป็นหนุ่มมาดนิ่งใจเย็น ตรงข้ามกับความจริงดูใจร้อนกว่าซันอีก ผมกระชับอ้อมแขนกอดเล่แน่นกว่าเดิม ไม่วางใจให้คนนี้เป็นคู่เล่จริงๆ เพื่อนสาว(?)ผู้ไม่เข้าใจ คิดว่าผมกอดเพราะคิดถึง เลยกอดกลับ แถมหอมแก้มซ้ายขวาไปสองฟอด ซันแค่ยักไหล่เฉยๆ เข้าใจว่าเพื่อนกัน ทางวาไม่ใช่ ดึงเล่ออกจ้องเขม็ง
 
   “บอกแล้วไงว่าห้ามทำแบบนี้กับคนอื่น!”
 
   “ก็ไม่ทำกับคนอื่นไง โป้เป็นเพื่อนเล่นะ” เล่เถียงแก้มป่อง ซันเห็นท่าไม่ดีเข้าไปไกล่เกลี่ยดึงเพื่อนมันออก ส่วนเล่วิ่งมาหลบหลังผมแล้วแลบลิ้นใส่
 
   “อย่าเพิ่งตีกัน เดี๋ยวกูพาไปกินอะไรอร่อยๆ” ซันกอดคอเพื่อนตัวเอง ผมปล่อยให้เล่ควงตามใจ
 
   “อร่อยของมึงนี่คงไม่ได้ไปนั่งบ่นเรื่องรสชาติอาหารในร้านเขาใช่มั้ย กูเดินทางมาเหนื่อยๆ ยังไม่อยากหลบตีนใคร”
 
   วาดูจะรู้จักเพื่อนตัวเองดีทีเดียว ผมยังหวั่นหลายที หวิดจะโดนตะหลิวหลายรอบ
 
   “งานนี้กูไม่บ่นชัวร์ มีแต่จะชมมากกว่า นี่เลย ฝีมือทำอาหารของเมียกู อร่อยยิ่งกว่าโรงแรมห้าดาว” ซันผายมือมาทางผม อย่างกับกำลังนำเสนอสินค้า
 
   “อ่อ สรุปตกลงปลงใจกันได้แล้วสินะ ยินดีที่ได้รู้จัก กูชื่อวาคิน” เจ้าของนามหันมายิ้มให้ ผมมองตาปริบๆ ก็ไม่แย่อย่างที่คิด
 
   “ดี ปีโป้ เรียกโป้แบบคนอื่นแล้วกัน มีอะไรอยากกินเป็นพิเศษรึเปล่า เดี๋ยวทำให้” ความรู้สึกแย่ๆ ในตอนแรกลดหายไปเล็กน้อยหลังเห็นอีกฝ่ายมีไมตรีดี คำตอบของวาคือการส่ายหัว
 
   “ทำมาเถอะกูกินได้หมดแหละ ไม่ต้องลำบากหรอก”
 
   โอ้ นิสัยเกรงใจด้วย ผิดกับซันลิบลับ ชักสบสนแล้วสิ ตกลงแบบไหนเป็นตัวตนที่แท้จริงของวา เอาเถอะ เวลาคือคำตอบ ลองทำความรู้จักไป เพื่อนใหม่คนนี้อาจจะไม่แย่อย่างที่คิด
 
   “อยากกินข้าวอบสับปะรด ฝีมือทำอาหารของโป้อร่อยที่สุด” กลายเป็นเล่เลือกเมนูแทน
 
   พวกเราสี่คนมุ่งหน้ากลับห้อง ให้วาเล่เก็บของไป ส่วนผมกับซันออกมาซื้อของสดที่ตลาดไปทำมื้อเย็น ผมอาศัยช่วงที่ทุกคนอยู่ด้วยกันคอยสังเกตวาเสมอ เจ้าตัวเป็นคนปากร้ายใจดี ชอบว่าเล่สารพัด มือดันยื่นจับดูแลตลอด ตักกับข้าวให้ คอยเช็ดปาก เตือนต่างๆ นานา
 
   มิน่าล่ะ ทำไมเวลาเล่คุยกับผม แม้จะบอกว่าวาชอบพูดไม่ดีใส่ แต่น้ำเสียงดูมีความสุข หากเทียบกับศัพท์ของปอนด์ เขาเรียกว่าหนุ่มซึนสินะ แบบนี้ค่อยวางใจยกเล่ให้ดูแล สำหรับผม เล่เหมือนน้องคนหนึ่ง ต้องคัดคนหน่อย
 
   ถึงเวลาปิดไฟนอน สองคนนั้นเงียบอยู่ในห้อง ผมนอนมองกำแพงได้ยินเสียงแอร์ดังเบาๆ
 
   “เพื่อนมึงตลกดีนะ” เจ้าของห้องตัวจริงชวนคุย ผมพยักหน้า ลืมไปมันมืดมองไม่เห็นเลยเปลี่ยนเป็นตอบออกเสียงแทน
 
   “ใช่ เล่ร่าเริงตลอดจนคนอื่นเข้าใจว่าทั้งชีวิตไม่มีเรื่องเศร้า ทั้งที่ความจริงเจ้าตัวเป็นคนอ่อนไหว” ผมว่าตัวเองเป็นเกย์หนักแล้วยังไม่เท่าเล่ รูปร่างหน้าตาออกไปทางผู้หญิง แรงป้องกันตัวยังไม่มี อาศัยบารมีพ่อกับความมองโลกในแง่ดีของเจ้าตัวถึงผ่านมาจุดนี้ได้
 
   “เป็นห่วงเหรอ” หนุ่มเถื่อนพลิกมานอนตะแคงข้างหันหน้าเข้าหา ยื่นมือมากุมมือผมไว้ใต้ผ้าห่ม
 
   “เพื่อนนี่นะ ไม่ใช่แค่กูที่ช่วยเล่อย่างเดียว ตัวกูเองก็ได้เล่ช่วยไว้หลายเรื่อง”
 
   ผมหลับตานึกถึงภาพในอดีต เล่ช่วยพาผมไปโรงพยาบาลหลังถูกซ้อมปางตายไม่ห่วงว่าชุดตัวโปรดของตัวเองจะเปื้อนเลือดจนซักไม่ออก ในวันที่ผมท้อแท้กับครอบครัวและคนรอบข้างที่กดดันเรื่องความชอบของตัวเองมีเล่คอยนั่งเป็นเพื่อน ให้กำลังใจ พาผมไปพบกับพ่อของเล่จนเจอทางสว่าง นับๆ ดูแล้ว ผมช่วยเล่ยังไม่ได้ครึ่งที่เล่ช่วยผมด้วยซ้ำ
 
   “ไม่ต้องกังวลไป กูจะไม่ขอให้มึงเชื่อมั่นในตัวเพื่อนกู แต่ถ้าวันไหนวาทำผิด กูจะอยู่ข้างมึงช่วยอัดมันแทนเล่เอง”
 
   ทีแรกคิดว่าจะช่วยพูดให้เพื่อนตัวเอง ไหงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ ผมหัวเราะหันมาสบตาคม
 
   “โอเค กูไม่เชื่อเพื่อนมึง แต่กูเชื่อในตัวมึง นอนเถอะ พรุ่งนี้รับศึกหนักอีกเยอะ มึงอย่าได้ดูถูกพลังชีวิตอันล้นเหลือของเล่เชียว”
 
   “อืม ฝันดี”
 
   ซันขยับมาจูบปากราตรีสวัสดิ์ มันทำตอนตื่นและก่อนนอนทุกวันอย่างที่มันเคยลั่นวาจาไว้ ผมหลับตา บอกราตรีสวัสดิ์มันเบาๆ
 
   ท้องฟ้าสดใส เมฆลงกำลังดี เหมาะแก่การเล่นน้ำอย่างยิ่ง เราสี่คนลงจากรถตามเวลานัด ซันสะพายเป้ใบหนึ่งบรรจุของจำเป็นของผมกับมัน ทางวา นอกจากเป้ใส่ชุดเจ้าตัวแล้ว ยังมีกระเป๋าสะพายใบโตของเล่อีก กระเป๋าลายดอกไม้ไม่เข้ากับหน้าคนสะพายจริงๆ
 
   “พวกนั้นอยู่ไหนวะ”
 
   หนุ่มเถื่อนถามลอยๆ ผมช่วยกวาดตามอง เห็นเฮียเฟย์กับปอนด์ลงมาจากรถ ตรงมาหาพวกเรา สองคนนี้มีกระเป๋าสะพายใบใหญ่แค่ใบเดียว คาดว่าในนั้นพื้นที่ร้อยละเก้าสิบเป็นของเพื่อนตัวเล็กที่พี่ชายแสนดีเตรียมไว้ให้ พวกเราทักทายแนะนำตัวกันเล็กน้อย เพราะทั้งคู่ยังไม่เคยเจอวากับเล่
 
   รออีกไม่กี่นาที รถสีดำคันหรูอย่างกับหลุดมาจากหนังมาเฟียจอดเทียบข้างรถซัน มิทในชุดเสื้อเชิ้ตสีอ่อนกางเกงยีนเอวต่ำตามสไตล์ที่มันชอบ ถอดแว่นกันแดดเดินลงมาจากรถ เห็นแวบๆ ว่าด้านในมีคนนั่งอีกสองคน มีเพียงคนเดียวที่เดินตามมิทลงมา เขาเป็นหนุ่มไทยแท้ผิวสองสี ใบหน้าดุดันกลับยิ้มใจดี
 
   “สวัสดีครับเฮียเฟย์” มิทยกมือไหว้ผู้ใหญ่ในกลุ่มค่อยหันมาทักทายพวกผม
 
   “ไงพวกมึง มารอกันนานยัง”
 
   “ไม่กี่นาที นั่นใคร” น้ำเสียงราบเรียบมาจากเจ้าตัวขี้ห่วงเพื่อน ซันจ้องเขม็งไปทางชายวัยกลางคน มิทหัวเราะตบบ่าคนตัวสูงกว่าปุๆ แบบไม่เกรงใจว่าอีกฝ่ายอายุเยอะกว่า ทางนั้นเองแค่ยิ้มรับไม่ถือ
 
   “คนนี้พี่อาคม... พี่เลี้ยงกูเอง พอดีมีป๋าขี้หวงเลยต้องพาพี่เขามาด้วย” มิทแนะนำชายคนนั้นกับพวกเรา ก่อนแนะนำเพื่อนทุกคนบ้าง ส่วนซัน พอได้ยินว่าเป็นคนของพ่อมิทเลยวางใจไม่ซักไซ้อะไรต่อ ซันเอ๊ย คงยังไม่รู้สินะ ป๋าในความหมายของมิทคือป๋าจริงๆ ไม่ใช่พ่อ ผมเชื่อว่าคนอื่นพอจะดูออกเหมือนกัน แต่ทุกคนเลือกที่จะไม่พูด มันเป็นเรื่องส่วนตัว บรรยากาศทำความรู้จักเลยผ่านไปได้ด้วยดี
 
   ไอ้คนสุดท้ายที่นัดชาวบ้านไว้ดันมาสาย ริวรีบกระโดดลงจากรถแท็กซี่พุ่งมาขอโทษขอโพยพวกเราเป็นการใหญ่ ความจริงถ้าไม่มีผู้ใหญ่อย่างเฮียเฟย์กับพี่อาคมมันคงไม่สำนึกหรอก
 
   ตั๋วเข้าสวนน้ำทั้งหมด ถูกแจกจ่ายให้คนละใบ พวกเราดันมาในวันหยุดที่มีคนเยอะ แถมเดินเป็นกลุ่มใหญ่มีแต่คนหน้าตาดี จะตกเป็นเป้าสายตาก็ไม่แปลก ผู้หญิงหลายคนมองเล่ในชุดสาวน้อยด้วยความอิจฉา เป็นสาวหนึ่งเดียวในกลุ่มชาย นี่ถ้าพวกเธอรู้ความจริง จะยังมองเล่แบบนี้ไหม ผมละหน่าย
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่11 Up29/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: PiSCis ที่ 29-02-2016 20:43:01
โธ่~ นึกว่าจะได้เจอป๋าของมิทซะอีก กลายเป็นบอดี้การ์ดมาแทนซะนี่  :hao3:

ซันโป้นี่เขาก็หวานแบบเถื่อนหน่อยเนอะ  :laugh: แต่เราชอบบบบบบบ

วาเล่นี่ก็ดี๊ดี  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่11 Up29/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 29-02-2016 20:58:24
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่11 Up29/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 29-02-2016 21:01:24
 :katai2-1:   น่าสนุกจัง. หลายคู่ก็ฟินหลายต่อ
ออชั้นว่างานนี้ใครเข้ามาจีบมิทต้องโดนอุ้มแหงๆเลยเนอะ
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่11 Up29/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 29-02-2016 22:42:31
อยากอ่านคู่มิททท

จะเปิดเรื่องใหม่ป่ะคะ??
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่11 Up29/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 29-02-2016 22:54:25
ทริปนี้ น่าสนุกมากนะครับ
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่11 Up29/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 29-02-2016 23:43:34
อยากอ่านคู่มิททท

จะเปิดเรื่องใหม่ป่ะคะ??

เปิดครับ มาเป็นคิว

1 หนุ่มวายยกกำลังสอง เฟย์-ปอนด์ [กำลังแต่ง]
- โชตะ หนุ่มวาย อบอุ่น น่ารัก พี่ชายน้องชาย
2 เป็นเกย์กันมั้ย? ซัน-โป้ [กำลังแต่ง]
- เพื่อน รูมเมท ฮาร์ดคอ เฮฮา
3 Contract ป๋า-มิท [รอคิว]
- มาเฟีย ทำสัญญา
4 ??? ริว-ธัน
- รุ่นพี่กับรุ่นน้อง ชิวๆ สบายๆ
5 ??? วา-เล่
- ขบขัน หน่วงจิต สาวดุ้น(?)

5 คู่ตามนี้ครับ  o13
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่11 Up29/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: เมื่อนั้นฝันว่า ที่ 01-03-2016 11:20:34
น่าร้ากก :mew1:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่11 Up29/2/59
เริ่มหัวข้อโดย: Bk borz. ที่ 06-03-2016 17:58:28
นานแล้วน่ะที่ไม่มาต่อรออยู่น่ะ.
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่12 Up8/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 08-03-2016 19:12:14
ยกที่12 สวนน้ำ(1)
 
   พวกเรากลุ่มบอยแบนด์เดินคุยกันเข้าสวนน้ำ ผมขยับถอยไปคุยกับมิทที่เดินรั้งท้ายกำลังสนทนาอะไรสักอย่างกับคนติดตาม ดูทั้งคู่สนิทสนมกันดี
 
   “สองคนที่อยู่ในรถปล่อยไว้แบบนั้นไม่น่าสงสารแย่เหรอ”
 
   ผมถามถึงบอดี้การ์ดมิทอีกสองคน เพราะตั๋วมีจำนวนเท่านี้พวกเขาเลยต้องนั่งรอในรถ ทั้งที่ความจริงควักตังจ่ายเข้ามาก็ได้ ตั๋วราคาไม่กี่ร้อย ส่วนคนตอบไม่ใช่มิท แต่เป็นคุณอาคม
 
   “เจ้าสองตัวนั้นไม่เป็นไรหรอกครับ มันเป็นหน้าที่ อย่างผมก็ไม่ได้มาเล่นเหมือนกัน มาช่วยเฝ้าของเฉยๆ”
 
   รอยยิ้มใจดีเหมือนพี่ชายมองน้องชายชวนให้คนมองรู้สึกวางใจแม้อีกฝ่ายจะตัวหนาใหญ่ก็ตาม
 
   “เดี๋ยวสองคนนั้นหาเรื่องสนุกได้เองแหละ โป้ไม่ต้องสนใจ ไปสนใจทางนู่นดีกว่า”

   มิทหัวเราะชี้ไปทางซันเดินคุยกับวา ผมเห็นสองคนคุยกันตามประสาเพื่อนซี้ปกติดี ไม่เห็นมีอะไรต้องห่วง ก่อนสายตาเหลือบไปเห็นร่างบางของเล่ซึ่งกำลังตกเป็นเป้าสายตาชาวบ้าน ที่สำคัญ... เจ้าตัวยังวิ่งไปวิ่งมาแบบไม่กลัวหลง ได้ข่าวเพิ่งมากรุงเทพครั้งแรก สังคมมันต่างกันนะเฮ้ย วิ่งมั่วแบบนั้นเดี๋ยวหลงทางเจอคนไม่ดีแหง ผมเลยโบกมือให้มิทเป็นเชิงขอบคุณ ผงกหัวขอตัวจากคุณอาคมแล้วเดินตรงดิ่งไปคว้าแขนเล่
 
   “อย่าวิ่งพล่าน ที่นี่ไม่ใช่เชียงใหม่นะมึง”
 
   ผมถลึงตาดุใส่เล่ เจ้าตัวหันมายิ้มหวานให้เกาะแขนผมเริงร่า ดูเด็กยิ่งกว่าปอนด์อีก ทางนั้นเขาเดินคุยกระหนุงกระหนิงอยู่กับเฮียเฟย์ เปลี่ยนพื้นที่โดยรอบเป็นเลิฟโซนของเราสอง ฝั่งเจ้าริวเดินไปกอดคอกับมิทแล้ว สมเป็นคู่หูคู่ป่วน
 
   “ที่นี่สวยจัง คนเยอะแยะเลย มีแต่คนหน้าตาดีด้วย กรุงเทพดีเนอะ รู้งี้ขอป๋ามาเรียนกรุงเทพมั้งดีกว่า”
 
   แก้มขาวพองลม ผมใช้มือจิ้ม
 
   “ดูดีแค่ภายนอก ภายในไม่น่าไว้ใจหรอก ทุกคนใส่หน้ากากเข้าหากัน มึงไปไหนต้องระวังอย่าไปคนเดียว ต้องให้กูหรือไม่ก็วาไปด้วยเข้าใจนะ”
 
   กลับมาดูแลเล่แบบนี้ ผมไม่รู้สึกอึดอัดใจเลยสักนิด ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ เล่หัวเราะเสียงใสตะเบ๊ะรับ จู่ๆ ไม่รู้ซันมันมาจากไหน โผล่มาแยกพวกเราออกพร้อมกับวาที่ดึงแขนเล่ไปอยู่ใกล้ตัว สองสหายมองหน้ากันคล้ายกับทำไปโดยไม่รู้ตัวทั้งคู่ พอผมกับเล่มองถามก็หันหน้าหนีไปคนละทาง วาลากเล่ไป ซันดึงผมมา อะไรของพวกมัน
 
   “เป็นไรเนี่ย เมื่อกี้ยืนคุยดีๆ ไหงมากวนกูได้”
 
   “ทำไมมึงต้องคุยใกล้ชิดกับเล่ขนาดนั้นด้วย” คิ้วซันขมวดบี้ยุงตาย ผมใช้นิ้วจิ้มขยี้ให้คลายออก ทำหน้าโหดซะคนผ่านไปผ่านมาถอยหนีหมดแล้ว
 
   “เล่เป็นเพื่อนสนิทกูนะ เหมือนมึงกับวาไง”
 
   “ไม่เหมือน กูไม่ต้องดูแลวาแบบนั้น” เด็กโข่งออกอาการงอแง ผมคิดภาพตาม ซันกับวามาดูแลงุ้งงิ้งแบบผมกับเล่ ผู้ชายตัวสูงใหญ่สองคนจับมือถือแขน ยิ้มแย้มหยอกล้อ เหวย! สยองเกินไปแล้ว โอ๊ยย ภาพติดหัว ผมเอาหัวไถกับแขนซันหมายจะไล่ภาพในหัวออกไป
 
   “เป็นบ้าอะไรมึงเนี่ย ฮ่าๆ” ไอ้ซันขำ ทั้งที่มันเป็นต้นเหตุ เลยจัดฝ่ามือตบหลังมันอั๊ค มันหันมาถลึงตาใส่ยกมือลูบหลังป้อยๆ ถ้าถอดเสื้อคงเป็นรอยครบหานิ้วชัวร์
 
   “พอ เลิกพูดเรื่องนี้ หาที่นั่งดีกว่า”
 
   ตัดบทซันชวนมันคุยเรื่องอื่น ก้มดูแผ่นพับแผนที่สวนน้ำในมือที่ผมคว้ามาตอนจ่ายตั๋ว สวนน้ำที่นี่มีขนาดกว้างมาก แบ่งเป็นโซนสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ชัดเจน
 
   โซนเด็กจะเป็นพวกรูปปั้นสีสันสวยงาม น้ำตื้นๆ แค่ตาตุ่มจนถึงประมาณเข่าผม กระดานลื่นคุณช้าง ใบบัวให้นั่งเล่นกับกบพ่นน้ำ เป็นโซนที่พวกเราไม่มีใครเหยียบเข้าไปแน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์
 
   ถัดมาจะเป็นโซนสำหรับทุกเพศทุกวัย อย่างน้ำวนที่เลี้ยวลดคดเคี้ยว ถ้านึกภาพไม่ออกผมจะอธิบายให้ฟัง อารมณ์เหมือนแม่น้ำเป็นทางให้เดินเล่นไปเรื่อยๆ ชมต้นไม้ ดูโซนน้ำอื่นๆ น้ำจะลึกประมาณอก ขอบๆ จะมีบันไดให้ขึ้นเป็นระยะ กับตัวพ่นใต้น้ำ ถ้าลอยตัวนิ่งๆ คือลอยไปตามกระแสน้ำเลย
 
   หวาดเสียวขึ้นอีกหน่อย ตระกูลกระดานลื่นหรือสไลเดอร์ที่หลายคนเรียกกัน มีทั้งลื่นแบบเป็นรุ้งเจ็ดสี มีขั้นต่ำ กลาง สูงให้พวกเด็กโต วัยรุ่น ผู้ใหญ่เขาเล่นกัน อีกอันจะเป็นแบบท่อคดเคี้ยวลงมา นับว่าที่นี่มีให้เลือกหลายแบบเลยทีเดียว ผมมั่นใจเลยว่ากลุ่มเราทุกคนต้องรุมที่นี่แน่
 
   โซนสุดท้าย โซนแห่งความสงบ เป็นสระกว้างใหญ่ขนาดสี่เหลี่ยมผืนผ้าแบบสระน้ำทั่วไป สำหรับให้ผู้ใหญ่ว่ายน้ำออกกำลังกาย
 
   โดยแต่ละโซนจะมีจุดอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อความสะดวก หลังจากปรึกษากันเสร็จ พวกเราตัดสินใจเลือกลากโต๊ะกลมมาต่อกัน เหมาเก้าอี้หลายตัวแถวน้ำวนเป็นที่ปักหลัก สามารถเดินไปทุกโซนได้ไม่เว้นกระทั่งโซนร้านอาหาร เหมาะแก่การตั้งเป็นจุดนัดหลังแยกย้ายกันไปเล่นสุดๆ
 
   หน้าที่เฝ้าโต๊ะไม่พ้นคุณอาคม ทุกคนเดินไปเปลี่ยนชุดว่ายน้ำล้างตัวเตรียมลงเล่น ด้วยความที่เป็นผู้ชายกันยกกลุ่ม ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีในการเปลี่ยนชุดมานั่งอยู่ที่โต๊ะ ยกเว้นเล่แค่คนเดียว ป่านนี้ยังไม่ออกมา ส่วนวาก็รอด้านใน
 
   เฮียเฟย์เริ่มรื้อสารพัดอุปกรณ์ให้เพื่อนตัวเล็ก หมวกว่ายน้ำ แว่นตา ครีมกันแดด ไอ้พวกผมมันสายลุย คงครีมอะไรไม่จำเป็น
 
   “ไม่ทาได้มั้ยพี่ โป้ยังไม่ทาเลยอะ” ระหว่างนั่งมองหนุ่มสาวในชุดว่ายน้ำเพลินๆ ปอนด์ดันลากผมเข้าไปเอี่ยวในบทสนทนา เฮียเฟย์หันมองผมสลับกับปอนด์
 
   “ไม่ได้ ยังไงก็ต้องทา เตรียมผิวไหม้แสบตายกันพอดี ความจริงโป้ควรทาด้วยนะ” เจอเสียงนุ่มเจือดุเฮียเฟย์เข้าไปทำเอาผมยิ้มแห้ง
 
   “ไม่ดีกว่า ผมอยากผิวแทนบ้าง ขาวเกินไปมันไม่เท่” ปฏิเสธด้วยรอยยิ้ม เฮียเฟย์เข้าใจไม่คิดเซ้าซี้หันไปวุ่นวายกับปอนด์ต่อ จับพลิกซ้ายพลิกขวาเหมือนปิ้งหมูแล้วทาครีมทั่วตัว จังหวะที่คิดว่าจะรอด ซันมันเดินมาขอครีมต่อจากเฮียเฟย์บีบใส่มือจ้องมาทางผม
 
   “อะไรมึง จะทาก็ทาไปดิ มองดูทำไม แต่ถึงมึงทาไปก็ไม่ขาวขึ้นหรอกนะ ดำขนาดนี้กู่ไม่กลับแล้วมึง” ผมยักคิ้วแซวมัน
 
   “กูไม่ทาอยู่แล้ว มึงต่างหากที่ต้องทา หันหลังมา”
 
   “เฮ้ย! บอกว่าไม่ทาไง อยากผิวแทนเข้าใจวัยรุ่นหน่อย”
 
   “วัยรุ่นหน้ามึงดิ กูไม่อยากให้มึงดำ กูอยากให้มึงขาว”
 
   “แต่กูอยากดำ ตัวกูมึงบังคับไม่ได้” ทุกวันนี้อุตส่าห์คล้ำกว่าตอนอยู่เหนือแล้ว ผิวขาวมากเกินไปมันแย่เหมือนกันนะ ผู้หญิงคงดูดี แต่ผู้ชายมันดูเจ้าสำอาง ที่สำคัญเดินทีไรสะท้อนแสงตลอด ยิ่งใส่สีขาวกับสีดำยิ่งหนัก พวกผู้หญิงที่คณะผมแทบเอาผงถ่านมาสาดใส่ ต่อให้เป็นผู้ชาย เป็นฝ่ายรับ ผมก็ยังอยากหล่อนะเว้ย
 
   ระหว่างที่ผมกับซันกำลังทำสงครามสายตา มิทที่นอนเหยียดใส่แว่นกันแดดอยู่บนเก้าอี้ยาวเอ่ยแทรกขึ้นมา
 
   “มันแค่อยากให้เมียขาว โป้ยอมทาๆ ไปเหอะ เดี๋ยวลงน้ำแปบๆ แม่งก็หายหมดแล้ว”
 
   ปากมันพูดนะ แต่มันอาการหนักที่สุด บรรดาขวดครีมบนโต๊ะนั่นคืออะไรวะครับ! แบ่งแยกประเภทเสร็จสรรพ ทาหน้า ทามือ ทาตัว ยังไม่นับหลอดบำรุงผิวที่อยู่ในกระเป๋าข้างคุณอาคมอีก ฝ่ายนั้นรับหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดดีเกินไปรึเปล่า คอยส่งครีมให้มิททาตามขั้นตอน
 
   เฮียเฟย์ที่ว่าดูแลลูกแมวดียังยกมือขอยอมแพ้ไปเลย บ้ามากกว่าผู้หญิงอีก!
 
   ซันเหมือนพบหนทาง มองครีมของมิทสลับมองครีมที่มันบีบค้างในมือแล้วยกยิ้มเหนือกว่า
 
   “โป้ มึงจะยอมทาดีๆ แค่รอบเดียวหรือจะให้กูบอกมิทจัดการ”
 
   ผมขมวดคิ้วใส่ สีหน้ายียวนน่าถีบเป็นบ้า เล่นไม้นี้ใช่มั้ย ได้!!
 
   “ถ้ากูทา มึงต้องทาด้วย ไม่งั้นก็ไม่ต้องทาทั้งคู่” ไอ้ซันหน้าหงิก มิทหัวเราะลั่น ขณะเฮียเฟย์ส่ายหัว ส่วนเพื่อนตัวเล็กมองผมกับซันตาวิบวับ คุณอาคมเปลี่ยนตัวเองเป็นฉากประกอบโดยสมบูรณ์ ให้มันรู้ซะบ้างว่าใครเป็นใคร เคยได้ยินไหม เหนือจอมยุทธยังมีมนุษย์เมีย!
 
   ผ่านไปหนึ่งนาทีกับการจ้องตาจนแทบท้องกว่าไอ้ซันจะยอมอ่อนลง
 
   “เออ” 
 
   มึงบอกเออ แต่น้ำเสียงมึงไม่เต็มใจขั้นสุด มือหนาที่มีครีมป้ายใส่อกผมแล้วทาๆ แบบละเลง พอหมดมันนั่งหันหลังให้ผม ยัดขวดครีมใส่มือ ผมส่ายหัวขำๆ กับอาการงอนของซัน มือบีบครีมบรรจงทาให้บ้าง ผิวมันหยาบมาก บ่งบอกว่าไม่ดูแลเลย หนักกว่าของผมอีก แม้ผมจะไม่ดูแลเท่ามิท แต่มีปะแป้งทาครีมบ้างเวลาอากาศหนาวหรือผิวแห้งมากๆ
 
   ทาช่วงตัวเสร็จ มันยกขามาพาดขาผม เลิกคิ้วเป็นเชิงบอกให้ทา นี่สรุปจะไม่จบศึกนี้ง่ายๆ สินะ จับทาแล้วดึงขนหน้าแข้งแม่งหมั่นไส้ ไอ้ถึกขี้งอนเอ๊ย
 
   “โอ๊ย! มึงทำเชี่ยไรเนี่ย”
 
   “บ่นไร ทาหลังให้กูด้วย”
 
   ผมสั่งมันกลับ ไม่ติดว่าอยู่ในที่สาธารณะ ผมจะกระโดดคร่อมตักแกล้งมันแล้วนะเนี่ย ตอนนี้คงเอาคืนเล็กๆ น้อยๆ ไปก่อน ไว้คิดบัญชีทีเดียวที่บ้าน
 
   สัมผัสจากมือร้อนทาบนแผ่นหลัง มันดูเก้ๆ กังๆ ต่างจากตอนทาด้านหน้า พอหันไปมองมัน ซันกำลังก้มมองลงต่ำ มือเลื่อนจนเกือบถึงสะโพก... พอเห็นว่าผมมอง เจ้าตัวทำทีเป็นหันไปทางอื่น ไม่รู้ไม่ชี้ ผมเลยหยิกเอวเป็นรางวัล เขียวเลยมั้ยล่ะมึง คิดอกุศลเรอะ คนที่คิดได้คือกูคนเดียวเฮ้ย
 
   ซันยกมือลูบเอวตัวเอง ปากบ่นอุบอิบ
 
   “มึงแม่งทำร้ายร่างกายกูจริง ตอนเป็นเพื่อนไม่เห็นเป็นงี้ ไหงเป็นแฟนมึงดุเยี่ยงหมาวะ”
 
   อือหือ นั่นหรือคือปาก ผมง้างมือจะซัดอีกสักที ซันรีบยกมือกัน เห็นท่าทางแบบนั้นทั้งขำทั้งสงสาร จริงอย่างที่มันพูด เป็นแฟนกันแล้วผมลงไม้ลงมือกับมันบ่อยมาก คงเพราะสนิทใจกันมากขึ้น และเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ต้องเว้นระยะแบบเพื่อนเลยทำอะไรตามใจตัวเองไปหน่อย
 
   “ไม เสียใจที่คบกับกูรึไง” แกล้งถาม มันส่ายหัวขวับทันที
 
   “ไม่ ต่อให้กลับไปเลือกได้กูก็จะคบกับมึง แค่ขอให้มึงเบาๆ มือหน่อย กูช้ำเขียวไปมหา’ลัยทุกวัน...” โธ่เอ๊ย พ่อคนเก่ง ทำไมท้ายประโยคเสียงมันเบาขนาดนั้นฮึ ผมยื่นมือไปลูบๆ ตรงจุดที่มันโดนบิดเนื้อ
 
   “โอ๋ๆ ภรรเมียจะพยายามเบามือนะครับ คุณผัวมึงก็อย่ากวนตีนกูให้มันมากนัก”
 
   “ได้ไง ความสุขกู!” หนุ่มเถื่อนสวนกลับ ผมชักสีหน้า ซันเลยรีบมองซ้ายมองขวาพยายามเปลี่ยนเรื่อง
 
   “เออมึง ริวมันหายไปไหนวะ”
 
   ทำเป็นมองหาใหญ่ ที่ผ่านมาไม่เคยเห็นหัวมันเหอะ
 
   “มันไปคุยโทรศัพท์ กูจำได้ว่ามึงยังชี้หาที่หลบมุมให้มันอยู่เลยนะ” ผมมองตามซันเห็นริวยิ้มระริกระรี้ส่ายหาง สายที่ว่าหนีไม่พ้นรุ่นพี่ธันสุดที่รักของมันแหง
 
   “วากับเล่ไปนานเนอะ” ปอนด์ชวนคุย
 
   อันนี้ผมเห็นด้วย แม่งไปนานจริง นี่มันไปเปลี่ยนชุดกันที่ดาวนาเม็กรึไง พวกผมนั่งรอจนครีมระเหยหมดแล้ว
 
   “เดี๋ยวกูไปดูพวกมันหน่อยดีกว่า” ผมลุกอาสา ซันตั้งท่าจะไปด้วย มิทดึงแขนพวกผมเอาไว้ก่อน พลางพยักเพยิดหน้าไปทางห้องเปลี่ยนชุด เห็นสองร่างคุ้นตากำลังเดินมาพอดี
 
   จริงสิ ผมยังไม่ได้บรรยายชุดว่ายน้ำของแต่ละคนเลยใช่มั้ย ผม วา ซัน ริว ใส่กางเกงสี่ส่วนสำหรับลงน้ำเหมือนกัน เฮียเฟย์ใส่กางเกงว่ายน้ำสีเข้มธรรมดาแต่ตอนนี้ใส่กางเกงทับไว้เห็นโผล่มาแค่ขอบๆ คงจะถอนตอนลงน้ำ ฝั่งปอนด์ ไม่ต้องถามก็รู้เลยว่าใครเลือกชุดให้ เป็นชุดว่ายน้ำแบบเต็มตัวแขนขาสั้น เฮียนี่ขี้หวงจริงๆ เจ้ามิทร้ายสุด มันใส่กางเกงว่ายน้ำสีดำสุดหวิว เห็นมันเซลฟี่ส่งรูปไปให้ใครบางคนด้วย ป๋ามันชัวร์เชื่อผม โป้รู้โป้เห็นโป้เดาได้
 
   และผู้ชาย เอ่อ... ผู้หญิงคนเดียวในกลุ่ม เล่มาในชุดว่ายน้ำทูพีซสีชมพูอ่อนหวาน ท่อนบนเป็นระบายช่วยพรางอก ส่วนท่อนล่างกระโปรงพลิ้วสองชั้น เดินมานี่ผู้ชายมองกันเหลียวหลัง ลำบากวาโอบเอวแนบชิดจนแทบจะรวมร่าง
 
   ทุกคนพากันอึ้ง ริวกลับมายังยืนตาโตอ้าปากค้าง รีบจ้ำมายืนข้างผมป้องปากกระซิบ
 
   “เพื่อนมึงเป็นผู้หญิงเหรอวะ ไหนบอกว่าเป็นผู้ชายไง”
 
    “ผู้ชาย”
 
   “กูไม่เชื่อ ผู้ชายอะไรมีหน้าอกแถมใส่ทูพีทน่ารักขนาดนี้”
 
   เหล่ตามองริว มีซันจ้องเสริมว่าไม่เชื่ออีกคน ผมถอนหายใจ กวักมือเรียกเล่เข้ามาหา วายอมปล่อยเอวเมื่อถึงโต๊ะ ได้กลิ่นของครีมกันแดด สงสัยที่นานเพราะมัวทาครีมกันอยู่ด้านใน
 
   “โป้เรียกเล่มีอะไรเหรอ จะเล่นน้ำใช่ปะ รอแป๊บนะ เล่ให้วาไปเช่าหวงยางก่อน” ร่างบางกระดี๊กระด๊า ผมไม่พูดอะไร ก้มลงจับกระโปรงว่ายน้ำแล้วเปิดขึ้นก่อนจะปล่อยลงภายในไม่กี่วินาที เพียงแค่นั้นก็มากพอที่จะใช้เป็นหลักฐานยืนยัน ซันหันหน้าหนี ริวตัวแข็งทื่อ มิทชะโงกดูอย่างสนใจ เฮียกับลูกแมวกลับเข้าไปอยู่โลกนี้มีเพียงเราสองและคุณอาคมเป็นฉากหลังเช่นเดิม
 
   “ว๊ายยย โป้ทำอะไรก็ไม่รู้อะ ชอบเปิดกระโปรงเค้าอยู่เรื่อย”
 
   เล่มองออกว่าผมทำไปเพื่ออะไร โวยวายพอเป็นจริตแล้วขยิบตาให้ซันริว ก่อนจะกระโดดโลดเต้นเกาะหลังวา เดินเคียงคู่ไปเช่าห่วงยาง ผมยักคิ้วใส่
 
   “ชัดเจนยังพวกมึง”
 
   “ชัดเลยเป็นดุ้น” หนุ่มญี่ปุ่นดึงสติกลับมา มีซันพยักหน้าเสริม ผมตบบ่าทั้งคู่
 
   “มากันครบแล้ว ไปเล่นน้ำกัน” มองชวนทุกคน เฮียเฟย์ลุกขึ้นพร้อมปอนด์ที่กอดโลมาเป่าลม ไม่รู้งัดมาตอนไหน
 
   “พี่กับปอนด์ว่าจะไปเล่นน้ำวนพวกเราล่ะ”
 
   “คงไปเล่นเจ้านั่น” ซันชี้ไปทางสไลเดอร์ ที่เหลือพยักหน้ารับ
 
   “งั้นแยกกัน ไว้จะไปสมทบนะ” ปอนด์โบกมือให้เดินลงน้ำไปกับเฮียเฟย์ มิทลุกขึ้นสวมกางเกงแบบพวกผม
 
   “มองไร กูไม่บ้าใส่ตัวนี้ไปเล่นของหวาดเสียวเพียวๆ หรอก”
 
   ว่าอยู่ ผมฝากของกับคุณอาคม เดินไปเจอวากับเล่เดินสวนมาพอดีเลยไปด้วยกัน เห็นเล่แบบนี้ชอบเล่นของหวาดเสียวเหมือนกันนะ ความจริงเจ้าตัวไม่ใช่ตุ๊ดหรือกระเทย เป็นเกย์ที่ชอบแต่งหญิงแล้วเสือกแต่งขึ้นเฉยๆ งานไหนทางการหรือขี้เกียจแต่งตัว เล่ก็ใส่ชุดผู้ชายปกติ
 
   อันแรกที่เราเล่นคือแบบอุโมงค์นั่งต่อแถวกันลงมา แน่นอนว่าริวอยู่หน้าสุด ถัดมาเป็นวา ตามด้วยซัน ผม เล่ และมิทปิดท้าย สาเหตุที่ให้ริวอยู่หน้า เพราะทุกคนไม่อยากโดนรุมทับ เล่อยู่ด้านหลังด้วยเหตุผลเดียวกัน จำเป็นต้องปิดด้วยมิท เผื่อมีคนลื่นตามลงมา มันตาไวจะได้บอก แม้พนักงานจะกะเวลาไว้ มันไม่ค่อยช่วยอะไรเท่าไหร่ ในเมื่อเวลาเล่นชอบติดคาอุโมงค์ทู้กที
 
   น้ำที่ปล่อยออกมาทำให้มันลื่นพากันไหลไปตามอุโมงค์ จังหวะมีละลอกน้ำมาจากทางด้านหลังบ่งบอกว่ามีคนใกล้มาถึงเรา
 
   “เฮ้ย มีคนมาวะ สงสัยต้องสละเรือ”
 
   สละเรือในความหมายมิทคือเลิกเกาะกันเป็นแพ วายกเท้ายันริวลงไปคนแรก เสียงแหกปากโวยวายไม่อาจสู้เสียงหัวเราะสะใจของเพื่อนได้ ริวแม่งโคตรเทพ มันเกาะตรงขอบอุโมงค์ ปล่อยให้ผมกับซันไปก่อน ตัวเองค่อยซ้อนประกบเล่ มิทเลวสุด มันเปลี่ยนท่าเป็นคว่ำหน้า พุ่งหลาวแทรกพวกเราทุกคนลงไปแล้ว
 
   สาเหตุที่คว่ำหน้ามันไวกว่านั่งเพราะน้ำหนักตัวมันถ่ายไปทั่ว ไม่รวมที่ก้นให้ถ่วงอย่างเดียว เรื่องนี้ห้ามลอกเลียนแบบ มันอันตรายแต่สนุกมาก!
 
   มิทมาถึงน้ำคนแรก มันรีบว่ายหลบเท้าอย่างคนหนีตาย ในขณะริวพุ่งตามไป ซันผมชนหลังมันในน้ำเต็มๆ จุกคู่ โดนเล่กับวามาซ้ำเติมอีก แทบจะโงหัวไม่ขึ้น พอตั้งตัวได้ก็รีบหอบหิ้วกันหลบเท้าคนอื่น ความจริงเล่นกันแค่คนสองคนมันไม่ลำบากขนาดนี้หรอกเป็นพวกผมอุตริเอง
 
   “แค่ก! น้ำเข้าจมูก เมื่อกี้ใครถีบหลังกูวะ” ริวบ่นอุบ จมูกแดงหมด มีมิทช่วยทุบหลังไม่รู้ช่วยหรือตอกย้ำ ผมว่าอย่างหลังแหง
 
   “สนุก ไปเล่นนั่นกันต่อนะ นะ”
 
   เรียกใสของเล่เรียกความสนใจจากพวกเรา นิ้วเรียวชี้ไปทางที่ลื่นแบบนั่งห่วงยางใหญ่ นั่งได้ทีละสองคน นับดูแล้วครบคู่พอดี พอไปถึงเห็นเฮียเฟย์กับปอนด์เข้าแถวรออยู่ สองคนนั้นยอมสละคิวแรกๆ มายืนกับพวกผมจะได้เล่นพร้อมกัน หลังจากนั้นพากันลุยเล่นมันทุกอย่าง แยกเดี่ยวเป็นคู่เป็นกลุ่ม มีครบทุกแนว สวนน้ำที่นี่สุดยอดเป็นบ้า
 
   เล่นพวกนั้นจนเหนื่อย ถึงเวลาแห่งการพัก เฮียเฟย์ ปอนด์ มิทขอตัวไปกลับไปที่โต๊ะ ริววาเล่เล่นแถวนั้นกันต่อตามประสาพวกบ้าพลัง ผมอยากเล่นอะไรชิวๆ บ้างเลยหลบมาน้ำวนกับซัน
 
   “เดี๋ยวพวกแม่งได้เล่นกันจนตูดขาดแน่”
 
   ซันพูดเสียงเจือขำ ผมเคยนะ สมัยซื้อกางเกงว่ายน้ำถูกๆ ลื่นจนขาดอะ โคตรน่าอาย
 
   “ขาดจริงมันก็วิ่งกลับโต๊ะกันเอง แล้วมึงไม่ไปเล่นกับพวกมันไง”
 
   พวกเรากำลังลอยเอื่อยๆ อยู่ในน้ำวน ผมกินแรงซัน เกาะหลังให้มันพาไปตามกระแสน้ำ แม้คนมองพวกเราก็ไม่สน สายตาคนส่วนใหญ่เข้าใจว่าผมกับมันเป็นเพื่อนสนิทกัน บางแค่บางกลุ่มมองออก หนักขนาดเบ้ปากมองแรงใส่แล้วเดินหนีก็มี คนพวกนี้มีปัญหาชีวิต เลยต้องคอยดูถูก กดคนอื่นให้ต่ำกว่า ตัวเองจะได้ดูสูงส่งขึ้น น่ารำคาญ
 
   มือหนาเอื้อมมือจับมือผมที่เกาะบนบ่าตอนผ่านวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง มองหางตาแบบรังเกียจ
 
   “มึงว่ากูควักลูกตามันออกมา เลือดจะเปื้อนสระจนโดนด่ามั้ยวะ” พวกนั้นสะดุ้งเฮือกกับน้ำเสียงเย็นเยือกของซัน ยิ่งหน้ามันเถื่อน ตามันดุ ผวายกกลุ่ม
 
   “คงโดนว่ะ กูว่าเปลี่ยนสถานที่ดีกว่า ในห้องอาบน้ำก็ไม่เลว ล้างเลือดลงท่อไปเลย ไม่ก็ดักเอาตอนหน้าสวนน้ำ พวกมึงมากันเยอะหนิ เรียกมารวมตัวแค่นี้ชิวๆ”
 
   คนฟังกระตุกยิ้มมุมปาก คนมาเยอะน่ะเรื่องจริง แต่คงไม่ได้น่ากลัวแบบที่ผมขู่พวกมันแน่ เล่นเอาพวกนั้นหน้าซีดรีบว่ายหนีไปเลย ผมหัวเราะเปลี่ยนมาลอยข้างมันแทน
 
   “มึงนี่โหดจริงๆ”
 
   “มึงยังมีหน้ามาว่ากูด้วยเหรอ” แขนหนาตวัดกอดคอ ลมหายใจร้อนเป่ารดข้างแก้ม
 
   “ก็พอกันทั้งคู่”
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่12 Up8/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 08-03-2016 19:41:05
ู :pig4:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่12 Up8/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 08-03-2016 19:45:33
 :katai2-1:    โหดและแซบพอๆกันแหละ
ว้าวเล่เป็นสาวดุ้นเสียแล้ว  :z1:   
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่12 Up8/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 08-03-2016 23:19:30
โหดทั้งคู่เลย
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่13 สวนน้ำ(2) Up14/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 14-03-2016 03:05:22
ยกที่13 สวนน้ำ(2)
 
   ผมกับซันเราลอยตัววนในน้ำวนได้สักพัก เริ่มจะเบื่อตามประสาพวกชอบออกแรง ไอ้น้ำวนนี่มันเหมาะกับเด็กน้อย ไม่ก็ผู้ใหญ่ที่มากันเป็นครอบครัวจริงๆ พวกเราเลยเปลี่ยนจากลอยตามน้ำเป็นลูกมะพร้าวในทะเล ใช้น้ำวนแทนรถไฟฟ้าแวะเวียนเล่นสวนน้ำโซนอื่นบ้างเป็นระยะ พอจุใจค่อยกลับมาน้ำวนต่อ ขึ้นๆ ลงๆ มันอยู่นี่แหละ
 
   ขนาดส่วนของเด็กเล่นยังแวะไปเดินดู ผมว่าเขาเข้าใจแต่งดีนะ ทุกอย่างปลอดภัยสีสันสดใส มีตัวละครในนิทานเรื่องดังๆ รอบๆ มีโต๊ะกับร่มให้ผู้ปกครองนั่งพักดูเฝ้าลูกหลาน
 
   เห็นเด็กวิ่งผ่านไปผ่านมา อารมณ์เหมือนยักษ์มาเดินในเมืองคนแคระโดยเฉพาะไอ้ซัน ทำเด็กกลัวเป็นว่าเล่น ทั้งที่มันดูจะชอบเด็กแท้ๆ ผมขำกับสีหน้าผิดหวังของมัน ปลอบใจด้วยการพาไปเล่นส่วนอื่นต่อ
 
   รอบก่อนมากันหลายคน พวกสไลเดอร์บางอย่างยังไม่ได้เล่น ผมกับซันถือโอกาสนี้ลองหมดทุกชิ้นกางเกงแทบไหม้ ขอบคุณจริงๆ ที่ผมเชื่อฟังซันซื้อแบบมียี่ห้อมาถึงได้เล่นแบบจุใจ
 
   ลื่นกันจนเหนื่อยพักในน้ำวนตามด้วยโซนสระปกติ ไหนๆ ก็ไหนๆ มาสวนน้ำทั้งทีถือโอกาสไปว่ายออกกำลังกายหน่อยก็ดี ช่วงแรกว่ายออกกำลังกายกันดีๆ หรอก ช่วงหลังนี่ว่ายแบบเอาเป็นเอาตายแข่งกันอยู่สองคน แน่นอนผมแพ้... น่าเจ็บใจเป็นบ้า
 
   “อย่าทำหน้าบูดแบบนั้นดิ แพ้ก็แพ้ดิวะ ทำเป็นงอน”
 
   น้ำเสียงยียวนกวนส้น ผมปัดนิ้วที่มาจิ้มแก้มทิ้งอย่างไม่ใยดี กูไม่ใช่สาวน้อย กูไม่ได้น่ารัก ไม่ต้องมาทำตัวมุ้งมิ้งขัดกับหน้าตาเถื่อนๆ สงสารคนมอง หันหน้าหนีกันหมดสระแล้วมั้ง
 
   “เดี๋ยวมึงจะโดนพระบาทฟาดพระโอษฐ์น้ำพระเนตรจะไหลหลั่ง”
 
   “กูว่าพระโอษฐ์ฟาดพระโอษฐ์ให้พระเขฬะไหลรินดีกว่านะ”
 
   “พอเลิก คุยกับมึงแล้วกูเพลีย นิสัยคุณชายบื้อออกเถื่อนตอนแรกมันหายไปไหนหมดวะ ตอนนี้กูเห็นแค่ไอ้หื่นตัวหนึ่ง”
 
   “มึงด้วยแหละ เพื่อนแสนสุดชิวกูหาย เหลือแต่เมียขาโหดซ้อมกูได้ซ้อมกูดี เมียหรือหมาวะดุชิบเป๋ง” ท้ายประโยคมันบ่นเสียงเบา แต่ผมเสือกได้ยินชัดเจนทุกถ้อยคำไง
 
   “ไม่พอใจ?” ผมหยุดเดินเลิกคิ้วถาม ตอนนี้เรากำลังจะกลับไปน้ำวนเพื่อกลับโต๊ะ หามื้อเที่ยงกิน
 
   “เปล่าครับคุณเมีย กระผมมิกล้าหือดอก... เดี๋ยวอดตาย”
 
   “รู้ตัวก็ดี หึหึ” หัวเราะในคออย่างผู้ชนะ แข่งว่ายน้ำหรือแข่งอย่างอื่นผมอาจจะแพ้ แต่เรื่องแบบนี้รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ซันไม่ต่อปากต่อคำกับผมต่อ ยอมให้เกาะหลังถ่วงน้ำหนักในน้ำวนจนกลับถึงโต๊ะที่พวกเราอยู่
 
   ตอนนี้ทุกคนกลับมาประจำที่โต๊ะกันหมดแล้ว คาดว่าพยาธิคงเรียกร้องอย่างหนักหน่วง ผมเดินตามซันไปที่โต๊ะ เห็นปอนด์นั่งเบะปากโดยมีข้าวกล่องอยู่ตรงหน้า แม้จะเหลือไม่เท่าไหร่ แต่คาดว่าก่อนหน้านี้มันคงถูกจัดอย่างสวยงามด้วยฝีมือเฮียเฟย์แหง
 
   “เป็นอะไร ใครรังแก”
 
   ผมถามขำๆ ตาเหล่มองริวกับมิททำเป็นมองนู่นมองนี้ไม่รู้ไม่ชี้ เล่หัวเราะเสียงใสอยู่ในร่ม วากลอกตาเอือมระอา
 
   “ไอ้พวกนี้แย่งน้องกินอ่ะดิ แค่พี่ชายเขาไม่อยู่แปบเดียวก่อเรื่อง ระวังเถอะ พี่เขากลับมาพวกมึงจะซวย”
 
   พ่อคนที่สองประจำกลุ่มคาดโทษเหล่าลูกที่ทำผิด พ่อคนแรกอย่างซันแทนที่จะช่วยสั่งสอนกลับหัวเราะลั่น วาขมวดคิ้วสงสัยเบนเป้าหมายมาเป็นเพื่อนตัวเอง ส่วนปอนด์นั่งหน้าบูด
 
   “น้องอะไร มันอายุเท่ากับพวกเรา ลืมไปแล้วเรอะเด็กไอทีที่หลงทางวันนิเทศนั่นไง ตอนนั้นมึงก็อยู่ยังไม่ได้ไปเหนือหนิ แถมพี่ชายที่ว่าน่ะ พี่น้องท้องชนกันนะ”

   ซันไม่พูดผมก็ลืมไปแล้วนะเนี่ย เรื่องมันเป็นงี้ วันนิเทศนักศึกษาใหม่ทุกคนต้องไปรายงานตัวที่คณะตัวเอง แต่ปอนด์ดันหลงไปแถวคณะซัน นั่นเป็นครั้งแรกที่พวกเขาเจอกัน ผมไม่ได้อยู่ในเหตการณ์หลอก ปอนด์เล่าให้ฟังอีกทีสมัยยังเป็นรูมเมทกันอยู่
 
   “มึงอย่ามาอำ” วาทำท่าไม่เชื่อเด็ดขาด ปอนด์หันไปคุ้ยกระเป๋าเฮียเฟย์ที่ฝากฝังของตัวเองไว้ หยิบบัตรนักศึกษาโชว์ให้ดูแบบจะๆ อย่าพูดถึงมิทกับริวเลย สองคนนั้นหัวเราะท้องคัดท้องแข็งแค่ยังไม่ได้ลงไปดิ้นบนพื้นให้เข้าถึงอารมณ์มากกว่าเดิม
 
   “เจ้าตัวยืนยันแล้วนั่น กูเข้าใจวา ขนาดไอ้ซันทีแรกมันยังเข้าใจผิดเลย”
 
   ผมตบบ่าวาที่ยังอึ้งไม่หาย แม้ปอนด์จะเก็บบัตรเข้ากระเป๋าแล้วก็ตาม ซันล็อกคอผมไปซุกอยู่ตรงอกแบบเอาเรื่องแทน
 
   “ตกลงมึงเมียใครกันแน่วะ ไม่เข้าข้างกูเลย”
 
   บ่นได้บ่นไปผมไม่สน คุณอาคมก็เอาแต่ยิ้มขำใส่พวกเรา เฮียเฟย์กลับมาจากห้องน้ำนั่นแหละถึงลูบหัวปลอบเพื่อนตัวเล็ก ชักชวนพวกผมไปหาอะไรกินที่โซนอาหาร ซึ่งไอ้อาหารที่นี่แต่ละอย่างโคตรแพง ถ้าไม่ติดว่าห้ามเอาของกินเข้ามา ผมจะพกข้าวเหนียวเป็นกระติ๊บ ทอดไก่เป็นกาละมังมาแจกเพื่อนให้จุใจ
 
   ซันตัวดี กินไปบ่นไปให้ผมหยิกเอวจะได้เลิกปากหมา คีบลูกชิ้นในชามผมยัดใส่ปากซะ ถึงมันจะตรงใจใครหลายคนแต่ไม่ควรพูดออกมาให้เสี่ยงตีนเฮ้ย!!
 
   หลังอิ่มแบบไม่อร่อยกับมื้ออาหาร ไม่ควรลงน้ำทันทีเลยชวนกันนั่งคุยสักพัก ทุกคนชวนกันไปเล่นทิ้งทวนจนบ่ายสองค่อยกลับมารวมตัวกันหยิบข้าวของแยกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า โปรแกรมต่อไปคือเล่นเครื่องเล่นด้านนอก สวนน้ำที่นี่ไม่ได้มีแค่เล่นน้ำอย่างเดียว พวกเครื่องเล่นแบบสวนสนุก รถไฟเหาะ บ้านผีสิง ม้าหมุน มีครบทุกอย่าง งานนี้พวกเราไม่พลาดชัวร์
 
   ด้วยความห้องอาบน้ำมันว่างน้อย ผมกับซันเสียสละอัดเข้ามาอยู่ในห้องเดียวกัน ห้องในสุดที่ไม่มีใครเดินเข้ามาใช้
 
   “มึงถูสบู่ไปก่อน เดี๋ยวกูสระผมแล้วค่อยสลับกัน”
 
   มีการนัดแนะกันเสร็จสรรพ พวกผมไม่รีบหรอก ลองนึกถึงเพื่อนคนอื่นในกลุ่มสิ มิทมันหนุ่มเจ้าสำอางกว่ามันจะอาบแล้วทาครีมเป็นโหลเสร็จกินเวลาพอสมควร ยังมีเล่สาวน้อยอาบทีเกือบชั่วโมง ฝั่งเฮียเฟย์กับปอนด์ไม่น้อยหน้าดูแลกันเข้าไป ดังนั้นพวกวิ่งผ่านน้ำอย่างเราๆ นี่ค่อยๆ นับอณูฟองรอยังได้
 
   กางเกงยังไม่ถอด ผมขยี้หัวสระผมจนฟองฟอดเห็นไอ้ซันถูสบู่อยู่เลยเผื่อแผ่บีบแชมพูไปละเลงหัวมันด้วย คิ้วเข้มเลิกมอง มุมปากยกยิ้มให้ความรู้สึกแปลกๆ มือถูสบู่จนฟองเต็มมือแล้วเอามาถูตัวผมบ้าง มือหยาบกร้านร้อนระอุลากไล้ไปตามตัวให้ผมถลึงตาจ้องเขม็ง
 
   “น้อยๆ หน่อยมึง กูแค่ช่วยสระผมอย่ามาลวนลาม”
 
   “เอ้า กูก็ช่วยถูสบู่ให้ไง ไม่ดีเหรอ” ปากถามขยับตัวเข้าประชิด มือลากไปตามขาถลกกางเกงว่ายน้ำขึ้นจนเห็นขาอ่อน มึงจะตั้งอกตั้งใจทำความสะอาดให้กูมากไปละ คิดรึว่าผมจะยอมให้มันเล่นฝ่ายเดียว จัดการวางมือบนบ่า เลื่อนลงผ่านแผ่นอกกว้าง เบียดกายเข้าหาหน้าท้องแน่นตึง ก่อนจะบิดหัวนมแม่ง!
 
   “โอ๊ย! มึงเล่นไรเนี่ย”
 
   “เผื่อความหื่นมึงจะกระเด็นออกไปบ้างไง ที่นี่ไม่ได้ คนอื่นรออยู่”
 
   “กูว่าต่อให้พวกเราทำเสร็จสักสองรอบ เพื่อนรักของมึงก็ยังไม่ออกจากห้องน้ำหรอก วามันบ่นให้กูฟังอยู่ว่าเมียมันอาบน้ำช้าเป็นชาติ”
 
 
   “มึงจะเอากูให้ได้เลยใช่มะ” ถามชิดปากเสียงรอดไรฟัน ริมฝีปากได้รูปประกบจูบ ผมถูกพลิกหลังพิงกำแพงใต้ฝักบัวกางเกงว่ายน้ำถูกถอดออกรวดเร็ว ด้านในมีกางเกงว่ายน้ำแบบที่มิทใส่อีกตัว ซันมันซื้อให้ผมใส่เซฟไว้เพราะความหวงของมัน
 
   มาถึงขนาดนี้ ปล่อยเลยตามเลยแล้วกัน ผมเอียงหน้ารับจูบพลางตอบโต้กลับ ปล่อยให้มันดูดลิ้นดูดปากจนบวมเจ่อ มือล้วงเอาของมันกับผมออกมาประจันกัน นี่สินะที่เขาเรียกว่าฟันดาบ... แม่งง อย่างเสียว!
 
   “เมียใครว้าร้อนแรงชิบ”
 
   ผมตอบด้วยการก้มลงไปเม้มอกจนเกิดรอย ได้ยินเสียงหัวเราะในคออย่างชอบใจ มือร้อนเปื้อนสบู่สอดไปด้านหลัง นิ่วหน้าเล็กน้อยกับการเตรียมพร้อม ผ่านไปสองนิ้วคนทำเหมือนจะเริ่มทนไม่ไหวตวัดแขนช้อนข้อพับข้าผมขึ้นชิดเอว นิ้วแหวกกางเกงว่ายน้ำ ผมตาโตรับรู้ได้ทันทีว่ามันจะทำเชี่ยอะไร
 
   “เฮ้ย มึง! อืม...”
 
   ถูกประกบปากซ้ำพร้อมความร้อนเบื้องล่างที่เริ่มทำหน้าที่ เล็บจิกบ่าระบายความตื่นเต้น บ้าเอ๊ย นอกสถานที่แบบนี้มัน...
 
   “อะ... แม่ง กางเกง” เสียงเตือนไม่เข้าหูคนหื่นขึ้นหน้า ซันครางฮืมในคอซุกหน้าฟัดอกกระดกลิ้นจนสะท้านวูบ เบื้องล่างแนบชิดเข้ามาเรื่อยๆ จนเต็มตื้อ ผมพยายามกลั้นเสียงร้องสุดชีวิต พอบดเบียดทำให้รู้สึกถึงการเต้นของหัวใจอีกฝ่าย มันเต้นรัวเร็วบ่งบอกว่าคนทำก็ตื่นเต้นไม่ต่าง
 
   ผมสอดแขนกอดมันแน่นเพื่อไม่ให้ตัวเองระทวยไหลไปกองกับพื้น สะโพกสอบขยับจังหวะเร่งร้อนเพราะต้องรีบทำให้เสร็จเนื่องจากสถานที่ไม่อำนวย กายผมสะท้านวูบเป็นพักๆ แทบจะกัดลิ้นอยู่หลายรอบ เสียงหอบหายใจหนักถูกกลบด้วยเสียงน้ำไหล
 
   มันออกแรงหนักๆ ช่วงท้าย กล้ามท้องเสียดสีส่วนตื่นตัวจนผมทนไม่ไหว กระตุกกายปลดปล่อยเมื่อถึงจุดหมาย ตัวเบาโหวงชั่วขณะ ก่อนสติถูกดึงกลับมาพร้อมกับการเร่งจังหวะอย่างเอาแต่ใจ ไม่ทันออกปากห้ามก็รู้สึกร้อนวูบด้านหลัง ไอ้เชี่ยนี่แม่งปล่อยในอีกแล้ว!
 
   “อือ อือ ซันพอเว้ย!” ผมทุบหลังมันเรียกสติ มึงจะขยับสะโพกทำเตี่ยอะไรอีก
 
   “อีกนิดน่า”
 
   “อีกนิดพ่อง!!”
 
   เอียงหน้ากัดหูมันจนร้องเสียงหลง ไอ้ถึกส่งเสียงจิ๊จ๊ะขัดใจจำต้องยอมถอนตัวออกไม่งั้นหูมันหลุดคาปากผมแน่ มือหนายกลูบหูตัวเองป้อยๆ
 
   “เจ็บนะ” มีบ่นอุบอิบง้องแง้ง น่ารักตายล่ะ
 
   ผมถอดกางเกงว่ายน้ำทิ้งแล้วอาบน้ำใหม่พลางตบตีกับมือปลาหมึก สั่งให้ซันมันขยี้ล้างน้ำคลอรีนจากชุดว่ายน้ำ ยังมีหน้าชูเจ้าตัวเล็กที่ผมใส่จนถึงเมื่อกี้อีก
 
   “ย้วยนิดๆ ว่ะ”
 
   “เออดิ กูเตือนมึงแล้วไม่ฟังกูเอง”
 
   “ช่างแม่งเถอะ ไว้ค่อยซื้อใหม่” มันพูดแบบไม่ยี่หระหันมายิ้มยักคิ้วใส่ผม “ตื่นเต้นดีเนอะ นอกสถานที่ครั้งแรกเลย   นะเนี่ย” หัวทุยไถๆ แขน ผมดันมันออกช่วยขยี้แล้วบิดใส่ถุงพลาสติกที่เตรียมไว้ ตอนนี้พวกเราแต่งตัวกันเสร็จเรียบร้อย
 
   “ครั้งแรก ครั้งเดียว และครั้งสุดท้าย มึงแง้มประตูดูหน่อย มีใครอยู่ป่าว”
 
   ปกติผมหน้าด้านยกเว้นกรณีแบบนี้ไว้หน่อย ไม่รู้ว่าเสียงน้ำมันกลบหมดรึเปล่า ถ้าเกิดออกไปเจอคนนี่อายแทบแทรกแผ่นดินหนีแน่ผม ซันพยักหน้ารับเข้าใจ เปิดประตูแง้มดู แถวบริเวณห้องที่พวกเราอยู่ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นนอกจากเราสองคน
 
   หนุ่มเถื่อนหันมาส่งสัญญาณเดินออกจาห้องน้ำ แถวกระจกติดกับทางออกเห็นมิทกำลังทาครีมที่คาดว่าเป็นหลอดสุดท้าย โดยมีคุณอาคมช่วยเก็บของอยู่ข้างๆ
 
   ห้องอาบน้ำที่นี่เป็นแบบตัวที ทางตรงเข้ามาแยกซ้ายขวา ตรงกลางห้องเป็นที่วาง อ้างล้างมือกับกระจกยาว วายังเห็นยืนส่งข้าวของข้ามประตูให้เล่ในห้องอาบน้ำ ทุกอย่างปกติไม่มีใครผิดสังเกตค่อยถอนหายใจอย่างโล่งอก
 
   ซันไปชวนมิทคุย ผมเนียนออกไปด้านนอกเจอริวกับพวกปอนด์รออยู่แล้ว ผ่านไปสักพักทุกคนพร้อมลุยเครื่องเล่นต่อ เสื้อผ้าส่วนใหญ่ใส่ตัวเดิมกับขามา มีแค่เล่เปลี่ยนเป็นชุดแนวยูนิเซ็กส์ควงแขนอยู่กับวา จังหวะทุกคนเดินออกจากสวนน้ำไปทางสวนสนุกมิทจงใจรั้งท้ายใช้ศอกสะกิดผมด้วยรอยยิ้มกรุ่มกริ่ม
 
   “ไม่ไหวเลยนะพวกนาย เล่นทำกันที่แบบนี้คนอยู่ห้องข้างๆ อย่างฉันเขินแย่” หนุ่มครึ่งรัสเซียแสร้งยกมือกุมแก้มเขิน บิดไปบิดมาได้อย่างน่าถีบ ความร้อนพุ่งขึ้นหน้า ยกเท้ายันแบบลืมตัว มิทดันหลบได้หัวเราะชอบใจวิ่งลิ่วไปอีกทาง ในเมื่อไม่มีที่ระบายความเขินผมเบนเข็มไปทางต้นตอ ถีบซันเกือบหน้าทิ่ม มันหันขวับมาจ้องอย่างเอาเรื่อง
 
   “เรื่องไรมาทำร้ายร่างกายกูอีกเนี่ย หรือมึงท้องอารมณ์แปรปรวน”
 
   “ท้องบ้านเตี่ยมึงสิ มิทมันรู้เรื่อง...” ไม่อยากพูดเลยเฮ้ย ไอ้ซันตาโตไม่อยากเชื่อ ผมพยักหน้ายืนยันหนักแน่น ซันรีบจ้ำพรวดไปกอดคอมิทลากไปซุบซิบอะไรบางอย่างสองคน เจ้าคนกุมความลับชาวบ้านแบมือเหมือนขอเก็บค่าปิดปาก โดนซันมันใส่เข่าให้แต่ก็ยังไม่วายแปะโป้งไว้อยู่ดี
 
   ร่างสูงวิ่งเหยาะๆ กลับมาหาผม ชูนิ้วโป้งยิ้มเห็นฟันขาว
 
   “เรียบร้อย”
 
   ผมส่ายหัวปลง ความจริงไม่ต้องไปปิดปากอะไรมันก็ได้นะ มิทมันคงไม่เอาเรื่องนี้ไปพูดหรอก ผมแค่อยากจะบอกมันไว้เฉยๆ แต่ปล่อยมันไปแล้วกัน มาสนใจปัญหาต่อไปของผมดีกว่า ที่นี่เน้นสวนน้ำ พวกเครื่องเล่นเลยมีไม่เยอะเท่าสวนสนุก
 
   ที่เห็นชัดเจนพระเอกของงานก็คือ ชิงช้าสวรรค์ รถไฟเหาะ เรือไวกิ้ง ม้าหมุนจำพวกนี้ ซึ่งเครื่องเล่นที่มีการขยับกระแทกไม่เหมาะกับผมอย่างแรง ซันมันจัดรอบเดียว ถึงงั้นมันก็ยังเสียดๆ ช่วงล่าง ถ้ากระแทกทีคงร้าวรานไปทั้งตัว ผมไม่น่าตามใจตัวเองเลย สบายตัวลำบากก้น
 
   แต่มันอยากเล่นอะ ไหนๆ ก็มาแล้วทั้งที่จะให้ยืนเฝ้าของเป็นเพื่อนคุณอาคมแล้วมองคนอื่นเล่นสนุกสนานผมคงชอกช้ำพอดี ผมเดินตามคนอื่นหมายมั่นปั้นมือว่าจะเล่นมันเท่าที่เล่นได้ จู่ๆ โดนซันคว้ามือมองเหมือนผมกำลังจะไปบอกรบ
 
   “มึงเล่นได้เหรอ”
 
   “ได้ดิ สบ๊าย” ทำไมผมต้องเสียงสูงด้วยครับ
 
   “แน่ใจนะ”
 
   “เออน่ะ กูไหว”
 
   สีหน้ามันไม่เชื่อเลยสักนิด มือหนาถือวิสาสะมาจับสะโพกแล้วขยำ ผมนี่สะดุ้งวาบหลังมือโดยอัตโนมัติ ไอ้ซันมันเป็นข้ารองบาทผมมานานประสบการณ์เยอะหลบมือผมสบาย
 
   “ยังจะเล่นอีกไหม”
 
   “กูจะเล่น” กัดฟันพูดเลยมั้ยล่ะมึง ซันทำหน้าเอือม
 
   “ดื้อ!”
 
   คำเดียวจบบทสนทนาจูงมือลากผมไปต่อคิวโดยดี เพราะคนอื่นกำลังสนใจปอนด์ที่งอแงกับเฮียเฟย์ว่าอยากเล่นทั้งที่กลัวแสนกลัว เลยไม่มีใครเห็นหนุ่มตัวเท่าควายสองตัวยืนจูงมือกระหนุงกระหนิงอยู่ด้านหลังสุด ด้วยความที่เรามาหลายคน รถไฟเหาะรอบนี้เราเลยเหมาทั้งคัน คนที่อยู่หน้าสุดคือวาเล่ที่ชอบเล่นอะไรไม่เข้ากับหน้าตา ถัดมาเป็นริวมิท ตามด้วยพวกผม ปิดท้ายด้วยเฮียเฟย์กับเพื่อนตัวเล็ก
 
   ผมมองออกนะว่าเฮียอยากนั่งหน้าสุด ทำตัวเปรี้ยวเกินวัย ติดที่ปอนด์ยังกล้าๆ กลัวๆ เพิ่งขึ้นรถไฟเหาะครั้งแรก จำต้องเลือกด้านหลังที่หวาดเสียวน้อยที่สุดแทน
 
   เสียงติ๊ดสัญญาณออกตัวพร้อมกับความสนุกที่มาเยือน ช่วงแรกยังค่อยๆ เคลื่อนตัวไปแบบค่อยเป็นค่อยไปกระทั่งถึงทางทิ้งดิ่ง ความมันบังเกิด เล่กรี๊ดกร๊าดชอบใจดังลั่น มิทกับริวชูมือลัลล้าจนน่าเตะตกราง ซันยิ้มไม่หุบส่งเสียงแหกปากเพิ่มอรรถรสในการเล่น ผมนี่ยิ้มทั้งน้ำตา สุขและทุกข์ในเวลาเดียวกัน
 
   “ว้ากกก! พี่เฟย์!! ผมไม่อยากเล่นแล้ว!”
 
   “แง้! ผมไม่ชอบแบบนี้เลย”
 
   ”โอ๊ย ไม่นะอย่าเลี้ยวแบบนั้น อ๊าก!! ตายแน่ๆ พ่อจ๋าแม่จ๋า”
 
   “พี่เฟย์!! ช่วยผมด้วยย”
 
   “ฮ่าๆๆ!!”
 
   จากส่งเสียงกันสนุกกลายเป็นประสานเสียงหัวเราะลั่น ปอนด์โวยวายแปดหลอดมาก ทั้งเสียวทั้งขำจนปวดท้อง เพื่อนตัวเล็กร้องเสียงหลงซะจนน่าสงสาร ผมอยากจะหันหลังไปดูสีหน้าเฮียเฟย์กับปอนด์สุดใจ ติดแต่ถ้าหันไปมีรายการอ้วกพุ่งชัวร์
 
   พอหมดรอบที่กั้นยกขึ้น ปอนด์พุ่งตัวออกไปเป็นคนแรกอย่างกับหนีไฟไหม้ แต่ละคนผมเผ้ายุ่งเหยิง ส่วนคนที่น่าอนาถสุดไม่พ้นปอนด์นี่แหละ ใบหน้าน่ารักน้ำตาคลอเบ้ปาก หน้าซีดสนิทจากที่ขาวอยู่แล้วแทบไม่เห็นสีเลือด หัวชี้ฟูเป็นรังนก ซุกกอดเฮียเฟย์ตัวสั่นระริก
 
   “ฮืออ ไม่เอาแล้ว ไม่เล่นอีกแล้ว ทำไมน่ากลัวแบบนี้”
 
   “โอ๋ๆ พี่ก็บอกแล้วไงว่ามันไม่สนุกหรอก เป็นไงบ้าง มึนหัวคลื่นไส้รึเปล่า ดื่มน้ำหน่อยมั้ย ไปนั่งตรงนู้นกับคุณอาคมดีกว่าเนอะ”
 
   ผู้อาวุโสรวบกอดลูบหัวเพื่อนตัวเล็กแล้วจูงเดินไปนั่ง ส่งยาดมให้พร้อม ผมชักสงสัย กระเป๋าพี่เฟย์นี่ใส่อะไรมาบ้าง ดูเหมือนจะมีครบทุกอย่างเลยวุ้ย
 
   “ขำก็ขำ สงสารก็สงสาร” มิทกุมท้องหัวเราะใช้นิ้วปาดน้ำใสตรงหางตา
 
   “เอาไง เล่นกันต่อมั้ย” ริวถามความเห็น เล่รีบยกมือระริกระรี้สุดๆ คนอื่นยังมีมึนๆ เซนิดหน่อย เล่นี่ยืนยิ้มหวานอย่างกับเมื่อกี้ไปเดินทัวร์ทุ่งดอกไม้มา
 
   “ไงก็ได้ กูต้องตามเฝ้าเล่อยู่แล้ว” คำตอบของวาแปลง่ายๆ เลยคือเล่ว่าไงว่าตามกัน จะตามไปเฝ้าสุดล่าฟ้าเขียว คู่นี้ก็ดูแลกันดีเหลือเกิน จะว่าไปถ้าไม่นับริวกับมิท นี่มันเดทหมู่ชัดๆ ระหว่างที่ยืนพักคิดว่าจะเอายังไงกันต่อ หนุ่มวัยทำงานผละจากเด็กในสังกัดมาสมทบกับพวกผม
 
   “เล่นต่อเลยๆ พี่ยังไม่จุใจ”
 
   “ปอนด์ล่ะครับ” ผมถามด้วยความเป็นห่วง คนฟังยิ้มบางตามสไตล์
 
   “ปล่อยให้พักไป เล่นต่อไม่ไหวหรอกเดี๋ยวหัวใจวายตายพี่ไม่มีไปคืนแม่เขาพอดี” รอยยิ้มพี่ท่านช่างเจิดจ้าซะเหลือเกิน สาวน้อยสาวใหญ่เดินผ่านแทบสะดุดขี้มดตายเป็นใบไม้ร่วง คนหล่อนี่มันเป็นบาป
 
   “งั้นลุยต่อ ป่ะมึง”
 
   แฟนผมสรุป กอดคอพากันไปเล่นต่ออีกสักรอบแล้วเปลี่ยนไปเล่นอย่างอื่นบ้าง พวกเครื่องเล่นหวาดเสียวเล่นมันทุกอย่างเท่าที่เวลาจะอำนวยโดยมีคุณอาคมกับปอนด์เป็นคนเฝ้าของ ไม่รู้เพื่อนตัวเล็กผมมีเรด้าตรวจจับของกินหรือยังไง หันไปมองทีไรเดี๋ยวไอติม เดี๋ยวขนม เฮียเฟย์ก็ช่างเป็นพี่ชายแสนดี เล่นเสร็จหนึ่งอย่างแวะไปดูรอบหนึ่ง
 
   พอเล่นกันจนหอมปากหอมคอ เป้าหมายต่อไปคือบ้านผีสิง งานนี้เล่ส่ายหัวลูกเดียว ยื้อตัวไม่ยอมเข้าไปเด็ดขาด ก่อนจะโดนวาแกล้งอุ้มแบกขึ้นบ่าเดินนำไปซะเฉย ปอนด์เสียสละบอกว่าให้ตายยังไงก็ไม่เข้า ทีแรกซันกับมิทรวมหัวกันหมายจะลากปอนด์เข้ามาด้วย แต่ถูกเฮียเฟย์ตวัดสายตาคมกริบมองให้หนาวสันหลังวาบ สยองก่อนจะเข้าบ้านผีสิงซะอีก พี่ท่านพร่ำพูดว่าเด็กน้อยของตัวเองขวัญอ่อนเข้าไปไม่ได้หรอก อีกอย่างข้างในมันก็มีแต่ของปลอม ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจตรงไหน
 
   วาจาร้ายกาจ... ผมส่งสัญญาณให้ริวลากแขนซันกับมิทเข้าบ้านผีสิง ก่อนเฮียเฟย์จะพูดจาทำลายความฝันเด็กวัยรุ่นไปมากกว่านี้ บ้านผีสิงเป็นที่ฮอตฮิตสุดนิยมของชาววัยทีนเลยนะ!
 
   ข้างในก็บรรยากาศเหมือนบ้านผีสิงทั่วไปแหละ สิ่งที่ทำให้ผมหวาดหวั่นคือเสียงกรี๊ดที่คุ้นๆ ว่าจะเป็นของเล่มากกว่า กลุ่มเราสี่คนเหมือนอยู่ผิดที่ผิดทางไม่รู้สึกรู้สึกกับสารพัดของที่เขาจัดมาหลอก ผีช่องแอร์สาวผมยาวคลานออกมา มิทดันหยิบมือถือไปขอถ่ายรูปโชว์สองนิ้วซะชิบ
 
   นักฆ่าโรคจิตถือเลื่อยวิ่งไล่ ริวมันกลับขอลองถือไปวิ่งไล่กลุ่มอื่นซะอย่างงั้น ซันนี่มีอะไรโผล่มา พี่ท่านชกใส่หมดปากก็บ่น
 
   “ทำไมชอบเด้งมาขวางทางวะ เดี๋ยวกระแทกหน้าเมียกูเสียโฉมพอดี”
 
   เฮ้อ ลาก่อนบรรยากาศหลอนๆ ในบ้านผีสิง เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า หากอยากหลอนห้ามมากับพวกมันเด็ดขาด!
 
   ผมออกจากบ้านผีสิงด้านนอกเริ่มเย็นพอดี พวกต้นไม้กับเครื่องเล่นบางชนิดเปิดไฟหลากสีสวยงาม เหลือเวลาพอเล่นแค่อย่างเดียวก่อนกลับ ทุกคนลงความเห็นว่าจะให้ปอนด์เป็นคนเลือก เนื่องจากเพื่อนตัวเล็กไม่ค่อยได้เล่นอะไรมากที่สุด
 
   ปอนด์เลือกม้าหมุนสองชั้นที่เล็งไว้ตั้งแต่แรกเห็น ชายหนุ่มตัวสูงใหญ่เกือบสิบคนเลยแห่กันไปแย่งเด็กเล่น เล่เลือกม้าให้วาขี่ ส่วนตัวเองไปนั่งด้านหน้าทำตัวอย่างกับเจ้าหญิงขี่ม้ากับเจ้าชายในนิทาน เฮียเฟย์ย้ายตัวเองไปเป็นช่างกล้องกดรัวชัตเตอร์ถ่ายปอนด์วิ่งเล่นม้าตัวนั่น เกาะม้าตัวนี้ ป่วนคนอื่นไปทั่ว โดยมีริวเป็นผู้สนับสนุนหลัก ผมกับซันเลือกนั่งรถฟักทอง ทอดสายตามองรอยยิ้มของผู้คนและบรรยากาศสนุกสนานในสวนสนุก
 
   “มึงไม่ไปขี่ม้ากับเขาไง” หนุ่มผิวเข้มเริ่มบทสนทนาก่อน
 
   “คำถามมึงผ่านการกรองจากสมองรึยัง” ตอบด้วยการจ้องเขม็งใส่ ตอนนี้ก้นผมระบม ให้ไปขี่ม้าแบบนั้นฆ่าตูเลยเหอะ
 
   “ลืมไปว่ามึงเจ็บอยู่ เห็นซ่าเล่นซะขนาดนั้น” มันย้ายที่มานั่งข้างผมแล้วเนียนจับมือ พวกเรานั่งอยู่ในรถฟักทองมองจากด้านนอกเลยไม่เห็น “ทนอีกหน่อย กลับบ้านไปเดี๋ยวนวดให้”
 
   “อืม วันนี้สนุกดีแฮะ อารมณ์ไม่ต่างจากมาเที่ยวสวนสนุกกับเพื่อนสมัยมัธยมเลย”
 
   “ต่างดิ อันนั้นเที่ยวกับเพื่อน นี่เที่ยวกับแฟน”
 
   ไม่รู้เพราะแสงไฟหลากสีด้านนอกรึเปล่า ถึงทำให้ตาคมๆ ของซันมันพราวระยับได้ขนาดนี้ มุมปากยกยิ้มบางๆ ให้หวั่นไหว รู้สึกถึงแรงดึงดูดให้ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ไม่ทันจะได้สวีทหวาน มารผจญที่ชื่อว่าปอนด์ โผล่หัวมาตรงหน้าต่างรถฟักทองเล่นเอาสะดุ้งผละออกจากกันแทบไม่ทัน
 
   “ว้า รีบแยกกันทำไม บรรยากาศกำลังดี” เสียงนุ่มเล็กพูดไม่ได้ดูเล้ยว่าใครเป็นต้นเหตุ ได้ยินเสียงหัวเราะในคอดังแว่วด้านข้าง ชะโงกหน้าไปดูเห็นเฮียเฟย์ถือกล้องเลิกคิ้วมองแบบหล่อๆ
 
   “ออกไปเลยไป๊!”
 
   ซันพาลใช้มือดันหัวปอนด์ที่พยายามมุดเข้ามาหา จังหวะนั้นเองที่ผมเห็นร่างคุ้นตาของมิทยืนหลบมุมอยู่กับใครคนหนึ่ง ด้วยความที่อยู่ไกลทำให้ผมเห็นไม่ชัด แต่พอมองออกว่าเป็นชายชาวต่างชาติตัวสูงใหญ่กำลังโน้มตัวลงมาจูบกับเพื่อนผมดูดดื่ม
 
   ม้าหมุนเคลื่อนตัวทิ้งภาพนั้นไว้เบื้องหลัง ไม่ใช่ผมคนเดียวที่เห็นภาพนั้น เฮียเฟย์ยิ้มๆ ไม่พูดอะไร ผมเองก็เลือกที่จะเงียบหันไปสนใจซันที่กำลังแกล้งปอนด์แทน ตอนนี้เพื่อนพวกเราอาจจะยังไม่พร้อม เมื่อไหร่ที่มิทโอเค คงจะมาบอกพวกเราเอง ในฐานะเพื่อนคงทำได้แค่เฝ้ามองและช่วยเหลืออยู่ห่างๆ
 
   งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกรา ช่วงค่ำพวกเราแยกกันกลับบ้านใครบ้านมัน มิทกลับไปพร้อมกับคนที่ผมเห็นและคุณอาคม ริวติดรถเฮียเฟย์ไปลงป้ายรถเมล์เพื่อต่อแท็กซี่ วากับเล่กลับพร้อมกับพวกผม เล่นอนหนุนตักวาหลับตลอดทาง
 
   มื้อเย็นเลือกซื้อมากินเพราะเหนื่อยเกินกว่าจะทำ คืนนี้เข้านอนกันตั้งแต่หัวค่ำ ผมนอนคว่ำหน้าบนเตียงนุ่มให้ซันนวดให้จนผล็อยหลับไป มีความสุขจังเลยน้า
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่13สวนน้ำ(2) Up14/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 14-03-2016 07:29:26
อยากไปบ้างงงงงงงงง อิจจจจจจจ
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่13สวนน้ำ(2) Up14/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 14-03-2016 08:05:07
 :pig4:  ขอบคุณค่ะ
คุณนายโป้ชีวิตดี๊ดีนะคะ. อิจ
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่13สวนน้ำ(2) Up14/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 14-03-2016 09:24:17
 :katai4:

ความอยาก อยากอ่านตอนมิทพุ่งกระฉูดกว่าเก่าอีก  :katai1:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่13สวนน้ำ(2) Up14/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: เมื่อนั้นฝันว่า ที่ 14-03-2016 10:50:18
มีความสุขกันจังเลยน้าา
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่13สวนน้ำ(2) Up14/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 14-03-2016 12:50:17
:katai4:

ความอยาก อยากอ่านตอนมิทพุ่งกระฉูดกว่าเก่าอีก  :katai1:

ของมิทมีแล้าน้า มีในเพจต้องคุ้ยเอาจ้า เพิ่งอัพตอนสามไปไม่กี่วันก่อน
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่13สวนน้ำ(2) Up14/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 14-03-2016 13:32:44
:katai4:

ความอยาก อยากอ่านตอนมิทพุ่งกระฉูดกว่าเก่าอีก  :katai1:

ของมิทมีแล้าน้า มีในเพจต้องคุ้ยเอาจ้า เพิ่งอัพตอนสามไปไม่กี่วันก่อน

เห้ยยยยยยยยย

ขอบคุณค้าาาาาาาาาาาาาาา  :katai4:  :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่13สวนน้ำ(2) Up14/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 14-03-2016 16:24:25
 :impress3: ชอบอ่ะ สนุกมาก แต่ละคู่น่ารักกันทั้งนั้นเลย อิจฉาจังอยากมีกลุ่มเพื่อนแบบนี้บ้างตลกดี อยากอ่านคู่ของมิทจังเลย  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่13สวนน้ำ(2) Up14/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 15-03-2016 00:08:38
 :impress3: น่ารักจริงๆ เลยอ่ะ สำหรับคู่นี้ แต่ละคู่นี่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวน่ะ  :กอด1: ตอนสวนน้ำน่ารักมากเลย อ่านแล้วอยากไปมาก ไม่ไปมาคงหลายสิบปีแหละ  :m15: มารออัพตอนต่อไป ระหว่างนี้ต้องตามไปอ่านคู่อื่นก่อนแหละ  :katai3:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่13สวนน้ำ(2) Up14/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: ปุกปิกกุกกิกไปตามสไต ที่ 16-03-2016 14:46:27
น่ารักมากกกกกกกกกก ชอบมากกกกกกกตามมาตั้งเเต่เรื่องเฟกับปอนอยากอ่านของมิทกับมาเฟียอยากอ่านของริวกับพี้ธัน อยากอ่านเจเล่กับวาคินอ่ะ   คนเเต่งสู้ๆๆๆน่ะรออ่านอยู่
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่13สวนน้ำ(2) Up14/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: PiSCis ที่ 16-03-2016 23:37:33
เป็นการเดทหมู่(?)ที่ ทั้งสนุกสนาน เฮฮา และหวานแหววมากเลยค่ะ  :laugh:

เปิดตัวป๋าของมิทหน่อยๆละ ชาวต่างชาติตัวใหญ่ มาเฟียใช่มะ!!

วาเล่ เฮียเฟย์ปอนด์นี่ดูแลกันดี๊ดีค่ะ น่าร๊ากกกกกก

ส่วนซันโป้ นี่ก็ทั้งมุ้งมิ้ง ทั้งSMเลยยยยย  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่13สวนน้ำ(2) Up14/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 18-03-2016 01:01:11
บรรยากาศ สนุกมากๆๆ
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่13สวนน้ำ(2) Up14/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: ้Sin.7 ที่ 18-03-2016 05:51:18
 :katai1: อยากอ่านต่อออออออ คนเขียนตัวเองงง สู้ๆนะ มาอัพด้วยนะ
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่13สวนน้ำ(2) Up14/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: mermixx ที่ 18-03-2016 21:29:37
รอค่ะ  :-[
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่13สวนน้ำ(2) Up14/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 16-04-2016 12:56:23
 o13
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่14 ผมไม่จนนะครับ Up 9/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 09-05-2016 18:32:48
ยกที่14 ผมไม่จนนะครับ

   เที่ยวผ่อนคลายกันมาแล้ว กลับเข้าสู่วิถีนักศึกษากันต่อไป ผลจากการนวดอย่างดีของซันทำให้วันรุ่งขึ้นผมสามารถมาไปเรียนได้ตามปกติ

   ไม่รู้เคยบอกรึยัง ตัวผมนั่นเรียนสถาปัตยกรรมภายในซึ่งแยกมาจากสถาปัตยกรรมหลัก ช่วงปีแรกๆ ผมจะเรียนรวมกับพวกสถาปัตย์ออกแบบอาคารทั้งหลายเน้นพวกวิชาพื้นฐานเป็นหลัก แต่พอปีหลังๆ จะแยกไปเรียนเอกของตัวเอง

   หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าสถาปัตยกรรมภายในกับออกแบบภายในคืออันเดียวกัน ผมขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่ามันไม่ใช่ ออกแบบภายในคือ ‘มัณฑนศิลป์’ จะเรียน 4 ปีจบ ต่างจากของผมที่ต้องเรียน 5 ปี แม้โดยรวมจะเกี่ยวกับการตกแต่งภายในเหมือนกันก็ตาม

   เพียงแต่ สถาปัตย์ภายใน จะเน้นเรื่องโครงสร้างสถาปัตยกรรมรวมกับการออกแบบภายใน ส่วนมัณฑนศิลป์จะเน้นที่การตกแต่งภายในเป็นสำคัญ ไม่เกี่ยวกับตัวอาคาร ส่วนตัวผมคิดว่าสองสายนี้ยากกันคนละแบบ อยู่ที่ความชอบและความถนัดของแต่ละคนมากกว่า

   คิดๆ ดูก็ตลกดี ปอนด์เรียนคณะไอทีสาขาคอมกราฟิก ดันมีวิชาพื้นฐานแนวเดียวกัน ปอนด์จะเรียนพวกลายเส้น 2มิติ 3มิติ รวมถึงโปรแกรมในการทำกราฟิก ส่วนผมจะเสริมขึ้นมาอีกคือการเขียนแบบ วาดเส้นสถาปัตยกรรมและอื่นๆ อีกมากมาย

   ตัวปอนด์ไม่ถนัดด้านการสเก็ตภาพเท่าไหร่ ก็ได้ผมนี่แหละช่วยฝึกให้ สลับกับตัวผมที่ไม่ถนัดด้านโปรแกรมออกแบบต้องให้ปอนด์ช่วยสอน พวกเราเลยไปมาหาสู่กันเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะเวลาที่มีงานต้องส่ง

   ซันมัน วันๆ มีแต่กองหนังสือทับหัว ผมเคยแอบไปเปิดสมุดจดดู มีตัวหนังสือเป็นพรืด เขียนหลากสีเป็นระเบียบเรียบร้อยอย่างไม่น่าเชื่อ เทียบกับของผมแล้วยังดูอาร์ตกว่า ว่างๆ นั่งจดที่อาจารย์สอนก็ลองสเก็ตภาพเล่นหรือวาดรูปล้อเลียนอาจารย์ขำๆ ทางปอนด์ยิ่งแล้วใหญ่ เปิดเจอแต่ภาพการ์ตูนชายซะเป็นส่วนใหญ่ บางทีเจอพล็อตนิยายด้วยซ้ำ ช่างรักงานอดิเรกยิ่งชีพ

   ด้านเจ้าริวนี่ ต่อให้ขี้เกียจก็ต้องขยัน เพราะดันเสนอหน้าไปจีบรุ่นพี่ด้วยการอ้างเรื่องเรียน สมน้ำหน้า สมุดแต่ละเล่มของมันถึงดูมีเนื้อหาสาระแบบที่หน้าตาอย่างงั้นไม่น่าจะทำได้ เจ้ามิทอย่าพูดถึงมันจดเลย เห็นมันถือสมุดก็นับว่าเป็นของแรร์แล้ว ไม่รู้มันเอาชีวิตรอดไม่โดนอาจารย์เพ่งกระบาลได้ยังไง

   ผมเองก็ไม่ว่างจะไปสนเรื่องของชาวบ้าน ไปเรียนนั่งจดเลคเชอร์ อันไหนจนทันสบายไป ไหนจนไม่ทันต้องยืมเพื่อนลอก ถ้าไม่ทันกันยกห้องนี่ซวยสนิท ต้องมานั่งเล่นเกมประกอบประโยค ใครได้ส่วนไหนเอามาแชร์กัน บางทีมีงานออกแบบใส่กระดาษไปส่งอาจารย์ ให้อ.แกช่วยตบจนเข้ารูปเข้ารอย

   วิชาสเก็ตภาพต้องมานั่งเลือกหามุมสเก็ตกันไปตามหัวข้อที่อาจารย์ให้ ไม่แน่นะถ้าพวกคุณอยู่ในมหา’ลัยผม อาจจะเห็นนายโป้คนนี้นั่งก้มๆ เงยๆ อยู่กับกระดาษสเก็ตก็ได้ ผมเห็นอนาคตตัวเองรางๆ เลยล่ะ ช่วงปีหลังงานทับตายแหงแก๋ แต่ก็ใช่จะไม่มีเวลาว่างพักผ่อนชิวๆ ล่ะนะ อย่างเวลานี้ไง...

   เสียงดินสอลากบนกระดาษดังอย่างสม่ำเสมอบ่งบอกความตั้งใจของผู้วาด หนุ่มเหนือยึดทำเลเหมาะนั่งวาดภาพลงบนสมุดสเก็ต ปอยผมรากไทรถูกมัดรวบเป็นจุกอยู่ตรงท้ายทอย หน้าม้าโดนที่คาดผมเสยเรียบเปิดเหม่ง ดวงตามองสลับระหว่างนายแบบจำเป็นกับกระดาษตรงหน้าที่เริ่มมีเค้าโครง

   เรื่องมันมีอยู่ว่า หลังเลิกเรียนคาบเช้าผมกำลังจะเดินหอบอุปกรณ์วาดเขียนทั้งหลายมุ่งหน้าสู่จุดนัดพบประจำของกลุ่มเลยได้เห็นคนที่มาก่อนหนุนหนังสือต่างหมอนนอนหลับอุตุ เหยียดกายยาวบนเก้าอี้หินอ่อนที่ยกมาต่อแบบไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม

   มีหนังสือเคมีปิดหน้าอย่างสงบ ผมย่องเอาหยิบออกเผยให้เห็นใบหน้าคนคุ้นเคย ก็บอกแล้วอย่าอ่านหนังสือดึกไม่เชื่อผม เมื่อคืนซันมันบ่นว่าอาจารย์นัดเทสท์กะทันหันมันเลยต้องถ่างตานั่งอ่าน ไม่รู้จะจริงจังไปถึงไหน แล้วยังไง พอวันนี้เลยนอนเป็นหมาขึ้นอืด

   ผมนั่งย่องๆ มองสำรวจหน้าคนหลับ คิ้วดกหนามาดแมนจนน่าอิจฉา หางตาคม เวลามันมองใครนี่โคตรดุ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากเรียว โครงหน้าคมเห็นสันกราม ยิ่งมีเคราขึ้นนิดๆ รวมกับผิวเกรียมแดด แม่งหล่อวัวตายควายล้มแฟนใครวะเนี่ย

   เอาตามตรงนะ ให้ผมวาดภาพเหมือนซันยังสุนทรีกว่าวาดหน้าเพื่อนในคลาสอีก พอถอยมาเล็งมุมดีๆ องศาเหมาะๆ เกิดคันไม้คันมือขึ้นมา ลงหลักปักฐานหยิบสมุดสเก็ตมานั่งวาดภาพมันซะเลย

   ปกติผมจะพกสมุดสองเล่ม เล่มหนึ่งไว้ทำงานส่งจารย์ อีกเล่มไว้วาดอะไรก็ได้ตามใจชอบ ซึ่งส่วนใหญ่หากไม่เป็นภาพอาคารบ้านเรือนก็เป็นภาพไอ้ซันเกือบครึ่งเล่ม มีทั้งแบบวาดสดเหมือนอย่างตอนนี้ กับวาดตามความทรงจำ แน่นอน ผมไม่ให้ซันเห็นหรอก ประเดี๋ยวมันจะเหลิงลอยไปดาวอังคารซะก่อน

   ผมเริ่มขึ้นโครงตามที่เรียนมา ร่างแบบหยาบๆ ไว้ค่อยเก็บรายละเอียดที่หลัง ระหว่างกำลังเพลิดเพลินกับการวาดรู้สึกมีใครบางคนมานั่งข้างๆ เหลือบเห็นเป็นปอนด์เลยปล่อยไป สักพักมาเงาจากทางด้านหลัง ตามด้วยทางซ้าย หันไปมองอีกที ทั้งริว มิท ปอนด์มายืนนั่งล้อมตัวผมอย่างกับกำลังประกอบพิธีกรรมบางอย่าง บูชายัญไอ้คนที่นอนไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่บนเก้าอี้

   โดนจ้องขนาดนี้ สมาธิปลิวหาย ผมปิดสมุดมองเรียงคน ปอนด์ทำหน้าเสียดาย

   “ว้า ทำไมไม่วาดต่อ อยากเห็นว่าตอนเสร็จจะเป็นยังไง”

   “เล่นมาจ้องเหมือนจะสิงกันแบบนี้ใครจะไปมีอารมณ์วาด”

   “นั่นสิ พวกมึงนี่แย่ชะมัด”

   มิทรีบโบ้ยโทษเพื่อนไม่ดูตัวเองเล้ยว่ามันยืนค้ำหัวทำลายสมาธิมากที่สุด ไหนๆ ก็ไม่วาดต่อแล้วคงต้องปลุกให้เจ้าชายตื่นจากนิทรา มองซ้ายมองขวาไม่มีใครสนใจ ไอ้สามหัวหลักหัวตอนั่นปล่อยมันไป ผมยกสมุดสเก็ตขึ้นบังก้มลงไปจุ๊บปลุกเจ้าชาย ไอ้ซันลืมตาพรึบโคตรหน้ากลัว ผมรีบผละออกด้วยความตกใจ

   พอมันเห็นว่าเป็นใคร แทนที่จะปล่อยดันใช้มือคว้าหลังคอผมลงไปดูดปากซะงั้น ได้ทีชักเพลินจนผมต้องตบหัวแทงศอกให้มันได้สติ ถ้ามันเป็นสโนไวน์ตัวดำ แอปเปิ้ลคงไม่ได้ออกมาเพราะจูบ แต่เป็นเพราะแรงกระแทกจากศอกผมนี่แหละ

   “กูเล่นแค่สิบ มึงไม่ต้องแถมให้ร้อย” ผมถลึงตาใส่มัน ซันลูบพุงตัวเองยักคิ้วกวนตีน ดูอารมณ์ดีเหลือเกินโดนเมียลวนลามเนี่ย

   “เมียกูเสนอทั้งทีกูต้องสนองดิวะ มานานแล้วยัง ทำไมไม่ปลุกกู”

   ซันลุกขึ้นนั่งขยับเว้นที่ให้ผม

   “เมื่อคืนมึงไม่ได้นอนนี่หว่า กูเลยไม่อยากปลุก” ความจริงคือผมอยากวาดรูปมันต่อไง จะสะสมเป็นคอลเลคชั่นนายอาทิตย์

   “พวกมึงอย่าสร้างโลกส่วนตัวกันสิวะ พวกกูยืนหัวโด่อยู่นี่สนใจกับบ้าง แหม”

   มิทกระแนะกระแหน เดินมานั่งตรงข้ามพวกผม โดยมีริวตามมาพร้อมปอนด์ที่หน้าแดงก่ำ ยังจะเขินอีก ตัวเองเวลาอยู่กับเฮียเฟย์หนักกว่าพวกผมหลายร้อยเท่า ต้องโทษสกิลเนียนของเฮียที่มันระดับสูงจนเกินไป เพื่อนตัวเล็กเลยไม่รู้เรื่อง ตรงข้ามกับคนนอกแทบจะเป็นเบาหวานแดกตาย

   “ไม่มีอย่างกูอย่าอิจฉาครับ” ซันได้ทีเย้ยใหญ่

   “ใสเจียเสียใจ ฉันมีพี่เฟย์อยู่แล้วไม่อิจฉาหรอก” ปอนด์แลบลิ้นใส่ด้วยความหมั่นไส้ แต่สีหน้าบ่งบอกว่าพอใจกับฉากที่เห็นสุดๆ แม้จะเขินก็ตาม สมเป็นหนุ่มวาย

   “พูดไรแบบนั้นวะซัน เห็นใจคนไร้คู่ ไม่สมหวังในรักอย่างริวมันบ้าง ป่านี้ยังไม่รู้เลยว่าพี่ธันของมันจะหมู่หรือจ่า” มิทแสร้งทำเสียงตำหนิแล้วมองริวด้วยความสงสารเห็นใจ มือตบบ่าไม่สนสีหน้าเหมือนอยากฆ่าคนของริว

   “พูดงี้มึงเอามีดมาแทงกูเลยดีกว่ามิท กูอยู่ของกูดีๆ มากัดกูซะงั้น ป๋าไม่พาไปฉีดยาเหรอ”

   “โอ๋เอ๋น้า นิ่งเตะๆ อย่าเพิ่งทำหน้าบูดสิยาหยี วันนี้กูมีความดีจะบอกด้วยมึง”

   ใครโดนมิทมันทำหมุนมือหยอกเด็กคงอยากถีบมันคว่ำทุกราย ไม่เว้นกระทั่งริวที่ง้างขาเตรียมยันหากไม่ติดว่าประโยคต่อมาของมิทเรียกความสนใจพวกเราได้ก่อน

   “ใช่เรื่องที่มึงนัดรวมพลรึเปล่า” ผมเลิกคิ้วถาม วันนี้มิทมันบอกใครเลิกเรียนแล้วมาเจอกันที่นี่มีเรื่องสำคัญจะบอก

   “Yes! ป๋ากูยอมให้กูเที่ยวกลางคืนแล้ววู้ว!! พวกมึงดีใจกับกูหน่อย” มันชูมือแบบดีใจจริงๆ ถ้าผมเป็นป๋ามันเห็นอาการตอนนี้คงเปลี่ยนใจทันที ดี๊ด๊าซะเหลือเกิน ว่าตามจริง ในกลุ่มคนที่พอเดาเรื่องป๋าของมิทได้คงมีแค่ผมกับวาล่ะมั้ง ปอนด์ไม่ค่อยได้ยุ่งอะไรอยู่แล้ว ริวมันไม่ว่างตามจีบรุ่นพี่อยู่ ซันมันบื้อไม่รู้อะไรกับเขาหรอก

   ”เนี่ย เดี๋ยวคืนนี้กูพาไปผับ มีส่วนลดให้ ริวมึงจะชวนพี่ธันไปด้วยก็ได้”
   
   “เอางั้นนะ น่าสนใจ” ริวผู้ถูกปีศาจร้ายหลอกล่อ ยกมือลูบคางฝันหวานถึงรุ่นพี่ที่รัก หยิบมือถือหลบมุมไปคุย

   “ฉันขอผ่านนะ ไม่ถูกกับแอลกอฮอล์” ปอนด์ยกมือขอลา เจ้าตัวไปสิน่าแปลก เฮียเฟย์หวงยิ่งกว่าจงอางหวงไข่ ที่อโคจรแบบนั้นไม่มีทางอนุญาตให้ไปชัวร์ล้านเปอร์เซ็นต์

   ซันไม่ออกความเห็น แต่หันมารอคำตอบจากผมแทน ข้อเสนอมิทน่าสนใจนะ แต่ผมดันมีนัดแล้วนี่ดิ

   “โทษทีว่ะ พอดีนัดกับเพื่อนที่คลาสแล้ว” บอกไปตามตรงไม่ปิดบัง ซันไม่มีปัญหาเรื่องผมจะไปก๊งเหล้ากับเพื่อนอยู่แล้ว ผู้ชายเหมือนกัน รู้ๆ กันอยู่ว่ามันคือสังคม ขอแค่บอกมันก็พอ เมาห้ามขับรถ ต้องโทรเรียกมันมารับไม่ก็ให้เพื่อนที่ไม่เมาไปส่งเท่านั้น ไม่รู้มันเป็นแฟนหรือพ่อผมกันแน่

    เรื่องการนอกใจ ต่างคนต่างไม่กังวลเลยสักนิด นิสัยซันมันก็ขวางโลกแบบนี้ ส่วนผมก็ชอบเฮฮากับกลุ่มเพื่อนไม่ใช่คนเจ้าชู้ มีแฟนแล้วคือจบ อีกอย่าง แฟนผมดีลีลาเด็ดขนาดนี้จะไปหาอีกให้เมื่อยตุ้มทำไม

   “เรื่องแค่นี้เอง ก็ไปร้านนั้นเสร็จมาต่อกับพวกกูไง ให้ซันมันไปรับ” มิทเสนอ

   “ว่าไงมึง ยังไงกูต้องขับรถไปอยู่แล้ว ให้แวะไปรับมึงก็ได้ ร้านเดิมใช่มะ”

   ข้อเสนอมิทไม่เลว ได้เที่ยวมันสองที่เลย ขากลับเมาแค่ไหนไม่ต้องห่วงเพราะมีซันอยู่ด้วย ผมพยักหน้ารับ

   “ใช่ อยู่ถึงห้าทุ่มแล้วไปต่อคงไม่มีปัญหาอะไร”

   “มึงล่ะริว เอาไงวะ พี่ธันมาได้ป่าว” หนุ่มเจ้าสำอางตะโกนข้ามหัวถามริวที่ทำมือเป็นสัญญาณโอเค

   “พวกนายไปต่อสินะ งั้นฉันกลับเลยแล้วกัน”

   ปอนด์ยังไม่ทันลุกจากเก้าอี้ โดนแขนมิทกอดคอเอาไว้ก่อนจนต้องกลับมานั่งลงตามเดิม

   “ใจเย็นลูกพี่ ตอนนี้เพิ่งเที่ยง พวกเราไม่รีบขนาดนั้น เดี๋ยวแวะไปกินข้าวด้วยกันค่อยแยกย้ายก็ได้ พวกมึงอย่าลืมบัตรประชาชนนะ เปลี่ยนชุดด้วย ผับป๋ากูเข้มว่ะ ไม่มีบัตร ใส่ชุดนศ.ห้ามเข้า”

   ผมไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมมิทถึงได้เที่ยวหลังจากร้างราเรื่องพวกนี้ไปนาน เพราะเป็นผับป๋ามันนี่เอง เมื่อตกลงกันเสร็จ ริววางสายกลับเข้ากลุ่ม พวกเราก็ยกขบวนกันไปร้านหารตามสั่งหาข้าวยัดใส่ท้อง อิ่มอร่อยกับอาหารราคาย่อมเยา ปอนด์ไม่มีเรียนบ่ายขอตัวกลับไปน้องกลิ้งที่บ้าน ซันกลับหอไปซักผ้า ผม ริว มิท มีเรียนต่อจนถึงเย็น

   หลังเลิกเรียนผมกลับมาห้อง เห็นซันนอนหลับบนโซฟา ตรงระเบียงมีผ้าทั้งของผมและของมันตากเป็นระเบียบ ซักให้ยันกางเกงใจช่างเป็นสามีที่ดีจริงๆ เอาไว้ผมจะตอบแทนด้วยการรีดผ้ายันกางเกงในบ้างนะ

   ด้วยความที่ไม่อยากปลุกมันเลยเปลี่ยนชุดเขียนกระดาษวางไว้บนโต๊ะว่าผมออกไปร้านเหล้าแล้ว เจอกันห้าทุ่มเดี๋ยวโทรไปหา ส่วนมันจะตื่นเมื่อไหร่ก็ตามสบายเพราะผมเก็บผ้าที่แห้งให้แล้วเรียบร้อย

   งานนี้ต้องโหนรถเมล์ไปตามนัด พอพวกเพื่อนเห็นผมมันโห่แซวกันใหญ่ เพราะผมแต่งตัวดีกว่าทุกทีที่จะใส่แค่เสื้อยืดเลอะสีกับกางเกงยีนขาดๆ มาร้านเหล้า บางครั้งแค่เอาไทออกก็เดินเนียนเข้าร้านไปเลย ยังไงผมก็ใส่ยีนไปเรียนอยู่แล้ว คราวนี้มันไม่ได้ไง ระดับอย่างไอ้มิท ผับคงไม่ใช่เล่นๆ แน่ ขืนใส่แบบนั้นเข้าไปเขาได้หาว่าเป็นพนักงานเก็บขยะพอดี

   บรรยากาศในร้านเหล้าสุดแสนจะชิว ช่วงหัวค่ำยังไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ พอเริ่มดึกคนเริ่มทยอยมา เสียงพูดคุยดังแข่งกับเสียงเพลงที่เปิดดังสนั่น กลิ่นน้ำหอมฉุนกึกคละเคล้ากลิ่นบุหรี่จนแทบแยกไม่ออก โต๊ะน้อยใหญ่กระจายอยู่ทั่วร้าน แต่ละโต๊ะพอจะสิงกันได้อยู่สักสามสี่คน ใครมากลุ่มใหญ่ต้องลากโต๊ะมาต่อเสริมเก้าอี้กันเอาเอง เวลาจะเดินไปหาคนอื่นหรือเข้าห้องน้ำทีต้องพยายามทำตัวลีบฝ่ากลุ่มที่นั่งออกไป

   เพื่อนผมมันชูมือตะโกนเรียกเด็กเสิร์ฟ สั่งแสงโสมกับน้ำแข็งมาสนองเพื่อนคนอื่น มือชงก็ชงไป พวกดื่มก็กระดกเอาเฮฮา มีชักชวนกันเหล่มองสาวบ้าง โต๊ะนั่นก็ดี โต๊ะนี้ก็สวย นู่นหน้าอกใหญ่ นั่นขาโคตรเรียวผิวขาว ส่วนเรื่องหน้าตายังไม่ค่อยเท่าไหร่ เคยได้ยินมั้ยครับ สวยในที่มืด พอเช้ามาแม่งผีลืมหลุมดีๆ นี่เอง สยองยิ่งกว่าบุปผาราตรีอีก

   แต่ละคนถ้าไม่มีประสบการณ์ตรงก็รู้มาจากเพื่อนฝูง ไม่มีใครคิดเสี่ยงหาเรื่องซวยมองแค่พอเป็นอาหารตากับแกล้มเหล้า หัวข้อสนทนาคุยกับเพื่อนสนุกปาก บางคนยิ่งแล้วใหญ่ เมียตามมาคุมถึงที่ ไม่มีเวลาจะสนสาว ต้องมานั่งเฝ้าเมียไม่ให้แมลงภู่ที่ไหนมาตอม

   “มึงแต่งตัวมางี้จะไปต่อเหรอวะ” แม็คเพื่อนในสาขาแหกปากถามแข่งเสียงเพลงจนน้ำลายกระเด็นใส่หัวไอ้ชิตที่นั่งข้างผม มันยกแก้วหลบ คงกลัวน้ำลายพิษสุนัขบ้าจะกระเด็นใส่แก้ว

   เป็นเรื่องปกติ ส่วนใหญ่พวกแต่งตัวดีๆ ในร้านเหล้าเนี่ยมีเป้าหมายคือจะไปต่อเหมือนอย่างผม

   “เออ มีนัดต่อกับซัน”

   ผมยักคิ้วเดาะลิ้นตอบมันอย่างกวนๆ พวกมันรู้หมดแล้วว่าผมเป็นเกย์ ที่เคยเล่าไปว่าโดนกดดันจากรุ่นพี่เลยต้องบอก ใครรับได้ก็รับไป ใครรับไม่ได้ก็ไม่ต้องคุย ต่างคนต่างอยู่ แต่ไม่ไร้สาระขนาดต้องตัดเพื่อนหรือให้เพื่อนคนอื่นเลือกว่าจะอยู่กับใคร คนเราโตๆ กันแล้ว รู้ครับว่าทำอะไรอยู่ เรื่องแบบนั้นมีแต่เด็กอมมือเท่านั้นแหละที่เป็น

   ส่วนเรื่องคบกับซันนี่ผมไม่ได้บอกนะ แต่ก็ไม่ได้ปิดบัง มันรู้ข่าวกันเอง ไม่รู้สึกแปลกใจเลยสักนิด ในเมื่อผมเป็นพวกมนุษย์สัมพันธ์ดี รู้จักคนเขาไปทั่ว ไอ้ซันเองก็ไม่ใช่ขี้ๆ มีคนรู้จักมันเยอะเพราะรูปร่างหน้าตาพวกมันทั้งกลุ่ม

   “มิทรีไปด้วยรึเปล่าวะ”

   ชื่อนี้มีแต่คนสนใจ เจ้าคนมากความลับแต่มีข่าวสารพัดออกมาบิดเบือนจากความจริงไปไกลหลุดโลก มีตั้งแต่มิทมันเป็นเด็กซิวมาก่อน มันเป็นลูกชายลับๆ ของมาเฟีย ขนาดบอกว่ามันเป็นเด็กส่งยาก็ยังมี ที่เห็นแม่นสุดคงเรื่องที่มันเป็นเด็กเสี่ยเนี่ยแหละ

   คนเรามันก็พูดไปคะนองปาก ในใจเชื่อรึเปล่าไม่รู้ มิทมันเองก็ไม่เดือดร้อนที่คนอื่นจะมองมันแบบนี้ ใช่ทุกคนจะมองมันในแง่ร้ายซะหมด เห็นแบบนั้นมิทเสน่ห์แรงจะตาย สาวหลงมันตรึม

   ผมเลือกที่จะยิ้มไม่ตอบ แค่นี้พวกมันน่าจะเดาได้แล้วล่ะไอ้มิทมันไปด้วยชัวร์ มีหลายคนออกปากถามสถานที่ แสดงท่าทีอยากไปด้วย ผมไม่หวงก็บอกมันไปนะว่าที่ไหน พอได้ยินชื่อกันเท่านั้นแหละ กลืนน้ำลายอึกกันเป็นแถว ราคาที่นั่นไม่ใช่ถูกๆ ขึ้นชื่อว่ามีแต่พวกลูกคนรวยไปกัน

   “น้ำหน้าอย่างมันมิทรีเป็นเจ้ามือแหงๆ ไม่ก็ไอ้ริว เจ้านั่นดูบ้านรวย” หนึ่งในกลุ่มแสดงความเห็น ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยจนผมอดไม่ได้ที่จะถาม

   “มึงไม่คิดว่าซันมันจะเป็นเจ้ามือบ้างเหรอวะ”

   ผมพูดอะไรผิด ทำไมพวกมันมองผมด้วยสายตาเหยียดหยามอย่างงี้

   “คนสุดท้ายที่กูคิดคือเชี่ยซันนี่แหละ หน้าตาแม่งก็ดีแต่ดูตัวมันดิ้ ไม่มีส่วนไหนที่บอกว่าเป็นคนมีตังเลย ถ้ามึงรวยนะโป้ พวกกูคงเข้าใจว่ามันมาเกาะมึงกินแล้ว!”

   แค่ก! ผมเกือบสำลักเหล้าตาย ไอจนหน้าดำหน้าแดง ลำบากชิตมาช่วยลูบหลังก่อนจะหัวเราะดังลั่นจนพวกมันมองอย่างกับผมเป็นคนบ้า พวกมึงเอ๊ย ไม่รู้อะไรซะแล้ว เห็นแบบนั้นมันลูกคุณหนูเต็มขั้นเลยนะเฮ้ย การเรียนก็ดี ฐานะทางบ้านไม่น้อยหน้าใคร มีรีสอร์ทขึ้นชื่ออยู่สองแห่ง หนึ่งในนั้นอนาคตของมันแน่ๆ แล้วยังพี่สะใภ้มันอีก เจ้าของห้างดังใจกลางกรุงเทพเลยนะเฮ้ย เห็นว่าซันอยากได้อะไรพี่มันเปย์ให้หมด

   พอผมหยุดสำลัก พวกมันเลิกสนใจไปแดกเหล้าบ่นเรื่องการเรียนต่อ ผมไม่คิดจะอธิบาย บอกไปพวกมันก็คงไม่เชื่อ เดี๋ยวจะหาว่าผมพูดเข้าข้างแฟนอีก

   สงสัยว่าทำไมผมถึงรู้ทั้งที่ไม่เคยไปบ้านมันน่ะเหรอ ก็ถามเอากับตัวมันนั่นแหละ

   คืนหนึ่งช่วงผ่อนคลายดูทีวี ผมนอนแขนหนุนหัว ขาเกยตักไอ้ซันเห็นรายการเกี่ยวกับคนรวยชอบทำตัวจนคล้ายมันเลยถามไปเล่นๆ

   “ซัน บ้านมึงทำไรวะ”

   เจ้าของชื่อปรายตามองผมหน่อยหนึ่ง ตอบแบบไม่คิดมาก

   “บ้านกูเป็นรีสอร์ท”

   “ใหญ่ปะ”

   “ใหญ่มั้ง ถามทำไม กลัวกูไม่มีตังเลี้ยงมึงไง?”

   “มึงเลี้ยงกูไม่ได้ เดี๋ยวกูเลี้ยงมึงเองก็ได้ เห็นงี้แม่กูเป็นเจ้าของร้านผ้าไหมทอมือชื่อดังประจำจังหวัดเลยนะ กูเองถ้าเรียนจบไปคิดว่าเงินเดือนเลี้ยงพวกเราสองคนได้สบายๆ”

   ฝั่งพ่อผมเป็นพนักงานกินเงินเดือน ไม่ใช่ว่ามันไม่ดี แต่พ่อทำงานให้กับบริษัทของปู่ในตำแหน่งที่เป็นรองแค่ปู่เท่านั้น ตัวผมไม่อยากไปยุ่งอะไรของเขา เลยไม่ขอกล่าวถึง

   ซันไม่รู้เรื่องด้วย มันยกยิ้มมุมปากเปลี่ยนท่าตัวเองจากเป็นที่รองเท้ามาคร่อมทับอยู่เหนือตัว โซฟาตัวยาวอัดผู้ชายสองคนโคตรเบียด

   “ได้ข่าวว่าจบไปงานกูได้เงินดีกว่ามึงนะโป้ อีกอย่างบ้านกูมีรีสอร์ทอยู่สองที่ว่ะ มึงไม่ต้องห่วงหรอก ต่อให้มึงนั่งกินนอนกินกูก็เลี้ยงมึงได้”

   มันยักคิ้วจึกๆ โคตรกวนส้น ผมก็รู้มานะว่าบ้านมันพอมีฐานะไม่งั้นพี่ชายคงไม่ถอยคอนโดห้องชุดให้มันแบบนี้หรอก

   “งั้นหมายความพวกบัตรส่วนลดห้างดังเฉพาะของพวกสมาชิก VIP ที่มึงได้มานี่ คงไม่ใช่ว่ามึงแอบไปเป็นสมาชิกเขาหรอกนะ” ซันมันเอาบัตรส่วนลดอาหารเสื้อผ้าอะไรต่างๆ มาแจกพวกเราเป็นบางครั้ง จะว่าไปตอนไปซื้อชุดว่ายน้ำด้วยกัน เห็นมันเอาบัตรใบหนึ่งให้พนักงานตอนคิดเงินอยู่ แต่ผมไม่รู้ว่าบัตรอะไรเพราะเห็นไม่ชัด

   “จะว่างั้นก็ได้ แต่กูไม่ได้ไปสมัครสมาชิกบ้าบออะไรนั่นหรอกนะ มึงก็เห็น ปกติกูเข้าห้างที่ไหน พี่สะใภ้กูต่างหากเป็นคนจัดการเรื่องพวกนี้ให้ บัตรส่วนลดก็เหมือนกัน ส่งมาทุกครั้งแทบจะเอามาถมที่ได้อยู่แล้ว”

   ว่าพลางทิ้งตัวลงนอนทับผมเอาหัวซุกคอ รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะจมหายไปในโซฟา หนักชิบ

   “พี่สะใภ้มึงเป็นพนักงานในนั้นเรอะ” คงเป็นพนักงานระดับสูงน่าดู ในของสมนาคุณเพียบ

   “ฮึ เป็นเจ้าของ”

   “...”

   แดกจุด หมดซึ่งคำถาม ได้แต่พึงระลึกอยู่ในใจว่า ไอ้หน้าเถื่อนทำตัวยาจกที่นอนอำผมนี้มันมีฐานะโคตรจะไม่ธรรมดา อาจจะไม่ถึงขั้นรวยล้นฟ้า แต่ด้วยกิจการทางบ้านที่มันพูดมานี้ก็อยู่สบายกันไปทั้งชาติแล้ว ไม่นับเรื่องอนาคตมันเรียบจบทำงานอีก ทุกวันนี้ซันเองยังรับจ๊อบเล็กๆ น้อยๆ หาเงินเข้ากระเป๋าเป็นระยะ ขยันพึ่งพาได้เหมาะกับการเป็นพ่อของลูก ถ้าผมท้องได้นะ

   “คิดอะไรอยู่วะ”

   คนบนตัวผงกหัวขึ้นมอง รวบกอดผมทั้งแขนขาอย่างกับผมเป็นหมอนข้าง เอาที่มึงสบายใจเลย

   “ผู้หญิงคงอยากได้มึงเป็นพ่อของลูกจนตัวสั่น” เป็นผมก็อยากได้อะ ผู้ชายแบบซันหายากนะเฮ้ย

   “มึงอยากมีลูก?”

   “เราคุยคนละเรื่องเดียวกันแล้ว กูเป็นผู้ชายจะไปมีได้ไงวะ”

   ผมผลักไหล่ มันขืนตัวไว้มองด้วยสายตากรุ่มกริ่ม

   “ไม่แน่นะมึง ถ้าขยันมากๆ อาจเห็นผล”

   “ผลที่หน้า!”

   แล้วไอ้ซันก็โดนผมเสยไปหนึ่งหมัด ร่วงลงจากโซฟาไปกุมคางดิ้นร้องโอดโอยบนพื้นห้อง โดยมีผมก้มมองด้วยความสะใจ ไม่สนสายตาคาดโทษจากมัน

   พอคิดถึงเรื่องมันแล้วอดที่จะหลุดขำอมยิ้มอยู่คนเดียวไม่ได้ จนเพื่อนในวงถามว่าผมเมาเนื้อเหรอ ผมเลยตอบ เมาเนื้อซัน คิดถึงแฟนแล้วมันอารมณ์ดี เท่านั้นล่ะครับท่านผู้ชม น้ำแข็ง ฝาโซดา ถั่วฝักยาวจากกับแกล้มเหล้าสารพัดรุมโยนมาใส่ผมแทนรางวัล ผมพูดผิดตรงไหน ไม่มีแฟนอย่าอิจฉาสิครับ
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่14 ผมไม่จนนะครับ Up9/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 09-05-2016 18:48:36
ได้อ่านสักที หายคิดถึงละค่ะ
 :pig4:   
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่14 ผมไม่จนนะครับ Up9/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 09-05-2016 21:37:34
ว้าวๆๆๆๆ กลับมาอ่านแล้วววววว
ใครว่าซันจนนนน แหมๆๆๆ ไม่รู้อะไรซะแล้วววว
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่14 ผมไม่จนนะครับ Up9/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 09-05-2016 22:03:10
ห่างหายกันไปนานเลยคู่นี้  :pig4:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่14 ผมไม่จนนะครับ Up9/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 09-05-2016 22:40:27
โป้อวดแฟน(ให้คนอ่านเขินเล่น)

แหม่ อิจๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  :fire:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่14 ผมไม่จนนะครับ Up9/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 09-05-2016 22:58:09
แหม...แต่ละคน แต่มิทนี่สุดๆอ่ะ
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่14 ผมไม่จนนะครับ Up9/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: cinnsin ที่ 10-05-2016 22:48:43
อื้อหืออออ รวยปะล่ำปะเหลือ  :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่14 ผมไม่จนนะครับ Up9/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 11-05-2016 13:26:00
 :impress3: มาอัพต่อไว ๆ น่ะจ้ะ ชอบซันโป้ น่ารัก  :mew1:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่14 ผมไม่จนนะครับ Up9/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 11-05-2016 16:14:13
รอคู่นี้ต่อ
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่14 ผมไม่จนนะครับ Up9/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 12-05-2016 13:32:13
 :z13:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่15 เกย์ก็แมนนะเฮ้ย Up26/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 26-05-2016 02:25:39
ยกที่15 เกย์ก็แมนนะเฮ้ย
   
   น้ำเมาที่กรอกเข้าปากเริ่มออกอาการอยากหาทางออก ผมบอกเพื่อนที่พอมีสติที่สุดแล้วทำตัวลีบเดินผ่านโต๊ะเพื่อไปห้องน้ำ

   ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมทางไปห้องน้ำของร้านเหล้าและผับส่วนใหญ่ถึงต้องเป็นทางมืดๆ แคบๆ หรือมันจะเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของร้านกลางคืน? แนวว่าจุดอับให้คนมาซำบาราฮึ่มกัน อย่างที่ผมเดินผ่านมานี่ไปแล้วสองคู่ จูบกันแทบสิงร่าง

   บางคนมาสูบบุหรี่ทำให้ทางเดินแออัดยิ่งหายใจลำบากเข้าไปใหญ่ กว่าจะผ่านมรสุมจนถึงห้องน้ำได้ ผมละอยากจะคว้าขวดเหล้าเปล่ามาทำธุระให้เสร็จๆ แต่กลัวว่าคนอื่นจะเข้าใจผิดเป็นเบียร์อุ่น อร่อยกันเลยทีเดียว

   สภาพห้องน้ำอย่าไปพูดถึง หลับหูหลับตาขจัดของเสีย กลั้นหายใจเข้าไว้ เมินเฉยเสียงแปลกๆ ที่ดังมาจากห้องส้วม ระหว่างที่ผมกำลังล้างมือได้ยินเสียงเอะอะมาจากหลังห้องน้ำ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเลยอาศัยส่วนสูงตัวเองกระโดดเกาะขอบช่องระบายอากาศส่องดูว่าใครมาเล่นหนังแอคชั่นกันแถวนี้

   ผมขมวดคิ้วเห็นผู้ชายหนึ่งคนกำลังโดนหมารุมสามตัว นับว่าเป็นเรื่องปกติ สติความนึกคิดลดน้อยลงตามระดับแอลกอฮอล์ที่อยู่ในสายเลือด คงเป็นปัญหาเดิมๆ ถ้าไม่ใช่มองหน้าหาเรื่องก็เรื่องผู้หญิงนี่แหละ ผมไม่อยากหาเหาใส่หัวว่าจะถอยฉากกลับไปเฮโลกับเพื่อนที่โต๊ะ ไว้จะบอกพนักงานให้มาเก็บซากเอาทีหลัง

   ก่อนผมจะปล่อยมือจากช่องระบายอากาศ ตาดันไวสังเกตเห็นว่าไอ้คนโนรุมใส่เสื้อผ้าคุ้นๆ คล้ายจะเป็นเพื่อนในกลุ่มตัวเอง ความคิดที่จะกลับโต๊ะเปลี่ยนไปทันที

   ผมปล่อยมือจากช่องระบายอากาศ หมุนตัววิ่งออกจากห้องน้ำเมินเสียงสบถของคนที่เกือบโดนผมชน เร่งฝีเท้าอ้อมหลังร้านไปจุดที่เห็นเมื่อครู่

   ไอ้เรื่องตะโกนก่อนเผยตัวเนี่ย มีแต่ในหนังเท่านั้นแหละครับที่ทำ ตะโกนไปพวกแม่งก็รู้กันหมดดิว่าผมมา ดังนั้นต้องวิ่งเข้าไปเงียบๆ อาศัยจังหวะพวกมันกำลังชุลมุนกระโดดเข้าชาร์จง้างหมัดต่อยเข้าเต็มหน้าตัวที่อยู่ใกล้มือสุดพร้อมยกขาเตะอีกตัวที่วิ่งมาช่วยเพื่อน

   “มึง...”

   เสียงเรียกแบบไม่อยากเชื่อ ดึงความสนใจจากผมให้มองเพื่อนตัวเองชัดๆ ทีแรกยังจำไม่ได้หรอกว่าเพื่อนคนไหน รู้แค่ว่าคุ้นๆ เสื้อแบบนี้ในกลุ่มตัวเอง พอเห็นเท่านั้นแหละ

   “หวังว่ามึงคงไม่มีปัญหาถ้าคนที่มึงหาว่าเป็นตุ๊ดมาช่วยนะไอ้อาร์ท”

   ผมยกมุมปากประชด มันคือหนึ่งในคนที่ตั้งแง่กับผมหลังรู้ว่าผมเป็นเกย์ จะถอยตอนนี้ก็ไม่ใช่วิสัย เครื่องติดแล้วดับยาก ที่สำคัญต่อให้มันรังเกียจผม ก็ยังถือว่าเป็นเพื่อนร่วมคณะ ให้ทิ้งไปก็ผิดต่อพวกพ้องตัวเองพอดี

   “ข้างหลัง!”

   เสียงตะโกนเตือนจากมันช่วยให้ผมหลบหมัดทันแบบเฉียวฉิว อาร์ทถีบสวนจนมันหงายหลังไปโดนเพื่อนตัวเอง

   “มึงมาเสือกอะไรด้วยวะ!!”

   เจ้าคนที่โดนผมชกตอนแรกตะคอกอย่างหัวเสียแล้วพุ่งเข้ามาโจมตีซ้ำ ผมกับอาร์ทเป็นอันว่ารู้กัน ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาปรับความเข้าใจ ต้องรีบเคลียร์ไอ้พวกนี้ไปให้พ้นๆ ก่อน ความคิดที่จะวิ่งหนีเข้าร้านไม่มีแม้เศษเสี้ยว เอาไว้มันมาเพิ่มอีกสักสามคนผมค่อยหนี สามต่อสองแบบนี้ยังสบายอยู่

   ไม่ได้ออกกำลังกายแบบนี้มานานแล้ว จัดสักหน่อยก็ดีเดี๋ยวฝีมือจะขึ้นสนิทหมด ยังดีที่มีซันคอยซ้อมมือ ไม่งั้นผมคงขยับร่างกายฝืดกว่านี้

   ผัวะ! ปึก!!

   หมัดดุ้นๆ ซัดเข้าดั้งคนด้านหน้า ศอกใส่คนด้านหลัง จังหวะเผลอโดนกำปั้นเต็มข้างแก้ม ปวดชาไปครึ่งหน้า ผมกัดฟันกรอดถ่มเลือดในปากลงพื้นหวดหลังมือใส่กกหูจนมันเซ แล้วเข้าไปถีบตัดขาจนมันล้มไปกองบนพื้น จัดนวดฝ่าเท้าแบบฟรีถึงหน้า กระทืบมันทุกส่วนของร่างกาย

   “มึงถีบกูใช่ไหมหา!? เอารอยเท้ากูไปประดับเสื้อมึงบ้างแล้วกัน ไอ้xxx!”

   “สัตว์! มึงทำเพื่อนกู!!”

   อีกคนตะโกนวิ่งเข้าใส่ผม จำต้องละจากการลงเท้ายกแขนกันหมัดแล้วต่อยสวนกลับ แลกหมัดกันนัว คำนี้ผมโคตรเบื่อ จะบอกหาพระแสงของ้าวอะไร เห็นๆ กันอยู่ว่าเพื่อนมันเป็นกระสอบทรายให้ผม ยังจะหน้ามึนมาแหกปากให้เปลืองพลังงานซัดคนอีก

   ผมโดนหมาถีบจนเซถอยหลังไปชนกับอาร์ท ส่งผลให้มันถลาเอาหน้าไปรับหมัดคนอื่น แอบนึกสะใจเล็กๆ ถือว่าเอาคืนที่มันมาหาว่าผมเป็นตุ๊ดแล้วกัน เกย์ไม่ใช่ตุ๊ดเว้ย!

   พอมันตั้งตัวได้กระชากคอเสื้อฝั่งนั้นจับเฮดบัดมึนคู่ โธ่ไอ้ฟาย ทำเป็นเท่ อาร์ทสบัดหัวไล่ความมึนหันหลังชนกับผมตอบโต้ไปสามตัวไปพลาง พวกมันสองคนตัวพอๆ กับเรา แต่มีคนที่ตัวใหญ่ถึกอย่างกับหมีควาย ความล้าเริ่มกัดกิน เหงื่อออกจนชุ่มแผ่นหลังกลายเป็นหมาหอบแดก

   “โป้ มึงเข้าไปเรียกคนอื่น เดี๋ยวกูถ่วงเวลาไว้ให้”

   ผมผลักมันออก ยกเท้ายันคงที่พุ่งเข้ามา อยากถามเหลือใจ มึงใช้สมองใต้ตาตุ่มคิดเหรอวะ ตัวคนเดียวกับพวกมันอีกสามคน ขนาดมีผมอยู่ด้วยตึงมือหรือมันคิดว่าตัวเองเป็นพระเอกในเกม หนึ่งรุมสิบอะไรงี้ คนเดียวฆ่าศัตรูเป็นกองทัพ

   “คิดเหรอว่าพวกกูจะปล่อยเพื่อนมึงไป อีกเดี๋ยวพวกกูก็จะมา ทีนี้แหละ พวกมึงเละเป็นโจกแน่”

   เสียงหัวเราะน่ารังเกียจ ชูนิ้วกลางใส่เหรอ ได้ เดี๋ยวมึงเจอดี ผมใช้ท่าไม้ตายที่เรียนรู้มาสมัยเตะบอลหัวเกรียนสลัดรองเท้าที่กระแทกปากแม่ง โคตรสะใจ ไม่เคยรู้สึกขอบคุณนิสัยชอบเหยียบส้นเท่านี้มาก่อนเลยเพราะมันช่วยให้ถอดรองเท้าง่าย เอามาแปลงเป็นอาวุธก็สบาย

   “เก็บปากไว้แตกหน้าหนาวเหอะมึง อย่าดีแต่พ่นน้ำลาย เข้ามาไอ้กาก”

   เจอวิชามารผมเข้าไป อึ้งกันทั้งบางไม่เว้นพวกเดียวกันเอง เจ้าบึกโดนรองเท้าตบปากแตกโกรธจนหน้าแดงก่ำ เส้นเลือดปูดตรงขมับแบบเห็นได้ชัด มันร้องอ๊ากพุ่งเข้าใส่เหมือนนักกีฬารักบี้จนหลังผมกระแทกผนังห้องน้ำเจ็บราวจุกจนสำลัก ก่อนจะรีบก้มหลบกำปั้นออกจากวงใน มันตามมากระชากสร้อยหนังรัดคอ

   อาร์ทมัวติดพันกับอีกสองตัว แม้จะเห็นแต่ปลีกตัวมาช่วยไม่ได้ เสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวาย ด่าทอกันสารพัดสัตว์ ใบหน้าขาวแดงก่ำจากการถูกรัดคอ แขนขาพยายามโจมตีใส่คนด้านหลัง ช่วยให้ผ่อนแรงลงได้เพียงแค่นิดเดียว

   ช่วงที่กำลังหน้ามืดจากการขาดอากาศ เสียงหนักๆ ดังอยู่ข้างหูพร้อมแรงรั้งสร้อยที่หายไป ผมกุมคอสูดอากาศเข้าปอด ด้วยความที่รีบเกินเลยสำลักไอค่อกแค่ก ปวดคอเหมือนมีก้อนแข็งมาจุกหลอดลม เป็นความรู้สึกที่โคตรแย่

   “ระยำ!! นี่มึงกะเอาตายเลยเหรอวะ!”

   เสียงคุ้นเคยทำให้ผมใจชื่นขึ้นเป็นกอง หันไปเจอใบหน้าโกรธเกรี้ยวของซัน มือกำคอเสื้ออีกฝ่ายแน่น รัวหมัดจนเลือดกระเซ็นขนาดฟันยังหลุดออกจากปากลอยผ่านหน้าผมไป เสียงหมัดกระทบหน้าหนักบ่งบอกแรงไม่น้อยของมัน อีกสองตัวเห็นท่าไม่ดีรีบผละจากอาร์ทวิ่งหนีเข้าร้านไป

   เจ้าบึกถูกระดมหมัดไม่รู้เหนือใต้ ด้วยความที่มันโทรมจากการซัดกับพวกผมมาตั้งแต่แรก ยิ่งเจอแรงโกรธของซันไปถึงกับร่วงไปกองบนพื้น ซันมันไม่ยอมปล่อยลงเท้ากระทืบเน้นแต่ที่ท้อง ไม่สนใจเสียงร้องโอดโอยของมันเลยแม้แต่น้อย

   “ถ้าอยากฆ่าคนนักเดี๋ยวกูสนองให้”

   “เชี่ย! ซันพอแล้ว เดี๋ยวมันก็ตายคาตีนมึงหรอก”

   ผมตกใจไม่เคยเห็นซันมันคลั่งขนาดนี้มาก่อน รีบไปล็อกตัวมันจากทางด้านหลัง ส่งสัญญาณให้อาร์ทรีบๆ ลากคู่อริมันไปไกลๆ เท้าซัน อาร์ทมันก็ร้อนใจ ต่อให้เกลียดกันแค่ไหน ถ้ามันตายขึ้นมาเรื่องใหญ่แน่ ยิ่งมันเป็นตัวต้นเหตุอีกเลยรีบลากออกไป

   ซันทำท่าจะพุ่งเข้าไปซ้ำ ผมสู้แรงบ้ามันไม่ไหว แสร้งร้องโอ๊ยว่าเจ็บทำให้มันชะงักเท้ากลางอากาศ รีบหันขวับมาดูผม

   “เป็นไงบ้างมึง”

   ซันละล่ำละลักถามแสดงความเป็นห่วงชัดเจน มือหนายกแตะที่ลำคอผม แม้ตอนนี้จะไม่มีกระจก ผมก็พอเดาได้ว่ามันต้องแดงเป็นเส้นแหง เสียงสูดลมหายใจลึกคล้ายพยายามสะกดกลั้นความรู้สึก มันขบกรามแน่น กำมือจนขึ้นข้อขาวหันหลังเตรียมจะไปซ้ำ ผมรีบคว้าแขนมันแทบไม่ทัน

   “ใจเย็นก่อนสิวะ มันตายขึ้นมาไม่คุ้มนะ… ไอ้อาร์ท มึงโทรเรียกรถพยาบาลที พวกแม่งขี้ขลาดวิ่งหนีไปหมดแล้ว ปล่อยไว้เดี๋ยวมันจะตายซะก่อน”

   พูดกับซันเสร็จหันไปสั่งอาร์ทต่อ มันพยักหน้ารับรีบใช้มือถือโทรตามที่ผมบอก ระหว่างนั้นผมลากซันมาอีกทาง

   “มึงมาได้ไง นัดไว้ห้าทุ่มไม่ใช่เหรอ”

   ซันยกนาฬิกาข้อมือให้ดู ตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มนิดๆ ของตัวเองไม่มีหรอก มีแต่เครื่องประดับพวกเชือกหนัง

   “ถ้ากูมาช้า กูคงมาเก็บศพมึงแทน” น้ำเสียงเข้มจัดบ่งบอกอารมณ์ที่ยังไม่สงบดี ผมยิ้มแห้ง

   “ขอบคุณที่มาช่วย มึงรู้ได้ไงว่ากูอยู่ตรงนี้” ผมต้องชวนมันคุยดึงความสนใจ จะได้ทำให้มันสงบลงด้วย ซันเองก็รู้ว่าผมต้องการอะไร เลยผ่อนลมหายใจกอดอกขมวดคิ้วจ้องยอมตอบง่ายๆ

   “ถามจากเพื่อนมึงไง บอกว่ามึงมาเข้าห้องน้ำยังไม่กลับ กูเลยมาตามได้ยินเสียงคนต่อยกัน เดาว่าต้องเป็นมึงแน่ๆ พอตามมาเห็นมึงกำลังจะโดนรัดคอตายพอดี” โวะ นี่ก็ย้ำจังว่าผมเกือบตาย แทนที่จะปลอบกันล่ะไม่มี

   มันกลายเป็นฝ่ายถามบ้าง “ว่าแต่มึงเหอะ ปกติไม่ใช่คนชอบหาเรื่องนี่หว่า ทำไมถึงมีเรื่องกันได้” สายตาคาดคั้นบังคับให้ตอบ เวลาปกติผมคงเล่นลิ้นแหย่มันหน่อย แต่ตอนนี้อารมณ์มันยังกรุ่นๆ อยู่ ผมไม่เสี่ยงหาเรื่องให้ตัวเองดีกว่า

   “เพื่อนมันมีเรื่อง กูเลยมาช่วย”

   ซันนิ่งไปสักพักแล้วพยักหน้าอย่างเข้าใจ นิสัยรักเพื่อนสุดลิ่มทิ่มประตูอย่างมัน เชื่อเลยว่ามันเป็นมากกว่าผมอีก ดังนั้นมันเลยไม่ว่าผมในเรื่องนี้เปลี่ยนเป็นสำรวจผมตั้งแต่หัวจรดเท้าแทน

   เสื้อผ้ายับมีแต่รอยเท้า กางเกงเปื้อนฝุ่นเป็นแถบ แก้มเริ่มบวมไปครึ่งซีก มุมปากแตกมีรอยเลือดชัดเจนแม้อยู่ท่ามกลางแสงสลัวแถวลานจอดรถ แขนช้ำเป็นจุดหากถอดเสื้อมาคงยิ่งกว่านี้

   หลังมองเสร็จมันไม่พูดอะไรสักคำ หยิบมือถือขึ้นมากดโทรออก รอไม่นานปลายสายก็รับ

   “กูกับโป้ไม่ไปแล้ว”

   จากรูปประโยค ฝั่งนู่นน่าจะเป็นมิท ยิ่งเสียงดังลอดออกมานี่ชัดเลย

   /เฮ้ย! ได้ไงวะ อุตส่าห์นัดกันแล้ว กูรู้ว่าพวกมึงรักกันปานจะกลืนกิน แต่แบ่งเวลามาเที่ยวกับเพื่อนบ้างอะไรบ้าง อย่ามัวแต่สวีทกันอยู่สองคน/

   “สวีทเหี้ยอะไร โป้เกิดเรื่อง กูไม่มีอารมณ์ไป จะพามันไปโรงบาลด้วย” ปิดท้ายด้วยการสบถหยาบคายอีกสองสามคำ น้ำเสียงทีเล่นทีจริงของมิทเปลี่ยนไปเคร่งเครียดทันที

   /เกิดอะไรขึ้น พวกมึงอยู่ที่ไหน/

   “กูอยู่ร้านเหล้าที่โป้มาแดกกับเพื่อน มึงไม่ต้องห่วง ตอนนี้ทุกอย่างโอเคแล้ว โทษทีที่ไม่ได้ไปตามนัด”

   /ช่างเถอะ ไม่เป็นอะไรมากก็ดี เรื่องนัดยกเลิกไปก่อนแล้วกัน ไม่มีมึงสองตัวจะไปสนุกอะไร เดี๋ยวกูโทรไปบอกริวก่อน มึงมีไรก็โทรมาบอกกูนะ กูพอมีเส้นสายน่าจะช่วยอะไรได้บ้าง/

   เส้นสายที่ว่านั่นใช่ป๋าชาวต่างชาติของมึงรึเปล่ามิท ผมคิดในใจ ไม่กล้าแย่งมือถือซันมาพูดเล่น

   “เออ ขอบใจมาก”

   สิ้นคำก็กดวางสายหันมาเอาเรื่องผมต่อ ตะกี้พักยกสินะ...

   “ไว้กูค่อยคิดบัญชีกับมึงที่ห้อง ทำไมไม่โทรเรียกไอ้พวกในร้านมาวะ กูเห็นมีอยู่หลายคนที่ไม่เมาเป็นหมานี่หว่า”

   “กูพลาดเองแหละ คิดว่ามันมีกันแค่สามคน กูกับอาร์ทน่าจะจัดการได้ ใครจะไปนึกล่ะว่ามันเล่นแรงขนาดนี้” นี่ผมจะเสียงอ่อยไปไหม พ่อผมดุยังไม่เกรงใจขนาดนี้เลย อ่อ ลืมไป พ่อผมใจดี คนที่เป็นขาโหดคือแม่ต่างหาก

   “คนเมามันไม่สนกฎกติกาอะไร มึงควรระวังไว้ บุญแค่ไหนแล้วที่พวกมันไม่ควักมีดหยิบปืน”

   “ขอโทษ...สารภาพก็ได้ว่ากูติดเล่นมากไปหน่อย”

   “มึงควรสำนึกไว้บ้าง ถ้ามึงเป็นอะไรไปไม่ใช่แค่มึงที่แย่ แต่กู พ่อแม่มึงจะรู้สึกยังไง” ซันมันเริ่มเทศนา ผมขมวดคิ้วเริ่มจะฉุนขึ้นมาบ้าง ด้วยความที่ไม่ชอบให้ใครมาสั่ง หากเป็นสมัยก่อนวัยรุ่นเลือดร้อนผมคงจะซัดหมัดใส่ไปแล้ว คราวนี้นอกจากมันเป็นคนมาช่วย ยังเป็นแฟนผมที่พูดด้วยความหวังดี ผมจึงกล้ำกลืนความหงุดหงิดกลับลงท้อง

   “เข้าใจแล้ว มึงเลิกตอกย้ำกูสักทีเหอะ ขอบใจที่มาช่วยแล้วกัน”

   ต่อให้พยายามเก็บอาการขนาดไหน น้ำเสียงกับรูปประโยคก็ยังแฝงความไม่พอใจอยู่ดี ซันรับรู้ได้

   “กูพูดเพราะกูเป็นห่วง” เสียงอ่อนลงสามระดับ ดูท่าตอนนี้มันจะอารมณ์เย็นลงแล้ว ค่อยยังชั่ว ผมไม่อยากซื้อโอเลี้ยงกับข้าวกล่องไปฝากมันนะ

   “ก็รู้อยู่...” ก้มหน้าสำนึกผิดแล้วเนี่ย เห็นใจกูหน่อยเถ๊อะ

   “มึงเจ็บอยู่ กูไม่อยากอะไรกับมึงมาก”

   บอกว่าไม่อยากอะไรมาก แล้วหมาตัวไหนมันขู่ว่ากลับห้องไปมีเคลียร์วะ หลังคุยแบบส่วนตัวกันเสร็จ ซันเบนเป้าหมายไปทางอาร์ทบ้าง เพราะมันเป็นต้นเหตุที่ทำให้ผมมาเอี่ยวด้วย ไอ้อาร์ทเห็นหน้าซันคงภาวนาขอให้รถพยาบาลมาไวๆ แหง ไม่ใช่มาเก็บซากไอถึกที่นอนพะงาบนะ มารอกู้ชีพมันนี่แหละ

   “เฮ้ย มึงชื่อไร” มือล้วงกระเป๋ามองต่ำถาม สีหน้าหาเรื่องมากลูกพี่

   “ชื่ออาร์ท”

   “กูถามมัน ไม่ได้ถามมึงโป้”

   เอ้า! กูผิดอีก หุบปากก็ได้ เอาตัวรอดเองนะเพื่อนอาร์ท

   “ถ้ามึงจะมาด่ากูเรื่องทำแฟนมึงเจ็บตัว กูต้องขอโทษด้วย ไม่คิดว่าเรื่องมันจะเลยเถิดขนาดนี้”

   อาร์ทสภาพโทรมไม่ต่างจากผม เผลอๆ จะหนักกว่า ช่างขัดกับสีหน้าที่พยายามทำให้นิ่งเฉยซะจริง

   “ทำไมมึงมีเรื่องกับเศษเดนนั่น ถ้าเหตุผลไม่ดีพอ กูกระทืบมึงเป็นซากตามมันไปแน่”

   ผมเห็นอาร์ทลอบกลืนน้ำลายอึกกับคำขู่ของซัน ฝีไม้ลายมือกับพละกำลังเห็นกันอยู่ชัดๆ มาแป๊บเดียว คว่ำไอ้ถึกซะงอมพระราม ต่อให้มันเจ็บตัวมาแต่แรกก็เถอะ

   “พวกกูไม่ได้เพิ่งจะมีเรื่องกันวันนี้ เป็นอริกันมาตั้งแต่สมัยเรียน กูจบช่างมา แล้วที่กูไม่เรียกคนอื่นมาช่วยเพราะนี่มันเรื่องของกูไม่อยากให้เพื่อนมาซวย อีกอย่าง ไม่มีโอกาสด้วย...”

   ท้ายประโยคเสียงเบาหวิว อาร์ทอธิบายแบบกระจ่าง คงกลัวว่าหากซันมันถามซ้ำแล้วตัวเองจะงานเข้า

   “งั้นเหรอ... วันหลังมึงทำอะไรเจียมกะลาหัวตัวเองด้วย พวกทำเป็นเก่งมันไม่ตายดีหรอกนะ” ดวงตาคมหรี่มอง อาร์ทได้แต่ผงกหัวรับรัวๆ

   ความวัวไม่ทันหายความควายเข้ามาแทรก ไอ้สองตัวที่วิ่งหนีไปมันกลับมาพร้อมเพื่อนอีกห้าคน ซันจ้องเขม็งด้วยสายตาอันตราย ผมตั้งท่าคิดว่างานนี้อาจจะได้ออกแรงกันอีกรอบ ใครจะไปรู้ว่าพวกเพื่อนผมเองก็มาเหมือนกัน สงสัยเห็นว่าพวกผมหายไปนานเกินไปเลยมาตาม โดยเฉพาะอาร์ท มันมาเข้าห้องน้ำก่อนผมอีก

   ทีนี้แหละพ่อคุณเอ๋ย พวกนั้นยืนนิ่งไม่กล้าผลีผลามเข้ามาเห็นว่าพวกผมมาเยอะกว่า ฝั่งเพื่อนผมเองหลังจากมองสภาพโดยรอบพอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็พากันหันขวับจ้องเขม็งไปทางนั้น เห็นท่าไม่มีผมออกหน้าไกล่เกลี่ย แค่ตอนนี้ก็ร้าวระบมไปทั้งตัว ไม่อยากจะหาเรื่องเจ็บตัวไปมากกว่านี้ อีกอย่าง เดี๋ยวคุณพ่อที่อยู่ข้างๆ จะพิโรจน์แล้วฉิบหายกันทั้งสองฝ่าย

   “ใจเย็นก่อนทุกคน แค่เรื่องเข้าใจผิดกัน ตอนนี้เคลียร์หมดแล้ว พวกฉันโทรเรียกรถพยาบาลมาแล้วด้วย เพื่อนนายแค่สลบไป ไม่เป็นไรมากหรอก” …มั้ง ขอเติมคำในใจเงียบๆ

   “หมายความว่าไงวะ ไหนมึงบอกพวกมันกำลังรุมกระทืบน้องกูไง”

   อ้าว นั่นพี่มึงเหรอไอ้ถึก อีกสองตัวในสภาพยับเยินมองพวกผมสลับกับลูกพี่ตัวเอง

   “เอ่อ...” ตาหลุกหลิกของเจ้าสองคนมองโยนให้กันไปมา แหงล่ะ เพื่อนมันเกือบฆ่าผมตายนี่หว่า ขืนมันหลุดปากพูดไปกลุ่มเพื่อนนับรวมพวกผมเกือบสิบคนได้รุมกระทืบมันแน่

   “อย่ามีเรื่องกันต่อเลย เริ่มมีคนมามุงแล้ว เกิดมีใครโทรแจ้งพ่อเดี๋ยวได้ซวยกันหมด” คนเริ่มมาเป็นไทยมุงอย่างที่ผมพูด ทีแรกมีกันแค่สี่ห้าคน ทุกคนเลยไม่สนใจ วันรุ่นตีกันแถวร้านเหล้าเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่นี่มากันเป็นฝูง เกิดมีเรื่องกันขึ้นมาวินาศสันตะโรแน่

   ลูกพี่ใหญ่ลังเลชั่วครู่ ยอมถอยกันคนละครึ่งก้าว

   “ส่งน้องกูคืนมาแล้วแยกย้าย แต่อย่าให้กูเห็นพวกมึงเป็นครั้งที่สอง” คำขู่ปิดท้ายแบบไว้ตัวมีหรือพวกผมจะกลัว พากันแสยะยิ้มจนพวกนั้นเสียวสันหลังวูบไปตามๆ กัน

   หมดเรื่องแล้วปล่อยพวกนั้นรอรถพยาบาลเป็นเพื่อนไอ้ถึกไป พวกผมที่เหลือกลับเข้าไปดื่มกันต่อ เหลือแค่สองสามคนที่อยากรู้รายละเอียด แม็คที่ค่อนข้างจะสนิทกับผมที่สุดก็อยู่ด้วย

   “หน้าพวกมันคุ้นๆ อริมึงใช่มะอาร์ท”

   แม็คกับอาร์ทรู้จักกันตั้งแต่ก่อนเข้ามหา’ลัย ถึงไม่ได้เรียนช่างด้วยกัน แต่มันก็ต้องเจอดีกันบ้างล่ะ

   “เออ ส่วนโป้กับซันมาช่วยกูไว้”

   อาร์ทดูไม่ตั้งแง่กับผมแล้ว หันมายิ้มให้พวกเราด้วย

   “โป้คงช่วยมึงได้ไม่เท่าไหร่มั้ง ก็มันเป็น...อะนะ” มีคนแทรกขึ้นมา ผมแสยะยิ้มเย็น ไอ้เบื้อกนี่ผมจำชื่อมันไม่ได้ รู้แค่ว่าเป็นตัวตั้งตัวตี ปากหมาเป่าหูเพื่อนเรื่องของผมในทางไม่ดี สายตานั่นอีก มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าเหยียดหยามจนเท้ากระตุกอยากถีบคน

   “ไม่ใช่...” อาร์ทไม่ทันจะพูดแก้ตัวให้ผมจบประโยค หมัดขวาตรงของซันซัดเข้ากลางหน้าจนเลือดกำเดาไหล บ่งบอกว่าลงมือหนักแค่ไหน มันผงะก่อนจ้องอย่างโกรธๆ ทำท่าจะเข้ามาซัดกลับ ผมเลยจัดส่งเท้ายันมันหงายหลังไปกองบนพื้นก่อนถึงตัวซัน

   “ไอ้พวกวิปริตทำเหี้ยไรวะ”

   “มึงปากดีไง โดนก็สมควรแล้ว อย่าสำออยลุกขึ้นมา” แม็คใช้เท้าสะกิดโดยมีอาร์ทพยักหน้าเห็นด้วย

   “กูว่ามึงเข้าใจอะไรผิดไปเปล่า กูเป็นเกย์ ไม่ใช่ตุ๊ดกระเทยที่มีจิตใจเป็นหญิง อีกอย่าง กูขอเตือนไว้หน่อย อย่าได้ปากดีใส่พวกนั้นเชียว ลูกตบสาวๆ พวกนั้นแรงกว่าเท้ากูชัวร์”

   ผมมองเย้ยหยัน มันกัดฟันกรอดผุดลุกขึ้นมาแต่ไม่กล้าเสนอหน้ามารับหมัดอีกรอบ ซันมันขาโหดไม่ใจดีเหมือนผมหรอกนะจะบอกให้

   “ด่ากูไม่ว่า แต่อย่าด่าแฟนกู ไม่งั้นมึงจะไม่ได้ตายดี” คนพูดย่างสามขุมเข้าไปหา ใช้หลังมือตบแก้มแปะๆ มุมปากมีรอยยิ้ม ส่วนดวงตาวาววับเอาเรื่อง

   “เข้าใจใช่ไหม หืม... ไอ้อ่อน”

   ผมเห็นมันกำหมัดแน่น แต่ทำอะไรไม่ได้ ซันตอนนี้มาดโคตรจะหล่อเลว เถื่อนได้อีก ถ้ามันถ่มน้ำลายคำว่าถ่อยจะตามมา น่าเสียดายตรงที่มันยังมีความเป็นคุณชายฝังลึกในเส้นเลือด เลยไม่แสดงบทบาทให้ครบสูตร

   “เออ!! ไปไกลๆ กู ขยะแขยง”

   ยังๆ ยังจะปากดีไม่เลิก ทำหน้ารังเกียจซะ ซันหัวเราะเสียงกดต่ำ ยอมถอยออกมาแล้วชกใส่ท้องจนอีกฝ่ายทรุดลงไปกุมท้องโอดโอยบนพื้น

   “พ่นหมาออกมาอีกแม้แต่ตัวเดียว กูก้านคอมึงแน่”

   โดนเตือนด้วยร่างกายไปสองสามรอบติด ในที่สุดมันก็หุบปากได้สักที แม็คมันไม่ชายตาแลแม้แต่น้อย เพราะมันเองก็หมั่นไส้มานาน ยังแอบยกนิ้วโป้งให้ผมกับซันด้วย อาร์ทมองสภาพเพื่อนตัวเองแบบหวาดๆ หันมามองพวกผมด้วยสีหน้าจริงจัง

   “ที่ผ่านมากูขอโทษ กู...”

   “ช่างเหอะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว ตอนนี้กูว่าไปโรงบาลทำแผลกันก่อนดีกว่า” ผมโบกมือแบบไม่ใส่ใจ เราให้อภัยคนที่คิดได้เสมอ

   “เดี๋ยวกูพามันไปเอง ซันพาโป้ไปเหอะ”

   แม็คช่างรู้งาน ซันเลิกคิ้วยกยิ้มอย่างพึงพอใจ ตบบ่าแม็คเป็นเชิงขอบคุณแล้วลากผมที่กำลังบอกลาเพื่อนให้ขึ้นรถไปด้วยกัน

   ซันพาผมแวะโรงบาลทำแผลก่อนกลับ เพราะต้องตรวจคอตามประสาคนขี้เป็นห่วง ผมแซวมันไปแบบนั้น มันถลึงตาใส่บอกกลับว่า มันอะยังน้อย ถ้าเพื่อนตัวเล็กเป็นอะไรไป เฮียคงบอกให้ตรวจร่างกายแบบละเอียดครั้งใหญ่ ผมหัวเราะจนปวดท้อง สูดปากร้องอูยๆ ซันพูดซะเห็นภาพ

   พอหมอเวรเห็นสภาพผมไม่ถามอะไรสักคำ เอาแต่เทศนาตั้งแต่ต้นยันจบการรักษา ผมฟังจนหูชา ค่าใช้จ่ายซันเป็นคนออกทุกอย่าง ผมไม่ยอมเลยทะเลาะกันระหว่างทางกลับ

   ตกลงว่าผมจะคืนเงินให้ ส่วนมันจะรับหน้าที่ซื้อของใช้เข้าห้องเองแม้เป็นคิวของผม รวมถึงค่าของสดสำหรับทำอาหารในอาทิตย์นี้ด้วย คิดๆ ดูแล้วมันก็พอกันเลยนี่หว่า ผมเจ็บตัวไม่อยากจะเถียงมันต่อเลยยอมไป

   สรุปวันนี้ทั้งผมและมันแต่งตัวซะดิบดีเพื่อไปไปกระทืบคนโดยแท้ หวังว่ารอยที่คอมันจะหายก่อนที่ผมจะมีเรียนนะ ไม่งั้นคงถูกมองทั้งมหา’ลัยแหง เกิดข่าว หนุ่มสถาปัตย์น้อยใจแฟนวิศวะเลยผูกคอประชดรัก ฮ่าๆ อับอายยันชาติหน้า สาระอยู่ที่ไหน สติก็บินไปแล้ว อาบน้ำกินยานอนดีกว่าผม

หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่15 เกย์ก็แมนนะเฮ้ย Up 26/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 26-05-2016 05:49:44
 :mew1:    หวาดเสียวจริง
ซันก็โหดนะเนี่ย หึหึ
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่15 เกย์ก็แมนนะเฮ้ย Up 26/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 26-05-2016 08:04:33
พี่จะฮาก็ตอนท้ายนี่แหละลูก เช่อกเส้นเท่ามดมันจะไปผูกคอเอ็งตายได้ยังไง๊โป้!!!!
แต่ตอนนี้ซันพระเอกมากกกกกกก ปาใจใส่รัวๆๆๆๆ  :impress2:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่15 เกย์ก็แมนนะเฮ้ย Up 26/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 26-05-2016 14:02:15
 :z6: :z6: :z6: :z6: :pig4:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่15 เกย์ก็แมนนะเฮ้ย Up 26/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: PiSCis ที่ 26-05-2016 21:38:55
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่15 เกย์ก็แมนนะเฮ้ย Up 26/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: peaceminus1 ที่ 27-05-2016 12:02:05
อูยยย แต่งหล่อมาอดเที่ยวเลย เสียดายแทน 55555
กลับไปเคลียร์กันยังไงนะ ใจเย็นๆนะซัน  :m20:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่15 เกย์ก็แมนนะเฮ้ย Up 26/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: powvera ที่ 27-05-2016 12:47:47
ซันก็โหดเหมือนกันนะนี่

 :hao3:   :hao3:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย?}Y{ ซัน-โป้ ยกที่15 เกย์ก็แมนนะเฮ้ย Up 26/5/59
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 28-05-2016 00:01:14
ขาโหดของจริง
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่15 เกย์ก็แมนนะเฮ้ย [Up 26/5/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 02-06-2016 01:22:13
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่15 เกย์ก็แมนนะเฮ้ย [Up 26/5/59]
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 02-06-2016 18:56:24
 :pig4: ตามมาอ่านอีกเรื่องแระ สนุกมากๆ มาต่อไวไวนะ
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่15 เกย์ก็แมนนะเฮ้ย [Up 26/5/59]
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 15-06-2016 00:07:24
รอครับ
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่15 เกย์ก็แมนนะเฮ้ย [Up 26/5/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 16-06-2016 17:14:29
ซันมาอย่างโหด ชอบสุด
ส่วนโป้ก็เท้เท่
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่16 งานก็มา [Up 20/6/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 20-06-2016 04:18:16
ยกที่16 งานก็มา

   โชคดีที่รอยแดงตรงคอหายก่อนวันเรียน ส่วนแผลพกช้ำดำเขียวอันนี้คงทำใจสถานเดียว คิดพลางมองสำรวจตัวเองหน้ากระจก

   “โป้เสร็จยังวะ”

   เจ้าของเสียงเปิดประตูเข้ามาแบบไม่เกรงใจ

   “อีกแป๊บๆ มึงรีบเหรอ”

   “เปล่า กูแค่จะมาดู เผื่อมึงแอบนอนต่อ”

   “คุณมึงครับ มึงพูดกับกูโปรดเงยหน้าสบตากูด้วย ไม่ใช่จ้องแต่หัวนมกูไอ้สาด”

   พอมันเห็นท่าทางปิดหัวนมปานสาวน้อยของผมก็หัวเราะดังลั่น เข้ามาช่วยผมแต่งตัวมีเนียนลวนลาม หวิดจะเสียตัวถ้าหากไม่ติดว่ามีเรียนเช้าทั้งคู่นะ

   ว้า...เสียดาย

   “เหม่ออะไรมึง วันนี้กูจะขับรถไปนะ”

   ผมหันขวับ ร้อยวันพันปีไม่เคยขับ จะขับเฉพาะออกต่างจังหวัดหรือไปไหนไกลๆ เท่านั้น เนื่องจากมันเบื่อรถติด

   “ราคาน้ำมันลด มึงเลยจะขับ?” ผมแกล้งถาม ผมหันมาแยกเขี้ยวใส่

   “กูไม่ได้งกขนาดนั้น ตัวมึงเป็นรอยช้ำด่างดวงอย่างกับคนเป็นโรค ขืนให้นั่งรถโดยสารเดี๋ยวคนอื่นจะหวาดผวากันหมด”

   “ถุยครับ แค่ช้ำไม่กี่ที่ มึงอย่ามาเว่อ”

   พูดพลางหอบข้าวของ เด็กสถาปัตย์นี่ของเยอะจริงๆ กระเป๋าเป้หนึ่งใบ ใส่พวกหนังสือสมุดอุปกรณ์ที่พอจะยัดเข้าไปได้ มือถือกระดานรองวาดกับม้วนกระดาษร้อยปอนด์ ถ้าวันไหนไม่มีเรียนวาดนั่นแหละถึงพอจะเดินตัวปลิว ซันที่ใส่รองเท้าเสร็จแล้วช่วยผมถือของลงลิฟท์ไปยังลานจอดรถ

   คอนโดที่พวกเราอยู่ หนึ่งห้องสามารถจอดได้สองคัน คันหนึ่งเป็นของซัน อีกที่ทิ้งว่างไว้สำหรับพวกเฮียเฟย์หรือไม่ก็พี่ชายของซันมาเยี่ยม ซึ่งผมยังไม่เคยเจอสักที

   ข้าวของถูกวางไว้ด้านหลัง ผมนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถ เปิดแอร์เย็นฉ่ำ ชวนมันคุยไปตลอดทางพลางลอบมองสีหน้าจริงจังเวลาขับรถของคนข้างตัวเพลินๆ พอไฟเขียวยกยิ้มมุมปากพอใจ เวลาไฟแดงหรือเจอรถกวนประสาท คิ้วจะขมวดเป็นโบว์อยู่กลางหน้าผาก

   ทุกคนคงเข้าใจว่าคนอย่างซันมันจะตะโกนกระโชกโฮกฮาก ไม่เลย ผมบอกแล้วมันมีความเป็นคุณหนูอยู่ลึกๆ อย่างมากแต่สบถคำหยาบ

   “ถึงแล้ว”

   ผมกระพริบตาปริบๆ มองมัน พอซันเห็นหน้าเอ๋อๆ ของผม มันขยับมาดูดปากล่างผมดังจ๊วบ

   “เชี่ย ดูดขนาดนี้แดกเลยไหม”

   “ก็เห็นมึงเหม่อมองหน้ากู คิดว่าอยากจูบ ลงไปได้แล้วมึงกูจะไดไปคณะบ้าง” ซันเอี้ยวตัวไปด้านหลังหยิบฉวยเอาของมายัดใส่แขนผม

   “ตอนเที่ยงมึงอย่าเพิ่งกินข้าว เดี๋ยวกูมารับไปกินร้านอร่อย ไอ้มิทมันชวนมา อ่อ แล้วที่กูยอมขับรถวันนี้เพื่อมึงเลยนะ กลัวจะช้ำมากกว่าเก่า ขอบคุณผัวสิจ๊ะ”

   ยังจะมาขยิบตากวนส้น ผมยกนิ้วกลางให้เป็นรางวัลแถมปิดประตูรถอัดหน้า จนรถมันไปไกลแล้วนั่นแหละถึงได้ยิ้มออกมา ทำตัวน่ารักเป็นบ้า เห็นทีเย็นนี้ต้องทำอาหารสุดฝีมือ

   หันหน้ากลับเข้าอาคาร ด้านล่างเปิดโล่งเป็นโรงอาหารในตัว มีโต๊ะไม้ยาวเรียงเป็นแถวสำหรับให้นักศึกษาใช้สอย รายล้อมอาคารด้วยกระถางต้นโมกกับต้นปีบสูงใหญ่ เวลาออกดอกส่งกลิ่นหอมอบอวนตีกันจนมึน

   ด้วยความที่ทางขึ้นลิฟท์ฝ่ากลางโรงอาหาร ผมเลยต้องเดินอวดสารร่างตัวเองต่อสายตาประชาชี พวกคนที่รู้จักส่งเสียงทักกันเซ็งแซ่ ส่วนใหญ่จะทักประมาณว่า

   “ฟัดกับหมาที่ไหนมาวะโป้” ไม่ใช่หมาหรอก แต่เป็นควายถึก

   “แฟนซ้อมเหรอมึง” ได้ข่าวว่าผมเป็นฝ่ายชอบลงไม้ลงมือกับมันมากกว่า

   ส่วนคำตอบของผมน่ะเหรอ...

   “กูหน้าตาดีเกินไป คนอิจฉาเลยมีเรื่องกันว่ะ”

   “โห่!! / เอ้อ ไอ้คนหน้าตาดี! / ไปตายให้หนอนแดกไป๊!”

   ได้รับคำสรรเสริญแต่หัววัน ผมหัวเราะเบิกบานโบกไม้โบกมือปานนางสาวไทย ล้อเลียนพวกมันจนบางคนลุกขึ้นมาไล่เตะก้น ขณะที่ผมกำลังจะเผ่นเข้าลิฟท์ เสียงเรียกแหลมสูงดังกลบเสียงโห่ฮาจนเงียบกริบ

   “อีโป้!!/นังโป้!!”

   ผมหันขวับไปมอง เจอคู่หูมหาภัยประจำคณะ พี่ปุ้นกับพี่ฝ้ายวิ่งมากระโปรงพลีทปลิวพรึบพรับเห็นบ๊อกเซอร์ เหล่าชายหนุ่มพากันหันหลบเป็นทิวแถว ด้วยกลัวจะเอาไปฝันร้าย พวกที่ไล่หลังผมมาโกยแน่บกลับโต๊ะหลบความซวย ใจจริงผมก็อยากจะหลบด้วยนะ แต่กลัวตายเลยยืนตั้งรับอยู่ที่เดิม

   ทุกคนจำกันได้ไหมครับ พี่ปุ้นกับพี่ฝ้าย สาวสุดแกร่งจิกหัวใช้ผมตอนทำแสตน ที่เสื้อผมขาดแล้วซันบุกมาหาถึงคณะนั่นไง

   “แฮ่กๆ เหนื่อยเว้ย”

   พี่ฝ้ายบ่นเขย่าคอเสื้อพิงผมแบบทิ้งน้ำหนักเต็มที่ เกือบเซ

   “แล้วจะวิ่งควายมาทำไมวะพี่” ผมสวนใช้กระดานรองวาดรูปช่วยพัดให้ พี่ปุ้นยื่นหน้ามารับลมด้วย

   “ดีๆ พัดแรงๆ ก็ยัยฝ้ายนั่นแหละ บอกให้แข่งกันวิ่งมาหามึง คนไหนแพ้เลี้ยงข้าววันนี้ พอดีเลย เมื่อกี้มึงเห็นกูวิ่งมาถึงก่อนใช่มะ”

   “น้อยๆ หน่อยยัยปุ้น ฉันมาถึงก่อนเห็นๆ”

   “โอ๊ยพี่ พอเหอะ อย่าเพิ่งมาตีกันกระชากมิตรตอนนี้ ตกลงพวกพี่วิ่งมาหาผมมีเรื่องอะไรให้ช่วยอีกล่ะ เป็นคู่ควงไม่ได้แล้วนะ ผัวผมโหด” แค่คิดภาพมันกระทืบคนเมื่อวานผมก็กลืนน้ำลายอึกแล้ว สีหน้ามันตอนนั้นสุดสะพรึง เสียงเท้าหนักลงเน้นๆ บรื๋อ โดนทีกลายเป็นปีโป้เละติดพื้น

   “เชอะ! ยัยคนมีผัว อิจ!!” ยังมาแยกเขี้ยวถลึงตาใส่ผมอีก ช่วยไม่ได้ ดันสวยแต่โหด แถมยังเรื่องมาก เลยไม่มีแฟนกับเค้าสักที นี่บางคนยังเข้าใจผิดด้วยซ้ำว่าพวกพี่เขาเป็นแฟนกัน เห็นตัวติดกันตลอด แน่นอนว่าทั้งหมดทั้งสิ้นผมคิดในใจ ขืนพูดไปตายแน่

   “เอาล่ะๆ ใครมีผัวมีเมียช่างหัวมัน” พี่ปุ้นโบกมือตัดบทพี่ฝ้าย หันมาคุยกับผมด้วยรอยยิ้มปานนางฟ้า “โป้ พี่จำได้ว่าตอนแนะนำตัวบ้านโป้ทำกิจการเกี่ยวกับพวกผ้าไหมทอมือใช่ไหม”

   “ก็ใช่...เป็นกิจการของแม่ผมน่ะ”

   “นั่นแหละ! เพื่อนพี่อยู่ศิลปกรรมเขาจะจัดงานวันพุธ นี่ก็วันจันทร์แล้ว แต่คนที่จะมาสาธิตการทอผ้าไหมดันหายหัวไปกะทันหัน มึงทอเป็นไหม ไปช่วยเพื่อนพี่หน่อย”

   “เฮ้ย ไม่ดีมั้งพี่ ผมคนของคณะนี้ไปช่วยงานคณะนู่น เกิดคนที่มาดูถามจะตอบเขายังไง”

   ผมโบกไม้โบกมือปฏิเสธ มันไม่ใช่อะกิ๊บ ถ้าให้ผมไปช่วยยกของ วาดรูปให้ยังเป็นไปได้มากกว่า!

   “เขาไม่มานั่งถามมึงหรอกว่ามึงมาจากคณะอะไร เห็นมึงไปนั่งสวยๆ ทอผ้าเขาก็เข้าใจว่ามึงมาจากคณะนั้น ที่สำคัญ คณะอื่นแล้วไง ยังไงก็มหา’ลัยเดียวกัน มีคนสนใจชื่นชมผลงาน ทำให้มหา’ลัยมีชื่อเสียงเราควรภูมิใจสิ”

   พี่ฝ้ายฝ้ายชูกำปั้นยกขาเหยียบเก้าอี้ใกล้ตัว เหมือนผมเห็นภาพพี่ฝ้ายยืนเหยียบหินอยู่บนหน้าผา ด้านหลังมีคลื่นทะเลกระทบหินน้ำกระเซ็นแบบในการ์ตูนญี่ปุ่น สงสัยผมคงดูการ์ตูนกับปอนด์มากไป เห็นทีคงต้องเพลาๆ ลงหน่อย

   เจ้าตัวเล่นพูดมาขนาดนี้ผมปฏิเสธไปก็คงไม่ดี อีกอย่างมันก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรมากมายด้วย ทำเท่าที่ทำได้แล้วกัน

   “เอางั้นก็ได้พี่ แต่ผมไม่รับปากนะว่าจะช่วยได้ ขอไปลองคุยรายละเอียดดูก่อน”

   “พี่มั่นใจว่าเราทำได้แน่ ไว้จะไปรับที่ห้องเรียนตอนเที่ยง จะได้ไปคุยกับเพื่อนพี่เลย”

   พี่ปุ้นตัดสินใจเสร็จสรรพ ตบบ่าผมป้าบๆ ก่อนจะเดินกอดคอพี่ฝ้ายจากไป ไม่รอฟังว่าผมจะตกลงรึเปล่า ผมยืนคอตกอย่างหดหู่ ก่อนจะสำนึกได้ว่าตัวเองมีเรียนเช้า รีบใส่เกียร์หมาเข้าเรียนแบบเส้นยาแดงผ่าแปด

   โชคดีอาจารย์คนนี้อายุไม่ห่างพวกผมเท่าไหร่เลยเข้าใจนิสัยพวกวัยรุ่นดี พอเห็นสภาพรีบวิ่งมาจนหอบแดก แล้วยังรอยช้ำบนตัว อาจารย์มองด้วยสายตาว่างเปล่า

   “กินเหล้าไม่ว่า แต่ไม่ควรให้เสียการเรียนนะ”

   น้ำเสียงเนิบๆ แต่บาดลึก ผมยิ้มแห้งเปิดประตูให้อาจารย์เข้าไปก่อนอย่างสงบ อาจารย์คงเข้าใจว่าเมื่อคืนผมไปดื่มมาแล้วมีเรื่อง วันนี้เลยมาเกือบสายพร้อมสภาพอย่างที่เห็น ตัวผมเองไม่คิดจะแก้ ในเมื่อมันเป็นเรื่องจริง ถึงจะไม่ทั้งหมดก็ตาม ผมเกือบเข้าสายเพราะพี่ปุ้นกับพี่ฝ้ายต่างหากเล่า!

   กวาดตามองเพื่อนที่นั่งกันหน้าสลอน แม็คโบกมือหย่อยๆ เรียก ผมเลยเดินเข้าไปทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ที่มันจองไว้ให้ ถึงได้เห็นอาร์ทในสภาพแย่กว่าผมยกมือทักทาย ผมเลิกคิ้วมองอย่างแปลกใจ ปกติอาร์ทมันไม่มานั่งกับพวกผมนี่

   “ไง วันนี้ขอนั่งด้วยนะ”

   “ตามสบาย จ่ายเงินเท่ากันนั่งตรงไหนก็นั่งเถอะ แล้วเจ้านั่นล่ะ” หมายถึงคนที่ตั้งแง่กับพวกเพศที่สาม จนถึงตอนนี้ผมก็ยังจำชื่อมันไม่ได้ ก็นะ คนมันไม่มีค่าพอให้จดจำ

   “มันโดนแบนออกจากกลุ่มเพราะเรื่องที่มันเข้าข้างมึง โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงยังทำตัวเหมือนเด็กอนุบาล”

   แม็คเป็นฝ่ายตอบ ความจริงมันดูไม่ค่อยชอบหมอนั้นมานานแล้ว แต่คำว่าเพื่อนร่วมคลาสมันค้ำคอ มันบอกว่าต้องทนเหม็นหน้าอีกตั้งห้าปี ไม่อยากสร้างบรรยากาศแย่ๆ ในห้องเรียน

   ระบบมหา’ลัยช่วงแรกเข้าปีหนึ่งมายังไม่รู้เรื่องอะไร ปกติก็จะลงวิชาเรียนตามคู่มือ ไม่ก็ตามที่อาจารย์กับรุ่นพี่แนะนำ ซึ่งมันเป็นไปตามลำดับขั้นตอน ปีหนึ่งจะเป็นพวกวิชาพื้นฐานปูทางไปยังวิชาเฉพาะตามสายในภายหลัง

   ตรงจุดนี้แหละที่จะแตกต่าง เพื่อนบางคนไม่ผ่าน ไม่พอใจเกรดอาจจะดรอปลงเรียนใหม่ บางคนขยันอัดตารางแน่นเอี๊ยดจะได้จบเร็วๆ ตารางเรียนถึงไม่ค่อยตรงกับคนอื่น

   แต่ส่วนใหญ่จะเป็นอย่างผมนี้แหละ ไปแบบสบายๆ เก็บหน่วยกิจจบตามระยะเวลาที่มหา’ลัยกำหนด ดังนั้นมันเลยคล้ายกับระบบมัธยมแบบเลื่อนชั้นยกห้องเพียงแค่มันมีอิสระมากกว่า เจอหน้ากันไปอีกยาว

   “มึงโอเคนะ” ถามแบบสบายๆ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ผู้ชายเขาไม่คิดมากกันหรอก และไอ้อาร์ทก็เป็นแบบที่ผมคิด มันยักไหล่ไม่สนใจสายตาร้องแรงจากกลุ่มพวกนั้นที่แผ่มาจากด้านหลังสุดของห้อง

   “กูรู้สึกเหมือนตัวเองหลุดพ้นมากกว่า”

   “ตอบได้ดี” ท่านแม็คกอดอกพยักหน้ารับหงึกๆ

   อาจารย์เริ่มหันมามองทางพวกผม เราเลยสงบปากสงบคำก้มหน้าก้มตาจุดเลคเชอร์มือเป็นระวิง หลังเลิกคลาสผมยังไม่ทันเก็บของออกจากห้องตามคนอื่นๆ ที่เริ่มทยอยกันออกไป สองสาวก็โผล่มาลากตัวผมต่อหน้าต่อตาแม็คและอาร์ท สองคนนั้นยกมือไหว้รุ่นพี่ค้างกลางอากาศ ตัวผมกับสองสาวก็หายไปจากจุดนั้นซะแล้ว

   “จะรีบอะไรขนาดนั้นพี่”

   ณ เวลานี้ ผมกำลังนั่งอยู่บนรถของมหา’ลัยเพื่อไปคณะศิลปกรรม ความจริงเดินเอาก็ได้แต่พี่ปุ้นบอกว่าเสียเวลาเลยมานั่งรถกัน

   “ยัยนั่นพักเที่ยงแค่แป๊บเดียวต้องไปดูแลกิจกรรมชมรมต่อน่ะสิ” พี่ฝ้ายตอบระหว่างพี่ปุ้นโทรบอกทางนั้นว่ากำลังจะไปหาให้มารอที่ใต้คณะ

   ทุกคณะจะมีโรงอาหารเหมือนกันหมด แต่จะพิเศษยังไงขึ้นอยู่กับลักษณะของคณะนั้นๆ อย่างคณะผมจะมีพื้นที่ว่างสำหรับให้นักศึกษาเอาผลงานในคลาสมาโชว์ บางครั้งอาจารย์ก็ให้คะแนนจากความสนใจของคนที่เดินผ่านไปผ่านมา

   “โทรศัพท์ดังแหนะโป้ ผัวโทรตามรึเปล่า”

   ผมกรอกตาด้วยความเอือม คำก็ผัว สองคำก็สวย อยู่กับพวกพี่มากๆ ผมชักเริ่มคิดแล้วว่าตัวเองไม่ใช่เกย์แต่เป็นเพื่อนสาวจริงๆ หยิบมือถือขึ้นมาดู หน้าหงิกของไอ้ซันที่ผมบังคับมันถ่ายรูปเป็นภาพตอนโทรเขาโชว์หรากลางจอ

   ฉิบหาย กูลืมผัว!

   /ไอ้โป้มึงอยู่ไหน! กูมาหาที่คณะเจอแต่เพื่อนมึงสองคนเนี่ย กูบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะมารับไปแดกข้าว มึงเบี้ยวนัดกูไปกับผู้หญิงสองคน อยากโดนตีนสินะ/

   กดรับสายไม่ทันอ้าปากส่งเสียงฮัลโหล วาจาเกรี้ยวกราดมารวดเป็นชุด คนทั้งรถหันมามองผมเป็นตาเดียว ผมเหงื่อตกผงกหัวขอโทษขอโพยแล้วกดเบาเสียงใช้มือป้องปากคุย นึกคาดโทษในใจ ไอ้เพื่อนเวร มันเอาคืนเรื่องที่ผมทิ้งพวกมันไปกับสองสาวสวยประจำคณะแหง

   “มึงใจเย็นก่อน กูไม่ได้เบี้ยว กู...”

   /กูอะไร/

   กูแค่ลืม...บอกไปตายชัวร์!

   “กูกำลังจะโทรบอกมึงพอดี รุ่นพี่ขอให้มาช่วยงานเพื่อนศิลปกรรม มึงมารับกูที่คณะนี้เลยก็ได้ คุยธุระไม่นานหรอก”

   /เออ/ มันตอบเสียงห้วน แต่สัมผัสได้ว่ามันใจเย็นลงแล้ว ผมลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก ด้วยความที่มันยังไม่กดวางสายทันทีเลยได้ยินเสียงมันเรียกเพื่อนดังลอดมา /เฮ้ยมิทปอนด์ พวกมึงเลิกซนสักทีสิวะ ริวลากคอพวกมันขึ้นรถ กูจะไปรับโป้/

   อีกฝ่ายตัดสายไปแล้ว ผมคิ้วกระตุก มากันครบเลยนี่หว่า จริงสิ มันบอกตั้งแต่แรกว่าจะไปกินข้าวข้างนอกกัน ผมตบหน้าผาก เตรียมตั้งรับคำถามจากมิทปอนด์ได้เลย แต่ก่อนอื่นต้องจัดการกับสายตาอยากรู้อยากเห็นของพี่ปุ้นกับพี่ฝ้ายก่อนล่ะนะ
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่16 งานก็มา [Up 20/6/59]
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 20-06-2016 12:21:31
 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่16 งานก็มา [Up 20/6/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 20-06-2016 12:32:07
   o13   :mew1:  ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่16 งานก็มา [Up 20/6/59]
เริ่มหัวข้อโดย: peaceminus1 ที่ 20-06-2016 13:27:04
มาแล้ววว ซันโป้ คิดถึงเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่16 งานก็มา [Up 20/6/59]
เริ่มหัวข้อโดย: fannaio ที่ 20-06-2016 13:58:33
 :hao7: :-[
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่16 งานก็มา [Up 20/6/59]
เริ่มหัวข้อโดย: PiSCis ที่ 20-06-2016 18:11:36
 มาต่อแล้วววว :pig4:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่16 งานก็มา [Up 20/6/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 20-06-2016 19:55:13
คิดถึงคู่นี้
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่16 งานก็มา [Up 20/6/59]
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 22-06-2016 00:07:07
มาแล้วววว คิดถึงมากๆ
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่16 งานก็มา [Up 20/6/59]
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 22-06-2016 00:22:20
มีการลืมสามีช่างกล้า :mew1:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่16 งานก็มา [Up 20/6/59]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-06-2016 02:47:03
วุ่นวายได้ทุกตอน
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่16 งานก็มา [Up 20/6/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 27-06-2016 12:19:00
ในที่สุดก็ ตามอ่าน ทันแล้ว สนุกแซ่บป่วน



ซันดู คูลกว่าที่คิดใว้เยอะมาก



ดูเป็นคนพึ่งพาได้กว่าที่คิด ฮ่าๆๆๆๆๆ



แต่โป้ นี่เปรี้ยวกว่าจินตนาการณ์นะ



รักตัวระครทุกตัวเลย ซาบซึ้งกับความผูกพันธุ์เล็กๆของกลุ่มนี้
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่17 รุ่นพี่ต่างคณะ [Up 2/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 02-07-2016 15:12:49
ยกที่17 รุ่นพี่ต่างคณะ

   “เสียงโหดมาเชียวนะ เดี๋ยวมึงโดนมันกระทืบแน่”

   วางสายไม่ทันไร พี่ฝ่ายอวยพรผมก่อนเลย แล้วไอ้คนที่ลากคอผมมาจนโดนซันหงุดหงิดใส่มันก็พวกพี่ไม่ใช่เรอะ นอกจากจะไม่สำนึกยังมาทับถม

   “ไม่โดนหรอก ถ้ามันจะกระทืบผม ผมจะผลักพวกพี่ไปรับเท้ามันก่อนเลย”

   “เรื่องไร แฟนใครคนนั้นรับผิดชอบเอง ของแบบนี้ไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้” จบคำด้วยการสะบัดผมใส่

   “รับตีนไม่จำเป็นต้องแฟนอย่างเดียวพี่ อยากรู้ก็บอกมาตรงๆ ไม่ต้องทำเชิดด่าผมหรอก”

   สองสาวตาวาว แล้วก็อย่าคิดว่าผมรู้นะ ไอ้พวกที่นั่งอยู่บนรถเดียว เห็นนิ่งๆ หูผึ่งรอเผือกเรื่องชาวบ้าน ผมกระตุกยิ้มมุมปาก นึกแผนการดีๆ ออก

   “คืองี้นะพี่” ลดเสียงเบากวักมือเรียกรุ่นพี่มาฟังใกล้ๆ “มันบอกใครยุ่งเรื่องผมกับมันจะพาคนมาไล่กระทืบคนนั้นอะ”

   ทั้งรถเงียบกริบ หันซ้ายหันขวาคุยกับเพื่อน กดโทรศัพท์ยิกๆ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขนาดพี่ปุ้นกับพี่ฝ้ายเองยังยิ้มแหยๆ ยอมถอยออกไปโดยดี ในเมื่อพี่ท่านรู้ดีว่าแฟนผมมันเป็นใคร เจอแบบนี้ผมชักสงสัยแล้วนะ ซันมันน่ากลัวตรงไหน ไม่เคยมีข่าวชกต่อย ออกจะเด็กเรียนขนาดนั้น ทำไมคนถึงกลัวมันจัง เพื่อนฝูงมันก็ไม่เยอะ อยู่แค่กลุ่มตัวเองนั้นแหละ

   “ถามจริงพี่ ซันมันน่ากลัวตรงไหน ทำไมคนขยาดมันจัง”

   ผมถามเพื่อคลายความสงสัยตัวเอง พี่ฝ้ายเป็นฝ่ายตอบ

   “ความจริงได้ยินข่าวลือจากพวกคณะวิศวะ บอกเด็กปีหนึ่งปีนี้มีสายโหด ไม่รู้จะใช่รึเปล่า แต่แฟนมึงก็หล่อนะ หล่อแบบเถื่อนๆ คือมันเถื่อนไง หน้าโหดตลอด ดูเป็นคนจริงไม่ควรตอแยด้วย”

   “ใช่ๆ” พี่ฝ้ายเสริมพยักหน้ารับเห็นด้วย ก่อนทำท่าเหมือนเพิ่งนึกอะไรออก “เอ๊ะเดี๋ยวก่อน พอกูรู้ว่าเป็นแฟนโป้ กูเลยไปแอบดูมา หน้าตาแม่งหล่อกันทั้งกลุ่ม อีโป้! มึงมันน่าอิจฉามาก!!”

   มือขาวยื่นมาเขย่าคอเสื้อผมจนหัวโยก ผมแกะมือพี่ฝ้ายออก

   “พี่ไม่คิดว่าผมหล่อบ้างเหรอ” ผมมั่นใจหนังหน้าตัวเองพอสมควรนะว่าหล่อ อย่างน้อยๆ เดินไปไหนมาไหนก็มีสาวมองตามตลอด แทนที่พี่ฝ้ายกับพี่ปุ้นจะสำนึกว่ามีของดีอยู่ใกล้ตัว กลับทำหน้าเหมือนผมเป็นหมากฝรั่งติดรองเท้า

   “หล่อก็จริง แต่หล่อเสียของ ผู้ชายที่ไม่เอาชะนีก็ไร้ประโยชน์”

   ถ้าเกิดรู้ว่ามันมีแนวโน้มจะเกย์ทั้งกลุ่มราวกับติดโรคระบาด พวกพี่จะทำหน้ายังไงนะ เหอะๆ เอาเป็นว่าไม่บอกดีกว่า ไม่อยากทำลายความฝัน

   ผมมาถึงหน้าคณะศิลปกรรมโดยสวัสดิภาพ อาจจะหูชาเพราะสองสาวไปบ้าง โดยรวมนับว่ายังโอเคอยู่ สิ่งที่ผมเห็นคืออาคารเหมือนกับคณะอื่น ที่พิเศษคือผู้หญิงคณะนี้เยอะกว่าคณะผมอย่างเห็นได้ชัด คนนั่นก็สวย คนนี้ก็น่ารัก แนวหวานเรียบร้อย สวยมั่นใจ แบบเปรี้ยวจี๊ดจ๊าด ช่างเจริญหูเจริญตากว่า...ขอละไว้ในฐานที่เข้าใจ

   สองรุ่นพี่เดินนำลิ่วๆ อย่างคนรู้ทางดี คงจะมาหาเพื่อนที่คณะนี้บ่อย ผมเป็นผู้น้อยเดินตามหลัง

   “แอมจ๋าพวกเรามาแล้ว~”

   พี่ปุ้นยกมือเรียกเพื่อนที่ยืนคุยกับเพื่อนในคณะอยู่ พอหันมาผมถึงได้เห็นหน้าชัดๆ ผู้หญิงร่างเล็ก ไม่สวยโดดเด่นแต่มองแล้วชวนให้สบายตา สวมเสื้อคาร์ดิแกนสีส้มทับเสื้อนักศึกษา กระโปรงทรงเอท่าทางเรียบร้อยแบบที่ไม่น่าจะมาเป็นเพื่อนรุ่นพี่สุดเฮี้ยวได้

   พอเห็นเพื่อนมา แอมผละจากคนในชมรมเดินมาหาพวกเราพร้อมรอยยิ้ม

   “ไหนรุ่นน้องที่พวกเธอบอก” ดวงตาสอดส่องหา พี่ฝ้ายดันหลังผมมายืนอยู่ตรงหน้า ผมยกมือไหว้รุ่นพี่ตามทำเนียบมหา’ลัย

   “สวัสดีครับพี่แอม ผมโป้รุ่นน้องพวกพี่ฝ้าย ผมขอบอกก่อนนะ ผมทอลายยากๆ ไม่เป็น เป็นแค่ลายเรียบๆ พื้นฐานเท่านั้น” รีบออกตัวก่อน อีกฝ่ายจะได้ไม่ต้องตั้งความหวังมาก พี่แอมกับส่ายหัวชวนพวกเราไปนั่งคุยกับที่โต๊ะดีๆ ผมนั่งกับพี่ปุ้น ส่วนพี่ฝ้ายไปนั่งกับพี่แอม

   “นั่งแล้วค่อยคุยกันดีกว่าเนอะ น้องโป้สินะ ไม่จำเป็นต้องเก่งหรอกแค่พอรู้ว่าอันไหนคืออะไร ใช้งานยังไง แนะนำคนอื่นได้ก็พอแล้ว พี่ไม่ได้ให้น้องมานั่งทอผ้าเป็นผืนไม่ต้องห่วง จุดประสงค์ของการจัดงานในครั้งนี้คือ พี่อยากให้คนรู้จักเสน่ห์ของผ้าไหมทอมือ”

   ได้ยินแบบนี้ผมค่อยโล่งอก

   “ถ้าแบบนั้นไม่มีปัญหา แต่ผมคงต้องขอฝึกมือสักหน่อย พอจะว่างให้ฝึกชวนไหนบ้างครับ”

   “อืมม...เป็นช่วงเย็นหลังเลิกเรียนเป็นไง น่าจะสะดวกทั้งสองฝ่าย เดี๋ยวพี่ติดต่อคนดูแลอุปกรณ์ให้ พรุ่งนี้ตอนห้าโมงเย็นนะ อ่อ งานเริ่มวันพุธตอนตอนบ่ายน้องรู้รึยัง”

   “พวกพี่ปุ้นบอกแล้วครับ”

   “ความจริง น้องจะฝึกวันนี้เลยก็ได้ช่วงบ่ายพี่อยู่ชมรมตลอด”

   “มันไม่ว่างหรอกแอม มันมีนัด” พี่ปุ้นบอกแบบมีเลศนัย พี่แอมดูสนใจทันที

   “หน้าตาแบบนี้ไม่แปลกใจเลยที่มีแฟนแล้ว” พี่แอมพูดขำๆ ดูไม่มีความหมายเชิงลึกใดๆ ทั้งสิ้น ผมยิ้มไม่ตอบรับและไม่ปฏิเสธ ฟังพี่แอมบอกรายละเอียดว่าให้มาเตรียมตัวตอนกี่โมง นัดเจอกันจุดไหน ให้ทำอะไรบ้าง หลักๆ หน้าที่ผมแค่สาธิตการทอผ้า คอยตอบคำถามของคนที่สนใจ แต่จะมีอีกคนยืนข้างๆ ช่วยผมแนะนำอีกแรง จบท้ายด้วยการกำชับให้ผมแต่งตัวเรียบร้อยมา

   ผมยังไม่ได้บอกใช่มั้ย ผมตอนนี้เอาเสื้อออกนอกกางเกง ไทรูดลง พัดแขนเสื้อขึ้นถึงศอก ทรงผมก็มันครึ่งหัวลวกๆ ซึ่งความจริงต้องมัดรวบหมด

   มาพิจารณาสภาพตัวเอง ผมถึงนึกออก แล้วไอ้รอยช้ำที่หน้าจะทำยังไงล่ะเนี่ย มันไม่หายภายในวันสองวันแน่

   “พี่แอมๆ หน้าผมช้ำงี้จะเป็นไรไหม”

   เจ้าของชื่อมองตาปริบๆ พี่ปุ้นหัวเราะตบหลังผมแบบที่ชอบทำ

   “ฮ่า! เพิ่งนึกออกเหรอมึง ไม่ต้องห่วงหรอก พวกกูบอกแอมแต่แรกแล้วว่ามึงไปต่อยกับคนมา เห็นแบบนี้แอมเขาแต่งหน้าเก่งนะ เรื่องหนังหน้ามึงกลบรอยช้ำสบาย”

   “พอดีเลย มีโอกาสแต่งสวย จะเปลี่ยนเป็นชุดไทย แต่งหน้าทำผมปักปิ่นแบบสาวผ้าไหมปะ” พี่ฝ้ายมาเป็นลูกคู่ จบประโยคด้วยการขำพรืด คงจะนึกถึงภาพผมตอนแต่งอย่างว่า ขอโทษเถอะ แม้หน้าผมจะหล่อติดสวยนิดๆ พิมพ์สาวนิยม แต่รูปร่างและขนหน้าแข้งยังไงก็ชายแท้ทั้งแท่ง นอกจากจะแต่งออกมาอุบาทแล้ว ดีไม่ดีชุดที่ใส่อาจยัดไปเข้าจนตะขอปริ

   “อะ..เอาเป็นว่า โป้ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวพี่จะแต่งหน้าให้เอง”

   ถ้าจะกลั้นขำจนไหล่สั่นพูดตะกุกตะกักขนาดนี้…

   “ไม่ต้องเกรงใจผมก็ได้”

   พอบอกไม่ต้องเกรงใจ พี่แกก็จัดเต็ม

   “ขอโทษนะ ฮ่าๆๆ”

   ผมเริ่มเข้าใจนิดๆ ว่าทำไมสามคนนี้ถึงเป็นเพื่อนสนิทกันได้ จะว่าไปเหมือนมานั่งให้สาวๆ รุมรังแกยังไงชอบกล ผมขอตัวเลยดีไหมนะ ซันมันคงแขวนท้องรอแย่แล้ว เกิดมันโมโหหิวขึ้นมาจะยุ่งเอา

   “ผมขอตัวก่อนนะพี่ มีอะไรเพิ่มเติมโทรบอกผมได้ทุกเมื่อ”

   “ไปเถอะเดี๋ยวแฟนรอ ขอบใจมากนะ ไว้เสร็จงานพี่จะพาไปเลี้ยงข้าว”

   ผมยกมือไหว้ลา ลุกออกจากเก้าอี้ไม่ทันไรก็มีคนขานเรียกจากด้านหลัง พอหันไปเห็น เจอหน้าเพื่อนตัวเองครบแก๊ง นำทีมด้วยมิท มันคงพาคนอื่นมาตามประสาคนรู้ทางตามเคย

   “ดีครับสาวๆ” คำหวานมาก่อนพร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจ สามสาวยิ้มรับไม่มีเหตุที่ต้องแยกเขี้ยวใส่เหมือนทุกครั้งที่ผู้ชายเข้าหา ในเมื่อคนที่มาดันหล่อตาสวยแบบลูกครึ่งฝรั่ง ไม่พอยังมาแบบนิ่มๆ แท๊กทีมมาด้วยเพื่อนหน้าตาดีด้านหลังอีกสาม

   “สวัสดี คงเป็นเพื่อนที่นัดโป้ไว้สินะ คุยงานเสร็จแล้วพาโป้ไปได้เลย โทษทีที่ยืมตัวมาซะนาน” พี่แอมเป็นฝ่ายตอบ อีกสองคนกำลังแสกนเพื่อนผมแบบเรียงหัว พี่ฝ้ายดูจะมองเจ้าริวเป็นพิเศษ พี่ปุ้นส่งยิ้มปานแม่พระให้ปอนด์ที่ยิ้มแฉ่งกลับอย่างน่ารัก เห็นพี่ท่านขยำมือคล้ายหมั่นเขี้ยวอยากเข้าไปฟัด

   ไม่ได้เลยนะ คนนี้เจ้าของเขาหวงมาก มิทเองสังเกตเห็นสิ่งเดียวกับผมเลยรีบถอยก่อนจะวุ่นวายและไปกินข้าวช้ากว่านี้ เพราะคุณท่านด้านหลังสุดอาจจะองค์ลงได้

   “ไม่เป็นไรๆ พวกผมรอได้ ไว้เจอกันใหม่นะครับ” ขนาดจะไปยังคงหว่านเสน่ห์ไม่เลิก

   “ผมไปล่ะ อ่อ...เรื่องพี่แอมเลี้ยงข้าวไม่ต้องหรอกครับ ไว้ให้พี่ปุ้นกับพี่ฝ้ายเลี้ยงเป็นคนลากผมมาเอง”

   ทิ้งท้ายก่อนรีบเผ่นดันหลังเพื่อนออกจากคณะศิลปกรรม ได้ยินเสียงสองพี่ด่าไล่หลัง ถือเป็นการกวนเล็กๆ น้อยๆ ก่อนจาก เอาคืนจากการรังแกผมมาทั้งวัน

   จังหวะเดินไปขึ้นรถเห็นซันเงียบตลอด ผมกลัวว่ามันจะโกรธเลยลองสะกิดดู มันหันมาเลิกคิ้วมองแม้ยังหน้านิ่ง

   “โทษทีที่ให้มึงรอนาน แถมไม่ยอมบอกมึงแต่แรก” ผมสำนึกผิดที่ลืมมันจริงๆ นะ

   ซันผ่อนลมหายใจ “เออ กูไม่พอใจที่มึงมาโดยไม่บอกทั้งที่มีนัดกับกู ส่วนเรื่องรุ่นพี่ผู้หญิงนั่นกูไม่คิดมากเพราะกูเห็นแล้วว่ามึงมาคุยธุระจริงๆ ไม่งั้นมึงคงไม่มายืนยิ้มต่อหน้ากูแบบนี้หรอก” กลืนน้ำลายอึกใหญ่ พูดแบบนี้หมายความว่ามันนั่งมองตอนผมคุยธุระน่ะสิ! รู้สึกอ่อนใจปนขำกับความเอาใจใส่เรื่องเล็กน้อยจนดูน่ารักของซัน นับว่าเป็นคนที่มีเหตุผลมาก ไม่โวยวายอย่างคนไร้สมอง เฝ้าดูอย่างสงบพอแน่ใจสบจังหวะค่อยส่งคนแบบมิทมาทัก

   ร้ายกาจ ร้ายกาจมาก...

   “กูขอโทษ วันหลังจะไม่ทำอีก” คนผิดต้องขอโทษ ผมบอกมันอีกครั้ง มันพยักหน้ารับส่งๆ ดูอารมณ์เย็นลงบ้าง เชื่อเลยว่าถ้าไม่ใช่คนที่มันแคร์อาจโดนมันด่าหนักกว่านี้

   “แล้วตกลงเขาให้ช่วยอะไร” ปอนด์โผล่มาระหว่างเรา ซันยกมือขยี้หัวด้วยความหมั่นไส้

   “ไม่เสือกสักเรื่องจะตายไหมหา”

   “เสือกอะไร เผื่อมีอะไรที่ช่วยได้ต่างหาก” ปอนด์แก้ดำเป็นขาว เจ้าตัวคิดอย่างที่พูดจริงๆ ผสมกับความอยากรู้อยากเห็น

   “พี่เขาจะจัดนิทรรศการเกี่ยวกับผ้าไหมไทย พอดีคนสาธิตการทอผ้าไม่ว่าง เลยมาขอให้ฉันช่วยแทน”

   ตอบพลางเปิดประตูขึ้นรถ ผมนั่งข้างคนขับ นอกนั้นนั่งอยู่ด้านหลังมีปอนด์นั่งตรงกลาง

   “โป้ทอผ้าเป็นด้วย!? มีอะไรที่โป้ทำไม่ได้บ้างเนี่ย” ริวถามแบบทึ่งๆ

   “มี ทำลูกอะ ทำไม่ได้จริงๆ”

   คราวนี้ระเบิดเสียงหัวเราะลั่นรถ ขนาดซันมันยังขำหวิดจะเสยคนเดินบนฟุตบาทดีที่กลับลำทัน

   “มึงพูดอะไรเห็นใจคนขับรถอย่างกูบ้างไอ้คุณเมีย เฮ้ยมิท แล้วร้านที่มึงบอกตกลงอยู่ไหนวะ” ตามองเพื่อนผ่านกระจกหลัง

   “ขับๆ ไปเหอะ เดี๋ยวกูบอกทางเอง”

   สรุปร้านที่มันบอกอยู่มาไกลจากมหา’ลัยเท่าไหร่ ต่างตรงที่มันโคตรจะอยู่ในซอกหลืบ เลี้ยวแล้วเลี้ยวอีก ซันมันล่อบ่นตลอดทางแต่ก็ขับไปตามที่เพื่อนบอกไม่มีพลาด ใกล้ถึงที่หมายยังไม่วายต้องจอดรถเดินต่อ เพราะรถเข้าไปไม่ได้ ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าไม่ใช่ร้านหรูหรา มันเป็นเพียงเพิ่งร้านติดคลองสายเล็กมีโต๊ะแค่สี่โต๊ะ คนนั่งเต็มไปแล้วสาม เหลือแค่หนึ่งที่ แถมมีคนยืนรออีกหลายคน

   เห็นร้านเต็มสองตา ซันคว้าคอมิททันที

   “มึงพากูมุดหลืบมาเพื่อกินร้านอาหารตามสั่งเนี่ยนะ!!”

   “เอาน่าๆ เดี๋ยวมึงกินแล้วค่อยมาด่ากู” มิทย่อตัวหลุดจากการล็อกคอเดินยิ้มหน้าระรื่นไปหาลุงเจ้าของร้าน “ผมมาแล้วครับลุง โทษทีที่ช้าพอดีเพื่อนติดธุระนิดหน่อย”

   หนุ่มใหญ่อายุน่าจะไม่ต่ำกว่าสี่สิบยกกระทะโบกตะหลิวมองกลุ่มลูกค้าหน้าตาดี ใกล้กันนั้นมีคุณป้าวัยเดียวกันคอยช่วยเป็นลูกมือ

   “มาช้ากว่านี้อีกนิดโต๊ะนั่นข้าคงให้คนอื่นแล้ว ไปๆ ไปนั่ง เขียนว่าจะกินอะไรแล้วเดินมาส่ง”

   เช้าตัวชี้ตะหลิวไปยังโต๊ะที่ว่าง ผมมองตามเห็นมีดอีโต้วางอยู่กลางโต๊ะ นั่นคือการจองโต๊ะให้หรือ ดูน่าหวาดหวั่นแปลกๆ มิทเรียกพวกเราให้เดินตามไป ก่อนยัดปากกาและกระดาษให้จดว่าจะกินอะไร

   “ใบเมนูไม่มี พวกมึงดูจากนั่นเลย เดี๋ยวกูเอามีดไปคืนลุงแกก่อน”

   ฟิวเจอร์บอร์ดที่นิยมใช้แปะสติ๊กเกอร์ตัวหนังสือบอกเมนูอาหารและราคาติดอยู่ตรงเสาไม้ พออ่านเมนูผมถึงเข้าใจว่ามิทถึงพามากินที่นี่ ร้านนี้เมนูส่วนใหญ่เหมือนร้านอาหารตามสั่งทั่วไปก็จริง แต่มีเมนูหลายอยากเป็นพวกอาหารป่าอย่างผัดพริกแกงหมูป่า ผัดเผ็ดปลาไหล ต้มกบใส่ใบมะขามอ่อนและอื่นๆ อีกหลายเมนู

   ไอ้ซันตาวาว มันเป็นคนที่ชอบอาหารรสจัด พวกของป่าเองหากินยากด้วยมันเลยจดยิกๆ อยู่คนเดียว ริวทำหน้าปุเลี่ยนๆ ขอสั่งแค่กะเพราไก่ไข่ดาวพอ

   “ปอนด์เอาแบบริวมั้ย” ดูทรงแล้วเพื่อนตัวเล็กที่ถูกเลี้ยงดูอย่างดีโดยเฮียเฟย์ ไม่น่าจะกินอะไรแบบนี้เป็น ที่ไหนได้เจ้าตัวดันส่ายหัว

   “ไม่อะ แบบซันแหละ สั่งมาหลายอย่างเลยนี่ แต่ขอเพิ่มกบทอดด้วยนะ”

   “กบทอด...พวกนายกินเข้าไปได้ยังไง” ริวทำหน้าหวาดผวา

   “ไม่กินก็เงียบไป มิทเอาเมนูไปดิ้” ลูกพี่ใหญ่จ้องเขม็งใส่ยกมือเรียกมิทที่ผันตัวเป็นเด็กเสิร์ฟมารับออเดอร์

   “ครับๆ มาแล้วครับคุณลูกค้า โหซันมึงอดอยากเมียไม่ทำให้กินไง ถึงเขียนมาขนาดนี้จะแดกหมดเรอะ” มิทตาโตหลังไล่อ่านเมนูในกระดาษ

   “หมดอยู่แล้ว ไม่หมดก็ใส่ถุงกลับ มึงรีบไปได้ละกูหิว” ซันเตะใส่มิทเลยรีบเผ่นเอาเมนูไปส่งลุงเจ้าของร้าน ผ่านไปไม่นานเมนูแรกก็มาถึง ไม่รู้จงใจหรือยังไงมันถึงเป็นกบทอดหั่นเป็นชิ้นขาชี้หน้าริวจนมันผงะ ปอนด์หยิบใส่ปากเคี้ยวหงับๆ

   “กินสบายๆ เลยแฮะ เฮียเฟย์กินแบบนี้รึเปล่า” ถามไว้ เผื่อเฮียกินรอบหน้าจะได้ทำของป่ากัน

   “พี่เฟย์ไม่กินของแปลกๆ อย่างมากก็ได้แค่หมูป่า ที่ฉันกินเป็นเพราะแม่พากินน่ะ จับยัดใส่ปากทุกอย่าง จะอะไรก็กินได้หมดแล้ว” ไม่รู้ทำไม พอพูดประโยคนี้แววตาของปอนด์ดูว่างเปล่า

   หลังอาหารมาเต็มโต๊ะ ทุกคนตั้งหน้าตั้งตากินมีเพียงริวคนเดียวนั่งกินกะเพรามองตาปริบๆ เห็นแอบตักนู่นนิดชิมนี้หน่อย สุดท้ายก็เบ้หน้ากลับไปกินของตัวเองตามเดิม มื้อนี้อิ่มเอมกันทุกฝ่ายโดยเฉพาะซัน
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่17 รุ่นพี่ต่างคณะ [Up 2/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: harumi ที่ 02-07-2016 16:29:43
 :z13:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่17 รุ่นพี่ต่างคณะ [Up 2/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 02-07-2016 16:43:47
 :katai2. โป้คนเก่งสมกันกับซันคนเท่ห์อิอิ 
 :pig4:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่17 รุ่นพี่ต่างคณะ [Up 2/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-07-2016 17:48:52
 o13
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่17 รุ่นพี่ต่างคณะ [Up 2/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 02-07-2016 19:06:03
เดี๋บวเมียทำให้กินนะซันนนน อดอยากอะไรมาเรอะ?
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่17 รุ่นพี่ต่างคณะ [Up 2/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Dolamon ที่ 02-07-2016 20:15:31
น้องปอนด์ กินอะไรอ่ะ ไม่เข้ากับหน้าตาเลย 5555
เห็นรายการอาหาร คิดถึงบ้าน
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่17 รุ่นพี่ต่างคณะ [Up 2/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: PiSCis ที่ 03-07-2016 11:51:35
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่17 รุ่นพี่ต่างคณะ [Up 2/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: alt1991 ที่ 03-07-2016 17:57:10
มีคำผิดอยู่นะครับ

เป็นเพื่อนรุ่นพี่สุดเหี้ยวได้  "เฮี้ยว"  ใช้ ฮ ครับ
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่17 รุ่นพี่ต่างคณะ [Up 2/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: zaturday ที่ 03-07-2016 21:16:18
อ่านจบรวดเดียว
โป้นี่เป็นเคะในอุดมคติเราชัดๆ แมนๆ ไม่แอ้บ ชัดเจน ทั้งสวยและหล่อ ไม่ซึนด้วย

แอบฮาซันช่วงสับสนทางเพศ 5555
 
ชอบโมเม้นที่โป้อยู่กับเล่ เซอวิสคู่นี้บ่อยๆน้าาา เรารออยู่
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่17 รุ่นพี่ต่างคณะ [Up 2/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 04-07-2016 00:11:28
เมนู สุดยอด 555
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่17 รุ่นพี่ต่างคณะ [Up 2/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: spsygk ที่ 04-07-2016 03:14:02
ซันนี่มันหนุ่มในฝันชัดๆ  อิจโป้หนักมากก
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่17 รุ่นพี่ต่างคณะ [Up 2/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 05-07-2016 02:27:03
เราชอบผัดเผ็ดหมูป่าค่ะ555
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่17 รุ่นพี่ต่างคณะ [Up 2/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 07-07-2016 13:51:06
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่17 รุ่นพี่ต่างคณะ [Up 2/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 09-07-2016 16:08:17
เป็นตาแซ่บเน๊าะ



ปาดน้ำลายกันเลยทีเดียว ซู๊ดดดดดดด
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่18 สนใจ [Up 14/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 14-07-2016 20:40:51
ยกที่18 สนใจ

   กินข้าวเสร็จซันขับพาทุกคนกลับมาที่มหา’ลัยแล้วแยกกันไปเรียน ถึงเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน ใช่ว่าตัวต้องติดกันตลอดเวลา ยิ่งแต่ละคนเรียนต่างคณะต่างสาขายิ่งไม่ต้องพูดถึง

   พอเลิกเรียน ผมเดินพร้อมกับฝูงชนที่แห่กันออกจากห้องเหมือนวันปล่อยผี เสียงเอะอะทักทายสอบถามดังไปทั่วทางเดิน ขนาดอาจารย์โผล่หน้ามาด่ารอบแล้วรอบเล่ายังไม่สำนึก บทสนทนาส่วนใหญ่ ถ้าไม่บ่นเรื่องชั่วโมงเรียนที่ผ่านมา ก็จะชวนกันไปต่อตอนกลางคืน

   ผมเองมีหลายคนชวนด้วยเหมือนกัน แต่แผลที่ปากยังไม่ทันจะหาย ผมไม่อยากออกไปซ่าให้ซันมันองค์ลงอีก เลยทำตัวเป็นเด็กดี บอกปัดเพื่อนแล้วลงมาชั้นล่างหมายจะโทรหาคนขับรถส่วนตัว

   “เฮ้ย ถ้ามึงจะโทรหาซันกูว่าไม่ต้องละ”

   แม็คโผล่มากอดคอ ด้านอาร์ทที่เพิ่งเข้ากลุ่มด้วยไม่นาน เผ่นไปหาแฟนสาวตั้งแต่ยังอาจารย์ปล่อยออกจากห้อง

   “ไมวะ จะเล่นมุกบอกมึงอิจฉานี่ไม่ได้นะ เพราะมึงเองก็กำลังจะไปหาแฟนไม่ใช่ไง”

   ส่วนใหญ่มีแฟนกันหมด สวยๆ ทั้งนั้น แม็คมันส่ายหัวหวืด บุ้ยปากไปด้านหน้าคณะเห็นรถคุ้นตา คนคุ้นเคยกำลังยืนเต๊ะจุ้ยพิงประตูรถคุยกับเพื่อนข้างตัว พอเพื่อนตัวเล็กเห็นผม เจ้าตัวเรียกชื่อโบกไม้โบกมือให้ร่าเริงไม่สังเกตสายตาสาวคณะนี้เลยว่าอย่างพุ่งเข้ามาหาแค่ไหน หากไอ้ซันไม่ยืนคุมเชิงอยู่ คิดว่าโดนรุมชัวร์!

   ผมหวั่นว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ต้องรีบพาสองตัวเด่นออกไปจากคณะไวๆ

   “ขอบใจที่บอก กูไปก่อนนะ”

   “เออๆ กลุ่มมึงนี่น่าอิจฉาจริงๆ มีแต่พวกหน้าตาดี” มันจิ๊ปากอย่างขัดใจ ผมทำหน้าใสซื่อ

   “ทำใจว่ะ คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่ไม่ต้องห่วง พักหลังกูไม่ค่อยได้อยู่กับมึงแล้ว ไม่มีคนหน้าตาดีแย่งซีน หลังจากนี้มึงจะได้เป็นที่สนใจกับเขาบ้าง ดีใจด้วยนะเพื่อน”

   “นั่นสิ มึงพูดจามีเหตุ...ไอ้สัตว์โป้ หลอกด่ากูเรอะ!!”

   “กูป๊าวว!” ลากเสียงยาวเดินเนียนไปหาไอ้ซัน แม็คมันชี้ตัวผมแต่จ้องหน้าซันเป็นเชิงบอกว่า ดูแลเมียมึงด้วย ไอ้ซันก็รับมุกดีเหลือเกิน คว้าคอผมไปกอดแล้วยกคิ้วกวนทำมือโอเค พวกมึงไปสนิทกันตั้งแต่ตอนไหน คงไม่ใช่ว่าพวกมึงแอบคบชู้สวมเขากูหรอกนะ!

   “คิดอะไรมึง ทำหน้าตลกชิบ” ซันก้มหน้ากระซิบคุย จำเป็นต้องใกล้ขนาดนี้ไหม แล้วปอนด์ที่ทำหน้าฟินอยู่ข้างๆ นั่นยังไง

   ผมแสร้งทำหน้าเคร่งเครียดดันมันออก นี่มันที่เปิดโล่งเว้ยคิดจะทำอะไร “กูกำลังคิดว่ามึงกับแม็คดูสนิทกัน พวกมึงแอบคบกันลับหลังกูรึเปล่า”

   ซันตัวแข็งทื่อ ปอนด์ขำพรืด หัวเราะจนน้ำตาไหล

   “ฮ่าๆ จิ้นไม่ออกเลย ถึกเป็นหมีควายทั้งคู่ คิดภาพมากอดคอกันแบบพวกนายแล้ว โอ๊ยย ต่อให้หนุ่มวายอาวุโสอย่างพี่เฟย์ก็จิ้นไม่ลง!”

   ดึงสติกลับมาได้ พี่ท่านเริ่มโวยวาย “ขึ้นรถกันให้หมด!” พูดพลางเปิดประตูยัดผมเข้ารถ แกล้งมันวันละนิดจิตแจ่มใส วันนี้ป่วนไว้หลายคนรู้สึกมีความสุข

   ปัง!

   เจ้าของรถปิดประตูแบบไม่ถนอม ตวัดมองจ้องเขม็ง ผมยกมือสองข้างแบบยอมแพ้

   “ใจร่มๆ กูแค่พูดเล่นเอง”

   “ขำบ้าขำบออะไร ดูแขนกูหนิ ขนลุกไปหมดแล้ว วันหลังอย่าพูดแบบนี้อีกนะ พูดเล่นก็ห้าม กูไม่มีทางมองคนอื่นนอกจากมึงแน่นอน”

   มันยกแขนให้ดู ขนมันลุกเป็นหนังไก่ ผมทั้งขำทั้งเขิน มันพูดบ้าอะไรไม่เกรงใจคนที่นั่งจ้องตาแป๋วด้านหลังเลยนะ นี่ถ้าไม่ติดว่าอยู่หน้าคณะตัวเองผมคว้ามันมาจูบตอบแทนวาจาน่ารักๆ

   “เอาเลยตามสบาย คิดซะว่าฉันไม่มีตัวตน เป็นเพียงอากาศ” ปอนด์ยกสองมือปิดตาแต่แหวกนิ้วซะกว้าง ผมกับซันยื่นแขนไปดันหัวคนละทีด้วยความหมั่นไส้ เพื่อนตัวเล็กมันน่ารักจริงให้ดิ้นตาย แต่น่ารักแบบผู้ชายนะ ดูสดใสร่าเริงมีชีวิตชีวาอยู่ด้วยแล้วมีความสุขดี ผมถึงถูกชะตาตั้งแต่แรกเจอ ซันเองก็ไม่ต่างกัน

   “แล้วไมวันนี้มาด้วยล่ะ หรือจะแวะไปเที่ยวห้องพวกฉัน?”

   “ไม่ใช่อะ พอดีว่าอยากแวะร้านหนังสือ แต่ตอนนี้เพิ่งเลิกเรียนที่ป้ายรถเมล์คนเยอะมาก เลยขอให้ซันไปส่ง ยังไงก็เป็นทางผ่าน อยากแวะมารับโป้ด้วย ไม่ต้องห่วงนะ ฉันไม่ตามไปเป็นก้างขวางคอที่รังรักพวกนายหรอก”

   เจ้าตัวแลบลิ้นทะเล้นมองมาทางผมอย่างรู้ทัน เห็นแบบนี้ผมว่าปอนด์ไม่ใช่พวกไก่กา การคบกับคนอายุมากกว่า อาศัยความรักอย่างเดียวไม่ได้ มันต้องมีความเข้าใจและมีเหตุผลด้วยถึงจะอยู่กันยืด

   สิ่งที่ผู้ใหญ่ต้องการคือความมั่นคงจริงจัง มันมีความกดดันเจือจางอยู่ เทียบกันแล้วการคบกันระหว่างผมกับซันดูเหมือนเด็กเล่น แค่คำว่าแฟน อยู่ด้วยกัน หยอกล้อกันไปวันๆ มันไม่ได้แสดงถึงความรู้สึกลึกๆ ข้างในหรอก เอาความจริง ทุกวันนี้ผมยังไม่ชัดเจนกับความรู้สึกตัวเองเลยว่ายังไงกันแน่ ฝั่งซันนี่ผมไม่รู้ เพราะผมไม่มีวิชาอ่านใจคน

   ผมชอบซันนะ ให้อยู่แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ก็มีความสุขดี แต่อนาคตข้างหน้าเราไม่อาจรู้ได้ ผ่านไปหนึ่งปี สองปี เข้าสู่วัยทำงาน ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของพวกผมจะพัฒนาไปทางไหน หากมองในแง่ร้าย มันอาจจะเป็นแค่ประสบการณ์มีแฟนครั้งหนึ่งในชีวิต

   แค่คิดก็ปวดใจแล้ว ไม่อยากให้ถึงวันนั้นเลย...

   “โป้ เป็นอะไรรึเปล่า” ปอนด์ถามด้วยความเป็นห่วง หลังสังเกตสีหน้าเพื่อนมาได้สักพัก ซันเองก็รับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่แปลกไป เพราะขับรถเลยหันมามองตรงๆ ไม่ได้ ทำได้แค่ชำเลืองมองอย่างสงสัย

   “ไม่มีอะไร ฉันแค่คิดเรื่องงานกลุ่มนิดหน่อย”

   “เพื่อนในกลุ่มมึงมีปัญหา? แม็ค อาร์ท ใคร? หรือไอ้ปากหมาวันนั้น” พูดถึงตรงนี้ซันกำพวงมาลัยแน่นขึ้น บ่งบอกว่ายังไม่พอใจอยู่ ผมคงต้องฝากเพื่อนมันไปเตือนให้คนดวงซวยนั่นแล้ว อย่าริบังอาจเสนอหน้ามาให้ซันเห็น ไม่แน่อาจเจอตีนได้

   “ไม่ใช่ๆ กูมนุษย์สัมพันธ์ดีขนาดนี้ จะมีปัญหาแบบนั้นได้ไง แค่กูคิดงานไม่ออกเท่านั้นเอง” ผมรีบแก้ตัว ไม่น่ายกหัวข้อนี้มาเลยตู ปอนด์แสดงสีหน้าไม่เชื่อเท่าไหร่แต่ไม่เซ้าซี้เพิ่ม ส่วนซันมันบื้อ ช่างมันเถอะ

   “ก็แล้วไป แต่มีอะไรต้องบอกกู เข้าใจนะ”

   “คร้าบๆ คุณพ่อ” ผมรับคำ ปอนด์มองผมกับซันสลับไปมาเอียงคอครุ่นคิดบางอย่าง สุดท้ายก็ถอนหายใจคล้ายจะปล่อยวาง

   “ก็ทั้งคู่นั่นแหละ มีอะไรมาปรึกษาฉันได้ หรือถ้าไม่ชัวร์ถามพี่เฟย์ก็ได้” เพื่อนตัวเล็กทิ้งท้ายด้วยความหวังดี ก่อนจะลงจากรถวิ่งลิ่วเข้าห้างไป

   “ดูเหมือนจะทำให้เพื่อนเป็นห่วงแฮะ”

   “เพราะมึงนั่นแหละ จู่ๆ ก็เงียบไป แล้วตกลงมึงต้องไปช่วยงานรุ่นพี่เขาเมื่อไหร่”

   มันทักผมถึงนึกขึ้นได้ มัวแต่คิดเรื่องนู่นนี้จนลืมไปซะสนิท ซันเองก็คงรอจังหวะอยู่ด้วยกันสองคนถามรายละเอียด

   “งานมีวันพุธตอนบ่าย แต่พรุ่งนี้กูต้องไปฝึกมือตอนเย็นว่ะ ไม่ได้จับเครื่องทอผ้าตั้งแต่เข้ากรุงเทพ กลัวจะทำพลาด”

   “โอเค เดี๋ยวกูไปกับมึงด้วย”

   ผมหันขวับ มันจะมาด้วยทำไม ถ้าบอกว่าอยากมานั่งดูผมฝึกทอผ้าไม่ใช่มั้ง นิสัยซันไม่โรแมนติกขนาดนั้นหรอก!

   “ทำไม หรือมันเป็นความลับที่ให้คนนอกเข้าไปดูไม่ได้”

   “ไม่อะ งั้นเดี๋ยวกูบอกพี่เขาอีกทีแล้วกันว่าจะมีคนตามไปด้วย แต่มึงไม่มีเรียนบ่ายนี่หว่า มึงจะแช่รอที่มหา’ลัยจนเย็นเลยเรอะ”

   ซันยักไหล่แบบไม่เดือดร้อน ในเมื่อตัวมันไม่มีปัญหา ผมก็ไม่มีปัญหาเหมือนกัน ผมส่งข้อความบอกพี่แอมเรื่องซัน พี่เขาตอบตกลงเร็วมาก ยังบอกอีกว่า วันงานให้พาเพื่อนมาทั้งกลุ่ม ไม่รู้ผมคิดเองรึเปล่านะ พี่แอมดูกระตือรือร้นกับคำว่าเพื่อนผมแปลกๆ

   วันต่อมา ซันเอารถมาอีกเช่นเคย เพราะไม่รู้ว่าผมจะอยู่จนเย็นแค่ไหน จะได้ไม่ต้องไปยืนรอรถกันมืดๆ ค่ำๆ ผมนัดกันซันไว้ให้มันไปไหนก็ไป ไว้ผมเลิกเรียนค่อยไปเจอกันที่ประจำ

   ทางเดินใต้ร่มไม้ภายในมหา’ลัย มีนักศึกษาเดินกันประปราย ผมแยกตัวกับพวกแม็คเพื่อมุ่งหน้าไปจุดนัด แดดตอนเย็นไม่ร้อนเท่าไหร่ สามารถเดินกินลมชมวิวได้ เห็นหลังซันนั่งอยู่กับพวกมิทไกลๆ ไม่ทันจะเดินไปดันมีเสียงเรียกจากทางด้านหลังซะก่อน

   “โป้ๆ รอเดี๋ยว”

   เสียงเรียกปนหอบจากการวิ่ง ผมหันไปมองพบผู้ชายหน้าตาดี ลุคสะอาด

   “เก้า?”

   “ดีใจจังที่ยังจำได้ พรุ่งนี้โป้จะไปช่วยงานที่คณะศิลปกรรมเหรอ”

   “ก็ใช่ นายรู้ได้ไง” นั่นสิมันรู้ได้ไง ผมกับเก้าเหมือนเป็นแค่คนรู้จัก เจอกันครั้งสุดท้ายตอนผมทำเสื้อขาดแล้วซันโผล่มาหาถึงคณะ หลังจากนั้นก็ไม่เจออีกเลย ผมเลยลืมไปซะสนิท

   “เรื่องของโป้ฉันรู้ทุกอย่าง ขอโทษนะ พักหลังกิจกรรมเยอะมากฉันเลยไม่ได้ไปหา” หนุ่มหน้าใสพูดอย่างภูมิใจ แต่คนฟังรู้สึกขนลุกชอบกล มันเป็นสตอล์กเกอร์รึเปล่า

   “ไม่เป็นไร ฉันไปก่อนนะ” ไปดีกว่าผม ไอ้มิทหันมาเห็นผมแล้วด้วย

   จู่ๆ แขนถูกคว้าไว้อย่างกับนางเอกในละคร ผมหันไปขมวดคิ้วมองเก้าดึงแขนออกแบบเนียนๆ

   “โป้ พรุ่งนี้ฉันขอไปดูด้วยนะ”

   “ตามใจสิ เข้าฟรีไม่ได้เสียค่าเข้าสักหน่อย”

   “โป้มีแฟนแล้วใช่มั้ยถึงได้เมินกันแบบนี้ ตอนแรกยังดูสนใจกันอยู่เลย” น้ำเสียงมันดูไม่ค่อยพอใจ ผัวกูนั่งหัวโด่อยู่นั่นจะอะไรนักหนาวะ ผมหันขวับมายืนประจันหน้า พูดตรงๆ ให้มันจบไปเลยดีกว่า

   “นายบอกว่ารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับฉัน น่าจะรู้นะว่าฉันคบกับใครอยู่” มันอึ้งไปเหมือนผมย้อนมันบ้าง อาจจะดูใจร้ายไปหน่อย แต่สำหรับคนแบบนี้ควรจะพูดไปตรงๆ ดีกว่า มัวแต่ใจดีกลัวเขาเสียใจจะกลายเป็นการให้ความหวังแล้วเรื่องมันจะวุ่นวายยิ่งกว่าเดิม

   “ใช่ ฉันรู้ รู้ด้วยว่าซันเป็นผู้ชายแท้ๆ โป้คิดเหรอว่าจะเปลี่ยนผู้ชายคนหนึ่งเป็นเกย์ง่ายๆ ฉันเห็นมาหลายคนแล้ว สุดท้ายก็เลิกกันหันกลับไปคบผู้หญิงอยู่ดี”

   ถูกจี้ใจดำเข้าอย่างจังจนอารมณ์ฉุนกึก ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมพยายามไม่นึกถึงเรื่องนี้ แล้วเก้าเป็นใครถึงมาพูดจาหมาไม่แดก ผมแสดงสีหน้าชัดเจนมากว่าไม่พอใจ เก้านิ่งไปเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองหลุดพูดอะไรออกมา หลังจากนี้แค่คำว่าเพื่อนผมก็ไม่มีให้

   “รีบไปซะก่อนที่กูจะชกมึงไอ้เก้า”

   “โป้...”

   “ไปซะ! ไม่ต้องมาเสือกเรื่องของพวกกู” ผมเคยบอกแล้วว่าคนที่ดีมาผมดีตอบ ร้ายมาผมก็ไม่เอาไว้ เก้าดันตื้อกว่าที่คิด เขาจับแขนผมแน่นพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

   “ฉันพูดความจริงมั้ยล่ะ กับความไม่แน่นอนแบบนั้น โป้ไม่ลองคิดถึงฉันบ้างเหรอ ฉันเข้าใจโป้นะ ในอดีตโป้เองคงถูกคนรอบข้างมองด้วยสายตาแย่ๆ เหมือนกัน พวกเราน่าจะเข้ากันได้มากกว่า”
   
   ผมสะบัดแขนออก พวกเราตัวพอกันเรื่องแรงผมมั่นใจว่าสู้ได้แน่ ไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก ผมเดินหนีไปหาพวกซันที่ลุกทำท่าจะเดินมาทางนี้ตั้งแต่เริ่มมีปากเสีย ผมยกมือห้ามพวกนั้นเพราะไม่อยากให้มันเป็นเรื่องใหญ่ คนบางคนแม่งยังไม่วายตะโกนไล่หลังผมอีก
 
   “โป้! จำไว้นายยังมีฉันนะ”

   “ไปตายให้หนอนแดกไป!!”

   บัดซบเอ๊ย ผมจะไม่โมโหเท่านี้เลยถ้ามันไม่พูดแทงใจดำ ซันก้าวเร็วๆ มาหาผม ดวงตาจ้องเก้าเขม็ง ทางนั้นไม่น้อยหน้าจ้องกลับแบบโต้งๆ มึงไม่กลัวตีนกูมึงควรกลัวตีนซันนะเก้า อย่างกูแค่ช้ำ ถ้าซันมึงเข้าโรงบาลแน่ๆ

   “มีอะไรวะ มันกวนตีนอะไรมึง”

   “ช่างเถอะ แม่งเรื่องไร้สาระ”

   “ไม่ไร้สาระมั้ง ทำให้โป้อารมณ์เสียได้ขนาดนี้” มิทพาดแขนบนบ่าผม ปรายตามองเก้า

   “เสียเวลามาเยอะแล้ว ไปกันดีกว่าให้รุ่นพี่รอนานคงไม่ดี มิทมึงจะมากับพวกกูด้วยใช่มะ” ผมเปลี่ยนเรื่อง ไม่อยากคิดเรื่องแย่ๆ

   “กูไม่ไปแค่มานั่งเป็นเพื่อนซัน ไว้กูไปดูมึงพรุ่งนี้เลยดีกว่า กูกลับบ้านละเดี๋ยวป๋าโทรตาม” มันตบบ่าซันโบกมือให้ผมแล้วเดินขึ้นรถสีดำที่จอดรออยู่นานแล้ว เห็นคุณอาคมเปิดกระจกส่งยิ้มทักทายก่อนจะขับรถจากไป นับวันผมชัดสงสัย ตกลงมิทมันทำงานอย่างที่ผมเข้าใจ หรือมันเป็นลูกมาเฟียจริงๆ มีคนขับรถควบตำแหน่งบอดี้การ์ดส่วนตัว

   “มึงบอกไม่อยากให้พี่เขารอ จะยืนบื้ออยู่ทำไมวะ ไปดิ”

   ซันเรียกสติ ผมพยักหน้าเดินตามมันไปขึ้นรถบ้าง ลานจอดรถที่นี่ไม่ต่างจากคณะอื่น เป็นลานจอดกลางแจ้งที่รถโล่งเพราะชาวบ้านเขากลับกันหมดเหลือพวกกิจกรรมอยู่ยันเย็น ผมเดินนำซันไปใต้อาคาร เพราะผมโทรหาพี่แอมก่อนมาถึง พี่เขาเลยมารอตรงนี้

   “สวัสดีครับพี่แอม รอนานมั้ยพี่”

   พี่แอมยกมือรับไหว้ด้วยรอยยิ้ม ที่ดูจะเผื่อแผ่ไปทางซันเป็นพิเศษ ผมชักสังหรณ์ใจไม่ดีแล้วสิ

   “สวัสดีจ๊ะ รอไม่นานหรอก ยังไงพี่ก็อยู่ที่คณะอยู่แล้ว ตามมาสิ ให้ฝึกมือได้ถึงแค่หนึ่งทุ่มนะ”

   ผมเดินตามพี่แอม มองเวลาบนมือถือตอนนี้หกโมง เวลาเหลือเฟือ ผมไม่คิดจะทอเป็นผืนแค่จับทบทวนความจำเฉยๆ

   ภายในห้องชมรมรกไปด้วยอุปกรณ์ที่เตรียมจะจัดแสดงวันพรุ่งนี้ เครื่องทอผ้าถูกยกออกมาด้านนอกเพื่อสะดวกแก่การขนย้ายและให้ผมมาฝึกมือ ผมมองสำรวจดูมันสร้างจากไม้รูปทรงทันสมัยขึ้นมานิดหนึ่ง ต่างจากที่ร้านแม่ผมใช้แบบต้นฉบับเลย

   “โป้ลองฝึกตามสบายเลยนะ ต้องการอะไรบอกคนในห้องนี้ได้” พี่แอมพูดพลางกวาดตามองคนในห้อง ทุกคนส่งยิ้มให้แววตาฉายความรู้สึกขอบคุณที่ผมยอมมาช่วยงานทั้งที่เป็นเด็กต่างคณะ

   “ครับ เสียงอาจจะดังหน่อย ไม่ว่ากันนะ ฮ่าๆ”

   “ตามสบายน้อง ขอแค่ไม่ทำมันพังก็พอ พวกเราไม่มีเงินซ่อม” มีคนตะโกนมาจากมุมห้อง เรียกเสียงหัวเราะได้จากทุกคน แอบเกร็งนิดหน่อยแฮะ ไม่ใช่ของที่บ้าน แถมมีสายตาหลายคู่จ้องซะ

   “เดี๋ยวกูไปรอข้างนอกแล้วกัน เสร็จแล้วโทรหากูนะ” ซันเห็นว่าทุกคนในห้องต่างมีหน้าที่ของตัวเอง การที่คนนอกอย่างเขามานั่งเกะกะคงไม่เหมาะเท่าไหร่นัก ผมยังไม่ทันจะได้พยักหน้ารับพี่แอมก็พูดแทรกขึ้นก่อน

   “ไม่ต้องออกไปข้างนอกหรอก แอร์ไม่มียุงก็เยอะ อยู่ในห้องกับพวกเรานี่แหละครึกครื้นดี ว่าแต่น้องชื่ออะไร พี่ชื่อแอมนะ”

   รอยยิ้มพิมพ์ใจถูกส่งให้ ผมคิ้วกระตุก นี่มันชักจะยังไงๆ แล้วนะ คนโดนถามทำเพียงแค่เลิกคิ้วมองด้วยท่าทางกวนส้นประจำตัว ตอบเสียงห้วน

   “ซัน”

   “โอเค น้องซันนั่งอยู่ตรงนี้ ถ้าหิวบอกพี่ได้ พี่ทำข้าวกล่องมาแจกทุกคนที่มาช่วยงานอยู่แล้ว”

   “ผมไม่ได้ช่วยอะไร ไม่ต้อง...”

   “ช่วยสิ พาโป้มาส่งไง ไม่เอาน่าไม่ต้องเกรงใจ คนกันเอง”

   หลังจากนั้นทั้งคู่คุยอะไรกันผมไม่ได้ยินแล้ว เพราะพี่แอมพาซันไปนั่งคุยซะไกลลิบ โดยมีเสียงหนักหน่วงจากการทอผ้าประกอบฉากจนทุกคนหันมามองเป็นตาเดียว ณ ตอนนี้ไม่ต้องทบทวนอะไรมันแล้ว มือไปเองตามธรรมชาติ ขับเคลื่อนด้วยความฉุนเฉียว

   สมองไม่ได้นึกถึงลายที่กำลังทอเลย คิดแต่ว่าสองคนนั้นจะคุยอะไรกัน ที่น่าหงุดหงิดที่สุดก็คือความรู้สึกของผมนี่แหละ เอาตามตรงเลยนะ ผมคบกันซันทั้งที่เตรียมใจไว้อยู่แล้วว่าเหตุการณ์แบบนี้อาจจะเกิดขึ้นได้สักวัน ซันเป็นผู้ชายแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ต่างจากผม ยิ่งมีคำพูดของไอ้เชี่ยเก้ามาสะกิดอีก ทำให้ใจผมว้าวุ่นมากกว่าเดิม

   อะไรวะไอ้โป้ เอ็งรู้ดีแต่แรกแล้วไม่ใช่เหรอถึงได้เตรียมใจไว้ไง พอเจอกับตัวทำไมกลายเป็นแบบนี้วะ ไม่สมเป็นมึงเลย แถมเขาอาจจะแค่คุยกันเฉยๆ ก่อนได้ มึงจะรีบร้อนรนไปทำไม...จะอะไรก็ช่างแม่งแล้วเว้ย!!

   “ผมจำการทอได้แล้วพี่แอม”

   เพราะจู่ๆ ผมก็ลุกพรวดพูดขึ้นกลางวง พี่แอมอึ้งมองหน้าผมตาปริบๆ ขนาดไอ้ซันยังเผลอกำมือด้วยความตกใจ

   “อะ...เอ่อ จ๊ะ โอเค พี่ขอดูผ้าก่อนนะ” สติเพิ่งกลับเข้าร่าง พี่แอมเดินมาดูผ้าที่ทอไปหน่อยเดียว พร้อมคนอื่นๆ ที่เข้ามาช่วยมุง

   “ลายยังเห็นไม่ชัดเจนเท่าไหร่เพราะน้องเพิ่งทอไปนิดเดียว แต่โดยรวมถือว่าทอเป็น ผ่านจ๊ะ” หัวหน้าชมรมพูดจบ คนในห้องเสริมขึ้นมา

   “แต่พรุ่งนี้ไม่ต้องจริงจังนักก็ได้นะ พี่กลัวความหนักแน่นของน้องทำคนมางานหนีหมด”

   ผมยิ้มแห้งตอบรับคำแซวนั้นพลางตวัดตามองซันเป็นการให้สัญญาณ

   “มึงรอนี้ กูไปขับรถมาแป๊บ” เจ้าตัวก้าวเร็วๆ ออกไปจากห้องทันที แม้จะไม่เข้าใจว่าโป้หงุดหงิดอะไร แต่อารมณ์ของอีกฝ่ายเวลานี้ไม่ควรขัดใจหากยังไม่อยากโดนตีนเมียประดับบารมี

   ผมท่องยุบหนอพองหนอ สงบสติอารมณ์จนกลับมาอยู่ในระดับปกติแล้วยกมือไหว้รุ่นพี่ทุกคนในห้อง

   “วันนี้ผมคงต้องขอตัวกลับก่อนนะครับ พรุ่งนี้ผมคงมาช่วยจัดไม่ได้เพราะติดเรียน แต่ตอนเลิกผมจะช่วยเก็บนะครับ”

   “ไม่เป็นไรๆ แค่มาช่วยสาธิตการทอผ้าก็พอ ที่เหลือพวกเราจัดการเอง โป้จะกลับแล้วสินะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”

   ทีแรกผมจะปฏิเสธ แต่ดูเหมือนว่าพี่แอมมีอะไรจะคุยกับผม เลยพยักหน้ารับตามพี่แอมออกไปรอนอกห้องชมรม ด้านนอกยามไล่ปิดไฟจนเกือบหมด เหลือแค่ตามทางเดิน ถนน กับแถวหน้าห้องชมรมของพี่แอม หมดช่วงรับน้องแล้วด้วย บรรยากาศโดยรอบเลยวังเวงพอสมควร เห็นนักศึกษาอยู่ไม่กี่คน

   เราต่างคนต่างยืนเงียบสักพัก สุดท้ายพี่แอมก็ยอมเปิดปากพูด หันมามองผมด้วยสายตาจริงจัง

   “โป้ พี่มีเรื่องหนึ่งอยากจะถาม”

   “ครับ ถ้าผมตอบได้ก็จะตอบ”

   พี่แอมมองซ้ายมองขวานิดนึง แล้วขยับมากระซิบคุยกับผม

   “พี่อยากจะถามเราว่า ซันเขามีแฟนรึยัง พี่สนใจเขาตั้งแต่เจอครั้งแรกแล้ว จะไปถามตรงๆ ก็ยังไงอยู่ โป้เป็นเพื่อนกันพอจะบอกพี่ได้ไหม”

   ประโยคขอร้อง กับท่าทางเขินอายของพี่แอมไม่ได้อยู่ในสายตาผมเลย เพราะผมตอนนี้กำลังมองรถที่ซันเพิ่งขับมาจอดไม่ไกล

   “มันมีแฟนแล้วครับ ผมไปก่อนนะพี่ ปล่อยให้มันรอนานเดี๋ยวหงุดหงิดซะก่อน”

   ผมผละออกมา หัวคิดอยู่อย่างเดียว...วันนี้มันวันบัดซบอะไรกันวะ
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่18 สนใจ [Up 14/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 14-07-2016 20:52:35
น่าเคืองอยู่ แต่มันปกติของคนหน้าตาดีอะเนอะ ใจเย็นโป้
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่18 สนใจ [Up 14/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 14-07-2016 21:56:51
โถถถถ ทำไมไม่บอกไปล่ะว่านั่นผัวผม!!!
แต่ไม่เป็นไรค่ะ! เจ้จะไปตะล่อมซัน ให้พูดเอ๊งงงง เตรียมตัวเวลาชะนีบุก กร๊ากกก  :laugh:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่18 สนใจ [Up 14/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 14-07-2016 22:23:13
โถ โถ อย่าเพิ่งหงุดหงิดเลยหนูโป้
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่18 สนใจ [Up 14/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-07-2016 22:25:02
ไม่รู้อะไรซะแล้ว :m16:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่18 สนใจ [Up 14/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 15-07-2016 00:30:21
หึหึ!! เป็นใครก็หงุดหงิดละครับ!!!!
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่18 สนใจ [Up 14/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: P★RiTŸ ที่ 15-07-2016 01:02:30
เป็นเราคงได้จิกมองด้วยหางตาเบาๆ
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่18 สนใจ [Up 14/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 15-07-2016 01:13:37
น่ารักกันต่อไป
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่18 สนใจ [Up 14/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Dolamon ที่ 15-07-2016 09:58:51
มีหึงด้วยอะโป้ ซันจะรู้ตัวป่ะเนี้ยะว่าเมียหึง 5555
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่18 สนใจ [Up 14/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 15-07-2016 12:13:42
ฮุ้ย อะไรนิ จะมีม่าไหมน้อเรื่องนี้   :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่18 สนใจ [Up 14/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 15-07-2016 14:49:01
พี่สองสาวสุดแกร่งมาเก็บเพื่อนพี่ด่วนค่ะ โอเคคือพี่แอมไม่ผิดอะไร ก็ไม่รู้นี่นะ น้องจะยอมค่ะรอบนี้
เป็นเรื่องที่สนุกจริงๆค่ะ อ่านแล้วไม่เบื่อเลยซักนิด ตัวละครมีมิติมาก ชอบ
รอติดตามนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่18 สนใจ [Up 14/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 16-07-2016 19:02:01
สองสาวกรุณามาให้ความรู้เพื่อนด้วยค่ะ ว่าคนนี้ของใคร

ห้ามยุ่งนะคะ เจ้าของดุมากกกกกกก ฮาาาา
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่18 สนใจ [Up 14/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 21-07-2016 16:12:22
 :z6: มีแฟนหล่อก้อแบบนี้แหละโป้แล้วยังไม่ใช่เกย์อีก เข้าใจได้ถึงความกังวลน่ะ แต่เราว่าซันจริงจังกับโป้มากเลยน่ะ ต้องรอให้เวลาพิสูจน์เนอะ สู้ ๆ จ้ะ โป้ เรารักคุณน่ะ  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่19 คำถาม? [Up 27/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 27-07-2016 23:54:43
ยกที่19 คำถาม?

   “พี่เขาคุยอะไรกับมึง”

   ขึ้นรถก้นยังไม่ทันโดนเบาะ ซันก็ถามซะแล้ว ผมปรายตามองพี่แอมยังดูพวกเราอยู่เลยไม่ตอบอะไร ปิดประตูรถก่อนค่อยว่ากัน

   “เรื่องพรุ่งนี้”

   สีหน้าซันบ่งบอกชัดเจนว่าไม่เชื่อ

   “มึงจะบอกกูดีๆ หรือให้กูลงไปถามเอง วันนี้สองรอบแล้วนะ มึงเป็นอะไรวะ”

   “ช่างกูเหอะน่า” เข้าใจว่ามันถามเพราะเป็นห่วง แต่เวลานี้ผมไม่พร้อมจะคุยอะไรทั้งสิ้น อารมณ์ที่ปะทุขึ้นมายังไม่ทันสงบดีเลยด้วยซ้ำ เดี๋ยวจะตีกันตายซะเปล่าๆ หันหน้าออกนอกกระจกแม่ง

   “ช่างมึงได้ไง มึงเป็นเมียกูนะ มีอะไรก็บอกสิวะ อมขี้แบบนี้กูจะรู้เรื่องกับมึงไหม!”

   รถถูกเหยียบเบรกกะทันหันจนหัวโขกกระจกดังปึก อารมณ์ที่กรุ่นๆ อยู่แล้วพุ่งปี๊ดเหมือนกาน้ำเดือด ผมตวัดตาจ้องเขม็ง มันก็ถลึงตากลับใส่หวิดจะต่อยกันในรถอยู่รอมร่อหากไม่มียามมาเคาะกระจกเพราะพวกเราดันมาจอดคาอยู่ตรงทางแยก

   ซันจำต้องลดกระจกลงอย่างหัวเสีย พอยามเห็นสีหน้าพวกเราถึงกับสะดุ้ง

   “มีอะไรกันรึเปล่า” ยามถามอย่างระแวง คงกลัวว่าพวกเราจะไปฆ่าคนมั้ง ไม่ต้องห่วง เราจะฆ่ากันเองมากกว่า

   “ไม่มีไร ผมทะเลาะกับเมีย โทษที่ขวางทาง” ไร้คำหยาบแต่ก็ห้วนสุดๆ แถมยังปิดกระจกใส่ออกรถเลยอีกต่างหาก ผมมองกระจกค้างเห็นยามยังยืนอึ้งอยู่กับที่ ไม่รู้ตกใจที่โดนรถเฉียวหรือเรื่องที่ซันมันพูดกันแน่

   เกิดบรรยากาศมาคุปกคลุมทั่วรถ ไม่มีใครพูดแม้แต่คำเดียว ด้วยรู้ดีกว่าคุยต่อได้ทะเลาะกันแน่ๆ ต่อยกันขณะที่รถกำลังเคลื่อนที่ไม่ใช่ความคิดที่ฉลาดนัก ผมเข้าใจว่าซันมันจะกลับไปเคลียร์ที่ห้อง มันดันจอดรถอยู่หน้าเซเว่นแถวคอนโด ผมมองมันอย่างไม่เข้าใจ

   “มึงไม่อยากลงก็รอนี่”

   ซันปิดประตูรถออกไป ผมผ่อนหายใจแรงๆ ระบายอารมณ์ ต้องเข้าใจนะว่าเวลาคนเราหงุดหงิดอะไรก็ขวางหูขวางตาไปหมด ยิ่งผมเจอเรื่องไม่สบอารมณ์ตั้งแต่คุยกับเก้า พอจะเริ่มหัวเย็นลงหน่อยก็มีเรื่องพี่แอมอีก

   สักพักซันหิ้วถุงเข้ามาโยนไว้เบาะหลัง ได้ยินเสียงเหมือนกระป๋องกระทบกันผมเลิกคิ้วแปลกใจยอมเปิดปากจนได้

   “ซื้อไรมาวะ”

   “เบียร์”

   คำตอบดูธรรมดา หากคนที่พูดไม่ใช่ไอ้ซัน! วัยแบบผมเรื่องแอลกอฮอล์นี่ขอให้บอก ยิ่งผู้ชายยิ่งไม่ต้องพูดถึงเพราะมันคือการเข้าสังคมเพื่อนอย่างหนึ่ง ยกเว้นก็แต่ไอ้ซัน มันไม่ดื่มเหล้าสูบบุหรี่ ใช่ว่ามันคออ่อน สูบไม่เป็น เพียงแค่มันไม่ชอบเท่านั้นเอง บอกว่าเสียสุขภาพแล้วนี่มันซื้อมากะปริมาณด้วยสายตาไม่ใช่น้อยๆ

   “มึงไม่แดกจะซื้อมาเพื่อ!?”

   ผมที่อารมณ์เย็นลงบ้างคุยกันมันได้แบบปกติ

   “กลับห้องไปแดกซะ ใจเย็นแล้วเราค่อยคุยกัน”

   ผมถึงกับไปไม่เป็น นี่มึงเห็นเมียมึงขี้เหล้าขนาดต้องซื้อมาเอาใจ? บางครั้งผมก็ไม่เข้าใจตรรกะมันเลยจริงๆ เอาเป็นว่าถือโอกาสชวนมันคุยละลายอารมณ์ขุ่นข้องหมองใจ อุตส่าห์ซื้อเบียร์ให้ทั้งที

   “มึงไม่ชอบให้กูดื่มไม่ใช่เหรอ” ปรับคำให้ซอฟลงหน่อย มันเข้าใจเจตนาของผม นอกจากจะไม่เปิดโปงแล้วยังร่วมมือเป็นอย่างดี เห็นงี้ต่อให้มันไม่ชอบก็ไม่ได้ห้ามผมไปกินเหล้ากับเพื่อนนะ แค่เมาห้ามขับโทรเรียกมันไปรับเท่านั้นเอง บางทีผมคิดว่ามันเป็นคนมีเหตุผลมากกว่าผมซะอีก

   “ก็ใช่ แต่มึงกินกับกู กูดูแลมึงได้”

   อือหือ ความโกรธแทบจะปลิวหายเปลี่ยนจากหมัดเป็นคว้ามันมาจูบซักฟอด พอซันได้ยินผมหัวเราะ มันก็อมยิ้มนิดๆ ทั้งที่ยังจดจ่ออยู่กับการมองทาง ขับรถค่ำมืดนั้นอันตราย

   ถึงหอผมจะช่วยมันถือถุงขึ้นห้อง แต่มันไม่ยอมเพราะของผมก็เยอะมากอยู่แล้ว แต่ผมอยากมีโมเม้นเล็กๆ บ้างเลยแบ่งกับมันถือหูหิ้วคนละข้าง อย่าคิดล่ะว่ามันอ่อนให้ผมขนาดนี้จะยอมให้ผมเปิดป๋องดื่มทันที

   ซันยัดเบียร์เข้าตู้เย็นบอกให้ผมทำข้าวเย็นมากินก่อนค่อยกินเบียร์ เห็นแก่มันที่ตามเฝ้าผมแล้วยังกลับก่อนไม่ทันได้กินข้าวกล่องพี่แอมเลยใช้ของสดในตู้ทำสุดฝีมือ ผมชอบทำอาหารนะ เวลาทำแล้วเราจดจ่อกับมันทำให้ลืมเรื่องอื่นๆ ไปได้ชั่วคราว คาดว่าเฮียเฟย์เองก็คงเหมือนกัน ที่สุดของการทำก็คนกินนี่แหละ เห็นคนกินมีความสุข คนทำก็หายเหนื่อยมีแต่อยากจะทำให้กินเรื่อยๆ

   หลังกินข้าวเสร็จ ซันรับหน้าที่ล้างจานเช่นเคย มีการทำกับแกล้มง่ายๆ มาเสิร์ฟให้ผมถึงโต๊ะหน้าทีวีด้วย เบียร์หลายกระป๋องถูกเอามาวางเรียงจะได้ไม่ต้องลุกไปมาระหว่างโต๊ะกับตู้เย็น ในมือถือคนละกระป๋อง นั่งบนพื้นหลังพิงโซฟาดื่มพลางดูทีวีไปเรื่อยๆ หนังที่เปิดไม่เข้าสู่การรับรู้เลยสักนิด ผมนั่งเงียบจมอยู่ในความคิดของตัวเอง

   ผมรู้ว่าตัวเองหงุดหงิดงุ่นง่านเกินไปเพราะโดนจี้ใจดำ อย่างที่เคยบอก ชีวิตวัยรุ่นของผมไม่ค่อยสวยหรูนัก รู้ว่าตัวเองชอบผู้ชายเอาตอนม.4 เพื่อนที่เคยคบต่างพากันรังเกียจ ถ้าผมไม่มีกำลังพอคงโดนแกล้งเหมือนนางซิน ที่บ้านเองก็ไม่ยอมรับ ญาติพี่น้องคนรอบข้างซุบซิบนินทาลับหลัง ผมทั้งเครียดและรู้สึกผิดกับพ่อแม่มาก

   แต่เรื่องความชอบมันแก้ไม่ได้ ผมเคยลองกลับไปคบกับผู้หญิงดูแล้ว สรุปไม่รอด ไม่มีความรู้สึกอะไรกับผู้หญิงพวกนั้นเลย กระทั่งคนที่คิดว่าโอเคเข้าใจผมแม้มันจะเป็นชายแท้มาก่อน พอมันโดนสังคมโจมตีหนักๆ เข้า กลับหันหลังทิ้งผมไป บอกคนอื่นว่าเราก็แค่คนรู้จักกันห่างๆ บางทียังร่วมผสมโรงกับคนอื่นด่าผมลับหลัง

   ความรู้สึกตอนนั้นยังจำได้ไม่มีวันลืม มันเจ็บแบบที่โดนกระทืบปางตายยังรู้สึกดีเสียกว่า หันไปทางไหนก็ไม่มีใครอยู่เคียงข้าง มันเคว้งคว้างเหมือนมีตัวคนเดียวทั้งโลก หากไม่มีเล่กับป๋าเจ้าตัวผมคงเตลิดไปถึงไหนต่อไหน

   ป๋าเล่ช่วยคุยกับพ่อแม่จนพวกท่านปรับทัศคติพยายามเข้าใจในตัวผม ระหว่างนั้นก็คอยเป็นกำลังใจให้ผมก้าวต่อไปได้ เล่เป็นคนมองโลกในแง่ดี นิสัยร่าเริงของเขาทำให้สุขภาพจิตผมดีขึ้น วันๆ อยู่เป็นเพื่อนดูแลเล่จนไม่มีเวลาไปสนสายตาของคนรอบข้าง

   พอรู้ตัวอีกที ผมก็ไม่รู้สึกอะไรกับคำนินทาและสายตาเหล่านั้นแล้ว ประจวบเหมาะกับพ่อแม่เริ่มยอมรับผมได้ในระดับหนึ่ง ทุกอย่างจึงเป็นอย่างทุกวันนี้

   นับตั้งแต่นั้นมาผมสาบานในใจเงียบๆ ว่าจะดูแลเล่อย่างทีตอบแทนพวกเขาพ่อลูก จะไม่ปล่อยให้ตัวเองเจ็บปวดแบบนั้นอีก ผมเลยไม่จริงจังเรื่องความรักเลย ถ้ามีคนสนใจก็คุยด้วย ไม่นานก็แยกย้าย ส่วนซัน...

   “ย้อมใจไปหลายกระป๋อง มึงจะยอมบอกกูได้ยังว่าเกิดอะไรขึ้นกับมึง”

   ผมหลุดจากภวังค์ มองหน้าหล่อๆ ของซัน จริงสิทีแรกที่ผมสนใจซันเพราะหน้าตาอีกฝ่าย ต่อมาก็เป็นรูปร่างและนิสัยที่เข้ากันได้หลายอย่าง...เอาเถอะ มันถามเพราะเป็นห่วง ผมเองก็ไม่คิดจะปิดบังอยู่แล้ว แค่ตอนแรกยังไม่มีอารมณ์บอกเท่านั้นเอง

   “พี่แอมเขาสนใจมึง เลยมาถามกูว่ามึงมีแฟนยัง”

   เริ่มแบบไม่มีหัวมีหาง ซันงงไปเสี้ยววิ ก่อนจะเลิกคิ้วข้างเดียวแบบที่มันชอบทำ

   “มึงไม่บอกไปล่ะว่ามึงเป็นเมียกู” มันพูดง่ายมาก ผมถลึงตาใส่มัน จะบ้ารึไง พี่แอมเขาถามโดยไม่รู้ไปพูดจากระแทกหน้าเขาแบบนั้นเสียมารยาทตาย อีกอย่างนั่นเพื่อนของรุ่นพี่ผมด้วย ผมยังต้องช่วยงานเขาอีก เกิดเขาไม่โอเคขึ้นมาเดี๋ยวจะมองหน้ากันไม่ติด

   “กูบอกไปว่ามึงมีแฟนแล้ว”

   “มึงเลยหงุดหงิดที่พี่เขามาสนกู โธ่ไอ้โป้ ไว้ใจผัวมึงหน่อย ต่อให้มีผู้หญิงมาแก้ผ้าเต้นยั่วตรงหน้าลูกกูก็ไม่ตั้ง”

   “ขอให้มันจริงเหอะมึง กูยอมรับว่ากูไม่พอใจอยู่บ้าง แต่ก็แค่นั้นตอนนี้กูไม่สนเรื่องพี่แอมแล้ว” เพราะผมรู้นิสัยซันดี มันไม่ใช่คนแบบนั้น ที่ผ่านมาจะชายหญิงหรือใครมันไม่เคยสนใจเลย ใครขอเบอร์มันแทบจะยกเท้าใส่ ปากประกาศปาวๆ ว่ามีเมียแล้ว แม้จะไม่ได้บอกไปตรงๆ ว่าเมียมันเป็นผม ส่วนพวกใจกล้าก็โดนมันตอกกลับหน้าหงายกลับไปหลายราย จนคนที่รู้จักวีรกรรมมันขยาดไม่มีใครกล้ามาจีบอีก

   ซันพิจารณาผม พอเห็นว่าผมไม่มีท่าทีกับเรื่องนี้จริงๆ ก็พยักหน้าแต่ยังไม่คลายความสงสัยทั้งหมด

   “แล้วไอ้เหี้ยนั่นล่ะ”

   คงไม่ต้องถามว่าเหี้ยตัวไหน ทั้งวันมีเหี้ยอยู่ตัวเดียว ไอ้เก้าปากหมา

   ‘ซันเป็นผู้ชายแท้ๆ โป้คิดเหรอว่าจะเปลี่ยนผู้ชายคนหนึ่งเป็นเกย์ง่ายๆ ฉันเห็นมาหลายคนแล้ว สุดท้ายก็เลิกกันหันกลับไปคบผู้หญิงอยู่ดี’
 
   คิดถึงตรงนี้สีหน้าผมเปลี่ยนไปทันที มือบีบกระป๋องเปล่าในมือจนบี้ ซันแอบสะดุ้งแกะกระป๋องในมือผมออกแล้วเปิดกระป๋องใหม่ยัดใส่มือให้ ผมแหงนคอกระดกเข้าปากแบบไม่กลัวหก วางกระแทกโต๊ะใส่อารมณ์จนเบียร์ที่เหลืออีกครึ่งกระฉอกออกมาเลอะโต๊ะ ใช้หลังมือปาดส่วนที่เลอะปาก

   หันไปเห็นซันยังจ้องผมอยู่ สุดท้ายผมเลยบอกไปว่าเก้ามันพูดอะไรบ้าง พูดไปก็ใส่อารมณ์ไปด้วยความหงุดหงิด กระดกเบียร์ต่างน้ำแบบไม่กลัวเมา เล่าไปเล่ามาซันกลับเงียบปล่อยให้ผมจ้ออยู่คนเดียว พอหันไปมองใจผมกระตุกวูบ สีหน้าของซันเวลานี้เป็นสีหน้าที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน

   ใบหน้าเรียบเฉยจนเกือบเย็นชา ดวงตาคมกร้าว กระป๋องเบียร์ในมือถูกบีบจนแหลกคามือ

   “ซัน...”

   “เมื่อกี้มึงพูดว่าอะไร” ยิ่งฟังน้ำเสียงแบบข่มอารมณ์ผมยิ่งสะท้าน

   “กู...”

   “พูดมา เมื่อกี้มึงพูดว่าอะไร”

   กลายเป็นผมที่เริ่มมือสั่น มันกำลังโกรธ ที่สำคัญ โกรธมากด้วย!

   “เก้ามันบอกกูว่า มึง...มึงไม่ได้เป็นเกย์ สักวันมึงก็จะทิ้งกูไป”

   “แล้วมึงก็เชื่อมัน?” ซันถามด้วยรอยยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตา น้ำเสียงแฝงไปด้วยความผิดหวัง “กูยังชัดเจนไม่พอเหรอโป้ ทำไมมึงถึงได้เดือดร้อนกับแค่ลมปากของหมาตัวหนึ่ง”

   มาถึงตอนนี้ผมเพิ่งเข้าใจว่าซันเป็นอะไร ความกดดันที่ซันแผ่ออกมาทำให้ผมอึดอัด ไม่รับรู้ถึงรสเบียร์จนต้องวางลง เห็นผมไม่พูดอะไรซันเลยว่าต่อคล้ายกับการระบายความอัดอั้นมาในคราวเดียว

   “ในสายตามึง มึงเห็นว่ากูเป็นคนแบบนั้นเหรอ คิดว่ากูจะได้มึงแล้วทิ้ง?” ผมเม้มปาก เพราะผมดันคิดแบบนั้นจริงๆ ไอ้ซันเห็นสีท่าทางผมถึงกับอึ้งดวงตาเบิกกว้าง ก่อนจะหัวเราะออกมา ช่างเป็นเสียงหัวเราะที่แห้งแล้งสิ้นดี

   “งั้นกูขอบอกมึงตรงนี้เลยนะ มึงกางหูฟังให้ดีๆ ไม่ใช่ฟังแต่ลมปากชาวบ้าน“ มันประชดซะจนผมจุก จ้องผมนิ่งไม่ยอมให้ละสายตา ”กูไม่คิดจะคบๆ เลิกๆ ดังนั้นถ้าจะมีแฟนก็อยากมีแค่คนเดียว คบแค่คนเดียวแล้วอยู่ด้วยกันจนกว่าจะตายไปข้าง! ที่ผ่านมากูอาจจะเคยคุยผู้หญิง แต่ทั้งหมดคนที่กูจริงจังด้วยมากที่สุดคือมึง!”

   “กูขอโทษ...”

   “ขอโทษทำไม?” คิ้วเข้มขมวดแน่น

   “ขอโทษที่กูไม่เชื่อใจมึง”

   “กูไม่รับคำขอโทษ กูคงดีไม่พอให้มึงวางใจได้สินะ มึงถึงได้คิดระแวงกูแบบนั้น” น้ำเสียงน้อยใจแบบไม่คิดปิดบังทำให้ผมยิ่งรู้สึกผิด ที่ผ่านมาซันดีกับผมมาโดยตลอด

   “ไม่ใช่ กูมีเหตุผลมึงอย่าด่วนสรุปแบบนั้น”

   “แล้วเหตุผลมึงคืออะไร?”

   “เดี๋ยว ตอนแรกเป็นกูที่กลุ้มมาระบายกับมึง แล้วทำไมตอนนี้มึงต้องมาจี้กูด้วย”

   ผมบอกมันไม่ได้ว่าตัวเองเคยมีประเด็นเลยเอามาระแวงกับมัน รวมถึงเรื่องที่ผ่านมาผมไม่เคยคิดจริงจังกับมันเลย กระทั่งโดนจี้นี่แหละผมถึงรู้ว่าตัวเองกำลังถลำลึกไปกับมันจริงๆ ผมเลือกที่จะบ่ายเบี่ยง ตอนนี้ผมยังไม่พร้อม ขอเวลาทบทวนกับความรู้สึกของตัวเองก่อน เมื่อผมได้คำตอบจะบอกมันแน่นอน

   “เพราะกูเป็นแฟนมึง แล้วมึงคิดว่ากูสมควรรู้ต้นสายปลายเหตุที่ทำให้ตัวเองดูไม่น่าเชื่อถือในสายตามึงไหม เล่ามาให้หมด!!” ซันโมโหลุกขึ้นยืนพูดเสียงดังไปทั่วห้อง ผมที่โดนเสียงดังใส่กลับมาฉุนอีกรอบ เพราะผมเองก็ไม่ใช่คนใจเย็นอะไรแถมยังเป็นพวกดื้อหัวรั้นไม่ต่างกัน

   “มึงไม่มีสิทธิ์มาบังคับกู!”

   ซันกัดฟันกรอด โยนกระป๋องเบียร์ในมือทิ้ง

   “ตามใจมึง!”

   เห็นมันหมุนตัวเดินหนี ผมเข้าไปคว้าแขนไม่ยอมให้มันไป

   “มึงจะไปไหน”

   ซันปรายตามองดึงแขนออกจากการมือผม “กูไม่อยากทะเลาะกับมึง” ในความคิดซัน ถ้ายังยืนคุยกันต่อมีหวังทะเลาะกันบ้านแตกแน่ๆ เขาเลยตัดสินใจจะเข้าไปสงบสติอารมณ์ในห้องจะเอายังไงค่อยว่ากันอีกที

   ฝ่ายคนที่โดนทิ้งอยู่ด้านนอกได้แต่มองตามแผ่นหลังอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกหลากหลาย ผิดด้วยเหรอที่กลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอย อีกอย่างถ้าผมไม่มีความรู้สึกกับมันจริง คงไม่นั่งปวดหัวอยู่อย่างนี้ แต่ที่แน่ๆ ผมอยากให้มันรู้ว่าผมเองก็เสียใจไม่แพ้กัน...
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่19 คำถาม? [Up 27/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 28-07-2016 07:03:37
โธ่ โป้คะะะะ อธิบายให้ซันเข้าใจเถอะค่ะ นิสัยอย่างซันน่ะ ขอแค่มีเหตุผลก็พอแล้ว
รอตอนต่อไปน้าาา
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่19 คำถาม? [Up 27/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 28-07-2016 08:14:42
บางทีคนเราก้อต้องการระยะห่างสักนิดเพื่อคิดะไรคนเดียวนะ
รีบๆกลับมาคุยกันเถอะเพราะคนที่เราก้คงไม่อยากจะรอนานนัก   :L2: 
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่19 คำถาม? [Up 27/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 28-07-2016 09:37:29
พูดสิคะโป้ อมไว้ซันมันจะไปรู้ไหม มันไม่ได้สโตกล้วงอดีตแกมานะเว๊ย พูดเซ่!
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่19 คำถาม? [Up 27/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Dolamon ที่ 28-07-2016 10:37:45

โป้ทำเหมือน ไม่เชื่อใจซันเลย
ทำไมถึงพูดว่าไม่มีสิทธิ์มาบังคับ สามีนะค่ะไม่ใช่คนอื่น
            เศร้าาาาาาาา
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่19 คำถาม? [Up 27/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-07-2016 10:38:16
ใจเย็นๆแล้วหันหน้ามาคุยกันเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่19 คำถาม? [Up 27/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 28-07-2016 12:10:46
อ้าวสถานการณ์พลิก โป้อย่าคิดมากนะ
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่19 คำถาม? [Up 27/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 28-07-2016 13:47:29
โป้ ซันอย่าคิดมากเลย




ยอมให้คำพูดคนอื่น และ อดีตมาทำร้ายความรู้สึกทำไม
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่19 คำถาม? [Up 27/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 28-07-2016 13:55:21
มาต่อเร็วๆ. นะคะ.  อารมณ์สีเทาแบบนี้ไม่อยากค้างไว้นาน
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่19 คำถาม? [Up 27/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 28-07-2016 21:28:23
 :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่19 คำถาม? [Up 27/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 29-07-2016 14:21:48
 :impress3: เราเข้าใจโป้น่ะ เพราะเคยมีประวัติมาก่อนแล้วก้อ
เเหมือนรอยแผลเป็นในใจแหละ :mew2: ซันก้อจัดเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบน่ะ ไม่แปลกที่มันต้องมีนิดนึง  :hao3:
มาอัพบ่อยๆน่ะคิดถึง :mew1:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่19 คำถาม? [Up 27/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 29-07-2016 16:57:00
 :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่20 ชัดเจน [Up 29/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 29-07-2016 18:15:36
ยกที่20 ชัดเจน

   ตลอดทั้งคืนมีแค่เพียงเสียงพลิกตัวไปมากับเสียงเครื่องปรับอากาศ ซันนอนยกแขนก่ายหน้าผากเหม่อมองเพดานขณะเดียวกับที่โป้มุดเข้าไปอยู่ใต้หมอนเหมือนอยากหลีกหนีความจริง ต่างคนต่างจมอยู่ในห้วงความคิดบนเตียงของตัวเอง

   เสียงปลุกจากมือถือเรียกให้คนที่ซุกหน้ากับหมอนใช้มือปัดป่ายปิดเสียง ตัดสินใจแล้วว่าจะโดดเรียนคาบเช้าซะเพื่อเยี่ยวยาจิตใจตัวเองอยู่ในห้อง น่าแปลกที่มือแตะไม่โดนมือถือสักที ทั้งที่ปกติผมจะเอามันวางไว้บนพื้นข้างเตียงเสมอ

   “มึงหาอะไร”

   เสียงคุ้นเคยทำให้ผมตาสว่าง ผุดลุกขึ้นนั่งมองผู้บุกรุกอย่างไม่อยากเชื่อ สภาพมึนๆ อึนๆ แถมขอบตาคล้ำผสมกับรอยพกช้ำ หัวยุ่งเหยิงชวนให้น่าอนาถใจอย่างยิ่ง ซันมองภาพนั้นพลางถอนหายใจ ทิ้งตัวลงนั่งขอบเตียงยื่นมือถือคืนให้เจ้าของ

   ผมรับมาทั้งที่ดวงตายังจ้องมันแบบไม่ลดละ

   “กูมาปลุกมึงไปเรียน”

   มันพูดทั้งที่ยังไม่หันมามองและไม่มีทีท่าวาจะลุกออกไป สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกตื้อในอกคือเมื่อวานทะเลาะกันเสียงดัง ผมทำให้มันเสียใจ แต่วันนี้มันก็ยังทำหน้าที่ของตัวเองเหมือนเดิม ซันทำมื้อเช้า คอยปลุกเวลาที่ผมตื่นสาย

   ผมเอาหัวชนแผ่นหลังกว้างที่ดูห่อเหี่ยวกว่าทุกวัน ปากพึมพำพูดแผ่วเบา

   “กูขอโทษ...”

   คำเดียวกับเมื่อวาน พอพวกเราใจเย็นลงกลับให้ความรู้สึกแตกต่าง ผมขอโทษมันจากใจจริง ซันยื่นมือมาตบหัวผมที่อยู่ด้านหลังเบาๆ

   “กูจะไม่บอกว่าช่างมันเถอะ เพราะตัวกูเองก็เสียใจที่ความพยายามของกูมันสูญเปล่า”

   ฟังถึงตรงนี้ ผมกำเสื้อมันแน่น

   “ไม่...”

   พอผมจะค้านมันก็พูดเสียงเข้ม

   “เงียบ แล้วฟังกู” มันสั่งแบบนี้ผมจำต้องเงียบ ซันหันมาประจันหน้ากับผมแล้วพูดต่อ “ตอนกูขอมึงคบ เป็นกูเองที่บอกว่าไม่มั่นใจว่าชอบมึงรึเปล่า”

   ผมนึกย้อนไป คงเป็นเพราะพวกเราไม่ชัดเจนกันตั้งแต่แรก...

   “ตอนนี้กูมั่นใจแล้ว กูไม่ได้ชอบแต่กูรักมึง” น้ำเสียงหนักแน่นกับดวงตาที่จ้องนิ่งสะท้านใบหน้าผมที่อ่อนแอกว่าทุกครั้ง

   “กูชัดเจนแล้วนะโป้...ไม่ว่ามึงจะคิดยังไงหรือมึงเป็นเหี้ยอะไรก็ไม่สำคัญ เพราะกูจะทำให้มึงมองแต่กูและไม่ปล่อยมือเด็ดขาด”

   ทั้งที่คำพูดมันดูเอาแต่ใจจนน่าถีบ แต่ทำไมผมฟังแล้วรู้สึกดีก็ไม่รู้ ไม่ปล่อยมืองั้นเหรอ...นั่นสินะ ตอนนี้ผมอาจจะมอบใจให้ซันเต็มร้อยไม่ได้ พวกเรายังมีเวลาอีกเยอะ ค่อยๆ ศึกษากันไป ผมเชื่อว่าซันมันมีดีพอทำให้ผมลืมเรื่องในอดีต

   ผมจับมือซันขึ้นมาจูบแทนคำขอโทษและยอมรับสิ่งที่มันบอก มือหนาไล้ผิวแก้มก่อนจะโน้มหน้าเข้ามาแนบริมฝีปาก

   “Goodnight Kiss” เสียงทุ้มพูดชิดปาก

   “ตอนเช้านะ” ผมท้วง

   “เมื่อคืนไม่ได้จูบก่อนนอน ย้อนหลังไง ส่วนนี่...” รอบนี้มันใช้มือรองท้ายทอยเอียงหน้าจูบแบบ Deep Kiss ก่อนจะผละออกยังดูดปากทิ้งท้ายจนเกิดเสียงดังป๊อป

   “อันนี้ Morning kiss ลุกไปอาบน้ำซะก่อนกูจะแดกมึงแทนข้าวเช้า” ซันตบก้นผมแล้วลุกไปรอด้านนอก จังหวะที่ผมกำลังจะถอดเสื้อมันโผล่หัวเข้ามาอีกรอบ

   “อ่อ กูยังไม่คิดบัญชีเรื่องที่มึงไม่ยอมเล่าห่าอะไรให้ฟังเลย ไว้มึงเสร็จงานพี่เขาเมื่อไหร่กูจะซักมึงให้ซีด” ปิดท้ายประโยคด้วยรอยยิ้มเหี้ยม ผมที่เพิ่งจะวางใจไปได้หน่อยรู้สึกงานเข้าอีกรอบ เอาวะ ผมผิดกับมันหลังจากนี้มันอยากรู้อะไรจะเล่าให้หมด ผมกลัวแล้ว...


   วันนี้ซันขับรถมาอีกเช่นเคย เราแยกกันไปเรียนส่วนตอนเที่ยงนัดเจอกันที่คณะศิลปกรรม เพราะผมต้องไปก่อนเวลาเพื่อแต่งหน้าปิดรอยพกช้ำ ด้วยความที่อาจารย์ปล่อยช้า ผมเลยไม่กินข้าวรีบไปตามนัด พอไปถึงลานโล่งๆ เมื่อวานกลายเป็นลานจัดแสดงในร่มขนาดย่อม มีป้ายบอกเล่าประวัติความเป็นมาของผ้าไหมทอมือ ตัวอย่างเนื้อผ้ากับลายที่คนนิยม
   จุดที่เด่นที่สุดคงเป็นสาวมหา’ลัยในชุดผ้าไหมคอยอธิบายตอบคำถามผู้ที่สนใจกับเครื่องทอผ้าว่างเปล่าไร้คนนั่ง

   “ไงมึง รีบวิ่งมาสิหอบเป็นหมาเชียว”

   พี่ฝ้ายยกมือทักทาย ผมไหว้พลางมองหาคู่หูเจ้ใหญ่ ไม่แปลกใจเลยสักนิดที่พี่เขาอยู่ที่นี่ คงมาช่วยเพื่อนนั่นแหละ

   “พี่ปุ้นไปไหนแล้วพี่แอมล่ะ”

   “ปุ้นมันไปช่วยงานอาจารย์ แอมอยู่นู่น มึงรีบไปแต่งหน้าซะ” นิ้วเรียวทาเล็บสีแดงสดชี้ไปทางห้องชมรม ผมผงกหัวรับก้าวเร็วๆ เดินไปทางนั้น พอพวกรุ่นพี่เห็นผมก็ดันหลังผมเข้าไปในห้องชมรมทันทีโดยที่ไม่ต้องขอ ด้านในดูโล่งไปถนัดตาเมื่อของหลายอย่างถูกเอาไปจัดวางเรียบร้อย เหลือเพียงเก้าอี้ไว้นั่งกับวางของ กระเป๋าเรียนหลากหลายแบบวางกองอยู่ตรงมุมหนึ่ง ถือเป็นเรื่องปกติ

   มหา’ลัยไม่มีห้องเรียนประจำอย่างตอนเด็ก นอกจากจะต้องย้ายห้องเรียนทุกคาบแล้วบางทียังข้ามไปคนละตึกด้วยซ้ำ ดังนั้นเจ้าของอยู่ที่ไหน กระเป๋าอยู่ที่นั่น กรณีนี้ทุกคนในชมรมทำงานอยู่ด้านนอก ห้องนี้เลยกลายเป็นที่เก็บของหลังฉากชั่วคราว

   พี่ผมยืนนั่งอยู่คนเดียวราวกับรอผมอยู่ก่อนแล้ว บอกตามตรง ทะเลาะกับซันเมื่อคืน เรื่องพี่แอมนี่ปลิวออกจากหัว มีแต่ไอ้เก้าแหละที่ผมหวั่นๆ ว่ามันจะมากวนอีก

   “ดีครับพี่แอม ผมไม่ได้มาสายใช่มั้ย” ผมทักตามปกติ พี่แอมพยักหน้ารับดูไม่กระตือรือร้นเหมือนเคย

   “ไม่สายหรอก มานั่งสิ จะได้แต่งหน้า”

   ผมเดินไปนั่งบนเก้าอี้ตรงหน้าพี่แอมอย่างว่าง่าย เครื่องสำอางที่ใช้มีไม่กี่อย่าง แค่ปิดรอยไม่ได้แต่งหล่อเสริมสวยไปเดินนายแบบ ผมหลับตาปล่อยให้พี่แอมละเลงครีมหนืดๆ สีเนื้อบนหน้า

   “โป้มีแฟนรึยัง”

   จู่ๆ พี่แอมก็ถาม เรื่องมาถึงขั้นนี้ บอกไปตามตรงแล้วกันขี้เกียจคิดอะไรมากมาย แค่เรื่องซันก็หน่วงจะแย่

   “มีแล้วครับ”

   “เป็นแฟนกับซันใช่มั้ย”

   เจอประโยคนี้ผมลืมตามองพี่แอม สีหน้าพี่ไม่มีความเสียใจแม้เศษเสี้ยว เจ้าตัวดูโกรธมากกว่า

   “ใช่ครับ...” ผมตอบไปตามจริง เรื่องผมคบกับซันไม่ใช่ความลับอะไร ในใจคิดหาวิธีรับมือเวลาผู้หญิงโกรธ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับไม่เป็นอย่างที่คิด พี่แอมจิ้มหน้าผมแรงๆ หนึ่งทีเหมือนหมั่นไส้มากกว่าจะทำให้เจ็บ

   “แล้วทำไมไม่บอกแต่แรก ปล่อยให้พี่เป็นยัยโง่อยู่คนเดียว ถ้าพี่ไม่ไปถามฝ้ายกับปุ้นคงไม่รู้ว่าเราเป็นแฟนซัน” น้ำเสียงเหวี่ยงแบบเคืองๆ ผมยิ้มแห้งก่อนจะโดนจ้องด้วยสายตาดุๆ เพราะพี่เขากำลังปาดครีมอยู่ที่ค่อนข้างจะมือหนักไปนิด...

   “ผมไม่พูดเพราะไม่อยากให้พี่รู้สึกแย่ ขอโทษนะพี่แอม”

   “การที่เราไม่บอกทำให้พี่รู้สึกแย่มากกว่าอีก พี่ไม่ได้อดอยากปากแห้งขนาดที่จะมาแย่งแฟนรุ่นน้องหรอกนะ อีกอย่างพี่แค่สนใจไม่ได้บ้ารักตั้งแต่แรกเห็น แบบนั้นมันมีแค่ในนิยายเท่านั้นแหละ!”

   เห็นท่าทางพี่แอมแบบนี้ ผมพอเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมพี่แอมถึงเป็นเพื่อนกับสองสาวสุดโหดนั่นได้ ที่แท้ก็โหดไม่ต่างกันนี่เอง

   “เมื่อคืนเห็นพากันกลับไปสีหน้าไม่ค่อยดี คงไม่ได้ทะเลาะกันด้วยเรื่องของพี่ใช่ไหม” คราวนี้พี่แอมถามด้วยความเป็นห่วง ผมยิ้มออกมา แหย่สักหน่อยดีกว่า

   “มีปากเสียงกันนิดหน่อย ไม่ถึงขั้นต่อย” แค่เกือบเท่านั้น พอได้ยินผมพูด พี่แอมถึงกับทำหน้าเครียด

   “แย่จริง ซันจะมารึเปล่า เดี๋ยวพี่จะไปอธิบายให้ซันฟังเอง”

   พี่แอมนี่ใจดีจริงๆ

   “ผมล้อเล่นพี่ พวกเราเข้าใจไม่โกรธพี่หรอก แต่ทะเลาะกันเรื่องอื่นมากกว่า”

   “ปรึกษาพี่ได้นะ ยังไงก็คนกันเอง” สาวเจ้าพูดด้วยความหวังดี

   “ขอบคุณครับ พวกผมเคลียร์กันแล้ว เดี๋ยวบ่ายๆ ซันมันก็มา”

   “ถ้าเคลียร์กันได้ก็ดี โป้อย่าทำเหมือนที่ทำกับพี่ล่ะ มีอะไรก็บอก อย่าอมพะนำ การที่เราไม่พูดคนอื่นเขาไม่รู้หรอกนะว่าเราเป็นอะไร คิดอะไรอยู่”

   ได้ยินแบบนี้ผมลังเลนิดหน่อย เรื่องบางเรื่องตัวเองหาทางออกไม่ได้ ต้องพึ่งสายตาคนอื่นช่วยเหลือ เพราะคนนอกจะสามารถมองทุกอย่างในครบถ้วนมากกว่าคนที่เจอปัญหา ลองคุยสักหน่อยแล้วกัน ไม่จำเป็นต้องเล่ารายละเอียดทั้งหมดนี่นะ

   “แล้วถ้าสิ่งที่ผมจะพูดอาจทำให้อีกฝ่ายเสียใจมากกว่าเดิมล่ะครับ”

   เสร็จจากการแต่งหน้าไปช่วยรวบผมต่อ ผมมัวแต่รีบมาเลยไม่ได้มัดให้เรียบร้อยตามที่พี่แอมบอก

   “อืมม...เราไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่เราพูดจะทำร้ายอีกฝ่ายไหม การที่เราไม่บอกปล่อยให้เขาคิดเอาเอง เขาอาจจะคิดในแง่ร้ายกว่าเดิมก็ได้ใครจะรู้” พี่แอมหยุดเรียบเรียงคำพูดชั่วครู่แล้วบอกต่อ ”ถ้าเรื่องมันไม่ค่อยดีจริง เราก็มีวิธีเล่าหนิ อย่างการเลือกใช้คำให้ดูซอฟ เกริ่นๆ ค่อยเข้าประเด็น หรือเสริมด้วยอะไรที่ทำให้ไม่รู้สึกแย่จนเกินไป”

   คำพูดของพี่แอมเหมือนจุดประกายความคิดให้สว่างวาบ ในหัวคิดแผนบางอย่างออกมา พอดีกับที่คุณหัวหน้าชมรมสำรวจว่าพร้อมออกไปทำหน้าที่แล้ว

   “เรียบร้อย โป้กินข้าวมายัง ถ้ายังก็เอาข้าวกล่องไปกิน”

   “ยังครับ แต่ผมแต่งหน้าแล้วกินไปไม่ดีมั้ง” หิวนะ แต่ไม่อยากนั่งเป็นหุ่นให้แต่งใหม่ เมื่อยมาก ไม่เข้าใจว่าผู้หญิงสามารถนั่งแต่งเป็นชั่วโมงได้ยังไง

   “โป้ไม่ได้ทาลิปสติกสักหน่อย หรืออยากทาพี่จะทาให้” พูดพร้อมหยิบลิปสติกสีแดงแจ๋ออกมา ถ้าผมทาไปคงเหมือนคนเพิ่งไปจกเนื้อสด ผมรีบส่ายหน้าหยิบข้าวกล่องที่เล็งไปแต่แรกมากิน ส่วนพี่แอมออกไปดูงานข้างนอกก่อน

   ผมฟาดไปสองกล่องจนพุงกาง เอากล่องโฟมไปทิ้งใส่ถุงดำที่เตรียมไว้แล้วเดินถือแก้วน้ำแบบเจาะกินล้างปาก มองดูนาฬิกาเวลาบ่ายตามที่นัดไว้กับพี่แอมพอดีเลยออกมาประจำตำแหน่ง หยิบจับนิดหน่อยก็เริ่มทอไปเรื่อยๆ ใช้ลายพื้นฐานตามเดิม

   ช่วงแรกคนยังไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ ในมหา’ลัยการจัดแบบนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่เห็นบ่อยจนชินตา แต่พอมีผมมาสาธิตการทอให้เห็นแบบจะๆ หลายคนเริ่มหันมามองบ้าง การเห็นในสิ่งที่แตกต่างจากชีวิตประจำวันทุกคนย่อมให้สนใจ

   คนในชมรมก็ช่างทำหน้าที่ได้ดีเหลือเกิน ช่วยกันชักชวนคนเข้ามาดูยิ่งกว่าเซลขายประกัน ถ้าคนไหนรู้จักกันนี้แถมจะอุ้มเข้ามาวางประดับให้งานดูคึกคัก ผมเองก็คอยแจกจ่ายรอยยิ้มตอบคำถามทั้งเรื่องผ้าจนถึงเรื่องส่วนตัวในระดับที่บอกได้ จนสะดุดเข้ากับคำถามหนึ่งนี่แหละ

   “โป้เป็นตุ๊ดเหรอ” สาวปีหนึ่งถามแบบไม่มั่นใจ ผมถึงกับทำหน้าเงิบมองตาปริบๆ ทักว่าผมเป็นเกย์ยังไม่น่าตกใจเท่าคำนี้เลย ผมมีส่วนไหนที่บอกว่าเหมือนตุ๊ดเรอะ ไม่ได้ว่าพวกเขาไม่ดีนะ แต่ผมแมนชัดๆ ต่อให้ทอผ้าก็ไม่ได้นั่งหนีบขาเรียบร้อยซะหน่อย

   “ไมคิดงั้นล่ะ” ถามแบบขำๆ ทั้งที่ในใจอยากรู้จริงๆ

   “แบบว่าปกติคณะนี้เยอะแล้วโป้ยังนั่งทอผ้าที่สำคัญแต่งหน้ากับทำผมด้วยอะ” เธอพูดพลางหันไปมองเพื่อนหาแนวร่วม คนอื่นก็พยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย

   “ฮ่าๆ ไม่ใช่หรอก รู้แล้วอุบไว้นะ” สาวๆ นี้ชอบเรื่องซุบซิบจริงๆ แค่ผมเกริ่นแบบนี้ก็พากันมามุงตาทอประกายแบบไม่ปิดบังสักนิด เอาตรงๆ ผมเป็นเกย์ชอบผู้ชาย แต่ผมก็ยังเอ็นดูผู้หญิงนะ เวลาคุยด้วยแหย่หยอกเล่นน่ารักดี เว้นหญิงคณะผมกับซัน อันนั้นละไว้ในฐานที่เข้าใจ ดูตัวอย่างจากพี่ปุ้นกับพี่ฝ้ายได้

   “คือ ความจริงเราเรียนสถาปัตย์ ที่มานี่เพราะช่วยงานรุ่นพี่ ส่วนเรื่องแต่งหน้าเรามีเรื่องก่อนวันงานเลยต้องปิดรอย” ได้ยินแบบนี้สาวๆ ยิ่งตื่นเต้น แถมยังมีบางส่วนที่เริ่มสนใจเข้ามาร่วมวงเพิ่มด้วย

   “แล้วผม...” สาวคนเดิมมองผมที่ถูกมัดรวบอยู่ด้านหลัง

   “อันนี้มัดให้ดูเรียบร้อยเฉยๆ มันดูสาวขนาดนั้นเลยเหรอ” กลายเป็นผมที่เริ่มจะตงิดใจ

   “ไม่เชื่อลองดูสิ” สาวอีกคนเปิดกระเป๋าที่ยัดสารพัดของล้วงเอากระจกบานเล็กออกมาให้ผมส่อง

   ชัดเลย โดนพี่แอมเล่นให้แล้ว ผมไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไร แต่มันเป็นเหมือนหนังยางแบบมีตาข่ายผ้าสำหรับเก็บผมเวลานักศึกษาหญิงชอบทำตอนสอบ ไม่ก็พวกพนักงานในร้านอาหาร พอเห็นหน้าเหลอหราเหมือนเพิ่งจะรู้ตัวของผม สาวๆ พากันหัวเราะคิกคักกันใหญ่

   ถือซะว่าเป็นการไถ่โทษ ยอมให้พี่แอมแกล้งแล้วกัน แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ ต้องใช้ประโยชน์จากมันสักหน่อย

   “เราเพิ่งรู้ตัวนะเนี่ยว่าโดนแกล้ง”

   “เอาออกไหม เดี๋ยวเราเอาออกให้” สาวเจ้าเสนอตัว ดูท่าจะสนใจผมไม่หยอก ผมยิ้มรับแล้วส่ายหัวแสร้งทำหน้าตาน่าสงสารแบบจงใจให้จับได้

   “คงเอาออกไม่ได้ พี่ที่เรามาช่วยงานให้เขาเราทำตัวเรียบร้อยจนกว่าจะจบ ถ้าอยากช่วยจริงๆ เรียกเพื่อนมาเยอะๆ สิ ตรงนี้มีกิจกรรมแจกของด้วยนะ เสร็จงานไวเราจะได้เอาออกไง”

   พวกเธอหัวเราะกันใหญ่ บอกว่าจะพาเพื่อนมาแต่ขอตัวขึ้นไปเรียนก่อน ผมโบกมือบ๊ายบาย พี่แอมคงทนหมั่นไส้ไม่ไหว เดินมาหยิกเอวผม

   “น้อยๆ หน่อยนะ เล่นหูเล่นตาเจ้าชู้แพรวพราว เดี๋ยวซันมาพี่จะฟ้อง”

   “ไม่ต้องเสียเวลาพี่ ผมเห็นแล้ว” เสียงเรียบๆ ลอยมาพร้อมออร่าทะมึนขนาดพี่แอมที่สนใจซันตอนแรกยังชิ่งถอยไปหาเพื่อนเฉย ผมหันไปมองมันที่เดินมาพร้อมมิท

   “กูแค่ชวนคนเข้างานเท่านั้นเอง มึงอย่าคิดมาก”

   “กูไม่คิดมากหรอก ถ้ากูเป็นพวกคิดมากคงอยู่กับมึงไม่ได้จนถึงทุกวันนี้” ผมสะอึก คอหดเพราะยังมีคดีกันอยู่ มันยกมือจับผม “ทำทรงอะไรของมึงเนี่ย เอ้อ ปอนด์ไม่มานะ มันอยากมาแต่โดนเฮียเฟย์เอาขนมล่อกลับบ้านไปแล้ว”

   “พี่แอมเขาทำให้ด้วยความรัก”

   “เขาคงคิดว่าได้น้องสาว” พูดพลางกระตุกยิ้มมุมปาก ผมศอกใส่มันจนนิ่วหน้า มิทยื่นแขนมากั้นระหว่างผมกับซันที่หยอกกันแบบรุนแรง

   “พวกมึงอย่าเพิ่งจีบกัน โป้ กูว่ามึงขอเวลาพักจากพี่แอมก่อนเถอะ”

   “ทำไม?” อย่าว่าแต่ผมสงสัย ซันมันก็ทำหน้าหมางง มิทตอบด้วยการบุ้ยปากไปด้านหลังเห็นไอ้เก้ากำลังเดินตรงมาทางนี้

   “กูว่าพวกมึงเคลียร์กันให้จบเลยดีกว่า เท่าที่กูสืบมา ตราบใดที่มึงไปตัดขาดแบบสุดๆ มันก็ไม่เลิกตื้อมึงหรอก”

   ผมชักกลัวมิทแล้วนะ มีการไปสืบมา เห็นสายตาซันมันเป็นคนสั่งชัวร์

   “ก็ดี โป้มึงไปบอกพี่เขา กูจะไปคุยกับมัน” สิ้นคำก็ก้าวฉับๆ ไปดักหน้าเก้า มีมิทเดินชิวตามหลังรอชมเรื่องสนุก ผมถอนหายใจกำลังจะบอกพี่แอม พี่เขาชิงตัดหน้าโบกมือไล่ราวกับมองดูมาตั้งแต่แรก แม้พี่แอมจะไม่รู้รายละเอียด แต่เขาว่ากันว่าพวกผู้หญิงเซ้นส์ดี สงสัยจะจับความผิดปกติได้

   หันกลับมามองอีกที ไอ้ซันมันซัดเก้าหัวทิ่มไปแล้วครับท่านผู้ชม!
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่20 ชัดเจน [Up 29/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: harumi ที่ 29-07-2016 18:30:26
 :z13:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่20 ชัดเจน [Up 29/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 29-07-2016 19:02:36
สมน้ำหน้าเก้า. ซันจัดไป. เกลียดพวกมือที่สาม
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่20 ชัดเจน [Up 29/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 29-07-2016 19:02:54
555555 ดีๆๆ จัดการฉับไวได้ใจแฟนคลับมากซัน  ชูป้ายไฟ
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่20 ชัดเจน [Up 29/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: hamony ที่ 29-07-2016 19:33:35
อรายจะขนาดนั้น นะ ซัน
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่20 ชัดเจน [Up 29/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 29-07-2016 20:17:38
รักในความชัดเจนของซันจริงๆ เหอะๆๆๆ
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่20 ชัดเจน [Up 29/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 29-07-2016 20:38:58
555พีีแอมเนี่ยแสบจริงๆชอบ
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่20 ชัดเจน [Up 29/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 29-07-2016 21:59:47
กรี๊ดดดดด ผัวเมียยังไม่เคลียร์ มีมวยอีกแล้วจ้า
แบบนี้ใครกันนะที่จะเละ
รอตอนต่อไปน้าาาา
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่20 ชัดเจน [Up 29/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 29-07-2016 22:36:40
 :laugh: นอกจากชัดเจน ที่เพิ่มเติมคือมือไว  o22
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่20 ชัดเจน [Up 29/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 29-07-2016 22:47:31
 :katai2-1:    ถ้าจะให้ดีต้องเอาให้สำนึก. ปากมีใช่จะพูดอะไรก้อได้
ขอบคุณคนเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่20 ชัดเจน [Up 29/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: PiSCis ที่ 29-07-2016 23:22:56
จัดการมันเลยซัน :m16:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่20 ชัดเจน [Up 29/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-07-2016 00:28:52
รออีกๆ
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่21 เข้าใจตรงกันนะ [Up 30/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 30-07-2016 22:21:52
ยกที่21 เข้าใจตรงกันนะ

   คนที่อยู่แถวนั้นพากันตาโตอ้าปากค้าง ผมมองพี่แอมอย่างหวาดๆ เพราะถ้ามีเรื่องกันจริงคนที่จะได้รับผลกระทบก็คืองานชมรมของพี่แอมนี่แหละ ผมวิ่งไปหมายจะห้าม มิทมันรู้งานสะกิดเตือนซันก่อน

   “ลากมันไปหลังคณะ แถวนั้นไม่ค่อยมีคน มีเรื่องกันตรงนี้เดี๋ยวโป้มีปัญหา”

   คำว่าโป้มีปัญหาดึงความสนใจจากซันได้ชะงัก เจ้าตัวเปลี่ยนจากง้างหมัดเป็นกระชากคอเสื้อลากเก้าไปตามทางที่มิทนำ ผมก้มหัวยกมือไหว้พวกพี่แอมปลกๆ แล้วรีบวิ่งตามไป

   บริเวณด้านหลังคณะว่างเปล่าไร้ผู้คน เพราะมันอยู่ติดกับห้องน้ำส่งกลิ่นตลบอบออวนเกินกว่าจะมีคนมานั่งถ่ายเอ็มวี กระทั่งพวกหลบสูบบุหรี่ยังไม่มี ได้ต้นไม้รอบคณะบังอีก สถานที่เอื้อต่อการฆ่าคงหมกส้วมสุดๆ แต่ที่น่าหวาดหวั่นกว่าสถานที่คือไอ้มิทที่รู้จักจุดอับแบบนี้ได้ไง

   ผมมองมันด้วยสายตาสื่อความหมาย มิทหันมายิ้มยืดอกด้วยความภาคภูมิใจ

   “ปล่อยสิวะ!” เก้าตวาดปัดมือซันออกท่าทางเอาเรื่อง ไม่สนมุมปากที่เลือดซิบเลยสักนิด

   “เสนอหน้ามาอีกทำไมหรือจะต้องให้กูกระทืบมึงก่อนถึงจะเลิกยุ่งกับเมียกูได้” ปากพูดแต่ยกขาถีบแล้ว สำหรับผู้หญิงอาจจะดีใจที่ผู้ชายตีกันเพื่อตัวเอง แต่สำหรับผมที่เป็นเกย์ใจแมนมันช่างน่าอับอายเหลือเกิน กูไม่ได้บอบบางน่าปกป้องขนาดนั้นเว้ย

   ผมเดินเข้าไปผลักอกแยกหมาสองตัวออกจากกัน

   “คุยกันดีๆ อย่าเพิ่งลงไม้ลงมือ กูเกือบซวยแล้วมั้ยล่ะ”

   “ด่ามันปากหมากูยังสงสารหมาเลยไอ้สัตว์! ปากดีจริงนะมึง แน่จริงมึงพูดอีกทีสิวะ”

   “กูแค่ถามมึงอย่าร้อนตัว อ่อ...แสดงว่ามันคือเรื่องจริงมึงถึงได้เต้นขนาดนี้ อ่อนว่ะ”

   หมาบ้าสองตัวแง่งๆ ใส่กันทำท่าจะพุ่งเข้าหากันอีกรอบ ด้วยความเหลืออดผมเลยขึ้นเสียบ้าง

   “เฮ้ย!! พวกมึงหยุดก่อนดิ้ ไอ้เก้ามึงพล่ามอะไรอีก”

   ซันยอมหยุดแม้จะฮึดฮัดขัดใจเต็มที่ เก้าเม้มปากไม่ยอมพูด ผมเลยหันไปหามิทที่น่าจะรู้เรื่องราวทั้งหมดเพราะมันมาพร้อมกัน ผมเพิ่งตามมาที่หลัง

   “มันถามว่า ‘มึงโดนโป้ทิ้งแล้วรึยัง ต้องขอบคุณกูนะที่กูเตือนสติโป้’ ตามนั้น”

   เจอแบบนี้ผมก็ขึ้นวะ แถมมันยังเป็นต้นตอทำให้ผมทะเลาะกับซันด้วย ผมตวัดตาจ้องเก้า มันหลบตา

   “หน้าตัวเมีย”

   น้ำเสียงดูถูกกับสีหน้ากวนเบื้องล่างขั้นสุด เก้าทำท่าจะพุ่งใส่ซัน ผมรีบเข้าไปขวางกันไว้ไม่ให้มันตีกันจนเป็นเรื่องใหญ่

   “มึงมาทำไมเก้า” ถามพลางส่งสายตาให้มิทคว้าตัวซันไว้

   ได้ยินคำถามผม เก้าเปลี่ยนท่าทีจากเลือดร้อนเป็นสุภาพทันที ถือวิสาสะจับมือมองผมด้วยสายตาตัดพ้อ

   “มาหาโป้ไง ทำไมยังไม่เลิกกับมันอีก พวกที่เอะอะใช้กำลังแบบนี้คบไปมีแต่จะแย่นะโป้”

   “กูจะคบจะเลิกกับใครก็เรื่องของกู อีกอย่างมึงด่ามันชอบใช้กำลัง กูเองก็ไม่ต่างกัน ไหนมึงบอกว่ารู้จักตัวกูดีนักหนาไง แล้วคนที่ใช้คำพูดมาปั่นหัวคนอื่นแบบนี้มันแมนแล้วเหรอวะ” ผมพยายามใจเย็น วันนี้ตั้งใจว่าจะคุยเรื่องให้จบ ผมไม่อยากค้างคาหลายเรื่องปวดหัว

   “ขอโทษ ฉันเป็นห่วงโป้นะ”

   “ความหวังดีที่ทำร้ายคนอื่นแบบนี้ กูไม่ขอรับไว้แล้วกัน อีกอย่างกูพูดชัดเจนแล้วนะเก้า ว่ากูไม่ได้คิดอะไรกับมึงและตอนนี้กูยังคบกับซันอยู่”

   สีหน้าของเก้าตอนนี้แทบดูไม่ได้ ผมเองก็มีส่วนผิดที่ให้ความหวังแต่แรก ผมดึงมือออกจากมือเก้า ด้านหลังมีซันจ้องเขม็ง

   “มึงถามใจตัวเองดูว่าชอบกูจริงหรือแค่เสียดาย ตอนแรกกูยอมรับว่ากูเองก็ให้ความหวัง หลังจากที่มึงหายไปเพิ่งโผล่หัวมาตอนที่กูมีข่าวคบกันซันคืออะไร จะบอกว่างานยุ่งก็คงไม่ใช่มั้ง” มหา’ลัยต่อให้งานยุ่งแค่ไหนก็มีช่วงเวลาให้พักบ้าง ไม่มีใครบ้าทำงานไม่พักยาวเป็นเดือนหรอกครับ

   “เพราะฉันไม่มีเวลา โป้เองก็อยู่กับซันตลอดต่างหาก” แววตาของเก้าสับสน พยายามคิดหาข้อแก้ตัว มิทเห็นว่าคนตรงหน้าดูจะไม่ยอมจำนนง่ายๆ เลยขยับออกมาร่ายยาวจนเก้าสะอึก

   “กูสืบมาแล้ว มึงงานยุ่งก็จริงแต่ก็มีวันหยุดว่ะ ช่วงหยุดยาวมึงยังกลับบ้าน สามวันก่อนกูยังได้ข่าวว่ามึงไปเที่ยวกับพวกเพื่อน แล้วก็นะ โป้ไม่ได้อยู่กับพวกกูตลอด 24 ชั่วโมง กูยังเห็นมันหนีผัวไปแดกเหล้ากับเพื่อนอยู่เลย”

   เกือบดีแล้วถ้าไม่มีประโยคท้าย นั่นกูขอมันแล้วเหอะ คิดเหรอว่าถ้ามันไม่ยอมให้ไปผมจะไปนั่งหน้าเริ่ดอยู่ในร้านเหล้าได้

   “พอแล้วมิท มึงเงียบเถอะ” ขืนมึงพูดมากกว่านี้กูคงไม่เหลืออะไรให้คนอื่นมอง ผมหันมาคุยกับเข้าอีกรอบ มองด้วยสีหน้าจริงจัง “กูไม่มีทางชอบมึงได้ ต่อให้กูเลิกกับซันกูก็ไม่ชอบมึง พอเหอะวะ ต่างคนต่างอยู่” คำพูดผมคงไม่เข้าหูซันเท่าไหร่ เจ้าตัวถึงก้าวฉับๆ มาคว้าแขนผม

   ซันจ้องดุใส่ผมก่อนเปลี่ยนเป้าหมายเป็นเก้าที่จ้องกลับไม่แพ้กัน “หมัดแรกถือเป็นค่าตอบแทนที่มึงยุเมียกูให้ระแวง แต่ก็ต้องขอบใจมึง...ที่ทำให้เรื่องของกูกับโป้มันง่ายขึ้น เพราะไม่ว่ามึงจะทำยังไงกูกับโป้ไม่มีวันเลิกกัน มึงเลิกหวังลมๆ แล้งๆ ได้เลยไอ้เก้า!” แววตาท้าทายเย้ยหยันแล้วยังคำพูดมั่นใจเต็มร้อยทำให้เก้ากัดฟันกรอดสวนหมัดจนไอ้ซันหน้าหัน

   “งั้นกูขอเอาเลือดหัวมึงออกมาล้างตีนหน่อยแล้วกัน!” เก้าตวาดทำท่าจะชกอีกหมัด

   ซันหันหน้ากลับมาช้าๆ สีหน้ามันดูน่ากลัวขนาดที่ผมยังเผลอก้าวถอยหลัง มันคำรามในคอแล้วพวกมันทั้งคู่ก็เข้าไปซัดกันนัว ขณะที่ผมกำลังจะห้ามมีคนวิ่งเข้ามาจากทั้งสองทาง พวกแรกมากันสองคนจากหลังกำแพงคล้ายกับว่าดูเหตุการณ์มาตั้งแต่ต้น ส่วนอีกด้านคือไอ้ริว

   “ซัน! กูมาช่วยแล้ววว” เสียงริวแหกปากมาก่อนตัว

   “ไอ้หน้าส้นตีนมึงทำเพื่อนกู!!” พวกเก้าเข้ามาเสริม กลายเป็นการตะลุมบอลขนาดย่อม ผมทั้งแหกปาก ทั้งพยายามห้าม ไม่มีใครสนใจผมเลยสักนิด จนผมเจ็บคอเลยเลิกตะโกนยืนดูพวกมันต่อยกันแทน ถ้าไม่ติดว่าผมต้องกลับไปช่วยงานพี่แอมต่อ ผมจะเข้าไปร่วมวงแม่ง

   “โป้กลับไปช่วยงานพี่เขาก่อนมะ ทางนี้กูดูเอง ปล่อยพวกมันซัดกันไป จะได้ไม่มีอะไรค้างคา”

   มิทที่ยืนหล่อข้างกายถามพลางหยิบโทรศัพท์มาจิ้มเล่นไม่เข้ากับบรรยากาศโดยรอยเลยสักนิด ถึงงั้นก็ยังเห็นมันแอบช่วยริวกับซันแบบลับๆ ยื่นขาไปขัดบ้าง เตะหินใส่มั่ง

   “ทิ้งไว้แบบนี้ไม่ดีมั้ง เกิดอาจารย์มาเห็นซวยกันหมด” ผมขมวดคิ้วเป็นปม

   “ไม่เป็นไร อาจารย์ส่วนใหญ่เข้าสอนกันหมด ตรงจุดนี้พวกห้องเรียนด้านบนมองลงมาไม่เห็นต้นไม้บัง”

   “แล้วถ้ามีคนผ่านมา...” ไม่ทันขาดคำ มีผู้หญิงสองคนเดินมาคงจะเป็นทางลัดเข้าอาคาร มิทมันวิ่งทั่กๆ เข้าไปคุยอะไรกับสองสาวก็ไม่รู้ พวกนั้นพยักหน้าเข้าใจยอมปิดปากเงียบเดินผ่านเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เห็นแบบนี้ผมคงไม่ต้องห่วง

   “งั้นกูกลับไปช่วยงานพี่แอมก่อน ฝากมึงบอกพวกมันด้วยถ้าตีกันเสร็จไปเจอกันที่ห้อง ขืนเอาสภาพเละๆ เดินเข้าอาคารจะงานเข้าซะเปล่าๆ”

   มิททำมือโอเค ผมมองภาพตรงหน้า ขนาดสามต่อสองยังไม่คณามือไอ้ซัน ริวเองก็มีฝีมือไม่น้อย คนที่พอฟัดพอเหวี่ยงกันได้กลายเป็นไอ้เก้าที่ดูไม่ใช่สายต่อยตี คนเราตัดสินกันที่ภายนอกไม่ได้จริงๆ

   วางใจแล้วก็กลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง พี่แอมเหมือนอยากถามว่าเป็นไงบ้าง แต่พอเห็นผมยิ้มแห้งใส่เลยเปลี่ยนเป็นใช้งานผมแทน ขอโทษด้วยนะพี่ ผมไม่สะดวกเล่าจริงๆ

   ผมอยู่จนกระทั่งงานเลิก ยกข้าวของเก็บเข้าห้องชมรมให้เพราะเห็นว่าส่วนใหญ่สมาชิกเป็นผู้หญิงเลยอยู่ช่วย ใจก็นึกพะวงไปถึงซันเลยรีบจัดการให้เสร็จแล้วขอตัวกลับ ปฏิเสธพี่แอมที่จะพาไปเลี้ยงข้าวตอบแทน นี่ถ้ามิทมันไม่ส่งข้อความมาว่าซันแค่มีรอยพกช้ำนิดหน่อย ผมคงจะเผ่นไปหามันตั้งแต่งานยังไม่เลิก

   ขามา มากับซัน ขากลับโบกแท็กซี่ ผมเพ่งมองมิเตอร์จนถึงที่หมาย จ่ายเงินแบบไม่รอตังทอนเปิดประตูกระโจนออกจากรถแวะซื้อยาขึ้นไปเพิ่ม คาดว่ามารวมตัวกันที่นี่หมด

   ถึงห้องตัวเองเปิดประตูเข้าไปได้ยินเสียงบ่นพอดี

   “โอ๊ยเจ็บ เบาหน่อยที่รัก”

   หา? ที่รัก?? ถึงกับต้องถอยหลังดูเลขห้อง เออ ก็ห้องผมนี่หว่า

   “ใครที่รักมึงฮะไอ้เด็กเวร เบี้ยวนัดกูไปต่อย มึงกล้ามากนะ”

   “โธ่พี่...ผมไปช่วยเพื่อน อ้าวโป้มาแล้วเหรอ” ริวโบกมือทัก ผมกวาดตามองรอบห้อง

   โซฟาถูกจับจองด้วยมิทที่นอนเหยียดตัวสะอาดใสกิ้งตั้งแต่หัวจรดเท้า ฝุ่นสักนิดก็ยังไม่มี บนโต๊ะหน้าทีวีมีกล่องพยาบาลเปิดอยู่ ใกล้กันคือพี่ธันกำลังพยาบาลหรือพยาบาทริวก็ไม่ทราบ ลงแรงจิ้มสำลีบนแผลขนาดที่ผมเห็นยังเจ็บแทน

   “รบกวนด้วยนะ” พี่ธันหันมาบอกผม ผมยิ้มรับ เล่นเอาไม่กล้าพูดเลยว่าตัวผมเองเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด

   “ตามสบายพี่ ไอ้มิทซันอยู่ไหนวะ” เท้าสะกิดเรียกมิท มันแสร้งปัดๆ กางเกงราคาแพงระยับ แบรนด์เนมทั้งตัวกูละหมั่นไส้

   “อยู่ในห้องนอน มันไม่ยอมให้ใครทำแผลให้ มึงเข้าไปดูมันหน่อย”

   ผมเดินไปห้องนอนตั้งแต่มันบอกตำแหน่งแล้ว เปิดประตูเข้าไปเห็นซันนั่งหน้างออยู่บนเตียง เห็นผมมันเปียกอยู่แสดงว่ามันอาบน้ำแล้ว ผมปิดประตูล็อกเรียบร้อยค่อยเดินไปหา
 
   “ไมไม่ทำแผล”

   “รอมึงมารับผิดชอบ” มีความเหวี่ยง

   “ก็กูห้ามแล้วมึงไม่ฟัง อีกอย่างกูเห็นว่ามึงเก่ง พวกนั้นทำอะไรไม่ได้กูถึงยอมปล่อยมึงนะ ไม่งั้นกูจะเข้าไปร่วมวงด้วยแล้ว” ผมเข้าไปบีบนวด ถือโอกาสสำรวจมันด้วย นอกจากรอยช้ำตรงแก้มหมัดแรกของเก้า นอกนั้นก็แค่ช้ำนิดๆ หน่อยๆ พาให้โล่งอก

   “ทำแผลกูดิ้” ยื่นหน้ามาเสิร์ฟให้ถึงที่

   “มึงไม่โกรธกู?” ถามพลางหยิบยามาป้าย ผมรู้ว่ามันเจ็บแต่มันทนไม่ออกอาการทางสีหน้าเลยสักนิด

   “โกรธ แต่กูเข้าใจว่ามึงต้องทำงาน”

   ฟอดดด

   พูดจาน่ารักผมจับหน้ามันมาหอมแก้มดังฟอด มันยิ้มมุมปากใช้แขนคว้าเอวผมไปนั่งคร่อมบนตัก ตักผู้ชายมันแข็งๆ นั่งไม่สบาย มันดีตรงพื้นที่วางก้นเยอะแถมยังอุ่นรวมถึงอะไรๆ ที่มันสีอยู่อะนะ

   “แล้วผลเป็นไงบ้าง” ผมถามถึงเรื่องที่มันต่อยกันนั่นแหละ เหมือนเป็นการระบายอารมณ์มากกว่า เพราะผมคุยเคลียร์กับเก้าไปแล้วว่ายังไงก็ไม่มีทางหันไปชอบมันแน่ มันเองก็ไม่ได้ชอบผมแบบถวายชีวิต โดนปฏิเสธชัดเจนขนาดนี้ มีไอ้ซันเป็นหมาบ้าขี้หวงถ้ามันยังไม่ยอมรามืออีก ผมก็ไม่รู้จะพูดยังไง

   “เละ พวกมันนะเละ เชี่ยเก้าเลยบอกจะยอมรามือเรื่องมึงแล้วแบกเพื่อนมันกลับไป ก็ยังดี นอกจากปากหมาแล้วมันยังรักเพื่อน”

   โอเค โปรดเข้าใจว่านี่คือคำชมของซัน ผมส่ายหัวทายาให้มันจนเสร็จแล้วถอดเสื้อไปอาบน้ำบ้าง โดนแต่งหน้ารู้สึกเหนอะ ซันลุกมาแกะผมด้านหลังให้ เวรล่ะ มิน่าทำไมตลอดทางคนมองผมแปลกๆ ดันรีบจนลืมแกะผมออก เอาเถอะ หน้าด้านอยู่แล้ว สบ๊าย~

   “กูไปรอด้านนอก อาบเสร็จออกมา เดี๋ยวสั่งพิซซ่ามากิน”

   ผมมองนาฬิกา เวลาป่านี้คงไปซื้อของมาทำไม่ได้ จำนวนคนก็เยอะ พิซซ่าคือทางออกที่ดีที่สุด ใช้เวลาแค่สิบนาทีผมก็อาบน้ำเปลี่ยนชุดออกมาร่วมวงกับคนอื่นๆ เลยได้รู้ว่าที่พี่ธันมาอยู่นี่เป็นเพราะริวนัดกินข้าวกับพี่ธันไว้ เจ้าตัวดันได้ข้อความจากมิทว่าซันมีเรื่องหลังคณะศิลปกรรม มันเลยรีบมาช่วยอย่างที่เห็น ลำบากพี่ธันตามมาทำแผลถึงห้องพวกผม

   ผมรู้สึกดีใจกับริวจริงๆ แสดงว่าความสัมพันธ์สองคนนี้พัฒนาแล้วสินะ ผมคิดว่าเพื่อนผมต้องตามจีบยันชาติหน้าเสียอีก

   “มิท มึงดูเพื่อนคนอื่นเขามีแผลแห่งเกียรติยศ มึงหน้าใสอยู่คนเดียวไม่แฟร์ว่ะ”

   ริวออกอาการประท้วง มิทเลิกคิ้ว ตอนนี้ทุกคนย้ายมานั่งบนพื้นกันหมดแล้วครับ โซฟากับโต๊ะถูกเลื่อนหลบเตรียมพื้นที่ตรงกลางสำหรับปาร์ตี้พิซซ่า

   “กูไม่มีแผลแหละดีแล้ว ขืนมีได้งานเข้ากันหมดแน่”

   เพื่อนมากความลับพูดแบบมีเลศนัย ผมว่าไม่พ้นป๋ามันแน่นอน ตอนผมกลับคอนโดยังเห็นรถคุณอาคมจอดข้างล่าง

   รอจนพิซซ่ามาส่ง ผมให้มิทมันลงไปเอาแล้วชวนพี่อาคมขึ้นมากินด้วย ปล่อยให้นั่งรถในรถคนเดียวก็น่าสงสาร ปาร์ตี้พิซซ่าเลยมีหนุ่มใหญ่วัยทำงานเข้ามาร่วมวงอีกคน คุณอาคมดูแลมิทอย่างดี คำก็คุณหนู สองคำก็คุณหนู

   พี่ธันกินปกติ พอมีหมาริวความปกติก็หายไปเมื่อเจ้าริวอยากทำตัวหล่อยกหน้าพิซซ่าให้พี่ธัน เฮียแกเลยซัดเรียบปล่อยให้มันหูตกกินแค่แป้งท่ามกลางเสียงหัวเราะเยาะด้วยความสะใจของเพื่อนๆ ผมกับซันไม่ได้ดูแลกันอะไรมากมาย แค่หยิบพิซซ่าของตัวเองมา บีบซอสมะเขือเทศแล้วยื่นไปทางซันโรยออริกาโน่ให้ ส่วนผมบีบมะเขือเทศให้มันบ้าง ก่อนจะต่างคนต่างกัดเข้าปาก

   “มีอะไรเหรอ?” ผมถามทุกคนที่มองทางเรา คุณอาคมแค่ยิ้ม พี่ธันทำหน้าเหมือนเห็นผี ริวกัดปากมองด้วยความอิจฉา มิทหัวเราะอยู่คนเดียว

   “เป็นธรรมชาติซะจนน่าทึ่ง พวกมึงนี่รู้ใจกันดีจริงๆ”

   “แหง มันเป็นเมียกูหนิ” ซันยักคิ้วรับแล้วหันมาพูดข้างหูผม “กูยังไม่ลืมนะโป้ คนอื่นกลับเราค่อยมาคุยกัน”

   แค่ก!

   พิซซ่าเกือบติดคอ ซันส่งแก้วแป๊บซี่ให้พร้อมบริการลูบหลัง ทำไมนะผมชักไม่อยากรู้ใจกับมันแล้วสิ
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่21 เข้าใจตรงกันนะ [Up 30/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 31-07-2016 00:25:22
ผิดคาดจริงๆด้วยค่ะเรื่องเก้าต่อยตีเก่ง สงสัยอิมเมจในใจเราเก้านี่ห่วยมาก555
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่21 เข้าใจตรงกันนะ [Up 30/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Bk borz. ที่ 31-07-2016 01:04:51
รอต่อตอนไปเหมือนนะครับเหมือนจะค้าง5555555
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่21 เข้าใจตรงกันนะ [Up 30/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Dolamon ที่ 31-07-2016 01:51:20
โป้แลดูเสน่ห์แรงเนอะ
มีแต่คนอยากได้ 5555
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่21 เข้าใจตรงกันนะ [Up 30/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 31-07-2016 02:43:06
รักกันเหนียวหนึบ
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่21 เข้าใจตรงกันนะ [Up 30/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 31-07-2016 04:02:58
โป้เสน่ห์แรงไม่เบาเลย
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่21 เข้าใจตรงกันนะ [Up 30/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 31-07-2016 05:33:35
ต้องรู้ใจกันเป็นธรรมดาาาา พยายามต่อไปนะริว!!!
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่21 เข้าใจตรงกันนะ [Up 30/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 31-07-2016 06:57:58
ดีจังเลย
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่21 เข้าใจตรงกันนะ [Up 30/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 31-07-2016 12:17:04
clear กันยาวเลย งานนี้,,,
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่21 เข้าใจตรงกันนะ [Up 30/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 01-08-2016 13:26:29
โป้นายเตรียมตัวนอนติดเตียงได้ 555 ซันเท่จังเลย ชอบอ่ะ  :mew3:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่21 เข้าใจตรงกันนะ [Up 30/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 01-08-2016 14:16:26
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่21 เข้าใจตรงกันนะ [Up 30/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 04-08-2016 11:03:28
 :pig4:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่21 เข้าใจตรงกันนะ [Up 30/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aommama ที่ 04-08-2016 16:18:15
อัฟเเล้วววว
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่21 เข้าใจตรงกันนะ [Up 30/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: takeshiro ที่ 09-08-2016 09:55:11
 :impress2: :impress2:มายังรอนะ :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่22 คนจริง [Up 21/8/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 21-08-2016 22:52:49
ยกที่22 คนจริง

   นายปีโป้คนนี้ไม่ใช่คนติดเพื่อนและไม่ใช่คนที่ชอบปาร์ตี้อะไรนักหนา บางเวลาผมก็ชอบอยู่คนเดียว วาดรูปเงียบๆ ในมุมที่ถูกใจ แต่เวลานี้ผมอยากให้พวกริวอยู่ต่อโคตรๆ

   “ต่อให้มึงเก็บซากพิซซ่าถึงชาติหน้า มึงก็ไม่รอดกูไอ้โป้ จะยอมเก็บแล้วมานั่งเล่าดีๆ หรือจะเล่าใต้ตัวกู”

   คนที่ชิ่งไปอาบน้ำก่อน นุ่งผ้าขนหนูออกมาเอียงคอมองผมที่จนป่านี้ยังเก็บกวาดซากอารายธรรมไม่เสร็จ ทั้งที่เริ่มตั้งแต่ก่อนมันเข้าไปอาบน้ำ

   ผมที่ก้มเก็บขยะทิ้งมองไล่ตั้งแต่ปลายตีนมายังขนหน้าแข้ง เลยมาถึงผ้าขนหนูผืนยาวล่อมัดซะเอวต่ำเกือบเห็นวีเชฟ หน้าท้องกล้ามเป็นลอน ผิวสีแทนหยดชื้นหลังอาบน้ำ เรือนผมที่เริ่มยาวลู่ลงชวนแปลกตา ใบหน้าคมคิ้วเข้ม ปากได้รูป เวลาพูดกระเดือกขยับบ่งบอกความเป็นบุรุษเพศ ผมกลืนน้ำลายอึก ของตัวเองก็มีนะ แต่โดยรวมแล้วไม่เซ็กซี่อย่างมัน

   เอ...หรือผมจะยอมเล่าใต้ร่างมันดี?

   “หน้ามึงตอนนี้หื่นมากรู้ตัวรึเปล่า” ซันมองผมขำๆ ผมปรับสีหน้าทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แล้วเก็บกวาดจนเสร็จ ผมไม่ทันจะได้ชิ่งอ้างเอาขยะลงไปทิ้งก็ถูกมือดีคว้าแขนลากมานั่งจ้องหน้ากันบนพื้น เพราะยังไม่ได้ลากโซฟากลับที่เดิม เราต่างคนต่างนั่งเงียบ ซันไม่พูดบังคับให้ผมเล่าอีก แต่ผมรู้ว่ามันกำลังรอฟัง

   สุดท้ายผมถอนหายใจออกมา เรียบเรียงเรื่องราวในหัวแล้วค่อยๆ เล่าออกมาทีละน้อย เรื่องที่ผมถูกสังคมดูถูก ครอบครัวไม่ยอมรับ เพื่อนฝูงนินทาว่าร้าย กระทั่งคนที่คบด้วยยังทอดทิ้งเพราะทนกับเรื่องพวกนี้ไม่ไหว ซันฟังเงียบๆ ไม่พูดแทรกอะไรสักคำ ทำเพียงแค่จับมือผมเอาไว้ราวกับจะบอกว่าเขายังอยู่ข้างผม

   ก่อนหน้านี้ผมคิดว่ามันหนักหนามาก เป็นตะกอนในใจที่กำจัดทิ้งไม่ได้ พอได้ลองเปิดปากเล่าออกมาแล้วรู้สึกว่า เรื่องมันก็แค่นี้เอง...

   มันเป็นเพียงอดีตที่ผ่านไปแล้ว และไม่มีผลกับผมในตอนนี้ ทุกสายตาไม่อาจทำให้ผมสนใจได้อีกต่อไป ผมผ่อนลมหายใจออกมา

   “กูขอพูดตรงๆ นะ” ซันเกริ่นเมื่อเห็นผมเล่าจบ ผมพยักหน้ารับเป็นเชิงบอกให้เขาพูดต่อ “เรื่องที่มึงเล่าสำหรับกูแล้วมันเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยเท่าขี้มด กูบอกได้ว่าถ้าเป็นตัวกูจะจัดการแม่งให้หมด กูพอใจจะทำอะไรก็ทำ พวกนั้นไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับชีวิตกู”

   ผมขำ ก็สมกับเป็นมันดี

   “แต่กูเข้าใจ...เรื่องบางเรื่องถ้าไม่เจอเองไม่รู้หรอก ต่อให้กูอยู่จุดเดียวกับมึงตอนนั้นจริงๆ ก็อาจจะไม่ต่างจากมึงก็ได้ กูไม่โทษที่มึงไม่ไว้ใจเพราะมึงเคยเจ็บมา ให้โอกาสกูนะโป้ กูจะพิสูจน์ตัวเองให้มึงเห็น”

   มือหนารั้งท้ายทอยผมให้หน้าผากชนกัน นิ้วหยาบนวดเฟ้นเบาๆ ให้ผมผ่อนคลายความตึงเครียด

   “กูให้โอกาสมึงอยู่แล้ว ว่าแต่มึงเถอะ ถ้ากูพูดอีกเรื่องไปมึงจะยังขอโอกาสกูอีกรึเปล่า”

   “หมายความว่าไง?” มันผละออกขมวดคิ้วมอง ผมตัดสินใจแล้ว ในเมื่อจะบอกก็ต้องบอกทีเดียวให้หมด ไม่รู้ว่าหลังจากนี้ผมจะมีความกล้าพอที่จะบอกมันไหม อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด สู้ตายว่ะโป้

   “กูไม่ได้รักมึง...” ดวงตาซันเบิกกว้าง ฉายความเจ็บปวดชั่ววูบจนผมเจ็บตาม รีบคว้ามือมันที่กำลังละออกจากท้ายทอยมาจับไว้ “ฟังกูก่อนซัน กูต้องพูดถ้าเราคิดจะจริงจังกับความสัมพันธ์นี้”

   ซันหลบหน้าอย่างที่ไม่เคยทำ ก่อนจะหลับตาเก็บความเสียใจไว้แล้วเปิดตามองผมอีกครั้ง ซันเป็นพวกจะทำอะไรต้องทำให้สุด ในเมื่อโป้คิดจะพูดทุกอย่างออกมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือร้ายซันพร้อมจะรับฟังทุกอย่าง มีเพียงอย่างเดียวที่ซันไม่ยอมรับเด็ดขาด

   “ว่ามา ขอแค่มึงไม่บอกเลิกกู จะอะไรก็พูดมา” เจ้าตัวบีบมือผมกลับ จ้องนิ่งจนผมหวั่นไหวแทน

   “ที่ยุ่งกับมึงตอนแรก กูแค่สนใจมึงเฉยๆ ไม่คิดจะจริงจังด้วยซ้ำ" เห็นมันกัดฟันจ้องเขม็งผมแอบใจแป้ว เพราะมันเหมือนกับว่าผมเล่นกับความรู้สึกของมัน

   ผมพูดต่อไม่เปิดช่องให้มันสวน “ถ้าไม่มีเรื่องเก้ากูคงไม่รู้ตัว ว่าที่กูเครียด กลุ้มใจอยู่แบบนี้เพราะกูชอบมึงเข้าแล้วจริงๆ กูกลัวจะเจ็บเหมือนตอนนั้นเลยเผลอต่อต้านมึงไป กูขอโทษ ขอโทษที่ไม่ได้รักมึง ทั้งที่มึงทุ่มเททุกอย่าง จริงจังกับกูขนาดนี้”

   ซันเงียบไปนาน สุดท้ายก็ถอนหายใจหนักพูดออกมา

   “ไม่เป็นไร...ไม่ใช่ความผิดของมึง พูดกันแบบนี้ก็ดี กูจะได้รู้ไว้ อีกอย่างมึงจำแค่ว่าตอนนี้กูรักมึงก็พอ”

   “อืม ขอบใจนะ” ผมรับคำอมยิ้มนิดๆ เหมือนยกภูเขาออกจากอก ความกังวลมลายหายสิ้น ซันยกยิ้มมุมปากยื่นมือมาขยี้หัวผม ผมเลยจัดการขยี้กลับ เล่นกันไปเล่นกันมากลายเป็นกลิ้งอยู่บนพื้น ผมนอนทับมันอยู่ด้านบน เอวถูกกอดรั้งไว้แน่น

   “นับตั้งแต่วันนี้ไปมีอะไรต้องบอกกูห้ามเก็บไปคิดคนเดียวเด็ดขาด เข้าใจนะโป้”

   “จะพยายามแล้วกัน คนเรามันต้องมีความลับกันสักเรื่องสองเรื่อง” ผมแบ่งรับแบ่งสู้ ซันมันนิ่งไปสักแป๊บแล้วพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ

   วันนี้ต่างคนต่างไม่มีการบ้าน หรือถึงมีก็ไม่ใช่กำหนดส่งเร็วๆ นี้แน่ อุตส่าห์ปรับความเข้าใจกันได้ทั้งทีคอมีเวลาอยู่ด้วยกันอย่างสงบๆ บ้าง ผมนั่งดูทีวีกับซัน น้ำหน้าอย่างมันถ้าไม่ใช่ข่าวก็กีฬา พวกรายการโชว์ละครไม่สน อ้อ มีอีกอย่างที่มันดู สารคดี...

   “มึงว่าเสือตัวนี้จะได้เมียมะ” ผมมองเสือตัวผู้ที่เพิ่งเติบโตและแยกตัวออกจากแม่ เดินท่องไปในป่าเพื่อหาอาหารและหาถิ่นฐานของตัวเอง ว่าง่ายๆ ตามติดชีวิตพี่เสือ

   “กูจะรู้มั้ย” ผมกลอกตาเอือม ชักเริ่มสงสัย นี่กูมานั่งทำอะไรกันวะเนี่ย

   “มึงๆ นั่นไงมันเจอตัวเมียแล้ว”

   “เออกูเห็น ไม่ได้ตาบอด”

   “มึง ทำไมมันต้องกัดหลังคอด้วยวะ กูเห็นแมวแถวนี้เหมือนกันชอบกัดหลังคอตัวเมีย”

   “เลิกถามแล้วดูมึงจะเข้าใจมากกว่านี้ เขาก็บอกอยู่ว่ามันเป็นการแสดงอำนาจเหนือกว่า แสดงความเป็นเจ้าของด้วย”

   “หืมมม...” ลากเสียงยาวในคอแล้วเหล่มองผมคืออะไรวะครับ จะด่าว่ากูรู้ดีคงเป็นพวกเดียวกันนี่กูไม่เจ็บนะ แมว เสือ น่ารัก

   “โป้” อย่า อย่ามาเรียกกันด้วยเสียงกระเส่าแบบนี้ กูใจสั่น

   “ไรวะ” หันไปหามันหมายจะถามว่ามันเป็นบ้าอะไร คอเสื้อด้านหลังถูกดึงลงจนรัดคอด้านหน้า ผมถลึงตาใส่มันอย่างเอาเรื่อง พริบตานั้นซันเอียงหน้าเข้ามากัดหลังคอผมเต็มๆ ไอ้เวร!!

   “โอ๊ย!!” งับไม่พอ เสือกเลียอีก ผมงี้ขนลุกซู่

   “แหวะเค็ม” ทำมาเป็นแลบลิ้น เชี่ย น้ำลายทั้งนั้น ผมใช้เสื้อมันเช็ดน้ำลายทิ้ง

   “กูอาบน้ำแล้วเหอะ อีกอย่างก่อนหน้านี้มึงดูดกูทั้งตัวไม่บ่นสักคำ” เป็นผมที่บ่นมันแทน แม่งโคตรรังแก ”แล้วมึงมากัดกูทำไม” สงสัยมาก ผีบ้าที่ไหนเขาสิงมัน

   “เอ้า แสดงความเป็นเจ้าของไง เสาร์อาทิตย์หน้ามึงติดธุระอะไรรึเล่า” ชวนผมคุยสบายอารมณ์ มือไล้หลังคอผมเล่นท่าทางชอบใจ

   ผมนึกทวนตารางของตัวเอง เราต่างคนต่างรู้ว่าอีกฝ่ายมีเรียนอะไรบ้าง แต่ชีวิตมหา’ลัยมันไม่แน่นอน บางคาบอาจารย์ไม่ว่างต้องยกคลาสไปเรียนวันอื่น บางทีมีนัดต้องทำงานกลุ่ม มันเลยต้องถามก่อน

   “ว่างนะ ไม่มีธุระอะไร มึงจะไปเที่ยวเหรอ บอกพวกริวยัง”

   “เปล่า กูจะพามึงไปบ้านกู เจอผู้ใหญ่มึงจะได้มั่นใจว่ากูเอาจริงแล้วเดี๋ยวค่อยไปบ้านมึงต่อช่วงปิดเทอม ให้เวลามึงทำใจบอกพ่อแม่ก่อน”

   เจอสีหน้าจริงจังมันเข้าไปผมนั่งอึ้ง

   “เรื่องไปบ้านมึงกูไม่มีปัญหา แต่เรื่องบ้านกู ขอเวลาก่อน” ต้องเข้าใจนะว่าบ้านผมเริ่มยอมรับได้แล้วก็จริง แต่ผมไม่เคยพาแฟนตัวเป็นๆ ไปเปิดตัวเลยสักครั้ง

   “บอกแล้วไงว่าให้เวลาถึงปิดเทอม ช่างมัน ไว้ค่อยคุยกันอีกที มึงไปบ้านกูก่อนที่เหลือค่อยว่ากัน”

   จากคำพูดของซันวันนี้ เย็นวันศุกร์หลังเลิกเรียนพวกเราเลยมานั่งประจำตำแหน่งอยู่บนรถพร้อมกระเป๋าเป้คนละใบ

   “ให้กูขับก่อนมั้ย พอครึ่งทางมึงค่อยขับจะได้ไม่เหนื่อยมาก” ผมคาดเข็มขัดมองซันในชุดเสื้อกล้ามกางเกงยีน เห็นมันใส่ผมอยากใส่เสื้อกล้ามบ้างนะ มันเท่ดี แต่มันไม่ยอมนี่ดิ

   “ไม่ต้อง กูขับได้ ไว้กูเหนื่อยค่อยให้มึงมาขับแทน”

   “ตามใจมึงแล้วกัน” ถ้าผมดื้อ ไอ้ซันมันก็เอาแต่ใจล่ะวะ ผมเถียงมันไม่เคยชนะหรอก เว้นแต่จะยกเหตุผลขึ้นมาจนมันต้องยอมไปเอง

   ด้วยความที่พวกเราขับรถออกมาช่วงเวลาเลิกงาน รถเลยติดมหาศาลจนผมสัปหงกไปหลายตื่น กว่าจะพ้นเขตกรุงเทพได้ใช้เวลาหลายชั่วโมง พอหลุดมาก็ทางโล่งอย่างกับอยู่คนละโลก แสงอาทิตย์เริ่มอ่อนลงอาบย้อมท้องฟ้าเป็นสีส้ม ผมไม่ชอบช่วงเวลานี้ที่สุดเพราะมันเหมือนมีม่านจางๆ มาบังตาไว้

   ดีที่ช่วงเวลานี้อยู่ไม่นานรอบข้างก็มืดลง บนถนนเปิดไฟเป็นทางยาว แหล่งชุมชนที่อยู่อาศัย ป้ายร้านมากมาย ผู้คนที่ออกมาหาอะไรกินตอนกลางคืน เวลาที่ขึ้นสะพานหรี่ตามองแสงเหล่านี้ไม่ต่างจากอัญมณีใจกลางเมืองสวยงามไปอีกแบบ

   พอรถเคลื่อนห่างออกจากตัวเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ เข้าสู่ทางด่วนที่สองข้างทางเป็นทุ่งนาไม่ก็บ่อเลี้นงปลา ภาพทุกอย่างเหมือนพลิกหน้ากระดาษ บ้านที่สร้างห่างกัน พระจันทร์กับดวงดาวที่เห็นได้ชัดเจนเพราะไม่ถูกแสงไฟในเมืองรบกวน

   ขณะที่ใครบางคนกำลังเหม่อชมวิวทิวทัศน์ สารถีจำเป็นมองภาพนั้นจากด้านข้าง ผิวขาวเริ่มกลายเป็นสีแทนจากกิจกรรมในมหา’ลัย ใบหน้าเรียวจมูกโด่ง ริมฝีปากสีสวยที่เขาชอบ ดวงตาที่มักฉายความกระตือรือร้นอยู่เสมอ เมื่อไม่นานมานี้เขาเพิ่งเห็นความเศร้าจากมัน

   โป้ไม่ได้บอบบางจนต้องถนอม แต่ก็ไม่ได้เข้มแข็งจนหยาบกระด้างไร้เสน่ห์ มันเป็นอะไรที่ลงตัวในแบบที่ซันอธิบายไม่ถูก รู้เพียงแค่ว่าเขาจะไม่ยอมปล่อยอีกฝ่ายไปเด็ดขาด จะให้ไปหาคนที่ถูกใจมากขนาดนี้คงไม่มีแล้ว

   ผมกำลังมองด้านนอกเพลินๆ สะดุดสายตาเข้ากับเงาสะท้อนบนกระจก แสงไฟจากข้างทางทำให้เห็นสีหน้าคนขับรถที่เหลือบมองมาทางนี้เป็นระยะ ชวนให้หน้าร้อนพิกล

   “มองทางข้างหน้าสิวะ มองหน้ากูทำไม”

   “เมียกูสวย อยากมองผิดรึไง”

   “หุบปากแล้วขับรถไปเงียบๆ เถอะมึง”

   ไอ้ซันไม่เถียงผมต่อ หัวเราะในคอพลางมองทางด้านหน้า เกิดบรรยากาศแปลกๆ อบอวนไปทั่วรถ หากทั้งคู่มองหน้ากันคงรู้ว่าอีกคนกำลังยิ้มใบหน้าขึ้นสี

   พวกเราแวะตรงจุดพักกลางทางเพื่อหาอะไรกินเป็นมื้อเย็น เกิดเป็นภาพผู้ชายสองคนนั่งย่องๆ อยู่หน้าเซเว่นโซ้ยมาม่าคนละถ้วย ผมซื้อขนมปัง น้ำ ขนมก๊อบแก๊บติดรถไว้กินระหว่างทาง ซึ่งส่วนใหญ่ซันมันเป็นคนกินโดยมีผมป้อนให้ บริการเช็ดปากส่งน้ำอย่างดี

   จนแล้วจนรอดซันมันก็ไม่ยอมสลับให้ผมขับสักที ผมเพิ่งมารู้ตัวว่าใกล้ถึงก็ตอนเห็นป้ายกาญจนบุรีอีกไม่กี่ร้อยเมตร

   “ซัน ไม่ผลัดให้กูขับจริงดิ” ขยำขนมถุงสุดท้ายทิ้ง หยิบขวดน้ำมาให้มันดูดก่อน ตัวเองค่อยดูดบ้าง

   “จะถึงอยู่แล้ว มึงนั่งเฉยๆ ไป”

   เวลาผ่านไปสักพัก ผมเปิดปากขออีกรอบ “กูอยากขับ ซันมึง...” ประโยคถูกหยุดกลางคันเมื่อผมเห็นอะไรบางอย่างในป่าข้างหน้า ไฟทางอันน้อยนิดทำให้ไฟรถส่องสว่างในที่มืดได้อย่างกำจัดจนซันต้องลดความเร็วลง

   “ข้างหน้ามีป้ายรถเมล์เหรอวะ ทำไมกูเห็นเหมือนมีคนยืน”

   “ตลก แถวนี้จะมีป้ายรถเมล์ได้ไง มันเป็นทางลัดเข้ารีสอร์ทบ้านกู รอบๆ มีแต่ป่า”

   “กูเห็นจริงๆ นะเว้ย” ผมเถียง พยายามเพ่งมองเงาร่างนั้น จู่ๆ ซันมันยื่นมือมาปิดตาผมทั้งที่ยังมองทางอยู่ จับพวงมาลัยมือเดียว

   “อย่ามอง อย่าทัก อยากให้เขาขึ้นรถมากับมึงรึไง” พูดเหมือนเป็นเรื่องตลก แต่ผมไม่ขำ รู้สึกมือเท้าเย็น หน้าผมตอนนี้ต้องซีดมากแน่ ก็ไอ้เรื่องเล่าทำนองว่าห้ามทัก ห้ามมองเพราะเขาจะตามมานี่มีอยู่เรื่องเดียวเท่านั้นแหละ!

   “ซัน กู...”

   “ไม่ต้องกลัว มีกูอยู่ใครก็ทำอะไรมึงไม่ได้ ลองเข้ามาดิกูจะซัดหน้าหงาย”

   “มึงจะชกคนก็ได้ แต่มึงชกผีไม่ได้! รีบๆ ขับเลยมึงกูไม่อยากอยู่แถวนี้แล้ว” หากมันมัวโอ้เอ้ผมจะมุดหัวเข้าเสื้อมันแล้วนะ

   “เออๆ มึงก็ปอดไปได้ ผีมีจริงที่ไหน หรือต่อให้มีจริงก็อยู่คนละภพมายุ่งกันไม่ได้หรอกเว้ย”

   “จะภพนี้ภพไหนก็ช่างหัวแม่งเหอะ มึงรีบขับเลยไม่งั้นกูจะแย่งพวงมาลัยขับเอง”

   โดนเสียงเหี้ยมเกรียมของผมสั่ง ซันจำต้องเร่งเครื่องอีกนิดเพื่อไปถึงที่หมาย ไฟสว่างไสวแม้เป็นด้านหลังรีสอร์ททำให้ผมใจชื้นขึ้น ขณะที่คิดว่ารอดแล้วหันไปมองด้านหลัง เห็นเงาไหววูบโบกมือให้ ไม่ต้องรอให้รถจอดสนิทผมกระโดดไปนั่งตักไอ้ซันทันที มันกระทืบเบรกด้วยความตกใจ ตัวผมกระแทกพวงมาลัยแอบเจ็บนิดๆ แต่ช่างมันก่อน ผมต้องเอาไอ้ซันเป็นโล่กันผี!

   “เฮ้ย!! เหี้ยไรมึงเนี่ยโป้”

   “มันตามมาว่ะ ซัน มึงจะปกป้องกูใช่มั้ย ถ้าผีต้องการตัวคนมึงต้องเสียสละไปแทนกูนะ” ผมหลับตาปี๋กอดจนเกือบล็อกคอมันแทน
   
   “อือหือ รักกันจังเลยเมียกู ส่งผัวไปตายแทน” คนไม่เชื่อเรื่องผีส่ายหัวระอา ตบก้นอีกฝ่ายให้ลุกออก ผู้ชายตัวโตสองคนมาอัดตรงที่นั่งคนขับนี่ไม่ตลกนะ “ลุกไปได้แล้วมึง”

   “ไม่ เดี๋ยวผีจับกู”

   ซันอ้าปากจะด่าเมียสักยก ประตูรถดันเปิดออกด้วยฝีมือชายร่างเพรียวที่มายืนรอน้องชาย ภาพผู้ชายกอดกันกลมตรงหน้าทำเอาชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะหัวเราะออกมา

   “ฮ่าๆ! โอ๊ยย จินดูสิ วัยรุ่นสมัยนี้ใจร้อนกันจัง จอดรถไม่ทันไรก็เริ่มซะแล้ว” หนุ่มหน้าสวยหันไปคุยกับคนรักที่มองตาปริบๆ

   “คนอย่างคุณกล้าพูดนะ”

   คนสวยตวัดสายตามองด้วยรอยยิ้มหวาน จินสะดุ้งเผลอถอยหลังไปหนึ่งก้าว

   “เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะที่รัก”

   “ไม่มี ไม่มีอะไรทั้งนั้น ฉันแค่ว่าซันมัน”

   “อ้าว โยนใส่กันดื้อๆ เลยนะพี่จิน เฮ้ยโป้ลุกได้แล้ว มีพี่มูนอยู่ผีไหนก็ไม่กล้าเข้ามาทั้งนั้น ไม่ต้องห่วง” จินเผลอพยักหน้ารับเห็นด้วยเลยถูกคนสวยหยิกเอว

   ได้ยินคนคุยกันเสียงดังขนาดนี้ ความกลัวเริ่มหายไป ผมยกมือไหว้สองคนตรงหน้ารีบกระโดดออกจากตักซัน วกไปหยิบกระเป๋าด้านหลังแก้อาย

หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่22 คนจริง [Up 21/8/59]
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 22-08-2016 00:16:11
พี่ซันคนแมน รักโป้เยอะๆให้โป้ถอนตัวไม่ขึ้นเลยนะคะ สู้!
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่22 คนจริง [Up 21/8/59]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-08-2016 00:43:26
รออีกๆ
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่22 คนจริง [Up 21/8/59]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 22-08-2016 03:19:12
โถ่โป้ลูก55
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่22 คนจริง [Up 21/8/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 22-08-2016 07:07:32
ผัวดีเด่นขอมอบให้ซัน55555
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่22 คนจริง [Up 21/8/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 22-08-2016 07:30:06
โป้เอ๊ยยยยย เจ้ก็บอกให้คุยแต่แรก ซันอะไม่ว่าอะไรหรอกกกก รักขนาดนี้ต้องเข้าใจอยู่แล้วว
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่22 คนจริง [Up 21/8/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 22-08-2016 11:12:55
สั้นจัง. อยากอ่านต่ออีก
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่22 คนจริง [Up 21/8/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Dolamon ที่ 22-08-2016 11:41:25
น้องโป้ ดูท่าจะรักสามีมากนะค่ะ มีส่งสามีไปตายแทนด้วย 5555555
 :m20: :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่22 คนจริง [Up 21/8/59]
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 22-08-2016 12:57:28
โอ๊ยยยยย จบได้ฮาไปอี๊กกกกก
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่22 คนจริง [Up 21/8/59]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 22-08-2016 13:03:35
อื้อหือออ พี่ซันคนแมน คือไม่รู้จะชมอะไรจริงๆ #ถือป้ายไปทีมซัน ฮาาา
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่22 คนจริง [Up 21/8/59]
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 22-08-2016 15:08:09
เราก็เป็นคนกลัวผีเหมือนกัน เคยโดดกอดพ่อตอนมืดๆแบบนี้แหละ เข้าใจโป้เลย 55555
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่22 คนจริง [Up 21/8/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 22-08-2016 15:25:14
ซันน่ารักมากเลย โป้จ๋า หาเสื้อเชิตคอตั้งๆมาใส่ด่วนๆ น่าจะได้ลายเพิ่มที่หลังคอนะจ๊ะ

ขอบคุณค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่22 คนจริง [Up 21/8/59]
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 23-08-2016 12:43:44
 :m20: :m20: :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่22 คนจริง [Up 21/8/59]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 24-08-2016 13:14:33
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่22 คนจริง [Up 21/8/59]
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 26-08-2016 23:45:24
มีผัวดีจริงๆนะครับ,,,
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่22 คนจริง [Up 21/8/59]
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 30-08-2016 23:02:54
นี่ผมอ่าน22ตอนในวันเดียวเนี้ย55
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่23 ตัวตนของซัน [Up 6/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 06-09-2016 00:41:14
ยกที่23 ตัวตนของซัน

   ผมเดินตามหลังสองพี่น้องต้อยๆ พี่น้องที่อายุต่างกันมากแต่ยังสนิทกันขนาดนี้ถือว่าเป็นภาพที่หาได้ยาก เพราะส่วนใหญ่จะไม่ค่อยสนิทกันด้วยช่วงวัยที่แตกต่างกันเกินไป เยื้องๆ ไปมีแฟนพี่มูนชื่อจินเดินตามอยู่ แล้วจู่ๆ เขาก็ชะลอฝีเท้ามาเดินคู่กับผม

   “ชื่อปีโป้ใช่ไหม” เสียงที่ได้ยินดูทุ้มสุขุมสมเป็นผู้ใหญ่มาก ผมชื่นชมเงียบๆ

   “ครับ เรียกโป้ก็ได้สั้นดี”

   “อืม”

   แล้วก็เงียบไป เอ่อ...คือคุณพี่ต้องการอะไรจากผมครับ ผมนี่บ้าๆ บอๆ ได้หมดนะ แต่พอเจอคนแบบนิ่งๆ แบบนี้ผมแพ้

   “ไม่ต้องน้อยใจ” จู่ๆ ก็พูดขึ้นมา ผมมองด้วยความสงสัย เขาเลยชี้ไปทางพี่น้องที่เดินนำหน้าลิ่วๆ ไม่สนใจสองคนที่เดิมตามหลัง ผมถึงเข้าใจในสิ่งที่พี่จินจะสื่อ

   ซันมากับผม แต่พอเจอพี่ชายก็สะบัดก้นทิ้งผมให้หอบกระเป๋าตามหลังเป็นหมาตามเจ้าของ ส่วนตัวเองแบกเป้คุยเฮฮากับพี่ชาย มันก็น่าน้อยใจจริงๆ นั่นแหละ ผมเข้าใจนะว่าพี่น้องรักกันไม่ได้เจอกันนานมีเรื่องพูดคุยมากมายให้หายคิดถึง แต่ผมเป็นคนที่ถูกมันลากตัวมานะ เล่นทิ้งไม่เห็นหัว วัยรุ่นเซ็ง

   พี่จินดูนิ่งมาก คงจะเจอบ่อยจนโชกโชน อยากคาราวะขอความคิดเห็นชะมัด

   “มีอะไร”

   แต่พี่ท่านช่างประหยัดคำพูดเหลือเกิน...เอาวะ ถามก็ถาม เพื่อชีวิตที่สดใส เพราะคงต้องอยู่ที่รีสอร์ทอีกสองวันกว่าจะกลับกรุงเทพ เผื่ออนาคตภายภาคหน้าด้วยเลย

   “เจอแบบนี้ พี่จินทำยังไงครับ” เอาเป็นว่าถามแบบรู้กันสองคน เจ้าตัวผ่อนลมหายใจ

   “ทำใจ เพราะเราทำอะไรไม่ได้ บางครั้งการเป็นคนมีเหตุผลก็ทำให้ชีวิตลำบาก” ผมพยักหน้าคิดตาม จริงอย่างที่พี่จินบอก เขาเป็นพี่น้องกัน พวกเราแค่เป็นแฟนจะให้เอาแต่ใจแยกพี่แยกน้องหรือโวยวายน้อยอกน้อยใจก็ใช่เรื่อง ยิ่งเราๆ ไม่ได้เป็นผู้หญิงตัวเล็กน่ารักน่าเอ็ดดูด้วย

   ถ้ามีมือที่สามมายุ่งกับซัน ผมจะไม่กลุ้มเท่านี้เลย อย่างพวกนั้นสามารถใช้ได้สารพัดวิธีเพื่อกำจัดไปไกลๆ แต่นี่คนในครอบครัวเชียวนะ เราไม่มีสิทธิ์

   เฮ้อ เพิ่งเคลียร์กันก่อนมา สภาวะจิตใจยังไม่เข้าที่ดี หัวใจผมเลยอ่อนไหว ช่างน่าเห็นใจตัวเอง

   “อย่าเพิ่งท้อไป มันก็พอมีวิธีอยู่” ประโยคนี้ของพี่จินไม่ต่างจากแสงสว่างที่ส่องมาบนทางอันมืดมิด(เว่อวัง) พี่จินกระตุกยิ้มมุมปาก ดูเจ้าเล่ห์ชั่วร้ายจนผมแอบผงะ แล้วแขนข้างหนึ่งก็มาโอบไหล่ผมอย่างงงๆ ผมไม่คิดอะไรมากนะ พี่จินก็ผู้ชาย ผมก็ผู้ชาย แม้เราจะเป็นเกย์ทั้งคู่ แต่ไม่ใช่ว่าจะละลายให้กับตัวผู้ทุกคน เหมือนอย่างผู้หญิงแหละ ใช่จะระทวยกับผู้ชายทั้งโลก

   นอกจากแฟนแล้วยังมีฐานะอื่นๆ อยู่ อย่างครอบครัว เพื่อน คนรู้จัก ในกรณีของผมกับพี่จิน เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนร่วมชะตากรรมหัวเน่า

   “เรายังมีวิธีเรียกร้องความสนใจแบบเนียนๆ อยู่ ปกติอยู่คนเดียวใช้วิธีนี้ไม่ค่อยได้ จะให้ไปทำกับคนอื่นก็ตะขิดตะขวงใจเกินไป โป้มาก็ดี อะไรมันจะได้ง่ายขึ้น”

   ประโยคยาวครั้งแรกที่ได้ยินจากปากพี่จิน ผมชักไม่มั่นใจแล้วสิว่าพี่จินตั้งใจช่วยผมหรือคิดจะเอาคืนกันแน่

   “มันจะได้ผลเหรอพี่ พวกนั้นเขาแฟนเราทั้งคู่ ไม่คิดว่าเรามีซัมติงกันหรอก” ถึงจะน่าสนุก แต่ผมมองความเป็นจริงนะ อีกอย่างตอนนี้เราจวนจะเข้าบ้านอยู่แล้ว จะเอาเวลาไหนไปเรียกร้องความสนใจกัน

   พี่จินยังคงยิ้มชั่วร้ายชวนผมคุยต่อไป ในระดับเสียงที่ได้ยินกันเพียงแค่สองคน

   “ถือว่าเป็นการบอกรับขวัญแฟนน้อง มูนกับซันมีนิสัยเหมือนกันอยู่อย่าง” พี่จินทิ้งช่วงให้ผมยิ่งอยากรู้จนเผลอขยับเข้าไปใกล้เพื่อจะได้ฟังชัดๆ พี่จะหรี่เสียงไปไหน “สองคนนั้นเป็นพวกหวงของตัวเองมาก” ผมทำหน้าไม่อยากเชื่อ ที่ผ่านมาเคยเห็นซันหึงก็จริง แต่มันก็มีเหตุผล ไม่อาละวาดโวยวาย ส่วนเรื่องหวงนี่ไม่มั่นใจจริงๆ เห็นของทุกอย่างก็ยอมแบ่งผมหมด ตั้งแต่ยาสีฟันยันกางเกงใน(ถ้าผมใส่ได้นะ)

   “จิน!!”

   เสียงตะโกนของพี่มูนทำเอาผมสะดุ้ง ก่อนจะถูกแรงดึงจากคนน้องลากออกห่างพี่จิน พี่มูนก้าวฉับๆ เข้ามาหาแฟนตัวเอง ทำท่าจะลากไปอีกทาง

   “คิดจะทำอะไรจิน”

   “ก็ไม่หนิ เห็นโป้โดนทิ้งให้เดินตามหลังคนเดียวเลยชวนคุย อยู่แปลกที่แบบนี้คงประหม่าแย่” ชายหนุ่มพูดเสียงเรียบเรื่อยราวกับมันไม่ได้มีสาระสำคัญอะไร แต่ผมรู้สึกว่ามือซันที่จับข้อมือผมอยู่แอบกระตุก โดนพี่จินกระทบไปหนึ่งดอก สมน้ำหน้า

   “กลับบ้านกัน”

   “กลับทำไม เดี๋ยวเราต้องไปกินข้าวกับพ่อแม่นะ” พี่จินดูชิวมาก โปรดสังเกตแววตาพี่มูนด้วย น่ากลัวอ่ะ

   “ไว้ค่อยกินพรุ่งนี้ วันนี้จินกลับบ้านเดี๋ยวมูนทำของโปรดให้จินดีมั้ย” เริ่มเอาของกินมาล่อ คุ้นๆ เหมือนเคยเห็นจากคนเลี้ยงแมวสักคน

   “ไม่ดีกว่า แม่ทำอาหารรอไว้ตั้งเยอะ ไปเถอะ เข้าบ้านกัน ปะโป้ เดี๋ยวนั่งใกล้พี่ก็ได้ ปล่อยให้พี่น้องเขานั่งด้วยกัน”

   ขอบคุณที่ยังไม่ลืมผม หันมากวักมือ ผมทำท่าจะเดินเข้าหาเพราะคิดอย่างนั้นจริงๆ ให้พี่น้องเขาคุยกันไป ผมคุยกับพี่จินก็ได้ เริ่มไม่เกร็งแล้ว เพราะเป็นพวกเดียวกัน

   “พี่จินนั่งกับพี่มูนเถอะ ให้โป้นั่งกับผม”

   ซันตัดสินแล้วลากผมก้าวยาวๆ เข้าบ้าน จังหวะที่ผมผ่านพี่ชิน เจ้าตัวขยิบตาให้ โหพี่! ผมอยากจะกราบชาบูพี่เช้าเย็น แผนพี่โคตรเด็ด แทบไม่ต้องลงแรงอะไรเลยแต่เห็นผลทันตา ซึ่งผมมารู้ตอนหลังว่าแผนนี้มาข้อเสียงหนึ่งอย่าง เพราะมันจะไปปลุกต่อมหวงของสองพี่น้อง ทำให้หลังจากนั้นพี่จินงานเข้า ขอไว้อาลัยให้พี่สามนาที...ทุกคนสงบนิ่งด้วยครับ

   กลับสู่เหตุการณ์ปัจจุบัน บ้านซันเป็นบ้านสองชั้น เปิดประตูเข้าไปพบกับห้องนั่งเล่นเป็นอย่างแรก โซฟาชุดที่วางตรงกลาง เบื้องหน้าเป็นทีวีจอใหญ่ มองเข้าไปด้านในจะพบกับห้องกินข้าวติดกับประตูห้องครัว ส่วนห้องน้ำต้องเดินไปทางซ้าย บันไดขึ้นชั้นสองคือทางขวา ติดบันไดมีห้องแยกสำหรับเล่นเครื่องออกกำลังกายแบบง่ายๆ

   สาเหตุที่ผมรายข้อมูลซะละเอียดยิบ เนื่องจากผมกำลังนั่งตัวเกร็งอยู่ต่อหน้าพ่อแม่ซันน่ะสิ! เปิดประตูยกมือไหว้ไม่ทันเสร็จ ซันก็ดึงผมมายืนข้างตัวพร้อมประกาศว่า

   “คนนี้ปีโป้ เมียผมเอง”

   พ่อเงียบ แม่ยิ้มค้าง พี่มูนมองตาปริบๆ พี่จินมองออกไปนอกหน้าต่างราวกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าไม่เกี่ยวกับตัวเอง

   ในที่สุด ความเงียบก็ถูกทำลายลงด้วยเสียงถอนหายใจของแม่ซัน และฝ่ายคุณพ่อที่บีบนวดไหล่ภรรยา

   “เฮ้อ เจ้าซัน เห็นหน้าไม่ทันครบนาทีก็พูดแบบนี้ซะแล้ว ไม่กลัวพ่อกับแม่หัวใจวายตายรึไง” คุณแม่บ่นอย่างไม่จริงจังนัก ซันยิ้มเผล่กระดิกหางเข้าไปกอดแม่หอมแก้มฟอดซ้ายขวา คือจะแสดงความรักกับแม่ก็ทำไป ทำไมต้องลากผมติดมือไปด้วย หล่อไม่เข้าใจ

   “ผมรู้ พ่อกับแม่เก่งจะตายไม่ตกใจกับเรื่องแค่นี้หรอก อีกอย่างผมเล่าเรื่องโป้ให้ฟังมาตลอด บอกก่อนด้วยว่าจะพามาเปิดตัวหนิ”

   “เจ้าเด็กคนนี้ ถึงอย่างนั้นก็ควรจะเกริ่นอะไรขึ้นมาบ้าง ไม่ใช่โผงผาง” คุณแม่ใช้มือตีแขนซันด้วยความหมั่นไส้ แล้วเบนเข็มมาทางผม

   “สวัสดีอีกครั้งครับคุณพ่อ คุณแม่ ผมปีโป้ เป็น...” เหล่มองซันที่แสร้งทำเฉย แต่เหงื่อออกมือ ลุ้นล่ะสิมึง หึ “เป็นแฟนซันก็ได้ครับ” ผมยิ้มหวานให้ผู้ใหญ่ ไอ้ซันมองผมตาขวาง

   “หมายความว่าไงวะ พูดแบบนั้นเหมือนมึงโดนกูบังคับเลยนี่หว่า”

   “ซันห้ามพูดคำหยาบ!” เสียงพี่มูนดุขึ้นมา เจ้าซันแอบหงอ น้องชายกลัวพี่นี่เอง ความรู้ใหม่

   “เด็กพวกนี้ขี้เล่นกันซะจริง” คุณแม่หัวเราะ ดูไม่ตกใจกับคำหยาบที่ซันเผลอหลุดออกมา

   “อย่ามัวแต่คุยกันเลย เดินทางมาเหนื่อยๆ พักกินข้าวกินปลาแล้วขึ้นไปอาบน้ำนอนกันซะ ซันพาปีโป้เอาของไปเก็บที่ห้องนะลูก มูนจิน มาช่วยแม่เขาจัดโต๊ะ”

   ผู้นำของบ้านออกปากให้ทุกคนแยกย้าย ซันขานรับสะกิดผมให้ตามมันขึ้นไปชั้นบน ส่วนพี่มูนกับพี่จิน เดินตามหลังแม่เข้าห้องครัวไป

   ขึ้นมาชั้นบนเป็นทางเดินยาว สุดทางคือห้องน้ำ ดูเหมือนว่าจะต้องผลัดกันอาบ ซ้ายขวาเป็นประตู ฝั่งซ้ายประตูเดียวคงเป็นห้องใหญ่ของพ่อกับแม่ ฝั่งขวามีสองบานไม่ต้องเดาก็น่าจะรู้นะว่าของใครบ้าง แถมติดชื่อซะชัดเจนขนาดนี้ ซันเดินนำลิ่วเข้าห้องที่ใกล้บันไดที่สุด

   ปกติมาห้องนอนแฟนครั้งแรก คนส่วนใหญ่จะตื่นเต้นใช่ไหม ยกเว้นผมไว้คน ในเมื่อห้องมันโคตรธรรมดา เหมือนที่หออย่างกับแกะ สู้ห้องผมก็ไม่ได้ ออกจะมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองเรียบร้อยแบบรกๆ

   “ห้องน้ำต้องผลัดกันอาบนะมึง”

   มันพูดแค่นี้แล้วชวยผมเก็บของ ก็อย่างที่บอกไป อย่างอื่นมันเห็นๆ กันอยู่ บ้านมันก็ไม่ได้หรูหราอะไรขนาดที่ต้องมีขั้นตอนเยอะแยะเหมือนห้องเฮียเฟย์ ขอแค่ผมไม่โง่ก็รู้แล้วว่าต้องทำยังไงบ้าง ที่สำคัญ ผมกับมันนอนด้วยกันเป็นเรื่องปกติ รู้ใจกันดี มันจะยึดตำแหน่งที่นอนใกล้ประตู ส่วนผมโดนเบียดไปนอนด้านใน เหตุผลน่ะเหรอ? ถ้าเกิดอะไรขึ้นมันจะได้จัดการก่อนไม่ต้องถึงมือผมไง ฮ่าๆ

   เอาจริงๆ เก็บของเหมือนไม่ได้เก็บ แค่รื้อไอ้ของที่จำเป็นออกมานอกนั้นยัดใส่เป้ไว้เหมือนเดิม แล้วลงมากินข้าวกันพร้อมหน้า บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเป็นแบบสบายๆ พ่อแม่ซันใจดี พี่มูนกับพี่จินด้วย แม้ส่วนใหญ่บทสนทนาจะถามเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ของซัน เผื่อแผ่มาทางผมให้เผาแฟนตัวเองต่อหน้าครอบครัว โดนซันจ้องเขม็งซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็อย่าได้แคร์ เราต้องรีบทำคะแนนกับญาติผู้ใหญ่

   ภายหลังผมกลับมาคิดเรื่องนี้อดรู้สึกขำไม่ได้ ทีแรกเป็นผมเองที่ไม่มั่นใจในตัวมัน จนซันต้องพามาเจอครอบครัวแสดงความจริงใจและบอกว่ามันจริงจังกับผมแค่ไหน ไหงกลายเป็นว่าผมเผลอปล่อยตัวปล่อยใจคิดไปแล้วว่าตัวเองเป็นสะใภ้บ้านนี้เต็มตัว

   คนที่น่ากระทืบที่สุดคงเป็นผมเองนี่แหละ ทำอะไรไม่เคยคิดเลยว่าสักวันถ้าเกิดซันไม่มีผมขึ้นมามันจะรู้สึกยังไง แต่ผมเป็นคนเห็นแก่ตัว ต้องการความรักจากมัน หากผมทบทวนดูดีๆ ไม่แน่ว่าคงเป็นผมเองที่ขาดซันไม่ได้แทน ก็มันเล่นแสนดีขนาดนี้

   กินข้าวเสร็จผมอาสาเก็บล้างทำความสะอาดให้ ทีแรกแม่ก็ไม่ยอม เพราะเห็นว่าผมเพิ่งมา อีกอย่างต่อให้เป็นแฟนลูกชายยังไงก็เหมือนแขกกลายๆ ผมอาศัยฝีปากตัวเองพูดจนแม่ซันยอมใจอ่อนให้ผมทำ แล้วยังอาสามาช่วยทำข้าวเช้าอีกต่างหาก เรื่องฝีมือการทำอาหารเชื่อมือผมได้เลย

   ไอ้ซันมันก็อวดผมไว้เยอะ พ่อกับพวกพี่ๆ เลยอยากลองชิมฝีมือผมบ้าง ดังนั้นเช้าวันต่อมา ผมลุกก่อนซันเพื่อไปจ่ายตลาดกับแม่ แอบใช้เท้ายันก้นมันทีหนึ่งด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจูบปากแทนมอนิ่งคิสที่ทำอยู่ทุกวัน แบบนี้แหละคือของจริง ไม่ใช่ตบหัวแล้วลูบหลัง เป็นถีบก้นแล้วจูบปากต่างหาก

   พอจะผละออก ไอ้หมาขี้เซาดันยึดคอผมไว้แล้วดูดจนปากเจ่อ กว่าจะยอมปล่อยให้ผมไปตามทาง เวรเอ๊ย ลงมาเจอแม่ผมเลยถูกยิ้มแซวเลย

   “ไงจ๊ะลูกสะใภ้ หลับสบายรึเปล่าเอ๋ย”

   ผู้ใหญ่แซวมาผมต้องหยอกกลับ

   “หลับสบายครับ สงสัยเป็นบ้านแม่ผมเลยหลับฝันดีขนาดนี้”

   “ปากหวานจริงเรา ไม่ใช่เพราะมีลูกชายแม่อยู่ด้วยหรอกเหรอ” โดนที่แขนให้แสบๆ คันๆ เล่น ผมเอาแต่ยิ้มรอฟังแม่พูดต่อ “เจ้าซันยังไม่ตื่นล่ะสิ”

   “ครับ สงสัยจะเพลียจากการขับรถเมื่อวาน ก็เล่นขับคนเดียวไม่ยอมเปลี่ยนให้ผมขับเลย” ผมส่ายหัวระอา แม่กวักมือชวนผมขึ้นรถ ด้านหน้ามีคนงานมาช่วยขับให้

   “นิสัยเดิมไม่เปลี่ยน...แม่ฝากซันด้วยนะลูก เจ้าเด็กคนนี้มันหัวแข็ง ชอบยึดความคิดตัวเองเป็นหลัก แต่ก็เป็นคนที่มีเหตุผลพึ่งพาได้มาก อยู่ด้วยกันต้องใจเย็นๆ”

   ผมนึกชื่นชมในใจ คุณแม่สมเป็นแม่ซันจริงๆ บอกนิสัยซันได้ตรงเป๊ะ

   “รับทราบครับ บางทีผมอาจจะเอาแต่ใจมากกว่าซันก็ได้นะ”

   “นั่นสินะ แม่เองก็มีลูกชายเลือดร้อนตั้งสอง พอเข้าใจอยู่ เอาเป็นว่าขอแค่ไม่ตีกันจนหัวร้างข้างแตกก็พอ”

   ผมรับคำว่าง่าย ก่อนจะเกิดความเงียบปกคลุมพวกเราทั้งคู่ ที่ผมไม่ชวนคุยต่อเพราะดูเหมือนแม่อยากจะพูดอะไรบางอย่าง ผมจึงเงียบรอฟังเป็นเด็กดี

   สิ่งที่แม่พูดออกมาเล่นเอาผมหน้าชา...และรู้สึกผิด

   “โป้...แม่ไม่รู้ว่าเรากับซันไปถึงขั้นไหน แต่ลูกชายแม่เป็นคนจริงจังมากนะ ตั้งแต่เล็กจนโต เพิ่งมีโป้นี่แหละที่ซันยอมพามาบ้าน ไม่ว่าโป้จะคิดยังไงกับซัน แม่ขอให้ลูกคิดดีๆ อย่าฝืนทำอะไรที่ไม่ใช่ตัวเอง เพราะสุดท้ายแล้วจะเจ็บกันทุกฝ่าย โป้เข้าใจแม่ไหมลูก...”

   ประโยคยาวถูกเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงปรานี ผมเข้าใจแล้วว่าซันได้ความใจดีนั่นมาจากใคร แม่ทุกคนเป็นห่วงลูกตัวเองเป็นเรื่องธรรมดา แต่แม่ของซันยังเผื่อแผ่ความรู้สึกนั้นมาให้ผมที่เพิ่งพบหน้าด้วย คงจะเป็นความเอ็นดูในแบบผู้ใหญ่ที่ผ่านโลกมามาก

   ผมก้มหน้ารับคำกล่าวนั้นโดยไร้ข้อโต้แย้ง ถึงงั้นผมก็อยากรู้สาเหตุ ทำไมแม่ที่เพิ่งเจอผมไม่ถึงวันนี้ ถึงเดาเรื่องได้ขนาดนี้

   “ครับ ผมเข้าใจ...ผมขอถามอะไรแม่อย่างหนึ่งได้มั้ยครับ ทำไมแม่ถึง เอ่อ...” อยากถามนะ แต่กลัวว่าจะเป็นคำถามที่ดูมารยาทแย่ไปสักหน่อย ผู้อาวุโสกว่าหัวเราะไม่ถือสา

   “ท่าทางแบบนี้แสดงว่าแม่เดาถูก ลูกโป้อย่าลืมสิ ซันน่ะลูกใคร ถึงแม้คนที่เลี้ยงจนโตมาจะเป็นมูน แต่แม่ก็คอยเฝ้ามองซันเติบโตมาเกือบยี่สิบปี จะไม่รู้ใจลูกชายได้ยังไง ซันใจร้อนรีบพาโป้มาเจอพ่อแม่ทั้งที่ยังไม่ปิดเทอมแบบนี้ แล้วยังท่าทางของลูกทั้งสองอีก การทำตัวร่าเริงมากเกินไป มีแต่จะเป็นที่สังเกตได้ง่ายขึ้นนะ”

   มาถึงขั้นนี้ ผมยกมือไหว้แม่เลยครับ ท่านเป็นผู้ใหญ่ที่น่านับถือจริงๆ เข้าใจทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่ง แม้ส่วนหนึ่งจะเป็นเพราะผมกับซันอ่อนหัดจนเผยไต๋ก็ตาม

   “ผมอาจจะบอกไม่ได้ว่า จะไม่ทำให้ซันเสียใจ แต่ผมขอสัญญาว่าจะทำทุกวันนี้ให้ดีที่สุด คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ” คงถึงเวลาที่ผมจะจัดการทำให้ความรู้สึกตัวเองมันชัดเจนสักที

   “แล้วแม่จะคอยดู ตอนนี้ไปช่วยแม่จ่ายตลอดก่อน โป้เลือกของสดเป็นใช่ไหม เอ๊ะ มื้อเช้าโป้จะโชว์ฝีมือสินะ งั้นแม่จะเป็นลูกมือให้” คุณแม่เปลี่ยนเรื่องอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ทำให้ผมรู้สึกตะขิดตะขวงใจเลยสักนิด ผมถึงปล่อยตัวตามสบายและเป็นตัวของตัวเอง ไม่ใช่การสร้างภาพเพื่อให้ถูกใจผู้ใหญ่

   “เช้านี้ผมจะทำของโปรดซัน แม่มีอะไรอยากกินเป็นพิเศษมั้ยครับ แล้วพ่อกับพวกพี่ๆ เขาชอบกินอะไรกันบ้าง”

   ผมถามพลางเปิดประตูให้แม่ลงจากรถกระบะของรีสอร์ท รับตะกร้าสีหวานมาถือเอง ทำอาหารทั้งทีก็อยากให้ทุกคนได้กินของที่ชอบ

   “แน่ใจนะ ของโปรดแต่ละคนไม่ได้ทำง่ายๆ เลย”

   “ไม่แน่ใจครับ แต่ผมไม่ห่วง เพราะมีแม่เป็นผู้ช่วยกิติมาศักดิ์” ผมตอบแบบไม่อาย เสริมด้วยวาจาประจบเรียกเสียงหัวเราะจากคุณนายใหญ่ ขนาดลุงคนขับที่เดินตามหลังมายังหลุดยิ้ม

    พวกเราเดินซื้อของเหมือนมาชอปปิ้งในห้าง แม่อารมณ์ดี นานๆ ทีจะมาคนมาเดินตลาดเป็นเพื่อนเลยซื้อของกินเพียบกะว่าเผื่อมื้อเที่ยงกับมื้อเย็นเลยทีเดียว

   ยามลงมือเข้าครัวไม่ต่างจากที่ผมคิดเท่าไหร่ ผมทำได้ทุกอย่างก็จริง แต่มีบางอย่างที่ต้องให้แม่เป็นคนช่วยสอน เรียกได้ว่าได้เคล็ดลับการทำอาหารมัดใจสามีไปอีกกระบุง แอบอยากถามนะ แม่กะไม่ให้ลูกชายแม่หนีผมไปไหนเลยรึเปล่าเนี่ย

   หกโมงเช้าทุกคนตื่นหมด พอเจ็ดโมงก็พร้อมที่โต๊ะอาหาร บ้านนี้เขาตื่นเช้ากันจนผมอึ้ง

   โชคดีที่อาหารถูกปากทุกคนโดยเฉพาะซันที่จ้วงเอาๆ ไม่เกรงใจกระเพาะเลยว่านี่มื้อเช้า ทุกคนชมผมจนอดเขินปนดีใจไม่ได้

   เจ้าซันบอก ช่วงสายๆ จะพาผมไปรีสอร์ท ไม่ใช่พาไปเดินดูกิจการของที่บ้านตามประสาแฟนนะ แต่จะพาผมไปเป็นแรงงานฟรีในรีสอร์ทมัน เอากับมันสิ
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่23 ตัวตนของซัน [Up 6/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-09-2016 01:53:56
 o13ให้คุณแม่
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่23 ตัวตนของซัน [Up 6/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Dolamon ที่ 06-09-2016 04:59:24
น้องโป้ทำอาหารเก่งขนาดนี้ น้องซันคงไปไหนไม่รอด
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่23 ตัวตนของซัน [Up 6/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 06-09-2016 05:47:26
ว้าว เปิดตัวสะใภ้อย่างสวยงาม ตื่นเช้ากันดีจริง ทำเสร็จกินเลยไม่ต้องมัวอุ่น  o13.
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่23 ตัวตนของซัน [Up 6/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 06-09-2016 07:23:36
 :pig4:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่23 ตัวตนของซัน [Up 6/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 06-09-2016 07:25:39
คุณแม่น่ารักมากกกกกก พี่จินก็น่ารัก ยอมเป็นเหยื่อเพื่อสอนโป้  :laugh:
มั่นใจได้แล้วนะโป้  :กอด1:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่23 ตัวตนของซัน [Up 6/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 06-09-2016 07:40:18
ขำเด็กขี้หวงทั้งคู่ ไว้อาลัยพี่จินสามวิค่ะ
ลูกสะใภ้ได้สูตรไปเพียบ คือแค่ปกติซันก็ไม่ไปไหนแล้ว ตอนนี้คงตัวติดเลยยยยย
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่23 ตัวตนของซัน [Up 6/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 06-09-2016 10:09:20
 :mew3: :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่23 ตัวตนของซัน [Up 6/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 06-09-2016 10:44:47
คุณแม่น่ารักมากกกกกกกก
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่23 ตัวตนของซัน [Up 6/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 06-09-2016 15:33:19
อิจฉา รักกันๆ
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่23 ตัวตนของซัน [Up 6/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 06-09-2016 19:13:21
เปิดตัวลูกสะไภ้ไปแล้ว ทีนี้ก็เหลือแต่เปิดตัวลูกเขยล่ะนะ
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่23 ตัวตนของซัน [Up 6/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 06-09-2016 19:26:43
คุณแม่คือสุดดดดด
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่23 ตัวตนของซัน [Up 6/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 06-09-2016 19:49:36
 :pig4:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่23 ตัวตนของซัน [Up 6/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 07-09-2016 07:44:01
อ่านเพลินเลย พี่จินน่ารักค่ะ แซ่บด้วย
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่23 ตัวตนของซัน [Up 6/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 07-09-2016 09:01:00
 :katai2-1:  :katai2-1:  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่23 ตัวตนของซัน [Up 6/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 07-09-2016 23:17:07
 :impress3: น่ารักจริงๆ คุ่นี้น่ัะ ชอบจริง ๆ สั้นไปหน่อยอ่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่23 ตัวตนของซัน [Up 6/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 11-09-2016 11:39:02
Super Mom คุณแม่สุดยอดจริงๆ

ครอบครัวซันน่ารัก,,,,
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่23 ตัวตนของซัน [Up 6/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 11-09-2016 18:01:45
 o13
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่23 ตัวตนของซัน [Up 6/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: alt1991 ที่ 16-09-2016 05:26:10
 :-[ :-[ :-[ เปิดตัวลูกสะใภ้ราบรื่น  :L1: เปิดตัวลูกเขยคงอลเวง  :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่24 แค่คุณ [Up 28/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 28-09-2016 16:49:39
ยกที่24 แค่คุณ

   “มาซัน กูพร้อมละ จะให้กูทำอะไรบอกก็บอกมา”

   ผมวอร์มร่างกายกระโดดสะบัดมือไปมาประชดมันที่บอกจะให้ผมเป็นแรงงานต่างด้าว มันยกขาเตะก้นผม

   “ไม่ต้องมาประชดกูเลย กูพูดเล่น แค่จะพามึงไปปั่นจักรยานดูรอบรีสอร์ท”

   ผมลากเสียงในคอ มิน่าล่ะถึงมีจักรยานแม่บ้านจอดอยู่หนึ่งคัน...เดี๋ยวนะ ผมรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ ยืนรอมันคุยกับลุงเสร็จผมถึงสะกิดเรียกมัน

   “มึงเอามาคันเดียวนะ แถมเป็นจักรยานแม่บ้านด้วย มึงจะไปจ่ายตลาด?” ชี้นิ้วไปยังจักรยานรุ่นเก๋า มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์เลยว่าถ้าปั่นมันต้องมีเสียงเอี๊ยดอ๊าดแน่

   “ไม่ผิดหรอก มึงก็ไปกับกูไง นี่รถคันเก่งพี่มูนเลย เห็นงี้อย่าดูถูกมันนะเว้ย พี่มูนเอาไปอัพเครื่องใหม่รับรองแรงยิ่งกว่าเดอะฟาส” ซันตบเบาะแบบกูเต็มใจนำเสนอ ลุงแกหัวเราะหันมายิ้มให้ผม

   “ลุงเช็คสภาพหยอดน้ำมันให้เรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องห่วงครับคุณโป้ ปลอดภัยแน่นอน”

   “เอ่อ...เข้าใจแล้วครับ ลุงไม่ต้องเรียกผมว่าคุณก็ได้ มันรู้สึกแปลกๆ” ใช่ว่าจะไม่เคยมีใครเรียกแบบนี้ ตอนอยู่ที่เหนือ คนงานของแม่บางคนก็เรียกผมแบบนี้เหมือนกัน ที่นี่ไม่ใช่ถิ่นตัวเองเลยรู้สึกตะขิดตะขวงใจ

   “ไม่ได้ครับไม่ได้ เป็นเพื่อนคุณหนูผมก็ต้องเรียกคุณ” ดูท่าลุงจะไม่ยอมเปลี่ยนวิธีเรียกจริงๆ เรื่องผมเป็นแฟนมันคงจะรู้กันแค่วงในสินะ ซันมันคงไม่ได้ตั้งใจปิดบังหรอก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเอาไปป่าวประกาศ ต่อให้มันมีแฟนเป็นผู้หญิงก็ตาม

   ซันเดินมาตบบ่าผม “ทำใจให้ชินซะ” มันพูดแค่นี้แล้วตวัดขาคร่อมจักรยาน ถ้ารถเป็นพวกรถบิ๊กไบค์คงเท่จนสาวกรี๊ดสลบ แต่พอเห็นจักรยานแม่บ้าน ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากหยิบมือถือมาถ่ายรูปมันเต๊ะท่าอย่างสงบ พร้อมส่งให้เพื่อนทุกคนได้เห็นโดยทั่วกัน

   ผมยังไม่ได้บอกสินะว่ารถมันสีชมพู นับรวมกับตัวมันแล้ว...จินตนาการกันเอาเองแล้วกันครับ ฮ่าๆๆ

   “ขึ้นมาดิ เดี๋ยวพี่พาไปแว้น” มียักคิ้วหลิวตา อยากจับมันมาจูบชิบ แต่เกรงใจผู้อาวุโส ผมเลยหันไปบอกลาลุงแล้วขึ้นซ้อนเป็นสก๊อยชั่วคราว ยิ่งพอมันบิดซ้ายบิดขวาอย่างกับอยู่ในสนามแข่งฟอร์มูล่าวันพร้อมกดกระดิ่งกริ่งๆ ผมหัวเราะแทบตกจักรยาน
   
   เมื่อเช้าผมจำได้นะว่าไม่ได้ใส่อะไรแปลกๆ ให้มันกิน ทำไมมันถึงรั่วขนาดนี้ เอาเถอะปล่อยมันบ้าไป เห็นมันมีความสุขผมก็โอเค ก่อนหน้านี้มีแต่เรื่องเครียดๆ ได้ผ่อนคลายบ้างก็ดีเหมือนกัน

   อันดับแรกซันพาผมขับวนรอบนอกของรีสอร์ทเป้าหมายคือริมเขื่อนเลยต้องผ่านบริเวณบ้านพัก ระหว่างทางก็ทักทายพนักงานเป็นระยะ ทุกคนพร้อมใจกันเรียกคุณซัน คุณหนูซัน ทำให้ผมประจักแก่ใจว่าไอ้ซันมันเป็นลูกคุณหนูของแท้ แถมมันยังดูชินแล้วอีกต่างหาก ตอบโต้ทุกคนอย่างเป็นธรรมชาติ คนไหนมีปัญหามาปรึกษา มันก็บอกวิธีแก้ไป

   ในที่สุดพวกเราก็ปั่นมาแถวริมเขื่อนสักที เพียงแต่ว่าโซนนี้ยังเป็นเขตที่พัก มีสะพานไม้ทอดยาวถึงบ้านพักหลังคาสีขาวกลางน้ำเรียงหน้ากระดาน แต่ละหลังห่างกันพอสมควร ค่อนข้างเป็นส่วนตัวทีเดียว ช่วงนี้ไม่ใช่หน้าไฮซีซั่น แขกจึงไม่เยอะเท่าไหร่

   พอพ้นโซนที่พักจะเจอพวกทุ่นลอยน้ำสีสันสดใส มีทั้งสไลเดอร์ เรือบั๊มพร้อมปืนฉีดน้ำ บอลยักษ์ที่ให้คนเข้าไปอยู่ด้านในแล้ววิ่งให้บอลกลิ้งเหมือนหนูแฮมสเตอร์ จักรยานน้ำสำหรับสองคนปั่น วิ่งทุ่นโฟมเป็นพื้นโฟมเหนือน้ำให้คนวิ่งกระโดดข้ามพร้อมบริการเช่าเรือแคนู เรียกได้ว่ากิจกรรมทางน้ำมาแบบครบครัน น่าเสียดาย พวกเรามีเวลาน้อยแถมอยู่กันแค่สองคนจะไปลุยเล่นก็ไม่มัน คงต้องรอช่วงปิดเทอมแล้วชวนพวกที่เหลือมาถล่มรีสอร์ทซัน

   ผมนั่งปล่อยตัวปล่อยใจให้สายลมพัดผ่าน ลมริมเขื่อนให้ความรู้สึกแตกต่างจากบนหัวหรือทะเลอย่างสิ้นเชิง มันเย็นสบาย ไม่เหนียวตัวและไม่หนาวจนเกินไป ผมชักติดใจแล้วสิ รู้สึกดีมีแฟนเป็นว่าที่เจ้าของรีสอร์ท

   “สบายเลยดิมึง”

   “โคตร รีสอร์ทมึงบรรยากาศดีเป็นบ้า” ผมชมจากใจ มองอุโมงค์ต้นไม้ที่เรากำลังปั่นผ่าน แสงแดดยามสายส่องผ่านใบไม้เกิดเป็นเงาบนพื้นราวกับภาพศิลปะ เห็นคนประปรายส่วนใหญ่จะมากันเป็นครอบครัวพ่อแม่ลูก ทั้งปั่นจักรยาน ปิกนิกกันในสวน

   “นี่ก็พัฒนาจากเดิมมาเยอะ สมัยพ่อแม่สร้างที่นี่ใหม่ๆ บ้านพักมีอยู่ไม่กี่หลังเอง เห็นเจริญทันสมัยแบบนี้เป็นเพราะฝีมือพี่มูนล้วนๆ มีพี่จินช่วยด้วยอะนะ ขานั้นเขานักธุรกิจใหญ่ มีหัวเรื่องการดึงลูกค้าสุดๆ แถมตอนนี้ยังมีโปรโมชั่นระหว่างห้างกับรีสอร์ททั้งสองที่ ช่วงน่าไฮกูกับมึงไม่ได้มาปั่นจักรยานถ่ายซีรี่ส์เกาหลีแบบนี้แน่ นู่น ผันตัวไปเป็นพนักงานในรีสอร์ท”

   ถึงมันจะพูดแบบนั้นแต่สีหน้าแสดงออกชัดเจนว่ามีความสุขดี จนผมอดที่จะยิ้มตามไปด้วยไม่ได้ พ่อแม่เข้าใจ มีกิจการที่บ้าน พี่ชายกับพี่สะใภ้ช่วยกันดูแลพัฒนาเรื่อยๆ ชีวิตมันช่างน่าอิจฉา แต่ผมเชื่อว่ากว่าจะถึงจุดนี้ได้ครอบครัวของมันเองก็คงผ่านอะไรมาไม่น้อยเหมือนกัน คนเราจะยืนหยัดได้อย่างมั่นคง ส่วนใหญ่มีพื้นฐานมาจากความล้มเหลวทั้งนั้น ตัวผมเองก็เช่นกัน

   ผมตัดสินใจแล้วว่าจะทำยังไงกับความสัมพันธ์นี้

   “หมดตรงนี้มึงจะพากูไปไหนต่อ” ผมจังหวะที่มันจอดจักรยาน ไม่ต้องบอกผมก็เข้าใจว่ามันจะให้สลับกันบ้าง เลยยอมลงเปลี่ยนตำแหน่ง

   “ล็อบบี้ ใกล้เที่ยงแล้วไปหาอะไรกินกัน”

   ผมไม่ตอบอะไร พอมันทำท่าจะซ้อนเท่านั้นแหละ ลุกขึ้นยืนออกแรงถีบปั่นจักรยานหนีมันพร้อมหัวเราะเยาะเสียงดัง

   “ฮ่าๆๆ วิ่งตามมานะมึง”

   “ไอ้เมียเหี้ย!! มึงกล้าทิ้งกูเหรอ” ลูกชายเจ้าของรีสอร์ทด่าหยาบวิ่งตามจักรยานแม่บ้านสีชมพูพริ้ง

   ขณะหัวเราะเบิกบานแบบไม่เกรงใจว่าแมลงมันจะบินเข้าปาก จู่ๆ ท้ายจักรยานถูกคว้าหมับผมแทบจะหน้าทิ่ม ดีที่ขายาวทรงตัวได้ก่อน หันกลับมาเจอสีหน้าเหี้ยมเกรียมมุมปากแสยะยิ้มของซัน เล่นเอาสะดุ้ง กูแค่ปั่นหนีแกล้งมึง ไม่ได้ไปหาชู้ ทำหน้าโคตรน่ากลัว

   “เอ้ามึง รีบๆ ขึ้นมาสิ กูหิวแล้ว” แสร้งตีเนียนเฉไฉไปเรื่องอื่น ซันมันจ้องเขม็งใส่ คาดโทษในใจแล้วหันหลังซ้อนท้าย ระหว่างที่มันนั่งจับยึดเบาะโคตรเหนียวแน่นทำให้หมดโอกาสปั่นหนีอีกรอบ จำยอมเป็นแรงงานพาคุณชายซันไปยังจุดหมาย

   ผมรู้สึกถึงน้ำหนักบนหลัง ซันมันหันหน้าออกเอนหลังพิงผมซะชิบ นั่งแบบนี้มันปั่นยากนะเว้ย

   “นั่งดีๆ สิวะ ตัวมึงหนักอย่างกับควายไบซัน นั่งท่านี้คุมทิศลำบาก”

   “กูเป็นควายมึงก็มีผัวเป็นควายล่ะวะ ปั่นไปเหอะอย่าบ่นมากเดี๋ยวตีนกาขึ้น” นั่นหรือคือปาก ผมนึกว่าท่อไอเสีย

   ผลคือด่ากันไปตลอดทาง ไม่มีคำว่าโรแมนติกใดๆ ทั้งสิ้น ซีรงซีรี่ส์เกาหลีชิดซ้ายตกเขื่อนไปเลย อย่างซันมันเป็นโอปป้าไม่ได้แน่ ผมเองก็ไม่ใช่นางเอกโลกสวย ลาก่อนความฝันของหญิงสาว

   กว่าจะถึงล็อบบี้ได้เล่นเอาเมื่อยขา ไม่รู้ซันมันปั่นไปได้ยังไงตั้งนานสองนาน พอจอดจักรยานซันเดินนำลิ่วๆ เข้าไปก่อน ผมวิ่งตามไปเห็นพี่จินอ่านหนังสือแถวนั้นพอดี เลยเดินเข้าไปทัก ปล่อยซันมันคุยกับพี่มูน เห็นหลังไวๆ ว่ามันเดินเข้าครัวไปแล้ว

   “พี่จิน พี่มูนปล่อยให้มานั่งเป็นนายแบบอยู่นี่ได้ไง” เมื่อคืนผมเห็นแจ้งแล้วว่าพี่น้องบ้านนี้ขี้หวงแค่ไหน ไหงปล่อยให้พี่จินมานั่งเป็นอาหารตาแขกกับพนักงานแบบนี้

   “ฉันมานั่งเป็นปกติอยู่แล้ว เพราะมูนจะอยู่ที่ล็อบบี้” ตอบเสียงเนือยอย่างคนนอนไม่พอ ก่อนจะหยิบนมขึ้นมาจิบ อ่านไม่ผิด นมจริงๆ

   “มานั่งเฝ้าพี่น่ะสิ บอกแล้วไปนอนพักที่บ้านก็ไม่ยอม” พี่มูนเดินมาสมทบ ทิ้งตัวนั่งข้างพี่จิน ผมพยายามจะทำเป็นไม่เห็นมือขาวๆ ของพี่มูนที่กำลังลูบต้นขาลวนลามคนรักตัวเอง

   “อยากดื่มกาแฟ” น้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่ผมรู้สึกว่ามันน่าเห็นใจนิดๆ แฮะ

   “ก็นี่ไง นมรสกาแฟ มูนทำเองเลยนะไม่อร่อยเหรอ”

   พี่มูนทำหน้าเสียใจ พี่จินจะตอบอะไรได้นอกจาก...

   “อร่อย...”

   ไม่รู้ทำไม น้ำตาเหมือนจะไหล ผมขอสงบนิ่งไว้อาลัยแด่พี่จินผู้น่าสงสาร ขอให้พี่มีความสุข อาเมน ก่อนที่บรรยากาศมันจะพิลึกมากไปกว่านี้ ซันเดินมาพร้อมพนักงานเสิร์ฟอาหารสี่ชุดบนโต๊ะ มันคือข้าวคลุกกะปินี่เอง

   ผมกับซันต่างคนต่างกินปกติ อาจจะมีบ้างที่หยิบน้ำพริกน้ำปลาส่งให้กัน ถึงงั้นก็ไม่เท่าสองคนตรงหน้า พี่มูนดูแลพี่จินดีดุจภรรยาดูแลสามีแม้ทางพฤตินัยจะตรงกันข้ามก็ตาม จัดการเขี่ยพริกออกให้ คลุกทุกอย่างเข้ากันแต่ยังดูน่ากิน ซึ่งไม่รู้ว่าพี่มูนทำได้ยังไง ตรงข้ามกับพวกผมโดยสิ้นเชิง

   หากไม่ติดว่าพี่จินจะกินเองคงบริการป้อนถึงปากหรืออาจจะปากต่อปาก ผมไม่กล้าคาดเดาต่อ รู้เพียงแต่ว่าสองคนนี้รักกันโคตรๆ

   หลังมื้ออาหารผมรู้สึกข้าวมันหวานขึ้นสองระดับ เลยขอตัวจากพี่ๆ ลากซันหลบมาอีกทางแทน

   “มึงพากูปั่นดูทั่วรีสอร์ทแล้ว ต่อไปทำไรดีวะ”

   “สปามะ มีทั้งแบบนวดหน้า นวดแผนไทย นวดน้ำมัน นวดฝ่าเท้า มึงอยากได้แบบไหน” มันถามพลางชี้ไปทางโซนสปา ล็อบบี้ที่เราอยู่ถือเป็นจุดศูนย์กลางของทุกอย่างเลยก็ว่าได้ ด้านหน้าเป็นลานจอดรถสำหรับลูกค้า ถัดไปทางซ้ายเป็นห้องอาหาร ส่วนด้านขวาเป็นสปา

   ผมส่ายหัว “ไม่เอาว่ะ กูรู้ว่านวดแล้วมันสบายนะ แต่รู้สึกเกรงใจคนนวดแบบแปลกๆ”

   “เกรงใจทำไม หน้าที่เขา มันก็เป็นงานอย่างหนึ่ง เหมือนพ่อครัวทำอาหารให้มึงกินไง”

   “หาไรอย่างอื่นทำเหอะ”

   “งั้นกูนวดให้มะ” ถึงกับหันขวับ

   “มึงนวดเป็นกับเขาด้วย?” ไม่ใช่ว่ามันนวดมั่ว รู้สึกตัวอีกทีผมกลายเป็นคนพิการนะ

   “เป็นสิ กูก็นวดมึงบนเตียงบ่อยๆ” ซัยเผยสีหน้าชั่วร้าย จบเลยเจอคำนี้ ผมตอบแทนมันด้วยการคว้าบ่าใส่เข่า มันกระเด้งเอวหลบได้อย่างน่าถีบ เออ กูรู้ว่าเอวดี พิสูจน์มากับตัวไม่ต้องสาธิตให้กูดูก็ได้ เกรงใจสายตาแขกกับพนักงานบ้าง

   เพราะมัวแต่หยอกกันไปมา สุดท้ายเลยโดนพี่มูนลากไปให้ช่วยงานในรีสอร์ทแทน ส่วนพี่มูนพาพี่จินกลับไปพักที่บ้านเรียบร้อย ไม่รู้ผมคิดไปเองรึเปล่านะ เหมือนพี่มูนจะดูแลพี่จินดีเป็นพิเศษ แทบคุณนักธุรกิจใหญ่มีท่าเดินแปลกๆ แต่ช่างเถอะ เรียนรู้งานดีกว่า

   ซันระเห็จตัวเองไปเป็นคนสวนดูแลต้นไม้ที่จะเอามาลงเพิ่ม ฝ่ายผมที่มีฝีมือด้านการทำอาหารเลยถูกส่งมาเป็นเด็กฝึกหัดในครัว กว่าจะรู้ตัวอีกทีด้านนอกก็เย็นซะแล้ว พร้อมกับงานในครัวที่ยุ่งจนหัวหมุน แขกหลายคนให้ทำอาหารไปส่งตามบ้านพัก บางคนมากินที่ล็อบบี้ แต่ก็มีบางส่วนขอให้เตรียมของสดกับเตาให้ พวกเขาจะย่างกินกันเอง

   จากหน้าที่หั่นผักกลายเป็นผู้ช่วยพ่อครัวทำอาหาร เลื่อนตำแหน่งเร็วจนน่าตกใจ ได้ยินมาว่าวันนี้เป็นวันเกิดของลูกค้าคนหนึ่งด้วย ทางรีสอร์ทเลยสมนาคุณด้วยอาหารฟรีพร้อมเซอร์ไพรส์เล็กๆ ทำให้ผมนึกไอเดียอะไรบางอย่างออก อาศัยช่วงงานซาแวบไปหาพี่มูนเพื่อขออนุญาต

   ผมเล่าความต้องการของตัวเองให้ฟัง พี่มูนนิ่งคิดไปสักพักแล้วพยักหน้าเห็นดีเห็นงามด้วย สั่งลูกน้องช่วยอำนวยความสะดวกอีกต่างหาก อดรู้สึกเกรงใจปนเขินเล็กๆ ไม่ได้ ต่อไปก็เหลือแค่ผมที่ต้องไปเตรียมตัวสินะ


   ด้านซัน เจ้าตัวเหลียวซ้ายแลขวาหาคนที่พามาบ้าน หลังแวบไปอาบน้ำมาเพราะทำงานเป็นคนสวนจนเหงื่อท่วม

   “พี่มูน เห็นโป้บ้างไหม” เอ่ยปากถามพี่ชายที่กำลังดูแลความเรียบร้อยของห้องอาหาร เนื่องจากวันนี้มีงานเลี้ยงวัดเกิดลูกค้าจัดกลางแจ้งไม่ไกล งานเลยเยอะกว่าปกติ

   “อยู่แถวนี้แหละ เดี๋ยวก็เห็น ไหนๆ ก็มาแล้วช่วยพี่ดูตรงนี้แทนพี่ที พี่จะไปดูจิน ป่านี้คงหิวท้องกิ่ว” ทิ้งงานให้น้องชายเสร็จก็สะบัดบ๊อบจากไป ซันส่ายหัวปลงกับนิสัยพี่ชาย ความจริงมูนไม่จำเป็นต้องมาช่วยดูกิจการก็ได้ ในเมื่อพนักงานอยู่กันเยอะแยะ

   เจ้าตัวคงชินเพราะเป็นคนดูแลมาก่อนจะไปเปิดรีสอร์ทที่ลำปางเป็นของตัวเอง เพราะที่นี่ทุกคนพร้อมใจกันยกให้ซัน รอแค่เรียนจบพร้อมเมื่อไหร่ค่อยกลับมาบริหารต่อเต็มตัว

   ระหว่างดูงานก็คอยมองหาแฟนตัวเองไปด้วย ยังไม่เห็นแม้แต่เงา ขนาดในครัวที่คาดว่าจะอยู่ยังไม่เจอ หายไปไหนของเขากันนะ เพิ่งพาทัวร์รีสอร์ทรอบเดียวดันซ่า เอาเถอะ ในเมื่อที่นี่มีแต่คนของเขาทั้งนั้น อีกอย่าง ลูกค้าคงไม่มีใครมือตีนหนักเท่าเมียตัวเอง

   ห้องอาหารรีสอร์ทซันให้อารมณ์คล้ายร้านอาหารที่เปิดตั้งแต่หกโมงถึงสี่ทุ่ม มีทั้งแบบในร่ม ในห้องแอร์และแบบกลางแจ้ง ตอนกลางคืนจะพิเศษหน่อยเพราะมีการร้องเพลงเล่นดนตรีเบาๆ เสริมบรรยากาศอย่างตอนนี้ รู้สึกเสียงนักร้องมันคุ้นๆ นะ

   หนุ่มมาดเถื่อนหันไปขมวดคิ้วมองพบคนที่ตามหากำลังนั่งเกากีต้าร์ร้องเพลงกับพวกนักดนตรีที่ทางรีสอร์ทจ้างมา มีความเนียนขึ้นสุดอย่างกับว่ามาจากวงเดียวกัน ทำไมนะ ซันไม่รู้สึกแปลกใจเลยสักนิดที่โป้ไปอยู่ตรงนั้น ไม่รู้โป้จะรู้ตัวรึเปล่าว่าตัวเองอยู่ในสายตาของใครบางคนเสมอ

   ซันชอบที่จะมองโป้ในอิริยาบถต่างๆ ที่ผ่านมาเขาไม่เคยเป็นแบบนี้กับใครเลย อย่างมากมองแค่ทีสองทีก็เบื่อแต่โป้กลับไม่ใช่ ยิ่งมองก็ยิ่งอยากเห็น อยากสัมผัส อยากเข้าใกล้ ชอบที่อีกฝ่ายยิ้มให้กวนประสาทใส่ ต่อให้อยู่ด้วยกันตลอด 24 ชั่วโมงก็ไม่มีปัญหา

   ช่วงแรกเขายังสับสน แต่ตอนนี้ความรู้สึกทุกอย่างมันชัดเจนแล้ว ไม่รู้จะนิยามสิ่งเหล่านี้ว่ารักได้รึเปล่า เพราะเขาเองก็ไม่เคยมีคนรักเป็นจริงเป็นจังเสียด้วย อาจจะมีดูๆ กันบ้างแต่ไม่เคยมีคนในไหนขึ้นแท่นตำแหน่งแฟนเลยสักคน ซันรู้แค่ว่าสำหรับเขา โป้เป็นคนพิเศษ ขอแค่เป็นคนๆ นี้เขาพร้อมที่จะทำให้ได้ทุกอย่าง แม้ว่าตอนนี้โป้ยังไม่รักกันก็ไม่เป็นไร ซันมั่นใจว่าวันใดวันหนึ่งโป้จะต้องยอมเปิดใจให้เขาแน่ หรือถ้าไม่ เขาก็ไม่คิดจะปล่อยโป้ไปอยู่ดี

   เจ้าตัวคิดไปเรื่อยเปื่อย กระทั่งถูกเสียงจากบนเวทีดึงความสนใจ

   “มีเพลงหนึ่งที่ผมอยากจะร้องให้ฟัง ไม่รู้เขาจะอยากฟังไหม แต่ผมอยากร้อง รับฟังนะครับ” วาจากวนส้นกลับไม่มีใครไม่พอใจ ทุกคนหัวเราะปรบมือรอฟังเพลงที่ว่า เสียงกีต้าร์โปร่งดังขึ้นบ่งบอกว่าเจ้าตัวจะโซโล่เดี่ยวร้องสดให้ได้ฟัง

   ทุกคนที่กำลังกินมื้อค่ำยอมวางมือเพื่อตั้งใจฟังเพลงนี้ชัดๆ แต่คงไม่มีใครจะตั้งใจเท่ากับซัน ดวงตาคมมองแฟนตัวเองด้วยความรู้สึกหลากหลาย หนุ่มร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนขาดๆ ทรงผมรากไทรมัดครึ่งหัวปล่อยบางส่วนลับใบหน้าหล่อปนสวย นับรวมกับเครื่องประดับแนวอาร์ตบนตัวกับท่านั่งถือกีต้าร์พร้อมแสงไฟสีส้มอ่อนอาบไล้ทำให้ภาพรวมดูละมุนละไมกลายเป็นหนุ่มชวนฝัน ที่สาวๆ หลายคนมองอย่างลืมตัว

   รู้ไหมว่าเราเจอกันครั้งแรกตอนไหน
   ความทรงจำเกิดขึ้นเมื่อไหร่
   เมื่อไหร่ที่ทำให้เราสองคนเริ่มหวั่นไหว


   ภาพตัวเองที่ยืนอึ้งค้างมองอีกฝ่ายในสภาพเกือบเปลือยเปิดประตูมารับรูมเมทคนใหม่ผุดขึ้นมาในหัว แล้วยังวันที่โป้สารภาพว่าเป็นเกย์ ท้าทายกันจนเกิดฉากวาบหวิว ฉับพลันใบหน้าเกิดร้อนขึ้นมา นั่นไม่เท่ากับว่าเขาหวั่นไหวให้กับอีกฝ่ายตั้งแต่ช่วงแรกเหรอ

   คืนวันที่เราเคยมีแต่ความเหงาใจ
   เมื่อมีคุณเข้ามาชิดใกล้
   ก็อบอุ่นใจดังไฟที่ร้อนตอนเหน็บหนาว


   เพราะเรื่องของเก้า ทำให้ซันรู้ว่าความรู้สึกที่แท้จริงของโป้เป็นยังไง รวมถึงเรื่องในอดีตที่โป้เก็บเงียบมาโดยตลอด เขายอมรับว่าตัวเองน้อยใจ แต่ไม่เคยมีความคิดที่จะโกรธโป้เลย กลับกัน เขาพร้อมที่จะยืนเคียงข้างและดึงอีกฝ่ายออกมาจากเรื่องในอดีต

   เขาคิดวนเวียนถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ขณะที่หูรับฟังเสียงทุ้มนุ่มซึมซับความหมายของเพลงที่โป้ตั้งใจสื่อออกมา

   ลืมเรื่องราวที่ได้เคยบอบช้ำ
   ทิ้งมันแล้วโยนมันไปไกล
   แล้วในวันพรุ่งนี้ก็จะมีแค่เพียงเรา
   ไม่มีใครต้องเหงา และไม่มีใครต้องเศร้า
   สองเราเดินเคียงกันไป…


   ดวงตาสองคู่สบกัน โป้ยิ้มกว้างด้วยสีหน้ามีความสุขที่สุด

   ขอสัญญาว่าจะรักเพียงคุณ
   ว่าจะรักแค่คุณ ว่าจะรักแค่คุณ เท่านั้น
   นานแสนนานก็จะรักเพียงคุณ
   ก็จะรักแค่คุณ อยากจะมีแค่คุณคนเดียว...

   
   บทเพลงชัดเต็มสองหู ใบหน้าซันร้อนผ่าวจนต้องยกมือขึ้นมาปิด ปากสบถคำหยาบออกมาเป็นพรวนสรรเสริญเจ้าคนที่อยู่บนเวที
   
   เอาจริงๆ คนร้องเองก็เขินแต่ทำกวนกลบเกลื่อนแก้มขึ้นสีเรื่อของตัวเอง

   “เพลงสุดโรแมนติกนี้ชื่อว่าเพลงแค่คุณ ของ Musketeers ครับ ถ้าใครสนใจลองหาฟังกันเองนะ เพราะตอนนี้ผมมีเรื่องสำคัญที่อยากจะพูด” นักร้องจำเป็นหลับตาลงสูดลมหายใจ ก่อนจะส่งกีต้าร์ให้คนด้านหลังแล้วจับไมค์หันมามองคนหน้าเถื่อนกำลังสิงเสา

   “คุณครับ คนตรงเสาน่ะหันมาสนใจผมหน่อย” โดนเรียกแบบเจาะจงขนาดนี้ซันจะหลบไปไหนได้ ทำเป็นยืนมาดเข้มตีหน้าขรึมกอดคอเลิกคิ้วทำนองว่ามีอะไรก็พูดมา โป้ลอบหัวเราะ “คุณรู้เปล่าว่าผมเป็นคนเห็นแก่ตัว ถ้าไม่ใช่แบบที่คิดก็ไม่มั่นใจ เราเป็นแฟนกันแล้วผมคงขอคุณเป็นแฟนไม่ได้อีก จะให้ขอแต่งงานผมก็ไม่อยากจ่ายค่าสินสอดรอคุณมาขอแล้วกัน”

   ยิ่งพูดซันยิ่งอยากจะพุ่งไปกระชากคอเสื้อลากมันลงมาจากเวที หางตาเขาเห็นแวบๆ ว่ามีบางคนกำลังใช้มือถืออัดคลิปภาพเหตุการณ์นี้ไว้ แต่คงไม่มีใครเท่าพี่ชายตัวเอง ลงทุนตั้งกล้องโดยมีพี่สะใภ้เป็นขาตั้งชั่วคราว

   “งั้นจะเอาไง” ซันพอจะเดาสถานการณ์ได้ ตอบกลับเต็มเสียง ด้วยความที่ทุกคนกำลังตกอยู่ในความเงียบ เสียงนี้เลยได้ยินชัดเจนแบบไม่ต้องพึ่งไมค์

   “เป็นเกย์กันมั้ย ถ้ายอมเป็นรับรองว่าจะรักดูแลอย่างดี”

   ทุกคนอึ้งไม่เว้นกระทั่งซัน ก่อนเจ้าตัวจะหลุดขำ ไอ้คนที่คิดแผนนี้ดันเขินจนไมค์สั่น ซันก้าวขายาวๆ เข้าไปหา โน้มใบหน้าระยะประชิดเพื่อพูดใส่ไมค์ ขณะที่ตามองคนถือ

   “ถ้าได้รักจะยอมเป็นก็ได้ เตรียมตัวรับสินสอดไว้นะ”
   
   ทุกคนพากันส่งเสียงเฮ ปรบมือแสดงความยินดี โป้หน้าแดงจนถึงหูอาศัยแฟนตัวเองเป็นกำบังหลบอยู่ด้านหลัง ซันเอี้ยวไปพูดชิดหูคนเจ้าแผนการ

   “สินสอดไว้ค่อยให้ที่หลัง ตอนนี้เข้าเรือนหอกันเถอะ” สิ้นคำก็ลากแขนอีกฝ่ายออกจาห้องอาหาร ปล่อยให้พี่ชายเข้ามาจัดการที่เหลือต่อ ทั้งคู่จับมือกันแน่น ดูเผินๆ พวกเขาไม่มีอะไรเหมือนกันเลย แต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนคืน รอยยิ้มมีความสุขในตอนนี้
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่24 แค่คุณ [Up 28/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: hamony ที่ 28-09-2016 17:29:01
ชอบอะ   ชอบอ่ะ มาต่อ  กำลังเขินพอดี
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่24 แค่คุณ [Up 28/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-09-2016 18:26:53
 :man1:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่24 แค่คุณ [Up 28/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 28-09-2016 18:56:39
โป้มั่นใจในตัวซันละเนาะ เหลือที่บ้านโป้แล้วล่ะนะ
รอตอนต่อไปน้าาาา สู้ๆ
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่24 แค่คุณ [Up 28/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 28-09-2016 19:13:11
จิกหมอนฟินกันไป  o13
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่24 แค่คุณ [Up 28/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Dolamon ที่ 28-09-2016 19:33:52
เหมาะสมกันจริงๆๆๆๆ
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่24 แค่คุณ [Up 28/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 28-09-2016 19:50:25
โอ๊ยยยย น้าร้ากกกกก
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่24 แค่คุณ [Up 28/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 28-09-2016 20:04:02
โอ้ยยย เขินนนน อมยิ้มแก้มตุ่ยแล้ว
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่24 แค่คุณ [Up 28/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 28-09-2016 23:35:00
จะตามไปดูเค้าเข้าหอกันล่ะนะ :z1:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่24 แค่คุณ [Up 28/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 29-09-2016 00:02:42
 o13. โป้ น่ารักอะ.
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่24 แค่คุณ [Up 28/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: PiSCis ที่ 29-09-2016 00:33:45
 :-[
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่24 แค่คุณ [Up 28/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: alt1991 ที่ 29-09-2016 06:29:35
 :impress2: :impress2: :impress2: อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยย เขิลลลล  :-[ :-[ :-[ จิกหมอนตัวบิดเป็นเกลียวววววววววว  :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่24 แค่คุณ [Up 28/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 29-09-2016 12:15:01
ดีเริสประเสริฐศรีมณีเด้ง
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่24 แค่คุณ [Up 28/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: powvera ที่ 29-09-2016 12:45:36
อร๊ายยยยยย

เขินขั้นสุด  :o8:    :o8:  :ling1:    :ling1:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่24 แค่คุณ [Up 28/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 29-09-2016 13:48:35
 :-[   โดนใจแรงมากๆ
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่24 แค่คุณ [Up 28/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 29-09-2016 15:11:10
อือ  น่ารักมาก ยิ้มแก้มตุ่ย  รอเข้าหอ  ฮิฮิ  :hao3:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่24 แค่คุณ [Up 28/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 29-09-2016 15:34:00
ขนรุกเลยทีความสุขจัง. เป็นความสุขที่คน2คนเข้าใจกัน
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่24 แค่คุณ [Up 28/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 29-09-2016 21:28:58
ตามอ่านทันแล้ว น้ำตาจะไหล T^T
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่24 แค่คุณ [Up 28/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 02-10-2016 01:21:31
สุดยอดจริงๆ
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่24 แค่คุณ [Up 28/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Ujeen ที่ 02-10-2016 12:33:31
อร้ายยยย ในที่สุดโป้ก็ชัดเจนในความรู้สึกของตัวซักที  o13
แอบฮานิดนึงตอนโป้ถามซันว่า เป็นเกย์กันมั้ยออกสื่อ  :m20:
แต่นี่คืออ่านไปยิ้มไปแก้มแทบแตกแล้วค้าาาาาา
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่24 แค่คุณ [Up 28/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 03-10-2016 00:06:38
 :impress3: น่ารักมาก ๆ ในที่สุด ซันโป้ ก้อเข้าใจในตัวเองแล้ว มาลงตัวที่ชื่อเรื่องพอดีเลย  :mew3:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) แจ้งข่าวรีไรท์ [p.9]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 25-10-2016 16:58:30
กำลังทำการรีไรท์นิยายให้มันสนุกยิ่งขึ้น แต่เนื้อเรื่องยังคงเดิมทุกประการ อาจมีเพิ่มตัดตามความเหมาะสม
เมื่อรีทั้งหมดเสร็จจะอัพลงทีเดียวและแต่งนิยายต่อตามปกติ

-------------------------------------------------------------------------------

ตัวอย่าง ยกที่1 สเปค(รีไรท์)

   บางที การเรียนต่างถิ่นอาจเปิดโอกาสหลายๆ อย่างให้กับตัวเอง เจอเพื่อนใหม่ พบสังคมใหม่ เปลี่ยนสภาพแวดล้อมไปจากเดิม...ก็อ้างไปเรื่อยแหละ ความจริงผมแค่อยากจะหนีจากที่บ้านใหญ่มาเท่านั้นเอง ตัวผมเป็นคนเชียงใหม่ ถ่อสังขารมาเรียนถึงเมืองกรุงเพื่อเปิดโลกกว้าง

   แต่เรื่องโอกาสนี่ได้จริงๆ นะ โอกาสเจออาหารตาไง...

   ยามสายที่แดดแผดเผา ผมนอนเหงื่อแตกอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเล็ก อันประกอบด้วยเตียงสองชั้นวางติดผนังซ้ายขวา ตู้เสื้อผ้าแบบเหล็กอย่างกับในค่ายทหาร โต๊ะเหล็กและเก้าอี้ไม้อย่างละสอง มีระเบียงอันน้อยนิดพอไม่รู้ว่าเป็นที่ตากผ้า ด้านซ้ายขวาของระเบียงเป็นห้องน้ำกับห้องอาบน้ำแยกกัน ส่วนอ่างล้างหน้าอยู่ด้านนอกแถวที่ต่างผ้าแหละ ผมก็ไม่เข้าใจว่าคนออกแบบต้องการอะไรจากสังคมเด็กหอ

   ด้วยความที่เป็นเด็กต่างจังหวัดและเพิ่งเข้ากรุงครั้งแรก ไม่รู้ที่ทางแถวนี้เลย ผมจึงตัดสินใจอยู่หอพักของมหา’ลัยศึกษาลู่ทางแถวนี้แล้วค่อยย้ายออก ก่อนหน้านี้ผมมีรูมเมทหนึ่งคน เขาเป็นผู้ชายร่างเล็กหน้าละอ่อน ซึ่งตอนนี้ย้ายออกไปอยู่กับพี่ชายต่างสายเลือดเรียบร้อย แต่ยังมีน้ำใจแนะนำเพื่อนอีกคนให้มาอยู่แทน ผมเลยไม่ต้องแห้งเหี่ยวเดียวดายอยู่ในห้อง

   รู้สึกว่าจะมาวันนี้แหละ แต่ไม่รู้ว่าจะมากี่โมง ผมนอนกองกับพื้นกระเบื้องแนบแก้มเอาความเย็นตาเหล่มองนาฬิกามือถือ สิบโมงแล้วยังไม่เห็นวี่แววรูมเมทคนใหม่ เอาวะ! อาบน้ำสักแป๊บคงไม่เป็นไรมั้ง

   คว้าผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำสลัดเสื้อเหม็นเหงื่อทิ้งแล้วเปิดน้ำเย็นชโลมกาย รู้สึกสดชื่นเหมือนได้เกิดใหม่ ระหว่างกำลังฮัมเพลงสระผมถูสบู่อย่างอารณ์ดี เสียงนรกบังเกิด มีคนเคาะประตูอยู่หน้าห้อง ทีแรกผมเข้าใจว่าห้องอื่นจนกระทั่งเสียงเคาะมันเปลี่ยนเป็นเสียงทุบนี่แหละ รีบล้างตัวล้างตัวคว้าผ้าขนหนูพันเอวออกมาแทบไม่ทัน แม่เจ้าเว้ย ท่าทางจะอารมณ์ร้าย ประตูหอจะพังไม่เนี่ย

   “มาแล้วเว้ย!!” ตะโกนแกมประชดมือเปิดประตู สิ่งที่เห็นทำเอาผมอ้าปากค้างตรงข้ามกับอีกคนที่ทำหน้าบูด

   “เปิดช้าฉิบหาย” มาถึงบ่น คิ้วเข้มขมวนยุ่ง “ถอยไปดิ้ กูจะเข้าห้อง” เสียงทุ้มพูดออกมาทำให้ผมได้สติ พยักหน้ารับเปิดทางให้อีกฝ่ายเข้าห้องก่อนปิดประตู ไอ้หมอนี่คงเป็นรูมเมทคนใหม่

   ผมกวาดตามองบนลงล่าง ล่างขึ้นบน ชายร่างสูงใหญ่หุ่นนักกีฬาสวมเสื้อยืดกางเกงยีนหนีบแตะสะพายเป้ใบใหญ่ ผมดำสั้น ตาคม จมูกโด่งหน้าเข้ม เฮ้ย! หล่อ หล่อมาก!! หล่อแบบออกเถื่อนนิดๆ เชี่ย สเปค!!

   อึ้งอะไรกัน อ่อ ผมลืมบอกสินะ อะแฮ่มฟังกันให้ดี ผมหนุ่มเหนือนามปีโป้เป็นเกย์ครับท่าน เรื่องนี้เป็นความลับนะ เงียบๆ ไว้เดี๋ยวไก่ตื่น แม้ผมจะไม่ใช่พวกฟาดไม่เลือกแต่ขออาหารตาไว้ดูก็ยังดี ผมกอดอกมองสำรวจอีกฝ่ายเพลินๆ

   “แล้วเตียงกูอยู่ฝั่งไหน?”

   “ของกูฝั่งซ้าย มึงฝั่งขวา หรืออยากเปลี่ยน?” ผมเลิกคิ้วถาม เขาส่ายหัว โยนของไปฝั่งที่ว่างอยู่ จู่ๆ เขาผละจากของตัวเองเดินไปทางมุมห้องฝั่งของผมหยิบไม้ทีขึ้นมา ขณะเดียวกับที่ผมสังเกตหนังสือเรียนของอีกฝ่าย เราสองคนมองหน้ากัน

   “วิศวะ? / สถาปัตย์?”

ต่างคนต่างเงียบคุมเชิงกัน ผมไม่มีอคติเรื่องสองคณะไม่ถูกกันนะ อาจจะไม่ถูกกันจริง แต่มันก็มีทั้งคนดีและไม่ดี จะเหมาหมดก็ดูจะใจร้ายไปหน่อย อีกอย่าง ตราบใดที่ทางนั้นไม่เริ่มก่อน ผมไม่คิดลงมือ

ภาพรูมเมทหน้าละอ่อนลอยขึ้นมาทันที โธ่เอ๊ย ไอ้ตัวเล็ก ดันลืมบอกเรื่องสำคัญกับพวกเราซะแล้ว ผมคิดอย่างอ่อนใจ เหมือนเราจะนึกถึงคนเดียวกันอยู่ สุดท้ายเลยหลุดหัวเราะทั้งคู่

“ฮ่าๆๆ!”

“ถึงคณะจะไม่ถูกกัน แต่ใช่มีเรื่องคอขาดบาดตายสักหน่อย ยินดีที่ได้รู้จักไอ้เด็กวิศวะ กูชื่อโป้” ผมยักคิ้วให้

“กูซัน ส่วนใหญ่ก็แค่แข่งกัน หมั่นไส้กันเองมากกว่าจะต่อยตี บอกไว้ก่อนถึงเป็นรูมเมทแต่งานแข่งกีฬาคณะกูไม่ออมมือนะเว้ย โป้สถาปัตย์” มันท้าทายกลับ เรื่องอะไรจะยอม อย่าคิดว่าความหล่อจะทำให้ผมใจอ่อนไปซะหมดนะ

   “หึ อย่าหลุดกากแล้วกัน”

   “เชี่ย ปากดีงี้ เจอกันในสนามดีกว่าว่ะ”

   พวกเราจับมือกัน งานนี้สนุกแน่

   “แล้วมึงไม่คิดจะแต่งตัวรึไง หรือเป็นพวกชอบโชว์” หนุ่มเถื่อนเลิกคิ้วมอง ผมชะงักเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองยังนุ่งผ้าขนหนูตัวเดียว ความจริงห้องแคบๆ แบบนี้ผู้ชายตัวใหญ่สองคนมาอยู่ด้วยกัน เวลาซันจัดของสวนผมไปมาต้องมีส่วนใดส่วนหนึ่งในร่างกายที่โดนกันบ้าง ซันมันคงไม่คิดอะไรหรอกเพราะมันเหมือนจะเป็นผู้ชายแท้ๆ แต่ผมนี่สิ ควรจะไสหัวตัวเองไปแต่งตัวสักที

   ผมชูนิ้วกลางใส่มันข้อหาที่ว่าผมเป็นพวกชอบโชว์แล้วหลบหยิบชุดใหม่ไปเปลี่ยนในห้องน้ำ ใช่ว่าชายสองคนจะเหนียมอายกัน แต่หอในมันไม่มีผ้าม่าน ขืนเปลี่ยนในห้องโทงๆ ได้กลายเป็นอาหารตาให้สาวหอตรงข้ามพอดี ติดกับหอของมหา’ลัยเป็นหอพักนอก มีเสื้อผ้าตากตรงระเบียงประปรายบ่งบอกว่ามีคนอยู่ อนาคตไม่แน่ผมอาจจะย้ายไปอยู่หอนั้นก็ได้ ต้องรอดูกันไปก่อน

   ซันใช้เวลาไม่นานในการเก็บข้าวของเข้าที่ พวกผู้ชายไม่ค่อยมีข้าวของอะไรเยอะนักหรอก

   เรื่องราวหลังจากนั้นไม่มีเหตุให้ตีกันแต่อย่างใด ผมกับซันอยู่กันอย่างสงบสุข เช้าตื่นมาสลับกันเข้าห้องน้ำเปลี่ยนเสื้อพาไปมหาลัย รับน้องเสร็จแทบจะคลานกลับห้อง คณะพวกเรารับน้องโหดทั้งคู่ ดูเผินๆ ไม่ได้ต่างจากคนอื่นเท่าไปเลย เอาความจริงนะ พวกเด็กหอรูมเมทใช่ต้องสนิทกันตัวติดไปไหนด้วยกันตลอด อันนั้นมันกรณีที่เป็นเพื่อนกันมาก่อน ไม่ก็พวกเรียนสาขาเดียวกันแล้วมาแชร์ห้องประหยัดค่าเช่า

   ตรงข้ามกับพวกผม แค่คณะก็ไปคนละทาง เวลาก็ไม่ตรงกัน ต่างคนต่างมีสังคมเพื่อนเป็นของตัวเอง อาจจะมีบ้างที่ชวนกันไปกินข้าวเย็นหากมีเวลา แต่ส่วนใหญ่แค่เจอก็ทักทายกันนิดหน่อยแล้วกลับมาอาศัยหอเป็นที่ซุกหัวนอนมากกว่า

   บางคืนพวกเพื่อนกับรุ่นพี่ชวนไปดื่มบ้าง รอบไหนเมาหนักนอนตายห้องเพื่อน รอบไหนเลิกไวลานสังขารกลับได้ ก็จะกลับมานอนที่หอ กลิ่นเหล้างี้ไม่ต้องพูดถึง ปกติซันไม่ได้รอผม เขานอนก่อนเลย แต่วันนี้มาแปลก พ่อเจ้าประคุณนอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียง

   เอ้อ นี่ก็อีกอย่าง ซันมันเป็นวิศวะประสาอะไรไม่รู้ แทบไม่ออกไปแดกเหล้ากับเพื่อนฝูง อยู่ห้องถ้าไม่นอนก็จะอ่านหนังสือ ดูแล้วโคตรเด็กเรียนไม่เข้ากับหน้าตาสุดๆ แต่ความเถื่อนยังคงเดิมนะ อันนี้ผมรับประกัน หลังจากเห็นอีกฝ่ายไปเตะประตูห้องอื่นที่เสียงดังจนไม่ได้นอน กระชากคอเสื้อเกือบลากพวกนั้นมาชก ดีที่ผมห้ามไว้ไม่งั้นงานเข้า

   ดวงตาคมเหลือบมองนาฬิกาปลุกบนโต๊ะเหนือหัว

   “ไมกลับมาไว”

   น้ำเสียงเหมือนประชด แต่ความจริงมันไม่มีอะไรเลย ดีที่ผมเป็นคนใจเย็นและมีมนุษย์สัมพันธ์ดีมาก เลยไม่เอาท่าทางกวนของเขาเก็บมาใส่ใจ เพราะผมเองก็กวนน้อยซะที่ไหน

   “ร้านมีคนตีกันเลยวงแตก” ผมตอบไปตามจริงพลางถอดเสื้อออก เหม็นกลิ่นเหล้ากับบุหรี่มาก รู้สึกเหนียวตัวเพราะวิ่งหลบลูกหลงชาวบ้านด้วย

   “เข้าไปถอดในห้องน้ำดิ แสลงลูกตากู”

   ซันมันบอก ผมหันไปมองมันงงๆ หนังตาตกนิดหน่อยเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ แต่สติผมครบถ้วนสมบูรณ์นะ ไม่ได้คออ่อนขนาดนั้น

   “อะไร กูถอดแบบนี้ของกูทุกวัน หรือผีสาวเข้าสิงมึง”

   ผมยกยิ้มมุมปากมอง ไอ้ซันลูบหน้าพรืด ช่างมัน อาบน้ำดีกว่าจะได้นอน

   “เชี่ย! ท่อนล่างมึงก็ยังจะถอด หน้าด้านสัส ไปเลยนะมึง เข้าห้องน้ำไปเลย”

   ผมโวยผมใหญ่ เอ้าไอ้นี่ หรือมันจะเปลี่ยนใจจากชายแท้เป็นเกย์ ผมพร้อมสนองนะจะบอกให้ เล็งอยู่ทุกวัน ปากดีไปงั้น ความจริงผมไม่กล้าหรอก ผู้ชายส่วนใหญ่มักไม่ชอบเพศที่สาม ยิ่งต้องมาอยู่ร่วมห้องกันไม่อยากจะพูดถึง เดี๋ยวผมโดนมันกระทืบตายคาห้องพอดี ที่สำคัญผมไม่อยากจะเห็นสายตาดูถูกจากรูมเมทตัวเอง

   “ปิดไฟไมวะ” ผมถามมันที่จู่ๆ ก็ปิดไฟเฉย

   “มึงยังกล้าถามกูอีกเรอะ ตรงข้ามไม่ใช่ป่านะเว้ย มันเป็นหอ”

   “แล้วไง” ผมไม่เข้าใจมันจริงๆ นะเนี่ย น้ำเสียงมันเหมือนจะเป็นห่วง หรือมันจะเป็นแบบผม อยู่กับรูมเมทคนก่อนมากเกินไป ปลุกนิสัยช่างดูแลในตัวขึ้นมา ถ้าเทียบกับผู้หญิงคงปลุกสัญชาตญาณความเป็นแม่มั้ง งี้ผมกับซันก็ปลุกสัญชาตญาณความเป็นพ่อดิ ฮ่าๆ พิลึก ผมคิดอะไรอยู่วะเนี่ย ไร้สาระสุดๆ สงสัยผมจะเมาแล้วจริงๆ

   “เชี่ยโป้ กูไม่รู้จะพูดอะไรกับมึงแล้ว มึงคิดว่าตัวเองหล่อแมนนักเหรอวะ หรือคิดว่าตัวเองหน้าตาเหมือนปลวก เกิดฝั่งตรงข้ามมันเป็นพวกเกย์นิสัยเหี้ยขึ้นมาบุกปล้ำมึงจะทำไง กูไม่ได้อยู่ห้องตลอดนะเว้ย เออ มึงอาจจะต่อยตีได้ เกิดมันพาพวกมารุมหลายคน...”

   “เดี๋ยวซัน มึง ใจเย็น หายใจลึกๆ”

   กลายเป็นผมที่ต้องบอกให้ซันใจเย็น ตกลงใครเมา แต่ที่แน่ๆ ผมสร่างเลยครับ แม้แสงสลัวจากด้านนอกทำให้ไม่เห็นใบหน้ามันชัดเจน แต่ผมมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์เลยว่า หน้าไอ้ซันตอนนี้คงเถื่อนได้ที่

   “ตอนเย็นกูแวะไปซื้อข้าวกินก่อนขึ้นหอได้ยินพวกคณะอื่นมันคุยกัน...” เห็นมันเกริ่นเหมือนจะเล่าเรื่อง ผมเงียบนั่งลงตั้งใจฟังดีๆ พยักหน้าให้สัญญาณมันเล่าต่อ มันยกมือขยี้ผมท่าทางหงุดหงิด

   “พวกมันน่าจะอยู่หอตรงข้ามกับพวกเรา เหมือนว่าหนึ่งในกลุ่มพวกมันจะเป็นเกย์” ผมแอบสะดุ้งกับคำว่าเกย์ ดีที่ซันมัวตั้งใจเล่าเลยไม่ทันสังเกตเห็น

   “อ่าฮะ แล้วไงต่อวะ”

   “มึงเป็นผู้ชายน่าจะเข้าใจดี เวลากลุ่มผู้ชายอยู่ด้วยกันคุยกันแต่เรื่องหยาบโลน มันพูดเรื่องแย่ๆ เกี่ยวกับตัวมึง”

   “เพราะงี้มึงเลยรอเพื่อเตือนกูสินะ” เกือบจะทำหน้าซาบซึ้งให้มันแล้ว มิตรภาพเล็กๆ ระหว่างรูมเมท เพื่อนเอ๋ย กูคงไม่กล้าบอกมึงว่าเป็นเกย์มากกว่าเก่า เอาเป็นว่าไว้ต่างคนต่างแยกหอค่อยบอก ไม่ก็เป็นความลับตลอดกาลไปเลยแล้วกัน!

“ก็นั่นแหละ พอดีกูเล่าเรื่องมึงให้เพื่อนฟัง” อ่าฮะ ไม่แปลก รู้สึกซันจะมีกลุ่มเพื่อนของตัวเอง ไม่เหมือนผม ลอยไปลอยมาเข้ากับทุกคนได้หมด จะชายหญิงไม่เกี่ยง

   “มิทเพื่อนกูมันรู้เรื่องพวกนี้เยอะ มันบอกว่าลักษณะอย่างมึงเป็นที่นิยมในหมู่เกย์มาก”

   “อืมๆ ว่าต่อ” ผมพยักหน้ารับรอฟังมัน

   “กูเลยลองไปเปิดในเน็ต เดี๋ยวนี้นะเว้ย ไม่ใช่แค่ผู้หญิงแล้ว ผู้ชายก็มีโอกาสโดนข่มขืนได้ ดังนั้นมึงต้องระวังให้มาก” คราวนี้ผมมองมันด้วยสายตาแปลกๆ บ้าง เหมือนมันจะสัมผัสได้เหมือนกัน ตบหัวผมแทบทิ่ม อ้าวไอ้นี่ เล่นถึงหัว

   “กูเข้าใจสิ่งที่มึงต้องการจะสื่อระ แต่กูถามอย่าง มึงกับกูเป็นรูมเมทกันก็จริง แต่รู้จักกันไม่กี่อาทิตย์ ไม่คิดว่ามึงเป็นห่วงกูมากเกินไปมั้งเหรอ”

   ถามลองเชิง ดูปฏิกิริยามัน ซันชะงักไปราวกับเพิ่งรู้สึกตัว เจ้าตัวเกาหัว

   “ไม่รู้ว่ะ สงสัยนิสัยกูจะออก คนรู้จักกูทุกคนบอกว่ากูเป็นพวกรักเพื่อนมาก มึงเป็นรูมเมท แถมยังเป็นเพื่อนไอ้ตัวเล็กเท่ากับเป็นเพื่อนกูเลยนึกเป็นห่วงตามประสาเพื่อน”

   ตกลงมันกำลังหาคำตอบให้ตัวเอง ไม่ได้ตอบคำถามผมสินะ ช่างมัน ไม่อยากเซ้าซี้มาก ผู้ชายดีอย่าง เป็นพวกไม่คิดเล็กคิดน้อย ไม่คิดเยอะ ถ้ามันว่าเพื่อนก็คือเพื่อน เอาเข้าจริง ผมเองก็คิดว่ามันเป็นเพื่อนแล้วเหมือนกัน

   “เอาเป็นว่า หลังจากนี้กูจะระวังตัว ไม่แก้ผ้าต่อหน้ามึงอีก โอเคยัง กูจะได้ไปอาบน้ำสักที”

   พอผมจะลุก ซันมันคว้าแขนไว้

   “ต่อหน้าคนอื่นก็ห้ามนะเว้ย” ก็นึกว่ามันจะพูดอะไร ผมส่ายหัวรับเสียงยาน

   “คร้าบๆ”   

------------------------------------------------------------------------------------------

แม้พี่จะเถื่อนขึ้นแต่ 'รักจริงหวังแต่งนะ<3' //ทำมือรูปหัวใจ //ซัน - ทำอะไรเห็นแก่หน้าพี่บ้าง

(http://www.mx7.com/i/eaa/ampIGz.jpg)
คนวาด - Fanpage Scilliraeps.FS
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) แจ้งการรีไรท์+ตัวอย่างรี [p.9]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 25-10-2016 18:17:48
รออ่านเลยยยยยยย อร๊ายยยยย
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) แจ้งการรีไรท์+ตัวอย่างรี [p.9]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 29-10-2016 01:08:49
 :impress3: กระชับขึ้นเยอะเลย โอเคจ้า เรายังไงก้อได้น่ะ ตามที่คนแต่งเห็นสมควรเลยจ้ะ แต่อยากอ่านต่อแล้ว  :mew4:
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) รีไรท์เสร็จแล้วจ้า [รออัพตอนต่อไป]
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 01-11-2016 11:48:09
 o13 o13
หัวข้อ: Re: }Y{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่25 เสียสละ [8/11/59] รีไรท์
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 08-11-2016 12:14:13
ยกที่25 เสียสละ

   ว่าตามจริง พวกเราไม่ได้เข้าห้องหออย่างที่พูดหรอก แค่เดินจูงมือกันริมเขื่อนเฉยๆ ใช้จักรยานคันเก่งของพี่มูนนั่นแหละ ถือว่าเป็นช่วงเวลาหวานๆ หลังจากสารภาพรัก

   “อากาศดีชะมัด” ผมยกแขนทั้งของตัวเองและของมันขึ้นสูง สูดลมหายใจลึกๆ เอาอากาศบริสุทธิ์เข้าปอด ให้เทียบแล้วผมชอบอากาศริมเขื่อนมากกว่าทะเลนะ เย็นสดชื่นไม่เหนียวตัวดี

   “มึงชอบก็ดี เดี๋ยวก็ได้อยู่ทั้งชีวิต” ซันพูดยิ้มๆ ดึงให้ผมนั่งลงตรงขอบทาง

   “อ้าว ไม่ใช่ว่ามึงจะไปทำงานตามสายที่เรียนเหรอ” ผมถามอย่างสงสัย ก็เห็นมันตั้งใจเรียนดี ดูชอบทางนี้มากๆ ไม่งั้นมันคงไปเรียนบริหารเพื่อกลับมาดูแลกิจการตั้งแต่แรกแล้ว

   “ก็ใช่ กูคงไปทำงานตามฝันก่อนค่อยกลับมาดูแลรีสอร์ท ส่วนมึงจะทำอะไรก็ได้ตามใจ ขอแค่ได้อยู่ด้วยกันก็พอ” ใบหน้าหล่อๆ หันมาสบตา มุมปากยกยิ้มนิดๆ มือกระชับแน่นทำเอาผมใจเต้นไม่เป็นจังหวะ นึกอยากยันคนลงน้ำเหลือเกิน จะอะไรก็ดี แต่ช่วยลดนิสัยปากหวานไม่แคร์สื่อลงหน่อยได้ไหม มันพูดได้หน้าตาเฉยมาก ไม่ปลอดภัยกับใจผมเลยให้ตาย

   “กูยอมเป็นเกย์กับมึงแล้วนะ รักกูให้มากๆ ล่ะ สำนึกบุญคุณกูด้วย” ซันยักคิ้วพูดอย่างเหนือกว่า ผมรู้ว่ามันปากดีไปงั้นในใจมันคงอยากจะบินแล้ว เห็นแก่ที่มันยอมอดทนกับผมมาตลอด ครั้งนี้จะปล่อยไปก่อนก็ได้

   เรานั่งใกล้กันมีฉากสุดโรแมนติกเสริมบรรยากาศ เบื้องหน้าคือผืนน้ำพลิ้วไหวเป็นละลอกคลื่นกับลมเย็นสบาย ด้านหลังคือรีสอร์ทที่เปิดไฟสว่างกับต้นไม้สูงใหญ่ เสียงแมลงในตอนกลางคืนแข่งกันร้องทำให้รอบข้างไม่เงียบจนเกินไป เหนือสิ่งอื่นใดคงเป็นท้องฟ้าในตอนกลางคืน

   หนุ่มสถาปัตย์ทิ้งตัวลงนอนบนพื้นปูนแบบไม่กลัวเสื้อเปื้อน ซันเห็นแบบนั้นเลยล้มตัวลงนอนใช้แขนต่างหมอนบ้าง ยามมองบนท้องฟ้าให้ความรู้สึกเหมือนกำลังถูกโอบกอดจากธรรมชาติ มันกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด ไม่มีตึกสูงหรือเสาไฟฟ้ามาบดบังการมองเห็น

   ขณะดูพระจันทร์เพลินๆ ซันชันเข่ามาโดนขาผม ผมเลยเขี่ยกลับบ้าง จนกลายเป็นศึกชนขาพร้อมเสียงหัวเราะของพวกเรา ผมพลิกตัวมานอนตะแคงมองใบหน้าด้านข้างของซัน อีกคนพอรู้ตัวว่าโดนผมจ้องก็หันมาสบตา ใบหน้าคมเข้มเคลื่อนเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ผมหลับตารับสัมผัสอย่างยินยอม

   ริมฝีปากแนบชิดเนิ่นนานก็ผละออก เป็นจูบหวานๆ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึก ซันเลื่อนไปจูบหน้าผากก่อนจะผุดลุกขึ้นพร้อมกับยื่นมือมาให้ผม

   “กลับกันเถอะ”

   “อืม” ผมยื่นมือไปจับให้ซันดึงตัวผมไปยืนเคียงข้าง มองจากภายนอกเหมือนเป็นการกระทำง่ายๆ แต่สำหรับพวกเราแล้วนี่คือจุดเริ่มต้นที่มีความหมาย ผมพร้อมที่จะยืนเคียงข้างซันและฝ่าฟันอุปสรรคด้วยกันนับจากนี้ไป

   พวกเราขี่จักรยานกลับรีสอร์ท ผ่านห้องอาหารที่เหลือลูกค้าเพียงไม่กี่คน กับเสียงเฮฮาจากงานเลี้ยงวันเกิดที่อยู่ไม่ไกล พอเห็นว่าไม่มีอะไรต้องทำ ผมกับซันเลยตรงกลับบ้าน เพราะยังเป็นตอนหัวค่ำ ไฟชั้นล่างเลยเปิดสว่าง เข้าไปพบพ่อแม่กับพวกพี่มูนครบองค์ประชุม

   พอแม่เห็นเราก็เรียกทันที

   “กลับมาแล้วก็มานั่งนี่ แม่มีเรื่องจะคุยด้วย” คุณแม่ยังมีรอยยิ้มบางๆ แต่ผมรู้สึกว่าบรรยากาศมันแปลกไป หนุ่มเหนือมองคนข้างกาย ซันตีหน้านิ่งจูงมือผมไปนั่งด้านข้างตรงข้ามกับแม่ พ่อซันอยู่วงนอกเป็นผู้สังเกตการณ์เต็มตัว ดูเหมือนว่าบ้านนี้แม่จะเป็นใหญ่ ส่วนพวกพี่มูนยังไม่มีใครพูดอะไรออกมา แค่มองเป็นเชิงรับรู้ว่าพวกเรากลับมาแล้ว

   “แม่มีอะไรเหรอครับ” ระหว่างที่ซันถามยังไม่ยอมปล่อยมือจากผม ทีแรกผมจะดึงมือคืนเพราะมันไม่ค่อยเหมาะเวลาอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ แต่ซันจับแน่นผมเลยล้มเลิกความตั้งใจ เอาวะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ในเมื่อขอลูกเขาแล้วก็ต้องยืดอกรับ ล่มหัวจมท้ายรับกรรมไปด้วยกันนี่แหละ!

   ผมบีบมือซันคืน เจ้าตัวหันมามองแปลกใจ ก่อนจะยิ้มตาสื่อความหมายจนแม่ต้องเอ็ด

   “เจ้าลูกคนนี้ ถามแม่ก็มองหน้าแม่” คุณแม่กอดอก ซันหันไปมองอย่างว่าง่าย ส่วนผมนั่งตัวเกร็งลุ้นว่าแม่จะพูดเรื่องอะไร

   “แม่จะคุยเรื่องเราสองคนนั่นแหละ แม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในรีสอร์ทหมดแล้ว สรุปว่าตกลงปลงใจกันแล้วสินะ แต่แม่อยากได้หลาน มูนก็เป็นไปแล้ว ซันยังเป็นอีกเหรอ” เสียงถอนหายใจดังชัดเจน ประโยคท้ายเล่นเอาผมสะอึก จริงอย่างที่แม่พูด บ้านนี้มีลูกชายสองคน แต่คนโตก็เป็นเกย์ไปแล้ว คนเล็กยังเป็นอีก เรียกได้ว่าอนาคตมืดมน

   อ่า...นี่ยังไม่นับรวมกับที่บ้านผมอีก แม้พ่อแม่จะรับได้เรื่องที่ผมมีรสนิยมแบบนี้ แต่ยังไม่เคยพาแฟนเป็นตัวเป็นตนไปอวดโฉมเลยด้วยซ้ำ ลึกๆ ข้างในพวกท่านยังมีความหวังว่าผมจะกลับมาชอบผู้หญิงเหมือนเดิม ทางฝั่งบ้านใหญ่ด้วย ปากบอกไม่สนๆ แต่เชื่อเถอะว่าปู่ไม่ยอมปล่อยผมง่ายๆ แน่ คิดแล้วก็กลุ้ม ถึงงั้นผมก็จะไม่ยอมปล่อยมือซันไปเด็ดขาด ผมเคยทำมันเจ็บแล้วครั้งหนึ่ง ไม่อยากทำอีกครั้งที่สอง

   หากเราต้องแยกไปตามทางของตัวเอง ขอให้เป็นเพราะหมดรักกัน ไม่ใช่ต้นเหตุจากคนอื่น การทำแบบนั้นมีแต่จะเจ็บทั้งสองฝ่าย ผมเคยบอกแล้วว่าผมเป็นคนเห็นแก่ตัว

   ระหว่างที่ผมกำลังคิดไปหลายตลบเพื่อหาทางออกให้ชีวิตกับแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้า ซันเปิดปากขึ้นมา

   “ถ้าแม่อยากได้หลานซันมีให้ได้ แต่ซันจะมีกับโป้เท่านั้น แม่รอมันท้องได้ก่อนแล้วซันจะยอมมีให้”

   “เฮ้ออ ลูกก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ถ้าโป้เป็นผู้หญิงแม้จะไม่ว่าเลย แต่นี่...หรือแม่ควรจะคุยกับมูนดี?” ว่าพลางหันไปมองพี่คนโตที่ยังนั่งหน้านิ่งตรงข้ามกับน้องชาย ซันดูเดือดขึ้นมาทันที

   “แม่ครับ! เรื่องนี้พี่มูนไม่เกี่ยว เรื่องของพี่มูนมันจบไปนานแล้ว กว่าพวกพี่จะมาถึงจุดนี้ได้ไม่ใช่ง่ายๆ แม่เคยบอกไม่ใช่เหรอว่ายึดความสุขของลูกเป็นหลัก แม่จะทำร้ายพี่มูนไม่ได้ ซันไม่ยอม” ผมรีบดึงตัวซันให้มันสงบสติอารมณ์ ก่อนจะพากันสะดุ้งเมื่อเสียงตบมือกับโต๊ะดังสนั่น

   รอยยิ้มเลือนหายไปจากใบหน้าของแม่

   “แล้วจะให้แม่ทำยังไง! ลูกชายของแม่ทั้งสองคนเป็นแบบนี้กันหมด ทีแรกกับมูนแม่ยังเข้าใจและหวังพึ่งเรานะซัน แต่ดูสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้สิ” วาจาที่ได้ยินทำเอาผมหน้าชา หลุดปากพูดออกมาอย่างไม่ตั้งใจ

   “คุณแม่ แล้วที่เคยพูดกับผมก่อนหน้านี้...บอกให้ผมตัดสินใจ ไม่ใช่เพราะเข้าใจพวกเราเหรอครับ”

   เกิดความเงียบปกคลุมชั่วขณะ พ่อมองผมกับซันด้วยสายตาเห็นใจ พี่มูนยกมือขึ้นกุบขมับ พี่จินนั่งเงียบไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว แม่มองผมด้วยแววตาสงสาร มันเจ็บยิ่งกว่ามองด้วยสายตาต่อว่าเสียอีก

   “แม่คงทำให้โป้เข้าใจผิด แม่คิดว่าพวกเรากำลังสับสนในฐานะเพื่อน แม่ไม่คิดว่ามันจะเลยเถิดมาถึงขั้นนี้”

   ฟังจนจบประโยค ร่างกายผมเย็นเฉียบ สมองอื้ออึงไปชั่วขณะ เป็นผมที่เข้าใจผิดไปเอง คิดว่าแม่ยอมรับและกระตุ้นให้ผมตัดสินใจเพื่อซัน เสียงของซันกับแม่ที่ทะเลาะกันเหมือนดังอยู่ไกลออกไป ผมมองทุกคนด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง จนกระทั่งสายตาเลื่อนไปมองพี่จินที่ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน แววตานั้นฉายความหนักแน่น เหมือนจะบอกว่าให้ผมเชื่อใจซันเหมือนที่พี่จินเชื่อใจพี่มูน

   ย้อนกลับมาดูตัวเอง สมองครุ่นคิดอย่างหนักถึงทางออกในครั้งนี้ เพิ่งเจออุปสรรคแล้วจะยอมแพ้แล้วหรือ ไม่! ผมจะผ่านมันไปให้ได้ ในเมื่อปัญหามันอยู่ที่เด็ก งั้นคงต้อง...

   ผมเงยหน้าขึ้น กดบ่าซันให้นั่งลง ส่วนผมคุกเข่าต่อหน้าแม่ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคน

   “ผมเข้าใจแล้วครับ ผมจะยอมให้ซันมีหลานให้แม่”

   ดวงตาซันเปิดกว้าง ลุกพรวดมากระชากไหล่ผม

   “มึงจะทำอะไร มึงพูดบ้าอะไร!!” เสียงตวาดของมันแฝงความปวดร้าวไม่ต่างจากสัตว์ร้ายที่ถูกทำให้บาดเจ็บสาหัส ในใจผมปวดหนึบเมื่อได้ยินเสียงนั้น เห็นสีหน้าของมันกับดวงตาแดงๆ ตัดพ้อ เสียใจ ไม่เข้าใจ ผมกัดฟันกำมือซันที่อยู่บนบ่าแน่น

   แม่เองก็อึ้งจนพูดอะไรไม่ออก พอเห็นลูกชายคนเล็กแสดงท่าทางแบบนั้นใจของแม่เจ็บปวดกว่าหลายร้อยเท่า แววตาเริ่มฉายความลังเลกลายเป็นพ่อที่ถามต่อแทน

   “โป้แน่ใจเหรอที่จะทำแบบนี้”

   “ครับ”

   “โป้!!” เสียงร้องเรียกมันอย่างกับจะขาดใจ ผมพยายามกลั้นน้ำตาดึงมันมากอด พลางมองแม่สลับกับพ่อ

   “ผมยอมให้ซันมีหลานให้พวกท่าน แต่ผมมีข้อแม้หนึ่งอย่าง ผมจะไม่ไปจากซัน เราจะอยู่ด้วยกัน ส่วนผู้หญิงที่จะเป็นแม่ในอนาคตผมไม่สน เธอจะอยู่หรือจะไปก็ได้” ผมยอมรับว่าตัวผมค่อนข้างเลวเลยทีเดียว แต่ผมคิดวิธีอื่นไม่ออกแล้ว เรื่องลูกบุญธรรมงั้นเหรอ เหอะ! ลืมไปได้เลย ถ้าวิธีนี้ใช้ได้ แม่จะเรียกพวกเรามาคุยทำไม

   ซันผละออกจ้องเข้ามาในดวงตาของผม สองมือบีบแขนจนผมเจ็บ ผมไม่นึกโกรธมันเลยสักนิด เพราะความเจ็บนี้เป็นสิ่งที่ถ่ายทอดออกมาจากความรู้สึกของซัน

   “ไม่ กูจะไม่มีอะไรกับใครทั้งนั้น กูบอกแล้วไงว่ากูจะมีแค่มึงคนเดียว” พูดจบก็หันไปมองพ่อกับแม่ เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน “ซันขอโทษที่ซันทำตามความหวังของพ่อแม่ไม่ได้ แค่เรื่องนี้เท่านั้นที่ซันทำให้แม่ไม่ได้จริงๆ ที่ผ่านมาซันเชื่อมาโดยตลอด...เชื่อว่าแม่จะเข้าใจและยอมรับเรื่องของเราได้...”

   “พอเถอะซัน” ผมกอดซันไม่อยากให้มันพูดมากไปกว่านี้ แค่นี้แม่ก็เสียใจมากแล้ว ผมไม่อยากให้เรื่องของเราสร้างรอยร้าวในครอบครัว ผมรู้ดีเพราะผมเคยเจอมาก่อน มันแย่มาก แย่ถึงขั้นเลวร้าย

   “แม่ แม่...” คุณแม่อ้ำอึ้ง ยื่นมือมาหาซันแต่ก็ลังเล ก่อนที่มือสั่นเทาคู่นั้นจะถูกดึงไปกุมไว้อย่างอ่อนโยนด้วยฝีมือของพี่มูน

   “คนสวยของมูน อย่าเสียใจเลยนะ มูนกับซันเข้าใจความหวังดีและความต้องการของแม่ เอาแบบนี้ดีไหมครับ ผมจะเป็นคนมีหลานให้แม่เอง” พี่มูนพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลปลอบโยน

   “แล้วจิน...” แม่หันไปมองอีกคน พี่จินพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มบางๆ

   “ผมไม่เป็นไรครับคุณแม่ ความจริงเรื่องนี้พวกเราปรึกษากันมานานแล้ว ตั้งแต่รู้เรื่องของซัน อีกอย่างตัวผมก็ไม่มีครอบครัว ได้สร้างครอบครัวของตัวเองก็ดีเหมือนกัน แต่ต้องขอให้แม่เข้าใจด้วยนะครับ ว่าผมคงยกมูนให้ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้จริงๆ เพราะทั้งชีวิตนี้ผมมีมูนแค่คนเดียว” นักธุรกิจหนุ่มหว่านล้อมอย่างมีชั้นเชิง ไม่แข็งกร้าวจนเกินไปและไม่อ่อนจนดูไร้จุดยืน

   เรื่องราวของจินครอบครัวนี้รู้ตั้งแต่แรก จินเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่อายุสิบเจ็ด อาศัยทรัพย์สินที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้กับความสามารถ ความขยันและโอกาสจากผู้มีพระคุณจนก้าวมาถึงจุดนี้ได้ แต่ยิ่งสูงก็ยิ่งหนาว ท่ามกลางผู้คนมากมายที่เดินเข้าหาไม่มีใครจริงใจเลยสักคน จนกระทั่งได้เจอกับมูน จินจึงพร้อมมอบทุกอย่างให้และยึดมูนเป็นสำคัญ

   พ่อเข้ามาจับบ่าแม่ ลูบให้กำลังใจ

   “แม่ พวกลูกโตแล้ว ปล่อยให้พวกเขาตัดสินใจเองเถอะ ชีวิตเราก็โรยราไปตามกาลเวลา ไม่ได้อยู่กับพวกเขาจนตาย ปล่อยวางเถอะนะ” แม่มองพ่อก่อนจะมองลูกๆ พลางถอนหายใจ

   “แม่ขอขึ้นไปพักก่อน เรื่องนี้ไว้เราค่อยคุยกันอีกที” เรื่องเพิ่งเกิด ยังคงเร็วเกินไปที่จะตัดสินใจอะไร ทุกคนยอมรับคำตัดสินนั้น พี่มูนช่วยพ่อประคองแม่ขึ้นไปชั้นบน ในขณะที่พี่จินตบบ่าพวกเราเบาๆ

   “เพิ่งจะเข้าใจกันก็มาเจอเรื่องแย่ๆ ลำบากหน่อยนะพวกนาย”

   “ผมขอโทษพี่จิน ที่ทำให้พวกพี่ต้องรับปัญหาไปแบบนี้” ซันยกมือไหว้อย่างรู้สึกผิด พี่จินไม่ถือสายื่นมือมาขยี้หัวทั้งคู่

   “ไม่ต้องคิดมาก ความจริงปัญหามันเกิดเพราะฉันกับมูนตั้งแต่แรก พวกนายแค่รับเคราะห์” พอซันอ้าปากจะเถียง พี่จินยกมือห้าม “ฉันกับมูนเสียสละให้แบบนี้แล้ว พวกนายประคับประคองความรักต่อไปให้ดี พี่เชื่อใจเรานะซัน ส่วนโป้ บอกตรงๆ พี่ยังไม่เชื่อ สิ่งที่ถ่วงนายมีมากเกินไป ช่วยกลับไปแก้ให้หมดด้วยอย่าทำให้ทุกคนผิดหวัง”

   ผมพยักหน้า รับสายตาคมกริบแบบไม่มีข้อโต้แย้ง ภาระด้านหลังของผมมากไปจริงๆ ในสายตาของพี่จินที่เจอคนมามากในแวดวงธุรกิจ ไม่แปลกเลยที่จะมองผมได้อย่างทะลุปรุโปร่ง

   “โป้ กูอยู่ข้างมึงเสมอ เราจะแก้ปัญหาไปด้วยกัน มึงอย่าทำอะไรโง่ๆ อย่างวันนี้อีก” มันจับมือผมแน่นดวงตาแข็งกร้าว มันคงจะเสียใจมากที่ผมดูจะยกมันให้คนอื่นง่ายๆ ซึ่งมันไม่จริงเลย ที่ผมทำแบบนั้นไม่ต่างจากการเฉือนหัวใจตัวเองทิ้ง เพื่อแลกกับการที่ได้อยู่กับมัน

   พี่จินกอดอกเทศนาพวกเราอีกรอบ “โป้ก็เรื่องหนึ่ง ซันก็ด้วย เลิกซะไอ้นิสัยโลกหมุนรอบตัวเองถ้ายังอยากจะอยู่กันยืด มันต้องถอยกันคนละก้าว กลับไปคิดทบทวนกันดีๆ ฉันไปพักล่ะ” เจ้าตัวตัดบทยามเห็นคนรักเดินลงมาจากบันได มูนเดินเข้ามาสวมกอดน้องชายกับน้องสะใภ้ก่อนจะพากันกลับไปพักผ่อน

   เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นพวกเราก็หมดอารมณ์จะหาอะไรทำต่อแล้ว ผมกับซันขึ้นห้องผลัดกันอาบน้ำแล้วมานอนก่ายหน้าผากบนเตียง ผมหันไปมองคนที่นอนหันหลังให้

   “มึงโกรธกูรึเปล่า” เรื่องที่ผมตัดสินใจไป...

   “โกรธ ทั้งที่กูรักมึงอยากมีมึงแค่คนเดียว มึงกลับยกกูให้คนอื่นง่ายๆ” โดนมันพูดใส่แบบนี้ผมก็หมดอารมณ์จะพูดอะไรต่อ พลิกตัวนอนหันหลังให้มันบ้าง จู่ๆ เตียงก็ไหวยวบพร้อมกับอีกคนที่ขยับมาสวมกอดทางด้านหลัง คางเกยอยู่บนบ่า ใบหน้าซุกอยู่แถวคอพูดใกล้หู “กูอยากจะอัดมึงติดข้างฝา แต่พอพี่จินบอกกูถึงได้คิด ว่ามึงเองก็มีเหตุผลของมึงเหมือนกัน ถึงงั้นก็ยังโกรธ มึงคิดว่ากูเป็นคนเห็นแก่ตัว เอาแต่ใจมั้ยวะ”

   อ้อมแขนรัดแน่นจนผมเริ่มอึดอัด เอื้อมมือไปด้านหลังตบหัวมันปุๆ

   “แน่นไปคลายแขนออกหน่อย” ยังดีที่มันยอมทำตามที่ขอ แสดงว่ามันใช้ความเงียบก่อนหน้านี้ในการคิดทบทวนสงบสติอารมณ์บ้างแล้ว ผมพลิกตัวหมุนหน้าเข้าหาซัน เอาหน้าผากโขกมันเบาๆ “มึงมันเอาแต่ใจจริง เรื่องความเห็นแก่ตัว มึงเทียบกูไม่ได้หรอก”

   ซันหลับตาพึมพำออกมา “เรามันก็พอกันทั้งคู่ แบบนี้คบกับใครไม่ได้ ต้องคบกันเองดีที่สุด นอนเถอะ ไม่ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น กูจะไม่ทิ้งมึงเด็ดขาด”

   “เหมือนกัน ฝันดีมึง”

   “เออ ฝันดี”

   ผมจูบซันก่อนนอนเหมือนทุกวัน พยายามสลัดความคิดมากมายในหัวออกเพื่อนอนเอาแรงเตรียมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้

   ยามเช้าที่บ้านเงียบเหงาเป็นพิเศษ ถึงอย่างนั้นผมก็ยังตื่นตั้งแต่เช้ามืดเพื่อรอไปจ่ายตลาดกับแม่เหมือนเมื่อวานโดยมีซันเป็นของแถม เพิ่งมีเหตุกันไปเมื่อคืนก็จริงแต่ผมอยากทำตัวคงเส้นคงวา ไม่อยากผิดคำพูด เราเลยมานั่งหน้าสลอนอยู่บนโซฟาชั้นล่าง กระทั่งแม่เดินลงมามองด้วยความแปลกใจ

   “อรุณสวัสดิ์ครับแม่” ผมยกมือไหว้ แม่ยกมือรับให้ผมใจชื้น ในขณะที่ซันเดินเข้าไปช่วยประคองอย่างเอาใจ ต่อให้เมื่อคืนมันพูดเสียงแข็งเถียงคอเป็นเอ็นแค่ไหนก็คงรู้สึกผิดกับแม่ไม่น้อย

   “ไปเถอะ เดี๋ยวตลาดจะวายซะก่อน”

   พวกผมมองหน้ากันลอบส่งยิ้มนิดๆ อย่างน้อยๆ แม่ก็ไม่ไล่พวกเราล่ะนะ!

   ตลอดทางซันดูแลแม่อย่างดี ไม่ว่าจะเปิดประตูรถให้ ช่วยถือตะกร้าปล่อยให้ผมเลือกของสดกับแม่ พวกเราคุยกันตามปกติต่างกันแค่ไม่ได้พูดจาหยอกล้อกันเท่านั้นเอง กลับจากตลาดผมช่วยแม่ทำอาหารมีซันเป็นลูกมืออีกคน วุ่นวายกันอยู่สามคนในครัว

   มูนจินที่อยู่บ้านอีกหลัง พอเข้ามาเห็นภาพนั้นก็พาให้โล่งอก ทั้งคู่ยกมือไหว้พ่อที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์จิบกาแฟยามเช้า ก่อนช่วยจัดโต๊ะหลังอาหารเสร็จเรียบร้อย

   ระหว่างทานข้าวมีเพียงเสียงคุยกันเบาๆ กับเสียงกระทบของช้อนส้อม

   “เงียบๆ แบบนี้ไม่เหมาะกับบ้านเราเลย” แม่เปรยขึ้นมา ทุกคนเงยหน้าจากจานอาหารมองเป็นตาเดียว “เมื่อคืนแม่ไปนอนคิดดูแล้ว พวกลูกจะทำอะไรก็ทำไป แม่จะไม่บังคับอะไรอีก แต่ขอให้จำไว้อย่างหนึ่งว่ามันเป็นทางที่ลูกเลือกเอง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคตพวกลูกต้องรับผิดชอบด้วยตัวเอง เข้าใจนะ” ทุกคนสัมผัสได้ว่าแม่จงใจไม่พูดถึงเรื่องทายาทเลยพร้อมใจกันไม่นึกถึงด้วย

   “แม่...ซันขอโทษ” ซันบอกเสียงอ่อน เหมือนลูกหมาหูตกอ้อนแม่

   “ช่วยไม่ได้นี่นะ ลูกๆ บ้านนี้ใจร้อนได้แม่กันทุกคน” มือที่เริ่มเหี่ยวย่นยกปิดปากหัวเราะ

   “น่าดีใจที่แม่รู้ตัวกับเขาเหมือนกัน” พ่อพูดลอยๆ แบบได้ยินกันทุกคนเลยถูกแม่ตีแขนแจกค้อนวงใหญ่

   แม้จะยังไม่เฮฮากันอย่างเก่า แต่บรรยากาศตึงๆ คลี่คลายลงก็เพียงพอแล้ว ผมยิ้มให้กับภาพพ่อหยอกแม่ ซันคอยตักอาหารให้แม่สลับกับผม พี่มูนดูแลพี่จินอย่างดี ชวนให้นึกถึงครอบครัวตัวเองขึ้นมา

   รอก่อนนะครับ ผมจะพาคนรักไปแนะนำบ้าง เพราะผมได้ความกล้าจากซันมาแล้ว...

หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่25 เสียสละ [8/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-11-2016 12:53:28
ใจหายใจคว่ำหมด
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่25 เสียสละ [8/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 08-11-2016 13:00:22
น้องโป้ของเจ้ สู้ๆนะลูกนะ พาซันไปพิชิตใจพ่อแม่ให้ได้
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่25 เสียสละ [8/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Dolamon ที่ 08-11-2016 13:46:05
โล่งอก อ่านทีแรกนึกว่าจะ มาม่า ซะแล้ว


 :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่25 เสียสละ [8/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 08-11-2016 14:04:52
 :L2:  ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่25 เสียสละ [8/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 08-11-2016 14:43:31
อันนี้น่าจะมาม่าชามเล็ก ชามใหญ่ต้องได้กินจากปู่ของโป้แน่เลย(?)
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่25 เสียสละ [8/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 08-11-2016 17:11:02
 :pig4: :pig4: :pig4:

มันแบบว่า ฮ่าๆคิดถึงตัวเองชมัด 555
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่25 เสียสละ [8/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 08-11-2016 17:22:16
:pig4: :pig4: :pig4:

มันแบบว่า ฮ่าๆคิดถึงตัวเองชมัด 555

ฉากไหนเอ๋ย *-*
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่25 เสียสละ [8/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 08-11-2016 17:34:26
ไปบ้านโป๊กัน
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่25 เสียสละ [8/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Blackbone ที่ 10-11-2016 01:24:18

ฟู่ววววววววววว ถอนหายใจยาวๆ หวั่นมาม่าจริงๆ ถึงครั้งนี้จะไม่ได้กินแต่เตรียมใจไว้ว่าอีกไม่นานคงได้กินแน่ๆเลยย
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่26 ลักนะ [9/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 09-12-2016 01:45:08
ยกที่26 ลักนะ

   แต่ก่อนหน้านั้นผมต้องทำหน้าที่ ว่าที่เมียเจ้าของรีสอร์ทที่ดีก่อน

   “โป้เตรียมหมูให้พี่ที” พี่ที่หน้าตารุ่นพ่อตะโกนสั่งข้ามฟาก ผมวิ่งขาขวิดเอาผักที่หั่นล้างไว้ให้ถึงมือ ก่อนจะหมุนตัวไปทำงานอย่างอื่นต่อ เรื่องของเรื่องคือ หลังมื้อเช้าผมกับซันมาเดินเล่นในรีสอร์ทกระชับมิตรกับซันไม่เท่าไร พี่มูนก็ให้คนมาตามพวกเราไปช่วยงาน เพราะลูกค้าไม่รู้แห่มาจากไหนกลุ่มใหญ่

   ซันต้องวิ่งไปรับหน้าส่วนผมโดนพี่มูนเตะโด่งเข้าไปในครัว ให้เหตุผลว่า

   “เมื่อวานโป้ก็ช่วยในครัวสินะ วันนี้ช่วยอีกแล้วกัน ถือซะว่าฝึกมือก่อนมาบริหารกับซันในอนาคต”

   นั่นล่ะครับท่านผู้ชม ผมถึงได้หัวหมุนอยู่ในห้องครัวแบบนี้ ในใจสงสัยว่าหน้าที่คนครัวกับพนักงานโบกรถช่วยฝึกเรื่องการบริหารรีสอร์ทยังไง แต่เอาเถอะ ผมเต็มใจช่วยอยู่แล้ว งานไหนก็ไม่เกี่ยง

   ช่วงสายไม่เท่าไหร่ ตอนเที่ยงในครัวไม่ต่างจากขุมนรก เสียงชู่ช่าของการทำอาหาร กลิ่นตลบอบอวนจนท้องร้องจ๊อกๆ ผมมองเนื้อดิบในมือน้ำลายไหล ก่อนสลัดหัวไล่ความคิดพิลึกเพราะพ่อครัวใหญ่กำลังจ้องเขม็งมาทางนี้ เอาวะ รีบทำงานให้เสร็จจะได้กินข้าว

   ว่าไปนั่น พวกพี่ๆ เขาก็ไม่ได้โหดร้ายถึงกับให้ผมอดข้าวหรอก เพียงแต่ลูกค้ามากินข้าวเที่ยงเยอะมาก ทั้งแบบนั่งในห้องอาหาร และแบบเอาไปเสิร์ฟที่บ้านพัก ทุกคนยังไม่มีใครได้กินแล้วจะให้ผมไปนั่งกินคนเดียวได้ยังไง ร่วมด้วยช่วยกันจนกระทั่งงานเริ่มซา พ่อครัวใหญ่ก็ประกาศทั้งที่ยังยืนถือตะหลิวผัดข้าว

   “ลูกค้าเริ่มน้อย สลับกันไปพักกินมื้อเที่ยงได้” เหล่าคนครัวขานรับ หาทำกับข้าวง่ายๆ ไปนั่งกินที่โต๊ะหลังครัว ซึ่งทางรีสอร์ทจัดไว้ให้โดยเฉพาะ เหลือเพียงสามสี่คนที่ช่วยงานพี่เต่า ผมคือหนึ่งในนั้น

   “โป้ ไปพักก่อน วันนี้ช่วยได้มากเลย” ตะหลิวชี้หน้า ผมเอียงหัวหลบเสียวโดนแนบแก้ม

   “ไม่เป็นไรพี่ ผมช่วยอีกนิดค่อยไปกินก็ได้” บอกอย่างใจกว้างทั้งที่พยาธิเริ่มประท้วง

   “บอกให้ไปก็ไปสิ เดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมาคุณมูนเอาเรื่องพี่ตายพอดี เป็นถึงเพื่อนคุณซันแต่ยอมมาช่วยงานก็ขอบคุณมากแล้ว” พี่เต่ายิ้มให้ทั้งที่หน้ามันเยิ้ม คนที่รู้ว่าผมเป็นแฟนซันมีแค่พนักงานกับลูกค้าที่อยู่ในเหตุการณ์เท่านั้น พี่เต่าเขาเป็นพ่อครัวกะเช้าเลยเข้าใจว่าเป็นเพื่อนกันเฉยๆ

   ผมไม่ปฏิเสธ เรื่องส่วนตัวไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศ ไม่ใช่ทุกคนจะรับได้ พวกลูกค้าเมื่อวานก็เหมือนกัน พี่มูนเป็นคนออกหน้าแจ้งลูกค้าโดยอ้างว่าจะมีคู่รักชายชายมาสารภาพกันในห้องอาหาร สำหรับคนที่ไม่สะดวก ทางรีสอร์ทจะส่งอาหารให้ฟรีถึงบ้านพัก บางส่วนจึงกลับไป ทุกอย่างเลยสวยงามไม่มีปัญหาอะไร

   ผมลอบถามพี่มูนลับหลังเหมือนกัน ว่าทำแบบนี้จะไม่เป็นไรเหรอ คุณพี่คนเก่งหัวเราะ บอกผมว่าถือเป็นการโปรโมทให้คู่รักมาที่รีสอร์ทเราไปในตัว แถมยังเป็นรีสอร์ทเปิดกว้างรับได้ทุกเพศ อาศัยพวกลูกค้าเมื่อคืนช่วยกันกระจายข่าวต่อ เท่านี้เงินก็จะไหลมาเทมา ไม่เสียลูกค้าเก่า ลงทุนนิดหน่อยได้กำไรเท่าทวี ผมละนับถือพี่มูนจริงๆ

    “ถ้างั้นผมขอแบ่งข้าวผัดนี่ไปสักสองจานนะครับ ผมจะเอาไปให้ซันด้วย” กลับสู่เหตุการณ์ปัจจุบัน ข้าวผัดที่พี่เต่าทำก็ให้พนักงานนี่แหละ ทุกคนสามารถมารับข้าวที่ครัวไปกินฟรีวันละสามมื้อ แต่ถ้านอกเวลาต้องหากินกันเอง ถือเป็นการช่วยเสริมให้ทุกคนตั้งใจทำงาน

   “เอาไปเยอะๆ เด็กผู้ชายวัยกำลังโตกินจุเป็นธรรมดา ฮ่าๆ!” หัวเราะเหมือนซานตาคลอสพร้อมตักข้าวผัดใส่จนพูนจาน ผมยิ้มแห้งเอ่ยขอบคุณแล้วเอาต้นหอมกับมะนาวฝ่าซีกวางขอบจาน คว้าน้ำมาสองขวดค่อยยกไปด้านนอก ไม่รู้ซันมันอยู่ส่วนไหนของรีสอร์ท ผมเลือกโต๊ะหลบมุมเหมาะๆ แล้วโทรหา รอไม่นานก็รับสาย

   /มีไร/ ห้วนตามนิสัย

   “กินข้าวมึง อยู่ไหนวะ” ผมมั่นใจว่ามันยังไม่กินแน่นอน อย่างซันถ้ามันจะกินต้องมาชวนผมก่อน มันยอมอดได้แต่ไม่ยอมให้ผมอดเด็ดขาด

   /มึงยังไม่กินข้าวอีกเหรอ/ เสียงเหวี่ยงมาเลย ผมกลอกตาเอือม

   “รอกินพร้อมมึงเนี่ย อยู่ไหนก็ช่าง รีบมาไวๆ กูรอที่ห้องอาหารใกล้ครัว หิวจะตายอยู่แล้ว” ตอแหลเน้นๆ ผมเพิ่งทำงานเสร็จต่างหาก

   /เออๆ จะรีบไปเดี๋ยวนี้ กินไปก่อนเลย/ สิ้นคำก็วางสาย ไม่ต้องห่วงนะ ผมนั่งตักกินระหว่างคุยกับมันเนี่ย ช่างเป็นแฟนที่ดีจริงๆ พิสูจน์รสชาติให้ก่อนเสียสละสุดๆ

   ไม่ถึงสิบนาทีไอ้ซันก็วิ่งเหงื่อท่วมมานั่งตรงข้าม ผมดันขวดน้ำไปให้ มันกระดกซะครึ่งขวด เอ็งจะกินข้าวยังไง ดวงตาคมๆ มองจานข้าวผัด เห็นผมกินก่อนก็ไม่ว่าอะไร ถ้าผมรอมันสิจะโดนด่า

   “มึงทำเองปะ”

   “ไม่ว่ะ พี่เต่านะ อร่อยนะมึงกินดู” ดูมันเสียดายนิดหน่อย แต่ก็บีบมะนาวตักข้าวใส่ปากพยักหน้าหงึกหงัก ต่อจากนี้ไม่จำเป็นต้องพูด ต่างคนต่างจ้วงข้าวกินดับความหิวโหย ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ ข้าวที่พี่เต่าให้มาพวกเราฟาดซะเรียบ ไอ้ซันยังลุกไปขอเติมด้วยซ้ำ หลังจากนั้นผมเลยนั่งดูมันกินแทน

   “จะกลับหอตอนไหน” ผมถาม วันจันทร์เรามีเรียนเลยต้องกลับวันนี้

   “กินข้าวเสร็จพักสักหน่อยแล้วกลับเลยก็ได้ เสื้อผ้าเก็บไว้แล้วนี่ อันที่จริงมึงทิ้งชุดบางตัวไว้ที่ห้องกูได้นะ เผื่อมานอนค้างอีก” พูดราวกับเป็นเรื่องลมฟ้าอากาศ แต่ตาหลุกหลิก หูตั้งรอฟัง เพราะมันหมายความว่าหากผมทิ้งชุดไว้คือ จะกลับมาบ้านมันอีกครั้งแน่ๆ เอาใจไอ้เถื่อนหน่อยละกัน น่ารักขนาดนี้

   “เออ ทิ้งไว้หมดนั่นแหละ เอาไปเฉพาะพวกของจำเป็นพอ”

   ซันเงยหน้ามองอย่างไม่อยากเชื่อแล้วก้มหน้าก้มตากินซ่อนรอยยิ้มมุมปาก ผมหันหน้าไปทางอื่นพยายามท่องนะโมในใจ แฟนใครวะ น่ารักน่าใคร่ซะจริง อ๊ะๆ อย่าได้หวังฉากเช็ดปากเช็ดหน้านะ ฮาร์ดคออย่างเราไม่มีหรอก

   “ซัน ข้าวติดปาก”

   “ไหนวะ”

   จุ๊บ ยกแขนบังจัดการใช้ลิ้นตวัดเม็ดข้าวแล้วผละออก ทุกอย่างเกิดขึ้นในเวลาไม่ถึงนาที ซันตาโตอ้าปากค้าง ผมเลียริมฝีปาก เท้าคางเลิกคิ้วมองให้มันกินต่อ

   หึหึ ลวนลามสามีวันละนิดจิตแจ่มใส ในเมื่อผมเปิดใจรักมัน ก็ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ ไม่ต้องคิด ไม่ต้องฝืน อยากทำอะไรก็ทำขอแค่ผมพอใจเป็นพอ ซันชี้หน้าผมเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน

   “กลับห้องไปมึงเจอกูแน่” เสียงรอดไรฟันมาเชียว พี่โป้ไม่กลัวหรอกจ้ะ

   “มาเลย ถ้าช้ากูลุยเองนะ” ทิ้งทวนอีกประโยค ผมระเบิดเสียงหัวเราะขำท่าทางเหมือนอยากกระโจนมาขย้ำให้ตายของซัน หยอกเล่นไปงั้น ผมเลยลุกไปขอผ้าเช็ดมาให้มันซับหน้าดับอารมณ์อยากเตะเมีย

   กินข้าวเสร็จผมเก็บจาน ซันไปดูงานต่ออีกหน่อยค่อยพากันกลับบ้านอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าบอกลาทุกคนก่อนออกเดินทาง เรายืนกันอยู่หน้าบ้าน รถติดเครื่องรอไว้เรียบร้อย

   “ซันกลับกรุงเทพก่อนนะ” ลูกชายคนเล็กยกมือไหว้ลา

   “ว่างๆ ก็กลับมาบ้านบ้าง โป้ด้วยนะลูก” บอกลูกชายเสร็จก็หันมาบอกแฟนลูกต่อ ผมดีใจแทบน้ำตาปริ่ม

   “ครับ ไว้ผมจะขอมารบกวนอีก พ่อแม่รักษาสุขภาพด้วยนะครับ พี่มูนพี่จินขอบคุณมากสำหรับทุกอย่าง” ยกมือไหว้ทุกคนบ้าง เวลาแค่สามวันสองคืน แต่ผมได้อะไรจากครอบครัวนี้ไปมากจริงๆ โดยเฉพาะเรื่องซัน
 
   “ขอบคุณอะไรกัน พี่ไม่คิดจะช่วยฟรีๆ อยู่แล้ว ตอบแทนด้วยการดูแลซันดีๆ ล่ะ” พี่มูนเดินเข้ามากอดผม พี่จินแค่ยิ้มให้นิดๆ อย่างไว้มาดตามเคย

   “รีบไปเถอะ เดี๋ยวมืดค่ำจะขับรถลำบาก” พ่อเห็นลากันไม่เสร็จสักทีเลยพูดดัก เราถึงได้ฤกษ์เดินทางสักที ซันลารอบสุดท้ายแล้วพวกเราก็ขับรถออกจากรีสอร์ท

   งานนี้ผมไม่ยอมให้ซันเหมาขับคนเดียวตลอดทางแน่ ตอนเติมน้ำมันกลางทางแอบเนียนมานั่งตำแหน่งคนขับล็อคประตูบังคับให้ซันไปนั่งด้านข้าง มันมองผมอย่างหัวเสียแต่ทำอะไรไม่ได้ ผมเลยยึดพวงมาลัยจนถึงคอนโด

   เหนื่อยมาทั้งวันมื้อเย็นผมเลยไม่ทำอาหาร ลงมาหาอะไรกินง่ายๆ ข้างล่างแทน จังหวะที่อาบน้ำเตรียมเข้านอน ไอ้ซันยืนกอดอกเป็นยักษ์อยู่หน้าประตู

   “มึงคงไม่ลืมนะว่าทำอะไรไว้”

   ผมตีหน้าซื่อแกล้งมัน “ที่กูแย่งขับรถเหรอ อย่าคิดมาก กูแค่ไม่อยากให้มึงเหนื่อยคนเดียว” เฉไฉไปนู่น ส่วนสูงพอกันอย่าคิดจะข่มซะให้ยาก

   “เฮ้ย!” ไอ้เถื่อนเลิกเถียง เพราะยังไงก็คงเถียงเมียไม่ชนะเลยรวบเอวเหวี่ยงลงเตียงแม่ง! ผมตกใจที่จู่ๆ ตัวก็ลอยวืด ไอ้แรงช้างสารเอ้ย พอมันตามมาทับผมพลิกตัวกลับทันที สองมือยึดบ่าอีกฝ่ายติดเตียง ก้มลงไปกระซิบสั้นๆ

   “อยู่เฉยๆ เดี๋ยวกูทำเอง…”

   เท่านั้นแหละ ผมก็ได้ทำตลอดทั้งคืนสมใจ ทำบนตัวมันนะเมื่อยขาฉิบหาย ดีที่มีเรียนบ่ายไม่งั้นกูตายยยย

   ถามว่าวันรุ่งขึ้นตื่นมามีฉากโรแมนติก?

   ณ ห้องโป้ เหนือเตียงหลังกว้างมีร่างชายสองคนในสภาพ...ปิดไว้ด้วยผ้าห่มผืนเดียว คนตัวขาวขยับหนีแสงอาทิตย์ ซันลืมตาตื่นผงกหัวดูนาฬิกาบอกเวลาเจ็ดโมงเช้า ยังมีเวลาอีกเหลือเฟือ ถึงอย่างนั้นก็ยังใจดี พลิกกายคร่อมทับเพื่อบังแสงอาทิตย์ให้(?) ริมฝีปากก้มจูบขมับเลื่อนลงไปดูดเม้มริมฝีปากบวมจากเมื่อคืน มือลูบโคนขาล็อคติดเอวเพื่อกล่อมนอน(??)

   “อืมม” ไม่ใช่เสียงคนหลับแต่อย่างใด มันคือเสียงคนตัวใหญ่ครางในลำคอ

   “อะ...เหี้ยซัน อย่ากวนกู อ่า...” ใบหน้าหันซุกกับหมอนทั้งที่ในใจอยากจะแหกอกคนกวนเวลานอน

   “ฮืมมม” ขบฟันผ่อนลมหายใจหนักขณะขยับกายเบียดลึกจนอีกคนตัวโยก ผ้าห่มเลื่อนหลุดไปอยู่ตรงปลายเตียงยามคนด้านบนจัดท่าทางอำนวยความสะดวกตัวเอง คุกเข่าบนเตียง แขนช้อนคอพับพาดบ่าพลางโน้มกายลงไม่นำพาคนที่กำลังจะขาดใจ ทั้งเบลอผสมอยาก

   “โทษทีว่ะ เมื่อคืนลืมเอาออกให้ แต่ไม่เป็นไรจะได้ไม่เปลืองเจล” คนลักหลับกลั้วหัวเราะในคออารมณ์ดี คนโดนลักจำต้องตื่นถลึงตาใส่

   “เปลืองเจล อะ...อะไร หมดไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วเว้ย!” กระแทกเสียงท้ายประโยคด้วยความฉุนเฉียว หงุดหงิดที่โดนปลุกในหลายๆ ความหมาย

   “เหรอวะ เสียดาย ที่ริวซื้อมาฝากใช้ดีซะด้วย คิดว่ามันจะมีให้สั่งซื้อในเน็ตไหม” ยังคงลอยหน้าลอยตาทั้งที่ยังไม่หยุดการกระทำ

   “พ่อง!!” คำเดียวพร้อมชูนิ้วกลางจบบทสนทนาทุกอย่าง แขนข้างหนึ่งก่ายหน้าผาก แม้จะล้าไปทั้งตัว มาถึงขั้นนี้ก็หยุดไม่ได้แล้ว มีแต่ต้องทำให้เสร็จ อีกฝ่ายก็ดูจะเข้าใจยอมเร่งจังหวะให้คนรองรับสบถปนครางไม่ได้ศัพท์จนเสร็จกิจยามเช้า ทิชชู่ม้วนใหม่ถูกหยิบมาใช้เช็ดทำความสะอาด ร่างหนาค่อยๆ ขยับกายออกรวบตัวคนรักมาหอมแก้มดังฟอด

   “ออกกำลังกายตอนเช้า สดชื่นดีเนอะ”

   “ไปตายให้หนอนแดกซะ”

   “กูขอโทษษษ” ลากเสียงยาวๆ อย่างน่าหมั่นไส้ “ขอโทษที่สุขภาพดีไปหน่อยเลยคึกคักตอนเช้า เดี๋ยวกูอาบน้ำเปลี่ยนผ้าปูเตียงให้ ระหว่างนั้นมึงนอนห้องกูไปก่อนนะเมีย”

   ไร้เสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก ไม่รู้ว่าหลับไปแล้วหรือขี้เกียจต่อปากต่อคำ ซันอุ้มอีกฝ่ายพาไปอาบน้ำตามที่บอก ก่อนจะกลับมาจัดเตียงเก็บห้อง เตรียมอาหารสวมบทบาทเป็นพ่อบ้านชั่วคราว พอสิบเอ็ดโมงก็ปลุกโป้ให้ตื่นมากินข้าวก่อนไปเรียน

   ผมอิดออดนิดหน่อย นั่งทำใจอยู่พักหนึ่งถึงลุกไปแต่งตัว แม้สังขารจะไม่ให้ แต่ขาดเรียนก็ไม่ดี ยังนับว่าซันรู้จักหน้าที่ ยอมขับรถรับส่งทั้งที่ปกติไม่ชอบขับในกรุงเทพ ถ้ามันอุ้มผมเดินไปส่งที่ห้องเรียนได้มันก็จะทำ

   การจราจรในช่วงเที่ยงยังไม่น่ากลัวเท่ากับตอนเช้าและเลิกงาน รถยังพอไหลไปได้เรื่อยๆ ไม่จอดแหง่กอยู่กับที่

   “ใกล้เลิกแล้วมึงโทรมาเลย เดี๋ยวกูมารอ” ซันบอกก่อนจะเลี้ยวเข้ามหา’ลัย

   “มึงเลิกไวเหรอ?” ปกติน่าจะเลิกพร้อมกัน มันดันบอกว่าจะมารอ

   “คาบท้ายๆ ไม่มีอะไรมาก ส่วนใหญ่อาจารย์สรุปบทเรียนเฉยๆ มึงคงไม่ลืมนะว่าใกล้สอบแล้ว”

   ผมเบิกตากว้าง ลืมไปซะสนิท! ถูกเรื่องวุ่นวายที่เกิดติดต่อกันพักหลังดึงความสนใจไปหมด สมองคิดเร็วจี๋ว่ามีงานค้างอะไรที่ต้องทำรึเปล่า งานบางส่วนผมทำส่งไปแล้ว เหลืองานคู่ที่ต้องสร้างโมเดลร้านที่ตัวเองออกแบบไว้ตั้งแต่ต้นเทอม

   ซันเห็นผมอ้าปากพะงาบๆ ก็พอเดาได้ว่าภรรเมียลืมชัวร์ “อย่าเพิ่งช็อก รู้ตอนนี้ก็ยังไม่สาย มีงานค้างอะไรก็รีบทำซะ อยากให้กูช่วยก็บอก ไปเรียนได้แล้ว ตั้งใจนะมึง เกรดปีหนึ่งมันสำคัญ” หนุ่มผิวเข้มพูดเอาการเอางานระหว่างจอดเทียบหน้าคณะสถาปัตยกรรม มีนักศึกษานั่งกินข้าวเต็มโรงอาหาร หลายคนหันมองด้วยความสงสัย บางคนก็ชินแล้ว เห็นรถคันนี้มาบ่อยจนเข้าใจผิดว่าเป็นรถเด็กคณะตัวเอง

   “ขอบใจที่เตือน งั้นกูบอกเลยแล้วกัน กูอาจจะต้องไปค้างห้องเพื่อนสักสองสามวัน”

   “หา!?” อือหือ เสียงโหด ตะกี้ใครมันพูดซะดิบดีวะ

   “ก็เพิ่งนึกออกว่ามีงานกลุ่มต้องทำส่งภายในอาทิตย์นี้ ต้องเตรียมสไลด์พรีเซนด้วย”

   “ค้างกับใคร กูรู้จักมั้ย” ซันขยับตัวหันมามองคู่สนทนาชัดๆ

   “แม็คไง ไม่ต้องห่วง มันมีเมียแล้ว เมียมันสวยด้วยแถมอึ๋มมาก” ผมทำมือให้เห็นว่าอึ๋มขนาดไหน ไอ้ซันหรี่ตามอง

   “กับไอ้แม็คไม่มีปัญหา แต่กูจะมีปัญหาเพราะเรื่องอึ๋มมึงนี่แหละ มึงพากูเป็นเกย์แล้วอย่าได้คิดกลับลำเชียว ไม่งั้นกูจะกดให้มึงลืมผู้หญิงเลย” มีชี้หน้าขู่ โหดตลอดอะผู้ชายคนนี้

   “ครับๆ เข้าใจแล้ว กูไปละ โชคดีมึง” รีบเผ่นลงจากรถแล้วเดินเข้าคณะโดยไว อยู่ต่อมีสิทธิ์คลานไปเรียนได้ อาศัยหางตามองเห็นซันออกรถไปแล้วค่อยผ่อนลมหายใจ...

   ป้าบ!

   “เชี่ย!” แรงตบที่หลังสะเทือนถึงเบื้องล่าง ผมต้องกัดฟันเกร็งขาที่เกือบทรุด คนประทุษร้ายเหมือนเพิ่งรู้ตัว ใช้มือยึดบ่าผมไว้แทนการพยุงแบบเนียนๆ

   “เฮ้ย โทษทีๆ เมื่อคืนหนักไปเหรอ” ความหมายเหมือนหายไปกินเหล้า แต่รู้กันดีว่าความจริงคืออะไร ผมตวัดตามองไอ้แม็ค ไม่ติดว่ากำลังเข่าอ่อนจะกระโดดขาคู่ให้

   “เออ! วันหลังดูก่อนค่อยทัก”

   “เมื่อคืนมึงแดกเหล้า?” อาร์ทมาสมทบ จับแขนเสื้อผมไปดม “ไหนกลิ่นละมุด กูได้แต่กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่ม” อาร์ทผู้ไม่รู้เรื่อง ก็ปล่อยให้มันง่าวต่อไป ผมหันไปทางแม็คพยักหน้าให้เป็นเชิงบอกว่าไหวแล้ว มันถึงยกมือออกไป

   “พวกมึงกินข้าวแล้วใช่ป่ะ งั้นขึ้นเรียนเลย กูจะคุยเรื่องงานที่อาจารย์สั่ง”

   “แล้ว กูก็จะคุยกับมึงเรื่องนี้เหมือนกัน เดินไปคุยไปจะได้ไม่สาย”

   “จะเดินไม่ว่า แต่กูไม่ขึ้นบันไดเด็ดขาด” ผมกดเสียงต่ำ แม็คหัวเราะฮา อาร์ทยังคงควายต่อไป เราสามสหายที่มาจับกลุ่มรวมกันตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบ เคลื่อนพลไปยืนเต๊ะจุ๊ยรอลิฟท์ ระหว่างนั้นเราก็คุยเรื่องงาน

   “เรื่องโมเดลกูว่าจะขอไปทำห้องมึงว่ะ ใกล้มหา’ลัย ไม่ต้องเสี่ยงโมพังก่อนถึงมืออาจารย์” ผมเสนอสิ่งที่คิด แม็คพยักหน้าไม่มีปัญหา

   “เอางั้นก็ได้ ส่วนเรื่องที่กูจะบอกคือ อาร์ทอยู่กลุ่มเดียวกับพวกเราด้วย พอดีมันโดนแบนออกจากกลุ่มเก่า”

   “กูไม่มีปัญหาอะไร มีคนช่วยสิดี แต่พวกมึงไปขออาจารย์แกแล้วยัง” ขืนย้ายกลุ่มกันมั่วซั่วแบบเด็กประถมได้โดนด่าตายพอดี คราวนี้อาร์ทเป็นคนพูดบ้าง

   “กูขอมาเรียบร้อย บอกว่าพวกมันไม่ยอมทำงาน ให้กูทำอยู่คนเดียวเลยมาขออยู่กลุ่มพวกมึงที่มีแค่สองคน จารย์เลยอนุญาต”
   
   ผมชกหมัดใส่ไหล่อาร์ท “ร้ายนี่หว่ามึง กล้าโกหกอาจารย์เลยเรอะ”

   “มันไม่ได้โกหก พวกแม่งอู้งานจริงๆ ไม่งั้นจารย์ไม่ยอมง่ายๆ หรอก”

   แม็คกอดคออาร์ทเดินนำเข้าไปในลิฟท์ที่มีประชากรหนาแน่น พยายามทำตัวลีบๆ ติดประตูเข้าไว้ เพราะด้านหลังมีพวกผู้หญิงต้องเว้นระยะห่างนิดหน่อย เดี๋ยวอะไรๆ มันจะโดนกัน ทรัพยากรมีน้อยต้องดูแลอย่างดี แม้ว่าจะเป็นสาว(เหลือ) น้อยก็ตาม

   ไอ้พวกผมก็ยังมานะคุยกันต่อนะ “อ่าฮะ ยินดีต้อนรับนะสหาย เตรียมตัวหัวฟูได้เลย งานนี้เราต้องปั่นกันไฟลุก” ผมพูดติดตลก ไหงพวกมันไม่ขำด้วยหว่า

   “หวังว่างานนั้นจะไม่ใช่ของผมนะ คุณระ-ตะ-นะ” เสียงคุ้นหูทำเอาผมสะดุ้งโหยง ลิฟท์ถึงชั้นสามพอดี พวกเราที่อยู่หน้าประตูรีบเดินออก เหล่านักศึกษาเปิดทางให้อาจารย์หนุ่มหน้านิ่ง ผมยิ้มแห้งยกมือไหว้

   “สวัสดีครับอาจารย์ยศ” หรือชื่อเต็ม ‘ยศวร’ คนเดียวกับที่เคยบอกให้ผมเพลาๆ เรื่องเหล้านั่นแหละ ที่อาจารย์เรียกชื่อผมแบบนั้นมันมีประเด็นอยู่ ชื่อผมเขียนว่า ‘รตน’ อาจารย์อ่านผิดเป็น รด-ตะ-นะ อยู่เรื่อย ผมเลยต้องยกมือบอก หลังจากนั้นอาจารย์ยศก็เน้นเสียงทุกครั้ง ไม่รู้ว่ายังไงเหมือนกัน

   “ครั้งนี้ไม่มีกลิ่นละมุด แต่ท่าทางไม่ดี ออกกำลังกายบ้างนะ เด็กสมัยนี้ชอบนั่งๆ นอนๆ” แล้วอาจารย์แกก็เดินนำเข้าห้องเรียน พวกเราเหมือนลูกสมุนสามตัว สงบเสงี่ยมตามหลังต้อยๆ ในใจนึกเถียง อาจารย์อายุมากกว่าพวกเราไม่กี่ปีเองนะคร้าบ อย่าเพิ่งทำตัวแก่สิ แน่นอนว่าไม่พูดออกไปเด็ดขาด เดี๋ยวเกรดปลายเทอมจะป่นปี้กว่านี้

หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่26 ลักนะ [9/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-12-2016 07:24:44
คิดถึงๆ
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่26 ลักนะ [9/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 09-12-2016 08:14:12
 :mew1:    น่ารักกันจัง
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่26 ลักนะ [9/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 09-12-2016 23:59:06
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่26 ลักนะ [9/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 10-12-2016 07:52:08
กลับมาแล้วววววว คืดถึงมากมายยย
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่26 ลักนะ [9/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 10-12-2016 14:10:19
สนุกมากค่า รอตอนต่อไปอยู่นะคะ :katai4:
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่26 ลักนะ [9/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 10-12-2016 18:29:13
คิดถึงจังเลย หายไปรีไรท์นานเชียว เกือบลืมแล้วน่ะเนี่ย ดีที่เป็นเรื่องโปรดเลยจำซันโป้ได้เสมอ  :hao3:
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่26 ลักนะ [9/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Jadd ที่ 11-12-2016 11:40:47
 :3123:
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่26 ลักนะ [9/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: spsygk ที่ 17-12-2016 00:28:13
 :katai3: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่26 ลักนะ [9/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 18-12-2016 20:08:27
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่26 ลักนะ [9/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TonyPat ที่ 02-01-2017 00:51:02
 :mew5: สานุกมากๆๆ ชอบๆๆ
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่26 ลักนะ [9/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 02-01-2017 15:58:57
สนุกดีจ้า ปูเสื่อรอ
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่26 ลักนะ [9/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 03-01-2017 17:56:41
รอๆๆ
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่26 ลักนะ [9/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 03-01-2017 19:29:26
 :catrun:
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่26 ลักนะ [9/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 07-01-2017 13:14:23
:)
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่26 ลักนะ [9/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 14-01-2017 01:41:59
:) :)
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่27 สามีที่ดี [14/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 14-01-2017 22:21:50
ยกที่27 สามีที่ดี

   มีคดีตั้งแต่ก่อนเข้าเรียน ระหว่างอาจารย์สอนพวกผมสามคนเลยสงบเสงี่ยมเป็นพิเศษ เด็กดีว่าง่ายเชื่อฟัง อาจารย์ถามก็ตอบ ไม่ถามก็เร่งมือจดยิกๆ พยายามทำตัวน่ารักเต็มที่ ใช่ว่าอาจารย์ยศแกจะมองไม่ออกนะ ขำแกมเอือมมากกว่า ก่อนออกจากห้องเลยทิ้งท้าย

   “ใครยังไม่เริ่มทำโมเดลก็ขอให้รีบทำซะ คาบหน้าหากใครทำไม่เสร็จ ไม่พร้อมพรีเซนต์หรืองานไม่ได้คุณภาพ ผมจะถือว่าคุณสละคะแนนงานในส่วนนี้ไป” วาจาโหดร้ายพร้อมใบหน้ายิ้มแย้มดุจพ่อพระ ไม่สนเสียงโหยหวนของสัมภเวสี เอ๊ย เหล่านักศึกษาผู้ขี้เกียจตัวเป็นขน

   ผมไม่ได้โอดครวญตามคนอื่นเค้า ในเมื่ออีกความหมายหนึ่งที่อาจารย์จะสื่อก็คือ ขอแค่งานเสร็จมีคุณภาพพร้อมพรีเซนต์ตามเวลาที่กำหนดยังไงก็ได้คะแนนน่ะสิ! ความจริงการเผางานก็ไม่ดีนักหรอก แต่มันเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับเด็กมหา’ลัยแบบตัดไม่ขาด รู้ทั้งรู้ว่าควรทำตั้งแต่เนิ่นๆ แต่ก็ผัดวันประกันพรุ่งยันวันสุดท้าย ยกเว้นสามสหาย ซัน ริว มิท ซันมันขยัน ริวมันโดนลุงรหัสจี้ มิทมันต้องเร่งทำเพราะมันหายหัวบ่อยๆ แลดูเป็นคนมีกิจธุระตลอดเวลา

   ช่างพวกนั้นก่อน กลับมาที่พวกผมดีกว่า เราสามหน่อยังไม่ออกจากห้องทันทีเพราะต้องนัดแนะกันก่อนว่าจะเอายังไง

   “สรุปว่าไปทำงานที่ห้องไอแม็ค แล้วเรื่องซื้อของล่ะ” อาร์ทถามมันสละเรือออกจากกลุ่มเก่าถาวร ขนาดพวกนั้นมองมามันยังไม่สนใจเลย ซึ่งก็ดี พวกเด็กน้อยน่ารำคาญ วันนี้สารร่างผมไม่สะดวกบวกกับชาวบ้าน

   “มึงซื้อกระดาษชานอ้อยมา แบบหนาแผ่นหนึ่งไว้ทำฐาน แบบบางสักหลายๆ แผ่นหน่อย ไม่พอค่อยซื้อเพิ่ม ถ้าเหลือก็เอาไว้ทำงานหน้า ซื้อกระป๋องสเปรย์สีเทากับขาวมาด้วยเอาไว้พ่นโม” ผมแจกแจงให้มันจด จากห้องมันใกล้ร้านอุปกรณ์เครื่องเขียนที่สุดแล้วหันไปทางแม็คต่อ “ส่วนมึงเตรียมห้องรอ เคลียร์พื้นที่ไว้เลยห้องหนึ่ง ไม่ใช่พวกกูไปเจอชั้นในเมียมึงนะ” ผมไม่เคยเจอหรอก บอกเผื่อไว้เฉยๆ

   พอเห็นไอ้แม็คทำหน้าเขินๆ ฉิบหายเรื่องจริงเรอะ อยากขำให้ฟันร่วง... คิดอีกที ขำไม่ได้นี่หว่า ขนาดผมกับไอ้ซันยังเคยมีกกน.บินไปอยู่ตรงลูกบิดประตูห้องนอนไม่ก็ทีวี ซึ่งผมไม่เข้าใจเหมือนกัน ไอ้ซันมันแม่นหรือยังไง แต่ที่แน่ๆ คือผมชี้นิ้วสั่งให้มันตามเก็บซากที่มันก่อ อยากใจร้อนลอกคราบผมดีนัก

   เหมือนผมจะเหม่อนานไปหน่อย สองตัวเลยมองหน้าผม แม็คทำหน้ากรุ่มกริ่มคงเข้าใจว่าผมกำลังคิดเรื่องทะลึ่งๆ อยู่ ซึ่งมันก็ถูก ไอ้อาร์ทยังคงทำหน้าหมางงได้อย่างคงเส้นคงวา แปลกใจว่าทำไมผมไม่พูดต่อ ผมแสร้งกลบเกลื่อนโบกมือปัดๆ  “ก็อย่างที่บอกไป เรื่องไฟล์พรีเซนต์ใช้คอมแม็คเอา ห้องมึงมีกรรไกรคัตเตอร์ใช่มะ ไม้บรรทัดยาวๆ ด้วย”

   “มีอย่างละอันซึ่งกูคิดว่าไม่น่าพอ เอามาจากห้องพวกมึงด้วยแล้วกัน” เจ้าของห้องนึกตาม ของพวกนี้ถือว่าเป็นอุปกรณ์พื้นฐานของพวกเราเลย แต่ไม่มีใครบ้าพกคัตเตอร์ทีสามสี่อัน

   “ได้ ส่วนเรื่องกาวเดี๋ยวกูเป็นคนหาไปเอง วันนี้แยกย้ายกลับไปเตรียมตัวก่อน เอาชุดมาเปลี่ยนด้วย เราจะสิงสถิตห้องไอ้แม็คกัน งานไม่เสร็จไม่กลับห้อง!” ประกาศกร้าวอย่างมุ่งมั่น พวกมันก็บ้าเล่นไปกับผมด้วย ทำเอาสาวเหลือน้อยในคณะหันมามองหัวเราะกันใหญ่เพราะที่นี่ไม่ได้มีแค่กลุ่มเดียวตั้งวงอยู่

   พวกผมมีหรือจะสน ยืดอกรับทำท่าตลกให้เพื่อนขำยิ่งกว่าเดิมจนผมโดนผอสระอัวโทรตามนั้นแหละ ถึงรีบเสด็จจากห้องเรียนลงลิฟต์มาหาซัน มัวแต่คุยเพลิน ดันลืมไปว่ามันสั่งให้โทรหาหลังเรียนเสร็จ พอเปิดประตูรถเห็นพ่อท่านตีหน้ายักษ์ทันที อ้าปากกำลังจะด่า ผมยกมือสต๊อป

   “ช้าก่อนสหาย อันตัวข้าปรึกษาเพื่อนเรื่องงาน ทำให้ลงมาช้า ไม่ได้ลืมโทรหามึงนะจริงจริ๊ง!” ทำไมท้ายประโยคผมต้องเสียงสูงขนาดนี้ด้วยนะ...

   คิ้วเข้มขมวดยุ่ง “เป็นเหี้ยไร ใครสหายมึง แม่งลืมกูได้ตลอดๆ” เจ้าตัวเริ่มบ่นๆ ผมเข้าไปนั่งคาดเข็มขัดเรียบร้อย ครุ่นคิดว่าจะทำยังไงให้มันเลิกบ่นดี ก่อนจะปิ๊งไอเดียอาศัยช่วงรถจอดรอคันหน้าออก กระชากคอเสื้อมันมาจูบปาก ไอ้ซันมีหรือจะตกใจมันสวนทันทีแล้วรุกไล่จนผมเกือบอดใจไม่ไหว

   “พอเว้ย! ออกรถได้แล้ว” ผมบอกเสียงอู้อี้มันยังรั้งท้ายทอยแนบปากไม่เลิก ลิ้นซนฉิบหาย ได้ยินเสียงคันหลังบีบแตรไล่ถึงยอมผละออกสักที ตอนนี้พวกเรายังอยู่ในรั้วมหา’ลัยนะ ผมยังไม่อยากก่อเหตุ แค่คิดจะง้อมันเฉยๆ

   “โป้...”

   “ไรมึง”

   “มึงคิดว่าความรักคืออะไร” จู่ๆ ก็พูดขึ้นมาทั้งที่มือกำพวงมาลัย ดวงตาจ้องไปข้างหน้า อารมณ์ไหนของมันเนี่ย ผมหรี่ตามองซันอย่างระแวง

   “รักก็คือรัก ยังคิดว่ามันเป็นอะไรได้อีก”

   “ความรักไม่ใช่แค่เรื่องบนเตียง” เริ่มมาแบบนี่ผมเก็ตเลย ต่อประโยคแบบเอือมระอา

   “ไปที่ระเบียงบ้างก็ได้ ใช่มะ”
   
   “เปล่า ลองในรถบ้างก็ดี มา! ตักกูพร้อม” ไม่พูดเปล่ายังใช้มือหนึ่งตบตักเหลือบมองแบบเชิญชวนสุดๆ แถมหัวเราะเสียงทุ้มในคอ ตลกตายล่ะอารมณ์หื่นมันนี่มาได้ตลอดจริงๆ

   “มึงนี่อาการหนักตั้งแต่เมื่อเช้า ถึงในรถจะน่าสนใจแต่กูต้องไปทำงานห้องไอ้แม็ค ยังไม่อยากเอาสารร่างแย่ๆ ไปนั่งหลังขดหลังแข็งเว้ย” เอาเหตุผลเข้าอ้าง ซันถึงยอมรามือแต่โดยดี แม้ว่าจะส่งสายตาตัดพ้ออย่างน่าถีบก็ตาม

   “กูแค่ดีใจ ที่เราใจตรงกันสักที”

   อึก...อย่าพูดจามุ้งมิ้งด้วยใบหน้าขึ้นสีนิดๆ แบบนั้นได้มั้ย เดี๋ยวปั๊ด!

   “แค่รอบเดียวนะ…” ใจอ่อน... เวรเอ๊ยย! คนที่ชอบทำเสียงโหดหน้าเถื่อนตลอดเวลาแม้กระทั่งตอนนอน พอมาทำอะไรแบบนี้แล้วแม่ง! ผมใจสั่น คือหลงมันไปเต็มๆ แล้วไง สมัยก่อนยังไม่มั่นใจ ตอนนี้ชัวร์ไม่มั่วนิ่ม พอซันเห็นท่าทางของผมก็หัวเราะลืมเขิน ยื่นมือมาขยี้หัวผม

   สรุป กลับห้องไปก็ไม่ได้ทำอะไรหรอก มันบอกอย่างลูกผู้ชายเลยว่า ‘กูหยุดรอบเดียวไม่ได้แน่’ ก็ตามนั้น มันเลยจดบัญชีหนังหมาไว้ หากมีเวลาจะทบต้นทบดอก ซึ่งไอ้ดอกเบี้ยของมันคงจะเยอะมหาศาล นับไปนะตั้งแต่วันนี้ผมไปนั่งทำโมกับพวกแม็ค หลังจากนั้นก็ต้องอ่านหนังสือทบทวนสิ่งที่เรียนมาจนเข้าเทศกาลสอบอีกหนึ่งอาทิตย์ ลากยาวขนาดนั้น ผมขอไม่คิดต่อแล้วกัน รู้สึกตัดกำลังใจตัวเองชอบกล

   มื้อเย็นวันนี้ซันเป็นคนทำเอาใจปล่อยให้ผมเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าเตรียมหมกตัวอยู่ห้องแม็ค กินเสร็จผมล้างจานแยกกันไปอาบน้ำ ก่อนจะนอนต้องไม่ลืมจูบราตรีสวัสดิ์ เพราะหากลืมซันมันจะบุกมาปล้ำจูบถึงเตียง

   วันต่อมามันยังคงขับรถไปเรียนอีกเช่นเคย เหตุผลรอบนี้คือมันจะไปส่งพวกผมที่ห้องแม็คหลังเลิกเรียนเพื่อจะดูว่าห้องมันอยู่ที่ไหน ไอ้แม็คยิ้มแล้วยิ้มอีก ยักคิ้วหลิ่วตาแซวผมแบบไร้คำพูดไปตลอดทาง ผมแทบอยากจะยันมันออกไปนอนกลางถนนให้รถทับตาย ทางอาร์ทพอเจอซันก็ประหยัดคำพูด สงสัยภาพวันที่ซันโชว์โหดยังติดตา นั่งตัวเกร็งจนถึงที่หมาย

   พ่อคุณทูนหัวยังไม่คิดปล่อยพวกเราไปง่ายๆ เปิดหลังรถช่วยยกกระดาษชานอ้อยตามไปถึงห้องแม็ค หอพักที่มันอยู่เป็นแบบราคาย่อมเยา ภายนอกก็ดูเก่าโทรมสีลอกตามกาลเวลา นับๆ ดูแล้วมีทั้งหมดห้าชั้นไม่มีลิฟต์และไม่มียามเฝ้าด้านล่าง ในหอมีทั้งคนวัยทำงานและนักศึกษาอาศัยอยู่

   เวลาเดินขึ้นลงบันไดเสียงดังก้องไปทั่วชั้น เรียกได้ว่าใครเกิดหิวออกไปเซเว่นตอนตีสามตีสี่คนนอนมีหลอนกันบ้าง แม็คมันพักอยู่ที่ชั้นสาม ไม่สูง ไม่ต่ำเพราะมันขี้เกียจเดินและไม่อยากได้ยินเสียงเอะอะหากอยู่ขั้นล่าง ทางเดินปูด้วยแผ่นกระเบื้องสีขุ่น เพดานเป็นปูนติดหลอดไฟเป็นระยะ

   โดยรวมก็สว่างดี สะอาดไม่มีเศษขยะด้านนอกเหมือนสมัยผมอยู่หอใน ตอนนั้นมีพวกมักง่ายกวาดเศษฝุ่นเส้นผมออกมาหน้าห้องชาวบ้าน ทำเอาไอ้ซันที่เพิ่งกลับจากกิจกรรมรับน้องเหนื่อยๆ โดนอาจารย์ประจำหอเรียกไปด่า ผมบังเอิญกลับมาพอดีเลยเห็นมันก้มหน้าไม่พูดไม่เถียง ก็นึกว่ามันจะหงออาจารย์ ที่ไหนได้พอฟังเทศเสร็จ มันสวนไปนิ่งๆ ว่า

   “พูดจบแล้วใช่มั้ยครับ งั้นผมขอถามหน่อย อาจารย์มั่นใจได้ยังไงครับว่าเศษขยะพวกนั้นเป็นของห้องผม ต่อให้มันอยู่หน้าห้องผมก็เถอะ อาจารย์คิดเหรอว่าถ้าผมทำจริงจะกวาดใส่ให้หน้าห้องตัวเองสกปรก ผมคงกวาดไปให้ห้องอื่นมากกว่า ถ้าอาจารย์ยังสงสัยจะขึ้นไปกับผมก็ได้ สืบดูเลยว่าใครแม่งมักง่าย จะได้ด่าถูกคน ไม่ใช่เรียกมาด่า--” มั่นใจเลยว่าต่อจากประโยคนี้มันด่าอาจารย์ชัวร์ ผมรีบถลาไปปิดปากยิ้มหวานให้อาจารย์ แล้วบอกว่าจะจัดการขยะให้เรียบร้อยพร้อมลากซันขึ้นห้องอย่างด่วน

   ดีที่อาจารย์มัวแต่อึ้งไม่คิดจะโดนเด็กสวนนิ่มๆ หลอกด่าแบบนี้ พอถึงห้องซันมันก็ไม่ได้โวยวายอะไร แค่เดินดุ่มๆ ไปเคาะประตูห้องตรงข้าม พอเจ้าของเปิดก็กระชากเสื้อจนตัวลอย ลากคอออกมาตรงเศษขยะพร้อมสั่งเสียงเรียบเย็น

   “อย่าคิดว่ากูไม่รู้ว่ามึงทำ เก็บกวาดให้หมดอย่าให้เหลือแม้แต่นิดเดียว ไม่งั้นกูจะเอาขยะไปเทใส่ห้องมึงพร้อมเอาหัวมึงจุ่มเข้าไปในถังด้วย...เข้าใจนะ” สั่งเสร็จพี่ท่านสะบัดมือโยนอีกฝ่ายทิ้งแล้วเดินเข้าห้องไปแบบหล่อๆ ทิ้งผมยืนกุมขมับเข้าไปช่วยพยุงผู้เคราะห์ร้ายที่ตกใจจนไม่ทันพูดอะไรออกมาสักคำ

   “ก็อย่างที่มันบอก กูจะไม่ขอโทษแทนมันเพราะมึงทำเชี่ยไว้จริงๆ เอาเป็นว่าอย่าทำอีก ไม่งั้นกูจะเป็นคนช่วยมันจัดการมึงอีกแรง” ตบบ่าเหยื่อตัวแห้งหนักๆ สองทีพลางหมุนตัวเข้าห้องปิดประตูใส่หน้าแม่ง หลังจากวันนั้นก็ไม่เห็นเศษขยะหน้าห้องอีกเลยพร้อมเจ้านั่นที่ผมเพิ่งรู้ข่าวว่ามันขอแลกห้องหนีไปอยู่ชั้นอื่นก่อนที่พวกผมจะย้ายออกมาซะอีก

   คิดไปเพลินๆ ก็มาถึงหน้าห้องแม็ค เราสามคนมองภาพขาดๆ ที่แปะตรงประตูก่อนหันไปมองเจ้าของห้องด้วยสายตารังเกียจ แม็คร้อนตัวรีบโบกไม้โบกมือพัลวัน
   
   “กูไม่ได้เป็นคนติดภาพโป๊หน้าห้องตัวเองนะเว้ย! มันมีมาตั้งแต่ก่อนกูมาอยู่อีก ติดกาวแน่นฉิบหาย แงะออกได้เท่านี้แหละ กูไม่กล้าทำไรมากด้วยเดี๋ยวประตูเขาพัง ไม่อยากจ่ายค่าเสียหาย” คำแก้ตัวยาวเหยียด เหล่าคนฟังพยักหน้าเนิบๆ ก็พอเข้าใจล่ะนะว่าหอพักแบบนี้กฎไม่เคร่งนัก แถมรวมคนไว้ทุกประเภท จะมีพวกนิสัยแย่เอานู่นเอานี่มาแปะทำลายข้าวของก็ไม่แปลก

   จะให้แม็คลงทุนเปลี่ยนประตูหรือทาสีก็ใช่ที่ ในเมื่อเจ้าของตึกเขายังไม่ว่าอะไรนี่นะ แล้วมันก็ใช่จะอยู่ตลอด หากมีที่ดีกว่านี้คงย้ายนั่นแหละ อย่างผมมันโชคดีได้รูมเมทรวย พี่ชายสายเปย์ เลยได้อยู่ห้องชุดอย่างดี

   “มึงจะเข้าไปปะ” ผมถามซันประดุจว่าเป็นเจ้าของห้องเอง ส่วนอีกสองตัวเดินเข้าห้องไปแล้วได้ยินเสียงโวยวายของอาร์ทดังออกมา แสดงว่าห้องมันต้องสุดยอดแหงๆ ผมชักลังเลแล้วสิ เลือกทำงานห้องแม็คคิดถูกรึเปล่าวะ

   “ไม่ล่ะ กูแค่ตามมาดูว่ามึงอยู่ไหน กูกลับไปอ่านหนังสือดีกว่า มีไรก็โทรมา”

   ผมพยักหน้ารับมองมันเดินลงไปชั้นล่าง พวกเราร่ำรากันแค่นี้แหละ ใช่ว่าแฟนต้องตัวติดกันซะหน่อย ความสัมพันธ์ของพวกผมเหมือนเพื่อนผสมแฟนมากกว่า มีพื้นที่ส่วนตัวให้อีกฝ่ายแบบนี้แหละถึงจะอยู่กันยืด

   พอเข้าห้องผมเข้าใจเลยว่าทำไมอาร์ทมันถึงร้องโหย ห้องขนาดสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีเตียงสี่ฟุตชิดมุมหนึ่ง ปลายเตียงคือตู้เสื้อผ้าติดกับห้องน้ำ โต๊ะทำงานวางของอยู่อีกด้าน มีพื้นที่ให้ทำงานได้ยาวยันระเบียง ประเด็นคือซากอารยะธรรมที่มันกองไว้ ถุงดำใบใหญ่อยู่ตรงมุมห้อง ผมหน้าทะมึนทันที วิญญาณพ่อบ้านเข้าสิง

   “เก็บกวาดเดี๋ยวนี้! ไม่เสร็จไม่ต้องทำมันแล้วงาน ใครมันจะไปทนทำได้วะโสโครกฉิบหาย” ด่ากราดชี้นิ้วสั่งด้วยเสียงเด็ดขาด มีอาร์ทพยักหน้ารับแบบเห็นด้วยสุดๆ

   แม็คบ่นอุบ “นี่กูเก็บไปบ้างแล้วนะ”

   “มึงเก็บแล้วยังขนาดนี้ ถ้าไม่เก็บกูไม่อยากจะคิด นิ้งไม่ว่างติดอ่านสอบล่ะสิ ห้องมึงถึงได้เหมือนรังแมลงสาบ” ผมเค้นเสียงเหอะในคอ เขาว่าห้องชายโสดมักจะรก แต่พอมีแฟนแล้วจะดูเป็นผู้เป็นคนขึ้น ไม่ใช่ว่าพวกมันทำความสะอาดนะ เมียนั่นแหละทำให้ ผมสงสารผู้หญิงเหล่านั้นจริงๆ

   เพลงนี้ลอยมาเลย แต่งไปทำไม แต่งไปเพื่ออะไร แต่งไปเป็นคนใช้แล้วจะแต่งไปทำไม...ภรรยาที่ดีต้องชี้นิ้วสั่งต่างหาก

   กว่าจะทำความสะอาดเสร็จเสียเวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมง พวกเราแบ่งหน้าที่กัน ผมเป็นคนวาดแบบลงไปในกระดาษชานอ้อยแล้วให้อาร์ทตัดตามแบบ ส่วนแม็คเปิดคอมทำสไลด์แบบคล่าวๆ ใส่พวกหัวข้อและคอยถ่ายรูปเวลาพวกเราทำงานเพื่อเอาไปประกอบสไลด์

   ขั้นตอนการทำดูไม่ยาก แบบมันมีอยู่ในหัว แค่วาดออกมาตัดแล้วประกอบเป็นอันเสร็จ ปัญหามันอยู่ที่อุปสรรคระหว่างการทำต่างหาก เช่น ตัดงานพลาด ของไม่พอ แบบไม่ได้ตามที่ต้องการสารพัด เจอปัญหาเล็กก็ดีไป เจอของใหญ่นั่งแก้เกือบหมดนี่งานหยาบ

   พวกผมปีหนึ่งยังไม่มีประสบการณ์ด้านนี้มากพอ ต้องอาศัยลองผิดลองถูกกันไป กว่างานจะออกมาเป็นรูปเป็นร่างก็เข้าสู่วันที่สอง มีฐานพร้อมขึ้นโครงร้านส้มตำที่พวกผมออกแบบไว้ ผมต้องนั่งประดิษฐ์ฟอนิเจอร์ชิ้นจิ๋ว และหาทางติดให้อยู่ กระดาษชานอ้อยเป็นกระดาษหน้าเทกาวร้อนให้มันซึมตัวกระดาษแล้วตามด้วยกาวยู้ฮูเชื่อมตรงรอยต่อเพื่อความแข็งแรงทนทาน

   แม็คเองก็พักจากการทำสไลด์มาช่วยทำโม เพราะสไลด์เหลือแค่เอารูปไปใส่ก็เสร็จสมบูรณ์ เลยกลายเป็นภาพสามหนุ่มตัวใหญ่นั่งคร่ำเคร่งกับโมชิ้นเดียว ความจริงไม่ต้องลงทุนขนาดนี้ก็ได้ แต่พวกเราคิดอย่างเดียวกัน จะทำทั้งทีก็ต้องทำให้ดีที่สุด เผางานแบบส่งๆ นอกจากคะแนนจะไม่ได้ยังเป็นผลเสียระยะยาวด้วย ลองคิดดูนะ เกิดจบไปเป็นสถาปนิกแต่เสือกเผางานมีหวังวอดวายกันทั้งหมด

   ด้วยความที่ต้องเรียนไปด้วย ทำงานเดี่ยวของวิชาอื่นด้วย พวกเราเลยมีเวลาทำโมแค่ตอนกลางคืน ผลัดกันนอน ผลัดกันทำ ดีที่ยังพอมีเวลาเหลือไม่งั้นโต้รุ่งติดกันแหง ทางซันไม่ได้มาหา ผมโทรคุยกันวันละครั้ง ครั้งละไม่กี่นาทีพอถามไถ่สารทุกข์สุขดิบไม่ได้พล่ามมาก มันเข้าใจว่าผมต้องทำงาน ซันเองก็ต้องอ่านสอบ

   ผ่านไปสามวันโมเริ่มเป็นโม เหลือแค่เก็บรายละเอียด ปรับแก้เพิ่มเติมบางส่วนแล้วรอกาวแห้งเพื่อพ่นสีอีกที ช่วงนี้เป็นช่วงที่พวกเราสามคนระวังขั้นสุด ไม่ให้ชนหรือเตะโดนโมตัวเอง แทบจะเทินไว้เหนือหัว กลัวว่าจะเหมือนคนอื่น อารมณ์แบบงานใกล้เสร็จดันเกิดปัญหาบางอย่างทำให้ต้องแก้หรือทำใหม่หมด แบบนั้นพวกผมทำไม่ทันวันพรีเซนต์พอดี

   เช้าวันที่สี่ เสียงนาฬิกาปลุกร้องลั่นจากมือถือสามเครื่อง เนื่องจากเหลือรอให้กาวแห้งเมื่อคืนเราเลยพร้อมใจกอดคอกันนอน ผมนอนพื้นกับอาร์ท แม็คนอนเตียงเพราะมันตัวเดียวเตียงก็ล้นแล้ว ผมลุกคนแรกอาบน้ำแต่งตัวใช้เท้าเขี่ยอีกสองตัวให้ตื่น หลังจัดการตัวเองเสร็จก็ขนโมลงมาชั้นล่าง เอาจุดใต้ลมตั้งเก้าอี้วางโมเขย่ากระป๋องสี

   พวกเราคิดกันไว้ว่าจะพ่นมันตั้งแต่ก่อนเรียนจะได้ไม่เสียเวลารอสีแห้ง และที่เอามาพ่นชั้นล่างเพราะเกรงว่าทำในห้องพวกเราจะสำลักสีตาย ตรงระเบียงก็เกรงจะโดนหัวชาวบ้าน

   ชั้นแรกที่พ่นเป็นสีเทากลบสีเหลืองด่างดวงของกระดาษชานอ้อยที่โดนกาว เสร็จแล้วยกไปเก็บที่ห้องค่อยมาพ่นสีขาวตอนเที่ยงสีจะได้เนียนๆ หน้าที่นี้ปล่อยให้แม็คยกไป ผมกับอาร์ทรอด้านล่าง ไม่รู้ทำไม สองสามวันมานี้เหมือนมีคนมองหน้าผมบ่อยๆ อย่างพวกนักศึกษาที่กำลังออกจากหอไปเรียน
   
   “หน้ากูมีอะไรติดวะอาร์ท ทำทุกคนถึงมองกูแปลกๆ” จะบอกว่าผมซกมกคงไม่ได้ เพราะสายผมช่วงปั่นงานมันก็ซกมกกันหมดทุกตัว อย่างน้อยๆ ก็ข้างตัวนี่แหละคนหนึ่ง ทำไมไม่มอง มองแต่ผม

   “มันไม่มีอะไรติด แต่มึงคิดจะไปมหา’ลัยทั้งงี้จริงๆ เหรอวะ กูขัดตามาตั้งแต่เมื่อวานละ” เพื่อนอาร์ทขมวดคิ้วเพ่งหน้าผมอีกคน เอ้าไอ้นี่

   “ไม่ให้ไปงี้จะให้กูเอาหน้าไถพื้นไปมหา’ลัยเรอะ!”

   “เถียงไรกันพวกมึง” แม็คลงมาพอดี ลากคอพวกผมไปหาอะไรกินก่อนเข้าเรียน แถวนี้มีหมดไม่ว่าจะโจ๊ก น้ำเต้าหู้ แซนวิส พวกใส่กล่องหยิบกินง่ายๆ

   “ไอ้โป้ดิ กูขัดลูกตาฉิบหาย ยังสงสัยอยู่ไม่มีใครทักมันเลยเหรอวะ”

   แม็คหันมามองหน้าผมพลางขมวดคิ้ว “ก็ปกตินี่หว่า ช่างเถอะๆ เดี๋ยวซื้อเต้าหู้กับแซนวิสกินแล้วกัน” เมื่อเพื่อนโบกมือเลิกสนใจ อาร์ทก็ไม่อยากเซ้าซี้ต่อ พวกเราเลยซื้อน้ำเต้าหู้คนละถุงใช้หลอดเจาะกินอีกมือถือแซนวิสทูน่า เดินไปกินไป ถึงรถมหา’ลัยก็หมดพอดี นั่งชิวๆ ไปถึงคณะ เพราะหอมันใกล้มหา’ลัยแบบแทบติดรั้วนี่แหละ ผมถึงเลือกหอแม็คทำงาน

   เข้าเรียนสามชั่วโมง ฟังอาจารย์สรุปส่วนที่จะออกสอบ ซึ่งความจริงมันไม่ค่อยสรุปเท่าไร เหมือนกับให้ไปอ่านมันตั้งแต่บทแรกยันบทล่าสุด บอกแค่ว่าจะออกข้อไหนกี่ข้อกี่คะแนนเท่านั้นเอง อ่านตรงไม่ตรงเรื่องนี้อยู่ที่ความจำล้วนๆ หากคนหัวดีจำได้หมดก็รอดไป พวกจำได้แค่บางส่วนก็ต้องหวังคะแนนเอากับข้อที่ได้ให้มันผ่าน 60% ไม่งั้นเสียเวลามานั่งซ่อม สำหรับวิชาที่ซ่อมได้อะนะ บางวิชาไม่ หากไม่พอใจเกรดต้องลงเรียนใหม่

   โชคดีที่ผมฟังบ้างไม่ฟังบ้าง คอยจดใส่สมุดว่าอาจารย์จะออกสอบตรงไหน คืออาจารย์ท่านสอนไปจะบอกไป ถ้าคนจดทันหมดมีโอกาสสอบได้คะแนนสูง ไม่งั้นก็ต้องขอดูเอากับเพื่อนที่จดทันเหมือนอย่างไอ้แม็คที่มาพึ่งใบบุญผมกับอาร์ท

   พักเที่ยงกินข้าวใต้คณะ แล้วเร่งกลับห้องไปเอาโมมาพ่นสีขาวทับก่อนวกไปเรียนต่อภาคบ่ายสี่ชั่วโมง พวกเราถึงมานั่งคุยกันว่าจะเอาไงต่อ ใจผมนี่อยากกลับห้องจะแย่ อาร์ทเองก็อยากกลับบ้าน

   “โมเหลือแค่เก็บรายละเอียด เดี๋ยวกูทำต่อเองแล้วกัน พวกมึงเอาสไลด์ไปทำให้เสร็จ เตรียมคำพูดมาพรีเซนต์ด้วย” เจ้าตัวอาสา ผมรับแฟลชไดรฟ์สีดำมา

   “ได้ ไว้กูทำสไลด์เสร็จจะส่งไปให้มึงทวนนะอาร์ท” มอบหมายหน้าที่ให้มันเป็นคนเปิดพรีเซนต์ ของแบบนี้ต้องวนให้เห็นกันทั่วถึง เพราะตอนพรีเซนต์จริง อาจารย์เขาไม่สนหรอกว่าใครรับหน้าที่มาพูดหน้าห้อง เขาอยากถามคนไหนก็ถาม ซึ่งทุกคนในกลุ่มต้องตอบคำถามให้ได้ หากช่วยกันทำจริงก็ไม่มีปัญหา พวกที่อู้ออกแต่ตังไม่ทำก็งานเข้ากันไป

   พวกเรากลับห้องแม็คช่วยเก็บกวาดเศษซากจากการทำโมก่อนจะเอากระเป๋าเสื้อผ้าแยกย้ายกลับบ้านใครบ้านมัน เห็นผมทำงานชิวๆ ดูไม่เป็นไรแบบนี้ เอาเข้าจริงแอบคิดถึงไอ้ซันมันนะ ไม่ได้ยินเสียงมันปลุกตอนเช้า ราตรีสวัสดิ์ตอนกลางคืนแม่งเหงา

   ผมเลยแวะซื้อพวกของสด หมายมั่นปั้นมือว่าจะทำของโปรดให้มันกิน พอเปิดประตูห้องเห็นรองเท้ามันวางอยู่ก็ส่งเสียงไปก่อนตัว

   “ผัวจ๋าเมียกลับมาแล้ววว” แรดกว่านี้มีอีกมั้ย...เอ้อ มีสิ ไอ้เล่เพื่อนผมไง

   ได้ยินเสียงตึงตังจากในห้องนอน มันคงกำลังอ่านหนังสืออยู่ ไอ้ซันโผล่หัวออกมาจากห้องพอเห็นผมเท่านั้นแหละถึงกับผงะถอยหลังพร้อมพูดคำว่า...

   “เหี้ย!!”

   “เห็นหน้าเมียหลังจากไม่เห็นมาหลายวัน แทนที่มึงจะกระโดดกอดกูกลับด่ากูเนี่ยนะ” ผมเซ็งจิต ความดีใจหายวับไปกับตา จัดวางถุงของสดไว้บนโต๊ะกินข้าว ซันมันยังมองผมอึ้งๆ ก่อนก้าวฉับๆ เข้ามาจับคางผมหันซ้ายขวาแบบไม่ออมแรง

   “เฮ้ย! นี่เมียกูแน่เรอะ กูนึกว่าโจรป่าที่ไหน ไอ้ห่ามึงทำงานยังไงปล่อยให้หนวดขึ้นขนาดนี้วะ” สีหน้ามันแบบโคตรหวาดผวามาก ผมลูบคางตัวเองที่มีหนวดขึ้นประปราย มันก็ไม่รกขนาดโจรป่านะเว้ย ซันแม่งเว่อ ผมว่ามันออกจะแมนดีด้วยซ้ำ

   “กูไม่ได้เอาที่โกนหนวดไป ลืมซื้อด้วย เลยไม่ได้โกนปล่อยมันขึ้น เป็นไงหล่อมะ” ยักคิ้วหลิ่วตาผิวปากเหมือนเวลาแอ่วสาวเหนือ ไอ้ซันที่โดนผมจีบทำท่าสยดสยอง ไม่พูดพล่ามทำเพลงลากแขนผมเข้าห้องน้ำอย่างด่วน

   “โกนทิ้งเดี๋ยวนี้!” เสียงกระชากห้วน บ่งบอกว่ามันรับไม่ได้อย่างแรง อะไรวะ ทีมันเริ่มมีตอๆ ผมยังไม่ว่าอะไรเลย

   “ไม่เว้ย! มีโอกาสไว้ทั้งทีกูไม่โกนหรอก” เดินหนี ไม่สน

   “มึงคิดว่าเท่เหรอไอ้สันขวาน ทุเรศลูกตากูฉิบหาย หนวดมันไม่ได้เข้ากับหน้าตามึงเลย” ทะเลาะกันเสียงดังเอะอะอยู่ในห้องน้ำ มันรวบกอดผม ผมดิ้นจะเป็นจะตายแต่สู้แรงมันไม่ได้ มันเองก็จับผมโกนไม่ได้เช่นกัน พอใช้ไม่แข็งไม่ได้ ซันเริ่มใช้ไม้อ่อน

   “ขอแค่มึงโกนหนวด มึงอยากได้อะไรบอกมา เดี๋ยวกูจัดให้หนึ่งอย่าง” ซันกอดอกยืนคุมไม่ให้ผมออกจากห้องน้ำ ผมเลิกคิ้วมองยกมือลูบหนวด ข้อเสนอมันน่าสนใจไม่เลว มีของที่อยากได้พอดี แต่เงินไม่เอื้อ

   “กูอยากได้โต๊ะเขียนแบบที่มีโคมไฟด้วย” ของจำเป็นต้องซื้อ แม้ไม่ใช้ตอนปีหนึ่ง อนาคตก็ต้องใช้ หากเป็นแต่ก่อนผมไม่กล้าให้มันซื้อให้หรอก ตอนนี้รู้แล้วว่ามันมีเงินเก็บของมันเองจากการหารายได้พิเศษและช่วยงานที่บ้าน ผมถึงกล้าขอ

   ซันดูแปลกใจที่ผมขอแค่นี้ แต่ก็พยักหน้ารับโดยดี “เอาสิ ไว้ค่อยไปซื้อด้วยกันตอนวันหยุด กูให้มึงเลือกเองเลย จะติดไฟ ติดพัดลมอะไรก็เรื่องของมึง”

   ใจจริงผมก็ไม่ได้อาลัยอาวรณ์หนวดนี่มาก จะโกนก็ได้ไม่มีปัญหา แต่จะให้โกนเองก็ขี้เกียจเลยบอกให้มันโกนให้ ซึ่งมันก็ทำบริการเต็มที่ จัดการละเลงโฟมโกนหนวดจนเหมือนลุงซานต้าแล้วใช้ที่โกนหนวดของมันโกนให้ผม ของผมราคาไม่กี่ร้อย ของซันที่โกนหนวดไฟฟ้าอย่างดี ราคาอย่าพูดถึง ซึ่งผมแอบใช้ของมันบ่อยๆ

   “กูคงเป็นคนแรกที่มีโอกาสได้โกนหนวดเมียตัวเอง” มีบ่นอะคุณ

   “ดีไง ประสบการณ์ไม่เหมือนใคร” ผมหัวเราะก่อนจะโดนมันดุใส่เพราะมันโกนไม่ถนัด เพียงไม่นานหน้าผมก็กลับมาเกลี้ยงเกลาอีกครั้ง มันมือนิ่งโกนดีชะมัด “ไหนๆ ก็ไหนๆ มึงมาโกนด้วยกันเลยดิ้” ผมขยับตัวออกให้มันล้างที่โกนหนวดตรงอ่างล้างหน้า ปกติห้องน้ำมันก็กว้างแหละ แต่พอมีผู้ชายตัวโตสองคนมารู้สึกแออัดขึ้นมาทันที

   “ไว้ค่อยโกน ของดีนะ เอาไว้ไซร้มึงไง” ยักคิ้วยกยิ้มมุมปากร้ายๆ

   “แค่พูดไม่รู้ว่าจริงรึเปล่า ของแบบนี้มันต้องพิสูจน์” เอาเป็นว่าหลังจากนี้คงไม่ต้องถาม ขอตัวไปทดลองสินค้าก่อนนะทุกคน

หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่27 สามีที่ดี [14/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 14-01-2017 22:43:10
โอ้ยยยย น่าจะเก็บไว้ไซร้กลับนะ55555
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่27 สามีที่ดี [14/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 15-01-2017 00:18:55
 :z1: ชอบจริง ๆ คู่นี้น่ารักแบบแมน ๆ หายไปนานเชียว แต่เราก้อรอเสมอ  :mew1:
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่27 สามีที่ดี [14/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-01-2017 01:32:02
อย่าแพนกล้องหนีสิ ขอดูด้วย
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่27 สามีที่ดี [14/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 15-01-2017 09:29:13
ผัวเมียคู่นี้ สมกันได้อีกกก
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่27 สามีที่ดี [14/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 15-01-2017 14:17:53
พอใจตรงกันแล้ว จัดเต็มตลอดเลยน้าาา
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่27 สามีที่ดี [14/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 15-01-2017 16:44:34
น่ารักอ่ะคู่นี้ อ่านรวดเดียวเลย
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่27 สามีที่ดี [14/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 15-01-2017 20:35:36
 :hao6: ขอรีวิวการทดลองใช้บ้างได้ไหม
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่27 สามีที่ดี [14/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 15-01-2017 20:39:52
โป้นี่แอบร้ายใช่ไหม ทั้งหมดค่อแผนการสินะ ตลกซันจัง
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่27 สามีที่ดี [14/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 15-01-2017 23:46:50
ชอบคู่นี้มาก  มันดูเรียลดีอ่ะ
เหมือนมีตัวตนจริงๆ
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่27 สามีที่ดี [14/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 16-01-2017 20:57:47
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่27 สามีที่ดี [14/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: hyukkiemai ที่ 18-01-2017 08:16:12
ตามอ่านหลายวันมากกกกก ชอบนิสัยแมนๆ ของโป้มากๆๆๆๆ
ซันก็แอบมีมูมฮาาาาา ตามอ่านเลยค่ะะะะ
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่27 สามีที่ดี [14/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 18-01-2017 21:05:10
หึๆๆ ดีย์ๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่27 สามีที่ดี [14/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 20-01-2017 12:39:34
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่28 เบา เบา [25/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 25-01-2017 17:56:39
ยกที่28 เบา เบา

   สินค้าชิ้นนี้ต้องทดลองแบบถึงเนื้อถึงตัว เนื่องจากห้องน้ำเล็กไปออกท่าไม่สะดวก(?) พวกผมเลยเปลี่ยนทำเลกันมาที่ห้องนอนแทน คนผิวเข้มทิ้งตัวนอนบนเตียงยกยิ้มมุมปาก ทำหน้ากวนส้นท้าทาย ใบหน้าหล่อเข้มพอมีหนวดมาเสริมทำให้ดูเถื่อนเพิ่มขึ้นหลายระดับ

   ผมตามไปคุกเข่าคร่อมเหนือตัวซัน มือถอดเสื้อโยนทิ้งไปอีกทางก่อนจะโน้มเข้าหาใช้นิ้วคีบ จับผมมันเล่น

   “ผมเริ่มยาวแล้วนี่หว่า ว่างๆ ไปตัดมะ กูก็เริ่มอยากเปลี่ยนทรงแล้วเหมือนกัน”

   “ไว้ก่อน มึงเองก็เหมือนกัน อย่าเสือกไปตัดทรงบ้าๆ มาเชียว” มีถลึงตาใส่ เบื่อจริงคนรู้ทัน! ผมว่าจะไถอยู่นะเนี่ย มันเล่นขู่ตาเขียวแบบนี้เลิกคิดไปได้เลย แต่อย่างน้อยต้องไปตัดเอาความยาวออกหน่อย ผมอยากได้รากไทรเท่ๆ ไม่ใช่ทรงสาวจ๋า

   นั่งคิดทรงในหัวไปก่อนจะสะดุ้ง จังหวะที่ซันชันตัวขึ้นมาเอาหน้าซุกคอ ปกติก็เอียงหน้ารับอย่างดีอะนะแต่งานนี้ผมใช้มือดันหน้ามันออกอย่างไว ไอ้ซันขมวดคิ้วฉับท่าทางหงุดหงิด

   “อะไรของมึงวะ”

   “มันเจ็บเว้ย ไม่เอาแล้ว มึงไปโกนหนวดเดี๋ยวนี้เลย” ของจริงกับจินตนาการแม่งต่างกันลิบลับ โดยทั่วไปเส้นผมของผู้ชายจะหนากว่าของผู้หญิงอยู่แล้ว พอเป็นหนวดที่โกนประจำแล้วตอนนี้ตอกำลังขึ้น ยามมันไซร้คอโคตรเจ็บ!

   เห็นท่าทางต่อต้านชัดเจนซันก็นึกเอะใจ เลิกคิ้วมองใช้มือปัดเรือนผมคนบนตักออกเผยให้เห็นลำคอขาวแต้มรอยแดงไปปืดหนึ่ง นิ้วโป้งสากลองถู ไม่มีแผลแค่เป็นรอยแดงเฉยๆ แต่เมียว่าเจ็บก็คือเจ็บ ซันไม่ได้มีรสนิยมซาดิสม์ออกจะถนอมคู่นอนด้วยซ้ำ ส่วนความดุเดือดเร่าร้อนระหว่างมีอะไรกันคงต้องยกยอดไป ไม่มีแผล ไม่ได้เลือด สุขคู่ไม่ถือว่าผิด

   “โกนก็โกน มึงโกนให้กูนะ” ว่าพลางอุ้มเมียออกจากตักแล้วเดินขยี้หัวสยบความงุ่นง่านไปนั่งเต๊ะจุ๊ยบนฝาชักโครก มันก็คงจะดูดีหรอก หากฉากประกอบไม่ใช่ส้วม!

   ผมหัวเราะคนหน้าบูด เดินฮัมเพลงหยิบโฟมมาละเลงคืนบ้าง หนวดของซันขึ้นตั้งแต่สันกราม เหนือหรือใต้ริมฝีปากก็มีหมด หากปล่อยยาวคงรกรุงรังเป็นโจรป่าของจริง เวลาละเลงโฟมหน้ามันเลยวอกไปครึ่งหนึ่งโคตรตลก อยากจะถ่ายรูปเก็บไว้นะ ถ้าไม่ติดว่าใครบางคนมันรั้งตัวผมให้นั่งคร่อมตักหันหน้าเข้าหา สองมือใหญ่โอบเอวไว้กันหงายหลัง

   ผมอดไม่ได้ที่จะถาม “มึงแน่ใจนะจะให้กูโกนด้วยท่านี้” ยืนโกนหนวดคนอื่นว่าไม่ถนัดแล้ว ดันเจอท่ายากอีก

   “โกนๆ ไป” คุณผัวมั่นใจขนาดนี้ คุณเมียก็จัดไป โกนมาเลือดสาดน้องโป้ไม่รับผิดชอบนะ

   ผมเริ่มโกนตั้งแต่บริเวณแก้มตามแนวเส้นขน แม้มันจะมีแค่ตอแต่ผมก็ต้องล้างที่โกนหนวดเป็นระยะ เดี๋ยวหน้าหล่อๆ ของมันเป็นสิวเพราะสิ่งสกปรกอุดตันผมคงปวดใจแย่ พอจัดการเสร็จก็ตามด้วยปาก ไม่ต้องสั่งมันก็เม้มปากให้อย่างรู้งาน ผมบรรจงโกนแบบเบามือที่สุดแล้วตามด้วยโกนตรงคอไล่ขึ้นมาถึงปลายคาง ตรงจุดนี้ผมเงอะงะนิดหน่อยด้วยความไม่ชิน เพราะหนวดผมมีนิดเดียวไม่เหมือนซัน ฮอโมนชายเต็มเปี่ยมจนน่าหมั่นไส้

   เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยก็ทำซ้ำอีกครั้งให้หน้าเกลี้ยงเกลา ตามด้วยใช้ผ้าชุมน้ำเช็ดทำความสะอาดให้ ผืนเดียวกับที่มันเช็ดให้ผมนั่นแหละ ปิดท้ายด้วยอาฟเตอร์เชฟบำรุงผิวหลังโกนหนวด เสร็จสิ้นทุกอย่างก็จุ๊บปากมันที

   “หล่อแล้วแฟนใครเนี่ย”

   “แฟนหมาแถวนี้ ล่อซะกูหมดอารมณ์ ลุกไปทำอาหารให้กูเลย” ว่าพลางตบๆ ก้นผมเลยโบกหัวมันคืนไปที ยัดที่โกนหนวดให้มันล้างเอง แล้วหนีมาทำข้าวเย็นที่จวนจะกลายเป็นมื้อค่ำ ขอสรุปเลยนะว่าการทดลองใช้งานล้มเหลว ใครฟินไม่รู้ รู้แต่ผมไม่ฟินแน่นอน จบข่าว

   ได้กลับมาอยู่กับซันก็มีความสุขดี ไม่ต้องทนนอนพื้นแข็งๆ กลิ้งบนเตียงสบายใจแล้วยังมีนาฬิกาปลุกส่วนตัว แต่ช่วงนี้ใกล้สอบเวลาส่วนใหญ่ของซันหมดไปกับการอ่านหนังสือ ไม่รู้มันจะคร่ำเคร่งอะไรนักหนา ส่วนผมก็ลอยลำวิ่งไล่เคลียร์งานส่ง รวมถึงพรีเซนต์โมเดลที่นั่งทำกับพวกแม็คด้วย

   อาจารย์ไม่เรียกชื่อเหมือนเด็กมัธยม อาศัยความสมัครใจออกมาพรีเซนต์งานเอง โดยกลุ่มแรกมักจะได้คะแนนพิเศษหรือการอะลุ่มอล่วยหากงานพลาด ช่วงเรียนมหา’ลัยใหม่ๆ ต้องออกไปพูดหน้าห้องครั้งแรก ไม่ค่อยมีคนกล้านักหรอก ปีหนึ่งส่วนใหญ่เป็นวิชาพื้นฐาน มักเรียนรวมกับสาขาอื่น ประชากรในห้องเลยแน่นขนัด บางวิชาก็เกือบร้อยคนได้แล้วต้องไปยืนพูดใส่ไมค์หน้าห้องคนเดียวมีขาสั่นกันบ้างแหละ

   บังเอิญว่าผมสตรองไง เสนอหน้าออกคนแรก หวังให้มันจบๆ และได้คะแนนพิเศษ เพราะสุดท้ายมันก็ต้องทำอยู่ดี ยืดเวลาออกไปมีแต่จะนั่งระทึกนานกว่าเดิม ถามว่าตื่นเต้นไหม มันก็ตื่นเต้นนะ มืองี้สั่นเหมือนองค์ลง พูดก็เสียงสั่นอาศัยทำตลกกลบเกลื่อนเอา แต่พอทำบ่อยๆ เข้ามันก็ชินเอง

   ไปๆ มาๆ กลายเป็นธรรมเนียมที่ผมต้องเสนอหน้าเป็นคนแรกซะงั้น หรือต่อให้บางทีนึกอินดี้อยากปิดท้ายก็โดนเพื่อนใช้เท้าเขี่ยคะยั้นคะยอให้ออกไปอยู่ดี คราวนี้ก็เช่นกัน แม็คมันรู้ชะตากรรมอยู่แล้วจับคู่ผมมันได้เริ่มคนแรกตลอด หรือต่อให้เดี่ยวก็โดนผมลากให้พูดต่อเป็นคนที่สองอยู่ดี อาร์ทเพื่อนร่วมชะตากรรมคนใหม่ ได้แต่ทำใจแล้วยกโมออกมาหน้าห้อง

   ผมรับไมค์คนแรก เริ่มต้นจากการไหว้อาจารย์และผองเพื่อน ตามด้วยแนะนำตัวซึ่งไม่รู้จะแนะไปทำไม ในเมื่อรู้จักหน้ายันสันดานกันหมดแล้ว ก่อนจะเริ่มพูดหัวข้อโดยมีแม็คคอยเปลี่ยนสไลด์ อาร์ทเป็นขาตั้งโมเดล

   “หัวข้อที่พวกผมได้รับคือการออกแบบร้านส้มตำให้ดูทันสมัยและเหมาะกับอาหารที่ขาย ก่อนอื่นผมพูดถึงส้มตำก่อน ทุกจะชินภาพร้านที่มีแม่ค้าเหงื่อซกโขกส้มตำสลับปัดแมลงวันไปพลางๆ บางทีตกใส่ครกบ้างตำออกมาใส่จานกินอร่อยดี” ทุกคนคิดภาพตามเกิดเสียงหัวเราะในห้องเพราะมันคือเรื่องจริง กระทั่งอาจารย์ยศสุดที่รักยังหลุดยิ้ม การพรีเซนต์งานออกมายืนพูดปาวๆ ราวกับเป็นหุ่นยนต์ไม่ได้ เราต้องรู้จักเอนเตอร์เทน เปรียกเทียบ ยกตัวอย่างให้ทุกคนคล้อยตาม

   ผมเกริ่นในเรื่องที่ทุกคนรู้อยู่แล้ว เพื่อปูทางเข้าสู่หัวข้อหลัก บอกว่าโมเดลนี้มีการผสมผสานระหว่างร้านแบบที่ทุกคนคุ้นตากับแบบใหม่ที่ทันสมัยอะไรก็ว่าไป โม้เยอะๆ ยังไงเราก็ไม่ได้ไปนั่งสร้างร้านจริงๆ ไอเดีย จินตนาการบางครั้งเพ้อฝันหน่อยก็ได้ เพราะมันไม่ต่างจากเป้าหมายให้คนพัฒนา วันนี้ทำไม่ได้ อนาคตต้องทำให้ได้ในความคิดผมอะนะ

   พอผมพูดส่วนของตัวเองจบ ก็สลับกับแม็คให้มันมาพรีเซนต์ต่อว่าเราจะใช้วัสดุอะไร เป็นการจำลองสถานการณ์ ปิดท้ายด้วยอาร์ทร่ายขั้นตอนการสร้างฉบับมโน และขั้นตอนการทำโมเดล เมื่อพรีเซนต์จบก็จะเป็นช่วงถามตอบ เริ่มจากให้เพื่อนยกมือถามก่อน บางทีก็เป็นคำถามมีสาระ แต่ส่วนใหญ่แม่งไร้สาระจงใจกวนส้นกันมากกว่า

   ระหว่างนั้นอาจารย์ยศจะชอบไปนั่งไขว้ห้างหลังห้องแบบคูลๆ มือถือกระดาษให้คะแนน ดวงตาสวมแว่นกวาดมองบรรดาศิษย์ทั้งคนที่ออกไปพูดและผู้ฟัง การให้คะแนนของอาจารย์ทุกท่านจะแยกออกหลายทางแล้วแต่เนื้องาน หลังอาจารย์มั่นใจแล้วว่าไม่มีใครถามต่อ ก็ถึงเวลาตัดสินชะตาชีวิตว่าจะได้คะแนนเยอะหรือน้อย

   ส่วนใหญ่พวกอาจารย์จะชอบเลือกถามคนที่ดูไม่ค่อยมีบทบาทในงาน พวกที่พูดฉะฉานเถียงอาจารย์ฉอดๆ แบบผม มักจะถามแค่คำสองคำแล้วเมินเสีย ดีที่พวกเราสามคนสุมหัวปรึกษาลงมือช่วยกันทำไม่มีใครอู้ ไม่ว่าอาจารย์จะถามอะไรก็ตอบได้หมด ทุกอย่างจึงผ่านไปด้วยดี ได้รับการปล่อยตัวให้กลับมานั่งที่รอกวนเพื่อนกลุ่มต่อไป

   ผมมั่นใจว่าคะแนนต่อให้ไม่เต็มก็น่าจะอยู่ในเกณฑ์ดี ที่เหลือคือการอ่านสอบแล้วล่ะ การสอบมหา’ลัยอย่าหวังข้อกาเลย มีแต่ข้อเขียนล้วนๆ น้อยนักที่จะมีข้อกา แถมไอ้พวกข้อสอบปรนัยมีโอกาสทำให้คะแนนดิ่งลงเหวมากกว่าอัตนัยที่เปิดกว้างให้เขียนคำตอบ ข้อกาผิดแล้วผิดเลยไม่ได้คะแนน ข้อเขียน ไม่รู้ก็ยังงูๆ ปลาๆ ได้อย่างน้อยๆ อาจารย์ก็ให้ค่าหมึกล่ะวะ

   เรื่องงานผ่านพ้นไป วิชาที่ลงเรียนก็ปิดคลาสกันหมดแล้วในช่วงหลายวันก่อนสอบ ผมกลับมานั่งๆ นอนๆ ทำงานบ้านอยู่ที่ห้อง ไม่มีความคิดที่จะอ่านสอบเร็วๆ นี้ ผมเป็นพวกอ่านปุ๊บสอบเลย ล่วงหน้านานๆ แล้วลืม ไม่เหมือนไอ้ซัน ป่านนี้ยังไม่โงหัวจากหนังสือ มันจะอ่านเอาโล่หรือไง

   ขณะที่ผมกวาดพื้น นึกหมั่นไส้หมุนไม้กวาดใช้ด้ามทิ่มขาซันที่นอนเหยียดมือถือหนังสือเคมี กับพวกชีท สมุดโน้ต อุปกรณ์การเขียนกองรอบตัว

   “ลุกดิ้ เกะกะว่ะ โซฟามีไม่นอนมึงมากองบนพื้นทำไม”

   “โซฟาร้อน นอนบนพื้นกระเบื้องมันเย็นดี” ในที่สุดมันก็ยอมวางมือจากหนังสือ เก็บข้าวของไปกองบนโต๊ะหน้าทีวีแล้วแย่งไม้กวาดผมไปทำเอง เออดี ผมเลยนั่งกระดิกเท้าบนโซฟา หยิบหนังสือมันมาดูเล่นๆ บางอันก็รู้เรื่องเพราะเคยเรียนผ่านๆ สมัยมัธยม บางอันเหมือนอ่านภาษามนุษย์ต่างดาว

   “โอ้โห อาจารย์มึงสอนไวเนอะ เรียนไปครึ่งเล่มแล้วนี่หว่า” คือเล่มมันหนามาก

   “เปล่า เล่มที่มึงถือใช้เรียนยันปีสาม กูแค่อ่านล่วงหน้าเล่นๆ”
   
   ผมมองมันที่กำลังกวาดพื้นแบบอึ้งๆ ที่ผ่านมานึกว่ามันอ่านสอบ นี่คืออ่านสอบเสร็จนานแล้วแค่มานั่งอ่านเนื้อหาล่วงหน้าฆ่าเวลาเฉยๆ เนี่ยนะ

   ซันก้มกวาดเศษผงใต้โซฟา พอเงยหน้ามาเห็นอีกฝ่ายทำหน้าเหวอก็หลุดหัวเราะ “อึ้งอะไรขนาดนั้น กูทำแบบนี้เป็นเรื่องปกติตั้งแต่สมัยมัธยมแล้ว”

   “เหรอวะ ที่ผ่านมากูเห็นมึงอ่านหนังสือบ้างก็จริง แต่ไม่ได้ขะมักเขม้นแบบนี้”

   “ขึ้นมหา’ลัยใหม่ๆ วันๆ ทำแต่กิจกรรมมีเวลาอ่านที่ไหน กลับห้องมาทีก็เหนื่อยจนสลบแล้ว มึงก็เป็นไม่ใช่รึไง”

   “แล้วหลังจากนั้นล่ะ มันก็พอมีเวลาพักหายใจหายคออยู่”

   เจอคำถามนี้มันหันมาเค้นเสียงใส่ดังเหอะ! “ตัวต้นเหตุอย่างมึงมีหน้ามาพูดด้วยเหรอ ใช้เวลากับเรื่องเรียนยังไม่พอ ต้องมาวุ่นวายกับเรื่องของมึงอีก ก่อนคบกับมึงกูสับสนจะตายห่า เกิดมาไม่เคยรู้สึกอะไรกับผู้ชาย พอได้มึงเป็นเมียก็มานั่งคิดกับตัวเองว่าจะเอายังไงต่อไปในอนาคต ยังไม่ทันได้คำตอบดีต้องมาปวดหัวเรื่องเหี้ยเก้ากับปมในอดีตของมึงต่อ” มันหยุดบ่นเหมือนนึกอะไรบางอย่างออก “คิดอีกที กูเพิ่งมีเวลาว่างเอาช่วงก่อนสอบเลยนี่หว่า”

   “ขอโทษด้วยแล้วกันที่ทำให้เสียเวลา” ผมประชด เพราะมันเป็นเรื่องจริงไงเลยเจ็บจี๊ดไปถึงตับไต ซันกลับโบกมือหัวเราะแบบชิลๆ

   “ช่างเถอะ สุดท้ายก็ได้หัวใจมึงมา โคตรจะคุ้มกับเวลาที่เสียไป” ว่าพลางพยักหน้าโกยขยะทิ้งอย่างพึงพอใจ มันยังคงพูดวาจาหวานเลี่ยนได้อย่างหน้าตาเฉยเหมือนเคย ผมได้ทีชี้นิ้วสั่ง ใช้งานมันแก้อาการเขิน

   “กูผสมน้ำยาไว้แล้ว ถูพื้นต่อด้วยมึง”

   ซันมองหน้าผม ยกยิ้มมุมปากอย่างรู้ทันถึงงั้นก็จับไม้ถูพื้นมาบิดหมาดทำงานบ้านต่ออยู่ดี มีหน้ามาฮัมเพลงอีกต่างหาก เป็นเพลงที่มันกำลังติดช่วงนี้ ได้รับอิทธิพลไปจากผมนั่นแหละ พอถึงท่อนเด็ดมันก็ร้องเสียงดัง ออกลีลาถือไม้ถูแทนไมค์

   “ฉันไม่ใช่คนดีอะไรแถมยังเอาแต่ใจ
   แต่เธอก็รักฉันแบบที่เป็นไม่ว่าเธอไม่เหมือนใคร
   แค่กอดฉันไว้ทุกๆ คืน
   ทำให้อุ่นใจไม่ว่ายามนอนหรือเมื่อยามตื่น

   You my number one lady
   จะไม่มีใครที่มาแทนที่เธอ
   และไม่ว่านานแค่ไหน ฉันจะรักเธอตลอดไป

   บอกรักเท่าจักรวาลมันก็ยังไม่พอ
   ก็อยากได้ยินเธอพูดซ้ำ
   Like I never heard that before
   ก็อยากได้ยินมันทุกวัน อยากได้ยิน
   เพียงเธอบอกรักฉัน ได้มั้ยเธอ...”


   จบเพลงด้วยรอยยิ้ม ยักคิ้วหลิ่วตามาให้ผมทั้งเขินทั้งขำ ไม่รู้จะเลือกอารมณ์ไหนก่อนดี แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ผมโคตรมีความสุขเลยว่ะ ขอหยาบเพื่อให้ได้อารมณ์เหอะ

   อยากได้คำบอกรักใช่มั้ย ได้! ผมยิ้มเปิดปากถาม “ชื่อเพลงว่าอะไร” จริงๆ ผมรู้แหละ รู้ด้วยว่าเป็นเพลงของ ILLSLICK แต่อยากให้มันพูด

   “รักเมียที่สุดในโลก” ตอบเต็มเสียงชัดเจนสองหู

   “นั่นไง ได้ฟังแล้ว เพลงนี้เหมาะกับมึงสุดๆ” คนที่เพิ่งรู้ว่าโดนหลอกเผยสีหน้าบึ้งตึง ปกติก็ฉลาดนะ แต่คงหวังคำบอกรักจากผมจริงๆ เพราะตั้งแต่วันนั้นผมก็ไม่เคยพูดอีกเลย

   เห็นหนุ่มเถื่อนงอนทำหน้างอเหมือนตูดเป็ดทำเอาผมหลุดขำจนมันฮึดฮัดหนักกว่าเดิม ผมพยายามกลั้นเสียงหัวเราะ กวักมือให้มันเข้ามาหา แม้จะยังงอนอยู่แต่ก็ว่าง่ายเดินมา สงสัยคงถูกผมสั่งทำนู่นนี่จนกลายเป็นความเคยชินของร่างกาย ตอบสนองโดยอัตโนมัติไปแล้ว น่ายินดีชะมัด

   ผมใช้นิ้วป้ายให้มันเลิกทำปากคว่ำแล้วคว้าหลังคอให้มันโน้มลงมาเอาหน้าผากชนกัน สบตาแลกลมหายใจในระยะประชิด ปากค่อยเอ่ยประโยคหนึ่งออกมา ไม่จำเป็นต้องเสียงดัง แค่ใช้น้ำเสียงธรรมดาพูดออกมาด้วยใจ

   “รักซันนะ…ที่รักของโป้” เสริมคำพูดด้วยการจูบหน้าผากเอาใจเด็กโข่ง ผิวเข้มเริ่มขึ้นสี แต่พยายามตีหน้านิ่งทั้งที่กลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่ แสดงความรู้สึกออกมาผ่านแววตาหมดแล้ว พอได้แรงใจเต็มร้อยก็ฟิตทำความสะอาด อารมณ์ดีเหมือนคนบ้า กระตือรือร้นแย่งหน้าที่ทำอาหารเย็นซะด้วย

   ความจริงผมไม่ใช่คนปากหนัก ที่ผ่านมาไม่พูดเนื่องจากยังไม่มั่นใจในความรู้สึกของตัวเอง อุปสรรค์ทำให้เรารู้จักและสนิทใจกันมากขึ้น

   ในเมื่อซันทุ่มเทให้ผมทุกอย่าง เปิดเผยจริงใจ แสดงความรู้สึกด้วยคำพูดและการกระทำขนาดนี้ ถ้าผมยังไม่รู้ใจตัวเองอีกคงโง่เต็มทน

   คำว่ารัก ถ้ามีโอกาสก็ควรจะพูดออกมาซะ ผมไม่ได้กลัวว่าทุกอย่างจะสายเกินไป ยังไงผมก็ไม่คิดจะแยกจากซันอยู่แล้ว แต่เป็นเพราะคำๆ นี้เปรียบเหมือนมนต์วิเศษที่ช่วยสื่อความรู้สึกของเราให้อีกฝ่ายเข้าใจมากขึ้น แถมยังมีอำนาจแฝงเพิ่มกำลังใจ ช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างเราได้อีกด้วย

   ...แต่พูดบ่อยๆ ก็ไม่ดี เดี๋ยวมันชินแล้วผมจะอดเห็นมันตอนเขิน

หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่28 เบา เบา [25/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ah-chan ที่ 25-01-2017 18:53:12
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่28 เบา เบา [25/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-01-2017 19:15:14
 :man1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่28 เบา เบา [25/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 25-01-2017 19:20:46
 :-[ น่ารักเนาะ
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่28 เบา เบา [25/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 25-01-2017 20:55:40
แหวะ เลี่ยน หมั่นไส้ๆ 5555
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่28 เบา เบา [25/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: hyukkiemai ที่ 25-01-2017 23:38:17
อ่านแล้วยิ้มตามตลอดเบยยยยยยย
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่28 เบา เบา [25/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 26-01-2017 03:21:08
ฮุ้ยยย แค่ถูกบอกรัก ทำงานบ้านถวายหัวเลยอ่ะ ยังขาดซักผ้า ด้วยนะซัน  :o8:
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่28 เบา เบา [25/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 26-01-2017 14:03:44
งานนี้ซันไปไหนไม่รอดและ โดนโป้บอกรักวิญญาณพ่อบ้านเข้าสิงเลย 5555
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่28 เบา เบา [25/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 26-01-2017 15:55:58
 o13  รักเมียที่สุดในโลก อิอิ
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่28 เบา เบา [25/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 26-01-2017 19:04:16
 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่28 เบา เบา [25/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 26-01-2017 19:14:25
 :pig4:
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่28 เบา เบา [25/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 27-01-2017 09:36:41
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่28 เบา เบา [25/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 27-01-2017 17:44:42
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่28 เบา เบา [25/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Dangdang ที่ 26-02-2017 04:54:15
 o13 o13 o13

ชอบมากแมนทั้งคู่เลย น่ารักมาก

  :3123: :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่28 เบา เบา [25/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 06-03-2017 22:11:35
รอๆๆ  :katai4:
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่28 เบา เบา [25/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 07-03-2017 00:54:47
รักกุนไปนทนฟ
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) แจ้งข่าว p.11 [20/3/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 20-03-2017 16:06:25
แจ้งข่าว

ก่อนอื่นต้องขออภัยที่หายไปนาน ไม่ได้เลิกแต่งแต่อย่างใด

สาเหตุที่หยุดอัพไปชั่วคราวเพราะไปปั่นเรื่อง Contract มาเฟีย (ป๋าxมิท) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54115.msg3391025#msg3391025) ให้เนื้อเรื่องตามซันโป้ทัน เพื่อไม่เป็นการสปอยเนื้อเรื่องตอนอ่านป๋ามิท

ซึ่งตอนนี้เนื้อเรื่องทันเรียบร้อย จะกลับมาแต่งซันโป้ให้จบเร็วๆ นี้

*เพิ่มเติม*
วันที่ 23-27 ทำธุระยาว ไม่สามารถแต่งนิยายลงได้ การอัพซันโป้คงต้องเลื่อนออกไป หลังเสร็จธุระแล้วจะรีบกลับมาปั่นต่อทันที

หากต้องการติดตามข่าวสารสามารถตามได้ที่เพจ Silver Fish (https://www.facebook.com/pages/Silver-Fish/1539533922963776) จะอัพเดตนิยายตอนใหม่ และข่าวการอัพนิยายตลอด
รวมถึงมีโมเม้น เสริมข้อมูลนิยายสั้นๆ ภายในเพจด้วย

ขอบคุณทุกคนที่ติดตาม  :bye2:
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่29 ความลับของ... [7/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 07-04-2017 00:24:42
ยกที่29 ความลับของ...

   คนเรามักจะมีความลับไม่ต่ำกว่าหนึ่งเรื่อง มีครั้งหนึ่งผมเผลอทำหมูตกพื้นแล้วหยิบมาล้างหั่นทำอาหารให้ไอ้ซันกินด้วยความเสียดาย เอาน่าไม่เป็นไรหรอกในเมื่อผ่านน้ำ ผ่านความร้อนเรียบร้อย แถมผมก็กินด้วยถือว่าเจ๊ากัน เรื่องนี้รู้ไว้ห้ามไปบอกซันนะ เดี๋ยวผมโดนมันเทศนา

   ที่เกริ่นเรื่องนี้ขึ้นมาไม่ใช่เพราะอะไร ในกลุ่มเราคนที่มากความลับดูครุมเครือที่สุดคือมิท ที่ผ่านมาไม่เคยง้างปากบอกอะไรสักอย่าง จะว่าไป มีอยู่ครั้งหนึ่ง ตอนนั่งรวมกันช่วงพักเที่ยง พวกซันไปซื้อข้าวที่โต๊ะเหลือแค่ผมกับปอนด์ มิททำท่าเหมือนจะบอกอะไรสักอย่าง เพื่อให้พวกผมช่วยคุยกับคนอื่นๆ คาดว่าเป็นความลับที่ปิดไว้นั่นแหละ แต่ผมกับปอนด์คิดอย่างเดียวกัน ถ้าจะบอก สู้บอกพร้อมกันดีกว่า ไม่งั้นพอพวกมันมารู้ที่หลังจะน้อยใจจนกลายเป็นปัญหาซะเปล่าๆ หลังจากนั้นมิทก็ไม่พูดทำนองนี้อีกเลย จนผมลืมไปสนิท

   เพิ่งจะถูกกระตุ้นเตือนเมื่อเร็วๆ นี้ ที่จู่ๆ มิทก็ทักมาในไลน์กลุ่ม ‘ไม่หล่อจริงอยู่ไม่ได้’

   ป๋อย! เสียงแจ้งเตือนไลน์ คือผมใช้เสียงหยดน้ำน่ะ ฮ่าๆ จัดการใช้เท้าสะกิดซันระหว่างตัวเองนอนเอกเขนกดูทีวีอยู่บนโซฟา สามีที่ดีหยิบมือถือยื่นส่งให้ ผมเปิดไลน์ดูพบข้อความจากเพื่อนผู้มากความลับ

   Myst[e]ry : ศุกร์ที่จะถึงนี้พวกมึงว่างกันมั้ย ไปดื่มกัน ป๋าเลี้ยง กูมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย

   ผมเลิกคิ้ว ผุดลุกนั่งดีๆ ขณะที่ซันเองก็หยิบมือถือมาดูเหมือนกัน เห็นมันกำลังพิมพ์ปฏิเสธ ผมเลยถลาไปบีบคอ

   “เหี้ย! อะไรของมึงเนี่ย” คนโดนทำร้ายร่างกายโวยวาย นั่งอยู่ดีๆ ก็โดนพุ่งใส่ ตกใจสะดุ้งมือถือแทบร่วง
   
   “มึงต้องไป ห้ามปฏิเสธเด็ดขาด” เขย่าคอซันอย่างบ้าคลั่ง ใจผมนี่เต้นตึกตัก ไม่ต้องเปลืองสมองคิดให้มากความ เรื่องสำคัญที่มันบอกต้องไม่พ้นเรื่องที่มันปิดบังมาตลอดแน่ ขืนไอ้ซันไม่ไปก็แย่สิ งานนี้ต้องไปทุกคน

   “อะไรของมึงวะ” มีความเหวี่ยง

   “เหอะน่า ไปเถอะ มิทก็บอกอยู่ว่ามีเรื่องสำคัญจะคุย ไม่แน่อาจจะเป็นเรื่องที่มึงอยากรู้มานานก็ได้นะ แค่ร้านเหล้าเอง” พยายามกล่อมสุดชีวิต ไอ้ซันหรี่ตามองสีหน้าเผยความลังเล ผมยิ้มใส่ตา คราวก่อนโดนมันถอนหายใจใส่หน้า

   “ตกลงมึงอยากไปฟังเรื่องสำคัญ หรืออยากเหล้ากันแน่วะ” มีการบ่นพึมพำ ถึงงั้นก็พิมพ์ตกลงในไลน์กลุ่มให้ผมยิ้มกว้างคว้ามือถือตัวเองมาตอบบ้าง

   ดูเหมือนว่าสถานที่นัดจะเป็นผับหรูไม่ไกลจากมหา’ลัย มิทบอกว่าฟรีตลอดงาน ลาภปากผมเลย สงสัยผมจะแสดงออกทางสีหน้ามากไปหน่อยเลยโดนซันล็อคคอขยี้หัวด้วยความหมั่นไส้ ส่วนวันเวลานัดหมายก็อีกหนึ่งอาทิตย์ข้างหน้า ระหว่างนั้นพวกเราก็ใช้ชีวิตเด็กมหา’ลัยกันตามปกติ โดยที่พวกเราไม่ค่อยเจอหน้ามิทเหมือนเคย ก่อนหน้านี้มิทชอบหายหัวด้วยเหตุผลบางอย่าง มาตอนนี้มิทกำลังเร่งเรียนตามเพื่อนจึงยุ่งจนหัวหมุน ตรงกันข้ามกับพวกผมที่ไปตามหลักสูตร ปีหนึ่งเลยไม่หนัก จะไปหนักเอาตอนปี 3 ขึ้นไป

   พอถึงวันนัด พวกเราก็มาพร้อมกันที่หน้าผับหรูแบบที่หากต้องจ่ายตังเองไม่มีทางเหยียบเข้าไปเด็ดขาด เสื้อผ้าหน้าผมแต่ละคนไม่มีใครน้อยหน้าใคร กระทั่งซันเองยังต้องขุดเอาเสื้อมียี่ห้อจากในตู้มาใส่เพราะเกรงว่าเขาจะไม่ให้เข้าหากใส่แบรนด์ตลาดหนีบแตะไปออนทัวร์แบบทุกที

   ซันสวมเสื้อกล้ามดำกางเกงยีนรองเท้าผ้าใบยี่ห้อดัง เผยรูปร่างสมส่วนแข็งแรง แม้ไม่ได้มีกล้ามเป็นมัดๆ แต่แผ่นอกก็ยังน่าซบเสริมด้วยใบหน้าคมตาดุและผิวเข้มๆ ช่วยดึงดูดสายตาบรรดาสาวๆ ได้ชะงัก เครื่องประดับมีเพียงนาฬิกา Rolex ที่พี่ชายซื้อให้เพียงเรือนเดียว มือควงกุญแจรถที่ขับมาเองหมายจะเก็บซากเพื่อนเน้นที่เมียโดยเฉพาะ

   ผมเองก็อยากใส่เสื้อกล้ามคู่กับมันนะ เป็นคนขี้ร้อนอยู่แล้ว ใส่แบบนั้นนอกจากจะดูดียังไม่ร้อนมาก เสียที่หัวเด็ดตีนขาดยังไงไอ้ซันก็ไม่ยอมให้ผมใส่เด็ดขาด ผลเลยกลายเป็นเสื้อขอวีแขนสั้นเข้ารูปหน่อยกับกางเกงยีนเซอร์ๆ มัดผมครึ่งหัวกับเครื่องประดับเชือกตามสไตล์ รองเท้าเป็นผ้าใบไม่ต่าง แค่ราคาถูกกว่า(มาก)

   คนอื่น...เอาเป็นว่าดูดีแล้วกัน ไม่อยากบรรยายมาก อิจฉา ยกเว้นปอนด์ไว้คน ถูกเฮียเฟย์จับใส่ฮู้ดแมวดำกางเกงสามส่วน ปกปิดมิดชิดแบบน่ารัก แล้วพวกเราก็มารวมพลกันอยู่หน้าผับ ตรงประตูทางเข้ามีพนักงานต้อนรับอยู่สองทาง ทางหนึ่งแถวยาวเหยียด ส่วนอีกทางเหมือนจะเป็น VIP เราถอยมาปรึกษากันว่าจะเอายังไงดี เพราะพวกเรากะมากินฟรีโดยอาศัยชื่อมิท ถ้าไปต่อแถว นอกจากจะเสียเวลานานแล้วยังมีโอกาสไม่ได้เข้าเพราะผับรับคนจำนวนจำกัด ซึ่งส่วนใหญ่จะจองไว้ก่อน

   ซันเป็นฝ่ายติดสินใจเดินเข้าไปคุยกับพนักงานต้อนรับพร้อมยื่นมือถือให้ดู คาดว่าจะเป็นรูปพวกเรานี่แหละ ทีแรกพนักงานยังนิ่งเฉย แต่พอเห็นรูปมิทสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที รีบเปิดทางให้พวกเราเข้าไป แน่นอนว่ามีสิทธิ์พิเศษแบบนี้ย่อมมีคนไม่พอใจ

   “เฮ้ย พวกนี้ไม่มีบัตร ทำไมถึงได้เข้าไปวะ” ชายหัวแดงโวยวายไม่พอ ยังคว้าไหล่ซันแบบไม่กลัวตาย

   “ใจเย็นก่อนครับคุณลูกค้า แขกกลุ่มนี้มีคนให้บัตรไว้แต่แรก จึงสามารถเข้าไปได้ครับ” พนักงานพยายามไกล่เกลี่ยโดยอ้างว่าให้บัตรก่อนแล้ว หลายคนที่ยืนรอแถวต่างพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ เพราะเหตุการณ์แบบนี้ใช่ว่าจะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไอ้หัวแดงเลิกคิ้วยอมผละออกจากซัน ถ้าไม่ติดว่ามีหมาอีกตัวแทรกขึ้นมานะ หนึ่งในนั้นพอเห็นซันก็ชักสีหน้าเหมือนเจอคู่แค้นสิบชาติ

   “มึง!! ไอ้สัตว์ที่มาแย่งคนรักเก้านี่หว่า” มันชี้หน้าซัน พวกเพื่อนมันเลยขยับเข้ามายืนคุมเชิง ริวเองก็มายืนข้างผมเช่นกัน ยกเว้นปอนด์ที่เฮียเฟย์ลากหลบฉากไปอย่างไว มีความหวงขั้นสุด แต่ดีแล้ว ปอนด์ไม่ถนัดเรื่องแบบนี้ อยู่ใกล้เดี๋ยวจะโดนลูกหลงซะเปล่าๆ มีเฮียเฟย์ยืนคุ้มกันด้วย รับรองปลอดภัย พวกผมจะได้ไม่ห่วงหน้าพะวงหลัง

   “อย่ามาเห่า แย่งคนรักอะไร กูไม่เคยแย่งคนรักใคร” ซันกอดอกพูดอย่างหงุดหงิด มันอยู่ของมันดีๆ ทีแรกคว้าไหล่ตอนนี้ชี้หน้าและมีแนวโน้มว่าจะซัดกันในไม่ช้า ไม่สนหัวพนักงานที่พยายามห้ามเลยสักนิด

   “ถุ้ย! หน้าด้านฉิบหาย หลักฐานอยู่ทนโท่ มาเที่ยวผับกับโป้ มึงยังกล้าทำเป็นไม่รู้เรื่องอีกเหรอวะ” อีกคนถ่มน้ำลายแล้วก้าวออกมา เหมือนว่าจะคุ้นหน้าเจ้าสองตัวที่เห่าหอนไม่เลิก หลังนิ่งคิดอยู่แป๊บนึง ผมทุบมือปุเพิ่งนึกออก เหี้ยสองตัวเป็นเพื่อนเก้านี่หว่า นี่มันยังเข้าใจอะไรผิดๆ อยู่เหรอวะ เวลาผ่านมาตั้งขนาดนี้แล้วอะนะ

   ไอ้หัวแดงคนแรกเหมือนมาโดนยา พอได้ยินสิ่งที่เพื่อนพูดจากท่าทีอ่อนลงกลับมาแข็งกร้าวทันที “อ่อ น้ำหน้าแบบนี้นี่เองที่มีปัญหากับเก้า กล้าดีนี่ ควงแขนมากับไอ้กระเทยควายนี่หลังจากอัดเพื่อนกูซะเละ” วาจาหมาไม่แดก ผมขมวดคิ้วกับความเข้าใจผิดๆ ที่เกิดขึ้น ไอ้ซันถึงกับฉุน พุ่งเข้าไปกระชากคอเสื้อ

   “มึงเรียกแฟนกูแบบนี้ไม่อยากตายดีใช่มั้ย” เสียงข่มรอดไรฟัน อีกฝ่ายขย้ำคอเสื้อกลับแบบไม่ยอมแพ้

   “เออ! กูจะเรียก มึงจะทำไม มึงมันสวะอยู่คู่กับเมียกระเทย”

   “มึง!!” ไอ้ซันฟิวส์ขาดง้างหมัดจะชก ผมไม่อยากให้มีเรื่องเลยรีบคว้าแขนมันไว้ทันเฉียดฉิว หันมามองกะให้ริวช่วยห้าม มันดันตั้งการ์ดเตรียมซัด เวรกรรมจริงๆ พวกมึงช่วยดูสถานที่กันหน่อยได้มั้ย ผับไฮโซนะเว้ย ไม่ใช่ร้านเหล้าข้างทาง การ์ดกล้ามโตตัวใหญ่อย่างกับตึกกำลังเดินมาทางนี้แล้ว

   “ห้ามกูทำไมวะ ปล่อยเว้ยเหี้ยโป้!” มันสะบัดแขนจนผมแทบจะรั้งไม่อยู่

   “ใจเย็นดิวะ มิทบอกนี่ผับพ่อมันอย่าก่อเรื่องเลย” ป๋ามันไม่ใช่คนธรรมดาแน่ กูยังไม่อยากโดนยิงตายเว้ย สนใจกูบ้างงงง

   “มึงควรฟังเมียกระเทยของมึงนะ ไอ้ชาติหมา”

   “ไอ้โป้ปล่อยกู!!” ซันตวาดกระชากแขนจนผมตัวเซ ฝั่งตรงข้ามมีประมาณหกคนก็พุ่งเข้ามาจะร่วมวงด้วย ผมชักปลง คงได้ออกแรงกันจริงๆ ใครมันจะไปรู้ล่ะว่า เจ้าเพื่อนตัวดีมาได้จังหวะเหมาะ

   “เฮ้ย! ห้ามมาตีกันหน้าผับพ่อกูเว้ย!!” เสียงตะโกนด่าไม่น่าหวั่นเกรงเท่าการ์ดสูทดำตัวใหญ่เบิ้มที่ยืนเรียงหน้ากระดานแผ่รังสีกดดันอยู่ด้านหลังเพื่อนมิท ทั้งที่รู้ว่ามันไม่ควร แต่ ณ เวลานี้ผมรู้สึกเหมือนเห็นเพื่อนตัวเองเป็นคุณนายมาเฟียยืนกอดอกถลึงตาจ้องอย่างดุดัน ผมนี่รีบสะบัดหัวไล่ความคิดแทบไม่ทัน เบนความสนใจในเรื่องแปลกๆ ไปสะกิดเตือนซันยิกๆ ขอให้มันเห็นแก่หน้ามิทบ้าง ตีกันหน้าผับเขา เกิดข้าวของเสียหาย เสียรายได้ เดี๋ยวซวยกันหมดพอดี

   “ไปเคลียร์กันตรงนู่น” เพื่อนมาดใหม่บุ้ยปากไปทางลานจอดรถร้างผู้คน สองฝ่ายยืนคนละด้านมีมิทเป็นคนกลางกับเหล่าการ์ดคอยคุมเชิง เป็นไงล่ะเจอของจริง อารมณ์ร้อนดับวูบกันหมด ไม่ติดว่าสถานการณ์ไม่ให้ผมหัวเราะไปแล้ว โดยเฉพาะพวกปากเก่งที่มาหาเรื่องซัน เรียกผมกระเทยๆ ใช่ว่าไม่โกรธนะ แค่มีสติ เอาไว้เจอกันลับหลังค่อยลากเข้ามุมมืดกระทืบไส้แตกก็ยังไม่สาย

   “บอกมา มีเรื่องอะไรกันวะ” นาย(หญิง)มิทเปิดประเด็น แต่ละคนยังฮึ่มแฮ่ใส่กันอยู่ พี่เฟย์ผู้เป็นคนนอกเลยช่วยตอบให้

   “ฝ่ายนั้นหาเรื่องซันก่อน เห็นว่าเกี่ยวกับคนที่ชื่อเก้า ส่วนซันใจร้อนซัดกลับจนเกิดเรื่อง” แขนกอดเพื่อนตัวเล็ก บอกเล่าน้ำเสียงเรียบเรื่อย ผมนึกเถียงในใจ ยังไม่ซัดพี่ แค่เกือบ ผมห้ามไว้ทัน

   “กูจำได้ว่าเรื่องมันจบไปแล้วไม่ใช่เหรอ” มิทกล่าว ผมพยักหน้า ทุกคนจำได้ไหม ตอนที่มีเรื่องกับเก้าคราวนั้น มิทเป็นคนดูต้นทางให้พวกเรา ส่วนผมไสหัวกลับไปช่วยรุ่นพี่ทำงานจนเสร็จ

   “ยังไม่จบ! พวกกูยังไม่ได้เอาคืนพวกมึงที่มารุมทำร้ายพวกไอ้เก้า” พวกเยอะเหลือเกิน ผมกรอกตามองบน เข้าใจว่าพวกมันยังไม่จบ แต่ก่อนหน้านี้ที่ไม่ได้เอาคืนนั่นเพราะผมมัวแต่วุ่นเรื่องของตัวเอง กับขลุกอยู่ในตึกคณะ ไม่มีกิจกรรมหรือวงโคจรอะไรที่ทำให้เจอกัน มหา’ลัยออกจะกว้างขวาง

   “จะเอาคืน ถามเจ้าของเรื่องเขายังว่าต้องการรึเปล่า” มิทตอกกลับ ผมพยักหน้าเห็นด้วย แม้จะมีปัญหากับเก้าและไม่ค่อยสนิทกันเท่าไรนะ แต่พอมองออกว่าสำหรับเก้า จบคือจบ ไม่งั้นมันคงตามตื้อผมต่อ ไม่ปล่อยให้ผมกับซันลงเอยกันด้วยดีเช่นตอนนี้

   สีหน้าพวกนั้นดูไม่ยินยอมโดยง่าย มิทยักไหล่ถอนหายใจ “ช่างเถอะ จะเอาคืนอะไรก็ไปที่อื่น อย่ามาก่อเรื่องที่นี่ถ้ายังไม่อยากถูกการ์ดลากตัวออกไปหมกป่า” ผมหันขวับ ถึงกับเซไปวูบหนึ่ง ตัดปัญหากันงี้เลยนะ

   ซันคงคิดแบบเดียวกันและไม่อยากให้มิทเข้ามายุ่ง เจ้าตัวถึงหักมือกร๊อบเตรียมบู๊ “มึงไม่ต้องมายุ่งมิท พวกกูจัดการเอง แค่เห็บหมาไม่กี่ตัว ไม่พอตีนพวกกูหรอก” ริวพยักหน้ารับคำซัน ผมก็ชักจะเริ่มเซ็ง ถลกแขนเสื้อคิดจะเอาด้วย อยากชกก็ชกเรื่องจะได้จบๆ ส่วนพี่เฟย์ พอเห็นท่าไม่ดีจูงเพื่อนปอนด์ไปอยู่กับมิทเฉย เข้าใจเลือกสถานที่จริง ตรงนั้นจุดเซฟโซนเลยเชียว

   ฝ่ายนั้นเองก็ตั้งท่า เห็นว่ามากันเยอะและมิทปลีกตัวเป็นคนนอก กะเอาพวกเข้าข่มทางผมที่มีกันแค่สามคน หารู้ไม่แค่ซันกับริวก็กินขาด มันคงจะได้ซัดกันแบบลูกผู้ชายแหละ หากมิทไม่ห้ามซะก่อน

   “ถือว่ากูขอแล้วกัน อย่าก่อเรื่อง นี่ผับพ่อกู” เสียงอ่อนแบบขอร้องของเพื่อนทำให้พวกผมเริ่มลังเล สุดท้ายซันผ่อนลมหายใจระบายความหงุดหงิด ยอมถอยเพราะเห็นเพื่อนสำคัญกว่าเรื่องชกต่อย

   “เห็นกับที่มึงขอกูจะยอมก็ได้ แต่ถ้าพวกมันเข้าไปหาเรื่องพวกกูข้างในอีก มึงเตรียมจัดสถานที่ให้กูได้เลย”

   “ได้ๆ เอาลานหน้าเวทีเลยมั้ย ชกกันไปพร้อมมีเพลงประกอบคงมันดี” พอเห็นเพื่อนยอมฟัง มิทหัวเราะชวนคุยอย่างอารมณ์ดี

   แม้ฝ่ายตรงข้ามจะไม่ยอมรับสักแค่ไหน แต่ทำอะไรไม่ได้เนื่องจากการ์ดยืนเรียงอย่างน่ากลัว มิทกวักมือเรียกเพื่อนเดินนำไปที่ทางเข้าผับ ส่วนพวกผมที่เดินไล่หลังหันไปชูนิ้วกลางถลึงตาใส่ ต่างฝ่ายต่างจดบัญชีหนังหมา เจอกันรอบหน้าไม่ยอมอ่อนข้อแน่

   พอเราเดินถึงหน้าผับ เจอพวกพี่รหัสของมิทที่มาดื่มด้วย เลยรวมตัวเป็นกลุ่มใหญ่ให้คุณชายมิทพาเข้าผับอย่างสง่าผ่าเผย อยู่ด้านนอกว่าใหญ่แล้ว มาเจอข้างในเหนือกว่าที่จินตนาการไว้อีก เพดานสูงยกติดไฟหลากสีชวนให้ไม่รู้สึกอึดอัดเหมือนผับอื่นๆ ที่ดูอุดอู้เพราะเพดานต่ำพื้นที่น้อย โต๊ะแต่ละชุดมีระยะห่างกันพอประมาน สามารถเดินสวนกันได้แม้จะมีคนนั่งบนเก้าอี้ ช่างแตกต่างจากร้านเหล้าลูกทุ่งรุ่นแทบขี่คอที่ผมไปเหลือเกิน

   แต่ละคนแต่งตัวหลากสไตล์ ไม่ได้ดูเว่อหรือจืดจาง ทุกอย่างพอเหมาะขับเน้นจุดเด่นออกตัวเองออกมาโลดแล่นในยามราตรี สาวสวยมากมายมีให้มองระรานตา กระทั่งหนุ่มน้อยใหญ่ราวกับถูกคัดมา มีแต่หน้าตาระดับเอบวกบวก พวกพนักงานเสิร์ฟก็ไม่น้อยหน้า ใส่ชุดบริกรรัดกุมดูดี สวยหล่อแบบไม่ต้องแต่งเยอะอย่างลูกค้า ให้บริการประดุจมืออาชีพ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงบาเทนเดอร์ประจำบาร์ ของดีเกรดพรีเมี่ยม ถ้าไม่ติดว่ามีแฟน จะปล่อยตัวเองให้โบยบินบนสวรรค์แห่งนี้

   ผับไฮโซรวมพวกคนรวยโคตรแตกต่างกับร้านเหล้าโลโซเสียจริง อีกสิ่งที่ดึงดูดสายตาคือเวทีครึ่งวงกลมตรงกลางที่มีลานแดนซ์อยู่ด้านหน้า เพลงมันๆ เล่นสดจัดกันแบบต่อเนื่องไม่ให้ขาดช่วง ถึงจุดนี้รุ่นพี่ของมิทก็แยกตัวออกไปบางส่วน ที่เหลือก็ทยอยขึ้นชั้นลอยที่มิทเหมาเอาไว้

   ด้านบนมีชุดโซฟานั่งสบายกว่าด้านล่าง มีบาร์ประจำหนึ่งที่กับโซนของห้อง VIP ที่ผมไม่คิดจะเข้าไปยุ่ง ที่น่าสนใจคือ ชั้นลอยติดกระจกเปิดไฟสลัวไม่แสบตากับไฟสารพัดสีอย่างชั้นล่าง แถมยังช่วยป้องกันเสียงบางส่วนแล้วเปิดเพลงเบาๆ คลอเหมาะกับการดื่มเหล้าเคล้าบรรยากาศ ถ้าหากอยากมันก็สามารถลงบันไดไปชั้นล่างได้ทุกเมื่อ เห็นว่ามีชั้นดาดฟ้ากับโซนอื่นแยกด้วย แต่ผมไม่สนใจ เพราะกับแกล้มหน้าตาน่ากินกับเหล้าพระเอกของงานถูกยกมาเสิร์ฟอยู่ตรงหน้า

   ตอนนี้ผมเลือกนั่งโซฟาหลบมุมเป็นเพื่อนปอนด์ ริวกับซันไม่คิดอยากลุกไปไหน กลายเป็นว่ากลุ่มเราขลุกอยู่โต๊ะเดียวกันอย่างสงบเสงี่ยม ส่วนมิทนั่งดื่มเหล้าคุยกับรุ่นพี่

   “เมื่อกี้กูเห็นราคาในใบเมนู มือกูงี้สั่น” ริวเปิดบทสนทนา แสดงอาการมือสั่นเหมือนเจ้าเข้าเรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนๆ

   “คราวนี้มิทมันเอาจริง ผับนี่โคตรหรู คงมีเรื่องสำคัญมากที่อยากจะพูด” ผมเปรยๆ สบตากับปอนด์แบบรู้กัน พี่เฟย์ยิ้มมุมปากไม่พูดอะไร แค่ตักของกินเล่นใส่จานปอนด์แล้วหันไปสั่งน้ำผลไม้จากสาวเสิร์ฟที่เดินผ่านมา

   “ขอให้มันสำคัญจริงเหอะ” ซันว่าพลางชงเหล้าแจกแบบรู้หน้าที่ พอจะชงให้เฮียเฟย์ อีกฝ่ายยกมือห้ามบอกว่าเดี๋ยวขับรถแล้วหันไปสวีทหวานกับปอนด์ต่อเฉย แขนยาวพาดพนักพิงขยับชิดจนปอนด์แทบจะเกยอยู่บนตัก เวลาคุยก็ชอบก้มลงไปกระซิบข้างหูราวกับว่าเสียงโดยรอบมันดังซะเหลือเกิน

   ผมแสร้งหันไปมองทางอื่น ปลงกับความร้ายกาจของเฮียเฟย์และปอนด์ที่ไม่เคยรู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย

   “พวกเรามานั่งดื่มรอมิทมันคุยกับรุ่นพี่แล้วกัน” ริวยกแก้วชนรอบวง ไม่นึกน้อยใจหรือหงุดหงิดพี่เจ้าภาพสนใจคนอื่นมากกว่า พอรู้กันว่ามิทชวนรุ่นพี่มาด้วยเพื่อขอบคุณหรืออะไรสักอย่าง พวกเราเองก็มีพี่รหัสเลยเข้าใจสังคมแบบนี้

   “ไม่ลงไปเล่นข้างล่างเหรอมึง ตอนขึ้นมาเห็นสาวมองกันให้เพียบ” ผมแซวหนุ่มญี่ปุ่นเนื้อหอม ก่อนโดนมันถอนหายใจใส่หน้า

   “ไปกูก็ซวยดิ กูจำได้ว่าพวกเฮียโน้ตรู้จักกับพี่ธัน ขืนเรื่องที่กูลัลล้าไปถึงหูพี่ธันเข้า คะแนนใจที่มีอยู่น้อยนิดแถมยังเพิ่มยากเพิ่มเย็นได้หดหายจนติดลบพอดี แล้วก็นะ มาบอกกูเนื้อหอม เฝ้าแฟนมึงให้ดีๆ เหอะ เมื่อกี้กูเดินรั้งท้ายมีสาวคิดจะตามมันขึ้นมาด้านบนด้วย เสียที่โดนการ์ดมิทดักซะก่อน เพราะพวกเราเหมาชั้นลอย” ร่ายยาวแบบไม่พักหายใจ ผมเหล่มองไปทางคนเนื้อหอมทั้งที่ตัวดำ ทำไมคนอื่นยังมองเห็นมันวะ แสงไฟออกจะน้อยขนาดนี้ นี่ไม่ได้พาลนะ แค่พูดเรื่องจริง

   “มองกูทำไม มึงก็ใช่ย่อย เข้าผับมาปุ๊บกระดี๊กระด๊าโคตรน่าถีบ ดีแล้วที่มิทมันเหมาแบบส่วนตัว พวกแมลงผู้จะได้ไม่ต้องเข้ามาให้รำคาญลูกตา” ไม่พูดเปล่ายังโบกหัวกูอีก ถ้าเหล้าหก ผมจะแค้นมันไปสิบชาติ!

   “พี่เห็นด้วยนะ แบบนี้ก็สงบดี แต่อยากให้มิทรีบมาคุยธุระให้เสร็จเร็วๆ มากกว่า พี่กับปอนด์ไม่ค่อยชอบสถานที่แบบนี้เท่าไหร่” ผู้อาวุโสที่สุดในกลุ่มเอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง ซันทำหน้าตาย ริวหันหน้าหนี ผมแอบเบ้ปากมองบน ที่เฮียเฟย์บอกไม่ชอบเพราะไม่อยากให้ปอนด์อยู่ที่อโคจรมากกว่า ส่วนตัวเฮียเฟย์เองดูเจนจัดกับสถานที่ขนาดนี้ ไม่มีทางซะล่ะ เผลอๆ อาจจะเคยมาผับนี้แล้วด้วยซ้ำ

   ปอนด์หัวเราะ จิ้มนู่นจิ้มนี่กินจนแก้มตุ่ย “น่าๆ คงไม่นานนักหรอก ถือว่าเปิดหูเปิดตาเก็บข้อมูลไว้แต่งนิยายด้วย ที่สำคัญ ของกินที่นี่อร่อยจัง”

   เห็นอีกฝ่ายกินเอร็ดอร่อยขนาดนี้ ทุกคนพร้อมใจกันไม่แตะต้องกับแกล้ม อย่างมากก็แค่ชิมสองสามคำแล้วเน้นที่เหล้าพลางพูดคุยกันเรื่อยเปื่อย เวลาผ่านไปสักพัก มิทบอกลาพวกรุ่นพี่เดินมาหาพวกผมแทน

   “โทษทีที่ให้รอนาน พอดีตอนป่วยไม่ได้คุยกับพี่รหัสเลย แล้วยังไปขอชีทเรียนอีก เลยต้องคุยกันสักหน่อย”

   ผมโบกมือ “ไม่เป็นไร แล้วนี่คุยเสร็จแล้ว?” เลิกคิ้วมอง

   “ใช่ เรามาคุยเรื่องของเรากันดีกว่า” วาจากับรอยยิ้มกรุ่มกริ่มน่าถีบจนริวปาแตงกวาใส่ มิทหัวเราะโยกหัวหลบสบายๆ “ย้ายไปห้อง VIP กัน ที่นั่นเงียบเป็นส่วนตัว ส่วนพวกเหล้ากับอาหาร เดี๋ยวให้พนักงานยกไป” ลูกชายเจ้าของผับ ดีดนิ้วเรียกพนักงานที่ยืนรอให้ยกอาการตาม แล้วนำไปห้อง VIP พร้อมการ์ดคนสนิท

   เอาล่ะ...เรื่องอะไรกันที่มิทจะบอก มารอลุ้นไปกับผมเถอะ
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่29 ความลับของ... [7/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 07-04-2017 10:19:44
 :mew2:ดราม่าของมิทกำลังมาแล้ว
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่29 ความลับของ... [7/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 07-04-2017 19:35:26
มาลุ้นกันต่อไป  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่29 ความลับของ... [7/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 08-04-2017 20:19:10
มารอจ้าาาา
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่29 ความลับของ... [7/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 13-04-2017 22:33:40
ตามมาอ่านซัน-โป้ด้วย
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่30 ต่างคนต่างคิด [21/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 21-04-2017 12:53:51
ยกที่30 ต่างคนต่างคิด

   “ที่ชวนทุกคนเข้ามาเพราะมีเรื่องจะบอก”

   ประโยคแรกที่มิทพูดหลังจากเข้ามาอยู่ในห้อง VIP ผมหัวยิ้ม ยกแก้วเหล้าจิบ ช่วยพูดคลายบรรยากาศ “มีเหล้าให้ดื่ม กับแกล้มให้กิน อยากคุยอะไรก็พูดมาเลยกูพร้อมแล้ว” ต่อมเสือกผมถูกกระตุ้นเต็มที่ รีบๆ บอกมาเถอะ

   “มิท มึงอย่าท่ามาก จะพูดอะไรก็รีบ ก่อนไอ้เหี้ยนี่จะเมาจนคุยไม่รู้เรื่อง” ไอ้ซันจิ้มนิ้วใส่หัวผม อย่าทำเป็นอ้างผมหน่อยเลย ผมมองออกว่ามันเองก็อยากรู้ไม่ต่าง

   มิททำหน้าเหมือนกำลังขึ้นเขียง กดโทรศัพท์เปิดวีดีโอคอลหาวา ผมเลิกคิ้วมอง แสดงว่าคราวนี้มิทเอาจริง ถึงขั้นคอลทางไกลเพื่อให้เพื่อนรวมตัวครบทุกคน

   “มันเป็นเรื่องที่กูปิดบังพวกมึงมาตลอด เรื่องของอาชีพที่กูเคยทำ ชีวิตครอบครัวกับสถานะที่กูเป็นอยู่ตอนนี้” แค่เริ่มไอ้ซันก็ขมวดคิ้วแล้ว ผมต้องคอยใช้ขาสะกิดมันไว้เพื่อฟังมิทพูดต่อ

   “ขอเริ่มจากเรื่องครอบครัวแล้วกัน กูเป็นลูกคนเดียวที่พ่อติดเหล้ากับการพนันจนหมดตัวมีหนี้สินท่วมหัว แม่เลยต้องทำงานเพื่อเอาเงินมาใช้จ่าย แต่หามาเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ ตราบใดที่ยังมีพ่อคอยล้างผลาญไม่เว้นแต่ละวัน สุดท้ายแม่กูก็ล้มป่วย ต้องกลับไปรักษาที่รัสเซีย เพราะคนต่างชาติรักษาที่นี่มันมีค่าใช้จ่ายสูงมาก อีกอย่าง แม่เกิดและเติบโตที่นั่นย่อมมีลู่ทางในการหาเงินที่มากกว่า”

   “ทั้งที่ไม่สบายแม่กูก็ยังฝืนทำงาน ส่งเงินมาไม่ได้ขาด ถึงมือกูบ้าง ไม่ถึงบ้างตามชะตากรรม พอกูอยู่ม.ปลาย แม่ป่วยหนักไม่สามารถทำงานได้อีก เงินจึงขาดช่วงไป ตรงนี้แหละที่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทุกอย่าง แม้ญาติจะช่วยออกค่ารักษา แต่มันไม่พอ กูที่ยังเด็ก เลยตัดสินใจแบบเด็กๆ เลือกอาชีพที่ได้เงินไวและได้คราวละมากๆ” ฟังถึงตอนนี้ ขอแค่ไม่โง่ก็ต้องเดาออกว่าอาชีพที่มิทเลือกคืออะไร ซึ่งเพื่อนแต่ละคนไม่โง่ซะด้วยสิ

   สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ มิทเล่าเรื่องราวของตัวเองด้วยความเฉยชา ผมเชื่อว่าข้างในมันไม่คิดแบบที่แสดงออกมา ไม่งั้นมันคงไม่เก็บเงียบจนถึงทุกวันนี้

   “กูเริ่มทำงานไซด์ไลน์ตามคำแนะนำของเพื่อน ช่วงแรกก็รับแต่ผู้หญิง นานๆ เข้าก็เริ่มมีผู้ชาย เป็นแบบนั้นเรื่อยๆ จนกระทั่งกูเจอนักธุรกิจชาวต่างชาติคนหนึ่ง หรือก็คือพ่อบุญธรรมของกูตอนนี้ คงไม่ต้องให้กูอธิบายนะว่าสาเหตุที่เจอกันเพราะอะไร เอาเป็นว่าพ่อกูคนนี้ไม่ธรรมดาก็พอ ด้วยความดื้อรั้นของกู ทำให้ได้แผลที่ขามา ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังรับกูเป็นลูกบุญธรรม อุปการะส่งเสียทุกอย่าง” มิทหยุดพักหายใจ ยกเหล้าขึ้นจิบ ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ เมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อนแต่ละคน

   “อย่าทำหน้าแบบนั้น ตอนนี้กูมีชีวิตที่ดียิ่งกว่าก่อนหน้านี้ซะอีก”

   ก็อาจจะเป็นแบบนั้น ผมเลื่อนสายตามองชุดแบรนด์เนมที่มิทใส่ กับการ์ดที่คอยอารักขาอยู่ไม่ไกล นับว่าพ่อบุญธรรมที่ว่าให้ความสำคัญกับมิทไม่น้อย ในระหว่างที่ผมกำลังคิดทบทวนสิ่งที่ได้ยิน ซันเปิดปากทำลายความเงียบ

   “มึงพูดจริง?”

   มิทสบตาซันนิ่ง “ทุกอย่างที่กูพูดเป็นเรื่องจริง” น้ำเสียงหนักแน่นเน้นย้ำว่ามันไม่ใช่เรื่องโกหก

   “ทำไมมึงมีเรื่องอะไรไม่บอกพวกกู”

   “ซัน...” ผมรู้ว่าซันมันกำลังเดือด เลยยึดบ่ามันไว้ไม่ให้ทำอะไรวู่วาม แต่มันกลับสะบัดมือผมทิ้ง!

   “มึงไม่ต้องมาพูด! ทำไมมึงไม่บอกพวกกู!! มึงเห็นพวกกูเป็นเพื่อนอยู่มั้ย เออ! กูอาจจะขี้โวยวายอารมณ์ร้อน แต่ริวล่ะ มันเป็นห่วงมึงมาตลอด ช่วยมึงสารพัด ทำไมไม่เคยบอกอะไรมันบ้าง!” ซันชี้ไปทางริว ที่จนถึงตอนนี้ยังไม่เปิดปากพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว เอาแต่กระดกเหล้าแทนน้ำ เดาอารมณ์ไม่ออกให้ความรู้สึกอันตรายยิ่งกว่าซันที่ตวาดเสียงดัง

   “ก่อนมาเจอพวกกูไม่เท่าไหร่ ความจำเป็นของมึงกูก็เข้าใจ แต่หลังจากเจอพวกกูแล้ว ทั้งที่พวกกูทุกคนคอยพล่ามบอกมึงเสมอว่ามีอะไรให้ช่วยก็บอก แล้วดูที่มึงทำ! เก็บเงียบคนเดียวมาเกือบปี มึงไม่ไว้ใจพวกกูเหรอ หรือพวกกูมันไม่มีค่าพอที่จะช่วยเหลืออะไรมึงได้ ถ้ามึงคิดอย่างนั้นมึงโคตรดูถูกความเป็นเพื่อนของพวกเราเลยว่ะ”

   ได้ยินคำพูดของซัน ผมหันหนีไปมองทางอื่น รู้สึกแม่งแทงใจทุกดอก อีกอย่าง ผมเข้าใจซันนะ สำหรับคนอื่น การเป็นเพื่อนเพียงแค่ไม่กี่เดือนยังไม่นับว่าสนิทอะไรมาก แต่สำหรับซัน มันเป็นคนที่จริงใจและทุ่มเทให้กับทุกอย่าง พอเจอเรื่องแบบนี้คงเสียใจไม่น้อย ผมถอนหายใจหนัก ไม่อยากจะซ้ำเติมมิท แต่มันอดไม่ได้จริงๆ

   “ตอนแรกกูคิดว่าตัวเองพอจะเดาเรื่องได้เลยรอให้มึงพร้อมค่อยบอก แต่นี่...เรื่องมันใหญ่ขนาดนี้มึงกลับไม่เคยบอกอะไรพวกกูเลยแม้แต่คำเดียว อย่างน้อยๆ เรื่องพ่อที่ชอบมาไถตัง มึงก็ไม่พูดออกมา แม้พวกกูจะช่วยเรื่องอื่นไม่ค่อยได้ แต่กับเรื่องนี้แค่หาที่อยู่ให้มึงใหม่ คอยเป็นหูเป็นตาให้ก็ได้” ผมบอกจากใจ เพียงแค่นึกย้อนกลับไปว่า ระหว่างที่พวกเรากำลังเฮฮามีความสุข เพื่อนอีกคนของพวกเรากำลังหนีหัวซุกหัวซุนโดยที่พวกเราไม่รู้อะไรเลย มัน...

   เจ็บใจเป็นบ้า

   “ตอนนี้ก็บอกแล้วไง ต่อให้ด่ากูไป มันก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไปแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้ปะวะ” มิทจ้องพวกเราตาวาว มือกำแน่นจนขึ้นข้อขาว แต่คำพูดนั้นไม่ต่างจากน้ำมันราดกองเพลิง ซันผุดลุกขึ้นกระชากคอเสื้อมิทจนตัวลอยจากเก้าอี้

   “ไอ้เหี้ยมิท! มึงกล้าพูดออกมาได้ยังไง!”

   ช่วงที่ผมลังเลว่าจะลุกไปห้ามซันดีมั้ย เพราะหวั่นๆ ว่าการ์ดมิทจะทำร้ายซัน แต่เจ้าตัวดันยกมือห้ามซะก่อน พวกพี่อาคมจึงยืนนิ่งอยู่กับที่ พอดีกับที่วาเอ่ยปากห้าม

   “ไอ้ซันพอ ก็อย่างที่มันบอก เรื่องมันผ่านไปแล้วจะฟื้นฝอยหาตะเข็บให้มันได้อะไรขึ้นมา”

   ซันที่กำลังเดือดมีหรือจะยอมสงบง่ายๆ อย่างมากก็แค่คลายมือออกแล้วหันไปเถียงวา ทั้งที่ตายังจ้องมิทเขม็ง

   “มันช่วยอะไรไม่ได้ แต่กูจะพูดให้มันรู้ ว่าเพื่อนเขารู้สึกยังไงที่มันทำแบบนี้”

   วาไม่สนใจซัน คุยกับมิทแทน

   “มิท เรื่องที่มึงจะพูดมีแค่นี้ใช่มั้ย”

   “อืม หมดแล้ว ที่เหลือกูพูดไม่ได้เพื่อความปลอดภัยของพวกมึงเอง พ่อบุญธรรมกูไม่ใช่คนธรรมดา” น้ำเสียงมิทเริ่มอ่อนลง ผมเองก็เริ่มใจเย็นลงเช่นกัน อย่างน้อยๆ ทั้งหมดที่มิททำไปไม่ใช่เพราะไม่เห็นหัวพวกผมอยู่ในสายตา แต่เป็นเพราะความเป็นห่วงนี่เอง เอาเป็นว่าผมจะช่วยพูดกับซันให้ก็แล้วกันนะเพื่อนเอ๋ย

   วาเอ่ยต่อ “ขอบใจที่ยอมบอก แม้กูจะหมั่นไส้ที่มึงเก็บเงียบมานานก็เถอะ หลังจากนี้ ถ้าไม่ลำบากมึงนักก็บอกกันบ้าง ถ้ายังคิดว่าเป็นเพื่อนกันอยู่” วายอมถอย ส่วนซันดูท่าจะไม่ยอมง่ายๆ

   “มันจะจบเรื่องง่ายไปไหม คนมันเคยโกหกมาแล้ว ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าอนาคตจะไม่ทำอีก”

   ผมแอบสะดุ้งกับคำพูดแสนเย็นชาของซัน ใช้เท้ายันมันเพื่อเตือนสติ พลางเหล่มองมิทที่ดูเหมือนใกล้จะหมดความอดทน ลำบากเพื่อนตัวเล็กรีบลุกมาห้ามเพราะไม่อยากให้เพื่อนทะเลาะกัน

   “พวกนายใจเย็นก่อน ไว้ค่อยคุยกัน ตอนนี้ทุกคนต่างก็ร้อนกันหมด เดี๋ยวจะทะเลาะกันใหญ่โตซะเปล่าๆ”

   น่าเศร้าที่สองคนผู้หัวร้อนและมีเหตุผลของตัวเอง ไม่มีใครฟังปอนด์สักคน เฮียเฟย์เลยดึงปอนด์กลับไปเพื่อความปลอดภัย เปิดเวทีให้สองตัวหลักประจันหน้ากันต่อ

   “ไม่งั้นมึงจะเอายังไง” มิทถามเสียงห้วน

   “บอกเหตุผลของมึงมาให้หมด” ซันยื่นคำขาด หลังจ้องเขม็งกันสักพัก มิทก็ยอมพยักหน้ารับแล้วนั่งลงตามเดิม ผมเลยสะกิดให้ซันนั่งลงบ้าง แล้วหลังจากนั้นมิทก็อธิบายความจำเป็นทุกอย่าง รวมถึงเหตุผลที่มันทำแบบนี้

   “ก่อนจะบอกกูขอพูดอะไรอย่าง กูก็คือกู พวกมึงก็คือพวกมึง ต่างคนต่างความคิด มีวิธีจัดการปัญหาไม่เหมือนกัน ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าคนที่เจอทุกอย่างด้วยตัวเอง ดังนั้นฟังแล้วช่วยอย่าลืมด้วยว่ากูไม่ใช่พวกมึง”

   “เริ่มจากเรื่องพ่อกูก่อน มึงบอกว่าช่วยกูได้ใช่มั้ยโป้ แต่นั่นมันเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ได้แค่หนีไปเรื่อยๆ สักวันมันก็ไม่พ้น พวกมึงยังไม่รู้จักนิสัยของพ่อกูดีพอ ผู้ชายคนนั้นต่อให้ต้องขายกูเพื่อเงินเขาก็ทำได้และเคยทำด้วยแม้ว่าจะไม่สำเร็จก็ตาม ต่อให้ติดคุก ไม่นานก็ออกมาจองเวรจองกรรมกูอยู่ดี พวกมึงคงไม่คิดหรอกนะว่าจู่ๆ กูก็ทำงานไซด์ไลน์เลยโดยที่ไม่มีใครชี้ทาง” ชอตนี้ทำเอาผมสะอึก ก็จริงอย่างที่มันบอก แต่เพื่อนก็อยากช่วยนี่หว่า นึกเถียงในใจไม่กล้าเปิดปากตอนนี้ เพราะเหมือนมิทจะฟิวส์ขาดไปแล้ว

   “ต่อมา เรื่องงานไซด์ไลน์ใช่มั้ย? มึงตอบกูที นอกจากค้ายากับเด็กขายมีอาชีพอะไรที่ทำให้ได้เงินครั้งละมากๆ ในวัยที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ กู้หนี้ยืมสิน? กูจะเอาที่ไหนไปกู้ ทั้งเนื้อทั้งตัวไม่มีห่าอะไรเลย”

   เออแม่งพูดถูกทุกอย่างเลยเว้ย ทุกคนเงียบฟัง มีแค่ไอ้ซันที่ยังเถียง

   “กูหาเงินได้ ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น ขอแค่มึงมาถามกูสามารถช่วยสอน แนะนำมึงได้”

   มิทสวนกลับทันที “เป็นมึงก็พูดได้สิ มึงมีคนที่บ้านคอยหนุนหลัง อย่าเพิ่งขัด ต่อให้มึงหาเงินด้วยตัวเอง มึงปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าหากพลาดขึ้นมาก็ไม่ต้องกลัวในเมื่อมึงมีคนที่บ้านคอยเป็นกำลังให้ แล้วกูล่ะ กูไม่มีใครเลย กูต้องดิ้นรนด้วยตัวเอง สมองกูก็ไม่เก่งเท่ามึง ถ้ากูมีทางเลือกอื่นกูก็ไม่มาทำงานนี้หรอก”

   หลังจากนั้นมิทก็ใส่ยับ ว่าการยืมเงินคนอื่นมันไม่ง่ายขนาดนั้น กระทั่งพี่น้องคลานตามกันมายังฆ่ากันได้เพราะเรื่องเงินทอง ของแบบนี้มันไม่เข้าใครออกใคร ต่อให้เราเต็มใจให้ แต่ก็ต้องนึกถึงใจผู้รับด้วย ซึ่งผมเข้าใจดี บ้านผมเองก็เป็น ต่อให้ไม่รวยล้นฟ้า แต่ญาติบางคนยังประจบปู่เพื่อหวังมรดกอยู่เลย เพราะแบบนี้เรื่องที่ผมเป็นเกย์ถึงมีคนเดือดร้อนกันนัก ในเมื่อผมเป็นอดีตหลานรักของปู่...

   ผมสลัดความคิดของตัวเอง แล้วหันมาตั้งใจฟังมิทต่อ

   “กูเข้าใจว่าพวกมึงเป็นห่วง แต่บอกไปก็ช่วยอะไรไม่ได้ งั้นจะบอกให้เสียสุขภาพจิตไปทำไม กูอยู่ของกูแบบนี้มาตั้งนาน ก่อนจะเจอพวกมึงด้วยซ้ำ และเหตุผลที่กูตัดสินใจเล่าทุกอย่างให้ฟังก็เพราะพวกมึงเป็นเพื่อนกู” เจอแบบนี้เข้าไป ผมไม่รู้จะพูดอะไรเลยทีเดียว มองซันสลับกับมิท รวมถึงริวที่ยังนั่งทำหน้าตาน่ากลัว ผมถอยฉากขอเป็นคนกลางเหมือนปอนด์กับพี่เฟย์ อารมณ์ขุ่นเคืองตอนแรกมันหายไปหมดแล้ว

     “มึง...เว้ย!!” ซันอ้าปากพะงาบๆ ยกมือขยี้หัวอย่างคนอัดอั้น ผมกอดอกทำหน้ายุ่งที่เริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าเป็นเรื่องของมิทหรือเรื่องของบ้านตัวเองกันแน่ ส่วนคนอื่นที่เหลือ ทุกคนต่างนิ่งไม่พูดอะไรออกมา

   จู่ๆ มิทก็หันไปหาริวพลางก้มหัวให้ เล่นเอาพวกผมตะลึง

   “กูขอโทษที่กูโกหกมึงมาโดยตลอด กูรับรู้ถึงความห่วงใยที่มึงมีให้ ไม่เคยคิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระแม้แต่น้อย พวกมึงคือความหวังของกู กูหวังว่าสักวันจะใช้ชีวิตแบบเดียวกับพวกมึงได้ อาจจะดูเห็นแก่ตัว แต่ช่วยคบกูเป็นเพื่อนต่อไปที เพราะก็มีแค่พวกมึงเท่านั้นที่บอกว่าเป็นเพื่อนได้อย่างเต็มปาก” ผมสังเกตเห็นว่ามือมิทกำลังสั่น เจ้าตัวคงเครียดและรู้สึกผิดมาก

   “เพื่อนกันทำแบบนี้เหรอ...ช่างเถอะ ฉันกลับก่อนล่ะ” เหมือนพูดออกมาลอยๆ แล้วตัดบทดื้อๆ แถมยังหมุนตัวเปิดประตูออกไปอีก ผมมองสีหน้ามิทตอนนี้ รู้สึกเห็นใจสุดๆ แต่ก็เข้าใจริวล่ะนะ เฮ้อ

   “เอาล่ะๆ นั่งแช่กันแบบนี้ก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา จะดื่มต่อก็คงไม่มีอารมณ์กัน แยกย้ายกันกลับบ้านซะ ให้เวลากับตัวเองแล้วค่อยมาเจอกันใหม่” ผู้อาวุโสที่สุดในกลุ่มแบบไม่นับพี่อาคมลุกขึ้นมาช่วยไกล่เกลี่ย แต่หลักๆ คงเพราะเห็นปอนด์ทำหน้าเหมือนแมวท้องผูก เลยอยากจบเรื่องมากกว่า ผมชินแล้วล่ะ ในสายตาเฮียเฟย์มีแค่ลูกแมวเท่านั้น

   เรื่องที่อยากคุยก็คุยแล้ว อารมณ์หน่วงในอกไม่มีใครมีอารมณ์มานั่งดื่มต่อ ทุกคนเลยตัดสินใจกลับ จะเอายังไงค่อยว่ากันอีกที ผมดันหลังให้ซันเดินนำออกไปก่อน จังหวะที่เดินผ่านมิทผมตบบ่ามันเบาๆ ไม่อยากให้มันคิดมาก ชีวิตมันเจอเรื่องแย่ๆ มามากพอแล้ว

   พ้นประตูห้อง VIP เดินลงมาชั้นล่างเหมือนอยู่คนละโลกกับเมื่อครู่ บรรยากาศคึกคักของนักท่องราตรีแทนทีความอึมครึม แต่มันคงไม่เข้าถึงซัน เพราะเจ้าตัวเล่นจ้ำอย่างเดียวไม่สนสาวที่ทอดสะพานให้แม้แต่น้อย พอออกมาด้านนอกเห็นหลังริวขึ้นรถแท็กซี่ไป งานนี้คนที่คิดหนักคงไม่ใช่เราแต่มันริวนี่แหละ

   “ให้กูขับรถมั้ย” ผมอาสา กลัวมันจะอารมณ์บ่จอยจนไปชนก้นชาวบ้าน ไอ้ซันปฏิเสธทันที

   “กูขับเอง มึงดื่มไปหลายแก้วเจอด่านเดี๋ยวจะซวยเอา”

   ก็จริงของมัน ผมพยักหน้ารับเออออปล่อยให้มันขับและใช้โอกาสนี้ในการงีบหลับ ผมดื่มไปหลายแก้วอย่างที่มันว่า แม้จะเจอเรื่องของมิททำให้สร่าง แต่ยังไงในตัวก็ยังมีแอลกอฮอล์อยู่ดี สมองยังมึนนิดๆ ผมเลยตัดสินใจนอนก่อนจะอ้วกใส่รถให้งานเข้า

   เมื่อถึงคอนโด ซันสะกิดปลุก เอี้ยวตัวมาช่วยปลดเบลท์ให้

   “ลุกไหวมั้ยมึง หรือจะให้กูอุ้มไป”

   ผมเหม่อมองมันที่ค้างอยู่ในท่าเอี้ยวตัวมาหาผม เลยเห็นใบหน้าหล่อออกเถื่อนในระยะโคลสอัพ เผลอตัวเผลอใจรั้งคอมันมาจูบ ลมหายใจร้อนระอุที่เป่ารด สัมผัสนุ่มร้อนจากการแนบริมฝีปาก ก่อนที่ผมจะเปิดปากให้มันสอดลิ้นเข้ามาพัวพันกันดูดดื่ม ริมฝีปากล่างของผมถูกดูดดังจ๊วบ เจ็บปนสยิวแปลกๆ ซันมันจูบหนักๆ ทิ้งท้ายแล้วผละออก

   “เมาแล้วหื่นนะมึง เล่นซะสมองกูกระเจิง เรื่องเหี้ยมิทปลิวไปหมดแล้วเนี่ย” มันบ่นอุบ

   “ไม่อยากให้คิดมากไง กูเลยช่วยบ่ายเบี่ยงความสนใจ ลึกๆ ในใจมึงก็เข้าใจมิท ไม่งั้นมึงคงไม่ยอมกลับมาง่ายๆ แบบนี้หรอก” ผมจิ้มๆ อกมันแล้วพากันลงจากรถเพื่อขึ้นลิฟท์กลับห้อง ได้ยินเสียงมันถอนหายใจเฮือกใหญ่

   “ไม่รู้ว่ะ อย่างที่กูเคยพูดกับมึงมาก่อน กูไม่ใช่มัน ไม่เข้าใจหรอกว่าความรู้สึกของคนที่เจอเหตุการณ์แบบนั้นเป็นยังไง” ซันเริ่มระบาย หน้านิ่วคิ้วขมวด

   “อ่าฮะ ไงต่อ” ผมทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี ยืนทิ้งน้ำหนักพิงพลางซบไหล่ซัน ซึ่งมันก็ไม่ได้ว่าอะไร แถมยังใช้มือโอบตัวผมกันร่วงไปกองกับพื้นด้วย

   “ก็นั่นแหละ...กูเลยสับสน ใจหนึ่งก็เห็นใจมันที่ชีวิตเจอแต่เรื่องแย่ๆ อีกใจก็หงุดหงิด เพราะกูอยากช่วย”

   “มึงช่วยคนทั้งโลกไม่ได้หรอกซัน โลกหมุนรอบตัวเองไม่ได้หมุนรอบตัวมึง” ผมขยับมายืนตรงตามเดิมเพราะลิฟท์มาถึงชั้นที่อยู่แล้ว ไอ้ซันไม่ปล่อยมือที่โอบไว้ แต่ย้ายมาโอบเอวแทน ผมเลยยกแขนพาดคอให้มันแบกเข้าห้อง

   “ก็รู้ ถึงได้หงุดหงิดตัวเองแบบนี้ไง คือมึงเคยเป็นไหม สมองมันเข้าใจแต่ความรู้สึกมันขัดแย้ง...เฮ้ย อย่ากินแรง หยิบกุญแจมาไขเร็ว ตัวมึงใช่จะเล็กๆ หนักฉิบหาย”

   ผมแกล้งทิ้งน้ำหนักใส่มันมากกว่าเดิมด้วยความหมั่นไส้ ก่อนหน้านี้ควายตัวไหนมันอาสาจะอุ้มวะ พยุงแค่นี้ทำเป็นสำออย แกล้งก็ส่วนแกล้งนะ มือก็ล้วงหากุญแจ

   “เหี้ย! นั่นกุญแจไขก้นมึงไม่ใช่ไขประตูห้อง ล้วงดีๆ สิวะ”

   “ฮ่าๆ ก็ว่าอะไรมันอุ่นๆ เต็มไม้เต็มมือดีเหลือเกิน อะๆ กุญแจ ไขๆ” กุญแจของจริงถูกล้วงออกมาจากเป้า เอ๊ย! เป๋ากางเกง ซันรับไปไขแล้วใช้เท้าปิดประตู ค่อยลากผมไปโยนไว้บนโซฟา

   “กูว่ามึงเมาแน่ๆ” เสียงบ่นจากที่ไกลๆ เพราะมันไปรินน้ำเปล่าเย็นชื่นใจจากในตู้เย็นมาให้ผมดื่ม

   “กูไม่ได้เมา กูแค่หื่น” รับน้ำมากระดกรวดเดี๋ยวหมดแก้ว ชื่นใจ

   “จ้ะเมีย” คนผิวเข้มทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ พลางยกแขนพาดพนัก ผมเลยเซไปซบอกมัน ปีโป้เริ่มเลื้อยแล้วครับ ไอ้ซันพยายามเขย่าตัวผมเพื่อดึงสติ “คุยกับกูดีๆ ตอนนี้กูกำลังปรึกษามึงอยู่นะ” น้ำเสียงมันเริ่มจริงจัง ผมเลยเลิกเล่น ยอมคุยกับมันดีๆ แต่ยังคงซบอยู่แบบนั้น ต่อให้มันไม่นุ่มเหมือนเตียงยางพารา แต่มันอบอุ่นให้ความรู้สึกปลอดภัยดีนะ เวลาอยู่ในอ้อมแขนของใครสักคน

   “ถึงสมองกับความรู้สึกใช่มะ อืมมม ความจริงไม่เห็นต้องคิดอะไรมากเลยนะ ถามใจมึงว่า มึงยังเห็นไอ้มิทเป็นเพื่อนอยู่รึเปล่า” ผมปล่อยให้มันคิดตาม พอเห็นสีหน้าเคร่งเครียดเลยเสริมอีกหน่อย “ไอ้ซัน บนโลกใบนี้ไม่มีใครที่ไม่เคยผิดพลาด อย่างกูยังเคยทำพลาดกับมึงไปครั้งหนึ่ง ถึงอย่างนั้นมึงก็ยังให้อภัยและคอยอยู่เคียงข้างทำให้มีเราทุกวันนี้ ซึ่งนั่นเป็นเรื่องดี”

   “คนเรามันเลือกเกิดไม่ได้ พอเกิดมาแล้วพบชะตากรรมแบบไหนก็ต้องดิ้นรนกันไป อย่างไอ้มิทมันก็ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร มันแค่พยายามในแบบของมัน เพื่อนที่แท้จริงต้องช่วยฉุดกันไปข้างหน้าสิวะ ไอ้มิทมันกระเสือกกระสนมาถึงขนาดนี้ มึงจะใจร้ายทิ้งขว้างมันได้ลงคอเหรอ” ผมพูดในสิ่งที่พูดได้ไปหมดแล้ว คงช่วยได้แค่นี้ เพราะผมไม่สามารถฝืนบังคับใครให้คิดอย่างตัวเองได้ แต่ผมเชื่อนะว่า คนที่ผมรักต้องเข้าใจแน่นอน

   “มึงเข้าข้างมัน?” ซันเลิกคิ้วถาม น้ำเสียงไม่ได้กวนประสาทหรือโมโห มันก็แค่ถามเฉยๆ

   “ใช่ จะมีสักกี่คนวะ ที่เจอเรื่องแบบนั้นแล้วยังยืนหยัดได้อย่างมัน ต่อให้เป็นกู กูยังไม่มั่นใจเลย ว่าจะยังหัวเราะ ยิ้มได้อย่างมันไหม” ขนาดแค่เรื่องทางบ้าน ผมยังทำตัวเกเรไปพักหนึ่ง นึกย้อนกลับไปแล้วอายตัวเอง

   “เออๆ เมียกูอวยไส้แตกขนาดนี้แล้วน่ะนะ สำหรับกู เพื่อนก็คือเพื่อน ไม่ว่ามันจะทำอะไรมา สุดท้ายก็คือเพื่อนอยู่ดี ขอบใจมึงมากที่ช่วยพูดให้กูคิดได้ ไม่มองอะไรแค่ด้านเดียว” ซันกล่าวพร้อมหันไปจูบเหม่งคนข้างๆ แล้วหยิบมือถือพิมพ์อะไรยิกๆ ใส่ไลน์กลุ่ม

   ผมยื่นคออ่านมันซึ่งๆ หน้า ไอ้ซันก็ไม่ได้ปิดอะไร แม้สิ่งที่มันพิมพ์ไปเป็นเพียงข้อความสั้นๆ แต่มีความหมายมากกว่านั้น

   Sun : มิทเพื่อนกู
   อ่านแล้ว 4
   23:48

หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่30 ต่างคนต่างคิด [21/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 21-04-2017 15:17:51
ปลื้มปริ่มเหลือเกิน มีเมียดีนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่30 ต่างคนต่างคิด [21/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 21-04-2017 15:30:09
เพื่อนก็คือเพื่อน...
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่30 ต่างคนต่างคิด [21/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-04-2017 17:19:29
เพื่อนกัน
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่30 ต่างคนต่างคิด [21/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 22-04-2017 01:05:03
 :เฮ้อ: ในที่สุดเรื่องทั้งหมดก้อเปิดเผย ดีแล้วล่ะ เพื่อนกันต้องพยุงกันไปน่ะ อย่าตั้งเงื่อนไขต่อกัน อยากช่วยก้ออยากช่วยน่ะ   :mew2:
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่30 ต่างคนต่างคิด [21/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 22-04-2017 13:08:30
อ่ะ พิมพไลนเสร็จแล้ว สองคนนี้ ยังไงกันต่ออ่ะ :-[
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่30 ต่างคนต่างคิด [21/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 22-04-2017 17:08:21
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่30 ต่างคนต่างคิด [21/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 23-04-2017 12:52:53
จะสงสารก็สงสารแต่เข้มแข็งดี
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่30 ต่างคนต่างคิด [21/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 24-04-2017 21:54:01
 :pig4:
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่31 มิดเทอม [1/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 01-05-2017 03:19:48
ยกที่31 มิดเทอม

   เมื่อตัดสินใจได้แล้วว่าจะเอายังไงต่อไป คนอื่นเองก็เห็นดีเห็นงามด้วย กระทั่งริวก็มีโผล่มาคุยไลน์ตอนเย็นวันอาทิตย์ นัดกันว่าวันจันทร์จะลากตัวมิทมาคุยกันให้รู้เรื่อง ไม่อยากทิ้งช่วงนานเกินไป เพราะเกรงว่ามิทจะเข้าใจผิด เนื่องจากวันที่มิทเปิดอกมันจบไม่ค่อยสวยนัก

    ที่ไหนได้ พอมารวมตัวกันที่มหา’ลัย ตัวเอกของงานกลับหายหัวหลบหน้ากันซะแบบนั้น เดือดร้อนเพื่อนทุกคนต้องแยกย้ายกันออกตามหา ซึ่งคนที่เจอก็ไม่ใช่ใครอื่น นายริวผู้รู้ใจและมีประเด็นกับมิทมากที่สุด

   ไม่รู้ว่าสองคนนี้คุยอะไรกัน จังหวะที่พวกผมตามโลเคชั่นจนมาถึง ได้ยินเสียงริวตวาดลั่น

   “มึงมันเหี้ย! ไอ้เพื่อนเหี้ยย!! ทั้งที่รู้ว่ากูเกลียดการโกหกที่สุดแต่มึงก็ยังทำ ที่ผ่านมามึงไม่เคยไว้ใจกูเลยเหรอวะ กูช่วยมึงสารพัดแถมยังร่วมมือกับมึงเพื่อปิดซัน แต่มึงทำแบบนี้กับกูเหรอ แล้วนี่อะไร แทนที่จะสู้หน้าคุยกันตรงๆ มึงมาหลบอย่างหมาจนตรอก มึงใช่มิทที่กูรู้จักรึเปล่า”

   พวกผมหยุดเท้าทันที พร้อมใจกันยกแขนขวางปอนด์ที่กำลังจะเดินทะเล่อทะล่าเข้าไประหว่างสงครามน้ำลาย

   “กูเหี้ยแล้วไงวะ! เมื่อวานกูบอกทุกอย่างไปหมดแล้วมึงยังจะเอาอะไรอีก พูดมาเลยดีกว่า จะเลิกยุ่งกับกูหรือยังไงแน่ เอาแต่ด่าแบบนี้มันก็ไม่ต่างจากหมาที่ดีแต่เห่า!!”

   ผัวะ!!

   เสียงหมัดกระทบหน้า มิทโดนริวชกจนหน้าหัน ซันกอดอกไม่คิดเข้าไปห้าม ผมเองก็เช่นกัน เพราะประโยคเมื่อกี้มิทมันน่าชกให้คว่ำจริงๆ ขนาดปอนด์ยังยืนเฉยเลย

   “อย่ามาดูถูกความเป็นเพื่อนของกู! ที่กูด่า โมโหเหมือนหมาบ้าแบบนี้เพราะกูแคร์มึงต่างหากยังคิดว่ากูเป็นเพื่อนอยู่รึเปล่า” ริวกำหมัดแน่น ตัวสั่นด้วยความโกรธ เห็นตามันแดงๆ ด้วยมันคงเสียใจมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น เจอแบบนี้มิทคล้ายจะรู้ตัวพูดเสียงเบาอย่างรู้สึกผิด

    “ขอโทษ...กูเองก็ไม่อยากเสียพวกมึงไปเหมือนกัน ถึงไม่เป็นตัวของตัวเองอยู่แบบนี้ ตั้งแต่กูเจอเรื่องแย่ในชีวิต มีพวกมึงเป็นกลุ่มแรกที่กูคิดว่าเป็นเพื่อนจริงๆ จนบางครั้งกูรู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรกับความหวังดีของพวกมึงด้วยซ้ำ”

   น้ำเสียงของมิทสั่นซะจนน่าสงสาร ผมที่ตอนแรกว่าจะอยู่วงนอกเลยอดไม่ได้ที่จะพูดสวนระหว่างเดินนำอีกสองคนเข้าไปร่วมวง

      “ใครตัดสินว่ามึงไม่คู่ควร มึงต่างหากที่กำลังลดค่าตัวเอง”

    “งั้นกูควรทำยังไง ในเมื่อกูทำในสิ่งที่ตัวเองทำได้ไปหมดแล้ว เหลือแค่คำตอบของพวกมึง” มิทหันมามองพวกเราทุกคนอย่างสับสนเหมือนเด็กหลงทาง ผิดจากช่วงเวลาปกติที่ดูมั่นใจไม่หวั่นเกรงสิ่งใด เห็นแบบนี้อดคิดไม่ได้ว่า ที่ผ่านมารอยยิ้มของมิท เสียงหัวเราะของมันจะมีความเศร้าเก็บซ่อนไว้มากเท่าไรกันนะ

   ปอนด์หยุดยืนอยู่ข้างผม มองคนนั้นทีคนนี้ที ส่วนซันกวาดตาสำรวจเพื่อนทั้งสองคน ก่อนหักมือเดินดุ่มๆ เข้าไปหา

   “กูอยากจะชกมึงสักหมัดนะ แต่เชี่ยริวตัดหน้า งั้นกูขอตรงนี้แล้วกัน” พลังหมัดเวอร์ชั่นออมแรงซัดเข้ากลางพุงมิทจนหนุ่มครึ่งรัสเซียกุมท้องหน้านิ่วด้วยความจุก ใจจริงก็อยากหันไปต่อว่าริวกับซัน มันไม่เหมือนที่คุยไว้นี่! แต่ก็พอรู้ว่ามันไม่ใช่เวลา ไอ้สองตัวนี้คงแค่อยากเอาคืนเล็กๆ น้อยๆ ตามประสาพวกดิบเถื่อน นายโป้คนดีเลยใช้วิธีแบบละมุนละม่อมแทน

   “ริวชกหน้า ซันชกท้อง กูมันพวกอินดี้ไม่อยากเลียนแบบใคร ชอบความแตกต่าง งั้น…”

      จุ๊บ!

     “จูบปากมึงแทนแล้วกัน ปากนิ่มดี ถ้ายังไม่มีแฟนและมึงยังไม่มีเจ้าของคงได้ลองกันสักที” ผมยิ้มมุมปากเมื่อเห็นหน้าเหวอๆ ของมิท พลางถอยฉากให้ปอนด์เข้าไปคุยต่อ ส่วนตัวเองยกมืออุดหูกันเสียงโวยวายของซัน

   “ต่อหน้ากูเลยนะมึง!!” ซันชี้หน้าตาเขียวปั๊ด

   “พวกมึงโหดร้ายกับมันมากแล้ว กูแค่อยากปลอบโยนเท่านั้นเอง” ตอบกลับหน้าตาเฉย แอบเซ็งนิดหน่อย เพราะมีซันโวยวายอยู่ข้างๆ ผมเลยไม่ได้ยินว่าปอนด์พูดอะไรกับมิท แค่เห็นเพื่อนตัวเล็กยื่นยาทาแก้พกช้ำให้ เชื่อเถอะว่าปอนด์ไม่ได้ตั้งใจเตรียมมาเองหรอก ต้องมีเฮียเฟย์อยู่เบื้องหลังแน่ๆ

   “กูพูดกับมึงอยู่หันไปมองที่ไหนวะ” มือหยาบกร้านจับคางผมให้หันไปมอง ผมนึกรำคาญเลยจุ๊บปากมันเร็วๆ ทีหนึ่งจังหวะที่คนอื่นกำลังสนใจมิท เลยไม่มีใครสังเกตเห็น ให้ไอ้ซันชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะคลายสีหน้าท่าทางอารมณ์ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผมหมั่นไส้ศอกใส่ไปหนึ่งที ความจริงมันก็ไม่ได้เคืองอะไรมาก แค่โวยไปตามประสาคนขี้หวง

   ซันมันเป็นพวกสอง ห หอหวงและหอห่วง แต่ไม่ขี้หึงไร้สาระ ผมกับมันเลยไม่เคยทะเลาะกันเรื่องมือที่สาม กลับเป็นผมซะอีกที่ขี้หึง อย่างตอนพี่แอมไง แอบพาลใส่มันเหมือนกัน ดีนะมันเป็นคนมีเหตุผล ดูเผินๆ อารมณ์ร้อนแต่กลับมีน้ำอดน้ำทนเกินคาด แม้จะสงวนสิทธิ์เฉพาะคนที่มันแคร์ก็ตาม

   ไอ้ซันกอดอกเก๊กขรึมตามบทที่นัดแนะกันไว้ว่าจะให้มันปิดประเด็น “ถือว่ามึงติดทัณฑ์บน พวกกูยังไม่เลิกคบมึงและยังไม่ยอมให้อภัยมึงง่ายๆ หลังจากนี้มีอะไรมึงต้องรายงานตัวตลอด ไม่อย่างนั้นมึงเจอพวกกูรุมกระทืบแน่” ผมแอบกลอกตามองบน จำเป็นต้องเล่นใหญ่ขนาดนี้ไหม

   “ไม่มีปัญหา เว้นเรื่องเกี่ยวกับป๋า กูบอกพวกมึงไม่ได้จริงๆ เพื่อความปลอดภัยของพวกมึงเอง แต่กูให้สัญญา จะไม่โกหกและปล่อยให้พวกมึงคาดเดากันไปเอง กูจะบอกเท่าที่บอกได้” มิทตอบเต็มเสียง ไหล่ที่ลู่ลงตามสภาวะจิตใจตั้งตรงดูมั่นใจเหมือนอย่างที่ผ่านมา

   เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ซันก็ปิดประเด็นอย่างเป็นทางการ...

   “ดี จบ แดกข้าว!” สิ้นคำก็หมุนตัวเดินนำ ผมว่ามันคงหิวแหละ ก้าวเท้าจนแทบวิ่ง ไม่เห็นใจเพื่อนตัวเล็กที่ต้องเร่งฝีเท้าตาม ไหนๆ ก็ไหนๆ ผมเลยวิ่งควายเป็นเพื่อนอีกคน ปล่อยให้ริวกับมิทรั้งท้าย เพราะคู่นั้นเขายังคุยกันไม่จบ ถึงแม้ผมจะไม่ได้ยินว่าพวกเขาคุยอะไรกัน แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของทั้งคู่ก็พอบอกได้แล้วว่าผลลัพธ์ที่ออกมาเป็นยังไง

   เพื่อนปรับความเข้าใจกันแล้ว ไม่มีเรื่องขุ่นเคืองใดอีก ก็เข้าสู่ช่วงสอบมิดเทอมสุดหรรษา ไอ้ซันคร่ำเคร่งกับการอ่านสอบ ในขณะที่ผมลอยชายไปวันๆ อ่านทวนก่อนเข้าสอบหนึ่งชั่วโมง ไม่หวั่นแม้โดนซันด่าปนแช่งให้ผมสอบไม่ผ่าน ต้องเข้าใจนะว่าวิชาพื้นฐานส่วนใหญ่ผมเรียนมาแล้วตอนม.ปลาย พอจะมีความรู้หลงเหลืออยู่ในหัวบ้าง ส่วนวิชาเอกก็ไม่ค่อยเท่าไร เน้นความเข้าใจกับงานปฏิบัติมากกว่า ที่หนักคงเป็นวิชาเลขกับวิทย์ที่ต้องทวนความจำกันหน่อย

   อันนี้ต้องให้ซันช่วยติว มันเก่งมาก สมกับสาขาที่มันเลือกเรียน แต่ถนัดกับสอนมันคนละเรื่อง งานนี้สอนให้รู้ว่าการเป็นครูหรืออาจารย์ไม่ใช่เรื่องง่าย พูดให้คนอื่นเข้าใจแบบเดียวกับตัวเองเนี่ย ดูไอ้ซันเป็นตัวอย่าง

   “กูบอกว่าตรงนี้คิดแบบนั้นไงวะ” มีความฉุนเฉียว ผมก็ขมวดคิ้วฉับ

   “ตรงนี้ นั้น นู้นเชี่ยอะไรของมึง สอนภาษาคนที ไม่ใช่ภาษาควาย” ด่ามันไปแบบนี้โดนโบกสิครับ จะเหลือเรอะ!

   “กูอุตส่าห์สละเวลาอ่านหนังสือมาสอนมึง มึงพูดกับกูแบบนี้เหรอวะ” มีแอบน้อยใจ ผมเลยปรับเสียงอ่อนลง

   “ก็กูไม่เข้าใจที่มึงพูดนี่ เทคนิคที่มึงบอกมันอาจจะง่ายสำหรับมึง แต่หัวอย่างกูเข้าไม่ถึงว่ะ วันๆ บริหารแต่สมองซีกขวา กูขอแบบง่ายๆ ไม่ต้องใช้ทางลัดอะไรมากได้ไหม” ผมอ้อนมันที่ยืนเป็นครูโฉดอยู่ด้านข้าง

   เผื่อคนไม่เข้าใจ การทำงานของสมองแบ่งออกเป็นสองส่วน สมองซีกขวาเป็นการคิดสร้างสรรค์ ส่วนสมองซีกซ้ายจะเป็นการใช้เหตุและผล ความจริง ปกติคนเราก็ใช้ทั้งสองด้านสลับกันไปมาแหละ เพียงแค่ผมใช้ซีดขวามากกว่า ตรงข้ามกับซันที่เน้นซีกซ้าย

   สาระก็มา แต่มันไม่ได้เอาไปสอบไง ผมเลยต้องก้มหน้าติวกับซันต่อไป

   “เออๆ เข้าใจแล้ว” ซันพยักหน้ารับ นึกปลงกับสมองเมีย เริ่มทวนใหม่ตั้งแต่ต้น โดยใช้วิธีปกติที่แสนจะยาวยืดน่าเบื่อสำหรับเจ้าตัว กระทั่งซันปล่อยให้ผมลองทำโจทย์เองนั่นแหละ ผมดันนึกอีกเรื่องขึ้นมาได้ตามประสาคนอยู่ไม่สุข สมองโลดแล่นไปไกลแสนไกล

   “เอ้อมึง โต๊ะเขียนแบบกูอะ มึงบอกว่าจะซื้อให้” ผมทวง เนียนอู้พักการใช้สมองชั่วคราว

   ซันมองอย่างรู้ทัน “สอบเสร็จค่อยไปซื้อ แต่ถ้ามึงยังไม่เลิกออกนอกลู่นอกทางจะไม่ซื้อให้แม่งละ เก็บตังถอยเองไปเลย” คนอย่างซันพูดจริงทำจริงเสมอ ผมเลยเพ่งทุกประสาทสัมผัสใส่โจทย์ตรงหน้า ทุ่มเทประดุจว่าจะฝึกซ้อมไปคว้าแชมป์ แม้สุดท้ายจะทำได้แค่โจทย์ง่ายๆ ไม่มีความซับซ้อนมากก็ตาม

   ครูจำเป็นถอนหายใจอย่างยอมแพ้ ผมหัวเราะสบายใจที่พ้นนรกสักที อย่างน้อยๆ ผมก็ทำได้นะ ดีกว่าปล่อยกระดาษขาวโล่ง ส่วนคะแนนจะผ่านเกณฑ์ไหมค่อยลุ้นกันตอนหลังสอบอีกที

   มาต่อกันด้วยวิชาฟิสิกส์ อันนี้ยังเข้าใจง่ายกว่าเลขเยอะ เน้นการแทนค่าเป็นหลัก ขอแค่จำค่าและสูตรได้ ที่เหลือก็พอไปรอดแล้ว อาจจะมีบ้าง บางจุดที่ผมไม่เข้าใจจริงๆ ก็จะเดินข้ามห้องมาถามซัน พอดีช่วงสอบเราต่างคนต่างอ่านในห้องตัวเองเพื่อสมาธิอันสูงสุด เพราะผมเป็นพวกชอบอ่านออกเสียง ไอ้ซันมันรำคาญเลยหนีเข้าห้องแถมไล่ผมไปไกลๆ ส้นก่อนที่มันจะหมดความอดทน แม่งฮาร์ดคอตลอด

   แต่ความพ่อบ้านของมันก็ยังไม่หายไปนะ บังเอิญว่าวันนี้เรามีสอบทั้งคู่ ผมสอบเช้าเย็น ส่วนซันสอบแค่ช่วงเช้าและที่บังเอิญกว่านั้นคือฝนเสือกตก! ที่สำคัญผมตากผ้าไว้เต็มราวเลย ทีนี้ทำไงล่ะครับ ผมรีบคว้ามือถือกดโทรหาซันยิกๆ ตั้งแต่เห็นเมฆตั้งเค้า ไม่กลัวว่ามันจะดังในห้องสอบหรอก ในเมื่อซันจะปิดเครื่องทุกครั้งเวลาเข้าสอบ แล้วเปิดอีกทีตอนสอบเสร็จ ซึ่งตอนนี้โทรติดแค่ยังไม่มีคนรับ

   “โทรไปขอกำลังใจจากผัวหรอมึง” วาจาหมาไม่แดกเช่นนี้ ไอ้แม็คเพื่อนผมเอง

   “ผัวที่หน้า! กูตากผ้าไว้เว้ย จะโทรไปสั่งให้มันเก็บผ้า”

   “เวร!! กูตากผ้าเหมือนกันนี่หว่า” แม็คถึงกับสะดุ้งเฮือก ของมันอยู่ห้องคนเดียว เมียไม่มาหาช่วงสอบ ชะตากรรมมันคงไม่พ้น...

   “กูพนันว่าพรุ่งนี้ไอ้แม็คได้ใส่ตัวเก่ามาสอบแน่” อาร์ทเงยหน้าขึ้นจากสมุดมาซ้ำเติมเพื่อน

   “กูไม่ขอพนันแล้วกัน เพราะเป็นแบบนั้นชัวร์ๆ” ผมหัวเราะเยาะใส่แม็คที่กำลังล็อคคออาร์ทให้ดมจักกะแร้ หวังว่าสิ่งที่มึงอ่านไปจะไม่หายไปเพราะกลิ่นเต่ามันนะเพื่อน

   /มีไร/ รับสายสไตล์ซัน

   “มึงรีบกลับห้องด่วนๆ กูตากผ้าไว้ ไม่งั้นพรุ่งนี้มึงได้ใส่กางเกงในขึ้นราแน่” บนราวส่วนใหญ่เป็นเสื้อของมันซะด้วย ของผมยังมีสำรองเลยไม่เดือดเนื้อร้อนใจเท่าไร

   /เหี้ย!/ นั่นล่ะครับท่านผู้ชม ตอบรับคำเดียวพร้อมวางสาย คาดว่ามันคงกำลังบึ่งกลับห้องสุดชีวิต วันนี้ดันไม่ขับรถมาด้วยไง

   พอโทรไปใช้งานซันแล้วก็โล่งใจไปเปราะหนึ่ง ทันไม่ทันขึ้นอยู่กับชะตาฟ้าลิขิต ตอนนี้ผมขอเข้าห้องเชือดก่อน

   ผมใช้เวลาทำข้อสอบแค่ครึ่งชั่วโมง ที่เหลือนอนกระดิกเท้ารออาจารย์ปล่อยออกจากห้อง การสอบมหา’ลัยต้องจดตารางเองจากในเว็บของมอ แล้วไปสอบตามวันเวลาและเลขห้องที่ระบุไว้ ระยะเวลาในการทำข้อสอบก็ต่างไปตามวิชา น้อยสุดสองชั่วโมง มากสุดคือสาม แต่อาจารย์จะให้ออกก่อนหมดเวลาครึ่งชั่วโมง ป้องกันพวกเขียนชื่อแล้วออกไปส่งเสียงเอะอะด้านนอกรบกวนคนอื่นสอบ ก็ไม่ใช่ทุกมหา’ลัยที่เป็นแบบนี้ แล้วแต่ที่ว่าเขามีกฎรับมือกับนักศึกษายังไง

   ไหนๆ ก็ไหนๆ กระดาษเขียนคำตอบยังว่าง ผมเลยใช้เวลาที่เหลือวาดรูปเล่นมันซะเลย ของแบบนี้วาดได้แค่บางวิชานะ วิชาไหนอาจารย์โหดๆ วาดไม่ได้ ประเดี๋ยวคะแนนจะติดลบแทน

   รอจนอาจารย์ปล่อย ผมก็วาดการ์ตูนขอความเห็นใจอาจารย์ยศเสร็จพอดี คว้าอุปกรณ์การสอบคือปากกาน้ำเงินแท่งเดียวพร้อมกระเป๋าเป้ออกจากห้อง ไม่คิดรออีกสองตัว เพราะแม็คมันนั่งทำข้อสอบหน้าเครียด ส่วนอาร์ทหลับน้ำลายยืดเปียกข้อสอบ ขนาดอาจารย์ปลุกก็ยังไม่ตื่น ความพยายามในการช่วยชีวิตกระดาษคำตอบจึงหมดไป ผมขอร่วมยืนไว้อาลัยให้แก่อาจารย์ยศนะครับ ตรวจไปคงเหม็นน่าดู

   เปิดประตูออกจากห้องสอบปุ๊บ เสียงฝนสาดกระหน่ำทำให้ผมใจแป้ว แต่จำใจขอถุงพลาสติกจากร้านอาหารใต้ตึกมาคลุมเป้แล้ววิ่งฝ่าสายฝนกลับห้อง เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ระหว่างทางไม่ได้โรยไปด้วยเม็ดฝน แต่ดันเป็นรถของคนคุ้นหน้าคุ้นตา เก้าจอดรถเทียบข้างเปิดกระจกคุยกับผมที่เปียกยันกางเกงในแม้ตอนนี้จะหลบอยู่ในร่มรอรถมหา’ลัยก็ตาม

   “โป้ทำไมตากฝนงี้ ให้ไปส่งมั้ย” เสียงยังนุ่มเหมือนเคย แต่ไม่ใช่ประเด็น เพราะผมกำลังถลึงตาใส่ไอ้พวกที่นั่งอยู่ในรถเก้า ผมจำหน้าได้ พวกมันทุกตัวเคยมีเรื่องกันหน้าผับพ่อมิท

   “ไม่ล่ะ เปียกแล้วนั่งรถไปก็ไม่มีประโยชน์ ขอบคุณที่ชวนแล้วกัน” คติผม ดีมาดีกลับ เลวมามีเตะ โดยเฉพาะไอ้คนที่นั่งข้างคนขับ อาศัยว่าเก้าไม่เห็น ทำเบะปากแกล้งพูดตามผมกับเพื่อนด้านหลัง

   “งั้นเราไปนะ เปลี่ยนใจอยากให้ไปส่งก็โทรมา ถ้ายังไม่ลบเบอร์เราอะนะ” เจ้าตัวยิ้มให้ทั้งที่แววตาแสดงความเสียดายชัดเจน ความจริงมันก็ไม่สนิทใจกันร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก คนมันเคยชอบ จะมีเยื่อใยก็ไม่แปลก แต่ผมไม่อยากมีปัญหากับซัน ถือว่าต่างคนต่างอยู่แล้วกัน

   “ถ้าคิดโทรจริงกูโทรหาซันดีกว่ามั้ง” ผมตอบเสียงเรียบ เก้าหน้าเสียในขณะที่พวกเพื่อนแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาชัดเจน คือผมก็ไม่อยากใจร้าย แต่ตัดบัวอย่าเหลือใย ผมไม่อยากให้ความหวังใคร “จริงสิ เก้ามึงระวังตัวไว้หน่อยก็ดีนะ ไม่แน่ เร็วๆ นี้อาจจะซวยเพราะเพื่อน” ผมเตือนด้วยความหวังดี จงใจมองเลยว่าเพื่อนตัวไหน

   เก้าพยักหน้าทั้งที่ดูงุนงง แต่ก็ยังอุตส่าห์ขอบคุณ แม้ผมจะหาเรื่องเพื่อนมันต่อหน้าก็ตาม “ขอบคุณที่เตือน ไว้เจอกันนะ” เจ้าตัวยิ้มโบกมือลา จังหวะที่กระจกกำลังปิด เก้าหันไปสนใจถนนด้านหน้า ผมบรรจงยกมือขึ้นมาแล้วเก็บที่ละนิ้วจนเหลือเพียงนิ้วเดียวพร้อมยิ้มยียวนอย่างสะใจ เมื่อเห็นไอ้พวกเชี่ยเต้นเป็นเจ้าเข้า ส่งเสียงด่าทะลุกระจกรถ ทำท่าจะลงมาเอาเรื่อง เก้าเลยรีบเหยียบคันเร่งจากไป พวกมันเลยได้แต่มองอย่างอาฆาตแค้น

   มั่นใจได้เลยว่าหลังจากนี้พวกมันต้องมาหาเรื่องผมอีกแน่ แต่ใครจะสน ในเมื่อเหม็นขี้หน้ากันอยู่แล้ว ไม่ช้าก็เร็วต้องมีเรื่องกันชัวร์ๆ ผมแค่เร่งเวลาจะได้ไม่ต้องรอลุ้นนานเท่านั้นเอง

หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่31 มิดเทอม [1/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-05-2017 03:47:58
มาทีละนิด พอให้จิตเบ่งบาน
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่31 มิดเทอม [1/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 01-05-2017 17:07:53
มาทีละน้ดละหน่อย
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่31 มิดเทอม [1/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 12-05-2017 23:39:08
ระวังตัวนะโป้ ไปหาเรื่องคนเลวๆแบบนั้น
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่32 โต๊ะจ๋าพี่มาแล้ว [6/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 06-06-2017 01:20:15
ยกที่32 โต๊ะจ๋าพี่มาแล้ว
   
    ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ สุดท้าย นอกจากจะไม่ได้มีเรื่องกับพวกนั้นแล้ว ดันไปมีเรื่องกับซันแทน เพราะผมกลับห้องตัวเปียกโชก เลยโดนมันเทศนาพร้อมกับบังคับให้กินยาดัก ไอ้ผมไม่อยากทะเลาะกับมัน เลยกระดิกนิ้วเรียก

   “มีอะไร ท่าเรียกมึงชวนให้กูคันตีนฉิบหาย” ว่าพลางเช็ดคราบน้ำบนพื้น ฝีมือผมเองแหละ ส่วนผมตอนนี้อาบน้ำเปลี่ยนชุดยืนเช็ดหัวมองมันทำความสะอาด

   “เหอะน่า มานี่” เปลี่ยนจากกระดิกนิ้วเป็นกวักมือก็ได้เอ้า!

   ซันกรอกตาร้อยแปดสิบองศาแต่ก็ยอมถือไม้ถูเดินมาหา พอมันอยู่ในระยะเอื้อมถึงก็คว้าคออีกฝ่ายมาดูดปากดังจ๊วบ เสียงดังฟังชัด ไอ้ซันถึงกับยืนอึ้ง คงไม่คิดว่าจะโดนเมียรุกหน้าด้านๆ

   “รู้ว่าเป็นห่วง แต่อย่าบ่นมาก เดี๋ยวแก่ไว” เตือนด้วยความหวังดี พร้อมจุ๊บปากแถมอีกที อันนี้ไม่มีเจตนาอะไร แค่ติดใจเฉยๆ ปากซันมันไม่ได้บางนุ่มนิ่มเหมือนของผู้หญิงนะ ก็หนาตามประสาผู้ชาย แต่ดูดมัน จูบอร่อย อยากลองเหรอ? ไม่ให้หรอก ของรักของหวง ของรักของข้า...

   “ยืนเหม่อเชี่ยไร ถอยไป” หนุ่มเถื่อนกลบเกลื่อนความเขินด้วยการด่า ผมยกมือสองข้างยอมถอยฉากโดยดี มันยังไม่วายหันกลับมาชี้หน้า

   “ไม่ติดว่าใกล้สอบ มึงเจอกูแน่” จดบัญชีหนังควาย(ซัน)เสร็จ ก็สะบัดก้นจากไป ผมมองตาปริบๆ ทำมือโอเค เรื่องนี้น้องโป้ไม่ปฏิเสธ ความจริงก็มีบ้างแหละ พักหลังไม่ค่อยได้ปล่อยเพราะนายซันชอบเอาหัวมุดหนังสือเรียน ก็อย่างที่มันบอก ไม่ติดว่าสอบผมนี่แหละจะกระโดดขึ้นตักมันเอง

   ซันเดินกลับมาเห็นหน้าเมียถึงกับผงะ ใช้มือดันหน้าผากด้วยความหมั่นไส้

   “หน้าหื่นมากมึง” หัวเราะขำๆ พลางเดินไปที่โต๊ะกินข้าว วันนี้ซันเป็นคนทำ เพราะมันกลับไวกว่า อาหารก็ทั่วไป ต้มยำ ผัดผักใส่พริก ไข่เจียวใส่พริก แม่งล่อทำแต่ของโปรดตัวเองนี่หว่า เอาเถอะ โป้คนดีเลี้ยงง่ายอะไรก็กินได้

   “กินแต่ของเผ็ดๆ แบบนี้ไม่กลัวขี้แตกตอนสอบเหรอวะ” ผมแซวมันขำๆ ก่อนนึกขึ้นได้ “ว่าแต่ ชั้นในมึงยังอยู่ดีมั้ยวะ หรือเปียกน้ำไปแล้ว” ไม่ใช่อะไร ถ้ามันกลับมาเก็บไม่ทันจะได้ซักตากให้ใหม่ ผึ่งพัดลมเอาน่าจะได้ แน่นอนว่าผึ่งด้านนอกนะ ผมคงไม่เอาไปตากไว้นอนดมในห้องตัวเองหรอก หรือถ้าทำก็ห้องมันนู่น ของตัวเองดมเอง

   “ไม่เว้ย เพราะสอบกูเลยต้องเพิ่มพลังงานด้วยพริกเยอะๆ ส่วนกกน.รอดว่ะ กลับมาทันแบบเฉียดฉิว”

   จบประเด็นก็ต่างคนต่างเงียบนั่งกินข้าวจนอิ่มแล้วช่วยกันเก็บล้าง ระหว่างนั้นผมกระแซะๆ เข้าไปหา กระซิบข้างหูด้วยเสียงชวนสยิว

   “โต๊ะเขียนแบบกูล่ะ”

   “เหี้ย! มึงจะทำเสียงกระเส่าทำไม เออ! สอบเสร็จค่อยซื้อ โต๊ะแม่งไม่หนีไปไหนหรอก” จ้องเขม็งใส่ผมแล้วหันไปล้างจานต่อ ปากก็บ่นไปเรื่อย “วันนี้มึงหลายทีแล้วนะ เดี๋ยวให้ลากขาไปสอบแม่ง”

   ส่วนผมน่ะเหรอ หลังจากมันรับปากว่าจะซื้อให้ ก็ไสหัวตัวเองออกมานอนดูทีวีแทนแล้วครับ คนอย่างซัน คำไหนคำนั้น ลองมันรับปากแล้วไม่มีเบี้ยวแน่นอน

   ด้วยเหตุนี้ผมจึงตั้งใจสอบพร้อมภาวนาให้มันผ่านไปไวๆ จะได้โต๊ะใหม่และหลุดพ้นจากสนามรบของเหล่านักศึกษาสักที ถึงแม้จะมีเหตุผิดพลาดนิดหน่อย เพราะผมดันสอบเสร็จก่อน ต้องแกร่วอยู่กับห้องเพราะมันสั่งห้ามออกไปแรด ไม่เช่นนั้นโต๊ะไม่ต้องเอา

   ผมเลยต้องปฏิเสธคำชวนของพวกที่คณะไปอย่างน่าเสียดาย แต่พอเข้าใจมันอยู่ มันคงกลัวว่าจะพะวงจนไม่มีสมาธิสอบ พอดีผมเล่าให้มันฟัง เรื่องที่ไปหาเรื่องพวกเพื่อนเก้า ซันมันกลัวผมมีเหตุชกต่อยโดยที่มันไม่อยู่เลยผลัดไปก่อน ไอ้ผมยังเรียนอยู่ที่นี่อีกนาน ไว้ค่อยไปดื่มวันหลังก็ได้ ทุกอย่างเลยลงตัว ไม่มีปากเสียง...

   แอบบอก ใครมันจะไปกล้ามีล่ะครับ เดี๋ยวผมอดได้โต๊ะฟรี ดังนั้น พอมันสอบเสร็จผมก็ชวนมันไปซื้อโต๊ะทันทีตามประสาวัยรุ่นใจร้อน

   “ซื้อโต๊ะๆๆ” คือผมอยากได้มานานแล้วอะ อารมณ์เหมือนคนชอบอ่านหนังสืออยากรีบไปสอยเล่มที่ชอบ ประมาณนั้น

   ซันไม่พูดอะไร แค่ปรายตามองผมแล้วปิดหนังสือถือเดินเข้าห้องนอนเฉย หรือมันจะรำคาญ?

   “เฮ้ย มึงจะหนีไปไหน มึงสัญญากับกูแล้วนะ” โวยวายไล่หลัง ซันหันมาขมวดคิ้วใส่ ยืนจ้องหน้ากันอยู่สักพัก สุดท้ายซันก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่

   “เออรู้แล้ว กูจะไปเปลี่ยนชุดหยิบกระเป๋าตังนี่ไง” เสียงอ่อนลงสองระดับ ความพ่อบ้านใจกล้าก็มา

   “ดีๆ ทำดี” ผมหัวเราะกอดอกพยักหน้าอย่างพึงพอใจ

   ความจริงผมลองมองไว้แล้วแหละว่าที่ไหนราคาไม่แพงและมีคุณภาพดี คือ ต่อให้มันซื้อให้ก็ไม่ควรที่จะเอาแต่ใจเลือกของแพงๆ จริงไหม แต่ซันกลับส่ายหัว แล้วพาผมขึ้นรถไฟฟ้ามาห้างหรูเฉย ดีนะที่ผมแต่งตัวมาพอดูได้ ไม่งั้นคงไม่กล้าเข้า

   “ทำไมเลือกห้างนี้วะ ห้างอื่นก็เยอะแยะ ที่นี่ของน่าจะแพง” ผมบอกพลางแหงนคอมองห้างที่มีโรงแรมอยู่ชั้นบน แม้พื้นที่ในเมืองกรุงจะน้อย แต่การออกแบบ ตกแต่งโดยรอบถือว่าไม่เลวทีเดียว

   “กูมีบัตร ซื้อที่นี่ถูกกว่าที่อื่นแถมส่งฟรีด้วย” ว่าพลางชูบัตร VIP ผมมั่นใจละ ที่นี่ห้างพี่จินชัวร์ๆ จะได้สวัสดิการเยอะก็ไม่แปลก

   ผมเดินตามซันต้อยๆ เข้าไปชื่นชมความไฮโซด้านใน มองทางไหนก็เจอแต่คนหน้าตาดี คนละเรื่องกับห้างเล็กๆ แถวบ้านเลยทีเดียว ผู้หญิงคนนี้ขาสวย คนนั้นหน้าอกใหญ่ โอ้ว ผู้ชายตรงนู่นผิวขาวเนียนยิ่งกว่าผู้หญิงอีก แต่ดูแมนทั้งแท่ง ผิดกับพวกกร้านแดดอย่างเราๆ

   ผมสะกิดซัน “มึงว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นไงวะ” ที่ชวนมันดูไม่ใช่อะไร ตามประสาผู้ชาย ถึงผมจะเป็นเกย์แต่ยังชอบของสวยๆ งามๆ อยู่นะครับ

   ไอ้ซันไม่แม้แต่จะชายตามอง ทั้งที่ทางฝ่ายนั้นท่าทางอยากเข้ามาทำความรู้จักแบบสุดๆ

   “มึงดูไม่สนผู้หญิง ถ้างั้นคนนู่นล่ะเป็นไง” บุ้ยปากเนียนๆ ไปอีกฝั่ง คราวนี้ไอ้ซันหันมาโบกผมเกือบหัวทิ่ม

   “จะชวนกูส่องผู้ชายทำเตี่ยอะไร”

   ผมบ่นอุบ “เตี่ยกูก็ว่าที่พ่อตามึงนะ ให้เกียรติหน่อย” ซันอมยิ้มคำพูดนี้คงถูกใจมัน “ก็เห็นมึงไม่สนใจผู้หญิง” ท้ายประโยคเสียงเบาหวิว ไม่กล้าดังมาก กลัวมันโบกอีกรอบ
   
   ซันส่ายหัวเหนื่อยหน่าย “กูยังชอบผู้หญิงอยู่ ไม่ได้ชอบผู้ชาย”

   “อ้าว” หาเรื่องให้ตัวเองไหมล่ะ

   “แต่ตอนนี้กูมีมึง จะให้มองคนอื่นทำไม อีกอย่าง ต่อให้มึงเป็นเพศอะไรก็ไม่สำคัญ เพราะคนที่กูชอบคือมึง ถ้าหากการเป็นเกย์จะทำให้กูรักมึงได้ กูก็ยอม” มันตอบชิวๆ แต่ผมนี่ จากหน้าหนาๆ บางเฉียบยิ่งกว่ามันฝรั่งทอดกรอบ ที่โรยน้ำตาลจนมดจะขึ้น ไอ้หมาซันทำกูเขิน อยากติดแท๊ก #ยอมแล้วทูนหัวมีผัวเป็นนายซัน

   “ปกติมึงไม่ค่อยเขิน พอเขินแล้วน่ารักว่ะ” ซันหันมายิ้มกรุ่มกริ่ม ผมยกมือห้าม

   “พอมึง ที่นี่ในห้าง เดี๋ยวกูอดใจไม่ไหวพอดี” เป้าหมาย(ซัน)มีไว้พุ่งชนครับ

   “โป้! มึงรีบเช็คเลยว่าโต๊ะมึงอยู่ชั้นไหน กูอยากกลับห้องแล้ว!!” มันพูดซะดัง ผมรีบตะปบปากมันอย่างไว พร้อมยิ้มแห้งๆ ให้กับคนที่เดินสวนไป ดีนะห้างนี้เหมือนจะมีวัยรุ่นซะเยอะ หากไปเจอพวกผู้ใหญ่ไม่รู้จะถูกมองยังไงบ้าง แต่เพื่อความชัวร์ ผมเลยลากซันขึ้นลิฟต์ แล้วถามเอากับคนที่ขึ้นด้วยกันว่าพวกฟอนิเจอร์อยู่ชั้นไหน ได้คำตอบก็กดชั้นนั้น หาเรื่องออกจากจุดเดิมให้ไว้ที่สุด

   หลังจากนั้น พอถึงชั้นที่หมายตาไว้ก็ไม่ยากแล้วครับ มองๆ ดูเดินถามเอากับพนักงานขาย พนักงานที่นี่มีทั้งหญิงและชาย ทุกคนแต่งตัวเรียบร้อยมีรอยยิ้มการค้าอย่างมืออาชีพ ไม่ชักสีหน้าใส่ หรือมัวแต่ฝอยจนเมินลูกค้าอย่างบางที่ สร้างความประทับใจให้ไม่น้อย อดชื่นชมเจ้าของไม่ได้ พี่จินนี่เก่งจริงๆ

   ตอนนี้พวกเรามาอยู่ในโซนโต๊ะครับ มีสารพัดโต๊ะเลย ตั้งแต่โต๊ะธรรมดา โต๊ะกินข้าว โต๊ะคอม โต๊ะทำงานและที่สำคัญ โต๊ะเขียนแบบของผมเอง ซึ่งก็มีหลายแบบให้เลือกสรร อย่างโต๊ะเขียนแบบปรับเอียงธรรมดา ไม่ก็โต๊ะคราฟไฟ คือผมไม่ได้จะวาดรูปไฟ แต่มันเป็นโต๊ะแบบที่เปิดไฟได้ ส่องกระดาษสำหรับเขียนแบบให้งานเนี๊ยบ ชัดเจน ผมอยากได้นะ แต่ราคาโคตรแพง เล่นเอากลุ้ม

    “ใช้อันไหนมึง” ซันถาม โดยมีพนักงานคอยยืนรอให้คำแนะนำอยู่ไม่ไกล

   “เอาโต๊ะเขียนแบบธรรมดาแล้วกัน” ตัดใจเอาอันนี้ ราคาไม่เกินสองพัน พยายามไม่เหล่มองโต๊ะคราฟไฟ Mastex รุ่น L-401 ขนาดA0 นี่ไม่ได้มองนะ แต่รายละเอียดมันพุ่งเข้าตาเอง

   ซันนิ่งไปสักแป๊บ ก่อนจะชี้เจ้าโต๊ะราคาแพงพลางบอกพนักงาน “เอาอันนี้ครับ” ผมถึงกับหันขวับตาโต

   “เฮ้ย ไม่เอา บอกแล้วไงเอาธรรมดาพอ” ราคาครึ่งหมื่นเชียวนะ เดี๋ยวยังต้องซื้อเก้าอี้กับอุปกรณ์ที่ใช้บนโต๊ะเขียนแบบอีก พวกไม้ทีสไลด์และอื่นๆ อีกมากมาย ที่ผมกะว่าจะค่อยๆ ซื้อเป็นชิ้นเอา ช่วงปีแรกๆ ยังไม่ได้ใช้จัดเต็มขนาดนั้น ประยุกต์ใช้กับของที่มีก่อนได้

   “ซื้อๆ ไปยังไงอนาคตมึงก็ต้องใช้ อีกอย่าง มึงใช้ยันทำงานได้ไม่ต้องกลัวเปลืองตังหรอก ซื้อแล้วซื้อซ้ำสิเปลืองกว่า” ก็ถูกของมัน แต่ผมทำใจให้มันจ่ายทีเดียวเยอะขนาดนี้ไม่ไหว

   “คนละครึ่งทาง ความจริงมันยังไม่ได้จำเป็นขนาดนั้น เอาแบบธรรมดาแล้วติดโคฟไฟเขียนแบบก็ได้ ไว้ทำงานค่อยเก็ยตังซื้อแบบจัดเต็ม แบบนั้นภูมิใจกว่า”

   “มึงแหกตาดูราคานะ ไอ้ที่มึงบอกธรรมดาแต่ปรับสูงต่ำได้นี่ราคาไม่ได้ทิ้งห่างแบบมีไฟของมึงเลย”

   “เออว่ะ” เผลอหลุดปาก หันไปมองพนักงานที่อมยิ้มมุมปาก ผมลูบท้ายทอยแก้เก้อ “งั้นเอาแบบนี้ก็ได้” ชี้ไปที่แบบมีไฟ

   “แค่นี้ก็จบ จะได้ไปซื้ออย่างอื่นต่อ” ถอนหายใจใส่ผมเสร็จก็หันไปคุยกับพนักงานว่าจะเอาตัวนี้และขอไปดูเก้าอี้ต่อ แล้วก็ยืนเถียงกันอีกตามเคย ผมเลือกแบบที่ใช้ได้ ราคาไม่แพงเพราะซื้อโต๊ะโคตรแพงไปแล้ว ไอ้ซันจ้องเขม็งใส่ บอกให้ลองนั่งแล้วเลือกที่สบายที่สุดเพราะเวลาผมทำงานคงไม่จบแค่หนึ่งชั่วโมงแน่ สุดท้ายก็เถียงมันไม่ชนะ ได้แต่มองมันยื่นบัตรสมาชิก VIP กับบัตรเครดิตให้พี่พนักงาน

   โชคดีหน่อย พอมาซื้ออุปกรณ์ที่ร้านเครื่องเขียน มันไม่จู้จี้แล้ว เพราะผมเป็นคนใช้ต้องเลือกเองว่าจะเอาอะไรบ้าง หลักๆ ก็แค่ไม้ทีสไลด์ นอกนั้นยังไม่รีบ เก็บตังค่าขนมไปก่อน ที่เหลือพวกดินสอ อุปกรณ์ยิบย่อยที่ต้องใช้ประจำและจวนจะหมด

   รวมเบ็ดเสร็จวันนี้ไอ้ซันจ่ายเงินไปเหยียบหมื่น ผมอยากจะยกมือปิดหน้าแล้วเดินหนีจัง ขอโทษที่กูผลาญเยอะนะครับแฟน

   โต๊ะเก้าอี้เดี๋ยวเขาไปส่งที่ห้อง ตอนนี้ผมเลยถือถุงอุปกรณ์เพียงอย่างเดียว ไอ้ซันทำหน้าเอือมใส่ แล้วตวัดแขนพาดคอ เดินประดุจเพื่อนนี่แหละซันโป้สไตล์

   “คิดมากทำไม ของมันจำเป็นต้องใช้ ไม่ได้เอาเงินไปเทกับเรื่องไร้สาระสักหน่อย อนาคตมึงเชียวนะ”

   “ก็เข้าใจ แต่มันอดไม่ได้” ผมถอนหายใจ “อย่างรุ่นพี่ที่คณะบางคน เขายังใช้แค่โต๊ะเขียนแบบธรรมดาๆ เลย บางคนยิ่งแล้วใหญ่ ประยุกต์ใช้เอา ลดรายจ่ายได้เยอะ”

   ซันกลับส่ายหัว “กูไม่เห็นด้วยกับความคิดมึง การเรียนคือการลงทุน มีเงินก็ซื้อไป ไม่มีเงินก็ประยุกต์ใช้ มันก็ถูกต้องแล้ว ต่อให้กูไม่ได้ไปเรียนด้วยก็พอเดาได้ ว่าพวกรุ่นพี่ที่มึงบอก กว่าจะส่งงานแต่ละทีคงลำบากน่าดู เผลอๆ ต้องไปยืมเพื่อนอีก ลึกๆ ในใจเขาคงอยากจะมีเป็นของตัวเองแหละ เชื่อเลยว่าทำงานเก็บเงินได้เมื่อไหร่ คงถอยของหรูกว่าที่มึงใช้อีก” ซันร่ายยาวพูดขำๆ

   ผมเริ่มคล้อยตาม “นั่นสินะ ซื้อแล้วก็ใช้ยาวยันทำงาน ไม่ได้ทิ้งทันทีหลังเรียนจบ”

   “ตามนั้น ไปหาข้าวกินกัน...” มันพูดไม่ทันจบ เสียงริงโทนก็ดังขึ้น ซันล้วงมือถือขึ้นมาดูทั้งที่มันยังกอดคอผมอยู่ พอเห็นว่าเป็นใครก็สไลด์จอรับสาย

   “มีไรพี่จิน” สรรพนามที่หลุดจากปากเรียกให้ผมหันขวับ จะไม่ตื่นเต้นเลยถ้าตอนนี้ตัวเองไม่ได้อยู่ในห้างพี่จิน

   /มาซื้อของไกลนะเรา/

   “แค่อยากมาอุดหนุนพี่สะใภ้ พี่ควรขอบใจผมนะที่มาเป็นลูกค้าให้”

   /กล้ามาก ขาดเราสักคนพี่ไม่เจ๊งหรอก มาเพราะส่วนลดล่ะสิท่า ไหนๆ ก็ไหนๆ มาแล้วอย่าเพิ่งกลับ เดี๋ยวพี่เลี้ยงข้าว ไปเจอกันที่ร้าน.../

   หลังจากนั้นผมไม่ได้ฟังแล้วว่าซันคุยอะไรกับพี่จิน เพราะผมกำลังก้มมองมือถือตัวเองเช่นกัน หน้าจอแจ้งเตือนเด่นหรา กับชื่อที่ไม่ได้เห็นมานาน

   ‘ปิดเทอมแล้วใช่ไหม พาตัวแกกับไอ้หนุ่มนั่นมาเจอฉันด้วย’

   ซันเห็นผมยืนตะลึง พักการคุยกับพี่จินหันถามผมด้วยความสงสัย ผมไม่ตอบแต่อุทานดังลั่น

   “ฉิบหาย ปู่เล่นเฟส!!”

หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่32 โต๊ะจ๋าพี่มาแล้ว [6/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 06-06-2017 06:55:14
ยอมใจคุณปู่ไปทีขอโป้ เอาผัว เอ๊ย!! เอาไอ้หนุ่มซันไปเที่ยวเหนือกันนน
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่32 โต๊ะจ๋าพี่มาแล้ว [6/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 06-06-2017 07:41:46
ปู่ต้องการอะไร?
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่32 โต๊ะจ๋าพี่มาแล้ว [6/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 06-06-2017 09:41:21
ปู่มาซะตกใจหมดดดด
รอต่อไปอิอิ
 :katai5: :katai5: :katai5:
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่32 โต๊ะจ๋าพี่มาแล้ว [6/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-06-2017 12:54:07
คิดถึงๆ
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่32 โต๊ะจ๋าพี่มาแล้ว [6/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 08-06-2017 12:26:15
 :pig2: :pig2: :pig2: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่32 โต๊ะจ๋าพี่มาแล้ว [6/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 08-06-2017 13:22:24
ปู่โป้ทันสมัยมาก  เป็นกำลังใจให้ซันโป้  :mew1:
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่32 โต๊ะจ๋าพี่มาแล้ว [6/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 10-06-2017 15:19:01
ปู่เล่นเฟม จัดเลยๆ ไปไากู่กัน
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่32 โต๊ะจ๋าพี่มาแล้ว [6/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 27-06-2017 10:42:46
ทันสมัยกว่าปู่มีอีกไหม เล่นเฟสด้วย 55555
รออัพน้าา
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่33 ฉันจะบินบินไป [28/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 28-06-2017 02:21:33
ยกที่33 ฉันจะบินบินไป

   ซันสะดุ้งเพราะเสียงของผม คนแถวนั้นหันมามองก่อนจะละสายตาไปเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไร แต่ในใจผมงี้โคตรจะมีเลย ในเมื่อปู่เล่นเฟสนั่นหมายถึงว่าสามารถตามติดความเคลื่อนไหวของผมได้หมด พอดีผมมันเป็นคนของประชาชน เลยตั้งสารธารณะซะส่วนใหญ่ ยกเว้นบางเรื่องที่ต้องคุยในวงเพื่อนถึงจะตั้งให้เห็นเฉพาะเพื่อน

   ส่วนเรื่องซัน ผมไม่เคยคิดจะปิดเลยสักนิด ทั้งรูปแอบถ่าย ภาพคู่ และอื่นๆ ผมโพสลงเป็นระยะเสริมด้วยแคปชั่นอธิบาย อย่างคราวก่อนถ่ายรูปมันกวาดบ้านแล้วบอกว่าพ่อบ้านใจกล้า อยากรุ่งเรืองต้องเชื่อฟังเมีย ใต้ภาพมีคนคอมเม้นให้เพียบ ยอดไลด์ปาไปหลายร้อย

   นั่นยังพอทำเนา กระทั่งรูปหอมแก้มผมก็ลงเหอะ คงไม่ต้องสืบแล้วว่าผมกับซันมีสถานะอะไรกัน ในเฟสก็ระบุความสัมพันธ์ชัดเจน แม้เฟสไอ้ซันจะเงียบร้างเป็นป่าช้าเพราะมันไม่ค่อยเล่นก็เถอะ แต่บ่อยครั้งที่มันมาคอมเม้นในเฟสผม คอยไล่พวกก่อกวนกับคิดไม่ซื่อ

   อย่างล่าสุดผมยังคิดจะโพสเรื่องที่ซันพามาซื้อโต๊ะอยู่เลย แค่ยังไม่มีจังหวะ เจอปู่ทักมางี้ จบกัน

   “แค่นี้ก่อนนะพี่จิน เดี๋ยวผมไปเจอพี่ที่ร้าน ดูเหมือนไอ้โป้จะงานเข้า”

   ชื่อผมหลุดจากปากซันผมถึงค่อยได้สติ ซันกดวางสายแล้วลากผมหลบมุมไปคุยตรงทางเข้าห้องน้ำ ที่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่าน

   “เป็นไรวะมึง จู่ๆ แหกปากซะกูตกใจหมด”

   ผมไม่ตอบ แต่โชว์ข้อความให้มันดู เป็นแอป Facebook Messenger สีฟ้าขาวแสนสดใส

   ซันมันมองนิ่งๆ ก่อนสบตาผม “ก็ดีแล้วนี่ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาบอก ไปถึงก็เข้าเรื่องคุยได้เลย”

   ผมถลึงตาใส่มัน เป็นมันก็พูดได้สิ ยังไม่เคยเจอฤทธิ์เจ้าคุณปู่ของผม แค่นึกภาพไม้เท้าก็หนาวสั่นแล้ว ซันถอนหายใจพลางกอดคอผมไว้ ดูเผินๆ เหมือนเพื่อนกำลังปรึกษากันเรื่องกลุ้มใจ เพราะตอนนี้อยู่ที่สาธารณะ ต่อให้ไม่คิดปิดบังแต่ก็ไม่ควรทำอะไรประเจิดประเจอร์ให้งานเข้า

   “จะช้าจะเร็ว สักวันก็ต้องบอกผู้ใหญ่ทางบ้านมึงอยู่ดี อย่าห่วงเลย กูจะอยู่ข้างมึง ไม่ปล่อยให้มึงเผชิญหน้ากับอุปสรรคคนเดียวหรอก” ผมพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ซันถึงพูดต่อ “พักเรื่องปู่มึงไปก่อน ไว้ค่อยไปคุยกันที่ห้อง ตอนนี้พวกเราไปถลุงเงินของพี่จินกันดีกว่า บอกให้มาเจอกันที่ร้านแพงซะด้วย” มันพูดติดตลกให้ผมหลุดขำ ยามนึกภาพพี่จินที่ถูกซันผลาญ คงจะทำหน้าหงุดหงิดใส่แต่ไม่ว่าอะไรแหง คนระดับอย่างพี่จิน ขนหน้าแข้งไม่ร่วงง่ายๆ

   เรื่องมันเกิดไปแล้ว ผมปวดหัวไปก็ย้อนเวลากลับไปห้ามปู่เล่นเฟสไม่ได้ ตอนนี้หาของใส่ท้องก่อนดีกว่า อิ่มแล้วเผื่อนึกออกว่าจะรับมือกับปู่ยังไง เพราะผมไม่คิดจะเลิกกับซันชัวร์

   ซันพาผมขึ้นมาชั้นบน โซนร้านอาหารต่างๆ มีทั้งอาหารเอเชียและอาหารตะวันตก ร้านที่พี่จินเลือกเป็นร้านอาหารไทยธรรมดาที่ราคาไม่ธรรมดาตาม คงเพราะตอนนี้เลยเวลากินข้าวกลางวันมาพอสมควร ร้านจึงมีลูกค้าแค่ไม่กี่โต๊ะ พอผ่านประตูเข้าไปปุบ เห็นหนุ่มในชุดสูทร่างคุ้นตากำลังสั่งอาหารกับพนักงานสาว

   ซันปฏิเสธพนักงานที่จะพาไปที่โต๊ะอย่างสุภาพแบบที่นานทีจะได้เห็น แล้วปลีกตัวไปนั่งร่วมโต๊ะกับพี่จินหน้าตาเฉย ผมตามไปยกมือไหว้ผู้ใหญ่ เลือกที่นั่งข้างซันพลางรับเมนูจากพนักงานมาดูเล่นๆ ว่ามีเมนูอะไรบ้าง ผมไม่คิดจะสั่งหรอก ลำพังแค่ซันกับพี่จินสั่งมาก็เต็มโต๊ะแล้ว แถมซันมันสั่งของชอบผมให้เรียบร้อย นับว่ารู้งานดี

   คล้อยหลังพนักงานสาว พี่จินชวนคุยเปิดบทสนทนา

   “เป็นไงบ้างทั้งคู่ สบายดีนะ” รูปประโยคเหมือนถามตามมารยาท แต่น้ำเสียงกับแววตาผมรับรู้ได้ว่าพี่จินถามในฐานะพี่สะใภ้

   “ก็ดีพี่ แค่ช่วงนี้อะนะ จริงสิ ที่นี่ระบุวันส่งของได้รึเปล่า พอดีผมต้องกลับบ้านกับโป้ด่วน เดี๋ยวจะไม่มีคนรอรับของ”

   “ถ้าไม่ได้เร่งส่งก็ระบุวันได้ ซันใช้บัตร VIP ซื้อนี่ หรือจะให้พี่ไปช่วยดูก็ได้นะ ยังไงช่วงนี้ก็ไม่ได้ไปไหน ติดงานที่กรุงเทพ” ท้ายประโยคแฝงความเบื่อหน่าย สงสัยใจของนักธุรกิจหนุ่มคนนี้คงจะโบยบินไปหาพี่มูนแล้วมั้ง ผมนึกเกรงใจพี่เขาต้องมารอรับโต๊ะตัวเองเลยโบกมือปฏิเสธ

   “ไม่เป็นไรพี่ ถ้าระบุวันได้ ค่อยระบุให้เขาเอามาส่งช่วงใกล้เปิดเทอม ถึงเวลานั้นพวกผมคงกลับมาอยู่หอแล้ว”

   “ถ้าเลือกแบบนั้นก็ตามใจ พี่ไม่คิดจะก้าวก่าย แต่ถ้ามีอะไรมาปรึกษาพี่ได้เสมอ” น้ำเสียงนิ่งเฉย ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ยกเว้นดวงตาที่เหมือนจะมองทะลุความรู้สึกของพวกเรา สมกับที่เป็นนักธุรกิจใหญ่ที่เจอคนมาหลากหลายรูปแบบ

   ผมกับซันสบตากัน พี่จินอุตส่าห์เสนอมาทั้งที แบบนี้จะพลาดได้ยังไง

   ซันเป็นฝ่ายเริ่ม “ถ้างั้นผมไม่เกรงใจล่ะ พอดีปู่ของโป้เรียกตัวกลับด่วนเพื่อไปเปิดตัวหลานเขย ผมเลยอยากรู้ว่าจะรับมือกับคนแก่ยังไง”

   “แค่ก!!” ผมสำลักน้ำเกือบพ่นออกมาทางปาก ดีที่ยังสำนึกได้ว่าเบื้องหน้าคือคนเลี้ยงข้าว จึงรีบกลืนอย่างไวแล้วไอหน้าดำหน้าแดง

   “กินดีๆ สิวะ ไม่มีใครแย่งมึงหรอก” ซันบ่นขณะยื่นมือมาช่วยลูบหลัง ส่งทิชชู่ให้เช็ดปาก พี่จินมองพวกเราขำๆ

   “เพราะซันพูดตรงไปต่างหาก ไหนๆ ก็ไหนๆ ช่วยเล่าเรื่องทั้งหมดที พี่จะได้ให้คำปรึกษาถูก”

   คราวนี้ผมไม่ยอมให้ซันพูด เป็นฝ่ายเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในครอบครัวผมแทนแบบคร่าวๆ รวมถึงปัญหาที่ผมกังวล ผมไม่สนสายตาคนนอก พวกเราเลยจุดนั้นมานานแล้ว สิ่งที่ผมเป็นห่วงคือความรู้สึกของซันมากกว่า บ้านผมไม่เหมือนบ้านมัน ไม่สามารถยอมรับอะไรได้อย่างง่ายดายขนาดนั้น ญาติพี่น้องส่วนใหญ่นึกถึงแต่เรื่องของตัวเองเป็นหลักแถมยังห่วงหน้าตาแบบสุดๆ

   แม้ครอบครัวผมจะไม่เป็นแบบนั้น แต่ก็ใช่จะยอมรับรสนิยมผมได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ที่ผ่านมาเหมือนถอยคนละก้าวมากกว่า และผมไม่เคยพาแฟนผู้ชายเข้าบ้านซะด้วย เชื่อเลยว่าลึกๆ พ่อแม่ก็ยังคงหวังให้ผมชอบผู้หญิงอยู่

   ส่วนปู่...นี่แหละลาสบอสของจริง ถึงปู่จะปากร้าย แต่ผมรู้ดีแก่ใจว่าทุกคำพูด ทุกการกระทำของปู่นั้นเกิดจากความรักและความเป็นห่วงในฐานะญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง แบบนี้ผมจะใจร้ายใส่ปู่ลงได้ยังไง ที่ผ่านมาเลยประท้วงเงียบแทนและดูจะไม่ได้ผลซะด้วย

   เฮ้อ...มีแต่เรื่องให้ปวดหัว

   ที่บ่นไปข้างต้นผมไม่ได้เล่าออกมานะ บอกแค่ว่าที่บ้านไม่ยอมรับรสนิยมของผมและออกอาการต่อต้านชัดเจน โดยเฉพาะปู่ที่มีปฏิกิริยารุนแรงมาโดยตลอด เพราะไอ้ซันนั่งฟังอยู่ ขืนพูดไปมีหวังควายน้อยบางตัวได้สะบัดเขางอนอีกแน่ ข้อหาผมไม่ไว้ใจมัน

   อย่ามองผมด้วยสายตาแบบนั้นสิ ผมไม่ทำให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยหรอก แต่มันอดไม่ได้ไง ผมเป็นคนเจอความกดดันเหล่านั้นด้วยตัวเองจนเกือบเสียศูนย์อยู่หลายครั้ง ไม่รู้ว่าถ้าซันเจอเหตุการณ์แบบนั้นจะเป็นยังไง จะอาละวาดไล่ขวิดญาติผมรึเปล่า แค่คิดก็สยองแล้ว

   “จากที่พี่ฟัง พี่คิดว่าผมควรทำไงดีเพื่อมัดใจครอบครัวโป้” กลายเป็นการสุมหัววางแผนรับมือซะงั้น

   พี่จินนิ่งคิดไป คงกำลังเรียบเรียงเรื่องในหัว ไม่นานก็เปิดปากกล่าววาจาที่ชวนให้เจ็บจี๊ด

   “เป็นครอบครัวที่เห็นแก่ตัวดีนะ”

   ขอโทษด้วยครับที่บ้านผมเป็นแบบนี้...

   “เอาเถอะ ปกติของมนุษย์ ไม่มีใครไม่เห็นแก่ตัว สำหรับคนพวกนี้คงทำอะไรไม่ได้นอกจากช่างหัวมัน ทางพ่อแม่ของโป้เองอาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อย หากมั่นใจแล้วว่าลูกชายไม่มีวันกลับมาคบผู้หญิงได้แน่นอน ไม่นานพวกท่านก็คงทำใจได้ ที่เหลือก็ปู่...” หยุดจิบน้ำให้รอลุ้น พอหายคอแห้งก็พูดต่อ

   “จะว่ายากก็ยาก ง่ายก็ง่าย พี่ไม่ได้ทำความรู้จักด้วยตัวเอง การแนะนำอาจจะไม่ได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่คนสูงวัยมีความคิดหลักๆ ไม่กี่แบบ ลองใช้ข้อดีของความดื้อด้านเข้าหาท่านบ่อยๆ แสดงให้เห็นว่าเราจริงใจ สักวันท่านก็คงใจอ่อนเอง วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายและโอนอ่อนที่สุด ส่วนระยะเวลาก็ขึ้นอยู่กับความใจแข็งของปู่โป้แล้วล่ะ”

   ไม่รู้ทำไมเหมือนพี่จินจ้องผมมากเป็นพิเศษทั้งที่กำลังชี้ทางสว่างกับซัน

   “ฉันขอเตือนในฐานะรุ่นพี่ ในขณะที่เวลาของพวกเรากำลังเดินไปข้างหน้า เวลาของพวกเขากำลังนับถอยหลัง อยากจะทำอะไรก็รีบทำ ก่อนที่จะสายเกินไปแล้วมานั่งเสียใจที่หลัง แบบนั้นมันน่าสมเพช” ประโยคสุดท้ายคล้ายกับพูดกับตัวเองมากกว่า เพราะรอยยิ้มของพี่จินตอนนี้ดูเศร้าสร้อยเหลือเกิน

   ผมไม่อยากให้บรรยากาศแย่ หลังคุยกับจบแล้วเลยเปลี่ยนเรื่องซะ

   “ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะครับ ผมจะเก็บไปคิดดู” ผมมองซ้ายมองขวา “ว่าแต่อาหารโต๊ะเรายังไม่มาเหรอ เหมือนว่าโต๊ะที่มาหลังจะได้แล้วนะ”

   พี่จินยิ้ม รู้ว่าผมจงใจเปลี่ยนเรื่องแต่ก็ไม่ว่าอะไร เพียงแค่ยกมือ พนักงานก็ทยอยยกอาหารหอมกรุ่นมาเสิร์ฟถึงโต๊ะ ก่อนจะทวนรายการ ถามว่าขาดเหลืออะไรหรือต้องการอาหารเพิ่มรึเปล่า เมื่อพวกเราบอกปฏิเสธก็ถอยกลับไปรอให้บริการตามเดิม

   ผมมองภาพเหล่านั้นอย่างอึ้งๆ ให้ความรู้สึกเหมือนมากินในร้านหรูเลย

   “เพราะพวกเรากำลังคุยกันอยู่พนักงานจึงไม่เข้ามาแทรกน่ะ กินเถอะก่อนจะเย็น อีกเดี๋ยวพี่ก็ต้องกลับขึ้นไปทำงานต่อแล้ว” เจ้าของห้างมาดเท่(แต่เป็นภรรยาคนอื่น)ยกข้อมือขึ้นดูเวลา แล้วเริ่มลงมือทานอย่างรวดเร็วแต่มีมารยาท ส่วนผมกับซัน...หันกล้องไปทางอื่นแล้วกัน เราปุถุชนคนธรรมดา ไม่ได้มารยาทงามขนาดนั้น แต่ก็ไม่ได้ตะกละนะ!

   ดูเหมือนพี่จินจะรีบจริง พอกินส่วนของตัวเองเสร็จก็ส่งเงินให้ซันแล้วขอตัวกลับไปทำงาน ปล่อยให้พวกผมกินกันต่อตามสบาย จะสั่งเพิ่มก็ไม่มีปัญหาเพราะพี่ท่านให้มาซะหลายพัน

   พออิ่มพวกเราก็คิดเงินกลับห้อง ไม่ได้แวะที่ไหนต่อเพราะธุระเสร็จหมดแล้ว แถมไม่มีอารมณ์จะเดินเล่นด้วย

   ผมเอาของไปเก็บในห้องตัวเอง ออกมาอีกทีเห็นซันนั่งจิ้มมือถือ ไอ้เราก็นึกว่ามันคุยกับเพื่อนเรื่องงานเหมือนทุกที ที่ไหนได้ มันจองตั๋วเครื่องบิน! แถมเป็นรอบของวันพรุ่งนี้ตอนเที่ยงด้วย!! เล่นเอาผมยืนอึ้งไปเลย ผมอยากโวยความใจร้อนของมันอยู่หรอก แต่มันกดจ่ายตังไปแล้วไง ต่อให้โวยไปก็แก้ไขไม่ได้ ที่สำคัญผมรู้ดีกว่า จะช้าจะเร็วยังไงก็ต้องไป เลยคอตกเดินกลับเข้าห้องไปเก็บชุดตามระเบียบ

   ขณะที่กำลังเก็บของจำเป็นใส่เป้ เสียงไอ้ซันก็ดังมาจากด้านหลัง

   “มึงไม่อยากพากูไปขนาดนั้นเลยเหรอ”

   ผมชะงัก หันไปมองซันที่ยืนทำหน้าทะมึน “ไม่ใช่แบบนั้น กูแค่เป็นห่วงมึง” พอมันทำหน้าโฉดกำลังจะอ้าปากด่า ผมเลยรีบพูดดัก “ไม่ใช่กูไม่ไว้ใจหรือกลัวมึงทนไม่ได้ ก็แค่เป็นห่วงแฟนกูไม่ได้รึไง” เหตุผลจริงๆ ของผมมีเท่านี้เอง สีหน้าซันค่อยคลายลง

   “ค่อยดีหน่อย กูนึกว่ามึงคิดอะไรปัญญาอ่อนอยู่ซะอีก” ว่าพลางโถมกายรวบกอดผมทั้งตัว ตอนนี้ผมนั่งพื้นเก็บชุดอยู่ เลยเหมือนกอดกันกลม “กูดีใจนะที่มึงเป็นห่วง แต่คนรักกันต้องร่วมกันแบ่งเบาทั้งทุกข์และสุขไม่ใช่รึไงวะ จะให้เจอแต่เรื่องดีๆ มันก็หลอกลวงไป กี่คู่แล้วที่เลิกกันหลังแต่งไม่เท่าไหร่ กูไม่อยากให้เราเป็นแบบนั้น ไม่ว่าอะไรที่เกี่ยวกับมึง กูอยากรู้ทุกอย่าง” เน้นสองคำสุดท้ายชัดเจน ผมถอนหายใจ ปล่อยกระเป๋าในมือแล้วเปลี่ยนไปนั่งเอนพิงมันแทน

   “มักมากนะมึง”

   “มึงใช้คำผิดละ มันต้องโลภมากเว้ย กูไม่ได้เป็นพวกหมกมุ่น” เห็นอาการกระฟัดกระเฟียดแก้ต่างให้ตัวเองผมก็หลุดขำ ความรู้สึกหม่นๆ ในใจเหมือนจะเจือจางลง

   “ไปมึง ไปลองกันสักตั้งให้มันรู้กันไป กูไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว เพราะตอนนี้กูมีมึง” คนที่จะอยู่เคียงข้าง ทำความเข้าใจและก้าวเดินไปด้วยกัน

   “ต้องแบบนี้สิวะ! เป็นเมียกูต้องสตรอง ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาดีหรือร้าย ขอแค่เรายังมีกันและกันก็พอ” เสียงโหดๆ นุ่มนวลลงซะจนผมใจสั่น ต่อให้ไม่เห็นหน้าก็พอเดาได้ว่าตอนนี้มันกำลังยิ้มแน่ๆ

   “เชี่ย! เลี่ยนเว่อ ไม่เข้ากับหน้าตามึงเลย” เล่นซะผมไม่กล้าหันไปมอง กลัวระทวย

   “มึงไม่เคยได้ยินเหรอ หน้าไม่ให้แต่ใจรัก รักมึงอะนะ”

   “พอเว้ย! กูเขิน” ผมผลักมันออก ซันดันหัวเราะชอบใจดังลั่น หมอนี่มันร้ายครับทุกคน อย่าให้ถึงทีผมมั้ง จะเอาให้เขินจนหายดำเลยคอยดู

   ผมไล่ให้มันไปเก็บของ เพราะถ้าเก็บพรุ่งนี้จะจวนตัวเกินไปอาจจะหลงลืมของบางอย่างได้ แต่มันยังไม่วายยักคิ้วหลิ่วตายิ้มกรุ่มกริ่มทิ้งท้ายอีกต่างหาก ผมชี้หน้าคาดโทษมันไว้ พอตอนอาบน้ำเปลี่ยนเข้านอนก็ย่องไปห้องมัน แอบมุดเป็นผีผ้าห่มก่อนโดนมันคิดบัญชีจนปวดเมื่อยไปทั้งตัว

   แทบไม่อยากลุกจากที่นอนจนมันต้องแบกไปโยนใส่ห้องน้ำ และขู่ว่าถ้าไม่อาบจะลากผมไปสนามบินทั้งแบบนี้ ผมเลยต้องจำใจฝืนสังขารอาบน้ำแต่งตัวออกมากินมื้อเช้าและปล่อยให้ซันเก็บล้าง

   พวกเราโบกแท็กซี่ไปสนามบินก่อนเวลาสองชั่วโมง เผื่ออะไรหลายๆ อย่าง เพราะหากมีปัญหาขึ้นมาอาจจะตกเครื่องได้ ช่วงเวลาเตร่ๆ ในสนามบินยังไม่เท่าไหร่ ตอนขึ้นเครื่องนี่สิแสนจะอึดอัด ความจริงคือผมไม่ชอบนั่งเครื่องบิน มันอยู่บนฟ้าชวนให้หวั่นวิตก อย่างรถยังมีพื้นดิน บนเรือก็มีน้ำ ส่วนเครื่องบินนี่ไม่รู้จะยังไงเลย ไอ้ซันเสือกเลือกที่นั่งติดหน้าต่างอีก แถมให้ผมนั่งด้านใน นี่ถ้าแอร์ไม่บังคับให้เปิดหน้าต่างตอนเครื่องขึ้นผมจะไม่เปิดอะจริงๆ

   “เป็นไรมึง กลัวเหรอ” ซันหันมาถามผมที่นั่งตัวเกร็ง ทั้งกลัวทั้งระบมเลยล่ะ เมื่อคืนกูไม่น่าซ่าไปท้าทายอำนาจมืด ณ เวลานี้ไม่สบายทั้งกายและใจ

   “ไม่กลัวแค่ไม่ชอบ” จริงๆ นะ ผมไม่ได้กำมือซันแน่นจริงจริ๊ง

   “กลัวยังทำเป็นเก่งอีกนะมึง” มันบ่นก่อนเอี้ยวตัวมาปิดหน้าต่างให้พลางหันไปหาแอร์สาวที่กำลังเสิร์ฟผ้าเย็น “คุณครับ ผมขอผ้าปิดตาหน่อยกับน้ำเย็นๆ สักแก้ว”

   แม้จะเลือกนั่งชั้นประหยัด แต่แอร์ยังดูแลดี ยิ้มแย้มพร้อมนำสิ่งที่ต้องการมาส่งให้ ซันเอ่ยปากขอบคุณแล้วส่งทั้งสองอย่างให้ผม

   “กินน้ำก่อน แล้วปิดตานอนไปซะ เดี๋ยวของว่างมากูจะปลุกเอง” แม้ระยะทางจากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่จะใช้เวลาเพียงชั่วโมงกว่า แต่บนเครื่องก็ยังมีบริการอาหารระหว่างเที่ยวบินให้ แค่เป็นอาหารกับขนมเล็กๆ น้อยๆ ไม่ใช่ข้าวหรืออาหารหนักท้องอย่างการบินระยะไกล

   ผมรับน้ำมาดื่มให้สดชื่น แล้วคว้าผ้าปิดหน้าก่อนจับมือซันต่อ ทำนองว่ากูลอยลิ่วลงจากเครื่องมึงต้องไปกับกูด้วย ซันเองก็ไม่ดึงมือกลับแต่ใช้มืออีกข้างผลักหัวผมอย่างหมั่นไส้ แล้วปรับแอร์ดึงผ้าห่มให้ แน่นอนว่าทั้งหมดเป็นบริการของบนเครื่อง พวกผมไม่พกมาเองหรอกครับ นี่ยังมีหูฟังด้วยนะ จะดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นเกมก็ยังได้ สุดแสนจะครบคันแต่กูไม่มีอารมณ์เล่นว่ะ เมื่อไหร่จะถึง!

   “นอนๆ กูอยู่นี่ ไม่ปล่อยให้มึงเป็นอะไรหรอก” ผมพยักหน้ารับ ซันพูดต่อ “มิน่าล่ะมึงถึงดื้อไม่ยอมนั่งเครื่อง สภาพงี้กูคงปล่อยไปคนเดียวไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ ไว้คราวหลังถ้ากูไม่มาด้วย มึงนั่งรถไฟเอานะ”

   รถทัวร์สะดวกกว่ามั้ย ผมเถียงมันในใจแต่ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดเลยหลับซะ ปล่อยให้มันปลุกผมมากินแซนวิสกับน้ำผลไม้แล้วนอนต่อจนถึงที่หมาย พอได้ยินเสียงประกาศเท่านั้นแหละ ผมสลัดผ้าปิดตาแทบจะโห่ร้องไชโย

   ขณะนี้ เครื่องบินได้พาทุกท่านมาถึงท่าอากาศยานเชียงใหม่...

   ประกาศหลังจากนั้นผมไม่สนใจแล้ว ตอนนี้รู้แค่ว่า

   ในที่สุดก็ถึงแล้วเว้ย!!

หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่33 ฉันจะบินบินไป [28/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-06-2017 02:51:51
คิดถึงๆ
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่33 ฉันจะบินบินไป [28/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 28-06-2017 08:48:59
สู้ๆนะซันโป้
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่33 ฉันจะบินบินไป [28/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 28-06-2017 10:13:10
เข้าสู่สังเวียน พร้อม ฮึบๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่33 ฉันจะบินบินไป [28/6/60]
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 28-06-2017 14:15:00
กลัวเครื่องบินนี่เอง
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่34 ปิ๊กบ้าน [5/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 05-07-2017 19:34:12
ยกที่34 ปิ๊กบ้าน
 
   ท่าอากาศยานเชียงใหม่มีขนาดไม่ใหญ่มากแต่มีทุกอย่างครบคัน พร้อมการตกแต่งที่ให้ความรู้สึกว่าเชียงใหม่สุดๆ อย่างตุงผ้าที่แขวนบนเพดานเป็นระยะนั่น ถ้านึกภาพไม่ออกผมจะอธิบายให้ มันมีลักษณะเหมือนธงทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าแขวนทิ้งตัวลงมา โดยปกติจะใช้ประดับหรือประกอบพิธีกรรมตามความเชื่อ ซึ่งมีหลายรูปแบบหลากสีสันและสารพัดวัสดุที่ใช้ทำ ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของการใช้ตุง รายละเอียดปลีกย่อยผมขอไม่บรรยาย เอาไว้ไปหาอ่านกันเอาเอง เพราะถ้าผมยืนเหม่อมากกว่านี้ซันมันจะโบกหัวผมแล้วครับ

   “ยืนทำซากอะไรวะ” นั่นไงครับคุณผู้ชม ผมชักสงสัยแล้วสิ ตกลงกลับบ้านใครกันแน่ ดูมันกระตือรือร้นเหลือเกิน

   “กูกำลังระลึกชาติอยู่ว่าใครจะมารับพวกเรา”

   “หา? มึงไม่ได้บอกที่บ้านแล้วเหรอวะ” ซันชะงักกึก ขณะนี้พวกเรายังคงยืนตากแอร์อยู่ด้านใน ไม่อาจออกไปสู้แสงอันร้อนแรงดั่งไฟเยอร์ข้างนอกได้ ภาคเหนือไม่ได้หนาวเย็นตลอดปีตลอดวันอย่างที่ใครเข้าใจ อากาศจะเย็นช่วงเช้ากับกลางคืน พอแดดสาดส่องเต็มที่เมื่อไหร่ ร้อนระอุไม่ต่างจากที่อื่นหรอกครับ

   “กูบอก แต่กูลืมบอกไปว่าจะมาวันนี้ ก็มึงเล่นจองตั๋วกะทันหัน” มีความโบ้ย

   “ตลก มึงมัวโอ้เอ้ไม่ยอมบอกที่บ้านมากกว่า ช่างเถอะ กูมีวิธี” พูดจบมันก็หยิบมือถือขึ้นมาเปิดเครื่องโทรไปหาใครบางคน ผมนี่ยืนงงเลยครับ ได้ข่าวนี่ถิ่นกู ไหงมันทำราวกับเป็นถิ่นตัวเอง มีการโทรให้คนมารับซะด้วย

   “โทรหาใครวะ” ต้องเข้าไปกวน ไอ้ซันเบี่ยงตัวหลบดันหัวออกไปไกลๆ แล้วคุยโทรศัพท์ไม่สนใจ พอวางสายถึงค่อยตอบ

   “เดี๋ยวมึงก็รู้ กูทำอะไรเตรียมพร้อมเสมอ” ยักคิ้วท่าประจำแบบกูเหนือ ผมเบ้ปากมองบนอย่างหมั่นไส้

   “เตรียมพร้อมเสมอ ทำไมเวลานั้นถึงไม่เคยมีถุง...” จู่ๆ มันก็ถลามาปิดปากพลางถลึงตาใส่

   “ที่สาธารณะเว้ย...อย่าพูดมาก” มันบุ้ยปากให้ผมไปมองด้านหลัง ชะอุ้ย สาวน้อยน่ารักอายุไม่น่าจะถึงสิบขวบกำลังจูงมือแม่มองตาแป๋วมาทางพวกเรา เยาวชนของชาติ เกือบไปแล้วกู

   “โทษทีๆ มันชินไปหน่อย” ผมหัวเราะหลังซันยอมปล่อยปากแล้วลากไปหาที่นั่งรอคนมารับ

   เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดคนมารับก็มาถึง สองร่างต่างขนาดสะดุดตาผมทันทีที่เดินเข้ามา พอคนตัวเตี้ยกว่าหันมาเห็นผมก็ส่งเสียงระรื่นทันที

   “โป้จ๋า ไม่เจอตั้งนานสวยขึ้นจมเลย” วิ่งเข้าร้านกาแฟจนกระโปรงปลิวพร้อมกอดผมหมับ

   “ต้องบอกหล่อสิวะ แล้วทำไมมากันได้ล่ะ” ผมขมวดคิ้วถามวาที่เดินตามเล่เข้ามาแบบนิ่งๆ มือหนาเอื้อมมาดึงกระโปรงเล่ลง ผมมองภาพนั้นด้วยรอยยิ้มขำๆ เล่มีคนดูแลแล้วผมก็วางใจ

   “ซันมันโทรมาเรียกน่ะสิ ดีนะพวกกูอยู่บ้านไม่ได้ออกไปไหน” วาชี้นิ้วโป้งไปทางซัน ไอ้ผมก็ลืมไปว่าเพื่อนสนิทมันเรียนอยู่นี่ มิน่ามันถึงดูมั่นใจนักหนาว่ามีคนมารับแน่นอน

   “ขอบใจที่มารับ ไปกัน ให้ผู้ใหญ่รอนานมันไม่ดี” ซันว่าพลางลุกขึ้นตบบ่าเพื่อน พอได้ยินแบบนั้นเล่หันมามองผมทันที จงใจเดินช้าเพื่อรั้งท้ายควงแขนคุยกันสองคน ปล่อยให้พวกซันนำหน้าไปก่อน

   “โป้พาซันมาเปิดตัวเหรอ ทีแรกคิดว่าพามาเที่ยวซะอีก” เล่ถามอย่างเป็นห่วง เพราะเจ้าตัวรู้เรื่องบ้านผมดี ผมตบมือที่คล้องแขนเบาๆ

   “ประมาณนั้น แต่ไม่ต้องห่วง ตอนนี้กูไม่ใช่เด็กแล้ว กูมั่นใจว่าทุกอย่างต้องผ่านไปได้ด้วยดี” แม้ปากบอกแบบนั้นในใจก็ยังแอบหวั่นเรื่องสภาพจิตใจของคนที่บ้าน รสนิยมลูกชายแบบนี้มันไม่มีอะไรให้น่าเชิดหน้าชูตาหรอก แต่มันคือความสุขของผม ผมไม่ใจกว้างพอที่จะฝืนทำเพื่อให้คนอื่นสบายใจแต่ตัวเองทุกข์แทบตาย เพราะนั่นมันไม่ต่างจากการหลอกตัวเอง หลอกคนอื่นไปวันๆ

   เมื่อไรที่มันมาถึงจุดๆ หนึ่ง สุดท้ายทุกอย่างก็ต้องระเบิดออกมาอยู่ดี สู้ยอมรับความจริงตั้งแต่ตอนนี้และฝ่าฟันอุปสรรคก้าวไปข้างหน้าอย่างเต็มภาคภูมิดีกว่า ที่สำคัญ ผมไม่ได้ตัวคนเดียว ยังมีเจ้าของแผ่นหลังกว้างเบื้องหน้าที่ให้ผมพักพิงอยู่

   เล่มองคนข้างตัวที่กำลังยิ้มละมุนชวนเขิน ไม่ได้เห็นเพื่อนตัวเองมีความสุขแบบนี้มานานแล้ว เลยอดไม่ได้ที่จะกอดฟัดเหมือนสมัยก่อน

   “สู้ๆ นะโป้ ถ้ามีอะไรมาหาฉันได้เสมอ”

   ผมหยิกแก้มคนตัวเล็กกว่าด้วยความหมั่นเขี้ยว

   “เล่เองก็เหมือนกันนะ ถ้าใครรังแกมาฟ้องได้ เดี๋ยวจะตามไปจัดการให้” หันมองไปทางวาเป็นเชิงสื่อความหมาย เล่ทำมือโอเคอย่างน่ารัก ก่อนพวกเราจะถูกจับแยกด้วยฝีมือของคนเดินนำ

   “จะกลับมั้ยบ้าน เดินช้ากันฉิบหาย” ซันมาถึงบ่น

   “อยู่นิ่งๆ จะตายมั้ย” วายังคงปากร้าย เล่ทำท่าสะบัดผมใส่แต่ก็เดินไปนั่งข้างคนขับอยู่ดี ส่วนผมกับซันนั่งประจำเบาะหลัง ด้วยความที่เป็นรถกระบะรุ่นเก่าคันเก่งของป๋าเล่ พื้นที่ด้านหลังเลยน้อย ชะตากรรมพวกตัวสูงอย่างเราก็ไม่พ้นการนั่งพับขาอย่างน่าสงสาร ยิ่งเล่เปิดเพลงแบ่งปันรอยยิ้ม ขึ้นท่อน โหยหาความรักความเมตตา~ บรรยากาศโคตรใช่

   นั่งเมื่อยขาปวดก้นไปอีกหนึ่งชั่วโมงในที่สุดก็ถึงบ้าน ผมลงจากรถพลางบิดตัวยืดเส้น โดยเฉพาะบั้นท้ายช่างทรหดเหลือเกิน ไว้ตอนกลางคืนให้ซันนวดให้ดีกว่า

   “ขอบใจที่มาส่งนะมึง ไว้ว่างจะโทรไปนัดเลี้ยงข้าว” ซันเปิดประตูคุยกับสองเพื่อนผู้เสียสละเวลามาเป็นรถโดยสารให้

   “เออ โชคดีมึง” วาผงกหัวรับแล้ววนรถจากไป มีเล่โบกมือลาผ่านกระจก แม้ผมจะสงสัยประโยคที่เหมือนจะอวยพรของวา เพราะซันไม่ใช่พวกที่จะเล่าเรื่องส่วนตัวให้คนอื่นฟังเท่าไหร่ แต่มานึกๆ ดูอีกที วาคงจะเดาได้เอง ในเมื่อซันมาพร้อมกับผมแค่สองคน ไม่มีคนอื่นๆ ตามมาด้วย จุดประสงค์ก็มีอยู่ไม่กี่อย่าง

   ผมพาซันเข้าบ้าน ดวงตาสอดส่องมองซ้ายมองขวาไม่เจอใคร พ่อไปทำงานเป็นเรื่องปกติ ส่วนแม่คงจะอยู่ที่ร้าน...

   “แม่! มาเมื่อใด (แม่! มาเมื่อไหร่)” ผมถึงกับสะดุ้งโหยงหลังหันมาเจอแม่ถือตะกร้าผักอยู่ข้างๆ

   “เมื่อกี้นิ มายะหยังล๊อกล่อล๊อกล่อ (เมื่อกี้ มายืนทำอะไรกันลับๆ ล่อๆ)” แม่ถามพลางส่งตะกร้าให้ผมถือ ซันยกมือไหว้อย่างคนมารยาทงามสุดจะแตกต่างจากเวลาปกติ

   ผมยิ้มแห้ง “ก่กึ๊ดว่าแม่อยู่ฮ้าน นี้ซัน ตี้เปิ้นว่า (นึกว่าแม่อยู่ร้านซะอีก คนนี้ซันที่ผมบอก)” หันไปแนะนำตัวป้อจาย

   “อ่อๆ ลูกซันเองเหรอ ไปๆ เข้าบ้านกันก่อนค่อยคุยกัน” แม่เปลี่ยนมาพูดภาษากลาง คงเพราะเห็นซันอยู่ด้วยใช้ภาษากลางจะได้รู้เรื่องไม่ดูแปลกแยกเป็นคนนอก ผมรู้สึกตื้นตันกับความเอาใจใส่เล็กๆ น้อยๆ แล้วแทบน้ำตาปริ่มเมื่อเห็นผักในตะกร้า มีแต่ของโปรดผมทั้งนั้นเลย

   พอเข้าไปนั่งในบ้านผมไม่ปล่อยให้แม่รับแขก พยักหน้าเรียกซันแล้วจูงแม่ไปนั่งรอบนโซฟาหวาย ส่วนผมถือตะกร้าไปเอาน้ำเย็นๆ มาเสิร์ฟให้ทุกคน

   “อยู่ที่นู่นโป้ตั้งใจเรียนรึเปล่า” เดี๋ยวนะ ทำไมบทสนทนามันแปลกๆ ผมส่งสายตาให้ซัน ตอบดีๆ นะมึง

   “เรื่อยๆ มากกว่าครับ ชอบเร่งทำงานตอนใกล้ส่ง อดหลับอดนอนเป็นประจำ ผมเตือนก็ไม่ฟัง” ดูมัน แฉซะหมดเปลือก ไม่สนการส่งซิกผมเลยสักนิด

   “ลูกคนนี้นิสัยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน แม่ทำใจแล้ว ขอแค่เรียนจบได้ไม่ออกนอกลู่นอกทางไปไหนก็พอ เอาล่ะ มาคุยเรื่องเรากันดีกว่า โป้บอกว่าจะพาแฟนมาหา คือคนนี้ใช่มั้ย” แม่สบตาพวกเราทั้งคู่ ผมรีบคลานเข่าไปบีบนวดขาทำหน้าตาเจี๋ยมเจี๊ยมเข้าไว้

   “ใช่ครับ ผมขอโทษที่ไม่ได้พาลูกสะใภ้มาหา แต่ดันพาลูกเขยมาแทน” โคตรรู้สึกผิดอะบอกตรงๆ ถึงมันจะเป็นเรื่องที่รู้กันมานานแล้วก็ตามว่าผมเป็นเกย์ ไม่มีแฟนเป็นผู้หญิงแน่นอน ซันเองก็นั่งเงียบกริบไม่เอ่ยแทรก คงอยากให้เราแม่ลูกคุยกันก่อน

   แม่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขกกะโหลกผมไปหนึ่งที “แม่ทำใจมานานแล้วว่าโป้คงไม่มีแฟนเป็นผู้หญิงแน่ๆ แต่ไม่คิดเลยว่าจะได้เขยแทนสะใภ้จริงๆ” ถึงจะเป็นการแซวขำๆ แต่มันดูฝืนจนเห็นได้ชัด ผมเริ่มกังวลบีบมือแม่เบาๆ

   “โป้ขอโทษจริงๆ ที่เป็นเหมือนคนอื่นไม่ได้” ผมก้มหน้าเหมือนเด็กที่ทำผิดและกลัวไม่ได้รับการให้อภัย สองมือของแม่ประคองใบหน้าผมขึ้นมองด้วยสายตาอาทร

   “อย่าพูดแบบนั้นเลย ก่อนหน้านี้พ่อกับแม่ผิดเองที่เอาแต่ห่วงเรื่องอื่นจนลืมสังเกตความรู้สึกจริงๆ ของลูก โชคดีที่ได้พ่อของหนูเล่มาช่วยพูด ไม่งั้นคงเกิดรอยร้าวจนต่อไม่ติด เอาเป็นว่า หลังจากนี้ คิดหรือรู้สึกอะไรให้พูด อย่าเก็บไว้คนเดียวและหนีออกจากบ้านอีกนะ แม่เป็นห่วง”

   “แม่...” ผมเรียกเสียงเบา ผ่านมาหลายปีแม่ยังไม่ลืม การกระทำสิ้นคิดของผมทำให้แม่ทุกข์ใจขนาดไหนกัน

   “ซันเองก็ตามสบายนะ พ่อกับแม่ปรึกษากันมาตลอด คิดไว้ว่าสักวันมันต้องมาถึง ตอนนี้พวกแม่โอเคแล้ว ลูกๆ ไม่ต้องคิดมาก” แม่จับมือผมกับซันมาประกบกันแล้วตบเบาๆ ให้วางใจ แม้จะไม่ถึงกับยอมรับได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ขอแค่พ่อแม่เข้าใจ สำหรับลูก มันไม่ต่างจากน้ำทิพย์ที่ช่วยเยียวยาจิตใจให้ยืนหยัดต่อไปในสังคมได้

   “ขอบคุณครับที่เข้าใจ ผมไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมอยู่ที่มหา’ลัยถึงมีแต่คนรักโป้ เพราะโป้มีพ่อแม่ที่แสนดีแบบนี้นี่เอง” ซันยิ้มบางเอ่ยด้วยน้ำเสียงสบายๆ แต่แฝงไปด้วยความเคารพผู้มีอายุมากกว่า “คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะดูแลโป้อย่างดี ที่สำคัญไม่ต้องฝืนก็ได้ครับ คิดซะว่าผมเป็นเพื่อนลูกชายที่มาเที่ยวบ้านช่วงปิดเทอมดีกว่า”

   “เอาแบบนั้นเหรอ” แม่ถามอย่างไม่มั่นใจ

   ซันพยักหน้ายืนยันหนักแน่น “เอาแบบนั้นแหละครับ หรือถ้าแม่ไม่สบายใจ จะคิดว่าผมเป็นลูกชายอีกคนก็ได้” ซันหยอดแบบเนียนๆ พูดเสียงเจือหัวเราะทำให้บรรยากาศดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แม่ผมยิ้มขำ เล่นไปกับซันด้วยตามประสาคนร่าเริง

   “ถ้างั้น ยินดีต้อนรับนะลูกชายของแม่” แล้วสองแม่ลูกคนใหม่ก็แสดงความรักกันจนออกนอกหน้า จังหวะที่แม่ไม่ทันสังเกต พวกเรามองสบตากัน ผมขยับปากบอกขอบคุณแบบไม่มีเสียง ซันมันยักคิ้วให้แบบกวนๆ ผมละยอมรับมันเลย ทั้งที่เพิ่งเคยเจอแม่ผมครั้งแรกแต่จับได้ถูกจุดจนน่ากลัว

   ตั้งแต่เด็กแล้วที่แม่ดูมีความสุขทุกครั้งที่ผมพาเพื่อนมาเที่ยวบ้าน ดังนั้นการตัดสินใจของซันทำให้อะไรๆ มันง่ายขึ้น เรายังไม่ควรรีบร้อน ค่อยเป็นค่อยไป ผมเชื่อว่ามันต้องมีสักวันที่แม่จะยอมรับซันเป็นลูกเขยอย่างเต็มภาคภูมิ เวลานี้คงสถานะเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อไปก่อนแล้วกัน

   เห็นว่าทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดีแล้ว ผมก็เลียบๆ เคียงๆ ถามถึงอีกคน

   “พ่อโอเคจริงใช่มั้ย”

   “จริงสิ แต่อีกคนนี้แม่ไม่รู้ พวกลูกต้องพยายามกันเองแล้วล่ะ”

   ผมนี่กลุ้มใจเลยครับ ลาสบอสของแท้ ซันมันพอจะเดาได้ว่าใครเลยหันมาตบบ่าผม ราวกับจะบอกว่าอย่าห่วง มันจัดการเอง ผมเสียวมันโดนไม้เท้าไล่หวดจริงๆ ให้ตายสิ

   หลังจากนั้นก็เลยกลายเป็นว่า พวกเรานั่งคุยเล่นกันเพลินจนเกือบลืมมื้อเย็น ผมเลยเสียสละเป็นคนทำ ปล่อยให้แม่กับซันกระชับมิตรกันต่อไป

   ซึ่งส่วนใหญ่เรื่องที่คุยก็ไม่พ้นวีรกรรมของผม อย่างว่าแหละ พ่อแม่ก็อยากรู้ว่าลูกใช้ชีวิตอยู่ยังไงตอนไกลหูไกลตา แต่ก็มีบ้างที่แม่ถามเกี่ยวกับซัน มันก็นั่งเล่าอย่างใจเย็น ค่อยๆ ตอบไปทีละคำถามไม่มีหมกเม็ด แถมเสริมอีกต่างหากว่าบ้านมันโอเคแล้ว แม่ผมจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง

   ไปๆ มาๆ ทั้งคู่นัดกันเฉยว่าว่างๆ จะไปเที่ยวรีสอร์ทซันเพื่อพักผ่อน เพราะซันมันโฆษณาเอาไว้เยอะยิ่งกว่าตัวแทนขายตรง ผมได้ยินจากห้องครัวยังหลุดขำเกือบทำมีดเข้าเนื้อไปหลายที

   สงสัยผมทำช้าไปไม่ทันใจ แม่เลยเข้าครัวมาช่วยทำอีกแรง ส่วนซันก็ป้วนเปี้ยนอยู่ไม่ไกล มันคงทำตัวไม่ถูกแหละ เจ้าของบ้านขลุกกันในครัว ให้มันนั่งมึนอยู่คนเดียวที่โซฟาก็ใช่ที จะช่วยก็ไม่รู้จะช่วยอะไร สุดท้ายเลยมาเป็นผู้ชิมแทน เพราะแม่กลัวซันกินอาหารเหนือไม่เป็น

   ผมแทบเบ้ปากมองบน อย่างไอ้ซันมันกินได้หมดแหละขอแค่รสจัดและถูกปาก ยิ่งพักหลังมันเริ่มคิดรสมือผมที่ฝึกฝนมาจากแม่ พอชิมอะไรก็บอกอร่อยๆ จนแม่ยิ้มแก้มปริแทบตัวลอย ทำเพลินจนมีกับข้าวเต็มโต๊ะ

   หลักๆ ก็จะเป็นลาบหมูสูตรเหนือ จะใส่เครื่องในกับเลือดหมูด้วย รสชาติเค็มเผ็ดตามด้วยจอผักกาดร้อนๆ อมเปรี้ยวด้วยมะขามเปียกซดทีโล่งคอ คั่วแคกบเครื่องเยอะแต่น้ำแกงน้อยพอขลุกขลิก และที่ขาดไม่ได้เลยคือน้ำพริก งานนี้แม่เปิดตัวน้ำพริกตาแดงที่เพิ่งทำเมื่อเช้าเข้าคู่กับปูอ่องและผักสดอีกกะละมังสำหรับกินแกล้มลาบ

   ซันมองอาหารละลานตาตรงหน้า เหมือนเห็นมันน้ำลายยืด เลยจับผักยัดใส่ปากซะ

   “เคี้ยวเอื้องไปก่อนไอ้ทุย พ่อกูยังไม่มา อย่าทำน้ำลายหยดใส่”

   ปากผมโดนตีเพียะ!

   “ปากเสีย ไปพูดกับเพื่อนแบบนั้นได้ไง ถ้าหิวก็กินก่อนได้เลยนะลูกซัน กว่าพ่อเขาจะมาก็โน่น ค่ำๆ”

   “ไม่เป็นไรครับผมรอได้” ซันเคี้ยวผักกลืนก่อนตอบ ดูเหมือนจะติดใจผักสดเก็บจากสวน เพราะมันกรอบหวานเลยหยิบมากินอีก

   “กินกันไปเถอะ แบ่งไว้ให้พ่อเขาก็พอ” แม่ว่าพลางตักแบ่ง ระหว่างที่กำลังถกเถียงกันอยู่ในครัวก็มีเสียงรถจอดหน้าบ้าน ผมเป็นฝ่ายชะโงกไปดูเห็นพ่อกลับมาพร้อมกับ...

   “กลับมาแล้ว คุณพ่อเดินระวังนะครับ”

   “ปู่!” ดวงตาเบิกกว้าง ไอ้หยาลาสบอสมาหาถึงที่ ขนาดแม่ยังรีบผละจากในครัวออกมาเลย ซันเองก็เช่นกัน แต่ในมือมึงจะถือจานข้าวมาทำไม ปู่ที่กำลังจะอ้าปากพูดถึงกับขมวดคิ้วมอง

   “กำลังจะกินข้าวกันรึไง” ผมยกมือไหว้แล้วรับจานข้าวจากซันให้มันไหว้บ้าง อนาถไปอีก หมดกับภาพพจน์แรกเห็น ว่าที่หลานเขยถือจานข้าวมาต้อนรับ

    “ค่ะ คุณพ่อทานด้วยกันมั้ยคะ”

   “เอาสิ ตักให้ฉันด้วยจานหนึ่ง ไปช่วยยกกับข้าวซะ ไม่ต้องมาพยุงแล้ว ฉันยังไม่แก่ขนาดนั้น” ดึงแขนออกจากมือพ่อ พ่อยิ้มแห้งแล้วผงกหัวรับทำตามที่สั่ง แม่เองก็เช่นกัน ผมกับซันเลยอยู่รับหน้า หากเข้าครัวไปหมดโดนดุพอดี

   “สวัสดีครับปู่ สบายดีนะครับ” ผมยิ้มขัดตาทัพ มีซันเป็นกองหนุนอยู่ข้างๆ

   ปู่พยักหน้ารับส่งๆ มองสำรวจซันตั้งแต่หัวจรดเท้า เท้าจรดหัว

   “เจ้าหนุ่มชื่ออะไร”

   ซันได้โอกาสแนะนำตัว “ผมอาทิตย์ แฟนโป้ครับ”

   “เฮ้ย!” นี่เสียงผมเอง รีบถลาไปกอดไม้เท้าปู่แทบไม่ทัน ไอ้ซันมึงจะรีบไปไหน ทีกับแม่กูละใจเย็น ทำไมกับปู่ถึงใจร้อนวะ

   “เหอะ! สุดท้ายก็พาผู้ชายเข้าบ้าน งามหน้าไหมล่ะ”

   “ปู่เป็นคนบอกให้ผมพามันมาเองนะ” ผมบ่นอุบแต่เหมือนจะใกล้ปู่เกินไป ไม้เท้าเลยเคาะหัวไปหนึ่งที ร้าวไปถึงก้านสมอง อูยยย

   “เถียงๆ”

   “จัดโต๊ะเสร็จแล้วคะพ่อ” แม่ส่งเสียงมาได้จังหวะเหมาะ ปู่ถึงยอมลดไม้เท้าลงยอมให้ผมพยุงไปที่โต๊ะ แต่ยังไม่วายพูดให้หวาดผวาเล่น

   “กินข้าวเสร็จเรามีเรื่องต้องคุยกัน”

   “ครับ” ขานรับแบบจำยอม ปกติเขาจะให้ผ่านไปทีละด่านและมีจังหวะให้พักหายใจไม่ใช่เหรอ ทำไมชีวิตผมช่างดวงซวย หรือมีปู่ใจร้อนไม่ทราบ เจอกำแพงติดๆ กันเลย หวังว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดีนะ เฮ้อ

หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่34 ปิ๊กบ้าน [5/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 05-07-2017 20:39:43
 :pig4:
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่34 ปิ๊กบ้าน [5/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-07-2017 21:28:00
รออีกๆ
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่34 ปิ๊กบ้าน [5/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 06-07-2017 11:16:38
สู้ๆลูก กับข้าวจะกินอร่อยกันไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่34 ปิ๊กบ้าน [5/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 24-07-2017 13:47:41
งะ โหขาดตอนเยย
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่35 สานสัมพันธ์ [25/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 25-07-2017 02:51:41
ยกที่35 สานสัมพันธ์
 
   พวกคุณคิดว่าบรรยากาศระหว่างกินข้าวเย็นจะเป็นยังไงครับ?

   เย็นเยือกประดุจอยู่ในห้องดับจิต

   วังเวงเยี่ยงป่าช้า

   กดดันราวกับอยู่บนลานประหาร

   ทั้งหมดเป็นคำตอบที่...ผิดครับ! อย่าว่าแต่ทุกคนงงเลย ผมเองก็งงกับบรรยากาศอบอุ่นไม่ต่างจากวันรวมญาติแสนสุข ถึงผมจะเว่อไปบ้าง แต่ของจริงไม่ได้ทิ้งห่างกันเท่าไหร่เลยนะ

   ผมมองซันตักนู่นคีบนี่เอาใจปู่แบบออกนอกหน้า แม้จะโดนปู่เหน็บว่าสร้างภาพ ก็ยังคงยิ้มนิดๆ และทำเหมือนเดิมไม่สะทกสะท้าน แถมปู่เองก็ไม่ได้เขี่ยทิ้งแต่อย่างใด ตักเข้าปากไปก็บ่นซันไปด้วย ระหว่างกำลังมองเพลินๆ มีแรงสะกิดตรงขา ไอ้ซันปรายตามองเหมือนส่งซิกบางอย่าง ก่อนละสายตาไปยังกับข้าวบนโต๊ะ

   ผมเข้าใจสิ่งที่มันจะสื่อนะ แต่ลังเลกลัวว่าบรรยากาศสบายๆ บนโต๊ะอาหารจะหายไปเพราะตัวเอง กระทั่งมีมือข้างหนึ่งบีบมือผมใต้โต๊ะเป็นเชิงให้กำลังใจ เอาวะ ไหนๆ ก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว ลองใช้วิธีซันหน่อยแล้วกัน

   “ปู่ครับ ผมตักให้ อันนี้แม่ทำอร่อยมาก” ผมตักคั่วแคกบให้ปู่ เลือกแต่ผักเพราะผมจำได้ว่าปู่ชอบกิน แล้วทุกอย่างก็เงียบลงราวกับโดนหยุดเวลา ต่อให้ไม่บอกก็พอรู้ว่าทุกคนกำลังลุ้นว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป กับหลานที่ปู่เคยลั่นวาจาตัดขาดมาแล้วครั้งหนึ่ง

   คนสูงวัยไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ตักผักเข้าปากกินราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เพียงพริบตาเดียวเท่านั้นที่ผมสังเกตเห็นบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในแววตาของปู่ ผมรู้สึกชาไปทั่วร่าง ก้มหน้าก้มตากินสลับตักกับข้าวให้ปู่เงียบๆ โดยมีมือซันไล้นิ้วโป้งบนมือผมเบาๆ แทนการชมเชย แล้วมื้อเย็นก็จบลงด้วยดี

   ถึงไม่ค่อยได้พูดคุยอะไรกันมาก กลับให้ความรู้สึกดีกว่าหลายปีที่ผ่านมา พ่อไปส่งปู่กลับบ้านใหญ่ ผมกับซันเป็นคนเก็บจานล้าง ส่วนแม่ขึ้นไปอาบน้ำชั้นบนเตรียมนอน เพราะพรุ่งนี้ต้องเข้าร้านแต่เช้า

   “เงียบเลยมึง โอเคเปล่าวะ” มันใช้ไหล่ชนผม ถามด้วยสีหน้ากวนๆ แฝงไปด้วยความเป็นห่วง ผมถอนหายใจพยักหน้าให้

   “ยังโอเคอยู่ แค่ยังไม่อยากเชื่อ มึงทำได้ไงวะ” ผมหันไปถามซันอย่างข้องใจ ปู่ไม่เคยเปิดใจให้ผมมาก่อน ที่ผ่านมาเจอหน้าเป็นต้องหาเรื่องมาดุด่า บางครั้งก็เรื่องเดิมๆ จนผมเลือกที่จะเลี่ยงโดยไม่รู้ตัว ถึงอย่างนั้น สิ่งที่ผมเห็นเมื่อครู่มันทำให้ผมเริ่มเปลี่ยนความคิดของตัวเองไปเล็กน้อย

   ถ้าผมไม่ได้ตาฝาด แววตานั้นแสดงถึงความสุข ความยินดี ชวนให้ผมนึกถึงเรื่องราวสมัยเด็ก ที่ปู่คอยตักของโปรดให้ผมเสมอ

   มือใหญ่วางผ้าเช็ดจานลง รั้งหัวผมไปซบอยู่ตรงอก พลางจูบเบาๆ บนขมับ

   “กูไม่ได้ทำอะไร แค่หาทางออกที่คิดว่าดีที่สุดตามคำแนะนำของพี่จินเท่านั้นเอง เรื่องบางเรื่องคนในมองไม่ออก แต่สำหรับคนนอกอย่างกู เห็นทุกอย่างชัดเจน ปู่เขารักมึงมากนะ คงอยากให้มึงได้ดีถึงต่อต้านมึงขนาดนี้”

   “ก็รู้ แต่มึง...เพิ่งมาไม่กี่ชั่วโมงทำไมรู้ดีนักวะ” ผมไถหน้ากับแขนเสื้อมัน เช็ดน้ำที่ซึมตรงหางตา เรื่องครอบครัวถือเป็นเรื่องอ่อนไหวของผม

   “บอกแล้วไง กูคนนอกเลยมองออกว่าความจริงปู่มึงก็ไม่ได้โกรธมึงอะไรขนาดนั้นแล้ว ไม่งั้นพอรู้ข่าวคงไม่รีบมาหามึงหรอก คนแก่เดินทางลำบากนะ ต่อให้เป็นระยะทางสั้นๆ ก็เหนื่อย ปู่อุตส่าห์มาหามึง สำนึกบุญคุณซะบ้าง” เพิ่งจะปลอบใจกันไม่กี่นาทีก่อน ตอนนี้ซันมันใช้นิ้วจิ้มหน้าผากผมจนหน้าหงาย ปากก็เทศนาไม่หยุด ยิ่งกว่าพ่อผมอีก

   “มึงไม่เจอแบบกูนี่หว่า ใช่ว่ากูไม่อยากคืนดีกับปู่ แต่คนมันเคยเจอเหตุการณ์สะเทือนใจมาก่อน ก็ไม่กล้าเปล่าวะ” ผมเถียงมัน ใส่แรงกับการขัดกระทะ

   “ก็นั่นแหละ มึงควรขอบคุณกูซะ งานนี้กูจะมาเป็นกาวสานสัมพันธ์ปู่หลานให้มึงเอง” เห็นอีกฝ่ายมั่นใจผมหัวเราะเหอะด้วยความหมั่นไส้

   “ไม่ใช่มึงมาแสดงตัวเป็นหลานเขยรึไง”

   “นั่นเรื่องรอง แค่อยากมาแสดงตัวเท่านั้นเอง ในเมื่อพ่อแม่ไม่มีปัญหาแล้ว ก็เหลือปู่ กูต้องทำให้มึงคืนดีกับปู่ให้ได้ ไม่งั้นเดี๋ยวมาสู่ขอเป็นหลานเขยเต็มตัวไม่ได้พอดี” คำพูดเหมือนหยอกเล่น แต่สีหน้ามันจริงจังมากซะจนผมอึ้ง เกือบทำจานลื่นหลุดมือ ดีที่คว้าทัน

   “เพิ่งคบไม่ถึงปี เคลียร์กันไม่ครบเดือน มึงคิดเรื่องแต่งงานแล้วเรอะ!”

   “เออสิวะ! กูรักจริงหวังแต่งไม่ฟันทิ้งขว้างแน่นอน แล้วก็นะ กูชัดเจนมาตลอด มีแต่มึงนั่นแหละตัวปัญหา”

   “ขอโทษแล้วกันที่เป็นตัวปัญหา”

   “อย่ามาประชด”

   “ไม่ได้ประชด แค่คิดแบบนั้นจริงๆ” ผมถอนหายใจล้างจานใบสุดท้ายส่งให้ซันเช็ด แล้วใช้มือเปียกโชกเช็ดเสื้อมันแทนพลางหันหลังพิงอ่างล้างจาน “กูนึกภาพไม่ออกเลยว่าถ้าตัวเองคบกับคนอื่นจะเป็นยังไง ไม่นานก็คงเลิกเหมือนที่ผ่านมาแหง สงสัยคงมีแต่มึงเท่านั้นแหละที่ไปกันได้” ส่วนจะอยู่กันรอดมั้ย อันนี้ต้องรอดูต่อไป

   “รู้ตัวก็ดี เลิกพูดเรื่องนี้เถอะ กูไม่ชอบพูดอะไรซ้ำซาก”

   ผมหันไปมองมันตากผ้าเช็ดบนซิงค์ “ได้ข่าวว่ามึงคนเริ่มนะ” ซันกลับเดินหนีซะงั้น

   “ช่างมัน เมื่อกี้กูได้ยินเสียงรถ สงสัยพ่อมึงกลับมาแล้ว ต้องปิดประตูหน้าต่างหมดมะ จะได้ขึ้นบนบ้าง มึงจะให้กูนวดไม่ใช่รึไง” จบประเด็นดื้อๆ แถมเอาของมาล่อ ผมก็ทำตามสิครับ

   “ล็อกแค่ประตูบ้านก็พอ หน้าต่างไม่ต้องปิด ติดเหล็กดัดไว้ไม่เป็นไรหรอก”

   “ได้ งั้นกูล็อกเอง มึงไปปิดไฟ เพราะกูไม่รู้ตรงไหนปิดจุดไหน” ซันรับพวงกุญแจไปจากผม ถามว่ามันรู้ได้ไงว่าดอกไหน? ผมเลือกให้มันแล้วน่ะเลยไม่มีปัญหา แยกย้ายกันไปปิดบ้านขึ้นบน ต่างจังหวัดก็นอนเร็วเพราะต้องตื่นไปทำงานกันตั้งแต่เช้า ส่วนพ่อคิดว่าคงขึ้นไปก่อนแล้วแหละ ไม่รู้ว่าพวกท่านได้ยินสิ่งที่ผมคุยกับซันรึเปล่า ถ้าได้ยินก็คงจงใจปล่อยให้พวกเรามีเวลาส่วนตัว ซึ่งนั่นก็ดี เท่ากับว่าพวกท่านยอมรับเรื่องของผมกับซันแล้วจริงๆ ถึงฉากผู้ชายซบกันมันจะแปลกไปบ้างก็เถอะ เหอะๆ

   “เรียบร้อย ปะ ขึ้นบน มึงอาบน้ำก่อนแล้วไปนอนรอ” อย่าเพิ่งคิดลึกนะ นอนรอให้มันนวดเฉยๆ อยู่บ้านแบบนี้พวกผมไม่กล้าทำอะไรกันหรอกครับ…

   กำแพงมันเก็บเสียงไม่ได้น่ะ

   “คิดไรวะ ทำหน้าหื่นอีกแล้ว” ซันผลักหัวผมจนเซ สุดท้ายมันก็เป็นคนคว้าไม่ให้ผมกลิ้งตกบันได วันนี้มึงเล่นหัวตูหลายทีแล้ว เดี๋ยวใช้งานให้หนักแม่ง

   “บ่งบอกว่ากูยังแข็งแรงดีไง ส่วนมึง...” มองลงล่างแล้วทำหน้าสะบัดมือใส่ ไอ้ซันกัดฟันชี้หน้าคาดโทษไว้ เพราะมันทำอะไรผมไม่ได้ ฮ่าๆ

   หลังอาบน้ำจนตัวหอมฉุยกันทั้งคู่ ผมก็มานอนคว่ำหน้าบนเตียงให้ซันนวด ปกติผมก็ไม่จิกหัวใช้งานมันแบบนี้หรอกนะ แต่คือมันระบมไง แล้วยังนั่งเครื่องต่อรถ ฝืนทำเก่งยืนทำนู่นนี่เพิ่งจะได้พักดีๆ อาการปวดเมื่อยก็เหมือนพร้อมใจกันแสดงตัวให้ผมกลายเป็นผักเหี่ยว

   แม้ซันมันจะไม่เก่งถึงขนาดจับเส้นนวดแผนไทย อาศัยแค่น้ำหนักมือกับความรู้ใจก็ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อให้ผมได้เยอะ หวิดๆ จะเคลิ้มหลับจนมันต้องสะกิด

   “อย่าเพิ่งนอน กินยาแก้ปวดก่อนจะได้ไม่ตื่นกลางดึก แล้วยังจะทายาอยู่มั้ย กูจะได้ทาให้” ส่งน้ำพร้อมยาที่มันพกมาจากห้อง ฝ่ายรับก็แบบนี้แหละ สุขตอนทำทุกข์หลังเสร็จ โชคดีที่ผมได้กับซัน มันเลยดูแลอย่างดี โดยมีผู้เชี่ยวชาญอย่างพี่ชายมันคอยให้ความรู้กระทั่งเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ จนผมชักเห็นใจพี่จิน

   ผมรับยามากินกระดกน้ำตามก่อนส่งแก้วคืน “ไม่เป็นไร กูทาจากห้องน้ำละ” อยู่บ้านไม่กล้าเสี่ยง เกิดใครเปิดประตูเข้ามาเจอช็อตเด็ดเดี๋ยวจะยุ่ง

   “ตามใจ กลางคืนที่นี่ก็ดีนะ เปิดพัดลมก็พอไม่ต้องเปิดแอร์” มันชวนคุย ส่วนผมตาจะปิดแล้วครับ เลยลุกไปจูบปากมันเร็วๆ ทีหนึ่ง ถ้าไม่ทำให้ครบเช้าเย็นเดี๋ยวเด็กโข่งมันจะงอแง

   “ราตรีสวัสดิ์มึง กูง่วง นอนล่ะ” จับผ้าห่มคลุมตัวก่ายหมอนข้างหันก้นให้มัน ต่างคนต่างนอน ไม่มีกอดซบใดๆ ทั้งสิ้นเพราะขี้ร้อนทั้งคู่ ขนาดอยู่คอนโดยังแยกห้องกันนอนเลย ยกเว้นเวลาอย่างว่าเสร็จกิจก็เหนื่อยหลับไม่คิดฝืนสังขารกลับห้อง

   เช้าวันรุ่งขึ้น พออยู่บ้านผมจะตื่นเช้าด้วยความเคยชิน ซันเองเลยลุกมาด้วย แต่ก็ยังช้ากว่าพ่อแม่อยู่ดี หลังอาบน้ำล้างหน้าแต่งตัวเสร็จก็เห็นพ่อจิบกาแฟอ่านหนังสือพิมพ์ มีแม่ทำอาหารเช้าอยู่ในครัว ดมจากกลิ่นแล้วน่าจะเป็นข้าวต้ม เมนูแสนง่าย สบายท้อง สารอาหารครบถ้วนเหมาะกับยามเช้าที่ไม่เร่งรีบมากนัก

   บรรยากาศสบายๆ ไม่ต้องกังวลว่ารถจะติด ไม่มีมลพิษทางเสียงช่างดีต่อใจ

   “ตื่นกันไวจัง วันนี้จะไปเที่ยวไหนกันล่ะ หรือจะไปร้านกับแม่” แม่ทักระหว่างถือถ้วยข้าวต้มหอมๆ ออกมา เห็นแบบนั้นพ่อก็รีบลุกไปช่วยถือ ส่วนผมกับซันเข้าครัวไปตักบ้าง

   “ชวนไปร้านจะได้มีแรงงานฟรีสินะคุณ” พ่อแซว ก่อนจะโดนแม่ตีเพียะที่แขน ผมหัวเราะตักข้าวต้มส่วนของตัวเองกับซันมาร่วมโต๊ะด้วย

   “ไม่ใช่สักหน่อย เผื่อซันอยากไปดูการทอผ้าเลี้ยงไหม ว่าไงจ๊ะ สนใจรึเปล่า” ค้อนใส่พ่อแล้วหันมาถามซัน ว่าที่ลูกเขยยิ้มตอบ

   “น่าสนใจนะครับ แต่วันนี้ผมกับโป้มีธุระ ถ้าไม่รบกวนผมขอไปดูพรุ่งนี้ดีกว่า”

   “ไม่รบกวนอยู่แล้ว ปิดเทอมคงจะมาอยู่กันหลายวัน ไว้ไปเมื่อไหร่ก็ได้”

   “ระวังจะโดนจับเป็นหุ่นโชว์เสื้อล่ะ โป้เองก็โดนบ่อยๆ” พ่อเตือนด้วยความหวังดีแกมหยอกภรรยา เลยกลายเป็นภาพน่ารักระหว่างครอบครัว ผมหัวเราะคู่กับซัน แม้บทสนทนาบนโต๊ะอาหารยังไม่ค่อยเป็นธรรมชาตินัก เพราะแม่พยายามชวนทุกคนคุยไม่ให้ซันอึดอัด พ่อก็ยิงมุกแบบที่ไม่ค่อยทำ ถึงงั้นก็ไม่รู้สึกอึดอัดใจอะไร แถมยังรู้สึกอบอุ่นที่พ่อแม่แคร์ความรู้สึกของพวกเรา

   ผมเชื่อว่าเวลาผ่านไป ระดับอย่างซันต้องสนิทกับทุกคนในบ้านได้แน่นอน เผลอๆ ผมซะเองที่จะกลายเป็นหมาหัวเน่า

   ว่าแต่พวกเรามีธุระอะไรด้วยเหรอ การมาครั้งนี้เพราะปู่อยากเห็นหน้าซันล้วนๆ ซึ่งได้เห็นไปแล้ว จะบอกว่าธุระคือการเที่ยวก็คงไม่ใช่ พอจะถามมันก็ไม่มีโอกาส ต้องรอกระทั่งพ่อแม่ออกไปทำงานเหลือกันอยู่สองคนผมถึงถามมันตรงๆ

   “ธุระอะไรของมึงวะ หรือมึงมีเรื่องที่อยากทำ”

   “สุภาษิตญี่ปุ่นบอกไว้ว่า จงตีเหล็กขณะที่ยังร้อน เมื่อวานปู่มาหา วันนี้มึงต้องไปหาท่านเช่นกัน” หมุนตัวกลับไปหยิบกระเป๋าตังเตรียมออกเฉย

   “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับสุภาษิตมึงวะ” ถามนะ แต่ก็เดินตามออกมาข้างนอกพร้อมล็อคประตูเสร็จสรรพ บ้านผมมีรถใหญ่แค่คันเดียวสำหรับพ่อขับไปทำงานและส่งแม่ที่ร้าน กับมอเตอร์ไซค์สองคันของแม่และของผม งานนี้ได้แว้นลูกชายหลังจากจอดตากฝุ่นมานาน

   “เออน่า ไปเถอะเชื่อแฟนแล้วชีวิตจะรุ่งเรือง มึงขับนะเพราะกูไม่รู้ทาง”

   “ถามความสมัครใจกูยัง” บ่นอุบอิบพลางคร่อมมอเตอร์ไซค์แล้วบิดไปบ้านใหญ่ทั้งที่ยังไม่เข้าใจนี่แหละ ไหนๆ มันก็หวังดี จะยอมทำตามแผนการมันหน่อยแล้วกัน ผมเองก็ไม่อยากปล่อยให้เรื่องมันคาราคาซังแบบนี้ต่อไป

   ระยะทางระหว่างสองบ้านไม่ไกลกันมาก แถมรถไม่ติดขับไปสิบห้านาทีก็ถึง แต่มาเสียเวลากับการพาไอ้ซันไปเลือกซื้อของฝากให้ผู้ใหญ่ เลือกอยู่นานสองนาน บอกเอากระเช้าผลไม้ก็ไม่เอา ไม่รู้เก็บมานานรึยัง ผลไม้สดรึเปล่า พ่นอะไรไว้มั้ย สารพัดจนเกือบโดนพนักงานเอากระเช้าโบกหัว ผลสุดท้ายเลยจบที่กระเช้าโครงการหลวง แนวรักสุขภาพ ปลอดภัยหายห่วง เฮ้อ

   ว่าด้วยเรื่องบ้านใหญ่ของผมต่อ เอาจริงๆ มันก็ไม่ได้หลังใหญ่ปานวังจุฑาเทพ เพียงแค่มีเนื้อที่กว้าง และมีบ้านเดี่ยวสองหลังของปู่กับญาติอยู่ในรั้วเดียวกันเท่านั้นเอง

   ประตูรั้วไม่มียามหรือคนใช้มาเปิดให้เพราะเป็นระบบอัตโนมือ ผมเลยสั่งให้ซันอุ้มกระเช้าไปเปิดประตูแล้วขับเข้าไปจอดด้านใน ยืนรอให้มันเดินตามมาค่อยเข้าบ้านพร้อมกัน ด่านแรกที่ผมเจอคือย่ากับป่าสายใจ คนเก่าคนแก่เห็นผมมาตั้งแต่อยู่ในท้อง ความจริงลูกสาวลูกชายแกก็ทำงานที่นี่ด้วย แต่ไม่เห็น สงสัยจะทำอย่างอื่นอยู่

   “สวัสดีครับย่า สวัสดีครับป้าสายใจ” ผมส่งเสียงเรียก ย่าสะดุ้งเล็กๆ ละสายตาจากทีวีมามองผมที่เดินเข้าไปหาพลางยกมือไหว้คู่กับซัน

   “คุณหนูโป้กลับมาเมื่อไหร่คะเนี่ย” คนที่ทักกลับเป็นป้าสายใจ ส่วนย่าผมแค่กางแขนเรียกให้ผมไปกอด แล้วมองซันเป็นเชิงถาม

   “ผมมาเมื่อวานครับ คนนี้ชื่อซันเป็นแฟนผมเอง” งานนี้ซันสะกิดเรียกผมยิกๆ ผมเลยกระซิบบอกให้ได้ยินแค่สองคน “พวกท่านเป็นคนที่ยอมรับเรื่องกูชอบผู้ชายได้เป็นคนแรก มึงไม่ต้องห่วง ไม่เป็นไรหรอก” ตบหลังมือซันเบาๆ นี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ผมยอมกลับบ้านใหญ่มาง่ายๆ ไม่ได้มาเยี่ยมท่านทั้งสองนานแล้ว ปกติจะชอบแอบมาระหว่างปู่งีบตอนกลางวันแล้วกลับไปก่อนที่ปู่จะตื่น

   “แหมคุณหนูโป้ หาได้หล่อเหมือนพระเอกในละครเลยนะคะ เนอะคุณหญิง” ป้าสายใจ ตาเป็นประกายชมซันออกนอกหน้าแถมยังหาแนวร่วมอีกต่างหาก ย่าผมหัวเราะแบบไร้เสียงแล้วชี้ไปยังทีวีที่กำลังฉายละครรอบเที่ยง ผมพ่นหัวเราะพรืด เพราะพระเอกอยู่ในช่วงปลอมตัวเป็นโจรเถื่อน ทาตัวดำติดหนวดหน้าตาขึงขัง เออ เหมือนจริงๆ ฮ่าๆๆ

   “อย่างน้อยก็ยังเป็นพระเอก ขอบคุณที่ชมนะครับ กระเช้านี่ผมเอามาฝาก หวังว่าจะถูกใจ” ผมเห็นมันทำหน้าเซ็งไปเสี้ยววิ แต่กลับลำทันเปลี่ยนมายิ้มแย้มส่งกระเช้าให้ถึงมือ ย่าผมรับมาแล้วส่งต่อให้ป้าสายใจเอาไปเก็บ ก่อนจะจับมือผมกับซันมาวางทับกัน ป้าสายใจผู้ทำงานใกล้ชิดย่ามาตั้งแต่สมัยยังสาวช่วยแปลความหมายให้ด้วยความเคยชิน

   “คุณหญิงบอกว่ารักกันนานๆ ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร” พูดจบก็หัวเราะคิกคักอยู่คนเดียวตามประสาคนอารมณ์ดี ไม่หวั่นแม้จะถูกย่าผมส่ายหัวอย่างเอือมระอาใส่

   ผมมองย่าที่เริ่มทำภาษามือ

   ‘ฝาก’

   ‘ดูแล’


   ตามด้วยลูบหัวผมเบาๆ

   “คุณหญิงบอกว่า ฝากดูแลคุณหนูโป้ด้วยค่ะ แม้เราจะเพิ่งรู้จักกัน แต่ป้าเชื่อว่าคนที่คุณหนูเลือกต้องเป็นคนดีแน่นอน”

   ย่ากับป้าสายใจมองอย่างเอ็นดูเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักใคร่ แถมยังเผื่อแผ่ไปทางซัน สำหรับพวกท่านแล้ว การที่หลานชายยอมกลับบ้านอย่างสง่าผ่าเผยไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ เหมือนที่ผ่านมาถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ทั้งคู่เลี้ยงโป้มาตั้งแต่ตีนเท้าฝาหอย ย่อมรู้นิสัยใจคอดี ความกล้าของหลานชายน่าจะมาจากคนข้างตัว จึงไม่แปลกที่พวกท่านจะให้โอกาสซัน

   เหตุการณ์ไม่คาดฝันทำให้โป้ขอบตาร้อนผ่าว รู้สึกเต็มตื้อในอก ก้มกราบแทบเท้าผู้ที่เปรียบเสมือนแม่นมในวัยเยาว์ ซันเองก็เช่นกัน ใบหน้าคมเข้มเผยรอยยิ้มกว้างมากกว่าครั้งไหนๆ ดวงตาแวววาวด้วยน้ำใสขณะกล่าววาจาหนักแน่น

   “ขอบคุณมากครับที่เชื่อใจผม ผมจะดูแลโป้อย่างดี ไม่ทำให้พวกท่านผิดหวัง ขอบคุณจริงๆ ครับ” ต่อให้ใจแข็งแค่ไหน การมีผู้ใหญ่ยอมรับนับเป็นเรื่องดีอยู่แล้ว อย่างน้อยๆ ก็เป็นกำลังใจให้ฝ่าฟันอุปสรรคต่อไป

   “ดูซิ มาทำป้าร้องไห้ตาม” ป้าสายใจหยิบทิชชูซับน้ำตา ย่าผมเป็นคนเข้มแข็งท่านไม่แสดงสีหน้าอะไรนอกจากยิ้มเอ็นดู

   ผมอยากคงบรรยากาศตอนนี้ไว้ แต่สัจธรรมของโลก เมื่อพบเรื่องดีเรื่องแย่มักตามมา อย่างเช่นในเวลานี้ที่มีมารโผล่ออกมา

   “ทีแรกก็คิดว่าใครมา ที่แท้หลานพาผู้ชายเข้าบ้าน” หญิงวัยกลางคนอายุมากกว่าแม่ผมไม่กี่ปี เดินหน้าหงิกเข้ามา “คุณแม่น่าจะว่าสักหน่อย ตามใจโป้มากเกินไปแล้วนะคะ” สิ้นคำก็เดินมานั่งบนโซฟา ผมได้ยินเสียงถอนหายใจของย่า ส่วนป้าสายใจถือกระเช้าหนีไปหลังบ้านแล้ว

   ใจจริงผมไม่อยากจะทัก แต่ย่ามองปรามผมเลยต้องยกมือไหว้แบบส่งๆ
   
   “ดูทำตัวเข้า ไม่น่ารักเลยสักนิด”

   “ผมก็ไม่ได้ขอให้มารักนี่ครับ คนรักผมมีมากแล้ว ขาดป้าสักคนคงไม่เป็นไร” อารมณ์ดีๆ ถูกทำลายทิ้งในพริบตาที่เห็นหน้า เธอคนนี้เป็นพี่สาวพ่อผมเอง

   “โป้” ซันปรามผม เพราะย่าเริ่มเอาไม่อยู่ ผมจำต้องพยายามข่มอารมณ์ตัวเองเพราะเห็นแก่หน้าย่า

   “ฉันหวังดีกับแกนะ เพราะนิสัยแบบนี้ไงถึงเป็นตัวปัญหา”

   ผมกำมือแน่นคิดจะสวนกลับ คำพูดไม่ทันหลุดออกจากปาก เสียงเคาะไม้เท้ากับราวบันไดดังก้องไปทั่วบ้าน ทุกคนหันไปมอง เห็นปู่ในชุดผ้าฝ้ายสำหรับใส่อยู่บ้านลงมาจากชั้นบน

   “อย่ามาส่งเสียงดังในบ้านฉัน ถ้าจะตีกันก็ออกไปตีกันข้างนอก” ทุกคนเงียบกริบ เหล่าคนอายุน้อยกว่าพากันลุกจากที่ให้ผู้ใหญ่นั่ง ป้าเองก็เข้าไปพยุงปู่ ก่อนจะโดนไล่ออกมา “ไม่ต้อง เจ้าพวกนี้มันเป็นยังไง ชอบมาพยุงอยู่ได้เกะกะ สายใจอยู่ไหน ฉันคอแห้ง เอาน้ำมาให้ที” บ่นก่อนเปลี่ยนไปเรียกป้าสายใจที่ส่งเสียงขานรับจากหลังบ้าน พลางโบกมือให้ผมนั่งกับย่าต่อ ส่วนปู่ไปนั่งแทนที่ซัน เจ้าตัวเลยถูกเบียดไปนั่งซะไกลลิบ

   ไม่รู้จะหมู่หรือจ่า กลับบ้านครั้งนี้เจอตัวเอกถึงสองคนในคราวเดียว ผมว่าแผนการอันสวยงามของซันได้พังพินาศก็ตอนนี้แหละ

หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่35 สานสัมพันธ์ [25/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-07-2017 03:53:48
อยากอ่านต่ออีกแล้วอะ
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่35 สานสัมพันธ์ [25/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 25-07-2017 09:45:48
สู้ๆนะซันโป้~
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่35 สานสัมพันธ์ [25/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 27-07-2017 19:14:57
โหดสาด เพียงประโยคเดียว เงียบกริบ
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่35 สานสัมพันธ์ [25/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 27-07-2017 20:09:24
 :pig4:
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่36 ปล่อยมันไป [28/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 28-07-2017 01:20:00
ยกที่36 ปล่อยมันไป

    ความกดดันแผ่ครอบคลุมโดยรอบ พอๆ กับจิตสังหารที่ผมจงใจส่งไปให้ป้าโดยเฉพาะ เจ้าตัวก็รับรู้แหละ ถึงสวมบทเป็นเด็กน้อยหันไปฟ้องปู่

   “คุณพ่อตามใจโป้มากเกินไปนะคะ ถึงขั้นพาผู้ชายมาแบบนี้ใช้ไม่ได้เลย”

   “เหมือนที่ฉันตามใจเธอจนเป็นแบบนี้สินะ สามีเธอมันกลับบ้านรึยังล่ะ หรือหายหัวไปอยู่ที่ไหนอีก” ปู่กระแทกไม้เท้าเค้นเสียงเหอะในคอ ไม่แม้แต่จะมองหน้าป้าด้วยซ้ำ

   ป้าเป็นลูกสาวเพียงคนเดียว เลยถูกตามใจแม้จะเป็นคนกลาง รองมาก็เป็นลุงใหญ่พี่ชายคนโตที่ปู่หมายมั่นจะให้สืบทอดกิจการของตัวเอง ผลออกมาคือ ลุงใหญ่แยกไปสร้างครอบครัวและบริหารกิจการในส่วนของป้าสะใภ้แทน

   ก็เหลือแต่พ่อ ลูกชายคนเล็กที่ถูกลืม มีเพียงย่าที่เอาใจใส่จนกลายเป็นลูกกตัญญูอย่างทุกวันนี้ สัจธรรมของโลก ธรรมดาของครอบครัวที่มีพี่น้องหลายคน ผมมั่นใจว่าไม่มีใครรักลูกเท่ากัน แถมพวกที่โดนเมินมักจะเป็นคนที่ได้ดั่งใจที่สุด ไม่รู้ด้วยนะว่าเป็นเพราะอะไร แต่ส่วนใหญ่ที่ผมเจอมักจะเป็นแบบนี้ ผมถึงบอกว่าบ้านซันน่ะโชคดี พี่น้องรักกัน สนิทจนคุยได้ทุกอย่างยันเรื่องใต้สะดื้อ

   “พ่อคะ! แทนที่พ่อจะช่วยกลับมาซ้ำเติมกันแบบนี้เนี่ยนะ” เสียงของป้าดึงผมออกจากภวังค์ รู้สึกว่าเหตุการณ์เริ่มเบนไปยังทิศทางแปลกๆ แต่ผมเองก็มีชนักติดหลังตัวดำนั่งเนียนเป็นอากาศธาตุเลยสงบปากสงบคำไม่พูดอะไรนอกจากก้มหน้านวดแขนย่า

   “เธอมันดื้อ บอกว่าไม่ดีก็ยังจะเอา รับกรรมไปเถอะ”

   “คุณพ่อ!”

   “ป้าสายใจน้ำได้รึยังครับ ปู่คอแห้งแล้ว” เถียงกับป้าจนคอแห้งอะนะ ผมโผล่งขึ้นมาเพราะเห็นท่าจะไม่ดี ถึงซันจะเป็นแฟนผมแต่ให้มาเห็นสภาพครอบครัวแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่อง ป้าสายใจเองคล้ายรอจังหวะนี้อยู่นานแล้ว เดินออกมาเสิร์ฟน้ำเย็นๆ ให้กับทุกคน ประเด็นคือน้ำที่ว่าเป็นน้ำผลไม้ทั้งหมด แถมคุกกี้น่ากินบนจาน

   “เสียมารยาท ผู้ใหญ่คุยกันแทรกขึ้นมาได้ยังไง” เถียงปู่ไม่ได้มาลงที่ผมซะงั้น ปู่รับน้ำจากป้าสายใจพร้อมเริ่มยกสอง

   “อย่างน้อยมันก็นึกถึงฉัน ไม่ได้คิดถึงแต่ตัวเองแล้วมาเถียงป่าวๆ แบบเธอ”

   ผมตาโตมองปู่แบบอึ้งๆ แบบนี้เค้าเรียกว่าเข้าข้างรึเปล่านะ หรือผมหูฝาดวะ ระหว่างที่กำลังแคะหูตัวเอง ป้าแกคงคอแห้งเหมือนกันแหละเลยยกขึ้นมาจิบบ้าง ปู่ดื่มไปได้ครึ่งแก้ว เผยสีหน้าพึงพอใจหันไปถามป้าสายใจอย่างสงสัย

   “สายใจ เธอซื้อน้ำนี่มาจากไหน รสชาติใช้ได้”

   ป้าสายถือถาดอมยิ้มมุมปากพลางเหล่มองไปทางซัน “น้ำเจียวกู้หลานผสมดอกคำฝอยของฝากจากพ่อหลานเขย” พูดจบก็ตีแขนซันไปที เจ้าหลานเขยยิ้มหน้าชื่นรับไม้ต่อจากเจ๊ดัน

   “เป็นผลิตภัณฑ์ของดอยคำครับ สะอาดปลอดภัยและดีต่อสุขภาพ” เซลล์ขายตรงก็มา ผมหัวเราะขำช่วยเสริมให้หลังเห็นป้ารีบวางแก้วลงที่เดิมทันทีที่ได้ยิน

   “กระเช้านี้สองพันนะปู่ ความจริงมันจะขนมาเยอะกว่านี้ด้วยซ้ำ แต่พวกเราขับมอเตอร์ไซค์มาเลยได้มาแค่กระเช้าเดียว ถ้าปู่ชอบไว้วันหลังผมจะซื้อมาให้” ซันทำคะแนนแล้วถึงทีผมทำคะแนนบ้าง ท่องไว้ในใจว่าสานสัมพันธ์ปู่หลาน เมื่อปู่ยอมอ่อนลงแล้ว ผมก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องแข็งข้อต่อไป ส่วนเรื่องยอมรับซันได้มั้ยอันนั้นต้องรอดูฝีมือแฟนผมแล้วล่ะ

   “อยู่กรุงเทพจะเอาที่ไหนมาซื้อให้ฉัน” ปู่เมินผมแล้วหันไปคุยกับป้าสายใจเฉย “สายใจ ถ้าเธอเจอก็ซื้อเข้ามาด้วย”

   ป้าสายใจขานรับพลางหัวเราะคิกคัก ส่วนย่ามีแอบส่งนิ้วโป้งให้ผมกับซันโดยไม่ให้ปู่เห็น บรรยากาศในบ้านเลยดีขึ้นมาหน่อย ยกเว้นใครบางคนที่ถูกลืมชั่วขณะ บ่นพึมพำแบบที่ได้ยินกันทั้งวง

   “น้ำอะไรไม่รู้ ไม่เห็นจะอร่อย”

   ผมหันขวับ ซันมันซื้อมาด้วยใจ พูดแบบนี้โป้ไม่ปลื้ม “ไม่อร่อยก็ไม่ต้องกินครับ ไม่ได้ขอให้กิน ถ้าให้ดี ป้ากลับไปกินบ้านตัวเองเถอะ จะได้ถูกปากถูกลิ้น”

   “เรื่องสิ ที่นี่ก็บ้านฉันเหมือนกัน ดูซิ ไปเรียนกรุงเทพไม่ถึงปีกลายเป็นเด็กนิสัยเสีย ไม่มีสัมมาคารวะกับผู้ใหญ่ พ่อแม่เธอไม่สอนรึไง”

   ที่ผ่านมาผมแค่รู้สึกระคายหู มีประโยคสุดท้ายนี่แหละที่ทำให้ผมขึ้น ลุกยืนจนย่าต้องรีบคว้าแขน ป้าสายใจมาล็อคอีกทางอย่างรู้งาน ขนาดซันเองยังขมวดคิ้วมองอย่างไม่ชอบใจ จากสีหน้าของทุกคนป้ามหาภัยคงรู้ตัวแล้วว่าเผลอหลุดอะไรออกมา

   “ออกไปจากบ้านฉัน!” ปู่ชี้ไม้เท้าไปข้างนอก โมโหจนมือไม้สั่น อารมณ์โกรธผมดับวูบทันที แม้ปู่ผมจะไม่มีโรคประจำตัวแต่การโมโหมากๆ แบบนี้ไม่ดีต่อสุขภาพสักนิด ย่าเริ่มลังเลไม่รู้จะไปทางฝั่งไหนดี ผมลูบมือย่าเบาๆ ส่งสายตาให้ซันที่พยักหน้ารับลุกขึ้นมายืนข้างปู่ เกิดล้มเป็นอะไรขึ้นมาจะได้ช่วยทัน

   ฝ่ายป้ารู้สึกเหมือนตัวเองถูกรุมจึงเกิดอาการต่อต้าน พูดสิ่งที่คิดออกมาจนหมด “ทำไมคะ? ทั้งที่โป้เป็นแบบนี้ ทำไมพ่อยังเอาแต่ว่าหนู หนูก็แค่พลาดที่เลือกคู่ชีวิตผิด แต่หลานคนนี้มันเอาผู้ชายมาเป็น...”

   “พอได้แล้ว! เรื่องนั้นฉันรู้ดีไม่ต้องให้เธอมาย้ำ ที่สำคัญโป้มันไปเรียนไม่ใช่ขับรถไปเที่ยววันๆ อย่างลูกชายเธอ! สักวันหนึ่งเถอะ ถ้ามันทำผู้หญิงท้องหรือไปฆ่าใครตายขึ้นมาฉันจะไม่ช่วยอะไรสักอย่าง สร้างปัญหาก็ไปแก้กันเอาเอง”

   “สิงห์คำก็เป็นหลานพ่อนะคะ!”

   “แล้วบุญมันไม่ใช่น้องชายเธอรึไงถึงไปว่ากระทบมันแบบนั้น” ปู่สวนกลับป้าถึงกับสะอึก เม้นปากแน่นมองปู่ด้วยตาแดงๆ

   “บุญ บุญ บุญ คุณพ่อรู้ตัวมั้ยเดี๋ยวนี้อะไรๆ ก็บุญ น้อยอยู่บ้านข้างๆ พ่อไม่เคยเรียกน้อยเลย ใช่สิ น้อยมันไม่เอาไหน ไม่ได้สร้างครอบครัวมีฐานะอย่างพี่แสง ไม่ได้ช่วยกิจการของพ่อเหมือนบุญนี่ คอยดูเถอะ หลานที่พ่อรักนักรักหนา จะทำให้พ่อเสียใจที่สุด ถึงเวลานั้นอย่ามาง้อสิงห์คำแล้วกัน” เผยสีหน้าเจ็บใจแล้วกระทืบเท้าออกจากบ้าน แต่ก่อนไปยังไม่วายหันมาจ้องผมเขม็ง “ชีวิตแบบนั้นน่ะมันไม่มีวันมีความสุขหรอก พวกผิดเพศ หึ!”

   คำสุดท้ายที่ป้าทิ้งไว้ทำเอาผมหน้าชา ไม่ใช่เรื่องที่ตัวเองชอบผู้ชาย แต่เป็นเรื่องที่ซันต้องมาเห็นและโดนด่าด้วยแบบนี้ ทั้งที่บ้านมันต้อนรับผมอย่างดี รู้สึกอายจนไม่อยากจะสู้หน้ามัน ผมเบี่ยงตัวหนีซันที่ทำท่าจะชวนคุย ไปหาปู่ที่ย่ากับป้าสายใจกำลังดูแลอยู่

   “ผมว่าพาปู่ขึ้นไปพักก่อนเถอะครับ เดี๋ยวผมช่วย” ปู่คงไม่มีอารมณ์มาตั้งแง่กับผมต่อ เลยยอมให้พยุง เพราะย่ากับป้าสายใจเองก็อายุเยอะแล้ว ที่ผ่านมาได้ลูกของป้าสายใจช่วยอีกแรง แต่ตอนนี้ไม่อยู่สักคนจะให้เรียกก็เสียเวลา สู้ให้ผมทำหน้าที่หลานยังดีกว่า

   หางตาผมเห็นซันมองนิ่งๆ ไม่ได้ตามขึ้นมา แต่แววตาหนักแน่นนั่นทำเอาผมต้องเป็นฝ่ายหลบ

   “รอนี้ก่อน เดี๋ยวฉันมา” อยู่บ้านปู่ผมจะไม่พูดคำหยาบ ซันส่งเสียงอือรับสั้นๆ ปล่อยให้ผมพาปู่ขึ้นชั้นบนไปนอนเอนหลังที่เตียงโดยมีย่าคอยดูข้างๆ ได้พักหายใจสักแป๊บ ปู่ก็โบกมือไล่

   “ลงไปดูมันซะ ปล่อยให้มาเห็นเรื่องในครอบครัวแบบนี้มันไม่ดี”

   ทีแรกผมลังเล พอเห็นย่ากับป้าสายใจส่งสายตาให้ไป ถึงยกมือไหว้แล้วลงมาหาซันที่ชั้นล่าง เห็นซันยืนที่เดิมไม่ได้นั่งรออย่างที่คิด

   “เป็นไงบ้าง” น้ำเสียงเป็นห่วงยิ่งทำให้ผมอยากถอนหายใจให้หมดปอด

   “ไม่เป็นไร ดีที่ปู่แข็งแรง พักสักหน่อยก็โอเคแล้ว เรากลับบ้านกันเถอะ” ทั้งที่คิดว่าโอเค เวลานี้ผมกลับไม่อยากเหยียบอยู่ที่นี่แม้แต่วินาทีเดียว

   “กลับก็กลับ ไว้ค่อยคุยกัน” ซันบีบบ่าผมทีหนึ่งแล้วพากันเดินออกจากบ้าน ระหว่างทางเจอพี่แก้วลูกสาวของป้าสายใจเพิ่งซื้อของกลับมาพอดี เลยบอกให้ไปช่วยดูปู่ข้างบน พี่แก้วมองผมสลับกับซันแล้วยิ้มแซวๆ บอกว่าวันหลังพามาอีก เพราะอยากได้อาหารตา นิสัยเหมือนป้าสายใจไม่มีผิด

   ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ ให้ ไม่รู้จะได้มารึเปล่าเลยไม่รับปากอะไร แค่ถามไถ่กับฝากฝังเรื่องปู่ย่าเท่านั้น ก่อนจะผละออกมา ขี่มอเตอร์ไซค์เพื่อกลับบ้าน ตลอดทางพวกเราไม่ได้สนทนาอะไรกัน ต่างคนต่างรู้ดีว่าทุกคำถามไปเคลียร์ที่บ้าน พวกเราไม่ชอบคุยเรื่องส่วนตัวในที่สาธารณะอยู่แล้ว แม้เวลามีเรื่องทะเลาะกันก็ตาม มันไม่ใช่เรื่องที่ควรให้บุคคลที่สาม สี่ ห้ามารับรู้ด้วย

   พอกลับบ้านพ่อแม่ยังไม่กลับมา ซันเลยถือวิสาสะลากผมเข้าห้องนอน ปิดหน้าต่าง ดึงม่าน ล็อคประตูเพื่อความเป็นส่วนตัวเสร็จ จู่ๆ ก็คว้าตัวผมเข้าไปกอดแน่นจนอึดอัด

   “อะไรของมึงวะ” ผมพยายามดันออก แต่ซันยิ่งรัดแน่นจนผมต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้ปล่อยให้มันกอดแบบนั้น พวกเราเงียบกันชั่วครู่ ต่างคนต่างจมอยู่ในห้วงความคิดตัวเอง แล้วความเงียบก็ถูกทำลายลงด้วยเสียงถอนหายใจของซัน

   “มึงไม่เป็นไรนะ” ถึงจะเป็นคำถามห้วนๆ แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย เลยเอาคางเกยบ่าแล้วกอดมันกลับ

   “เป็นและไม่เป็น ก็แค่กลับไปอยู่จุดเดิมเท่านั้น กูซะอีกที่ต้องถามมึงว่าโอเครึเปล่า โทษทีว่ะ ที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้” แทนที่จะซึ้งต่อ มันดันตัวผมออกแล้วตีปากก่อนจะกอดใหม่ อะไรของมันวะ ผมเริ่มหงุดหงิดละ

   “อย่าพูดแบบนี้อีก…อย่าพูดเหมือนกูเป็นคนนอก บอกแล้วไงว่ากูจริงจังกับมึง ต้องการใช้ชีวิตกับมึงจริงๆ ดังนั้นจะเรื่องดีเรื่องแย่พวกเราต้องมีส่วนร่วมทั้งคู่”

   “จมก็จมด้วยกัน ถ้ารอดก็ต้องรอดด้วยกันสินะ”

   “ไม่ใช่ กูจะช่วยให้มึงรอด แล้วมึงค่อยส่งมือมาดึงกูขึ้นไป” มันว่ายิ้มๆ ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงทั้งที่ลากผมไปด้วย กลายเป็นผมนั่งคร่อมตักหันหน้าเข้าหาในสภาพล่อแหลม ผมไม่ทันได้ใส่ใจเพราะมัวขนลุกกับสกิลหวานฉบับนายซัน กล้าพูดเรื่องแบบนี้ออกมาได้หน้าตาเฉยเลยเว้ย เลือกไม่ถูกเลยว่าจะเขินหรือสยองดี

   ซันพูดต่อ ไม่สนใจผมที่ทำหน้าประหลาด “แม้จะมีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้น แต่ถือว่าความสัมพันธ์ของมึงกับปู่พัฒนาไปอีกขั้น” ก็จริงของมัน หลังจากอาหารเย็นเมื่อวาน วันนี้ปู่เข้าข้างผมชัดเจน แบบที่ถ้าเป็นสมัยก่อนคงรุมด่าผมแทน

   ”ส่วนเรื่องมนุษย์ป้า จากที่กูดูแล้วคงเกินเยียวยา ช่างเขาเถอะ ทุกคนรอบตัวไม่จำเป็นต้องโอเคกับเราหมด เหลือเป็นสีสันชีวิตบ้างก็ไม่เลว”

   “ตรรกะอะไรของมึงเนี่ย” ผมส่ายหัวเอือม ถึงจะเป็นความจริงก็เถอะ เรื่องที่ญาติกันก็ใช่จะต้องดีกันเสมอไป บางทีญาตินี่แหละตัวดี เจ็บแสบยิ่งกว่าคนนอกซะอีก

   ช่วงที่ผมกำลังคิดตามว่าจะเอายังไงต่อไปดี ไอ้ซันดันยื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้ว...

   จ๊วบบ

   “ปากน่าแดก” มันพูดหลังดูดปากผมไปเต็มที่ แถมเริ่มเปลี่ยนเป้าหมายไปแถวคอแทน ผมรีบยันหน้ามันออกเพราะสถานที่ไม่เอื้อ ถ้าเป็นที่ห้องผมคงถอดเสื้อกระโดดขึ้นเตียงเสิร์ฟตัวเอง

   “เป็นบ้าอะไรของมึงวะ คุยกันเรื่องซีเรียสเปลี่ยนมาหื่นเฉย” ไอ้ซันมีนิสัยชอบดูด โดยเฉพาะปากกับอก ไม่รู้จะอะไรนักหนา จนพักหลังผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองปากเจ่อ กลัวปากจะห้อยเลยห้ามซันดูดไปพักหนึ่ง แน่นอนว่ามันไม่สน

    ซันเงยหน้ามองผม ยอมคายเสื้อในปาก ห่านนี่แม่งดูดผ่านเสื้อ ล่อซะเปียกเป็นวง “มึงเช็คสภาพกูกับมึงตอนนี้นะโป้ ที่สำคัญ มึงไม่รู้สึกเหรอ เวลาโกรธ เศร้า เครียดจะอะไรก็แล้วแต่ ถ้าได้ทำมันจะรู้สึกดีขึ้น” วาจาคล้ายหยอกเย้าแต่ผมมองออกว่ามันหมายความว่าแบบนั้นจริงๆ ก็เล่นตาใสซะขนาดนี้ ไอ้ซัน ไอ้ควายบื้อ มันคิดแบบนี้มาตลอดรึไงวะ มิน่าคุยกันทีไรนัวเนียผมทู้กที

   “หยุดเลยมึง กลับเข้าเรื่องก่อน ต่อไปจะเอายังไง ทำคะแนนต่อมั้ย แต่ในความคิดกู เพิ่งเกิดเรื่องไปกูไม่อยากกลับไปเหยียบบ้านนั้นเลยว่ะ” ถอนหายใจเฮือกใหญ่ กับบ้านปู่ผมไม่มีปัญหาแล้ว มันติดที่ป้า เจ้าตัวอยู่บ้านตลอดไม่ออกไปไหน ต่อให้ผมหลีกเลี่ยงไม่ยุ่งเกี่ยว เขาก็จะเอาตัวเข้ามายุ่งเองเหมือนวันนี้ แอบเสียดายของที่ซันซื้อไปแฮะ ยังกินกันไม่เท่าไหร่ ไว้ค่อยซื้อไปใหม่แล้วกัน

   “ยังไม่ควรโผล่ไปจริงๆ นั่นแหละ นอกจากเรื่องปู่ กูต้องแคร์ความรู้สึกมึงด้วย รอจนมึงโอเคค่อยซื้อดอยคำไปฝากใหม่ แล้วก็กูไม่คิดว่าปู่กับมึงจะญาติดีกันได้ในทันทีหรอก ของแบบนี้ต้องใช้เวลา” ซันอธิบาย ผมพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย เริ่มต้นได้ดีแต่ก็ใช่จะไม่มีเรื่องรบกวน เลือกแบบช้าแต่ชัวร์ดีกว่า อย่างน้อยๆ พอมีซันเข้ามา ผมก็ได้ลงมือทำ ไม่ปล่อยปะละเลยเหมือนที่ผ่านมา

   สุดท้ายก็ไม่มีอะไรมากกว่านั้น พวกเราเปลี่ยนมานอนเล่นแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเรื่องราวหลายๆ อย่าง ซันมันถึงกับพูดเรื่องอนาคตหลังเรียนจบด้วยซ้ำ ผมที่เริ่มอารมณ์ดีขึ้นบ้างก็เออออตามมันไป เจ้าตัววางแผนไว้ว่าจะแต่งงานแล้วสร้างบ้านอยู่ที่กาญจน์เป็นเรือนหอ

   หลังทำอาชีพที่ตัวเองชอบจนพอใจแล้วก็กลับมาบริหารรีสอร์ท ซึ่งระหว่างนั้นคงต้องให้พี่มูนดูแลไปก่อน ไม่รู้มันเอาเวลาไหนไปตกลงกับพี่มันซะเรียบร้อย ช่างต่างกับผม ไม่ได้คิดอะไรไว้เลย ปล่อยให้มันเป็นเรื่องอนาคต แลดูชีวิตมืดมน ดีแล้วที่มีซันเป็นแฟน หนึ่งคนชอบวางแผนเป็นผู้นำ อีกคนยังไงก็ได้ไม่ตีกันตาย

   ระหว่างฟังซันเข้าสู่โลกมโนแลนด์ ผมได้ยินเสียงเปิดประตูจากชั้นล่าง นึกขึ้นได้ว่าตอนเรากลับมามัวแต่คิดเรื่องอื่นจนลืมปิดบ้านซะสนิท ต่างคนต่างมองหน้ากัน พยักหน้าส่งสัญญาณเล็กน้อย ผมค่อยๆ เปิดประตูแง้มย่องออกจากห้อง มองส่องผ่านราวบันไดเพื่อดูว่าใครเป็นแขกไม่ได้รับเชิญ

   ยังไม่ทันเห็นตัวผมก็กลอกตาเอือม เดินลงบันไดตามปกติ แค่เสียงก็ชัดเจนแล้วว่าใคร

   “ฮัลโหล ไม่มีใครอยู่เลยเหรอ เอ๊ะ แต่ไม่ได้ล็อคบ้านนี่ หรือว่าจะแอบทำอะไรกันข้างบนน้า~”

   “เสียงดัง เกรงใจคนอื่นบ้าง ไม่ใช่บ้านตัวเอง”

   เท้าเหยียบพื้นชั้นหนึ่งพบสองร่างอยู่ตรงประตู หนึ่งในนั้นกำลังชะเง้อคอยาวประดุจยีราฟกระทั่งหันมาเห็นผม

   “ฮันแหน่ ฉันมาขัดจังหวะรึเปล่า กิ้วๆ” ทำท่าหมุนนิ้วมองแซวด้วยรอยยิ้มกรุ่มกริ่ม

   “ถ้าขัดจริงคงไม่ลงมาหรอก” เพราะผมจะต่อให้เสร็จ ใครมาช่างหัวมัน! เล่หัวเราะเสียงใสอย่างเดาออกว่าผมจะสื่ออะไร ผมกวักมือให้ทั้งคู่รวมถึงซันนั่งรอ ส่วนตัวเองนั่งตาม อะไรนะทำไมไม่ไปเอาน้ำมาเสิร์ฟ? มีมือมีเท้าอยากกินเดินไปห้องครัวเองครับ เคนะ

   “มาทำอะไรกัน” ซันเป็นฝ่ายถาม วาไม่ตอบแต่ชี้นิ้วโป้งไปทางเล่เป็นเชิงบอกว่าคนที่มีธุระคือเจ้านี่ไม่ใช่ฉัน คนโดนชี้ยิ้มกว้าง

   “ความจริงพวกเรามาแล้วรอบหนึ่งแต่เห็นบ้านปิดคิดว่าไม่น่าจะอยู่ พอมาอีกรอบเจอมอเตอร์ไซค์แถมบ้านไม่ล็อคเลยถือวิสาสะเข้ามา ที่นี่...”

   ผมยกมือ “เข้าเรื่อง” เล่ทำมือโอเค

   “ฉันกับโป้ไม่ได้เจอกันตั้งหลายเดือน ซันเองก็คงไม่เคยมาเชียงใหม่ใช่ไหม ก็เลยว่าจะมาชวนไปเที่ยวกันพรุ่งนี้ มีธุระอะไรรึเปล่า” เอียงคอถาม มองพวกผมสลับไปมา ซันมันดันสัญญากับแม่ผมว่าจะไปเที่ยวที่ร้านซะด้วยสิ งั้น...

   “พรุ่งนี้ซันมันจะไปดูการทอผ้าไหม วาจะไปด้วยมั้ยล่ะ วันถัดไปค่อยเที่ยวกันแบบเต็มวัน จะได้ขึ้นดอยด้วยไหนๆ ก็มาเชียงใหม่ทั้งที” ส่วนเล่ขานี้ไม่มีปัญหา วาอยู่ไหนเล่อยู่นั่น ตามติดยิ่งกว่าเหาฉลาม

   วานิ่งคิดไปสักแป๊บก่อนตอบตกลง หลังจากนั้นพวกเราก็มานั่งวางแผนกันว่าจะเที่ยวที่ไหนบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่มีแต่ผมกับเล่ที่เสนอเพราะเป็นเจ้าถิ่น อีกสองคนยังไงก็ได้ อาจจะเสริมแค่เล็กๆ น้อยๆ ตามความชอบเท่านั้น ได้มานั่งวางแผนเที่ยวแบบนี้ก็ไม่เลว
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่36 ปล่อยมันไป [28/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-07-2017 03:42:07
 :pig4:
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่36 ปล่อยมันไป [28/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 28-07-2017 08:22:50
 :pig4:
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่36 ปล่อยมันไป [28/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 28-07-2017 09:54:30
ดูเป็นคู่ที่เข้ากันได้ดี
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่36 ปล่อยมันไป [28/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 28-07-2017 10:09:04
อิป้ามหาภัย!!
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่36 ปล่อยมันไป [28/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: yumenari ที่ 28-07-2017 12:36:37
จัดเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่36 ปล่อยมันไป [28/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 28-07-2017 20:38:15
ยัยคุณป้านี่น่าเอาหมามุ่ยไปโรยใส่จริงๆ
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่36 ปล่อยมันไป [28/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 28-07-2017 23:32:50
อิป้านี่ต้องโด๊นนนนนนน
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่36 ปล่อยมันไป [28/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 30-07-2017 22:15:27
เย่ๆมาต่ออีกนะครับสนุกๆ
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่36 ปล่อยมันไป [28/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Axis._. ที่ 02-08-2017 18:02:35
อิป้านี่เกินเยียวยาเหมือนที่ซันว่าจริงๆ  :katai1: เเต่อย่างน้อยปู่ก็เริ่มเปิดใจเเล้วถือว่าโล่งใจไปได้นิดหน่อย 555
รีบมาต่อนะคะจะรออย่างใจจดจ่อ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: }Rewrite{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่36 ปล่อยมันไป [28/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 02-08-2017 21:49:56
ซันน่ารักมาก ดูเถื่อนๆแต่จริงใจ โป้โชคดีมากได้ซันเป็นสามี 5555
หัวข้อ: Re: }END{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่37 คนละครึ่ง [7/8/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 07-08-2017 14:28:13
ยกที่37  คนละครึ่ง

   ตารางเที่ยวแบบทั้งวันตกลงกันเรียบร้อยก็ประมาณห้าโมง วากับเล่เลยขอตัวกลับเพื่อจะไปกินข้าวเย็นที่บ้าน ส่วนผมกับซันจะให้ออกไปไหนตอนนี้ก็ขี้เกียจ เลยตัดสินใจใช้ของสดที่มีในตู้เย็นช่วยกันทำอาหารรอพ่อแม่กลับบ้าน

   แม่กลับมาถึงช่วงเย็น พ่อมาถึงตอนหัวค่ำ เราก็เริ่มกินข้าวกันระหว่างนั้นก็อัพเดตข่าวสารประจำวันของแต่ละคนไปด้วย เป็นบรรยากาศที่ผมเสียมันไปหลายปี และเพิ่งได้มันกลับมาก่อนผมไปเรียนกรุงเทพได้ไม่กี่เดือน ยิ่งตอนนี้มีซัน พ่อแม่เข้าใจ ถึงจะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ทำให้ผมสุขจนแทบไม่หวังอะไรเพิ่มแล้ว

   “มะรืนลูกจะไปเที่ยวกันเหรอ” แม่ถามขณะตักแกงให้พ่อ ซันเป็นฝ่ายตอบรับ เพราะผมยังเคี้ยวข้าวเต็มปาก

   “ครับ วางแผนไว้ว่าจะขึ้นดอยแล้วแวะเที่ยวตามรายทางปิดท้ายที่ถนนคนเดินท่าแพ”

   พ่อพยักหน้า “เข้าใจคิดดีนี่ ถึงจะไม่ทั่วแต่ก็ได้จุดสำคัญในวันเดียว”

   “ถ้างั้นพรุ่งนี้พวกลูกไปเที่ยวกันเถอะ ร้านแม่ไปเมื่อไหร่ก็ได้ อีกอย่าง ถนนคนเดินท่าแพมันเปิดแค่วันอาทิตย์นะ”

   แม่ว่างั้น พวกเรามองหน้ากันเป็นเชิงปรึกษา เอาตรงๆ ผมก็แอบเบื่อแหละ เกิดและโตมากับการทอผ้า ให้ไปเดินดูเที่ยวเล่นก็ไม่อยาก อยากไปพวกที่นานๆ ทีจะได้ไปมากกว่า แต่ถ้าให้ช่วยงานผมโอเคนะ จุดประสงค์มันต่างกัน ซันเองก็คงอยากเปิดหูเปิดตาด้วย พวกเราเลยรับความหวังดีจากแม่

   หลังกินข้าวล้างจานเสร็จ ซันก็โทรไปหาวาเพื่อเปลี่ยนวันเที่ยว วาไม่ค่อยเท่าไหร่ คนที่ดีใจคงเป็นเล่ เห็นว่ากำลังเตรียมชุดสวยๆ ล่วงหน้าอยู่พอดี ได้ยินเสียงแจ้วๆ ให้วาช่วยเลือกชุดดังลอดมาตามสาย สุดท้ายก็คุยไม่รู้เรื่องเพราะวามัวแต่หันไปด่า ติชุดที่เล่เลือก โป๊บ้าง บางเกินไปบ้างและอีกสารพัด จนซันมันตัดสายทิ้งมาทำหน้าที่นวดให้ผมก่อนนอน นับว่ารู้งานดี

   ด้วยความที่พรุ่งนี้ต้องตื่นตั้งแต่เช้ามืด หลังนวดเสร็จพวกเราก็ปิดไฟนอนทำตัวเป็นเด็กอนามัยสักวัน แน่นอนว่าคนที่ตื่นก่อนเป็นซัน หลังมันลุกอาบน้ำล้างหน้าแล้วก็ใช้เท้าเขี่ยปลุกผมที่นอนอืดแผ่เต็มเตียง ด้วยเกรงว่าหากผมยังลีลาไม่ยอมลุกอาจจะโดนพระบาทถีบร่วงลงจากเตียงได้ เลยจำใจลาจากหมอนและผ้าห่ม เดินสะโหลสะเหลไปจัดการตัวเองมานั่งอ้าปากหาววอดๆ เปิดบ้านรอเพื่อนอีกสองคนมารับ

   เวลาตีสี่และแล้วพวกวาก็มาถึง เสียงล้อรถบดถนนในยามราตรีเงียบสงบชวนให้บาดหูพิกล จนผมเผลอขยับเข้าหาซันไม่รู้ตัว ถ้าคนที่เคยตื่นเช้าๆ แบบชาวบ้านชาวเมืองเขานอนหมด ตัวเองแหกขี้ตามาทำบ้าอะไรก็ไม่รู้ บรรยากาศมันโคตรวังเวงเลยนะคุณ แค่คุยกันยังไม่กล้าพูดเสียงดัง ต้องลดเสียงเหมือนแมงหวี่เพราะกลัวจะรบกวนคนอื่น

   คนที่เปิดประตูฝั่งคนขับลงมาไม่ใช่วาอย่างที่คิด แต่เป็นเล่ในชุดเสื้อฮู้ดกันหนาวสีดำที่ดูใหญ่กว่าขนาดตัว ท่อนล่างเป็นกางเกงสเตขายาวสีดำ ส่วนรองเท้าเป็นผ้าใบสีขาวชมพู

   “ง่อยอย่างมึงยังขับรถเป็นอยู่เหรอ” ชุดไม่เท่าไหร่ คิดว่าน่าจะเอาเสื้อวามาใส่ทับ

   เล่แลบลิ้นใส่ “เค้าไม่ได้เป็นง่อยสักหน่อย ไปกันรีบขึ้นรถเร็ว เดี๋ยวจะไม่ทันพระอาทิตย์ขึ้นนะ” เจ้าตัวกวักมือเร่งยิกๆ ผมยังข้องใจไม่หาย แต่มือจัดการล็อคประตูกระจกก่อนตามซันขึ้นรถไป เห็นวานอนเอาเสื้อกันหนาวสีหวานปิดหน้าหลับไม่รู้เรื่อง ชัดเจนแล้วว่าทำไมเล่เป็นคนขับ

   “มึงขับไหวแน่นะ ต้องขึ้นเขาอีก ให้พวกกูขับแทนมั้ย” ผมถามด้วยความหวังดี ยังไม่อยากตกถนนเป็นผีเฝ้าป่า

   “ไหวสิ เดี๋ยวนี้เขาทำถนนดีแล้ว ค่อยๆ ขับไปสบายมาก” ตอบพลางเลี้ยวรถออกอย่างคล่องแคล่ว แม้จะเป็นรถกระบะก็ตาม ก็สมกับเป็นเล่ล่ะนะ ถึงภายนอกจะเหมือนผู้หญิง แต่ภายในยังไงก็ผู้ชาย อะไรก็ทำเป็นหมด ที่ผ่านมาติดจะขี้เกียจเท่านั้นเอง เลยชอบอ้อนคนนู้นคนนี้ให้ตามใจ ป๋าเล่นี่ขาประจำ วาน่าจะเป็นเหยื่อรายต่อไป ทุกคนอย่าโดนภาพลวงตาภายนอกหลอกเชียว

   “มั่นใจได้เลยว่าวามันไม่ยอมให้ขับขึ้นเขาหรอก เดี๋ยวก็ต้องเปลี่ยนคนอยู่ดี” ซันที่เงียบมานานจนผมนึกว่ามันหลับใน ตอบแทรกขึ้นมาแล้วกอดอกพิงไหล่ผมหลับเฉย เดี๋ยวสิคุณแฟน ปกติมันต้องดูแลฝ่ายรับไม่ใช่เหรอวะ ไอ้สองตัวนี้มันยังไง แต่เอาเถอะ ถือว่าผมอยู่คุยเป็นเพื่อนเล่แล้วกัน

   พอเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ก่อนทางขึ้นดอยสุเทพเริ่มมีร้านค้ามาเปิดขาย เล่แวะจอดซื้อน้ำเต้าหู้ปาทั่งโก๋กับไข่ต้มมาหอบใหญ่ กะไปกินมื้อเช้ากันบนดอย สงสัยกลิ่นหอมน่ากิน เจ้าพวกนี้ถึงลุกทันทีที่ถือถุงขึ้นรถ แล้วเปลี่ยนมือคนขับไปด้วย งานนี้วารับหน้าที่แทนเพราะชินรถกระบะมากกว่าซัน

   ระหว่างทางเห็นรถบ้างประปรายคาดว่าจะมีเป้าหมายเดียวกันคือดูพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า พวกเราเลยตัดสินใจแวะพักที่จุดชมวิวก่อนถึงวัดพระธาตุจะได้ไม่ต้องไปแย่งกับคนอื่นข้างบน แถมไม่รู้ว่าเอาอาหารขึ้นไปได้รึเปล่า ด้วยความที่พวกเรามาเร็ว เลยมีทำเลดีๆ ให้เลือกนั่งรอเวลา เพราะตอนมาถึงผมเห็นคนไม่กี่คนอยู่ในศาลา ฟ้ายังมืดสนิท ที่สำคัญหมอกลงจนแทบไม่เห็นเมืองตอนกลางคืน นับว่าน่าเสียดายอยู่บ้าง ก็ได้แต่หวังว่าเมฆจะไม่เยอะจนไม่เห็นพระอาทิตย์นะ

   เราสี่คนมีแค่เล่ที่ใส่เสื้อกันหนาว นอกนั้นท้าอากาศเย็นใช้หลอดเจาะดูดน้ำเต้าหู้เพิ่มความอบอุ่นไปพลางๆ พอกินปาท่องโก๋หมดก็ตามด้วยไข่ต้ม นั่งแกะ กัดตูดถุงน้ำปลาเหยาะไข่กิน ไม่รู้ว่าเค็มน้ำปลาหรือขี้มือแต่รวมๆ แล้วอร่อยดี

   “ได้ซื้อน้ำมาป่ะ” ซันถามหลังซัดไข่หมดไปสามฟอง ผมกับเล่มองหน้ากันแล้วส่ายหัว พร้อมใจกันชี้ไปยังรถขายน้ำที่เพิ่งมาถึงสดๆ ร้อนๆ หนุ่มเถื่อนถอนหายใจแบบกูว่าแล้ว ผงกหัวให้วาไปช่วยกันถือ เนื่องจากผมยังมีไข่เต็มปาก อีกครึ่งลูกถือคามือ เล่เองก็เพิ่งงับฟองใหม่พอดี คนที่กินไวจนคอแห้งเลยต้องเสียสละไป

   ไม่รู้ว่าบังเอิญหรือจงใจ แต่ถือเป็นโอกาสดีที่ผมกับเล่จะคุยกันตามประสาเพื่อนสนิท

   “เรื่องที่บ้านเป็นไงบ้าง” เล่ถามอย่างเป็นห่วง ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่แบบไม่ปิดบัง กับเล่ที่รู้เรื่องราวบ้านผมดีไม่จำเป็นต้องเข้มแข็งให้เสียเวลา

   ผมตอบเสียงเนือย “ดีและไม่ดี พ่อแม่เหมือนจะโอเคแต่ไม่สุด ปู่ก็เดาใจไม่ถูก ที่ทำให้โล่งใจก็มีแต่ย่ากับป้าสายใจนั่นแหละ” ส่วนป้ามหาภัยผมไม่กล่าวถึง คนๆ นั้นต่อให้ผมเพอร์เฟคแค่ไหนเขาก็ยังหาข้อติได้อยู่ดี คนมันอิจฉา อคติ เปลืองเวลาที่จะสนใจ แค่ต่างคนต่างอยู่อย่ามาระรานกันก็พอ

   “คิดในแง่ดีไว้ ทุกคนไม่ต่อต้านแบบสุดลิ่มทิ่มประตูก็ดีแล้ว อนาคตยังมีโอกาสพัฒนาไปในด้านดี อีกอย่าง แฟนแบบซันหายากมากนะ คนที่ยอมรับปัญหาของเราได้โดยไม่ทิ้งกันไปก่อน นี่แหละคือสมบัติล้ำค่า”

   ผมพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วยโดยไม่มีข้อโต้แย้ง “มันก็จริง...แล้วมึงกับวาล่ะเป็นยังไงบ้าง ดูเผินๆ พวกมึงรักกันดี แต่กูรู้สึกเหมือนมีอะไรติดๆ ยังไงชอบกล” ไม่ได้อยากจะเทียบกับตัวเองหรอกนะ เพราะแต่ละคู่ไม่เหมือนกัน อย่างผมกับซันต่อให้ไม่พูดก็พอรู้กันดีกว่าต่างคนต่างทุ่มให้อีกฝ่ายแค่ไหน ส่วนของวากับเล่ มันเหมือนมีกำแพงกั้นทำให้ไปไม่สุด

   คราวนี้เป็นเล่ถอนหายใจแทน “ก็ไม่แปลกที่โป้จะคิดแบบนั้น เพราะฉันกับวายังไม่ได้คบกันเลยน่ะสิ” สิ้นคำก็เบ้ปาก ท่าทางเซ็งๆ

   “ทั้งที่พวกมึงมีอะไรกันไปแล้วแถมตามดูแลกันขนาดนี้เนี่ยนะ” ต่อให้เล่ไม่เล่าให้ฟังผมก็มองออกว่าคู่ไหนเสร็จกันไปแล้ว อธิบายไม่ถูกว่าสังเกตยังไง มันเป็นเรื่องของความรู้สึก เห็นปุ๊บแล้วรู้เอง

   “วาเป็นเสือผู้หญิง ไม่เคยนอนกับผู้ชาย คงต้องให้เวลาเจ้าตัวหน่อย”

   “อย่าหาว่าใจร้ายเลยนะ ไม่คิดว่ามันจะให้ความหวังเฉยๆ รึไง” ผมขมวดคิ้ว จากทีแรกโอเคตอนนี้เริ่มไม่โอเคกับวาแล้ว

   “ก็อาจจะเป็นแบบนั้น แต่ลางสังหรณ์ฉันบอกว่า วาแค่ต้องการเวลาเท่านั้น แต่ละคนมีปัญหาไม่เหมือนกัน แถมเรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ที่สำคัญ วาเองก็เลิกเจ้าชู้ ไม่เคยชายตาแลผู้หญิงคนไหนเลย ตามดูแลคอยเป็นห่วงทุกอย่าง ฉันเลยว่าจะลองเสี่ยงดูสักตั้ง” สองมือถือไข่ต้มกับถุงน้ำปลาชูโคตรจะไม่เข้ากับบรรยากาศ ผมส่ายหัวยื่นมือไปโยกหัวใต้ฮู้ดเบาๆ

   “มึงสายตาดีกว่ากูอยู่แล้ว จะเอาใจช่วยแล้วกัน ถ้ามีปัญหาอะไรบอกได้เสมอ ไม่ต้องกลัวซันมันเข้าข้างเพื่อนด้วย มันเคยบอกกูเองว่า ถ้าวาผิดจริงมันจะเป็นฝ่ายซัดให้แทนเอง” ซันพูดคำไหนคำนั้น ที่ผ่านมาผมยังไม่เคยเห็นเจ้าตัวผิดคำพูดเลยสักครั้ง คิดว่าเรื่องนี้ก็เหมือนกัน

   “ขอบคุณนะโป้...แต่มือยังไม่ล้างมาจับฮู้ดแบบนี้ เค้าเป็นคนซักนะ” เล่พองลมเข้าแก้มงอแง ผมขยี้ทิ้งท้ายคอยดึงมือกลับ ชมผลงานอย่างพึงพอใจ ถือเป็นการเอาคืนเล็กๆ น้อยๆ แม้เล่จะซวยไปอีกคนก็ตาม

   พอคุยเสร็จ สองคนนั้นก็กลับมาเหมือนนกรู้ คิดว่าคงปลีกตัวไปคุยตามประสาเพื่อนเหมือนกันนั่นแหละ ผมเชื่อว่าเดี๋ยวซันมันก็เล่าให้ฟังเลยไม่ซักไซ้ถาม ซันเองก็เหมือนกัน ส่งน้ำเปล่าให้ผมล้างมือค่อยยื่นแก้วกาแฟเย็นมาให้ ของเล่เป็นชาเย็น วากับซันกระดกน้ำเปล่า เพราะลองชิมของพวกผมแล้วไม่ถูกปากเลยไม่คิดจะซื้อ เจ้าพวกลิ้นสูง นิสัยเสียเอาพวกผมเป็นหนูทดลอง

   ล้างไม้ล้างมือกันเสร็จ ก็มานั่งเรียงรอดูพระอาทิตย์ขึ้น เวลาฟ้ามืดจะรู้สึกว่ามันช้าเหลือเกิน แต่พอแสงอาทิตย์เริ่มโผล่มากลับไวราวกับโดนเร่งความเร็วคูณสาม เปิดตัวด้วยแสงสีส้มตรงเส้นขอบฟ้า หมอกค่อยๆ สลายไปทีละน้อย เผยให้เห็นตัวเมืองเชียงใหม่ที่คุ้นเคยในมุมไม่คุ้นตา มันเป็นความสวยที่บรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ ของแบบนี้ต้องเห็นกับตาจึงจะรู้สึกเหมือนร่างกายถูกเติมเต็ม เข้ากับอากาศสดชื่นปลอดโปร่งไร้มลพิษ

   พวกเราไม่มีใครยกมือถือหรือเตรียมกล้องมาถ่ายรูปสักคน เพราะต่อให้กล้องดีแค่ไหนก็ไม่เท่าของจริง มันได้อารมณ์กว่าเยอะ

   “คราวหน้าชวนพวกนั้นมาด้วยดีกว่า” ผมพูดขึ้นมาลอยๆ อีกสามคนส่งเสียงรับโดยไม่พูดอะไร ถ้ามากันครบทีมมันต้องสนุกมากแน่ๆ ต่อให้ไม่มาที่เชียงใหม่ ไปเที่ยวที่อื่นก็ไม่เลว

   หลังดื่มด่ำกับความงดงามของธรรมชาติเสร็จ ก็จัดการกับกลไกธรรมชาติของร่างกายตัวเองต่อ ก่อนหน้านี้คือกินซะเต็มคราบ ซดน้ำเป็นว่าเล่น ตอนนี้เริ่มออกอาการกันทั่วหน้า ตัดสินใจช่างพระอาทิตย์มันแล้วขึ้นรถขับไปวัดพระธาตุดอยสุเทพเพื่อเข้าห้องน้ำแล้วจะได้เที่ยวต่อเลย

   ต้องไม่ลืมไหว้พระเพิ่มความศิริมงคลให้ชีวิต เผื่ออนาคตในภายภาคหน้าจะได้เจอมารน้อยลงแล้วค่อยเดินชมความงามของพระเจดีย์สีทองอร่ามกับศิลปะแบบไทยที่อยู่โดยรอบ แม้จะเป็นเวลาเช้าแต่ก็มีคนพอสมควร พอถ่ายรูปจนหนำใจก็ไปต่อที่อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย

   อิ่มบุญกันแล้วตามด้วยอิ่มท้อง พวกผมไม่ซีเรียสเรื่องร้านอาหาร เจอร้านไหนน่ากินก็เข้าร้านนั้นแล้วพาเล่กับซันไปปล่อยที่สวนสัตว์เชียงใหม่ ความจริงคือเล่อยากไปเดินสวนกุหลาบเวียงพิงค์ ต่อให้ไม่ใช่ช่วงฤดูหนาวที่ดอกไม้ออกเยอะ แต่ก็สวยดี สารพัดสีสันระรานตา

   ผมกับซันถือโอกาสนั่งพักปล่อยให้เล่ไปเดินประดุจเจ้าหญิง โดยมีวาตามไปเป็นราชองครักษ์(ตากล้อง)ให้ เห็นซันบอกว่าวาดูผอมลงแต่แข็งแรงขึ้นโดยเฉพาะขา เล่เป็นพวกอยู่ไม่สุข คงจะลากวาไปไหนมาไหนด้วยจนออกกำลังกายไปในตัว น่าเสียดายที่ช่วงนี้ไม่เหมาะกับการเล่นน้ำตก ไม่งั้นพวกเราคงได้แช่น้ำเย็นฉ่ำ

   ออกมาจากสวนสัตว์พยาธิในกระเพาะเริ่มทำงานอีกรอบ ที่กินไปถูกเผาผลาญจนหมดเกลี้ยง เรากะปิดท้ายโปรแกรมด้วยการไปเดินที่ถนนคนเดินท่าแพเลยขับรถไปหาอะไรกินในเวียงเชียงใหม่ชั้นในซึ่งเป็นเขตตัวเมืองรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเขตเมืองเก่า พูดเหมือนจะดูดีนะ ผมแอบเปิดวิกิพีเดียเมื่อกี้ ฮ่าๆ อยากดูดีมีสาระบ้างอะไรบ้าง

   เอาเป็นว่าตามนั้นแหละ ที่เที่ยวมันเยอะแต่เวลามีจำกัดเลยเลือกเฉพาะพวกทางผ่าน เติมพลังงานเสร็จก็ออกลุยต่อ โดยเริ่มจากหอประวัติศาสตร์เมืองเชียงใหม่ คอมโบด้วยโบราณสถานที่วัดเจดีย์หลวงวรวิหารและศูนย์สถาปัตยกรรมล้านนารีเควสของผมเอง

   พวกเราไม่ใช่สายทอดน่องค่อนข้างทำเวลาได้เร็ว เที่ยวครบหมดแล้วยังไม่ถึงเวลาเปิดของถนนคนเดิน จะให้เที่ยวต่อก็เริ่มหมดแรงตามสภาพ สุดท้ายเลยนั่งพักขาในร้านกาแฟแถวนั้น เปิดมือถือดูรูปที่ถ่ายมา ส่งไปเย้ยพวกไม่ได้เที่ยว ก่อนจะโดนสวนกลับจนหน้าหงาย ปอนด์ส่งรูปอาหารแบบฟูลออฟชั่นมีเฮียเฟย์ติดฉากมาครึ่งหนึ่ง ริวส่งรูปเซลฟี่ของตัวเองโดยมีฉากหลังเป็นบ้านสไตล์ญี่ปุ่น ที่เด็ดกว่านั้นคือรูปที่มิทส่งมา ไม่มาก ไม่มาย แค่รูปหาจากเน็ตพร้อมแคปชั่น

   ‘ไว้ไปถึงแล้วจะถ่ายรูปมาฝากนะ’

   มหาวิหารเซนต์บาซิลสถานที่โคตรน่าเที่ยวของมอสโกประเทศรัสเซีย เพื่อนเรามีเป้าหมายจะไปไกลที่สุดเลยเว้ย ไลน์ถึงกับเด้งรัวเมื่อทุกคนพร้อมใจกันกดสติ๊กเกอร์สารพัดแบบในอารมณ์ตาร้อน คิดดูขนาดวากับซันยังเอากับเขาด้วย ระหว่างรุมด่ามิทกันเพลินๆ รู้สึกตัวอีกทีก็ได้เวลาไปสถานที่สุดท้าย

   ถนนคนเดินท่าแพอุดมไปด้วยของขายและของกินมากมาย พวกเรากะฝากท้องไว้ที่นี่เลย ทั้งของคาวของหวาน ได้ของกินเต็มมือนั่นแหละถึงได้ฤกษ์มองของขายกับบรรยากาศคึกคักในยามเย็น มีคนมาเปิดหมวกแสดงความสามารถให้ดูกันเพลินๆ จังหวะที่ผมกำลังเดินผ่าน สายตาสะดุดเข้ากับใบหน้าด้านข้างของชายคนหนึ่ง กว่าจะรู้สึกตัวอีกที ผมก็เดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้าของชายคนนี้ซะแล้ว...

   ท่ามกลางผู้คนที่เดินสวนไปมา มีเพียงคนเดียวที่เข้ามาอยู่ในระยะประชิดจนคนถูกจ้องเงยหน้ามองอย่างแปลกใจ พอได้เห็นอีกฝ่ายเต็มตาเสียงกีต้าร์ก็หยุดลง

   “โป้…?”

   “มึงดูเปลี่ยนไปนะ” ผมทัก ถือวิสาสะดึงเก้าอี้เล็กอีกตัวมานั่งข้างๆ มองด้านหน้าเพื่อนเก่าที่มีกระเป๋าใส่กีต้าร์วางอยู่พร้อมเหรียญกับแบงค์ยี่สิบอีกนิดหน่อย

   “ส่วนมึงไม่เปลี่ยนไปเลย อ่า...อาจจะเปลี่ยนก็ได้ เพราะตอนนี้สีหน้ามึงดูมีความสุขไม่เหมือนเมื่อก่อน” มันโคลงหัวบุ้ยปากไปทางพวกซันที่มองซ้ายมองขวา คงกำลังหาผมอยู่แต่คนเยอะเกินไปเลยไม่เห็นผมนั่งเนียนอยู่ตรงนี้ “พวกนั้นกำลังตามหามึงอยู่มั้ง แฟนมึงเหรอ?” มันถามอย่างสงสัยแบบไม่มีอะไรแอบแฝงในน้ำเสียง ผมเลยตอบมันสบายๆ พลางส่งข้อความไปบอกซันว่าผมอยู่แถวนี้ คนเยอะ เสียงเอะอะ ตะโกนไปคงไม่ใช่เรื่อง

   พอเห็นซันก้มมองมือถือกวาดตามองไม่กี่รอบก็เห็นผมและกำลังเดินมาทางนี้ ผมเลยให้ความสนใจกับการคุยต่อ

   “ใช่ แล้วมึงล่ะ ไปไงมาไง ทำไมมานั่งเปิดหมวกเล่นกีต้าร์ได้” ถามแม่งตรงๆ นี่แหละ ขนาดมันเห็นผมเดินกับพวกซันจนเดาความสัมพันธ์ออก ตอนแรกมันยังทำเหมือนเพิ่งเห็น

   “กูเปิดกระเป๋ากีต้าร์ต่างหาก” กวนแบบนี้สมแล้วล่ะที่เป็นเพื่อน ‘คนสนิท’ ของผม ก่อนมันพูดต่อแบบชิวๆ “ไม่มีอะไรมาก แค่หาตังส่งตัวเองเรียน หัวกูไม่เก่งอย่างใครเขา ชิงทุนไม่ได้ก็ต้องใช้วิธีนี้” ที่เหลือคงไม่ต้องอธิบายมาก

   ฐานะทางบ้านของเจ้านี่เรียกได้ว่าหาเช้ากินค่ำ ไม่มีเงินถุงเงินถังอะไรมากมาย ส่งพี่ชายเรียนก็เต็มที่แล้ว มันเป็นน้องเล็กอยากเรียนเลยต้องกระเสือกกระสนเอง ผมตบบ่ามันโดยไม่พูดอะไร มั่นใจเลยว่ามันไม่ได้เล่นกีต้าร์หาเงินอย่างเดียวชัวร์ คงจะทำอีกหลายงานมันถึงดูอิดโรยหน่อยๆ

   ช่วงที่เรียนเชียงใหม่ รอบตัวผมส่วนใหญ่มีแต่แบบนี้ ผมเลยเข้าใจมิทได้เร็วกว่าคนอื่น หลายๆ อย่างมันช่วยไม่ได้จริงๆ ชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันไป พอซันปลีกตัวจากวาเล่เดินมาถึง มันก็มองพวกเราสลับไปมาพลางเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม ผมรู้หน้าที่จึงจัดการแนะนำตัว

   “ซันแฟนกู ส่วนไอ้นี่ชื่อพายุ มัน...” ยังไม่ทันจะพูดต่อมันแย่งตอบซะงั้น

   “เป็นแฟนเก่าโป้ ยินดีที่ได้รู้จัก” พายุตอบท่าทางกวนๆ หุ่นมันก็พอๆ กับผมเนี่ยแหละ มึงอาจหาญไปมั้ย เท้าแฟนกูหนักนะเว้ย โปรดสังเกตหนังหน้ามันด้วย ไอ้เถื่อนเริ่มขมวดคิ้ว

   “มึงนี่เอง” ซันแสยะยิ้มท่าทางเอาเรื่อง ทุกคนช่วยนึกย้อนกลับไปนะครับ ว่าที่ผ่านมาผมกับซันทะเลาะเรื่องอะไรกันบ้าง ซึ่งหนึ่งในนั้นมีเรื่องเกี่ยวกับอดีตของผมที่พายุเป็นต้นเหตุ บอกขนาดนี้ที่เหลือคงพอเดากันออก ผมรีบแก้ก่อนเรื่องจะบานปลาย มาเที่ยวไม่อยากมีเรื่อง

   “ไม่ใช่แฟน แค่เกือบ มึงอย่าหาเรื่อง ซันมันไม่เหมือนมึง” ตวัดสายตามอง พายุยกสองมือเป็นเชิงยอมแพ้

   “แค่แหย่เล่นอย่าเพิ่งซีเรียสไป เรื่องสมัยวัยรุ่นหัวเกรียนอย่าไปอะไรมาก ถึงกูจะเหี้ยจริงก็เถอะ” พูดจบก็หัวเราะ มันเป็นคนอารมณ์ดีนะ เสียแต่ปอดแหกไป(ไม่)หน่อย

   เอาตรงๆ ตอบแบบลูกผู้ชาย ผมยังโกรธมันอยู่ ที่เข้ามาหาคิดจะมาเยาะเย้ย แต่พอเห็นสภาพมันเข้าก็พูดไม่ออก นึกทบทวนดีๆ ณ จุดๆ นั้นมีทางเลือกไม่มาก มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่เห็นแก่ตัวแต่กำเนิด กระทั่งผมเองก็เช่นกันถึงทำให้ซันเจ็บช้ำมาหลายครั้ง ดังนั้น มันจะเลือกทางรอดให้ตัวเองก็ไม่ผิดซะทีเดียว หรือต่อให้มันเลือกผม ก็ไม่แน่ว่าสถานการณ์จะดีขึ้น...บ๊ะ อยู่กับซันมากจนติดนิสัยมีเหตุผลมันมา แม่รู้ ย่ารู้คงน้ำตาไหล

   “พวกกูจะต่อยกันอยู่แล้วมึงเหม่อเหี้ยไรวะ” ปากแบบนี้มีคนเดียว

   “ช่างเถอะ ถือว่าเลิกแล้วต่อกัน ต่างคนต่างอยู่กูมีเรื่องปวดหัวเยอะแล้วไม่อยากเอามาเพิ่ม” วาจาพระเอกจริงกู

   “เหลือเชื่อ มึงคิดได้ แต่ก่อนเจอหน้ากูพุ่งเข้ามาซัดตลอด กูชักเสียดายมึงแล้วสิ สนใจถ่านไฟเก่าหน่อยไหม” มันขยิบตาให้ ส่วนผมต้องรีบไปยืนขวางซันก่อนจะเกิดงานแสดงมวยเรียกเงินแทนเล่นกีต้าร์

   “เสียใจว่ะ มึงไม่แกร่งพอจะยืนอยู่ข้างกูได้ อ่อนแอก็แพ้ไป” ชูนิ้วกลางใสๆ พายุยิ้มๆ ไม่โกรธแถมแววตายังอ่อนลง เหลือเชื่อกว่านั้นคือมันก้มหัวให้ผม

   “ขอโทษกับเรื่องที่ผ่านมาและขอบคุณที่มึงไม่ติดใจเอาความ ที่จริงเรื่องนี้ก็เป็นปมในใจกูมาตลอด วันนี้ได้ปลดออกกูค่อยโล่งหน่อย จะได้เริ่มชีวิตใหม่ได้จริงๆ สักที”

   “กูอโหสิกรรมให้มึง ชาติหน้าจะได้ไม่ต้องมาใช้เวรใช้กรรมกันอีก เหม็นหน้า” อิ่มบุญทั้งวันเลยผม

   “ขอบใจ” คุยกับผมเสร็จก็เบนไปทางซัน ”มึงก็อย่าคิดมาก กูไม่เอามันหรอก เพราะตกลงกันไม่ได้ว่าใครรุกใครรับ” ได้ยินแบบนี้ผมลั่นเลยครับ ไม่สนว่าใครจะมอง อันนี้ฮาจริง คงเพราะเรื่องนี้ด้วยแหละความสัมพันธ์พวกเราถึงไม่เลื่อนขั้นสักทีจนเกิดเรื่อง

   “เออ” ซันเอ่ยเสียงห้วน ผมเห็นนะเว้ยว่ามันแทบจะหุบยิ้มไม่อยู่ ยืดอกจนผมหมั่นไส้ ก็มันได้เสียบผมนี่หว่า ไอ้พายุก็น่าจะมองออกถึงมองผมแซวๆ เสียชื่อโป้หลานปู่สิน ณ เชียงใหม่ แต่ไม่เป็นไร ได้ซันผมก็โอเค ยอมแล้วทูนหัวอยากมีผัวชื่อซัน...

   สงสัยซันมันอารมณ์ดีจัด โปรยเงินให้ไปสองร้อย หลังมันรู้เรื่องที่พายุหาตังเรียนอะนะ แน่นอนว่าคนอย่างพายุ...ก็รับเงินสิ! เห็นมันบอก ศักดิ์ศรีกินไม่ได้ เงินสิยั่งยืน ซึ่งก็ถูกของมันผมเลยไม่เถียง หลังคุยกันอีกนิดหน่อยก็ปล่อยให้มันทำมาหากินต่อไป ผมไม่ขอเบอร์ไม่อะไรทั้งสิ้น ถ้ามันจะได้เจอเดี๋ยวก็เจอเหมือนวันนี้ ที่สำคัญต่างคนต่างมีเส้นทางของตัวเอง ปล่อยให้มันเป็นอดีตไปเถอะ ผมไม่คิดอาลัยอาวรณ์

   พอมารวมกลุ่มกับพวกเล่อีกครั้ง เจ้าตัวก็บ่นยาวทันที บอกจะเข้าไปช่วยผมตบพายุแล้ว ถ้าไม่ติดว่าวาห้าม ผมปรายตามองถุงเสื้อผ้าในมือวาสลับมองหน้าเล่ที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ จัดการหยิกแก้มไปทีด้วยความหมั่นไส้ ไม่สนสายตาดุจากวาเพราะผมมีซันให้ท้าย

   จะว่าไป เหมือนผมลืมอะไรไปบางอย่างแฮะ คุ้นๆ ว่าก่อนจะปิดเทอมไปกวนตีนใครเขาเข้า...ช่างเถอะ ไว้มีคนมาหาเรื่องค่อยสวนกลับ ถ้าไม่มีก็แล้วไป เพราะผมไปกวนชาวบ้านไว้เยอะ ให้ตามเคลียร์ก็ไม่เป็นอันทำอะไรพอดี

   ระหว่างเดินกลับรถหลังปล่อยเล่ชอปจนพอใจ ผมกับซันรั้งท้ายพูดคุยกันอยู่สองคน

   “มึงจะกลับบ้านเมื่อไหร่วะซัน” ปิดเทอมทั้งทีจะเหมาตัวมันไว้กับผมคนเดียวก็ดูจะเห็นแก่ตัวไปหน่อย

   “แบ่งกันครึ่งๆ อยู่บ้านมึงสักสามสี่อาทิตย์แล้วค่อยไปต่อบ้านกู แน่นอนว่ามึงต้องไปด้วย” มันหันมากำชับ ผมพยักหน้าไม่ขัดขืน คิดไว้แล้วว่าจะตามมันกลับไปด้วย ซันอุตส่าห์มาทำคะแนนกับครอบครัวผม ผมเองก็ต้องไปทำคะแนนกับครอบครัวมันบ้าง ฝึกเป็นคุณนายแรงงานที่รีสอร์ทล่วงหน้าด้วย ถือว่าร่วมด้วยช่วยกันเพื่อชีวิตคู่อันยืนยาว

   “กลับบ้านของพวกเรากัน” ผมยิ้ม เอาไหล่ชนมันหยอกๆ ซันเลิกคิ้วย้ายถุงของฝากไปอีกข้างแล้วจับประสานมือ แม้มันจะหยาบกร้านไม่นุ่มนิ่ม จับไปก็ไม่สบาย แต่ใจผมมันบอกว่ามือของผู้ชายคนนี้แหละ ที่จะจับมือกันไปตลอด

ขอบคุณพ่อแม่ที่ทำให้ผมได้เกิดมา

ขอบคุณทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต

ขอบคุณทุกเหตุการณ์ที่ผ่านมา

ขอบคุณที่ทำให้ผมได้เจอกับซัน...เจอกับอีกครึ่งชีวิตของผมเอง...


END



-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

และแล้วก็จบสักที แม้จะผ่านอุปสรรคมามากมายในที่สุดนิยายก็จบพร้อมกับสารพัดปัญหาของโป้ แน่นอนว่าตัวละครยังคงโลดแล่นอยู่ต่อไป รอเจอตอนพิเศษในเล่ม และบทของซันโป้ในนิยายคู่อื่นของซีรีส์มหา'ลัย

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามมาจนถึงวันนี้ค่ะ  :กอด1:

*เกี่ยวกับการรวมเล่ม*
งานนี้ขอบอกกันล่วงหน้าเลย
- รีไรท์ เพิ่มและลดเนื้อหาปลีกย่อยเล็กๆ น้อยๆ พร้อมตรวจคำผิด
- ตอนพิเศษซันโป้ 2 ตอน (2ตอนเหมือนจะน้อยแต่ไม่น้อยนะคุณ)
- ตอนพิเศษเรืองของคุณพี่ชาย "มูนxจิน" ฉบับตั้งแต่เจอกันครั้งแรกจนปัจจุบัน (อารมณ์แบบกบโฟมแหละ)
- ราคาประมาณ 350-400 จะพยายามไม่ให้แพงมากนัก(คือมันน่าจะหนากว่าเฟย์ปอนด์อีก)
- คาดว่าจะเปิดพรีช่วงเดือนกันยา อาจเป็นช่วงปลายๆ เดือน ระยะเวลาพรี 2 เดือนเช่นเคย ระหว่างนี้ก็รีบเก็บตังกันนะ
- สำหรับคนที่มี 'หนุ่มวายยกกำลังสอง' ในครอบครอง หรือซื้อพร้อมกัน2เรื่อง ปลาเงินจะมีส่วนลดให้ ไว้จะแจ้งรายละเอียดอีกที
- รอบนี้ไม่มีลุ้นโชค มีแต่ส่วนลดแม้จะซื้อเล่มเดียว พ้นช่วงพรีราคาเต็มนะ
- สำหรับคนรอ e-book ปลาเงินจะลงทั้งซีรีส์ แต่จะลงหลังขายเล่มแล้ว2เดือนขึ้นไป และจะไม่ได้ของแถมในเล่มเน้อ (เช่นที่คั่น โปสการ์ด ปกหลัง เพราะเวลาอัพใน meb จะขึ้นรูปปก และเนื้อหาในเล่มเลย)
สถานะปก : อยู่ในช่วงวาดปก ไว้เสร็จปลาเงินจะเอามายั่วน้ำลายนะ

ติดตามข่าวการเคลื่อนไหวได้ที่เพจ Silver Fish (https://www.facebook.com/SilverFish4/)
หัวข้อ: Re: }END{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่37 คนละครึ่ง [7/8/60]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 07-08-2017 15:53:54
น่ารัก รอคู่วากับเล่ อยากอ่่านมากๆ
หัวข้อ: Re: }END{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่37 คนละครึ่ง [7/8/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 07-08-2017 16:53:34
จบแล้ว~ ขอบคุณนะคะ สนุกมากเลย~
หัวข้อ: Re: }END{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่37 คนละครึ่ง [7/8/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 07-08-2017 20:13:57
 :pig4: จบอีกเรื่องหนึ่งแล้ว เป็นคู่ที่น่ารักดี
หัวข้อ: Re: }END{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่37 คนละครึ่ง [7/8/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 09-08-2017 16:17:13
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆน้าาา
หัวข้อ: Re: }END{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่37 คนละครึ่ง [7/8/60]
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 09-08-2017 22:11:52
ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: }END{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่37 คนละครึ่ง [7/8/60]
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 13-08-2017 20:53:47
ตามมาจากป๋ามิท
เรื่องนี้สนุกดี น่าติดตามมาก
แต่อยากให้มีตอนพิเศษอีก :mew4:
หัวข้อ: Re: }END{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่37 คนละครึ่ง [7/8/60]
เริ่มหัวข้อโดย: duckka ที่ 15-08-2017 12:23:38
ปีโป้ เจเล่ ตะกูลเยลลี่ โอ๊ะชอบมาก
เรืีองนี้ซันมาแบบอึนๆ แต่ได้คบกันแบบ
มัดมือชก ชอบสไตล์ปีโป้ รออ่านคู่ต่อไป
แต่ติดว่า สาวดุ้นอย่างเจเล่  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: }END{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่37 คนละครึ่ง [7/8/60]
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 19-08-2017 00:27:59
 :L2: :กอด1:r
หัวข้อ: Re: }END{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่37 คนละครึ่ง [7/8/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Aumy8059yaoi ที่ 24-08-2017 02:11:56
รู้สึกยังไม่อยากให้จบเลยค่ะ
ชอบนิสัยซันกับโป้มากกกกกกก
โดยเฉพาะซัน...อยากได้ผู้ชายแบบนี้!!!! :กอด1: :man1: :hao6:
เดี๋ยวเราไปปลูกไตก่อนนะค่ะ555555 :mew3:
ขอบคุณนะค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: }END{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) ยกที่37 คนละครึ่ง [7/8/60]
เริ่มหัวข้อโดย: AngPao1932 ที่ 29-08-2017 02:55:32
ขอบคุนักเขียนสำหรับนิยายดีๆจ้า เป็นเรื่องแรกเลยมั้งที่อ่านนายเอกแนวนี้ ตอนแรกกลัวดราม่าจะมาจากซันเรื่องสาวซะแล้ววววววว กลับมาจากโป้ล้วนๆเลยนั่น จริงเรารออ่านคู่ วาเล่ อยู่น๊าาาาาาา สู้ๆจ้า  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: }END{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) แจ้งข่าว P.13 [12/9/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 12-09-2017 17:17:55
เปิดพรีออเดอร์ 12 ก.ย. - 12พ.ย.60

(http://up.gunhotnews.com/?img=281505211761.jpg)

เรื่อง : เป็นเกย์กันมั้ย (เล่มเดียวจบ)
คู่ : ซัน-โป้
แนวเรื่อง : คอมเมดี้,ฮาร์คคอ
ขนาด : A5
จำนวนหน้า : 350+ หน้า
กระดาษ : ถนอมสายตา 75 แกรม
ราคาปกติ : 380 บาท
*ราคาพิเศษเฉพาะรอบพรี 350 บาท (รวมค่าไปร 380 บาท)*
แถมที่คั่นทุกเล่ม

*สิ่งที่เพิ่มขึ้นในเล่ม*
- ตรวจคำผิด เรียบเรียงคำและเพิ่มเนื้อหาบางส่วนจากเนื้อเรื่องหลัก
- ตอนพิเศษ ซันโป้ 4 ตอน / มูนจิน 2 ตอน
- ภาพสกรีนโทน มูนจิน

โปรโมชั่น


(http://up.gunhotnews.com/?img=121505211804.jpg)

พรีได้ที่ - https://goo.gl/FhcWg7

จาก #ซีรีย์มหาลัย
1 หนุ่มวายยกกำลังสอง (เฟย์-ปอนด์) : Repint
2 เป็นเกย์กันมั้ย (ซัน-โป้) : Preorder
3 Contract มาเฟีย (ป๋า-มิท) : กำลังแต่ง
4 ผมยอมเป็นหมาให้พี่รัก (ริว-ธัน) : coming soon...
5 ??? (วา-เล่) : coming soon...
หัวข้อ: Re: }END{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) แจ้งข่าว P.13 [12/9/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mucan99 ที่ 13-09-2017 16:40:06
น่ารักมาก ความรักนี้
หัวข้อ: Re: }Preorder{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) พิเศษมูน-จิน1 P.13 [24/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 24-10-2017 02:08:17

   ‘อิสระ’ เมื่อเห็นคำนี้ใครหลายคนคงนึกถึงนกที่มีปีกโบยบินบนท้องฟ้าได้อย่างอิสรเสรี สามารถไปได้ทุกที่ที่ต้องการ มองดูแล้วช่างมีความสุข...


   แต่มันจะเป็นแบบนั้นจริงรึเปล่า?


   ผู้หญิงทุกคนที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิต มักเปรียบเทียบผมกับนก ดูดี ดึงดูดสายตา ชวนให้เข้าหาเพื่อให้ได้สัมผัสแม้ปลายขนปีก แล้วพอได้แตะบนขนอ่อนนุ่มกลายเป็นความหลงใหลคิดอยากจะครอบครอง เมื่อถึงเวลานั้น นกก็บินจากไปสู่ผืนฟ้ากว้างใหญ่และไม่คิดเหลียวกลับมามองอีกเลย ทิ้งไว้เพียงความทรงจำ

   ผมอยากจะเค้นเสียงหัวเราะกับคำพูดเพ้อฝันของผู้หญิงเหล่านั้น เพราะพวกเธอไม่ได้ต้องการตัวผม แต่ต้องการทรัพย์สินของผมต่างหาก ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่จะสานสัมพันธ์ต่อไป ในเมื่อยังมีผู้หญิงอีกหลายคนที่รอคอยและเสนอตัวให้กับผม

   เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ผมเข้ามาบริหารธุรกิจอย่างเต็มตัว แต่เดิม ครอบครัวของผมมีกิจการมากมาย ทั้งห้างและอสังหาริมทรัพย์อีกจำนวนหนึ่ง ก่อนทุกอย่างจะสูญสลายหายไปในอากาศเมื่อวันที่พ่อแม่ผมจากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์

   ญาติที่เคยพูดคุยหรือญาติที่ไม่เคยพบหน้ามาก่อน ต่างพากันมารุมทึ่งทรัพย์สมบัติราวกับแร้งโหย แย่งชิงในส่วนที่ควรจะเป็นของผมด้วยคำพูดสวยหรูว่าผมยังไม่บรรลุนิติภาวะ ควรปล่อยให้พวกเขาซึ่งเป็นผู้ใหญ่ดูแลไปก่อน ถึงผมจะอายุแค่สิบสี่ไม่โง่หลงเชื่อลมปากเหม็นเน่าพวกนั้น แต่แล้วยังไงล่ะ? ผมไม่มีกำลังมากพอที่จะต่อกรกับพวกเขาได้ อาศัยทรัพย์สินที่เหลืออยู่จำนวนหนึ่งเพื่อใช้ชีวิตอยู่ต่อไปพร้อมกับทำงานพิเศษหาเงินควบคู่ไปด้วยระหว่างเรียนจนกระทั่งขึ้นมหา’ลัย

   แล้วผมก็ได้พบกับญาติฝั่งพ่อที่เป็นชาวต่างชาติ ส่งผลให้ชีวิตผมก็ถึงจุดเปลี่ยนอีกครั้ง

   เขารับอุปการะผมเป็นลูกบุญธรรม ส่งเสียให้ผมเรียนจนจบที่ต่างประเทศ ก่อนจะกลับมาทวงของตัวเองคืนอีกครั้ง ด้วยการสนับสนุนของพ่อบุญธรรม โดยมีไพ่ในมือเป็นหุ้นรายใหญ่ของห้างที่พ่อแม่สร้างขึ้นมา ผมอาศัยทุนในจุดนี้เป็นทางลัดให้ตัวเองก้าวขึ้นมาอยู่ในแนวหน้า ค่อยๆ แทรกซึม ลดทอนอำนาจญาติของตัวเอง เพื่ออยู่จุดสูงสุด และกว่าพวกเขาจะรู้ตัวว่าผมเป็นใคร ทุกอย่างก็สายเกินไปแล้ว

   ผมกลับมายืนได้อย่างมั่นคง ก่อนจะพบกับความว่างเปล่า...เพราะไม่เหลือคนในครอบครัวมาร่วมยินดีกับความสำเร็จนี้

   ผมเลยกลายเป็นนกที่อิสระ ไม่มีข้อผูกมัด สามารถทำอะไรก็ได้ตามใจ ส่วนผู้หญิงก็เหมือนกับต้นไม้ให้ผมได้พักปีกชั่วคราวก่อนจะโบยบินไปอีกครั้ง

   ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยคิดที่จะหาต้นไม้ที่มั่นคงแข็งแรง แต่ที่ผ่านมาเจอแต่ภายนอกสวยหรูภายในผุกร่อนถูกชอนไชไปด้วยหนอนแมลง ผมเลยบิน บินต่อไปเรื่อยๆ ถ้าหยุดก็จะร่วงลงมาตายจากคนที่คิดฉวยโอกาส

   ผมเหนื่อย

   ผมล้า

   ผมทรมานกับชีวิตที่ไร้สิ่งยึดเหนี่ยว

   ผมภาวนาให้พบกับใครสักคนท่ามกลางผู้คนมากมาย

   และสุดท้าย...ผมก็เจอต้นไม้ของตัวเองสักที

   ผู้ชายที่เปรียบเสมือนต้นไม้ใหญ่ให้ผมพักพิง เป็นบ้านที่แสนอบอุ่นให้ผมได้ปลดเปลื้องความหนักอึ้งในจิตใจ ผ่อนคลายโดยแท้จริง ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกแทงข้างหลัง ไม่ต้องระแวงว่าจะโดนทำร้ายโดยไม่รู้ตัว เพราะเขาพร้อมที่จะปกป้อง เคียงข้าง และดูแลนกที่อ่อนล้าตัวนี้ด้วยมือที่อ่อนโยนคู่นั้น

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เป็นตัวอย่างตอนพิเศษคู่มูน-จินในเล่ม จะทยอยมาอัพเรื่อยๆ
ยังไม่ตรวจคำผิด แต่จะตรวจและทวนอีกครั้งก่อนรวมเล่ม
สนใจซื้อได้ที่ - https://goo.gl/FhcWg7 *เปิดพรีถึง 12 พ.ย. 60*
หัวข้อ: Re: }Preorder{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) พิเศษมูน-จิน1 P.13 [24/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 24-10-2017 08:41:04
ว้าวๆ
หัวข้อ: Re: }Preorder{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) พิเศษมูน-จิน2 P.13 [25/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 25-10-2017 22:51:02
   พอได้นึกย้อนกลับไปก็อดขำไม่ได้ เหตุการณ์แรกพบของผมกับมูนไม่ค่อยจะสวยงามสักเท่าไหร่ ครั้งแรกเป็นที่ลานจอดรถ ผมกำลังทะเลาะกับนางแบบสาวที่เคยควงอยู่ช่วงหนึ่ง ด้วยความที่คิดว่าเป็นลานจอดรถชั้นบนสุดแถมยังเป็นเวลาใกล้ปิดห้างคงไม่มีใครได้ยินสิ่งที่พวกเราคุยกัน เนื่องจากผมไม่สะดวกจะพาเธอขึ้นไปที่ห้องทำงานของตัวเอง เพราะที่นั่นมีลูกน้องเพื่อนร่วมงานเต็มไปหมด

   “ทำไมคุณถึงมีข่าวกับผู้หญิงคนนั้น!” เสียงที่ผมเคยคิดว่าเพราะ ตอนนี้กำลังตวาดผมด้วยเสียงแหลมสูงจนปวดหู

   “ฉันมีข่าวกับใครมันไม่สำคัญ ในเมื่อเรื่องของเรามันจบไปแล้ว” ใช่ ถึงจะไม่ได้พูดอย่างเป็นทางการ แต่ระยะเวลาที่ห่างกันเกือบเดือนมันพอจะบอกอะไรได้หลายอย่าง แถมอีกฝ่ายยังเป็นเพียงคู่นอนชั่วคราวและเธอรู้ดีผมไม่เคยคบใครเกินหนึ่งเดือน แต่ก็ยังเลือกที่จะเข้าหาผมอยู่ดี ดังนั้นเธอไม่มีสิทธิ์มาอาละวาดใส่ผมแบบนี้ แค่ไม่เรียกยามลากตัวออกไปก็ดีเท่าไหร่แล้ว

   “จบ!? ฉันคิดว่าคุณทำงานจนไม่มีเวลาว่าง เลยยอมถอยให้คุณได้มีเวลาส่วนตัว แล้วคุณมาทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง” ใบหน้าสวยเริ่มบิดเบี้ยวพร้อมน้ำตาพรั่งพรูให้ผมถอนใจ มุกเดิมๆ เคยเจอจนเบื่อ ถ้าน้ำตาของพวกเธอมีมูลค่า ผมคงเอามารวมกันจนสร้างห้างได้อีกแห่งแล้ว

   “งั้นก็รู้ตอนนี้เลยแล้วกัน ว่าเรื่องระหว่างคุณกับผมมันจบไปแล้ว และอย่ามารบกวนเวลาผมอีก” ผมเบื่อที่จะฟังบทดราม่าของผู้หญิงหลงตัวเอง คิดว่าที่ผมเลือกเธอจากผู้หญิงหลายๆ คนเพราะเธอสวย เธอมีดี ซึ่งอาจจะจริง แต่ไม่ใช่กับตอนที่ผมเริ่มเบื่อ ผมเลยเลือกที่จะหันหลังให้พลางหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบเผื่อนิโคตินจะช่วยให้ผมเบาหัวขึ้นมาบ้าง หลังจากเสียงบาดแก้วหูเมื่อครู่ หรือผมควรที่จะเปลี่ยนคู่ควงเป็นผู้ชายดี อย่างน้อยๆ ตอนเลิกกันก็คงไม่กรี๊ดจนกระจกรถสะเทือน

   อันที่จริงผมเป็นไบเซ็กชวลที่เอนไปทางฝั่งผู้หญิงมากเป็นพิเศษ ดังนั้นจะให้ควงผู้ชายก็ไม่มีปัญหา ขอแค่ขาวสวยถูกใจก็พอ

   “คุณมันสารเลวที่สุด” เสียงหวีดของเธอดึงผมออกมาจากการระลึกความหลัง ผมเพียงแค่ปรายตามองแล้วเลือกที่จะเมินไปเสีย จบแล้วคือจบไม่ใช่พวกให้ความหวังใครอยู่แล้ว พอเธอมั่นใจว่าผมไม่หันไปง้อเธอแน่ๆ ก็เดินกระทืบรองเท้าส้นเข็มจามไปจนเกิดเสียงดังก้องไปทั่วลานจอดรถ ตามด้วยเสียงกระแทกประตูปิดในระดับนี้น่ากลัวว่ามันจะหลุดออกมา

   ผมจะไม่หันไปมองเลยหากเธอไม่ทิ้งท้ายว่า...

   “คนอย่างคุณควรจะตายไปซะ! ถือว่าฉันช่วยผู้หญิงอีกหลายคนแล้วกัน!!”

   เครื่องยนต์ดังกระหึ่ม ผมหันกลับไปมองด้วยดวงตาเบิกกว้าง บุหรี่ร่วงหล่นจากมือ จังหวะที่อีกฝ่ายกำลังจะพุ่งเข้ามา ผมมองซ้ายขวาหาจุดที่ช่วยรับการปะทะได้ จนกระทั่งเจอเสาอยู่ต้นหนึ่ง สองขาวิ่งไปทางนั้นทันที แต่ความเร็วระหว่างคนกับรถยังต่างกันเกินไป จังหวะที่คิดว่าผมคงโดนชนแน่ๆ กลับมีมือข้างหนึ่งคว้าแขนผมไว้แล้วกระชากจนตัวปลิวไปทางหลังเสาที่เล็งไว้แต่แรก

   ปัง!!

   เสียงชนดังสนั่นพร้อมแรงสั่นสะเทือนแบบที่รู้สึกได้อย่างชัดเจน ยามประจำประตูห้างรีบวิ่งออกมาอย่างตกใจ พร้อมวอเรียกกำลังเสริม ส่วนตัวเองวิ่งมาหาผมด้วยใบหน้าซีดขาว

   “ท่านประธานได้เป็นอะไรมั้ยครับ!”

   “ผมไม่เป็นอะไร แต่ช่วยเรียกตำรวจกับรถพยาบาลมาที ผมคิดว่ามีคนที่ต้องการอยู่” ว่าพลางมองนางแบบสาวที่ถูกยามอีกคนพยุงออกมาจากรถ ส่วนหน้าพังยับเยินเพราะอัดกับเสาเต็มแรง โชคดีที่ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้บาดเจ็บหนักอะไร เพราะเธอคาดเข็มขัดกับได้ถุงลมนิรภัยช่วย

    พอเคลียร์ตรงนี้เสร็จก็ตามด้วยผู้ช่วยชีวิต เขายังคงยืนอยู่ข้างกาย แต่ด้วยความสูงที่แตกต่างทำให้ผมต้องก้มมอง เห็นใบหน้าสวยใสกับแพขนตายาว ถ้าไม่มีลูกกระเดือกผมคงเข้าใจผิดว่าเป็นผู้หญิง

   “ขอบคุณที่ช่วยผมไว้ ไม่ทราบว่าคุณชื่อว่าอะไร” ผมถามด้วยรอยยิ้มการค้า แม้เจอเหตุการณ์เฉียดตายแต่ได้มาเห็นใบหน้าสวยๆ แบบนี้ หัวใจที่เต้นรัวก็พอสงบลงมาบ้าง

   “ถามชื่อคนอื่นก็ควรจะบอกชื่อของตัวเองก่อนไม่ใช่หรือไง” คนสวยกอดอกขมวดคิ้วมองด้วยสายตาทิ่มแทง แสดงว่าลูกค้าท่านนี้คงเห็นเหตุการณ์แต่แรก คะแนนของตัวผมในสายตาอีกฝ่ายถึงได้ติดลบแบบสุดๆ

   “ผมชื่อ ‘จิตติพัฒน์’ นี่คือนามบัตรของผม ถ้าอยากให้ตอบแทนยังไงสามารถติดต่อมาได้ทุกเมื่อ” มีบางสิ่งมันดลใจให้ผมยื่นนามบัตรส่วนตัวแทนที่จะเป็นนามบัตรของบริษัท ในนั้นมีชื่อกับเบอร์โทรส่วนตัว

   “ถ้าอยากจะตอบแทนล่ะก็ ช่วยให้เกียรติเพศแม่มากกว่านี้ก็พอ หวังว่าจะไม่พบกันอีก” อีกฝ่ายไม่แม้แต่จะรับนามบัตรผมด้วยซ้ำ แถมยังไม่ยอมบอกชื่อตัวเองอีก แล้วเดินจากไปแบบไม่เหลียวแล นับเป็นครั้งแรกที่โดนเมินแถมเหม็นขี้หน้าตั้งแต่แรกพบแบบนี้ ทั้งที่อีกฝ่ายน่าจะเดาฐานะผมออก ในเมื่อยามเรียกท่านประธานซะดังลั่น

   แม้จะเสียดายแต่ผมทำอะไรไม่ได้ เพราะยังมีเรื่องต้องจัดการอยู่ เลยเลือกที่จะปล่อยคนสวยไปก่อนแล้วหวังว่าโชคชะตาจะพาเรามาพบกันอีกครั้ง ส่วนนางแบบคนนี้ ผมพาเธอไปโรงพยาบาลพร้อมจ่ายค่ารักษาให้ทั้งหมด แต่ยังไงก็ต้องดำเนินคดีไปตามสมควร ผมรู้ตัวดีว่าตัวเองมันเลวแค่ไหน ถึงงั้นก็ไม่ควรปล่อยให้คนที่คิดฆ่าคนอื่นง่ายๆ ให้ลอยนวลโดยไม่รับผลจากการกระทำ

   ก็แค่ลงบันทึกประจำวันและเสียค่าปรับ ผมไม่ได้เรียกร้องอะไรจากเธอ นอกจากห้ามมายุ่งกับผมอีกเป็นครั้งที่สอง ไม่เช่นนั้นเหตุการณ์ในครั้งนี้ได้ส่งผลกับหน้าที่การงานของเธอแน่ แม้เธอจะไม่อยากยอมรับ แต่ก็ต้องจำใจรับข้อเสนอโดยมีตำรวจเป็นพยาน เพราะระยะเวลาที่คบกันเธอพอจะรู้ว่าผมเป็นพวกพูดจริงทำจริง

   พอจบเรื่องนี้ไปผมก็กลับมาใช้ชีวิตตามเดิม ตื่นเช้าทำงาน เวลาว่างหรือวันหยุดก็ควงผู้หญิงสักคน ทีแรกยังมีใบหน้าสวยๆ ของผู้มีพระคุณวนเวียนอยู่ในหัว แต่พอผ่านไปเกือบปี ภาพนั้นก็เลือนๆ ไปจนผมลืมไปเสียสนิท
หัวข้อ: Re: }Preorder{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) พิเศษมูน-จิน2 P.13 [25/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 26-10-2017 16:56:15
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: }Preorder{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) พิเศษมูน-จิน2 P.13 [25/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 27-10-2017 08:00:00
:)
หัวข้อ: Re: }Preorder{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) พิเศษมูน-จิน2 P.13 [25/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 27-10-2017 10:50:38
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: }Preorder{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) พิเศษมูน-จิน3 P.14 [27/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 27-10-2017 14:58:28

   เพียะ!!

   เสียงดังพร้อมกับความรู้สึกแสบร้อนไปทั้งแก้มซีกหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ กลายเป็นรอยแดงครบห้านิ้ว

   “คุณมันสารเลวเห็นแก่ตัว!” คำด่าที่คุ้นเคยกับเจ้าของเสียงที่แตกต่าง ผู้หญิงตรงหน้าไม่ใช่นางแบบ แต่เป็นหญิงสาวที่บังเอิญเจอกันในร้านอาหาร แล้วเราก็สานสัมพันธ์ด้วยดีเสมอมาจนกระทั่งเลิกรากันไปเมื่อแปดเดือนก่อน แล้วเธอก็กลับมาอีกครั้งพร้อมเด็กทารกในอ้อมแขน

   “ผมยอมรับว่าตัวเองเลว แต่ผมไม่ยอมรับลูกที่ไม่ใช่สายเลือดของผมเอง” ผมตอบเสียงเรียบ พยายามใจเย็นกับแม่ลูกอ่อนและเสียงเด็กที่ร้องไห้จ้า คราวนี้ผมเปลี่ยนโลเคชั่นเป็นบันไดหนีไฟแทนลานจอดรถเพราะยังเข็ดกับเหตุการณ์เมื่อปีก่อนไม่หาย

   “คุณพูดออกมาได้ยังไง คุณหาว่าฉันนอนกับคนอื่นนอกจากคุณงั้นเหรอ!” ยิ่งคนเป็นแม่เผยอารมณ์เกรี้ยวกราดออกมา เด็กทารกก็ยิ่งแผดเสียงร้องจนหน้าแดง ท่าทางน่าสงสารเสียจนผมอ่อนใจ

   “เอาล่ะ คุณช่วยใจเย็นๆ ก่อนแล้วเราค่อยคุยกันดีมั้ย ยิ่งคุณเป็นแบบนี้มันส่งผลกับเด็กนะ” ปากพูดขณะที่กำลังครุ่นคิดว่าจะเอายังไงกับเหตุการณ์ตรงหน้าดี ผมไม่เกลียดเด็ก ออกจะชอบด้วยซ้ำ หรือจะให้รับมาเป็นลูกก็ยังได้ ถึงจะรู้อยู่เต็มอกว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกผมก็ตาม

   แต่มันติดตรงที่ว่า เธอกำลังจะใช้ประโยชน์จากลูกของตัวเอง ถ้าผมยอมอ่อนข้อให้ เธอจะยิ่งเรียกร้องมากขึ้นเรื่อยๆ ผมไม่อยากให้เด็กคนนี้ถูกใช้เป็นเครื่องมือ โทษทีนะเจ้าหนู

   “จะให้เย็นได้ยังไง คุณมันไม่รับผิดชอบ ทั้งที่ฉันต้องตั้งท้องเพียงลำพัง คุณไม่เคยมาดูดำดูดี กับแค่เงินค่าเลี้ยงดู ทำไมคุณถึงใจแคบขนาดนี้ ฮือ” พูดจบก็ปล่อยโฮเหมือนเขื่อนแตก กลายเป็นเสียงร้องไห้ของแม่กับลูกผสมกันจนผมปวดหัวตุบๆ

   “เฮ้อ หากต้องการแบบนั้น งั้นเราไปตรวจ DNA กัน ถ้าเด็กคนนี้เป็นลูกผม ผมจะรับแกไปเลี้ยงเอง แต่ถ้าไม่ใช่คุณต้องเลิกราวีผมซะ” เสนอทางออกด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เพราะผมมั่นใจว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกผมแน่นอน ถึงเวลาที่เราห่างกันจะลงล็อกก็เถอะ ในเมื่อผมใช้ถุงยางเสมอและไม่เคยถุงยางแตก โอกาสพลาดมันแทบเป็นไปไม่ได้

   “จะตรวจทำไมในเมื่อเขาเป็นลูกของคุณ!”

   สุดท้ายก็วนกลับมาจุดเริ่มต้น เหมือนวงจรอุบาทที่ไม่มีวันจบสิ้น ท่ามกลางเสียงด่าสาดเสียเทเสียและเสียงเด็กที่ยังไม่ยอมหยุดร้องง่ายๆ ทำเอาขีดความอดทนของผมมันเริ่มจะลดลงเรื่อยๆ

   “ยังไงคุณก็ต้องรับผิดชอบ!!”

   ผึ่ง!

   ขีดความอดทนขาดสะบั้น ผมลืมตาอีกครั้งจ้องมองผู้หญิงตรงหน้าด้วยแววตาคมกริบจนเธอสะดุ้ง ผมเดินเข้าไปหาทีละก้าวอย่างคุกคาม เธอถอยหลังจนกระทั่งหลังติดกำแพง ผมถึงหยุดเดินและโน้มตัวไปจ้องระยะประชิด พลางเอ่ยเสียงรอดไรฟัน

   “อยากจะให้รับผิดชอบนักใช่มั้ย ได้! เราไปโรงพยาบาลมันเดี๋ยวนี้เลย” ผมชิงเด็กมาอุ้มไว้เอง เพราะท่าทางสติหลุดแบบนั้นขืนให้อุ้มเด็กต่อไปได้เกิดเรื่องสลดแน่ ส่วนอีกมือบีบต้นแขนเล็กแน่นระบายอารมณ์กรุ่นในอก ฉุดกระชากให้เดินไปด้วยกัน แต่ยังไม่ทันจะก้าวไปไหน หางตาเห็นบางสิ่งพุ่งเข้ามาพร้อมสัมผัสแบบเดียวกับที่เพิ่งโดนไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อน

   เพียะ!!

   แก้มอีกข้างเห่อร้อนขึ้นมาทันที ตามด้วยอาการปวดแสบและกลิ่นเลือดในปาก บ่งบอกว่ามันแรกกว่ารอบแรกอย่างเทียบไม่ติด เด็กในอ้อมแขนถูกอุ้มออกไป มือที่บีบแขนอดีตคู่ควงถูกฟาดด้วยสันมือให้ปล่อย

   ผมมองบุคคลที่สามซึ่งกำลังอุ้มเด็กพลางประคองผู้หญิงอย่างอ่อนโยน แต่แววตาดุร้ายจ้องมองผมเหมือนอยากจะพุ่งเข้ามาฉีกเป็นชิ้นๆ ฝ่ามือเมื่อกี้เล่นเอาความโกรธบินหายออกจากหัว กลายเป็นความมึนงงแทน นี่มันสถานการณ์บ้าอะไรกันเนี่ย

   “สิ่งที่ฉันขอไปมันไม่ได้เข้าสู่สมองนายเลยสินะ หน้าตัวเมีย! รังแกได้กระทั่งผู้หญิงกับเด็ก คนอย่างนายอยู่ไปก็รกโลก ต่ำช้าน่าไม่อาย สมควรจะตายๆ ไปซะ สังคมจะได้น่าอยู่มากขึ้น” ด่ารัวเป็นชุดขนาดที่ผมกับอดีตคู่ควรยังต้องอึ้ง ไม่เว้นกระทั่งเด็กทารกที่ตอนนี้เงียบเสียงเหมือนไม่เคยร้องไห้มาก่อน

   “ผมว่าคุณกำลังเข้าใจอะไรผิด” ผมนับหนึ่งถึงสิบในใจแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ควบคุมสติไม่ให้เตลิดแบบเมื่อครู่

   “เจ้าใจผิดว่าคุณทำผู้หญิงท้องแล้วไม่รับผิดชอบ แถมยังมีหน้าทำร้ายเธอกับลูกอีกน่ะเหรอ” น้ำเสียงยียวนแบบที่ไม่น่าหลุดออกมาจากใบหน้าสวยๆ นั่นทำเอาผมตะลึง คนเรานี่มองแต่ภายนอกไม่ได้จริงๆ

   ผมตอบอย่าง(พยายาม)ใจเย็น “เอาแบบนี้ เชิญคุณมาที่ห้องทำงานผมด้วยแล้วกัน” เห็นทีงานนี้ต้องเคลียร์ให้จบ คิดพลางหยิบมือถือส่งข้อความให้เลขาส่วนตัว

   “ทำไมฉันต้องไปด้วย” คนสวยแสดงอาการต่อต้านชัดเจน

   “ผมจะพาคุณผู้หญิงคนนี้ไปคุยที่ห้องทำงาน คุณควรจะตามไปปกป้องเธอจากปีศาจร้ายอย่างผมไง” แฝงความประชดประชัดไปอย่างเต็มเปี่ยม อีกฝ่ายนิ่งไปอย่างลังเล ทำให้คนสวยไม่เห็นรอยยิ้มของผู้หญิงน่าตาย

   “ตกลง นำทางสิ” ในที่สุดอีกฝ่ายก็ตอบรับ คงเพิ่งนึกออกว่านี่มันเรื่องของคนสองคน ควรให้พวกผมตกลงกันเอง แต่ก็ยังไม่วายตามไปอารักขาอย่างที่ผมประชดไว้ ซึ่งมันก็ดี อีกฝ่ายจะได้รู้ว่าความจริงว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง

   ผมนำทางพวกเข้าขึ้นลิฟต์เฉพาะพนักงาน พยายามเมินสายตาสงสัยของพวกลูกน้องที่มองหน้าผมอย่างตกใจ เพราะมันคงแดงก่ำเป็นรอยมือทั้งสองข้าง

   เมื่อถึงห้องทำงานของตัวเอง เลขาก็เดินมาหาอย่างรู้หน้าที่

   “ผมโทรเรียกเขามาแล้วครับ ไม่เกินห้านาทีเขาจะมาถึงห้องทำงานของท่านประธาน”

   ผมพยักหน้ารับ “เข้าใจแล้ว เอาน้ำมาให้แขกด้วย ส่วนพวกคุณ รออีกคนหนึ่งก่อนแล้วเราค่อยคุยกัน” พูดเสร็จผมก็นั่งเงียบ มองคนสวยที่ผมยังไม่รู้จักชื่อ กำลังช่วยดูแลเด็กอยู่ ส่วนคนแม่เอาแต่มองผมไม่ยอมละสายตาไปไหน ขณะที่เลขาผมนำน้ำมาเสิร์ฟพร้อมผ้ามาให้ผมประคบหน้า เวลาผ่านไปไม่นาน คนที่รอคอยก็มาถึง

   เขาเป็นผู้ชายที่ผมและเธอคนนั้นรู้จักดี ใบหน้าเธอถึงได้ซีดสลับแดง

   “ขออนุญาตครับท่านประธาน” อีกฝ่ายกล่าวเสียงนอบน้อมแววตาฉายความหวั่นเกรง

   “ผมไม่ใช่ประธานของคุณอีกต่อไปแล้ว” อีกฝ่ายเป็นอดีตเลขาของผมเอง ผมวางผ้าไว้บนโต๊ะแล้วประสานมือไว้ตรงปลายคางจ้องอดีตคนคุ้นเคย “ทีนี้ช่วยอธิบายให้ผมฟังทีซิว่า ทำไมภรรยาของคนถึงอุ้มลูกมาหาเรื่องผมถึงที่ทำงาน”

   “ผมขอโทษครับท่าน...คุณจิตติพัฒน์ ผมจะรีบพาเธอกลับเดี๋ยวนี้ ได้โปรดอย่าแจ้งตำรวจเลยนะครับ” อีกฝ่ายก้มหัวลงต่ำพลางมองผมด้วยสายตาขอร้อง ผมขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิดใจ พอจะอ้าปากก็นึกขึ้นได้ว่าตอนนี้มีคนนอกอยู่ด้วย เลยเปลี่ยนความคิดที่จะเอาเรื่องเป็นปล่อยอีกฝ่ายไปแทน

   “ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย ถ้ายังมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก คุณจะหาว่าผมใจแคบไม่ได้”

   “ครับ ขอบคุณมากครับ” อดีตเลขายกมือไหว้อย่างซึ้งใจแล้วรีบเดินไปหาภรรยา “กลับได้แล้ว เลิกทำตัวน่าอายแบบนี้สักที ต่อให้คุณไม่แคร์หน้าตาตัวเอง ก็ควรจะนึกถึงลูกบ้าง”

   “ฉันไม่กลับ! แกไม่ใช่พ่อเด็ก จินต่างหากที่เป็นพ่อเด็ก ปล่อยนะ! จะให้ฉันไปทนลำบากกับแกได้ยังไง” เสียงโวยวายของเธอไม่ได้รับการสนใจ

   “ผมขอโทษที่ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวาย ขอลูกผมคืนด้วยนะครับ” ผู้เป็นพ่อเอ่ยปากกับคนแปลกหน้า แล้วพาลูกกับภรรยาออกไปโดยมีเลขาตามไปส่ง พร้อมประตูที่ปิดกั้นเสียงเอะอะด้านนอกไม่ให้เล็ดลอดเข้ามา ภายในห้องจึงเหลือเพียงสองคน

   คนหนึ่งนั่งนิ่งรอให้อีกฝ่ายเปิดปาก ส่วนอีกคนยังคงสับสนกับเหตุการณ์ที่เกินขึ้น สุดท้ายก็อดถามไม่ได้

   “ตกลงเรื่องมันเป็นมายังไงกันแน่”

   คนสวยอยากรู้ขนาดนั้น ผมก็สนองให้ อย่างน้อยๆ ขอเรียกคะแนนของตัวเองคืนมาสักหน่อยก็ยังดี อุตส่าห์ได้กลับมาเจอกันอีกทั้งที

   “ผู้หญิงคนนั้นเคยคบผมมาก่อนก็จริง แต่พวกเราเลิกกันไปนานแล้ว เพราะผมจับได้ว่าเธอมีอะไรกับเลขาของตัวเอง”

   “คุณเลยไล่เลขาคนนั้นออก ทั้งที่คุณก็ไม่ได้คิดจริงจังกับผู้หญิงคนนั้นเนี่ยนะ” คนสวยชักสีหน้า ดูท่าผมในสายตาของเขาคงจะเลวร้ายมาก

   “ผมไม่ได้ไล่ออก เขาลาออกด้วยตัวเองต่างหาก อันที่จริงผมแถมเงินให้พวกเขาไปก้อนหนึ่งด้วยซ้ำ ที่ผู้หญิงคนนั้นกลับมาโวยวายคงเพราะเงินหมดนั่นแหละ” ผมยักไหล่ ได้ยินเสียงอีกฝ่ายถอนหายใจชัดเจน

   “ขอโทษด้วยที่ผมมันยุ่งไม่เข้าเรื่อง แต่ไม่ขอโทษเรื่องที่ตบคุณหรอกนะ สมควรแล้ว เจ้าชู้ดีนัก น่าจะโดนตอนเป็ดกินไปซะ” ท้ายประโยคคล้ายพึมพำกับตัวเองแต่ผมได้ยินเต็มสองหู เล่นเอาเสียวช่วงล่างไปวูบหนึ่ง อาศัยความเป็นมืออาชีพของตัวเอง แสร้งตีหน้าเฉยราวกับไม่มีอะไรเกินขึ้น แล้วชวนคุยเปลี่ยนเรื่อง

   “ดูคุณจะเกลียดขี้หน้าผมน่าดู” ผมหัวเราะในลำคอ มองคนสวยอย่างสนใจ เคยได้ยินคนหนึ่งบอกว่า การพบกันครั้งหนึ่งเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ถ้ามีครั้งต่อมาถือว่าเป็นโชคชะตา ผมจะลองเชื่อคำพูดนั้นและสร้างโอกาสให้มีครั้งต่อๆ ไปดีกว่า ไหนๆ ช่วงนี้ก็เบื่อพวกคนที่วิ่งเข้าหา ให้ผมเป็นฝ่ายตามเองก็ไม่เลว

   “ไม่ใช่แค่เกลียด แต่สะอิดสะเอียนคนแบบคุณมากที่สุด หมดธุระแล้วก็ขอตัวล่ะ ลาก่อน หวังว่าจะไม่เจอกันอีกตลาดกาล ไม่ก็ขอให้คุณตายเพราะผู้หญิงสักวัน” วาจาเชือดเฉือนเล่นเอาผมสะอึก รีบผุดลุกไปคว้าแขนคนที่กำลังเดินหนี
   “เดี๋ยวก่อนสิคุณ รอบก่อนผมบอกชื่อตัวเองแล้ว แต่คุณยังไม่บอกชื่อผมเลยนะ มันเป็นมารยาทไม่ใช่รึไง”

   ดวงตาคมสวยตวัดใส่ แทงใจผมเข้าอย่างจัง ‘ติชิลา’ พอใจแล้วรึไง ถ้าพอใจแล้วก็ปล่อย ไม่อยากเสวนาด้วย“ อีกฝ่ายสะบัดแขนผมอย่างแรง ไม่แปลกใจเลยว่าครั้งแรกที่เจอทำไมถึงกระชากผมซะปลิว ทั้งที่ผมก็ตัวสูงใหญ่พอสมควร

   “พระจันทร์? โอเคคุณจันทร์ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วให้โอกาสผมได้กู้หน้าตัวเองหน่อย เที่ยงนี้ให้ผมเลี้ยงข้าวคุณเถอะ แทนคำขอโทษที่ทำให้คุณเสียเวลา”

   คนสวยเค่นเสียงมองหางตา “เชยชะมัด ผมชื่อเล่นว่ามูนต่างหาก คุณจิน!” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ไม่มีทีท่าว่าจะเลี่ยงหนีอีก เป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ผมรุกขนาดนี้ถ้ายังไม่รู้ตัวอีกก็ไม่รู้จะพูดยังไง

   “เรียกผมว่าจินดีกว่า จะได้ไม่ดูห่างเหินกันเกินไป มาเถอะ ผมจะพาคุณไปเลี้ยงมื้ออร่อย ร้านอาหารห้างผมไม่น้อยหน้าโรงแรมห้าดาวเลยนะ” ความจริงไม่ถึงหรอก แต่พูดไปงั้น อย่างน้อยๆ ก็ช่วยคลายบรรยากาศลงได้บ้าง

   “ผมคงต้องลองดูสักครั้ง ถ้ามันไม่จริงคุณจะชดเชยยังไง” ริมฝีปากได้รูปยกยิ้มมุมปาก ดวงตาคู่สวยจ้องผมตาวาว พระจันทร์ดวงนี้แอบร้ายไม่ใช่เล่น หยอดมาหยอดกลับไม่ยอมเสียเชิง ถึงอย่างนั้นก็ยังเว้นระยะห่างจากผมอยู่ แม้ผมจะมั่นใจว่าที่อีกฝ่ายยอมเล่นด้วยเพราะคิดดัดสันดานผม แต่ก็ช่างมันเถอะ สงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร มารอดูกันว่าใครจะเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำกันแน่

   “ชดใจด้วยบัตร VIP พร้อมบัตรฟรีทานอาหารร้านนั้นฟรีตลอดปีไปเลย” ผมเสนออย่างใจป้ำ อีกฝ่ายหัวเราะเยาะเจือเสียงดูแคลน

   “คงใช้มุกนี้กับผู้หญิงมามากล่ะสิท่า เอาเถอะ ถือว่ากินของฟรี” ผมยิ้มรับคำกล่าวนั้น จะบอกว่าช่วงโปรโมชั่นก็ไม่ผิด เลยเปิดประตูให้พร้อมเดินนำไปยังร้านอาหารที่หมายตา คิดเสียว่าเป็นเดตแรกเลยแล้วกัน

หัวข้อ: Re: }Preorder{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) พิเศษมูน-จิน4 P.14 [29/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 29-10-2017 00:32:18
*เนื่องจากเป็นต้นฉบับดิบ คำผิดอาจจะเยอะเป็นเงาตามตัว ในเล่มจะทำการแก้ไขให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ส่วนการแบ่งเป็นพาร์ทสั้นๆ เพราะแบ่งตามเหตุการณ์ต่างๆ เพราะเป็นคู่เสริมเลยเหมือนเป็นการเล่าเรื่องมากกว่าจะมีรายละเอียดอย่างนิยายเรื่องยาว


   หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น ผมกับมูนก็แลกเบอร์โทรกัน จากการตื้อขอของผมเองและได้รู้ด้วยว่าความจริงมูนมีรีสอร์ทอยู่ที่กาญจนบุรีเป็นกิจการของครอบครัว ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมถึงมาเจอฉากเด็ดในห้างผมได้หลายครั้งนั้นเป็นเพราะเจ้าตัวเข้ากรุงเทพมาทำธุระ แล้วแวะห้างเพื่อซื้อของไปฝากคนที่บ้าน

   ห้างแถวนี้มีตั้งหลายที่ แต่มูนเลือกห้างของผม เห็นมั้ยว่ามันคือโชคชะตา และผมไม่คิดจะปล่อยมือจากโชคชะตาในครั้งนี้ด้วย ผมเลยจีบมูนแบบเต็มตัว ถ้ามูนเข้ากรุงเทพก็จะหาเวลาไปพบ กินข้าวด้วยกัน หรือถ้าผมมีวันหยุดก็ตามไปหาถึงรีสอร์ท พอมีโอกาสพิเศษก็จะซื้อดอกไม้ไปให้ ความจริงผมเคยซื้อของขวัญราคาแพงเพราะคิดว่าน่าจะชอบเหมือนกับคนอื่นๆ ที่ผ่านมา

   แต่นอกจากมูนจะไม่ชอบแล้วยังขว้างของขวัญใส่หน้าผม พร้อมบอกว่าตัวเองไม่ได้หิวเงินเหมือนอดีตคู่ขาที่ผ่านมา ก่อนจะปิดประตูกระแทกหน้าดั้งเกือบหัก แถมไล่ผมกลับกรุงเทพเหมือนหมูเหมือนหมาไม่เหลือคราบท่านประธานเจ้าของห้างดัง

   แถมไม่ยอมติดต่อ ไม่ยอมให้พบหน้าเป็นอาทิตย์ ปล่อยให้ผมตามตื้อแบบทุลักทุเลเพราะตัวเองก็ไม่ค่อยจะมีเวลาว่างเท่าไหร่นัก ทั้งโทรหา ส่งข้อความ ส่งเมล ไปหาด้วยตัวเอง ลองมันหมดทุกวิธีที่คิดออก ทั้งที่ตัวผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องตามง้อขนาดนี้ ที่ผ่านมาหากเจอเหตุการณ์แบบเดียวกัน ผมคงไม่เหลียวแลแถมยังจดเข้าบัญชีดำอีกต่างหาก

   บางทีอาจจะเป็นความรู้สึกอยากเอาชนะก็ได้ ผมคิดหาทางออกให้กับความผิดปกติของตัวเอง แล้วลั่นวาจาสาบานว่าจะไม่ซื้อของราคาแพง หรือทำแบบเดียวกับที่ทำให้คู่ควงคนอื่นๆ มูนถึงยอมอ่อนลงให้ผมติดต่อหาตามเดิม

   นานวันเข้าความสัมพันธ์ก็พัฒนาไปในจุดที่แม้แต่ผมเองยังคาดไม่ถึง ผมที่มีชีวิตอิสระชอบทำอะไรตามใจตัวเอง เกลียดการถูกบงการที่สุด กลับยอมให้มูนก้าวเข้ามามีบทบาทในชีวิต ให้กุญแจและคีย์การ์ดเปิดประตูให้เข้าห้องส่วนตัวที่ไม่เคยให้ใครเข้ามาก่อนกระทั่งครอบครัวของพ่อบุญธรรม

   ข้าวของไม่กี่อย่างกับเฟอร์นิเจอร์เรียบง่ายก็เริ่มมีหลายสิ่งเพิ่มเข้ามา ผมเป็นคนทำอาหารไม่เป็นเลยแทบไม่มีเครื่องครัว นอกจากกาต้มน้ำไว้ชงกาแฟ แต่มูนชอบทำอาหาร แถมชอบอาหารทำเองมากกว่าไปกินที่ร้าน เครื่องครัวเลยเพิ่มขึ้นมาทีละสองสามชิ้น จนตอนนี้มีครบหมดทุกอย่างมากกว่าครัวปกติด้วยซ้ำ และแน่นอนว่าเครื่องครัวทุกชิ้นมูนเป็นคนออกเงินเอง ไม่ยอมให้ผมเสียตังแม้แต่สตางค์แดงเดียว

   อย่างวันนี้มูนก็มาทำมื้อเย็นให้ผม โดยที่ผมมีหน้าที่แค่นั่งรออยู่เฉยๆ ไม่เข้าไปเกะกะในห้องครัว เพราะคราวก่อนพอผมเข้าไปช่วย กลายเป็นว่าทำให้มูนยุ่งมากกว่าเดิม อาหารมื้อดันเลยเลทจากเวลาที่คิดไว้พอสมควร นับจากวันนั้นมูนเลยห้ามไม่ให้ผมเข้าไปกวนในครัวอีก

   เวลาผ่านไปสักพัก กลิ่นหอมอบอวนไปทั่วห้องพร้อมอาหารน่ากินที่เริ่มทยอยมาเสิร์ฟ ไม่ว่าจะเป็นแกงจืดไข่น้ำ ไก่ทอดสมุนไพร ผัดผักรวมน้ำมันหอยและสะตอผัดพริกแกงกุ้ง เนื่องจากผมกินเผ็ดไม่ค่อยได้ เมนูส่วนใหญ่เลยเหมือนเด็กน้อยไม่กินเผ็ด มีแค่อย่างสุดท้ายที่มูนทำให้ตัวเองเพราะติดรสจัด

   ถึงหน้าตามันจะไม่สวยหรูเหมือนอาหารจากโรงแรมห้าดาว แต่ความอร่อยเทียบกันไปติด อาจจะเพราะคนทำให้กินด้วยมั้ง เวลามูนมาทำอาหารให้ทีไรผมเลยเจริญอาหารเป็นพิเศษ

   “ขอข้าวอีกจาน” ผมส่งจานเปล่าให้มูนหลังกินหมดภายในสิบนาที อีกฝ่ายยิ้มรับ ตักข้าวให้เพิ่มแถมตักกับให้อีกหลายอย่างสมกับเป็นคนช่างดูแล

   “กินเยอะแบบนี้คงไม่ใช่ว่าตอนเที่ยงทำงานจนลืมกินข้าวใช่มั้ย” น้ำเสียงนุ่มนวลเหมือนปกติ ด้วยความที่คบหากันมาระยะหนึ่งแล้ว ผมพอจับสัญญาณได้ว่าลางร้ายกำลังมาเยือน เลยวางช้อนจิบน้ำตอบด้วยสีหน้านิ่งๆ

   “กินสิ แต่กินไม่เยอะเพราะไม่อร่อยเท่ามูนทำ”

   มูนส่ายหัว “โกหกไม่เนียนเลยนะจิน ปากหวานไปก็ไม่ช่วยให้พ้นผิดหรอกนะ ที่มูนย้ำให้กินข้าวก็เพื่อสุขภาพของจินเอง จินเอาแต่ทำงาน ติดกาแฟ สูบบุหรี่แล้วยังกินข้าวไม่ตรงเวลาอีก เดี๋ยวก็ป่วยกันพอดี” คนสวยเริ่มบ่น แต่ผมไม่นึกรำคาญ เพราะคำพูดของมูนมาจากความเป็นห่วงจากใจจริง ชวนให้รู้สึกหัวใจพองฟู ผมอมยิ้มแล้วเริ่มหยอดตามนิสัย

   “ยอมตกลงคบกับจินสิ แล้วจินจะเชื่อฟังทุกอย่างเลย” แทนตัวด้วยชื่ออย่างสนิทสนมขนาดนี้ ยังไม่ได้คบกันเป็นแฟนเลย

   “ไม่” มูนเองก็ตอบทันทีแบบไม่ต้องคิด ผมรู้สึกเสียเซลฟ์ไปนิดหน่อย แต่ยังไม่คิดจะยอมแพ้ง่ายๆ

   “ทำไมล่ะ หรือว่าจินทำอะไรไม่ถูกใจ” ถามพลางนึกทบทวนวีรกรรมระยะนี้ของตัวเอง หากเทียบกับสมัยก่อนก็นับว่าสงบเสงี่ยมขึ้นมากแล้วนะ

   มูนไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายคิดนาน วางช้อนแล้วมองด้วยสายตาจริงจัง “พวกเราไม่ใช่เด็กวัยรุ่นแล้ว ถ้าจะคบก็อยากได้คนที่จะมาเป็นคู่ชีวิตอยู่ด้วยกันไปนานๆ แล้วอีกอย่าง...” ดวงตาคมกริบเล่นเอาผมสะอึก “มูนรู้นะว่าจนถึงทุกวันนี้จินก็ยังไม่เลิกเจ้าชู้ อย่าเพิ่งขัด จินไม่ได้ควงกับใครออกหน้าแล้วก็จริง แต่อย่าคิดว่ามูนไม่รู้ว่ายังมีอยู่ในสต๊อกอีกเป็นสิบ ตราบใดที่จินยังเลิกนิสัยนี้ไม่ได้ เราจะไม่พูดเรื่องนี้กันอีก”

   ความจริงตอกหน้าเล่นเอาจุกจนพูดไม่ออก ได้แต่อ้าปาก ปิดปากสลับกันเหมือนปลาขาดน้ำ มูนถอนหายใจและยิ้มอ่อนให้ ช่วยให้บรรยากาศไม่หนักหน่วงจนเกินไป

   “เราค่อยๆ ทำความรู้จักกันไปก่อนดีกว่านะ เอาไว้วันที่เราพร้อม ค่อยคบกันก็ยังไม่สาย…”

   “จินจะเปลี่ยนตัวเอง”

   “หือ?”

   ผมมองมูนเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เพราะผมมีลางสังหรณ์ว่า หากปล่อยให้เรื่องยืดเยื้อต่อไปโดยไม่รู้จุดหมายปลายทางแบบนี้ สักวันมูนต้องจากไปแน่ๆ คนที่จะทนรอได้ตลอดไม่มีหรอก จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของตัวเอง

   “ฉันจะเลิกเจ้าชู้ เลิกติดต่อคนอื่นๆ ให้หมด นอกจากเรื่องงานจะมีแต่เรื่องมูนเท่านั้น”

   ถูกบอกด้วยความรู้สึกเร่าร้อนขนาดนี้มูนก็แอบผงะ สุดท้ายก็หลุดขำออกมา เอื้อมมือไปหยิกแก้มเจ้าของห้องอย่างมันเขี้ยว

   “แค่ลมปากมูนไม่เชื่อหรอกนะบอกไว้ก่อน”

   “เข้าใจแล้ว หากถึงวันนั้นเมื่อไหร่ ขอแค่มูนอย่าปฏิเสธจินก็พอ”

   “พูดจาเอาแต่ใจจังนะ” คนสวยเท้าคางมองท่านประธานในมาดเด็กหนุ่มริรัก ผมไม่ตอบอะไร แต่จับมือมูนที่อยู่ข้างแก้มมากดจูบหนักๆ แทนการยืนยัน ไม่ว่าผมจะอยากเอาชนะ หรือหลงมูนแล้วจริงๆ ก็ไม่สำคัญ เพราะตอนนี้ผมรู้สึกได้ว่าไม่อยากปล่อยมือคู่นี้ไป อยากจะยึดไว้เป็นของตัวเองเพียงคนเดียว

   ทุกอารมณ์ถูกสื่อออกมาทางดวงตาที่สะท้อนภาพดวงจันทร์ผู้งดงาม ในขณะที่ผมกำลังไฟลุกโชกช่วง พระจันทร์ดวงนี้กลับนิ่งสงบและเฝ้ามองอย่างใจเย็น ดวงตาสีเข้มคู่สวยนี้ลึกล้ำจนยากหยั่งถึง กว่าผมจะรู้ว่าสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในคืออะไร ก็หลังจากนั้นอีกนาน

หัวข้อ: Re: }Preorder{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) พิเศษมูน-จิน4 P.14 [29/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 29-10-2017 09:40:17
จินโดนหลอกแล้ว 555 มูนเจ้าเล่ห์ไปอีก
หัวข้อ: Re: }Preorder{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) พิเศษมูน-จิน4 P.14 [29/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 29-10-2017 10:54:40
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: }Preorder{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) พิเศษมูน-จิน5 P.14 [31/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 31-10-2017 12:20:39
*เป็นตอนสุดท้ายที่จะอัปลงเว็บจ้า หนังสือยังสามารถพรีออเดอร์ได้
ด้วยการสอบถามไปที่เพจ SilverFish4 - https://www.facebook.com/SilverFish4/
หมดเขตการพรีวันที่ 12 พ.ย. 60 รีบซื้อก่อนจะหมดโปรลดราคารอบพรีนะ เพราะถ้าซื้อหลังจากนี้ราคาเต็มจ้า

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

   สิ่งแรกที่ผมทำหลังจากลั่นวาจาไว้คือการเคลียร์ตัวเองให้สะอาดหมดจน โดยเริ่มจากไล่โทรไปหาอดีตคู่ควงทุกคนว่าผมจะเลิกติดต่อนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป บางคนคุยง่ายแค่บอกตัดความสัมพันธ์อีกฝ่ายก็ยอมจบโดยดี คงเพราะมีคนใหม่ด้วย แต่หลายคนก็คุยยาก ฟูมฟายไร้สาระน่าปวดหูจนผมต้องใช้เงินให้สงบและสั่งห้ามกลับมารบกวนผมอีกเป็นครั้งที่สอง เหลือแค่ส่วนน้อยที่นอกจากจะไม่ยอมจบความสัมพันธ์แถมไม่ยอมรับเงินแล้วยังดึงดันจะพบผมให้ได้

   แน่นอนว่าผมนัดพบเรียงคน และประกาศจบความสัมพันธ์อย่างเด็ดขาด ต่อให้ไม่ยอมผมก็ไม่สน ยังไงซะคนพวกนี้ก็ทำอะไรผมไม่ได้อยู่แล้ว กว่าจะตกลงกับผู้หญิงเหล่านั้นเสร็จ กินเวลาร่วมอาทิตย์กว่า ซึ่งระหว่างนั้นผมยังคงติดต่อกับมูนปกติ แล้วผมหักซิมที่ใช้ติดต่อกับพวกเธอทิ้ง เหลือเพียงเบอร์สำหรับคุยงานกับเบอร์ส่วนตัวสำหรับคนที่สนิทจริงๆ อย่างครอบครัวของพ่อบุญธรรมกับมูน

   ผมใช้ชีวิตอยู่กับร่องกับรอยมากที่สุดในรอบสิบปี ขนาดที่ผมยังไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองทำได้ ตื่นเช้ามาทำงาน พักเที่ยวทานอาหารแล้วกลับมาทำงานต่อ พอเลิกงานถ้าไม่ติดนัดทานอาหารกับลูกค้าก็จะใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับมูนโดยเฉพาะวันหยุด ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายคนไหนทอดสะพานให้ผมก็ตอบปฏิเสธอย่างสุภาพ

   พวกคู่ค้าหรือหุ้นส่วนที่อายุมากกว่าและผมให้ความนับถือ ก็ออกปากชมว่านิสัยผมเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ไม่คิดว่าโลกหมุนรอบตัวเอง เอาใจใส่คนรอบข้างมากกว่าเดิม บอกให้ผมทำแบบนี้ต่อไปเพื่ออนาคตที่มั่นคง มีหลายคนแซ็วว่าผมคงจะเจอคนที่รักจริงเสียที ถึงโดนปราบเสียอยู่หมัด ผมไม่ตอบอะไรแต่ก็ไม่ปฏิเสธ

   ผมกำลังรอเวลาเหมาะๆ อยู่ที่จะขอมูนเป็นแฟนอีกครั้ง ตอนนี้เป็นช่วงเดือนพฤษภาคม ดอกไม้ที่มูนชอบกำลังออกดอกบานสะพรั่ง ผมเลยสั่งให้เลขาไปซื้อต้น Lily Of The Valley มาหนึ่งกระถาง มันเป็นพืชขนาดเล็ก มีใบสีเขียวขนาดใหญ่ ช่วงดอกจะเป็นกิ่งยื่นออกมาและมีดอกเล็กๆ สีขาวบริสุทธิ์รูปทรงเหมือนระฆังคว่ำเรียงตัวไล่ระดับ พอเอามาตั้งในห้องทำงานก็ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ชวนให้รู้สึกสดชื่นออกมา

   อันที่จริงผมอยากจะซื้อน้ำหอมที่สกัดจากดอกไม้ชนิดนี้ไปให้มูนด้วย แต่เกรงว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย เลยพับความคิดนั้นเก็บไปก่อน เปลี่ยนมาเป็นอะไรที่ดูธรรมดาแต่สื่อความรู้สึกได้อย่างชัดเจน แถมมูนยังเคยบอกว่า ดอกไม้สวยๆ ซื้อไปไม่นานก็เหี่ยวตาย ผมเลยคิดจะมอบให้ทั้งกระถางไปเลย จะได้ช่วยกันดูแลเป็นของแทนใจ

   “ท่านประธานเอาแต่ยิ้มหน่อยยิ้มใหญ่กับกระถางต้นไม้แบบนี้ก็ไม่ช่วยให้สมหวังหรอกนะครับ” เลขาวัยกลางคน เป็นคนเก่าแก่ที่มาช่วยทำงานจนกว่าจะได้เลขาคนใหม่ เอ่ยทักขึ้นขณะวางแฟ้มลงบนโต๊ะ

   “ผมคิดจะเอาไปให้เขาในวันหยุดที่ใกล้จะถึงนี้ คุณคิดว่าผมควรจะเพิ่มริบบิ้นสักหน่อยดีมั้ย หรือซื้อพวกตุ๊กตาประดับสวนตัวเล็กๆ มาประดับดี” ท่านประธานใหญ่พูดอย่างอารมณ์ดี แม่มือจะหยิบแฟ้มมาเปิดอ่าน แต่ยังไม่วายชำเลืองมองกระถางสีฟ้าลายนกสีขาวเป็นระยะ

   “เพิ่มริบบิ้นก็พอแล้วมั้งครับ ใบใหญ่ขนาดนี้ ถ้าซื้อตุ๊กตาประดับสวนมาใส่คงจะโดนบังหมดพอดี”

   ผมพยักหน้ารับ “งั้นเอาตามที่คุณว่าเลย ผมฝากซื้อริบบิ้นหน่อยนะ ถ้าจะให้ดีขอเป็นสีขาว”

   “รับทราบครับ แต่ก่อนหน้านั้นท่านประธานมีประชุมตอนบ่ายโมง...” เลขาเริ่มกลับเข้าสู่สภาวะการทำงานอีกครั้ง ผมเองก็ตั้งใจฟังขณะที่ตาอ่านรายละเอียดของโครงการก่อนเข้าประชุม

   บรรยากาศในห้องประชุมเองก็น่ารำคาญเหมือนเคย ให้ความรู้สึกเหมือนฮ่องเต้ที่ต้องมานั่งฟังขุนนางเถียงกันเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง โครงการปรับปรุงต่อเติมห้างครั้งใหญ่เพื่อเพิ่มความทันสมัย มันควรจะผ่านได้ด้วยดี หากไม่ติดที่ว่ามีคนบางกลุ่มเกิดนึกอยากคัดค้านการต่อเติมในครั้งนี้ ทั้งที่ผ่านมาไม่ใช้สิทธิ์ออกเสียใดๆ ทั้งสิ้น

   ผมก้มมองโครงการที่ดำเนินมาจนถึงช่วงท้ายก่อนอนุมัติก่อสร้าง กลับต้องรื้อใหม่เพื่อตรวจสอบบ้าบอไร้สาระ จนงานส่วนอื่นๆ ต้องหยุดชะงักไปทั้งหมด ผลสุดท้ายก็หาข้อสรุปไม่ได้จำต้องยกไปประชุมใหม่อีกครั้ง เป็นแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนผมแทบไม่มีเวลาติดต่อมูน กระทั่งวันหยุดที่วาดหวังไว้ยังต้องพังไม่เป็นถ้าเพราะติดประชุมกะทันหัน

   แต่ดูเหมือนพระเจ้าจะเห็นผมเผชิญอุปสรรคไม่มากพอ ช่วงเวลาที่ผมกำลังคิดใคร่ครวญว่าจะทำยังไง ถึงจะผลักดันโครงการนี้ให้เป็นผลสำเร็จโดยเร็ว ลูกชายของพ่อบุญธรรมก็ส่งข่าวหนึ่งมาให้ ซึ่งตัวเอกของข่าวนี้คือผมเอง...


   ‘รีบดูก่อนถูกลบ! ใครจะไปคิดล่ะว่าหนุ่มเจ้าของห้างดังใจกลางกรุงจะมีเบื้องหลังที่เน่าเฟะแบบนี้ นอกจากข่าวคาสโนว่าตัวพ่อที่ลือกันหนาหู ล่าสุดมีข่าวนางแบบสาวตกอับ มีสัมพันธ์ลึกซึ้งจนเกิดโซ่น้อยคล้องใจ แต่ดูเหมือนคนพ่อจะไม่ต้องการ เลยสั่งให้ตัดโซ่ฉับ สาวเจ้าน้ำตานองหน้า เกิดรูปหลุดเดินเข้าออกสถานที่ทำแท้งเถื่อน อ่านต่อหน้า...’


   ผมสูดลมหายใจลึกขณะจ้องข้อความที่ปรากฏบนหน้าจอโน้ตบุ๊ก ก่อนจะกดโทรศัพท์เรียกเลขาด้วยน้ำเสียงเข้มจัดอย่างข่มอารมณ์เต็มที่ ภาพนางแบบสาวคนนี้เป็นคนเดียวกับที่คิดจะขับรถชนผมเมื่อหลายเดือนก่อน

   รอจนกระทั่งเลขามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า ผมหมุนโน้ตบุ๊กของตัวเองให้อีกฝ่ายดู

   “คุณอานนท์ ไปสืบมาให้ผมทีว่าใครเป็นคนเขียนข่าวนี้ และสืบมาด้วยว่าผู้หญิงคนนั้นคิดจะทำอะไรกันแน่ อ่อ อย่าลืมเตรียมทนายกับติดต่อตำรวจเมื่อคราวนั้นไว้ให้ผมด้วย” ในเมื่อเตือนดีๆ แล้วไม่ฟัง ผมก็ต้องลงมืออย่างเด็ดขาด

   อานนท์เห็นข่าวก็หน้าเปลี่ยนสีทันที รีบรับคำแล้วออกไปจัดการตามที่สั่งอย่างรวดเร็ว ส่วนผมนั่งสงบสติอารมณ์อยู่ในห้องทำงาน หากเป็นปกติผมถูกโจมตีด้วยข่าวฉาวแบบนี้จะไม่เดือดเนื้อร้อนใจเลยสักนิด เพราะผมสามารถจัดการให้เรื่องมันจบได้อย่างง่ายดาย แต่เวลานี้ไม่เหมือนกัน

   ผมกำลังจะเริ่มต้นกับใครสักคน จะปล่อยให้มันมาทำลายอนาคตของผมไม่ได้เด็ดขาด ผมรีบคว้ามือถือใกล้มือเพื่อโทรหามูนแล้วลองหยั่งเชิงดูว่ามูนรู้ข่าวนี้รึยัง ถ้ารู้แล้วผมจะได้อธิบายว่าผมบริสุทธิ์ แต่ถ้ายังไม่รู้ผมก็จะจัดการให้เรื่องนี้มันเงียบหายไป

   ผมรอสายด้วยใจลุ้นระทึก ร้อนรนจนไม่สามารถนั่งนิ่งอยู่กับที่ได้ ต้องลุกเดินไปเดินมาภายในห้อง โทรไปหนึ่งครั้งก็แล้ว สองครั้งก็แล้ว ยังไม่มีทีท่าว่าอีกฝ่ายจะรับ ผมคิดในแง่ดี ไม่แน่มูนอาจจะกำลังติดงานอยู่เหมือนที่ผมเป็นบ่อยๆ ไว้รออีกสักพักผมค่อยโทรไปอีกที

   ขณะที่คิดจะกดตัดสาย ก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นซะก่อน

   “ฮัลโหลจิน โทรมามีอะไรเหรอ”

   ผมหรี่ตา เผลอยกยิ้มมุมปาก ดูเหมือนมูนยังไม่รู้เรื่องสินะ

   “คิดถึงเลยโทรหา วันหยุดที่ผ่านมาจินติดงานจนพวกเราไม่ได้เจอกัน ถ้างั้นวันหยุดครั้งหน้ามาเจอกันที่ห้องจินดีมั้ย จินมีอะไรจะให้มูนด้วย” ร่างสูงเอนตัวนั่งลงตรงขอบโต๊ะ นิ้วยาวขึ้นข้อสวยลูบไล้ใบสีขาวในกระถางสีฟ้าเบาๆ ราวกับเป็นตัวแทนของใครอีกคน

   “ได้สิ”

   คำตอบที่ได้รับทำให้ผมโห่ร้องในใจด้วยความยินดี อารมณ์หงุดหงิดเหมือนภูเขาไฟจวนระเบิดก่อนหน้านี้หายเป็นปลิดทิ้ง

   “...แต่หลังจากที่จินแก้ปัญหาที่ตัวเองก่อเสร็จแล้วอะนะ”

   ในใจสะดุ้งวาบหลังได้ยินประโยคนี้ของมูน “คุณพูดเรื่องอะไร?” ผมเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

   “อย่าทำเป็นไม่รู้เรื่องจิน มูนเห็นข่าวแล้ว ไปจัดการให้เรียบร้อย ไม่งั้นเราไม่ต้องคุยกันอีก” สิ้นคำก็ถูกตัดสายแทบจะในทันที มือของผมเย็นเฉียบขณะกดโทรกลับอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่ได้รับคือเสียงฝากข้อความ

   หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง ผมก็ตัดสินใจฝากข้อความในสิ่งที่ต้องการจะบอกให้อีกคนรับฟัง


   กรุณาฝากข้อความหลังเสียงสัญญาณ...
   

   “ผมรู้ว่ามูนเกลียดคนเจ้าชู้กับคนที่ทำร้ายผู้หญิงมากที่สุด แต่ได้โปรด...ช่วยฟังผมอีกสักครั้ง ผมจะพิสูจน์ให้เห็นว่าผมไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จริงๆ ผมรักคุณนะ หวังว่าคุณจะให้โอกาส”

   ข้อความถูกส่งไปแล้ว ส่วนปลายทางจะยอมรับมั้ยนั่นอีกเรื่อง แต่ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จ และไปคุยกับมูนด้วยตัวเอง

หัวข้อ: Re: }Preorder{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) พิเศษมูน-จิน5 P.14 [31/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 02-11-2017 23:13:37
 :pig4:
หัวข้อ: Re: }Preorder{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) พิเศษมูน-จิน5 P.14 [31/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 06-11-2017 09:18:29
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: }Preorder{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) พิเศษมูน-จิน5 P.14 [31/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 06-11-2017 11:27:47
:)
หัวข้อ: Re: }Preorder{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) พิเศษมูน-จิน5 P.14 [31/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 25-11-2017 02:17:43
ขอบคุณค่ะ
ชอบซันมาก รักมั่นคงสุดๆ
หัวข้อ: Re: }Preorder{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) พิเศษมูน-จิน5 P.14 [31/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 17-12-2017 13:19:25
สนุกค่ะ.  :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: }Preorder{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) พิเศษมูน-จิน5 P.14 [31/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Nattarat ที่ 22-12-2017 22:08:37
ซัน โป้ น่ารัก
หัวข้อ: Re: }Preorder{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) พิเศษมูน-จิน5 P.14 [31/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 16-01-2018 08:14:19
ขอบคู่นี้มากเลย
หัวข้อ: Re: }Preorder{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) พิเศษมูน-จิน5 P.14 [31/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 19-02-2018 17:51:39
 o13
หัวข้อ: Re: }Preorder{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) พิเศษมูน-จิน5 P.14 [31/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 02-05-2018 17:13:08
สนุกมาก ๆ ครับ ซัน-โป้ น่ารักมาก ๆ ซันโคตรเท่เลยรักเมียมาก ๆ



ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: }Preorder{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) พิเศษมูน-จิน5 P.14 [31/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 04-05-2018 21:17:47
ชอบสายโหด ฮาร์ดคอคู่นี้ 5555
หัวข้อ: Re: }Preorder{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) พิเศษมูน-จิน5 P.14 [31/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 05-05-2018 15:13:05
55555
หัวข้อ: Re: }Preorder{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) พิเศษมูน-จิน5 P.14 [31/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 05-05-2018 16:38:38
ก่อนจะได้สินสอด ระวังโดนสอด(ใส่) อิอิ
หัวข้อ: Re: }Preorder{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) พิเศษมูน-จิน5 P.14 [31/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 05-05-2018 16:57:25
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: }Preorder{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) พิเศษมูน-จิน5 P.14 [31/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 05-05-2018 17:33:20
5555555
ผัวเมียคู่นี้นี่มันฮา
หัวข้อ: Re: }Preorder{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) พิเศษมูน-จิน5 P.14 [31/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 05-05-2018 20:58:39
เพื่อนแท้มันเป็นอย่างนี้
หัวข้อ: Re: }Preorder{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) พิเศษมูน-จิน5 P.14 [31/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 05-05-2018 22:40:01
สู้ๆนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: }Preorder{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) พิเศษมูน-จิน5 P.14 [31/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 05-05-2018 23:20:38
จบซะแล้ว
คู่พี่มินจินก็น่าติดตามมากเลยๆ คู่วาเล่ก็ชอบ
หัวข้อ: Re: }Preorder{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) พิเศษมูน-จิน5 P.14 [31/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 06-05-2018 00:07:20
พี่จินพี่มูนนนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: }Preorder{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) พิเศษมูน-จิน5 P.14 [31/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Naamtaan22 ที่ 25-07-2018 21:08:21
THANK YOU  :mew1:
หัวข้อ: Re: }Preorder{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) พิเศษมูน-จิน5 P.14 [31/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 29-07-2018 15:10:37
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: }Preorder{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) พิเศษมูน-จิน5 P.14 [31/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Woon13396 ที่ 25-01-2020 09:46:07
สนุกมากก


หัวข้อ: Re: }Preorder{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) พิเศษมูน-จิน5 P.14 [31/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 07-05-2020 11:44:40
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: }Preorder{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) พิเศษมูน-จิน5 P.14 [31/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 11-05-2020 10:18:48
 :pig4: :pig4: :pig4: