ไอ้กันต์มันยื่นเช็คให้ผม ผมจึงรับมาดู มันเป็นเงินถึงห้าหมื่น เงินส่วนนี้ผมคงแบ่งส่งกลับไปให้ทางบ้านส่วนหนึ่งแล้วส่วนหนึ่งผมคงเก็บเอาไว้ เพื่อวันไหนผมตกอับอีกผมจะได้มีเงินใช้ไม่ขัดสนจนต้องมาทำอะไรอย่างนี้อีก...
เมื่อมันยื่นเช็คให้ผมเสร็จผมก็ลุกขึ้นทันที เพราะว่าถึงนั่งอยู่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรกับมันดี คนที่ไม่เคยคุยกันดีๆ มาก่อน เจอกันก็มีแต่ด่ากันหรือไม่ก็ทะเลาะกัน อยู่ดีๆ จะให้มานั่งคุยกันเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นก็คงเป็นไปไม่ได้ เมื่อผมคิดอย่างนี้แล้วผมจึงลุกขึ้นหลังจากพับเช็คที่ได้จากมันมาใส่กระเป๋า แล้วหันไปหยิบข้าวของที่ไอ้กันต์มันซื้อมาให้ผมบนโต๊ะไปรวบอยู่ในมือก่อนที่จะเดินหันหลังให้ไอ้กันต์เพื่อขึ้นไปบนห้อง แต่พอผมกำลังจะก้าวเดินไอ้กันต์ก็พูดขึ้นมาว่า
“แล้วตอนเย็นเจอกันนะครับขิง พี่จะพาไปเลือกเดินซื้อของเพิ่มเติม ไปคิดอยู่ซิว่ายังอยากได้อะไรอีก พอไปถึงห้างก็บอกพี่ก็แล้วกันนะครับ พี่จะได้จัดให้ตามที่ขิงต้องการนะครับ”
ผมหันไปพยักหน้ากับมันเพื่อแสดงว่าผมรับรู้สิ่งที่มันบอกกับผม
“เอ้อ....ขิงครับ ไม่ต้องทานอะไรไปมากนะครับเดี๋ยวตอนเย็นพี่จะพาไปทานข้าวด้วย”
ผมพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้อีกครั้งก่อนที่จะเดินขึ้นไปบนห้องโดยที่มีสายตาของไอ้กันต์มองตามผมอยู่ตลอด อันที่จริงผมก็ไม่คิดหรอกว่าไอ้กันต์มันจะดีกับผมซื้อนั้นซื้อนี่ให้ผมตั้งเยอะ แต่ก็ช่างเถอะ ไอ้กันต์มันคงรวยจนไม่รู้จะเอาเงินไปทำอะไรมันเลยเอามาซื้อของให้ผม ที่ผมรู้ว่ามันรวยก็ดูจากรถจากบ้านมันซิครับ แถมยังมีลูกน้องอีกหลายคนไม่รู้ว่ามันทำงานผิดกฎหมายด้วยหรือเปล่าถึงมีลูกน้องเยอะขนาดนี้ อันนี้เป็นสิ่งที่ผมสงสัย แต่ไม่กล้าพูดหรือถามมัน แต่ถึงถามมันไปก็คงไม่ได้คำตอบที่แท้จริงจากมันหรอกครับ
ผมขึ้นไปถึงบนห้องผมก็เปิดประตูแล้วเข้าไปนอนเล่นบนเตียง ชีวิตที่ผ่านมาของผมถ้าไม่ไปเรียนหรือดิ้นร้นไปทำงานหาเงินชีวิตของผมก็จะว่าง เพื่อนสนิทจริงๆ ก็มีแต่ไอ้ปิง ไอ้เรื่องไปเที่ยวเฮฮาเหมือนคนอื่นก็มีน้อยครับ ดังนั้นผมจึงกลายเป็นคนที่ไม่ค่อยมีเพื่อนเท่าไร แต่คนอื่นๆ ก็คอยมองว่าผมนะเลว เที่ยวทุกวัน แต่ที่คนอื่นไม่รู้ก็คือ ผมนะเข้าไปทำงานในที่เที่ยวเหล่านั้นไม่ใช้ไปเที่ยวเหมือนอย่างที่คนอื่นคิดหรอก
ผมนอนนิ่งคิดอะไรไปต่างๆ นาๆ หูก็คอยฟังถึงความเคลื่อนไหวที่อยู่ด้านนอกไปด้วย แต่จะให้พูดจริงๆ ก็คือผมเองระแวงว่าไอ้กันต์มันอาจจะบุกเข้ามาในห้องเพื่อใช้สิทธิ์ของมันอีกรอบก็ได้ มันอาจจะใช้ผมให้คุ้มค่ากับเงินที่มันเสียมาให้ผม แต่เมื่อเวลาผ่านไป เสียงต่างๆ ที่อยู่รอบตัวผมมันก็ยังปกติอยู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนผมเผลอหลับไปจนได้
ผมรู้สึกตัวอีกครั้งเพราะเสียงและการเคลื่อนไหวบางอย่างภายในห้อง ผมค่อยๆ หรี่ตาดูว่าเป็นใคร ปรากฏว่าเป็นไอ้กันต์นั้นเอง มันคงเพิ่งออกมาจากห้องน้ำ มันคงเข้าไปอาบน้ำเพื่อจะออกไปข้างนอกที่ผมรู้ก็เพราะว่าตามเนื้อตัวของมันยังมีหยดน้ำเกาะติดอยู่นั้นเอง และมันคงกำลังค้นหาเสื้อผ้าเพื่อที่จะใส่ มันเลยเกิดเสียงที่ทำให้ผมตื่น
แต่ผมก็ไม่ทักหรือถามมันว่ามันจะไปไหน ผมนอนนิ่งอยู่อย่างนั้น จนมันเองคงรู้สึกได้ว่ามันทำเสียงดังมากไปแล้วมันจึงหันมามองที่ผม แต่ผมก็หลับตาทันที เพื่อมันจะได้ไม่รู้ว่าผมตื่นขึ้นมาแล้ว ผมไม่มีเรื่องที่จะคุยกับมันผมทำทีเป็นหลับต่อดีกว่าเพื่อที่มันจะได้ไม่กวนผมอีก
เมื่อมันเห็นว่าผมยังไม่ตื่นมันก็แต่งตัวของมันต่อ จนกระทั้งมันแต่งตัวเสร็จนั้นแหละ มันจึงเดินมานั่งที่ริมเตียงข้างๆ ตัวผม ผมนอนตัวเกร็งเต็มที เพื่อเตรียมรับในสิ่งที่กำลงจะเกิดขึ้น ใครจะไปรู้บ้างล่ะว่า ไอ้กันต์มันอาจจะเกิดอาการหื่นลักหลับผมก็ได้ ผมยิ่งเดานิสัยมันไม่ได้อยู่ บางครั้งมันก็ดูเป็นคนง่ายๆ อะไรก็ได้ แต่เวลาที่มันเกิดอารมณืทางเพศเมื่อไร มันจะเปลี่ยนเป็นคนละคนทันที มันทำให้ตอนนี้ผมระแวงไปหมดนั้นแหละ มือผมค่อยๆ กำหมัดแน่นขึ้นถ้าเกิดมันเกิดบ้าไม่รู้เรื่องขึ้นมา ผมคงต้องใช้กำลังกับมันบ้าง แม้ว่าที่ผ่านมาผมไม่เคยชนะมันเลยสักครั้ง แล้วยังจะลูกน้องของมันที่อยู่กันเต็มไปหมดอีกล่ะ ถ้าผมทำร้ายลูกพี่มัน พวกมันจะปล่อยผมไว้หรือ...? ตาถึงอย่างไงก็ขอปกป้องตัวเองไว้ก่อนแล้วกัน
แต่ไอ้กันต์มันกับไม่ได้ทำอะไรผมเลยนอกจากก้มลงมาหอมที่แก้มของผมเบาๆ กลิ่นน้ำหอมที่มันบรรจงฉีดตามตัวของมันสงกลิ่นหอมกรุ่นไปหมดสมกับราคาของมัน เมื่อมันหอมแก้มผมแล้วมันก็นั่งนิ่งมองหน้าผมแล้วมันก็เอามือเย็นๆ ที่เพิ่งผ่านการอาบน้ำมาลูบที่หน้าข้างๆ แก้มของผม ก่อนที่มันจะพูดว่า
“พี่ไปทำงานก่อนนะครับคนเก่งแล้วตอนเย็นเจอกัน”
ผมเองก็ไม่แน่ใจว่ามันรู้หรือเปล่าว่าผมตื่นแล้ว แต่คำพูดของมันที่มันพูดกับผมมันช่างน่าสงสัย เหมือนกับว่ามันรู้ว่าผมตื่นนานแล้วแต่แกล้งหลับ พอพูดจบไอ้กันต์มันก็ลุกขึ้นไปมันยืนมองผมอยู่สักพักก่อนที่มันจะหมุนตัวแล้วเดินออกไปจากห้อง มันเปิดและปิดประตูเสียงเบามากๆ มันคงกลัวว่าผมจะตื่นขึ้นมา แล้วเสียงต่างๆ รอบๆ ตัวผมก็กลับมาเงียบลงอีกครั้ง ก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงของไอ้กันต์อีกครั้งที่ชั้นล่างของบ้าน เสียงของมันสั่งอะไรบางอย่างกับลูกน้องของมันแต่ผมฟังไม่ชัดว่ามันพุดอะไรบ้าง และอีกสักพักก็มีเสียงของรถดังและวิ่งออกจากบ้านไป
เมื่อไอ้กันต์ออกไปจากบ้านได้สักพักผมก็ลุกขึ้นมาแต่งตัวบ้างเพื่อที่จะได้ออกไปข้างนอก เพราะผมตาสว่างแล้วเกินกว่าที่จะไปนอนต่อได้
ผมจะออกไปส่งเงินให้พ่อกับแม่ของผมตามที่เขาขอมานั้นเอง พอผมแต่งตัวเสร็จผมก็เดินลงมาชั้นล่างก็เจอกับนายชัยลูกน้องของไอ้กันต์มันยืนรอผมอยู่แล้วที่เชิงบันได
“คุณขิงแต่งตัวจะออกไปไหนครับ”
“ผมจะออกไปข้างนอกหน่อยนะ ผมจะไปโอนเงินให้พ่อผมนะ ไปแป๊บเดี๋ยวเองไม่เป็นไรหรอก ผมไม่ได้หนีไปไหนหรอก”
ดูสีหน้านายชัยเป็นกังวลขึ้นมา ไอ้กันต์มันคงสั่งลูกน้องของมันไว้ว่าให้ดูแลผมดีๆ ไม่ให้ผมคลาดสายตา เหมือนเมื่อตอนเช้านั้นแหละ แต่จะให้คนของไอ้กันต์เดินตามผมไปไหนอีก ผมก็ไม่เอาด้วยหรอก คนอื่นเห็นจะได้คิดกับผมแปลกๆ นะซิ ผมจึงคิดหาทางออกไปข้างนอกโดยที่ไม่มีใครตามไปด้วย แล้วผมก็คิดออก
“จริงๆ ผมจะรีบกลับมาก่อนที่นายของนายชัยจะกลับมาแน่นอน เอาอย่างนี้แล้วกันผมจะโทรไปบอกกับนายของนายชัยไว้ก็ได้ ตกลงนะ”
เมื่อผมบอกไปอย่างนั้นนายชัยค่อยมีสีหน้าที่ดีขึ้นมาหน่อย ผมจึงโทรไปบอกไอ้กันต์ว่าผมจะออกไปข้างนอกสักชั่วโมงเพื่อทำธุระส่วนตัว ไอ้กันต์ไม่ได้ว่าอะไรมาก เพียงแต่มันบอกว่าให้นายชัยเอากุญแจรถของมันมาให้ผมขี่ออกไปเท่านั้น เมื่อนายชัยได้รับคำสั่งเขาก็ไปเอากุญแจรถมาให้ผม
ผมใช้เวลาเพียงไม่นานผมก็ทำการโอนเงินที่ผมได้มาโดยการที่เอาร่างกายของผมไปแลกมาให้กับครอบครัวของผมตอนที่ผมกำลังเดินไปที่รถที่จอดไว้หน้าธนาคารเสียงโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น
“มีอะไรอีกล่ะ...โทรมาทำไม”
“ไม่มีอะไรครับ ธุระของน้องขิงเสร็จหรือยังครับ”
เป็นสายของไอ้กันต์นั้นเองที่โทรเข้ามาหาผม มันทำให้ผมเริ่มรำคาญมันขึ้นมาอีกแล้วเพราะตั้งแต่ผมออกมาจากบ้านไอ้กันต์มันจะต้องโทรมาเช็กตลอดเวลาว่าผมอยู่ที่ไหนทำอะไรแล้วมันก็จะถามว่า
“แล้วจะกลับบ้านหรือยังครับ”
“เสร็จแล้ว กำลังจะกลับพอใจหรือยัง”
“พอใจแล้วครับ งั้นเจอกันที่บ้านนะครับคนเก่ง”
ผมกดปิดรับสายของมันทันที ถ้าไม่เสียดายโทรศัพท์ผมคงปามันถิ้
ถังขยะไปแล้วแน่ๆ มันก่อความรำคาญให้ผมเกินไป เมื่อผมเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าแล้วผมก็ยกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นมาดู มันยังเหลือเวลาอีกตั้งเยอะกว่าจะเย็นผมคงต้องหาที่ไปแวะสักหน่อยขืนกลับไปตอนนี้ก็คงต้องเหงาอยู่บ้านคนเดียวแน่ๆ
ว่าแล้วผมก็เดินไปขึ้นรถไฟฟ้าปล่อยเอารถถิ้งไว้ที่หน้าธนาคารนั้นแหละ ผมนั่งรถไฟฟ้าไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมายถึงมันจะดูไร้สาระแต่ก็ยังดีกว่าที่จะต้องกลับบ้าน ผมนั่งรถไฟไปลงที่สยามแล้วเดินวนไปวนมาอยู่ในนั้นจนกระทั้งเย็นผมจึงได้นั่งรถไฟกลับมาเอารถที่จอดถิ้งไว้ที่หน้าธนาคารตั้งแต่กลางวัน
เหล้าแก้วแล้วแก้วเหล่าถูกส่งมาเข้าปากของผมจนผมรู้สึกมึนๆ แล้วตอนนี้ หลายคนคงงงที่อยู่ดีๆ ผมมาเมาได้ไง ตอนนี้ผมมานั่งกินเหล้าอยู่กับพวกไอ้ปิงที่ผลับแห่งหนึ่งแถวทองหล่อครับ หลังจากที่ผมไปเอารถที่จอดไว้แล้วขับออกมาได้นิดเดียวไอ้ปิงกับไอ้คิวมันก็โทรมาชวนให้ผมไปกินเหล้ากับพวกมัน ตอนแรกผมก็ไม่อยากมา แต่คิดดูอีกครั้งมันก็ดีเหมือนกันเพื่อกินเหล้าแล้วเมาพอกลับไปจะได้ไม่มีความรู้สึกอะไรมากเวลาที่ไอ้กันต์มันมีอะไรกับผมอีก โดยที่ผมลืมไปสนิทเลยว่าผมมีนัดกับใครไว้
“ไอ้ขิงเสียงโทรศัพท์ของมึงดังตั้งนานแล้วนะโว๊ยทำไมไม่รับสักทีว่ะ”
เสียงของไอ้ปิงดังทำให้ผมรู้สึกตัวและหายเหม่อลอย ผมไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์จริงๆ จนกระทั้งไอ้ปิงมันเรียกผมนี่แหละ
“เอา...เหรอของกูเหรอ”
“ก็ของมึงซิ ไอ้นี่ ถ้าจะอาการหนัก เมาแล้วไงมึง”
ผมส่ายหัวให้กับมันก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เบอร์เดิมนั้นแหละ แต่ครั้งนี้ผมไม่รับสาย ผมปล่อยให้มันดังจนมันเงียบลงไปเองก่อนที่ผมจะกดเพื่อปิดเครื่อง
“อ้าว...ไม่รับหรือไงว่ะ เด็กโทรมาล่ะซิ น้องเชียร์หรือไง”
ผมส่ายหน้าให้กับไอ้ปิงอีกครั้ง ไม่ใช้เด็กอะไรของผมหรอก เจ้าของผมตั้งหากที่โทรมา แต่ผมจะบอกไอ้ปิงไปได้อย่างไง
“เออๆๆ ไม่ใช้ก็ไม่ใช่อย่าทำหน้าอย่างนั้นซิว่ะ กูโทรชวนมาให้สนุกกันนะมึงไม่ใช้มาทำหน้าอย่างนี้ ไอ้ขิงสายเดี่ยวเสื้อแดงที่นั่งอยู่ตรงนั้นนะมองมึงมาตั้งนานแล้วนะโว๊ยกูว่าเขาสนมึงว่ะ”
ผมหันไปมองตามที่ไอ้ปิงมันบอก ผมก็เห็นผู้หญิงสวยน่ารักคนหนึ่งนั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อนๆ ของเขา พอเขาเห็นว่าผมหันไปมอง เขาก็ยิ้มให้ผม ผมก็ยิ้มให้ตามมารยาทก่อนที่จะหันกลับมากินเหล้าต่อ
“เฮ้ย...เกิดอะไรขึ้นว่ะขิง ดูน้องเขาซิ มึงไม่เอา กูเอานะ”
ผมพยักหน้าให้กับไอ้ปิงไป พอมันรู้ว่าผมไม่สู้มันก็ลุกออกจากโต๊ะไปหาผู้หญิงคนนั้น ส่วนผมนะวันนี้ขอเมาอย่างเดียวก็พอ อย่างอื่นเอาไว้ที่หลัง
แต่เหมือนว่ายิ่งหนีมันจะยิ่งตาม เมื่อผมกินเหล้าต่อไปโดยที่ไอ้ปิงหายไปนานแล้ว ผู้หญิงคนที่ยิ้มให้ผมก็เดินมานั่งลงข้างๆ ผม
“เป็นอะไรไปค่ะดูเศร้าจัง....แอ๋มค่ะ แล้วพี่ชื่ออะไรค่ะ”
“ชื่อขิงครับ”
เมื่อมองตาผมก็รู้ว่าแอ๋มต้องการอะไร ที่เธอเดินมาหาผมถึงโต๊ะทั้งๆ ที่ไอ้ปิงก็เสนอตัวไปหาเธอแล้ว แต่เธอก็ยังเดินมาหาผมอีก แค่นี่ผมก็รู้ความหมายโดยนัยแล้วว่าเธอต้องการอะไร อะไรมันดูจะง่ายไปหมด แค่คุยกันไม่กี่คำ ผมก็เดินคู่กับแอ๋มออกมาจากผลับได้แล้ว ทั้งๆ ที่ผมไม่นึกอยากมีอะไรกับใครเลย แต่เมื่อแอ๋มเขาเสนอมา ผมก็ต้องสนองครับ
เรื่องมันก็ง่ายๆ มันจบลงที่โรงแรมม่านรูดแถวๆ นั้นแหละครับ แต่ผมไม่รู้เลยว่าไอ้การตัดสินใจพาแอ๋มออกมาจากผลับในครั้งนี้ผมจะต้องเจอกับอะไรบ้าง