Title : At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนที่ 23
บอกให้นอนก็นอนดิวะ
ทำไมต้องทำให้วุ่นวายด้วยการมาสั่งกลับว่านอนก่อนไปเลยด้วย
ตามสภาพร่างกาย ผมคือคนที่ไม่นอนพักก็ยังไม่ตาย เขาคือคนที่ควรจะนอนพักถ้าไม่อยากตาย
“พี่โป๊ะก็นอนดิ ยากินรึยัง วินถามเป็นรอบที่ล้านแล้วเนี่ย”
“ก็ตอบเป็นรอบที่ล้านแล้วว่ากินแล้ว วินนอนไปก่อนเลย”
“เพื่อ? วินไม่ใช่คนที่จำเป็นต้องนอน”
“นี่ตี 2 แล้วพี่โป๊ะ นอนพักได้แล้ว พี่ไม่สบายอยู่นี่”
“พี่ไหว” แค่กๆๆๆ เสียงยุงตดหรอที่ผมได้ยินอยู่เนี่ย ผมกอดอกใส่ พ่นลมออกจมูกเสียงดังๆ ให้เขารู้ว่าผมเบื่อการเถียงกันแบบนี้มากแล้ว อย่าให้ถึงจุดพีคเลย ขอร้อง
“โอเค”
“คือพี่ยังต้องทำงาน”
“ตี 2”
“ก็มันไม่เสร็จแล้วแนนต้องส่งงานลูกค้าพรุ่งนี้แล้ว ดราฟท์แรก”
“ไม่อยากให้มันต้องแก้หน้า”
“ก็นี่มันตี 2”
“ก็ถ้าวินไม่จ้ำจี้จ้ำไชกับพี่ ก็ได้ทำงานตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้ว ป่านนี้ก็คงได้นอนแล้ว”
นี่ผมยื่นพาราให้หมีควายแดกสินะ นอกจากจะไม่รับความหวังดีแล้วยังจะมาฆ่าผมอีก
ผมพ่นลมออกจมูกอีกรอบแล้วก็หันหลังใส่ ใช้เท้าเตะประตูเพื่อเปิดห้องแล้วก็เดินฉับๆ เข้าห้อง ปิดประตูใส่หน้าเขาแล้วก็คว้าหมอนมาฟาดลงบนที่นอนตัวเอง
“เหี้ยเอ้ย!!!”
ก๊อก ก๊อก
“วิน”
“...........” ไม่ตอบแม่ง มาเสียเวลาเรียกกันทำไม เอาเวลาไปทำงานสิ จะได้รีบตายก่อนปีสองพันสิบหก
“วิน เปิดประตู”
“ไม่ได้ล็อค” มีปัญญา มีความกล้า ก็รุกล้ำมาเถียงผมในห้องของผมเลย เอาสิ!
ปั่ก!
แล้วเขาก็ก้าวเข้ามาครับ เฮ้อ ผมเริ่มไม่รู้แล้วใครบ้ากว่ากัน
“อะไรอีกล่ะ”
“นอนซะ เดี๋ยวพี่ก็นอนแล้ว ไม่ทำงานแล้ว” ผมเหล่มองนายมือโปรที่ยืนพิงขอบประตูห้องผม เขาพยักหน้าย้ำ แต่จ้างให้ผมก็ไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะไปนอนตามที่บอก
“จริงๆ มันก็เรื่องของพี่โป๊ะ”
“แต่พี่ยังเสือกเรื่องของวินกับพี่รุตต์เลย วินก็ขอเสือกเรือ่งที่พี่ป่วยและควรนอนบ้าง”
“ได้เสือกแล้วก็ถือว่าหายกัน”
“โอเค พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่”
“คืนนี้ฝันดีก็แล้วกัน”
“หรือนี่ฝันค้างอยู่ นี่พี่ขัดจังหวะเดทของวินรึเปล่า”
“กวนตีน” ผมอวยพรเขาก่อนนอน นายมือโปรยกยิ้มมุมปากแล้วก็ถอยออกจากห้องไป ผมได้ยินเสียงประตูห้องเขาเปิดและปิดลง แม้ใจจะไม่เชื่อว่าเขาจะนอนตามที่โม้ไว้เมื่อกี้ แต่ผมก็เลือกจะหยุดสนใจเขาแค่เพียงเท่านี้ เพราะคืนนี้ผมง่วงมากแล้ว
ก่อนหลับตา แม้ว่าผมจะปิดไฟในห้องแล้ว แต่ก็ขอนิสัยเสียเช็คโทรศัพท์อีกนิดหน่อย พี่รุตต์ส่งข้อความมาอวยพรให้ฝันดี และนัดหมายว่าพรุ่งนี้จะมารับ เพื่อไปส่งที่ออฟฟิศ
นอกจากข้อความพี่รุตต์ ก็มีข้อความไอ้โอม เพื่อนชั่วที่ไปทำตัวเริงร่าท้ากรวดออสเตรเลีย ข้อความมันยาวมากครับ ดีว่าส่งมาทางแชทเฟสบุ้ค มาร์คซัคไม่จำกัดความยาวของตัวหนังสืออยู่แล้ว ผมยังไม่อ่านละเอียดเพราะไม่อยากสายตาเสีย
ข้ามผ่านตัวหนังสือมากมายของไอ้โอม ผมเห็นการแจ้งเตือนที่กล่องข้อความอีก 1 อัน ก็เลยกดไปอ่าน เผื่อจะเป็นพี่รุตต์บอกรายละเอียดเพิ่ม
ผมเดาผิด คนที่ส่งข้อความมาหาผมคือนายมือโปรที่นอนห่างออกไป 1 ห้องเท่านั้น
เขาส่งมาว่า “นอนจริงๆ” ื
อ่านแล้วผมก็ขำ เอาเป็นว่าคืนนี้ คนที่บ้ากว่าก็คือเขาละกันนะครับ
#### @ D A W N #####
เช้านี้นาฬิกาปลุกของผมคือสิ่งมีชีวิตที่ผมเริ่มไม่เข้าใจการกระทำของเขามากขึ้นเรื่อยๆ
นายมือโปรมาปลุกผมในห้อง และแม้ว่าผมจะลืมตาตื่นแล้ว มองเขาด้วยความคำถามว่า -เข้า มา ทำ อะ ไร แล้วทำ ไม ยัง นั่ง อยู่ อีก ทั้ง ที่ ผม ก็ ตื่น แล้ว- เขาก็ไม่ลุกไปไหน
นายมือโปรยังตะแคงตัวนั่งอยู่บนเตียงผม แต่หันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่าง ผมก็เลยเลิกมองเขางงๆ แล้วหันไปมองทางหน้าต่างบ้าง
พระอาทิตย์กำลังขึ้น
แสงส้มประกายทองบางๆ กำลังถักใยของตัวเอง ไต่ตามก้อนเมฆที่เรียงรายอย่างไร้ระเบียบ
ผมรู้สึกมีกำลังใจ รู้สึกว่าจะได้เริ่มใหม่อีกครั้ง ไม่ว่าเมื่อวานจะจบลงแบบไหน ไม่ว่าจะหลับด้วยอารมณ์ใด ณ ตอนนี้ ผมได้เริ่มใหม่อีกครั้งแล้ว
“สวยเนอะ”
“พระอาทิตย์น่ะหรอครับ พี่โป๊ะเพิ่งรู้รึไง”
“อื้อ พี่ไม่ค่อยได้มองว่าอะไรมันเริ่มต้นตอนไหน รู้ตัวอีกที อะไรที่ว่าก็จากไปแล้ว ก็เหมือนรู้ตัวอีกทีก็หมดวัน”
“วินชอบรู้ตัวว่าอะไรกำลังเริ่มมากกว่า”
“................” นายมือโปรไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาละสายตาจากจุดเริ่มต้นวันใหม่มามองผมแทน มองเงียบๆ มองนิ่งๆ และไม่ทันได้คาดคิดอะไร นายมือโปรก็ยื่นมามือปิดตาผม ผมเลยไม่เห็นว่าเขาทำอะไร และยังไม่ทันได้ขืนขัด ผมก็รู้สึกได้ว่าเขาจูบหน้าผากผมเบาๆ ลุกขึ้นจากเตียง คืนอิสระให้ลูกกะตาผมอีกครั้ง แล้วก็เดินออกจากห้องผมไป
ผมได้แต่นอนตัวแข็ง อ้าปากค้างเพราะยังอึ้งๆ งงๆ อยู่
“เชี่ยเอ้ย” แม้จะสบถ แต่วันใหม่ของผมก็ยังไม่มีสีใดมาสร้างตำหนิแม้แต่นิดเดียว
ผมอาบน้ำ-แต่งตัวเรียบร้อย และลงมากินมื้อเช้าตามปกติ นายมือโปรนั่งจิบกาแฟรอแล้วครับ ดูจากชุดที่ใส่ก็เดาได้เลยว่าวันนี้เขาจะไม่นอนเพาะเชื้อโรคแล้ว
“กินข้าวเช้าสิวิน นั่งนิ่งทำไม” คือ.... ก็อยากถามไงว่าไอ้เมื่อเช้าคือไร? แต่เห็นเขาทำเหมือนมันไม่ได้มีอะไรพิเศษๆ เกิดขึ้นเลย ผมก็คงต้องปล่อยเลยตามเลย ผมจับช้อนส้อม มองเบคอน ไข่ดาว มันบด ในจานแบนๆ ของตัวเองแล้วขมวดคิ้ว
“อยากกินอะไรน้ำๆ”
“คนทำคงรีบ”
“ปกติเขาจะมีครบนะ ป้าสุรู้ว่าวินชอบ ต้องมีทุกมื้ออยู่แล้ว”
“.............”
“แล้วพี่โป๊ะกินอะไรอ่ะ”
“ปังปิ้ง กาแฟ พอแล้วแค่นี้แหล่ะ”
“วินอยากกินซุป หรือแกงจืดอะไรก็ได้ คล่องคอ”
“ก็บอกแล้วไงว่าคนทำรีบ”
“ก็ปกติเขามีมาทุกเช้านี่นา”
“โอเค มื้อเช้านี้พี่ทำเอง โทรไปบอกลุงสมานมาว่าเราจะไปทำงานกันเช้ากว่าปกติ คงไม่ทันได้รอกิน”
“กินสิ เดี๋ยวสายๆ พาไปกินซุป เช้านี้ต้องรีบ”
“ก็...”
“ก็ได้” ทำไมผมต้องยอมด้วยวะ! แต่ช่างมันเถอะ กินก็กิน ผมจิ้มเบคอนทอดเข้าปาก ยัดด้วยไข่ดาวลูกเล็กๆ มันบดช่างมันครับ แล้วดื่มนำแทน ตามด้วยกล้วย แอปเปิ้ล ตบท้ายด้วยน้ำผลไม้อีกเกือบหมดกล่องใหญ่ๆ นายมือโปรมองผมตาปริบๆ คงงงว่าผมยัดบลงไปได้ยังไงล่ะมั้ง แต่มื้อเช้าสำคัญนี่หว่า
“อิ่มแล้ว”
“ไปสิ”
“เอ้า! พี่โป๊ะยังดื่มกาแฟไม่หมดอีกหรอ?”
“เอ้อ! อ่อ ช่างเถอะ เดี๋ยวค่อยต่อที่ออฟฟิศ”
“โอเคแล้วนะ”
“ครับ” ผมรับคำ รู้สึกพร้อมไปทำงานเต็มที่ แต่ก็นึกขึ้นมาได้ พี่รุตต์บอกไว้ว่าเช้านี้จะมารับไปทำงาน เออ....เอาไงดีหว่า
“เอ่อ พี่โป๊ะ”
“เดี๋ยววินไปเอง งานด่วนที่ต้องให้พี่แนนนี่ต้องเสนอลูกค้ากี่โมงครับ วินจะไปให้ทัน จริงๆ”
“แล้วทำไมไม่ไปพร้อมกันล่ะ”
“คือ...พี่รุตต์ ..จะมารับ”
“อ้อ! โอเค”
“เจอกันที่ออฟฟิศก่อน 8 โมงก็แล้วกัน”
“ต้องบรีฟงานกันภายใน 20 นาที”
“วินก็ควรจะมาให้ทันนะ”
“โชคดี”
ผมยังไม่ทันพูดอะไร เขาก็เดินฉับๆ ออกจากบ้านไปพร้อมกับโน้ตบุ้คคู่ขวัญคู่กำลังใจ เอกสารเยินๆ ปึกใหญ่ ส่วนผมก็ได้ยืนอึ้งๆ อยู่ว่า ทำไมผมได้ตามที่ต้องการเร็วจัง ตามปกติถ้าเป็นการงัดความใหญ่ของความต้องการ มันจะต้องต่อสู้เยอะกว่านี้เพื่อที่จะได้มา แต่ทำไมวันนี้เขาถึงเข้าใจอะไรง่ายจัง
แล้วทำไมผมถึงได้รู้สึกว่าการที่เขาเข้าใจอะไรง่ายคือ การเข้าใจเขาได้ยาก
#### @ D A W N #####
นั่งรอพี่รุตต์อยู่ที่โต๊ะม้าหินหน้าบ้านไม่นาน เขาก็มาถึงครับ พี่รุตต์ใส่ชุดลำลองดูสบายๆ เดินเข้าบ้านด้วยสีหน้าสบายๆ แต่คือผมรีบไง ผมต้องไปถึงออฟฟิศที่อยู่ทาวน์อินทาวน์ก่อน 8 โมง ตอนนี้ร่างผมร้อนรนอยู่แถวพระราม3 เอาสิ จะไปทางไหนที่ทันเวลา
“ทานข้าเช้ารึยังวิน สำคัญนะ”
“พี่รุตต์ก็รู้ว่าที่บ้านเขาดูแลอยู่แล้ว”
“ไปกันเถอะครับ วันนี้วินเข้าออฟฟิศที่ทาวน์อินทาวน์”
“งานด่วนมั้ย”
“ด่วนมากครับ”
“อ่อ...โอเค”
“ไปครับ เดี๋ยวพี่ไปส่ง” น้ำเสียงพี่รุตต์หงอยลงนิดหน่อยแต่ผมก็สังเกตได้ ต้องขอโทษด้วย ผมไม่มีเวลาปลอบอกปลอบใจเขาหรอกครับ ผมอยากไปให้ทันเวลามากกว่า เพราะผมอยากรับผิดชอบต่องาน และรับผิดชอบต่อคำพูดตัวเอง ผมพูดว่าจะไปถึงให้ทัน ก็ต้องไปให้ทัน
พี่รุตต์ขับรถเร็วกว่าปกติ เราโชคดีที่วันนี้รถไม่ติด พาตัวเองขึ้นทางด่วนได้ผมก็รอดแล้วครับ
รถพี่รุตต์จอดหน้าออฟฟิศตอน 7.55น. ผมรอดแล้ว ผมรอดแล้ว ใจผมกระเด้งดึ๋งๆ แบบบรรยายไม่ถูกเลยครับ คงเป็นเพราะผมสามารถทำตามหน้าที่ต้องรับผิดชอบได้นั่นแหล่ะ
ลงจากรถได้ผมก็วิ่งปรี่เข้าบริษัท ผ่านห้องยามเล็กๆ ที่เอาไว้ให้คนภายนอกแลกบัตร แต่ผมไม่ต้องแลก ผมกับพี่ทรงยศสนิทกันแล้ว อ้อ พี่ทรงยศคือยามครับ เป็นทั้งหัวหน้ายามและลูกน้องยาม คือทั้งบริษัทมีแกคนเดียว
ผมวิ่งรี่มาที่ชั้น 3 ทันที ผมคาดหวังจะเห็นพี่แนนหันหน้ารวยแก้มมามองผมแล้วส่งยิ้มให้ เห็นนายมือโปรหันมองตาม แล้วก็พยักหน้าเรียกผมเข้าทีมที่กำลังบรีฟงานกันอยู่ แต่พี่ผมเจอหลังจากผลักประตูเข้ามา คือความเงียบสงัด
“ชิบหาย! พรีเซนท์ที่ออฟฟิศไหนวะ!” ผมสบถด้วยหัวใจตุ๊มๆ ต่อมๆ ยกมือถือโทรหานายมือโปร ฟังเสียงตู๊ดไม่กี่ครั้งเขาก็รับสาย
“ครับวิน”
“พี่โป๊ะอยู่ไหน”
“ออฟฟิศไง”
“ออฟฟิศไหน?”
“ดุสิต”
“เหี้ยยยยยยยยยย วินอยู่ทาวน์อินทาวน์”
“พี่โป๊ะ วินขอโทษ”
“ไปตอนนี้ก็คงไม่ทันใช่มั้ยครับ”
“วินขอโทษนะ วินขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ”
“เฮ้ย! รู้สึกผิดอ่ะ ขอโทษนะพี่โป๊ะ”
“อื้อๆ ไม่เป็นไร เอาอยู่เถอะ สบายๆ”
“แล้ววินอยู่กับใคร ทีมเขาออกหาลูกค้ากันหมด เหลือแค่ยาม”
“ก็....คงต้องอยู่กับพี่ทรงยศเขาแหล่ะครับ”
“อื้อ นั่งทำงานไปเรื่อยๆ นะ เดี๋ยวพี่ก็กลับแล้ว แนนมันเอาอยู่ รายละเอียดก็ผ่านแล้ว ไม่ยาก”
“ครับ แต่ว่า ถ้าพี่ต้องการซัพพอร์ต บอกวินนะ”
“ครับ ขอบคุณนะ” เขาวางสายไปแล้ว แต่ความอุ่นใจยังอยู่กับผม ทั้งที่ไปร่วมพรีเซนท์งานลูกค้าไม่ทัน ไม่ได้ดูการทำงานของทีมเขา ไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย แต่กลับรู้สึกว่าผมนั่งที่โต๊ะทำงานหน้าห้องเขาได้ไม่เป็นไร ผมนั่งทำงานส่วนของผมได้ไม่เป็นไร มันน่าจะเป็นครั้งแรก หรือครั้งแรกๆ ที่ผมพลาดความรับผิดชอบส่วนของผม แต่ยังรู้สึกดีกับตัวเองได้อยู่ เพราะคำว่า –ไม่เป็นไร- ของนายมือโปร
ผ่านไป2ชั่วโมงกว่า พี่ทรงยศก็ขึ้นมาที่ส่วนออฟฟิศชั้น 3 เขาทำหน้าเหรอหราใส่ผม แต่พอผมพยักหน้าเชิญให้พูด พี่เขาก็พูดตรงประเด็นเผงเลย
“รถขายส้มตำไก่ย่างมาแล้วครับ วันนี้คุณแนนไม่อยู่หรอครับ แล้วจะให้ซื้ออะไรไว้มั้ยครับ”
“ผมก็ไม่รู้อ่ะครับพี่”
“เดี๋ยวผมถามให้”
“งั้นผมไม่เรียกไว้ก็แล้วกันนะครับ กลัวคุณแนนไม่เข้ามาแล้ว”
“อ่อ เรียกไว้เถอะครับ ผมซื้อเอง ถ้าไม่กลับมากันแล้วเราก็กินกันแม่งให้เปรมเลย”
“ไหนล่ะครับ” พี่ทรงยศยิ้มแป้น เดินนำผมลงจากออฟฟิศมายืนสู้แดดจัดๆ ที่หน้าออฟฟิศ รถส้มตำที่แกว่าก็คือรถเข็นเข็นควันโขมงนั่นแหล่ะครับ
“อ่า แม่ค้า ปูปลาร้า ลาบเนื้อ ซุปหน่อไม้แซ่บๆ เด้อ”
“ปลาดุกย่างด้วย ตัวนี้ตัวนี้ อ่อมด้วย คุณวินเอาอะไรครับ” พี่ทรงยศหันมาถามผม ผมก็เลยงงขึ้นมาทันที ไม่ได้งงว่าจะกินอะไรดีหรอกครับ งงว่าที่แกสั่งเมื่อกี้ไม่รวมส่วนของผมหรอ? แกกินคนเดียวหมดหรอวะ?
“เอ่อ..ตำปู แบบไม่ใส่ปูนะครับ” ปั่ก! เหมือนพูดอะไรแป่กๆ แล้วมีเสียงประกอบนั่นแหล่ะครับ สากหยุดทำหน้าที่ทุบตีก้นครกกะทันหัน ผมถูกแม่ค้าเหวี่ยงตามอง เธอไม่พูดอะไรกับผมแต่หันไปถามพี่ทรงยศว่า เด็กใหม่เรอะ?
“เอ่อ งั้นใส่ปูตามที่ป้าสบายใจเลยครับ” ปั้ก ปั้ก ปั้ก ผมตรัสรู้ได้ในบัดดลว่าห้ามเรียกแม้ค้าผู้ถือวัตถุที่แปรผันเป็นอาวุธได้ว่าป้า มันไม่ปลอดภัยกับกะบาลตัวเอง
“เอาตำปูครับ รสมือพี่เลยครับ อร่อยแน่เลย”
“กับ ไก่ย่าง เอาปีกๆ กับ...”
“เอ่ออออที่เป็นหมูสับๆๆ เรียกอะไรนะครับ”
“ลาบ! ไอ้หนุ่มนี้จะได้กินมั้ยมื้อนี้น่ะ!” ดุด้วย ก็ผมสับสนนี่หว่า จะกินหมูสับๆ แม่งก็เสือกสั่งได้แต่หมูหั่นๆ พอจำไว้ว่าสั่งแบบหมูหั่นๆเรียกอะไร มาสั่งครั้งต่อไปแม่งก็ยังได้กินหมู่สั่นๆอยู่ดี
“อื้อๆ เอาหมูสับๆ นะครับ ไม่เอาหั่นๆ”
“ผมจำไม่ได้หรอกว่าเรียกอะไร แต่จะกินหมูสับๆ”
“สั่งเท่านี้ได้มั้ยครับ”
“พ่อคู้นนนนน สั่งแค่ไหนก็ได้ทั้งนั้นแหล่ะครับคุณวิน”
“ฝากผมจ่ายเลยครับ เดี๋ยวหิ้วขึ้นไปให้”
“อ้อ ดีเลยครับ ผมร้อน” ผมควักแบงก์พันให้ พี่ทรงยศมองหน้าแบบไม่เข้าใจผมเท่าไหร่ ผมก็เลยเปลี่ยนไปแบงก์ห้าร้อยแทน
“ผมเลี้ยงพี่ทรงยศนะครับมื้อนี้”
“โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยย” คือไม่เอา?
“ขอบคุณหลายครับ” ต้องแบบนี้สิ อย่าให้ผมต้องคะยั้นคะยอใครเลย ผมไม่ชอบง้อใครด้วย
ผมทิ้งยามบริษัทไว้กับแม่ค้าส้มตำ พวกเขาดูจะคุยกันถูกคอกว่าตอนที่มีผมยืนมารหัวร้อนมาก ขึ้นมาถึงโต๊ะทำงานก็คว้าโทรศัพท์เช็คดูว่ามีใครติดต่อมารึเปล่า
มีครับ
รายแรกพี่รุตต์ ก็คงโทรมาถามความเป็นไปขอผม
รายที่สองป้าสุ อื่มมม มีอะไรรึเปล่านะ?
รายที่สาม นายมือโปร น่าจะธุระด่วน ผมควรโทรกลับใช่มั้ย
ยังไม่ไตร่ตรองอะไร ผมเลือกโทรกลับไปหานายมือโปรทันที พอเขารับสายก็รายงานตัวรอเขาโยนความผิดชอบมาให้เพิ่ม
“กินมื้อกลางรึยัง”
“อ่ออ นึกว่าเรื่องด่วนอะไร”
“ยังไม่ได้กินครับ แต่ลงไปซื้อส้มตำกับพี่ทรงยศมา”
“อ่อ สั่งตับหวานให้ด้วยดิ นอกนั้นกินกับวิน”
“เดี๋ยวพี่ถึงแล้ว”
“พี่โป๊ะ แล้วพี่แนนล่ะครับ พี่ทรงยศแกเป็นห่วง”
“แนนไปโกดังกับลูกค้าต่อ”
“อ่ออ โอเค งั้นพี่รีบกลับมานะ ไม่อยากดมส้มตำ อยากกินเลย”
“โอเค แป๊บเดียว ตับหวานด้วย!” แล้วก็วางไป
นี่น่ะหรอสิ่งที่ผมห่วงว่าจะเป็นธุระด่วน
นายมือโปรชอบกินตับหวาน เกือบครึ่งวันผ่านไปผมเรียนรู้เท่านี้เองหรอเนี่ย?
เขาบอกแป๊บเดียวก็แป๊บเดียวจริงๆ ครับ นายมือโปรวิ่งหอบๆ เข้ามาในออฟฟิศ ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่าเขาจะวิ่งทำไม เดินชิลๆ ก็ถึง สงสัยจะอยากกินตับจัดๆ
“มาเร็วจัง”
“ก็พี่บอกแป๊บเดียวก็ต้องแป๊บเดียวดิ”
“หิวมั้ย กินเลยสิ”
“จานชามก็มี”
“ได้ๆ เดี๋ยววินเทเลย”
“แล้วพวกพี่แนนเขาไปทำงานกันต่อที่โกดัง พี่โป๊ะไม่ต้องไปก็ได้หรอครับ”
“อื้อ ได้”
“บ่าย 2 พี่มีประชุมกับบอร์ดบริษัทแม่ เรื่องตั้งร่วมทุนนั่นแหล่ะ วินไปด้วยนะ”
“หรือติดนัด”
“ไม่ๆ อยากไปกับพี่โป๊ะ”
“มีข้อมูลอะไรให้วินเตรียมกึ๋นก่อนมั้ย”
“มี เดี๋ยวอ่านในรถได้ กินก่อนเถอะ” นายมือโปรบอกแล้วก็จัดแจงเปลี่ยนตัวเองเป็นพ่อครัว เขาไม่ได้ประกอบอาหารหรอกครับ เขาแค่บรรจงเทส้มตำ หมูสับๆ ไก่ย่าง ตับหวาน ข้าวเหนียวลงในจาน ประดับผักสดที่แม่ค้าแถมมาจนดูมีรสนิยมมาก
“กินเลยนะ”
“เชิญญญญญ” แม่งตอบประชดเถอะ
เรากินข้าวเช้าด้วยกัน กินมื้อกลางวันด้วยกัน เย็นนี้ก็อาจจะกินข้าวด้วยกันอีกรอบ เพราะผมต้องเข้าประชุมบอร์ดกับเขาด้วย
24 ชั่วโมงต่อวันของผม กำลังชินกับการอยู่กับนายมือโปรตลอดเวลา
ผมหวังว่าเขาจะไม่รำคาญผมจนต้องลำบากไปหาเวลาส่วนตัวที่อื่น ผมหวังว่าเขาจะบอกผมตรงๆ ว่าตอนไหนอยากอยู่คนเดียว ตอนไหนอยากอยู่กับวิน
แต่ที่หวังกว่านั้น ก็คือ หวังให้ 24 ชั่วโมงต่อวันของเขา ชินกับการอยู่กับผมตลอดเวลา
โทรศัพท์ผมดังขึ้นอีกครั้ง แต่ผมไม่ได้รับ ทำเพียงแค่ชะโงกมองดูชื่อคนที่โทรหา แล้วก็นั่งกินมื้อกลางวันกับนายมือโปรต่อ
เพราะมือผมเปรอะเปื้อนอยู่ ไม่สะดวกรับสาย พี่รุตต์คงไม่โกรธผม และไม่มองเหตุผลของผมเป็นเรื่องไร้สาระหรอกนะ
เพราะมือผมเปรอะอยู่ ไม่สะดวกรับสาย
เพราะผมกำลังกินส้มตำไก่ย่างอย่างมีความสุขอยู่ ไม่สะดวกรับสาย
ไม่ว่าจะอ้างเหตุผลข้อแรกข้อเดียว หรือข้อสองข้อเดียว หรืออ้างทั้ง 2 ข้อ
สี่งที่ผมเลือกทำ ก็คือ ไม่รับรู้ความต้องการของพี่รุตต์ทั้งที่สัญญาไว้แล้วว่าใน 2 อาทิตย้นี้ จะมอบความทรงจำที่ดีให้เขา
-cut-
ครึ่งเดือนต่อที สปีดนี้กำลังโอเคใช่มั้ยคะ?
นี่มาต่อเพราะมีคนหมั่นถามเลย โฮ่ๆๆๆ
ฝากติดตามด้วยนะคะ จะปั้นให้ถึงไคลแม็กซ์เร็วๆ ไม่อยากให้คนอ่านเบื่อ แต่ไคลแม็กซ์เรื่องนี้อาจจะบางคนแทบไม่รู้สึก ฮ่าๆๆๆๆๆ