โอ้วมีแมสเสจมาบอกว่าขอจองหนังสือพี่พอยท์ล่วงหน้า 55 ยังไม่จบเลยแฮ่ ยังไงก็ขอบคุณที่ชอบพี่พอยท์กันนะคะ แบมอยากกดบวกหนึ่งให้ทุกคนจังเลยแต่กดไม่เป็น TT ซอรี่นะเออ อยากตอบทุกเม้นด้วย TT แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง อย่าโกรธกันนะคะ
ทำไมตอนนี้พอยท์น่ารัก ? 55 รู้สึกเหมือนกันมั้ย ฮิฮิ
---------------------------------------------------------
ตอนที่ 7
แสงแดดที่เข้าตาทำให้ผมค่อยๆลืมตา ก่อนจะปิดตาลงอีกครั้ง ค่อยๆลืมตาใหม่เพื่อปรับโฟกัส กระพริบตาปริบๆ เห็นเพดานขาวๆกับโคมไฟอลังการงานสร้าง ค่อยๆชันแขนดันตัวเองขึ้นนั่งก่อนจะล้มลงไปอีกครั้ง
ความชาตั้งแต่ช่วงเอวลงไปทำให้ผมรู้สึกแปลกใจ และกังวล ผมขยับไม่ได้ ..
น้ำตาผมเริ่มคลอจนปริ่ม แล้วไหลลงมาตามแก้ม
“พอยท์ เป็นอะไรครับ หืม ” โอโอะที่เดินเข้ามาเห็นผมทำหน้าตกใจดึงผมไปกอดไว้
“ฮึก .. ฮือออออ” ผมยกแขนกอดเอวโอโอะแน่นซุกหน้าลงกับไหล่กว้างๆ
“โอ๋ๆ ไหนบอกมาหน่อยเกิดอะไรขึ้น”
“ต้องตายแล้วแน่ๆเลย ฮืออออ”
“อะไรนะ ทำไมคิดแบบนั้น” โอโอะทำหน้าตกใจ ถามผมเสียงสั่น
“ปวดฉี่ ฮือออออ”
“อ้าวแล้วปวดฉี่เกี่ยวอะไรกับตายครับ” โอโอะจูบขมับผมเบาๆ
“ลุกไม่ไหว ฉี่จะราดแล้ว อ่า แงงงงงงงงงงงงง”
ก็คนมันปวดจะราดแล้วให้ทำไงลุกไม่ไหวนี่เฮ้ย นึกว่าต้องฉี่ราดที่นอนเหมือนเด็กเบบี๋แอ๊บแบ๊วซะแล้วไง
“โอ๋ๆ ป่ะๆ ไปเข้าห้องน้ำกัน” โอโอะอุ้มผมขึ้นพาเดินไปเข้าห้องน้ำ แต่ขาผมไม่มีแรงเลยยืนฉี่ไม่ไหว จะนั่งก็แปลกๆ
สุดท้ายโอโอะก็โอบผมไว้จากด้านหลังจัดการกับพอยท์น้อยให้ยกระดับในองศาที่ถูกต้อง ผมรู้สึกตัวเองว่าหน้าร้อนฉ่ามาก ขนาดฉี่ยังลำบากชาวบ้านเลยแฮะ
“รีบๆฉี่สิครับ เดี๋ยวทนไม่ไหวทำไง” ไอ้โอโอะลามกลูบพอยท์น้อยของผมไปมา กระซิบเสียงพร่าข้างหู
“กะ.. ก็มันอาย”
“โอ๋ๆ ไม่อาย อ่ะไม่มอง” โอโอะกลับหันหน้ามาสบตาผมแทน ทำให้ผมยิ่งเขินเข้าไปอีก รู้สึกผ่าวไปทั้งหน้าทั้งตัว กว่าจะฉี่ได้ผมก็อายจนไม่รู้จะอายยังไง แล้วเขาก็แบกผมกลับมาที่เดิม ผมรีบมุดลงไปในผ้าห่ม ไม่อยากให้เห็นหน้าตอนผมอายไปมากกว่านี้แล้ว
ไม่เท่เลยว่ะ !
“อายอะไร ออกมาเร็ว เดี๋ยวคุณหมอมาตรวจ” โอโอะก็กระชากผ้าห่มของผมแต่ผมก็ยึดไว้ก่อนจะม้วนตัวจนผ้าห่มพันตัวเป็นแยมโรลเหลือแต่หัวลอดออกมา
“หึหึ เจ้าหนอนน้อยทำไมน่ารักน่าฟัดจัง” ไอ้โอโอะทำหน้าหื่นขึ้นมานอนคร่อมผมที่กระดิกตัวไม่ได้เพราะกลายเป็นแยมโรลอยู่
“จะทำอะไร ออกไปเลยไป เกะกะว่ะ”
“ปากดีแบบนี้ขอพี่ชิมสักทีเหอะ” คางของผมถูกเชยขึ้น ก่อนจูบบางเบาจะประกบลงมาดุจปุยนุ่นต้องผิวน้ำ
ปุยนุ่นที่สัมผัสผิวน้ำเพียงแผ่วเบา กลับทำให้จมลงดำดิ่งลงไปยากที่จะถอนตัวขึ้น
จูบของโอโอะที่ไปแบบช้าๆไม่เร่งรีบทำให้ผมเหมือนปุยนั่นที่ค่อยๆถูกน้ำกลืนกลินจนจมลงไป จมลงไป …
ก่อนโอโอะจะผละออกไป สายน้ำลายเชื่อมปลายลิ้นของเราสองคนเป็นทางก่อนจะขาดลงในที่สุด สายตาผมและเขาผสานกันราวกับพิสูจน์บางอย่างในแววตาของอีกฝ่าย ก่อนรอยยิ้มชินตาจะปรากฏขึ้นกับคนตรงหน้าผม
แล้วผมก็หน้าร้อนฉ่าอีกแล้ว …
“เขินอีกแล้วนะเรา ฮะๆ” เขาโยกหัวผมไปมา
“ไม่ใช่เด็กนะ อย่าโยกหัวเซ่ ผมหล่อแล้ว โตแล้ว เท่แล้ว มีเมียได้แล้ว” ผมยักคิ้วกวนประสาทใส่เรียกความมั่นใจของตัวเองกลับมา
“อืม … ไม่เถียง แต่มีเมียแล้วนี่ไม่ยอมนะ เพราะพอยท์มีสามีตั้งสองคนแล้วจะทิ้งพวกเราได้ลงคอจริงๆหรอครับ ทำไมใจร้ายแบบนี้ล่ะ” น้ำเสียงตัดพ้อเอาแต่ใจ ทำให้ผมเริ่มรู้สึกผิด แต่แล้วคนตรงหน้ากลับยิ้มออกมา
“แกล้งกันนี่หว่า โคตรโกงเลยอ่ะ”
“ฮ่าๆ ก็อยากน่าแกล้งทำไมกันล่ะ”
“หมอมาแล้ว” โนโนะเดินเข้ามาในห้อง พร้อมกับหมอคนหนึ่ง สายตาคมดุของโนโนะกวาดมองผมที่เป็นแยมโรลอยู่ราวกับพิจรณา ก่อนเขากับโอโอะจะช่วยผมแงะตัวเองออกจากผ้าห่มให้หมอตรวจ หมอก็พลิกซ้ายพลิกขวา ตรวจความดัน วันไข้ ทั่วไปก่อนจะสั่งให้ผมถอดกางเกงเพื่อตรวจช่องทางด้านหลัง
“เฮ้ยไม่เอา ไม่เป็นไร เอายามาทาก็พอ ไม่ต้องถอดๆ” ผมอายจนหน้าแดง ทำไมเดี๋ยวนี้อายบ่อยจังวะ ผมหลบสายตาไอ้สองพี่น้องเขินๆ ใครจะถอดให้มันดูเล่า ถึงจะเห็นบ่อยแล้วก็เหอะมั้ง แต่ผมก็อายเป็นนะ
“ถอด หมอต้องตรวจ” โนโนะสั่งผมเสียงเข้ม
“ไม่เอา อยากถอดก็ถอดไปคนเดียวเซ่”
“เอ… ก็เห็นออกจะบ่อยนะ สลบไปตั้งสามวันหมอก็ถอดตรวจตั้งสามวัน” สามวันเลยเรอะ ! ให้ตายเหอะ
“กะ … ก็ตอนนั้นไม่รู้เรื่อง แต่ตอนนี้รู้เรื่องแล้ว ไม่เอา ไอ้บ้าทำไมชอบดูคนแก้ผ้ารึไง” ผมเถียงสุดชีวิต เอาเซ่ เพื่อป้องกันอิสรภาพของประตูหลังที่โดนทำลายไปลายครั้ง(อ้าว) ผมก็จะดื้อให้ถึงที่สุด
“คงต้องใช้กำลัง” สิ้นคำพูดโอโอะไอ้สองพี่น้องก็มาจัดการผมทันที โนโนะลอคแขนผมไว้ก่อนที่โอโอะจะดึงกางเกงชุดนอนผมออกแล้วแยกขาผมให้หมอดูช่องทางด้านหลัง อายก็อายเหลือเกิน แต่แรงก็สู้พวกมันไม่ได้ เลยได้แต่ก้มหน้าหลบสายตาทุกคน ให้หมอตรวจๆ ป้ายยาทายา พอตรวจเสร็จก็รีบใส่กางเกงมุดตัวลงไปใต้ผ้าห่มทันที
ไอ้พวกนี่มันน่าตายจริงๆ ชอบทำให้ผมอาย !! อายมาก อายที่สุด ที่สุดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
“พอยท์ของเราอายจนไม่ยอมออกมาคุยกับเราแล้วครับพี่” เสียงล้อๆของไอ้โอโอะ ดังขึ้นใกล้ๆเหมือนมันจงใจก้มลงมาพูดให้ผมได้ยินชัดๆ
“ขืนใจเราแล้วก็ทิ้ง” คำพูดสั้นๆของโนโนะทำผมเดือดทันที
“พูดอะไรอ่ะ ใครทำใครกันแน่ ผมเสียหายชัดๆ ชัดๆ ชัดดดชัดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
“แต่พอยท์เป็นคนบอกให้พวกเราทำเองนี่ พวกเราก็ทำจนสุดความสามารถแท้ๆ ยังมาว่าเราอีก” ไอ้โอโอะแกล้งทำเสียงเศร้าทั้งๆที่หน้ามันลัลล๊าเต็มที่ ไอ้โนโนะที่ปกติหน้าดุก็มียิ้มมุมปาก
“ไอ้พวกบ้าเอ้ย หยุดพูดเลยนะ ลืมเรื่องนี้ไปซะ” ผมมุดลงไปใต้ผ้าห่มอีกครั้ง
“ประสบการณ์เอ้าดอร์ครั้งแรก ดันมาให้เราลืม ทำไมลืมกันเร็วแบบนี้ครับพอยท์” โอโอะมันขุดตัวผมออกจากที่นอนมานั่งบนตักมันแล้วกอดไว้
“พวกเราเป็นแค่ทางผ่านหรอ” โนโนะเขยิบจนปลายจมูกชนกับผม แววตาสีดำเข้มทำให้ผมเผลอจ้องมองอย่างหลงใหล เผลอเลียปากตัวเองไม่รู้ตัว
“น่ากิน” สิ้นคำจากโนโนะ ผมก็โดนจูบที่ลึกล้ำและดื่มด่ำจนแทบละลาย
“อยากทำมากกว่านี้แต่กลัวจะเดินไม่ไหวแฮะ” โอโอะบ่นออกมาอยากเสียดาย
“พอเลย จะนอนแล้วง่วงชะมัด ขอนอนก่อนนะ ฮ้าวววว” ผมแกล้งหาวหลบหน้าพวกมัน แต่ก็ดูเหมือนจะรู้ทันเพราะได้รับยิ้มล้อเลียนกลับมา โนโนะยื่นมือขยี้หัวผมแรงๆ แล้วพวกเราสามคนก็นอนกลางวันไปด้วยกัน
22.00 น. โกดังร้างตะวันออกของโตเกียว
กลับกลายเป็นที่ประจันหน้าของมาเฟียสองกลุ่ม ที่คุมเขตเหนือและใต้ของโตเกียว ที่ยังเป็นคานอำนาจกันอยู่
“นาซึโนะ เราก็โตๆกันแล้วเรื่องแค่นี้อย่าให้ต้องมาหมางกันเลย” เสียงเอื่อยๆของผู้ชายในชุดสูทสีขาว หน้าตาเจ้าเล่ห์ผสมเชื้อยุโรปรับกับผิวขาวแบบญี่ปุ่นทำให้เขาดูหล่อเหลาราวกับพระเอกฮอลลีวูด แต่กลับกลายเป็นหัวหน้าแก๊งมาเฟีย คุมเขตเหนือของโตเกียว
“อย่ามาทำพูดดีไปหน่อยเลย เร็น คนของนายเข้ามาแพร่ยาในเขตฉัน” เสียงไม่พอใจของทัตสึโอะที่ยืนอยู่ข้างพี่ชาย
“คนของฉันอะไร นั่นมันพวกวัยรุ่นที่ซื้อยามาจากฝั่งฉัน ก็ประสาเด็กนั่นแหละไม่รู้หรอกเขตใครเป็นเขตใครไปทั่วไปหมดนั่นแหละ”
“แต่พวกมันสารภาพแล้วว่าซื้อมาจากเขตนาย” สีหน้าของเร็นเริ่มเปลี่ยนไปเป็นเย็นชา
“ตำรวจไม่ได้รู้เรื่อง ทำไมต้องโวยวายเด็กมันข้ามเขตกันเอง เรื่องแบบนี้ก็เกิดขึ้นบ่อยๆไม่ใช่หรือไง”
“ถ้าเด็กของแก ไม่แตะต้องคนสำคัญของเรา” เสียงแข็งกร้าวแต่ทว่าเย็นชาของนาซึโนะดังขึ้น จนเร็นประหลาดใจ ก่อนรอยยิ้มเจ้าเล่ห์จะปรากฏบนมุมปากของเขา
“ผู้เป็นที่รักของคนต้องห้าม งั้นหรอ”
“ไม่ใช่” เสียงขบกรามแน่นของนาซึโนะทำให้เร็นยิ้มออกมากว้างๆ
“อยากรู้จังที่รักของคนต้องห้ามอย่างนาซึโนะและทัตซึโอะจะเป็นแบบไหนกันนะ”
“อย่าแตะต้องเขา” เสียงไม่พอใจของทัตสึโอะยิ่งทำให้เร็นหัวเราะออกมาดังลั่น
“คงสำคัญมากสินะ หึหึ หวังว่าพวกนายจะพามาเปิดตัวโดยเร็ววัน ส่วนเรื่องยาข้ามเขตฉันคงต้องขออภัยที่ไปล่วงเกินคนสำคัญของพวกนาย ไหนล่ะคนที่บอกว่าเป็นเด็กของฉัน”
นาซึโนะโบกมือหนึ่งที บอดี้การ์ดร่างยักษ์ก็ลากคนที่ใส่ยาพอยท์ในคราวก่อนออกมา พวกมันมีสีหน้ากลัวจนลนลานขอโทษเร็นว่าอย่าเอาเรื่องเลย จะไม่ทำอีกแล้ว
ทว่าเสียงร้องขอชีวิตนั่นไร้ผล
ปัง ! ปัง ! ปัง ! ปัง ! ปัง !
เสียงปืนห้านัดจากเร็นทำให้พวกเขาตายทันที
“ถือว่าเอาเลือดพวกมันมาขอโทษพวกนายแล้วกันนะ คิดซะว่าจบๆกันไป ฉันจะระวังมากกว่านี้ หึหึ”
“อืม” เสียงตอบรับจากนาซึโนะที่ยังคงนิ่งเฉยๆ ทำให้เร็นรู้สึกไม่พอใจ
เขาหมั่นไส้นาซึโนะคนนี้มานานแล้ว แม้ภายนอกจะเหมือนว่าแบ่งเขตกันปกครองแต่นาซึโนะกลับมีธุรกิจทั้งเบื้องหน้าและเบื้เองหลัง แม้จะเป็นมาเฟียเหมือนกัน แต่เบื้องหน้ากลับเป็นเจ้าของสถานีโทรทัศน์และควบคุมเรื่องโฆษณาต่างๆ ของญี่ปุ่นที่ทั้งโลกในยามนี้ต่างต้อมยอมรับว่าใครครอบครองสื่อคนนั้นเป็นใหญ่ เพราะปัจจุบันสื่อมีอิทธิพลอย่างมากต่อชีวิตของมนุษย์ นั่นแสดงว่านาซึโนะคนนี้คือผู้ที่ถืออำนาจแนวหน้าของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้
อยากเห็นนัก ..
วันที่พญาอินทรีย์เจ้าเวหาอย่างนาซึโนะต้องโดนเด็ดปีกจนบินไม่ขึ้น ..
ที่รักของคนต้องห้าม .. ที่รักของเจ้าแห่งสื่อ ..
เขาต้องหาคนๆนั้นให้เจอ !
สีหน้าของเร็นสร้างความไม่สบายใจให้กับนาซึโนะและทัตสึโอะบัดนี้พวกมันรู้แล้วว่าพวกเขามีคนสำคัญ
พอยท์กำลังเป็นอันตราย .. เจ้าหมาลอบกัดแบบเร็นมันกัดไม่ปล่อยแน่
เมื่อจบการเจรจาพวกเขารีบกลับบ้านตรงดิ่งไปที่ห้องนอน ร่างของพอยท์ที่กำลังหลับสบายอมยิ้มอย่างมีความสุขทำให้พวกเขารู้สึกเป็นห่วง
กลัวรอยยิ้มที่เฝ้ามองมาตลอดจะหายไป ..
กว่าจะได้มาอยู่ใกล้ๆ ต้องรอมานานเหลือเกิน …
กลัวใครจะพรากไป …
กลัวใครจะขโมยไป …
กลัวดวงใจของพวกเขาจะได้รับอันตราย …
ทั้งสองคนล้มตัวลงนอนข้างๆร่างโปร่งก่อนจะโอบกอดไว้แน่น ..
ต่างคนต่างให้สัญญากับตัวเองในใจ
ใครบังอาจแตะต้องที่รักของคนต้องห้ามเช่นเขา ..
อย่าหวังจะได้หายใจร่วมโลกกันอีก !