Kiss Love ♥ [09] เฮฮากลางร้านอาหาร
[กาย...♥] พวกเรามาถึงร้านอาหารกันแล้วครับ เป็นร้านอาหารริมทะเล บรรยากาศเงียบเชียบ ตกแต่งร้านสไตล์ล้านนา โห เข้ากับทะเลมากมาย แปลกไปอีกแบบ แต่คนกลับแน่นขนัด ยังดีที่พี่สาวโทรมาจองโต๊ะไว้ก่อน ไม่งั้นพวกเราคงอดกิน
พวกเราเลือกที่นั่งเป็นโต๊ะแบบนั่งพื้นครับ แบบขันโตกเลย พวกพี่ ๆ เดินตรงไปยังโต๊ะที่จองไว้ ส่วนผมขอตัวไปเก็บภาพก่อน
ผมยืนถ่ายรูปจากริมสะพานที่ยื่นออกไปนอกหาด เห็นนกหลายตัวกำลังโฉบอยู่กลางอากาศ
ผมก็...แชะ!...ซะเลย
พอเก็บภาพจนหนำใจก็เดินกลับไปที่โต๊ะ ตอนนี้เหลือที่ว่างอยู่แค่ตัวเดียว คาดว่าน่าจะเป็นของผม ผมทิ้งตัวลงนั่ง ข้างขวาผมเป็นไอ้เต้ย และข้างซ้ายเป็นใครอีกคนที่ผมเพิ่งไปลั่นชัตเตอร์กดถ่ายภาพมา
อาหารมาถึงแล้ว โห นี่เขาทำเร็ว หรือว่าผมมัวถ่ายภาพเพลินกันแน่นะ พวกเราเริ่มลงมือกินกัน 14 ชีวิต บนโต๊ะญี่ปุ่นสามตัวต่อกัน มีต้มยำทะเลสามหม้อ หอยลวกสามจาน ผัดผักสองจานใหญ่ ๆ ยำทะเลสามจาน ไข่เจียวปูอีกสองจานใหญ่ ส้มตำปูม้าสามจานใหญ่ ๆ และตบท้ายด้วยกุ้งเผาสามจาน แต่ละจานไซส์อย่างยักษ์
ผมชอบกินกุ้ง แต่ไม่ชอบแกะเปลือกกุ้ง ไอ้เต้ยมันรู้ดี มันเลยทำหน้าที่นี้ให้ผมแทน
แต่ละคนเปิบไม่ห่วงหล่อห่วงสวยกันเลย ผู้คนในร้านก็พากันมองใหญ่
ก็นะ…
หล่อ ๆ สวย ๆ กันทั้งนั้น
ในกลุ่มนี้ ผมคงหน้าตาธรรมดาที่สุดแล้วละมั้ง
ผมนั่งกินไปเรื่อย ๆ เม้าแตกกับพวกพี่ ๆ ส่วนมากก็เล่าเรื่องการถ่ายภาพนั่นแหละ เห็นอย่างนี้ ผมเดินทางท่องเที่ยวกับแม่บ่อยเอามาก ๆ รายนั้นชอบท่องเที่ยว บางทีก็หนีไปคนเดียว บางทีก็หิ้วผมไปด้วย ผมชอบถ่ายรูป เลยเก็บภาพสวย ๆ ไว้เยอะแยะไปหมด
ทุกคนถามเหมือนไอ้พี่เอกว่าทำไมผมถึงไม่ไปเรียนตรง ๆ
ผมก็ตอบไปตรง ๆ
ทำเป็นอาชีพ ความกดดันมันจะเยอะ ผมไม่อยากให้ไอเดียและจิตนาการถูกจำกัดเอาไว้เพื่อเงิน
อันนี้แม่ผมสอนมา ถ้ามีใครถามว่าแม่ทำอาชีพอะไร แม่จะบอกว่า
‘อาชีพอิสระ’
แต่ถ้าถามว่างานอดิเรกคืออะไร แม่ก็จะบอกไปว่า
‘เขียนนิยาย’
ผมนั่งโซ้ยต้มยำกุ้ง ดูเหมือนพวกพี่จะไม่อิ่มกัน เลยสั่งมาเพิ่ม ผมรีบเคลียร์โต๊ะเพื่อให้มีที่ว่างมากขึ้น เก็บจานชามที่ไม่ใช้ไปวางไว้ด้านหลังตัวเอง พอหันกลับมา ก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่างจากคนข้างตัว
“พี่เอก” ผมเรียก
มือที่กำลังแงะกุ้งอยู่ชะงักค้าง พี่แกหันมามอง
“พี่ลืมติดกระดุมเสื้อแน่ะ พุงยื่นหมดแล้ว”
จริง ๆ ไม่ยื่นหรอกครับ คนที่มีกล้ามเนื้อท้องมาก ๆ กินให้ตายยังไงพุงก็ไม่ยื่น นี่ขนาดพี่แกนั่งขัดสมาธิกับพื้น กินเข้าไปก็มากกว่าผมตั้งหลายเท่า ท้องยังไม่ยื่นเลย
พี่เอกนิ่งไปนาน
คงกำลังคิดอยู่ว่าจะวางกุ้งแล้วติดกระดุมเสื้อก่อน หรือกินให้เสร็จก่อนดี ผมเลยตัดสินใจ...
ติดให้แกแทน
พี่เอกถือกุ้งค้างไว้ ผมก็ตั้งหน้าตั้งตากดกระดุมลงหลุมตั้งแต่ล่างขึ้นบน
คือ...
มันเป็นนิสัยผมน่ะ เวลาถอด จะไล่ตั้งแต่บนลงล่าง แต่เวลาติดจะไล่ตั้งแต่ล่างขึ้นบน
ผมเหลือกระดุมสองเม็ดบนไว้ ให้มันดูเท่ ๆ หน่อย ผมตบกระดุมเม็ดสุดท้ายเมื่อติดเสร็จ พอเงยหน้าขึ้น ก็เห็นพี่เอกมองผมด้วยสายตานิ่ง ๆ ทั้งโต๊ะเงียบครับ ผมค่อย ๆ หันไปมอง พวกพี่ ๆ ทั้งโต๊ะมองมาทางผมเป็นตาเดียว พอหันไปมองไอ้เต้ย มันนั่งอ้าปากตาค้าง
“มีอะไรกัน”
“ไอ้เชี่ยเอก!! มึงจะบอกว่าไม่มีอะไรกันไม่ได้แล้วนะ ไอ้กายดูแลมึงดีอย่างกับเมีย”
ผมสะดุ้งกับคำพี่มอ
“ผมก็แค่ติดกระดุมพี่”
“ไปติดให้มันทำไม ไม่ใช่หน้าที่ซะหน่อย” ไอ้พี่โอมมันค้าน ผมทำท่าอึกอัก ยิ้มตามแหย่ง ๆ
“ก็ผมเป็นคนปลด ผมก็ต้องติดให้สิ”
คราวนี้ทุกคนพากันส่งเสียงฮือฮา ผมนี่แทบไปไม่ถูก อยากอธิบาย แต่สู้เสียงเซ็งแซ่ไม่ได้
“พวกมึง เงียบกันไปเลย!!”
พี่เอกปรามเสียงดัง แปลงกายเข้าโหมดเงียบ ทุกคนพากันเงียบกริบตาม
กับเพื่อน มึงก็ยังทำโหดใส่เขาอีกเนอะ
“ฟังมันพูดให้จบก่อน”
คราวนี้ทุกคนหันมามองผมเป็นตาเดียว
“คือผมขอให้พี่เขามาเป็นนายแบบให้ ผมเห็นว่ากล้ามท้องพี่เขาสวยดี เลยถอดกระดุมออกเพื่อถ่ายแบบ แค่นั้นแหละ”
ทุกคนทำหน้าเสียดาย หันกลับไปนั่งกินกันต่อ
“กูก็คิดว่ามึงติดใจจูบจากน้องเขาซะอีก”
คำพูดพี่โอมทำเอาผมสะดุ้งอีกรอบ รีบหยิบกุ้งที่ไอ้เต้ยมันวางไว้ให้ก่อนหน้านี้กิน
กินไปกินมา ชักรู้สึกว่าจะมีออร่าบางอย่างส่งตรงมาจากด้านขวามือ ผมค่อย ๆ หันไปมอง
ไอ้เต้ยครับ มันจ้องหน้าแบบจับผิดผมอยู่
“กูไม่เอามึงมาเป็นนายแบบหรอก มึงไม่หล่อไม่ต้องมามองกู” ผมแถ มันเป็นเพื่อนผมมานาน เดี๋ยวมันจับไต๋ได้
“แล้วไป” มันพูดเรียบ ๆ หันไปแกะกุ้งต่อ ผมแอบพ่นลมหายใจในใจ
สายลมริมทะเลโหมแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเส้นผมของผมปลิวสะบัด ผมของไอ้เต้ยก็ไม่ต่าง เพราะตัดทรงเดียวกัน (ก็มันนั่นแหละ เป็นคนลากผมไปด้วย แถมยังเจ้ากี้เจ้าการให้ตัดทรงเดียวกันอีกด้วย มันบอกตัดตามนักร้องที่มันชอบ)
ผมมันยาวระแก้มหน่อย ๆ ผมไอ้เต้ยจะยาวเร็วกว่าของผม และเหมือนเป็นกฎของเราไปแล้ว ถ้าจะตัดผม ต้องไปตัดพร้อมกัน ร้านเดียวกัน และที่สำคัญ ต้องผมทรงเดียวกันอีกด้วย
เส้นผมยังตกลงมาระหน้ามันไม่หยุด มันคงรำคาญ พยายามใช้นิ้วก้อยเขี่ย ๆ เส้นผมออก ส่วนนิ้วอื่นเปื้อนกุ้งเผา ปัดยังไงมันก็ยังตกลงมาเหมือนเดิม มันคงรำคาญจัด ๆ เลยใช้มือเปื้อน ๆ เขี่ยออกไปทัดหูจนแก้มเลอะ ผมส่ายหน้าไปมา เอื้อมหยิบทิชชู่ไปเช็ดให้
“โอ๊ย!! ไอ้กาย ทำเบา ๆ หน่อยสิ หน้ากูไม่ใช่ปูนซีเมนต์” มันโวยวายเมื่อผมถูหน้ามันแรง
“เบา ๆ แล้วมันจะออกไหมล่ะ”
“ก็เบาลงอีกนิดสิ มึงแตะกูทีไร ร่างกายกูบอบช้ำทุกที”
“พูดมากน่า หันมานี่”
มันหันหน้ามาทางผมดี ๆ มือก็ยังถือกุ้งตัวเดิมอยู่
“กินยังไงของมึงวะ เลอะไปทั้งหน้าแล้ว”
“กูไม่ได้กิน แต่กูแกะให้พวกมึงกินกันนั่นแหละ ไอ้ห่.า กูมันโชคร้ายที่มีเพื่อนสนิทกับพี่ชายเป็นง่อย แค่จะกินกุ้งก็ต้องให้กูแกะให้”
“มึงแกะกุ้งให้กู แล้วกูก็เช็ดแก้มให้มึงไง หายกัน”
ผมพูดไปพร้อมเช็ดคราบเลอะตรงมุมปากมันออก แต่คราบมันแห้งเช็ดยาก ผมเลยต้องเอาทิชชู่ซับน้ำลายตัวเองหน่อย ๆ แล้วเช็ดอีกที คราวนี้ทำให้เบาลงหน่อย
มันบ่นหงุมหงิม มือยังแกะกุ้งอยู่
“เอาอีกไหมมึง”
“อืม อีกตัวก็พอ กูอิ่มแล้ว”
พอพูดจบ มันก็เอากุ้งที่มันแกะเมื่อกี้ไปจิ้มน้ำจิ้มแล้วเอามายัดใส่ปากผม ผมพูดอู้อี้ขอบใจมัน คาบกุ้งไว้แค่ส่วนหัว พอหน้ามันสะอาดผมก็ปล่อยให้มันเป็นอิสระ
รู้สึกโต๊ะจะเงียบลงอีกแล้ว ผมหยิบกุ้งที่เหลือออกจากปากวางไว้บนจาน หันไปมอง
ทุกคนหยุดนิ่งครับ เหมือนมีใครมากดหยุดวีดีโอเอาไว้
ใครแกะกุ้งอยู่ กุ้งก็ค้างอยู่ที่มือ
ใครถือช้อนอยู่ ช้อนก็ยังค้างอยู่ใกล้ปาก
ไล่มองมาทางด้านซ้าย เห็นไอ้พี่เอกมันมองมานิ่ง ๆ มองไปทางด้านขวา พี่เป้มีอาการไม่ต่างกัน นิ่งกันทั้งโต๊ะ ผมกับไอ้เต้ยหันมามองหน้ากัน
“พี่เป้เป็นอะไร” มันสะกิดถามพี่มัน สติพี่เป้ยังไม่มาครับ ไอ้เต้ยมันเขย่าใหญ่
“พี่เป้”
“มะ ไม่มีอะไร”
พี่เป้รีบดึงสติตัวเองกลับมา ยกน้ำขึ้นดื่ม
“พี่อิ่มแล้ว”
แล้วก็อิ่มขึ้นมากะทันหัน ผมมองไปด้านหน้า
“พี่กิ๊ฟ”
เรียกสติพี่เขาก่อนเป็นคนแรก
“พี่โอมพี่มอ”
แม้แต่พี่ปิงกับพี่โอ๊คก็ยังนิ่ง หันมาขอความช่วยเหลือจากคนข้างตัว
“พี่เอก”
คนถูกผมเรียกสติกลับมาพอ ๆ กับพวกพี่กิ๊ฟ และดูเหมือนภาพจะถูกสั่งให้เล่นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ทุกคนหยิบแก้วน้ำขึ้นดื่มกันคนละคำสองคำ
เป็นอะไรกันไปหมด…
“เอ่อ กายคบเต้ยกับมานานแค่ไหนแล้ว” พี่โอ๊คถาม
“ก็ตั้งแต่ม.สี่”
“สนิทกันดีเนอะ”
พี่โอ๊คพูดต่อ ผมพยักหน้า
“ผมเป็นพวกรักสันโดษน่ะ เพื่อนสนิทเลยมีแต่ไอ้เต้ยมัน”
“ก็กูเป็นคนใจดี เห็นว่ามึงไม่มีเพื่อน กูเลยทำบุญมาคบกับมึงแทนคนอื่นไง”
ไอ้เต้ยปากหมาครับ
“กูต้องเป็นฝ่ายพูดมากกว่า กูไม่น่าหลวมตัวมาเป็นเพื่อนกับมึงเลย เลี้ยงหมาที่บ้านยังมีความสุขกว่าเยอะ”
“ปากมึงนี่นะ เดี๋ยวกูก็แช่งให้มึงโดนผู้ชายกดซะหรอก”
“ขอคำแช่งนั้นจงคืนสนอง”
ผมชี้หน้ามันกลับ ก่อนที่พวกเราสองคนจะเงียบปาก เพราะเพิ่งสำนึกว่าตัวเองนั้นปากศักดิ์สิทธิ์กันแค่ไหน
“เมื่อกี้กูขอคืนคำได้ไหมวะ”
มันกระซิบกลับ
“อืม กูขอคืนคำเหมือนกัน”
แล้วเราสองคนก็ตบปากตัวเองกันคนละสามที กำทิ้งกลางอากาศไปด้านหลัง
รอบข้างเงียบลงอีกแล้ว พวกเราค่อย ๆ หันไปมอง
“ฮ่า ๆ พวกนายนี่ตลกกันดีนะ เดี๋ยวทะเลาะกันเดี๋ยวดีกัน น่ารักดี”
ผมทำหน้าปูเลี่ยน มันน่ารักตรงไหน
“เด็ก”
ไอ้คนข้างตัวผมพูดครับ ผมหันไปมองหน้า เสียงครึกครื้นกลับคืนมาอีกครั้ง
“ใครเด็ก” ผมไล่บี้
“ก็นาย”
พี่มันกอดอก ชี้นิ้วใส่หน้าผม ผมยิ้มเจ้าเล่ห์ หยิบกุ้งที่ผมกินค้างไว้เมื่อกี้มาถือไว้ จับปากพี่มันอ้าออกยัดกุ้งเข้าไปทั้งตัว
หาคนช่วยกิน แล้วก็ปิดปากมอม ๆ ของพี่มันด้วย
พี่เอกไม่โต้ตอบอะไร นั่งนิ่งไปพักใหญ่ ก่อนเคี้ยวสิ่งที่อยู่ในปากจนหมด
ดีมาก ช่วยกูกินหน่อย
หลังจากมื้อเที่ยง พวกเราก็ตกลงจะไปเดินตลาดพื้นเมืองกัน พี่โอมกับพี่มอควงแฟนเดินแยกไปอีกทาง ส่วนสี่สาวซ่าจูงมือกันไปยังโซนของกิน
เห็นบ่นว่าอยากจะลดความอ้วน แต่พอเจอของกิน ก็วิ่งเข้าใส่ทุกที
นี่แหละน้า ผู้หญิง
พวกผมเดินดูของกันไปสักพัก พี่โอ๊คกับพี่ปิงก็เจอขุมทรัพย์
ร้านหนังสือครับ
ดูท่าคงจะสิงกันอีกนาน
เหลือพวกผมแค่สี่คนเดินไปด้วยกัน ช่วงหลัง ๆ มานี่ พี่เป้ไม่ค่อยจะแกล้งไอ้เต้ยมันเท่าไหร่แล้ว แต่หวงไอ้เต้ยมากขึ้น จนไอ้เต้ยมันรำคาญ
แต่ผมว่ามันก็แอบเป็นเด็กติดพี่เหมือนกันนะ ยิ่งหลังกลับจากค่าย มันยิ่งติดพี่มันเข้าไปใหญ่ ปากก็ด่าพี่มันไป แต่มือก็กระวี้ดกระว้ายดูแลพี่เป้ไม่หยุด
“กูปวดขี้ มึงเดินกันไปก่อนนะ” พูดจบ พี่เป้ก็ลากไอ้เต้ยไปทันที
“ไอ้พี่เป้!! มึงก็ไปคนเดียวดิ ลากกูไปเฝ้าด้วยทำไม!!” ไอ้เต้ยมันโวยวายไปตามทาง
“เอ่อน่า ไปกับกู”
ผมได้แต่มองตามตาปริบ ๆ
สรุป กูต้องเดินกับพี่เอกกันสองคนใช่ไหม
เราสองคน พากันเดินดูพวกของที่ทำจากหอยครับ แต่ผมไม่ซื้อหรอก อะไรที่มาจากธรรมชาติผมไม่สนับสนุน อยากให้คงไว้กับธรรมชาติอย่างเดิมดีกว่า
ผมแวะจอดที่ร้านไอติมกะทิ ของโปรดครับ
“เอาไหมพี่”
พี่เอกพยักหน้าทีเดียว ผมสั่งไอติมโคนสองที่ กำลังจะล้วงเงินจ่าย แต่คนข้างตัวชิ่งจ่ายก่อน
“พี่ผมเลี้ยงเอง”
“ไม่ต้อง เก็บเงินไว้เลี้ยงข้าวดีกว่า อยากกินอาหารร้านหรู ๆ”
ผมเบ้หน้า
“แพงมาก ผมไม่มีเลี้ยงหรอก”
“ถึงได้ให้มึงเริ่มเก็บเงินไง เดี๋ยวมีอารมณ์อยากกินแล้วจะบอก”
“เอาแค่ร้านหน้ามหาลัยไม่ได้เหรอ”
“ไม่ กูชอบกินอาหารดี ๆ”
ครับ รูปหล่อพ่อรวย แฟนสวย นมอึ๋ม อึ๋ย ขัดใจ
แล้วผู้ชายสองคนก็เดินไปกินไอติมไป
พวกเราเดินดูร้านของที่ระลึกไปเรื่อย ๆ จนสะดุดกับร้านอะไรบางอย่าง ผมรีบลากพี่เอกให้เดินตามทันที
TBC...
1. หนุกหนานกันให้เต็มที่น้าาา
2. เม้นท์เยอะลงเร็วนะเออ..
3. ขอบคุณคนอ่านทุกคน โดยเฉพาะคนที่ตามอ่านสองบอร์ดเลย ขอบคุณค้าบ ^^ บอร์ดนี้เล่นอะไรไม่ค่อยเป็น เลยรั่วไม่ค่อยออก ไปรั่วที่บอร์ดนู่นซะเยอะ เหอ ๆ ขอบคุณแฮบ ^^
4. ติดตามข่าวการอัพเดทได้ที่แฟนเพจเจ้าค่ะ ^^
http://www.facebook.com/pages/Kiss-Love-รักวุ่นวายนายสุดหล่อ-น้องคีส/357251407621508