อั ค นี ก ช ก ร
อัลฟ่า x โอเมก้า
25
หลังจากกชกรวางสายไป เขาก็ไม่ยอมรับสายผมอีกเลย ผมกดเข้าแอปฯ ติดตามตัวจากมือถือ ไม่นานสัญญาณก็แจ้งเตือนการเคลื่อนไหว เขากำลังเดินทางออกเดินทางจากคอนโดฯ
“ตาเพลิง แกฟังพ่อพูดอยู่หรือเปล่าฮะ!” พ่อว่าเสียงดัง เพราะผมเอาแต่สนใจมือถือ
“ตึกเอส…” สัญญาณจีพีเอสของกชกรหยุดที่บริษัทเอส
นั่นมันบริษัทของบ้านซินนี่...
“ทำไม แกจะไปหาน้องซินใช่ไหม ดีเลยฉันจะไปด้วย ไปขอโทษน้องแล้วก็แต่งงานกลับน้องซะ”
“ครับ เรารีบไปกันเถอะ” ว่าจบผมก็เดินนำหน้าพ่อออกมา ถ้าผมเดาไม่ผิด ซินคงโกรธมากที่ผมหักหน้าเขาด้วยการเปิดตัวกชกร เขาเลยเอาตัวลูกผมไป
ใครจะไปคิดว่าพายุลูกที่สองจะเป็นซิน ดูภายนอกเขาดูไม่ใช่คนแบบนั้นเลย ผมมองกลับไปที่พ่อ แล้วหวนคิดว่าเขาจะมีส่วนรู้เรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า
"พ่อ..."
"อะไรอีกล่ะ ไม่ไปหรือไง ฉันส่งข้อความหาพ่อหนูซินแล้วเดี๋ยวไปเจอกันที่นั่น"
"ดีเลยครับ" ผมว่า ถ้าพูดได้หน้าตาเฉยแบบนี้คงยังไม่รู้เรื่องสินะ
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะเริ่มออกรถไปยังตึกเอสทันที ใช้เวลาบนถนนไม่นานเราก็มาถึงบริษัทเอสพร้อมกับพ่อที่ขอตามมาด้วย พ่อของซินรอต้อนรับอยู่หน้าบริษัทอย่างเป็นกันเอง
ระหว่างรอให้พวกท่านคุยกัน ผมก็ลองเช็กสัญญาณจีพีเอสอีกครั้ง หน้าจอปักหมุดบอกว่ากชกรยังอยู่ที่นี่ ผมจึงชวนทุกคนขึ้นไปหาซินที่ห้องทันที
ถ้าเป็นอย่างที่ผมคิดไว้ ก็ขอให้มันจบที่วันนี้เลยแล้วกัน...
หน้าห้องทำงานของซินไม่มีบอดี้การ์ดเฝ้าอยู่ ผมจึงเปิดประตูเข้าไปอย่าถือวิสาสะ แต่ทว่าภาพตรงหน้าก็ทำผมตกใจ กชกรกำลังจิกผมซินเต็มไม้เต็มมือ เขากำลังถูกดึงกระชากจนหัวโยกไปมา...
“ปล่อยฉันนะ!”
“ตาหนูเพิ่งจะกินนม ฉันยังไม่ทันได้ลูบหลังเขาเลย แกกล้าดียังไงมาพาตัวเขาไปฮะนังบ้า!!!”
“บอกให้ปล่อยไงโวย!”
“ไม่!!! ถ้าตาหนูท้องอืดฉันเอาแกตายแน่!!!”
โอโฮ้...
ทุกคนยืนตาค้างกันไปเลย ไม่คิดว่าจะได้เห็นภาพนี้ นี่มันยอดมนุษย์เมียชัด ๆ กชกรน่ากลัวกว่าที่คิด
“กช..พอแล้ว” ผมเรียกคนตัวเล็กก่อนจะรีบเข้าไปอุ้มกชกรออกมา ไม่อย่างนั้นซินผมอาจจะร่วงหมดหัว
“พี่เพลิง ซินเจ็บ อยู่ดี ๆ มันก็เข้ามา” ซินเดินเข้ามาเกาะแขนอัคนี
“หน็อย แกยังกล้าพูดอีกเหรอ เอาลูกฉันคืนมาเดี๋ยวนี้ แล้วก็ปล่อยมือออกจากสามีฉันด้วย!!!” กชกรพุ่งเข้าใส่ซินอีกหนจนผมต้องกอดเขาไว้ให้แน่นกว่าเดิม
“หยุด!” พ่ออัคนีที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่พูดขึ้นเสียงดัง ความวุ่นวายหยุดนิ่งทันที “นี่มันอะไรกัน”
“คุณพ่อ” ซินปล่อยแขนอัคนีแล้วปรี่เข้าไปหาพ่อผมทันที “ผมไม่รู้เรื่องนะ” ซินว่าตาใส
“ซินแกทำอะไร” หนนี้พ่อของซินพูดขึ้น
“คือผม...ปะ...เปล่านะครับ”
“คุณนิรุจน์ ผมผิดหวังนะไม่คิดเลยว่าหนูซินจะทำแบบนี้ เรื่องงานแต่งผมคงต้องกลับไปคิดดูอีกที” ว่าจบพ่ออัคนีก็เดินออกไปจากห้องทำงานทันที โดยไม่พูดอะไรอีก
“ซิน แกต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ พ่ออายจริง ๆ ที่มีลูกแบบแก ไม่ได้เรื่อง!!!”
"เดี๋ยวสิพ่อ..." ซินตะโกนไล่หลังคนเป็นพ่อ แต่ทว่าเขาก็ไม่มีท่าที่ที่จะหันกลับมาสนใจ เมื่อคนเป็นพ่อไม่สนใจเขาจึงหันมาพูดกับอัคนีแทน “ซินเปล่านะพี่เพลิง”
“อย่าให้พี่ต้องพูดซ้ำ!”
ผมได้ตาหนูคืน และน้องซินก็ยอมสารภาพทุกอย่าง โกรธน้องมากแต่พอเห็นกชกรโกรธแล้ว ผมเลยปล่อยให้เป็นหน้าที่เขาดีกว่า ภาพที่เขาจิกหัวซินยังติดตาผมอยู่เลย ไม่อยากนึกถึงวันที่เราต้องทะเลาะกัน ผมคงตายคามือเขาแน่
"ตาหนูของผมหลับปุ๋ยไม่ร้องสักนิดเลยเก่งจัง" ผมว่า
ไม่รู้ว่าตอนถูกอุ้มมาอ้าแขนให้เขาเอามาง่าย ๆ หรือเปล่า งอแงให้รู้ว่ากลัวหน่อยก็ยังดี มันเก่งได้ใครเนี่ย
“คุณ ผมอยากไปหาพ่อคุณ” กชกรว่า
“ไว้วันหลังเถอะ เธอกับลูกกลับไปพักก่อน”
“นะครับ ผมขอ”
สุดท้ายผมก็ยอมพาเขากลับมายังบ้านตามที่เขาต้องการ ระหว่างทางตาหนูตื่นขึ้นมาตาใสแป๋ว ร้องอ้อแอเล่นกับกชกรตลอดทาง ใช้เวลาบนถนนไม่นานเราก็มาถึงบ้าน
“อ้อนคุณปู่หน่อยนะ คุณตาจะได้รักพวกหนู” กชกรคุยจบผมก็หิ้วคาร์ซีทออกมาจากรถ ผมไม่รู้หรอกว่ากชกรต้องการจะทำอะไรกันแน่
ผมพากชกรและลูกเข้ามาในบ้าน แล้วขึ้นไปตามพ่อที่ห้องด้วยตัวเอง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
“ผมเข้าไปนะครับ”
ไม่มีการตอบรับจากภายในห้อง ผมจึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปเอง พ่อกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานตัวเดิมที่ผมเคยเห็นตั้งแต่เด็ก เวลาผ่านไปนานมากแล้วจากวันนั้น แต่ท่านก็ยังคงเหมือนเดิม หรืออาจจะแก่ลงนิดหน่อย เพราะรอยเหี่ยวย่นที่ปรากฏบนใบหน้าที่เคยเรียบตึง
“พ่อครับ...กชกรอยากคุยกับพ่อนะ เขาให้ผมพามาเองเลย ช่วยลงไปคุยกับเธอหน่อยได้ไหม”
“พาเมียกับลูกแกกลับไปซะ ฉันจะไม่วุ่นวายเรื่องของพวกแกอีกแล้ว”
“ผมขอร้อง ผมไม่เคยขออะไรพ่อเลย แต่ครั้งนี้ผมขอได้ไหม”
พ่อพรูดลมหายใจออกทางปาก ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอีกตัวใหญ่แล้วเดินนำผมออกมา
เมื่อพ่อผมเดินเข้าไปยังห้องนั่งเล่น กชกรที่นั่งอุ้มลูกอยู่ก็ลุกขึ้นทักทายทันที
"สวัสดีครับ"
“นั่งลงเถอะ”
“ขอบคุณครับ” กชกรตอบ
“เธอมีอะไรกับฉัน”
“ผมอยากมาขอโทษครับ” มุมปากของคนตัวเล็กกระตุกยิ้มบาง “ทั้งเรื่องที่เราทั้งสองไม่ยอมบอกเรื่องลูก แล้วก็เรื่องอื่น ๆ”
“...” สายตาของพ่อเหลือบมองเด็กตัวน้อยที่นั่งอยู่บนตัก
“คุณอยากลองอุ้มพวกเขาไหม” ว่าจบกชกรก็ให้ผมอุ้มตาสายลมส่งให้พ่ออุ้ม เขาชั่งใจเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะรับตาหนูไปนั่งบนตัก
กชกรอุ้มตาสายฝนไปนั่งข้าง ๆ อีกฝั่ง นี่คงเป็นที่มาของคำว่าอ้อนคุณตาสินะ ผมเข้าใจที่กชกรบอกลูกในรถแล้ว ผมเห็นรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของพ่อ ในตอนที่ตาหนูคว้านิ้วเขาไว้แน่น แล้วเริ่มบ่นอ้อแอ้ไม่เป็นประสา
“แอ้ แอะ แอ~”
“ว่าไง... ทำไมถึงได้เหมือนตาเพลิงขนาดนี้เนี่ย”
“แต่ตากับผมเขาเหมือนแม่” อัคนีว่า
พ่อเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะเอ่ยถามต่อ “ชื่ออะไรล่ะ”
“ตาหนูที่มีไฝที่หางคิ้วชื่อสายฝนครับ ส่วนคนนี้ชื่อสายลม” กชกรตอบอย่างยิ้ม ๆ
ไม่ว่าจะใครก็หลงใจอ่อนกับเด็กหมดสินะ เหมือนที่กชกรเองก็เป็น ถ้าไม่ได้ตาหนูช่วยไว้ เราก็อาจไม่ได้อยู่ด้วยกันจนถึงวันนี้
“คุณอย่าบอกให้พวกเราเลิกกันเลยนะครับ” กชกรหาจังหวะพูดเรื่องของเรา “ผมรักคุณเพลิงจากใจจริง อย่าให้พวกเราต้องเลิกกันเลยนะ”
พ่อเงียบไปก่อนจะก้มหน้าเล่นกับตาหนูต่อ เสียงทุ้มพูดขึ้นเพียงสั้น ๆ
“เรียกพ่อเถอะ” กชกรฉีกยิ้มกว้างทันที เพราะนั้นถือว่าพ่อยอมรับในตัวกชกรแล้ว
เราอยู่ที่บ้านกันจนถึงช่วงค่ำ ตาหนูเล่นกับพ่อกันจนเหนื่อยและผล็อยหลับไป หลังจากทานอาหารเย็นเรียบร้อย ผมก็เตรียมตัวกลับมายังคอนโด พ่อออกมาส่งพวกเราขึ้นรถก่อนจะล่ำลาตาหนูที่หลับไปแล้ว
“นี่แล้วเจ้าทิกเกอร์เป็นยังไงบ้าง ตั้งแต่พ่อเขาเสียไปก็ไม่เห็นมาที่บ้านเลย” พ่อถาม
ช่วงนี้ผมก็ไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่ คงจะยุ่ง ๆ เพราะใกล้ววันงานแล้ว
“เห็นว่าจะเข้ามาหาพ่ออยู่นะครับ อาจจะเป็นพรุ่งนี้”
“อื้ม ๆ” พ่อตอบ ก่อนจะหันไปคุยกับกชกรต่อ “พาหลานมาหาพ่อบ่อย ๆ นะ”
“ได้ครับคุณพ่อ”
“หรือจะย้ายมาอยู่นี่ดีล่ะ เดี๋ยวพ่อให้คนมาออกแบบบ้านให้ ที่ใกล้ ๆ บ้านพ่อมีว่างอยู่ ตั้งใจจะเก็บไว้ให้ตาเพลิงทำเป็นเรือนห่อนั่นแหละ อยู่คอนโดฯ แคบจะตาย เด็กสมัยนี้โตเร็ว”
“ผมขอคุยกับเมียผมก่อน” หนนี้ผมตอบแทน ไม่อยากให้กชกรอึดอัด
“ตามใจยังไงก็บอกแล้วกัน ส่วนเรื่องหนูซินเดี๋ยวฉันจัดการเอง”
“ครับ”
“ขับรถกลับดี ๆ ดูแลหลานกับลูกสะใภ้ฉันหน่อย ผอมหมดแล้วแบบนี้จะมีหลานให้พ่ออีกไหวไหมเนี่ย” กชกรกะพริบตาปริบ ๆ ใบหน้าขาวขึ้นสีแดงจัดจนผมนึกอยากแกล้ง
ตั้งแต่ที่กลับมาจากเกาะเราก็ยังไม่ได้นอนด้วยกันอีกเลย
“พูดแบบนี้เอาแฝดอีกสักคู่ดีไหมครับพ่อ”
กชกรหันขวับก่อนจะเอาศอกกระทุ้งแขนผมเบา ๆ แล้วฉีกยิ้มกว้าง “ดึกแล้วพวกเรากลับก่อนนะครับ” กชกรว่าพลางยกมือขึ้นไหว้
“ขับรถกลับกันดี ๆ ล่ะ” อัคนีพยักหน้ารับ แล้วออกเดินทางกลับทันที
วันนี้ผมเป็นคนส่งตาหนูเข้านอนที่ห้องอัคนี ก่อนกลับออกมาอัคนีก็รั้งมือผมไว้เพื่อขอคุยต่ออีกหน่อย
"อย่าทำเหมือนวันนี้อีกนะ ฉันใจหายหมด"
"...?"
"ถ้าเธอกับตาหนูเป็นอะไรไป ฉันจะไม่ให้อภัยตัวเองเด็ดขาด" แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง
"ผมขอโทษครับ ผมเป็นห่วงลูก"
"อย่าทำอีกนะ..." สิ้นสุดประโยคผมก็กอดอัคนีเอาไว้ ผมรู้ว่าเขาเป็นห่วง แต่ตอนนั้นผมเองก็ผิดที่บุกไปโดยไม่รอเขา “เธออยากย้ายไปอยู่กับพ่อไหม” อัคนีถาม
“ผมอยากให้ตาหนูโตกว่านี้ก่อน ตอนนั้นเขาคงอยากได้พื้นที่วิ่งเล่น”
“งั้นรอพวกเขาโตกว่านี้ก็ได้”
“ครับ” ผมว่างพลางฉีกยิ้ม ก่อนจะถูกดึงให้ทิ้งตัวลงนอนลงบนเตียงพร้อมกัน “นี่ ๆ ไม่มีเรื่องจะคุยแล้วก็ปล่อยผมเถอะ ง่วงจะตายแล้ว”
“มีอีกเรื่อง”
“...”
“พ่ออยากได้หลานเพิ่มนี่นะ เราจะไม่ทำเพิ่มเอาใจพ่อผมหน่อยเหรอ”
“ไหนคุณบอกว่าจะไม่ทำมากกว่าจูบไง”
“ให้ตายเถอะ เธอเก่งเกินไปแล้ว จูบกันขนาดนั้นทนได้ยังไง” อัคนีบ่นอุบ
“เพราะคุณมันหื่นยังไงล่ะ ถึงเอาแต่คิดเรื่องอย่างว่า” ผมพูดจบอัคนีก็กลั้วหัวเราะในลำคอออกมา
“มาถึงขนาดนี้แล้วนะ เธอไม่สงสารฉันเหรอ”
“ไม่นะคุณสมควรโดนแล้ว”
“โอเค ๆ ฉันยอมเธอแล้ว แต่ว่าวันนี้นอนด้วยกันเถอะนะ ฉันนอนกับลูกทุกวัน อยากกอดเธอจะแย่”
เป็นแบบนี้แล้วผมจะปฏิเสธเขาได้ยังไงล่ะ
“ครับ”
ปกติผมจะถูกปลุกด้วยเสียงของลูก แต่ทว่าวันนี้ผมถูกปลุกด้วยเสียงเหมือนมีคนกำลังเจาะอะไรอยู่ด้านนอก คนที่นอนด้วยกันตลอดทั้งคืนก็ไม่อยู่แล้ว มีเพียงกองผ้าของผมที่กองอยู่ในห้องอัคนี
ผมเดินออกมาก่อนจะพบว่ามีช่างเดินเข้าออกในห้องนอนของผมอยู่เป็นจำนวนมาก และมีอัคนียืนคุม
“คุณทำอะไรห้องผม”
“มันไม่ใช่ห้องคุณแล้ว เพราะต่อจากนี้เธอต้องมานอนห้องฉัน”
“...”
“ฉันทำห้องนี้ให้ลูก” ผมพยักหน้ารับ ถ้าจะบอกว่าไม่ยอมเห็นทีคงจะไม่ได้ ก็เล่นรื้อทั้งห้องขนาดนั้นแล้วนี่นะ
“แล้วลูกล่ะ” ผมว่า
“อยู่กับทิกเกอร์”
“ที่หลังบอกผมก็ได้ เดี๋ยวผมกับลูกไปอยู่บ้านเฮียไม่ก็บ้านพ่อคุณก่อน” ผมว่าไปตามจริง
“ไม่เป็นไร ถือว่าซ้อม”
“...?” ซ้อมอะไรของเขาวะ ผมไม่ได้ถามต่อปล่อยให้เขาคุ้มงาน ส่วนผมก็เดินกลับเข้ามาในห้องนอนเพื่อเก็บเสื้อผ้าที่กองอยู่
ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ถูกเปิดออกกว้าง ในนั้นมีเสื้อผ้าของอัคนีแขวนอย่างเป็นระเบียบ กลิ่นเปลือกไม้หอมอ่อน ๆ ลอยขึ้นมาแตะจมูก จะว่าไปเมื่อคืนผมหลับสนิทมากเลย
แขนเสื้อเชิ้ตสีขาวถูกหยิบขึ้นออกมาจากตู้ กชกรมองมันก่อนจะฉีกยิ้มแล้วดมเอากลิ่นหอมจากเสื้อเข้าไปเต็มปอด
“นี่ถ้าคุณยังไม่หยุดเอาเสื้อของผมมาทำแบบนี้ ผมคงห้ามใจไม่ให้ทำอะไรคุณไม่ได้แน่”
“เข้ามาตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย” ผมตกใจเล็กน้อยที่จู่ ๆ ก็ถูกเขายืนมองจากหน้าประตูห้อง เสียงจากด้านนอกดังจนผมไม่ได้ยินเลยว่าอัคนีเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่
“ก็ตั้งแต่ที่คุณยืนดมเสื้อผมนั่นแหละ”
“...ผมก็แค่ดมดูว่าสะอาดหรือเปล่า”
อัคนีสาวเท้าเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะสวมกอดกชกรจากด้านหลัง เขารู้ว่านั้นเป็นคำแก้ตัวที่ฟังไม่ขึ้นเอาเสียเลย ปลายจมูกกดลงที่หัวคนตัวเล็กอย่างแผ่วเบา เขาชอบกลิ่นของกชกรที่สุด บางครั้งมันก็ทำให้เขามีอารมณ์ บางครั้งเขาก็รู้สึกสงบ
“ดอกโบตั๋น”
“หืม?”
“กลิ่นฟีโรโมนเธอน่ะ”
“จริงเหรอครับ...” กชกรก้มหน้างุดต่ำลง พ่อเคยเล่าว่าเขาตกหลุมรักแม่เพราะได้กลิ่นดอกบัว ผมจึงได้ชื่อกชกร “แม่ผมชื่อโบตั๋น... ท่านเสียไปนานแล้ว ผมเลยสักรูปดอกโบตั๋นไว้กลางหลัง”
“จริงสิ ฉันเคยสงสัยอยู่เหมือนกัน”
“แล้วทำไมหน้าอกคุณถึงสักรูปดอกโบตั๋นล่ะ แฟนเหรอ”
“อืม...ก็ไม่เชิง” อัคนีพาตัวเองย้อนกลับไปวันแรกอีกครั้ง “มันเป็นครั้งแรกที่ฉันได้กลิ่นของโอเมก้า กลิ่นหอมหวาน แต่บางเบา”
“เชอะ จะบอกว่ากลิ่นเดียวกับผมว่างั้น”
“ก็อาจจะใช่ แต่กลิ่นของเธอเข้มข้นกว่า ตั้งแต่วันนั้นฉันก็เกลียดโอเมก้า เพราะมันกลายเป็นว่ากลิ่นของคนอื่นทำให้ฉันปวดหัว”
ผมไม่รู้ว่าจะดีใจดีไหมที่ผมไปกลิ่นเหมือนกับคนคนนั้น หรือเพราะแบบนี้เขาถึงรักผมหรือเปล่า ทำไมรู้สึกหึงแฮะ
“นี่...ตอนผมฮีทครั้งแรก ผมก็ได้กลิ่นเปลือกไม้ กลิ่นคล้ายกับคุณเหมือนกัน” ผมพูดขึ้น เพราะต้องการให้เขาหึงบ้าง
“พูดแบบนี้ฉันหึงนะ”
“หึงอะไรกันเล่า แค่บังเอิญน่ะ ผมไม่เคยเห็นหน้าเขาด้วยซ้ำ แค่เดินผ่านกันก็เท่านั้น”
“จริงสิ ฉันเองก็ไม่เคยเจอหน้าเจ้าของกลิ่นเหมือนกัน”
“...”
“...”
จู่ ๆ ความเงียบก็เข้าปกคลุมเราทั้งสองคน เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ช่างทำห้องหยุดทำเช่นกัน
ผมหันหน้ากลับไปมองอัคนีก่อนจะเกิดความคิดประหลาดขึ้นในหัว จะเป็นไปได้ไหมที่เราจะเคยเจอกันมาก่อน ที่เขาได้กลิ่นมันคือผม ส่วนที่ผมได้กลิ่นคือเขา
“คุณว่ามันจะเป็นไปได้ไหม...”
“ฉันไม่แน่ใจ ตอนนั้นเธอได้กลิ่นที่ไหน”
“โรงเรียนxxx วันนั้นผมมีเรื่องกับเพื่อนในห้อง สิงห์เป็นคนเข้ามาช่วยผมเอาไว้แล้วพาผมกลับบ้าน ระหว่างทางเดินผมก็ได้กลิ่น...” อัคนีฉีกยิ้มกว้างตอนที่ผมกำลังเล่าเรื่องราวในอดีต “ตอนนั้นจู่ ๆ ผมก็เกิดครั่นเนื้อครั่นตัวแปลก ๆ เลยให้สิงห์พาเข้าไปนั่งพักที่ห้องเก็บของใกล้ ๆ...”
“...” เขาเอาแต่ยืนจ้องหน้าผมนิ่งไม่ยอมพูด
“คุณอย่าเงียบแบบนี้สิ” อัคนีดึงกชกรเข้ามาไว้ในอ้อมกอด “คุณเป็นอะไรเนี่ย” ผมกอดตอบก่อนจะลูบแผ่นหลังเขาอย่างแผ่วเบา
“เธอปล่อยให้ฉันวิ่งตามหาอยู่นานเลยนะ วันนี้ฉันจับเธอได้แล้ว...”
“...”
มันคือเรื่องจริงใช่ไหม คนคนนั้นคืออัคนีใช่หรือเปล่า
“วันนี้ฉันจับเธอได้แล้ว อย่าทิ้งฉันไปไหนอีกนะ”
“เป็นคุณจริง ๆ เหรอ”
“ฉัน...” อัคนีเริ่มต้อนเล่าเรื่องทั้งหมดให้ผมฟัง โรงเรียนที่ผมกับสิงห์เรียนอยู่เป็นโรงเรียนในการดูแลของครอบครัวทิกเกอร์ ช่วงที่มหา’ลัยไม่มีเรียนเขามักจะชวนอัคนีออกมาที่โรงเรียนบ่อย ๆ เพื่อมาหาแฟน
ครั้งแรกที่เขาได้กลิ่นคือวันที่ทิกเกอร์เดินสวนผมกับสิงห์อยู่ แต่ทว่าอัคนีเองไม่ได้สนใจมองอะไรนอกจากทางเดินกับสนามของโรงเรียน ในจังหวะที่เขาได้กลิ่นฟีโรโมนลอยมาแตะจมูก เขารีบหันกลับไปมอง แต่ผมก็หายไปจากม่านสายตาของเขาเสียแล้ว
อัคนีออกตามหาอยู่พักใหญ่ เพราะร่างกายถูกกระตุ้น แต่ก็หาไม่เจอ ถ้ามันถูกกำหนดมาให้เป็นแบบนั้น ผมจะบอกว่าอัคนีเป็นคู่แห่งโชคชะตาได้หรือเปล่านะ...
ช่วงเย็นห้องตาหนูก็เสร็จเรียบร้อย ไม่นานสิงห์กับทิกเกอร์ก็พาเด็ก ๆ กลับมา อัคนีจึงอาสาพาพวกเขาเข้านอนเองโดยให้ผมอยู่คุยกับทั้งสอง
“ไม่ได้เจอกันนานเลยคิดถึงจัง” ผมว่า
“คิดถึงเหมือนกัน ที่มาเนี่ยไม่ได้แค่เอาหลานไปเลี้ยงนะ”
“...” ผมมองทั้งคู่จ้องหน้ากันแล้วฉีกยิ้ม ทำอย่างกับพวกที่กำลังจะแต่งงานอย่างนั้นแหละ
ทิกเกอร์ยื่นซองสีครีมส่งมา ผมก็รับเอาไว้
ซองผ้าป่าเปล่าเนี่ย...
ผมคลี่เปิดอ่านอย่างช้า ๆ ก่อนจะเห็นว่าเดือนหน้าเขาทั้งสองจะแต่งงานกัน เซ้นต์ผมดีเกินไปไหมอะ
“ยินดีด้วยมึง ทำไมแต่งงานเพิ่งมาบอกอะเสียใจนะเนี่ย”
“ยุ่ง ๆ เรื่องเตรียมงาน ช่วงนี้แพ้ท้องหนักด้วย”
“อ๋อ แบบนี้นี่เอง” ผมพยักหน้ารับก่อนจะทวนประโยคเดิมซ้ำ ๆ “ฮะ!!! เดี๋ยว ๆ มึงจะท้องได้ไง มึงเป็น...”
“เบต้า...”
“ก็ใช่ไง มึงเป็นเบต้านี่”
“กูเองก็เพิ่งรู้เหมือนกัน แม่เห็นว่ากูเป็นผู้ชาย ยังไงก็เป็นเบต้าแน่ ๆ เลยไม่ได้บอกว่าตัวเองมี*ชนชั้นแฝง”
“...” พูดไม่ออก ความรู้สึกมันมั่วไปหมด ดีใจที่มันกำลังจะแต่งงาน แต่ก็ตกใจที่มันท้อง นี่คงเป็นสาเหตุที่เราสองคนเข้าใจความรู้สึกของกันและกันดีสินะ น่าตลกจัง คนบกพร่องทั้งสองคนบังเอิญมาเจอกัน แล้วก็เป็นเพื่อนกัน
“กี่เดือนแล้ว”
“สองแล้ว”
“จับได้ไหม” ผมขออนุญาตก่อนมันจะพยักหน้ารับ ผมจึงเอามือทาบลงที่หน้าท้องของสิงห์ “หลานน้าเป็นเด็กดีนะ”
“ดองกันไว้สักคนไหม” ทิกเกอร์ว่า
“ฮ่า ๆ ยุคนี่เขาไม่คลุมถุงชนกันแล้วนะคุณทิกเกอร์” ยกเว้นพ่อของอัคนี “เอาไว้ถึงตอนนั้นเขาจะชอบกันผมก็ไม่ห้าม”
สิงห์ฉีกยิ้มกว้าง เป็นรอยยิ้มที่ผมเองไม่ได้เห็นบ่อยนัก
“คุณทิกเกอร์...” ผมเรียกเขาอีกครั้ง ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าเขารักเพื่อนผม แต่ผมก็อยากย้ำเขาอีกครั้ง เรื่องของทิกเกอร์ที่ผมได้ฟังจากสิงห์มันก็ไม่ได้น่ารักเท่าไหร่นักหรอก “รักเพื่อนผมมาก ๆ นะ สิงห์ควรเป็นคนที่มีความสุขที่สุด”
“อืม ด้วยชีวิต...”
ตั้งแต่ที่ชีวิตผมรู้จักคนชื่ออัคนี ไม่มีวันไหนเลยที่มันจะธรรมดา ผมเจอเรื่องราวมากมายผ่านเข้ามาในชีวิต ทุกเรื่องล้วนเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ทั้งหมด และมันมักจะปิดท้ายด้วยความสุขเสมอ...
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
**กำลังทยอยแก้คำผิด**