Tsundere Boy เมื่อหนุ่มซึนมาหลงรัก ตอนที่ 30
ช่วงเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ทั้งที่รู้สึกว่าเพิ่งจะได้เลื่อนชั้นขึ้นม.6มาหมาดๆ แป๊บเดียวก็หมดเทอมแรกอีกแล้ว และช่วงเวลาปิดเทอมนั้นก็แสนวุ่นวายเหมือนพายุ น้ำและเขื่อนที่ต้องเตรียมเรื่องสำหรับการไปเรียนต่อที่นิวยอร์คก็ได้เจอกับเซอร์ไพรส์ที่ว่าเพื่อนคนอื่นๆก็ตัดสินใจไปรัฐเดียวกัน แต่เรียนกันคนละที่ โดยเขื่อน โมน เทมส์และแทมนั้นเลือกเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน ส่วนน้ำและมะนาวเลือกที่จะเรียนด้วยกันเพราะทั้งคู่มีความสนใจเหมือนกันคือเรื่องดนตรี
“คงเป็นเพราะเรามีเรื่องให้ทำเยอะน่ะครับ” น้ำเปรยขึ้นมาอย่างผ่อนคลายหลังจากทำธุระเรื่องเรียนต่อเสร็จสิ้นแล้ว
“นั่นสินะ มะนาวรู้สึกว่าเวลามันไม่พอเอาเสียเลย” มะนาวใช้หลอดคนน้ำสตรอว์เบอร์รี่ปั่นในแก้วอย่างใจลอย แต่มีแววตาอบอุ่นของโมนที่คอยจ้องอยู่เงียบๆ
น้ำสังเกตมานานแล้ว เวลาที่มีมะนาวอยู่ใกล้ๆโมน ดูเหมือนว่าโมนจะเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาอีกสิบปี โมนจะนิ่งเงียบ และคอยมองมะนาวยิ้มเสมอๆ ราวกับว่าแค่เพียงได้เห็นมะนาว เขาก็มีความสุข และไม่ต้องการสิ่งอื่นอีกแล้ว
“มองอะไรน้ำ” โมนเห็นน้ำจ้องทั้งเขาและมะนาวสลับกันแล้วก็อมยิ้มจึงทำเป็นถามเสียงเข้ม
“มองคนละเมอเพ้อพก” เขื่อนยกแขนขึ้นมาโอบที่ไหล่น้ำและตอกกลับใส่หน้าโมนแทนน้ำที่กำลังกลั้นขำ โมนแทบสะอึกเมื่อได้ยินคำเปรียบเปรยตัวเขาจากปากเขื่อน
“เออ ทำไมกูละ” โมนเถียงกลับเรียบๆก่อนจะหันไปยิ้มให้กับมะนาวที่ทำหน้าสงสัย
“โทษนะครับ ช่วยแพ็คฟองดันช็อกโกแล็ตให้ผมสี่ชิ้นด้วยครับ” เทมส์สั่งบริกรที่เดินผ่านมาแถวโต๊ะพอดี
“เอาไปทำไมเยอะแยะวะเทมส์” แทมถามน้องชายตัวเอง
“เอาไปฝากคุณพริ๊นซ์น่ะ เขาสั่งเอาไว้ว่าให้กูซื้อฟองดันร้านนี้ไปฝากด้วย”
“แหม...ซื้อไปฝากคุณพริ๊นซ์” แทมดัดเสียงล้อเลียนน้องชายอย่างหมั่นไส้ จึงโดนฝ่ามือใหญ่ๆโบกกบาลเข้าไปดังป้าบ
“อิจฉากูเหรอแทม ใช่สิ ก็คุณเดือนเขาสั่งห้ามมึงเข้าบ้านเขานี่นะ” เทมส์ยิ้มล้อ ทำเอาแทมหน้าแดงขึ้นมา
“อ้าว ทำไมละ แทมไปทำอะไรพี่เดือนเหรอ” น้ำถามอย่างแปลกใจ
“หึหึ เด็กไม่ต้องรู้หรอก” เขื่อนเอามือปิดปากน้ำและล็อกไว้แน่นไม่ให้พูด ร่างบางดิ้นอึกอักจะให้หลุดเสียให้ได้
“มะนาวอยากรู้มั้ยว่าหมายถึงอะไร” โมนหันไปถามมะนาวด้วยสีหน้ายิ้มๆ เด็กสาวได้แต่ส่ายหน้าและยิ้มตอบ
“ไม่หรอก เพราะว่าถ้าน้ำรู้ น้ำก็มาบอกมะนาวเองแหละ” มะนาวพูดยิ้มๆแต่เรียกเสียงหัวเราะได้จากทุกคนยกเว้นแทมที่เอาแต่ก้มหน้างุดก่อนจะพูดเสียงเข้มกับเขื่อน
“มึงห้ามบอกน้ำนะไอ้เขื่อน ไม่งั้นกูจะแฉความลับมึง!” เพียงประโยคนั้นของแทมก็เบี่ยงเบนความสนใจของน้ำไปที่เขื่อนทันที เสียงใสคาดคั้นเอาความจริงไม่หยุดหย่อน เขื่อนจึงต้องลากน้ำกลับบ้าน ณ วินาทีนั้น
“เขื่อนนนน บอกผมหน่อยยยยย” เจ้าลูกลิงที่ยังคงเอาแต่เกาะเขื่อนเป็นตังเมตั้งแต่มาถึงบ้านยังไม่ยอมไปไหน ดุท่าว่าการนิ่งเฉยทำเป็นไม่สนใจจะไม่ได้ผลแฮะ..
“นายจะอยากรู้ไปทำไม หือ?” เขื่อนตัดสินใจหันมาเผชิญหน้ากับน้ำ หลังจากที่อธิบายไปแล้วว่าเขาไม่ได้มีความลับกับน้ำ แต่กลายเป็นว่าเจ้าลูกลิงนี่กลับหันมาสนใจเรื่องของแทมและยัยป้านั่นแทนเสียนี่
“ก็ผมไม่ชอบให้ทุกคนมีความลับนี่นา”
“อย่ามาอ้างโน่นนี่ นายแค่อยากรู้เรื่องคนอื่นละสิ” เขื่อนว่ากลับและดีดนิ้วที่หน้าผากน้ำดังเผียะ
“อื๊อ...เจ็บนะเขื่อน” น้ำคลำหน้าผากป้อยๆและจ้องมองเขื่อนแบบเคืองๆ ทว่าไม่นานสายตาขุ่นเคืองนั้นก็เปลี่ยนไป
“มองอะไรน้ำ”
“ก็มองเขื่อนน่ะสิครับ อ๊ะ ถามโง่ๆ กิ๊วๆ” เสียงเผียะที่เกิดจากการดีดหน้าผากอีกครั้งมาแบบไม่ให้ตั้งตัว ตามด้วยเสียงโวยวายของคนโดนดีดอีกรอบ
“อะไรอ้ะเขื่อน ดีดเอาๆ ผมเจ็บนะ” พอเห็นคนตรงหน้าตั้งท่าจะงอนจริงๆเขื่อนจึงขยับมากอดไว้แน่น แต่ร่างบางนั้นก็ยงคงแง่งอนอยู่ เพราะพยายามกระเถิบตัวออกห่าง
“ก็นายกวนประสาทนี่นา ฉันรู้นะ ว่านายไม่ได้อยากรู้เรื่องของไอ้แทมหรอก นายแค่อยากกวนประสาทฉันเท่านั้น” เขื่อนกระชับอ้อมแขนที่กอดร่างหอมกรุ่นนั้นให้แน่นขึ้นอีก แต่ว่าแม้จะได้กอดแน่นแค่ไหนมันก็ยังไม่พอเสียที กลับรู้สึกแต่ว่าอยากกอดมากขึ้นๆทุกที
“ฮึ ผมเปล่าสักหน่อย เขื่อนคิดไปเอง” เขื่อนก้มมองใบหน้าหวานนั่นที่ทำปากยื่นอย่างหมั่นเขี้ยว จมูกโด่งกดลงที่แก้มนุ่มนั้นอย่างแรงจนเจ้าตัวร้องโอ๊ย
“งื้อ...เจ็บนะครับ...”
“ยิ่งนานวันนายยิ่งขี้อ้อน งอแง เรียกร้องความสนใจมากขึ้นนะ”
“เขื่อนก็เหมือนกันนะครับ”
“หือ หมายความว่าไง?” เขื่อนถามกลับอย่างไม่เข้าใจ น้ำจะบอกว่าเขาก้ขี้อ้อนมากขึ้นงั้นเหรอ
“ก็เขื่อนน่ะสิ แค่ช่วงเวลาที่ขึ้นม.6มา ก็ดูเหมือนว่าเขื่อนจะไกลห่างจากผมไปทุกที” น้ำหันหน้าเข้ามาหาเขื่อนและยกมือขึ้นมาลูบที่แก้มอุ่น
“ผมจึงได้แต่คิดว่าจะทำยังไงให้ไล่ตามเขื่อนได้ทัน ยิ่งเวลาผ่านไปเขื่อนก็เหมือนกับว่าจะเติบโตขึ้นจนผมตามไม่ทัน เขื่อนเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และเป็นคนที่คอยประคับประคองผมเสมอ” น้ำพูดต่อโดยไม่เว้นจังหวะให้เขื่อนได้พูดบ้าง ร่างสูงจึงทำได้เพียงนิ่งฟังเงียบๆ
“ผมคิดโง่ๆ ว่าถ้าผมอ้อนเขื่อนมากกว่านี้ ก็จะทำให้เขื่อนสนใจผมมากขึ้น มันเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ผมเชื่อว่าจะยึดเหนี่ยวให้เขื่อนอยู่กับผมได้”
“นายนี่ซื่อบื้อเกินเยียวยาจริงๆนะ โอ๊ย” เสียงทุ้มของเขื่อนหยุดชะงักลงเพราะแรงตบที่แก้ม
“ห้ามว่าผมนะ” น้ำขู่เสียงเข้ม เป็นนัยว่าหากเขื่อนว่าเขาอีกครั้งก็จะตบอีก เขื่อนจึงทำได้เพียงถอนใจเพราะไม่กล้าลงมือกับน้ำหรอก
“นายไม่ต้องอ้อน ฉันก็สนใจนายอยู่แล้ว” เขื่อนเลี่ยงไปพูดเรื่องประเด็นหลักแทนที่จะต่อล้อต่เถียงกับน้ำ
“แต่เขื่อนดูแบบว่า...เป็นผู้ใหญ่ขึ้น ทำเอาผมคิดว่าเขื่อนอาจจะเปลี่ยนไป..และเปลี่ยนใจ..” น้ำอ้ำอึ้งพูด เขื่อนมองคนตรงหน้าอย่างแสนรัก
‘น่ารัก...’ คิดแล้วก็ยิ้ม ที่แท้เจ้าตัวเล็กนี่ก็กลัวว่าเขาจะทิ้งสินะ
“ฉันเติบโตขึ้น เพื่อที่จะดูแลนายไงล่ะ” เขาต้องเติบโต เพื่อที่จะได้ดูแลน้ำของเขาได้ หากเขายังคงทำตัวเหมือนเด็กไม่เปลี่ยน อาจจะกลายเป็นน้ำ ที่ไปจากเขาแทนก็ได้
“เขื่อนดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นก็ดีนะครับ ดูเท่ห์ขึ้น” น้ำจงใจพูดเบาๆ แต่ใบหน้าหล่อที่เลิกคิ้วข้างหนึ่งเป็นนัยว่าได้ยินทุกถ้อยคำนั้นทำให้น้ำรีบลุกพรวด
“เอ่อ..ผะ ผม..จะไปทำกับข้าว” ตั้งใจจะลุกหนีแต่ก็ถูกฉุดให้ลงไปนั่งบนตักของเขื่อนแทน ยิ่งหันไปเห็นใบหน้าหล่อคมนั้นส่งยิ้มกรุ้มกริ่มมาให้ก็ยิ่งอายเข้าไปใหญ่
“ฉันแค่อยากให้นายลองมองใกล้ๆ ว่าฉันเท่ห์ขึ้นจริงหรือเปล่า” แต่ดูท่าว่าเขื่อนคงจะไม่ได้ตั้งใจให้น้ำแค่ดูเฉยๆ เพราะมือใหญ่ที่เลื้อยซุกซนไปทั่วทุกตารางนิ้วของผิวนุ่มนั้นช่างยั่วเย้าและปลุกอารมณ์เหลือเกิน
“ผมมองห่างๆก็ได้ครับ”
“ฉันจะไม่อ้อมค้อมแล้วนะน้ำ ฉันอยากจะกดนาย นี่เราห่างเหินกันมาเป็นอาทิตย์แล้วนะ” เป็นอย่างที่เขื่อนว่า เพราะช่วงที่ไปนิวยอร์คก็วุ่นวายเรื่องเรียนต่อ แถมยังต้องนอนรวมกับเพื่อนๆเสียอีก
“เขื่อน ลามก คิดแต่เรื่องอย่างว่าสินะครับ!” ออกแรงดันอกของคนตรงหน้าจนเต็มที่แล้วก็ยังไม่ยอมขยับเขยื้อน ดูท่าที่เขาว่าเวลาคนหื่นมากๆอะไรก็ห้ามไม่อยู่ดูท่าจะจริง
TRrrr…
“เหี้ยเอ๊ย ใครโทรมาวะ” เขื่อนสบถอย่างโมโหเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ดัง ร่างบางที่อ่อนระทวยใต้ร่างเขาไม่มีแรงต่อต้านแล้ว แต่ดันมีโทรศัพท์นรกโทรเข้ามาซะฉิบ
“ฮัลโหล!” เสียงตะคอกที่กรอกลงไปตามสายทำเอาน้ำแทบสะดุ้ง
“อะไรของมึงเนี่ยไอ้โมน” ระดับเสียงยังคงไม่ลดลงตามเคย ใบหน้าหล่อดูกราดเกรี้ยวเข้ากับน้ำเสียง
‘แหมๆ กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มเหรอ กูคงโทรมากวนผิดเวลาสินะ’
“สัตว์ อย่ากวนตีน มีอะไรรีบพูดมา” เขื่อนเร่งเพื่อนยิกๆ สายตาก็คอยเหลือบไปมองคนด้านหลังที่ตอนนี้ลุกมานั่งมองตาแป๋วแล้ว
‘คือมะนาวชวนกู จริงๆก็ชวนทุกคนแหละวะ แต่เขาพูดกับกูก่อนไง’
“มึงจะพูดอะไรก็รีบพูดมา!” เขื่อนเริ่มหงุดหงิดกับการต่อความยาวสาวความยืดกับไอ้เพื่อนคนนี้
‘ก็มะนาวน่ะ เสนอให้เราไปจัดปาร์ตี้เรียนจบกันที่ต่างจังหวัด หรือมึงคิดว่าจะไปต่างประเทศเลยดีมั้ย?’
“เออ เข้าท่านะ ดูท่าไอ้คนข้างตัวกูคงจะชอบเหมือนกัน” เขื่อนเริ่มคล้อยตามเพื่อน มือหนึ่งก็ยันตัวน้ำไว้ไม่ให้แย่งโทรศัพท์ไปพูด
“จะจัดปาร์ตี้เหรอเขื่อน ผมอยากไปทะเล!!” ในเมื่อเขื่อนไม่ให้คุย น้ำจึงตะโกนเสียงดังแทน
“ได้ยินมั้ยโมน มีคนสรุปสถานที่ให้มึงแล้วนะ” เขื่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่ ทำเอาโมนหัวเราะดังมาตามสาย
‘งั้นก็ให้น้ำเลือกสถานที่มาเลยนะ แล้วพรุ่งนี้ก็ค่อยมาคุยกัน ว่าจะไปที่ไหน’
“เดี๋ยวๆ แล้วจะไปเมื่อไร” เขื่อนรีบถามดัก เพราะว่านี่มันเพิ่งจะเข้าเทอมสอง กว่าจะปิดเทอมอีกก็ต้องปีหน้า
‘ก็ปิดซัมเมอร์ไง’
“แล้วมึงโทรมาคุยเรื่องนี้กับกูตั้งแต่ตอนเพิ่งขึ้นเทอมสองเนี่ยนะ”
‘อ้าว วางแผนล่วงหน้าไง ฮ่าๆ’
“ไม่ต้องมาพูดเลยไอ้เพื่อนชั่ว มะนาวสั่งให้มึงโทรมาขัดจังหวะกูใช่มั้ย!” และแล้วก็เป็นตามที่เขื่อนคิด เพราะเสียงหัวเราะใสๆของมะนาวดังลอดปะปนกับเสียงหัวเราะอย่างสะใจของโมน
“พวกมึง พรุ่งนี้ตาย!” เขื่อนกระแทกหูโทรศัพท์ดังโครม ขยี้หัวอย่างหงุดหงิดแล้วหันมามองอีกคนด้านหลังซึ่งตอนนี้กำลังง่วนกับการต่อเครื่อง PSP เข้ากับโทรทัศน์
“น้ำ ทำอะไรน่ะ เรื่องของเรายังไม่จบเลยนะ” เขื่อนถามเสียงเขียว เขายังอารมณ์ค้างอยู่เลยนะเว้ยเฮ้ย
“ก็ผมอยากเล่นเกม” เสียงใสตอบมาแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“ไม่ได้ ห้ามเล่น” เขื่อนเดินไปถอดปลั๊กเครื่องเล่นออก หน้าจอเกมจึงดับพรึ่บ
“เขื่อน ไอ้บ้า!” น้ำลุกพรวดขึ้นตวาดเสียงดัง ก่อนจะกำหมัดรวบรวมแรงไว้ และชกอัดไปที่หน้าท้องเขื่อนเต็มแรง
“อั้ก!” ถึงจะเป็นนักคาราเต้ แต่ในเวลาที่ไม่ได้ตั้งตัวและเกร็งท้องไม่ทันแบบนี้ จึงล้มลงไปกองที่พื้นทันที
“ผมจะเล่นเกม ถ้าเขื่อนไม่ให้ผมเล่น ผมจะไม่ให้เขื่อนแตะต้องผมอีกเลย!” น้ำประกาศก้องและหอบเครื่อง PSP เข้าไปเล่นในห้องนอนและกดล็อกประตูอีกสองชั้น
“อึก...ต่อให้อยากจ้ำจี้ยังไง แต่ตอนนี้กูคงไม่มีแรงแล้วละ...” เสียงโอดโอยสุดท้ายดังออกมาจากปากเขื่อน ก่อนที่เจ้าตัวจะพยุงร่างขึ้นไปนอนบนโซฟาเพราะไม่มีแรงไปลากน้ำออกมาจากห้อง
>>>>> TBC