ตอนที่แล้ว ...
“ทำไมมรึงไม่เกิดมาเป็นผู้หญิงวะ”
“พูดไรอะ”
“เปล่า!! แค่คิดว่าถ้ามรึงเป็นผู้หญิงแล้วเราสองคนเป็นแฟนกัน มันก็คงดี”
“กรูเป็นผู้ชายแล้วมันไม่ดีตรงไหน ถ้ากรูเกิดมาเป็นผู้หญิงมรึงจะรู้ได้ไงว่าเราจะได้คบกัน … พูดแบบนี้โดนหญิงทีี่หนักอกมาอีกละ”
“ไม่มีอะไรหรอก ช่างมันเถอะ มรึงนอนพักละกัน เดียวกรูนอนเป็นเพื่อน”
ผมอยากบอกรักเอ็มครับแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง จริงอยู่ว่าบางครั้งเราสองคนก็ดูเหมือนมากกว่าจะเป็นเพื่อนกันแตมันก็อีกหลายครั้งที่เราสองคนเป็นเหมือนเพื่อนกันธรรมดาแม้ผมจะรู้สึกดีกับเอ็มแต่ผมก็ไม่กล้าคิดหรอกครับว่าเราสองคนจะใจตรงกัน สิ่งที่ผมกลัวที่สุดคือผมกลัวว่าถ้าผมบอกความจริงกับเอ็มแล้วเขาไม่ได้คิดเหมือนผม ทุกอย่างมันจะเปลี่ยนไป ...
จากวันนั้นผมก็ยอมใช้ชีวิตอยู่กับความคลุมเครือเรื่อยมา ยิ่งเวลาผ่านไปผมก็ยิ่งสงสัยกับความสัมพันธ์ที่อธิบายไม่ได้ของผมกับเอ็ม บิวกับต้นรู้เรื่องทุกอย่างและมันสองคนก็ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ผมเป็นอยู่สำหรับบิวผมว่าส่วนหนึ่ง (ซึ่งคงเป็นส่วนใหญ่) คือ bias
ของมันเพราะสำหรับไอ้บิว ผู้ชายเกิดมาคู่กับผู้หญิงเท่านั้นและส่วนน้อยของมันก็เหมือนกันไอ้ต้นที่กลัวว่าสุดท้ายผมกับเอ็จะมองหน้ากันไม่ติด
ผมสับสนกับทุกอย่างที่เอ็มทำให้ผม หลายครั้งที่มันแสดงออกว่าผมแคร์ผมมากกว่าคนอื่นหรือว่าง้อผมแบบที่ไม่มีใครเคยทำกับผม วันนั้นผม เอ็ม บิวนัดดูหนังกันที่สยามช่วงก่อนผมเลิกเรียนเอ็มมันก็โทรมาบอกว่าบิวไม่อยากไป อยากไปเดินถนนข้าวสาร ผมู้สึกว่ามันแปลกเพราะบิวมันเป็นคนชวนผมเอง มันอยากดูเรื่องนี้มากผมเลยโทรกลับไปหาบิวถึงได้รู้ว่าเอ็มมันปั้นนำ้เป็นตัว มันเป็นคนอยากไปเดินถนนข้าวสารเลยเอาไอ้บิวไปอ้าง พอรู้ผมก็คว้ามือถือโทรหาเอ็ม
“มีอะไรจะบอกกรูไหม” มันรับสายผมก็ใส่เต็มที่เลยครับ
“ไม่มีนิ”
“กรูโทรหาไอ้บิวแล้ว ทำไมต้องโกหก”
“ก็เปล่า ไม่มีอะไรมรึงโกรธเหรอ”
“เปล่าไม่ได้โกรธ” ผมทำเสียงนิ่งๆครับ เอ็มมันรู้ว่าถ้าผมทำเสียงนิ่งๆคือผมโกรธ
“นิว มรึงอยู่ไหน”
“กำลังไปสยาม” ตอนนั้นผมออกจากคณะแล้วครับ กำลังขับรถไปสยาม
“งั้นเดียวกรูไปหามรึง”
“ไม่ต้องมาหรอก เดียวกรูก็ดูหนังกับไอ้บิวแล้ว” ผมก็ไม่เห็นว่ามันจะต้องมาทำไมเพราะผมจองตั๋วรอบเย็นเอาไว้ ส่วนเอ็มมันก็นัดคนอื่นๆไว้ช่วงหัวคำ่
“ไม่เอา เดียวกรูไป” แล้วมันก็ชิ่งวางสายไป
ไม่รู้ซิครับแต่ผมขับรถไปก็ยิ้มไป ไม่คิดมาก่อนว่ามันจะลงทุนขนาดออกจากบ้านมาง้อผมที่สยาม
จอดรถเสร็จผมก็เจอเอ็มมันยืนรออยู่หน้าศูนย์หนังสือจุฬา พอมันเห็นผมเท่านั้นละครับหูตกหางลู่เดินหน้าเจี้ยมเจี่ยมเข้ามาหา
“มาถึงนานแล้วเหรอ” มันถามผมหน้าตาเรียบร้อยๆ
“ซักพัก” จริงๆแล้วผมหายโกรธมันแล้วละแต่ขอเล่นตัวอีกหน่อยแล้วกัน
“รถติดไหม”
“นิดหน่อย”
“นิว มรึงโกรธกรูเหรอ”
“เปล่า ไม่ได้โกรธ”
“ไม่จริง มรึงโกรธกรู กรูไม่เชื่อ … ว่าอะไรกรูเถอะ ด่ากรูก็ได้แต่อย่าเงียบใส่กรูเลยนะ” แล้วมันก็ drama มาเลยครับ ทำหน้าทำตาเหมือนจะร้องไห้ น่าสงสารจริงๆ
“ถ้าไม่อยากดูก็บอกมาตรงๆ อยาทำแบบนี้ กรุเสียความรู้สึกนะ” แรกผมโกรธมันนะครับแต่พอใจเย็นขึ้นมันกล้บเป็นน้อยใจมากกว่า เขาไม่เห็นจำเป็นจะต้องฝืนตัวเองเพราะผมเลย ถ้าไม่อยากดูก็พูดมาตรงๆก็ได้ ผมว่าผมก็มีเหตุผลพอ สรุปว่าเย็นนั้นผมดูหนังกับบิวสองคน ส่วนเอ็มกับเพื่อนคนอื่นๆไปเดินตรอกข้าวสารกัน
หลังากนั้นอีกสองสามสัปดาห์ ผม เอ็มแล้วไอ้ต้นไปซื่ออุปกรณกีฬากันที่ข้างสนามกีฬาแห่งชาติ เอ็มกับต้นมันลวงหน้ามาก่อน ผมตามเขามาในร้านทีหลังเพราะตีรถกลับมาจอดไว้ที่สยามแล้วเดินค่อยเดินมา วันนั้นผมเรียนทั้งวัน ตื่นก็เช้า เลยหน้าเหนื่อยๆ เดินเข้ามาในร้านเห็นไอ้ 2 คนนั้นกำลังเลือกของกันอยู่ผมก็เดินเข้าไปทักแล้วแยกออกมานั้งรอ มันสองคนก็เลือกของกันไปจนผมได้ยินพนักงานขายพูดขึ้นมา
“อะ พี่เห็นว่าน้องน่ารักนะพี่เลยลดให้เป็นพิเศษ มีแฟนยังจ๊ะ” ผมหันไปจ้องหน้าไอ้เอ็มตาเขม็งเลยครับ เอ็มก็เหมือนจะรู้ตัวมันเหล่ตามามองผม ผมก็ทำเฉย อยากจะรู้ว่ามันจะทำยังๆไงแต่ไอ้ต้นมันก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน
“พี่อย่าพูดดัง แฟนมันนั้งอยู่ตรงน้ัน” เท่านั้นแหละครับคนทั้งร้านหันมามองที่ผมเป็นสายตาเดียวกัน ผมก็งงไอ้ต้นบอปากก็บอกว่าไม่เห็นด้วยแต่พอถึงเวลามันชงมาให้ผมเสร็จสรรพ
“จริงเปล่าคะน้อง แบบนี้พี่ก็อกหักซิ” เเล้วพี่เขาก็หันกลับไปถามเอ็ม
“เปล่าครับ เป็นเพื่อนสนิทกัน” ผมก็อยากจะอยู่ฟังเอ็มมันแถนะครับแต่ตอนนั้นอายมากๆเพราะทุกคนมองผมกับเอ็มสลับกัน
“เดียวเราออกไปรอข้างนอกนะ เหนื่อยวะ” ผมพูดแล้วก็เดินออกประตูไปโดยได้ยินเสียงไอ้ต้นตามหลังมา
“ซวยเเล้วมรึง งานเข้าแน่” แล้วก็ตามมาด้วยเสียงไอ้เอ็ม
“ไม่เป็นไรเดียวคืนนี้ค่อยง้อ”
ผมได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักๆดังมาจากข้างหลังแต่มันเขินจนต้องรีบเดินออกมา
อย่างที่บอกว่าผมตัดสินใจแล้วที่จะปล่อยให้ทุกอย่างมันดูเบลอๆแบบนี้ไปเรื่อยๆ ผมจำได้ว่าช่วงใกล้ปีใหม่ปีนั้นเป็นปีที่ผมเพิ่งจะสอบ midterm เสร็จ เย็นวันสอบวันสุดท้ายผมก็นัดเพื่อนๆที่คณะไปดูหนังกินข้าวที่สยาม เข้าร้านอาหารไปได้ไม่เท่าไหร่เอ็มก็โทรมา มันสอบเสร็จตั้งแต่เมื่อวานเลยมาเดินเล่นสยามครับ ผมเลยขอเวลากินข้าวกับเพื่อนคณะซัก 2 ชั่วโมงก่อนแล้วค่อยแว๊ปออกไปเจอเอ็มแต่ที่ทำให้ผมตกใจคือพอใกล้เวลาที่ผมนัดมันก็เดินมาหาผมที่ร้านอาหาร เพื่อนๆผมส่งยิ้มกันใหญ่
“กรูว่าไอ้นิวไม่ไปดูหนังแล้ววะ … แฟนแมร่งเดินมาโน่นแล้ว”
“เฮ้ยยยยยยย!!!” ผมก็นิ่งๆตาม style ผมละครับ เอ็มมันยืนรออยู่หน้าร้านไม่ยอมเข้ามา ผมเลยฝากตังค์เพื่อนจ่ายค่าอาหารแล้วก็ชิ่งไปเดินเล่นสยามกับเอ็ม
มันเป็นแบบนี้เกือบทุกครั้งที่ผมสอบเสร็จละครับ พวกผมก็จะมาฉลองกันที่สยามแล้วเอ็มมันก็จะตามมาหา ส่วนใหญ่ผมก็จะขอเวลาเฮฮากับเพื่อนก่อนแล้วค่อยแยกออกไปหาเอ็ม ถ้าเลี่ยงได้มก็จะหายไปกับเอ็มตลอดเย็นนั้นแต่ถ้าไม่ได้จริงๆผมก็แว๊ปออกมาเดินเล่นพอถึงเวลาดูหนังผมก็มาเจอเพื่อนๆที่หน้าโรหนัง เอ็มมันก็จะนั้งรออยู่ที่ร้านกาแฟแถวนั้นพอหนังจบผมก็แยกออกไปกินข้าวเย็นกับเอ็ม
ผมจำได้ว่าปีนั้นพอสอบเสร็จผมก็ต้องมาเรียนอีก 2-3 วันก่อนที่จะช่วงเทศกลาปีใหม่ พี่ๆเข้าใจอารมณ์เด็กเพิ่งสอบเสร็จไหมครับ ผมไม่มีอารมณ์มานั้งฟัง lecture หรอก
เข้าเรียนได้ไม่ถึงครึ่งวันผมก็หนีออกมาดูหนังกับเพื่อนๆแล้ว ระหว่างรอดูหนังก็เดินเล่นเดินดูของกันไป อยู่มันก็รู็สึกคิดถึงเอ็มนะครับ ผมเลยโทรชวนเอ็มกินข้าวเย็นด้วยกัน เย็นนั้นผมไปกิน buffet กับเอ็มแถวทองหล่อ กินกันสองคน สนุกดีครับ เอ็มมันตักของมาเยอะจนสุดท้ายก็กินมาไม่หมด ผมนี่อิ่มแบบว่าท้องจะแตกเอ็มมันก็คงไม่ไหวเหมือกันเพราะปกติมันจะตบท้ายด้วยไอติมแต่วันนี้มันไม่แม้แต่จะมองด้วยซำ้
คืนนั้นก่อนกลับบ้านเอ็มมันอยากดูหนังครับ เราเลยตกลงกันว่าผมจะกลับเข้าบ้านเอาของเอารถก่อนออกไปเช้าหนังแล้วผมจะไปดูหนังบ้านเอ็ม กว่าผมจะได้นอนก็เกือบตี 3 โน่นละครับ ตื่นขึ้นมาตอนซัก 6 โมงเอ็มมันก็นอนกอดผมอยู่เหมือนเดิม วันนั้นผมกับเอ็มตื่นก็บ่ายกว่าๆแล้ว อาบนำ้เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเอ็มมันก็ลงมาต้มมาม่าให้ผมกิน มันก็ตอกไข่ใส่มาม่าผมก็ด้วยวามเคยชิน เอาตะเกียบไปคนๆไข่ให้มันแตก เท่านั้นละครับมันโวยวายลั่นบ้านเลยหาว่าผมทำเสียของ ผมก็ลืมไปว่าเอ็มมันชอบกินไข่เป็นใบๆไม่เหมือนผม ผมเลยรับผิดชอบด้วยการกินมาม่าถ้วยนั้น กินเสร็จผมก็ออกไปเดินเล่นสยามกินข้าวเย็นกับเอ็มอีกมื้อ จนคำ่ๆถึงได้มาส่งมันแล้วขับกลับไปนอนที่บ้าน
วันรุ่งขึ้นเป็นวันส่งท้ายปีเก่าพวกผมตั้งใจจะไปฉลองกันที่บ้านเพื่อนในกลุ่ม เย็นนั้นผมขับรถแวะไปหาเอ็มชวนมันไปซื่อขนม นำ้อัดลมที่ supermarket แถวนั้นก่อน พอ count downเสร็จเพื่อนคนอื่นๆก็แยกย้ายออกไปโทรสัพท์หาแฟนเหลือผมกับเอ็มนั้งกันอยู่ในสวน 2 คน
“มาให้กรูกอดทีนึง” มันไม่รอผมพยักหน้าครับดึงตัวผมเข้าไปกอด
แขนเอ็มโอบไหล่ผมไว้แน่นส่วนเเขนของผมก็พาดอยู่ที่เอวของมัน มันเป็นแบบนี้ทุกปีครับ เอ็มจะกอดผมหลังขึ้นปีใหม่
“Happy new year เว้ยนิว มีความสุขมากๆ”
“เหมือนกัน มีความสุขมากนะเมิง”
คืนนั้นพวกเราขับรถออกไปไหว้ศาลหลักเมืองด้วยกัน ตอนแรกผมคดิว่าเอ็มจะนอนค้างบ้านเพื่อนๆแต่มันขอกลับไปนอนบ้านตัวเอง พอผมเห็นแบบนั้นผมเลยกลับคำพูดอ้างกับเพื่อนคนอื่นๆว่าไปนอนบ้านจีแล้วสะดวกกว่าเพราะมันใกล้บ้านผม
หยุดยาวหลายวันผมไปนอนค้างบ้านเอ็มประมาณ 3 คืน มันให้ความรู้สึกว่าผมกับเอ็มไม่ได้ใกล้ชิดกันแบบนี้มานานแล้วแต่ก็เพราะความใกล้ชิดเเหละครับที่ทำให้ผมเห้นว่าเอ็มเขากำลังมีใครอีกคนเข้ามาในชีวิต ผมสังเกตว่า 3 คืนที่ผมมานอนกับเอ็มมันจะคุยโทรศัพท์กับใครไม่รู้ตอนดึกๆทุกคืน จนสุดท้ายผมก็ทนอยากรู้ไม่ไหวถามเอ็มไปมันก็บอกนะครับ ผู้หญิงคนนั้นชื่อแพร เรียนที่เดียวกันแต่คนละคณะกับเอ็ม เอ็มมันรู้จักตอนรับน้องตั้งแต่ปี 1 แต่ผมไม่เคยเห็นหน้า
“เอ็ม กรูถามมรึงตรงๆนะ มรึงไม่คิดอะไรกับเขาจริงเหรอ คุยกันดึกๆแบบนี้ กรูว่ามันไม่ใช้เพื่อนแล้วม้าง”
“เออ เอออออออ...” มันก็อำ้ๆอึ้งๆไม่ยอมตอบ จีมันจะเป็นแบบนี้แหละครับเวลาโกหกแค่เห็นสายตา สีหน้า นำ้เสียง ผมก็รู้แล้วครับว่ามันจะไม่พูดความจริงกับผม
“ตอบกรูมาตรงๆ กรูอยากได้ยินจากปากของมรึง” ตอนนั้นหัวใจของผมมันเต้นไม่เป็นจังหวะครับ กลัวคำตอบของเอ็มจัง
“เขาจีบกรูแต่กรูไม่ได้คิดอะไรด้วย”
จากนั้นผมก็กลับมาเรียนตานปกติ บรรยากาศการเลี้ยงฉลองค่อยๆจากหายไปจากกรุงเทพมหานคร ผมกับเอ็มก็ห่างกันมาอีกหน่อยเพราะครึ่งเทอมหลังผมต้องรีบ clear รายงานที่ค้างไว้ตั้งแต่ต้นเทอม แล้วเอ็มก็มีฝึกงานนอกสถานที่ต้องออกต่างจัวหวัด 3 สัปดาห์ พอได้ยินมนบอกว่า 3 สัปดาห์ผมงี้หูตกเลยครับ เศร้า!! นี่ผมจะไม่ได้เจอหน้าเอ็มอีกเกือบเดือน
เลยเหรอ
เอ็มมันนัดผมไปกินข้าวเลี้ยงส่งตัวเองไปบ้านนอกก่อนหน้านั้นอาทิตย์นึง วันสุดท้ายก่อนที่เอ็มจะเดินทางผมก็คิดๆอยู่ว่าจะไปหาซื่อขนมมาให้เอ็มที่ Paragon เพราะวันนั้นผมตาม advisor มาประชุมที่โรงแรมแถวสยาม พอพักเบรคผมก็แว๊ป ออกมาสยามกับเพื่อน
วันนั้นผมเดินเล่นทั่วสยามแล้วผมก็คิดอะไรไม่รู้เดินขึ้นไปบนชั้น 2 ของโรงหนังสยาม ก็เดินดูโน่นดูนี่ไปเรื่อยจนสายตาของผมไปสะดุดเข้ากับชายหญิงคู่นึง … เอ็มกับแพร ผมทำอะไรไม่ถูกเลยครับขามันก้าวไม่ไปได้แต่ยืนมองอยู่อย่างนั้น แล้วเอ็มมันก็หันมาเห็นผม พี่ๆต้องเห็นหน้าเอ็ม หน้ามันเหมือนว่าเห็นผีเลยครับมันรีบลุกออกมาจากร้าน
“นิวมันไม่ได้เป็นเหมือนที่มรึงคิด กรูมีคนอื่นมาด้วย” เอ็มมันเดินเข้ามาคว้าที่ขอมือของผม พอเพื่อนผมเห็นว่าบรรยากาศมาคุมันก็แยกตัวออกไป ผมบิดข้อมือตัวเองให้หลุดจากมือจี มองหน้ามันนิ่งๆ
“กรูก็ยังไม่ได้พูดอะไรนิ” เอ็มมันหน้าเสียเลยนะครับพอได้ยินผมพูดแบบนี้
“กรูขอตัวนะเอ็ม เดียวต้องกลับไปที่งานประชุม” มันพยักหน้าแล้วผมก็เดินออกจากตรงนั้นทันที ผมหาเพื่อนผมไม่เจอครับแล้วก็ไม่คิดจะโทรหามันด้วย ผมเดินกลับมาที่โรงเเรม พอมาถึงผมก็เดินเข้าห้องนำ้เลยครับ จำได้ว่านำ้ตาผมมันไหลลงมาเป็นสาย นี่เป็นครั้งที่ 2 แล้วที่ผมต้องมานั้งร้องไห้ในห้องนำ้
พอตั้งสติได้ผมก็โทรไปลา advisor อ้างว่าปวดหัวขอกลับบ้านมาพัก ...“นิว มันไม่ได้เป็นเหมือนที่มรึงคิด กรูมีคนอื่นมาด้วย” เขาพูดกับผมด้วยประโยคนี้แล้วพี่ๆจะให้ผมคิดยังไง เขาเป็นอะไรกับผมถึงได้มาพูดกับผมแบบนี้ ผมจะคิดไม่คิดอะไรมันเกี่ยวกับเอ็มตรงไหน ยังไม่ทันจะถึงบ้านโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น
“นิว มรึงอยู่ไหน” ยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไรเสียงเอ้มมันก็แทรกขึ้นมา
“ทำไมเหรอ”
“กรูเสร็จธุระแล้ว มาเดินเล่นสยามกัน” ตอนนั้นผมนำ้ตาไหลเลยครับ พี่คนขับ taxi ก็มองหน้าผมงงๆ คิดจริงๆเลยนะครับว่านี่ผมตกมาเป็นที่ 2 ของเอ็มแล้วเหรอ
“บ้า กรูกลับบ้านแล้ว ไว้วันหลังละกัน”
“เฮ้ย มรึงอย่าโกหกดิ มรึงยังอยู่สยามกรูรู้”
“กรูอยู่บน taxi กำลังจะกลับบ้าน มรึงไม่เชื่ออยากคุยกับพ่ีคนขับไหม”
“เออๆกลับก็กลับวะ เดียวกรูแวะไปหามรึงที่บ้าน”
“อย่าเลย กรูปวดหัววะ อยากพัก”
“มรึงโกรธกรูอะ”
“เปล่า ไม่ได้โกรธ มรึงไม่ได้ทำอะไรผิดนิ”
“มรึงโมโหอะ”
“เปล่า แค่อยากพัก”
“แต่นิว...” เหมือนเอ็มมันจะไม่ยอมจบ ผมเลยพูดแทรกขึ้นมา
“นะ ขอกรูพักนิดนึง เอาไว้มรึงกลับมาแล้วเราค่อยคุยกันก็ได้ … ถือว่ากรูขอร้องนะเอ็ม”
“ก็ได้” เอ็มมันขึ้นเครื่องคืนนั้นครับ ผมไม่ได้โทรไป แค่ส่ง massage ไปให้มันเท่านั้น
ตลอด 3 สัปดาห์ที่เอ็มไปต่างจังหวัดเราไม่ได้โทรคุยกันเลยครับ มันเป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าผมห่างจากเอ็มมากขนาดนี้ ยอมรับครับว่าผมคิดถึงเอ็มมาก อีกทั้งยังกังวัลกับเรื่องที่เกิดขึ้น ผมไม่รู้จะทำยังไงไม่รู้ว่าตัวเองควรจะพูดถึงเรื่องวันนั้นไหม ถ้าพูดเเล้วผมจะพูดอะไร จะให้ผมพูดเหมือนจับได้ว่าเขามีคนอื่น ผมเป็นอะไรกับเขาละครับถึงจะได้ไปพูดแบบนั้น ผมกับเอ็มไม่ได้เป็นอะไรกันซักหน่อย
มันเป็น 3 สัปดาห์ที่ยาวนานและทรมานสำหรับผม มันเหมือนมีเรื่องเป็นล้านๆเรื่องวิ่งเข้ามาในหัวผมตลอดเวลา และวันที่ผมจะได้เจอเอ็มก็มาถึง พวกเรานัดกินข้าวเย็นกันตามปกติ กินเสร็จต่างคนก็แยกย้ายกันกลับผมขับรถมาส่งเอ็มเหมือนเดิม
“นิวถ้ากรูบอกอะไรมรึงแล้วมรึงอย่าโกรธกรูนะ”
“อะไรเหรอ”
“สัญญาก่อน”
“ถ้าอยากจะบอกก็บอกมา อย่ามาเล่นเป็นเด็กๆ กรูจะโกรธไม่โกรธมันก็ขึ้นอยู่กับว่ามรึงบอกอะไรกรู”
...
“กรูว่ากรูรู้สึกดีกับเเพรวะ กรูจะลองคบกับแพรดู”
“อืม ก็ถ้ามรึงคิดว่าเขาดี ก็ลองดูดิ” เคยไหมครับที่ปากมันไม่ตรงกับใจ
ผมพูดได้แค่นั้นละครับเพราะมันจุกอยู่ในอก ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วจนผมตั้งตัวไม่ทัน ตลอดเวลาที่ผ่านมาเอ็มไม่เคยพูดเรื่องแพรให้ผมฟังแล้วผมก็ไม่เคยรู้สึกตัวเลยว่าแพรเข้ามาในชีวิตเอ็มมากขนาดนี้และกว่าผมจะรู้ตัวแพรก็มายืนอยู่ข้างเอ็มแล้ว
“แล้วผมละ” ... มันถึงเวลาแล้วใช้ไหมครับที่ผมจะต้องเดินออกมา มันถึงเวลาแล้วใช้ไหมที่ผมจะต้องตัดใจ ต่อไปนี้ผมจะไม่มีสิทธิ์คิดกับเอ็มมากกว่าเพื่อนกันอีกแล้วใช้ไหม
มาถึงวันนี้ผมยังไม่เคยบอกรักเอ็มเลยซักครั้ง เรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างเราสองคนมันคืออะไร ผมก็ยังไม่รู้แต่ตอนนี้ผมรู้แค่ว่ามันจะไม่มีอีกแล้วกับความสุขเวลาที่เราสองคนได้ไปกินข้าวด้วยกัน ความสุขเวลาที่เราสองคนได้ไปดูหนังกัน ได้นอนข้างกันหรือจะเป็นความสุขเวลาที่เราสองคนสบตากัน … แค่คิดผมก็รู้สึกเจ็บขึ้นมาซะเฉยๆ "เอ็มเขากำลังจะมีคนที่เขารักแล้วคนๆนั้นก็กำลังจะมาแทนที่ผม"