หลังจากที่ฟังรายละเอียดคร่าวๆ ผมได้ยินมาว่าเตาที่ใช้ย่างกุ้งกับบาร์บีคิวนั้นเป็นเตาเดียวกัน มันกุ้งที่หยดออกมาติดตะแกรงย่างนั้นมันเคลือบกับผิวบาร์บีคิว พอพี่เดือนกินเข้าไปแม้ว่าปริมาณจะไม่ได้มากขนาดนั้น แต่เพราะด้วยพี่เดือนเป็นคนแพ้กุ้งรุนแรงเลยทำให้อาการหนักจนต้องรีบพาเข้าห้องไอซียูไปเช็คอาการ ประมาณชั่วโมงกว่าๆพี่เดือนถึงได้ออกมาพร้อมกับเสียงถอนหายใจของพี่มะยมที่โล่งอกไปกับผมด้วย
ผมเดินเข้าไปบีบมือพี่เดือน สีหน้าของเขายังไม่ค่อยดีนัก ตามผิวยังมีผื่นแดงๆขึ้นบ้างแต่ก็ไม่น่ากลัวเท่าตอนที่รถพยาบาลมารับ พี่เดือนยิ้มบางๆให้พร้อมกับลูบหัวปลอบว่าเขาไม่เป็นอะไรแล้ว
“พี่ขอโทษที่ไม่ทันระวังตัว กินเข้าไปไม่ดูเองว่าเขาใช้เตาเดียวกัน”
“พี่เป็นห่วงพี่แทบตาย! ถ้าเกิดอาการหนักกว่านี้พี่จะทำยังไง! ผมจะทำยังไง!” ผมทุบหน้าอกพี่เดือนด้วยกำปั้นตัวเอง พี่เดือนดูอึ้งๆไปหน่อยที่ผมระเบิดอารมณ์พร้อมกับน้ำตา แล้วเขาก็ดึงผมเข้าไปกอดไว้เพื่อให้ผมสงบลง
“พี่ขอโทษจริงๆนะ...ขอโทษนะคนดี” เขาปรับริมฝีปากลงกับกลุ่มเส้นผม ปลอบโยนผมทั้งๆที่ผมควรจะเป็นคนปลอบโยนด้วยซ้ำ “ตกใจใช่มั้ย? ไม่เป็นไรแล้ว...พี่ไม่เป็นอะไรแล้ว...”
“...สองครั้งแล้วนะที่พี่เฉียดเป็นเฉียดตาย ผมไม่ชอบ ผมกลัว...”
“ชู่ว...ไม่ร้องนะ...” พี่เดือนผละตัว โน้มลงมานิดหน่อยแล้วใช้นิ้วเกลี่ยน้ำตาที่ไหลลงมาให้ “พี่จะไม่ประมาทแล้ว...หยุดร้องเถอะนะ”
ผมสะอื้น แต่ก็ไม่มีน้ำตาไหลลงแล้ว พี่เดือนปลอบผมอีกสักพักใหญ่เลยถึงค่อยเดินไปรับยา ผมเห็นพี่นกฮูกยืนอยู่ห่างๆจากเคาน์เตอร์ สายตามองมาด้วยความแค้น ผมจะเดินไปยืนข้างๆพี่เดือนแล้วกระตุกแขนเสื้อเขาแรงๆ
พี่เดือนหันมามองผม แล้วก็หันไปทางจุดที่พี่นกฮูกยืนอยู่ พอพวกเขาสบตากันพี่เดือนก็ส่งออร่าเย็นชาออกมาทันทีอย่างไม่เป็นมิตร เหมือนเขาน่าจะพอเดาอะไรบางอย่างออก
เดี๋ยวนะ...ถ้าจำไม่ผิด พี่นกฮูกเป็นคนคุมเตานี่นา...
“พี่เดือน พี่นกฮูกรู้ว่าพี่แพ้กุ้ง แล้วเขาก็ใช้เตานั่นย่างกุ้งกับบาร์บีคิว”
“ตอนพี่หยิบบาร์บีคิว พี่หยิบจากเด็กคนหนึ่ง เขาบอกว่ามีคนเอามาให้” พี่เดือนพูดเสียงเรียบ “คิดจะประกาศสงครามกับพี่ ให้กุมภ์รับอารมณ์กดดันอย่างนั้นเหรอ...มันกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่”
“พี่เดือน ถ้าเขาจะทำอะไรผมทำไมไม่เล็งมาที่ผมเลย ทำไมต้องเล็งพี่ก่อน?”
“พี่ก็ไม่รู้...” พี่เดือนส่ายหน้า “พี่ว่าจะกลับก่อน พี่มีตั๋วรถที่แอบจองเอาไว้สองที่ กุมภ์เองก็กลับพร้อมกันเลย”
“...”
“พี่ว่าไม่ไหวแล้วที่จะให้นกฮูกคุกคามแบบนี้”
“พี่เดือน ตอนที่มีบายศรี พี่นกฮูกก็มาเคาะประตูห้อง เอาขนมที่ผมชอบมาห้อยไว้ที่ลูกบิดประตูด้วย” ผมบอกพี่เดือน “แต่ผมไม่ได้เก็บเอาไว้ ผมเอาไปให้แม่บ้านของโรงแรม บอกว่ามีคนเอามาห้อยไว้ให้ผิดห้อง ถ้ามีใครมาถามถึงก็เอาให้เขาไป”
“ดีแล้วล่ะที่ทำแบบนั้น ถึงขนมจะซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อหรือจากไหนพี่ก็ไม่ไว้ใจทั้งนั้น” พี่เดือนโอบเอวผม แสดงความเป็นเจ้าของเต็มที่พาเดินออกจากโรงพยาบาลพร้อมกัน พี่มะยมเดินตามข้างหลังพร้อมกับช่วยดูว่ามีใครกำลังแอบมองอยู่รึเปล่า
เรื่องนี้ผมบอกกับพี่มะยมว่ามีคนกำลังตามสโตรกพวกเรา และผมก็เริ่มปักใจเชื่อไปแล้วว่าคนที่ตามผมมาตลอดนั่นก็คือพี่นกฮูก
พี่เดือนยืนยันว่าไม่เคยไปมีปัญหากันมาก่อนเลยจริงๆนอกจากตอนที่ไปต่อยเขา...แต่นั่นกำม่น่าจะใช่สาเหตุที่ทำให้พี่นกฮูกมาตามเพราะเขาตามผมก่อนหน้านั้นอีก
แต่ในคืนนี้ผมกับพี่เดือนต่างนั่งรถกลับเข้ากรุงเทพด้วยกันพร้อมกับความหวาดระแวงที่ก่อตัวในใจของผมมากขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากที่รับน้องผ่านมาเดือนกว่าๆ ผมกับพี่เดือนก็คิดว่าคงจะปลอดภัยขึ้นแล้วเพราะผมไม่รู้สึกว่ามีคนตามผมอีก แต่ผมก็จะไม่ใช้ชีวิตประมาทเพราะพี่นกฮูกยังคงวนเวียนๆอยู่ บางทีก็เข้ามาหากลุ่มเพื่อนผมเพื่อเอาขนมมาให้ บางทีก็มาดักรอที่ใต้คอนโด พี่เดือนไล่ไปทุกครั้ง พี่นกฮูกก็ยิ้มๆก่อนที่จะยอมไปราวกับว่าเขารออาศัยจังหวะที่ผมอยู่คนเดียวยังไงยังงั้น
วันนี้ผมกับพี่เดือนมามหาลัยตามปกติ ใกล้จะสอบแล้วก็ต้องขยันมาจดเล็กเชอร์กันสักนิดแม้ว่าเอกของพวกเราจะเน้นภาคปฏิบัติ นทีที่พ่วงสอยมาด้วยก็มานั่งอ่านภาคทฤษฏีด้วยกัน ผมเองก็สงสัยว่าเขาไม่มีเพื่อนเลยหรือยังไงถึงมาตัวติดกับผมเหมือนตามมัธยมอย่างนี้
“พี่เดือน ผมไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”
“ให้ไปเป็นเพื่อนมั้ย?”
“โธ่พี่ ผมไม่ได้อายุสามขวบนะ ไม่ต้องห่วงหรอกน่า” ผมยิ้มให้พี่เดือน ก่อนที่จะลุกเดินไปห้องน้ำข้างๆโรงอาหารที่ผมว่าคนน่าจะเยอะ ที่ที่คนเยอะคงไม่มีอันตรายหรอก
ผมออกมาจากห้องน้ำ ก็เห็นว่าพี่นกฮูกกำลังยืนดักอยู่ตรงประตูทางเข้า เขาหันหลังให้ผม ผมไม่กล้าทัก แต่ถ้าผมไม่ทักก็จะไม่ได้ออกจากห้องน้ำนี่แน่ๆ
ใจดีสู้เสือวะ
“พี่ครับ ผมขอทางหน่อยครับ”
“ว่ายังไงน้องกุมภ์” พี่นกฮูกผลักตัวผมเข้าไปในห้องที่มีชักโครก ปิดประตูลงกลอนแล้วใช้นิ้วของเขาเสยคางผมให้เงยหน้ามองเขาชัดๆ ใต้ตาพี่นกฮูกคล้ำอย่างชัดเจนเหมือนเขาไม่ได้นอนมาหลายวัน “รอจังหวะนี้มานานมากแล้ว...ใช่...รอมานานมาก”
“พี่รออะไร?”
“รอจังหวะที่จะได้แก้แค้น...เมื่อห้าปีที่แล้ว”
“ห้าปี...ที่แล้ว?” ห้าปีก่อน...ก็คงเป็นตอนที่พี่เดือนอยู่ม.4ได้? “พี่เดือนบอกว่าไม่เคยรู้จักพี่มาก่อน ห้าปีก่อนพี่เดือนจะไปทำอะไรให้พี่ได้กันครับ? พี่อย่ามามั่วนะ แล้วก็ขอทางให้ผมด้วย”
ปัง!“ไม่ ให้ ไป!” พี่นกฮูกตะคอกใส่หน้าผมเสียงดังชัดเจนจนผมสะดุ้ง จากนั้นเขาก็จับเข้าที่บ่าทั้งสองข้างของผม พูดด้วยน้ำเสียงสั่นปนระรัวจนเกือบจะฟังไม่ออก
“เมื่อห้าปีก่อน...มันทำผลงานให้โรงเรียนเยอะมาก พี่ที่พยายามแทบตาย ทำผลงานให้ได้เท่าไม่เคยมีใครเคยเห็นหัวเลย! เพราะมันหน้าตาดีกว่า! มาจากตระกูลหมอ! อะไรที่มันต้องการมันก็ได้! ส่วนพี่ที่ทำทุกอย่างด้วยตัวเองนั้นไม่เคยมีใครสนใจเลย! เพราะพี่มันเป็นเด็กเนิร์ดที่ไม่ได้หน้าตาดี ไม่ได้เด่น ทำผลงานก็ไม่มีใครมาชื่นชมยินดีด้วย!
“กุมภ์เข้าใจพี่มั้ยว่าพี่กดดันมากแค่ไหนที่ทุกคนเห็นเดือนมันสำคัญกว่า พี่เองก็อยากให้มีคนสนใจ อยากให้พ่อแม่สนใจว่าลูกคนนี้ก็พยายามแทบตายเพื่อให้ได้รางวัลดีๆ แต่ไม่มีใครเลยที่มองพี่! ไปแสดงความยินดีกับมันหมด! ทั้งที่รางวัลของมันก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกันมากนัก!”ผมค่อนข้างอึ้งที่พี่นกฮูกระเบิดอารมณ์ลงมาอย่างนี้ เขาเก็บเอาไว้ในใจมากจริงๆ แต่ผมก็ไม่คิดที่จะหลวมตัวเพียงเพราะแค่นั้นแน่นอน
“พี่ย้ายโรงเรียนเพราะทนกับสถานการณ์อย่างนี้ไม่ไหว แต่มันก็แย่กว่าเก่า! พี่อดคิดถึงมันไม่ได้เลย! พอขึ้นมหาลัยมาพี่ก็ไม่คิดว่าจะเจอมันในที่เดียวกัน เรียนหมอ...แล้วก็ย้ายมานิเทศที่พี่กำลังรุ่ง มันแย่งทุกอย่างไปจากพี่อีกครั้งหลังจากที่กลับมาตั้งหลักได้!”“มันไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อยพี่นกฮูก! พี่เดือนเองก็เจอกับเรื่องแบบเดียวกันกับพี่มาเหมือนกัน! เขาต้องทรมานมากแค่ไหนถึงจะมาถึงจุดนี้ได้! เขากดดันมากกว่าพี่เสียอีก พี่แค่ไม่อดทน พี่แค่ไม่ยอมรับเท่านั้น!” ผมเป็นฝ่ายผลักเขาเข้ากับประตูห้องน้ำบ้าง พี่นกฮูกร้องโอ้ยออกมาก่อนที่จะจ้องตาผมอีกครั้ง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นๆ
“ท่าทางจะหัวดื้อน่าดู เชื่อพี่เถอะว่าคบกับมันไปจะไม่มีความสุข”
“จะไม่มีความสุขก็เพราะพี่คุกคามพวกเรานี่แหละ! ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะครับ!”
“บอกแล้วไม่เชื่อนะ”
“...”
“ถ้าอย่างนั้นคงต้องพรากสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของมันไปแล้วสิ”“!!”
.
..
ฉึ่ก.
..
“มันคงเสียใจน่าดูถ้าคนที่มันรักที่สุดต้องมาตายอนาถเพราะเพื่อน” ในมือของพี่นกฮูกมีมีดสั้น ผมรู้สึกเจ็บปวดที่หน้าท้อง ของเหลวสีแดงเริ่มไหลลงมาจากบาดแผลที่เขาทิ่มแทงเข้ามา แต่เขายังไม่หยุดแค่นั้น เขาแทงเข้ามาอีกแผลบริเวรใกล้ๆกันจนผมร้องไม่ออก
“ทีแรกจะตั้งใจให้มันตาย...แต่ถ้าทำอย่างนี้คงจะสนุกกว่าเพราะมันจะตายทั้งเป็น”และอีกแผล...
“มันกุ้ง...ก็เป็นแผนที่ตั้งใจทำเพื่อให้มันช็อกจนต้องเข้าโรงพยาบาล เสียดายที่รักษาทันอาการไม่งั้นค่ายรับน้องของนิเทศปีนี้ต้องเกิดอาถรรพ์แน่”ซ้ำอีกรอบ...
“พี่จะต้องทำให้มันเสียใจ...เสียใจจนคิดว่าทุกอย่างเป็นความผิดของมัน ถ้ามันไม่ทำตัวเด่น...”ผมยืนไม่ไหว...ทรุดลงกับพื้นห้องน้ำ เลือดของผมไหลลงไปผสมกับน้ำที่เจ่อนองพื้นปูกระเบื้อง สมองคิดอะไรไม่ออกแล้วว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
“และมันจะต้องฆ่าตัวตายตาม...ถ้าน้องกุมภ์ไม่อยู่บนโลกนี้”พี่นกฮูกนั่งยองๆลงกับพื้น จับมือข้างซ้ายของผมขึ้นมาพิจารณามองด้วยสายตาที่น่ากลัวราวกับว่าจะตัดมันให้ขาดเสียตรงนั้น ผมพยายามจะพูดคำออกไปแต่ด้วยเพราะการที่โดนแทงทำให้ความเจ็บปวดนั้นแทรกแซงไปหมดจนไม่สามารถจะเปล่งอะไรออกไปได้เลย
“มือสวยดีนี่นา”“...”
“พี่อยากได้นิ้วก้อย...ขอนะ”ฉับ
“อะ..!”
เจ็บปวด...แต่ไม่สามารถร้องออกไปได้...
ทรมาน...แต่ก็ทำได้แค่หลั่งน้ำตา
พี่นกฮูก...
ตัดนิ้วก้อยข้างซ้ายของผมด้วยกรรไกรคมขนาดใหญ่ สีแดงจากเลือดอาบไปทั่วมือของผม ความเจ็บปวดแล่นเข้ามายิ่งกว่าเมื่อถูกแทง เขาหัวเราะสะใจเสียงดังไม่กลัวว่าข้างนอกนั้นจะมีคนผ่านไปเยอะแค่ไหนก็ตามในขณะที่ผมไม่สามารถทำอะไรได้เลย
“ขอบคุณที่อยู่คุยด้วยนะ ไปก่อนดีกว่า” พี่นกฮูกเปิดประตูห้องน้ำออกไป เพราะการที่ไม่มีคนที่ทำให้ไม่มีใครรู้เลยว่าผมกำลังนอนจมกองเลือดอยู่ในห้องชักโครก มือของผมพยายามเลื่อนไปหยิบโทรศัพท์เพื่อกดโทรฯหาพี่เดือนให้ได้ก่อนที่สติของผมจะหมด
ผม...จะยอมแพ้ไม่ได้...
แต่มันก็เจ็บเหลือเกิน หนังตาของผมมันหนักขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายเริ่มไม่ฟังคำสั่งของผม มือสั่นมากขึ้น นี่คืออาการช็อกจากการเสียเลือดมากไปหรือเปล่านะ? ผมไม่รู้ สิ่งที่ผมรู้อย่างเดียวก็คือต้องอดทนอีกสักวินาทีก็ยังดี
ในที่สุดหลังจากการพยายามอย่างนาน ผมก็สามารถหยิบโทรศัพท์ตัวเองมากดเบอร์โทรฯของพี่เดือนได้ แต่ทว่ามือผมมันก็หมดแรงเสียแล้ว
‘กุมภ์? อะไรเหรอ?’
“พี่..เดือ...”
‘กุมภ์?’
“...” ปาก...มันไม่ขยับตามแล้ว...แต่เปลี่ยนมาเป็นอ้าพะงาบเกรงแทน ผมพยายามพูดออกมาอีกครั้งแต่เสียงที่ออกมามีแค่คำว่า ‘อะ’ เท่านั้น
ความรู้สึกที่สมองมันกำลังจะดับลงนี่มันอะไรกัน...
‘กุมภ์! เกิดอะไรขึ้น!’
‘กุมภ์! กุมภ์อยู่ไหน!’
“เฮ้ย! มีคนโดนแทงอยู่ในห้องน้ำ! เรียกรถพยาบาลเร็ว!”
“นั่นกุมภ์ไม่ใช่เหรอ?! กุมภ์! มึงทำใจดีๆเอาไว้!”สติของผม...มันดับลงไปพร้อมๆกับเสียงสุดท้ายที่ได้ยิน มันเป็นเสียงที่ผมต้องการได้ยินมากที่สุดในเวลานี้...ต่อให้มันจะเป็นวาระสุดท้ายในชีวิตของผม แต่ถ้ามันทำให้จิตใจของผมรู้สึกสงบอย่างนี้...ผมเองก็ดีใจมากแล้ว
“กุมภ์อย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะ!”.
..
อ่า...
มีความสุขจัง...ที่อย่างน้อยเขาก็มาถึงก่อนที่ผมจะหลับไป... “กุมภ์ วันนี้มีเรียนพิเศษรึเปล่า?”
เพื่อนสนิทของผมชื่อว่านทีถามขึ้นมาเมื่อพวกเราเรียนจบคาบสุดท้ายของวัน มือข้างหนึ่งถือกระเป๋าผ้าใส่เสื้อพละส่วนอีกข้างกำลังสะพายกระเป๋ากีตาร์ตัวโปรด เขาเป็นสมาชิกชมรมดนตรี ตำแหน่งมือกีตาร์ของวงโฟล์คซองค์ ส่วนผมเป็นสมาชิกชมรมบรรณารักษ์ ด้วยความที่พวกเราสองคนนั่งข้างกันในวันปฐมนิเทศ ทำให้ได้ทำความรู้จักกันและมาสนิทกันในภายหลัง
กุมภ์ หรือกุมภา สิริกุล คือชื่อของผม ปีนี้เป็นนักเรียนชั้นม.4...แต่ทำไมผมรู้สึกว่าผมไม่ได้เรียนม.4 จริงๆกัน?
ช่างมันเถอะ
ผมให้นทีมาส่งผมถึงที่เรียนพิเศษ เดินเข้าไปในที่เรียนพิเศษ หยิบการ์ดพลาสติกที่เป็นบัตรขึ้นมาดูว่าผมเรียนห้องไหนก่อนที่จะเดินขึ้นไปชั้นสองที่เป็นห้องเรียนแบ่งโซน ที่นั่งจัดให้ผมไปนั่งอยู่แถวๆต้นไม้กระถางไม่สูงมากเท่าไหร่ ผมรู้สึกโชคดีเพราะว่าผมจะได้ไม่รู้สึกอึดอัดเวลาที่เห็นแต่ห้องเรียนสีขาวนี้
แต่ในใจของผมเองก็รู้สึกอึดอัดราวกับว่าเหตุการณ์เหล่านี้เคยเกิดขึ้นข้างๆผมมีผู้ชายคนหนึ่งกำลังใส่เฮดโฟนเรียนอยู่ มือของเขาจับปากกาสีน้ำเงินแล้วเขียนใส่ลงสมุดข้างๆ ในขณะเดียวกันมืออีกข้างก็กำลังยกแก้วน้ำขึ้นมาดูด
หืม? นี่มันผู้ชายที่ผมเจอเมื่อวานนี่นา
ถ้าสงสัยว่าเขาเป็นใคร เขาคือพี่เดือน พีรดล นารีรัตน์ นักเรียนชั้นม.6 เป็นรุ่นพี่คนเก่งของทุกคน ด้วยเกรดเฉลี่ยที่สูงจนน่ากลัวกับผลงานทางวิชาการมากมายนั้นทำให้เขากลายอมนุษย์ในสถานศึกษาแห่งนี้ ไหนจะหน้าตาที่ดี ผมสีดำสนิทตัดถูกระเบียบ ดวงตาเมล็ดอัลมอนด์ โครงหน้าเรียวได้รูป จมูกที่โด่งพอดี รวมถึงริมฝีปากบางๆทำให้ยิ่งเป็นที่สนใจ แต่จุดที่น่าสนใจกว่าก็คือไม่ค่อยมีใครได้คุยกับเขามากนักทำให้มีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นคนแบบไหน บ้างก็ว่าเขาหยิ่ง บ้างก็ว่าเขาไม่ชอบคุยกับคนแปลกหน้า
แต่ก็น่าแปลกใจอีก...ที่ผมคุ้นเคยกับเขาคนนี้เสียเหลือเกิน
ราวกับว่าผมรู้จักเขาคนนี้มานานแสนนาน“กุมภ์...”
“อะ...พี่รู้จักชื่อผม?” ผมค่อนข้างแปลกใจที่พี่เดือนรู้จักชื่อของผม แต่ก็มานึกได้ว่าพี่เดือนเป็นหัวหน้าชมรมบรรณารักษ์ที่ผมสมัครไป “มีอะไรรึเปล่าครับ?”
“อย่าทิ้งพี่ไป” น้ำเสียงของเขาสั่น แล้วโลกก็หมุนจนผมต้องหลับตาเพราะเวียนหัว เมื่อรู้สึกว่าทุกอย่างปกติดีแล้วผมก็ลืมตาขึ้นแล้วพบว่าผมกำลังยืนอยู่ในที่ที่ไม่คุ้นเคย...ไม่สิ มันรู้สึกคุ้นน่าประหลาด มันเป็นห้องสี่เหลี่ยม เป็นเหมือนคอนโดของใครสักคน แต่นี่คงเป็นความฝันของผมเอง ดังนั้นจึงไม่ค่อยตื่นตระหนกเท่าไหร่กับการที่โผล่มาที่พักของคนอื่นอย่างนี้
“กุมภ์...”
“...”
“พี่ไม่อยากให้กุมภ์ต้องหายไป กุมภ์ช่วยอดทนเพื่อพี่อีกสักนิดได้มั้ย? ถ้าพี่ไม่มีกุมภ์อยู่แล้ว...พี่ก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไง” พี่เดือนนั่งอยู่ตรงเก้าอี้ข้างโต๊ะอาหาร “มันเจ็บมากมั้ย...ตรงท้องน่ะ?”
“ท้อง?” ผมก้มลงดูหน้าท้องของตัวเองที่ตอนนี้เต็มไปด้วยคราบเลือด แต่ผมไม่รู้สึกอะไรสักอย่าง...หรือเคยรู้สึกแต่ว่ามันจางไปแล้วกัน “ผมว่ามันน่าจะเคยเจ็บ...แต่ตอนนี้มันไม่เจ็บหรือไม่อะไรเลย”
“แล้วนิ้วก้อยข้างซ้ายของกุมภ์ล่ะ?” ผมดูที่มือข้างซ้ายของตัวเอง จำไม่ได้เลยว่าผมมีสี่นิ้วอย่างนี้มาตั้งแต่ตอนไหน แต่ในความรู้สึกที่เคยสัมผัสมานั้น...ผมว่าผมเคยมีครบทั้งห้านิ้วมาก่อน “กุมภ์...กุมภ์ไม่ได้อยู่คนเดียว กุมภ์มีพี่ มีเพื่อน มีครอบครัวคอยช่วยเหลือ กุมภ์อย่าแบกความรู้สึกเอาไว้คนเดียว อย่าทำให้มันชินจนกลายเป็นความเฉยชา กุมภ์จำได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่กุมภ์เลือกที่จะไม่จำ กุมภ์รู้ตัวเองดีว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่กุมภ์เลือกที่จะปิดกั้นและโกหกกับตัวเอง พี่ก็เคยเป็น แต่พี่ขอร้อง...กุมภ์อย่าปิดใจตัวเองเพื่อป้องกันความเจ็บปวดนี้เลย พี่อยากเข้าไปปลอบประโลม...พี่อยากเข้าใจกระซิบบอกข้างๆหูว่ามันจะต้องไม่เป็นอะไร พี่อยากจะเข้าไปกอดจากด้านหลัง มอบความอบอุ่นและปลอดภัยให้”
ผม...ไม่เข้าใจอะไรสักนิด ไม่เข้าใจว่าทำไมน้ำตาถึงไหลลงอาบข้างแก้ม ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆความเจ็บปวดก็แล่นเข้าสู่ร่างกายอย่างนี้ ไม่เข้าใจว่าทำไมพี่เดือนถึงต้องร้องไห้ตามผม ไม่เข้าใจเลย...ไม่เข้าใจสักนิด...
ผมรู้อย่างเดียวในตอนนี้ก็คือ
ผมรักพี่เดือนมาก เท่านั้น...
“กุมภ์ตื่นมา...ตื่นมาพบกับความจริง ตื่นมาเจอพี่เถอะนะ...พี่ขอร้อง...พี่ขอโทษที่ปกป้องกุมภ์ไม่ได้...” พี่เดือนทรุดลงไปกับพื้น เขาร้องไห้...น้ำตาของเขาไหลออกมาเป็นสายเลือด และห้องก็หมุนไปอีกครั้งกลายเป็นว่าผมกำลังยืนอยู่ท่ามกลางความมืดมิดคนเดียว
เสียงร้องไห้ของพี่เดือน...ก็ยังคงดังอยู่ไปก้องทั่วบริเวณที่ไม่มีจุดสิ้นสุดแห่งนี้
เปลือกตาของผมมันหนักเหลือเกิน...อยากเปิดมากเท่าใดก็ทำไม่ได้ อยากจะขยับปากเท่าใดก็ไม่มีแรง ผมต้องมีกำลังมากกว่านี้...พี่เดือนกำลังร้องไห้ ผู้ชายที่ผมรักกำลังร้องไห้ให้กับผมไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
“มันน่ากลัวนะ...ที่เรายังต้องหลับอยู่แบบนี้”ผมหันหลังไป เห็นร่างของใครบางคนกำลังยืนหันหลังให้ แต่พอมองดีๆแล้วนั่นมัน...ตัวของผมเอง?
“ในขณะที่ร่างของเรายังคงหลับใหลบนเตียงอย่างสงบสุข ใครอีกคนต้องมาเสียใจอย่างหนักโดยที่เราไม่สามารถปลอบประโลมได้เลย...” ตัวผมอีกคนเดินเข้ามาใกล้ แล้วก็กอดผมเอาไว้ “แต่มันจะต้องไม่เป็นอะไร...พี่เดือนเข้มแข็งมากพอที่จะก้าวเดินต่อไปด้วยตัวเองเพื่อจัดการทุกอย่างให้เสร็จ พวกเรารอเขาอยู่ตรงนี้ก็พอแล้วเถอะนะ...หลังจากนี้มันจะเป็นคราวของเขาที่ต้องเป็นฝ่ายออกตัวบ้าง”
“แต่ว่า...”
“ไม่เชื่อใจพี่เดือนเหรอ?”“...”
“เชื่อใจเขาเถอะนะ...เพราะยังไงหัวใจของพวกเราก็สื่อตรงไปถึงเขาได้นี่นา”
“หมายความว่ายังไง?”
“ทั้งตัวของเราและตัวของเขา...ต่างได้ยินเสียงหัวใจของกันและกัน มันจะเป็นแรงขับเคลื่อนให้อีกฝ่ายทำเพื่ออีกคน ทำตามสิ่งที่ใครอีกคนต้องการแม้ว่าจะไม่สามารถพูดได้ก็ตาม”
“...”
“ก็รักอีกฝ่ายมากซะขนาดนั้น...หัวใจมันกลายเป็นดวงเดียวกันไปตั้งนานแล้วนี่?” พี่เดือนช่วยอดทนรอผมอีกสักนิดก่อนนะ...
ผมเองก็พยายามที่จะลืมตาเพื่อคุยกับพี่อีกครั้งเหมือนกัน==========
บทหน้าจะส่องสปอร์ตไลท์ไปที่พี่เดือนกันนะคะ มาดูกันว่าพี่เดือนจะทำยังไงกับเรื่องที่เกิดขึ้น
น้องกุมภ์โดนตัดนิ้วก้อย