ตอนที่17
‘เครียดไรฮึ?’
‘(ส่ายหน้าปฏิเสธ)’
‘แน่ใจนะ?’
‘อืม’
‘...’
‘...’
เฮ้อออ
‘ไปนั่งเล่นที่สะพานกันมั้ยก่อนกลับบ้าน’
‘สะพาน?’
‘ใช่ แถวนี้เอง’
‘...’
‘ใกล้ๆ บ้านด้วย โทรบอกที่บ้านเลยเดี๋ยวกูไปส่ง’
‘อื้อ เดี๋ยวเราโทรหาที่บ้านแปปเดียว’
‘งั้นไปกันเลยเร็ว’
‘ไปเลยเหรอ?’ ถามทั้งที่มือยังรอสายอยู่
‘ใช่ ขับไปบอกไปจะได้ถึงเร็วๆ’
‘...’
‘ขึ้นรถเร็ว!’
เหตุการณ์หลายๆ อย่าง ทำให้วันๆ ผมไม่ค่อยอยากออกไปไหนสักเท่าไหร่ เรียนเสร็จก็รีบีบกลับหอตลอด ส่วนเพื่อนๆ ก็อยู่เป็นเพื่อนบ้างเป็นบางครั้งบางคลา แต่ส่วนใหญ่พวกมันจะไปสนุกร้านเหล้ากันมากกว่า
ชีวิตของผมก็ดำเนินมาเรื่อยๆ เหมือนคนทั่วไปเนี่ยแหละ เพียงแค่ไม่กระชุ่มกระชวยเหมือนเดิม
ก็แหงแหละเนอะ ฮ่าๆ
“แบ่งปัน~” เสียงดิสนี่ดังมาแต่ไกล ทำให้ผมหันไปหามัน
“ว่า”
“เมื่อกี้กูเจอพี่ธันวา” ยังไม่เลิกเป็นแม่สื่อสินะ เพื่อนเลว
“อือ” ผมตอบรับสั้นๆ ไม่ถามกลับอะไร
“หิวว่ะไปหาไรกินกัน” นี่คงเป็นการเปลี่ยนเรื่องที่ผมใช้บ่อยที่สุด แต่ก็หิวจริงๆ นั่นแหละครับ
“โอ้ย~ เปลี่ยนเรื่องเก่งจริง” มันสะบัดสะดิ้งเบะปาก ทิ้งก้นลงนั่ง เห็นมันทำทีไรก็อดขำกันไม่ได้
“จะกินไรสรุป” ผมถามทุกคน
“สเต๊กหลังมอ” เนสเสนอร้านสเต๊กขึ้นชื่อหลังมอ ที่มีนักศึกษามอเราไปกินกันเยอะพอควร
“เอา” เจนยกมือเห็นด้วย
“อิ่มเหรอวะ” ดิสนี่ทำหน้าแหยๆ
“งั้นตามนั้น สเต๊กหลังมอ” ผมพูดพลางเก็บของใส่กระเป๋าไปด้วย “ขืนไปร้านที่มึงอิ่มกูท้องแตกตายพอดี”
ร้านแต่ละร้านที่มันพาไปไม่เคยพ้นพวกบุฟเฟ่ นี่ตั้งแต่เข้ามาเรียนมหา’ลัยก็ไปมาสารพัดบุฟเฟ่ละครับ
“น่ะ พวกมึงไม่รักกู”
เนสสะกิดเจนด้วยสัหน้าเอือม “เจนมึงเก็บมันที”
“ไม่ไหวอ่ะ ไม่สู้”
“เออๆ จำไว้นะ เดี๋ยวกูมีผัวเมื่อไหร่จะไปแดกไม่ชวนเลย!” ท่าทางฮึดฮัดมาเลยครับ
“สาธุ~”
พวกเราเดินไปยังลานจอดรถ ขึ้นรถแล้วขับวนมาด้านหลังมอ ซึ่งวันนี้โชคดีที่รถไม่ติดเลยหาที่จอดรถได้ง่าย
“เอาแค่นี้ก่อนครับ” ผมส่งเมนูคืนให้พนักงานหลังทุกคนสั่งเสร็จ
“เอ่อ...” เนสทำสีหน้าลำบากใจ หันมาทางผม “คือ...เดี๋ยวพี่จอมจะมาน่ะมึง”
“อื้อ ก็ดีอ่ะดิ”
ก็อย่างที่รู้กันแหละครับว่าเนสกับพี่จอมมีซัมติงกันมาสักพัก ซึ่งดูเหมาะกันเลยทีเดียว พี่จอมก็ดูติดเพื่อนผมอย่างกับอะไร และที่เนสมันดูลำบากใจแบบนี้คงเพราะมักจะมีใครบางคนแกะติดพี่จอมมาด้วยตลอด
“กูว่านะ มึงเนี่ยได้ค่านายหน้าจากพี่ธันแน่” อีช้างมันชี้หน้าหมายหัวเนส
“กูไม่ใช่มึง อย่าให้กูเหลานะ” คราวนี้เป็นดิสนี่เองที่เงียบ ดิสนี่มันเนี่ยแหละตัวดี คิดว่าผมไม่รู้มั้งเบอร์คนนู้นทีคนนี้ที แหมม
“สวัสดีครับน้องๆ” พี่จอมเอ่ยทัก พวกเรายกมือไหวเขาและเชิญนั่งข้างเนสเป็นทีเรียบร้อย
“แล้วพี่ละ?” สายตาเจ้าเล่ห์เลยนะมึง แต่ผมไม่ได้สนใจลอยหน้าลอยตาไปคุยกับพี่จอมและเนส
“นั่งนี่ก็ได้ค่ะพี่ธัน ดิสรู้สึกอึดอัดนิดหน่อย เดี๋ยวไปนั่งข้างอีเจนมันดีกว่า” อีเลว มันเนี่ยแหละตัวดี
“ขอบคุณครับดิสนี่คนสวย” มันยิ้มพอใจให้ดิสนี่และทิ้งก้นลงเก้าอี้
“ตอนนี้ก็เนี่ยอึดอัด” เสียงเจนเรียกความสนใจทำให้ทุกคนบนโต๊ะไป อดขำกันไม่ได้จริง เพราะดิสนี่มันเบียดเจนเต็มที ฮ่าๆ
“ดิสตัวเล็ก บอบบาง ร่างเพรียวๆ เองนะ เจนเบียดดิส” จ้า~ เจนเบียดดิส นี่ถ้ามีใครเห็นคงเชื่อดิสกันนะ
“เอ่อ...พี่มีอะไรจะบอกทุกคนน่ะ” พี่จอมเอ่ยขึ้นหลังทานกันเสร็จ มองพวกเราสลับกับเนส
“?” ทุกคนต่างตั้งใจฟัง แต่เดาได้อยู่ว่าเรื่องอะไร เพราะเนสมันบิดแล้วบิดอีก เขินล่ะสิมึง
“พี่...กับเนส...” พี่จะเว้นทำมายยยย!
“...”
“เราคบกันแล้ว”
“ว้าววว เพื่อนไม่โสดแล้ว” เจนตาวาวแกล้งแซวคนที่ไม่โสดอีก
“ฮึก ฮึก” เสียงสะอื้นทำให้ทุกคนหันไปมอง
“มึงดีใจกับกูขนาดนี้เลยเหรออีช้าง?” เนสถามพลางจับไหล่มัน
“เปล่า” ดิสนี่ปฏิเสธ “ดิสเสียใจ พี่จอมได้ดิสแล้วทิ้ง”
“...”
“มึงอย่าเงียบกันสิ กูใจคอไม่ดี แหะๆ”
กูจะอ้วกเนี่ยแหละ
“ตื่นนะเพื่อนรัก” เจนลูบหลังดิสนี่เบาๆ สีหน้าสงสารความมโนของเพื่อน
“พี่ก็มีไรจะบอกนะ” ทุกคนหันไปหาธันวา
“อะไรเหรอคะพี่ธันวา” เจนถามต่อ
“พี่จะบอกว่าเพื่อนน้องเนี่ยจีบยากชะมัด นี่เดือนกว่าแล้วนะ ยังไม่มีวี่แววว่าพี่จะจีบสำเร็จ คนอะไรใจแข็งเป็นบ้า” เดี๋ยว...มันไม่เรียกว่าบอกแล้วมั้งถ้ามึงจะฟ้องขนาดนี้
ผมมองมันนิ่งไม่ตอบอะไร ก็จริงที่มันตามตื้อผมมาเดือนกว่าละ แต่ผมยังไม่ให้ผ่าน ก็ไม่ได้รีบอะไรหนิ รอได้ก็รอ
“เอ่อ...ตัวใครตัวมันเนอะ”
“ผมว่าเราไปกันดีกว่าพี่จอม” เนสสะกิดแขนพี่จอม “เดี๋ยวกูกลับเองนะพวกมึง”
“เจนนน ดิสไปด้วย” ดิสนี่วิ่งตามเจนที่เอ่ยหนีคนแรก
ตอนนี้เหลือเพียงผมกับคนขี้ฟ้องคนนึง ทำเป็นคนน่าสงสาร
“กลับไงครับว่าที่แฟน”
“ใครแฟนมึง!”
“ก็คนแถวนี้”
กวนตีนดีจริงๆ ปล่อยหน่อยเอาใหญ่ จีบไม่ได้เรื่องแบบนี้หวังไปเถอะว่ากูจะยอม!
“เอ้า กลับไงครับว่าที่ฟะ โอ้ย!! ตีกูทำไมเนี่ย เจ็บนะปัน!” สม! เล่นอะไรของมึงก็ไม่รู้ นี่ยังน้อยไปด้วยซ้ำ
“ใครว่าที่แฟนมึงห๊ะ! พูดให้มันดีๆ นะไอ้ธันวา!”
“ดุจริงๆเมียกูเนี่ย” มันเกาๆ ตามจุดที่โดนตีและบ่นอุบอิบๆ อะไของมันคนเดียวทำให้ผมได้ยินไม่ถนัด แต่ก็คับคล้ายคับคลาอยู่บางคำ
“ว่าไงนะ?”
“เปล๊า” เสียงสูง?
ผมหรี่ตามองมัน นิ้วชี้ชี้หน้าด้านๆ ของคนตรงหน้า
“ไม่มีอะไรจริงๆ ฮ่ะๆ”
“แล้วขำทำไม”
“เอ้า! ฮ่าๆ นี่ขำกูก็ผิด?”
เออ! ผิด มึงจะขำทำไมเล่า!
“เดี๋ยวๆ ไม่ต้องมางอนเลย สรุปกลับไง” มันรั้งข้อมือผมไว้
“เดิน!” จะให้กลับไงล่ะ เพื่อนก็สารเลวกันทั้งนั้น ทิ้งผมไว้กับมันได้ไง ไม่รู้อยู่ข้างใคร!
“เดี๋ยวไปส่งครับ” เนี่ยแล้วก็ไอ้ ครับๆ เนี่ยไม่ชอบเลยจริงๆ ทำเสียงเล็กเสียงหวานอยู่ได้
“เขินหรืออะไร”
“กูขอเถอะธัน”
“บ้า ขอเขออะไรเล่า จะมาขอกูคบตรงนี้ไม่ดีม้างง” เฮ้ออออ กูล่ะเหนื่อยกับมึง
“ฝันรึไง” มันรู้ว่าผมขออะไร
“โอเคไม่เล่นแล้วก็ได้ กลับกัน” ว่าเสร็จมันก็ผายมือให้ผมเดินจากนั้นก็เดินตามหลังตาติดๆ
ผมมองคนที่อยู่ฝั่งคนขับ ส่วนผมอยู่ฝั่งข้างคนขับ ใบหน้ามันยังเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน มีเพียงสถานะเราสินะที่เปลี่ยนไป ผมเองก็พูดไม่ถูกเหมือนกันว่าเราเป็นอะไรกัน เพื่อนก็ไม่ใช่ รุ่นพี่รั่นน้องก็ไม่ ยิ่งแฟนก็ยิ่งไม่ใช่
ความสัมพันธ์ตอนนี้มันก็ยังแปลกๆ อยู่ มันก็เหมือนจะยอมรับได้ที่มีธันมาอยู่ใกล้ ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ผมไม่อยากยุ่งหรืออยากเข้าใกล้คนข้างๆ เท่าไหร่ ทว่าความรู้ตอนนี้กลับเปลี่ยนไป ถึงจะไม่ได้รู้สึกดีมากมาย แต่ก็ไม่ได้รังเกียจ...
เราขึ้นรถมานั่งกันเงียบๆ ไม่มีใครเอ่ยปากคุยอะไรจนกระทั่งธันมันเอ่ยปากชวนคุยก่อน
“ไปสะพานกันมั้ย?” ธันวาหันมาถามผมแล้วหันไปมองถนนต่อ
สะพาน?
“สะพานอะไร?”
“น้อยใจว่ะลืมได้ไง” มันแสร้งทำกน้าตาน้อยใจ
แต่ผมก็จำไม่ได้จริงๆ นึกยังไงก็นึกไม่ออก เกาท้ายทอยตัวเองพยายามนึก สุดท้ายจนปัญญาหันไปถามอีกฝ่าย
“สรุปสะพานไหน?”
“...” เงียบ
อย่าบอกว่ามันงอนจริง นี่บ้ารึเปล่า อยู่ๆ ก็เอ่ยออกมา
“...ธัน”
ยังคงเงียบ
“ธันวา” โอ้ยยย “เออๆ กูขอโทษก็ได้ แต่จำไม่ได้จริงๆ...”
“อืม” ตอบกลับมาสั้นๆ แค่นี้?
“ถึงจำไม่ได้แต่กูก็อยากไปนะ แต่ถ้ามะ...” ยังพูดไปจบมันก็ขัดขึ้นก่อน
“ถึงแล้ว”
“?”
“ลงไปเดี๋ยวก็จำได้” มันว่าแค่นั้นก็เปิดประตูลงไป ผมค่อยๆ ถอดเข็มขัดนิรภัยออกเปิดประตูลงเดินตามหลังอีกฝ่ายไป
สะพานยาวที่เอาไว้ใช้ข้ามแม่น้ำ ตัวสะพานเป็นสะพานทั่วไปที่รถยนต์สามารถข้ามผ่านได้ มีไว้ดวงกลมเล็กๆ สีส้มห้อยประดับสะพาน ทำให้ดูสวยงามเมื่อบรรยากาศรอบข้างก็เป็นใจ
“คิดถึงเนอะ” ผมหันไปมองต้นเสียงที่พูดออกมาลอยๆ แม่ไม่ได้มองมา
“อื้อ” ยอมรับว่าผมเองก็คิดถึงช่วงเวลาตอนนั้น
“แบ่งปัน...”
“...”
“ถามอะไรหน่อยได้มั้ย...” น้ำเสียงคนพูดฟังดูหมดหวัง ผมหันไปมองมันอัตโนมัติ
“มันจะยังมีโอกาสอยู่บ้างมั้ย...ที่กูจะได้รับความรู้สึกนั้นของมึงอีก ที่กูจะได้รักมึง ได้อยู่ข้างๆ ได้...เป็นคนที่มึงรัก”
เราสบตากันในทันทีที่ธันวาพูดจบ ดวงตามันดูเศร้ากว่าที่เคยเป็น เหมือนคนซึ่งไร้ความหวัง
ไม่รู้ทำไมผมถึงตอบไปเลยเหมือนครั้งแรกไม่ได้ว่า ‘ไม่’ เหมือนคนจมน้ำที่พูดอะไรไม่ออก ใจเต้นผิดแปลกๆ
“ยัง...กูยังไม่พร้อม” ผมตอบไปตรงๆ เพราะยังไม่พร้อมจริงๆ ผมผ่านเรื่องแย่ๆมาเดือนกว่า แต่ใช่ว่าจะพร้อมรับสิ่งที่เคยทำเราเจ็บอี
มันพยักหน้าและตอบกลับมาสั้นๆ ในลำคอ “อื้อ”
เมื่อสำรวจใบหน้านั้นดีๆ จะเห็นว่าคนอย่างธันวากำลังฝืนยิ้มอยู่
“แต่...แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีสันพร้อม” สีหน้ามันดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด “แค่ขอเวลา“
“ได้! เท่าไหร่บอกมาเลย กูจะรอ รอวันนั้น!” มันตอบกะตือรือร้นปากฉีกยิ้มกว้าง
“เท่าไหร่ไม่รู้ ถ้ารอได้ก็รอ”
ไม่รู้ทำไมในใจถึงอยากให้มันรอ แค่รอผมเท่านั้น
นึกกลัวเมื่อมันยังไม่ตอบกลับมาสักที...
ไอ้บ้าเอ้ย!
“ทำไมไม่ตอบล่ะ!”
“ตอบ? ตอบอะไร” ยังมีหน้ามาทำหน้ามึนอีก!
“ก็บอกว่ารอได้ก็รอไง”
พยักหน้าเข้าใจ “อื้อ ก็ใช่ไง”
แล้ว!? คิ้วผมขมวดเข้าเป็นปม
มึงนี่มัน! มันทำผมหงุดหงิด หรือผมเป็นบ้าเองกันแน่ โว้ยยยๆ หงุดหงิดๆ
มันเกาท้ายทอยมึนงง หันหน้าไปมองแม่น้ำเช่นเคย “อะไรของเขาวะ?”
“โอ้ยยย! ไม่คุยกับมึงแล้ว!” ผมเดินหนีคนตรงหน้า พูดขนาดนี้ยังไม่รู้เรื่อง!
“เอ้า! ปันนน” เสียงตะโกนดังตามหลัง “งอนไรเนี่ย! เออๆ กูรอมึงไง รอมึงคนเดียวว! พอใจยางงงง”
หึๆ
*TBC ไถ่โทษที่หายไปนานรีบเอามาต่อก่อนเลย เดี๋ยวขาดตอน555 ขอบคุณที่คิดถึงกันนะคะ จำแบ่งปันกับธันวากันได้ใช่มั้ยเอ่ยย???