ตอนที่ 19
ภายในปราสาทที่จะเกิดพิธีแต่งตั้งขึ้นนั้นถูกตกแต่งด้วยสีดำเป็นส่วนใหญ่ ผ้าม่าน โคมไฟ โต๊ะ เชิงเทียน เรียกได้ว่าทุกอย่างนั้นเป็นสีดำทมิฬราวกับกำลังถูกฝังอยู่ในรัตติกาลอันมืดมิด แม้แต่ดวงไฟสีให้แสงสว่างยังเป็นสีดำแดงสลัว บริเวณกลางห้องโถงนั้นมีแท่นพิธีที่ถูกยกสูงขึ้นจากบริเวณอื่นๆ หากแต่สิ่งที่ตั้งอยู่ตรงนั้นกลับไม่ใช่เก้าอี้บัลลังก์ทองอย่างเคย
แต่เป็นโต๊ะสีดำที่มีอ่างแก้วใสลวดลายแปลกประหลาดวางอยู่!
ทันทีที่ก้าวเข้าไปในปราสาท ลมหายใจของเฟเนกส์ก็คล้ายกับถูกช่วงชิงไป
ทำไมภายในลานพิธีถึงได้กลายเป็นแบบนี้? เมื่อวันยังเป็นสีทองสว่างไสวอยู่เลย
นัยน์ตาสีทองเต็มไปด้วยความงุนงงแต่งุนงงได้ไม่นานนักก็รับรู้ถึงบรรยากาศตึงเครียด จึงหันกลับมามองพบว่าหลังโต๊ะสีดำกลางห้องโถงนั้น มีองค์กษัตริย์แห่งเมืองเอวินด์กับเหล่าขุนนางคนสนิทจ้องมองมาอย่างเย็นเยียบคล้ายกับกำลังตำหนิและด่าทอทางสายตา
องค์ชายรองสูดหายใจลึกสาวเท้าไปต่ออย่างมั่นคงไร้ท่าทีความรู้สึกผิด
ไม่ว่าเจ้าจะถูกหรือผิดก็จงทระนงตนเอาไว้
นั่นเป็นคำสอนของท่านพ่อที่ให้เขายึดถือปฏิบัติซึ่งดูเหมือนว่าจะทำได้ดีจนเกินไป ท่านพ่อถึงได้มองมาอย่างดุร้ายเช่นนั้น...
"เจ้ามาช้า" แม้แต่น้ำเสียงยังเย็นชาจนเหมือนจะแช่แข็งทั้งเป็น
สีหน้าของเฟเนกส์ไม่เปลี่ยนแปลง ฝีเท้ายังไม่หยุดก้าว แต่ภายในหัวกำลังกู่ร้องเมื่อความความเศร้าเข้าครอบงำ
เหตุใดท่านพ่อถึงได้เย็นชากับข้านักนะ?
เฟเนกส์คิดเศร้าๆ เชิดหน้าสูงเมื่อหยุดยืนต่อหน้าบัลลังก์ทองที่ตั้งอยู่ตรงกลางของห้องโถง "ข้าตั้งใจจะฆ่าเวสเปอร์ที่เป็นขวากหนามของข้า ก่อนที่จะเข้ามารับบัลลังก์"
อธิบายถึงสาเหตุด้วยถ้อยคำสั้นๆ ไม่มีคำแก้ตัวแต่อย่างใด
องค์กษัตริย์แค่นเสียงหึดูถูก "ขยะพรรค์นั้นเจ้าจะไปสนใจทำไม ข้าสั่งให้เจ้ามา เจ้าก็ต้องมาสิ หรือว่าเจ้าจะไม่เห็นว่าข้าเป็นพ่อของเจ้าแล้ว?"
"…" เฟเนกส์ไม่ได้ตอบรู้สึกถึงก้อนเค็มๆ จุกในลำคอ รู้สึกเหมือนจะร้องไห้เมื่อถูกท่านตราหน้าเช่นนั้น แม้สีหน้าจะไม่ยี่ระแต่ในใจกลับเต็มไปด้วยคำตัดพ้อต่างๆ มากมาย
ข้าไม่เคยคิดเช่นนั้นแม้แต่นิดเดียว ทำไมท่านพ่อถึงได้พูดมันออกมานะ... หรือเป็นข้าดีที่ควรจะถามท่านพ่อว่าเคยเห็นข้าเป็นลูก
บ้างหรือเปล่า?
คำถามมากมายถาโถมเข้ามาในหัวเฟเนกส์จนเจ้าตัวควบคุมตัวเองไม่อยู่ มือที่สั่นเทาเล็กๆ จึงถูกซ่อนไว้ข้างหลังเพื่อปกปิดความรู้สึกของตนเอง
"เอาเถอะ มาก็ดีแล้ว" ไซมอนด์เหยียดยิ้มเหลือบมองเหล่าขุนนาง "เริ่มเลยแล้วกัน"
"งานพิธีแต่งตั้งไม่ได้จัดขึ้นในช่วงเช้าหรือขอรับ ท่านพ่อ"
แม้จะความรู้สึกหลากหลายจะแปรปรวนในอกแต่ความสงสัยก็ดลให้ถามออกไป
เดิมทีงานพิธีแต่งตั้งนั้นจะถูกจัดขึ้นมาอย่างยิ่งใหญ่ท่ามกลางประชาชนนับพันที่มาร่วมฉลอง องค์รัชทายาทจะเดินข้างกันกับสัตว์ประจำกายรอบเมืองหนึ่งครั้งก่อนที่จะเข้ามาในปราสาท ในทุกขณะที่พิธีแต่งตั้งกำลังดำเนินไปนั้นจะมีนักบวช นักดนตรีต่างๆ มากมายคอยบรรเลงเพลงด้วยเสียงอันดัง มีบางตำนานเล่าว่าหากโชคดีมากๆ ท่านโฟเทียสจะลงมาร่วมแสดงความยินดีด้วยแต่มันก็เป็นแค่เรื่องเล่าเท่านั้นไม่มีสามารถรับประกันได้ว่ามันจะเกิดขึ้นจริง
แต่สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นตอนนี้กลับไม่ใช่ ไม่มีแม้แต่จะอารมณ์ความรู้สึกว่างานพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ที่เฟเนกส์วาดฝันไว้นั้นจะเกิดขึ้น
เฟเนกส์เม้มปากแน่นเมื่อเห็นแววตาท่านพ่อสีทองของท่านพ่อคล้ายจะเปลี่ยนเป็นสีขาวก่อนที่มันจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม และจู่ๆ เสียงของสิ่งนั้นก็ดังแว่วอยู่ข้างหู
เลือดของเจ้าบริสุทธิ์มาก... ฮื่อ มากกว่าไอ้ราชาอ่อนแอนั่นอีก
องค์ชายรองหน้าซีดเผือดเผลอสะดุ้งออกมา ทำเอามือที่สั่นอยู่แล้วสั่นมากกว่าเดิมท่ามกลางร่างกายที่สั่นเทาทั้งจากความเย็นเยียบไม่ทราบสาเหตุและความหวาดกลัวจากเบื้องลึกในจิตใจ
นี่มันเกิดอะไรขึ้น มันไม่ใช่เรื่องปกติแล้ว ท่านพ่อกำลังจะทำอะไร? นี่ไม่เห็นเหมือนที่ท่านบอกเลย
เฟเนกส์ก้าวถอยหลังอย่างหวาดหวั่น
"ยังอยากเป็นอยู่ไหม? กษัตริย์ที่จะเกรียงไกรที่สุดในเมืองมนุษย์น่ะ" ไซมอนด์คำรามเสียงดัง เหล่าขุนนางที่รู้ใจนายของตัวเองดีโถมตัวเข้าล้อมรอบเฟเนกส์จนเจ้าตัวตั้งตัวไม่ทัน มีมือข้างหนึ่งผลักร่างว่าที่กษัตริย์ใส่โต๊ะดังลั่นก่อนที่คนอื่นๆ จะจับตัวองค์ชายเฟเนกส์ไว้แน่นจนขยับเขยื้อนไม่ได้
"ไม่ ท่านพ่อ ท่านกำลังจะทำอะไรข้า" เฟเนกส์น้ำตารื้นอย่างห้ามไม่ได้ ใบหน้าหล่อเหลาที่ส่วนคล้ายกับองค์กษัตริย์ไซมอนด์บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด จิตใจที่อ่อนแอทำเอาเฟเนกส์แทบไม่เรี่ยวแรงขัดขืนอะไร ความทุกข์ขรมและความไม่เข้าใจฟูเต็มอก
ไซมอนด์ไม่ได้ตอบคำถามลูกของตัวเองเพราะในหัวนั้นกำลังหัวเราะดังลั่นเมื่อสิ่งที่ตัวเองใฝ่ฝันนั้นกำลังจะกลายเป็นจริงในอีกไม่นาน สติที่พร่ามัวไปด้วยความโลภทำให้ไม่แม้แต่จะสนใจฟังสิ่งใด มือกระชากดาบสีขาวที่ตนเพิ่งให้เฟเนกส์ออกจากปลอกดาบและฟันลงที่แขนทันที!
อ้ากกกกกกกก
เฟเนกส์เบิกตากว้างกรีดร้องน้ำตาไหลพราก ตัวดิ้นพล่านหากแต่ขยับไม่ได้เพราะถูกพันธนการไว้อย่างเหนียวแน่น นัยน์ตาสีทองสั่นระริกในขณะที่มองพ่อตัวเองกำลังใช้อ่างแก้วรองเลือดสดๆ ที่ไหลบ่าออกจากแขน
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงแผลกรีดลึกแต่ความเจ็บปวดนั้นราวกับถูกหักกระดูกเป็นสองท่อน!
"ท่านพ่อ ท่านจะทำอะไรข้า!!!"
ตะคอกถามเสียงดังอย่างผิดวิสัย ความคิดต่างๆ ในหัวเริ่มจางหายไปและถูกแทนที่ความบ้าคลั่ง
"ท่าน ท่านพ่อ!!! ฮืออออ!"
เสียงกรีดร้องของเฟเนกส์เหมือนกับสุนัขจนตรอก
หากแต่องค์กษัตริย์ก็ยังไม่สนใจอยู่ดีเมื่อเลือดนั้นมากอยู่ในระดับที่ปริ่มกับขอบอ่างก็เริ่มร่ายเวทบางอย่างทันที เหล่าขุนนางรีบกระชากตัวเฟเนกส์ออกจากโต๊ะ อีกส่วนหนึ่งเลื่อนโต๊ะออกและเปิดกลไกลับที่ซ่อนอยู่ใต้พรมสีดำ
แกร้ก กึก
เสียงสลักกลอนดังกุกกักสองสามครั้งก่อนที่ประตูจะค่อยๆ เลื่อนออกเป็นบันไดลงสู่ห้องลับใต้ดิน
ความลับที่ถูกซุกซ่อนมาอย่างยาวนานของไซมอนด์
ฮื่อออออออออ !
เพลิงลูกใหญ่ถูกพ่นใส่เหล่าขุนนางทันทีเมื่อมังกรเพลิงสัตว์ประจำกายของเฟเนกส์มาถึงปราสาท นัยน์ตาของมันลุกโชนเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดเมื่อเห็นนายของตัวเองถูกทำร้าย เสียงกรีดร้องนั่นทำเลือดในกายมันพลุกพล่าน ถึงแม้มันกับนายจะชอบตีกันแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเกลียดกัน!
โฮกกกกกกก!
ไคออสคำรามจนเลือดในอ่างเลือดของเฟเนกส์สั่นระริกเป็นริ้ววงกลม ไซมอนด์ถึงได้รู้สึกตัวและเหลือบมองอย่างเย็นชา
"แอคเนส" ไซมอนด์กระซิบกับอากาศก่อนที่จะเดินลงบันไดอย่างไม่ยี่หระ
"อย่าหาข้าใจร้ายแล้วกัน แมวน้อย"
สิ้นคำกล่าวร่างขององค์รักษ์ก็หักดาบในมือทิ้ง พลังสีดำรอบกายพลันสั่นไหวน้อยๆ ราวกับกำลังตอบรับคำสั่งของผู้เป็นนาย ก่อนที่มันจะค่อยๆ ก่อตัวเป็นดาบอันใหม่ให้กับนายของมัน
"หึ"
โลกัสแค่นเสียงหึนัยน์ตาสัตว์ป่าลุกวาวกระชับดาบในมือที่เริ่มสั่นเทิ้มราวกับว่ามันก็มีชีวิตเช่นเดียวกับผู้ที่ถือ
"แต่จะว่าไปกลิ่นวิญญาณของเจ้ามันก็คุ้นๆ นะ" แอคเนสกล่าวขณะที่มวลอากาศรอบกายค่อยๆ ก่อตัวเป็นพลังบางอย่างที่ชวนให้ขนหัวลุกหากเงี่ยหูฟังดีๆ ก็คล้ายกับได้ยินเสียงกรีดร้องของอะไรบางอย่าง
มันเป็นพลังที่คล้ายกับของเจ้าม้าดำหากแต่เป็นพลังอำนาจที่ชั่วร้ายและอำมหิตยิ่งกว่า!
"กลิ่นคนที่จะฆ่าเจ้าน่ะเหรอ?" โลกัสหัวเราะในลำคออย่างถือดีและพุ่งเข้าใส่ทันทีอย่างไม่กลัวเกรง
นัยน์ตาสีขาวเปล่งประกายวาบน่าขนลุก "ตื่นได้แล้ว เจ้าน่ะ"
ผลั่ก!!
มวลอากาศสีดำรอบกายพุ่งเข้าใส่โลกัสอย่างรุนแรง ทั้งๆ ที่มันควรจะเป็นแค่อากาศว่างๆ หากแต่สิ่งที่โลกัสรู้สึกนั้นคือหมัดหนักๆ จากวิญญาณคลุ้มคลั่ง!
ร่างนักฆ่าเลื่องชื่อกระเด็นจนตัวลอยหากแต่ก็ตีลังกากลับมายืนอย่างมั่นคงได้อีกครั้ง หอบหายใจถี่หนักเมื่อในหัวเหมือนถูกอะไรบางอย่างส่งเสียงน่าสยดสยองพร่ำกระซิบข้างหู
"หิว.. หิวเหลือเกิน.."
โลกัสสะบัดหัวและคำรามออกมาเสียงดัง เสียงที่ได้ยินนั้นชวนให้รู้หดหู่และสิ้นหวังราวกับว่าจะไม่มีวันพรุ่งนี้อีกต่อไป
"แมวน้อย ข้าจะสอนเจ้าเองว่าการทระนงตนกับข้าน่ะ"
เสียงหนึ่งดังกระซิบข้างหูโลกัส
"เป็นเรื่องที่โง่เง่าที่สุด!!!"
ก่อนจะกลายเป็นเสียงหวีดร้องจนแสบแก้วหูซึ่งมันก็มาพร้อมกับคมดาบที่แทงเข้ามาที่ท้อง
ฉับพลันหัวของโลกัสขาวโพลน นัยน์ตาเบิกกว้างก่อนจะกลายเป็นดวงตาของสัตว์ร้ายอย่างเต็มตัวในชั่ววินาที ร่างกายถอยหนีออกจากคมดาบและใช้ดาบของตนเองแทงกระหน่ำตอบ
คมดาบว่องไวฟาดฟันกันในอากาศจนมองไม่ทัน แอคเนสพยายามใช้พลังลึกลับของตนเองในการลอบโจมตีโลกัสไปด้วยหากแต่ก็ไม่สำเร็จเพราะร่างนักฆ่าคล้ายกับมีตาหลังสามารถหลบได้ทันทุกครั้ง
จากที่เคยได้เปรียบเริ่มกลายเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ
แอคเนสขบกรามกรอด สายตามองไปยังร่างนักฆ่าอย่างกราดเกรี้ยวเมื่อจำได้ว่าสิ่งที่ตนเองกำลังเผชิญหน้าอยู่คืออะไร "พยัคฆ์ทมิฬ!!"
ปีศาจเสือโคร่งดำที่มันเคยปะทะเมื่อประมาณสิบกว่าปีที่แล้ว!
"ไม่คิดว่าเจ้าจะจำข้าได้" เสียงหนึ่งที่ไม่ใช่เสียงของโลกัสกล่าวออกมาอย่างไม่ยี่หระ ใบหน้าหล่อเหลากรำแดดของโลกัสแสยะยิ้มเหี้ยม "กริมม์"
"ย่อมจำได้ เพราะเจ้าเป็นเสือโง่ๆ ไม่กี่ตัวที่กล้าเผชิญหน้ากับข้า" เมื่อชื่อที่แท้จริงของตัวเองปรากฎ กริมม์ก็ค่อยๆ เปลี่ยนใบหน้าของแอคเนสมาเป็นที่แท้จริงของตัวเอง
ใบหน้าสีดำที่เต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์จนหาใบหน้าจริงแทบไม่ได้ นัยน์ตาข้างนึงที่ถูกควักออกไปเหลือเพียงข้างเดียวที่มีเพียงตาขาวที่พลังสีขาวหมุนริ้วอยู่ภายใน
"ยินดีที่ได้พบเจ้าอีกครั้ง ฮาร์เคฟ" กริมม์พูดด้วยรอยยิ้มจางแต่กลับทำให้คนมองรู้สึกขนลุกชัน "ถึงจะในร่างมนุษย์ก็เถอะ"
ฮาร์เคฟโคลงหัวไปมาขณะที่พูด "ช่วยไม่ได้ ข้าชอบตอนที่ได้เหยียบพื้นด้วยเท้าสี่ข้างมากกว่า" ก่อนที่นัยน์ตาจะจ้องมองมาหากริมม์อย่างเย็นเยียบ มือกระชับดาบแน่นจนดาบเกิดรอยริ้วเป็นลวดลายประหลาด
"แต่ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ร่างไหน ก็อย่าหวังว่าจะฆ่าข้าได้!!" กริมม์ตะคอกตวัดดาบที่อัดแน่นด้วยพลังวิญญาณเข้าใส่ร่างของโลกัสอย่างไม่รอช้า
หากแต่นั่นก็ยังช้าไปกว่าร่างของโลกัส สัญชาตญาณที่ผ่านการสร้างมาอย่างยาวนานทั้งของโลกัสและฮาร์เคฟผสมผสานกันจนกลายเป็นมากกว่าสัญชาตญาณ สามารถตอบสนองได้ทันทีโดยไม่เสียเวลาคิดแม้ต่เสี้ยววินาทีเดียว ร่างนักฆ่ากระโดดหลบได้อย่างรวดเร็วและโจมตีกลับด้วยดาบทรงพลังใส่ที่คอ!
ในชั่วขณะนั้นฮาร์เคฟคลี่ยิ้มสะใจออกมาพร้อมกับอารมณ์ตื่นเต้นที่คาดว่าตนเองจะสามารถบั่นคอคนที่เคยฆ่าตัวเองไป!
กึก
ปลายดาบถูกสกัดด้วยด้ามดาบของกริมม์
"ลืมไปแล้วหรือ แมวน้อย ความประมาทคือหนทางแห่งความตาย"
กริมม์กระซิบตอบกระชากดาบในมือเพื่อกระชากตัวฮาร์เคฟมาด้วยก่อนที่จะเรียกพลังวิญญาณมาก่อเป็นมีดเล็กเตรียมจะแทงเข้าที่ท้องแต่ก่อนที่คมมีดจะถึงท้องของโลกัสนั้น กริมม์ก็พูดอะไรบางอย่างที่ตกค้างในใจตัวเองมานาน
"ข้าก็สงสัยอยู่ว่าวิญญาณของเจ้าหายไปไหน"
กริมม์กระตุกยิ้ม
"กลายมาเป็นผีลืมหลุมแอบซ่อนอยู่ในร่างมนุษย์นี่เอง!" สิ้นประโยคคมดาบก็จ้วงเข้าที่ท้องของโลกัสทันที!
ฮาร์เคฟในร่างโลกัสเบิกตากว้างจนแทบตาถลนด้วยความตกใจ นิสัยทระนงตนและมั่นใจในตัวเองเกินเหตุกำลังทำพิษให้มันอีกแล้ว เดิมทีมันอาศัยอยู่ในเมืองมนุษย์จึงไม่ค่อยมีใครสามารถสู้มันได้ ทำให้มันมั่นใจจนเกิดเหตุว่าศัตรูจะไม่มีวันทำอะไรมันได้ แต่มันก็ลืมไปว่าโลกใบนี้ไม่ได้มีเพียงมนุษย์..
ครั้งที่แล้วที่มันสู้กับกริมม์ก็พ่ายแพ้เหมือนกันเพราะหลงคิดว่าตัวเองจะฆ่ามันได้แล้ว แต่ก็พบว่าตัวเองคิดผิด กริมม์ไม่ได้พ่ายแพ้มันเพียงแต่รอโอกาสที่จะฆ่ามันอย่างทรมาน!
เคร้ง
กริมม์เบิกตากว้างเมื่อเห็นดาบน้ำแข็งเข้ามาสกัดมีดเล่มเล็กของตัวเอง
"อย่าลืมสิ ว่าคู่ต่อสู้ของเจ้าไม่ได้มีเพียงแค่คนเดียว" อัลฟินยิ้มพรายกลบเกลื่อนความรู้สึกรวดร้าวภายใน มันเหมือนกับว่ากำลังมีอะไรบางอย่างแทะร่างกายอยู่ตลอดเวลา
"หึ ข้าต้องนับเจ้าอยู่ในศัตรูด้วยเหรอ?" กริมม์หัวเราะในลำคอเปลี่ยนมีดเล็กเป็นดาบด้ามยาวในพริบตากระโจนเข้าใส่อัลฟิน หากแต่ยังไม่ทันได้ออกดาบก็ต้องหลบไปอีกทางเมื่อไอ้เสือปัญญาอ่อนข้างหลังได้สติเอาดาบมาไล่ฟันแทงด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิมและรุนแรงมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว
มีผลมาจากโทสะที่ถูกเก็บสะสมมาหลายสิบปีปะทุออกมาพร้อมกับความรู้สึกเคียดแค้นที่ตัวเองโง่งมเกือบจะตกเป็นเหยื่อให้กริมม์มันฆ่าได้ง่ายๆ อีกครั้ง!
"ไม่ข้าตาย เจ้าก็ต้องตาย!!!" ฮาร์เคฟตะโกนดังลั่นคล้ายลั่นวาจาสาบาน เสียงที่ดังออกมานั้นคล้ายกับเสียงคำรามของเสือโคร่งที่พร้อมจะฆ่าศัตรูที่กล้ารุกล้ำเข้ามาในอาณาเขต
ร่างของนักฆ่าพุ่งเข้าใส่กริมม์ที่หนีอย่างว่องไวไม่ยอมปะทะตรงๆ ซึ่งยิ่งเวลายื้อไปมากเท่าไหร่ความดุดันเลือดในกายของโลกัสก็พลุ่งพล่านจนร้อนผ่าวไปทั้งตัว ปากอ้ากว้างหอบน้อยๆ เผยให้เห็นเขี้ยวที่ยาวออกมาอย่างเห็นได้ชัด
อัลฟินมองการต่อสู้ดุเดือดตรงหน้าด้วยสีหน้าทึ่งๆ มือกุมท้องที่มวนขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ สิงโตหนุ่มเผลอทำสีหน้าเหยเกและทรุดฮวบลงบนพื้น
"ท่านอัลฟิน!" หนึ่งในองค์รักษ์ของอัลฟินที่ยังคงชุลมุนกับการสู้กับองค์รักษ์ขององค์ราชาอุทานขึ้นมา รีบปลีกตัวและถลาเข้าไปประคองนายของตัวเองทันที จับแขนท่านอัลฟินพาดคอตัวเองไว้และพยุงให้ลุกขึ้นเพื่อจะพาไปขึ้นหลังเจ้าม้าขาวที่สาวเท้าเข้ามาใกล้มองเจ้านายของมันด้วยสายตาเป็นห่วง
"ข้าไม่เป็นไร" อัลฟินดึงมือออกอย่างสุภาพพยายามยืนด้วยตัวเองแม้ว่าจะรู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือดอวลอยู่ในปากและจมูก จึงพยายามสูดหายใจแรงๆ เพื่อกดมันลงไปให้หมด นัยน์ตาสีเทาจับจ้องเจ้าม้าขาวและลูบหัวมันเบาๆ "ข้าไม่เป็นไรจริงๆ เจ้าไม่ต้องห่วงข้า"
กล่าวจบก็ถีบตัวขึ้นหลังเจ้าม้าขาวทันทีเพื่อแสดงให้เจ้าม้าเห็นว่าตัวเองไม่เป็นไรจริงๆ
ฮื่อ!
เจ้าม้าพ่นลมหายใจไม่พอใจ ส่ายหัวไปมาอย่างหงุดหงิด
อัลฟินยิ้มเหนื่อยใจลูบแผงคอนุ่มเบาๆ
ไม่ว่าเรื่องอะไรข้าก็ปิดเจ้าม้าบ้านี่ไม่ได้สินะ...
ฮี้!
เสียงม้าแปร่งๆ เสียงหนึ่งดังเสียดหูและคุ้นหูอย่างประหลาดทำให้อัลฟินหันไปให้ความสนใจ
"ต้องการอะไรจากข้า เจ้าม้า" อัลฟินถามเสียงนุ่มทั้งๆ ที่เลือดกำลังไหลออกมาจากจมูกอย่างช้าๆ ร่างทั้งร่างชาวาบเหมือนถูกบางสิ่งที่มองไม่เห็นกระชากวิญญาณในร่างจนเป็นชิ้นๆ
อึ่ก
อัลฟินปิดปากตัวเองที่เผลอร้องออกไป ใบหน้าหล่อเหลาพยายามคงใบหน้าสุขุมเอาไว้หากแต่ก็ทำได้ไม่ดีนักเพราะความเจ็บปวดนั้นลุกลามเร็วจนเกินไป
กุบกับ
เจ้าม้าดำสาวเท้าเข้าไปใกล้อัลฟิน มันมองสิงโตหิมะเบื่อๆ และควบคุมหมอกวิญญาณไปครอบตัวอัลฟินเพื่อดึงสิ่งแปลกปลอมที่พยายามเข้าไปครอบครองร่างของอัลฟินออกมา
ถึงแม้ว่าพลังของกริมม์นั้นจะเหนือกว่าเจ้าม้าดำ แต่ก็เป็นพลังชนิดเดียวกันจึงพอหักล้างกันได้
เจ้าม้าขาวค้อมหัวลงเล็กๆ เชิงขอบคุณที่ช่วยเหลือนายของมัน ลืมความแค้นความเหม็นขี้หน้าตั้งแต่แรกพบจนหมด เมื่อเจ้าม้านี่กลายเป็นผู้รักษานายของมัน ทั้งๆ ที่มันคิดว่าเจ้าม้าดำนี่จะใช้โอกาสที่นายมันอ่อนแอแก้แค้นทั้งมันและนายของมัน
ฟู่ว
เจ้าม้าดำพ่นลมหายใจเหนื่อยๆ ออกมาทางจมูก และเชิดหน้าขึ้นคล้ายกับกำลังโอ้อวดเมื่อใบหน้าของอัลฟินกลับมามีสีเลือดอย่างเห็นได้ชัด
อัลฟินลูบจมูกตัวเองอึ้งๆ ความรู้สึกแปลกประหลาดพวกนั้นหายไปหมดแล้วเหลือเพียงรอยเลือดจางๆ ที่มือนี่เป็นหลักฐานว่าสิ่งที่เขาประสบเมื่อกี้มันเกิดขึ้นจริงไม่ได้ฝันไป
"ขอบคุณเจ้ามาก เจ้าม้า-- ไม่สิ" อัลฟินส่ายหัวเบาๆ แล้วยิ้ม "เพกาซัส"
เจ้าม้าดำส่งเสียงฮื่อๆ ในลำคออย่างลำพองก่อนที่มันจะใช้หัวมันพยักเพยิดไปบนหลังของมันคล้ายกับกำลังบอกอะไรบางอย่างกับสิงโตหนุ่ม
อัลฟินมองตามอย่างว่าง่ายพบว่าเห็นเวสเปอร์กำลังนั่งนิ่ง เจ้าแมวที่อยู่ภายในอ้อมกอดพยายามเอาตัวถูไถเรียกร้องความสนใจอย่างลุกลี้ลุกลน
สิงโตหนุ่มมองภาพตรงหน้าด้วยความงุนงงหากแต่เมื่อมองไปที่ใบหน้าของเวสเปอร์ก็ลมหายใจกระตุก
เพราะสีหน้าของเวสเปอร์ไม่ได้นองไปด้วยน้ำตาอย่างเคย แต่เป็นใบหน้านิ่งเรียบเฉยนัยน์ตาเลื่อนลอยไร้แววราวกับปฏิเสธที่จะรับรู้เรื่องราวใดๆ ต่อจากนี้อีก!
"เวสเปอร์! เวสเปอร์" อัลฟินเขย่าตัวเวสเปอร์จนตัวโยนอย่างร้อนรน ไร้ท่าทีเย็นชาดั่งที่เจอกันครั้งแรก ตอนนี้ทั้งอัลฟินและเวสเปอร์น่าจะกลายเป็นพวกกันได้เพราะ พวกเขาล้วนมีเป้าหมายเดียวกันคือการโค่นบัลลังก์ปัญญาอ่อนนี่ลง!
"อืม?" เวสเปอร์ครางในลำคอเชิงรับรู้นัยน์ตาสะท้อนใบหน้าของอัลฟินก่อนที่เจ้าตัวจะเอียงคอเล็กๆ เพื่อแสดงถึงความงุนงงของตัวเอง
"เวสเปอร์ เจ้าเป็นอะไรรึเปล่า?" อัลฟินตั้งใจจะเอาหลังมืออังหน้าผากเวสเปอร์หากแต่ก็ถูกมือเล็กๆ ผลักออก
"ข้า.. ไม่เป็นไร" องค์รัชทายาทคนโตของเมืองเอวินด์กล่าวเสียงเรียบ นัยน์ตาหลุบต่ำมองเจ้าม้าดำที่เอียงคอมามองอย่างเป็นห่วง "ข้า.. ก็แค่ไม่อยากร้องไห้อีกแล้ว"
"การร้องไห้ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะอ่อนแอหรอกนะ เวสเปอร์" สิงโตหนุ่มพยายามพูดพยายามดึงองค์ชายขี้แยคนนั้นกลับมาจากองค์รัชทายาทที่มีสีหน้าไร้อารมณ์ตรงหน้า
นี่เจ้าจริงๆ งั้นเหรอ? เวสเปอร์..
เวสเปอร์หัวเราะเบาๆ ตอบ มือลูบขนเจ้าแมวในที่มองตนเองตาแป๋วอ้อยอิ่ง "ข้า... ก็แค่คิดว่ามัน.. เปล่าประโยชน์ที่ข้าจะร้องไห้ เพราะ.. ยังไงก็ไม่มี มี อึก" เวสเปอร์สะบัดหัวตัวเองเมื่อเผลอพูดติดอ่าง "ไม่มีใครเห็นใจข้าอยู่ดี"
กล่าวจบก็เงยหน้ามองท้องฟ้าที่เป็นสีแดงก่ำ พระจันทร์เสี้ยวเดียวที่ยังคงประดับอยู่บนท้องฟ้านั้นให้ความรู้สึกคล้ายกับกริชที่พร้อมจะแทงองค์รัชทายาทอย่างข้า.. โดยที่ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากคนในครอบครัวของข้า..
ท่านแม่... เฟเนกส์.. ไอเรส.. ท่านพ่อ..
ไม่ว่าใครก็ล้วน.. ไม่อยากให้ข้ามีชีวิตอยู่ทั้งนั้น
เวสเปอร์เม้มปากแน่นเมื่อน้ำตาทำท่าจะไหลอีกครั้ง มือจิกแน่นที่แขนเพื่อใช้ความเจ็บปวดสร้างความเข้มแข็งให้กับตัวเอง แต่ดูเหมือนว่าภายในหัวจะไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น คำถามไร้ที่มาปรากฎมากมายในหัวเวสเปอร์จนต้องยกมือกุมหัวตัวแน่นหอบหายใจตัวโยน พยายามที่ต่อสู้กับมันด้วยตัวเอง
ข้าร้องไห้มากี่ครั้งแล้วนะ?
โง่เขลากี่ครั้งแล้วนะ?
เกือบจะถูกฆ่ามากี่ครั้งแล้วนะ?
ข้าเคยเข้มแข็งไหมนะ?
เคยมีใครต้องการข้าไหมนะ?
เวสเปอร์กัดปากจนกลิ่นเลือดอวลในปาก หลับตาแน่น
ข้าควรมีชีวิตอยู่ไหมนะ?
แค่ก!
"เวสเปอร์!" อัลฟินสะดุ้ง
กลุ่มเลือดกระเด็นออกมาจากปากเวสเปอร์เปรอะไปทั่วตัวเจ้าม้าดำ องค์ชายใช้หลังมือเช็ดปากตัวเองลวกๆ และวางมือสั่นๆ ลงวางบนหัวเจ้าแมวอีกครั้ง
"ข้าไม่เป็นไร" กระซิบตอบเสียงเบาเหลือบมองไปยังเจ้าเสือที่ยังคงไล่ล่าฆ่าตัวประหลาด "เจ้าเสือ..." เผลอเรียกออกไปโดยไม่รู้ตัว ในอกรู้สึกคิดถึงมืออุ่นๆ ของโลกัสอย่างประหลาด
คิดถึงอ้อมกอดอุ่นๆ ที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าไม่ว่าอะไรในโลกใบนี้ก็ไม่สามารถทำร้ายเขาได้อีก
"โลกัส.." พูดอีกครั้งอย่างเลื่อนลอยก่อนที่จะต้องเบิกตากว้างเมื่อตัวประหลาดที่กำลังถูกไล่ล่าพุ่งตัวเข้าชนคมดาบและเจ้าเสือออกให้พ้นทางไม่สนใจอาการบาดเจ็บ
"ตามข้ามาสิ ถ้าเจ้ากล้า!!" มันหัวเราะเสียงดังลั่นและหายไปในความมืดอย่างรวดเร็ว
ฮาร์เคฟคำรามตามเข้าไปโดยไม่ต้องคิด ไม่สนใจแม้แต่จะรอเวสเปอร์เหมือนอย่างเคย
เพราะวิญญาณเจ้าของร่างในตอนนี้ไม่ใช่พยัคฆ์ดำ!
"เจ้าเสือ เจ้าเสือ" เวสเปอร์ลืมตาโพลง เขย่าคอเจ้าม้าดำ
เจ้าม้าดำยกขาขึ้นสูงส่งเสียงคำรามในลำคอกระแทกเท้าตามเข้าไปทันที ขณะที่มันเกือบจะวิ่งหายเข้าไปในปราสาทมันเหลือบมองอัลฟินที่กำลังโบกมือให้ยิ้มๆ เชิงลา
สิงโตหิมะส่งเสียงหัวเราะคิกในลำคอ "เป็นม้าที่มารยาทดีจังนะ" และมองไปยังเหล่าองค์รักษ์ของราชาไซมอนด์ที่ได้รับบาดเจ็บหนักกว่าองค์รักษ์ของตัวเองด้วยความสะใจ
มือหนาหักกระดูกนิ้วตัวเองดังกร็อบ
"ถึงเวลาเชือดแล้วสิ"
---------------
แต่งหลายวันมากตอนนี้
ขอบคุณทุกคอมเมนต์ค่า