สวนอาหารที่ตั้งเด่นตระหง่านอยู่เลยทางลงเลียบทางด่วนยังคงเปิดเป็นประจำไม่เว้นวันหยุด ในขณะที่คนเป็นเจ้าของนั้นกลับหยุดบ่อยยิ่งกว่ามาทำงาน เจ้าตัวอ้างว่ามี ‘ลูกผัว’ ต้องดูแล เลยมาบ้าง ไม่มาบ้าง แล้วแต่บุญแต่กรรมว่าวันไหนจะอยากมา
…แต่…ดูเหมือนวันนี้จะเป็น ‘บุญ’ ของลูกค้าอย่างจอมขวัญ วิมลกิตติ เนื่องจากเจ้าของสวนอาหารเตาถ่านนามว่าปวิน รัตนวิจิตรนั้น เข้ามาสอดส่องดูแลร้านพร้อมกระโดดขึ้นไปเล่นกีต้าร์เป็นบุญตาบุญหูลูกค้าที่มาอุดหนุน
เจ้าตัวเกากีต้าร์เป็นเพลงช้าซึ้งๆให้นักร้องสาวเสียงดีบนเวทีไปได้สองเพลงก็ยกกีต้าร์ให้นักดนตรีตัวจริง เพราะตาเหลือบไปเห็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่สมัยหัวยังเกรียนมานั่งอยู่ในร้านด้วย เลยกระโดดลงจากเวทีตรงดิ่งเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้มกว้างขวาง
“วันนี้โสดเหรอวะ” มันร้องด้วยประโยคคำถามที่แสนจะส่อถึงมารยาท เมื่อเห็นจอมขวัญมาคนเดียว
“กูมาคนเดียวนี่หมายความว่าโสดรึไง” จอมขวัญย้อน ทำเอาคนถูกย้อนนิ่งไปเล็กน้อย เพราะ ‘น้องกิฟฟุ’ นั้น แต่ไหนแต่ไรไม่เคยยอกย้อนเขาเช่นนี้…แหม! มีผัวเป็นตัวเป็นตนเข้าหน่อยล่ะทำห้าว! กล้าต่อล้อต่อเถียงกับพี่ถ้วยฟู!
“ก็ถ้าไม่โสดแล้วจะมาคนเดียวทำไม ดูอย่างกูนี่! มีผัว ผัวก็ต้องมาคุม เอ๊ย! มาดูแลกันและกัน! นู่น!! อยู่ตรงเสานู่น! เหมือนเจ้าที่เจ้าทางประจำเสาตกน้ำมันไม่มีผิด!”
คนมี ‘ผัว’ มาคุมไม่พูดเปล่าแต่โบ้ยหน้าไปทางโต๊ะมุมเสาที่นับตั้งแต่เกิดเหตุสะเด็ดนายถ้วยฟูยอดชายไปหยอดลูกค้าจนสาวเจ้าตามติดมากินข้าวที่นี่ทุกวัน เลยเป็นเหตุให้สามีขี้หวงอย่างพี่ธันต้องอัญเชิญตัวเองมานั่งคุมไม่ให้เกิดเหตุสลดไปมากกว่าเดิม
ทุกวันนี้ นายปวิน รัตนวิจิตรเลยซ่าไม่ออก ทำตัวอยู่ในโอวาทสามีชนิดที่ผัวชี้ซ้ายเป็นซ้าย ขวาเป็นขวา!
จอมขวัญมองสีหน้าบูดสนิทของเพื่อนสมัยหัวยังเกรียนแล้วได้แต่หัวเราะเบาๆ ดูเหมือนไอ้ถ้วยฟูแสบบรรลัยรายนี้จะมีคนคุมเสียอยู่หมัด ถึงขั้นต่อต้านได้แค่ทางสีหน้า
“นี่กูกะจะเอาผ้าสามสีมาผูกเสาต้นนั้นแล้วนะนั่น! ตามด้วยดอกไม้ธูปเทียนน้ำเขียวน้ำแดงมาบูชา แล้วอัญเชิญให้ช่วยเข้าไปสิงแต่ในเสา ไม่ต้องมานั่งทำหน้าโหดมองกู 24 ชั่วโมง! แม่งเอ๊ย! เมื่อกี้ถูกจ้องจนเล่นโน้ตผิดไปตั้งหลายตัว!!” ดูเหมือนเจ้าของสวนอาหารเตาถ่านรุ่นที่ 2 อย่างนายถ้วยฟูจะคิดเป็นจริงเป็นจังอยากจะยัด ‘พี่ธัน’ สุดเลิฟให้เข้าไปอยู่ในเสาจริงๆ!!
พอเจ้าของสวนอาหารเปิดประเด็นเรื่องผ้าสามสีผูกเสาตกน้ำมันและบูชาเซ่นไหว้ผีสางด้วยน้ำเขียวน้ำแดง ก็ทำเอาจอมขวัญคิดถึงเรื่องที่หลานชายพบเจอวิญญาณของมารดาที่เขาใหญ่เมื่อไม่กี่วันก่อน เขามองหน้าถ้วยฟูที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามทำเอาคนกำลังอารมณ์บูดเพราะถูกสามีคุมต้องหันมามอง
“มีไรวะ หรืออาหารร้านกูไม่อร่อย มึงอยากเคลมอันไหนบอกมาได้เลย”
“เปล่า อาหารร้านมึงอร่อยทุกอย่าง” พอจอมขวัญว่ามาอย่างนี้ ถ้วยฟูก็พยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย “แน่อยู่แล้ว! อาหารร้านกูอร่อยทุกอย่าง!”
“เอ่อ…แต่กูมีเรื่องจะถาม มึงเชื่อเรื่องผีเปล่าวะ” จอมขวัญตั้งคำถาม
“เชื่อดิ เคยเจอด้วย”
“เฮ้ย! จริงเหรอ ที่ไหน”
“สมัยเรียนลูกเสือตอนป.5หรือป.6นี่ล่ะ ต้องไปเข้าค่ายต่างจังหวัด ตอนก่อนจะไป พวกรุ่นพี่แม่งก็มาเล่าว่าที่ค่ายนั้นผีเฮี้ยนผีดุ ไปกี่รุ่นกี่รุ่นก็เจอหมด! ตอนรุ่นกูไปก็เจอว่ะ มาทั้งเสียงมาทั้งกลิ่น บางคนเจอเป็นตัวเลยนะมึง”
“แล้วมึง...มึงเจอรึเปล่า?”
“เจอดิ! หมู่นกกระจาบของกูเจอกันทุกคนแหละ”
“หมู่นกกระจาบ?...หมายถึงอะไรวะ”
“อ้าว! ก็ชื่อหมู่ลูกเสือไง! พอดีอาจารย์ใหญ่โรงเรียนกูเขาชอบพี่นก ฉัตรชัยกับพี่เบิร์ด ธงไชยมาก แกก็เลยตั้งชื่อหมู่ลูกเสือเนตรนารีทุกหมู่เป็นชื่อนกว่ะ หมู่กูยังดีได้ชื่อหมู่นกกระจาบ ไอ้หมู่ข้างๆกูนี่สิ! ชื่อหมู่นกฮัมมิ่งเบิร์ด! แถมหัวหน้าหมู่แม่งตัวอย่างกับหมีควาย! เรียกทีขำไปทั้งค่ายเลยมึง” จอมขวัญหลุดประเด็นไปหัวเราะชื่อหมู่ลูกเสือของโรงเรียนประถมที่ถ้วยฟูเรียนเสียแล้ว เขานั่งขำอยู่นานก่อนจะตั้งสติได้
“แล้ว…ตอนที่มึงเจอ มึงทำไงวะ”
“ตอนนั้นกูเป็นหัวหน้าหมู่พอดี ไอ้พวกลูกหมู่แม่งก็วิ่งมาแอบหลังกูกันหมด จนทุกวันนี้กูยังไม่เข้าใจ ในเมื่อตอนนั้นทุกคนก็เป็นเด็กประถม ตัวก็เท่าๆกัน แล้วแม่งจะวิ่งมาแอบหลังกูทำไม แต่ตอนนั้นสปิริตหัวหน้าหมู่ทำฮึดว่ะ กูก็เลยต้องแสดงความกล้า จัดไปทีเดียว! ผีหายจ้อย!”
“จัดไปทีเดียว? มึงทำยังไง? ท่องบทสวดมนต์เหรอ?”
“หน้าอย่างกูเนี่ยนะ?!! สวดมนต์!!โถ!! ท่องคำว่าพุทกับโธได้ก็บุญแล้ว!”
“อ้าว แล้วมึงทำอะไร ทำไมผีหาย”
“ไม่ยาก แค่ยกมือพนมแล้วกล่าวว่า ‘ถ้ามาให้ได้รับรู้แม้แต่นิดเดียวไม่ว่าจะเสียง กลิ่น หรืออะไรก็ตาม ขอแช่งให้ไม่ต้องไปผุดไปเกิด แช่งให้ผลบุญที่ญาติพี่น้องทำมาให้ก็มาไม่ถึง เอาให้อดอยากปากแห้งแต่ไปไหนไม่ได้อยู่ตรงนั้นล่ะ!’ แล้วหลังจากคืนนั้นก็ไม่มีใครเจอผีอีกเลย เอวังด้วยประการฉะนี้” คนเล่าเล่าอย่างเมามันด้วยประสบการณ์ตรง แต่คนฟังถึงกับอึ้งค้างตาเหลือกโตไปแล้ว
“มึง…แช่งผี?...” จอมขวัญได้แต่ครางเสียงแผ่วอย่างคาดไม่ถึง
“ก็ใช่น่ะสิ! กูน่ะมนุษย์รุ่นเหลนของนิวตันนะเว้ย! เราต้องยึดหลัก action เท่ากับ reaction สิ! ถ้าผีทำมา กูก็ทำกลับได้! แฟร์ๆ” คราวนี้ ‘เพื่อนของมนุษย์รุ่นเหลนของนิวตัน’ ถึงกับนิ่งค้างกับหลักวิทยาศาสตร์ที่มนุษย์เกรียนใช้ตอบโจทย์ไสยศาสตร์ได้อยู่หมัด
…ไอ้เวรนี่…เกรียนได้แม้แต่กับผี…กูล่ะเชื่อมึงจริงๆ…
“แต่ว่านะ…กูว่าผียังไม่น่ากลัวเท่าคน ผีนี่แช่งก็กลัวนะมึง แต่ถ้าคนสิ! ลองไปแช่งดู แม่งเอากลับซะสลบเหมือด ดูอย่างพ่อยอดชู้ประตูดินนามธันวาของกู ถ้ากูไปแช่งว่าไม่ให้ผุดให้เกิดนะ มีหวังกูเองนี่แหละไม่ต้องเห็นเดือนเห็นตะวัน ไอ้พี่ธันคงเอากูยัดห้องส้วมแล้วให้แต่อาหารเม็ดเป็นยาชูกำลัง! แม่งเอ๊ย! มีผัวดุนี่ซวยยิ่งกว่าเจอผีอีก! กูคอนเฟิร์ม!”
ว่าแล้วคนมีประสบการณ์เจอทั้งผีเฮี้ยนเจอทั้งผัวดุก็ยืนยันนั่งยันหนักแน่นว่าคนน่ะน่ากลัวกว่าผี! หรืออย่างน้อยๆผีก็ไม่น่ากลัวเท่าผัวที่ชื่อ ‘ธัน’ ล่ะเว้ย!!
FIN
อะฮ้า คิดไม่ถึงล่ะสิ ว่านอกจากจะมีทรงพลโผล่มาแล้ว เรามี “แขกรับเชิญที่แสนมีเกียรติ” มาร่วมแจมด้วย
อ๊ะ ปรบมือต้อนรับหน่อยยยยยย
ตอนครึ่งแรก เป็นไปอย่างที่คิดว่าเจ้าขนมต้องฟาดคะแนนนิยมไปหมด (แต่บัวก็ชอบคาแรกเตอร์เด็กคนนี้มากเลยยยย แบบว่ามันน่าหยิกอ่ะ! >.<) จริงๆแล้ว คิดพล๊อตตอนโตของเด็กสามคนนี้ด้วยนะ แต่ติดที่ว่าไม่มีเวลาพิมพ์เลย ถ้าพิมพ์ได้เมื่อไหร่ จะเอามาลงทันที!!
ขอบคุณสำหรับความรักความคิดถึงที่มีต่อครอบครัววิมลกิตติ และทุกๆตัวละครในเรื่องนี้นะคะ ขอบคุณสำหรับการอ่านและคอมเม้นท์ ขอบคุณพื้นที่บอร์ด
แล้วเจอกันเรื่องหน้า 8 มิถุนา มาชัวร์!