ฝนหยดที่ 19 เรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของแต่ละคนยอมมีทั้งเรื่องร้ายและดีเพื่อที่จะได้นำมันมาเป็นประสบการณ์สอนให้เราให้ได้เติมโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแรงทั้งกายและใจ แต่กับเรื่องบางเรื่องความโหดร้ายก็เข้ามาในชีวิตเร็วเกินไป ชั่งน่าสงสารเด็กน้อยที่เป็นเหมือนผ้าขาวกลับต้องมาแปลกเปื้อนกับรอยด่างอันน่ารังเกลียดเพราะจิตใจของคนเป็นผู้ใหญ่ ความเศร้าหมองในใจเด็กใครว่าไม่สำคัญเพราะถ้ามันซึมลึกจนแผ่รากลึกลงไปยอมกลายเป็นตราบาปในวัยเด็กเหมือนคมมืดอันแหลมคมที่กรีดลึกลงบนแผลจนแหวะแม้จะหายดีก็จะกลายเป็นแผลเป็น แต่ในความโหดร้ายอันแสนเศร้ายังมีแสงสว่างที่ส่องทางให้เห็น
สมุดโน้ตเล่มน้อยที่เขาจำได้ดีว่าเป็นคนซื้อมาเป็นของฝากให้เด็กชายตอนที่เขากับอดีตคนรักไปเที่ยวด้วยกัน แต่ใครจะนึกว่าเขาจะมีโอกาสได้เห็นมันมาอยู่ที่นี้ ในห้องธารกัน
ตอนแรกแก้วกล้าก็อดสงสัยอยู่ไม่น้อยที่เห็นสมุดเล่นนี้วางอยู่บนโต๊ะทำงานของคนตัวโตตอนแรกเขาก็ไม่ได้คิดหรอกว่ามันจะเป็นของเกรทจนตอนที่เขาแอบเห็นที่มุมปกด้านหน้าที่ลงชื่อของเจ้าของตัวจริงเอาไว้ และนั้นมันก็ทำให้เขารู้ว่านอกจากชีวิตประจำวันที่สนุกสนานตามวัยแล้วมันกลับมีความเศร้าที่คล้ายจะหยั่งรากลึกเป็นปมในใจของเจ้าของสมุดนั้น ถึงเขาจะรู้ว่าคุณหญิงโฉมฉวีร้ายกาจมากมายเพียงใดแต่เขาไม่เคยนึกเลยว่าหล่อนจะกล้าหามน้ำใจของหลานตัวเองได้ขนาดนี้ และยิ่งการป้ายสีความเกลียดชังให้เด็กวัยกำลังเรียนรู้เช่นนี้มันมากเกินที่เขาจะรับไหวกับการที่เด็กวัยกำลังสดใจต้องร่ำไห้กับคำว่าร้ายที่แม่ได้รับ
ไม่รู้ว่าอ่านไปแล้วกี่หน้าอ่านจนเวลาผ่านไปเท่าไรแล้วจนคนร่วมเตียงหรือก็คือเจ้าของห้องที่แท้จริงเดินกลับเข้ามาพร้อมแก้วนมของเขาถึงกลับต้องร้องทักอย่างตกใจที่เห็นใบหน้าเปื้อนน้ำตาขอเขาเงยขึ้นมามอง
“แก้ว แก้วเป็นอะไร”
ธานร้อนรนเป็นอย่างมากเมื่อเห็นว่าแก้วกล้ากำลังร้องไห้จนหน้าแดงอยู่ทั้งที่ก่อนเขาจะออกไปเอานมมาให้อีกคนยังปกติไม่มีทีท่าว่าจะมีเรื่องเศร้าแม้แต่น้อย
“คุณธาร”
เสียงแผ่วเบาที่สั่นเครือกับหน้าสมุดที่เปิดค้างอยู่ที่หน้าตักจัดเป็นหลังฐานอย่างดีที่บอกถึงที่มาของรอยน้ำตาบนแก้มใสที่ทำให้เขาเป็นห่วงกังวล ธารจัดการปิดสมุดเล่มนั้นทันทีแล้วโยนมันไปด้านข้างบนเตียง พร้อมกับรั้งร่างอวบของคนท้องให้เข้าสู่อ้อมกอดของตน
“ชู่ๆ ไม่ร้องแล้วแก้วไม่ร้อง”
เขาลูบไปตามท่อนแขนเล็กและแผ่นหลังเพื่อปลอบคนที่เอาแต่สะอื้นเงียบไร้เสียงร้อง ปลอบอยู่ครู่หนึ่งจนคนท้องผละตัวออกจากอ้อมแขนเป็นเชิงว่าดีขึ้นแล้ว ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นแล้วหายเข้าไปในห้องน้ำแล้วกลับออกมาพร้อมผ้าขนหนูผื่นเล็กที่ชุ่มน้ำพอหมาด นำมายื่นมันให้อีกคนรับไปเช็ดหน้าเช็ดตาให้รู้สึกสดชื้นขึ้น
“ดีขึ้นยัง” ธานถามเสียงนุ่ม ซึ่งคนฟังก็ทำเพียงพยักหน้ารับพร้อมเช็ดหน้าเช็ดตาไปด้วย
“เรื่องในสมุดนั้น” แก้วกล้าเอ่ยขึ้นหลังหยุดสะอื้น แบนสายตามองสมุดปกน้ำตาลเจ้าปัญหาที่นอนนิ่งอยู่อีกด้านของเตียงนอน
“ของหลานเกรท” ธานเองก็ไม่คิดปิดปังไหนๆก็เห็นแล้ว สู้บอกเสียจะได้ไม่หมางใจกันเพราะเรื่องแค่นี้
“ผมรู้ แต่ที่ผมอยากรู้คือทำไมถึงมาอยู่ที่คุณ” เขาถามอย่างแคลงใจ
“น้องเกลให้ฉันมา”
ธารบอกออกไปแค่นั้นแก้วกล้าก็พอที่จะรู้ได้แล้วว่าเรื่องของเกรทนั้นทุกคนรับรู้กันหมด และนั้นมันยิ่งทำให้เขาเศร้าหนักกับการที่เขาต้องมารู้ว่าเด็กชายที่ยิ้มสดใสนั้นภายในต้องเจ็บปวดขนาดไหน ไม่ชอบแม่เนี่ยก็พอรู้แต่ทำไมถึงต้องเอาความเกลียดชังไปลงที่เด็กที่ไม่รู้เรื่องแบบนี้แย่ที่สุด..................
“อ๊ะ คุณธาร”
แก้วกล้าถึงอุทานขึ้นอย่างตกใจทันทีเมื่ออยู่แก้มนิ่มนุ่มทั้งสองข้างของเขาถูกมือของธารจับเข้าเข้าที่แก้มพร้อมกับออกแรงดึงให้ยืดจนต้องรีบตะปบมือคู่นั้นออก
“หมอพลอยบอกว่าห้ามเครียดไงครับ ไม่เอาแล้วไม่คุยเรื่องนี้แล้วมาคุยเรื่องของเราแทนดีกว่า” ไม่ว่าเปล่าหนุ่มร่างใหญ่ก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มข้างๆคนท้องคล้ำหัวกับมือที่วางเท้ากับหมอนใบหนาใหญ่สีขาว จ้องมองคนที่นั่งพิงหัวเตียงอย่างเพลินอารมณ์
“เรื่องของเรา?”
แก้วกล้าท้วนคำพูดของธารพร้อมมองอีกคนที่นอรมองหน้าเขาอยู่ข้างๆอย่างไม่เข้าใจ เรื่องของเรา เรื่องอะไรเขาไม่เข้าใจ
“ก็เรื่องของฉันกับแก้วไง ฉันรออยู่นะ”
สายตาที่สื่อถึงอารมณ์บางอย่างที่ไม่เคยแอบซ่อนแต่นับวันยิ่งแสดงออมาพร้อมมือที่ค่อยๆลูบลงหน้าท้องนูนอย่างเบามือ ธานไม่ได่ต้องการที่จะเร่งเร้าเอาคำตอบจากอีกคนในตอนนี้หรอก เขารอได้ รอให้แก้วกล้าเปิดใจยอมรับเขาเข้าไปในใจเหมือนที่อีกคนเคยเปิดประตูหัวใจให้แทนไทได้เข้าไป...................
“นี้คุณธาร ผมถามอะไรหน่อยสิ”
แก้วกล้าที่กำลังหาทางออกจากบรรยากาศความรักสีหวานแหว๋วที่ธานสร้างขึ้นก็เรียกอีกคนขึ้นมาเมื่อนึกถึงเรื่องที่บางเรื่องที่เขาอยากจะถามขึ้นมาได้
“อะไรเหรอ”
“เรื่องวันนี้” คนถามเกิดอาการลังเลเล็กน้อยแต่ก็กลั้นใจถามต่อ
“มันเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าครับ” ธารเลิกคิ้วมองอย่างสงสัยพร้อมยันตัวขึ้นนั่งดีๆ
“คือ ผมเห็นน้องเกรทดูซึมๆนะครับ แถมเหมือนเขาดูกังวลอะไรด้วยเอาแต่บอกว่าจะอยู่กับแม่ไม่อยู่กับย่าอะไรนี้แหละ”
เมื่อถามเสร็จเขาก็รีมเม้มปากแน่นอย่างไม่รู้ว่าจะได้คำตอบหรือไม่ และไม่รู้ว่าคนถูกถามจะหาว่าเขาสอดรู้เรื่องภายในครอบครัวหรือเปล่า แต่เขาอดเป็นห่วงไม่ได้จริงๆ ยิ่งนึกถึงแววตาเป็นห่วงของเด็กชายกับท่าทางที่พยายามชะเง้อมองหาแม่ตลอดเวลาจนเขาต้องพาเข้าไปนอนกับเกลด้วยนั้นแบบนั้นมันเขาอดที่จะกังวลไม่ได้ว่ามันอาจเกิดเรื่องอะไรบางอย่างที่กระทบจิตใจของเด็กหรือไม่แต่เขาก็กลัวเกินกว่าที่จะถามเด็กออกไป
“ทำไมถึงอยากรู้”
เสียงถอนหายใจหนักๆของคนตัวโตทำเอาคนคิดมากเริ่มคิดเยอะว่าสิ่งที่ถามไปเมื่อครู่นี้มันเป็นสิ่งที่ไม่สมควรถามออกไปหรือเปล่าหรือว่ามันอาจเป็นเรื่องที่เขาไม่ควรเข้าไปยุ่งด้วยหรือไม่
“ถ้าไม่อยากบอกก็ไม่เป็นเป็นไรครับ” ถึงรู้อยู่แล้วว่าคงไม่ได้คำตอบแต่ก็อดน้อยใจไม่ได้ ทั้งที่เป็นห่วง
“ไม่ใช่ไม่ได้เสียหน่อย” ธารรั้งต้นแขนเล็กของคนที่ทำท่าจะมุดตัวเข้าผ้าห่มให้หันกลับมา
“มันเป็นเรื่องภายในครอบครัวผมเป็นคนนอก...”
“แก้วไม่ใช่คนนอก แก้วเป็นคนรักของฉันก็ถือว่าเป็น คนในครอบครัว เหมือนกัน แต่ที่ไม่บอกเพราะไม่อยากให้เครียด หมอพลอยก็บอกแล้วนิว่าไม่ให้เครียด”
ธานเอ่ยขัดขึ้นมาอย่างใจเย็น ถึงจะไม่พอใจที่ว่าที่คุณแม่พูดว่าตัวเองเป็นคนนอกไม่ควรรู้เรื่องภายใน ทั้งที่บอกทั้งที่ย่ำอยู่เสมอว่าเป็นคนรักของเขาหรือเขายังพูดไม่ตรงอีกฝ่ายถึงไม่เข้าใจความหมาย ไม่เป็นไรเดี๋ยวครั้งนี้เขาจะเน้นย้ำให้ฟังชัดๆเอง
“ผมก็แค่อยากรู้”
ชายหนุ่มระบายยิ้มออกมากับน้ำเสียงแผ่วเบาเหมือนรู้สึกผิดของคนตรงหน้าจนอดใจไม่ไหวคว้าตัวเข้ามาใกล้แล้วกอดเอาไว้
“ถ้าอยากรู้ฉันก็จะเล่า แต่สัญญาก่อนว่าจะไม่คิดมาก”
เสียงขานรับเบาดังสนองรับคำ ธารถึงยอมเปิดปากเล่าในสิ่งที่ไปประสบ แต่ก็ข้ามเรื่องที่ว่าเป็นแผนการของที่จะเข้าหาคุณหญิงของเขากับน้องเขาไป เพราะมันคงไม่ดีเท่าไรหากจะให้คนรักมองน้องของเขาในทางที่ไม่ดี
“มิน่าละ แล้วคุณเกลดีขึ้นแล้วหรอครับ”
“อือ ได้ยาดีขนาดนั้นไม่หายก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว”
ธารว่าพลางนึกถึงเสียงเจี๊ยวจ๊าวของหลานชายกับภาพครอบครัวทางไกลที่เขาแอบฟังอยู่หลังประตูห้องของน้อง ตอนที่ลงไปเอานมให้อีกคน พูดถึงนมแล้วธารก็เพิ่งนึกได้ว่าเขาลงไปอุ่นนมมาให้อีกคนแต่เพราะเรื่องของสมุดไดอารี่นั้นทำให้เขาลืมไปมันเสียสนิทกว่าจะหันไปหยิบมาให้แก้วกล้าดื่มได้ความอุ่นของนมก็หายไปหมดแล้ว
“ส่วนสมุดนี้ไม่ต้องอ่านมันแล้วนะ ฉันจะเอาไปคืนเกล” ธารเบี่ยงตัวไปหยิบสมุดเจ้าปัญหานั้นก่อนลุงนำไปวางที่โต๊ะทำงานเป็นเชิงว่าห้ามอ่าน
“รู้แล้ว ผมนอนล่ะพรุ่งนี้ต้องตื่นไปทำงานอีก”
แก้วกล้าว่าก่อนค่อยๆล้มตัวลงนอนหันข้างเพื่อเตรียมตัวนอน แต่ยังไม่ทันไรเขาก็รู้สึกได้ถึงเงาขนาดใหญ่ที่ค้อมตัวเขาจนบดบังแสงนีออนจนมืดไปหมด
“แต่ฉันไม่ให้ไป” ธานค้าน
“ทำไม” เขาถามอย่างสงสัยเจือด้วยความไม่พอใจ
“เธอท้องอยู่” เหตุที่ได้ทำเอาเขากรอกตาไปมา
“แต่ก็ไม่ได้ใกล้คลอดนิ อีกอย่างผมยังมีงานค้างที่ต้องเคลียร์ก่อนลาคลอดอีกนะ”
ถึงจะแย้งไปแต่งานค้างที่ว่าก็ไม่ได้มากอย่างที่พูด ส่วนหนึ่งเพราะชิตรัตน์ให้ชาติเขามาช่วยด้วยเหตุผลว่าชาติเป็นผู้ช่วยของเขาต้องเรียนรู้งานเพื่อว่าเขาคลอดชาติจะได้ทำงานแทนได้อย่างไม่มีปัญหา แต่ดูท่าแล้วคนตัวโตที่ค้อมเขาอยู่จะไม่รับฟังเหตุผลของเขาเลยสักนิดและยังคงที่ดึงดันต่อไปอีก
“แล้วยังไง ถึงไม่ใกล้คลอด แต่แก้วมีสิทธิคลอดก่อนกำหนดได้ทุกเวลาแค่ขอลาหยุดก่อนสักสองสามเดือนจะเป็นไรไป”
“นี้คุณผมเป็นลูกจ้างนะไม่ใช่เจ้าของบริษัทที่จะนึกอยากจะหยุดก็หยุดนะ”
แก้วกล้ากรอกตาไปมาก่อนจะเถียงกลับด้วยความรู้สึกไม่สบอารมณ์กับความเอาแต่ใจของคนตัวโตที่ดูจะจู้จี้กับชีวิตเสียเหลือเกิน แก้วกล้าจึงดึงผ้าห่มที่โดนทับให้ออกจากการโดนกดทับมาขึ้นคุมตัวจนถึงคอแล้วหลับตาหนีอีกคนเพื่อที่ว่าจะได้ไม่ต้องมาต่อล้อต่อเถียงกันอีก
ธารมองคนหัวรั้นแล้วได้แต่ส่ายหน้า เขาก็แค่เป็นห่วงกลัวว่าจะเกิดเรื่องตอนนี้เขาไม่อยู่แถมหมอพลอยยังบอกว่าแก้วของเขามีโอกาสคลอดก่อนกำหนดเพราะความเสี่ยงในเรื่องครรภ์เป็นพิษมันยิ่งทำให้เขาเป็นกังวล แต่ดูสิคนที่เขาเป็นห่วงกลับรั้นจะไปทำงานเขาล่ะเหนื่อยใจจริงๆนี้อีกคนจะรู้บ้างไหมว่าเขาเป็นห่วงขนาดไหน ธานบ่นกับตัวเองในใจก่อนจะล้มตัวนอนซ้อนหลังของคนท้องกอดกระชับแขนกอดรอบครรภ์โต
“ฉันแค่เป็นห่วงกลัวแก้วกับลูกจะเป็นอะไรก็เท่านั้น”
“เอางี้ไหม ถ้าแก้วเป็นห่วงเรื่องงานที่ค้างอาทิตย์นี้แก้วก็ไปเคลียร์มันสะแล้วหลังจากนั้นจนกว่าจะคลอดก็เอางานมาทำที่บ้านดีไหมอย่างน้อยให้มีคนคอยดูแก้วเวลาฉันไม่อยู่ฉันจะได้สบายใจ ตกลงนะ”
เมื่อเห็นอีกคนไม่มีท่าทางขัดขืนข้อตกลงที่เขาว่างเอาไว้จึงสรุปโมเมว่าอีกคนตกลง ธารเลยลุกขึ้นจากเตียงคว้าโทรศัพท์ส่วนตัวออกไปหน้าระเบียงกดไล่หาเบอร์ที่เขาต้องการแล้วโทรออก คงไม่ต้องเดาให้มากว่าคนที่ชายหนุ่มลูกครึ่งต่อสายหายามวิกาลแบบไม่เกรงใจจะเป็นใครไปได้ในตอนนี้ถ้าไม่ใช่เจ้านายเพียงคนเดียวของแก้วกล้าอย่างชิตรัตน์
คนท้องที่แกล้งหลังเมื่อครู่ลืมตามองแผ่นหลังของจอมเผด็จการที่คลายอ้อมกอดแล้วออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก เจ้าตัวได้แต่ส่ายหน้ากับความเจ้ากี้เจ้าการไม่เข้าเรื่องของอีกคนแต่ก็อดไม่ได้ปฏิเสธว่ารู้สึกดีที่มีคนคอยเป็นห่วงเป็นใยเช่นนี้จนเผลอยิ้มอย่างพอใจแบบไม่รู้ตัว
“หมียักษ์เอ๋ย”
.....................................................
เช้าวันต่อมาแก้วกล้ายังคงมาทำงานตามปกติอาจมีเพิ่มเติมเล็กน้อยในตอนเช้าที่มีเด็กชายมาสร้างสีสันให้มื้อเช้าดูครึกครื้น อ้อ คงต้องเพิ่มสายตากลุมกลิ่มของเจ้านายหน้าหล่อที่ส่งมาให้ตั้งแต่ตอนเช้านั้นด้วย จนคนช่างสงสัยเช่นเขาทนต่อความอยากรู้ไม่ไหวจนต้องเข้าไปถามให้รู้แล้วรู้รอด
“มองผมแบบนี้หมายความว่าไงครับ”
เสียงแหลมเล็กที่พยายามดัดให้ดูเข้มขึ้นเพื่อหวังว่าจะทำให้คนฟังรู้สึกน่ากลัวแล้วยอมตอบคำถามของเขา หากแต่ผลที่เขาคาดหวังไว้กลับผิดถนัดเพราะมันกลับทำให้คนฟังนั้นอดที่จะอมยิ้มขำไม่ได้
“ก็เปล่านิ แก้วอย่างคิดมากสิ” ชิตรัตน์บอกปัดทั้งที่มุมปากยังยกยิ้มขำอยู่ จนเจ้าของชื่อเริ่มหน้าหงิกงออย่างขัดใจ
“คุณชิน!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า”
คราวนี้ชิตรัตน์ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาทันทีที่โดนแก้วกล้าท้าวสะเอวเรียกชื่ออย่างสุกกลั่น ทำเอาคนที่ถูกหัวเราะใส่ต้องเบาะปากไม่พอใจ
“คุณชินครับเลิกแกล้งคุณแก้วเถอะครับ”
เป็นชาติที่ยืนมองอยู่นานเอ่ยขัดเจ้านายของตนขึ้นมาเมื่อเห็นท่าทางคนท้องเริ่มที่จะแสดงออกมาว่าไม่พอใจ
“นั่งก่อนดีกว่าเนอะแก้ว ชาตินายไปเอาน้ำผลไม้มาให้แก้วหน่อยละกัน”
ชิตรัตน์เบี่ยงประเด็นพร้อมผายมือเชิญให้แก้วนั่งลงที่โซฟาก่อนที่ตนจะเดินไปนั่งลงตรงที่ว่างฝั่งตรงข้ามคนท้อง เพื่อจะได้คุยกันได้สะดวก
“คราวนี้พูดได้ยังครับ”
“ใจร้องจังนะ เดี๋ยวหลานฉันก็กลายเป็นเด็กขี้หงุดหงิดหรอก” ชิตรัตน์เอ่ยแซว
“คุณก็พูดมาสิครับ ว่ามีอะไรทำไมต้องกลั้นขำด้วยเวลาเห็นแก้ว”
แก้วกล้าเริ่มขึ้นเสียงอย่างไม่พอใจ เพราะตั้งแต่เช้าที่เจอหน้ากันทั้งชิตรัตน์และชาติดูจะชอบยิ้มกลุ้มกลิ้มเวลาที่มองมาทางเขาแปลกๆเหมือนมีเรื่องอะไรสักอย่างและตนถึงเมื่อกี้นี้อีกที่เขาเอารายงานการประชุมเมื่อเช้าเข้ามาให้ชิตรัตน์ก็ดูจะยิ้มแปลกๆใส่เขาจนจากที่นาสงสัยกลายเป็นหน้าหงุดหงิดเอาดื้อๆ
“เมื่อคืนคุณธารโทรหาฉัน เธอรู้ใช่ไหม” ชิตรัตน์เท้าความขึ้นให้เขานึกตามก่อนจะพยักหน้ารับ ก็เมื่อคืนเขายังไม่ได้หลับนิเรื่องที่พูดกับเขาได้ยินหมดแหละ.....
“เขาโทรมาขอลางานให้เธอตั้งแต่อาทิตย์หน้าจนกว่าเธอจะคลอด” เจ้ากี้เจ้าการไม่เข้าเรื่อง.....เขาบ่น
“ดูคุณธารจะเป็นห่วงเธอมากเลยนะ”
“...”
“ใจอ่อนให้เขาแล้วสินะ”
“คุณชิน!”
คนท้องว่าเสียงดังเพื่อกลบเกลื่อนอารมณ์ร้อนผ่าวที่แทบระเบิดบนใบหน้าแดงตัวเอง ทำให้คนที่เพิ่งเดินเข้ามาใหม่อีกครั้งอย่างชาติอดสะดุ้งตามไปด้วยไม่ได้
“ก็ดีแล้วไม่ใช่หรอที่มีคนมาดูแลนะ”
“...”
“คุณธานเขาก็เป็นดี ดูท่าแล้วจะรักแก้วมากด้วยมันก็ดีแล้ว”
“...”
“แต่ที่ฉันอยากรู้คือเรื่องของเธอนะแก้ว”
น้ำเสียงหยอกล้อเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นน้ำเสียงจริงจังในช่วงพริบตาจนคนท้องรู้สึกแปลกใจ เรื่องของเขามันมีอะไรน่าสนใจด้วยหรอ....
“วันนั้นที่ไปหาหมอเธอจะบอกว่าไม่เป็นอะไรมากแต่สีหน้าและอาการเป็นห่วงจนมากเกินเหตุของคุณธารมันทำให้ฉันคิดนะ มันมีอะไรมากกว่านั้นใช่ไหม“ ชิตรัตน์ไล่ต้อนถามอย่างจับผิด
“คือแก้ว...”
“แก้ว ที่ฉันถามเพราะว่าเป็นห่วงเธอเองก็อยู่กับฉันมานานจนเป็นเหมือนน้องชายของฉันอีกคนแล้วยิ่งมาเห็นที่แม่ทำกับเธอวันนั้นแล้วฉันยิ่งไม่สบายใจเกิดเธอเป็นอะไรขึ้นมามากกว่าที่พูดจะทำยังไง"
เสียงของชิตรัตน์ที่มักจะอ่อนโยนอยู่เสมออยู่ก็กลับแข็งกร้าวขึ้นมายามเมื่อพูดถึงเรื่องวันนั้น จนแก้วกล้ากับชาติรู้สึกได้แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา
“หมอบอกว่าแก้วมีความเสี่ยงที่จะครรภ์เป็นพิษ มีโอกาสคลอดก่อนกำหนด” มาถึงขั้นนี้แล้วปิดไปก็รั้งแต่ทำให้รอบข้างเป็นห่วงเสียเปล่าๆ
“คุณธารกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นเลยอยากให้แก้วหยุด แต่แก้วยะ..”
“ทำตามที่คุณธารว่านั้นแหละดีแล้ว” ชิตรัตน์เอ่ยขัดขึ้น เสี่ยงที่จะครรภ์เป็นพิษมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆและยิ่งมีโอกาสที่จะคลอดก่อนกำหนดได้ทุกเมื่อแบบนี้ก็เท่ากับว่าคนเป็นแม่ร่างกายไม่สมบูรณ์พอ ดังนั้นเรื่องนี้เขาจึงเห็นด้วยกับความคิดของธาร
“แต่ว่า...”
“ฉันรู้ว่าเธอไม่อยากจะหยุดงาน ฉันคุยกับชาติแล้วว่าตั้งแต่อาทิตย์หน้าฉันจะให้เธอทำงานอยู่แต่บ้านจนกว่าจะคลอดและส่วนงานที่บริษัทชาติจะเป็นคนจัดการ”
“คุณแก้วไม่ต้องห่วงครับหากมีงานอะไรเข้ามาใหม่ผมจะแจ้งให้ทราบตลอดเวลา”
ชาติเสริมขึ้น เขาเข้าใจดีว่าแก้วกล้าเป็นคนมีความรับผิดชอบสูงถ้าเป็นเรื่องงานแล้วล่ะก็อีกคนจะไม่ยอมปล่อยมันจนกว่าจะเสร็จเรียบร้อย แต่ถึงยังไงเขาก็ทำหน้าที่ผู้ช่วยเลขาของแก้วกล้ามานานงานของแก้วกล้าเขาก็เป็นคนคอยช่วยอยู่ตลอดเขาก็พอที่จะรู้เรื่องเกี่ยวกับการทำงานของอีกคนดี
“ตารางงานในแต่ละวันแก้วก็จัดการให้ฉันปกติ ส่วนเอกสารที่ต้องผ่านการพิจารณาฉันจะให้ชาติส่งให้เธอดูอีกรอบก่อนเอามาให้ฉันเซ็น ตกลงไหม”
“ก็ได้ครับ”
เมื่อชิตรัตน์กับชาติพูดมาขนาดนี้แล้วเขาก็ไม่เห็นถึงความจำเป็นอะไรที่จะดื้อเพ่งเถียงต่อไปให้คนอื่นเป็นห่วง ดังนั้นเขาจึงยอมตกลงกับข้อเสนอนี้นั้นไป
“ดีแล้ว งั้นกินน้ำผลไม้ให้หมดแล้วก็ไปเคลียร์งานสะ เพราะเธอคงต้องหยุดยาวหลายเดือน” ชิตรัตน์ระบายยิ้มพอใจ
แก้วกล้ายอมที่จะรับแก้วน้ำที่บรรจุของแหลวสีม่วงอมแดงขึ้นมาดื่มจนหมดพร้อมกับส่งแก้วเปล่านั้นให้ชาตินำไปเก็บ หากแต่ตัวของเขานั้นยังคงนั้นอยู่ที่เดิมจนชิตรัตน์เอ่ยทักขึ้นอย่างแปลกใจคิดว่าอีกคนอาจมีเรื่องที่จะคุยกับตนเป็นการส่วนตัวหรือเปล่า
“มีอะไรหรือเปล่าแก้ว”
“คือ....เรื่องเมื่อวาน”
“ทำไม “
“แก้วอยากรู้ ว่าคุณชินจะเอายังไงต่อ”
จะว่าเขาสอดรู้ก็ได้นะแต่เขาอยากจะรู้จริงๆ ในเมื่อเรื่องมันมาขนาดนี้แล้วเขาก็อยากรู้ว่าชิตรัตน์จะเอายังไงต่อไปถ้าถึงกับว่าเอาเกรทมาให้อยู่กับเกลแบบนี้แล้วแสดงว่าเจ้านายของเขากำลังที่จะทำอะไรบางอย่างอยู่แน่..........
“ก็คงต้องเลือก”
ชิตรัตน์เอ่ย สำหรับเรื่องนี้แก้วกล้าถือเป็นคนที่มีส่วนไม่มากก็น้อยเพราะเขาเองก็มักจะปรึกษาหารือเรื่องนี้ด้วยเป็นประจำ ดังนั้นเมื่ออีกฝ่ายถามเขาจังไม่ลังเลที่จะพูดหรือปกปิด
“เลือกหรอครับ?”
“ใช่ เมื่อก่อนฉันแคร์และตามใจคุณแม่มาตลอดอาจเพราะโรคหัวใจที่ท่านเป็นอยู่ร่วมถึงฉันเหลือท่านเพียงคนเดียวด้วยละมั้งเลยทำให้ไม่ว่าท่านจะพูดหรือตั้งข้อแลกเปลี่ยนอะไรฉันก็ไม่เคยขัด แต่จากเหตุการณ์วันนั้นที่เกิดกับเธอ กับเหตุการณ์เมื่อวานคุณธารคงเล่าให้เธอฟังบางแล้วสินะ” เขาพยักหน้าแล้วรอฟังต่อ
“ฉันคิดว่าฉันคงสปอยด์ท่านมากเกินไป ปกติก็เอาแต่ใจตัวเองอยู่แล้วยิ่งฉันสปอยด์ท่านอีกก็เลยคิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางของทั้งโลก ข้อนี้ฉันผิดเองละ”
ข้อดีอย่างหนึ่งที่แก้วกล้ามักชื้นชมเจ้านายมาตลอดเลยก็คือ เขามักจะวิจารณ์การทำงานหรือพฤติกรรมคนแบบตรงไปตรงมาไม่กลัวว่าจะเสียผลประโยชน์แม้จะเป็นลูกค้าหากผิดก็ว่าตามที่ผิด
“และฉันก็ต้องขอโทษเธอด้วยนะ ที่ดูแลเธอได้ไม่ดี”
“ไม่หรอกครับ คุณทำดีที่สุดแล้ว” เขายิ้มรับ
“ส่วนเรื่องเกล ยังไงฉันก็จะเดินหน้าต่อไปถึงคุณแม่ไม่ยอมรับก็ไม่แคร์ นี้ครอบครัวของฉันฉันเลือกแล้ว”
สายตามุ่งมั่นอย่างมีความหวังของชิตรัตน์ที่เขามักจะเห็นทุกครั้งที่อีกคนพูดถึงครอบครัวมันแสดงให้รับรู้ได้ตลอดเวลาว่าชิตรัตน์รักครอบครัวของตนมาเพียงใด แม้จะผิดพลาดแต่อีกคนไม่เคยท้อที่จะผสานมันกลับคืนมาเลยสักครั้ง แต่สิ่งที่เขากังวลไม่ใช่เรื่องนั้นหากแต่เป็น....
“แต่คุณหญิงคงไม่หยุดแค่นี้แน่” ใช่ คนอย่างคุณหญิงถ้าลองพูดว่าเกลียดแล้วต่อให้ดีหรือถูกใจมากแค่ไหนอีกฝ่ายก็ไม่เห็นดีเห็นงามตามแน่นอน
“ก็คงงั้น แต่ฉันก็คงไม่งอมืองอเท้าปล่อยให้ลูกเมียฉันเป็นอะไรแน่ ถ้าท่านไม่ยอมหยุดฉันนี้ละจะเป็นคนที่ทำให้ท่านหยุดเองไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม”
แก้วกล้านั่งฟังก็พอเข้าใจความรู้สึกของชิตรัตน์ที่ถือว่าเป็นคนกลางของเรื่องนี้พอควรจนอดเห็นใจไม่ได้ ฝ่ายหนึ่งก็แม่ที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่น้อยแถมยังเป็นญาติที่เหลืออยู่เพียงคนเดียว อีกฝ่ายก็ลูกกับคนรักชั่งเป็นการเลือกที่ยากลำยากพอควรจริงๆ
เขานั่งคุยกับชิตรัตน์ในเรื่องงานต่ออีกสักพักก่อนขอตัวออกไปจัดการงานที่ค้างอยู่ ชาติที่มีโต๊ะทำงานอยู่ใกล้ๆบอกเขาว่าเมื่อครู่ฝ่ายบริการเอารายงานประจำเดือนมาให้ซึ่งเจ้าตัวตรวจสอบแล้ววางไว้ให้ที่โต๊ะเพื่อให้เขาดูอีกรอบก่อนส่งให้เจ้าของห้องที่เขาเพิ่งเดินออกมา แก้วกล้าลงมือตรวจสอบแล้วเรียงความสำคัญของงานไปเรื่อยๆตามหน้าที่ที่ได้รับ
ปิ๊บ ปิ๊บ
เสียงข้อความจากโทรศัพท์ดังขึ้นพร้อมแรงสั่นเบาๆที่โต๊ะทำให้เขาต้องละความสนใจจากงานในมือ มองไปที่เจ้าเครื่องมือสื่อสารที่ตอนนี้ดับแสงแจ้งเตือนลงแล้ว แก้วกล้าคว้ามันขึ้นมาก่อนเปิดดูเพื่อว่ามีอะไรสำคัญ
//ตอนเที่ยงคงไม่ได้ไปกินข้าวด้วยต้องไปเช็คของที่ท่าเรือ แต่เดี๋ยวตอนเย็นจะรีบไปรับนะ ดูแลตัวเองด้วยฉันเป็นห่วง
รักแก้วนะ //
ตัวอักษรที่ส่งผ่านมาจากคนที่ถึงแม้จะไม่เห็นหน้าแต่ดูเหมือนความรู้สึกจะส่งผ่านมาถึงจนอดอมยิ้มขึ้นมาไม่ได้ อ่า นั้นสินะถึงเวลาเปิดใจรับอีกคนเข้ามาจริงๆแล้วเสียที คงอีกไม่นานนี้แล้วละที่เขาจะกล้าพูดได้อย่างเต็มปากว่า รัก ผู้ชายตัวโตคนนี้เสียที
ขอเวลาอีกนิดนะ ขอให้เขามั่นใจกว่านี้ว่าเขาเองก็รู้สึกเหมือนที่อีกคนรู้สึกแล้วเขาจะเป็นคนพูดคำนั้นต่อหน้าอีกคนเอง................
________________________________________________________
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ