CHAPTER 6
" ท่านพี่!!!"
เสียงร้องดังก้องทำให้เลนีเมียที่นอนอยู่ผงกหัวขึ้นดูคนที่นอนละเมอ มันเห็นแสงสีทองส่องสว่างอยู่ที่หน้าอกของคนงามที่มันนอนเฝ้า
" ฮึก ท่านพี่.. ท่านพี่!! ช่วยข้าที!!"
เสียงสะอื้นซ้ำทำให้เลนีเมียขับเข้าไปใกล้ไอร่าให้มากขึ้น เวทมนต์.. มีกลิ่นอายของเวทมนต์ลอยคลุ้งอยู่ในอากาศ เลนีเมียพยายามใช้หัวปลุกคนที่หลับให้ตื่นขึ้น แต่ไอร่ายังคงกรีดร้อง ความร้อนที่แผ่ออกมาจากเครื่องรางทำให้เลนีเมียเป็นกังวล แม้มันจะไม่ได้เผาไหม้ แต่ก็สร้างความทรมานลงลึกเข้าไปในจิตใจ
โฮก!!
เลนีเมียคำรามลั่น มันปล่อยสายลมหนาวออกมาจากปากเพื่อลดความร้อนของเครื่องราง แต่ไม่ได้ผล.. เครื่องรางยังคงร้อนระอุ คนงามของมันกำลังเจ็บปวดดิ้นรนอยู่ในฝันร้าย เลนีเมียตัดสินใจวิ่งออกไปหน้าห้องเพื่อตามตัวลิงซ์เข้ามา เมื่อลิงซ์ได้เห็นภาพตรงหน้ามันก็ขู่ฟ่อ และส่งสายตาให้เลนีเมียคอยเฝ้าดูไอร่าไว้ ในขณะที่มันวิ่งออกจากหอคอยไปอย่างรวดเร็ว มันต้องตามคนมาช่วย และคนๆนั้นคือเจ้านายของมัน
ตอนนี้โครอสกำลังนอนหลับอยู่ในห้องนอนใหญ่ เขานอนกระสับกระส่าย มีบางอย่างแปลกไป ทั้งที่อยู่ในเขตอารักษณ์แต่เขากลับนอนหลับไม่สนิท โครอสลืมตาตื่นขึ้นในที่สุด หลายคืนมานี้เขานอนไม่ค่อยหลับ มีบางอย่างกวนใจเขา เขารวบรวมจิตและใช้มนตราตรวจสอบเขตแดนทั้งหมด ไม่มีรอยรั่วอยู่ที่จุดใด เขตแดนของมนตราปกป้องยังคงแข็งแกร่ง
เมี๊ยว!! เมี๊ยว!!
เสียงร้องของลิงซ์ที่ดังขึ้นทำให้โครอสหันไปมองที่หน้าประตู ไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงของอลันดังขึ้น ลิงซ์พยายามพังประตูเข้ามาแต่ถูกอลันห้ามไว้
" ให้ลิงซ์เข้ามา"
สิ้นสุดเสียงสั่ง ลิงซ์กระโจนเข้ามาหาโครอสที่เตียงทันที มันเอาหัวถูไถโครอสแล้วขู่ครางในลำคอเสียงดังลั่น โครอสจ้องลงไปในดวงตาของมัน สิ่งที่เขาเห็นในดวงตาของสัตว์เลี้ยงคือภาพของคนงามที่ถูกเขากักขังกำลังดิ้นรนอย่างเจ็บปวด โครอสลุกออกจากเตียงทันที เขาสวมเสื้อผ้าแล้วรีบเดินออกจากห้อง ลิงซ์วิ่งนำหน้าเขาไปแล้ว เขาสั่งให้อลันที่อยู่หน้าห้องไปตามหัวหน้าพ่อมดมา มีกลิ่นของเวทมนต์ลอยอยู่รอบตัวลิงซ์ แม้จะบางเบาแต่เขาก็รู้สึกได้ เวทมนต์มาจากที่ใดกัน ทำไมเขาถึงตรวจจับไม่ได้ ทั้งที่ข่ายมนต์ก็ยังคงอยู่ดีและกล้าแกร่ง หรือมีใครในปราสาทหลังนี้คิดใช้มนตรากับคนงามของเขาในขณะที่เขายังอยู่ในปราสาท
โครอสเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นเมื่อเดินไปถึงหอคอย เสียงร้องเบาๆที่มากับสายลมทำให้เขาเปลี่ยนจากเดินเป็นวิ่ง เสียงของไอร่า.. เกิดอะไรขึ้นกับคนงามของเขา โครอสวิ่งไปตามบันไดของหอคอยสูงอย่างรวดเร็ว เมื่อเข้าไปถึงห้องขังเขาต้องตกใจกับความร้อนที่กำลังแผดเผาออกมา แสงสีทองสว่างเรืองรองส่องมาจากบนเตียง โครอสสาวเท้าเข้าไปทันทีที่ได้ยินเสียงหวานกรีดร้อง
" ท่านพี่!! เสด็จพี่.. อย่าทิ้งข้าไป.. ฮึก ช่วยด้วย!!"
โครอสขบกรามแน่น กษัตริย์ไอเรส.. โครอสสั่งให้เลนีเมียลงจากเตียงแล้วลงไปนั่งแทนที่ เขาร่ายมนตราปลุกคนที่หลับให้ตื่นขึ้นมาทันที
" ไอร่า ไดแอน ไซธีรา ข้าขอปลุกเจ้าให้ตื่นขึ้นมาจากห้วงฝันเดี๋ยวนี้!"
ประกายมนต์สีทองวิ่งวนไปทั่วตัวของไอร่า มันเรืองรองอย่างอ่อนโยนแต่แข็งแกร่ง มันเลื้อยพันไปทั่วตัวก่อนจะไปหยุดที่ท่อนแขนเรียวยาว โครอสรู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น มนตราเรียกหาแห่งสายเลือด.. เขาไม่แปลกใจแล้วทำไมเขาถึงจับไอมนต์ที่ผ่านเข้ามาในตัวปราสาทไม่ได้ กลิ่นอายเวทมนต์ที่เขาได้กลิ่นจากตัวลิงซ์คงมาจากร่างบางที่ยังคงหลับตาอยู่ โครอสถอดสร้อยคอที่มีเขี้ยวของสิงโตหิมะตัวเมียออก เขากดปลายเขี้ยวลงไปที่นิ้วของตนเองก่อนลากปลายนิ้วเปื้อนเลือดยาวไปตามแนวแขนขาวตรงจุดที่เคยมีแผลถูกกรีด โครอสสัมผัสได้ว่าผิวที่บริเวณนั้นเย็นเยือกมากกว่าที่อื่น เขาลากปลายนิ้วซ้ำลงไปอีกครั้งก่อนเอ่ยมนตราที่กล้าแกร่งมากขึ้น
" ข้าขอใช้โลหิตแห่งข้าแทนตรามนต์ป้องกันมนตราแห่งสายเลือด แม้คนผู้นี้จะมีสายเลือดของเจ้า แต่เจ้าจะไม่มีวันได้แตะต้องคนของข้าอีกแม้เพียงห้วงฝัน และนับต่อจากนี้ไป ไอร่า ไดแอน ไซธีรา จะถูกปกป้องโดยมนตราแห่งข้า ในนามของกษัตริย์แห่งแฮริออส ข้า โครอส อาเบล ไฮพีเรีย ขอขับไล่สิ่งที่อยู่ในความฝัน จงออกไปให้พ้นจากคนของข้า!"
สิ้นเสียงแห่งการร่ายมนตรา ดวงตาสีเทาทอประกายแสงสีทองเข้มข้น มนตรากล้าแกร่งของโครอสกำลังปะทุ ประกายเวทย์สีทองหมุนวนไปทั่วรอยเลือด มันกำลังพยายามแทรกตัวเข้าไปในบาดแผล แสงสีขาวเริ่มปรากฎออกมาให้เห็น ประกายเวทย์ของกษัตริย์แดนเหนือ..
โครรอสเพ่งสมาธิไปที่กระแสเวทมนต์ สมกับที่เป็นผู้ทรงมนตราแห่งแดนเหนือ มนตราของกษัตริย์ไอเรสกล้าแกร่งสมคำล่ำลือ แม้จะอยากอยู่ต่อกรด้วยให้มากกว่านี้ แต่โครอสคิดว่าร่างบางคงทนรับกระแสเวทย์สองสายไม่ไหว โครอสกดเขี้ยวสิงโตหิมะลงไปที่นิ้วมืออีกครั้งที่นิ้วนางข้างซ้าย เลือดที่ส่งตรงมาจากหัวใจของโครอสหยดลงที่เครื่องราง แสงสีทองร้อนจัดยิ่งทวีความร้อนระอุ แต่สำหรับผู้ที่สวมใส่เครื่องรางความร้อนนั้นกลับให้ความรู้สึกที่อ่อนโยนปลอบขวัญมากขึ้น ยิ่งได้ยินกระแสเสียงที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน สติของคนที่จมดิ่งอยู่ในห้วงฝันก็เริ่มกลับคืนมา
" ไอร่า.. ตื่นขึ้นมาได้แล้ว" โครอสกล่าวปลุกคนที่หลับตาอยู่อีกครั้ง แสงสีขาวเริ่มเลือนหายไป จนเมื่อแสงสีขาวหายไปจนหมด แสงสีทองที่เกิดจากประกายเวทย์ของโครอสก็ลดลงเช่นกัน จนในที่สุดแสงทั้งหลายก็เลือนหายไป เหลือแต่เพียงประกายแสงสีทองอ้อยอิ่งอยู่ในดวงตาของโครอสเท่านั้น
น้ำเสียงที่เคยคุ้นในความฝันทำให้ไอร่าลืมตาในที่สุด เขาทอดมองดวงตาสีเทาที่ตอนนี้ดูอ่อนโยนมากขึ้นเมื่อมีประกายสีทองวิ่งผ่าน ไอร่าสะอื้นทันทีลืมตาและตื่นเต็มที่ เขาฝันร้าย.. ฝันดีที่จะเปลี่ยนเป็นฝันร้ายยามเมื่อเขาลืมตา
" ไอร่า คนงามของข้า เจ้าจงอย่าได้ร้องไห้"
ยิ่งได้ยินน้ำเสียงอ่อนโยนไอร่ายิ่งสะอื้นหนัก เขาอ่อนแอเกินไป ทั้งที่รู้ว่าคนที่กำลังเอ่ยปลอบเป็นคนใจร้ายแค่ไหน แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะยึดหาใครซักคนมาเป็นที่พึ่ง
" ข้าฝันร้าย.. ในความฝัน เสด็จพี่พยายามล่อลวงข้า เขาอยากให้ข้าเปิดใจตอบรับ ความฝันนั้นเหมือนจริงมาก เสด็จพี่ใจดีเหมือนที่เคยเป็นดังเช่นในอดีต แต่ข้ารู้ดีว่ามันไม่ใช่ ทุกครั้งที่ข้าตื่นมาข้ารู้ดีว่านั่นเป็นแค่คำลวง หากข้าเปิดใจรับ ต่อไปเสด็จพี่ต้องตามหาตัวข้าพบแน่"
ไอร่าเล่าความฝันทั้งน้ำตา เขารู้ดีว่าไม่ควรพูดอะไรออกไปให้บุรุษผู้นี้ฟัง แต่เขาเหนื่อยมากแล้วที่ต้องสู้กับความฝันนี้แต่เพียงคนเดียว ร่างกายที่อ่อนแอทำให้เขาทนทานต่อความฝันได้ยากขึ้น หากไม่มีเครื่องรางที่สวมใส่อยู่ ไอร่าคงตอบตกลงและตกหลุมพลางของไอเรสไปแล้ว
" เจ้าเริ่มฝันตั้งแต่เมื่อไหร่"
โครอสกระชับอ้อมแขนให้คนที่กำลังร้องไห้ขยับเข้ามาใกล้ตัวมากขึ้น เจ้าแมวป่าตอบรับอ้อนแขนเขาเป็นอย่างดี สองแขนเรียวโอบรอบคอเข้าไว้อย่างหาที่พึ่ง คนงามของเขายังคงสะอื้นจนต้องลูบหลังปลอบเบาๆ จนเมื่ออีกฝ่ายเริ่มรู้สึกมั่นคงขึ้นจึงได้ตอบคำถามเขาออกมา
" ตั้งแต่คืนแรกที่เข้ามาในหอคอยสูง ข้ามักตื่นได้เองในช่วงรุ่งสาง แต่นานวันไปความฝันของข้ายิ่งยาวนานขึ้น ข้าตื่นขึ้นมาเองไม่ได้ เลนีเมียต้องคอยปลุกข้าทุกครั้งที่ทนความร้อนในความฝันไม่ไหว ข้าคิดว่าเครื่องรางเป็นตัวฉุดรั้งไม่ให้ข้าตอบรับ ข้าร้อนและทรมานมากขึ้นทุกครั้งที่พยายามเอ่ยปากตกลง จนในคืนนี้ข้า.."
" เจ้าทำไม?"
คราวนี้ไอร่าเม้มปากแน่น คืนนี้ฝันของเขาน่ากลัวกว่าทุกที ไอเรสดึงภาพจากความทรงจำของเขาขึ้นมา ภาพตอนที่เขาถูกขืนใจ ภาพตอนที่เขาถูกบังคับให้ร่วมรัก ไอเรสดึงมันขึ้นมาแล้วหลอกล่อเขาว่าสามารถช่วยเขาให้พ้นไปจากฝันร้ายนี้ได้ แน่นอนว่าในความฝันไอร่าอยากตอบรับคำของไอเรสแทบขาดใจ แต่เครื่องรางก็ฉุดรั้งโดยการแผดเผาเขามากยิ่งขึ้น ปกติแล้วหากเจ็บปวดมากขนาดนั้นเลนีเมียต้องคอยปลุกเขา แต่คราวนี้เขากลับไม่ตื่น เขาต้องนอนกรีดร้องอยู่ในความฝันเมื่อถูกเครื่องรางที่เป็นเครื่องช่วยชีวิตเผาไหม้ ถึงเขาจะไม่ได้ไหม้เกรียม แต่เขาก็รู้สึกเหมือนถูกเผาทั้งเป็น
" ไอร่า.. บอกข้ามา ข้าสาบานไว้แล้วว่าจะปกป้องเจ้า"
ไอร่ายังคงไม่ตอบ จะให้เขาบอกว่าอะไร บอกว่าเขากลัวการถูกขืนใจงั้นหรือ แม้คนผู้นี้สาบานว่าจะปกป้องเขาแต่เจ้าตัวจะรู้ไหมว่าคนที่เขากลัวมากที่สุดก็คือเจ้าตัวยามที่โมโหร้าย
" ฝ่าบาท กระหม่อมตามท่านพ่อมดมาแล้วพะยะค่ะ"
เสียงของอลันทำให้ไอร่าสะดุ้ง เขายังไม่ได้สวมผ้าคลุม แต่เหมือนคนที่กำลังกอดเขาอยู่จะรู้ดี โครอสดึงผ้าห่มมาคลุมตัวเขาไว้ ก่อนเรียกอลันให้เข้ามา
ความจริงอลันมาถึงหน้าประตูห้องตั้งนานแล้ว เพียงแต่เขาไม่อยากขัดจังหวะเจ้านายที่กำลังตะล่อมถามเจ้าแมวป่าที่กำลังเสียขวัญ เขากับท่านพ่อมดได้ยินทุกอย่างที่ทั้งสองคุยกัน จนเมื่อเจ้าแมวป่านิ่งเงียบไปราวกับกำลังใช้ความคิด อลันจึงขออนุญาติเข้าไปในห้องในที่สุด
" กระหม่อมขออนุญาติจุดเตาผิงนะพะยะค่ะ"
อลันเอ่ยขึ้นพลางถือคบไฟไปที่เตาผิงก่อนจุดไฟ เจ้าแมวป่าทนนอนอย่างหนาวเย็นได้อย่างไรทั้งที่ไม่จุดเตาผิง แต่เมื่อเห็นเลนีเมียที่นอนอยู่ข้างเตียง อลันก็รู้แล้วว่าเลนีเมียทำตัวเป็นเตาผิงให้ท่านไอร่า ส่วนลิงซ์.. ป่านนี้มันคงวิ่งไปปลุกแม่เขาขึ้นมาเพื่อให้เตรียมอาหารสำหรับเจ้าแมวป่าเป็นแน่
" ฝ่าบาทมีอะไรให้กระหม่อมรับใช้หรือพะยะค่ะ" เสียงของพ่อมดชราเอ่ยถามขึ้น
" มีคนใช้มนตราผ่านความฝัน ข้าคิดว่ามันเป็นมนตราที่เกิดผ่านมนตราเรียกหาแห่งสายเลือด เจ้าพอจะมีวิธีแก้ไขหรือไม่"
มนตราเรียกหาแห่งสายเลือด เป็นมนตราที่เกิดจากคนที่มีสายเลือดเดียวกันเรียกหากัน ปกติจะเป็นมนตราที่ใช้ตามหาหมู่พี่น้องที่พลัดพราก แต่ก็มีเหมือนกันที่มนตรานี้จะใช้เป็นตัวถ่ายเทเลือด เพราะถ้ามีคนใดคนหนึ่งเสียเลือดมากจนถึงขั้นใกล้เสียชีวิต มนตราแห่งสายเลือดจะเกิดขึ้นได้เองโดยที่ไม่ต้องร่ายมนต์ มนตราบทนี้มีเพื่อรักษาชีวิตคนในครอบครัวเท่านั้น ไม่มีทางที่คนที่มีสายเลือดเดียวกันจะแยกออกจากกันได้ แต่ถ้าพูดถึงวิธียับยั้งมันก็พอมีอยู่บ้าง
" หากฝ่าบาทเป็นผู้ที่มีมนตรากล้าแกร่งกว่าผู้ที่มีสายเลือดเดียวกัน ฝ่าบาทสามารถมอบเลือดทดแทนเข้าไปตัวท่านหญิงแทนได้.."
" ..ข้าเป็นบุรุษ"
เสียงท้วงติงของไอร่าทำให้ท่านพ่อมดชะงัก ก็จากที่ฟังน้ำเสียงตอนที่เจ้าตัวคุยกับฝ่าบาท น้ำเสียงของอีกฝ่ายเหมือนอิสตรีชัดๆ หรือว่าเขาแก่แล้วจนหูฟังผิดไป
" เอ่อ.. ถ้าฝ่าบาทมอบเลือดทดแทนไปให้ท่านชาย กระหม่อมคิดว่ามนต์เรียกหาจะหยุดทำงานไปเองพะยะค่ะ" ท่านพ่อมดที่ตั้งสติได้รีบเปลี่ยนคำพูด
" มอบเลือดให้? ไม่มีวิธีอื่นหรือไง กว่าจะทำพีธีมอบเลือดได้เสร็จสิ้น คนของข้ามิต้องขาดน้ำขาดอาหารตายหรือไง"
โครอสพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ พิธีมอบเลือดเป็นอะไรที่ยุ่งยาก เพราะนอกจากจะต้องใช้มนตราแล้ว หากผู้ที่ได้รับไม่ใช่คนในครอบครัว จะต้องมีการปรับสภาพของผู้ที่รับเลือดไปอีกสามวันก่อนทำพิธีเพื่อไม่ให้เกิดการต่อต้านระหว่างสายเลือด และในสามวันนี้ผู้ที่รับเลือดก็ต้องอดน้ำและอดอาหาร เรียกได้ว่าผู้ที่รับเลือดน่าจะตายเพราะการขาดน้ำและอาหารมากกว่าการเสียเลือด
" ความจริงแล้วก็มีอีกวิธีพะยะค่ะ แต่.." ท่านพ่อมดอ้ำอึ้ง
" วิธีอะไร?"
ท่านพ่อมดลังเล ถ้าเขากราบทูลไปเขาจะยังมีชีวิตรอดอยู่อีกหรือไม่ เพราะฝ่าบาทของเขาคงไม่ชอบใจวิธีนี้เป็นแน่
" รีบๆพูดมา!"
เสียงตะโกนไม่พอใจดังขึ้นจนทำให้ท่านพ่อมดรีบพูดออกไปทันที เขาแค่เสนอทางเลือกให้ฝ่าบาทเท่านั้น ฝ่าบาทคงไม่นึกกริ้วจนตัดหัวเขาหรอกนะ
" หากฝ่าบาททรงรับท่านชายมาเป็นคนในครอบครัว ก็สามารถส่งผ่านเลือดได้โดยไม่ต้องทำพิธีให้ยุ่งยากพะยะค่ะ แต่วิธีนี้ต้องได้รับการยินยอมจากทั้งสองฝ่าย การผูกพันนอกสายเลือดจะรวมเป็นหนึ่งได้ต้อง.. ต้องผ่านการแต่งงานที่ให้สัตย์สาบานว่าจะดูแลกันไปตลอดชีวิตพะยะค่ะ" ท่านพ่อมดรีบพูด เขาแค่พูดตามความจริงเท่านั้น เขาไม่ได้คิดลบหลู่อยากให้ฝ่าบาทแต่งงานกับบุรุษด้วยกันหรอกนะ
ตอนนี้ทั่วทั้งห้องเงียบกริบเมื่อท่านพ่อมดพูดจบ ไอร่านั้นนิ่งเงียบไม่เห็นด้วยตั้งแต่ที่ท่านพ่อมดเสนอวิธีมอบเลือดแล้ว เขาจะไม่มีวันเอาสายเลือดของผู้อื่นมาปะปนในสายเลือดของราชวงศ์เขาเด็ดขาด
ส่วนอลันเองนั้นได้แต่ยืนอึ้งกับคำบอกของท่านพ่อมด แต่งงานและให้สัตย์สาบานว่าจะดูแลปกป้องไปชั่วชีวิต.. นี่มันเป็นคำสาบานของผู้ที่จะได้ขึ้นเป็นราชินีโดยชอบธรรมไม่ใช่หรือไง
ในขณะที่โครอสกำลังนึกอะไรบางอย่าง สิ่งที่เกิดจากความผูกพันของการแต่งงานมันย่อมมีค่ามากกว่าประโยชน์ที่ใช้เพียงการถ่ายเลือดแน่นอน
" ถ้าข้าแต่งงาน.. ข้าสามารถตามคนรักของข้าไปได้ทุกที่?"
คำเปรยของโครอสยิ่งทำให้ทุกคนนิ่งเงียบ ไอร่าเริ่มขมวดคิ้ว คนผู้นี้ประสาทเสียไปแล้วหรืออย่างไร ทำไมถึงได้พูดเรื่องงานแต่งงานขึ้นมา การแต่งงานมีได้แค่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น และถ้าเขาจำไม่ผิด คนผู้นี้เหมือนจะมีราชินีอยู่แล้ว
" ว่าไงท่านพ่อมด"
" พะ.. พะยะค่ะ ถึงการแต่งงานจะไม่เหมือนคำสัตย์สาบานมอบชีวิตและวิญญาณ แต่หาก.. หากคนรักของพระองค์อยู่ในอันตรายพระองค์ก็สามารถตามเข้าไปช่วยเหลือได้แม้จะอยู่ในที่ๆมีมนตราขวางกั้นพะยะค่ะ"
เมื่อได้ยินหัวหน้าพ่อมดพูดเช่นนั้น โครอสก็ยกยิ้มเล็กน้อยก่อนเอ่ยไล่ท่านพ่อมดออกไป
" พวกเจ้าออกไปได้แล้ว อลัน คืนนี้ข้าจะนอนค้างที่นี่ พรุ่งนี้เช้าให้ลิเดียยกอาหารเช้าเข้ามาในห้องนี้ ข้าจะอยู่รับอรุณกับเจ้าแมวป่า"
" กระหม่อมจะจัดเตรียมผ้าห่มและหมอนมาเพิ่มเติมพะยะค่ะ และอีกประเดี๋ยวท่านแม่คงตามขึ้นมาพร้อมอาหารรองท้อง เพราะเมื่อครู่ลิงซ์ทำท่าว่าจะไปหาอาหารมาให้ท่านไอร่า ถ้ายังไงขอฝ่าบาทอย่าเพิ่งเข้าบรรทมเพราะท่านไอร่าเองก็คงจะหิวแล้วที่ต้องตื่นขึ้นมากลางดึก"
ความหมายของอลันที่ต้องการจะสื่อก็คือ อย่าเพิ่งทำอะไรเจ้าแมวป่าที่กำลังป่วย เขาอยากขอปรึกษาเรื่องนี้กับฝ่าบาทเป็นการส่วนตัวก่อน
" ข้าจะอยู่รอบนนี้จนกว่าเจ้าแมวป่าจะหายดี และถ้าเจ้าแมวอวดดีไม่ดื้อดึงมากนัก ข้าจะยอมปล่อยมันให้นอนหลับแต่โดยดี"
คำตอบของโครอสคือการปฏิเสธคำขอของอลัน เขาคิดได้แล้วว่าจะทำสิ่งใดต่อไปและไม่คิดที่จะหารือกับอลันให้เป็นการเสียเวลา
" ..พะยะค่ะ"
อลันจำใจรับคำแล้วเชิญท่านพ่อมดให้เดินออกจากห้อง คราวนี้นายของเขาคงวางแผนอะไรไว้อีกแล้ว นายของเขาคงไม่คิดใช้วิธีของท่านพ่อมดมาดึงรั้งเจ้าแมวป่าไว้หรอกนะ การแต่งงานไม่ใช่เรื่องล้อเล่น พิธีการศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้เกี่ยวพันระหว่างคนสองคนไม่ใช่เรื่องเล็กๆที่นึกอยากจะทำก็ทำได้ ความผูกพันแบบนี้เป็นเหมือนพรและคำสาป หากพลาดพลั้งไป..อลันเกรงว่านายของเขาคงได้ตกหลุมที่ตนขุดไว้แน่