ー 2nd Match ♥
☁
เวลาล่วงเลยจากนัดเกาหลีและเยอรมันมาได้สองอาทิตย์เศษ ช่วงนี้ท้องฟ้ายังคงขมุกขมัวไร้แสงแดดเจิดจ้าเหมือนเคย บรรยากาศครึ้มฟ้าฝนเต็มไปด้วยก้อนเมฆสีเทาลอยต่ำเต็มผืนฟ้า เม็ดฝนสีขุ่นตกปรือปรอยทั้งวันไม่มีทีท่าว่าจะหยุดพักแม้แต่น้อย
อากาศฉ่ำเย็นจากสายลมที่พัดผ่านเข้าทางหน้าต่างบานเกล็ดทำให้ร่างของชายหนุ่มสองคนที่ยังขลุกตัวอยู่บนเตียงไม่ยอมลืมตาตื่นขึ้นมาจากฝันหวานสักที จนกระทั่งเสียงเพลงแทนนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์ยี่ห้อหรูดังขึ้นปลุกภวังค์ เจ้าของเครื่องส่งเสียงงัวเงียขณะเอื้อมมือไปคว้ามากดปิดเสียง
ผู้ที่รู้สึกตัวตื่นก่อนยืดแขนและขาบิดขี้เกียจบนเตียงสีขาวขนาดกลางไปมา ก่อนจะตวัดแขนลูกหมาตัวโตที่ก่ายกอดเขาไว้ทั้งคืนออกจากตัวอย่างไม่ไยดี หันไปหยิบหมอนข้างตัวโปรดที่ถูกคนใจร้ายปัดทิ้งไว้ข้างเตียงขึ้นมากอดแทน
แรงกอดรัดจากทางด้านหลังค่อยๆ โอบเอวคอดเพื่อดึงรั้งตัวคนที่สลัดแขนเขาทิ้งอย่างไร้ปรานีเข้าไปชิดแผงอกช้าๆ ไม่ให้จอมดื้อที่กำลังเคลิ้มหลับสะดุ้งตื่นอีกรอบ ฮอนปล่อยให้เวลาดำเนินผ่านไปเรื่อยๆ เพราะอยากซึมซับช่วงเวลาแห่งความสุขที่คนตัวเล็กในอ้อมแขนไม่หันมาโวยวายใส่เขาเวลาถูกกอดรัด ทว่าเวลาแห่งความสุขนี้ต้องจบลงทันทีที่นึกได้ว่าคุณหนูตัวขาวตั้งนาฬิกาปลุกเอาไว้เพราะมีเรียน
“จะบ่ายแล้ว หนูกิไม่ไปเรียนเหรอคะ” เสียงกระซิบข้างหูพร้อมแรงกอดกระชับที่เอวค่อยๆ เรียกสติกิที่กำลังเคลิ้มหลับไปอีกรอบ เปลือกตาหนักอึ้งฝืนขยับเปิดรับแสงวันใหม่ ดวงตาหรี่มองเวลาบนหน้าจอโทรศัพท์ที่บ่งบอกว่าตัวเขายังพอมีเวลานอนต่อได้อีกสักหน่อย
“เพิ่งเที่ยงเอง” คนขี้เซาพูดเสียงงัวเงีย
“เด็กขี้เซา” ฮอนทำเนียนกอดต่อไป ยิ่งได้ใจใหญ่เมื่อเห็นว่าอีกคนยังคงเคลิ้มหลับไม่ลุกขึ้นมาด่าที่โดนหาเศษหาเลยแต่เช้า ปลายนิ้วค่อยๆ สอดเข้าไปในเสื้อยืดสีดำตัวโปรดของกิ พร้อมไล้สัมผัสบนหน้าท้องเนียนอย่างอ้อยอิ่ง
“กิ”
“…”
“ถ้ามือกูสูงหรือต่ำกว่านี้กูจะหยุดไม่ได้แล้วนะ”
“…” เสียงอืออาในลำคอเหมือนละเมอทำให้ฮอนทึกทักเอาเองว่าคนที่กำลังหลับใหลอยู่ขณะนี้เอ่ยตอบรับอนุญาตแล้ว ปลายนิ้วสากแบบฉบับคนเล่นกีตาร์ค่อยๆ เลื่อนไล้ขึ้นไปถึงจุดอ่อนไหวส่วนบน ลูบวนไปมาก่อนจะบีบดึงสลับข้างไปมาอย่างมันเขี้ยว
“ไอ้เหี้ยฮอน” เสียงทุ้มต่ำของกิปลุกภวังค์ความสุขชายผู้กำลังเพลิดเพลินเสียกระเจิง มือที่ใช้ล้วงใต้เสื้อยืดถูกตะปบและกระชากออกอย่างแรงไร้ความปรานี
“แหะ” เขาพูดอะไรไม่ออกนอกจากส่งยิ้มแห้งๆ ให้เจ้าของห้องที่กำลังทำหน้าถมึงทึงมองมา
กิสะดุ้งตัวตื่นพร้อมอาการหัวเสียเมื่อโดนก่อกวนยามหลับ ลุกขึ้นนั่งจัดเสื้อของตัวเองที่ถูกมือปลาหมึกเลิกขึ้นสูงเห็นอะไรต่อมิอะไรไปหมด ห้านาทีก่อนดวงตาของเขายังปรือปรอยลืมไม่ขึ้น ทว่าตอนนี้กลับตื่นเต็มตาเพราะใครบางคน
…จะมีอะไรน่าหงุดหงิดไปกว่าการถูกกวนตอนนอนอีกล่ะ
“กิ” ข้อมือเล็กถูกคว้าเอาไว้ยามที่เขากำลังลุกออกจากเตียง สายตาแฝงความหงุดหงิดมองมาที่ร่างชายคนเรียกแทนคำขานรับ
“จะออกไปห้างนะ”
“แล้ว?”
“เอาอะไรปะ”
“ไม่เอา” เจ้าของข้อมือที่ถูกกอบกุมพยายามบิดข้อมือตัวเองให้หลุดออก ทว่าไม่เป็นผลเพราะแรงมือของคนตรงหน้าหนีบแน่นเหลือเกิน
“กิ”
“ปล่อยได้แล้ว กูจะไปอาบน้ำ”
“ให้เข้าไปช่วยอาบไหมคะ”
สายตาเย็นชาตวัดมองมาหาคนที่เอ่ยวาจาวอนโดนด่าตั้งแต่ตื่นนอน ฮอนขนลุกเกรียวจนต้องรีบปล่อยมือให้เจ้าของห้องไปหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ
“กิ”
“อะไรอีก”
“ขอกูเข้าห้องน้ำก่อนได้เปล่า มันค้างว่ะ”
“ไอ้เหี้ยฮอน!”
ปัง!
เสียงตะโกนด่าพร้อมเสียงปิดประตูห้องน้ำดังขึ้นเรียกรอยยิ้มจากคนที่กำลังนอนกลิ้งบนเตียงไปมาอย่างมีความสุข
ชายหนุ่มคิดสงสัย หรือเขาจะเป็นโรคจิตเหมือนที่เพื่อนสนิทเคยว่าเอาไว้จริงๆ วันไหนไม่ได้โดนหนูแป้งจอมดื้อของเขาด่า วันนั้นเขาคงเป็นทุกข์ นอนไม่หลับไปทั้งคืนแน่ๆ
--------
ทันทีที่กิเดินออกจากห้องไปมหา’ลัย ฮอนก็ลุกขึ้นไปใช้ห้องน้ำต่ออย่างรวดเร็ว ความคิดในหัวพลุ่งพล่านกระจัดกระจายยามคิดถึงภาพหนูกิยามที่ถูกเขารุ่มร่ามใส่เมื่อชั่วโมงก่อน
หน้าท้องของคนใต้ร่างเขาแบนราบเพราะมักซิทอัพยามเย็นอยู่บ่อยครั้ง ผิวขาวเนียนเหมือนคนไม่เคยโดนแดดเมืองไทยมาก่อนช่างสะดุดตายามใส่เสื้อผ้าสีเข้มตัดกับสีผิวของเจ้าตัว เรียวขาเรียบเนียนน่าลูบไล้ของอีกคนมักถูกปกปิดด้วยกางเกงเนื้อเบาขายาวที่เจ้าตัวชอบใส่อยู่ในห้องเสมอ
ฮอนกำลังสร้างภาพจินตนาการที่ไร้เสื้อผ้ามาบดบังส่วนที่น่ามองเหล่านั้นเพื่อปลุกปั่นตัวเองในยามนี้ ในสมองของเขามีแต่ภาพของอีกคนเต็มไปหมด ตัวไม่อยู่แต่ยังทิ้งภาพไว้ในหัวของเขาอีก
“ร้ายกาจจริงๆ นะหนูกิ …อือ”
หลังเสร็จกิจกรรมหรรษาในห้องน้ำ ชายหนุ่มก็คว้าพวงกุญแจรถเตรียมเดินทาง ทำหน้าที่พ่อบ้านที่อีกคนไม่ได้ขอให้สมบูรณ์แบบ
ปลายทางของรถเก๋งสีขาวมุกในวันนี้คือห้างสรรพสินค้าใกล้คอนโด ชายหนุ่มสวมเสื้อยืดกางเกงวอร์มสีดำเข้าคู่กัน พร้อมแตะลายขาวดำมียี่ห้อเดินลงจากรถอย่างทะมัดทะแมง คว้ารถเข็นได้ก็เดินไปทางโซนเครื่องดื่มก่อนเป็นอันดับแรก เขาหมายมั่นว่าจะขนเบียร์ล็อตใหม่ไปเติมสต๊อกไว้ดื่มคลายเครียดขณะดูบอลนัดชิงในค่ำคืนวันอาทิตย์ที่ใกล้จะถึงนี้ไปด้วย
เวลาผ่านไปสักพัก รถเข็นที่ก่อนหน้าว่างเปล่าถูกเติมเต็มด้วยของใช้ภายในห้องซึ่งเขาจำได้ว่าใกล้จะหมด รวมถึงอาหารสดและขนมขบเคี้ยวที่กิชอบก็ถูกกวาดลงรถเข็นจนไม่มีที่ว่างให้วางของเพิ่มอีกต่อไป ฮอนจึงคิดว่าหน้าที่พ่อบ้านวันนี้ควรพอได้แล้ว
ระหว่างที่กำลังขนของออกจากรถเข็นลงบนเคาน์เตอร์แคชเชียร์ สายตาคมของเขาก็เหลือบไปเห็นสิ่งของสำคัญที่สุดที่ต้องใช้แต่กลับลืมไปเสียสนิทได้ กล่องถุงยางถูกเขากวาดลงคิดเงินทันทีทันใดโดยไม่รีรอ
ไม่รู้ว่าหนูกิชอบกลิ่นไหน เขาเลยหยิบมาทุกกลิ่นที่มีในแผงขายทั้งหมดนั่นแหละ
---------
พ่อบ้านมือใหม่จัดของที่เพิ่งซื้อมาให้เข้าที่อย่างเป็นระเบียบเพราะกลัวเจ้าของห้องบ่น ครั้งก่อนที่เขารอดตายจากฝ่าเท้าของกิหลังมาได้จากไปรังแกเขาอย่างรุนแรงเอาไว้ ก็เพราะสัญญาว่าต่อไปนี้จะทำตัวเป็นผู้ขออาศัยที่ดี ไม่ทำห้องสกปรกรกรุงรัง แม้ว่าจะตั้งใจไปรุงรังกับเจ้าของห้องแทน แน่นอนว่าประโยคหลังชายหนุ่มได้แต่คิดในใจ ไม่กล้าพูดออกไปเพราะเสี่ยงต่อการโดนไล่กลับบ้านก็ตามที
ชายหนุ่มเหลือบมองนาฬิกาแขวนผนังในห้องนั่งเล่นที่บ่งบอกว่าอีกไม่กี่สิบนาทีคลาสเรียนฤดูร้อนของเด็กขยันใกล้จะจบลง สายฝนยังคงโปรยปรายไม่มีทีท่าว่าจะผ่อนแรงลงเลยแม้แต่น้อย เขาเขกกำปั้นใส่หัวตัวเองหนึ่งทีที่เพิ่งคิดได้ว่าควรไปรอรับหนูแป้งตั้งแต่กลับจากห้าง คิดได้ดังนั้นก็รีบไปคว้ากุญแจรถขึ้นมาใหม่ พร้อมกดส่งไลน์ไปหาทันที
Honne. เลิกรึยัง
Honne. กำลังไปรับนะ รอใต้คณะ
ขณะที่กำลังยืมรอลิฟต์ โทรศัพท์ก็สั่นครืดแสดงแจ้งเตือนว่ามีข้อความใหม่ แน่นอนว่าไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นคนที่เขาเพิ่งทักไปเมื่อสักครู่นี่เอง
G I. ไม่ต้องๆ
G I. ใกล้ถึงห้องแล้ว
ฮอนขมวดคิ้วทันทีที่เห็นข้อความตอบกลับของอีกคน นี่ควรเป็นเวลาที่กิเพิ่งจะเลิกคลาสไม่ใช่หรอกเหรอ แต่ทำไมกิถึงบอกว่าใกล้ถึงแล้ว หัวคิ้วเริ่มขมวดแต่ก็ไม่ปล่อยให้ตัวเองสงสัยนานเพราะมือกดเลื่อนไปโทรหาเจ้าของชื่อ ‘หนูแป้ง’ ในสมุดรายชื่อโทรศัพท์ทันที
“โหล”
(อือ)
“อยู่ไหน”
(ติดไฟแดงแยกก่อนเข้าปากซอยเนี่ย)
“ติดไฟแดง? นั่งแท็กซี่มาเหรอ”
(เปล่า เล็กมาส่ง)
“เล็ก? เล็กไหนทำไมกูไม่รู้จัก”
(เดี๋ยวกลับไปกูบอก แค่นี้ก่อนนะ)
ปลายสายเอ่ยคำลาพร้อมตัดสายทันที ไม่ให้เวลาเขาที่ยังคงขมวดคิ้วสงสัยได้ตอบกลับเสียก่อน ฮอนตัดสินใจกลับไปหยิบร่มในห้องพร้อมกดลิฟต์ลงมาหน้าตึกรออีกฝ่ายแทน
เขาเดินไปหารถเก๋งสีดำยี่ห้อแพงทันทีที่เห็นว่าคนที่เขากำลังรออยู่เปิดประตูเตรียมลงแต่ไม่ก้าวขาออกจากรถเสียที
“ทำอะไรอยู่”
เสียงเข้มดังขึ้นเรียกให้คนข้างในรถสองคนเงยหน้ามองบุคคลผู้มาใหม่พร้อมกันทันทีเมื่อได้ยินเสียงทัก คนหนึ่งมองด้วยแววตาแปลกใจคละสงสัยว่าคนที่ควรนั่งอยู่บนห้องทำไมถึงมายืนกางร่มอยู่ตรงนี้ได้
“ฮอน”
“เออ ออกมาได้แล้วกิ เห็นไหมว่าฝนตก” น้ำเสียงบ่งบอกความไม่เป็นมิตรของคนพูดช่างห้วนสั้น ชายหนุ่มผู้ทำหน้าที่ขับรถผงกหัวให้แทนการทักทายคนแปลกหน้า ก่อนจะหันมาถามคนข้างๆ
“แฟนเหรอกิ”
“ไม่ใช่ๆ เพื่อนน่ะ”
“เราก็นึกว่ากิมีแฟนแล้ว เกือบละ”
“หือ เกือบอะไรเล็ก”
“ก็--”
“กิ ออกมาได้แล้ว!” เสียงตวาดอย่างไม่ชอบใจของคนที่ยืนกางร่มอยู่นอกรถดังขัดจังหวะกิที่กำลังจะตอบกลับจนอีกฝ่ายสะดุ้ง
“เออเราไปละ ขอบใจที่มาส่งนะ ขับรถกลับดีๆ ล่ะ บาย”
“กิ” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นอีกรอบเมื่อคนที่เขารออยู่ไม่ยอมออกมาสักที บอกลากันอย่างกับเด็กเพิ่งหัดขับรถ เขาหงุดหงิดฉิบหายแต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากยืนกำร่มแน่นอยู่ตรงนี้
“เออรู้แล้ว จะเรียกอะไรนักหนาเนี่ย” คนตัวเล็กก้าวขาลงจากรถ เงยหน้ามองชายหนุ่มที่กำลังทำหน้าเข้มด้วยแววตาสงสัยว่าไปกินรังแตนก่อนมารึเปล่า
“ขึ้นห้องเลย” ข้อมือเล็กโดนคว้าหมับพร้อมกระชากให้เข้ามาอยู่ในร่มด้วยกัน ก่อนที่ฮอนจะเนียนยกแขนขึ้นโอบไหล่ดึงคนตัวเล็กกว่าเข้ามาหาตนเอง
สองร่างค่อยๆ เดินเคียงคู่กันในร่มสีเขียวอ่อน ฮอนพับเก็บร่มทันทีที่เดินผ่านประตูเข้ามาข้างในตัวตึก กุญแจห้องบนชั้นสามถูกไขโดยเจ้าของห้องที่ยังคงมึนงงเพราะเพื่อนสนิทไม่พูดไม่จาด้วย
“เป็นไรของมึงเนี่ย” กิเอ่ยถามขณะที่อีกคนเดินถือกระป๋องเบียร์ไปนั่งบนโซฟา
“หวงมึงไง”
“หวงอะไร กับเล็กนั่นน่ะนะ?”
“เออ” กิหัวเราะออกมาเบาๆ ทันทีที่รู้ท่าทีนิ่งเงียบแบบนี้มีสาเหตุมาจากใครและเพราะอะไร เขาเดินเข้าไปแย่งกระป๋องเบียร์ในมืออีกฝ่ายที่กำลังจะยกขึ้นดื่มมากระดกดื่มเสียเอง
“เพื่อนในคลาสเฉยๆ ไหมล่ะ มันอาสามาส่งเพราะเห็นฝนตก”
“ก็กูบอกจะไปรับไง”
“ตอนมึงไลน์มากูใกล้ถึงหอแล้วเนี่ย”
“มึงเลิกเร็วทำไมไม่บอกกู”
“ไอ้เหี้ยฮอน มึงอย่างอแงได้ปะ กูจะไปรู้ได้ไงว่า’จารย์จะปล่อยเร็ว” กิยกกระป๋องเบียร์ขึ้นดื่มอีกอึกก่อนจะนั่งลงข้างๆ เด็กโข่งที่กำลังงอแงทำตัวเป็นเด็กอนุบาล
“แล้วมึงมาแย่งเบียร์กูกินทำไม” ฮอนนั่งมองคนที่ยังอยู่ในชุดนักศึกษาทว่าปล่อยชายเสื้อออกมาข้างนอกให้สบายตัว ก่อนจะกลืนน้ำลายเสียงดังเพราะเสื้อนักศึกษาสีขาวเนื้อบาง ยิ่งโดนเม็ดฝนตกปรอยใส่ด้วยแล้วยิ่งบางเข้าไปใหญ่
“ทำไม แค่นี้แบ่งกูไม่ได้หรอ” ดวงตากลมจ้องมองโทรทัศน์ที่กำลังฉายซีรีส์แนวสืบสวนด้วยใจจดจ่อ ไม่สนใจไอ้ตัวปลาหมึกที่อยู่ข้างๆ กิเองก็ลืมไปเสียสนิท ลืมว่าเขาต้องสนใจความปลอดภัยของตนเองด้วย
คนตัวเล็กยกกระป๋องเบียร์ขึ้นดื่มจนหยดสุดท้าย ยังไม่ทันได้กลืนกิน เจ้าตัวก็โดนคนข้างๆ คว้าคอไปประกบจูบเสียก่อน ลิ้นร้อนของอีกฝ่ายพยายามรุกล้ำเข้ามาจนเขาต้องเปิดปาก น้ำเบียร์สีใสที่ยังไม่ทันได้กลืนลงท้องจึงค่อยๆ ไหลลงมาตามมุมปากทั้งสอง ผ่านลำคอระหงไปเรื่อยๆ กระทั่งหยดลงที่คอเสื้อขาว
“อื้อ!” เสียงร้องประท้วงในลำคอของคนโดนจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัวดังขึ้นขัดขืน น้ำในปากเหือดแห้งหายไปเพราะอีกคนตวัดลิ้นแย่งไปจนหมด และแม้ว่าน้ำจะหมดจากปากแล้ว คนตัวสูงกว่าก็ยังไม่ยอมละริมฝีปากของตัวเองออกมา เสียงชื้นแฉะดังขึ้นยามที่เขาขยับเปลี่ยนองศาทาบประกบริมฝีปาก ปลายลิ้นไล้ไปตามแนวฟันก่อนจะเข้าไปเล่นกับลิ้นอีกคนอย่างช่ำช่อง
ฮอนค่อยๆ ผละตัวออกมาจากหนูแป้งโกกิสีขาวที่กำลังขึ้นสีแดงระเรื่อ จูบซับคราบเบียร์ที่ยังหลงเหลือตามร่างกายเหมือนเช็ดทำความสะอาดให้คนที่กำลังทำหน้าปรือปรอยหอบหายใจแรงเหมือนเพิ่งออกกำลังกายมาหมาดๆ
ชายหนุ่มค่อยๆ เคลื่อนริมฝีปากจูบซับจากมุมปาก ไล้ลงมาตามลำคอที่มีน้ำเบียร์ไหลผ่านไปเรื่อยๆ ก่อนจะหยุดนิ่งลง เมื่อเห็นว่าเสื้อบางๆ ดูดซับน้ำแทนปากเขาไปหมดแล้ว
“ลงโทษที่แย่งเบียร์กูกินนะหนูกิ”
-----------
เวลาสามทุ่มครึ่งในวันอาทิตย์ที่แฟนคลับชาวบอลทั่วโลกต่างตั้งตารอคอยเปิดโทรทัศน์เตรียมตัวชมถ่ายทอดสดฟุตบอลนัดสำคัญที่กำลังจะกลายเป็นประวัติศาสตร์อีกก้าวหนึ่ง แน่นอนว่าชายหนุ่มที่นั่งดูทุกนัดแข่งคงจะไม่พลาดวินาทีสำคัญนี้ไปได้ แต่เขาคิดว่านั่งจิบเบียร์ดูเฉยๆ คนเดียวคงไม่น่าตื่นเต้นอะไรเท่าไหร่นัก จึงเดินไปลากนักศึกษาที่นั่งหมกอยู่กับชีทเรียนมาดูเป็นเพื่อน
“ถ่ายรูปกัน” ฮอนเอียงไหล่พร้อมชูโทรศัพท์ขึ้นเพื่อถ่ายรูป กดถ่ายได้ไปรูปเดียว จอมดื้อข้างๆ ก็เอียงตัวหลบ
“ไม่เอา ไม่อยากถ่าย”
“เหอะน่า ไม่ค่อยมีรูปลงเฟซเลยเนี่ย”
“ก็ลงรูปมึงไปคนเดียวสิ ทำไมกูต้องถ่ายด้วยอะ”
“ก็อยากให้มีมึงด้วยไม่ได้เหรอ”
“ไม่เอาอะ”
“เฮ้อ งั้นถ่ายให้กูก็ได้ ขอหล่อๆ นะ” ฮอนยกมือยอมแพ้ แล้วยื่นโทรศัพท์ให้กิแทน
ฮอนยกมือเซ็ทผมด้านหน้าของตัวเองให้ดูยุ่งๆ แล้วหันหน้ามามองกล้อง ยกยิ้มค้างอยู่ไม่กี่วินาที รูปที่ถูกถ่ายก็หยิบยื่นมาให้ดู
“ลงรูปนี้รึรูปนี้ดี” เขายื่นหน้าจอโทรศัพท์ให้กิดู สไลด์มือซ้ายขวาเพื่อเปลี่ยนรูปที่ตัดสินใจเองไม่ได้ให้ดู
“ลงๆ ไปเหอะ ไม่เห็นจะต่างกันตรงไหน”
“ก็จริงแฮะ หล่อไม่ต่างกันเลย”
กิยิ้มแหยใส่คนหลงตัวเองพร้อมส่ายหน้าระอาเบาๆ เขาหันมากัดพิซซ่าในมือเข้าปากขณะรอชมถ่ายทอดสดฟุตบอลนัดสำคัญ ผ่านไปได้ไม่กี่นาทีก็ถูกสะกิดเรียกจากคนตัวสูงกว่าอีกครั้ง
“ดูคอมเมนต์ไอ้หนึ่งดิ”
กิกวาดสายตามองคอมเมนท์ของเหล่าสาวๆ กับเหล่าบรรดาแฟนคลับของคุณคิวต์บอยที่เข้ามาคอมเมนต์ชมว่าหล่ออย่างนู้นอย่างนี้ มุมปากกระตุกลงเล็กน้อยเมื่อเห็นข้อความตอบกลับที่ชมว่าน้องก็สวยเหมือนกันครับไปเกือบทุกคอมเมนต์
ไล่สายตามาจนกระทั่งเห็นคอมเมนต์ของเต็งหนึ่งที่เข้ามาแซวกวนๆ ว่า ‘ช่วงนี้มีความรักแล้วหล่อจังเลยนะครับคุณไอ้เหี้ยฮอน’
กิเงยหน้าขึ้นมาถาม “แล้วไงอะ ให้ดูทำไม”
“เพราะเมนต์นี้ของมันอะ มีแต่คนทักถามมาเต็มเลยว่ามีแฟนแล้วเหรอ เยอะแยะไปหมด”
“ก็ตอบไปดิ ชอบไม่ใช่เหรอได้คุยกับผู้หญิงอะ”
“ไม่ได้มีแค่หญิงอะดิประเด็น” ฮอนพูดติดตลก
“มึงชอบอยู่แล้วนี่คนคุยเยอะๆ อะ” กิเบือนหน้าหนี หันมาจ้องโทรทัศน์แทน
“ใครว่า ชอบหนูคนเดียวต่างหากค่ะ” คนตัวสูงกว่ายกยิ้ม โน้มตัวเข้าใกล้จนกระทั่งปลายจมูกของทั้งสองคนชนกัน กิเม้มปากตัวเองแน่นเมื่อรู้สึกว่าแก้มของตัวเองเริ่มร้อนขึ้นมาทีละนิด ฮอนโน้มตัวขยับเข้าใกล้มากขึ้นอีกนิด ก่อนจะเบือนหน้าไปกัดพิซซ่าที่อยู่ในมือของคนตัวเล็กแทน
“หึๆ เขินอีกแล้วเนี่ย” พูดจบก็โดนกิใช้หมอนฟาดเข้าใส่ทันที
เสียงพากย์บอลเริ่มรายการแข่งขันเป็นสิ่งที่ช่วยชีวิตฮอนในตอนนี้ กิกลับมานั่งที่ดีๆ แม้ท่าทางจะยังฮึดฮัดอยู่ก็ตาม
“กิ พนันกันปะ” ฮอนรีบเอ่ยขึ้นมาทันทีเมื่อใกล้จะเริ่มนัดแข่งขัน
“อะไรอีก” เขาหันมองคนที่เอ่ยปากถามอย่างเคลือบแคลงใจ
“ก็พนันเหมือนครั้งก่อนไง”
“กูไม่เล่นกับมึงหรอก”
“ขำๆ น่า ครั้งนี้มึงก็สร้างดีลบ้างไง แบบถ้ากูได้เงินจากเว็บที่ลงเบ็ทไว้ มึงจะยึดเงินทั้งหมดไปอะไรงี้”
“ไม่เอาอะ กูไม่ได้ร้อนเงิน”
“งั้นไหนหนูกิลองบอกพี่ฮอนหน่อยสิคะว่าอยากได้อะไร” ไม่พูดเปล่า เจ้าตัวก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้คนที่กำลังกัดน่องไก่อย่างเอร็ดอร่อยทันที
“อยากให้มึงรีบกลับบ้าน ไสหัวออกไปจากห้องกูเร็วๆ”
“อ่าฮะ ตลกตามนี้นะคะ ดีลค่ะ”
“เดี๋ยว กูยังไม่ได้ตกลง!”
“มึงบอกตัวเลือกมึงมาแล้วนี่”
“ก็มึงถามว่ากูอยากได้อะไร”
“นี่ไง ถึงบอกว่าดีลเพราะกูโอเคกับข้อตกลงมึงข้อนี้ไง”
“ดีลนี้ดีลเดียว?”
“ก็ถ้าหนูกิชนะก็มีดีลนี้ดีลเดียวค่ะ”
“แล้วถ้ากูแพ้ล่ะ?”
“อืม…” คนหน้าเจ้าเล่ห์ทำท่านึกคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“…”
“ออนท็อปเป็นไงคะ” ก่อนจะยิ้มใสซื่อบอกสิ่งที่ต้องการกับคนฟังไป
“ออนทงออนท็อปที่หน้ามึงสิไอ้เหี้ยฮอน!” หมอนอิงสีน้ำตาลถูกคว้าและปาเข้าหน้าคนแสร้งทำเป็นใสซื่อทันทีที่ด่าจบ กิมองค้อนใส่ไอ้คนสัปดนที่คิดแต่อะไรเทือกๆ นี้ในหัวสมอง
ฮอนหันมาหัวเราะใส่คนที่ทำร้ายเขาด้วยหมอนนุ่มเบาๆ “พูดไม่เพราะเลยหนูกิ”
“เรื่องของกู มึงเองก็เลิกพูดคะขา หนงหนูกับกูสักที กูไม่ใช่ผู้หญิง”
“ทำไมอะ น่ารักดีออก”
“กูไม่น่ารักกับมึงด้วยไง”
“แต่กูชอบนะ”
“ชอบพูดแบบนี้กับกูเนี่ยนะ มันน่าพิศวาสตรงไหนวะ นู่นไปพูดกับกิ๊กสาวๆ มึงนู่นไป”
“เปล่า ชอบมึง”
“…” กิรีบหลบสายตาของอีกฝ่ายที่จ้องมองมาพร้อมอมยิ้มเล็กๆ ตรงริมฝีปากนั่น ไม่คิดว่าจะโดนจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัวแบบนี้
“เขินอะดิหนูกิ หูแดงไปหมดแล้วเนี่ย กิ้วๆๆ”
“กิ้วพ่อมึงสิ!” กิไม่มีหมอนให้คว้าไปปาหน้าอีกฝ่ายได้อีกแล้ว เขาตัดสินใจคว้าถุงพลาสติกที่ใส่กระป๋องเบียร์เปล่าขึ้นมาแล้วลุกเดินไปทางห้องครัว
“โดนแซวแค่นี้จะหนีไปไหนหนูกิ!” เสียงตะโกนไล่หลังดังขึ้นมายามที่เขาพยายามเร่งฝีเท้าเข้ามาในห้องครัวโดยเร็ว
“ไม่ได้หนี มาเอาเบียร์เพิ่ม!”
ฮอนนั่งท้าวมือลงบนโซฟายันหัวตัวเองพร้อมหัวเราะเสียงดังอย่างปิดไม่มิด เพราะทันทีที่เขาเหลือบไปมองกระป๋องเบียร์ที่ยังไม่ถูกเปิดบนโต๊ะแล้วเห็นว่ายังเหลืออีกถมเถ เขาส่ายหัวกับตัวเองเบาๆ
…บนโลกนี้ไม่มีใครน่ารักกว่าหนูกิของเขาอีกแล้วล่ะ ☁ TBC.
ー #AdaywithWCM
ー ยังค่ะทุกคน ใจเย็นๆกันนะคะ พักหายใจก่อนนน ฮ่าาาา ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ ทุกกำลังใจนะคะ