แตงกวาไม่รู้ว่าตัวเองผล็อยหลับไปตอนไหน แต่สะดุ้งตื่นอีกทีก็ตอนที่มีเสียงอะไรสักอย่างดังกระทบกัน เขาสับสนเล็กน้อยเมื่อลืมตาขึ้นมาแล้วไม่ใช่เพดานหอ พอระลึกได้ว่าอยู่บ้านก็สะดุ้งพรวด นาฬิกาบอกเวลาตีสี่ครึ่ง เขาค่อยๆ ย่องออกจากห้อง และเดินตามเสียงเข้าไปในครัว และจึงได้เห็นพ่อกำลังสาละวนอยู่หน้าเตาแก๊ส
คนกำลังทำอาหารทำหน้าประหลาดใจเมื่อเห็นคนที่ควรจะหลับในตอนนี้
“มึงตื่นมาทำไม เพิ่งจะตีสี่”
“ผมได้ยินเสียงแว่วๆ” ไม่ได้บอกว่าเสียงนั้นดังสนั่นจนเขาสะดุ้งตื่น พ่อเป็นคนมือหนัก ทำอะไรเสียงดังโครมคราม ซึ่งเขาเคยพิสูจน์ด้วยแผ่นหลังตัวเองมาหลายครั้ง
“อ่อ กูทำแกงปลาสวายแล้วกันนะ ตอนเช้ามึงก็ทอดไข่เพิ่มเอา”
“พ่อ...พ่อจะไปไหน” คนเพิ่งตื่นถามอย่างงุนงง
“ไปทำงานสิวะ”
คำตอบนั้นทำให้กวาแปลกใจเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่อาจนับ แต่พ่อไม่ได้สังเกตเห็น ยังคงพูดต่อด้วยเสียงดังทุ้มต่อไป
“วันนี้ไปไกล เขาเลยให้ไปรถกระบะ สักตีห้ากว่าๆ ก็คงมาถึงแล้ว” มือดำกร้านปิดเตาแก๊ส “มึงตักแกงกับข้าวใส่กล่องนี่ให้หน่อย กูไปอาบน้ำก่อน”
พูดจบพ่อก็เดินสวนออกไป กวามองแกงหม้อเล็กๆ ตรงหน้าอย่างครุ่นคิด ขณะหยิบกล่องพลาสติกที่น่าจะรียูสมาจากร้านสะดวกซื้อ สภาพของมันเหมือนผ่านการใช้งานมาหลายครั้ง เขาพยายามหากล่องอื่นๆ ในบ้านแต่ก็ไม่พบ เลยจำใจตักข้าวกับแกงใส่กล่องที่ว่านี่ไปก่อน
ตีห้าตรง พ่อเดินออกมารอหน้าบ้าน ใส่เสื้อเชิ้ตตัวที่กวาซักกับกางเกงตัวเมื่อวาน พร้อมหมวกและกระติกน้ำที่มีน้ำแดงผสมเอ็มร้อยใส่อยู่
กวายืนมองจากในบ้าน เห็นรถกระบะที่มีคนแต่งตัวคล้ายๆ พ่อนั่งอยู่เกือบเต็ม เสียงคนขับบอกให้พ่อเอาเกรียงไปเผื่อด้วย พ่ออุทานอย่างหงุดหงิด แต่ก็เดินไปหาของโดยดี ก่อนขึ้นรถพ่อตะโกนบอกกวาว่า
“วันนี้กูไปไกล กลับเกือบๆ สองทุ่มนู่น มึงจะใช้มอไซค์ก็เอา กุญแจเสียบอยู่ที่รถ”
กวาแปลกใจอีกรอบ ก็ตอนนั้นที่เขาแอบหัดมอเตอร์ไซค์ พ่อยังตีเขาแทบตาย ทีตอนนี้กลับบอกให้เขาขี่ได้ตามสบาย
เสียงกระหึ่มของกระบะคันนั้นจางหายไปแล้ว กวาจึงเดินเข้าบ้าน เป็นอันว่ากวาก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่าพ่อไปทำงานอะไร แต่ดูจากอุปกรณ์แล้วคงรับงานก่อสร้างหรืออะไรประมาณนี้
เด็กหนุ่มตื่นมาอีกทีในตอนเจ็ดโมง จัดแจงตัวเองเสร็จจึงขี่รถไปตลาดใกล้ๆ ร้านรวงยังคึกคักไปด้วยของขายทั้งสดทั้งแห้ง เขาซื้อเนื้อสัตว์และผักจำนวนหนึ่ง กะว่าแช่ตู้เย็นทิ้งไว้ พ่อจะได้ทำกับข้าวกินได้หลายๆ มื้อ นอกจากนั้นเขายังซื้อกล่องข้าวใหม่ให้พ่อด้วย เลือกเป็นพลาสติกเนื้อหนาที่ดูทนความร้อน พร้อมฝาปิดสุญญากาศ ทั้งยังวางซ้อนแล้วล็อกด้วยหูหิ้วทำเป็นปิ่นโตได้ด้วย ดีที่เงินจากการช่วยงานอาจารย์กฤตออกมาเมื่อสามวันก่อน เขาเลยพอมีเงินไว้ซื้อของดีๆ ให้พ่อบ้าง
พอกลับถึงบ้าน แตงกวาก็ตัดสินใจไปร้านขายของชำร้านเดิมอีก แสร้งซื้อน้ำอัดลมใส่น้ำแข็งหนึ่งถุง ยืนดูดไปสองสามอึกก็เลียบๆ เคียงๆ ถามป้าเจ้าของร้านเรื่องพ่อ ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงไม่มายืนเสวนาด้วย เพราะป้าชอบพูดแต่เรื่องคนอื่น นินทาคนนั้นคนนี้ไปเรื่อยเปื่อย
จากที่ป้าเล่ามาแบบน้ำไหลไฟดับ สรุปว่าพ่อของเขาเลิกตีไก่แล้ว ตอนนี้ก็ทำรับจ้างทั่วไป บางวันก็ก่อสร้าง บางวันก็ไปเป็นลูกมือล้างแอร์ ซ่อมพัดลม เหล้าขาวยังมาซื้อบ้าง แต่น้อยกว่าเมื่อก่อน ส่วนใหญ่กินเอ็มร้อยไม่ก็กาแฟกระป๋อง
“เอ็งก็โตเร็วเนอะไอ้กวา” พอเล่าเรื่องพ่อจบ ป้าก็หันมาสนใจเด็กหนุ่มต่อ “ตอนเกิดน่ะป้าเอาแป้งเด็กแคร์ไปเยี่ยม เอ็งยังตัวน้อยๆ อยู่เลย ทรงยังกะแตงกวา พอป้าทักพ่อกับแม่เอ็งว่ามันเหมือนแตงกวาใส่ข้าวผัด พ่อเอ็งก็หัวเราะชอบใจ บอกให้ชื่อแตงกวาซะงั้น นึกถึงแล้วก็ขำ นี่ถ้าพ่อเอ็งดีๆ อย่างเขา ป่านนี้เอ็งสบายไปแล้ว ไม่ต้องมาถูกซ้อมจนโตหรอก”
ป้าพูดอย่างภูมิใจที่มีส่วนในการตั้งชื่อให้เขา แต่เจ้าของชื่อกลับกำลังสับสนอย่างหนัก เพราะพ่อมักพูดอยู่เสมอในเวลาที่ตีเขา ว่าชื่อแตงกวามาจากผักที่แม่เกลียด
ในเมื่อไม่อาจหาคำตอบจากใครได้อีก และไม่ว่าจะรักหรือเกลียด แตงกวาคนนี้ก็เติบโตเป็นคนได้เกือบยี่สิบปีแล้ว ที่มาของชื่อจึงไม่ได้สลักสำคัญอีกต่อไป
จากเดิมที่ตั้งใจจะกลับหอวันนี้ กวาก็เปลี่ยนใจอยู่ต่ออีกคืน แต่ช่วงบ่ายที่ไม่มีใครอยู่บ้าน กวาก็รู้สึกเบื่อๆ เลยโทรหาอาจารย์กฤตเพื่อเล่าเรื่องพ่อให้อาจารย์ฟัง คนปลายสายรับฟังเงียบๆ ตอบกลับสั้นๆ ว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็อยากให้กวาระวังตัวไว้ด้วย
แตงกวารู้ว่าสำหรับคนอื่น การกลับมาหาพ่อคือเรื่องอันตราย แต่กวามั่นใจในความรู้สึกตัวเอง พ่อเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ
พ่อกลับมาถึงบ้านเกือบสามทุ่ม แตงกวาเดินออกมาหาเมื่อได้ยินเสียงรถกระบะคันเดิม วันนี้พ่อดูเหนื่อยกว่าเมื่อวาน แต่ก็ยังพูดคุยทักทายแตงกวาดี คนตัวเลอะด้วยฝุ่นและปูนโยนถุงใส่กล่องอะไรสักอย่างมาให้ กวารับแล้วเปิดดู
“ตอนรอรถเห็นมันน่ากินดี” พ่อพูดแล้วก็หยิบผ้าขาวม้าเข้าห้องน้ำไป
ในมือกวาคือขนมครกโรยต้นหอม วัดจากอุณหูมิแล้ว พ่อน่าจะใช้เวลาเดินทางนานมากจริงๆ
มือเล็กๆ สั่นเทา หยิบขนมในกล่องเข้าปาก รสชาติหวานมันอร่อยแม้จะเย็นชืด หากไม่จับใจเท่าการที่มันเป็นของฝากจากพ่อ
เช้าตรู่อีกวัน กวาตื่นมาพร้อมเสียงดังจากในครัวอีกเช่นเคย
“เสียงดังเหรอ” คนกำลังง้างอีโต้สับกระดูกหมูเอ่ยทัก เมื่อเห็นลูกสายโผล่หน้าเข้ามาหา
“เมื่อคืนผมหลับเร็ว” กวาไม่ได้อธิบายอะไรต่อ แต่สาวเท้าเดินเข้าไปยืนข้างพ่อ “พ่อทำไรกิน”
เจ้าของบ้านหัวใจกระตุก ลูกชายไม่เคยเข้าใกล้เขานานแล้ว เว้นในวันที่เขาไปปล้นเงินมันถึงหอ…
“ต้มผักกาดดอง”
“เดี๋ยวผมทำให้ก็ได้ พ่อไปอาบน้ำเถอะ”
มือเล็กๆ คว้ามีดเตรียมสับกระดูกต่อ โดยไม่ทันได้สังเกตใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดของคนเป็นพ่อ
พอต้มสุกได้ที่ แตงกวาก็ยกหม้อลง แล้วหยิบกล่องที่เพิ่งซื้อมาใหม่ออกมา ตอกไข่ลงไปในกล่องนั้น ตีให้พอเข้ากัน ใส่น้ำ ปรุงรสนิดหน่อย แล้วก็ยกใส่ซึ้งที่รองน้ำไว้ข้างใต้ เพื่อจะทำไข่ตุ๋นให้พ่อไปกินด้วยอีกเมนู
พ่อแต่งตัวเสร็จแล้วก็เตรียมอุปกรณ์ไปยืนรอหน้าบ้าน ไม่นานนักแตงกวาก็เดินตามออกมาพร้อมเถาปิ่นโตที่พ่อไม่เคยเห็น
“ผมไปเจอกล่องข้าวที่ตลาด เห็นมันซ้อนเป็นปิ่นโตถือง่ายด้วย เลยซื้อมาให้”
“อ้อ” พ่อรับปิ่นโตนั้นไปถือไว้ “ขอบใจ”
ต่างคนต่างเงียบ เพราะแตงกวากำลังประหลาดใจกับคำขอบคุณ ส่วนผู้เป็นพ่อกำลังเงยหน้าซ่อนความรู้สึกผิดไว้ในใจ แต่ในที่สุดคนแก่กว่าก็เป็นฝ่ายเอ่ยออกไป
“กลับมหา’ ลัยวันนี้ใช่มั้ย”
“ครับ เดี๋ยวออกสายๆ”
พ่อไม่พูดอะไร แต่ยื่นถุงพลาสติกมัดยางมาให้ กวาเห็นของที่อยู่ข้างในแล้วรีบมองหน้าพ่อ
“กูคืน”
“ค่าอะไรครับ” มองปราดเดียวก็พอรู้ว่าในถุงพลาสติกยับๆ นั่นบรรจุแบงก์ร้อยอยู่หลายใบ
“ที่กูไปเอาของมึงมาคราวนั้น”
“พ่อ…” แตงกวาพูดอะไรไม่ออก ความเจ็บปวดจากบาดแผลในวันนั้นยังชัดเจน แต่ความโกรธแค้นไม่เคยมีตั้งแต่ต้น
“มันยังไม่ครบ ไว้สิ้นเดือนกูจะโอนให้อีกที ...หรือมึงกลับมาก็มาเอาก็ได้” ปลายเสียงแผ่วลง
กวารับเงินจากมือพ่อ พยายามควบคุมน้ำตาไม่ให้ไหล
มือเล็กแกะหนังยางออก ก่อนจะคลี่แบงก์ที่ถูกม้วนไว้ออกมา แล้วแบ่งครึ่งหนึ่งส่งให้พ่อคืน
“อันนี้ผมให้พ่อนะ พ่อเก็บไว้ใช้ สิ้นเดือนนี้ผมคงมาไม่ได้”
“ไม่เป็นไร” พ่อหมายถึงเรื่องเงินและเรื่องที่เขาไม่กลับบ้าน
“แต่เดือนหน้าจะกลับมาครับ”
ไฟหน้าบ้านอ่อนแสงเนื่องจากถูกใช้งานมายาวนาน แต่มันก็สว่างพอให้แตงกวาเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความยินดีของพ่อ และมันก็กำลังสะท้อนอยู่ในดวงตาของเขาไม่ต่างกัน
______
มาถึงตรงนี้ ก็มีแต่คำว่าขอโทษที่ปล่อยให้รอ และขอบคุณที่ยังรอนะคะ
หลังจากแต่งตอนนี้จบ เหมือนได้ปลดล็อกความรู้สึกหลายๆ อย่างเลยค่ะ
ทั้งปล่อยวางความเศร้าจากการสูญเสีย และการก้าวข้ามคำว่าทำไม่ได้ของตัวเอง
ปล. เนื่องจากนิยายถูกย้ายมาที่หมวดนิยายที่ไม่แต่งต่อจนจบ และทางเล้ามีประกาศว่าจะลบนิยายหมวดนี้ เราจึงย้ายไปลงที่แอป ReadAWrite นะคะ สามารถเสิร์ชชื่อนิยาย Sweet Dilemma หรือชื่อเรา lykar ได้เลยค่ะ // แต่ระหว่างนี้ก็จะยังลงในเล้าเป็ดไปเรื่อยๆ นะคะ ถ้ายังไม่ถูกลบก็จะลงต่อไปค่ะ 55555
คิดถึงและยังรอทุกคนเสมอค่ะ