==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่35 รักหรือไม่รัก END 9/7/58
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ==Jungle : ผืนป่าสีดำ By นางมารปีกขาว - - ==ตอนที่35 รักหรือไม่รัก END 9/7/58  (อ่าน 46409 ครั้ง)

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
กรี๊ดดดดดดดดดดด  ซาเวียร์  แกกินคาโลแล้วหรอ.......

ฉันนึกว่ามันต้องรอนานกว่านี้ซะอีก.............. :hao6:

เฟอร์ดินสินะที่คาโลถวิลหา แต่บุคลิกเหมือนซ้อนทับกันกับซาเวียร์เลย

อยากอ่านแบบเต็มจัง จัดมาสักชุดไม่ได้หรอ... :z1: :hao7:

ออฟไลน์ tamako

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-6
ตอนที่ 18 ผลลัพธ์ของการกระทำ                                                        01/07/2557
                                                                  12/07/2557
                                                                                      11/10/2557

   

     ดวงตาสีเทาคู่สวยเปิดลืมพร้อมแสงของวันใหม่ที่สาดส่องเข้ามากระทบกับใบไม้และตกกระทบบนใบหญ้าที่ยังพราวไปด้วนหยาดน้ำค้าง  พายุฝนผ่านพ้นไปแล้วแต่อากาศยังคงหนาวเหน็บจนชวนให้ซุกตัวเข้าหาผ้านวมอุ่นๆ  แต่ยังไม่ทันได้คิดจะทำอะไรบางอย่างที่อุ่นร้อนยิ่งกว่าผ้านวมก็แนบลงบนไหล่แผ่วเบา


   “เจ้าตื่นแล้ว”เสียงคุ้นกระซิบข้างหูก่อนตัวจะถูกคว้าเข้าไปแนบกับอกอุ่นกว้างๆนั้นแน่นตามมาด้วยจูบที่ประทับลงมาบนลาดไหล่ เชื่องช้าและยาวนานจนเขาคร้านจะไล่ แม้มันจะทำแบบนั้นมาทั้งคืนแต่มันก็ไม่มีทางว่าจะเบื่อ เขาเลยกลายเป็นฝ่ายเบื่อที่ต้องห้ามปรามมันแทน


“ฉันอยากอาบน้ำ”


   “หืม”เสียงครางในลำคอเหมือนตอบรับแต่แขนเข็งๆนั้นก็ยังไม่ปล่อยเขาเป็นอิสระ


   “ปล่อย”คาเซอริโอกดเสียงเข้มเมื่อเริ่มจะเมื่อยและอยากขยับไปอาบน้ำจริงๆอย่างที่ปากว่า


   “ข้าอาบด้วย”


   “เออ ปล่อยได้แล้ว”แขนที่กอดแน่นผ่อนแรงกอดลงเมื่อสิ้นประโยคตอบรับ ไม่รู้ว่าเพราะมันเข้าใจหรืออะไรก็ตามแต่ อย่างน้อยเขาก็เป็นอิสระจากมันแม้จะแค่ในช่วงระยะเวลาหนึ่งก็ตาม


   ร่างกายที่ทำเพียงขยับตัวลุกขึ้นนั่งก็ร้าวไปทั่วร่างจนเหมือนกับผ่านสงครามแย่งชิงแก๊งค์ทำให้คาเซอริโอนิ่วหน้าก่อนจะประคองตัวเองให้ลุกขึ้นช้าๆ แม้จะรู้สึกเหมือนร่างกายจะแยกเป็นส่วนๆ  ขาจะอ่อนเหมือนไม่มีแรง  แต่ไม่ทันที่เขาจะได้ล้มพับให้ขายหน้าก็มีมือแข็งๆเอื้อมมาประคองเอาไว้ ก็ยังดีที่มันประคองไม่คิดจะทำอย่างอื่น ไม่อย่างนั้นเขาคงยินดียอมคลานไปดีกว่าให้มันพาไป


   น้ำในลำธารยังคงเย็นจนเหมือนแช่น้ำแข็งแต่อย่างน้อยมันก็มีข้อดีที่ทำให้กล้ามเนื้อชาจนลืมความเจ็บไปได้สักพัก แม้หลังจากนี้กล้ามเนื้ออาจจะประท้วงเพราะถูกความเย็นทำให้เกร็งจนปวด


   ความเงียบโรยตัวลงช้าๆระหว่างเขากับเจ้าหมาที่ยืนช่วยเอาน้ำลูบตัวเขาอยู่ทางด้านหลัง  ไม่มีคำกล่าวโทษ ไม่มีเสียงโวยวาย ไม่มีคำพูดหวานหู  เพราะสำหรับเขามันไม่จำเป็น  มันไม่ใช่ข้อผิดพลาดแต่มันคือความพลั้งเผลอปนความยินยอม เขาจึงไม่ต้องโวยวาย  ไม่มีคำพูดหวานหูเพราะไม่ใช่คู่รักหลังเข้าหอ เขากับมันไม่ได้เป็นคนรักกัน สำหรับมาเฟียแบบเขามันอาจจะเป็นเรื่องที่รับได้ยากกับการทอดกายใต้ร่างผู้ชายสักคน แต่ก็นั้นแหละเรื่องนี้มีแค่เขากับมันแค่สองคนที่รับรู้ ไม่มีการป่าวประกาศ ไม่มีพยาน  ไม่จำเป็นต้องตื่นตูมเพราะมันคงไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว


   “เจ้ากำลังคิดเรื่องอะไรอยู่คาโล”เสียงถามดังขึ้นจากด้านหลังพร้อมกับมือที่ช่วยวักน้ำมาลูบช่วงไหล่ให้ แม้มันจะทำให้ตัวที่อยู่พ้นผิวน้ำหนาวจนสั่นสะท้านแต่เขาก็ไม่ได้ห้ามมัน


   “เรื่อยเปื่อย”   


   “คิดเรื่องของข้าบ้าง”


   “ทำไม  ทำไมอยากให้ฉันคิดเรื่องแก”


   “เพราะข้าคิดแค่เรื่องของเจ้าแทบตลอดเวลา”


   “หึ  ฉันไม่ใช่ผู้หญิงหรือพวกตัวเมียที่แกต้องมาปากหวานด้วย”   


   “ข้ารู้ เจ้าเป็นชาย  ชายที่ทำให้ข้าหลงใหล และหลงรักเจ้าได้”คำว่ารักของมันทำให้เขาชะงัก  คำว่ารักที่มันพร่ำบอกเขามาทั้งคืนเหมือนหมาบ้า มันทั้งสร้างความเรียบง่าย ความตื่นเต้นดีใจและความเศร้าให้เขาได้ทุกครั้งที่ฟัง


   “หมาอย่างแกนะเหรอรักฉัน แปลกดีพิลึก”เขาเลี่ยงที่จะใช้คำว่าตลกทั้งๆที่ในใจเสี้ยวหนึ่งรู้สึกแบบนั้น  เขากับมันไม่ใช่คนที่พบกันอย่างหน้าประทับใจไม่มีส่วนไหนที่ทำให้หลงใหลกันและกันได้เลย


   “เจ้าอาจมองว่ามันพิลึก มันเป็นเรื่องตลก  อาจดูถูกคำว่ารักของข้า  แต่ข้าพูดความจริงคาโล  ข้ารักเจ้า แม้จะไม่ใช่รักแรกพบแต่ข้ารัก  รับรู้และยอมรับว่าข้ารักเจ้าแล้วเจ้าหละคาโลรักข้าบ้างหรือไม่”ดวงตาสีน้ำตาลที่ทอประกายแน่วแน่สบตาเขาเมื่อทั้งตัวถูกจับให้หันกลับไปมองก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายหลบตาคู่นั้นอีกครั้ง  ทุกสิ่งที่มันทำดีกับเขา ที่มันช่วยเหลือ เขาคงไม่ต้องไปแสวงหาคำตอบแล้วว่าทำไม เมื่อมันบอกเองว่ามันทำทุกอย่างเพื่อความรักและสิ่งที่มันต้องการตอบแทนก็คือความรักของเขา แค่รัก


   “ฉันหนาวแล้ว  ขึ้นหละ”


   “คาโล”แขนขว้างหนึ่งถูกคว้าเอาไว้ก่อนที่จะทันได้ก้าวออกไป เลยกลายเป็นว่าเขากำลังยืนหันหลังให้มันทั้งๆที่ตัวครึ่งหนึ่งกำลังแช่อยู่ในน้ำที่เย็นจัดและอีกส่วนกำลังโดนลมปะทะ หนาวจนขนลุก


   “ปล่อย ฉันหนาว”


   “บอกข้า  ข้ายังมีโอกาสได้รักตอบจากเจ้าบ้างหรือไม่คาโล  บอกข้าที”


   “หึ  ฟังดูไม่เหมือนแกเลยนะซาเวียร์”


   “ข้ากลัวคาโล  ข้ากลัวจะเสียเจ้าไป”อ้อมกอดอุ่นๆจากด้านหลังช่วยให้ผิวกายอุ่นแต่กลับหนาวเหน็บไปถึงขั้วหัวใจ  บางทีเจ้าหมานี้มันอาจจะรู้คำตอบของเขาอยู่แล้ว  รู้ทั้งรู้ว่าเขาจะตอบมันแบบไหนแต่ก็ยังยืนยันที่จะถาม ทั้งๆที่ถ้าคำตอบนั้นออกจากปากเขาบางที..


   “ชายคนนั้น  ชายคนที่เจ้าฝันถึง อเรสซิโอ เขาเป็นใคร”ร่างทั้งร่างเหมือนถูกสาปให้กลายเป็นหินเมื่อชื่อของใครคนนั้นออกจากปากหมาด้านหลัง  มันเหมือนถูกตีด้วยด้ามปืนจนมึนงงและทำให้ตื่นตัวไปพร้อมๆกัน  แต่เขายังเลือกที่จะยืนเงียบๆในขณะที่อ้อมแขนด้านหลังรัดแน่นขึ้นเรื่อยๆจนเจ็บ  และเขาคงยืนนิ่งต่อไปแบบนั้นถ้าไม่รู้สึกอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก


   “ผู้ชายที่ฉันสาบานกับตัวเองทันที่มาโผล่ที่นี้ ว่าจะกลับไปหาเขาให้ได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”ประโยคยาวๆที่ความหมายไม่ได้ต่างไปจากสิ่งที่เขาบอกกับทิเบอริส  เพียงแต่ครั้งนี้เขาบอกกับใครอีกคนที่เป็นฝ่ายถามเขาขึ้นมาเพราะความอยากรู้  บรรยากาศที่แตกต่างและความรู้สึกที่ต่าง


   “คนๆนั้นคงสำคัญกับเจ้ามากสินะ”


   “ใช่ สำคัญที่สุด”อ้อมแขนที่รัดแน่นคลายลงเหมือนคนไร้เรี่ยวแรง เสียงไหลของน้ำไม่อาจดังกลับเสียงฝีเท้าที่เดินถอยหลังออกห่างช้าๆทันพอที่ดวงตาของเขาจะเห็นว่าร่างของมนุษย์ผู้ชายโผกระโจนกลายเป็นปีศาจหมาร่างยักษ์แล้วหายไปในแนวป่า


   “เจ้าโง่”คาเซอริโอรำพึงกับความว่างเปล่ารอบตัวก่อนจะหันมองดวงอาทิตย์ที่เริ่มขึ้นสูง  บรรยากาศเริ่มอุ่นแต่เขายังคงหนาวจนต้องก้าวขึ้นจากน้ำเร็วๆแม้จะยังไม่เร็วได้เท่าที่ต้องการเพราะสภาพร่างกายไม่เอื้ออำนวยแต่ก็เร็วพอที่เขาจะหลบหนีจากความหนาวมาคว้านหาเสื้อจากสถานที่หลบภัยที่เละเหมือนเกิดสงครามขึ้น


   ดวงตาสีเทากวาดมองรอบๆโพรงไม้ที่เขากับเจ้าซาเวียร์อยู่ด้วยกัน เจ้าหมาที่ได้ครอบครองร่างกายของเขาและตอนนี้มันก็หนีหายไปเหมือนหมาไร้ความรับผิดชอบแต่ก็นั้นหละเขาโกรธมันไม่ลงหรอก ออกจะสงสารมันด้วยซ้ำที่มารักคนแบบเขาคนแบบคาเซอริโอ ซิสิอาโน


   มือขาวคุ้ยหาอุปกรณ์จุดไฟก่อนจะโยนมันเข้าไปในกองไม้แห้งเฝ้ามองกองไฟขนาดเล็กค่อยๆลุกโหมพร้อมๆกับที่หยิบเศษไม้ที่พอจะแห้งบ้างโยนเข้าไปด้านในจนโพรงไม้ขนาดกว้างเต็มไปด้วยเปลวเพลิงและกลุ่มควันสีดำที่ลอยสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า


กรร!


   เสียงคำรามด้านหลังทำให้เขาต้องละสายตาจากกองเพลิงที่ดูท่าจะไม่ลุกลามไปมากกว่านี้เพราะความชื้นโดยรอบ หันกลับไปมองเจ้าหมาปีศาจสีขาวร่างสูงที่ยืนอยู่อีกฝั่งของแม่น้ำก่อนจะก้าวขาข้ามลำธารเล็กๆไปหามัน สิ่งที่เขาต้องทำเป็นอย่างต่อไปคือกลับไปที่กลุ่มและเริ่มที่จะทำสิ่งที่ต้องการจะทำเป็นอย่างแรกที่มาถึงที่นี้


งี๊ด


   เสียงครางแหลมๆพร้อมหัวยาวๆที่ยื่นมาขว้างทางทำให้การเดินเท้าของคาเซอริโอหยุดชะงัก


   “อะไรของแก”


งี๊ด


   เจ้าหมานั้นไม่ตอบทำเพียงร้องครางหงิงๆและเอี้ยวคอไปด้านหลังซ้ำๆเหมือนกำลังพยายามจะบอกบางอย่าง


   “แกอยากให้ฉันขี่แกกลับ”ไม่มีเสียงตอบกลับมีเพียงหมาปีศาจร่างยักษ์ที่เลิกส่งเสียงประหลาดและย่อตัวลงพอให้เขาปีนขึ้นไปนั่งบนหลังมันได้  ทันทีที่เขาขึ้นไปนั่งได้สำเร็จร่างนั้นก็ยืดตัวสูงแล้วเริ่มต้นกระโจนไปตามซอกหินริมแม่น้ำอย่างช้าๆปล่อยให้เขาได้มองหัวกลมๆจากด้านหลังและตัดสินใจซุกหน้าตัวเองลงกับท่อนคอหนาและกำขนสีขาวในมือแน่น ไม่ว่ายังไงหมาโง่ก็ยังคงเป็นหมาโง่สำหรับเขา





   เสียงพูดคุยถกเถียงที่ดังมากกว่าปกติทำให้คาเซอริโอต้องเงยหน้าออกมาจากกลุ่มขนเพื่อพบกับภาพของกลุ่มที่เหมือนโดนบางอย่างบุก  กิ่งไม้และต้นไม้หลายต้นหักสะบั้น เศษผ้าสกปรกวางเกลื่อนพื้น  ส่วนที่เคยเป็นบ้านเหมือนมีบ้างอย่างทะลุผ่านไป มันเกิดอะไรขึ้น 


    ขาทั้งสองข้างพาตัวเองปีนลงมาจากหลังหมาปีศาจตัวยักษ์ก่อนจะฉวยเอาเศษผ้าเปียกๆขึ้นมาจากพื้น  ผ้าที่เปียกสีแดงของเลือด


   “มีใครบางคนหรืออะไรสักอย่างบุกเข้ากลุ่มตอนที่ข้ากับเจ้าไม่อยู่”


   “ก็น่าจะเป็นแบบนั้น”คาเซอริโอทิ้งผ้าในมือลงแล้วยืดตัวขึ้นเต็มความสูง เจ้าหมาปีศาจในร่างคนที่มีเพียงเศษผ้าปิดของสงวนก้าวมายืนข้างๆเขาทำจมูกฟุตฟิตเหมือนดมหาอะไรบางอย่าง


   “ทางนี้”เสียงเรียกเบาๆทำให้คาเซอริโอก้าวตามแผ่นหลังนั้นไป  ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิม  มันกลับมาพูดกับเขาเหมือนเดิมแต่ตัวเขาเองที่รู้สึกว่ามันไม่เหมือนเดิม  เจ้าหมานั้นกำลังปกปิดบางอย่างเอาไว้เหมือนอย่างที่เขาเองก็กำลังกดความรู้สึกบางอย่างเอาไว้เช่นกัน


   ตลอดทางเดินจากขอบกลุ่มที่ตอนแรกไร้ซึ่งหมาปีศาจตอนนี้คาเซอริโอมองเห็นเป้าหมายที่เจ้าหมานั้นพามาหาแล้ว


   “เยอร์เซ็พ”เจ้าของชื่อหันมาตามเสียงเรียก  ผิวด้านบนที่เปลือยเปล่าทำให้คาเซอริโอมองเห็นรอยแดงเถือกบริเวณกลางลำตัวรอยแดงที่เหมือนโดนบางอย่างรัดหรือฟาด


   “เจ้านั้นเอง ข้านึกว่าเจ้าโดนนางจัดการไปแล้วซะอีก”คำเรียกขานถึงบางสิ่งทำให้คิ้วสีทองของคนฟังอย่างเขาขมวดเข้ากัน


   “ข้าแค่ออกไปทำธุระบางอย่าง  มันเกิดอะไรขึ้น”เจ้าหมาตอบเรียบๆแบบที่คาเซอริโอได้แต่ถอนหายใจและแอบนึกขอบคุณมันในใจมันที่ยังมีสมองพอจะนึกถึงใจเขาบ้างแม้จะโดนดวงตาสีทองแดงของเจ้าหมาเยอร์เซ็พจ้องมาแบบนึกสงสัยก็ตาม


“เราโดนบุกเมื่อเย็นวาน  นางเข้ามาที่นี้กรีดร้องและเริ่มโจมตี”


“มีใครเป็นอะไรบ้างไหม”


   “หนักๆมีไม่เท่าไหร่แต่เจ็บเล็กๆไปก็มาก ที่สำคัญคือนางหนีไปได้หลังจากอาละวาทไปเต็มที่”


   “ผิดวิสัยไปพอสมควร ไม่แน่บ้างทีนางอาจกลับมาอีก”เสียงเจ้าหมาสองตัวโต้ตอบกันไปมาในเรื่องที่คาเซอริโอไม่เข้าใจและมันกำลังทำให้เขาหงุดหงิด


   “เดี๋ยวนะ มีใครพอจะช่วยบอกฉันได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น”การสนทนาของ2 หมาปีศาจหยุดชะงักลงก่อนดวงตาสองคู่จะหันมามองเขา แล้วเจ้าหมาเยอร์เซ็พจะเป็นฝ่ายตอบ


   “เราถูกโจมตีโดยนางงู”


   “นางงู  งูงั้นเหรอ”คิ้วสีทองขมวดฉับด้วยความไม่เข้าใจ


   “อืม  งูตัวเมีย”ซาเวียร์ช่วยพูดเพิ่มแต่ก็เหมือนไม่ได้ทำให้เขาเข้าใจอะไรได้มากขึ้น


“ทำไม”


   “เราเองก็ไม่รู้  เพียงแต่นางอาละวาทกรีดร้องหาคู่ของนาง ใส่ร้ายว่าเราทำร้ายคู่ของนาง บางทีถ้าเจ้าเห็นงูอยู่แถวนี้เจ้าอาจมีเรื่องที่ต้องอธิบาย”ดวงตาคู่คมของเยอร์เซ็พจ้องเจ้าหมาข้างตัวเขาก่อนจะเลยมามองเขา  ถ้าเป็นเรื่องงูที่ถูกเล่นงานหละก็คงไม่พ้นเจ้าตัวที่ทำเขาตกหน้าผาและเป็นตัวเดียวกันกับที่เจ้าหมาซาเวียร์กัดจนจมเขี้ยว


   “ข้าต้องไปหาทีเบอริส  เจ้ากลับไปรอที่ถ้ำก่อน”   


   “หึ  อย่ามางี่เง่า  ถ้าแกจะไปก็พาฉันไปด้วยเพราะเรื่องนี้ฉันก็มีส่วน”


   “แต่ว่า..”      


   “ไม่มีแต่  ถ้าไม่อยากให้ฉันหงุดหงิดจนต้องอัดแกสักหมัดก็ให้ฉันไปด้วย”คาเซอริโอยืนยันเสียงแข็งไม่ใช่เพราะกลัวที่จะปล่อยเจ้าหมาบ้านั้นไปสารภาพเรื่องราวต่างๆกับหัวหน้ามันตัวเดียว  แต่เขากลัวว่าเรื่องนี้มันจะไม่จบง่ายๆแค่ครั้งเดียว  เพราะหากอาฆาตจนบุกเดี่ยวมาเล่นงานถึงกลุ่มแล้วยังรอดออกไปได้  ครั้งหน้าก็อาจกลับเข้ามาได้ใหม่และหากครั้งใหม่ไม่รอดออกไปบางทีอาจมีทั้งพ่อแม่พี่น้องแห่กันมาเล่นงานกลุ่มหมาปีศาจก็ได้  ถึงแม้เขาจะไม่มั่นใจเรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัวของพวกงูๆก็เถอะแต่ลางสังหรณ์ของเขาบอกว่ามันจะไปจบง่ายๆแค่นี้   














            มาส่งตอนใหม่หลังฉากรักร้อนแรงที่จบลง  เหมือจะทำให้นักอ่านหลายๆคนค้างคา  ถ้านางมารบอกว่ามันจบแค่นั้นจริงๆจะเป็นอะไรไหมคะเนี่ย  หุหุ :hao7: :hao7:

           มาพูดถึงตอนใหม่กันดีกว่า  หลังฉากรักอันร้อนแรงสองหนุ่มเขาก็มาอาบน้ำด้วยกัน เหมือนจะหวานแต่ขอบอกว่าหน่วงอย่างแรงเมื่อมีชื่อมือที่ 3 อย่างอเรสซิโอเข้ามา  พ่อหมาเราถึงขั้นหนีออกไปชี้ช้ำดื้อๆ ก่อนจะกลับมาแล้วพบว่ากลุ่มโดนบุก แน่นอนว่าตัวละครใหม่โผล่เข้ามา  เพื่อกระตุ้นอะไรบางอย่าง  อยากรู้ต้องติดตามกันต่อตอนหน้า  :mew1:

         

ออฟไลน์ Fuzz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 117
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
โธ่ อย่าปิดกั้นความรู้สึกเลย  :hao7:

ออฟไลน์ tamako

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-6
ตอนที่ 19 การประชุมของหมาที่มีคนเข้าไปเกี่ยว                                     20/07/2557




   บรรยากาศภายในกระโจมผ้าสีขาวอันเป็นที่พักของหัวหน้ากลุ่มหมาปีศาจอย่างทิเบอริสเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดและเสียงปรึกษาหารือที่ดังจนเหมือนเสียงคำราม แต่ทุกอย่างก็หยุดชะงักเพียงเพราะเขาก้าวเข้ามาพร้อมกับเจ้าหมาสองตัวด้านหลัง ช่างเป็นการต้อนรับที่คาเซอริโอไม่รู้สึกยินดีและออกจะหงุดหงิดคั่นเนื้อคั่นตัวประหลาด


   “มากันแล้ว นั่งสิ”ทิเบอริสอมยิ้มที่มุมปากชวนทุกคนนั่งเหมือนจะไม่รับรู้สถานการณ์ต่างๆรอบด้าน หรือคิดอีกทีคือพยายามแก้สถานการณ์แบบชาญฉลาด


   “คิดว่าเยอร์เซ็พ คงเล่าอะไรให้พวกเจ้าฟังบ้างแล้ว”ไม่มีเสียงตอบรับจากเจ้าตัวที่ถูกถามมีเพียงการพนักหน้าตอบรับแทนเท่านั้น


   “เอาหละ  ข้าคิดว่าเราคงเริ่มประชุมกันได้อีกครั้งและคาโล...”ดวงตาสีแดงสดมองมาที่เขาเหมือนจะถามว่ามานั่งเสนอหน้าอะไรในที่ประชุมของหมาๆแบบนี้


   “ฉันคิดว่าบ้างทีเรื่องนี้ ฉันอาจมีเอี่ยว”


   “หึ สุดท้ายก็ไม่พ้นเจ้าสินะ”เจ้าหัวชมพูที่ชื่อวูฟเทอรีนสอดปากขึ้นมาเป็นตัวแรก


   “หมายความว่าเจ้ามนุษย์นี้เป็นตัวนำความซวยงั้นสิ”เสียงไม่พอใจดังขึ้นทันทีที่ปากหมาๆนั้นพูดจบ  ตัวนำความซวยงั้นเหรอ คาเซอริโอตวัดมองหมาเจ้าของคำพูดด้วยอารมณ์หงุดหงิดพิลึกก่อนจะยกยิ้มที่มุมปากเมื่อมองเห็นหน้าเจ้าของประโยคชวนกระทืบนั้นได้ชัด 


   “เงียบก่อนจายาเรายังไม่รู้เรื่องทั้งหมด”เจ้าหัวนกแก้วที่นั่งข้างๆกันออกปากห้ามปรามทำให้คิ้วของคาเซอริโอขมวดลงเล็กน้อย


   “เจ้าปกป้องมัน”


   “ข้าแค่พูดตามความจริง”


   “เหอะ  ความจริง  ความจริงที่เจ้ากำลังปกป้องมัน”เจ้าตัวที่ชื่อจายาหันไปเอาเรื่องกับเจ้าหัวนกแก้วในประเด็นที่คาเซอริโอไม่เข้าใจเท่าไหร่นัก


   “ข้าไม่ได้..”


   “เงียบกันทั้งคู่นั้นแหละ”คำห้ามปรามจากหัวหน้าที่ขาดบทบาทไปชั่วขณะ ทำให้การทุ่มเถียงของสองหมาปีศาจเงียบลงได้


   “ข้าคิดว่าบ้างที คงต้องให้เจ้าอธิบายให้เราฟังว่าเรื่องเป็นยังไงกันแน่”ทิเบอริสสบตากับมนุษย์คนเดียวในกลุ่มการประชุม


   “ก็แค่วันก่อน...”


   “ข้าเพิ่งเล่นงานงูตัวหนึ่งไปเมื่อวันก่อน”เจ้าหมาตัวข้างๆพูดแทรกประโยคที่เขากำลังจะพูด เสียงหือฮาดังขึ้นทันทีเมื่อได้ยินว่างูตัวหนึ่งถูกเล่นงานไป


   “หมายความว่าไงที่เจ้าเล่นงานงูไปตัวหนึ่ง”เสียงถามดังขึ้นมาจากใครคนหนึ่งที่คาเซอริโอไม่สนใจจะมอง เพราะตอนนี้เขากำลังจ้องหน้าหมาข้างตัวและกำลังนึกสงสัยว่ามันกำลังจะทำอะไร  อะไรบ้างอย่างที่เขาคงไม่ชอบ


   “ข้าเจองูตัวหนึ่งตรงชายป่า มันกำลังเล่นงานคาโล”


   “งั้นเจ้าก็หาเรื่องมาให้เราเพราะปกป้องมนุษย์”จายาเจ้าเก่าสอดปากขึ้นมาทันที


   “หากเจ้าเห็นว่าเป็นอย่างนั้นก็ตามใจ”นี้เป็นอีกครั้งที่คาเซอริโอต้องหันมองหมาข้างตัว คำตอบของมันช่างน่ากระทืบแต่อาจจะน่ากระทืบสำหรับจายานะไม่ใช่น่ากระทืบสำหรับเขา


   “เจ้า  อย่ามาปากดีกับข้า”จายาทำท่าจะถลาเข้ามาวางมวยแต่เจ้าหัวนกแก้วกับใครอีกสักตัวก็คว้าคอได้ทัน


   “ข้าอยากได้คำอธิบาย”คำถามของทีเบอริสทำให้เหตุการณ์สงบลงบ้างเมื่อทุกตัวเบนเป้าหมายมาหาเจ้าหมาโง่กันหมด


   “ข้าแค่ปกป้องคู่ของข้า”คำพูดเรียบๆแต่สะท้อนในใจคนฟัง  อาการเงียบที่บอกไม่ได้ว่าคนฟังอึ้งหรือซ๊อคเกิดขึ้นกะทันหัน  แต่สำหรับคาเซอริโอมันเป็นทั้งสองอย่างก่อนที่จะรู้สึกว่าเลือดลมทั้งหลายพากันตีขึ้นด้านบนจนหน้าร้อนหูร้อนเหมือนจะมีควันพุ่งออกมา  ต้องหันไปคว้าคอเจ้าหมาตัวข้างๆแล้วจับเขย่าๆเสียจนหัวนั้นสั่นไปมาเหมือนจะหลุดเสียให้ได้


   “แกพ่นอะไรออกมาห๊ะเจ้าหมาโง่”คาเซอริโอกระซิบเสียงรอดไรฟันหวังให้แค่เขาและมันได้ยิน


   “ข้า แค่ก  ข้าแค่พูดความจริง อึก ปล่อย”


   “ความจริงอะไรของแกว่ะไอ้หมางี่เง่า”นอกจากจะไม่ปล่อยแล้วคาเซอริโอยังออกแรงบีบมากขึ้นจนเจ้าหมานั้นหน้าเขียวหน้าแดง


   “ความจริง อึก ที่ว่าเจ้าเป็น ของข้า..”


   “ห๊ะ ว่าไงนะ”และก่อนที่เขาจะได้บีบคอมันจนตายคามือดังใจคิดก็มีมือปริศนามาคว้ามือเขาด้วยแรงมหาศาลจนต้องปล่อยคอสีน้ำผึ้งที่บัดนี้มีรอยแดงรูปมือขึ้นจนน่ากลัว


   “แกอย่ามายุ่ง”คาเซอริโอสะบัดมือออกให้หลุดจากการเกาะกุมซึ่งเจ้าตัวที่ทำก็ยอมปล่อยแต่โดยดี


   “ข้าแค่ไม่อยากให้เจ้าทำร้ายเพื่อนของข้า และนั้นก็คือคู่ของเจ้า”


“แกหมายความว่าไงห๊ะ”คาเซอริโอหันกลับไปเอาเรื่องกับหมาข้างหลัง เจ้าเยอร์เซ็พที่ตอนนี้กำลังยิ้มแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ยิ้มแบบสมใจและเจ้าเล่ห์แบบที่คาเซอริโอเห็นแล้วน่าเอาปืนกรอกปาก


   “ข้าพูดตามความจริง เพราะว่ากลิ่นที่ติดอยู่บนตัวเจ้ามันฟ้อง”คำพูดเรียบๆแต่เหมือนไม้ตีแสกหน้าสำหรับมาเฟียอย่างเขา  กลิ่นงั้นเหรอ ตัวเขาไปติดกลิ่นจากมันตอนไหนกัน  อ่ะ เหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาสดๆร้อนๆทำให้คาเซอริโอนึกปวดหัวขึ้นมาทันควัน เขาเพิ่งขี่หลังมันมาและก่อนหน้านั้นเขากับมันเพิ่ง


   “เจ้าพูดเรื่องจริงงั้นเหรอซาเวียร์”ทีเบอริสที่ดูจะตั้งสติได้ก่อนใครถามขึ้น ด้วยสีหน้าที่พยายามปรับให้เป็นปกติที่สุด


   “ข้าไม่มีความจำเป็นต้องโกหก”


   “เจ้าเลือกมนุษย์เป็นคู่”


   “แชมเบอร์เองก็เลือกมนุษย์”เสียงอือฮาดังขึ้นและเป็นตัวเรียกสติกลับมาหาคาเซอริโออีกครั้ง เจ้าหมาที่ชื่อแชมเบอร์มีคู่เป็นมนุษย์หากเจ้าเยอร์เซ็พมีคู่เป็นหมอฮิโตะแบบที่เขาคาดเดาแล้วคู่ของเจ้าหมาแชมเบอร์หละคงไม่ใช่


“แต่นั้น..”เจ้าหมาจายาเหมือนจะใบ้กินกะทันหัน


   “ริวจิไม่เคยทำเรื่องเดือดร้อนให้เรา”เจ้าตัวที่น่าจะชื่อแชมเบอร์แก้ตัวแทนขึ้นมาทันที แบบนี้ก็ลงล็อคว่าคู่ของเจ้าแชมเบอร์คือริวจิผู้ช่วยหมอที่แสนจะน่าสงสัย ไม่ทำเรื่องเดือดร้อนงั้นเหรอ เดือนร้อนจนพวกแกคิดไม่ถึงเลยต่างหาก


   “เอาหละ  หากซาเวียร์ทำไปเพื่อปกป้องคาโลคู่ของเขามันก็เป็นเรื่องที่ฟังขึ้น ต่อไปเรา..”


   “ไม่ได้นะทีเบอริส เจ้ามนุษย์นั้นจะนำความหายนะมาให้เรา”จายาคนเดิมยังไม่ละความพยายามที่จะหาทางเขี่ยมนุษย์อย่างเขาให้พ้นทาง ในโลกของเขามีการเหยียดสีผิวเหยียดชนชาติ ไม่ยักรู้ว่าในโลกของพวกปีศาจก็มีการเหยียดเผ่าพันธุ์ไม่ต่างกัน


   “เราปกป้องคนของเราเสมอ”ทีเบอริสพูดเสียงเรียบ  ดวงตาสีแดงคู่นั้นเริ่มทอประกายกร้าวเหมือนมันจะพยายามข่มอารมณ์อยู่ไม่น้อย


   “แต่มันไม่ใช่คนของเรา มนุษย์นั้นไม่ใช่คนของเรา มันไม่ใช่มาตั้งแต่แรก  เราไม่ควรเอากลุ่มเข้าไปเสี่ยง เจ้าต้องไล่มันออกไป  ไหนๆมันก็เคยอยากจะออกไปอยู่แล้วนี่”ดวงตาของเจ้าหมาจายาตวัดมองเขาด้วยแววตาอาฆาตเหมือนเขาไปฆ่าครอบครัวมันตายซะอย่างนั้น แต่อย่างน้อยวันนี้มันก็พูดถูกอย่างหนึ่งว่าเขาเคยพูดว่าจะออกไป ใช่ นั้นคือสิ่งแรกที่เขาคิดจะทำทันทีที่โผล่มาที่นี้


   “หากคาโลไป ข้าจะไปด้วย”เสียงหือฮาดังขึ้นอีกรอบเมื่อเจ้าหมาข้างตัวพูดออกมาโดยไม่มีแววขี้เล่นเหมือนเดิม


   “แกพูดบ้าอะไร ใครอนุญาตห่ะ”เจ้าหมานั้นไม่ตอบทำเพียงหันมามองเขาแล้วยิ้ม  ยิ้มด้วยดวงตาที่เป็นประกายเหมือนวันแรกที่มันขอเป็นคนดูแลเขา


   “เอาหละ  พอได้แล้วในเมื่อคาโลเป็นคู่ของซาเวียร์ก็เท่ากับเขาเป็นคนของเรา ซาเวียร์เป็นคนของเรา  เราปกป้องคนของเราและครอบครัวของเขาเสมอ ดังนั้นจะไม่มีใครไปไหนทั้งนั้น ข้าตัดสินใจแล้ว”เสียงหือฮายังคงดังขึ้นรอบๆแต่ไม่มีเสียงขัดอีกแล้ว


   “เจ้าช่วยเล่าเรื่องงูตัวนั้นให้ข้าฟังหน่อยได้ไหมซาเวียร์”


   “งูนั้นเป็นตัวเดียวกับที่ทำร้ายชินอู”ประเด็นใหม่เรื่องงูดึงความสนใจออกไปจากเรื่องคู่บ้าบอได้ทันควันและเจ้าชินอูที่นั่งอยู่ในนั้นก็เผลอสะดุ้งตัวขึ้นมา


   “เจ้าแน่ใจงั้นเหรอ”


   “ข้าแน่ใจ ที่หางของมันที่แผลที่คาโลทำเอาไว้”เสียงหือฮาดังขึ้นอีกรอบ  เสียงที่เหมือนแมลงหึ่งๆจนเขาปวดหัว


   “เป็นจริงอย่างนั้นรึเปล่าชินอู”


   “เจ้างูนั้น  ข้าจำได้ มันถูกคาโลเอามีดแทงที่หางเป็นแผลยาว”เจ้าหมาชินอูตอบสีหน้ามีแววกังวลเด่นชัด


“หากเป็นจริงเหมือนที่ซาเวียร์และชินอูพูด ก็หมายความว่าเรากำลังถูกงูคุกคามอีกครั้ง”


   “หากงูนั้นกลับมาเพื่อแก้แค้นก็พอเข้าใจได้ แล้วนางงูนั้นหละ เกี่ยวอะไรด้วย”วูฟเทอรีนที่นั่งเงียบมานานพูดขึ้นบ้าง


   “นางมาโวยวายว่าเราทำร้ายคู่ของนาง หากตัวที่ซาเวียร์เล่นงานไปเป็นคู่ของนางทุกอย่างก็เข้าเค้า”เยอร์เซ็พออกความเห็น


   “แต่ตามปกติแล้วงูไม่ยึดติดกับคู่  ผสมพันธุ์กันแล้วก็แยกย้าย”


“นั้นมันงูธรรมดา พวกงูปีศาจที่แปลงเป็นมนุษย์ได้ก็อาจจะมีการโกรธ หลง ได้เหมือนมนุษย์ทั่วไป”เยอร์เซ็พออกความเห็นทำให้คาเซอริโอได้ความรู้เรื่องงูเพิ่มขึ้นเหมือนกับอุณหภูมิในตัวเขาที่กำลังสูงขึ้นเรื่อยๆ


   “เจ้าไหวรึเปล่า”เสียงกระซิบเบาๆจากข้างหูที่เขาทำได้เพียงส่งเสียงตอบในลำคอไปเบาๆ รู้สึกเหมือนคอแห้งและเจ็บคอมากขึ้นพอๆกับที่ตัวร้อนขึ้นเรื่อยๆจนเหมือนจะเป็นไข้ ใช่คนอย่างคาเซอริโอที่แข็งแรงมาตลอด  กำลังจะเป็นไข้  ไข้ที่ไม่ได้เกิดจากพิษบาดแผลเวลาต่อสู้


“ไปพักกันดีกว่า”เจ้าหมาข้างตัวพึมพำอะไรสักอย่างข้างหูที่ตอนนี้เขาเริ่มจับใจความไม่ค่อยได้


   “ข้าจะพาคาโลไปพักฝากเจ้าตามต่อด้วยนะเยอร์เซ็พ”ซาเวียร์หันไปบอกกับเพื่อนก่อนจะหันไปขออนุญาตกับทีเบอริส


“ดูเหมือนคาโลจะไม่สบายข้าขอพาเขาไปพักก่อน”


   “อืม แล้วข้าจะให้เยอร์เซ็พไปบอกแล้วกัน ถ้ายังไงก็อย่าลืมแวะไปหาฮิโตะหละ”


   “เข้าใจแล้ว”ข้อมือแข็งฉวยเอาแขนคนที่เริ่มนั่งตาแดงขึ้นมาพยุงไว้


   “ฉันไหวน่า”เสียงแหบแห้งเหมือนคนเจ็บคอทำให้คิ้วสีน้ำตาลขมวดฉับก่อนจะพยุงร่างที่เริ่มจะโงนเงนออกไปข้างนอก


   “อ๊ะ ท่านคาโล ท่านซาเวียร์”เสียงทักที่ดังคุ้นๆทำให้คาเซอริโอหรี่ตาที่เกือบจะปิดขึ้นมองอีกครั้ง


   “ชินริ”


   “ข้าเองคะ พอดีข้าเป็นห่วงเห็นว่าท่านหายไปก็เลย  ตายแล้วท่านไม่สบายนี้คะท่านคาโล  รีบไปหาหมอกันเถอะคะเดี๋ยวข้าจะ..”


   “ไม่เป็นไร ขอบใจ ข้าดูแลคู่ของข้าได้”เสียงเจ้าหมาตอบนิ่งๆเหมือนเป็นเรื่องปกติแม้เขาอยากจะอัดมันให้เงียบก็ทำไม่ได้  ทำไม่ได้แม้มันจะพ่นคำพูดทำให้คนฟังอย่างเขาและชินริหน้าเผือดสี


“คู่ของท่าน..”   


   “ใช่  ข้าทำให้เขาเป็นแบบนี้ก็ต้องรับผิดชอบ โทษทีนะข้าต้องรีบไปหาฮิโตะ”คาเซอริโอรู้สึกว่าตัวเองลอยขึ้นก่อนจะมองเห็นเพียงกลุ่มผมสีน้ำตาลและแรงสะเทือนเวลาที่เจ้าหมานั้นออกวิ่ง  เขากำลังถูกแบกขึ้นหลัง หึ ผู้ชายน้ำหนักอย่างเขากลับถูกหมานี้แบกขึ้นหลังได้สบายๆ  น่าแปลกที่พวกหมานั้นดันแข็งแรงจนน่าตกใจแต่มันกลับทำให้เขาอบอุ่นและปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน



















        มาส่งตอนใหม่แล้วคะ  ตอนใหม่นี้มีประโยคชวนฟินอย่าง ข้าแค่ปกป้องคู่ของข้า :hao6: :hao6: กรี๊ด  เขียนเองก็ฟินเอง

       หลังบทรักสุดร้อนแรงพ่อหนุ่มคาโลของเราก็ไม่สบายซะแล้วหละคะ ส่วนคนดูแลก็คงไม่พ้นพ่อหมาของเรา แหมหวานกันได้อีก  แล้วพบกันใหม่ตอนหน้าคะ

ออฟไลน์ อินะซัง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-1
 :haun4: :haun4: :haun4: โอ้!!!  ไม่สะบาย *,,* ฮุฮุ :impress2: :impress2:

ออฟไลน์ fannan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-6
โอ้ยอายๆเปิดเผยเต็มๆ


รออ่านตอนต่อไปค้าบ

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
มาต่อแล้ว....บวกๆๆๆๆไปเลย

เขาประกาศออกตัวกันด้วยล่ะ ถึงจะแค่ซาเวียร์ก็เถอะ ...ฮ่าๆ

คาโลไม่สบายเสียแล้ว  แบบนี้ต้องดูแลดีๆ...หุหุ

เรื่องมือที่สามช่างหัวมันไปก่อน เอาแค่เราสองคนก่อนพอ....อิอิ



ปล.มีตัวร้ายมาเพิ่ม และเมื่อไหร่ริวจิจะโดนกระชากหน้ากากนะ

ออฟไลน์ tamako

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-6
ตอนที่ 20 สิ่งมีชีวิตคุ้นหน้าผู้มาเยือน                                                      21/07/2557






   เสียงพูดคุยงึมงำข้างหูก่อให้เกิดความรำคาญจนคิ้วสีทองขมวดเข้าหากันก่อนจะนิ่วหน้าด้วยความหงุดหงิดเมื่อเสียงนั้นไม่ได้เบาลงเลยแต่กลับดังชัดขึ้นเรื่อยๆและกำลังรบกวนการนอนของเขาจนต้องลืมตาขึ้นมอง  ภาพแรกที่เห็นคือภาพเพดานถ้ำสีดำและแสงสีทองที่ส่องผ่านมาจากด้านน้ำตก  ความเมื่อยขบทำให้อยากขยับร่างแต่พอลองขยับกลับพบว่าร่างกายทุกส่วนติดขัดและยอกเจ็บต้องร้องครางออกมา


   “อึก”เสียงเบาๆของเขาแต่ไม่อาจรอดพ้นหูของคนที่กำลังคุยกันอยู่ ร่างขาวๆในเสื้อกราวถลาเข้ามาเป็นคนแรกก่อนจะตามด้วยสองหมาที่หนึ่งในนั้นรีบถลาเข้ามาแต่ก็ช้ากว่าอีกตัวที่รีบเอาลิ้นสีชมพูนั้นมาเลียแก้มเขา


บ็อก


   “ซ๊อค”คาเซอริโอปรายตามองเจ้าหมาขนฟูที่กระดิกหางสีดำสั้นๆของมันเร็วๆแต่เพราะหางที่สั้นเกินไปเลยดูเหมือนมันพยายามส่ายก้นจนดูตลก


   “เจ้า/คุณ เป็นยังไงบ้าง”เสียงที่ถามขึ้นพร้อมกันระหว่างหมอฮิโตะกับเจ้าหมาตาสีน้ำตาลทำให้เกิดความเงียบตามขึ้นมา


   “ปวดหัว หิวน้ำ”เสียงตอบของเขาก่อให้เกิดปฏิกิริยาที่ต่างกันของคนและหมา ในขณะที่คนเป็นหมอรีบหันไปด้านข้างเพื่อทำอะไรสักอย่างกับกองสมุนไพร เจ้าหมาที่อยู่อีกข้างก็พุ่งตัวไปยุ่งกับบางอย่างที่ดูเหมือนหม้อน้ำ ในขณะที่หมาอีกตัวทำเพียงนั่งนิ่งๆและจ้องมองเขาด้วยดวงตาสีทองแดงคู่นั้นเงียบๆ


   “น้ำ  กินช้าๆนะ”น้ำในถ้วยดินเผาถูกยื่นมาให้เขาที่พยายามจะลุกกินน้ำโดยมีมืออีกข้างของเจ้าหมาคอยประคองหลัง  ดูเหมือนคู่รักหวานแหวแต่ในวินาทีที่หิวน้ำจนแทบขาดใจใครจะมองยังไงเขาไม่สน  อาการรีบร้อนเพราะความกระหายทำให้ไอสำลักและมีมือดีมาคอยลูบหลัง แม้บางจังหวะจะแรงจนเหมือนตบหลังมากกว่าก็เถอะ


   “ยาแก้ปวดครับ ดื่มสักหน่อยจะได้ดีขึ้น”ถ้วยยากลิ่นเหม็นเขียวถูกยื่นมาจากอีกด้าน คาเซอริโอทำได้เพียงขมวดคิ้วก่อนจะรับถ้วยยานั้นมากระดกเข้าปากไปแบบเร็วๆแล้วคว้าเอาถ้วยน้ำจากเจ้าหมาล้างปากตาม


   “ฉันมา..”


   “นอน”ยังไม่ทันจะได้พูดจบประโยคเจ้าหมาที่อยู่ข้างๆก็สวนขึ้นมาทันควัน คิ้วสีทองขมวดฉับก่อนจะหันไปสบตาตากับหมาที่พยามยามจะประครองเขาให้นอนลง


   “ฉันจะนั่ง”


   “เจ้าต้องนอน  เจ้าไม่สบายไข้ขึ้น เพราะฉะนั้นต้องนอนมากๆ”เจ้าหมาตัวข้างๆยังเถียง  ตาสีน้ำตาลนั้นทอแววดุแบบผู้ใหญ่ดุเด็ก ซึ่งมองแล้วมันขัดใจผู้ใหญ่อายุเลยเลข 3 อย่างเขาเป็นที่สุด


“อย่ามาสอนฉัน”


“ข้าไม่ได้สอนเจ้า  ข้าแค่เป็นห่วงเจ้า ตรงไหนที่ข้าสอนเจ้ากัน”คำพูดซื่อๆกับดวงตาใสแจ๋วทำให้คาโลนึกอยากกุมขมับและเขาก็กุมขมับจริงๆด้วยความปวดหัวก่อนจะยอมเอนหลังนอนลงไปดีๆและสัมผัสได้ว่าผูกนอนมันนุ่มสบายกว่าเดิมเหมือนมันจะหนาขึ้น ได้แบบนั้นก็ดีแล้วไม่ปวดหลังปวดเอว


   “เอาหละ ตอบฉันมาได้แล้วว่าฉันหลับไปนานแค่ไหน”


   “ถ้านับจากตอนที่คุณซาเวียร์พาคุณไปหาผมก็หนึ่งคืนกับอีกครึ่งวันครับ”คาเซอริโอส่งเสียงตอบรับในลำคอ  เขากับเจ้าหมาซาเวียร์เดินทางกลับกลุ่มตอนสายๆ มาถึงก็เข้าประชุม หลังจากนั้นเขาก็ไข้ขึ้น ตื่นอีกทีก็สายของวันใหม่ นับๆไปแล้วก็หนึ่งวันครึ่งเกือบ 2 วันได้แล้ว


   “แล้วทำไมนายมาอยู่นี้หละฮิโตะ”คาเซอริโอหันไปหาอีกคนที่ไม่น่าจะมาอยู่ในถ้ำนี้ได้


   “เออ  พอดีตอนกลางดึกคุณคาโลไข้ขึ้นสูง คุณซาเวียร์ก็เลยไปตามผมมาดูแลแล้วก็เช็ดตัวให้นะครับ”พูดจบคนพูดก็เขินหน้าแดงอายม้วนเหมือนสาวน้อยจนคาเซอริโอต้องขมวดคิ้วฉับเพราะไม่เข้าใจและคิดทบทวนคำพูดของหมอฮิโตะใหม่อีกครั้งเขาไข้ขึ้นตอนกลางคืนเจ้าหมานั้นไปตามฮิโตะมาคงเพราะดูแลไม่เป็นหละมั้งขนาดลูบหลังยังเหมือนจะตบหลังเขาหักเลย  ส่วนเรื่องเช็ดตัว 


พอคิดถึงเรื่องนี้หน้าของคาเซอริโอก็เหมือนจะเผือดสีลงไป ยิ่งมองเห็นหน้าหมอฮิโตะที่ยังทำเป็นมองนกมองไม้ทั้งๆที่มันไม่มี  มือบิดชายเสื้อไปหูแดงไปเขาก็ยิ่งเข้าใจอะไรได้กระจ่างมากขึ้น  แบบนี้คงรู้แล้วสินะว่าเขาป่วยเพราะอะไร  เป็นหมอจะรู้มันก็ไม่แปลก แล้วยิ่งรอยบนตัวที่เจ้าหมานั้นทำไว้  แม้ไม่มีกระจกให้ส่องเขาก็พอเดาได้ว่ามันเป็นยังไง ตอนอารมณ์หื่นบังตาทุกอย่างก็ดูสนุกหรอก แต่ตอนอาบน้ำแล้วแสบตามตัวนี้สิเป็นหลักฐานชิ้นดีว่ามันเล่นงานเขาไว้ไม่น้อย


   “เออ ยังไงก็ขอบใจนะ”


   “อ่ะครับ  ไม่เป็นไรครับ ตอนนี้คุณคาโลก็ดีขึ้นมากแล้ว..”


   “กลับ”เจ้าตัวที่นั่งใบ้อยู่นานพูดขึ้นก่อนเดินดุ่มๆถือวิสาสะกวาดบรรดาอุปกรณ์การแพทย์ต่างๆแล้วฉุดแขนหมอให้ลุกขึ้น  ดูจากท่าทางแล้วการมาดูแลเขาคงทำให้เจ้านั้นหงุดหงิดที่โดนขัดจังหวะสินะ


   “ไปเถอะฉันไม่เป็นอะไรแล้วหละ  เดี๋ยวหมาบ้างตัวจะเส้นอารมณ์ขาดซะก่อนแค่นายมาเช็ดตัวให้ฉันแบบถึงเนื้อถึงตัวก็เกรงใจแย่แล้ว”


   “อ่ะ ไม่เป็นไรครับผมเต็มใจ”อาการตอบรับเพราะความซื่อและหน้าแดงๆเหมือนระเบิดชั้นดี ทำให้เจ้าหมาจอมหวงตวัดตาสีทองแดงมามองเขาด้วยสายตากรุ่นโกรธเหมือนเขาไปเหยียบหาง ไม่สิไปพรากของรักมันมายังไงอย่างั้น  ยั่วขึ้นจริงๆแหะ


“กลับได้แล้ว”มือใหญ่ๆนั้นกระชากทีเดียวร่างที่บางกว่าก็แทบปลิวไปปะทะอกก่อนจะเดินตามแรงคนลาก ที่เดินดุ่มออกไปไม่สนใจ


   “อ๊ะ  อย่าลืมกินยาให้ครบด้วยนะครับ  อากาศเย็นต้องห่มผ้าหนา ห้ามอาบน้ำเย็นๆนะครับ อ๊ะ คุณเยอร์เซ็พช้าลงหน่อยสิครับ”คาเซอริโอโบกมือน้อยๆให้หมอหน้าขาวพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะหันมาปะทะกับหมาอีกตัวที่นั่งหน้าหงิกอยู่ข้างๆ


   “เป็นอะไรของแก”คาเซอริโอแกล้งถามขณะยื่นมือไปเกาท้องเจ้าหมาซ็อคที่ลงไปนอนหงายสี่ขาให้เขาเกาท้องให้   


   “หึ”เสียงเบาๆในลำคอพร้อมหน้าที่สะบัดไปอีกทาง  ถึงไม่บอกเขาก็รู้ว่ามันงอนแต่จะเรื่องอะไรนั้นเขาขี้เกียจจะใส่ใจ อีกอย่างท่างอนสะบัดหน้านั้นไม่เข้ากับหน้าโหดๆร่างยักษ์ของมันสักนิด


   “ฉันหิวแล้ว มีอะไรให้กินไหม”คาเซอริโอถามขึ้นลอยๆและแน่นอนคำตอบคือความเงียบ


   “ฉันถามว่ามีอะไรให้กินบ้าง ไม่ได้ยินรึไง”เขาตัดสินใจยื่นมือข้างหนึ่งไปจับคางหนาให้หันมามอง  สบกับดวงตาสีน้ำตาลนั้นก่อนจะยกยิ้มมุมปากแล้วจงใจไล้ปลายนิ้วโป้งจากขอบปากไปตามแนวคางที่สัมผัสถึงตอหนวดได้จางๆ


   “ว่าไง”      


   “มีกระต่ายป่าย่าง รอเดี๋ยว”เจ้าหมาปีศาจในร่างคนยักษ์ผุดลุกขึ้นก่อนจะสาวเท้าเร็วๆไปที่กองไฟทำอาหาร จับนู่นทำนี้ให้วุ่นวายทั้งๆที่หูสองข้างนั้นแดงเรื่อ


   “อะไรของมันกันนะ”คาเซอริโอหันไปมองหาเจ้าหมาซ็อคที่มองเขาอยู่ แล้วใช้มือข้างเดียวกันนั้นจับหน้าเล็กๆแล้วเอานิ้วโป้งลูบคอสั้นๆนั้นเล่น


   “ทั้งๆที่ฉันก็ทำแบบเดียวกับที่ทำกับแกแท้ๆ”


   สรุปแล้วมื้อเที่ยงของเขาก็เป็นกระต่ายป่าย่างที่พอกินอิ่มท้องเขาก็หลับยาวก่อนจะตื่นมาอีกครั้งพร้อมกลิ่นหอมของปลาแม่น้ำย่างและความมืดมิดของท้องฟ้า  หลังจากกินปลาพร้อมกับยาลดไข้เสร็จเขาก็ซักจนได้ความว่า ที่เจ้าหมาซาเวียร์ไปช่วยเขาทันก็เพราะเจอกับเจ้าซ็อคที่วิ่งกลับมาหลังจากที่เขาถ่วงเวลาให้มันหนี  นับว่าแผนของเขาได้ผล  แม้จะไม่มั่นใจว่าหมาประหลาดแบบเจ้าซ็อคจะทำได้ แต่มันก็ทำสำเร็จสมกับที่ชอบผุดๆโผล่ๆและทำสิ่งต่างๆให้ประหลาดใจอยู่เรื่อย


   ส่วนเจ้างูที่เล่นงานเขาตัวนั้นได้ความว่าหลังจากที่ถูกกัดครึ่งตัวจนเนื้อวิ่นก็ตกกระแทกหินหายไปในความมืด  แม้ไม่เห็นกับตาว่าตายแต่เจ้าหมาตาใสนั้นก็ยืนยันเป็นมั่นเหมาะว่าตายแน่เพราะมั่นใจว่าตัวเองกัดไม่พลาด และไม่นานคงรู้ความจริงว่าตายรึเปล่าเพราะทีเบอริสสั่งให้บรรดาหมาตัวผู้ออกตามแล้ว หากตายจริงเหมือนที่ซาเวียร์โม้แผนป้องกันนางงูคงต้องรัดกุมขึ้น เพราะถูกทำร้ายให้บาดเจ็บกับถูกทำร้ายให้ตายโทษของมันต่างกันมากนัก การมาของนางงูครั้งนี้เป็นอีกครั้งที่คาเซอริโอเห็นทั้งกลุ่มเตรียมพร้อมรับมือ  เหตุการณ์จะเป็นยังไงต่อเขาคงต้องติดตามดู แต่เป็นไปได้เขาไม่อยากเข้าไปยุ่ง  เขาอยากดูอยู่ห่างๆและหาช่องทำเพื่อทำบางสิ่งที่เขาสมควรทำสักที 


อ้อมกอดอุ่นๆในคืนที่มีไข้และอากาศหนาวรุมแบบนี้  สมองก็เหมือนจะล้าลงเรื่อยๆลำพังแค่ฟังเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมาเขาก็เพลียแทบหลับ ดังนั้นคืนนี้เขาจะยอมนอนเป็นหมอนข้างให้มันอีกคืน ก่อนที่พรุ่งนี้ทันทีที่ดีขึ้นเขาคงต้องเริ่มคิดถึงบางอย่างแบบจริงจัง



   

   แสงแดดยามสายส่องผ่านช่องแตกของหินริมฝั่งน้ำตกเข้ามาแตะระเรี่ยข้างฟูกนอน เงาของน้ำที่สะท้อนแสงอาทิตย์กลายเป็นล่อนคลื่นที่เปรียบเสมือวอลเปเปอร์  ผ้าห่มผืนหนาที่อุ่นจัดทำให้หนึ่งคนและหนึ่งหมานอนหลับสนิทมาตลอดทั้งคืน  แม้อีกหนึ่งหมาปีศาจจะลุกออกไปก็ไม่อาจปลุกผู้หลับใหลให้ตื่นได้  นอกเสียจากผู้หลับใหลนั้นจะอยากตื่นเองเช่นครั้งนี้


เปลือกตาเปิดออกให้โอกาสดวงตาสีเทาสัมผัสกับแสงแดดยามสายก่อนเจ้าของร่างจะกระพริบตาแล้วเปลี่ยนตัวเองจากท่านอนตะแครงเป็นท่านอนหงาย  คิ้วสีทองขมวดเข้าหากันเหมือนใช้ความคิด  อาจเพราะฟูกที่อุ่นจนเกินไปหรือเพราะวอลเปเปอร์ม่านน้ำลายแปลกก็ไม่รู้ที่ทำให้หัวเขาไม่สามารถคิดอะไรได้อย่างที่อยากคิด ร่างสูงๆนั้นจึงลุกขึ้นจากฟูกจัดการธุระส่วนตัวแล้วเดินมาหยุดที่ช่องแตกริมน้ำตก


   ช่องแตกที่สูงกว่าหัวเขาไปกว่าคืบ และกว้างประมาณเขาเหยียดแขนออกจนสุด  ถัดออกไปคือต้นไม้เล็กที่สูงชะรูดและเถาวัลย์เส้นยาวที่พันกันจนยุ่งเหยิงหากไม่สังเกตดีๆคงมองไม่เห็นช่องตรงที่เขายืนอยู่แต่เขากลับมองเห็นน้ำตกด้านล่างได้อย่างชัดเจน  เห็นถึงความแรงของน้ำที่ตกกระทบพื้นจนแตกกระจายเป็นฟอง  ปลายเท้าเปล่าเปลือยก้าวถอยไปข้างหลังก่อนจะออกแรงวิ่งแล้วพุ่งตัวลงไปหากระแสน้ำ เสี่ยววินาทีที่หูได้ยินเพียงเสียงน้ำและภาพละอองสีขาวที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ


ตูม   


   ร่างทั้งร่างหล่นกระแทกกับผืนน้ำแล้วร่วงลงไปด้านล่างตามแรงโน้มถ่วงและแรงกดของน้ำ  ขาและแขนทั้งสองข้างออกแรงดำดิ่งลงไปเรื่อย  แสงแดดที่ส่องเข้ามาไม่ทำให้เขามองเห็นอะไรได้นอกจาก ฝุ่นและเศษไม้ เศษหินที่ปลิวว่อนเพราะแรงกระแทกของน้ำ  คาเซอริโอปล่อยให้กระแสน้ำพัดตัวเขาออกไปเรื่อยๆก่อนจะตัดสินใจโผล่ขึ้นเหนือน้ำเมื่ออากาศใกล้หมดจากปอด  มือขาวคว้าจับเข้าที่โขดหินก่อนจะโหนตัวให้ร่างกายไปนอนแผ่อยู่บนหินกว้าง ปล่อยให้ปอดและซี่โครงทำงานอย่างหนักเพื่อโกยอากาศเข้าปอด มือที่เหมือนจะอ่อนแรงลงเพราะออกแรงว่ายน้ำยกขึ้นลูบน้ำออกจากหน้าก่อนเจ้าของมือจะชูมือขึ้นสูง
 

   นานเท่าไหร่แล้วที่มือคู่นี้ไม่ได้สัมผัสกับปืน  นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้สัมผัสกับเลือดมนุษย์  นานแค่ไหนแล้วที่รู้สึกว่ามันอุ่นขึ้นเพราะสัมผัสจากใครอีกคน  เมื่อวานมันดูเหมือนนาน แต่ตอนนี้ไม่แล้ว มันสั้น  ความอบอุ่นนั้นมันสั้น  มันเหมือนวันพักร้อนสำหรับเขา  วันพักร้อนที่เขาไม่ได้มีมานาน  เมื่อมีและอยู่กับมันจนเริ่มจะชินชามันก็ถึงเวลาที่ต้องหยุด  หยุดพักร้อนแล้วกลับไปสู่โลกแห่งความเป็นจริง  กลับเป็นสู่โลกของเขาที่เคยเป็น  หากเป็นการพักร้อนธรรมดามันคงง่ายที่จะกลับไป แม้จะแอบเสียดายความสงบแต่เขาคงเต็มใจที่จะกลับไป  กลับไปทำตามคำสัญญา  ทำตามคำสั่งสอน กลับไปหาดอนของเขา  แล้วทำไมครั้งนี้ แค่คิดว่าต้องกลับถึงได้เหนื่อยนัก


    เหนื่อยจนต้องวางมือแผ่ไว้ข้างตัว  เหนื่อยจนต้องนอนนิ่งๆ แล้วปิดเปลือกตาลงปล่อยให้แสงแดดยามสายที่ส่องผ่านยอดไม้ลามเลียผิวกายและเสื้อผ้าจนแห้ง ปล่อยลมและสายน้ำไหลผ่านรอบตัวไปช้าๆ  เหมือนเขาเป็นเพียงส่วนหนึ่งของธรรมชาติไม่ใช่มนุษย์ที่วิ่งไปมาและเคลื่อนที่เหมือนเช่นเคยเป็น


   “ข้าว่าหากเจ้านอนนานกว่านี้ จากตากแดดเจ้าจะได้ตากน้ำค้างด้วยนะ”เสียงพูดที่ดังขึ้นเหนือหัวและเงามืดที่ทาบทับบดบังแสงอาทิตย์ยามเย็นทำให้คิ้วสีทองขมวดฉับก่อนจะเปิดขึ้นเพื่อมองคนหรืออะไรก็ตามแต่ที่บังอาจขัดขวางก่อนพักผ่อนของเขา


สิ่งมีชีวิตที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้าทำให้คิ้วขมวดเข้ากันมากกว่าเดิม  สิ่งมีชีวิตประหลาด เจ้าตัวที่มีตาสีทองกรอบดำ  ใบหน้าเรียว รูจมูกที่เล็กกว่ามนุษย์และเส้นผมสีทองที่มีล่อนคลื่นสีดำ  และตอนนี้เส้นผมยาวๆนั้นก็กำลังคลอเคลียกับใบหน้าเขาเพราะระยะห่างที่ใกล้เกินไปของเขากับมัน


   “แก.”


   “โอ้ หน้าแบบนั้นแสดงว่าจำกันได้สินะ”


   “ไสหัวไปให้พ้นๆไป”มือหนาตวัดเข้าหาซอกคอขาวจนเหมือนซีดแต่เจ้าบ้านั้นก็ดันเหมือนนกรู้ รีบหลบฉากออกไปก่อนที่เขาจะทันได้คว้าคอมัน


   “ยังกล้าและบ้าบิ่นเหมือนเดิมเลยนะ”


   “แกมาทำอะไรที่นี่   คูลาตัส”คาเซอริโอผุดลุกขึ้นก่อนจะหันไปสบตากับเจ้างูประหลาดที่พอนั่งแบบนี้ทำให้เขาเห็นว่าผมสีทองนั้นยาวจนละไปตามพื้น น่าจับไปทำไม้กวาดจริงๆ


   “ข้ามาเยี่ยมญาติ”


   “ญาติ  ไม่ยักรู้ว่าแกมีญาติเป็นหมาด้วย”คิ้วงูปีศาจขมวดเข้าหากันเล็กน้อยก่อนจะคลายออกพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก


   “เจ้ายังคงปากร้ายเหมือนเคย”


   “ถ้าแกยังจำได้ว่าฉันปากเสีย  งั้นแกก็คงจำได้เหมือนกันว่าฉันไม่เคยพูดหวานๆกับพวกตัวผู้”


   “หืม  คลายๆว่าเจ้าเคยพูดเอาไว้แบบนั้น”


   “สรุปแกจะบอกฉันรึเปล่าว่ามาทำอะไรแถวนี้”คาเซอริโอถามขณะขยับเปลี่ยนท่า ทั้งแก้เมื่อยและเป็นการตั้งรับไปในตัว  ช่วงนี้เขายิ่งมีคดีกับงูซะด้วย


   “ข้าบอกเจ้าไปแล้วคาโลว่าข้า มาเยี่ยมญาติ”รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้านั้นยังคงเหมือนเดิม แต่เขากลับรู้สึกว่าบางอย่างไม่เหมือนเดิม เจ้านั้นจงใจเดินทางมาที่นี้  มาในดงของหมาแม้จะยังไม่เข้าใกล้กลุ่มแต่ก็ใกล้จนน่าหวาดเสียวและไม่แน่ว่ามันอาจจะรู้หรือไม่รู้เรื่องที่พวกหมากำลังเตรียมการรับมือกับนางงู  มันมาในเวลาที่เสี่ยง ถ้ามาเพราะไม่รู้จริงๆก็คงไม่พ้นงูโง่ๆตัวหนึ่ง แต่ถ้ามาทั้งๆที่รู้สถานการณ์บางทีเรื่องนี้อาจยากกว่าที่คิด


   “เจ้าเห็นรึเปล่าญาติข้าคนนั้นนะ”


   “ฉันไม่เคยเห็นหน้าพี่ๆน้องๆแก แล้วจะรู้ได้ไงว่าญาติแกเป็นตัวไหน  งูเล็กน้อยๆแถวนี้ก็มีให้เห็นเกลื่อน”


   “อย่าเอาข้าไปรวมกับพวกงูตัวเล็กแบบนั้นสิ  เจ้าบอกไม่เคยเห็นหน้าญาติข้า  ข้าว่าเจ้ากำลังพูดผิดไปนะ  ข้าเชื่อว่าเจ้าไม่ได้ความจำสั้นขนาดนั้น คิดสิคิดคาโล”รอยยิ้มที่กว้างขึ้นบนมุมปากเริ่มทำให้มาเฟียอย่างเขาเครียดมากขึ้น  งูที่เขาเคยเห็นหากไม่นับเจ้าพวกตัวเล็กอย่างที่มันว่าก็เหลือเพียงตัวเดียว  ตัวที่เล่นงานชินอูและเป็นตัวเดียวกับที่ถูกเจ้าหมากัดจนตัวขาดวิ่นและตอนนี้ยังไม่รู่ว่าจะตายหรือยัง


   “บางที เรื่องบางเรื่องมันก็ตลกร้ายกว่าที่คิด”ใบหน้านั้นยื่นเข้ามาใกล้  ใกล้จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจและบางอย่างที่กำลังเคลื่อนไหวแผ่วเบา ขาสองข้างออกแรงถีบตัวไปในอากาศแต่ก็ยังช้าเกินไป  เขาถูกจับรัดด้วยหางงู  หางงูสีดำที่มีลวดลายสีเหลืองทองพาดผ่านเป็นริ้ว


   “แก...”คาเซอริโอกำลังอับจนด้วยคำพูดกับเรื่องที่เกิดขึ้น  เขากำลังถูกหางงูที่มีขนาดใหญ่เท่าต้นไม้รัด  มันกำลังออกแรงรัดเขาช้าๆจากข้อเท้ายาวขึ้นมาจนถึงช่วงเอว


   “อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ  ถึงแม้มันจะน่าสนใจมากก็เถอะ”ตัวส่วนบนที่ยังคงสภาพแบบมนุษย์กลับยิ่งทำให้ขนในกายคนมองอย่างเขาลุกชันเพราะตอนนี้มันเหมือนเขากำลังดูหนังแฟนตาซีสยองขวัญที่ตัวเองกำลังเป็นตัวแสดงนำ


   “แกต้องการอะไร”คาเซอริโอเปิดปากถาม


   “ไม่เอาน่า  ข้าบอกแล้วไงว่าอย่าทำหน้าแบบนั้น รู้ไหมเจ้าเป็นเหยื่อคนแรกเลยนะที่ถูกข้ารัดแล้วไม่ทำหน้าหวาดกลัวข้านะ”ใบหน้าเรียวได้รูปนั้นเคลื่อนเข้ามาใกล้ ใกล้จนลิ้นสีแดงสองแฉกนั้นสามารถเลียแก้มเขาได้ถนัด


   “อืม  อร่อย”   


   “ไอ้งูโรคจิต”คาเซอริโอเบี่ยงหน้าหลบ  สัมผัสของน้ำลายที่ข้างแก้มทำให้คั่นเนื้อคั่นตัวแบบแปลกๆ


   “งั้นข้าคงโรคจิตไม่ต่างจากเจ้าหมาที่อยู่ข้างกายเจ้า”ดวงตาสีทองตวัดมองเจ้างูที่มีครึ่งตัวเป็นร่างคน  มันรู้


   “อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ  ก็ตัวเจ้านะมีรสชาติของหมา  ถึงแม้จมูกข้าจะไม่ดีเท่าพวกนั้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าข้ารับรสไม่ได้หรอกนะ”


   “ปล่อยฉัน”คาเซอริโอออกแรงดิ้นมากขึ้น  ตอนนี้เขากำลังโกรธ  โกรธที่มันบอกว่าเขารสชาติเหมือนหมา


   “ไม่เอาน่า เจ้าไม่อยากรู้เรื่องญาติข้ารึไง”


   “หึ  ไอ้งูที่กำลังจะกลายเป็นศพนะ ฉันไม่อยากรู้หรอก”ข้อมือที่ถูกรัดอยู่ข้างเอวออกแรงกระชาก  ปลายมีดแหลมคมกรีดเข้าที่เกร็ดสีดำ  รอยบาดลึกจนเลือดสีแดงสดทะลึก ขดหางคลายออกตามสัญชาตญาณ ร่างของมนุษย์ที่ถูกรัดจึงร่วงน้ำก่อนที่เจ้าของจะพาตัวเองผุดขึ้นมาที่หินอีกฝั่ง


   “ความบ้าบิ่นของเจ้ากำลังทำความลำบากให้ข้านะคาโล”เจ้างูปีศาจยังคงพูดเรื่อยๆแม้บาดแผลที่หางจะกว้างและยังมีเลือดไหลซึม


   “แต่มันคงทำความโชคดีให้ฉัน”


   “เจ้าคิดจริงๆหรือว่าจะหนีไปจากข้าได้ ในสภาพนั้น”เจ้างูยิ้มกว้างขณะมองตรงมาที่เขา ใช่เขาหลุดออกมาจากหางมันได้โดยแลกมากับรอยบาดเป็นทางยาวที่ช่วงสะโพก  การชักมีดที่ติดอยู่ที่ปลอกข้างตัวในช่วงที่มันชะงักเพราะคำพูดของเขา  มีดด้ามยาวที่ถูกรัดอยู่ระหว่างตัวเขากับหางงู  มันเจ็บ  เขาเจ็บ


   “มันก็ไม่แน่  ตอนนี้ฉันมีทางเลือกแค่สองทางเท่านั้น ไม่รอดก็ตาย”


   “ทำไมเจ้าไม่เลือกทางที่ 3 ให้ตัวเองหละคาโล”เจ้าคนครึ่งงูยังคงพูดต่ออย่างไม่ทุกข์ร้อน แน่หละบาดแผลของมันแม้จะใหญ่แต่ถ้าเทียบกับขนาดตัวคงเหมือนถูกมีดทำครัวบาดนิ้วนั้นหละ


   “ทางเลือกอะไรของแก”


   “ข้าถูกใจเจ้านะคาโล  ทำไมไม่..”


   “หยุดความคิดอุบาทของแกซะ”แค่คิดตามที่มันคิดเขารู้สึกขนลุกจนเกินทนแล้ว 


   “เจ้านี้ใจแคบจังนะ  ยอมให้เจ้าหมานั้นได้แต่ไม่คิดจะยอมข้างั้นเหรอ ข้าเชื่อว่าข้าเองก็มีดีไปไม่น้อยกว่าเจ้าหมาขนยุบยับที่รสชาติไม่ได้เรื่องนั้น”เจ้างูนั้นยังคงยกหางตัวเองต่อไปอย่างไม่ยี่ระ


   “ฉันไม่อยากต่อปากต่อคำกับแก  ฉันมีทางเลือกให้สองทางเท่านั้น”


   “แย่จริง  ทั้งๆที่อยากคุยด้วยนานกว่านี้แท้ๆ”ลิ้นแดงสดนั้นเเล่บเลียออกมานอกปาก  ก่อนใบหน้านั้นจะเคลื่อนเข้ามาใกล้  มีดด้ามยาวในมือกระชับมั่นแต่ก่อนที่เขาจะได้จ้วงแทง มันก็หยุดชะงัก


   “งูที่เจ้าบอกว่ากำลังจะกลายเป็นศพนะเป็นน้องชายของข้าเอง”มีดที่ยกขึ้นค้างกลางอากาศเมื่อคำพูดของมันทำให้เลือดในกายของคนฟังอย่างเขาเย็นเฉียบ


   “ไม่ต้องทำหน้าตกใจแบบนั้น  แม้จะเป็นน้องชายก็เป็นน้องชายที่ยังไงดีหละแค่ออกมาจากท้องแม่ตัวเดียวกัน  แค่เห็นหน้ากันตอนเกิดแวบเดียวทันก่อนที่มันจะฆ่าข้าก็เท่านั้น หึ”เจ้างูตรงหน้ายังคงพูดเรื่อยๆในเรื่องที่คนอย่างคาเซอริโอยากจะทำความเข้าใจถึงการสืบพันธุ์อะไรของงูพวกนั้น


   “ที่ฐานะที่เจ้าทำให้ข้าถูกใจ ขอเตือนอะไรไว้อย่างนะ  แม้ข้าจะไม่สนใจว่าคีอานัส  น้องชายห่างๆนั้นมันจะเป็นหรือตายแต่มาเรียอานะนางไม่ใช่  นางหลงใหลคีอานัส  หลงใหลจนผิดวิสัยงูและนางเป็นคนอารมณ์ร้ายแบบที่ข้าเองก็ยังไม่นึกชอบใจเพราะฉะนั้นอยู่ห่างๆนางนะคาโล  เพราะหากนางทำอะไรเจ้าขึ้นมาข้าเองคงเสียใจน่าดู”ฝ่ามือที่ขาวจนซีดเหมือนศพยกขึ้นไล้ข้างแก้มเขาชั่วสัมผัสเดียวก่อนที่เขาจะสะบัดหน้าหนี


   “แล้วเจอกันนะ”เจ้างูนั้นยิ้มกว้างก่อนจะพุ่งตัวเลื้อยหายไปในแนวป่า ปล่อยให้เขาทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ทั้งๆที่ในสมองกำลังสับสน  วิทยาศาสตร์สอนว่าโลกของมนุษย์นั้นกลมแต่ไม่ได้บอกเอาไว้ด้วยว่าโลกของปีศาจนั้นมันทั้งกลมและเล็ก  มีเรื่องเข้ามาให้คิดไม่หยุดหย่อนเลยจริงๆ



ออฟไลน์ tamako

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-6
   “คาโล”เสียงน้ำที่แตกกระจายและเสียงเรียกทำให้ทันเห็นเจ้าหมาที่กลายเป็นคนกำลังวิ่งลุยน้ำมาหาเขาด้วยสีหน้าตื่นตระหนกพร้อมๆกับเพื่อนหมาปีศาจอีก 3-4 ตัว


   “อะไร”


   “เจ้าเป็นอะไรรึเปล่า”


   “ฉันสบายดี”คาเซอริตอบแม้จะยังเจ็บแผลที่สะโพกเมื่อขยับตัวลุกขึ้น


   “ข้าได้กลิ่นงู  นั้นมันเลือด”เจ้าหมาตัวแสบคว้าหมับที่สะโพกของเขาเร็วเกินที่จะได้อ้าปากประท้วงมันก็กระชากกางเกงเขาจนล่วงมากองหมิ่นเหม่ที่สะโพก เผยให้เห็นแผลบาดเป็นทางยาวกว่าฝ่ามือที่ยังมีเลือดไหลซึมออกมา


   “เกิดอะไรขึ้น  ใครทำอะไรเจ้า  บอกข้าสิคาโล”


   “เลิกทำหน้าเหมือนหมากังวลแบบนั้นสักทีเถอะ”คาโลปัดมือมันออกจากกางเกงและพยายามจะดึงมันขึ้นก่อนจะพบว่ามันขาดออกจนไม่สามารถเกาะอยู่บนเอวได้ ให้ตายสิไอ้หมาบ้า


   “ตอบข้ามาคาโล  ใครทำร้ายเจ้า”มือใหญ่นั้นออกแรงกระชากแขนเขาจนเกือบเผลอปล่อยให้กางเกงร่วงลงไปกอง  แรงบีบที่แขนเจ็บแต่ไม่น่าโมโหเท่าที่มันเกือบทำกางเกงเขาร่วง ก่อเรื่องอนาจารท่ามกลางสายตาหมาๆอีก 3 ตัว


   “แกนี่มัน”คาเซอริโอสบกับดวงตาสีน้ำตาลที่เหมือนมีประกายแห่งความโกรธลุกโชนอยู่ภายใน


   “คาโลได้โปรด  เจ้ากำลังทำให้ข้าบ้ารู้ตัวบ้างไหม”เขาเองก็อยากตอบกลับไปเหมือนกันว่ามันกำลังทำให้เขาเส้นเลือดในสมองแตกเพราะอยู่ใกล้ๆมัน


   “ฉันทำตัวเอง”


   “คาโล ขอร้อง..”


   “หรือแกคิดว่าฉันโกหก”คาเซอริโอจ้องกลับเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้น  มันกำลังจะทำให้เขาโกรธขึ้นมาจริงๆแล้ว


   “ข้าไม่ได้คิดแบบนั้น”


   “เหอะ  หุบปากซะ ฉันพูดเรื่องที่ควรพูดไปแล้ว”คาเซอริโอสะบัดตัวออกจากแขนนั้น  เขากำลังโมโห ใช่  กำลังโมโหที่มันหาว่าเขาโกหก งี่เง่าสิ้นดี


   “พวกข้าได้กลิ่นงู  ถึงได้ตามมา  เจอว่าเจ้ามีบาดแผล แต่พอถามเจ้ากลับบอกว่าทำตัวเอง แล้วกลิ่นงูนั้นหละมันอะไร”ขาที่กำลังก้าวเดินหยุดชะงัก ลมอุ่นระอุถูกระบายออกจากจมูกก่อนที่เขาจะกลับไปเผชิญหน้ากับมันอีกครั้ง


   “ถ้าพวกแกจมูกดีจนได้กลิ่นงูจริงทำไมไม่ตามกลิ่นมันไปหละ มาเสียเวลาถามฉันอยู่ทำไม  ตามมันไปสิ มันหนีเข้าป่าโน่นไปแล้ว”คาเซอริโอตะโกนเสียงดังก่อนจะหันหลังเดินกลับไปทางเดิม ทันได้ยินเสียงเห่าหอนและเสียงฝีเท้าที่วิ่งตะกุยเข้าไปในป่า ทางเดียวกับที่เจ้างูโรคจิตนั้นหายไป  อารมณ์โมโหกำลังครอบงำทุกอย่าง มันกำลังทำให้เขาไม่เป็นตัวของตัวเอง  ทำไมเขาต้องโมโหขนาดนั้น  ทำไมกัน


   “คาโล”เสียงเรียกพร้อมกับแรงคว้าจับที่ข้อมือทำให้เขาต้องกันกลับไปหามัน


ผลั่ก


   หมัดหนักๆกระทบเข้าข้างแก้มสีน้ำผึ้งนั้น เลือดสีแดงสดไหลซึมออกมาตามมุมปาก หมัดนั้นคงหนักพอควรเลยหละ


   “ข้าขอโทษ”


   “เรื่องอะไร”


   “เรื่องที่ข้า...”


   “ที่แกคิดว่าฉันโกหก”คาเซอริโอมองตรงไปด้านหน้าแต่เจ้าหมานั้นกลับหลบตาเขาและมันกำลังทำให้เขาอึดอัด  อึดอัดจนต้องถีบไปเต็มๆหน้าท้องเปลือยเปล่านั้น แรงถีบนั้นทำให้มันล้มลงแต่กลับไม่ทำให้ความโกรธของเขาลดลง  เท้าเปลือยเปล่าย่างสามขุมไปหาก่อนจะกระทืบลงบนหน้าท้องนั้นอีกรอบ  เตะอัดเข้าที่สีข้างนั้นอีกครั้ง  แต่พอจะกระทืบซ้ำเท้าก็ถูกกระชากจนร่างล้มโครม  แผ่นหลังกระแทกเข้ากับดินแข็งๆแต่หัวกลับกระแทกเข้ากับท่อนแขนที่ยื่นมารองรับ


   “พอใจรึยัง”เจ้าหมาที่ปากแตกเพราะแรงหมัดถามขึ้น


   “ปล่อยฉัน”


   “ไม่  จนกว่าเจ้าจะยกโทษให้ข้า”


   “งั้นก็ปล่อยให้ฉันกระทืบแกจนกว่าจะพอใจสิ”


   “ตอนนั้นข้าอาจช้ำในตาย  มีใครเคยบอกรึเปล่าว่าเจ้าหมัดหนักแถมแรงก็เยอะอีกด้วย”เจ้าหมานั้นยิ้มให้เขาด้วยดวงตาที่เป็นประกาย  มันบอกว่าเขาแรงเยอะแต่เขากลับไม่เคยหนีจากอ้อมกอดมันได้สักครั้ง ครั้งนี้ก็เหมือนกัน  เขาไม่มีแรงที่จะหนีไปจากมัน ยิ่งพอมันก้มหน้าลงมาเขากลับรู้สึกว่าแรงมันหายไปดื้อๆ  ปล่อยให้มันเลาะเล็มปากเขาอย่างย่ามใจ  ยิ่งตอนเปิดปากให้มันหายเศษหาเลยกับลิ้นตัวเองได้เขายิ่งโมโห โมโหจนต้องดูดลิ้นมันแรงๆและทำให้มันดูดลิ้นเขาแรงกลับมาเป็นเท่าตัว


   “อืม”เสียงครางที่ไม่รู้ว่าเป็นของใครทำให้รสจูบกลางแสงจันทร์เร่าร้อนขึ้น ริมฝีปากสองคู่ที่แนบกันได้สนิทเหมือนกับร่างสองร่างที่กอดรัดกันจนแนบแน่น


   “ตัวเจ้ามีกลิ่นงูนะรู้ไหม”ประโยคแรกที่มันพูดกับเขาหลังปล่อยปากเขาเป็นอิสระคือตัวเขามีกลิ่นของงู ในขณะที่เจ้างูนั้นบอกว่าเขามีรสชาติของหมา


   “ไปให้พ้น”คาเซอริโอตัดสินใจผลักมันออกไปให้พ้นตัวแล้วเดินดุ่มๆหนีไปอีกด้าน


   “นั้นเจ้าจะไปไหน”


   “ไปอาบน้ำ”พอตะโกนออกไปแล้วเห็นรอยยิ้มกว้างบนใบหน้านั้นเขาก็อยากเอาปืนยิงหัวตัวเองทิ้งจริงๆ  ยิ่งพอเขาเดินหนีแล้วมีเจ้าหมาเดินยิ้มกว้างตามมาก็ยิ่งต้องออกแรงเดินให้เร็วขึ้นจนกลายเป็นวิ่ง  แสงจันทร์ที่ส่องผ่านเข้ามาทำให้มองเห็นเจ้าหมาขนปุยสีดำที่จ้องมองมาทางเขาก่อนจะเอาหัวสั้นๆนั้นหันไปอีกทางแล้วหลับตาลงเหมือนจะไม่สนใจเขาอีกครั้ง มันหน้าหงุดหงิดจนเขาต้องเดินหนีไปอีกทางไปตามทางเดินแคบๆที่มีแสงจันทร์สาดส่องเข้ามาตามรอยแตกและพาตัวเองเข้าไปยืนอยู่ใต้สายน้ำเย็นๆให้หัวมันเย็นลง  เขาพูดบ้าทำบ้าอะไรลงไป  แล้วทำไมเขาต้องมายืนอยู่ใต้น้ำด้วย แบบนี้ไม่เหมือนกับว่าเขากำลังเชิญชวนมันเหรอ  คิดได้แบบนั้นขาทั้งสองข้างก็เตรียมพาเจ้าของหนีแต่กลับช้ากว่าบางตัวที่รวบกอดเขาแน่นจากด้านหลัง


   “เจ้ากำลังยั่วข้านะคาโล”


   “ใครยั่วแกกันห๊ะ”พอจะหันไปด่าดันกลายเป็นว่าเขาโดนมันจูบ  จูบร้อนแรงที่ต้อนให้เขาก้าวมายื่นข้างสายน้ำ ลิ้นร้อนที่กวาดคว้านไปทั่วปากกำลังทำให้เขามึนงง  อารมณ์ที่ถูกปลุกอย่างง่ายดายจนน่าโมโหแต่ตอนนี้เขากลับไม่มีแรงปฏิเสธนอกจากร่วมมือกับมันเพื่อปลดปล่อยอารมณ์ที่โหมกระพืออยู่ให้ลดหายไป


   “หืม”เสียงครางครือในลำคอเพราะแรงอารมณ์ที่ถูกโหมกระพือให้สูงขึ้น แรงบดเบียดที่ริมฝีปากแนบแน่นและรุนแรงจนหยดน้ำใสไหลซึมออกมาปะปนกับน้ำ ฝ่ามือสีน้ำผึ้งปะป่ายไปบนแผ่นหลังก่อนจะฉีกกระชากเสื้อผ้าดิบจนกลายเป็นริ้ว เปิดโอกาสให้ฝ่ามือสัมผัสแนบแน่นกับแผ่นหลังขาวที่เปล่าเปลือยแล้วไล่เปะปะลงไปด้านล่างกระชากเอากางเกงที่กองหมิ่นเหม่ออกไปให้พ้นทางเพื่อกอบกุมก้อนเนื้อหนั่นแน่นคู่เต็มไม่เต็มมือ


   “หือ  อ่ะ”ริมฝีปากหนาผละออกจากกลีบปากที่แดงเรื่อก่อนไต่ไปตามลำคอที่แหงนหงายไปด้านหลังเปิดโอกาสให้ริมฝีปากนั้นจู่โจมได้ถนัด  ออกแรงดูดแรงๆที่ตุ่มเนื้อสีทับทิมทั้งสองข้างก่อนจะถูกฝ่ามือขาวกดให้เคลื่อนต่ำไปตามแนวกล้ามท้องแต่ริมฝีปากนั้นกลับเบี่ยงออกไปด้านข้างแล้วหยุดชะงัก


   “รอยมีด”คาเซอริโอเปิดเปลือกตาก่อนจะมองสบกับดวงตาสีน้ำตาลของเจ้าตัวที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า


   “ข้าน่าจะมาเร็วกว่านี้”ยังไม่ทันได้ถามว่ามันคิดไปไกลถึงไหนลิ้นสีแดงสดก็แลบเลียไปตามรอยแผลที่ยังมีเลือดซึมออกมา สัมผัสแสบร้อนแล่นจากรอยแผลไปทั่วไขสันหลังก่อนจะลามไปทั่วร่างเมื่อริมฝีปากนั้นวกกับมาครอบครองที่ส่วนกลางลำตัวอีกครั้ง  ส่วนสำคัญที่ถูกดูดเลียจนต้องครางในลำคอเหมือนคนกินของเผ็ดร้อน  อารมณ์แห่งความปรารถนาถูกโหมกระพือจนเกือบจะถึงจุดหมายทุกอย่างก็หยุดชะงักเมื่อความอุ่นร้อนนั้นหายไปจนต้องหันไปมองด้วยความมึนงง


   “อย่าเพิ่งรีบสิ”ร่างทั้งร่างถูกพลิกกลับหลังและถูกดันจนต้องยันมือไว้กับพนังถ้ำปล่อยให้ริมฝีปากร้อนๆแนบลงมาบนฐานคอ  ใบหน้าถูกคว้าจับให้หันไปรับจูบร้อนรู้สึกถึงแผ่นอกกว้างที่แนบเข้ามาพร้อมบางอย่างที่ถูกแทรกเข้ามาจากด้านหลังผ่านแก้มก้นทั้งสองข้างมาคลอเคลียที่ลูกแฝดด้านหน้าและขยับเสียดสีจนด้านล่างนั้นร้อนผ่าว


   “อ๊ะ”ริมฝีปากที่ถูกปล่อยเป็นอิสระเปล่งเสียงประหลาดเมื่อแรงเสียดสีที่ส่วนล่างและด้านหน้าจากมือหนาทำให้เสียวแปลบจนต้องบีบขาเข้าหากันและกลายเป็นว่าได้ยินเสียงทุ้มในลำคอดังตอบกลับมา อับอายจนต้องก้มหน้าแต่กลับมองเห็นส่วนปลายแดงก่ำที่ยาวเลยออกมา  ส่วนปลายแดงก่ำที่เสียดสีจนเสียวปลาบและร้อนผ่าวจนต้องเงยหน้ากลับขึ้นไปรับป้อนจูบร้อนๆ มือที่ท้าวอยู่กับผนังถูกกอบกุมด้วยมือใหญ่เพียงข้างเดียว  เอวถูกดึงรั้งด้วยมืออีกข้างจนต้องแอ่นไปด้านหลังให้สัมผัสเสียดสีกับสะโพก  อารมณ์ที่ถูกปลุกจนโหมกระพือ ทรมานจนต้องเอื้อมมือมาสาวชักให้ตัวเองแต่กลับถูกกอบกุมซ้ำด้วยมือใหญ่ที่กระชับแน่นและเป็นตัวกำหนดจังหวะพร้อมกับขาสองข้างที่ขยับมาโอบด้านข้างเป็นตัวยึดให้สะโพกแกร่งสวนเข้าออกผ่านร่องเหลือบแคบๆนั้น รุนแรงและร้อนผ่าว เสียงเสียดสีดังกระหน่ำเคล้าคลอไปกับเสียงครางก่อนที่สองร่างและเกร็งกระตุก


   “อ๊า”อารมณ์ที่ถูกดันจนถึงจุดสูงสุดกลายเป็นกระแสน้ำสีขาวที่พวยพุ่งกระทบพนังถ้ำระลอกแล้วระลอกเล่าก่อนจะหยุดลง


   “คาโล  คาโลของข้า”ถ้อยคำแหบกระเส่าถูกกระซิบข้างหูก่อนขาข้างหนึ่งจะถูกยกขึ้นและร่างถูกจับหันให้กลับมารับจูบร้อนๆ ฝ่ามือสองข้างตะปบลงบนก้อนเนื้อแน่นก่อนจะออกแรงยกจนต้องผวาไปคว้าคอสีน้ำผึ้งนั้น ปล่อยให้ร่างกายเปล่าเปลือยถูกกระเตงออกจากห้องน้ำ  หลายครั้งที่ต้องหยุดกลางทางเพื่อให้สะโพกหนานั้นขยับเสียดสีเข้ากับร่องเหลือบ  ใช้เวลาไปนานกว่าจะถูกปล่อยลงบนฟูกได้ยินเสียงร้องขู่เบาๆของเจ้าตัวเล็กแต่ทุกอย่างก็หายไปจากสมองเมื่อถูกตะโบมจูบ  ขาทั้งสองข้างถูกจับยกขึ้นพาดบ่าก่อนอวัยวะบางอย่างจะขยับเสียดสีกับช่องด้านหลังจนอารมณ์ที่เพิ่งถูกปลดปล่อยกระพือสูง


   รสจูบร้อนๆหายไปพร้อมร่างที่ถดลงไปด้านล่างตลอดทางที่ริมฝีปากนั้นลากผ่าย รอยกัดและดูดมากมายก็ปรากฏขึ้นบนผิวหนัง พอถึงส่วนกลางลำตัวริมฝีปากนั้นกลับผละหนี  ปลายมือหนาคว้าจับข้อเท้าก่อนริมฝีปากร้อนๆจะครอบลงบนปลายนิ้วและดูดเลียเหมือนมันเป็นอาหารอันโอชะ


   “อ๊ะ  ยะ อย่า”ปลายผมสีทองสะบัดหงายแผ่กระจายไปทั่วฟูกหนา  ซีโครงหอบกระชั้นจนเหมือนจะบีบปอดให้แตก ยิ่งเมื่อปลายลิ้นนั้นลากไปตามฝ่าเท้าก็ยิ่งทรมานจนต้องจิกมือลงบนชายฝูก ดวงตาสีเทาที่เหลือบมองไปด้านข้างสบกับดวงตาสีดำกลมโตของเจ้าหมาน้อยที่มองมาอย่างสงสัย  พอจะเดินเข้ามาใกล้กลับโดนเสียงขู่จากเจ้าตัวโตจนหูลู่หางตกวิ่งหายไป


   “แก  แกขู่ อ๊ะ มันทำไม”


   “เจ้าเป็นของข้าคนเดียวเท่านั้นคาโล”เสียงทุ้มแหบกระซิบขู่แม้จะรู้สึกขำแต่กลับทำให้ใจพองโตก่อนจะเผลอหวีดร้องเมื่อลิ้นอุ่นชื้นแยงเข้ามาจากด้านหลังพร้อมกับปลายนิ้วที่คว้านควักจนได้ยินเสียงเหนอะหนะชัดเจน  ไม่มีเสียงฝนกระหน่ำกลบมีเพียงเขากับมันแค่สองคนเท่านั้น


   “คาโลของข้า”ปลายนิ้วและลิ้นหายไปแต่ถูกแทนที่ด้วยบางอย่างที่ใหญ่กว่า  ร้อนกว่าและยาวกว่า  ความเจ็บปวดแล่นลิ่วขึ้นมาพร้อมความเสียวเสียดยังไม่ทันได้ออกปากประท้วง เจ้าท่อนเนื้อด้านล่างก็ถูกดึงออกสั้นๆก่อนจะดันยาวๆกลับเข้ามาและดึงออกอีกครั้ง ทำสลับกันไปจนมันสามารถจมเข้ามาด้านในได้หมด


   อารมณ์เสียดเสียวโหมกระพือด้วยจังหวะที่ร้อนแรงมากขึ้นเมื่อแรงอัดกระแทกด้านล่างเริ่มแรงขึ้นและเร็วขึ้น  รสจูบร้อนๆที่พรมจูบไปทั่วใบหน้าปลุกอารมณ์ให้ไม่ขาดห่วง  ไม่มีโอกาสแม้จะปฏิเสธท่อนล่างที่ขยับจนโลกทั้งโลกของเขาโยกไหว สมองขาวโผน  ลมหายใจถี่กระชั้นจนแทบขาดห้วง มันรุนแรงและเต็มอิ่มจนต้องหวีดร้องออกมาสุดเสียงเมื่ออารมณ์ถูกดันมาถึงขีดสุดเป็นครั้งที่สองในราตรีอันยาวนานนี้









              กลับมาส่งตอนใหม่แล้วคะ  ก่อนอื่นขอขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจ  ทุกcomment และทุกบวกเป็ดนะคะ  :mew1:

        สำหรับตอนนี้เป็นตอนหลังป่วยของคาโล  ขออภัยที่ไม่มีฉากดูแลหวานหยดขอเป็นฉากดูแลตอนเล็กๆก็แล้วกันนะคะ  ตอนที่แล้วมีการโผล่เข้ามาของนางงู  ตัวละครใหม่  แต่ตอนนี้เป็นการกลับมาของพ่องูคูลาตัส  ยังจำพ่องูตัวนี้กันได้ไหมคะ  การโผล่มาครั้งนี้มาแบบไม่ธรรมดาเพราะเจตนาในการถูกใจคาโลนั้นแสดงออกเด่นชัดมาก ซ้ำยังมีการเกี่ยวพันกันของพ่องูคูลาตัสกับนางงูด้วย  โลกปีศาจทั้งกลมและเล็กเกินไปเหมือนที่คาโลบอกจริงๆนั้นแหละคะ

       ตอนนี้แสดงไว้ ทั้ง หวง  หึง  ไม่เข้าใจ ห่วงและหื่น ครบในตอน เป็นอีกตอนที่ปล่อยของแบบเต็มๆไม่ค้างคาเหมือนตอนที่แล้วหวังว่าจะทดแทนกับตอนที่แล้วที่ทำให้นักอ่านหลายๆท่านค้างคาได้นะคะ  เฮ้อไม่น่าเชื่อว่าจะมีฉาก NC ถี่และเยอะขนาดนี้  ตอนคิดเรื่องแพลนเอาไว้แค่ประมาณ 2 ตอนแต่ไหงเขียนจริงๆมันโผล่ขึ้นมาเป็นดอกเห็ดขนาดนี้  ถือเป็นเซอวิสเล็กๆให้นักอ่านแล้วพบกันใหม่ตอนหน้านะคะ
       ปล.  ถือเป็นครั้งแรกที่ต้องแยกเป็น 2 comment เพราะเนื้อหายาวเกินเลยนะคะเนี่ย ฮ่าๆ


ออฟไลน์ AoMSiN555

  • กรูบ้า.....อย่าทักกรู
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ติดตามอ่าน รออยู่นะ~~~~ คิดถึง  :กอด1: มาลงให้นักอ่านให้ชื่นใจหน่อยเถอะนะ  :o12:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
ดีใจมากที่มาต่อ

และแล้วก็มีบทให้คาลูตัสออกมา ฮ่าๆ

ถ้าถูกใจแล้วไม่ทำร้ายกันก็พอ

ตอนนี้ซาเวียร์น่ารักอ่ะ.....หึง งอน ๆ

คาโลนี่พอเป็นซาเวียร์ก็ยอมนะ.... :-[ :hao6:

ออฟไลน์ fannan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-6
อ้ากกกกตอนใหม่เรียกเลือด


โธ่คาโลโดนกดอีกแล้วไง

ออฟไลน์ KARMI

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-2

ออฟไลน์ myd3ar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
ซาเวียร์นี่พออยู่กับคาโล

เป็นเด็กไปเลยนะ ขี้งอนและเอาแต่ใจสุดๆ

ออฟไลน์ tamako

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-6
ตอนที่ 21 บางครั้งเรื่องบางเรื่องก็วุ่นวายเกินทำความเข้าใจ      03/08/2557





   แสงแดดสีส้มจางสาดส่องผ่านช่องแตกของน้ำเข้ามาภายในถ้ำที่เคยมืดมิด  มอบแสงสว่างและความอบอุ่นให้แก่สองร่างที่กอดกายกันอยู่บนฟูกนิ่ม  ดวงตาสีเทาคู่สวยเปิดลืมขึ้นรับแสงแดดก่อนจะขยับกายไล่ความเมื่อยขบแล้วพบว่าเขาขยับไม่ได้


   จมูกโด่งพ่นลมหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยหน่ายก่อนจะยกท่อนแขนสีน้ำผึ้งและท่อนขาขนาดใหญ่ออกจากตัว  เจ้าหมาในร่างมนุษย์ขยับตัวเหมือนรำคาญแต่ก็ยังไม่ตื่น นี้อาจเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นว่ามันขี้เซาและถือโอกาสได้พิจารณาหน้ามันชัดๆ ทั้งเส้นผมสีน้ำตาลยุ่งๆ  คิ้วเข้มสีเดียวกัน  ขนตายาวสีน้ำตาล  จมูกโด่งและริมฝีปากหนานั้น  ไม่นับรวมดวงตาที่เมื่อก่อนมักทอประกายสดใสจนหน้าหมั่นไส้แต่ตอนนี้ในบางครั้งเขากลับเห็นมันหม่นลงและทอประกายเศร้า ซึ่งทั้งหมดก็เกิดจากเขาเอง


   จากมาเฟียคนหนึ่งที่หลงเข้ามาในป่าบ้าๆและจับพลัดจับพลูเข้ามาอยู่ในกลุ่มหมาปีศาจเพียงเพราะช่วยลูกหมาตัวหนึ่งเอาไว้   เขาไม่เคยรู้ว่าเมื่อก่อนมันเป็นแบบไหน  นิสัยยังไง มีแววตาแบบไหนเพราะมันไม่เคยเล่าและเขาไม่เคยถาม  ครั้งแรกที่เห็น มันก็มองเขาด้วยดวงตาเป็นประกายคู่นั้นแล้ว  เขาไม่รู้ว่ามันรักเขาตรงไหนและไม่รู้ว่าคำว่ารักที่มันบอกหนักแน่นและเชื่อได้มากแค่ไหน แต่ตอนนี้เขาอยากจะภาวนาวิงวอนกับพระเจ้าที่ไม่เคยเชื่อว่ามีจริง  ขอให้ความรักที่มันบอกกับเขาเป็นแค่เรื่องขำขันหรือไม่ก็เป็นรักที่ไม่นานก็ลืมลง แม้จะคิดแบบนั้นแล้วหน่วงในอกแต่มันก็ดีแล้ว  มันไม่สมควรมารักคนแบบเขา  คนแบบคาเซอริโอ ซิสิอาโน ที่ไม่เหลือหัวใจไว้รักใครอีก


   “แกควรเลิกโง่ได้แล้วเจ้าหมา”มือขาวลูบเบาๆที่เส้นผมสีน้ำตาลก่อนจะยันตัวลุกขึ้น  เจ้าตัวด้านข้างส่งเสียงึมงำเหมือนขัดใจแต่ไม่นานก็นิ่งไปเหมือนเดิม  แม้จะขัดยอกไปทั่วร่างแต่ในที่สุดเขาก็สามารถสะสางทำความสะอาดร่างกายที่เหมือนผ่านสงครามจากเมื่อคืนไปได้ พอเดินออกไปที่หน้าถ้ำก็พบว่ามีเจ้าหมาตัวเล็กกำลังนอนหมอบมองเขาด้วยแววตาเศร้า  นั้นสินะเมื่อคืนมันโดนขู่ไล่ออกมานี่น่า


   “ไปเดินเล่นเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ”มือขาวฉวยเอาตัวกลมอ้วนขึ้นมาโดยไม่รอคำตอบ แล้วออกเดินโดยมีเจ้าหมาขนหยิกอยู่ในมือข้างหนึ่ง


   “แกกับฉันมาอยู่ที่นี้นานแค่ไหนแล้วนะ  คิดถึงบ้านที่โน่นแล้วรึยัง”มืออีกข้างที่ว่างเอื้อมไปลูบหัวกลมนั้นเบาๆ


บ็อก!!


   “นั้นสิ กลับบ้านกันดีกว่า  แกอยากไปอยู่กับฉันไหม”


บ็อก!!


   “ฮ่าๆ เอางั้นเหรอแต่ที่นั้นมีแต่หมาตัวใหญ่ๆนะ มันอาจจะกัดแกเล่นก็ได้”


หงิ๊ง


   “เอาเถอะ บางทีเฟอร์ดินน่าจะช่วยดูแกได้”คาเซอริโอยกยิ้มแม้จะไม่แน่ใจนักว่าเจ้าเด็กเฟอร์ดินนั้นจะชอบ  แต่ถ้าเป็นคำสั่งเขาเจ้าหนูนั้นขัดไม่ได้อยู่แล้ว  ส่วนเรื่องกลับไป เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงแต่คงมีใครบางคนที่ช่วยเขาได้แน่ๆ  แต่ไม่รู้จะยอมช่วยเขาดีๆรึเปล่า ถ้าไม่ก็คงต้องขู่ ถึงเขาจะไม่ชอบขู่พวกลูกกระจ๊อกที่จับได้เพราะความอดทนไม่ถึงจนยอมยิงทิ้งก่อนก็เถอะ  ภาวนาให้มันไม่หาเรื่องเขาจนเกินพอดีก็แล้วกัน


   เป้าหมายที่ยืนอยู่ตรงหน้าทำให้คาโลทั้งอยากถอนหายใจและอมยิ้มในเวลาเดียวกัน เมื่อหมอหน้าขาวที่เป็นเป้าหมายยืนอยู่ข้างเจ้าหมาร่างยักษ์ที่ตวัดตาสีทองแดงคู่นั้นมองเขาทันทีที่เข้ามายืนใกล้ในระยะ 2 เมตร


   “ไงฮิโตะ”คนที่กำลังง่วนอยู่กับการตากกองเศษไม้อะไรสักอย่างเงยหน้าขึ้นมาตามเสียงเรียกก่อนจะยิ้มกว้างแล้วเดินเร็วๆมาหา เหมือนหมาเวลาที่ถูกเจ้าของเรียก  น่าเอ็นดูปนหมั่นไส้นิดๆ


   “คุณคาโลเป็นยังไงบ้างครับ”


   “ก็ดี  คิดว่าไม่ได้เป็นไรอะไรมาก”


“แน่ใจแล้วเหรอครับ ผมว่ายังไงทานยา..”


   “อย่าทำตัวเป็นหมอเรื่องมากแถวนี้น่า”


   “ก็ผมเป็นหมอจริงๆนี้ครับ”คนที่อ้างตัวว่าเป็นหมอเริ่มนิ่วหน้าเมื่ออดีตคนไข้อย่างเขาเริ่มดื้อ


   “เอาเป็นว่าฉันรู้ตัวเองดีว่าไหวไม่ไหวและไม่ต้องบังคับให้ฉันกินยาอีกถ้าไม่อยากโดนเหมือน..”


   “ก็ได้ครับ”คนหน้าขาวที่บัดนี้หน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อสวนขึ้นทันควัน


“ซาเวียร์ไปไหน”เจ้าตัวที่ยืนเงียบอยู่นานเปิดปากถามขึ้น


   “นอน”คำตอบสั้นๆของเขาทำให้เจ้าหมาตัวยักษ์เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งจะด้วยไม่เข้าใจหรือสงสัยอะไรก็แล้วแต่  ส่วนหมอข้างๆก็ดันหน้าแดงหนักขึ้นไม่รู้คิดไปไกลถึงไหนกับแค่คำว่านอนคำเดียวของเขา


   “นึกว่ามันจะตามเจ้าต้อยๆ”


“ฉันคิดว่าตัวเองคงไม่ต้องการผู้คุมประพฤติแบบมัน”


   “คุมประพฤติ อ๋อ เจ้านั้นขอเป็นคนดูเจ้าตอนเข้ามาใหม่ๆสินะ”คำพูดเรียบๆของเจ้าหมาเยอร์เซ็พทำให้คาเซอริโอเข้าใจอะไรบ้างอย่างได้มากขึ้น  เจ้าหมานี่มันไม่ได้สนใจที่จะเป็นผู้คุมเขาแต่แรก ก็แค่โดนหางเลขจากเจ้าซาเวียร์ลากมาเอี่ยวพอให้น่าเชื่อถือเท่านั้นสินะ


“แล้วคุณคาโลลงมาที่นี้มีอะไรรึเปล่าครับ”


“ฉันอยากคุยกันนาย ตามลำพังได้ไหม”หมอหน้าขาวทำหน้านิ่วเหมือนเขาขอในเรื่องที่ตัดสินใจยาก ก่อนจะหันไปมองหมายักษ์ข้างตัวที่กลับมาทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอีกครั้ง


   “ก็ได้”เสียงผู้คุมออกปากอนุญาตก่อนเจ้าตัวจะเดินไปยืนพิงต้นไม้ที่อยู่ห่างตัวบ้านออกไปเล็กน้อย


   “งั้นเชิญข้างในก่อน  คุณคาโลรับชาไหมครับ”


   “ไม่หละ  ฉันไม่ถนัดเท่าไหร่”


   “เออ  คงเหลือแค่น้ำเปล่า  ยังไงผม..”หมอหน้าขาวทำท่าลำบากใจที่ไม่มีของมารับแขกดังใจคิด


   “มีอะไรก็เอามาเถอะ”คาเซอริโอตอบตัดปัญหา เป้าหมายของเขาในการมาครั้งนี้ไม่ใช่มากินแต่มาหาข้อมูลอะไรบางอย่างต่างหาก


   “ครับ  งั้นนั่งก่อนนะครับ”เจ้าบ้านเชื้อเชิญให้เขานั่งลงที่เก้าอี้ไม้ข้างโต๊ะรกๆที่เจ้าของรีบกวาดบรรดาเศษไม้ทีเรียกว่าสมุนไพรมากมายออกจากโต๊ะก่อนจะเดินว่อนไปทั่วบ้านเพื่อหาน้ำมาให้เขา
 

   “ได้แล้วครับ  แล้วเรื่องที่เออ..”


“เรื่องของริวจิ”


   “ครับ”คิ้วของหมอหน้าขาวขมวดฉับก่อนใบหน้านั้นจะฉายแววกังวล


   “ฉันรู้ว่ามันอาจเป็นเรื่องที่ไม่ควรพูด แต่ถึงฉันไม่พูดตอนนี้เดี๋ยวก็มีคนพูดอยู่ดี”


   “คุณคาโลหมายถึง..”


   “ริวจิเป็นสายให้มนุษย์ที่เข้ามาล่าพวกหมา”


   “ล้อเล่นใช่ไหมครับ”


   “หน้าฉันเหมือนล้อเล่นรึไง”คาเซอริโอตอบเรียบๆแต่ดวงตาของคนตรงหน้ากลับไหวระริกเหมือนคนคิดอะไรบางอย่างในใจ


   “แต่ว่าคุณริวจิเขาอยู่ที่นี้มานานแล้ว  แม้จะไม่นานเท่าผม แต่ผมคิดว่า ไม่มี...”


   “แล้วเวลาสำคัญยังไง ในเมื่อทรยศก็คือทรยศ”


   “คุณมีหลักฐานอะไร”คนตรงหน้าเริ่มขึ้นเสียง


   “ไม่มี”คาเซอริโอตอบเสียงเรียบ  แน่นนอนว่าเขาไม่มี เขาไม่ใช่พวกตำรวจที่ต้องหาหลักฐานมาก่อนจะจับคนร้าย  เขามันผู้ร้ายที่ทำตามสัญชาตญาณและสัญชาตญาณของเขาก็บอกออกมาแบบนี้  เจ้านั้นมีหลายอย่างให้เข้าสงสัยทั้งบุคลิกแปลกๆ ดวงตาที่ดูหลุกหลิกนั้น 


   “ถ้าไม่มีคุณก็ไม่ควรปรักปรำเขา”


   “ฉันก็ไม่ได้จะปรักปรำ แค่พูดไปตามที่คิดเท่านั้น”


   “คุณคาโล”ดวงตาสีดำคู่นั้นมองเขาด้วยความตกใจและผิดหวัง


   “ฉันแค่บอกให้รู้ในฐานะที่นายรู้จักเจ้านั้น แล้วก็อยากถามอะไรบางอย่างด้วย”


“แล้วถ้าผมไม่บอกหละครับ”


   “ฉันก็คงต้องไปหาทางเค้นเอาจากเจ้าตัวแทน”


   “คุณกำลังขู่ผม”


   “เปล่าเลยฮิโตะ  ฉันแค่พูด นายไม่อยากโดนมาเฟียอย่างฉันขู่หรอกจริงไหม”ร่างผอมที่นั่งอยู่ตรงข้ามเกร็งตัวขึ้นมาทันที


   “ฉันแค่อยากรู้ว่าเจ้านั้นเข้ามาในกลุ่มนานแค่ไหนแล้ว”


   “เออ..ราวๆ 3 ปีครับ”หมอหน้าขาวตอบเสียงอ่อน


   “เข้ามาได้ยังไง”


   “ผมไม่ทราบเรื่องดีนัก รู้แค่ว่าเขาถูกพาเข้ามาในกลุ่ม ในสภาพเออสะบักสะบอมเหมือนโดนซ้อม เออเขา..”


   “ใครเป็นคนพาเข้ามา”คาเซอริโอตัดบทคำพูดที่น่าจะยาวยืดออกไปไกล มันจะเข้ามาแบบไหนไม่ใช่เรื่องที่เขาจะสนใจสักเท่าไหร่


   “เออ  เหมือนจะเป็นคุณแซมเบอร์นะครับ”


   “แซมเบอร์”คาเซอริโอขมวดคิ้วเมื่อได้ยินชื่อที่เหมือนจะคุ้นหู


“เขาเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับคุณจายาแล้วก็คุณซาลูกิ”


   “อ๋อ”ใบหน้าพยักขึ้นลงน้อยๆเหมือนเข้าใจ เจ้าหัวนกแก้วซาลูกิเป็นแนวหน้าของพวกหมาปีศาจ เพื่อนของมันก็ไม่น่าจะต่างกัน แนวหน้าจะออกไปเจอมนุษย์ในป่าบ้างมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก


   “แล้วเจ้าริวจิสนิทกับแซมเบอร์อะไรนั้นแค่ไหน”


   “เออผมก็ไม่แน่ใจครับ แต่เคยได้ยินมาว่าพวกเขา..”พูดไปคนพูดก็เขินน่าแดงไป เท่านี้ก็นิยามความสัมพันธ์พิลึกของพวกนั้นได้แล้ว ในตอนที่ประชุมกันเจ้าหมาซาเวียร์ก็พูดอกมาว่าแซมเบอร์เลือกคู่เป็นมนุษย์และเวลาที่อยู่ที่นี้มาก็ทำให้รู้ว่าในกลุ่มตอนนี้มีมนุษย์แค่ 3 คนเท่านั้น 1 คือเขา 2 ก็เจ้าหมอฮิโตะ 3 ก็ริวจิ


   “เข้าใจหละ  ขอบใจ”


   “แต่ว่าคุณคาโลครับ  คุณริวจิเขาเป็นคู่ของคุณแซมเบอร์ไม่มีทางที่เขาจะทรยศ”


“อย่าเพิ่งตัดสินใจอะไรง่ายๆแบบนั้นสิเด็กน้อย  โลกนี้น่ากลัวกว่าที่นายคิด”


   “คุณคาโลหมายถึง..”


   “ถ้าริวจิทำอย่างที่ฉันพูดจริง เจ้านั้นก็อันตรายที่สุดและที่น่าสงสารที่สุดคงไม่พ้นเจ้าหมาแซมเบอร์นั้น  ลาละ”คาเซอริโอเดินออกไปที่ประตูเงียบๆทิ้งให้หมอหน้าขาวนั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเอง  แน่นอนว่าทันทีที่ก้าวออกมาจากบ้านเขาก็เจอดวงตาคู่หนึ่งที่จ้องเขม็งมาก่อนเจ้าตัวจะหันหลังเดินจากไป เหมือนจะส่งสัญญาณให้เขาตามไป และแน่หละเขาไม่มีเหตุผลอะไรต้องปฏิเสธ


   “เจ้ากำลังคิดจะทำอะไร”ออกมาได้ห่างจากบ้านพอที่คนข้างในจะไม่ได้ยินมันก็เปิดปากถามขึ้น


   “ทำเรื่องที่สมควรทำ”


   “เจ้าจะไม่บอกข้า”


   “ไม่ใช่เรื่องสำคัญที่ต้องบอก ที่แน่นอนคือฉันไม่ดึงฮิโตะเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย”


   “ก็ดี”


   “มีแค่นี้ใช่ไหมเรื่องที่แกอยากถาม ฉันมีธุระต้องไปจัดการ”


“เรื่องซาเวียร์ เจ้าตัดสินใจแล้วงั้นเหรอ”


   “หืม  ตัดสินใจเรื่องอะไร”


   “ซาเวียร์เลือกเจ้า  คิดว่าเจ้าไม่น่าจะลืม  และเรื่องที่เจ้ากำลังคิดจะทำ”ประโยคยาวๆของเยอร์เซ็พทำให้เขาเงียบไป


   “มันเคยอยู่มาได้โดยไม่มีฉันยังไง มันก็อยู่ต่อไปแบบนั้นหละ”


   “เจ้ากำลังคิดจะไป”คาเซอริโอเลิกคิ้วก่อนจะถอนหายใจปลงๆ เขาเพิ่งปล่อยไก่เรื่องที่จะทำให้มันฟัง  เป็นไก่ตัวใหญ่ที่น่ายิงทิ้งซะด้วย


   “ฉันก็บอกไว้ตั้งแต่แรกแล้วนิ”


   “ไม่คิดจะเปลี่ยนใจ”


   “ทำไมคิดว่าฉันต้องเปลี่ยนใจ”


   “ซาเวียร์ไม่น่ามารักคนแบบเจ้า”ประโยคเรียบๆแต่เจ็บหน่วงในใจคนฟังอย่างเขา  ใช่ มันไม่สมควรมารักคนแบบเขาตั้งแต่แรก


   “งั้นก็ฝากแกช่วยหาคนหรือหมาที่คู่ควรให้ด้วยก็แล้วกัน”


   “หากเจ้าจะทำอะไรก็รีบทำเพราะฝั่งนั้นเองก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว”


   “แกแอบฟังฉัน”เจ้าหมาตรงหน้านั้นไม่ตอบแต่เคาะนิ้วที่หูตัวเองเบาๆแทน  นั้นสิเขาก็ลืมไปว่าเจ้าหมาปีศาจพวกนี้มันหูดี  เขาเองก็ไม่ได้คุยแบบกระซิบกระซาบมันจะได้ยินก็ไม่แปลก  แต่เรื่องที่มันพูดนั้นหละ


   “แกสงสัยเรื่องนี้ตั้งแต่แรก”


   “ไม่ใช่แค่ข้า  ทุกคนก็สงสัย ตั้งแต่ตอนที่ได้แผนที่แผ่นนั้นจากเจ้า”


   “อ๋อ”คาเซอริโอส่งเสียงในลำคอ เริ่มสงสัยกันแล้วสินะ แล้วก็สงสัยคนเดียวกับเขาด้วย


   “งั้นทำไมไม่ทำอะไรสักอย่างหละ”


   “แซมเบอร์เลือกเขาเป็นคู่”


“หืม”  คราวนี้คาเซอริโอส่งเสียงในลำคอด้วยความสงสัย  เลือกเป็นคู่แล้วยังไงทำผิดแล้วเล่นงานไม่ได้รึไง จะปล่อยเมียที่ฆ่าพวกพวงของตัวเองไปงั้นเหรอ


“พวกแกนี้มันชอบมีเรื่องมาให้ฉันประหลาดใจอยู่เรื่อย”


   “เราไม่มีหลักฐานเรื่องนี้  หากฝืนทำอะไรลงไปเราอาจเสียแซมเบอร์และมือดีหลายคน ตอนที่กำลังมีปัญหาแบบนี้การรวมกลุ่มกันไว้สำคัญที่สุด”ประโยคยืดยาวของมันอธิบายเรื่องได้หลายอย่าง มันรู้มากพอกับที่เขารู้  สงสัยอย่างที่เขาสงสัยแน่นอนว่าการพุ่งเป้าไปสงสัยที่คนนอกมันง่ายกว่าที่จะสงสัยพวกเดียวกัน  แต่ถึงจะเป็นคนนอกแต่ก็เป็นคนนอกที่เป็นคู่ของหมาปีศาจ  เขาไม่รู้ว่าคำว่าคู่ของพวกมันสำคัญแค่ไหน  จะแค่คู่นอนวันเดียวแบบของมนุษย์  คู่แต่งงานที่แค่จดทะเบียนแล้วพร้อมเซ็นต์ใบหย่าหรือคู่แท้ชั่วฟ้าดินสลาย แต่การที่พวกมันไม่บุ่มบ่ามทำอะไรลงไปก็คงเพราะคำว่า “คู่” นั้นแหละนะ  แม้จะสงสัยแต่ถ้าไม่มีหลักฐานก็ไม่ควรทำอะไรเพราะหากแซมเบอร์ไม่เล่นด้วยงานนี้คงได้มีพังกันไปข้าง  แตกคอกันเพราะมนุษย์คนเดียวที่ยังไม่รู้ว่าทำผิดจริงหรือเปล่ามันก็ไม่คุ้ม  แต่หากมนุษย์นั้นหายไปเพราะมนุษย์ด้วยกันมันก็อีกเรื่องสินะ


   “แกมีหลักฐานเรื่องนี้มากแค่ไหน”


   “ไม่มี  มีแค่คำบอกเล่าที่เห็นริวจิหายออกไปตอนกลางคืนบ่อยๆและกลิ่นมนุษย์คนอื่นที่ติดมาบนเสื้อเท่านั้น”


   “แค่นั้นก็มากพอแล้ว ไม่เห็นต้องมายืมมือฉัน”


   “เจ้าต่างหากที่ต้องยืมมือพวกข้า”คาเซอริโอหรี่ตามองหมาในร่างคนยักษ์ตรงหน้า  ใครบอกว่าหมาฉลาดน้อยคงไม่จริงแล้วสินะโดยเฉพาะหมาที่แปลงเป็นคนได้แบบนี้


   “งั้นก็แสดงว่าเจ้านั้นเป็นของฉันแล้วสินะ”


   “ถ้าเจ้าอยากให้เป็นแบบนั้น”


   “หึ  งั้นก็ขอบใจล่วงหน้าแล้วกันที่จะอำนวยความสะดวกให้”


   “เจ้าจะลงมือเมื่อไหร่”


“เร็วที่สุดหลังจากที่ทุกอย่างลงตัว  หากเป็นแบบที่แกพูดจริงมันคงเร็วกว่าที่คิด”


   “ข้าจะรอ”เจ้าหมาเยอร์เซ็พพูดเสียงเรียบก่อนจะหมุนตัวจากไปเงียบๆ ไม่ได้กลับเข้าไปที่บ้านหมอฮิโตะแต่กลับมุ่งตรงเข้าไปที่กลางกลุ่มคงไปรายงานใครสักคน คงไม่พ้นทีเบอริส


   เขาเองก็มีอีกที่หนึ่งต้องไปเหมือนกัน อย่างน้อยก็ไปลาสักหน่อยก่อนหายไป  เขายังไม่ได้ขอบใจเจ้าหล่อนเลยสักนิดที่ช่วยดูแล


   “ไงชินริ”


   “อ่ะ  ท่านคาโล”ภาพสาวน้อยที่เงยหน้าขึ้นมาจากราวไม้ข้างบ้านเพื่อมายิ้มให้เขาเป็นภาพที่ดูเจริญหูเจริญตาเป็นที่สุดยามที่แขนเสื้อและกระโปรงยาวนั้นถูกถลกขึ้นเพื่อไม่ให้เปื้อนน้ำจากการตากผ้าที่ทำพื้นดินรอบๆแฉะ


   “ฉันแวะมาเยี่ยมนะ”


   “อ่ะคะ  เข้าไปด้านนั้นก่อนไหมคะ”


   “ไม่หละฉันแค่แวะมาแป๊บเดียวเท่านั้น”


   “อ่ะคะ  ข้า..”ใบหน้างดงามนั้นสลดลงพร้อมกับใบหน้าที่ก้มต่ำ


   “ไม่เอา อย่าทำหน้าแบบนั้นสิเดี๋ยวไม่สวยนะ”มือขาวของเขาวางปุบลงบนหัวของเจ้าหล่อนคนที่เขานึกเอ็นดูแบบน้องสาว


   “ข้า  ข้าแค่..”


   “อย่าขี้แยสิสาวน้อย”ปลายนิ้วโป้งเอื้อมไปปาดน้ำตาที่ข้างแก้มใสนั้นให้  บางทีพวกผู้หญิงก็แสนจะดูออกง่ายว่าคิดอะไรอยู่แต่บางทีก็ดูยากยิ่งกว่าการดูลายแทงขุมทรัพย์


   “ข้าไม่ได้ขี้แยนะคะ  ข้าแค่..”


   “เอาเถอะข้าเชื่อว่าเจ้าเป็นคนเข้มแข็ง  และแข็งแกร่งมากพอที่จะดูแลตัวเองได้”ดวงตากลมโตคู่นั้นเงยขึ้นมองเขาก่อนน้ำใสๆจะไหลออกมาอีกครั้ง


   “เป็นจริงสินะคะที่ท่านซาเวียร์พูด เรื่องที่ท่านกับท่านซาเวียร์....”คาเซอริโอลอบถอนหายใจที่การล่ำลาของเขาเพราะจะกลับบ้าน เจ้าหล่อนดันเข้าใจกลายเป็นอีกเรื่อง ให้มันได้แบบนี้สิน่า


   “เธอเสียใจงั้นเหรอ”


   “อ๊ะ  ไม่  ไม่คะข้า  ข้าดีใจเพราะท่านคาโลเป็นคนดีแล้วท่านซาเวียร์ก็เป็นคนดี”


   “งั้นเหรอ  แต่ฉันอาจไม่ใช่คนดีแบบที่เธอคิดหรอกนะ”


   “เอ๊ะ  ทำไมท่าน..”


   “เพราะคนดีๆเขาคงไม่หักอกสาวน้อยน่ารักแบบเธอหรอก”


   “คือ  ข้า ข้าไม่เป็นไรคะ  บางทีความรักก็กำหนดไม่ได้นี้คะ  ขอแค่ท่านคาโลมีความสุขข้าก็.”


   “เด็กโง่”ร่างบอบบางนั้นถูกเขาดึงมากอดก่อนที่เจ้าหล่อนจะสะอื้นแล้วเริ่มร้องไห้กับอกเขา  นี่เขาหักอกเจ้าหล่อนเข้าให้จริงๆแล้วสินะ  แม้จะแอบเสียใจที่ทำสาวน้อยแสนสวยร้องไห้แต่เหตุผลที่เจ้าหล่อนเข้าใจผิดจนร้องไห้โฮนี้สิมันไม่น่าปลื้มใจสักนิด แต่ก็เอาเถอะ ถึงชินริจะเข้าใจไปแบบไหนผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับเธอก็คงไม่ต่างกัน เป็นแบบนี้บางทีมันอาจจะดีแล้วก็ได้

   

   “ขอบโทษคะ  ข้าทำเรื่องขายหน้าแล้วยังเสื้อท่าน”เนินนานกว่าที่ชินริจะหยุดร้องไห้และเขารู้สึกว่าอกเสื้อตัวเองเหนอะไปด้วยคราบน้ำตา


   “ร้องไห้ไม่ใช่เรื่องขายหน้าหรอกนะ”คาเซอริโอจ้องตอบดวงตาคู่นั้นที่บัดนี้เริ่มแดงก่ำ


   “คะ”


   “ดูแลตัวเองด้วยนะชินริ”


   “เออ  ท่านคาโลคะ”


   “หืม  มีอะไรรึเปล่า..”


   “เปล่าคะ”


   “งั้นข้าไปก่อนนะ”


   “คะ  แล้วพบกันใหม่นะคะ”คาเซอริโอไม่ตอบทำเพียงโบกมือให้เจ้าหล่อนเท่านั้น  เจอกันใหม่งั้นเหรอ ไม่รู้จะมีโอกาสรึเปล่านะสิ


   “จะไปไหนเหรอชินอู”เจ้าเด็กหัวน้ำตาลหยุดตามเสียงเรียกก่อนจะตวัดตาขวางๆนั้นมองเขา


   “ข้าก็จะไปทำเรื่องที่ผู้ใหญ่อย่างข้าสมควรทำนะสิ”


   “เรื่องของผู้ใหญ่งั้นเหรอ”คาเซอริเปรยเรียบๆก่อนจะยิ้มให้เจ้าเด็กที่สูงไม่ถึงคอเขาดี


   “นี้เจ้า ชิ  อย่างน้อยข้าก็ได้เข้าร่วมกับการตามนางงูนั้นหละ”


   “อ๋อ  ฟังดูหน้าสนใจ  งั้นก็แสดงว่าเห็นนางแล้วสินะ”


   “เออ  อืมมีคนเห็นงูแว๊บๆนะพวกข้าก็เลยจะไปดู”


   “อืม งั้นเหรอคงไม่ใช่เจ้าตัวที่ตายแล้วใช่ไหม”


   “ใช่ซะที่ไหนกันหละเจ้าตัวนั้นตายที่หน้าผาพวกข้าเพิ่งเห็นมันเมื่อสาย  ส่วนตัวนี้นะ..”


   “เป็นอีกตัวงั้นสิ”


   “เจ้ารู้ได้ยังไง”


   “ก็เจ้าเพิ่งบอกข้าไปเองว่าเจ้าตัวนั้นตายอยู่หน้าผา ส่วนตัวนี้..”


   “ชิ อึ๊ย  เจ้ากำลังทำข้าเสียเวลา ไปรวมไม่ทันนะรู้ไหม”


   “อ๋อ งั้นเหรอ ตามสบายนะ”คาเซอริโอเอื้อมมือไปขยี้ผมสีน้ำตาลนั้นจนยุ่งไม่สนใจเสียงโวยวายที่ดังลั่นมาตามหลัง  เด็กยังไงก็ยังเป็นเด็กอยู่วันยันค่ำ


     เจ้างูตัวนั้นตายจริง  หากนางงูนั้นรู้ ไม่นานก็คงมาถล่มที่นี้แน่ๆคงได้วุ่นวายกันใหญ่ เจ้าพวกหมาเจอซากงูแล้วเมื่อตอนสายๆแล้วงูอีกตัวที่เห็นแว๊บๆนั้นหละนางงูหรือเจ้าตัวประหลาดคูลาตัสหรือจะเป็นงูตัวอื่น  แต่ไม่ว่ายังไงตอนนี้พวกนั้นก็กำลังยุ่งเป็นโอกาสที่เขาจะลงมือทำอะไรบางอย่าง


ขาสองข้างออกแรงพาเจ้าของเดินไปตามที่ใจหมายและเมื่อไปถึงถ้ำเขาก็ไม่เห็นเจ้าหมาซาเวียร์เหมือนจะถูกเรียกไปอย่างที่เจ้าหนูนั้นบอก แบบนี้ก็ทางสะดวกเขาไม่ต้องล่ำลาไม่ต้องคอยหาเรื่องปลีกตัวแบบนี้หละดีแล้ว


   ข้าวของไม่กี่ชิ้นที่ติดตัวมาจากโลกโน้นถูกกวาดใส่กระเป๋า  ปืนลูกรักและกระสุนสำรองอยู่ในสภาพพร้อมใช้  ดวงตาสีเทาคู่คมกวาดมองไปรอบๆถ้ำก่อนจะระบายลมหายใจเพื่อบรรเทาอาการอัดแน่นในอก การพักร้อนของเขาสิ้นสุดลงถึงเวลาต้องไปแล้ว


   “กำลังจะไปไหนงั้นเหรอ”










    มาส่งตอนใหม่แล้วคะ  ดีกันได้ไม่นาน หวานๆกันได้สักแป๊บก็เหมือนจะมีเรื่องอึนๆแทรกเข้ามาอีกแล้ว

   ครั้งนี้คาโลของเราตั้งมั่นแล้วว่าจะกลับไปให้ได้ คว้าของเก็บกระเป๋าเตรียมตัวเดินทางเรียบร้อย  อยู่ๆก็มีเสียงปริศนาโผล่ขึ้นมาอยากรู้ว่าเป็นเสียงใคร คาโลจะได้เดินทางกลับไหมต้องติดตามต่อตอนหน้าคะ

    ปล.นักอ่านหลายท่านบอกว่าซาเวียร์ขี้อ้อน เหมือนเด็กเวลาอยู่ใกล้คาโล  ส่วนคาโลก็ใจอ่อนกับซาเวียร์ บังเอิญคนเขียนชอบคาเเรคเตอร์ที่ประมาณว่ากับคนอื่นดูโหดดูน่ากลัวแต่กลับคนของตัวเองดันน่ารัก  ประมาณนี้คะ ตัวละครก็เลยออกมาแนวนี้   แล้วพบกันใหม่ตอนหน้านะคะ :mew1:

ออฟไลน์ rinny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 517
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
อะไรอ้าาาา จะดราม่าแล้วหรอ เรายังไม่พร้อมจะดราม่านะ
ฮือๆๆๆ ทำไมนะ ทำไมพี่คาโลไม่รักซาเวียร์เลย หัวใจไปอยู่ที่ใครกันแน่
อยากรู้จริงๆเลยใครเป็นคนที่ได้หัวใจคาโลไป มาต่ออีกไวๆน้า ><

ออฟไลน์ AoMSiN555

  • กรูบ้า.....อย่าทักกรู
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
นั้นสิ  .....จะไปไหนหรอจ๊า  :hao7:   :impress2: :impress2: มายังๆ มาต่อนะ เค้ารอยุ :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ tamako

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-6
ตอนที่ 22 ไม่ได้มีแค่มนุษย์ที่หูหนวกตาบอดเพราะรัก                         13/09/2557
                                10/11/2557




   “กำลังจะไปไหนงั้นเหรอ”


เสียงถามที่ดังขึ้นท่ามกลางกระแสความเงียบผ่ากลางลงมาเหมือนกระแสฟ้าผ่าในคืนฝนตก  มันส่งผลให้คนที่ได้ยินชะงักเท้าที่กำลังก้าวเพื่อพาเจ้าของหลบหนี ดวงตาสีดำในเบ้าตาเรียวเล็กหันมามองคนเรียกก่อนร่างที่ค้อมต่ำจะยืดตัวขึ้นแล้วฉีกยิ้มแบบที่มันชอบทำแต่เขาไม่เคยชอบใจ


   “อ๋อ  คุณคาโลนั้นเอง”


   “ก็ฉันนะสิ  คิดว่าใครงั้นเหรอ”คาเซอริโอยังคงยืนนิ่งทั้งที่ในใจกำลังขำกับคนที่ทำเหมือนพวกเด็กนักเรียนที่แอบอาจารย์ปีนรั่วหนีเที่ยว


   “เปล่าครับ  คุณคาโลมาเงียบๆผมก็เลยตกใจนิดหน่อย”


   “งั้นเหรอ แล้วกำลังจะไหนกันหละ”


   “เออ  พอดีกำลังคิดว่าจะไปเก็บสมุนไพรนะครับ”คาเซอริโอยังคงนิ่งขณะเหลือบตามองท้องฟ้าที่ตอนนี้พระอาทิตย์เริ่มจะคล้อยไปทางทิศตะวันตก พร้อมเมฆสีดำจำนวนมาก


   “เวลาใกล้ค่ำและฝนกำลังตกแบบนี้งั้นเหรอ”


   “เออ  ครับ คุณคาโลคงไม่ทราบว่าสมุนไพรบางตัวจะออกฤทธิ์ได้ดียิ่งขึ้นหากเก็บได้ตรงเวลา”


   “งั้นเหรอ  แล้วถุงนั้นเอาไว้เก็บสมุนไพรด้วยรึเปล่า”เป้ที่ทำมาจากผ้าสีน้ำตาลถูกซ่อนไว้ด้านหลัง ดวงตาสีดำคู่นั้นหลุกหลิกก่อนเจ้าของมันจะหันมายิ้มกว้างกับคนถาม


   “ครับ พอดีผมจะเอามันไปใส่สมุนไพร”


   “เฮ้อ  ฉันว่าเราเลิกเล่นเกมกันดีกว่า”


   “เล่น  เล่นเกม อะไรเหรอครับ”รอยยกยิ้มมุมปากที่คนตรงหน้าเคยชินที่จะทำมันทำให้มาเฟียอย่างเขายิ่งหงุดหงิดใจ รอยยิ้มที่ปากแต่ไม่สว่างไปถึงดวงตาหลุกหลิกคู่นั้น


   “เอาหละในเมื่อนายยังไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร  ฉันแค่จะเตือนว่าเรามีเวลาไม่มากก่อนที่เจ้าหมาแซมเบอร์นั้นจะกลับมา”รอยยิ้มบนใบหน้านั้นจางไป ก่อนที่เจ้าของมันจะจุดขึ้นมาอีกครั้ง


   “คุณแซมเบอร์นะเหรอครับ  เขาไม่ว่าหรอกครับถ้าผมจะออกไปเก็บสมุนไพร  เขาเข้าใจผมดีที่เดียว”


   “งั้นเหรอ  ถ้าแค่ในฐานะผู้ช่วยหมอมันก็คงพอจะเข้าใจอะไรได้หละนะ  แต่ในฐานะอื่นก็ไม่แน่”


   “คุณคาโลหมายความถึงอะไรเหรอครับ”


   “นายรู้คำตอบดีริวจิ รู้ดียิ่งกว่าฉันด้วยซ้ำ  นายรู้ดีว่าวันนี้ตัวเองไม่ได้จะออกไปเก็บสมุนไพรเหมือนทุกวัน ไม่สิ  ทุกทีนายก็ไม่เคยออกไปเก็บสมุนไพรอยู่แล้ว”คาเซอริโอโยนหินถามทาง เขาใบ้มาหลายครั้งแล้วว่าเขารู้แต่เจ้าคนตรงหน้าก็ยังคงตีหน้าซื่อไม่รับรู้ได้อย่างหน้าหงุดหงิดเป็นที่สุด เขากำลังหงุดหงิดที่ทุกอย่างมันไม่ได้ดังใจ ชักช้าเกินไปจนหน้าโมโห


   “ผมว่าบ้างทีคุณคาโลอาจกำลังเข้าใจอะไรบางอย่างผิดไป แต่ก็นั้นแหละครับไม่ว่าคุณจะเข้าใจถูกหรือดผิดแต่หากไม่มีโอกาสเอาไปบอกใครมันก็ไม่มีค่าอะไรอยู่ดี”มัจจุราชขนาด 9 มม. ถูกจ่อมาตรงหน้า  คิ้วที่ขมวดมุ่นเริ่มคลายออก แบบนี้สิค่อยน่าสนุกหน่อย


   “แน่ใจเหรอว่าจะทำแบบนี้”


   “ครับ  ถึงแม้คุณซาเวียร์จะหลงใหลคุณมาก แต่ในสถานการณ์แบบนี้เขาคงมาช่วยคุณไม่ทัน อย่างดีก็คงทำได้แค่เก็บศพคุณ”คำพูดเรื่อยๆว่าจะฆ่าคนพร้อมร้อยยิ้มที่ยังฉาบอยู่บนใบหน้าชวนให้หงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้ง  นี่เขากำลังคุยกับคนปกติหรือพวกฆาตกรโรคจิตกันแน่นะ  แต่ก็ช่างเถอะ มันจะเป็นอะไรก็ช่างขอแค่มันทำให้เขาบรรลุเป้าหมายได้ก็พอ


   “แล้วคิดว่าจะทำได้จริงๆงั้นเหรอ”


   “แน่นอนครับ  ถึงผมจะยิงปืนไม่เก่งแต่ระยะแค่นี้ไม่พลาดแน่”กระบอกปืนถูกปลดเซฟเป็นเวลาเดียวกับที่คาเซอริโอเอี้ยวตัวไปด้านข้าง  มือคว้าหมับเข้าที่ข้อมือจับบิดจนได้ยินเสียงดังกึกพร้อมปืนที่ร่วงลง  ศอกอีกข้างฟาดเข้าที่ท้ายทอยเสียงดังอั๊กส่งผลให้คนโดนล้มคว่ำตามด้วยเท้าที่กดกระแทกไปบนไหล่  และช่วงขาอีกข้างที่เหยียบอยู่บนแผ่นหลังมัจจุราชสีดำเปลี่ยนมือในทันใด


   “ระยะแค่นี้ของแก ถ้าต่อหน้าคนอื่นมันคงไม่พลาดแต่ต่อหน้าฉันมันคงอีกเรื่อง  ส่วนไอ้หมาซาเวียร์นั้นฉันไม่เคยจำได้ว่าอนุญาตให้มันเป็นคนส่งศพฉันตั้งแต่เมื่อไหร่”


   “ผมนี้ไม่น่าประมาทคุณเลยนะครับ”คำพูดที่ยังคงดูสุภาพแม้เจ้าตัวจะเป็นรอง  แต่คำพูดพวกนั้นมันกลับไม่หวานหูเขาแม้แต่น้อย  เขาไม่เคยชอบพวกใช้คำพูดเฉือดเฉือน พูด 1 คำแปลได้หลายอย่าง มันน่ารำคาญและสมองเขาไม่ได้ออกแบบมาเพื่อให้รองรับเรื่องยากๆพวกนั้นได้


   “ความประมาทสร้างเรื่องที่เหนือการคาดเดาให้เกิดขึ้นได้เสมอ เอาหละพาฉันไปหานายของแกซะ”


   “นาย คุณกำลังพูดเรื่องอะไรกัน”


   “ฉันไม่มีเวลามาเล่นกับแกหรอกนะ  บอกมาว่าจะไปหรือไม่พาไป”


   “ฮะ  ฮะ  ผมยังไม่รู้เลยว่าคุณพูดเรื่องอะไรแล้วจะพาไปได้ยังไงหละครับ”เสียงหัวเราะหยันๆที่ทำให้เส้นเลือดในสมองเต้นตุบ


   “ฉันบอกแล้วนะว่ามีเวลาไม่มาก”มือข้างที่ว่างคว้าแขนของเหยื่อก่อนจะดึงกระชากไปด้านหลังจนได้ยินเสียงดัง กึก ไหล่หลุด


   “อึก ชิบ คุณมัน”ร่างที่เคยนอนนิ่งเพราะจำยอมดิ้นพลาดๆเมื่อแขนข้างหนึ่งไหล่หลุดทั้งๆที่ข้อมือเคล็ดไปก่อนหน้านั้น


   “ฉันบอกแล้วว่าฉันมีเวลาไม่มาก เอาหละฉันว่าเราเปลี่ยนที่คุยกันหน่อยดีกว่า”เชือกที่หยิบมาเผื่อฉุกเฉินถูกเอามามัดมือของเหยื่อไพล่หลัง


   “เอา  เดินไป”ร่างผอมถูกผลักจนเซไปด้านหน้าแต่เจ้าตัวก็ไม่มีท่าทีว่าจะก้าวไปมากกว่านั้น


   “ผมไม่ไป”


   “แกนี้มันเจ็บไม่จำจริงๆนะ”คนที่ยืนอยู่ด้านหลังออกเดินนำหน้าโดยลากเอาหางเชือกที่ผูกโยงกับมือคู่นั้นไปด้วย  เมื่อคนหนึ่งออกแรงต้านแต่คนดึงแรงมากกว่าอีกคนจึงล้มไม่เป็นท่า แต่คาเซอริโอก็ไม่คิดจะช่วยนอกจากออกแรงลากจนร่างนั้นครูดไปกับพื้นดิน  แน่นอนว่าเขาไม่คิดจะลากมันไปทั้งอย่างนี้ให้มันหนักเล่นๆเขาแค่อยากเริ่มการสั่งสอนเล็กๆน้อยๆเท่านั้น


   “เอ๊า  ว่าไงจะเดินดีๆหรือให้ลากไป”


   “ผมไม่ไป  คุณอยากฆ่าผมก็ทำเลยผมจะรอคุณแซมเบอร์”


   “อ๋อ เจ้าหมานั้นมันคงไม่กลับมาง่ายหรอก และถึงมันกลับมาก็คงทำอะไรไม่ได้อยู่ดี เพราะเรื่องที่แกทำมันไม่เป็นความลับอีกต่อไปแล้ว  ฉันไม่รู้หรอกนะว่าแกอยากจับพวกตัวเมียกับเด็กๆไปทำไมแต่เรื่องที่แกขายพวกมันให้เจ้านายแกไม่ได้มีแค่ฉันที่รู้”เสียงประท้วงและอาการดิ้นรนหายไปก่อนดวงตาคู่นั้นจะหลุบต่ำ


   “คุณพูดเรื่องอะไร”คาเซอริโอถอนหายใจก่อนจะย่อตัวลงให้ต่ำพอจะกระซิบบางอย่างได้


   “เลิกเกรงโง่ทำเป็นไม่รู้เรื่องสักทีเถอะ  เจ้าสองตัวนั้นที่แกไปหาตอนกลางคืนก็ถูกฉันเชือดทิ้งไปแล้ว แผนที่ๆแกอุตสาห์หามาฉันก็เอาไปให้พวกหมานั้น  เท่านี้แผนแกก็ถูกเปิดเผยหมดแล้ว จะอยู่รอความตายที่นี้หรือจะไปกับฉันก็เลือกเอา”ขาทั้งสองข้างยืดตัวขึ้นก่อนจะเดินห่างออกไป  ทุกอย่างที่เขาบอกมันคือเรื่องจริงที่เขาทำยกเว้นเพียงแต่เรื่องที่เขาเดาสุมเอาเองว่ามันเป็นคนทำ  เพราะคืนนั้นที่มันรีบร้อนออกไปเก็บสมุนไพรก็น่าสงสัย  มันช่างพอดีที่มันออกไปและเจ้าสองคนนั้นที่เข้ามา  แผนที่ๆที่ได้มา  แผนที่การลาดตระเวนของพวกหมาที่น่าจะเป็นความลับเพราะแม้แต่ชินริที่เป็นพี่สาวชินอูก็แค่รู้มาบ้างว่าน้องชายตัวเองจะไปที่ไหนแต่ไม่เคยรู้จุดลาดตระเวนทั้งหมด  พวกตัวเมียและเด็กๆรู้เพียงการป้องกันตัวแต่ไม่เคยรู้เรื่องการป้องกันกลุ่ม  คนที่หาข้อมูลพวกนี้ต้องเป็นคนใน และแน่นอนว่าต้องใกล้ชิดกับพวกที่ลาดตระเวนมากพอที่จะตะลอมถามข้อมูลมาได้เรื่อยๆ จนมันกลายเป็นแผนที่ แน่นอนว่าเขาไม่รู้จักเมียๆพวกลาดตระเวนทั้งหมด แต่ก็เหมือนอย่างที่เจ้าหมาเยอร์เซ็พนั้นพูด การสงสัยพวกเผ่าพันธุ์อื่นมันง่ายกว่าสงสัยพวกเดียวกันที่อยู่ด้วยกันมานาน 


   กลุ่มหมาปีศาจที่พวกตัวเมียมีน้อยยิ่งกว่าน้อยเป็นเหมือนทรัพยากรที่ต้องสงวนไว้ โอกาสน้อยมากที่พวกมันจะขายพวกเดียวกันเอง ทางเดียวที่ดีที่สุดในตอนนี้คือเดาว่าคนทำคือพวกเผ่าพันธุ์อื่น นั้นอาจจะเป็นเหตุผลข้อหนึ่งที่พวกมันทำท่าไม่ต้อนรับเขา  และเขาเองก็ไม่รู้ว่าเจ้าหมอฮิโตะเจออะไรมาบ้างขณะที่อยู่ร่วมกับพวกหมาพวกนั้น  แต่นั้นมันก็ไม่สำคัญแล้วเพราะเขากับเจ้าหมอฮิโตะคงไม่ได้อยู่ร่วมพูดคุยกันอีกและถ้าหากเรื่องที่เขาเดามันถูกต้อง  เขาก็อาจจะได้กลับบ้าน ความหวังที่จะได้กลับไปเริ่มกลับมาอีกครั้งแม้จะไม่รู้ว่ากลับยังไง แต่ลางสังหรณ์บางอย่างบอกเขาว่าเขาจะได้กลับไป


   “ตัดสินใจได้แล้วงั้นสินะ”ร่างที่นอนคลุกฝุ่นพยุงตัวเองขึ้นมาช้าๆก่อนที่ริมฝีปากนั้นจะยกยิ้มอีกครั้ง


   “ครับ  ผมจะพาคุณไปหาเจ้านายผมอย่างที่คุณต้องการ แต่ก่อนอื่นช่วยทำอะไรกับไหล่ผมหน่อยได้ไหม”


   “แกไม่ขอให้ฉันแก้มัดเชือกให้แกงั้นเหรอ”


   “ผมไม่ขอในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้หรอกครับ หากคุณคิดว่ามัดผมไว้แล้วสบายใจก็ทำเถอะครับ”ถ้อยประโยคชวนปวดหัวกลับมาอีกครั้ง  มันคงคิดอะไรบางอย่างได้และอาจจะไม่เป็นผลดีกับเขาแต่ก็นั้นแหละแบบนี้ก็น่าสนุกดีเหมือนกัน


   “ก็ได้ตกลงตามนั้น”คาเซอริโอเดินตรงไปหาเจ้าของยิ้มประหลาดก่อนจะแก้มัดแล้วดึงไหล่ที่หลุดข้างนั้นให้เข้าที่แล้วเปลี่ยนมามัดมือไว้ด้านหน้าแทน   ทันทีที่ทุกอย่างเรียบร้อยเขากับมันที่จำใจต้องเป็นเพื่อนรวมทางกันก็ต้องรีบออกเดินทางเพราะลมที่แรงขึ้นและท้องฟ้าที่มืดลงส่อเค้าว่าอาจจะมีพายุเกิดขึ้นหรือหากไม่มีพายุอาจมีใครบางตัวตามมาทันได้ก่อน ไม่ว่าจะเป็นตัวไหนจะเจ้าหมาซาเวียร์หรือเจ้าแซมเบอร์ก็ไม่ได้มีผลดีอะไรทั้งนั้น เพราฉะนั้นจากคนที่ขัดขืนในตอนแรกจึงรวมมือในการเดินทางอย่างดี  2 คนกับอีก 1 หมาที่เขาหิ้วใส่เป้มาด้วยจึงได้ออกเดินทาง ท้องฟ้าที่ทอประกายสีส้มมืดลงจนกลายเป็นแสงสลัวพร้อมลมที่แรงขึ้น ระยะทางที่ไกลออกไปเรื่อยๆและการเดินทางที่เร่งรีบทำให้เหนื่อยจนหอบ แน่นอนว่าเจ้าคนตัวผอมที่เดินตามหลังเขามาย่อมเหนื่อยมากกว่า เจ้าหมาพวกนั้นยังไม่ตามมาถือเป็นโชคดีแต่ไม่รู้ว่าจะโชคดีไปได้อีกนานแค่ไหน


   “พักก่อนได้ไหมครับ ผมไม่ไหวแล้ว”แรงฉุดกระชากจากเชือกในมือเกิดขึ้นเมื่อคนที่ถือห้อยมาด้วยซวนเซไปชนต้นไม้จนเกือบล้ม


   “เราไม่ได้มีเวลาว่างขนาดนั้น”


   “แต่ผมไม่ไหวแล้ว พักหน่อยไม่ได้รึไง”


   “ข้าเห็นด้วยกับเขานะ”เสียงหวานเย็นเยียบดังขึ้นจากพุ่มไม้พร้อมกับการปรากฏตัวของผู้หญิงคนหนึ่งที่หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงเผลอมองจนตาค้างด้วยใบหน้าเรียวสวย ริมฝีปากสีแดงสด  ผิวขาวซีดและรูปร่างสะโอดสะอง หน้าอกหน้าใจที่ล้นจนผ้าผืนน้อยปิดแทบไม่มิด  สะโพกพายได้รูปนั้น  ใช่เมื่อก่อนเขาคงจ้องจนตาค้างตามประสาผู้ชายที่เห็นสาวสวยหุ่นสะบึ้มมายืนอยู่ตรงหน้า แต่สาวสวยในเสื้อผ้าน้อยชิ้นกลางป่าแบบนี้  ทั้งดวงตาสีรีเล็กที่มีขีดสีดำพาดผ่านและรูจมูกที่เล็กจนแทบมองไม่เห็นนั้น มันคล้ายกับใครบางตัวที่เขาเคยเห็นตรงหน้าและบางทีครั้งนี้ไม่ต้องพึ่งลางสังหรณ์ก็พอจะเดาได้อย่างแม่นย้ำว่าเป็นใคร เชือกในมือถึงได้ถูกกระตุกจนใครอีกคนต้องถลามายืนอยู่ข้างๆพร้อมปืนที่กระชับมั่นในมือ


   “ว้าว  กล้าต้อนรับข้าด้วยอาวุธที่อันตรายขนาดนั้นเชียวรึ”เท้าเปลือยเปล่าก้าวมาด้านหน้าหนึ่งก้าว ในขณะที่คนข้างตัวก็เบียดเข้ามาชิดเขามากขึ้นหนึ่งก้าว


   “คุณคาโลครับนี้มันเรื่องอะไรกัน”   


   “อุ๊  บางทีมนุษย์นั้นคงไม่ฉลาดเหมือนเจ้า”ริมฝีปากสีแดงสดเหมือนเลือดนั้นยกยิ้มด้วยรอยยิ้มยั่วที่ไม่ทำให้เกิดอารมณ์หื่นเมื่อริมฝีปากสีแดงสดนั้นมีหยดบางอย่างค่อยๆไหล่ซึมออกมาจากมุมปากซึ่งเจ้าหล่อนก็ทำเพียงตวัดลิ้นสองแฉกสีแดงเลียมันเข้าไปเท่านั้น และนั้นทำให้การคาดเดาของเขาถูกต้อง  นางงูที่ไม่น่าจะมาอยู่ตรงนี้ทำไมถึงมาที่นี้


   “ต้องการอะไรมาเรียอา”รอยยิ้มบนใบหน้าสวยนั้นหายไปทันทีที่เขาเผลอไปเรียกชื่อเจ้าหล่อนเข้า ใบหน้าที่เคยงดงามเย้ายวนแปรเปลี่ยนไปเป็นนางมารร้ายเมื่อคิ้วเรียวนั้นขมวดมุ่น  ดวงตาแข็งกราว  ริมฝีปากฉีกกว้างด้วยความกราดเกรียว รอยเกร็ดจ้างๆผุดขึ้นบนใบหน้าเนียน


   “อย่าเอาปากสกปรกของเจ้ามาเรียกขานชื่อข้าเจ้ามนุษย์โสโคก ใครมันบังอาจบอกชื่อข้ากับเจ้า ไม่สิ  ข้าน่าจะรู้ อ๊า คูลาตัสสินะ ข้าเห็นเขาแว๊บๆที่นี้  ทั้งๆที่ข้าหลงใหลเขาไม่แพ้ใคร  แต่เขากลับไม่สนใจข้า  สนใจเพียงเจ้า  เจ้ามนุษย์ชั้นต่ำที่เกือกกลั้วกับพวกหมาชั้นต่ำ แล้วยังบังอาจล่อลวงคีอานัสจนเขาต้องสิ้นชีพด้วยเจ้าหมานั้น คู่ของเจ้าฆ่าคู่ของข้า  ข้าก็จะฆ่าเจ้าเพื่อตอบแทนเช่นกัน”   คาเซอริโออยากจะยกมือกุมขมับด้วยความเครียดเมื่อนางงูจับเรื่องนั้นผูกเรื่องนี้ได้อย่างน่าชวนปวดหัวเป็นที่สุด  ช่างคิดไปได้นะผู้หญิง  แต่น่าเสียดายที่มือเขาไม่ว่างพอจะทำแบบนั้น


   “นี้ผู้หญิงคนนี้มาตามคุณงั้นเหรอครับ”


   “ดูท่าจะเป็นแบบนั้น”   


   “งั้นผมคงคิดผิดแล้วสิครับที่เผลอร่วมทางมากับคุณ”


   “แล้วคิดว่าเปลี่ยนใจตอนนี้ทันรึไง วิ่ง”คาเซอริโอตะโกนเสียงดังเมื่อหญิงสาวสวยที่บัดนี้เปลี่ยนท่อนร่างเป็นงูพุ่งตัวเข้ามาหาพวกเขาด้วยความอาฆาต  ไม่ว่าเรื่องจะเป็นยังไงมายังไงหรือเจ้าหล่อนจะเข้าใจไปแบบไหนแต่ตอนนี้เขาก็ไม่มีเวลาจะอธิบายหรือพูดให้เจ้าหล่อนฟังและความจริงที่ว่างูคีอานัสนั้นมันตายเพราะเจ้าหมาซาเวียร์และเขาก็เป็นเรื่องจริงที่แก้ตัวยังไงก็ไม่ขึ้น


   “ทำไมต้องเป็นผู้หญิงด้วยว่ะ”คาเซอริโอบ่นพึมพำด้วยความขัดใจเพราะแม้เจ้าหล่อนจะไม่ใช่ภรรยาที่ต้องให้ความเคารพหรือเมียเพื่อนที่ต้องให้เกียรติแต่ความเป็นผู้ชายก็ไม่ควรจะไปหาเรื่องผู้หญิงแบบที่สุภาพบุรุษที่ดีควรทำ แน่หละถ้าเจ้าหล่อนเป็นชายเขาคงไม่ลังเลที่จะยิงทิ้งไปตั้งแต่เจ้าหล่อนพุ่งเข้ามาแล้ว


   “กำลังคิดอะไรอยู่งั้นรึ”


   “เฮ้ย”เสียงหวานที่ดังขึ้นเหนือหัวทำให้ต้องก้มหลบทันก่อนที่เล็บยาวเฟื้อยนั้นจะตวัดคอเขาขาด  แม้จะหลบทันแต่ปลายเล็บแหลมคมนั้นก็เกี่ยวไหล่เขาจนเลือดซิบ


   “ไม่คิดว่าเลือดเจ้าจะหวานไม่น้อยนะ  หวานกว่าเลือดสัตว์พวกนั้นซะอีก ชักอยากกลืนลงท้องทั้งตัวแล้วสิ”ลิ้นสองแฉกแลบเลียปลายเล็บที่มีเลือดของเขาติด ริมฝีปากแสยะยิ้มก่อนร่างครึ่งงูจะเลื่อยปราดเข้ามาด้วยความเร็วสูง  คาเซอริโอวิ่งหลบหลีกไปตามต้นไม้หางตาทันเห็นร่างไวไวของใครบางคนที่หันหลังวิ่งห่างออกไป


   “ให้มันได้แบบนี้สิว่ะ”ปืนในมือลั่นกระสุนออกไปดังใจคิด เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังลั่นป่า  ไหล่บอบบางภายใต้เนื้อผ้าสะบัดตามแรงกระสุน  ดวงตาคู่คมของอสุรกายร่างงูหันมองตามเสียงร้องก่อนจะเลื้อยไปอีกทาง


   “จะรีบไปไหนหละ”   


ปัง!


   กระสุนนัดที่สองเจาะเข้ากลางหลังเปลือยเปล่า เจ้าของปืนนึกขอโทษเจ้าหล่อนอยู่ในใจที่ยิงปืนเข้าใส่สุภาพสตรีในร่างอสูรกาย แต่เขาไม่มีทางเลือกแล้วหากไม่ยิงเจ้าหล่อน ไอ้หนังตาชั้นเดียวนั้นได้ตายแน่


   “เจ้า”เสียงหวานหวีดสูงด้วยความเจ็บแค้นแผ่นหลังที่มีเลือดไหลซึมตวัดมาตามเสียงก่อนครึ่งบนจะแปรเปลี่ยนไปเป็นงูเต็มตัว


   “แบบนี้ค่อยยิงได้ง่ายหน่อย”


ปัง!  ปัง!


   กระสุนมากมายรัวออกจากปากกระบอกปืนจนหมดแม๊ก  มือขาวรีบเปลี่ยนกระสุนชุดใหม่ในขณะที่ขาก้าวถอยหลังไปเรื่อยๆ และงูสาวตรงหน้าก็ยังคงเลื้อยเข้ามาเรื่อยๆแม้แผลจะมีเลือดไหลซึมออกมามากมายก็ไม่สามารถหยุดเจ้าหล่อนได้


   “อย่าทำแบบนี้เลยน่า”ปืนที่พร้อมยิงอีกครั้งประทับแน่นบนมือทั้งสองข้าง  ปากกระบอกเล็งตรงไปยังดวงตาโปนคู่นั้น แผ่นหลังที่แนบชิดกับต้นไม้ทำให้ใจเต้นรั่วเร็วขึ้น เช่นเดียวกับเจ้าหล่อนที่หยุดนิ่งห่างเขาไปไม่ไกล  แม้ภายนอกจะนิ่งแต่ภายในใจของคาเซอริโอกลับวิ่งวุ่น  นึกอยากให้อะไรสักอย่างหรือหมาสักตัวได้ยินเสียงปืนแล้วแห่มาทางนี้ แวบหนึ่งในความคิดที่หวนคิดถึงดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้น


   “อย่าโทษกันเลยนะ”


ปัง!


ฟ่อ!


กรร!


   

ออฟไลน์ tamako

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-6
กระสุนพุ่งออกจากปากกระบอกจังหวะเดียวกับที่หัวกลมทู่นั้นฉกลงมา คาเซอริโอรีบพลิกตัวหลบไปด้านหลังต้นไม้ทันได้ยินเสียงขู่ของอะไรบางอย่างตามมาด้วยเสียงดังโครมใหญ่  ดวงตาสีเทามองเขม็งก่อนคิ้วจะขมวดฉับ  นึกถึงหมา หมาก็มาแต่นั้นมันใครหละ


   ภาพแม่งูสาวที่ตอนนี้โดนกรามขนาดใหญ่กัดแน่นจนจมเขี้ยวช่วยให้ใจชื่นขึ้นแต่เพียงไม่นานก็ต้องเปลี่ยนเป็นตระหนกเมื่อหางขนาดใหญ่ตวัดฟาดจนหมาโชคร้ายกระเด็นชนต้นไม้


   “เฮ้ย”คาเซอริโอกระโดดออกจากหลังพุ่มไม้ปืนในมือยิงเข้าใส่ลำตัวสีทองจนหมดแม๊กสกัดไม่ให้เจ้าหล่อนตามเข้าไปซ้ำเจ้าหมาสีดำที่นอนหมอบอยู่บนพื้น  แน่นอนว่าเจ้าหล่อนไม่เข้าไปซ้ำหมาแต่หันหัวมาหาเขาแทน


   “หาเรื่องจริงๆเลย”ปืนอีกกระบอกที่ข้างเอวถูกหยิบมา หัวใหญ่โตที่คอมีแผลเหวอะจากรอยกัดและเลือดที่ไหลย้อยจากรอยกระสุนพุ่งมาทางเขา  กรามอ้ากว้างเตรียมฉกแต่ก่อนที่เจ้าหล่อนจะเข้ามาก็มีเงาบางอย่างโฉบเข้าไปหา  กรามเข็งแรงกัดขย้ำเข้าที่คอซ้ำแผลเดิมก่อนจะกระชากจนก้อนเนื้อสีสดขาดวิ่น  คออีกข้างก็โดนเจ้าหมาขนเกรียนสีดำตัวเดิมขย้ำจนจมเขี้ยวแล้วกัดกระชากจนเนื้อหลุด  ลำตัวสีทองสะบัดเร่าดิ้นหนี โดนเจ้าหมาสองตัวนั้นจนกระเด็นไปแต่ไม่ทันที่เจ้าหล่อนจะตั้งตัวได้ หมาสีขาวที่คุ้นตาก็กัดกระชากที่หางจนหัวโตๆนั้นเสียหลักฟาดพื้นเสียงดังสนั่น  หมา 3 ตัวที่รุมขย้ำงูยักษ์ตัวเดียวเริ่มจะสูสีขึ้นมาบ้าง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องสนใจเมื่อเผลอหันไปสบตากับเจ้าหมาสีขาวทีคุ้นแสนคุ้น หัวก็เริ่มเดาได้ไม่ยากว่าอีก 2 ตัวนั้นคงเป็นใครที่เขาไม่อยากเสวนาด้วย


   “ลุกขึ้น  เราต้องไปแล้ว”


   “คุณยิงผม”คนที่มีเลือดไหลอาบไหล่อ้าปากต่อว่า


   “แค่ถากๆไม่ตายหรอกนะ”คาเซอริโออกแรงกระชากแขนของคนที่นั่งอยู่ในลุกขึ้น เสียงการต่อสู้ด้านหลังยังคงดังมาให้ได้ยิน  แต่เขาไม่มีเวลามากพอที่จะสนใจพวกมันตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาสนใจคือหนี  หนีทั้งงูและต้องหนีหมา 3 ตัวนั้นไปด้วย


   “ปล่อยนะ  ผมไม่ไปกับคุณ”


   “หรือจะอยากกลับไปหาเจ้าหมา 3 ตัวนั้น ฉันรู้ว่าแกรู้จักพวกมันดีกว่าฉัน เลือกเอา”แม้ปากจะบอกให้เลือกแต่เขาก็ยังฉุดแขนข้างนั้นให้วิ่งตามไปอย่างทุลักทุเลเมื่ออีกคนแทบจะไม่ให้ความร่วมมือ


   “บัดซบเอ้ย”เท้าของทั้งคู่หยุดวิ่งกะทันหันเมื่อเบื้องหน้าพวกเขาคือหน้าผากว้าง  ดวงตาสีเทาสอดส่ายมองหาทางข้าม  ทางขวาคือหน้าผาสูงชันที่มีน้ำตกไหลแรง  ข้างซ้ายคือช่วงผาสูงที่มีน้ำตกไหล่ยาวเลื่อนหายไปในความมือยามราตรี  เสียงหอบหายใจแรงๆเรียกให้หันกลับมาสนใจด้านหลังและเผชิญหน้ากับเจ้าหมา 3 ตัวที่ร่างอาบไปด้วยเลือด ตัวแรกเจ้าหมาสีดำขนเกรียน ที่ช่วงอกและขาเป็นสีน้ำตาลแต่บัดนี้ปากและตัวครึ่งหนึ่งอาบไปด้วยเลือด อีกตัวคือเจ้าหมาสีขาวเหลือบเทาที่คุ้นตา ตัวครึ่งหนึ่งแม้จะอาบไปด้วยเลือดแต่ก็ดูเจ็บน้อยกว่าตัวแรก ตัวสุดท้ายดูคล้ายเจ้าตัวแรกแต่ตัวใหญ่กว่า


   “เคยโดดหน้าผามาก่อนรึเปล่า”


   “ห๊ะ  คุณว่าอะไรนะ”คนข้างตัวหันมามองคาเซอริโอเต็มตาเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูด  หรือไม่ก็อาจคิดว่าเขาบ้าไปแล้ว แน่นอนว่ามันบ้าแต่เขาไม่มีทางเลือกแล้ว หากเขายอมกลับไปกับพวกมันหรือปล่อยให้คนข้างตัวกลับไปกับพวกมันเขามั่นใจว่าตัวเองไม่มีทางออกไปอีกได้แน่ เพราะฉะนั้นทางเลือกของเขามีเพียงทางเดียวคือเดินหน้าต่อไปเท่านั้น และเพราะผาที่กั้นเอาไว้เขาจึงมีทางเลือกเพิ่มอีก 2 ทางคือไม่โดดข้ามไปก็ต้องโดดลงน้ำแล้วว่ายไป


   “อย่างที่ได้ยินนั้นแหละ  เราจะกระโดดลงไป”   


   “คุณเสียสติไปแล้วรึยังไงกัน  ผมไม่ทำอะไรบ้าๆแบบคุณแน่”


   “แล้วแกมีทางอื่นรึไงที่จะหนีไปจากพวกมันได้”


กรร!


   คำว่าหนีไปก่อปฏิกิริยาได้เร็วกว่าที่คิดเมื่อพวกมันเริ่มส่งเสียขู่และเจ้าตัวที่โชกเลือดที่สุดก็ก้าวมาข้างหน้าพร้อมๆกับที่คนข้างตัวเขาก้าวไปข้างหลัง 1 ก้าว


   “อย่างน้อยเราน่าจะเจรจาแล้วหาทางข้ามไป ถ้าเดินตามน้ำตกไปเรื่อยๆมันจะมีช่วงที่ข้ามได้”คนข้างตัวกระซิบ


   “เราไม่ได้มีเวลาขนาดนั้น  แค่ 3 ตัวก็มากพอแล้ว”ใช่แค่ 3 เขาก็รับมือยากแล้วและถ้าเจ้านั้นมาเขามั่นใจว่ามันไม่มีทางปล่อยเขาไปง่ายๆแน่


   “ริวจิ”เสียงเรียกของบุคคลที่สามดึงความสนใจได้ชะงัก  ร่างหมาโชกเลือดหายไปเหลือเพียงร่างชายหนุ่มที่ลำตัวซีกซ้ายโชกไปด้วยเลือดและถ้าดูไม่ผิดเหมือนแขนข้างเดียวกันจะห้อยร่องแร่งและเนื้อตรงช่วงเอวหายไปหย่อมเลือดถึงได้ทะลักออกเป็นน้ำประปาแตกขนาดนั้น


   “คุณแซมเบอร์”


   “เจ้ากำลังทำอะไร”


   “ผม  ผม..”บรรยากาศชวนอึดอัดสีดำปนม่วงทำให้คาเซอริโอต้องถอนหายใจเมื่ออะไรๆมันชักจะยุ่งยาก


   “เจ้ากำลังจะไปไหน ไม่จริงใช่ไหมที่พวกนั้นบอกข้า  ว่าเจ้าทรยศ”


   “เจ้าก็เห็นกับตาแล้ว ว่าคนของเจ้ากำลังจะหนียังต้องการอะไรอีก”เจ้าตัวที่ 3 ที่กลายร่างเป็นคนสอดปากขึ้นบ้าง


   “หุบปากนะจายา  บอกข้าทีว่าพวกนั้นเข้าใจเจ้าผิด”ดวงตาสีดำของคนพูดเว้าวอนแบบที่คนมองอย่างคาเซอริโอได้แต่เบือนหน้าหนี  คำว่าคู่ที่เคยสงสัยกระจ่างชัดในที่สุด  ไม่ได้มีแค่มนุษย์เท่านั้นสินะที่หูหนวกตาบอดเพราะความรัก


   “ปล่อยผมไปเถอะนะ”


   “พวกนั้นบังคับเจ้าสินะ  บอกข้าสิว่าพวกนั้นบังคับเจ้า ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาข้ารู้จักเจ้าดี ข้ารู้ว่าเจ้าไม่มีทางทำแบบนั้น”


   “อย่าเข้ามานะ”คนข้างตัวตวาดเสียงลั่นเมื่อแซมเบอร์ก้าวเข้ามาหา  เท้าที่ก้าวถอยหลังไปทำให้พวกเขาหมิ่นเหม่ที่ขอบเหวแน่นอนว่าอีกก้าวเดียวก็ได้โดดหน้าผาสมใจ


   “ริวจิ  กลับมาหาข้านะ มาอยู่กับข้าแค่เรา  ข้าสัญญาว่าทุกอย่างจะเป็นเหมือนเดิม ได้โปรด ข้ารักเจ้านะ”


   “หึ  รักเหรอ อยู่ด้วยกันงั้นเหรอ  แล้วรู้ไหมว่าตลอด 3 ปีที่ผ่านมาผมเจออะไรมาบ้าง กับพวกนั้น กับพวกหมาๆพวกนั้น คิดว่าคนแบบผมจะทนอยู่กับหมาโสโครกแบบคุณไปได้เท่าไหร่กัน”


   “นี้เจ้า”ดูเหมือนคำว่าหมาโสโครกจะทำให้จายาเดือดได้ไม่น้อยแต่ก่อนที่จะได้พุ่งเข้ามาก็โดนเจ้าซาลูกิที่กลายเป็นคนจับแขนเอาไว้


   “หึ  3 ปี  3 ปีที่มีแค่ความทุกข์ทรมาน รักงั้นเหรอ แล้วไง คนกับหมามันจะไปรักกันลงได้ยังไงกัน”


   “ไม่จริง  เจ้ามีความสุข  เจ้าบอกว่าเจ้ามีความสุขที่ได้อยู่ด้วยกัน เจ้ารักข้า”


   “ผมโกหก”คำเรียบๆพร้อมใบหน้ายิ้มแย้มที่คุ้นเคยคงเหมือนอะไรที่ยอกแสยงใจคนฟังอย่างแซมเบอร์สีหน้าเจ้านั้นเลยเหมือนจะตายให้ได้ซะเดียวนั้น


   “ไอ้มนุษย์ชั้นต่ำ”คำสอดเรียบๆจากจายาที่คนโดนเต็มๆอย่างริวจิไม่สะทกสะท้านและคนโดนผ่านๆอย่างเขาไม่คิดจะเข้าไม่ยุ่ง


   “มันก็แค่การเอาตัวรอดนะครับ  คนแบบผม  คนอ่อนแอแบบผมที่โดนรังแกมาตลอดจะอยู่รอดยังไงหละในดงหมาแบบนั้น การหาใครสักคนมาคุ้มครองมันน่าจะง่ายกว่าจริงไหม  ใช่เล่ห์นิดหน่อย คำหวานสักนิดก็หลอกหมาโง่ๆได้แล้ว”


   “เจ้าไม่เคยรักแซมเบอร์เลยงั้นเหรอ”ซาลูกิที่ฟังอยู่นานพูดขึ้นบ้าง


   “หึ  ทำไมคนอย่างผมต้องไปรักหมาด้วยหละครับ  ที่บ้านผมนะหมามันก็แค่สัตว์เลี้ยงตัวหนึ่งเท่านั้นแหละ”


   “เจ้า..”เสียงคำรามดังขึ้นพร้อมกับร่างของหมายักษ์ที่พุ่งเข้ามา  เขี้ยวที่แยกกว้างหมายเอาชีวิต  ปืนในมือถูกยกขึ้นเล็งไปยังเป้าหมายแต่กลับช้ากว่าเงาสีน้ำตาลที่พุ่งเข้ากระแทกจนร่างนั้นปลิวชนต้นไม้  เสียงคำรามดังลั่นป่าเมื่อหมาปีศาจสีน้ำตาลขาวและหมาสีดำเผชิญหน้ากันด้วยท่าทีคุกคาม


   “แก  ซาเวียร์”คาเซอริโอเรียกชื่อหมาข้างตัวที่เดินวนเวียนไปตรงหน้าเขา กันท่าไม่ให้เจ้าตัวสีดำเข้ามาใกล้  มันตามมาทันจนได้


   “เจ้าเองเหรอซาเวียร์  เจ้าเลือกแล้วงั้นเหรอ”เสียงระโหยโรยแรงจากคนที่ถูกซาลูกิหิ้วปีกไว้หยุดเสียงขู่ของหมาสองตัวได้ชะงัก  ดวงตาสีดำที่มองตรงมายังริวจิมันเต็มไปด้วยความรักเทิดทูลที่คาเซอริโอเห็นแล้วได้แต่เบือนหน้าหนี  เจ้านั้นรักจริงแบบไม่ต้องสงสัย แต่คนข้างตัวเขาหละรักหรือไม่รักตามปากบอกเขาก็ไม่รู้


   “หากเจ้าเลือกแล้ว ข้าเองก็จะเลือกทางของข้าเหมือนกัน”เสียงแผ่วเบาท่ามกลางฝนที่ค่อยๆกระหน่ำลงมาช้าๆก่อนจะลงเม็ดหนักกลายเป็นพายุในช่วงเสี้ยววินาที


   “หวังว่าเจ้าจะไม่เสียใจที่เลือกคนของเจ้าเหมือนข้า ริวจิแม้เจ้าจะไม่รักข้าก็ช่างเถอะ  อย่างน้อยข้าก็ได้ทำเพื่อคนที่ข้ารัก ไปซะ  ไป!!”ซาลูกิถูกผลักด้วยคนที่เจ้าตัวประคองตัวอยู่ ร่างโชกเลือดเปลี่ยนกลับเป็นหมาอีกครั้งก่อนจะกระโจนเข้าหาหมาสีดำอีกตัวพร้อมเสียงขู่  เสียงเห่ากรรโชกและต้นไม้ที่ล้มระเนระนาด  ดวงตาสีน้ำตาลคู่คมตวัดมามองเขาก่อนเขี้ยวขาวจะงับเข้าที่ไหล่ซ้ายแล้วเหวี่ยงเอาเขาที่หิ้วปีกเจ้าริวจิขึ้นมากลางหลัง  ร่างสูงใหญ่วิ่งกลับไปในแนวป่าไม่ห่างกับหมาสองตัวที่ต่อสู้กันอย่างดุเดือดท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำลงมาจนม่านตาพร่าเลือน  อุ้งเท้าทั้ง 4 จิกพื้นดินแน่นก่อนจะเหวี่ยงตัวกลับแล้วตะกุยดินห้อตะบึงไปด้านหน้า มุ่งหาหน้าผาด้วยความเร็วสูง  เจ้าหมาสีขาวตัวใหญ่ยืนจังก้าขวางอยู่ด้านหน้าแต่ก่อนเขี้ยวขาวนั้นจะพุ่งลงมากลับโดนกระแทกจากเจ้าหมาสีดำที่ร่างอาบไปด้วยเลือดกระเด็นหล่นไปจนขอบหน้าผาปล่อยให้หมาสีน้ำตาลร่างยักษ์กระโดดข้ามหน้าผาและวิ่งหายไปในแนวป่าฝั่งตรงข้ามพร้อมพายุที่โหมกระหน่ำอย่างไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุด


   









        มาส่งตอนใหม่แล้วคะ  ตอนนี้ล่าช้าไปหลายวันเนื่องจากนางมารเพิ่งกลับมาจากต่างจังหวัด  ขออภัยที่ไม่เเจ้งล่วงหน้าทำให้นักอ่านต้องรอกันนะคะ

        สำหรับตอนนี้ก็เป็นตอนต่อการลาของคาโลจากตอนที่แล้ว  คาโลเราหาทางกลับแล้วด้วยการฉุดตัวนำทางอย่างริวจิไปด้วยประเด็นเรื่องการหาทางกลับยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่แต่ไม่นานคะเพราะนางมารมีคำเฉลยรอเอาไว้แล้ว  อดใจกันสักนิด

       ชื่อตอนสำหรับตอนนี้หน่วงมากๆและเนื้อหาในตอนก็หน่วงมากๆด้วยคะ  เขียนเองก็แอบสงสารแซมเบอร์เอง ริวจิออกปากว่าไม่เคยรักแซมเบอร์เลยตลอด 3 ปีที่อยู่ด้วยกันมาแต่ถึงอย่างนั้นแซมเบอร์ก็ยังรักและช่วยให้ริวจิกับคาโลหนีไปได้  งือ  ความรักของน้องหมาเเซมเบอร์ชั่งยิ่งใหญ่  ซาเวียร์เองก็ตามมาทันแล้วเเบกคาโลกับริวจิขึ้นหล้งหนีไป  จะหนีกันไปได้เเค่ไหน จะรอดจนกลับไปได้รึเปล่ายังต้องตามกันต่อคะ  แล้วกันใหม่ตอนหน้าคะ  :mew1: :mew1:

     


ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
 :z13: ไว้ก่อน



ไม่รู้ทำไมเราถึงคิดว่าแซมเบอร์มันน่าสงสาร

คาโล...ซาเวียร์ตามมาทันแล้ว จะไปด้วยกันรึเปล่า

รึจะทิ้งกันอีกรอบ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-11-2014 10:06:13 โดย aoihimeko »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ AoMSiN555

  • กรูบ้า.....อย่าทักกรู
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ tamako

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-6
ตอนที่ 23 บางอารมณ์ที่ไม่อยากเข้าใจ               28/09/2557

 

   คาเซอริโอไม่รู้ว่าตัวเองอยู่แบบนี้มานานเท่าไหร่ จากพายุที่โหมกระหน่ำเหลือเพียงสายฝนที่ตกพอให้ตัวเปียก  เสียงฟ้าร้องเหลือเพียงเสียงลมที่หวีดหวิว  ร่างกายที่หนาวและมือที่เย็นจัดแปรเปลี่ยนเป็นชา  ฝ่ามือที่กำแน่นอยู่บนกลุ่มขนที่เปียกลู่ชาจนแทบไร้ความรู้สึก  คนที่เกาะอยู่ด้านหลังก็นิ่งไปจนเผลอนึกว่าตายถ้าไม่รู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆที่ปะทะแผ่นหลัง  แต่เจ้าหมาที่เหวี่ยงเขาขึ้นมากลับยังไม่หยุด  มันยังไม่ยอมหยุดฝีเท้า  ทำเพียงวิ่งตรงไปข้างหน้า  แม้หลายครั้งมันจะลื่นไถลเพราะน้ำฝนหรือวิ่งชนต้นไม้เล็กๆเพราะหลบไม่ทัน  ฝ่าเท้าทั้ง 4 ข้างนั้นก็ไม่ยอมหยุด และมันกำลังทำให้เขาหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆ


   “หยุด ฉันบอกให้แกหยุดเดี๋ยวนี้เข้าใจไหมไอ้หมาโง่”ปากตะโกนบอกพร้อมฝ่ามือที่จิกขนยาวนั้นแน่น  แต่ถึงแบบนั้นเจ้าตัวสี่ขาก็ยังวิ่งไปข้างหน้า  แม้จะโดนจิกจนขนหลุดออกมาเป็นหย่อมๆก็ไม่ยอมหยุด


   “แกหูหนวกรึไงซาเวียร์ หยุดเดี๋ยวนี้”มือขาวเอื้อมไปกำรอบลำคอหนาแม้จะกำได้ไม่มิดแต่ก็ทำให้เจ้าหมานั้นชะงักไปแค่ครู่เดียวแต่ขานั้นมันก็ไม่หยุดวิ่ง ยิ่งทำให้คาเซอริโอหงุดหงิดเข้าไปใหญ่


   “แก..”อารมณ์โมโหทำให้กระโดดทิ้งร่างลงมาจากหลังหมาปีศาจที่มีความสูงมากกว่าม้าหนุ่มวัยฉกรรจ์ ไม่สนว่าตัวเองจะหมุนกลิ้งไปหลายตลบ  ไม่สนผู้โดยสารอีกคนที่โดนหางเลขจนหล่นเข้าไปในพุ่มไม้  ไม่สนเสียงร้องด้วยความเจ็บจากเจ้าหมาสีดำตัวน้อยที่กลิ้นหลุนๆหายเข้าไปในพงหญ้า


   หมาสีน้ำตาลขาวตัวใหญ่หยุดวิ่งในที่สุด หน้ากลมและปลายจมูกแหลมหันกลับมามองพร้อมลิ้นสีแดงสดที่แลบยาวออกมาข้างปาก  ลมหายใจอุ่นร้อนปล่อยควันมากมายให้กลืนหายไปกลับสายฝน


   “แกเป็นบ้าอะไรห๊ะ  เกิดบ้าอะไรขึ้นมา”ทันทีที่ลุกขึ้นได้สิ่งแรกที่คนอย่างเขาทำไม่ใช่ตรวจดูว่าตัวเองเจ็บตรงไหนแต่กลับเป็นการกระชากกระจุกขนบนแผงคอนั้นเต็มแรง  กระชากจนหัวกลมๆที่เปียกลู่ต้องก้มลงมอง  ท่าทีที่นิ่งเงียบมันกำลังทำให้เขาหงุดหงิด  เขาไม่รู้ว่ามันคิดอะไร  ไม่รู้ว่ามันจะทำอะไรต่อไป รู้แค่มันไม่เหมือนเดิม  เจ้าหมานั้นมันวิ่งทั้งๆสมองไม่ได้จดจ่ออยู่กับทางตรงหน้า  หลายครั้งที่วิ่งชนต้นไม้ทั้งๆที่มันหลบได้สบาย  บ่อยครั้งที่ลื่นไถลเพราะวิ่งไม่ระวัง  มันกำลังคิดอะไรอยู่  บางอย่างที่อยู่ในหัวมัน  บางอย่างที่มันกำลังทำให้เขาหงุดหงิด


   “ตอบฉันมาไอ้หมาโง่  แกกำลังทำอะไรอยู่ห๊ะ  ทำ..”คำต่อว่ากลืนหายลงไปในลำคอเมื่อลิ้นสีแดงสดเลียเบาๆที่ข้างแก้ม  ปลายจมูกสีน้ำตาลนั้นยื่นมาคลอเคลียที่ข้างแก้มเหมือนกำลังอ้อนให้เขาใจเย็นลง


   “แกไม่น่าตามฉันมา”เสียงที่พูดออกมานั้นเบาลงแต่เขามั่นใจว่าระยะที่มีเพียงลมหายใจคั่นมันต้องได้ยิน


   “แกทำอะไรลงไปรู้บ้างรึเปล่า  เมื่อไหร่แกจะเลิกทำอะไรโง่ๆแบบนี้สักที”คาเซอริโอซบหน้าลงกับแผงอกนุ่ม รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของช่วงอกตามการหายใจ มันทำให้เขาสงบลงแต่ความอึดอัดในหัวใจไม่ได้เบาบางลงเลย  สิ่งที่เขาไม่อยากให้เกิดขึ้นมันเกิดขึ้นแล้ว เจ้าหมางี่เง่าตามเขามาทันและไม่ใช่แค่ทันแต่มันเป็นคนพาเขาหนี  สู้กับพรรคพวกเดียวกันเพื่อพาเขาหนี  มันทรยศพวกพ้องของตัวเองเพื่อเขา


   “แกมันโง่ซาเวียร์  ทำไมต้องทำขนาดนี้”ปลายจมูกยาวที่ก้มต่ำถูกคว้าเอาไว้เพื่อให้เขาจ้องมันได้ถนัด  จ้องดวงตาสีน้ำตาลที่ตอนนี้มีเพียงเงาของเขาสะท้อนอยู่ในดวงตาคู่นั้น


   “กลับไปซะซาเวียร์ มันไม่ใช่เรื่องของแกแล้ว  กลับไป”ถ้อยคำหนักแน่นที่พูดออกไปสร้างความเงียบให้เกิดขึ้นรอบๆตัว แม้ฝนจะยังตกกระหน่ำลงมาแต่คาเซอริโอกลับรู้สึกว่ารอบๆตัวเงียบสนิทและเต็มไปด้วยบรรยากาศอึดอัด  ราวกับเนินนานกว่าที่หัวกลมๆนั้นจะยกขึ้น  ร่างที่ยืดตัวจนสุดราวกับตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ทำให้คาเซอริโอต้องลอบยิ้มก่อนความเจ็บที่ไหล่ซ้ายจะพุ่งเข้ามารู้ตัวอีกทีทั้งร่างก็ปลิวมาหล่นอยู่บนแผ่นหลังกว้าง


   “เฮ้ย”มาเฟียอย่างคาเซอริโอแหกปากร้องด้วยความตกใจเมื่อหมาตัวใหญ่ออกวิ่ง หางตาทันเห็นริวจิและเจ้าซ๊อคยืนเคียงกันที่พุ่มไม้ก่อนจะถูกบังด้วยบรรดาต้นไม้ที่วิ่งผ่านและปลายหางของเจ้าหมา


   “แกกำลังทำบ้าอะไรว่ะ  เฮ้ย”คาเซอริโอออกปากร้องอย่างหมดมาดอีกครั้งเมื่อทั้งตัวลอยวืดขึ้นจากหลังหมาก่อนจะหล่นตุบลงบนพื้น  เจ็บยอกไปทั้งหลังจนอยากด่าไปถึงบรรพบุรุษตัวก่อเรื่องแต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร แขนที่วางแผ่อยู่ข้างตัวก็ถูกอุ้งเท้าปุกปุยเหยียบเอาไว้  แรงกดที่มากจนรู้สึกเหมือนแขนจะหัก ดวงตาสีเทาคู่คมจึงได้เงยขึ้นจ้องกับเจ้ามาที่ก้มลงมาจนดวงตาสีน้ำตาลนั้นประสานสายตากับเขา


   “ปล่อยฉันเดียวนี้นะไอ้หมาเวร”คาเซอริโอออกแรงขยับแต่แขนสองข้างกลับนิ่งเหมือนถูกรัดด้วยคีมเหล็ก  ตัวใหญ่โตที่ก้มลงมาใกล้ทำให้ความคิดที่จะยกขาขึ้นแตะมันผ่านเข้ามาในหัวแต่กลับช้ากว่าลิ้นสีแดงสดที่แลบเลียไปบนใบหน้า มันไม่ใช่การเลียเร็วๆแบบที่เจ้าหมายักษ์ที่เฟอร์ดินาเลี้ยงเอาไว้พยายามทำกับเขา แต่มันกลับเป็นการเลียช้าๆเหมือนจะชิมรส จากช่วงกรามวาดผ่านช่วงแก้มไปจนจรดหางตาก่อนจะวกกลับไปวุ่นวายกับช่วงคอ ปลายลิ้นที่สากด้วยปุ่มรับรสทำให้ความรู้สึกแปลกๆผุดขึ้นที่หัวใจ ร่างที่นอนนิ่งงันถึงได้ออกแรงดิ้นสุดชีวิต ช่วงที่ปลายลิ้นนั้นกำลังยุ่งกับช่วงอกจนเผลอยกขาออก แขนทั้งสองข้างจึงเป็นอิสระ คาเซอริโอรีบพลิกตัวกลับ  ขาสองข้างยันพื้นเพื่อลุกขึ้นแต่กลับเป็นความคิดที่ผิดเมื่อด้านหลังเขาคือต้นไม้ใหญ่ที่ขวางกั้นทางรอด มือที่คว้าจับลำต้นสั่นสะท้านเมื่อคอเสื้อด้านหลังโดนกัดจนตึงแน่น แรงกระชากมาหาศาลทำให้ผ้าดิบเนื้อดีขาดออกเป็นชิ้นๆ  แผ่นหลังเปลือยที่กระทบกับสายฝนไม่ทำให้สั่นสะท้านได้เท่ากับสัมผัสร้อนระอุของลมหายใจและลิ้นสากที่ลากจากสะบักไปยังไหล่และซอกคอ  สัมผัสที่ทำให้ลมหายใจขาดห่วง


   “หยุดนะ..”
.
.
.
.
.
ริมฝีปากอุ่นระอุประทับจูบไปตามหลังคอขาวทิ้งร่องรอยสีกุหลาบพร้อมกับสูดกลิ่นกายหนุ่มเข้าจมูก  เลียกินเหงื่อที่หลั่งออกมาภายหลังถึงจุดสุดยอด  ยิ่งกลืนกินก็ยิ่งกระหายจนต้องขยับบางส่วนที่แข็งขืนขึ้นมาอีกครั้งเพื่อทำทำหน้าที่ แต่ขาขาวที่อ่อนแรงจนทรงตัวไม่อยู่ทำให้ต้องรีบโอบประคองแนบแล้วตวัดเอาตัวเองลงมาด้านล่างให้อีกคนขึ้นมาอยู่ด้านบนในขณะที่ยังขยับด้านล่างไม่ให้ขาดช่วง ให้อีกคนได้มองเห็นกลุ่มดาวที่เริ่มจะทอแสงภายหลังฝนหยุด  ให้มองเห็นท้องฟ้าเต็มตาก่อนที่จะถูกพาไปทั่งสวรรค์อีกครั้งและอีกครั้ง




   เสียงนกร้องในยามสายและเหล่าแมลงตัวน้อยที่บินบนรอบๆทำให้ใบหูยาวแหลมนั้นขยับส่ายไล่ความรำคาญ หัวโตๆขยับหนีแต่ก็ไม่อาจปลุกให้หมาตัวใหญ่ตื่นขึ้นมาได้ ทำเพียงเหยียดขาสี่ข้างออกไล่ความเมื่อยและขดตัวนอนตะแคงต่อ ผิดกับอีกคนที่รู้สึกตัวเพราะขาหนักๆที่กายอยู่บนตัวนั้นขยับเปลี่ยนที่ อากาศยามเช้าที่เคยเย็นสบายก็เปลี่ยนเป็นไม่สบายเมื่อเริ่มสายก็เริ่มร้อนจนคนผิวขาวต้องลืมตื่นขึ้นมาพบกับพระอาทิตย์ที่เคลื่อนขึ้นสูง  แขนขาขยับไล่ความเมื่อยขบก่อนจะทิ้งหัวพิงกับอกอุ่นๆที่ขยับขึ้นลงตามจังหวะการหายใจ ขยับตัวเข้าใกล้ขนยาวที่ตอนนี้ฟูหนาแถมอุ่นสบายช่วยปกป้องความหนาวยามค่ำคืนได้ดี  ปกติเขาก็ไม่ใช่คนขี้หนาวหรอกนะแต่ในสภาพที่ต้องนอนตัวเปล่าเสื้อผ้าไม่ใส่กลางป่าตอนกลางคืนที่ฝนตกปอยๆมันก็ยังไงอยู่


   พูดถึงเสื้อผ้าก็ทำให้หงุดหงิดจนต้องเงยมองเจ้าตัวตนเหตุแล้วตะปบมือสองข้างปิดจมูกสีน้ำตาลชื้นคู่นั้น  ไม่นานเจ้าหมาตัวยักษ์ก็สะบัดหน้าหนีก่อนจะจามออกมา2-3 ครั้งให้คนทำยกยิ้มมุมปากด้วยความสะใจ


   “ตื่นแล้วก็อย่าคิดจะไปนอนต่อ”คาเซอริโอเงยหน้าพูดกับเจ้าหมาต้นเรื่องที่ยังนอนตาปรือไม่รู้เรื่องรู้ราว


   “แกนี้มันตัวหาเรื่องจริงๆนะ”ปากบ่นไปมือก็ทึ้งจนขนช่วงคอหลุดออกมากำเล็กๆเจ้าหมานั้นสะดุ้งน้อยๆยิ่งทำให้สะใจมากขึ้นไปอีก


   “กัดเสื้อชั้นขาดแบบนั้นฉันจะไปหาที่ไหนมาใส่ห๊ะ แกคิดจะให้ฉันเดินตัวเปล่ากลางป่ารึไงว่ะ”พูดเสร็จก็นิ่งไปทั้งคนทั้งหมาก่อนที่หัวโตๆนั้นจะพยักหน้าขึ้นลงหมั่นไส้จนต้องฟาดมันไปที


   “ชิบ หาเรื่องจริงๆให้ตาย”พูดจบก็ต้องขยี้หัวตัวเองด้วยความหงุดหงิดเพราะจะโทษมันฝ่ายเดียวก็ไม่ถูกเรื่องแบบนี้มันตบมือข้างเดียวไม่ดัง  ตอนนี้เขาอยากหาเสื้อใส่กางเกงยังคงสภาพดีใส่ตัวเดิมได้แต่เสื้อนี้สิกลายเป็นเศษผ้าขี้ริ้วไปแล้ว โชคยังดีที่เขาหยิบสำรองมาชุดหนึ่ง คงตกอยู่แถวๆที่เขากระโดดลงมานั้นแหละ กลับไปหาดูคงเจอ แต่อาการขัดยอกไปทั่วตัวแบบนี้ก็ชวนเอาไม่อยากขยับตัวสักนิด


   “เฮ้ยลุก  รีบไปกันได้แล้วไม่รู้พวกนั้นไปถึงไหนแล้ว  อยากตามมาก็อย่าทำตัวถ่วงฉันเข้าใจไหม”พูดเสร็จคนพูดก็ลุกขึ้นแต่สัมผัสเหนอะหนะที่ด้านหลังกลับทำเส้นประสาทในสมองเต้นตุ๊บ


   “หลับตาแล้วหันหน้าไปทางอื่นด้วย”หันไปตวาดหมาที่นอนชูคอมองตาแป๋วเสร็จก็เดินแปลกๆไปหยิบกางเกงที่กองไว้ทาง ซากเสื้อที่กระเด็นไปอีกทาง หาพุ่มไม้สักพุ่มทำธุระส่วนตัว  การอยู่กับพวกหมาๆมานานทำให้คนที่ใช้ชีวิตอยู่กับเทคโนโลยีแทบตลอดเวลาแบบเขาเริ่มจะใช้ชีวิตแบบป่าๆได้มากขึ้น  ดีขึ้นกว่าครั้งแรกที่ทำอะไรไม่เข้าท่า ไม่ได้เรื่องจนยากจะจับปืนมายิงตัวเองให้รู้แล้วรู้รอด 


   แม้จะอยากอาบน้ำล้างหน้าก็ทำไม่ได้เพราไม่มีแหล่งน้ำ อย่าว่าแต่ล้างหน้าแค่หาน้ำกินยังยาก สงสัยเขาคงต้องรองน้ำมาเก็บไว้ก่อนที่จะอดน้ำตายกลางทางซะแล้วหละมั้ง


   “ไปกันได้แล้ว”หันไปออกปากเรียกเจ้าหมาที่นั่งเลียขาหน้าตัวเองให้ลุกขึ้นยืนเคียงข้างก่อนจะจ้องตรงไปยังดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้น


   “นำไปสิ”เจ้าหมานั้นเหลือบมองเขาหน่อยหนึ่งก่อนจะเดินนำออกไปด้านหน้าด้วยขาสี่ข้างนั้น เป็นความผิดของมันที่ดันพาเขามาแบบกะทันหันทำให้เขาจำทางไม่ได้


   เสียงเห่าเล็กๆดังขึ้นทันทีที่ก้าวเข้ามายังแนวป่าคุ้นตา  ลูกหมาสีดำขนหยิกรีบวิ่งตรงเข้ามาหาก่อนจะยกขาหน้าสองข้างตะกุยขาเขาอย่างบ้าคลั่ง


   “เออๆ  พอได้แล้ว  แล้วเจ้านั้นมันไปไหน”ถามจบก็มองไปรอบๆเพื่อหาใครอีกคนที่เขาหิ้วคอมันมาด้วย ลูกหมาสีดำเห่าอีกครั้งก่อนจะพาวิ่งไปยังกลุ่มไม้เลื้อยที่สานกันหนาจนเหมือนกำแพงพอแหวกเข้าไปถึงได้เห็นว่ายังมีใครอีกคนที่นอนตัวสั่นหน้าซีดอยู่ด้านใน


   “เป็นอะไรของมัน”คาเซอริโอย่อตัวลงด้านข้างก่อนจะยื่นมือไปเตะหน้าผากรู้สึกถึงไอร้อนผ่าวที่ลอยออกมา  เป็นไข้แบบไม่ต้องสงสัย  ถ้าไข้แบบธรรมดาก็ไม่เท่าไหร่แต่ถ้าไข้ป่าแบบที่เจอในประเทศเขตร้อนเขาคงไม่พ้นต้องฝังศพมันทิ้งในป่า


   “ให้มันได้แบบนี้สิว่ะ”คาเซอริโอลุกขึ้นยืนด้วยความหัวเสียก่อนจะหันไปเจอเจ้าคนตัวสูงผิวสีแทนที่กำลังเดินตามเข้ามา


   “มันเป็นไข้ แกมียาแก้ไหม”


   “ยา”


   “เออ จะยา  ใบไม้หรือสมุนไพรก็เอามาเถอะ”คนพูดขยี้หัวตัวเองหวังระบายความยุ่งยากในหัว  ป่วยแบบนี้ก็ยิ่งแย่กันไปใหญ่  กว่าจะหายพอเดินทางได้คงอีกนานหรือไม่บางทีมันก็อาจจะตายไปก่อน


   “คิดว่ารู้จัก”


   “เออ  เอามาให้ทีก่อนที่มันจะตายๆไปซะก่อน แล้วแถวนี้มีน้ำไหม”   


   “มีทางน้ำเล็กๆอยู่ห่างออกไป”      


   “ทางไหน”นิ้วสีแทนยาวชี้ไปอีกด้านของแนวป่า


   “แกไปหายามาแล้วไปเจอฉันที่นั้น”


   “แต่ว่า..”หมาในร่างคนมีท่าทางอำอึ้งเหมือนพูดไม่ออกบอกไม่ถูกว่าจะทำยังไงต่อ


   “ฉันบอกแล้วไงว่าถ้าจะตามฉัน ก็อย่าเป็นตัวถ่วง”คาเซริโอหิ้วปีกคนที่ไข้จับขึ้นมาข้างหนึ่งก่อนจะพยุงกึ่งลากมันไปตามที่ไอ้หมานั้นชี้


   “เราจะไปเจอกันที่นั้นใช่ไหม”


   “คิดว่าฉันจะหลอกแกรึไง”ตอบทั้งๆที่ขาก้าวไปข้างหน้าแต่ถึงแบบนั้นเจ้าหมาประหลาดก็ยิ้มกว้างก่อนจะวิ่งหายไปอีกด้านปล่อยเขาให้เดินตามเจ้าหมาสีดำ ที่เดินดมซ้ายดมขวานำไปจนมาถึงทางน้ำเล็กๆที่น่าจะแยกมาจากน้ำตกที่ไหนสักแห่ง เล็กขนาดที่กระโดยาวๆก็ข้ามไปได้ น้ำตื้นๆที่สูงแค่ข้อเท้าแต่น้ำไหลผ่านตลอด ใสสะอาดและเย็นจัดคุ้มค่าเหนื่อยที่เดินหามากว่า 2 ชั่วโมง 


   คนเป็นไข้ถูกทิ้งลงบนพื้นหญ้าก่อนคาเซอริโอจะเดินลุยลงน้ำวักเอาน้ำเย็นจัดขึ้นมาล้างหน้าล้างตัวแบบรวกๆหยิบเอาเศษเสื้อตัวเองมาชุบน้ำก่อนจะสาวเท้าไปหาอีกคนที่นอนซม  ทันทีที่ผ้าเย็นๆโป๊ะหน้าคนที่นอนเพ้อก็สะดุ้งเฮือก ตาที่ปิดมาตลอดลืมขึ้นเพียงครึ่งตาก่อนจะสะบัดหน้าหนี


   “อยู่นิ่งๆสิว่ะ”คาเซอริโอตวาดเบาๆแต่แน่นอนว่าคนที่เพ้อด้วยพิษไข้ก็ยังเพ้อต่อไปไม่ยอมอยู่นิ่งจนเขาต้องใช้วิธีกระชากเสื้อมันออกแล้วเช็ดตัวแทน  ตัวขาวๆผอมๆนั้นแดงเรื่อด้วยพิษไข้และร้อนผ่าวจนน้ำเย็นในมือเขาอุ่นขึ้นทันตา คาเซอริโอสบถด้วยความหงุดหงิดขณะเช็ดตัวให้แบบเร็วๆจัดการถอดกางเกงออกเพื่อเช็ดให้เสร็จๆ


   “นั้นเจ้าทำอะไรนะ”เสียงคุ้นหูที่ดังขึ้นไม่ทำให้การเช็ดตัวหยุดชะงักไปแม้แต่น้อย


   “แกรู้อยู่แล้วจะถาทำไม”   


   “แต่เจ้ากำลังเปลื้องผ้าริวจิ”


   “เช็ดตัวมันก็ต้องถอดเสื้อเป็นธรรมดาหรือแกไม่ถอดเสื้อตอนเช็ดตัว  เอายามาได้แล้ว”


   “แค่เช็ดตัวแน่นะ”


   “ก็เออสิวะ มันจะอะไรหนักหนา เอายามา”คาเซอริโอเงยหน้าขึ้นจากร่างเกือบเปลือยได้ในที่สุด สบตากับดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นที่ดูเหมือนจะน้อยใจ ไหนจะปากที่เหมือนจะคว่ำลงไปนั้นอีก


   “นี้แกกำลังคิดอะไรอยู่ในหัวห่ะ คิดว่าฉันคิดอะไรกับมันรึไง”


   “เออ  ก็  ไม่ใช่ แต่ข้า...”เจ้าหมาในร่างคนยักษ์ยกมือขึ้นเกาหัวแกร๊กๆแต่กลับไม่ยอมพูดอะไรให้กระจ่างขึ้น


   “แล้วแกเป็นอะไรห๊ะ คันหัวมากรึไง”


   “ไม่ใช่  ข้าแค่ไม่อยากให้เจ้าใกล้ชิดกับผู้ชายคนอื่นนอกจากข้า”เหมือนโดนหมัดฮุกเข้าเต็มหน้าจนสมองมึนงง  มันรู้รึเปล่าว่าพูดอะไรออกมา  คำพูดที่เหมือนจะหึงเขาแบบนั้นมันคืออะไร มันเข้าใจถึงสิ่งที่มันพูดออกมารึเปล่า  ไม่แน่ บางทีมันอาจจะไม่เข้าใจอะไรเลยก็ได้และดีแล้วที่มันจะไม่รู้อะไรไปแบบนั้นเรื่อยๆ


   “เลิกคิดอะไรงี่เง่าแล้วส่งยามาได้แล้ว”   


   “เจ้าไม่ได้คิดอะไรจริงๆใช่ไหม”


   “เออ ฉันเป็นผู้ชายมันก็เป็นผู้ชายจะให้ฉันคิดอะไรกับมัน”


   “แต่เจ้ากับข้าก็เพิ่ง..”


   “หุบปากแล้วส่งยามา”คาเซอริโอตวาดเสียงเขียวทันเห็นหมาสองตัวสะดุ้งพร้อมกันแล้วหุบปากฉับ ทันก่อนที่มันจะปูดเรื่องที่เขาไม่อยากฟังออกมา  เรื่องเมื่อคืน ถึงแม้เขาจะอยากลืมแต่ก็ลืมไม่ได้เพราะมันเพิ่งผ่านมาสดๆร้อนๆแล้วเขายัง.. ช่างมันเถอะ ลืมไม่ได้แต่ไม่พูดถึงนั้นแหละดีที่สุดแล้ว ถ้าขืนมันยังพูดเรื่องบ้าๆนั้นออกมาบ้างทีมันอาจจะเละเหมือนใบอะไรสักอย่างที่เขากำลังบดอยู่นี้ก็ได้


   “เอา  กินเข้าไปซะ”คาเซอริโอประคองคนที่เลิกเพ้อขึ้นมาก่อนจะเอาใบไม้อะไรสักอย่างที่โดนบดจนละเอียดผสมกับน้ำ  รองด้วยใบไม้ใบใหญ่แล้วจับกรอกปากคนที่ป่วยด้วยพิษไข้


   “อืม  หือ ไม่”


   “กินๆเข้าไปเถอะน่า”มือข้างหนึ่งจับท้ายทอยให้เชิดขึ้นก่อนจะจับยากรอกเข้าไป ไม่สนอาการสำลักที่เกิดขึ้น ขอแค่ยาลงไปในคอมันก็พอ


   “ฉันให้เวลาแกพักแค่วันนี้ พรุ่งนี้เช้าเราจะออกเดินทางต่อ”คนป่วยนอนสงบนิ่งไม่รับรู้คำสั่ง เขาต้องรีบไปไม่มีเวลามาเออระเหยแล้ว ถึงมันจะไม่หายยังไงเขาก็ต้องเดินทางต่อ ไหนๆก็มีหมาตัวยักษ์มาเป็นพาหนะแล้วทั้งทีก็ต้องใช้ให้คุ้ม












      เป็นตอนใหม่ที่คำผิดเพียบ นางมารแก้ไปแล้วเหลือตรงไหนยังผิดก็ comment บอกได้นะคะ

    ส่วน ....ที่มันหายไปนางมารจงใจนะคะเพราะมันไม่เหมาะกับเว็บไหนทั้งนั้น  นางมารสัญญากับตัวเองว่าจะtalk ให้สั้นลง ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจและ comment แล้วพบกันใหม่ตอนหน้าคะ
:mew1:

ออฟไลน์ AoMSiN555

  • กรูบ้า.....อย่าทักกรู
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
 :z13: จิ้มๆ.  ยังรออ่านอยู่นะ.. :katai5: :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ rinny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 517
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
กรี๊ดๆๆๆๆ น่ารักอ่ะ พี่หมาหึงได้น่าฟัดมากกกกก
จะหนีไปได้ถึงไหนกันนน้า อยากอ่านต่อแล้วๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ tamako

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-6
ตอนที่ 24 สิ่งที่เห็นเมื่อหลับตา                                                              10/10/2557


   บรรยากาศหลังฝนฟ้าคะนองครั้งใหญ่สดใสอย่างน่าเหลือเชื่อ  ไม่มีท้องฟ้าที่ทำทะมึนเพราะเมฆฝนเช่นเมื่อคืน มีเพียงท้องฟ้าที่มีเมฆสีขาวปกคลุมประปราย  อากาศหนักอึ้งด้วยหยาดฝนเปลี่ยนเป็นอากาศโปร่งสบายเจือความชื้นที่ลอยมาตามลม ไม่มีน้ำนองที่ปลายเท้า มีเพียงหยาดน้ำค้างที่เกาะอยู่บนยอดหญ้า


    กำหนดการเดินทางคือเช้าพระอาทิตย์ขึ้นเท้าเริ่มย่าง แต่กลับกลายเป็นว่าพระอาทิตย์ขึ้นสูงเกือบตรงหัวถึงได้ออกเดินทาง  เรื่องง่ายๆที่ทำให้กลายเป็นเรื่องยากโดยเจ้าหมาสี่ขา ที่ตอนนี้เดินหน้างอจ้ำพรวดๆไม่รอใครอยู่หน้า แม้จะอยู่ในร่างหมาแต่ใครๆก็ดูออกว่าเขาโดนงอน  การงอนที่เขาไม่เห็นความจำเป็นในการง้อ  มันจะอะไรกันหนักหนาแค่ขอให้แบกเจ้าริวจิที่ยังไม่สร่างไข้ขึ้นหลังเท่านั้นเอง


   เรื่องง่ายๆที่เขายืนเถียงกับมันตั้งแต่เช้ายันสาย เมื่อเขายืนยันที่จะออกเดินทางทันทีแต่ติดที่เจ้าคนนำทางที่ยังไม่สร่างไข้  แผนการที่เคยคิดไว้เล่นๆอย่างเอาหมามาเป็นพาหนะจึงได้ใช้จริง  แต่ทุกอย่างไม่ได้ง่ายอย่างใจคิดเมื่อเจ้าพาหนะสี่ขาส่ายหน้าปฏิเสธที่จะให้ริวจิขี่หลัง 


     คาเซอริโอขมวดคิ้วฉับ คำว่าศักดิศรีของพวกหมาๆน่ารำคาญขึ้นมาทันทีเมื่อมันกำลังจะทำเรื่องง่ายให้กลายเป็นเรื่องยาก มันไม่ยอมให้ริวจิขี่หลังเด็ดขาดหากเขาไม่ขี่ด้วย มันเสนอทางเลือกสองทางคือเขาต้องขึ้นไปนั่งพร้อมเจ้าริวจิ ไม่ก็ไม่ต้องขึ้นมันทั้งสองคน


   สองทางเรื่องที่ทำให้คนอย่างคาเซอริโอปวดหัวจี๊ด คิดง่ายๆกับการให้คนหนึ่งคนขี่หลังกับคนสองคนขี่ คนเดียวมันก็ต้องสบายกว่าเบากว่าอยู่แล้ว แถมเจ้าริวจินั้นก็ตัวเล็กกว่าเขามาก เบากว่าสองคนเป็นไหนๆแต่ไม่รู้ทำไมเจ้าหมานั้นดันไม่คิดเหมือนเขา ยืนกรานข้างเดียวว่ามีทางให้เลือกแค่สองทางเท่านั้น  แน่นอนว่าเขาไม่เลือกทั้ง 2 ทางเขาเลือกทางที่ 3 คือการบังคับให้เจ้าหมานั้นเอาริวจิขึ้นหลังได้สำเร็จภายหลังลงไม้ลงมือกันไปเล็กน้อย


   เจ้าหมาสี่ขายังจ้ำพรวดๆข้างหน้าเห็นเพียงหางสีขาวที่โบกไปมานานๆครั้ง  บ่อยครั้งที่มันเดินหายไปจากสายตาเขาแต่ไม่ทันได้ออกปากเรียกก็เห็นฟู่หางสีน้ำตาลปนขาวนั้นกลับเข้ามาในสายตาอีกครั้ง  ไม่รู้ว่ามันกลัวตัวเองหลงหรือกลัวเขาหลงกันแน่


   พระอาทิตย์สีส้มทองขึ้นเด่นกลางศีรษะและเริ่มต้นคล้อยไปทางทิศตะวันตก  อากาศเย็นๆเริ่มร้อนจนเหยื่อออก หยาดเหงื่อมากมายไหลหยดลงจากใบหน้าไล่ไปปลายคาง หายลับไปกับฝ่ามือที่ยกขึ้นปาดออกก่อนจะได้หยดแหมะลงพื้น


   การเดินทางที่เริ่มต้นตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจบลงเมื่อพระอาทิตย์คล้อยต่ำ ก่อกองไฟง่ายๆเพื่อไล่สัตว์ร้ายและแมลง  การเดินทางในป่าที่ไม่คุ้นเคยกับหมาปีศาจร่างยักษ์เป็นเรื่องง่ายกว่าที่คิดเพราะไม่มีสัตว์ใหญ่ๆเข้ามารั้งควาญ อาจเป็นเพราะกลิ่นสาปหมาหรืออะไรก็แล้วแต่  ซึ่งคาเซอริโอก็ได้แต่นึกขอบคุณมันอยู่ในใจ ไม่มีกองคารวานหมาๆตามมาด้านหลัง  พวกเขาเหมือนถูกตัดขาดออกจากกลุ่มหมาปีศาจโดยสิ้นเชิงและนั้นอาจเป็นสัญญาณที่ดี  ทำให้เขาวางใจได้บ้างแต่บางอย่างกลับไม่ได้เบาบางไปอย่างทีคิด


   ริวจิหายไข้ในที่สุด  อาการดีขึ้นแต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือเจ้านั้นเงียบลง แม้จะไม่เคยคลุกคลีจนรู้ได้ว่าเป็นคนนิสัยแบบไหน แต่ดวงตาสีดำเรียวรีที่ชอบทอดมองออกไปยังทิศทางที่ผ่านมา มันก็มากพอจะบอกอะไรได้หลายๆอย่างไม่มีใครพูดเรื่องนี้ออกมา ทุกคนเลือกที่จะเงียบ


   เช่นเดียวกับเจ้าหมาซาเวียร์ที่ไม่ยอมคืนร่างเป็นคนอีกเลยตั้งแต่เช้าวันที่เขาทะเลาะกับมันเรื่องหมาพาหนะ เมื่อมันอยู่ในร่างหมาแน่นอนว่าไม่มีทางพูดหรืออกความเห็นเรื่องอะไรได้ คาเซอริโอเคยคิดว่ามันโกรธเขาแต่ร่างสูงใหญ่ที่มานอนเคียงข้างเป็นผ้าห่มให้ทุกคืนก็ทำให้เขาปัดเรื่องรกสมองพวกนี้ทิ้งไปได้ง่ายๆ  มุ่งมั่นกับการเดินทางที่คาดคั้นจนได้ความว่าหากเดินทางด้วยความเร็วเช่นนี้อีกไม่เกิน 2-3 วันพวกเขาจะเข้าใกล้หมู่บ้าน หมู่บ้านแรกที่เรียกได้ว่าเป็นหมู่บ้านของมนุษย์อย่างแท้จริง


   ทันทีที่พระอาทิตย์ฉายแสงตอนรับวันใหม่คาเซอริโอก็ส่งเสียงเรียกเพื่อนร่วมทางให้ออกเดินทางไปยังจุดหมาย แน่นอนว่าเจ้าริวจิเองก็ต้องมาเดินไปกับเขาด้วยเช่นกัน  ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม 2 คนกับอีก 2 หมาและความเงียบที่แสนจะน่าอึดอัด แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคงเป็นตัวของเขาเองที่รู้สึกหนักอึ้งแบบไม่เคยเป็นมาก่อน ลมหายใจที่เป่าออกมาร้อนผ่าวจนเหมือนจะลวก ลมที่พัดมาเบาๆกลับทำให้หนาวจนต้องยกมือกอดตัวเองไว้ หนาวทั้งๆที่แดดส่อง ร้อนทั้งๆที่มีลมพัด อาการแปลกๆที่ทำให้เขากลายเป็นฝ่ายล้าหลังจนต้องตีคู่ไปข้างๆริวจิที่ช้าที่สุด


   “ดูเหมือนคุณอาการไม่ค่อยดีนะครับ”


   “ก็คงงั้น”เสียงแหบแห้งเกินกว่าจะเป็นเสียงของตัวเองดังออกมาจากปาก  ความเจ็บแสบในลำคอจากการออกเสียงทำให้คิ้วสีทองขมวดฉับ ความคิดแปลกๆบางอย่างกำลังทำให้เขาหงุดหงิดหัวใจ


   “พักหน่อยไหมครับ”


   “ไม่ต้อง  เรามีเวลาไม่มาก”


   “ผมก็ไม่ได้หนีไปไหนนิครับ พักหน่อยก็ได้”


   “หุบปากแล้วเดินไป”คาเซอริโอออกแรงผลักคนพูดมากให้เดินไปข้างหน้า  แรงผลักเบาๆที่ทำให้มันเดินไปข้างหน้าแต่คนผลักแบบเขาแทบเซ เงาดำบางอย่างวูบผ่านจนต้องกระพริบตาถี่ๆ แต่ยิ่งทำแบบนั้นกลับเหมือนยิ่งมืดลงกว่าเดิน  อาการวูบเอียงของพื้นที่ยืนอยู่ทำให้ร่างทั้งร่างโงนเงน  ก่อนตาทั้งสองข้างจะปิดลงและทิ้งร่างลงสู่พื้น


ตุ๊บ


   น้ำหนักของร่างในอ้อมแขนไม่ทำให้คิ้วสีน้ำตาลขมวดหนักได้เท่ากับไอร้อนที่ออกมาจากร่างกาย คนที่ดื้อดึงมาหลายวันในที่สุดก็ทนต่อไปไม่ไหว นึกอยากให้คนในอ้อมแขนออกปากออกมาสักนิด  แค่นิดเดียว หากขอให้รอข้าก็พร้อมจะรอ  หากขอให้หยุดข้าก็พร้อมจะหยุด แต่ริมฝีปากสีส้มสดที่บัดนี้แห้งแตกก็ไม่เคยเอ่ยคำนั้นออกมา  ไม่เคยแสดงด้านอ่อนแอของตัวเองออกมา  ไม่เคยร้องขอ  มีเพียงคำพูด คำสั่ง และการบังคับให้ทำเท่านั้น


   “ผมเตือนเขาแล้วนะครับ แต่เหมือนเขาจะไม่ฟัง”สมาชิกรวมทางอีกคนบอกพร้อมกับรอยยิ้มที่มักมีประดับไว้บนใบหน้าเสมอ


   “วันนี้เราจะพัก”


   “ตามนั้นครับ  แล้วเราจะพักที่ไหนกันดี”ไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่ถูกถามมีเพียงดวงตาสีน้ำตาลคู่คมที่มองผ่านก่อนร่างในอ้อมแขนจะถูกช้อนอุ้ม แบบที่หากคนในอ้อมแขนรู้สึกตัวข้าคงไม่พ้นถูกเจ้าทำร้ายร่างกายสินะ


   ขาแข็งแรงสองข้างก้าวตรงไปข้างหน้าอย่างมั่นคง  จมูกโด่งเป็นสันขยับฟุดฟิดเหมือนหาอะไรบางอย่าง  กลิ่นความชื้นที่ลอยมาเรียกให้ฝ่าเท้าเปลือยเปล่าก้าวเข้าไปหา ไม่รู้ว่าคนในอ้อมแขนหนักหรือเบาเพราะไม่เคยมีน้ำหนักของคนอื่นมาเปรียบเทียบ  เขาพอใจที่จะทำแบบนี้ในร่างของมนุษย์แบบนี้แทนที่ร่างของหมาปีศาจ


   กองเถาวัลย์ที่ถูกทักทอจนหนาตามธรรมชาติใต้ร่มเงาไม้ใหญ่ที่อยู่ห่างจากธารน้ำเล็กๆคือเป้าหมายที่พักในครั้งนี้  ร่างในอ้อมแขนถูกวางลงบนหญ้านุ่มๆ  เจ้าลูกหมาสีดำแสนประหลาดขยับเขามาใกล้  ลิ้นเล็กๆนั้นทำท่าจะเลียไปบนใบหน้าขาวที่แดงระเรื่อนั้น แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเสียงขู่คำรามดังออกมาจากหมาปีศาจในร่างคน


   ฝ่ามือสีน้ำผึ้งคุ้ยหาเศษผ้าค่อนข้างกว้างมาพันรอบเอว แม้ไม่แน่ใจว่าคาโลหยิบมาติดมาด้วยทำไมแต่ตอนนี้มันก็มีประโยชน์ในการปกปิดร่างกายเขาจากมนุษย์อีกคนที่เดินทางมาด้วย  ฝ่าเท้าเปลือยก้าวไปตามแนวดินก่อนจะใช้ผ้าผืนเล็กๆอีกผืนชุบน้ำเพื่อมาเช็ดตัวให้ใครอีกคนเหมือนที่เคยทำ


   ผ้าดิบเนื้อหยาบที่บิดน้ำจนหมาดวางแนบลงบนหน้าผากเนียนที่ตอนนี้มีหยดเหยื่อเม็ดเป้งผุดพราย


   “อื้อ”เสียงครางเพราะโดนกวนทำให้คิ้วสีน้ำตามขมวดเข้าหากันก่อนจะคว้าจับมือที่พยายามปัดมือเขาออก  ขนาดป่วยยังแรงเยอะอีกนะ


   “ยังไงให้ผมช่วยไหมครับ ผมเคยทำงานเป็นผู้ช่วยหมอมาก่อน”เสียงเสนอความช่วยเหลือดังขึ้นจากด้านข้าง


   “ไม่เป็นไร เจ้าไปพักเถอะ”ดวงตาสีน้ำตาลละจากคนป่วยหันไปรื้อกระเป๋าที่เจ้าตัวเอาติดมาเพื่อหาผ้าที่เจ้าตัวชอบเอามาปูรองนอน จับคนป่วยที่ดิ้นกระสับกระส่ายนอนบนผ้าดีๆแล้วหันไปมองอีกคนที่นั่งห่างออกไปยังโคนไม้ข้างๆ ขยับเปลี่ยนท่าคนป่วยจนแน่ใจว่าอีกคนที่มองไม่เห็นจึงได้ปลดเสื้อผ้าคนป่วยออกอีกครั้ง แน่หละก็ข้าหวงนี้


   ผิวกายขาวตามเชื้อชาติตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อเพราะพิษไข้ไหนจะเสียงครางเครือเมื่อโดนน้ำเย็นๆนั้นอีก


   “อย่ายั่วข้าให้มากนักหละ  รู้ไหมคาโล”พูดกับคนป่วยที่นอนครางเครือกว่าจะถอดเสื้อตัวบางๆนั้นได้หมดก็เล่นเอาเหนื่อย  ฝ่ามือสีน้ำผึ้งขยับจับผ้าเช็ดเบาๆไปบนผิวขาวๆที่เมื่อก่อนเคยแอบสงสัยว่าทำไมมนุษย์ที่มีผิวขาวขนาดนี้ถึงได้มาอยู่ที่นี้  ปกติพวกมนุษย์ผิวขาวจนเกือบซีดพวกนี้จะอาศัยอยู่ในเทือกเขาทางเหนือ  หน้าแปลกจนน่าตกใจ 


   แต่ที่น่าตกใจกว่าคงเป็นครั้งแรกที่ข้าเจอเจ้าหละมั้ง ผิวขาวๆที่ถูกอาบไปด้วยเลือด  ร่างกายโงนเงนที่ทรงตัวอยู่บนเข่าทั้งสองข้างที่แนบติดพื้น  มือข้างหนึ่งที่กำมีดด้ามยาวเอาไว้ไม่ปล่อย แววตาสีเทาที่ไม่ได้มีแม้แต่ความหวาดหวั่น  มันฉายวับเป็นประกายเหมือนคนสนุก  เหมือนคนตื่นเต้นที่ได้ล้อเล่นกับความตาย  ประกายตาสีเทาคู่นั้นที่สะกดเขาตั้งแต่แรกเห็น  แม้จะอยู่กลางฝูงหมาปีศาจดวงตาคู่นั้นก็ไม่เคยฉายแววหวาดกลัวแม้แต่น้อย  ริมฝีปากสีส้มนั้นกลับกล้าที่จะต่อปากต่อคำกับปีศาจ ไม่รู้ว่าตอนนั้นเจ้าคิดอะไรอยู่  แต่เพราะแบบนั้นแหละทั้งดวงตาคู่นี้  ทั้งปากสีส้มนี้ทำให้ข้าสนใจเจ้า


   “อื้อ”ริมฝีปากสีส้มที่เผยอค้างถูกริมฝีปากของใครอีกคนประกบทับ ละเลียดชิมเติมความชุ่มชื่นให้กับริมฝีปากที่แห้งผากจนกลับมานุ่มและช่ำด้วยน้ำลายก่อนจะฉวยโอกาสล่วงล้ำเข้าไปด้านใน  ถือวิสาสะดึงลิ้นร้อนๆนั้นมาเกี่ยวพันตามแต่ใจปรารถนา แม้เจ้าของจะพยายามหลบหลีกแต่ก็ดึงดันที่จะดูดกลืนความหวานจากปลายลิ้นนั้น ดึงดันที่จะดูดกลืนสัมผัสลื่นไหลที่ทำให้ร่างกายร้อนผ่าวจนปล่อยผ้าในมือเพื่อให้สามารถคว้าจับผิวขาวนั้นได้เต็มไม้เต็มมือ บีบคั้นจนขึ้นรอยแข่งกับสีแดงจากไอร้อน


   “อื้อ”ใบหน้าได้รูปสะบัดหนีจนริมฝีปากหลุดจากการดูดชิม แต่กลับเป็นการเปิดโอกาสให้ริมฝีปากร้อนๆนั้นดูดเข้าที่ซอกคอขาว  ให้จมูกโด่งได้สูดดมกลิ่นเหงื่ออ่อนๆสัมผัสไรหนวดจางๆที่เหมือนเดิมจากวันแรกที่เห็น  ขบกัดเพื่อทิ้งรอยไว้บนซอกคอนั้น  มือสองข้างต่างช่วยกันบีบและปัดป่ายไปบนผิวขาว ลากยาวจากแผ่นอกไปยังหน้าท้องที่กล้ามเนื้อเรียงได้รูปสวย


   “อ๊ะ  ขอโทษครับผมไม่ได้ตั้งใจ”เสียงทักจากด้านบนทำให้ริมฝีปากที่กำลังรุกรานคนป่วยชะงัก แต่คนทำกลับไม่คิดจะขยับออกจากท่าเดิมที่ชวนให้เข้าใจผิด


   “มีอะไร”


   “คือพอดีผมรู้สึกหิวขึ้นมาก็เลย ..”


   “ข้าได้กลิ่นผลไม้อยู่แถวนี้  เดี๋ยวให้ซ๊อคนำทางไป”


   “จะให้ผมไปหาเองหรือครับ”


   “ใช่”


   “แล้วไม่กลัว..”


   “ถ้าคิดว่าหนีได้ก็ลองดูสิ”


   “ฮ่าๆ  แค่ล้อเล่นนะครับ  งั้นเดี๋ยวผมกลับมานะครับ”เสียงฝีเท้าเดินออกห่างไปร่างที่แทบจะทาบทับไปกับอีกคนถึงได้ขยับลุกออกมานั่งดีๆ แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่


   “เฮ้อ  เกือบไปแล้วไหมหละ”ฝ่ามือใหญ่จับผ้าขึ้นมาเพื่อเช็ดตัวคนป่วยอีกครั้ง และครั้งนี้ก็ผ่านไปได้แม้จะทุลักทุเลออกนอกเส้นทางไปบ้างจนหากคาโลตื่นมาเห็นร่องรอยบนตัว เจ้าตัวคนทำอาจโดนดีไม่ใช่น้อย  กว่าจะเช็ดตัวและจับกินยาได้ก็เล่นเอาเหนื่อย  พระอาทิตย์คล้อยต่ำจนมืดมิดคนที่นอนกระสับกระส่ายมาตลอดถึงได้หลับสนิทลงได้


   “ขออภัยที่ให้รอครับ”เสียงดังมาพร้อมกับฝีเท้าที่ก้าวมานั่งข้างๆผลไม้พวงใหญ่ถูกวางลงบนพื้นก่อนคนเก็บจะส่งยิ้มกว้างมาให้


   “พอดีเห็นเยอะก็เลยเก็บเพลินไปหน่อยนะครับ”ข้อมือเล็กจัดการเรียงผลไม้เป็นกลุ่มๆก่อนจะหยิบเอาเจ้าลูกสีเขียวใบใหญ่ขึ้นมา


   “ทานสักหน่อยนะครับ  ผมรู้ว่าไม่ถูกปากเท่าไหร่แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรตกถึงท้อง”


   “ขอบใจ”ฝ่ามือสีน้ำผึ้งเอื้อมไปรับผลไม้มาก่อนจะกัดไปคำใหญ่ ดวงตาทอดมองคนที่นอนนิ่งสนิทอยู่ด้านข้าง


   “อาการเป็นยังไงบ้างครับ”


   “ดีขึ้นมากแล้ว”


   “นั้นสินะครับ คุณคาโลแข็งแรงมากแบบนี้ไม่นานก็คงหาย แต่คงลำบากไม่น้อยเหมือนกัน”ถ้อยคำที่ขัดแย้งกันเองไม่น่าสนใจเท่าผลไม้อีกลูกที่ถูกยื่นมาตรงหน้าพร้อมรอยยิ้ม


   “ข้าเต็มใจ”


   “น่าอิจฉานะครับที่คุณคาโลมีคุณคอยดูแล  แข็งแกร่งขนาดนั้นแต่ก็มีคนที่พร้อมจะคอยปกป้อง ไม่เหมือนผม”ดวงตาสีดำคู่เรียวทอดมองมาก่อนใบหน้าเศร้าๆนั้นจะก้มต่ำ


   “เจ้าเองก็มีคู่ที่พร้อมจะดูแลเจ้านี่”


   “คู่หรือครับ  ผมเป็นได้ขนาดนั้นเลยเหรอ ผมเองยังไม่แน่ใจเลย ขนาดอยู่กับเขามาขนาดนั้น ไม่เหมือนคุณ..  ชัดเจนดีจังนะครับ”


   “หากการที่แซมเบอร์สละชีวิตตนเองเพื่อเจ้ามันไม่ชัดเจนพอแล้วหละก็ เจ้าก็ไม่สมควรจะได้รับความรักนั้นตอบ”


   “คุณซาเวียร์...”เสียงแผ่วที่ครางเรียกชื่ออีกคนหายไปในลำคอ เมื่อดวงตาคู่นั้นทอดมองเขาด้วยแววตาที่เหมือนสัตว์ป่า  สัตว์ป่าที่ทระนงตน  ดวงตาที่เขาเคยเห็นมาตลอด ก่อนที่มันจะเปลี่ยนเป็นอ่อนหวานเมื่อทอดมองใครบางคน


   “หึ  แปลกนะครับ  ทำไมใครๆก็หลงรักคุณคาโล  ทั้งๆที่เขาเองก็..”


   “หุบปากของเจ้าซะ  แล้วจำไว้ว่าข้าไม่เคยใจดี”คำพูดที่กำลังจะต่อขาดหายเมื่อคนพูดหุบปากฉับทันทีที่สัมผัสได้ถึงอารมณ์บางอย่างที่ไม่ปกติ  ก่อนจะขยับไปนั่งที่โคนต้นไม้อีกต้น


   ดวงตาสีน้ำตาลคู่คมละสายตาจากมนุษย์ร่างเล็กนั้นหันมามองคนป่วยที่ขดตัวนอนด้วยความหนาวแล้วช้อนเข้ามานอนในอ้อมกอด  คนป่วยขืนตัวออกด้วยความไม่เคยชิน  ปากสีส้มนั้นครางพึมพำอะไรบางอย่างก่อนจะนิ่งไป  คำพึมพำที่ทำให้อ้อมกอดนั้นกระชับแน่น  แน่นจนร้อน


   “อเรสซิโอ”












            มาส่งให้อีกตอนแล้วคะ  ตอนนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าน้องหมาของเรานั้นแสนหื่น  ขนาดคนเป็นไข้ยังลวนลามได้  หุหุ

      ฝั่งนี้นางมารจะส่งตอนใหม่ได้ค่อนข้างสม่ำเสมอแต่ฝั่งโน้นตอนใหม่ยังไม่ได้อัพเนื่องจากสังขารนางมารไม่ค่อยเอื้ออำนวยเท่าไหร่คะ ตอนนี้งานยุ่งมากแต่ละวันมีเวลาพักหายใจไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องกลับไปทำงานต่อ  สมองตีบตันไปหมด ขออภัยในความล่าช้า แล้วพบกันใหม่ตอนหน้าคะ

ออฟไลน์ AoMSiN555

  • กรูบ้า.....อย่าทักกรู
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
รออยู่นะ ติดตามๆ  :impress2: :impress2: สู้ๆละ   :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ tamako

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-6
ตอนที่ 25 ดักปล้นรถม้า            15/10/2557



   อากาศเย็นๆที่แทรกเข้ามาทำให้อดไม่ได้ที่จะขดตัวให้แน่นขึ้นแต่ก็ไม่ได้ช่วยให้ความหนาวที่พัดเข้ามาลดลงแม้แต่น้อย  ลมเย็นๆยังคงพัดเข้ามาจนต้องขยับตัวดิ้นหนีเพื่อหาไออุ่น ก่อนอ้อมกอดแข็งแรงจะสวมกอดมาจากด้านหลังและริมฝีปากร้อนๆจะบรรจงจูบบนลาดไหล่  ความหนาวเย็นที่พัดเข้ามาเริ่มไม่เป็นผล เมื่อทั้งแขนและขาถูกกอดเกี่ยวแน่น มันน่าจะดีกว่านี้หากริมฝีปากที่มีหนวดเคราจางๆจะหยุดแค่จูบเดียว ไม่ใช่พรมจูบไปทั่วทุกตารางนิ้วแบบนี้


   “หือ”


   “ตื่นแล้วเหรอ”


   “เออ  แล้วก็เลิกจูบฉันได้แล้ว”


   “ยังไม่อยากเลิกเลยแหะ”


   “แก..”ริมฝีปากอุ่นร้อนประกบปิดปากที่กำลังจะส่งเสียงด่า  ลิ้นร้อนๆแทรกเข้าไปในโพรงปากตวัดเกี่ยวลิ้นที่นอนนิ่งให้ขยับตามจนกลายเป็นสงครามลิ้นที่ร้อนฉ่า  ร่างที่เคยนอนซ้อนอยู่ด้านหลังเขยิบพลิกตัวจนขึ้นมาทาบทับอีกคนได้สำเร็จ  ฝ่ามือสีน้ำผึ้งตรึงศีรษะได้รูปไว้แน่น ขณะขยับเบี่ยงใบหน้าไปตามมุมองศาเพื่อให้จูบได้ถนัด  กวาดคว้านทั่วปากนั้นได้ทุกซอกทุกมุม เกี่ยวประคองจนสัมผัสได้ทุกส่วนของลิ้นนั้น


   “หือ”เสียงประท้วงในลำคอดังขึ้น จูบร้อนๆถึงได้ถอนออกก่อนกลีบปากหนาจะก้มลงดูดเลียริมฝีปากที่ฉ่ำน้ำลาย อีกครั้งและอีกครั้งเหมือนคนที่ยังไม่หายยาก  เสียงจูบดังจ๊วบจ๊าบเคล้าคลอกับแสงตะวันที่เริ่มสาดส่องเข้ามา


   “อืม  พอได้แล้ว”คาเซอริโอปรามทั้งๆที่ลมหายใจยังคงร้อนผ่าว  มือข้างหนึ่งต้องจิกผมสีน้ำตาลนั้นไว้เพื่อไม่ให้มันก้มต่ำจนฉวยโอกาสเอากับเขาได้อีก


   “ข้ายังไม่อิ่มเลย”


   “ฉันไม่ให้อาหารของแกนะ”


   “เจ้าเป็นยิ่งกว่าอาหารคาโล  ยิ่งกินก็ยิ่งหิว”คำพูดที่ครั้งหนึ่งเหมือนจะเคยใช้กับสาวๆถูกย้อนกลับมาพูดให้ตัวเอง ด้วยหมาปีศาจในร่างมนุษย์ คนที่เคยพูดแล้วต้องมาฟังเองอย่างเขาถึงได้คันในหัวใจแปลกๆ


   “ลุกออกไปได้แล้ว”


   “หือไม่เอา  เดี๋ยวเจ้าหนาว”


   “แดดส่องขนาดนี้ใครมันจะไปหนาวห่ะ”


   “เจ้าไง  เมื่อคืนเจ้ากอดข้าแน่นเชียว ข้ายังจำได้เลยนะตอนที่เจ้า...”


   “หุบปาก”มือหนาตะปบหมับเข้าที่ปากหนาๆนั้นก่อนที่มันจะได้พ่นอะไรออกมาให้คนฟังอย่างเขาได้อาย  คิ้วสีน้ำตาลของเจ้าหมายักษ์ขมวดฉับก่อนสัมผัสชื้นบางอย่างจะลากเลียที่ฝ่ามือช้าๆจนเจ้าของฝ่ามือขนลุกซู่ สะบัดมือออกแทบไม่ทันท่ามกลางรอยยิ้มที่แทบจะเห็นฟันครบทุกซี่ของเจ้าหมาหื่น


   “เจ้าหนาแดงแล้วนะ”


   “โว๊ยไอ้หมาเวร”ด่าเสร็จขาก็ถีบโครม หมายักษ์ที่ไม่ทันตั้งตัวหล่นตุ๊บลงข้างเตียงเสียงดังสนั่น  คนถีบถึงได้ลุกขึ้นนั่งแล้วมองสำรวจไปรอบๆตัว ทั้งๆที่เคยคิดว่าตัวเองอยู่ในป่าตอนนี้กลับกลายเป็นว่าเขากำลังนอนอยู่บนเตียงในบ้านสักหลัง


   “ที่นี้ที่ไหน”ความตกใจทำให้ออกปากตวาดเสียงดังลั่น  ตกใจที่ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน กลัวเมื่อเผลอคิดไปว่าเจ้าหมาบ้านั้นพาเขากลับมาที่กลุ่ม


   “อูย ถีบมาได้เจ็บนะ”


   “ตอบฉันมาว่าที่นี้ที่ไหน”ร่างถลาลงไปหาเจ้าหมาบนพื้นก่อนจะกระชากไหล่กว้างนั้นให้เงยขึ้นมาสบตา


   “อะไรของเจ้าเนี่ยข้าเจ็บนะ”


   “ที่นี้ที่ไหน”หัวใจเต้นแรงขึ้นตามเสียงตวาดที่ดังลั่นก่อนความเงียบจะแผ่กระจายไปทั่วห้องเมื่อดวงตาสีน้ำตาลนั้นเงยสบ  ดวงตาที่เต็มไปด้วยความตัดพ้อจนใจคนมองอย่างเขาเจ็บหน่วง


   “เจ้าไม่เชื่อใจข้าเลยงั้นเหรอ”


   “ฉัน.”ความอึดอัดที่หาที่มาไม่ได้จุกตันที่ลำคอ ต้องหันหลบสายตาสีน้ำตาลคู่นั้น


   “เจ้าคิดว่าข้าจะทรยศเจ้างั้นหรอ”คำถามที่ไร้คำตอบ เสี่ยวหนึ่งของหัวใจที่อยากตอบปฏิเสธแต่อีกเสี่ยวหนึ่งกลับยากเชื่อ มันทรยศเผ่า ทรยศกลุ่ม ทรยศคนที่เป็นเหมือนพี่น้องอยู่กันมานานเพียงเพื่อเขาที่เจอกันได้ไม่เท่าไหร่ จะให้เขาเชื่องั้นเหรอว่ามันจะไม่ทรยศเขา เสี่ยวหนึ่งในหัวใจแอบดีใจเพราะมันตามมา แต่อีกเสี่ยวหนึ่งกลับปวดร้าว มันทรยศคนที่เป็นเหมือนครอบครัวได้แล้ววันหนึ่งมันจะไม่ทรยศคนที่เพิ่งเจอกันแบบเขางั้นเหรอ น่าขำนี้เขากำลังคาดหวังอะไรกันแน่


   “แต่งตัวเถอะ บางทีเจ้าอาจจะหิวแล้ว”ฝ่ามือที่ผลักให้เขาออกห่างจากตัว  แม้จะเป็นแรงผลักเบาๆแต่มันก็ทำให้คนแบบเขาเซจนหล่นแปะอยู่บนพื้นขณะที่คนทำอย่างมันขยับตัวเดินหนีไปอีกด้าน ลมหายใจถูกระบายออกมาหวังบรรเทาความหน่วงในอกซึ่งมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนักก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าเอาเสื้อผ้าของตัวเองที่วางกองไว้ข้างๆเตียงขึ้นมาใส่


   “ฉันหลับไปนานแค่ไหน”


   “2 วัน”เสียงตอบเรียบๆดังมากจากมุมห้อง


   “งั้นเหรอ”เสียงตอบรับดังเบาๆแต่เขาเชื่อว่ามันต้องได้ยิน


   “นี่ของเจ้า”กระเป๋าเสื้อผ้าพร้อมกับซองปืนถูกยื่นส่งมาทำให้เขาได้หันมองมันเต็มๆตาอีกครั้งก่อนจะขมวดคิ้วฉับเมื่อเห็นหมาอย่างมันใส่เสื้อผ้า  มันใส่เสื้อผ้าทั้งๆที่ปกติชอบเดินโท่งๆดีหน่อยคือมีผ้าผืนน้อยมาปิดของสงวนเอาไว้  แต่นี้มันใส่เสื้อผ้า  เสื้อสีน้ำตาลเนื้อหยาบแขนกุดที่ไม่มีกระดุมสักเม็ดเหมือนของเขา  กางเกงขายาวสีเดียวกันและรองเท้าสานแบบที่เขาใส่ คลุมปิดช่วงไหล่กว้างด้วยผ้าเนื้อหนาสีน้ำตาลที่ชายลากยาวเกือบจรดพื้น


   “มีอะไร”เสียงถามทำให้คาเซอริโอหลุดออกจากภวังค์ก่อนจะเบือนหน้าหนีไปอีกด้านเมื่อรู้สึกว่าหน้าร้อนผ่าว


   “ไม่มีอะไร”แม้ปากจะตอบแบบนั้นแต่แว๊บแรกที่เห็น ความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวคือมันดูดีเกินไปแล้ว หล่อจนก้อนเนื้อในอก เดี๋ยวก่อนนี้เขากำลังคิดว่าเจ้าหมาตัวผู้ที่มีดุ้นเหมือนตัวเองหล่องั้นเหรอ


   “หึหึ  น่ารัก”เสียงหัวเราะชวนประสาทหลอนดังมาพร้อมคำชมที่ทำให้คันในหัวใจได้ไม่เท่ากับริมฝีปากที่ฉวยโอกาสสูดดมกลิ่นจากผิวแก้ม


   “แก..”


   “ไม่ไถ่โทษหน่อยเหรอ”   


   “ไถ่โทษอะไร”      


   “ไถ่โทษที่เจ้าไม่เชื่อใจข้าและทำให้ข้าเสียใจไง”เสียงที่ดังขึ้นทำให้คาเซอริโอต้องหันไปสบตามันอีกรอบก่อนจะพบว่าดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นมองเขาด้วยความคาดหวัง


   “ชิ แกนี้มัน”ฝ่ามือคว้าเข้าที่ผมสีน้ำตาลก่อนจะกระชากให้มันเข้ามาหา แนบริมฝีปากเข้าปากหนาๆนั้นจูบไถ่โทษที่คิดว่าจะทำแค่ภายนอกกลับไม่เป็นอย่างที่คิดเมื่อฝ่ามือสีน้ำผึ้งนั้นกดศีรษะได้รูปให้โน้มเข้าหา อีกข้างออกแรงรั้งเอวจนแนบชิดฝ่าเท้าสองข้าดันตัวเองไปข้างหน้าจนคาเซอริโอต้องเดินถอยหลัง  รสจูบที่ริมฝีปากกำลังทำให้มึนงงจนเผลอจูบตอบมันไป ความคิดในสมองที่เคยแล่น  ความกลัวที่มีหายไปตั้งแต่เห็นมันแต่งตัว  มันไม่มีทางแต่งตัวแบบนี้หากอยู่ในกลุ่ม แสดงว่าเขาต้องยังไม่ได้กลับไปและหากมีบ้านแบบนี้บางที่เขาอาจจะมาถึงหมู่บ้านแล้วก็ได้


   “หือ อืม”


เคร้ง


   เสียงเหมือนบางอย่างตกทำให้สงครามริมฝีปากหยุดชะงัก  ริมฝีปากถอยห่างจากกันแค่พอมีช่องว่างแต่เหมือนเจ้าหมาบ้านั้นยังไม่พอถึงได้พยายามดูดกินปากเขาเรื่อยๆ


   “เสียงอะไร”


   “อย่าสนใจเลยน่า”เสียงแหบๆครางในลำคอก่อนจะดูดปากเขาแรงๆจนเหมือนจะให้หลุดติดปากมันไป


   “หือ หยุดก่อน”แม้จะออกปากห้ามแต่ก็ทำได้ไม่เต็มเสียงเมื่ออารมณ์ร้อนๆถูกปลุกขึ้นมา แล้วก็ใครใช้ให้มันมาจูบเขาตอนเช้าๆแบบนี้หละ เวลาเช้าแบบนี้สำหรับผู้ชายที่ยังสุขภาพดีมันก็แน่อยู่แล้วที่บางส่วนมันจะแข็งขึ้นง่ายกว่าปกติ


   “ไม่เอาน่าคาโลมันแข็งแล้วนะ”ไม่ว่าเปล่าแต่บางส่วนที่แข็งขืนกำลังถูกดันให้บดเบียดกับบางส่วนของเขา


   “หือ  ถ้าแกไม่ตอบ ก็หยุด ฉันจะออกไปดู”


   “เสียงเจ้าริวจิ”เสียงตอบมาพร้อมกับใบหน้าที่โน้มลงมาแต่เขาเบี่ยงหน้าหลบได้ก่อน


   “หมายความว่ายังไง หรือว่า...ฉันจะออกไปดู”ความคิดที่ว่าบางที่เชลยที่จับมากำลังจะหนีทำให้เบี่ยงตัวออก แต่เจ้ามือปลาหมึกที่เกาะแน่นก็ไม่ยังไม่ยอมปล่อยซ้ำริมฝีปากร้อนๆนั้นกัดลงบนซอกคอจนเจ็บจี๊ด


   “ไม่หนีไปไหนหรอกน่า  สงสัยเพิ่งตื่นเลยดิ้นเท่านั้นเอง”


   “แกหมายความว่ายังไง”หันกลับมาถามเลยโดนดูดปากเข้าไปเต็มๆจนต้องกระทืบเท้ามันแรงๆเพื่อให้หมาบ้ามันหยุดหื่นกามแล้วหันมาตอบคำถามของเขา


   “เจ้าน่าจะขอบใจข้ามากกว่านะที่อุตสาห์หิ้วเจ้านั้นมาด้วยแล้วมัดมันเอาไว้  พยศหน้าดู แต่มัดเอาไว้แบบนั้นคงหลุดไปไหนไม่ได้หรอก”คำบอกเล่าเรียบๆทำให้สมองประมวลผลคำพูดมันจนไม่ทันได้เฉลียวใจว่าเปิดคอข้างหนึ่งในมันดูดจนขึ้นรอย


   “หือ”เสียงครางแหบๆในคอดังขึ้นด้วยความพอใจ มือใหญ่ตะปบเข้าที่แก้มก้นแน่น มือออกแรงดันจนร่างของคาเซอริโอกระแทกเข้ากับขอบโต๊ะก่อนจะยกตัวเขาขึ้นเกยอยู่บนโต๊ะในสภาพที่มีมันแทรกอยู่ตรงกลาง


   “เฮ้ย  อืม”ปากที่กำลังประท้วงถูกปิดทับแน่นด้วยริมฝีปากร้อนที่ช่วยโอกาสสอดลิ้นเข้ามารุกราน  พอหายเครียดหายสงสัยเหมือนอะไรจะไปได้เร็วจนหน้าใจหาย  ลมหายใจหอบกระชั้นจนกลัวว่าจะหายใจไม่ทัน ปากแยกออกห่างจากกันเพียงชั่วครู่เพื่อสูดหายใจแต่ก็ยังวนเวียนดูดดึงจนเสียงน่าอายดังคลอไปทั่วห้อง  ส่วนล่างเสียดสีกันจนร้อนผ่าวก่อนฝ่ามือใหญ่ที่ไต่ลงไปด้านล่างจะกระตุกปมเชือกผูกเอวเบาๆทำให้กางเกงผ้าเนื้อหยาบร่นไปกองอยู่บนสะโพกเปิดเผยบางส่วนให้ดีดตระหง่านออกมาสัมผัสกันจนร้อนผ่าว


   “หือ  ทำให้ทีสิคาโล”คำบอกกล่าวยังไม่ทันได้อธิบายให้ชัด มือข้างหนึ่งก็ถูกมันรวบให้ลงไปด้านล่าง จับท่อนเนื้อสองท่อนจนแนบชิดแล้วรูดขึ้นลงตามอารมณ์ที่พุ่งสูง


   “หือ อ๊ะ”เสียงครางดังในลำคอเมื่อหน้าอกข้างหนึ่งถูกดูดหายเข้าไปในปาก อีกข้างถูกขย้ำย้ำยีจนต้องแหงนหน้าสูดปากด้วยความเสียดเสียว ในขณะที่ฝ่ามือก็รีบขยับรูดเพื่อให้อารมณ์ร้อนๆทะยานขึ้นไป  สัมผัสหยาบร้อนจากภายนอก สัมผัสที่ไม่มีการรุกล้ำแต่ทำให้ร่างกายร้อนจนเหมือนถูกร่วมรักจริงๆ ทุกอย่างเสมือนจริง เหมือนทั้งร่างโดนกกกอดและสอดใส่ ร้อนแรงจนในที่สุดหยาดน้ำสีขาวขุ่นก็พวยพุ่งอกมาเมื่อทุกอย่างถึงจุดหมาย  ริมฝีปากสองคู่โผเข้าหากันเหมือนคนกระหายที่พบเจอบ่อน้ำ ดูดคลึงทำสงครามจนอารมณ์ร้อนๆค่อยคลายลงและรีบผละจากก่อนที่จูบล้ำลึกนั้นจะปลุกบางอย่างให้โหมกระพือขึ้นมาอีกครั้ง


   “หืม  ไหนว่าจะไปอะไรกินไง”   


   “เดี๋ยวก่อนไม่ได้รึไง”


   “พอได้แล้วน่า”ฝ่ามือกระชากเส้นผมสีน้ำตาลจนเจ้าของผมหน้าแหงนหงายปล่อยบางส่วนหลุดออกจากปาก  บางส่วนที่มันดูดเลียจนแข็งเป็นไต แดงเรื่อและเปียกเยิ้มไปด้วยน้ำลาย  ไม่รู้ว่าหน้าอกแบนๆแข็งๆมันดีกว่าอกนิ่มของสาวๆตรงไหนเจ้าบ้านั้นถึงได้ดูดได้เลียเหมือนเด็กหิ้วนมแบบนั้น


   “ไปได้แล้วฉันหิว”คาเซอริโอออกแรงผลักมันให้พ้นตัวลงยืนบนพื้นและจัดการตัวเอง กระจกสีเหลืองบานเล็กในห้องส่องให้เห็นเงาตัวเองรางๆ ก่อนที่มือจะคว้าเอาผ้าคลุมของเจ้าหมายักษ์มาคลุมปกปิดหน้าอกตัวเองแทน  แว่วได้ยินเสียงหัวเราะของมันดังขึ้นมาจากด้านหลัง แต่เขาก็ต้องทำเป็นไม่สนใจเมื่อตอนนี้หน้าร้อนจนเหมือนจะไหม้กับร่องรอยที่มันทิ้งไว้บนตัวเขา


   ประตูไม้ที่ถูกผลักเปิดออกเผยให้เห็นซากปรักหักพังของห้องนั่งเล่นที่มีฝุ่นเขรอะและเศษเก้าอี้เศษโต๊ะกระจัดกระจาย เขาน่าจะคิดได้ว่าบ้านที่อยู่ใกล้กลุ่มหมาปีศาจไม่น่าจะมีสภาพที่ดีนักแต่ก็ไม่คิดว่ามันจะเละจนเหมือนผ่านสงครามมาแบบนี้


   “ตื่นกันแล้วเหรอครับ”เสียงทักแบบสุภาพที่ไม่ได้ยินมาสองวันเต็มทำให้ดวงตาต้องตวัดมองบางคนที่นั่งกองอยู่บนพื้นในสภาพที่มือข้างขวาถูกมัดติดไว้กับเสาบ้าน อีกข้างปล่อยว่างไว้โดยมีบางอย่างที่เหมือนโถเหล็กตกอยู่ใกล้ๆนี้สินะที่มาของเสียง


   “อืม เป็นไงหลับสบายดีไหม”คาเซอริโอถามเสมือนมองไม่เห็นว่าคนถูกถามถูกจับมัดแขนไว้ข้างหนึ่งท่ามกลางกองฝุ่นและซากปรักหักพัง


   “ก็คงไม่สบายเหมือนพวกคุณสองคนเท่าไหร่หรอกครับ”


   “งั้นเหรอ ยังไงเดี๋ยวจะหาโรงแรมดีๆให้นอนแล้วกัน”เชือกที่มือถูกแกะออกแน่นอนว่าถูกแกะออกจากเสาแต่ไม่ได้ถูกแกะออกจากแขนข้างนั้น  เจ้าของแขนคว้าเอาข้างที่ถูกมัดทำเหมือนพยายามจะแกะเชือกออกแต่ก็หยุดไปเมื่อสบตากับเจ้าหมาร่างยักษ์ที่ปลายตามองนิ่งๆ สงสัยสองวันที่เขาหลับไปคงมีอะไรดีๆเกิดขึ้นหละมั้ง


   “สภาพแบบนี้แกคงไม่บอกหรอกใช่ไหมว่ามีร้านอาหารดีๆตั้งอยู่ข้างนอก”


   “แถวนี้ไม่มีหรอก แต่ถ้าเข้าเมืองไปอีกหน่อยก็ไม่แน่”เสียงตอบจากเจ้าหมาด้านหลังทำให้ต้องถอนหายใจออกมาด้วยความหน่าย มันทำเหมือนชวนเขาไปทานข้าวเช้าแสนอร่อยในภัตตาคารแต่งตัวซะหรูแต่ดันเดินออกมาจากบ้านร้างและบอกว่าภัตตาคารต้องเดินเข้าไปในเมืองและหิ้วท้องรอจนกว่าจะหาเจอ  หากนี้เป็นการชวนเดทหละก็บอกได้เลยว่าคะแนนของมันติดลบ แต่ก็นั้นแหละมันไม่ใช่การชวนเดทและแค่มันหาที่ซุกหัวนอนให้เขาได้ก็ดีแค่ไหนแล้ว หายปวดหลังไปได้เยอะ


   “แล้วแกคิดจะเข้าเมืองไปยังไง”


   “เดินไปหละมั้ง”เสียงตอบจากด้านหลังไม่ได้ทำให้คาเซอริโอหงุดหงิดได้เท่าที่ควรจะเป็นเพราะแค่ก้าวผ่านประตูที่ผุจนหลุดไปข้างแล้วออกมาพบทางเดินโล่งๆก็ทำให้เขาใจชื้นได้แล้ว อย่างน้อยการมีทางเดินมันก็ชี้ให้เห็นว่าพวกเขาเข้าใกล้หมู่บ้านของมนุษย์เข้าไปทุกที่


   “เดินไป  กว่าจะถึงพวกเราคงหิวตายกันพอดี”คนที่น่าจะรู้อะไรดีกว่าเพื่อนพูดขึ้นมาจากด้านหลัง


   “หรือแกมีอะไรแนะนำที่ดีกว่านี้”คาเซอริโอถามเรียบๆขณะเดินไปตามถนนดินที่มีลอยบางอย่างเหมือนลอยเกวียนหรือรถลากผ่านไป  ลอยเก่ามากแล้วเหมือนกัน


   “ก็  ตอนนี้ยังไม่มี”ริวจิตอบมาอย่างจนปัญญา แน่นอนว่าตอนนี้พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากเดินเท้าตามถนนเส้นนี้ไปเรื่อยๆแต่บางทีก็ไม่แน่หรอก อาจมีเรื่องโชคดีเกิดขึ้นมาได้เหมือนกัน


   “หูหมาๆของแกได้ยินอะไรบ้างไหมซาเวียร์”คาเซอริโอหันไปถามเจ้าหมาที่เดินทอดน่องไปข้างๆกัน


   “ตอนนี้ไม่ชัดเท่าไหร่แต่อีกสักพักคงได้เรื่อง”เจ้าหมาข้างตัวตอบทำให้รอยยิ้มจุดขึ้นที่มุมปากของคาโล  เมื่อก่อนก็เคยปล้นรถชาวบ้านเขามาไม่น้อยตอนเข้าตาจน ตอนนี้จะขอปล้นเกวียนบ้างคงไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอก


   ยิ่งเดินลึกเข้าไปก็ยิ่งพบความหนาแน่นของตัวบ้านที่เพิ่มมากขึ้น แต่แน่นอนว่าบ้านทุกหลังเป็นบ้านร้างที่นอกจากจะร้างแล้วบ้างหลังยังมีสภาพที่เหมือนเพิ่งผ่านสงครามมา ทั้งซากธนูที่กองเกลื้อน กำแพงที่ฉาบทาด้วยกลุ่มสีสีคล้ำ กลิ่นเน่าของบางอย่างที่ชวนคลื่นเหียน  และเสียงร้องของนกกาสีดำ


   “มาใกล้แล้ว”เสียงจากเจ้าหมาที่ดังอยู่ข้างตัวดังให้ดวงตาสีเทาละออกจากซากสีคล้ำบางอย่างที่ถูกนกนับ 10จิกทึ้ง


   “นานแค่ไหน”


   “ไม่เกินชั่วโมง”      


   “มีอะไรบ้าง”


   “เสียงฝีเท้า น่าจะม้าสองตัวตัว  ไม่สิสักสี่  หกตัวได้ กับเสียงคน  เสียงโลหะ”


   “มีมากกว่า 1”


   “คิดว่าน่าจะใช้”


   “พวกคุณพูดอะไร บอกให้ผมเข้าใจบ้างสิ”


   “ถ้าไม่อยากเดินเท้าไปเรื่อยๆก็เงียบเหอะน่า”คาเซอริโอบอกในขณะที่สมองเริ่มคิดคำนวณ ขบวนคาระวานสินะ แต่ไม่รู้ว่าพวกมันขนอะไร สินค้าทั่วไปหรืออาวุธ คำว่าโลหะก็บอกได้ชัดเท่าไหร่ แต่ก็นั้นหละเดินทางในป่าที่ใกล้พวกปีศาจขนาดนี้จะมีคนกับอาวุธไว้ป้องกันตัวบ้างก็ไม่แปลก


   “เจ้ามีแผนรึยัง”


   “ไม่มีหรอก”คาเซอริโอตอบเสียงเรียบ เขาเองก็ไม่ใช่พวกชอบวางแผนเป็นพวกลงมือทำและชอบทำไปตามสัญชาตญาณซะด้วย  ดวงตาสีเทากวาดมองทางเดินรอบๆตัวอีกครั้ง

 
   “อุ๊ก”เสียงคลื่นเหียนดังขึ้นมาจากด้านหลังก่อนที่คนจิตอ่อนบางคนจะโกงคออ้วกเอาน้ำย่อยออกมากองข้างพื้นถนน  ขนาดเขาที่ฆ่ามามากยังอดจนพะอืดพะอมไม่ได้


   “รีบเดินกันหน่อยดีกว่า”คาเซอริโอออกปากเร่งซึ่งก็ไม่มีใครปฏิเสธโดยเฉพาะเจ้าตาชั้นเดียวที่รีบเดินจนแทบจะกลายเป็นวิ่ง   ดวงตาสีเทากวาดมองไปรอบๆตัวที่มีนกสีดำมากมายกำลังจิกทึ้งกองอาหารสูงที่ส่งกลิ่นเหม็นก่อนขายาวๆจะเดินเลี้ยวลงไปด้านขวา  เสียงร้องแสบแก้วหูดังขึ้นเมื่อเขาเดินเข้าไปหาซากอาหารของพวกมัน หลายตัวพยายามบินเข้ามาหาเขาแต่พอได้ยินเสียงขู่คำรามจากเจ้าหมาด้านหลังก็บินแตกฮือขึ้นไปบนฟ้า


   “บินซะเด่นเลย”คาเซอริโอถอนหายใจเบาๆเมื่อนกพวกนั้นแต่อือขึ้นไปบนฟ้าไม่รู้ว่าพวกคาระวานพวกนั้นจะเห็นไหมแต่ก็ช่างเถอะมันไม่สำคัญแล้วหละ  มือขาวเอื้อมไปหยิบบางอย่างออกมาจากซากศพที่บิดงอ ส่วนล่างแหลกเละจนไม่แน่ใจว่าส่วนไหนเป็นข้างไหน  หรือท่อนขาที่กองอยู่นั้นเป็นของใคร


   “ขอนะ”วัตถุแวววาวในมือศพถูกหยิบขึ้นมาก่อนเศษผ้าเปื่อยผืนยาวจะถูกหยิบมาเพื่อเช็ดคราบเหนียวๆออกและห่อพันของในมือไว้


   “คุณหยิบมันขึ้นมาทำไม”เจ้าคนผิวเหลืองเบ้หน้าและยกมือขึ้นปิดจมูกเมื่อเขาเดินมาพร้อมของในมือ


   “เอามาปล้น”คาเซอริโอตอบเสียงเรียบขณะเร่งฝีเท้าให้ผ่านกลุ่มซากศพไปอย่างรวดเร็ว  ทันทีที่พ้นจากแนวซากศพ เสียงร้องและเสียงควบตะบึ้งของบางอย่างก็ตามมาด้านหลัง ดวงตาสีเทาหันไปมองทางเดินด้านหลังชั่วแว๊บก่อนจะกระชับผ้าคลุมให้ปกปิดใบหน้าแน่นเหลือเพียงดวงตา


   “แกถนัดอาวุธประเภทไหน”


   “ข้าไม่ใช้อาวุธ”


   “อย่าเป็นตัวถ่วงฉันแล้วกัน”


   “เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่เคยเป็น”


   “หึ”


   “เฮ้ พวกคุณจะทำอะไรกันนะ”เสียงถามดังมาจากด้านหลังเมื่อเสียงควบตะบึงดังเข้ามาใกล้มากขึ้น เจ้าของเสียงรีบเร่งฝีเท้ามาจนชิด


   “อยากนั่งเกวียนหรืออยากเดิน”


   “ห๊ะ  คุณพูดเรื่องอะไรนะ”ม้าสีดำพวงพีสองตัวห่อตะบึ่งเข้ามาจนฝุ่นตลบ  ม้าสองตัวพวงเกวียน 1 หลังม้า 6 ตัวกับเกวียน 3 หลัง คนขับ 1 คน คนนั่งด้านในไม่รู้


   “ระวังนะ”


   “ระวัง ระวังอะไร  เฮ้ย”คนที่เดินอยู่ข้างทางดีๆเซถลาเข้าไปกลางถนนร่างที่ล้มลุกคลุกคลานกระเสือกตัวขึ้นก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อม้าสองตัวกำลังห่อตะบึ้งเข้ามา  เจ้าม้าสองตัวตะกายขาหน้าขึ้นฟ้าเมื่อคนถือบังเหียนเห็นว่ามีบางอย่างขวางทางอยู่


   “ช่วยมันหน่อย”   


   “เจ้ามันโหดร้ายกว่าที่คิด”


   “ก็มันนิสัยฉันนี้”เจ้าหมาในร่างคนยกยิ้มที่มุมปากก่อนจะวิ่งเข้าไปตัดหน้า  มือหนาสีน้ำผึ้งคว้าเข้าที่คอม้าสีดำตัวหนึ่งก่อนจะออกแรงเหวี่ยงมันจนล้มโครม  เจ้าม้าที่ถูกพวงมาด้วยกันจึงโดนดึงจนล้มกองพร้อมกับเกวียนทั้งหลังที่พลิกตะแครงไม่เป็นท่า  เสียงหวีดร้องแหลมสูงของพวกม้าดังขึ้น  ขาหน้าถูกยกตะกุบขึ้นฟ้าเมื่อถูกดึงเชือกให้หยุดกะทันหัน  เกวียนสองเล่นจอดสนิทด้านหลังห่างจากเกวียนที่ล้มโครมไม่เป็นท่า เจ้าคนบังคับม้าของเกวียนคันที่สองตวัดดวงตามองพวกเจาด้วยท่าทางตื่นตระหนกก่อนคนในเกวียนจะโผล่หน้าอูบอวมออกมาจากด้านใน


   “เกิดอะไรขึ้น”เสียงตวาดดังขึ้นพร้อมกับใบหน้าแฉล่มของหญิงสาวที่โผล่ออกมาเคียงข้าง  ดูท่าพวกเขาจะปล้นเกวียนของเศรษฐีเข้าแล้วสิ


   “เกวียนลำแรกของพวกเราโดนเล่นงานขอรับ”เจ้าคนขับเกวียนคันที่สองบอกก่อนที่พวกที่อยู่ในเกวียนลำสุดท้ายจะแห่กันลงมา 4 คนไม่นับคนขับเกวียนอาวุธครบมือทั้งมีด ดาบและหน้าไม้


    “แกเล่นเจ้าตัวถือหน้าไม้นั้นซะ ที่เหลือฉันลุยเอง”แม้จะเพิ่งหายไข้แต่จากสภาพร่างกายตอนนี้คาเซอริโอคิดว่าเขามาแพ้แน่


   “เจ้าจะเอาเกวียนหลังไหน”


   “เอาที่เจ้าอ้วนนั้นนั่ง ถ้าจะมีของกิน ฉันเริ่มหิวแล้วสิ”


   “ตามนั้น”


   “แกรออยู่ตรงนี้หละ อย่าไปไหนเข้าใจนะ”ริวจิพยักหน้าหงึกๆทั้งๆที่ตัวสั่นก่อนจะถอยออกไปด้านหลัง


   “จัดการพวกมันซะ เสียเวลาชะมัด”เจ้าอ้วนที่น่าจะเป็นเจ้าของเกวียนสั่งก่อนจะมุดหายเข้าไปในเกวียน  มันคงคิดว่าคนของมันเก่งน่าดูแต่ก็เอาเถอะดีเหมือนกันจะได้รู้ว่าคนของมันกับมาเฟียและหมาปีศาจข้างหลังเขาใครมันจะเก่งกว่ากัน


   เจ้าพวกที่ถือมีดและดาบยาว 3 คนวิ่งถลาเข้ามาหา เจ้าคนที่ถือหน้าไม่ยกขึ้นประทับในตำแหน่ง หมาข้างตัวออกวิ่งแม้จะอยู่ในร่างคนแต่ก็เร็วจนเห็นเพียงหลังไวๆ หน้าไม้ถูกปล่อยลูกออกมาคาเซอริโอเอี้ยวตัวหลบได้ทัน ดวงตาสีเทาที่จ้องคนถือหน้าไม้อยู่ตลอดเวลาละออกเมื่อเสียง กร๊อบดังขึ้น คอสีคลำบิดได้รอบเมื่อเจ้าหมายักษ์จับบิดและหักในครั้งเดียว เสียงล้มโครมเรียกพวกที่วิ่งเข้ามาให้เสียสมาธิหันไปมองและนั้นเป็นโอกาสของเขา ผ้าสีคลำหลุดออกจากคมมีดด้ามยาว ประกายวาวเล็กๆสะท้อนแสงแดดก่อนจะพาดลงเต็มหลังคนแรก


   “อ๊าก”เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นพร้อมเลือดที่กระฉูดจากแผ่นหลังก่อนเจ้าของร่างจะล้มลง ดาบยาวในมืออีกคนวาดมาให้คาเซอริโอยกของในมือตั้งรับ ขายาวถีบเข้ากลางหน้าท้องมือสองข้างออกแรงเหวียงดาบกลับไล่ต้อนมันไปที่เกวียนหลังที่สอง แผ่นหลังหนากระแทกเข้ากับตัวเกวียนดวงตาฉายแววตระหนกชั่วแว๊บก่อนที่ปลายอาวุธในมือจะแทกซวบเข้าที่อกด้านซ้ายทะลุเข้าไปในตัวเกวียนเสียงหวีดร้องดังขึ้นก่อนจะดาบจะถูกกระชากออกปล่อยเลือดให้พุ่งกระฉูดพร้อมร่างสองร่างที่ล้มโครม  หนึ่งจากการโดนดาบแทงทะลุอีกหนึ่งจากการโดนหักคอโดยเจ้าหมา


   “ทางนั้นเสร็จแล้วรึไง”   


   “เรียบร้อย”เจ้าหมาพูดเรียบๆดวงตาสีเทากวาดมองเกวียนอีกหลังที่คนขับคอหักพับไปกับตัวเกวียน


   “งั้นก็เหลือ”


ซวบ


   “อ๊าก”ด้ามดาบยาวแทงทะลุจากด้านหลังคนขับเกวียนหลังที่สองที่กำลังวิ่งหนี ขาสองข้างทรุดฮวบโดยที่เจ้าของร่างมีดาบเสียบทะลุหลัง


   “คิดว่าฉันลืมแกรึไง”มือกระชากดาบออกจากร่างศพก่อนจะเดินกลับไปที่เกวียนซึ่งมีเจ้าหมายืนรออยู่  ผ้าปิดท้ายเกวียนถูกกระชากเปิดออก  ร่างอ้วนนอนหงายตาเหลือกค้างเหมือนคนซ๊อคข้างๆศพของหญิงสาวหน้าแฉล้มที่มีเลือดซึมออกมาจากอกอึ้ม


   “โทษทีนะคนสวย”


   “เจ้ายังอยากจะได้เกวียนหลังนี้อยู่ไหม”


   “ไม่ วิวไม่ดีแล้ว”เสียงหัวเราะแว่วดังขึ้นด้านหลังก่อนร่างของเจ้าอ้วนจะถูกลากลงจากเกวียน  คาเซอริโอก้าวขึ้นไปด้านบนก่อนจะค้นเกวียนหรู  หีบใบเล็กหนาหนักถูกงัดออกมาเป็นใบแรก  แสงแวววาวจากของสิ่งของด้านในทำให้เจ้าตัวยกยิ้มก่อนจะปิดกล่องแล้วผลักออกไปด้านนอกให้อีกคนที่รอรับอยู่  ถาดอาหารหรูๆที่ตอนนี้แม้จะกระจัดกระจายถูกผลักออกเป็นอย่างต่อไป ตามด้วยเสื้อผ้าเนื้อดีที่พอใส่ได้เป็นอย่างสุดท้าย ร่างกระโดดลงจากเกวียนเดินอ้อมไปด้านหน้าตัดเชือกที่ผูกติดกับม้าทั้งสองตัวออกตบสะโพกนั้นแรงๆไม่นานทั้งสองตัวก็วิ่งหายลับไปจากสายตา


   “จะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานไหม รีบไปขึ้นเกวียนได้แล้ว”คนโดนสั่งพยักหน้าหงึกๆก่อนจะวิ่งเร็วไปขึ้นเกวียนที่เหลืออยู่พยายามไม่มองศพอดีตคนขับเกวียนที่โดนเจ้าหมาลากลงมาทิ้ง


   “แกขับเกวียนเป็นไหม”


   “ไม่เป็นแต่คิดว่าคงไม่อยาก”เจ้าหมาคำรามบางอย่างในลำคอม้าสีดำสองตัวยกขาหน้าตะกุยอากาศก่อนจะพ่นลมหายใจเสียงดัง เมื่อทุกคนขึ้นนั่งเสียงห้อตะบึ้งก็ดังขึ้นทันที  ไม่ยักรู้ว่าหมามันคุยภาษาม้าเข้าใจด้วย















        กลับมาแล้วคะ หลังจากพักร้อนยาวช่วงปีใหม่ ปีใหม่เข้ามาแล้วขอให้นักอ่านทุกท่านโชคดีกับปีใหม่นี้ แล้วก็อย่าลืมติดตามอ่านนิยายของนางมารปีกขาว(tamako) ไปนานๆนะคะ

       อืม อ่านตอนนี้แล้วให้ความรู้สึกเหมือนนิยายของตัวเองเหมือนนิยายรักซาดิสเข้าไปทุกที  หวานๆหื่นๆจนร้อนระอุได้ไม่นานก็ฆ่าฟันกันจนเลือดสาด บรื้อ หรือว่านิยายเรื่องนี้มันเป็นแบบนี้มานานแล้วนะ :mew5:

ออฟไลน์ tamako

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-6
ตอนที่ 26 การร่วมมือของหมาและคน               24/10/57




   เสียงพูดคุยอึกทึกของย่านการค้ายามบ่ายแก่ๆของวันแตกต่างกันราวฟ้ากับเหวจากเมื่อวันก่อน  เมื่อวันก่อนที่พวกเขาเพิ่งเข้าเมือง  หนีจากเมืองร้างที่โดนบางอย่างถล่มจนย่อยยับ ปล้นชิงรถม้าเพื่อเข้าสู่ตัวเมืองของอีกเมือง  เมืองที่แตกต่างจากเมืองแรก ไม่มีซากปรักหักพัง  ไม่มีกลิ่นคาวเลือด ไม่พบซากศพกองเกลื่อนข้างถนน  มีเพียงเสียงหัวเราะ  เสียงพูดคุยถามไถ่  เสียงร้องทักเรียกลูกค้าที่ดังสนั่นและยิ่งดังขึ้นไปเรื่อยๆเมื่อพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน


   “ปวดหัว”เสียงบ่นเบาๆดังขึ้นข้างๆถึงไม่ได้ตั้งใจจะฟังก็ยังได้ยินเมื่อมันเดินมาซะชิดจนแทบจะสิงตัวเขาได้ ตัวมันก็ออกจะใหญ่ไม่รู้เป็นอะไรหนักหนายิ่งคนเยอะก็ยิ่งเบียดแน่นจนเขาเดินสะดุดอยู่หลายรอบ


   “อะไรของแกหนักหนาวะ”คนที่หมดความอดทนหยุดยืนกลางถนนเอาซะดื้อๆทำให้เจ้าหมาในร่างคนยักษ์ต้องหยุดชะงักไปด้วย  ดวงตาสีน้ำตาลมองคนที่หยุดเดินคิ้วสีน้ำตาลขมวดมุ่นขณะหันซ้ายหันขวาเหมือนรำคาญอะไรสักอย่าง


   “แกเป็นอะไรของแกห๊ะ”คาเซอริโอถามซ้ำเมื่อมันไม่ยอมตอบ กลับยิ่งหน้ามุ่ยหนักเข้าไปใหญ่


   “ปวดหัว”คำสั้นๆเหมือนเดิมที่ไม่ได้ทำให้เข้าใจได้มากกว่าเดิมทำให้คิ้วของคนฟังขมวดเข้าหากันด้วยความครุ่นคิด


   “ไม่สบาย”เจ้าหมาหันมาสบตาคนถามก่อนจะทำหน้าเหมือนหนักใจที่เขาถามอะไรแบบนั้น


   “ปวดหู”มันย้ายจากปวดหัวมาเป็นปวดหู แต่คนฟังแบบเขาเริ่มปวดขมับและคันมือคันเท้าแบบแปลกๆ


   “ตกลงแกจะบอกฉันได้รึเปล่าห๊ะว่าเป็นอะไรกันแน่”


   “คนเยอะ  เสียงดัง ปวดหัว  ปวดหูด้วย”ดวงตาสีน้ำตาลมองอ้อนๆมาแบบที่คนดูแบบเขาได้แต่ถอนหายใจเฮือก


   “ทำใจซะ เพราะแถวนี้ไม่มีที่อุดหูให้แก และบางทีมันอาจดังขึ้นกว่านี้อีก”คำตอบแปลกๆของเขาทำให้หมาตัวโตหันมามอง แต่เขาก็หาคำตอบให้มันไม่ได้นอกจากเดินลากมันเข้าไปในร้านเหล้าที่เสียงดูจะอึกทึกกว่าข้างนอก


   “นั่งดีๆถ้าโชคดีแกกับฉันอาจไม่ต้องอยู่ที่นี้นาน”เสียงเรียบปรามเจ้าหมาที่เริ่มหันซ้ายหันขวาด้วยความหงุดหงิด  และนี้อาจเป็นครั้งแรกที่เขานึกดีใจที่ไม่ได้หูดีเหมือนหมา


   “เจ้าหิวงั้นเหรอ”ซาเวียร์ถามเมื่อเนื้อย่างจานใหญ่วางลงตรงหน้าพร้อมเหยือกเหล้าและแก้วเปล่า


   “ฉันยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้าแล้วนะ”คาเซอริโอตอบก่อนจะหยิบมีดหันเนื้อออกเป็นชิ้นๆและใช้ส้อมจิ้มมันเข้าปาก  แม้รสชาติจะไม่ดีเหมือนสเต๊กเนื้อราคาแพงแต่ก็ดีกว่าที่คิดเอาไว้มาก


   “กินสิไม่หิวรึไง”คาเซอริโอบอกอีกคนที่ยังนั่งนิ่งทั้งทีเมื่อเช้าก็ไม่ได้ทานอะไรเหมือนๆเขา


   “ข้าไม่ถนัด  ตัดให้หน่อยสิ”คิ้วสีทองของคนฟังขมวดฉับมือที่กำลังถือมีดชะงักค้างเมื่อเจ้าคนที่เคยเอามีดด้ามยาวของเขาไปตัดเนื้อกวางดันบอกว่าตัวเองไม่ถนัดใช้มีด แต่ก่อนที่เขาจะได้อ้าปากด่ามันก็ชิงพูดขึ้นก่อน


   “ข้าไม่ถนัดใช้มีดเล็กๆ หรือเจ้าจะให้ข้ากัดกินทั้งชิ้น”ขอเสนอของมันทำให้คนฟังขมวดคิ้วมากขึ้นเมื่อเผลอคิดตาม ก่อนจะใช้มีดตัดเนื้อออกเป็นชิ้นเล็กๆพอดีคำแล้วส่งใส่จานไปให้มัน  หมายักษ์ในร่างคนยิ้มกว้างก่อนจะใช้มือจับส้อมจิ้มเนื้อเข้าปากแบบเก้ๆกังๆ


   “อร่อย”ผู้ชายตัวใหญ่ยังกับยักษ์ยิ้มตาปิด ในมือยังถือส้อมค้างเอาไว้แม้หน้าตามันจะพอดูได้แต่ท่าทางแบบนี้บอกได้คำเดียวว่าหมดมาด และดูเหมือนการทานอาหารแบบเงียบๆโดยที่มันยิ้มจนตาปิดก็ไม่ได้เลวร้ายนัก


   “ทำไมเจ้าปล่อยริว..เออเจ้านั้นไปแบบนั้น”เพราะตาดุๆที่เขาเหลือบมองมันถึงได้หุบปากเปลี่ยนสรรพนามก่อนจะเผลอพ่นชื่อที่ไม่ควรพูดออกมา


   “บางทีเราก็ควรปล่อยให้มันมีอิสระบ้าง”ส้อมถูกวางลงในจานเปล่าก่อนเหล้ารสแรงจะถูกยกขึ้นล้างปาก


   “เจ้าแน่ใจงั้นเหรอ”


   “ทำไม”คาเซอริโอถามเสียงเรียบในขณะที่ใจกำลังนึกสนุก ไม่บ่อยนักที่เขาจะเห็นมันทำหน้าจริงจังและสนใจเรื่องอื่นบ้างนอกจากเรื่องของเขา


   “ข้าแค่กลัวว่ามันจะเหมือนการปล่อยเสือเข้าป่า”


   “แล้วไม่ดีรึไง  มันหายไปฉันก็กลับไปไม่ได้  ดีออก”คำพูดเรียบๆที่ออกจากปากเรียกกลับคืนไม่ได้แล้วเมื่อมันก่อให้เกิดความเงียบขึ้นท่ามกลางพวกเขาอีกครั้ง ความเงียบที่แสนจะอึดอัดท่ามกลางความอึกทึกที่มากขึ้นและพระอาทิตย์ที่คล้อยต่ำจนแทบจะตกดิน


   “เจ้าเป็นคนโลเลง่ายขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่”หลังการถอนหายใจเฮือกใหญ่มันก็พูดประโยคยาวๆที่ทำให้รู้สึกเหมือนถูกชมและประชดไปในคราวเดียว


   “มั่นใจในตัวฉันขนาดนั้น”


   “ข้ามั่นใจในตัวเจ้าเสมอ  ยกเว้นว่าเจ้าไม่มั่นใจในตัวเอง”ดวงตาสีน้ำตาลคู่คมที่มองตรงมาทำให้เขาต้องเสหลบ  ดึงความสนใจทั้งหมดให้จดจ่อไปลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่พอเริ่มเมาก็เริ่มจะคุยเสียงดังขึ้นจนไม่จำเป็นต้องเงี่ยหูฟังก็ได้ยินเรื่องที่คุยกันได้อย่างชัดเจน


   “ฉันมั่นใจในตัวเอง และเป็นพวกไม่เปลี่ยนใจจากอะไรง่ายๆด้วยสิ”


   “ไม่มีทางเลยงั้นเหรอ”ประโยคคำถามที่มันเองก็รู้ดีว่าเขาพูดอะไรและมันถามเพื่อต้องการคำตอบแบบไหน


   “แกอยากได้คำตอบแบบไหนหละ  แบบเดียวที่ฉันเคยตอบแกที่น้ำตกหรือให้ฉันโกหกเพื่อรักษาน้ำใจแกกัน”


   “หากให้โกหกเจ้าจะบอกข้าว่ายังไงกัน”คำถามที่เขาไม่เคยคิดคำตอบเอาไว้  หากให้โกหกเพื่อรักษาน้ำใจมันเขาควรจะตอบมันว่ายังไงงั้นเหรอ  ตอบไปว่ามันสำคัญกับเขา  เขารักมันงั้นเหรอ  งี่เง่าสิ้นดี


   “แน่ใจว่าอยากได้คำตอบ”ดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นจ้องมาที่เขาก่อนที่มันจะเป็นฝ่ายหลบตา


   “งั้นการไม่พูดอาจจะดีที่สุด”เหล้าในมือหมาปีศาจถูกยกกระดกจนหมดในครั้งเดียว  ทำเหมือนวัยรุ่นอกหักไปได้


   “ไม่ยักรู้ว่าหมาอย่างพวกแกก็ชอบหลอกตัวเองไม่ต่างกัน”


   “หลอกแล้วมีความสุข กับความจริงที่แสนโหดร้ายเจ้าอยากเลือกแบบไหนมากกว่า”คำตอบเรียบๆที่บอกผ่านโดยไม่มองหน้ากันเหมือนเคย  อึดอัดจริงๆแหะ


   “นั้นสิเลือกแบบไหนดีนะ”คาเซอริโอผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ก้าวฉับๆไปที่เคาร์เตอร์บาร์โยนเหรียญที่ใช้แลกเปลี่ยนแทนเงินไปให้เจ้าของร้านก่อนจะคว้าเอาเหยือกเหล้ากับกุญแจแล้วก้าวฉับๆขึ้นไปด้านบน ดวงตาหวานหยดจากหญิงสาวในเสื้อผ้าน้อยชิ้นที่เขาเดินผ่านไม่ได้ทำให้เขาหลุดออกจากความคิดที่วุ่นวายในหัวได้  มือข้างหนึ่งไขกุญแจก่อนจะก้าวเข้าไปในห้องพักเล็กๆที่มีเพียงเตียงหลังเล็กกับชุดเก้าอี้เก่าๆ เท่านั้น  เหล้าในมือถูกยกขึ้นดื่ม หูได้ยินเสียงฝีเท้าและเสียงปิดประตู  เหยือกเหล้าในมือถูกขว้างทิ้ง  มือสองข้างกระชากคอเสื้อก่อนจะผลักคู่กรณีกระแทกผนังเสียงดังลั่น  ริมฝีปากสีส้มสดบดกระแทกกับริมฝีปากหนาแรงจนได้กลิ่นคาวเลือด เป็นดั่งสัญญาณเริ่มสงครามน้ำลาย จูบจ้าบจ้วงที่เต็มไปด้วยแรงอารมณ์ มันไม่ได้อ่อนหวาน  ไม่ได้นุ่มนวล แต่กลับรุนแรงเหมือนพายุ เหมือนเจ้าของริมฝีปากต้องการต่อสู้ประลองกันเองมากกว่าการยืนจูบกันหวานๆ  เนินน่านกว่าที่จังหวะจูบจะเชื่องช้าลงจนกลายเป็นเพียงการบดเบียดริมฝีปากกันเพียงภายนอก  อากาศรอบๆตัวเหมือนจะเย็นลงสวนทางกับลมหายใจร้อนๆที่ยังคงเป่ารดกันไม่ห่าง


   “เจ้ามันใจร้ายรู้ตัวบ้างไหมคาโล”ริมฝีปากกระซิบแหบพร่าแนบริมฝีปากก่อนจะริมฝีปากล่างของเขาจะถูกมันขบกัดเขาๆ หัวถูกมันจับเอียงเพื่อให้แทะเล็มได้ถนัด มืออีกข้างกอดรัดแน่นรอบเอวเหมือนอ้อมกอดของงู


   “ฉันก็ไม่เคยบอกว่าฉันใจดี”ฝ่ามือขาวสอดแทรกเข้าไปในกลุ่มผมนุ่มก่อนจะขย้ำเล่นเบาๆตามแรงอารมณ์


   “เจ้าใจร้ายมาก”


   “แล้วทำไมแกไม่ไปจากฉันหละ”ดวงตาสองคู่ประสานกันนิ่งสงครามสายตาที่ไม่มีใครยอมใคร


   “หากทุกอย่างมันง่ายขนาดนั้นก็คงดี”


   “แกกำลังยึดติดเจ้าหมาโง่”คาเซอริโอโขกหน้าผากกับมันเบาๆก่อนจะลากหัวเตียงออกมาทางหน้าต่างแล้วจัดการเปิดหน้าต่างบานเล็กนั้นขึ้น ใช้ไม้ยันไม่ให้กรอบหน้าต่างนั้นปิดลงมาก่อนจะมองไปด้านล่าง พระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว ผู้คนมีมากขึ้นอึกทึกมากขึ้นแต่โชคดีที่เสียงไม่ค่อยดังมาถึงข้างบนเท่าไหร่


   “หากการอยากอยู่ใกล้ๆเจ้า มันทำให้เจ้าคิดว่าข้ายึดติดก็ไม่เป็นไร”หัวทุยสวยเอนซบมาที่อก  เอวถูกโอบกอดด้วยท่อนแขนหนา  หนักเอาการที่มันทิ้งตัวพิงเขาแบบนี้แต่ก็แปลกที่เขาไม่ผลักมันออกไป กลับทำเพียงกระชับอ้อมกอดมันให้มากขึ้นและวางคางลงบนกลุ่มผมนั้น


   “ปล่อยไปไม่ได้เหรอ  ปล่อยไป แล้วกลับไปเป็นเหมือนเดิม เป็นไอ้หมากวนประสาทตัวนั้น ไม่ก็ ก่อนที่จะเจอฉัน”อากาศหนาวที่พัดผ่านหน้าต่างทำให้ต้องโอบกอดมันแน่นขึ้น


   “นอกจากจะใจร้ายแล้วยังโหดร้ายเป็นบ้า”


   “มันอาจจะดีกับแกกว่าตอนนี้ก็ได้”


   “ข้าไม่แน่ใจว่ามันจะดีกว่า”


   “แกไม่น่าจะใช่หมาที่ถูกเลี้ยงมาแบบโหดร้ายแบบนั้นนะ”


   “ไม่  ข้าไม่ได้ถูกเลี้ยง มาแบบนั้น”


   “งั้นคงดีกว่าอยู่กับฉัน  คนที่ไม่มีทางรักแกได้”เปลือกตาคนพูดปิดลงช้าๆมีเพียงความเงียบที่แทรกเข้ามาพร้อมกับอ้อมกอดที่รัดแน่นขึ้นจนตัวมันเองแทบจะจมหายลงไปในอกเขา


   “ถึงจะเป็นช่วงสั้นๆ แต่มันก็ยังดีกว่า  ดีกว่า  อย่างน้อยข้าก็ยังรู้สึกว่าตัวเองอยู่ไปทำไม  อยู่ไปเพื่อใคร”


   “รันทดจังนะ  แล้วคิดจะอยู่ไปจนถึงเมื่อไหร่”ดวงตาสีเทาเปิดขึ้นอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงบางอย่างที่แปลกไป  กลุ่มคนในชุดคลุมที่ทยอยเข้ามาในร้านจากชั้นล่าง


   “ไปจนกว่า  ข้าจะทนไม่ไหวหละมั้ง”


   “ไม่มั่นคง ไม่มีความแน่นอนเลยนะ”คาเซอริโอพูดเสียงเรียบ  ฟังเหมือนเขาเป็นพวกที่เสียเปรียบมันยังไงไม่รู้แหะ


   “อืม  ก็คง จนกว่าเจ้าจะไม่ต้องการข้าหละมั้ง”


   “งั้นขอบอกไว้เลยว่าตอนนี้ฉันต้องการแกที่สุด”ลูกรักที่ข้างเอวถูกหยิบมาถือไว้ในมือซ้ายที่ยื่นตรงไปทางประตู


   “ล็อคประตูรึเปล่า”


   “ทำไม่ทัน เจ้าผลักข้าซะก่อน”   


   “ก็ดี จะได้ไม่เสียเวลาพังประตูให้ยุ่งยากถ้าพวกมันไม่โง่หละนะ”


ปัง!!


   บานประตูไม้สีน้ำตาลแก่หลุดกระแทกชนกับชุดเก้าอี้


   “โง่กว่าที่คิด”      


ปัง  ปัง


   กระสุนสีเงินพุ่งออกจากปากกระบอก เสียงโครมเหมือนอะไรบางอย่างล้มก่อนเงาดำวูบไหวจะหายไปหลังม่านประตู เสียงกระจกแตกดังตามมาติดๆเมื่อเจ้าหมาในร่างคนยันโครมเดียวแตกกระจาย  ร่างสูงกระโดดนำออกไปก่อนอย่างคล่องแคล่วไม่เข้ากับขนาดตัว  คาเซอริโอกระโดดตามออกไปหลังคาเล็กที่ยื่นออกมาทำให้พวกเขามีที่ยืน ปืนในมือสาดกระสุนออกจนหมดแม๊กก่อนจะกระโดดลงมาท่ามกลางเสียงกรี๊ดร้องและเสียงปืนที่ดังตามหลังมาติดๆจนแทบจะสัมผัสได้ถึงความร้อนที่แผดเผาด้านหลัง


   “เหมือนเจ้าจะล่อเสือได้หลายตัว”แผ่นหลังหนากระแทกเข้ากับกำแพงดิน  แม๊กกาซีนในมือถูกเปลี่ยนออกใหม่ท่ามกลางเสียงปืนและเสียงกรีดร้อง


   “หมายักษ์อย่างแกกลัวลูกเสือตัวน้อยด้วยงั้นเหรอ”   


   “หึ ไม่เท่าไหร่หรอกน่า”


   “หาตัวที่ดูท่าจะมีข้อมูลเก็บไว้ด้วยหละ”


   “เจ้าจะรีดข้อมูลจากมัน”   


   “แน่นอน  ไม่งั้นฉันจะลงทุนปล่อยเสือเข้าป่า เอาตัวมาล่อกระสุนทำไมหละ”


   “แผนเจ้ามันบ้าบิ่นเกินไป”   


   “แล้วจะช่วยไหม”


   “กลับใจตอนนี้ทันงั้นเหรอ”ดวงตาสีตาลของเจ้าหมาพราวระยับ


   “งั้นก็อย่าถ่วง อย่าตายหละ”มือขาวกระชากเจ้าหมาเข้ามาใกล้จูบเบาๆที่ปราศจาการล้วงล้ำ  ดวงตาสองคู่ที่สบกันก่อนที่เขาและมันจะวิ่งแยกกันไปคนละทางเพื่อล่อเหยื่อที่ล่วงมาให้ถึงที่


   หัวใจที่เคยนิ่งสงบเต้นรัวขึ้น  ไม่ว่าจะเกิดขึ้นเพราะความเหนื่อยที่ต้องออกแรงวิ่งหรือเพราะความตื่นเต้นจากอะไรบางอย่างแต่มัน
ก็ทำให้รอยยิ้มจุดขึ้นที่มุมปากของคนอย่างคาเซอริโอได้


ปัง


   กระสุนสีเงินวิ่งทะลุกำแพงหินของบ้านข้างๆ คาเซอริโอโผหลบเข้าที่มุมตึก  ดวงตาสีเทาคู่คมสบกับเงาคนยิงเสี้ยววินาทก่อนที่มันจะล้มลงเพราะปืนในมือเขา  1 คน 2 คน ก่อนที่เงาวูบวาบมากมายจะปรากฏขึ้นเบื้องหลังสลับกับกระสุนที่สาดออกมาเป็นระยะ ระวังตัวมากขึ้น แต่ก็ยังไม่ดีพอ พวกที่ส่งมาล่าเขาพอจะมีฝีมืออยู่บ้าง อย่างน้อยพวกมันก็ยิงปืนเป็นและพกปืนมาด้วย คงต้องขอบคุณเจ้าริวจิที่คาบข้อมูลเข้าไปบอก


   ลูกแมวที่เขาจงใจปล่อยมันให้หนี  ทำเป็นชวนเจ้าหมายักษ์ออกมาเดินเล่นตั้งแต่ช่วงสาย   ชวนออกมาโดยปล่อยเจ้านั้นทิ้งไว้ที่โรงแรมเล็กๆชานเมืองพร้อมกับมือที่มัดติดไว้ด้วยเชือก  จากสายไปจรดเย็นก็มีพวกนักเลงปลายแถววิ่งมาเก็บเขา2 คนพร้อมอาวุธปืนครบมือ ไม่รู้ว่าเจ้าริวจิมันไปปล่อยข่าวแบบไหน แต่ก็ช่างเถอะ ยังไงเป้าหมายในการล่อลูกเสือออกมาจากถ้ำของเขามันก็สำเร็จ ตอนนี้สิ่งที่ต้องทำคือการหาเหยื่อ เหยื่อโชคร้ายที่มีดีพอจะเป็นแหล่งข้อมูลของเขา


   “มาลองดูกันดีกว่าว่าพวกแกจะมีดีแค่ไหน”รอยยิ้มร้ายจุดขึ้นที่มุมปาก  ลูกรักสองกระบอกประทับแน่นในมือ  ข้อเท้าออกแรงถีบตัวเองออกจากที่ซ่อน  กระสุนมากมายพุ่งออกจากปากกระบอก  เงาดำวูบไหวร่วงลงเหมือนใบไม้ล่วง แผ่นหลังกระแทกเข้ากับกำแพงของบ้านอีกหลัง  เสียงปืนจากอีกฝั่งดังลั่นอย่างต่อเนื่อง  ลังไม้เก่าๆด้านข้างเป็นบันไดชั้นดีในการปีนขึ้นไปด้านบน เสียงปืนด้านล่างยังคงดังสนั่นกลบเสียงเดินของเขาได้สนิท  บรรดาพายุกระสุนค่อยๆหยุดลงเมื่อไม่มีการยิงตอบโต้กลับมาเหมือนเคย


   “เงียบไปแล้ว”


   “ไปไหนของมันว่ะ”


   “เฮ้ย  ไปดูสิ”คนที่ยืนอยู่หน้าสุดหันมามองคนพูดก่อนจะเดินออกไปช้าๆทั้งที่เหงื่อผุดพรายเต็มหน้า


   “ตายไปแล้วหละมั้ง”


   “ถ้ามันง่ายขนาดนั้นก็คงดี”เสียงพูดเรียบๆจากคนที่ยืนอยู่กลางเพื่อนทำให้รอยยิ้มจุดแต้มที่มุมปากของคนฟังอย่างเขา  ดวงตาสีเทามองจับจ้องคนพูดกับเหยื่อที่ถูกส่งออกไปดูตำแหน่งเดิมที่เขาเคยอยู่  หากเขายังอยู่ที่เดิมเพียงก้าวแรกของมันคงโดนเขายิงทิ้ง  แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ได้อยู่ที่เดิมอีกต่อไปแล้ว


   “มันหายไปแล้ว”เสียงตะโกนขอคนดูลาดเลาทำให้พวกมันอีก 2 -3 คนวิ่งตามออกไป หากเจ้านั้นมันตาถั่วพวกแรกที่ตามไปคงไม่รอด น่าดีใจที่คนที่เขาเล่งไว้ไม่ได้ตามไป มันทำเพียงนิ่งและมองไปรอบๆ ตรอกแคบๆที่คั่นกลางระหว่างบ้านสองหลัง เริ่มใช้ได้ขึ้นมานิดหน่อย


   “เฮ้ย”


ปัง


   ดวงตามากมายหันมองขึ้นตามเสียงเรียกก่อนเพชฌฆาตสีเงินจะพุ่งเจาะกลางอก บางส่วนพุ่งเข้าที่ลำตัว  ความประมาททำให้มากกว่าครึ่งล่วงไปเหมือนใบไม้ร่วงไม่ทันได้ยกปืนมายิงสวน


ปัง   


   “โอ๊ะ”เสียงอุทานดังออกจากปากเมื่อกระสุนจากด้านล่างพุ่งทะลุปลายหลังคาขึ้นมา  ดวงตาสีเทามองสบกับคนยิง เจ้าคนที่เขาหมายตา ดวงตาสีดำคู่นั้นมองสบกับเขาปืนในมือออกแรงยิงตอบโต้ก่อนขาสองข้าจะออกแรงวิ่งพาเจ้าของหายไป


   “โอ๊ะ  เหยื่อหนีไปซะแล้ว”คาเซอริโอมองตามร่างที่วิ่งหนีไป เท้าทั้งสองข้างถอยหลบเข้ามาด้านในท่ามกลางเสียงกระสุนที่ดังอย่างต่อเนื่อง ปืนในมือถูกเก็บไป 1 กระบอกเพื่อให้เคลื่อนไหวง่ายขึ้น


   “เกมเริ่มแล้วเจ้าหนู”เท้าทั้งสองข้างออกแรงวิ่งไปบนหลังคา  ก้าวกระโดดไปยังหลังคาบ้านอีก  ดวงตาสีเทามองตามแผ่นหลังกว้างที่ออกแรงวิ่งเต็มฝีเท้าเช่นเดียวกับเขา


ปัง


   “ชิบ”กระสุนสีเงินพุ่งถากแขนซ้ายจนเลือดซิบตัวที่เอี้ยวหลบเสียหลักจนแทบจะตกจากหลังคา


   “คาโล”เสียงตะโกนเรียกทำให้เขว้  กระบอกปืนในมือเบี่ยงตำแหน่งก่อนเงาดำวูบไหวที่มุมหางตาจะล่วงลงพื้น


   “ทำบ้าอะไรของแก”ตะโกนใส่เจ้าคนที่เรียกจนเขาเสียสมาธิ  เจ้าตัวที่วิ่งกระหืดกระหอบมาตามตรอกแคบๆก่อนทีแสงจันทร์จะสาดให้เห็นบางอย่าง


   “แก..”เลือดมากมายที่เกาะตามผิวสีน้ำผึ้งทำให้คนมองอย่างเขาใจกระตุกจนต้องกระโดดลงจากหลังคาเพื่อไปดูให้ชัดๆ


   “เลือดพวกนี้”      


   “ห่วงข้างั้นเหรอ”น้ำเสียงยียวนและประกายพราวระยับในดวงตาคู่นั้นทำให้คนมองอย่างเขาฉุนกึก


   “หุบปากแล้วบอกมาว่าเลือดใคร”


   “ข้าบอกแล้วไงว่าจะไม่เป็นตัวถ่วงเจ้า  เลือดพวกมันทั้งนั้น ตัวข้ามีแค่รอยถากนิดหน่อย”แขนข้างซ้ายถูกยกขึ้นเพื่อให้มองเห็น
ลอยกระสุนถากที่มีเลือดไหลซิบออกมา


   “แกทำให้เหยื่อของฉันหนีไป”คาเซอริโอถอนหายใจยาว ทั้งโล่งอกและเหนื่อยใจกับเจ้าหมายักษ์อย่างประหลาด


   “คนที่เจ้ากำลังวิ่งตาม”   


   “เออ”


   “เจ้าลืมไปแล้วรึไงว่าข้าเป็นใคร”ดวงตาสองคู่สบกันนิ่งก่อนที่รอยยิ้มจะจุดขึ้นที่มุมปากของคาเซอริโออีกครั้ง


   “งั้นก็รีบนำทางไปสิ”ฝ่ามือสีน้ำผึ้งถูกยื่นออกมาตรงหน้าพร้อมรอยยิ้มที่พราวระยับของเจ้าของ  ดวงตาสีเทาเหลือบมองมือข้างนั้นสลับกับรอยยิ้มบนใบหน้าคมนั้นก่อนจะตัดสินใจวางมือข้างที่ว่างทับลงไป  ความอุ่นร้อนที่แผ่ถึงกันก่อนที่เจ้าของมือข้างนั้นจะฉุดให้เขาออกวิ่ง  แผ่นหลังกว้างที่ตั้งตระหง่านเหมือนหินผาวิ่งนำไปด้านหน้าอย่างมั่นคง  ความอุ่นร้อนที่กระชับแน่นตรงฝ่ามือทำให้รอยยิ้มบางๆจุดขึ้นมาบนปากของมาเฟีย  รอยยิ้มอ่อนโยนจากหัวใจที่รู้สึกอบอุ่น










      กลับมาอีกครั้งหลังจากหายหัวไปนานและดูเหมือนนักอ่านจะหายหน้ากันไปด้วย 55

    ว่าแล้วก็เดินทางมาถึงตอนที่ 26 คิดว่าจะอัพตามทางนั้นให้ทันจะได้อัพไปพร้อมกันแต่ก็ไม่ทันสักที  ฝั่งนี้ถึง 26 ฝั่งโน้นถึง 29

     ตอนที่ 30 เสร็จแล้วเหลือเก็บตกนิดหน่อยแล้วแบบนี้เมื่อไหร่จะทันหละเนี่ย  :mew2:  :mew5:

ออฟไลน์ tamako

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-6
ตอนที่ 27 ความหวังอันเลื่อนลาง                  19/11/2557



   แสงสีส้มจากตะเกียงเล็กๆทอแสงสลัวไปทั่วบ้านร้างซ่อมซ่อ  กลิ่นอับลอยปะปนกับกลิ่นไม้และฟางที่ถูกความชื้นหมักหมมเกิดกลิ่นเหม็นอับที่ไม่พึ่งประสงค์  บ้านร้างหลังเล็กที่ตั้งอยู่ด้านหลังสังคมแห่งความสนุกสนานและความรื้นเริง  เบื้องหลังอันแสนโสมม แม้จะต้องนิ่วหน้าเมื่อได้กลิ่นหรือสำลักไอเพราะฝุ่นก็ต้องยอมทนเพราะเขาจำเป็นต้องใช้มันในการสอบสวนเหยื่อ


   ดวงตาสีเทาทอดมองดวงไฟในจะเกียงก่อนจะเบือนมาสบกับร่างของเหยื่อที่ถูกมัดมือติดกันและมีสภาพเหมือนถูกรุมซ้อมโดยกลุ่มคน  หรือไม่ก็อะไรสักอย่างที่ดุมากๆอย่างหมาปีศาจที่กำลังยืนหน้านิ่วอยู่ข้างๆเขาและกำลังย่นจมูกเป็นระยะเพราะประสาทสัมผัสด้านกลิ่นที่ดีเกินไปตามสายพันธุ์


   “รีบออกไปจากที่นี้กันเถอะ”


   “อย่างอแงน่าเดียวมันก็จบแล้ว ไม่นานหรอก”คาเซอริโอยกยิ้มที่มุมปากขณะตรวจสอบกระสุนลูกรักสีเงินในมือให้พร้อมใช้ง่านอย่างน้อยก็ 1 นัดเพื่อจบชีวิตไม่ก็อาจจะหลายนัดหน่อยเพื่อทรมาน


   “จะแกล้งทำเป็นหลับแบบนั้นอีกนานไหม”ฝ่าเท้ายันเข้ากลางไหล่ที่บิดผิดรูป พลิกให้คนที่นอนตะแครงซุกหน้าลงกับพื้นฟางเน่าเงยขึ้นพบกับแสงตะเกียง เหยื่อที่เขาเล็งมาเอาไว้ตั้งแต่แรก  เหยื่อที่มีค่าพอให้วิ่งตาม


   “ทำไมไม่ฆ่าทิ้งไปเลยหละ”เสียงถามดังออกมาจากปากที่ครึ่งหนึ่งบวมเจ่อและยังคงมีเลือดไหลซึมออกมา


   “ถ้าจะฆ่าแกให้ตายง่ายๆแบบนั้นฉันไม่วิ่งตามจับให้เหนื่อยหรอกนะ  แกก็ดูฉลาดน่าจะคิดได้ว่าฉันไว้ชีวิตแกทำไม”ดวงตาสีดำของเหยื่อมองตอบกลับมา  ดวงตาที่ถึงแม้รอบตาจะช้ำแต่ตาคู่นั้นยังคงทอประกายไม่ยอมแพ้ แบบนี้สิค่อยน่าเล่นด้วยหน่อย เหยื่อที่อึดและทนแบบนี้จะทรมานได้นาน


   “ฉันไม่มีคำตอบอะไรให้แกทั้งนั้น”


   “อย่าเพิ่งรีบตอบแบบนั้นสิ”ปืนคู่ใจกระบอกสีเงินถูกวางลงบนม้านั่งที่เขาอุตสาห์หาเจอท่ามกลางซากกองปรักหักพังก่อนเจ้าของจะก้าวไปหาเหยื่อแล้วทรุดลงนั่งข้างๆ


   “ฉันว่าระดับแกน่าจะมีคำตอบให้ฉันไม่มากก็น้อย แค่คำถามง่ายๆ บอกฉันมาว่าแกได้ปืนพวกนั้นมาจากไหน”ดวงตาสีดำหันกลับมาสบตาเขาก่อนจะหันไปมองรอบๆอีกครั้ง


   “อยากรู้ไปทำไม หรืออยากเอาไปใช้เองหละ”


   “อืมนั้นสินะ  คนอย่างฉันคงดูเหมือนพวกที่อยากได้ปืนไปใช้เองสินะ  เอาเถอะจะเข้าใจไปแบบไหนมันก็เรื่องของแก  ตอบฉันมา
ดีกว่าว่าแกได้ปืนมาจากไหน”


   “ถ้าอยากเอาไปใช้ก็ไม่น่าจับฉันมาแบบนี้ คุยกันดีๆก็ได้นิ”


   “ตอบคำถามฉัน”


   “ฉันว่าบางทีถ้าแกตกลงกันดีๆเราอาจจะเป็นหุ้นส่วนกันได้  ดีกว่ามาตั้งตัวเป็นศัตรูกันเป็นไหนๆ อย่างแก...”


อ๊าก!


   ประโยคพูดยาวเหยียดกลายเป็นเสียงร้องโหยหวนเมื่อมีดด้ามยาวที่ตอนนี้กลายเป็นมีดคู่ใจปักเฉือนเข้าข้างคอด้านซ้าย ปลายมีดปักทะลุเข้ากับพื้นดิน ปล่อยให้เลือดสีแดงคล้ำไหลอาบปากแผลและหยดลงย้อมฟางเป็นสีแดง


   “คำถามเดิม  แกได้ปืนมาจากไหน”คำถามเรียบๆดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัดที่มีเพียงดวงตาสองคู่เท่านั้นที่จ้องตอบกันไปมา  คู่หนึ่งเรียบนิ่งและเริ่มมีแววสนุกในขณะที่อีกคู่แม้จะยังคงนิ่งแต่กลับมีประกายหวาดกลัววาดผ่าน


   “บางทีฉันอาจถามไม่ชัด”มือคว้าหมับเข้าที่ด้ามมีดก่อนจะออกแรงกระชาก  เสียงร้องโหยหวนดังลั่นเสื้อของเหยื่อโชคร้ายถึงได้ถูกฉีกเพื่ออุดปากกั้นเสียงร้อง  เหยื่อที่นอนดิ้นกระสับกระส่ายด้วยความเจ็บปวด เหยื่อผุดพรายบนใบหน้าทั้งๆที่อากาศเย็น


   “ข้าว่าเจ้าปิดปากมันช้าไปนะ”เสียงทักดังขึ้นจากหมาปีศาจที่ย้ายตัวเองไปนั่งแทนเขา รั้งตำแหน่งผู้สังเกตการณ์แบบห่างๆ


   “โทษทีลืมคิดไปนะ”คาเซอริโอตอบเสียงเรียบขณะฉีกชายผ้าส่วนหนึ่งออกมาเช็ดเลือดที่อาบย้อมบนใบมีด  ผู้ชายร่างใหญ่โตที่ตอนนี้ขาหักข้างหนึ่งผลจากการวิ่งไล่จับกำลังพยายามใช้ขาข้างที่ดีกระเสือกกระสนเพื่อให้ห่างจากเขาไปช้าๆ


   “เอาหละ  ฉันแค่ถามว่าแกเอาปืนมาจากไหนไม่ได้ถามสักหน่อยว่าเจ้านายแกเป็นใครทำอะไร ยังไง  แค่คำถามง่ายๆ แค่บอกฉันมาว่าพวกแกได้ปืนมายังไง”คาเซอริโอลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินวนไปรอบเหยื่อช้าๆ แสงจากตะเกียงทำให้เกิดเงาวูบไหวตามกำแพงและเงาความกลัวที่สะท้อนอยู่ในแก้วตาสีดำ


   “ช้า”


อั๊ก  หือ


   เสียงอื้ออึงดังขึ้นพร้อมตาที่เบิกว้างเมื่อฝ่าเท้าหนากระทืบลงข้อเข่าที่บิดหักผิดรูปก่อนมีดด้ามยาวจะแทงย้ำลงไปเหนือส่วนที่ถูกกระทืบเล็กน้อย  แรงกระชากทำให้แผลเปิดเป็นรูกว้าง  เศษเนื้อสีคลำที่บัดนี้อาบด้วยสีแดงของเลือดห้อยร่องแร่งอยู่ตรงโคนขาด้านใน


   “เจ้าลืมปล่อยปากมันนะ”เสียงเตือนดังขึ้นอีกครั้งจากเจ้าหมาตัวเดิม  เสียงเตือนที่ทำให้คาเซอริโอยกยิ้มอยู่ในใจ เจ้าหมาปีศาจที่คอยอ้อนคอยตามเขาจนน่ารำคาญพอถึงบทที่ต้องสู้มันก็ทำได้ดีอย่างน่าเหลือเชื่อ แม้จะเคยเห็นมันสู้ในร่างหมาแต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นมันสู้ในร่างของมนุษย์ที่มีพละกำลังเหมือนปีศาจแบบเต็มๆตา  ปลายเท้าที่ออกแรงไล่กวาดเหยื่อ  ฝ่ามือหนาทรงพลังที่สามารถจับยึดเหยื่อเอาไว้ได้  ความว่องไวในการหลบหลีกคมอาวุธ  ดวงตาสีน้ำตาลคู่คมที่มุ่งมั่นไม่วอกแวกขณะจัดการศัตรู  การลงมือโหดเหี้ยมทั้งหักแขนข้างที่ถือปืน และหักขาเพื่อไม่ให้มันหนีได้ก่อนจะออกแรงลากผู้ชายตัวโตๆคนหนึ่งให้มาที่บ้านร้างหลังนี้


   “อ้าวเหรอ โทษทีนะ”ฝ่ามือขาวกระชากผ้าปิดปากที่ชุ่มด้วยน้ำลายออกก่อนจะโยนทิ้งไปข้างๆ


   “ว่าไงตอบได้รึยัง”


   “ไม่รู้”


   “แน่ใจนะ”ปลายคมของมีดเกลี่ยเบาๆที่ข้างแก้มของเหยื่อ


   “ไม่รู้จริงๆเพราะมีคนส่งต่อ  ส่งปืนต่อมาให้อีกที”


   “น่าเสียดายนะ  ข้อมูลน้อยไปหน่อย แบบนี้คงไม่คุ้มค่ากับการปล่อย”


   “ดะ  เดี๋ยว  แต่ฉันเคยเห็น  เคยเห็นนะ  ละ ลมพายุ พายุประหลาดที่พาปืนกับอาวุธพวกนั้นมา”


   “พายุงั้นเหรอ”เสียงถามแผ่วเบา วันที่เขามาที่นี้วันนั้นก็ฝนตก  ฝนตกหนักก่อนจะแผ่วลงไปช้าๆตอนที่เขาถูกยิง


   “ใช่  พายุ  พายุ”


   “เห็นที่ไหน”คาเซอริโอถอนหายใจยาวพยายามระงับความตื่นเต้นที่เกิดขึ้น


   “เคยเห็นนอกเมืองครั้งหนึ่ง”


   “แล้วครั้งอื่นๆหละ เกิดที่ไหน”


   “ไม่รู้  ไม่รู้”


   “แกแน่ใจเหรอห๊ะว่าไม่รู้  ตอบมา  ตอบมาสิวะ”ฝ่ามือหนากระชากคอเสื้อเหยื่อขึ้นมาก่อนจับเขย่าจนคนโดนหัวสั่นพร่า  ไอค็อกแค็ก


   “ใจเย็น”ฝ่ามือหนาสีน้ำผึ้งคว้าจับเข้าที่ไหล่ แรงบีบที่ส่งมาทำให้มือทั้งสองชะงักปล่อยเหยื่อที่ไอหน้าดำหน้าแดงให้เป็นอิสระ ยืดตัวสูงขึ้นก่อนฝ่ามือจะทุบโครมเข้าที่ผนัง  แค่มันตอบ  แค่มันบอกเอามาเขาก็จะรู้ทางกลับบ้าน  รู้ทางกลับไปหาคนๆนั้น


   “บอกมาสิโว๊ยว่ามันอยู่ที่ไหน บอกว่า”คาเซอริโอกระชากเสียง ปืนที่วางแน่นิ่งถูกหยิบขึ้นมายกเล็งไปทางเหยื่อ


   “ไม่รู้  ฉันไม่รู้จริงๆ  ทุกครั้งมันจะเปลี่ยนไป  มันไม่เคยเหมือนเดิม”


   “แกไม่รู้แล้วใคร  ใครรู้ว่าไอ้พายุบ้าๆนั้นมันจะเกิดขึ้นที่ไหนห๊ะ”


   “ไม่  ไม่รู้”


ปัง


   “บอกมา”กระสุนพุ่งทะลุช่องท้อง  เลือดสีแดงสดทะลักออกมาตามรูกระสุนเหยื่อผู้โชคร้ายร่างเกร็งกระตุกก่อนจะบิดทุรนทุราย


   “เจ้าบ้าไปแล้วรึไงเดี๋ยวพวกมันก็แห่กันมาหรอก”


   “มาสิดี  แห่มาให้หมด จะได้รู้ไปไงว่าไอ้หน้าไหนมันตอบคำถามฉันได้บ้าง  ว่าไงแกจะตอบฉันได้รึยัง”


   “หึ เดี๋ยวพวกนั้นต้อง  ตามเสียงปืนมาแน่”


   “แล้วไง  แล้วคิดว่าแกจะมีชีวิตอยู่รอจนพวกมันมาถึงงั้นเหรอ”ฝ่าเท้าสาวเข้าหาเหยื่อก่อนจะย่อตัวลง  ปากกระบอกปืนประกบแน่นเข้ากับหน้าผากสีคลำ


   “ตอบมา  แลกกับการยื้อชีวิตแก”ดวงตาสีดำกลอกหลุกหลิกไปมาก่อนริมสีปากแตกระแหงนั้นจะพูดบางอย่าง


   “ละ ลีโอ  มันรู้  มันรู้ว่าพายุนั้นจะเกิดขึ้นที่ไหน”


   “ก็เท่านี้”คาเซอริโอลุกขึ้นอีกครั้ง ตอนนี้เขารู้แล้วว่าจะไปหาใคร น่าเสียดายที่เขาไม่รู้ว่าลีโอนะคนไหน  ใช่คนที่รู้จริงๆหรือเปล่า  บางทีคงต้องใช้งานลูกแมวน้อยที่เขาปล่อยไปให้นำทางไปซะแล้ว


   “มากันแล้วนะ”เสียงเรียกจากเจ้าหมาปีศาจปลุกเขาออกจากภวังค์ความคิด


   “ใกล้แค่ไหน”


   “จากด้านหน้าห่างไปไม่ไกล”


   “กำลังดี”คาเซอริโอเก็บมีดที่ไม่ได้ใช้งานเข้าซองก่อนจะเดินนำไปด้านหลังช้าๆช่องแตกของผนังด้านหลังทำให้พวกเขาเดินออกไปได้ง่ายๆ พระจันทร์ที่เริ่มคล้อยลงต่ำทำให้รู้ว่าพวกเขาเสียเวลากับงานนี้มากเกินไปแล้ว  ควรจบงานรีบไปนอนได้แล้ว


   “แกขว้างของเก่งไหม”


   “ห๊ะ ของแบบไหน”


   “ก็พวกแบบขว้างหินอะไรแบบนั้น”


   “ก็พอได้”


   “แค่นั้นก็พอ”มือขาวล้วงเข้าไปในถุงที่เอาติดมาด้วยก่อนจะหยิบบางอย่างออกมา


   “นั้นอะไร”หมาปีศาจถามขึ้นเมื่อเห็นบางอย่างในมือเขา


   “เดี๋ยวก็รู้ แค่ขว้างมันออกไปก็พอ  เร็วๆแรงๆและตรงเป้าแค่นั้น  ทำได้ใช่ไหม”


   “อืม”


   “งั้นก็ลงมือซะ”คาเซอริโอคว้าหมับเข้าที่มือหน้าก่อนวางบางอย่างลงในมือแล้วดึงสลักสีเงินออก


   “ขว้าง”


ตูม


   “เสียงระเบิดดังสนั่นทันทีเมื่อกระทบเข้ากับเป้าหมาย  บ้านร้างที่พวกเขาเพิ่งจากมาถล่มเพราะแรงระเบิด  เศษซากมากมายกระเด็นไปทั่วบริเวณ  เสียงร้องโวยวายดังสลับกับเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวดท่ามกลางเปลวไฟสีส้มที่พวยพุ่งขึ้นมา ท่าจะโดนกันไปเยอะจบงานของวันนี้ด้วยความอึกทึก


   “นั้นอะไร”


   “ระเบิด”


   “อะไรนะ”


   “ระเบิด แบบตูมเดียวจอดนะ”


   “แล้วนั้นเจ้าจะไปไหน”


   “หาที่นอน”


   “ห๊ะ”


   “หูหนวกรึไง  หาที่นอนไง ตามมาได้แล้ว”ฝ่ามือออกแรงกระชากแขนหมาปีศาจที่เกิดอาการหูอื้อขึ้นมากะทันหันให้เดินตาม  เขาเพิ่งยิงถล่มกับพวกมันไปตอนหัวค่ำ ตอนดึกก็เพิ่งปาระเบิดถล่มพวกมันไป  เปิดฉากได้ร้อนแรงและอึกทึกเป็นที่สุด แน่นอนว่าเขาไม่ต้องคอยหลบพวกมันตั้งแต่จงใจปล่อยเจ้าริวจิไปแล้ว เจ้านั้นคงปูดเรื่องพวกเขาไปหมด เรื่องพื้นฐานอย่างหน้าตาพวกเขาคงไม่ต้องพูดถึง  ที่ทำไปเมื่อกี้มันก็แค่การขู่  ขู่ให้พวกมันรู้ว่าเขาไม่ใช้หมูในอวยให้มันมาเล่นด้วยง่ายๆ  แน่นอนมีผลดีก็ย่อมมีผลเสีย  เขาเพิ่งเหยียบจมูกมันในถิ่นของมันไป ไม่เต้นก็คงน้อยไปจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้เขาคงต้องคอยเฝ้าดูแต่ตอนนี้หาที่ซุกหัวนอนได้ก่อนจะดีที่สุด










            มาส่งตอนใหม่แล้วคะ ตอนนี้เราก็ยังคงส่งความบู๊กันแบบต่อเนื่อง ไม่หวาน ไม่ดร่าม่ากันไปอีกสักตอน แล้วพบกันใหม่ตอนหน้าคะ

ออฟไลน์ AoMSiN555

  • กรูบ้า.....อย่าทักกรู
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
 o13 o13. ลึกลับดีจัง รอต่อไปนะคะ เอาใจช่วยนักเขียนนะ สู้ๆละ  :กอด1:


ขอบคุณที่มาต่อนะ :ruready

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด