รู้งานกันทั้งสองคน ไม่ทันได้เดินไปที่ร้านก็พากันหลบข้างรถ ทำตัวเหมือนเป็นโจรขโมยรถซะงั้น.
อะไรยังไงวะ
แม้ไม่อยากคิด แต่เป็นใครจะไม่คิด นั่นมันนาย กับ คุณเลขานี่หว่า นั่งกินข้าวกันอยู่ในร้าน
เช้าขนาดนี้เนี่ยนะ แค่กินมันไม่แปลกหรอก แต่สิ่งที่เห็นมันคืออะไร นายยิ้มหวานจนตาหยี ส่วนคุณเลขาก็กินข้าวไปยิ้มไป
มีตักนั่นนิดนี่หน่อยให้นายด้วย สงสัยเรื่องของนายกับคุณเลขาชักจะไม่ธรรมดา
“พี่เห็นอย่างที่ผมเห็นป่ะ”
กูเห็นชัดเลยแหละไม่ต้องถาม
“ยังไงวะพี่ ผมว่ามันแปลก ๆ”
แปลกแค่ไหนก็ช่างเหอะ ไม่ใช่เรื่องของกูแล้วก็ไม่ใช่เรื่องของมึงด้วย
“เห็นอะไร อย่าพูดมาก เห็นก็แค่เห็น ถือซะว่าไม่เห็น ไม่ใช่เรื่องของเรา”
อ่อ
ได้พี่ ผมก็ไม่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านอยู่แล้ว ยิ่งเรื่องของนายกับคุณเลขายิ่งไม่ใช่เรื่องที่ผมควรจะยุ่ง
“หมูปิ้งอีกแล้วมั้ง งานนี้”
บุ้งพูดกับตัวเองเบา ๆ และหันไปมองหน้าเด็กฝึกงานที่มันทำหน้าแปลก ๆ
“มึงยังจะมองอีก กินมั้ยหมูปิ้งอ่ะ ถ้ากินก็ขึ้นรถ”
กินพี่ พี่จะให้ผมกินผมก็กิน
มีนเดินตามหัวหน้างานมาขึ้นรถ ไม่อยากจะตื่นในคราวแรก แต่ตอนนี้ ต่อให้อยากนอนแค่ไหนก็คงหลับไม่ไหว หันมามองหน้าพี่บุ้งที่กำลังขับรถ และกดเลือกหาเพลงฟังแล้วก็นึกอยากจะช่วยหาขึ้นมา
“พี่จะฟังเพลงอะไร เดี๋ยวผมหาให้ก็ได้”
เหรอ
“กูว่าเอาแผ่นไว้แถว ๆ นี้ มึงหาในเก๊ะหน้าดิ มีแผ่นเอลวิสป่ะ กูว่ากูไม่ได้เอาไปไหนนะ”
เอลวิสเนี่ยนะ อย่างพี่น่าจะฟังเพลงลูกทุ่งไม่ก็เพลงเพื่อชีวิตมากกว่ามั้ง แต่พี่ฟังเอลวิสเนี่ยนะ โคตรเหลือเชื่อ
“คิดยังไงฟังเอลวิสวะพี่ เกิดมาผมยังไม่เคยฟัง”
ไม่เข้าใจจริง ๆ มีนไม่เข้าใจสิ่งที่ลูกพี่ฟังซักเท่าไหร่ เพราะถ้าเป็นตัวเอง คงฟังเพลงไทยสากลตามยุคสมัยที่คนอื่นเขาฟังกัน อาจจะเน้นเป็นเพลงอะคูสติกฟังสบาย ๆ ไม่ต้องคิดอะไรมากด้วย ไม่ก็ฟังเพลงสากลที่เขาฮิตฟังกันทั่วบ้านทั่วเมือง
“เนี่ยเหรอพี่”
หาเจอแล้ว และมีนก็หยิบแผ่นซีดีออกมาเสียบเข้าเครื่องเล่นซีดีที่อยู่ตรงหน้า
“แผ่นแท้ซะด้วย ไม่ธรรมดา สงสัยจะชอบจริง”
พูดยังไงของมึงวะ สงสัยจะชอบจริง
“ระดับกูไม่มีซื้อแผ่นผี ถ้าชอบ แพงแค่ไหนกูก็ซื้อเก็บได้หมดแหละ”
จะอวดว่าพี่รวยว่างั้น
“แล้วถ้าชอบผมอ่ะ แพงแค่ไหนพี่ก็สู้ค่าตัวป่ะ ผมจะได้โก่งค่าตัวตั้งแต่ตอนนี้เลยเนิ่น ๆ”
อย่ามาพูดจามั่ว ๆ ตอนนี้ไอ้มีน กูยังไม่เคลียร์เรื่องนิรณาของมึง เดี๋ยวกูฟันศอกให้เลยไอ้สัด ยังมีหน้ามาทำหน้าระรื่นอีก
“เคลียร์กับน้องนิรณามึงก่อนเห้ออออออออ ก่อนจะมาทำเป็นปากดีให้คนนั้นคนนี้เขาไปขออ่ะ”
เป็นถ้อยคำเย้ยหยัน ที่ทำให้มีนเกิดอาการหน้าเหวอ และไม่รู้ว่าหัวหน้ารู้จักนิรณาได้ไง ทั้งที่ไม่เคยเล่าให้ใครฟังและไม่เคยมีใครรู้เรื่องนี้มาก่อน
“พี่รู้จักนิรณาด้วยเหรอ”
ไอ้เรื่องรู้จักกูไม่รู้หรอก แต่เรื่องที่มึงพร่ำเพ้อหานิรณาตลอดทั้งคืนจนกูต้องเอาหมอนอุดหูไม่ได้หลับไม่ได้นอนน่ะ
ต่อให้กูไม่เห็นหน้ากูก็รู้ชื่อนิรณาสุดที่รัก สุดสวาทขาดใจของมึงไปเรียบร้อยแล้ว
“ชื่อยังขนาดนี้ ตัวจริงคงสวยไม่น้อย”
เป็นการประชดประชันที่ทำให้มีนที่กำลังฟังอยู่ถึงกับถอนหายใจออกมาเสียงเบา ไม่อยากจะคิดหรอกนะ ไม่อยากจะนึกถึงเรื่องที่ผ่านมานานหลายปีแล้ว
“สวยสิพี่ นิรณาทั้งสวยทั้งน่ารัก”
อ่อ มิน่าล่ะ ทั้งสวยทั้งน่ารัก มึงเลยเอาแต่นอนพร่ำเพ้อร้องห่มร้องไห้คิดถึงนิรณาทั้งคืน จนกูไม่ได้หลับไม่ได้นอน
นี่ถ้าเอาหมอนอุดปากมึงได้ กูทำไปแล้ว ติดแต่ทำไม่ได้นี่แหละ กูเลยต้องขนหมอนกับผ้าห่มไปนอนนอกห้อง เพราะความรำคาญ
“แฟนมึงดิ”
แฟนผมเนี่ยนะ
“ห๊ะ”
มีนเกิดอาการงง ที่อยู่ดี ๆ ลูกพี่ก็มาเหวี่ยงใส่อย่างไม่มีเหตุมีผล
“ผมยังไม่มี๊”
เสียงสูงขนาดนี้ กูคงเชื่อเนอะ หน้าอย่างมึงก็ต้องมีแฟนเป็นธรรมดา ตามสมัยนิยม เด็กมหาลัยที่ไหน ๆ เขาก็มีกัน อยู่ดี ๆ มึงบอกว่ามึงไม่มี กูเชื่อมึง กูก็ควายแล้วมีน
“กูเกือบเชื่อแล้ว”
เกือบเชื่อแปลว่าไม่เชื่อ แล้วผมจะโกหกพี่ไปทำไม ในเมื่อผมไม่มีจริง ๆ มีนล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อหยิบโทรศัพท์มาค้นหารูปนิรณาที่เคยถ่ายคู่กันเอาไว้เมื่อหลายปีก่อน และมีนก็ยังเก็บเอาไว้จนถึงตอนนี้
“พี่จะหาว่าผมเป็นแฟนกับหมาหรือไง นี่ไงนิรณา”
ส่งโทรศัพท์ให้คนที่กำลังขับรถ และบุ้งก็รับมาดู ก่อนจะเพ่งมองสลับไปกับการมองทางข้างหน้า
“หมา.........เนี่ยนะ เนี่ยคือนิรณาอะไรของมึงเนี่ยนะ”
หมาพันธ์โกลเด้นตัวใหญ่ ที่หน้าตาท่าทางเป็นหมาผู้ดี กำลังนั่งทำลิ้นห้อย โดยมีมีนที่กำลังยิ้มและชูสองนิ้วอยู่ข้าง ๆ ทำให้บุ้งขมวดคิ้วมุ่น ส่งโทรศัพท์คืนให้มีนเรียบร้อยและมีนก็รับมาถือเอาไว้ และแตะปลายนิ้วไปที่รูปที่ยังอยู่ในโทรศัพท์
รอยยิ้มจาง ๆ แต่หม่นหมองเต็มที และบุ้งก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อไป
“ตายไปได้สองสามปีแล้ว เลี้ยงมันมาตั้งแต่ตัวเล็กๆ ช่วงนี้ดวงผมเป็นอะไรไม่รู้นะ รักใครชอบใคร รักอะไรก็ต้องสูญเสียไปซะหมด”
พูดแล้วมีนก็ถอนหายใจออกมา เก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋าเสื้อและนั่งเหม่อลอย ก่อนจะปิดเปลือกตาลงช้า ๆ
พร้อมกับเสียงบ่นพึมพำกับตัวเองที่ได้ยินกันแค่สองคน
“ผมเลยไม่อยากจะรัก ไม่อยากจะผูกพันกับอะไรแล้ว แฟนอะไรนั่นผมก็ไม่เอา ไม่อยากมี.......เพราะว่าพอถึงเวลาที่ต้องสูญเสีย ผมคงทำใจไม่ได้อีกแล้ว เจ็บคนเดียว ร้องไห้คนเดียว นาน ๆ ไปผมไม่รู้ว่าตัวเองจะทนได้อีกกี่ครั้ง”
ฟัง ...ตั้งใจฟังสิ่งที่มีนพูด และบุ้งก็ถึงกับถอนหายใจตาม
“บางทีคนเราบางคนมันก็โง่เข้าขั้นนะมีน มึงไม่รู้หรอกบางคนนะต่อให้ต้องแลกกับอะไรก็ยอม จะเป็นวัวเป็นควาย เป็นคนโง่ เป็นอะไรก็ได้ ขอเพียงให้คนที่รักอยู่ข้าง ๆ และรับรู้ว่าเขาอยู่กับเราเสมอ ต่อให้เขาจะด่าหรือเห็นเราเป็นควายขนาดไหนเราก็ทนได้”
มีนปรือตาตื่นขึ้นและหันไปมองหน้าลูกพี่ ที่กำลังพูดบางอย่าง ระบายความอัดอั้นตันใจบางอย่างที่อยู่ในใจลึก ๆ มาตลอดหลายปี และไม่เคยพูดให้ใครได้ฟัง
“คนพรรณ์นั้น ไม่มีค่าไม่มีราคาไม่มีอะไรให้น่าจดจำแล้วก็รักหรอกพี่ รักคนที่สมควรรัก คนไม่สมควรรัก รักไปก็มีแต่เจ็บเปล่า ๆ พี่จะทนรักคนแบบนั้นไปเพื่ออะไร ทำร้ายตัวเองไปเรื่อย ๆ แล้วได้อะไรขึ้นมา”
นั่นสิ ได้อะไรขึ้นมา ไม่รู้ว่ะ กูก็ไม่รู้หรอกว่าจะได้อะไรขึ้นมา นอกจากความเสียใจซ้ำ ๆ ช้ำใจครั้งแล้วครั้งเล่า
“พี่.......ผมไม่อยากยุ่งหรอกนะ แต่ถ้าเลิกได้ พี่เลิกเหอะ ผู้หญิงดี ๆ มีอีกเยอะแยะ พี่จะทนรักคนแบบนั้นไปทำไม ผู้หญิงหาเมื่อไหร่ก็หาได้ เอาแบบไหน สเปคไหน ได้หมด คัดไซส์คัดขนาดมาเลยก็ยังได้ ระดับพี่ หาได้ไม่ยากหรอก เชื่อผม”
เหรอ เชื่อมึงเหรอ เชื่อมึงเนี่ยนะ
“ผู้หญิงนะไม่ใช่แตงกวา พูดมาได้ไงให้คัดไซส์คิดขนาดมึงบ้าป่ะเนี่ยเชื่อมึงกูก็บ้าแล้ว ได้ข่าวว่ามึงเองก็ยังไม่มีแฟน”
นั่นมันเกี่ยวกันที่ไหนล่ะ ผมไม่มีแฟน ก็ใช่ว่าพี่จะต้องไม่มีแฟนไปด้วยซะหน่อย มันเกี่ยวกันตรงไหนล่ะพี่
“จะมีได้ไง ก็จีบพี่เช้าสายบ่ายเย็นอยู่เนี่ย พี่ก็ไม่ใจอ่อนรับรักผมซะที พี่จะให้ผมทำยังไง เล่นตัวอยู่ได้ เดี๋ยวก็ปล้ำซะเลยนี่”
เห้อะ
มึงกล้าพูดเนอะ มึงกล้าพูดออกมาได้เนอะ รู้จักกูน้อยไปแล้วไอ้มีน
“พูดจาสั่ว ๆ นะมึง พูดแบบนี้ เดี๋ยวกูตบกบาลแยกเลยเอามั้ย”
ไม่ใช่แค่พูด แต่บุ้งยังทำท่าจะตบกบาลมีนจริง ๆ และมีนก็ได้แต่หดคอเอามือบัง แกล้งทำเหมือนกลัวนักหนา ทั้งที่กำลังหัวเราะชอบใจที่ยั่วโมโหลูกพี่ได้
“โห่พี่ ยุคนี้มันยุคไหนแล้ว ดูอย่างนายกับคุณเลขาสิ คุยกันกระหนุงกระหนิงน่ารักจะตาย หรือพี่ไม่เห็น”
ไอ้มีน.....
“เรื่องนี้มึงอย่าพูดเชียวนะ ไม่งั้นกูเอามึงตาย”
ผมจะไปพูดได้ยังไง ผมก็รู้ว่าอะไรสมควรพูดอะไรไม่สมควรพูดหรอกน่า
“ว่าแต่เหลือเชื่อเลยเนอะพี่ นี่ผมยังอึ้งๆ อยู่เลยนะเนี่ย เวลานายอยู่กับคุณเลขานอกเวลา นายยิ่งดูน่ารักว่ะพี่ พี่ว่าป่ะ”
อย่าวิจารณ์นาย หุบปากได้มึงหุบปากไปเลย
“ถ้ามึงยังขืนพูดอีกนะ มึงได้ลงไปนอนข้างทางแน่”
โห พี่ ผมหยุดแล้วนี่ไง ผมไม่พูดแล้ว มีนเอามือปิดปากและหันไปมองหน้าบุ้ง ทำเหมือนให้รู้ว่าจะไม่กล้าพูดมากอีกแล้ว
และเป็นบุ้งที่ส่ายหน้าให้กับความบ้าบอทะลึ่งทะเล้นของเด็กฝึกงานที่ไม่รู้วัน ๆ มันไปสรรหาวิธีการยั่วโมโหมาจากไหนมากมาย
แต่จะว่าไม่คิดตามสิ่งที่มีนพูดมันก็เป็นไปไม่ได้ ในเมื่อเห็นอย่างที่มีนเห็น เออ.........จะว่าไป....เวลาที่นายกับคุณเลขาอยู่ด้วยกันนอกเวลางาน............. มันก็ไม่ได้ดูแย่อะไรหรอกนะ แถมยังดูน่ารักอย่างที่ไอ้มีนว่าด้วย เรื่องที่ผู้ชายสองคนจะพูดคุยกันด้วยท่าทางน่ารักกระหนุง กระหนิงแบบนั้นแล้วดูดี มันไม่ใช่จะเห็นได้บ่อยๆ หรอก ส่วนใหญ่ที่เห็นจะดูน่าหมั่นไส้ น่าถีบซะมากกว่า
คิด ๆ แล้วผิดกับกูแล้วก็ไอ้มีนลิบลับ ที่แค่ไปกินข้าวด้วยกัน ยังเหมือนคนจะฆ่ากันตาย หาความหวานอะไรให้กันไม่เจอเลยซักนิด
แล้ว................ยังไง
แล้วกูคิด อะไร
เหลือบสายตาไปมองคนที่นั่งอยู่ที่เบาะข้างๆ และบุ้งก็ถึงกับต้องรีบสะบัดหัวไล่ความรู้สึกนึกคิดแปลก ๆ ออกไปจากหัวซะบ้าง นับวันจะคิดอะไรบ้า ๆ บอ ๆ ตามไอ้มีนไปใหญ่แล้ว พักนี้เป็นอะไรวะ ชอบคิดตามสิ่งที่ไอ้มีนพูดจาเพ้อเจ้อใส่เรื่อยเลย
TBC.