Chapter 41
หลังจากเลิกงานจากบริษัทวารินทร์และพายุก็พากันขับรถกลับบ้านวายุเทพทันที แต่เมื่อกลับมาถึงบ้านก็พบเข้ากับปัญหาใหม่อย่างเลี่ยงไม่ได้ ทำให้พายุเริ่มหมดความอดทนเพราะลำพังแค่เรื่องงานตัวเค้าเองก็เครียดมากพออยู่แล้ว เมื่อกลับมาบ้านยังต้องเจอกับการพยายามจับคู่ของป้าลดาของเค้าอีกยิ่งทำให้พายุรู้สึกเครียดมากกว่าเดิม
“อ้าว ตาพายุกลับมาพอดีเลย เดี๋ยววันนี้คุณป้ายลดากับคุณลุงศักดิ์สิทธิ์จะมาทานข้าวเย็นด้วยนะลูก อ้อ หนูลูกตาลกับหนูน้ำเชื่อมก็ด้วยนะจ๊ะ” พายุรู้สึกเบื่อหน่ายแต่ก็เลี่ยงไม่ได้ เพราะอย่างไรคนตรงหน้าก็คือป้าของเค้า…ลดามองวารินทร์อย่างเหยียดๆก่อนจะเดินเข้าบ้านไปก่อน
“ฉันว่าคุณควรจะบอกให้ป้าคุณหยุดแค่นี้ดีกว่านะ เวลานี้พวกเค้าไม่ควรมายุ่งกับพวกฉัน…โดยเฉพาะนารินทร์…ฉันไม่รับรองความปลอดภัยของทุกคนหรอกนะ” พูดจบวารินทร์ก็เดินเข้าบ้านทันที โดยพายุได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอากับความดื้อดึงของป้าตัวเอง และหนักใจกับคำพูดของวารินทร์ พายุเป็นหลานจะพูดอะไรได้ล่ะ
“สวัสดีครับคุณป้า คุณลุง”
“สวัสดีจ้า แหม พายุนี่เจอกี่ครั้งก็หล่อเหมือนเดิมเลยนะลูก…หัวกระไดบ้านคงไม่เคยแห้งเลยจริงไหมคะ คุณหญิงสุดา”
“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ...พายุเค้าไม่ค่อยชอบให้ใครมาวุ่นวายเท่าไหร่ มากี่รายๆก็หนีเตลิดเปิดเปิงไปหมด” สุดาตอบกลับพร้อมด้วยรอยยิ้ม
“แล้วนั่นใครกันจ๊ะ” ยลดาถามต่อเมื่อปรายตามาเห็นวารินทร์
“นี่วารินทร์ครับเป็นผู้ช่วยส่วนตัวแล้วก็เลขาฯผมเอง…วารินทร์ นี่คุณหญิงยลดากับคุณศักดิ์สิทธิ์ พ่อแม่ของน้ำเชื่อมกับลูกตาล” วารินทร์ยกมือไหว้ตามมารยาทแต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรออกไป ทางยลดาก็เมินการไหว้ของวารินทร์เหมือนกัน สุดาเห็นท่าไม่ดีจึงต้องเอ่ยทางเลี่ยงเพื่อลดการตึงเครียดต่อสถานการณ์ตรงหน้า
“ทม จัดโต๊ะเลยนะ…เดี๋ยวเราไปทานข้าวกันดีกว่านะคะ ใกล้ค่ำแล้ว อีกประเดี๋ยวเจ้าวายุคงมาค่ะ ดาโทรบอกเค้าไว้แล้ว”
“งั้นฉันว่าเราค่อยๆทานไปคุยไป แล้วรอเจ้าวายุไปด้วยก็ได้นะ” ลดาเสนอขึ้น ซึ่งทุกคนก็ไม่ได้ขัดอะไร ทุกคนจึงเดินตามกันเข้าไปที่ห้องทานอาหารทันที
“พี่พายุขอน้ำเชื่อมนั่งข้างพี่พายุนะคะ ไม่ได้เจอกันนาน น้ำเชื่อมคิดถึงมากๆเลย” น้ำเชื่อมไม่พูดเปล่า แต่ดันวารินทร์ออกไปแรงๆอย่างจงใจพร้อมกับแทรกตัวเองนั่งลงทันที สุดาได้แต่อึ้งทำอะไรไม่ถูกเพราะวารินทร์มองน้ำเชื่อมด้วยสายตาเฉยชาจนน่ากลัว ในขณะเดียวกันลดาและยลดาก็แสยะยิ้มอย่างถูกใจ
“พี่ว่าคงไม่เหมาะเท่าไรมั้งครับ พี่เป็นผู้ชายมันจะดูไม่ดี” พายุพยายามแก้ต่าง แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลแถมวารินทร์ก็ยอมน้ำเชื่อมอย่างง่ายดายโดยไม่บ่นสักคำเดียว
“ไม่เป็นไรหรออกลูก น้องคงคิดถึง ก็นั่งทานข้าวกับน้องนิดหน่อยจะเป็นอะไรไป คุณป้ากับคุณลุงเค้าไม่ถือหรอก” พายุได้แต่แอบถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะลอบมองหน้าวารินทร์ที่ยังคงแสดงท่าทีนิ่งเฉยไม่สนใจใคร จากนั้นไม่นานทุกคนก็เริ่มทานข้าวพร้อมกับพูดคุยกันไปด้วย โดยส่วนมากจะพูดคุยเรื่องทั่วๆไป
“พายุตักแกงเขียวหวานให้น้องหน่อยสิลูก” ลดาเริ่มบงการพายุอีกครั้ง
“นี่ครับน้ำเชื่อม…ขอบคุณค่ะ เดี๋ยวน้ำเชื่อมตักผัดผักให้พี่บ้างนะคะ” น้ำเชื่อมไม่รอช้ารีบตักผักผักใส่จานพายุทันที พายุเอ่ยขอบคุณก่อนจะทานต่อไป น้ำเชื่อมหันมายิ้มเยาะเย้ยให้วารินทร์เพราะคิดว่าผู้ใหญ่เป็นใจขนาดนี้ พายุไม่หลุดไปไหนแน่ๆ
“เดี๋ยวสิ นารินทร์รอพี่ก่อน” เสียงของวายุดังลั่นมาตั้งแต่หน้าบ้าน ในขณะที่ทุกคนกำลังทานข้าวกันอยู่ ทำให้ทุกคนหันไปมองตรงประตูกันเป็นตาเดียว แต่ก่อนที่ร่างของวายุจะโผล่มา กลับปรากฏร่างของหนุ่มน้อยน่ารักที่อารมณ์กำลังสวนทางกับใบหน้าสุดๆโผล่มาให้เห็นก่อน วารินทร์ทิ้งช้อนแล้วลุกขึ้นเดินไปหานารินทร์ทันทีก่อนจะโอบนารินทร์เอาไว้ทั้งตัวพร้อมกับลูบหัวเบาๆเพื่อให้ใจเย็นลง เพราะรับรู้ได้ว่านารินทร์กำลังเป็นอะไร
“นิ่งเสียนารินทร์ ใจเย็นๆ”
“นารินทร์” วายุรีบเดินตามเข้ามาก็ต้องชะงักเมื่อเห็นแขกคนอื่นๆกำลังทานอาหารกันอยู่เต็มห้องอาหาร
“สวัสดีทุกคนนะครับ ขอโทษที่ทำให้แตกตื่น” วายุรีบขอโทษทุกคนแต่ตาก็ยังไม่เลิกมองนารินทร์ที่กำลังซุกอยู่ในอกพี่ชายของตัวเอง
“มาทานข้าวกันดีกว่าค่ะพี่วายุ ลูกตาลกำลังรออยู่เลยนะคะ” วายุถูกเกี่ยวแขนให้นั่งลงข้างลูกตาลทันที ส่วนวารินทร์เองก็พานารินทร์ไปนั่งลงข้างๆตัวเองเหมือนกัน
“พี่ว่าพี่ไปนั่งข้างๆนารินทร์ดีกว่า” วายุทำท่าจะลุกขึ้นแต่ก็ถูกเสียงของลดาขัดเอาไว้เสียก่อน
“วายุ…นั่งลงเดี๋ยวนี้ จะไปยุ่งเรื่องของพี่น้องเค้าทำไม ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับเราไม่ต้องไปยุ่งกับเค้า” วายุได้แต่ทำหน้าไม่สบอารมณ์และเริ่มทานข้าวโดยมีลูกตาลคอยออเซาะอยู่ข้างๆ ลูกตาล น้ำเชื่อม ลดา และยลดาส่งยิ้มให้กันอย่างสะใจ โดยไม่มีรู้เลยว่าการทำในครั้งนี้จะทำให้พวกเค้าต้องเจอกับบางสิ่งที่น่ากลัวขนาดไหน
“ไม่เอานะนารินทร์ ใจเย็นๆ แค่คำพูดของคนพวกนั้น เราไม่ต้องไปสนใจ เราเป็นใครรู้อยู่แก่ใจใช่ไหม” วารินทร์กระซิบบอกนารินทร์เบาๆ นารินทร์ก็พยักหน้าเข้าใจ แม้ว่าภายในมันแทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้วก็ตาม
“เป็นพี่น้องที่หน้าตาน่ารักทั้งคู่เลยนะคะเนี่ย…แล้วนี่พวกหนูพักอยู่ที่ไหนกันหรอจ๊ะ”
“ผมพักที่นี่…ส่วนน้องชายผมพักที่อื่น” วารินทร์ตอบเสียงเรียบ ไม่แข็ง แต่ก็ไม่นุ่มนิ่มน่าฟังนัก
“อ้าว…แล้วทำไมหนูไม่กลับไปพักที่บ้านล่ะจ๊ะ มาอยู่เป็นกาฝากแบบนี้ไม่เกรงใจเจ้าของบ้านบ้างหรือไงจ๊ะ” ยลดาแสร้งถามอย่างใจดี แต่ก็เชือดเฉือนทุกคำพูดอย่างจงใจ
“ผมให้วารินทร์มาพักที่นี่กับผมเองครับ เผื่อมีอะไรเกี่ยวกับเรื่องงานจะได้คุยได้สะดวก” พายุพูดจบลดาก็เสริมต่อทันที
“แต่ถ้าลูกตาลกับน้ำเชื่อมเป็นสะใภ้บ้านนี้เมื่อไหร่ คุณวารินทร์เค้าก็ต้องออกไปจากบ้านนี้แล้วแหละจ่ะ เพราะบ้านมันคงไม่ใหญ่พอที่จะมีคนนอกเข้ามาวุ่นวายได้” นารินทร์ที่ได้ยินอย่างนั้นถึงกับฉุดขาด หน้ามืดไม่สนใจอะไรอีกต่อไป
“หึ ถ้าได้แต่งอ่ะนะ…แต่มันคงไม่มีโอกาสหรอกนะครับ ในเมื่อหลานคุณทั้งสองคนน่ะ เป็นของเราสองคนพี่น้องมานานแล้ว” นารินทร์พูดจบ สุดา สุพจน์ พายุ วายุ ต่างก็มองมาที่นารินทร์เป็นตาเดียว
“ไอ้ขี้ครอก!!! พูดจาอะไรระวังปากบ้างนะ…หลานฉันกำลังจะหมั้นกับลูกคุณยลดา น้ำหน้าอย่างพวกแก เป็นได้แค่ทางผ่านเท่านั้นแหละ…เอาตัวเข้าแลกกับตำแหน่งเข้าทำงานไม่ใช่หรอ…แกน่ะ นังวารินทร์ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ นังหน้าด้าน!!!” ลดายืนขึ้นด่าวารินทร์อย่างดุเดือด แต่ก่อนที่วารินทร์จะเอ่ยปากอะไรเพื่อโต้กลับไป นารินทร์ก็เกิดท่าทางลุกขึ้นยืนเสียก่อน
“กล้าว่าพี่รินทร์แบบนี้ พวกแกคงไม่อยากจะมีชีวิตอยู่แล้วสินะ” เมื่อนารินทร์พูดจบลมกรรโชกมหาศาลก็พัดกระหน่ำเข้ามาในห้องอย่างรุนแรง จานอาหารทั้งหมดถูกแรงของลมทำให้เคลื่อนที่จนตกแตกกระจายเต็มพื้น และตาของนารินทร์เรืองรองเป็นสีแดงอย่างน่ากลัว
“นารินทร์!!! หยุดก่อน!!! ฟังพี่ก่อน!!!” วายุรีบวิ่งเข้าหานารินทร์อย่างรวดเร็ว แต่ดูเหมือนจะเข้าใกล้ไม่ได้ เมื่อวายุจะจับตัวนารินทร์กลับถูกบางอย่างกระแทกอย่างแรงจนถอยหลังออกไป
“กรี๊ดดดดดด งูค่ะ งูเต็มเลย กรี๊ดดดดดดดดดดด” ลูกตาลและน้ำเชื่อมหวีดร้องด้วยความหวาดกลัว เมื่องูที่กำลังเลื้อยมาจากทุกทิศทุกทางนั้น กำลังมุ่งตรงไปยังพวกเธอ พายุเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเดินเข้าไปคุยกับวารินทร์
“คุณหยุดน้องคุณหน่อยสิ เดี๋ยวเรื่องมันจะบานปลายใหญ่โต” วารินทร์ปรายตามองพายุก่อนจะตอบกลับไปอย่างหน่ายใจ
“หยุดไม่ได้หรอก”
“หมายความว่ายังไง” พายุถามกลับอย่างไม่เข้าใจ วารินทร์นิ่งเฉยอยู่พักหนึ่งก่อนจะตอบกลับไป
“ตอนนี้…ต่อให้เป็นครุฑสองตัวอย่างพวกคุณก็หยุดนารินทร์ไม่ได้” เมื่อพายุได้ยินคำตอบก็ถึงกับกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก และหันไปมองนารินทร์ที่กำลังมีเขี้ยวงอกออกมาจากปากสองข้าง พร้อมกับหน้าและตัวเริ่มขึ้นเป็นเกล็ดสีเขียว
“นี่มันอะไรกันคะ คุณป้าลดา ช่วยลูกตาลด้วย!!!” ลูกตาลเริ่มเสียสติเมื่อถูกงูขนาดใหญ่รัดทั้งแขนทั้งขาทำให้เธอขยับตัวไม่ได้ บวกกับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้…เหมือนไม่ใช่คน
“กรี๊ดดดดดดดดดดดด…แกเป็นตัวอะไรกันแน่!!!”
“จะตกใจอะไรนักหนา ก็แค่อยากเล่นสนุกด้วยเท่านั้นเอง…แคว๊วววววววว” เสียงนารินทร์ทุ้มต่ำอย่างน่ากลัวทำให้ลูกตาลตกใจสุดขีดก่อนจะสลบไป ส่วนวารินทร์ใช้จังหวะนี้ดึงสุดาและสุพจน์ออกมาจากห้องอาหารอย่างรวดเร็ว
“เกิดอะไรขึ้นกับหนูนารินทร์น่ะ วารินทร์” สุดาถามอย่างเป็นห่วงปนอึ้งๆ เพราะน้อยครั้งนักที่จะได้เห็นคนที่สดใส ร่าเริงอย่างนารินทร์น่ากลัวขนาดนี้ ไม่สิ พวกเค้าไม่เคยเห็นนารินทร์เป็นแบบนี้มาก่อนเลยต่างหาก
“ไว้ผมจะเล่าให้ฟังนะครับ” พูดจบวารินทร์ก็เดินกลับเข้าไปในห้องครัวที่เต็มไปด้วยงูมากมาย หากคนทั่วไปเห็นคงขนลุกหรือไม่ก็กลัวจนหมดสติแน่ๆ
“นารินทร์พอแล้วครับ พอแล้ว” วายุพูดเสียงเศร้าพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มคลอหน่วย…วายุกำลังร้องไห้ เพราะนารินทร์กำลังไม่เป็นตัวของตัวเอง ต้นเหตุมันมาจากเค้าใช่หรือไม่ วายุได้แต่ถามตัวเองอย่างนั้น
“…” นารินทร์ที่เห็นน้ำตาของวายุ ก็เริ่มสงบลงก่อนที่ทุกอย่างจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ แต่ถึงกระนั้น ลดา ลูกตาล น้ำเชื่อม ยลดา และศักดิ์สิทธิ์ ต่างก็หมดสติกันหมดทุกคน
“พอเถอะนะ พี่ขอร้อง” นารินทร์เข้าสบอกของวายุทันที วายุก็สวมกอดนารินทร์เอาไว้ทั้งตัว นารินทร์ร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของวายุอย่างสับสน เพราะจิตใจที่กำลังวุ่นวายและอารมณ์ที่แปรปรวน ซึ่งเป็นผลมาจากอาการบางอย่างที่นารินทร์ไม่รู้
“พี่ขอโทษครับ…พี่รักนาคนเดียวนะครับ ต่อให้ต้องตายพี่ก็จะไม่แต่งงานกับใครทั้งนั้น”
“ฮึก…ฮึก…นาขอโทษ…นาไม่สับสนวุ่นวายไปหมด นาไม่รู้จะทำยังไงแล้ว…ฮือ…ฮือ” วายุลูบแขนแขนนารินทร์เบาๆ แต่ก็รู้สึกแปลกๆ เพราะเหมือนมีอะไรบางอย่างหลุดติดมือวายุมาด้วย
“นี่มันอะไรน่ะ” วายุลูบแขนนารินทร์อีกครั้ง ซึ่งผลก็เหมือนเดิมคือ มีแผ่นผิวหนังลอกติดมือวายุมาด้วยเป็นหย่อม วายุตกใจจนทำอะไรไม่ถูก แต่วารินทร์ก็เข้ามาบอกอาการของนารินทร์ก่อนที่วายุจะตื่นตูมไปมากกว่านี้
“นารินทร์กำลังจะลอกคราบ คุณรีบพาเค้ากลับไปที่บ่อน้ำเถอะ พี่ดำจะช่วยนารินทร์ได้…ฉันฝากนาด้วย” วายุพยักหน้าเข้าใจก่อนจะรีบอุ้มนารินทร์ขึ้นและรีบตรงไปที่รถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว ส่วนเรื่องทางนี้วารินทร์กับพายุคงต้องจัดการกันต่อเอง
“ฉันบอกคุณแล้ว ว่าอย่าทำนารินทร์โกรธหรือไม่พอใจช่วงนี้ เพราะอารมณ์ของเค้าไม่คงที่…คุณเห็นผลที่ตามมาหรือยัง” พายุกวาดสายตาไปรอบๆตามคำบอกวารินทร์…ถ้วยชามแตกกระจาย คนนอนสลบอีกสี่คน แถมคนใช้ในบ้านที่กำลังแสดงท่าทางวิตกและหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด
“แล้วคุณไม่ลอกคราบแบบนารินทร์หรือไง”
“มันยังไม่ถึงเวลาของฉัน” พูดจบวารินทร์ก็หันไปจัดการกับเศษซากคนที่นอนสลบอยู่ให้ไปรวมกันที่ห้องรับแขก ก่อนจะกลับมาจัดการกับเศษจานชามที่กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้นจนเรียบร้อย
“ต่อไปก็รอพวกป้าๆกับว่าที่คู่หมั้นของคุณตื่นเท่านั้นแหละ” พายุเดินเข้าสวมกอดวารินทร์ทันทีที่วารินทร์พูดจบ
“ผมจะหมั้นกับคนอื่นได้ยังไง…มีเมียน่ากอดอยู่ตรงนี้ทั้งคน” พายุยิ้มก่อนจะก้มหอมแก้มวารินทร์อย่างหยอกล้อ ต่างกับวารินทร์ที่แสดงท่าทีนิ่งเฉย แต่ในใจกลับไหววูบขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว มันคืออะไรกันแน่นะ…
ปล. ลอกคราบจ้าาาาาาา ตอบถูกหลายคนเลยอ่า >///<