ผมตามอ่านบอร์ดนี้มานานมาก แต่ไม่ค่อยได้คอมเมนท์เท่าไหร่ รู้จักที่นี่ก็อันเนื่องมาจากเรื่องเล่าเซ็งเป็ด ที่อยู่ในใจหลายๆคน ช่วงแรกที่เข้ามาผมชอบมาก มีนิยายวายดีๆให้อ่านเยอะ ถึงจะมีประเภทเนื้อเรื่องเบาโหวงปนมาบ้าง แต่ส่วนดีมีเยอะกว่า แต่เดี๋ยวนี้ผมเริ่มรู้สึกว่าผมหานิยายดีๆตรงใจอ่านได้ยากมากๆ เหมือนกระทู้หนึ่งด้านล่างที่ผู้ตั้งตั้งถามหานิยายดีๆ เปี๊ยบเลย
ผมเพิ่งจะคอมเมนท์ไปสามคอมเมนท์ถ้วน โดยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับนิยายสามเรื่อง เรื่องแรกอ่านจนจบ เรื่องที่สองอ่านไม่จบ เรื่องที่สามเพ่ิ่งเริ่มเขียนได้ตอนเดียวแต่มีแนวโน้มว่าจะดี ทั้งสามเรื่องนับว่ายังดีกว่าอีกหลายเรื่องที่ผมเปิดอ่านแค่สามบรรทัด ห้าบรรทัด แล้วปิดทิ้ง
แน่นอนว่าแต่ละคนมีความชอบไม่เหมือนกัน ดีของผมอาจไม่ดีสำหรับคนอื่น ไม่ดีของผมอาจดีสำหรับคนอื่น ผมเลยอยากให้แสดงความคิดเห็นกันหน่อยเพื่อเป็นแนวทางแก่นักเขียนว่า นิยายแบบไหนที่คุณเปิดอ่านแล้วจะปิดทิ้งทันที เอาแบบติเพื่อก่อนะครับ
สำหรับผม นิยายที่เปิดแล้วจะปิดทิ้งไม่อ่านต่อล้วนมีคุณสมบัติดังนี้
1) นายเอกมีความเป็นผู้หญิงสูงเกินไป ผมว่านักเขียนหลายคนเกิดความสับสนระหว่างเกย์รับ เกย์ออกสาว และสาวประเภทสอง เกย์รับสำหรับผมคือพวกที่แมนๆ คุณดูไม่รู้หรอกว่าเขาเป็น แถมรับได้ด้วย เกย์ออกสาวหรือบางคนก็เรียกตุ๊ดจะมีความเป็นหญิงอยู่ในสัดส่วนค่อนข้างมาก แต่ก็ไม่เท่าผู้หญิงแน่นอน ซึ่งต่างจากสาวประเภทสองที่มักจะคิดว่าตนคือผู้หญิง พอนักเขียนซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงสับสน ก็จะเกิดนิยายประเภทที่ว่าตอนต้นเรื่องนายเอกยังแมนอยู่ดีๆ บางคร้งก็เป็นชายแท้มาก่อน กลางเรื่องเริ่มสาวขึ้นมาไม่มีสาเหตุ เอะอะร้องไห้ เอะอะงอน เอะอะประชด ซึ่งนิสัยแบบนี้มันจะไม่มีในนิสัยผู้ชายหรือเกย์ที่เหมือนผู้ชายส่วนใหญ่ ถึงจะมีก็ไม่มาก ผมเข้าใจว่าเป็นเพราะนักเขียนไปเข้าใจเอาเองว่าพอเป็นรับมันจะต้องมีความสาวปรากฏ เลยเผลอใส่ความรู้สึกนึกคิดของตนเองที่เป็นผู้หญิงลงไปเยอะมาก ส่วนนักเขียนอีกกลุ่มนี่ไม่ได้สับสน แต่น่าจะตอบสนองความต้องการตนเองล้วนๆ เนื่องจากตนเองชอบเกย์ เลยสร้างตัวละครนายเอกขึ้นมาแทนตัวเอง แล้วใส่ความเป็นผู้หญิงเหมือนตัวเองลงไป นิยายหลายเรื่องจึงดูตลกไปเลยในสายตาของผม คืออะไร แมนอยู่ดีๆ ผีผลักให้สาวแตกซะอย่างงั้น
อันนี้ไม่นับนิยายที่บอกตั้งแต่ตอนต้นว่านายเอกเป็นตุ๊ด หรือเป็นสาวสองนะครับ ผมจำได้มีเรื่องหนึ่งนายเอกเป็นตุ๊ด ผมก็อ่าน แล้วก็ต้องชมว่าคนเขียนเขียนดี ทั้งตลกทั้งดราม่ามาเต็ม แต่หลายเรื่องบรรยายนายเอกซะโคตรแมน อยู่ดีๆสาวขึ้นมาซะเฉยๆ อันนี้ผมก็จะปิดไปเลย ไม่อ่านต่อ ยกตัวอย่างเรื่องหนึ่ง นายเอกเป็นนายแบบหนังเอ๊กซ์ มาดแมน รับบทรุกในหนัง แต่นายเอกยืนตบเท้าเวลาไม่พอใจ เอาตามตรงผมยังไม่รู้เลยว่าอาการแบบนั้นคืออะไร แต่เดาว่าคือการเปิดปลายเท้าแล้วตบปลายเท้าลงพื้น
ผมถามจริงๆเถอะครับ คุณเคยเห็นผู้ชายที่ไหนทำกริยาแบบนั้นเหรอ ผมไม่เคยนะ
ที่หนักคือบางเรื่อง พระเอกสาวแตก โอ๊ยยย จะเอาฮาไปไหน ยกเว้นว่าถ้านิยายเรื่องนั้นเปิดเรื่องมาว่าพระเอกเป็นสาวเสียบ อันนี้ก็ไม่ว่ากัน
ลองนึกถึงเรื่องเซ็งเป็ดดูนะครับ ตัวละครทั้งคู่คือภาพของผู้ชายธรรมดารักกันจริงๆ อ้อยเป็นเกย์ที่ไม่เคยแสดงอาการสาวให้เห็น ถึงจะน้อยใจก็เป็นอาการแบบที่ผู้ชายปกติทำ เป็ดก็เป็นผู้ชายธรรมดาที่ไม่ได้เป็นเกย์ ตอนที่ร้องไห้ก็มีเหตุปัจจัยให้ร้อง อ่านไปมาอ้อยที่เป็นเกย์ให้ความรู้สึกแมนกว่าเป็ดด้วยซ้ำ เซ็งเป็ดคือต้นแบบของเรื่องผู้ชายรักกันที่มีความเป็นผู้ชายจริงๆ
ย้ำ ว่า ผมไม่ได้มีปัญหาอะไรกับนิยายที่ตัวเอกเป็นตุ๊ดหรือสาวสอง แต่ผมไม่ชอบนิยายที่บรรยายภาพตัวละครแบบหนึ่ง แต่ตอนดำเนินเรื่อง บุคคลิกตัวละครกลายเป็นอีกแบบหนึ่ง ซึ่งมันดูไม่สมจริง
2) ตัวละครเยอะเกินไป แล้วแต่ละตัวก็เป็นเกย์ไปหมด มีคู่รองเยอะแยะ ซึ่งมันไม่มีทางเป็นไปได้ในชีวิตจริง คือทราบครับว่านี่นิยาย เกิดจากจินตนาการล้วนๆ แต่ผมไม่ได้อ่านนิยายแฟนตาซีอยู่นะ ผมยังต้องการความเหมือนจริงบ้าง ที่สำคัญหลายเรื่องพอเพิ่มคู่รองก็ต้องกระจายบท กระจายไปมาคู่รองเด่นกว่าคู่หลัก แต่ผมได้รับการปูพื้นคู่หลักมาไง ผมอ่านคู่รองแล้วผมจะอินไหม คำตอบคือไม่เลย รู้สึกเสียเวลาในการอ่านสุดๆ แถมบางทีนักเขียนก็งงเอง จับเอาชื่อคู่รองมาใส่ปนกับคู่หลัก คนอ่านก็งงไป กว่าจะถึงบางอ้อว่านักเขียนตาลายก็มึนไปหลายรอบ สำหรับผมแค่สองคู่ก็พอแล้ว บางเรื่องนี่ทั้งเรื่องมีแต่เกย์ๆๆๆ มันไม่ไหวจริงๆ
3) นายเอกท้องได้ อันนี้ไม่เคยเปิดอ่านเลย แนวแฟนตาซีที่ผมชอบอ่านคือแนวย้อนอดีต ผีสางนางไม้ เทพเทวา การที่ผู้ชายท้องได้นี่ไม่รู้จะจัดว่าเป็นประเภทแฟนตาซีหรือว่า Sci-fi ดี
อีกประเภทที่จัดไว้ในพวกที่ผมไม่เปิดอ่านคือพี่น้องพ่อลูกได้กันเองครับ
4) ดราม่าเกินเหตุ นิยายบางเรื่องนี่นึกว่าอ่านดาวพระศุกร์อยู่ จะดราม่าไปไหน จริงๆผมชอบความดราม่านะ ถ้ามันมาในสัดส่วนและเวลาที่เหมาะสม ไม่ใช่จับยัดจับยัด คือคุณต้องไม่ลืมว่าเวลานักอ่านอ่านนิยายดราม่า บางทีมันก็อินต่อ นึกถึงเรื่องที่อ่านก็จะอึนๆมึนๆนอยด์ๆ แล้วหลายเรื่องก็มาต่อเดือนละครั้ง พอมาทีนึกว่าจะคลายปมดราม่า ปรากฏว่าดราม่าต่อ ลองเป็นอย่างนี้สักหกตอนก็แม่เจ้า คนอ่านต้องนอยด์ไปครึ่งปี
โหดร้ายไปไหม ละครช่อง 7 ยังไม่ขนาดนี้เลย แถมละครมันมาทุกอาทิตย์ นอยด์แค่อาทิตย์เดียว อาทิตย์หน้ามันก็คลี่คลายแล้ว เอาแบบพอเหมาะกันดีกว่านะครับ ไม่อย่างนั้นนิยายคุณอาจจะพบจุดจบที่ศพไม่สวย แบบคนอ่านอ่านเยอะอยู่ดีๆ หายไปดื้อๆ ตัวอย่างมีให้เห็นหลายเรื่อง
5) ผูกปมเยอะ ประเภทปมเก่ายังไม่แก้ ปมใหม่มาอีกแล้ว อ่านไปอ่านมาคนอ่านมึนตึ้บ จำแต่ละปมไม่ได้เลย นักเขียนเองเขียนไปมาก็งงเอง จะแก้ปมทีก็ยุ่งเป็นลิงแก้แห บางทีก็เปิดช่องโหว่แสดงความบกพร่องในนิยายของตัวเองออกมาอีกด้วย นิยายเรื่องแรกที่ผมคอมเมนท์คือตัวอย่างเรื่องนี้เลย นักเขียนเขียนขมวดปมเยอะมากจนคนอ่านงง ตามมาด้วยดราม่าก็ขมวดมาอีกปม โดยที่ปมเก่าก็ยังไม่คลาย สรุปก็ต้องตัดจบ
6) เดินเรื่องความเร็วเท่าหอยทาก อ่านไปห้าตอนเนื่้อเรื่องยังไม่ไปถึงไหน อะไรจะหวานเย็นปานน้านนนครับพี่ นายเอกนั่งๆ นอนๆ ไปเรียน กลับห้อง เจอพระเอก กินข้าว กลับห้อง นอน ไปเรียน นึกว่าอ่านไดอารี่ขีวิตประจำวันของใครสักคน
7) บรรยายรายละเอียดจนเยิ่นเย้อ อันนี้จะส่งผลถึงข้อ 6 ด้วย อันนี้ยกตัวอย่างจะเห็นภาพง่ายกว่า เคยอ่านเรื่องหนึ่ง นายเอกจะทำกับข้าวให้พระเอกกิน นักเขียนบรรยายตั้งแต่ไปจ่ายตลาด วิธีเลือกซื้อผัก เลือกซื้อหมู กลับมาบรรยายวิธีหั่นผัก หั่นหมู การทำอาหารแต่ละขั้นตอน ไม่เว้นแม้แต่ตอนโรยผักชี เจ้ครับ ผมรู้ว่าเจ้ทำอาหารเป็น แต่ผมไม่ได้อ่านหนังสือสอนทำอาหารนะครับ
เหตุผลที่ปิดนิยายก่อนอ่านจบก็ประมาณนี้ ผิดพลาดประการใด ทำให้ใครไม่พอใจ ขออภัยมา ณ ที่นี้ครับ และขอขอบคุณนักเขียนทุกท่าน แม้กระทั่งท่านที่ผมไม่เคยได้อ่านนิยายของท่าน ที่มอบความสุขให้คนอ่านครับ
ปล. ถ้าใครมีนิยายที่ไม่เข้าข่ายข้างต้นอยากจะแนะนำให้ผมอ่าน ผมจะขอบพระคุณมากเลย สี่เดือนมานี้ผมอ่านนิยายไม่จบเลยสักเรื่อง