ตอนที่ 13
“หิวจัง มีอะไรกินบ้าง” ศรัณนั่งลงข้างปัญญวัฒน์เอ่ยขึ้น
“เพิ่งลงเวรมาเหรอ” ปัญญวัฒน์มองสภาพเพื่อนก่อนเอ่ยถาม เจ้าตัวได้แต่พยักหน้าตอบ
“อ้าวรัน มาทำไม” ศรุตที่เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นพร้อมปาลิดาทักขึ้นมาเมื่อเห็นหน้าน้องชาย
“เข้าบ้านไปไม่มีใครอยู่สักคน แถมไม่มีอะไรกินอีก เลยมาหาข้าวเช้ากินที่นี่ พี่ปามีอะไรให้ผมกินบ้างไหม” ศรัณหันไปอ้อนพี่สาวเพื่อน ทำให้ศรุตอดที่จะหมันไส้ไม่ได้ ที่บ้านแม่บ้าน เมดอยู่กันเต็มบ้านบอกมาได้ไม่มีใครอยู่สักคน
“ข้าวเช้า อีกไม่ถึงสองชั่วโมงเที่ยงนี่นะ”
“แหมพี่ชายทำเป็นไม่เคยเลยนะ” ศรัณไม่ยอมให้พี่ชายแขวะฝ่ายเดียว
“แก้ว จัดอาหารเช้าให้คุณรันหน่อย” ปาลิดาบอกแก้วที่ยกน้ำส้มออกมาให้เด็กสองคนที่นั่งดูทีวีอยู่ที่ห้องนั่งเล่น
“คุณรันอยากทานอะไรคะ ข้าวต้มกุ้งหรือว่าเบรคฟัส” แก้วหันมาถามศรัณ เพื่อจะได้ไปจัดเตรียม
“ข้าวต้มแล้วกันครับ ขอบคุณครับพี่แก้ว พี่ปาด้วยเหมือนนางฟ้ามาโปรด ไม่เหมือนคนบางคน” ศรัณยิ้มประจบสองสาว ก่อนหันมามองพี่ชายตัวเอง
“มากไปแล้ว หิวก็เดินตามแก้วไปซิ” ศรุตผลักหัวน้องชายเบาๆอย่างหมันไส้ก่อนไล่ให้เจ้าตัวไปรอที่โต๊ะอาหาร
บรรยากาศยามเช้าครึกครื้นมากขึ้นเมื่อมีเด็กชายเรนมาร่วมวง เสียงหัวเราะของเด็กทั้งสองคนเรียกรอยยิ้มให้คนในบ้านศิวะรันธร แม้แต่ศรุตที่ตอนแรกตั้งใจพาว่าที่เจ้าสาวออกไปลองชุดแต่งงานและเอาการ์ดที่ทางร้านแจ้งว่าเสร็จแล้วเรียบร้อย พอมาเจอเด็กๆชายหนุ่มกลับนั่งเล่นนั่งดูการ์ตูนด้วยจนปาลิดาสะกิดแล้วสะกิดอีกเพราะกลัวว่าจะทำธุระเสร็จช้าจนศรุตจะกลับไปไม่ทันเข้าเวรเย็นนี้
“สวัสดีครับทุกคน” ภาสวรเอ่ยทักทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น
“สวัสดีค่ะคุณภาค เชิญนั่งก่อนค่ะ เด็กๆคะดูซิใครมาเอ่ย” ปาลิดายกมือไหว้ภาสวรพร้อมเชิญให้นั่ง ก่อนหันไปเรียกเด็กๆที่จดจ่อกับทีวีจนไม่สนใจใคร
“สวัสดีค่ะอาภาค / สวัสดีคับพ่อ” ทั้งคู่หันมายกมือไหว้ทักทายก่อนจะหันไปดูการ์ตูนต่อ
“มารับน้องเรนเหรอ” ศรุตเอ่ยถามชายหนุ่ม ด้วยความที่เจอกันแทบทุกอาทิตย์เลยคุ้นเคยกันอยู่บ้าง
“ครับพอดีปันบอกว่าจะพาเด็กๆไปทานไอศกรีมผมเลยจะไปด้วย” ภาสวรบอกศรุต ก่อนหันไปมองปัญญวัฒน์ที่นั่งอยู่ไม่ไกล
“คุณภาคสวัสดีครับ โอ๊ยอิ่มจัง” ศรัณยกมือไหว้ภาสวร ก่อนจะเดินไปนั่งเบียดบนโซฟาเดียวกับปัญญวัฒน์
“พี่รุตคะเรารีบไปกันเถอะค่ะ” ปาลิดาดูเวลาแล้วหันไปบอกว่าที่เจ้าบ่าวของเธอ แม้ว่าวันนี้จะเป็นวันหยุดแต่ออกไปใกล้เที่ยงรถอาจจะติดก็ได้
“พวกผมขอตัวก่อนนะ แล้วเจอกัน” ศรุตพยักหน้าให้ปาลิดาเล็กน้อยก่อนหันไปบอกภาสวร
“เด็กๆครับ อารุตกับอาปันจะไปแล้วนะครับ” ปัญญวัฒน์เอื้อมไปสะกิดเด็กทั้งสองคน
“สวัสดีคับ/ค่ะ” เด็กทั้งคู่ยกมือไหว้ลาคุณอาทั้งสอง
“รัน เดี๋ยวเราจะพาเด็กๆไปทานไอศกรีม ไปด้วยกันไหม” ปัญญวัฒน์บอกพร้อมเอ่ยชวนเพื่อนสนิท เมื่อวานก่อนที่จะออกไปงานเลี้ยงกับเปรมณัชเขาสัญญากับพวกเด็กว่าจะพาไปกินไอศกรีมในวันรุ่งขึ้น
“ไม่อ่ะ ง่วงอยากนอนแล้ว” พูดจบศรัณก็เอนตัวลงไปหนุนตักปัญญวัฒน์ทันที
“ง่วงก็กลับบ้านไปนอนดีๆ หรือจะขึ้นไปนอนข้างบน” ปัญญวัฒน์ก้มตัวมองเพื่อนที่นอนตะแครงโดยใช้ตักเขาต่างหมอนหนุนแถมยังคว้าหมอนอิงมากอดเสียอีก
“นอนตรงนี้ก็ได้”
“ไม่ได้ลุกก่อน เดี๋ยวเราจะออกไปข้างนอก” ปัญญวัฒน์เขย่าตัวศรัณเบาๆ
“เด็กๆครับไปเตรียมตัวได้แล้ว ปันไปกันเถอะ” ภาสวรพูดกับเด็กๆ ก่อนเดินเข้ามาหาปัญญวัฒน์พร้อมคว้ามือดึงให้ลุกขึ้นยืน
“โห พ่อการ์ตูนยังไม่จบ อีกนิดเดียวเอง” เด็กชายเรนหันมาบอก แต่เมื่อสบตาคมดุของบิดาจึงลุกขึ้นอย่างไม่เต็มใจพร้อมสะกิดเพื่อนเล่นให้ลุกมาด้วย
“คุณภาคจะรีบไปไหนกันครับ ห้างอยู่แค่นี้เอง การ์ตูนยังไม่จบเลยอีกนิดก็จะจบแผ่นแล้วใช่ไหมเด็กๆ” ศรัณลุกขึ้นมานั่งตอนที่ภาสวรฉุดปัญญวัฒน์ให้ยืนขึ้นพร้อมบ่นออกมา
“ผมว่าคุณไปนอนพักให้สบายไม่ดีกว่าเหรอเพิ่งลงเวรมาน่าจะพักผ่อนดีๆ” ภาสวรพูดกับศรัณที่เงยหน้ามองเขาก่อนดันให้ปัญญวัฒน์เดินออกไปจากห้องนั่งเล่น
“หึ ปันเรากลับบ้านก่อนนะไว้จะมาขอข้าวกินใหม่ คุณภาคผมไปก่อนนะครับ เด็กๆอาไปก่อนนะครับ บ๊าย บาย” ศรัณลุกตามคนอื่นๆออกมา ก่อนบอกลาทุกคน
“บ๊าย บายค่ะอารัน” เด็กหญิงอิงฟ้าโบกมือลาศรัณเมื่อเห็นเพื่อนทำเด็กชายเรนก็ทำตามบ้าง
“บ๊าย บายคับ”
“ปันอยากทานอะไรครับ เดี๋ยวเราทานข้าวกลางวันก่อนค่อยไปทานไอศกรีมกันนะ” ภาสวรเอ่ยถามพร้อมกับอุ้มเด็กหญิงให้ขึ้นไปนั่งคาร์ซิสที่พี่เลี้ยงเด็กยกมาใส่ให้ที่รถตอนที่เขาบอกว่าจะพาเด็กๆออกไปข้างนอก จากนั้นก็อุ้มลูกชายขึ้นไปนั่งคาร์ซิสของตัวเอง
“ว่าไงครับปันอยากทานอะไร” ภาสวรถามอีกครั้งเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มไม่ตอบคำถามของเขา
“เด็กๆอยากทานอะไรครับ” ปัญญวัฒน์ไม่ตอบภาสวรกลับถามเด็กทั้งสองแทน
“ไก่ทอดคับ /หมูทอดค่ะ” ทั้งคู่เลือกไม่เหมือนกันจนผู้ใหญ่ทั้งสองคนในรถหันมามองหน้ากันเอง
“อาหารญี่ปุ่นไหมครับ มีทั้งไก่ทอดและหมูทอดด้วยแถมที่ร้านยังมีไอศกรีมให้เลือกอีก” ภาสวรหันมาถามความเห็นทุกคน
“ดีคับ/ดีค่ะ”
“ตกลงว่าเป็นอาหารญี่ปุ่น งั้นไปกันเลยครับพี่ภาค” ปัญญวัฒน์หันมายิ้มให้ภาสวร
“รับทราบ” ภาสวรเอ่ยขึ้นก่อนที่จะขับรถออกจากบ้านปัญญวัฒน์ไปที่ห้างสรรพสินค้าที่อยู่ไม่ไกลนัก
ปัญญวัฒน์รู้สึกโล่งใจที่ภาสวรกลับมายิ้มแย้มอารมณ์ดีเหมือนเดิมแล้ว ซึ่งแตกต่างจากเมื่อกี้ที่ทำหน้าบึ้งตึงจนไม่มีใครอยากเข้าใกล้ แม้แต่เด็กๆเองก็ดูสงบเสงี่ยมผิดไปจากเดิมเพราะคงจะกลัวว่าจะถูกดุ จนเขาอยากจะบอกภาสวรว่าจะพาเด็กๆไปกันเองจะดีกว่าเผื่อว่าชายหนุ่มจะมีธุระด่วนอะไรต้องไปจัดการ แต่ติดว่าบอกเขาไว้ ทั้งๆที่เมื่อคืนตอนที่มาส่งเขาที่บ้านยังพูดคุยกันดี พอรู้ว่าเขาสัญญากับพวกเด็กๆไว้ก็จะมาด้วยแท้ๆ
“ปัน หิวแล้วเหรอ” ภาสวรเอ่ยถามเมื่อเห็นชายหนุ่มนั่งเงียบจนถึงห้าง
“นิดหน่อยครับ เด็กๆหิวหรือยัง” ปัญญวัฒน์หันมาถามเด็กทั้งสองที่ลงจากรถมายืนอยู่ข้างๆ
“เรนหิวแล้ว” เด็กชายเงยหน้าบอกคุณอาคนโปรด
“ฟ้าก็หิวแล้ว” เด็กหญิงเองก็ไม่น้อยหน้า
“งั้นไปกันเลย น้องเรนมาพ่อ” ภาสวรบอกก่อนจับมือลูกชายไว้แทนปัญญวัฒน์ ให้ชายหนุ่มจูงเด็กหญิงแค่คนเดียว
“น้องฟ้ามาเดี๋ยวอาช่วย ระวังนะครับยังร้อนอยู่” ปัญญวัฒน์ช่วยหั่นหมูทอดราดซอสมิโสะเป็นชิ้นเล็กๆให้หลานสาวพร้อมแบ่งข้าวจากถ้วยออกมาครึ่งนึงเพราะรู้ว่าหลานทานไม่หมดแน่ๆ
“ขอบคุณค่ะอาปัน” เด็กหญิงยกมือไหว้คุณอาก่อนลงมือทานอาหารของตัวเอง
“ทำไมของเรนยังไม่ได้อ่ะ” เด็กชายเอ่ยถาม ของพ่อก็ได้คนแรกเลย ของอาปันกับอิงฟ้าก็ได้แล้ว ทำไมของเขาได้ช้าอยู่คนเดียว
“เดี๋ยวก็มาครับ รอแป๊บ นั่นไงพี่เขาเดินมาแล้ว” ภาสวรพูดยังไม่ทันขาดคำ ข้าวไก่ทอดคาราอะเกะของเด็กชายก็ถูกนำมาเสิร์ฟพร้อมกุ้งเทมปุระ
“กำลังร้อนอยู่ทานระวังนะครับ” ปัญญวัฒน์เอ่ยเตือนเด็กชายที่ใช้ส้อมจิ้มไก่เข้าปาก
“คับ” เด็กชายชะงักไปนิดนึงก่อนเป่าแล้วเล็มๆชิ้นไก่อย่างระมัดระวัง
“เด็กๆเอากุ้งไหมครับ” ปัญญวัฒน์หันมาถามหลานสาวและเด็กชายที่ก้มทานอาหารที่ตัวเองเลือกมาอยู่
“เอาคับ /เอาค่ะ” ทั้งคู่ตอบพร้อมกัน ปัญญวัฒน์จึงตักกุ้งไปให้ทั้งคู่
“อาปันคับเอาน้ำจิ้มอีก” เด็กชายชี้ไปยังน้ำจิ้มของเทมปุระ ภาสวรจึงตักราดให้ลูกชายแทนชายหนุ่ม
“ปันทานเถอะ เดี๋ยวพี่ดูแลเด็กๆให้” ภาสวรที่จัดการอาหารเรียบร้อยแล้วบอกชายหนุ่มให้ทานอาหาร เนื่องจากมัวดูแลเด็กๆเลยยังไม่ทานอะไรเลย
“อิ่มกันแล้วใช่ไหมเด็กๆ แล้วอย่างงี้จะกินไอศกรีมไหวเหรอครับ” ภาสวรมองดูจานอาหารของทั้งคู่ทานข้าวเหลือกันนิดหน่อย
“ทานไอศกรีมไหวคับ เรนทานไก่หมดแล้ว” เด็กชายเรนรีบพูดออกมากลัวว่าพ่อจะไม่พาไปทานไอศกรีม เพราะเขาทานข้าวเหลือก้นถ้วยนิดหน่อย
“ฟ้าทานไม่หมด อาปันขา” สาวน้อยส่งสายตาอ้อนวอนไปหาอาหนุ่มให้ช่วยทานหมูที่เหลืออยู่ เธอกลัวว่าจะไม่ได้ไปทานไอศกรีมเพราะทานเหลือ
“เดี๋ยวเราไปเดินเล่นกันก่อนค่อยมาทานไอศกรีมกันดีกว่าเนอะ” ปัญญวัฒน์เอ่ยขึ้น พร้อมหันไปมองเด็กๆและภาสวรเหมือนจะถามว่าคนอื่นว่าไง จากนั้นก็หยิบหมูทอดของหลานมาทานต่อ
“ดีคับ เรนอยากไปเล่นบ้านบอล” เด็กชายยังติดใจเมื่ออาทิตย์ก่อนที่คุณครูกับอาปันพาเขาและฟ้ามาเล่นสนุกมากๆ
“อาปันว่าเราไปดูหนังสือก่อนแล้วค่อยไปเล่นบ้านบอลดีไหมครับ” ปัญญวัฒน์กลัวว่าเด็กๆที่เพิ่งทานอิ่มๆจะไปเล่นเลยจะจุกเอา เลยอยากพาไปเดินสักพักนึงก่อน
“ดีค่ะ” เป็นเด็กหญิงอิงฟ้าที่ตอบแทน เพราะเธออยากได้นิทานใหม่ๆเอามาให้คุณแม่อ่านให้ฟัง
“งั้นพี่เก็บเงินนะปัน” ภาสวรมองชายหนุ่มที่ทานเสร็จเรียบร้อยกำลังพูดคุยกับเด็กๆเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าตกลงกันได้แล้ว
“ครับ ท่าทางอยากไปกันแล้ว” ปัญญวัฒน์พยักหน้าให้ภาสวรนิดนึงก่อนหันมามองเด็กๆที่เริ่มไม่อยู่นิ่งอย่างเอ็นดู
---- a little cupid ----
“ปัน เป็นอะไรหรือเปล่า” ภาสวรเอ่ยถามเมื่ออยู่ตามลำพังสองคน
“เปล่าครับ” ปัญญวัฒน์หันมาสบตาชายหนุ่มครู่หนึ่งก่อนหันไปมองเด็กๆที่เล่นกันอย่างสนุกในบ้านบอลที่อยู่ไม่ไกล
“พี่ว่าไม่จริง ปันแปลกไปจากเดิม มีอะไรบอกพี่ได้ไหม” ภาสวรเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนกว่าเดิม เพราะเขาสังเกตได้ว่าชายหนุ่มเงียบไปตั้งแต่ออกจากบ้านมาไม่คุยเล่น หรือยิ้มแย้มไม่เต็มที่เหมือนเดิม
“ผมไม่เป็นไรครับ” ปัญญวัฒน์หันมาตอบชายหนุ่มอีกครั้งก่อนมองหน้าภาสวรอย่างชั่งใจว่าควรพูดควรถามกลับไปหรือเปล่า
“แต่...” ภาสวรหยุดพูดเมื่อเห็นสายตาของชายหนุ่ม
ปัญญวัฒน์ถอนหายใจก่อนตัดสินใจพูดออกมา
“ผมควรถามพี่ภาคมากกว่าว่าพี่เป็นอะไร ตอนที่มาบ้านผมยังคุยกันดีๆ จู่ๆก็โมโหออกมา จนเด็กๆกลัวไปหมด”
“พี่เปล่า...” ภาสวรปฏิเสธไปอัตโนมัติ แต่เมื่อสบสายตาที่มองมาทำให้เขาพูดต่อไม่ถูก
“อ้าวงั้นที่พี่เร่งผมและเด็กๆให้ออกมาข้างนอกทั้งๆที่อีกนิดเดียวการ์ตูนก็จะจบแล้ว นี่ยังไม่นับรวมที่ทำหน้าน่ากลัวใส่ไอ้รันอีก” ปัญญวัฒน์ชี้ให้เห็นว่าชายหนุ่มเปลี่ยนไปอย่างไร
“พี่ไม่อยากบอกผมก็ไม่เป็นไรครับ แต่ผมกลัวว่าเด็กๆจะสับสนปรับตัวไม่ทัน” ปัญญวัฒน์เข้าใจดีบางทีภาสวรคงจะมีปัญหาที่เล่าให้เขาฟังไม่ได้ เขาแค่อยากจะเตือนให้ระวัง ไม่อยากให้ชายหนุ่มพาลใส่เด็กๆที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ด้วย
“คือไม่ใช่อย่างที่ปันเข้าใจ ครับ ต่อไปพี่จะระวังมากกว่านี้” ภาสวรไม่รู้จะอธิบายให้ชายหนุ่มฟังว่าอย่างไรดี ว่าเขาเป็นอะไร แต่ก็รับคำว่าจะระวังในการแสดงอารมณ์ต่อหน้าเด็กมากกว่านี้ เขาไม่อยากให้ลูกสับสน หวาดระแวงไปอีก
ปัญญวัฒน์ไม่ได้พูดเรื่องนี้กับภาสวรอีกเพราะเด็กๆได้ออกจากบ้านบอลเดินมาหาพวกเขาให้พาไปทานไอศกรีมตามสัญญาแล้ว
---- a little cupid ----
“การสันนิษฐานของมึงน่าจะจริงว่ะ” ศรัณเอ่ยขึ้น หลังจากได้นอนเต็มอิ่มแล้ว เขาจึงได้โทรหาเพื่อนสนิท ก่อนที่จะมาหาเพื่อคุยกัน
“มึงไปเจอมาแล้วเหรอวะ” นาวินถามขึ้น เขาเพิ่งเล่าให้เพื่อนฟังเมื่อคืนหลังจากที่กลับจากงานเลี้ยง ไม่คิดว่าเพื่อนจะไปเจอไวขนาดนี้
“อืม” ศรัณเล่าเรื่องที่เขาไปบ้านปัญญวัฒน์หลังจากลงเวรแล้วให้นาวินฟัง
“กูว่าพี่ภาคน่าจะชอบไอ้ปัน แต่ไม่รู้ว่าเขาจะรู้ตัวไหม” นาวินพูดในสิ่งที่เขาคิด
“กูว่าน่าจะรู้นะ มองยังกับจะกินหัวกูเข้าไปอยู่แล้ว กูเป็นเพื่อนสนิทมันนะโว้ย รู้จักกันมาตั้งแต่เกิดก็ว่าได้” ศรัณอดที่จะขนลุกไม่ได้ ที่ภาสวรหึงเขากับปัญญวัฒน์
“นั่นสิ” นาวินคล้อยตาม “เออ มึงว่าเราควรบอกเฮียไหม” นาวินทำหน้าหนักใจหันมาขอความเห็น
“กูก็ไม่รู้ว่าควรบอกดีไหม” ศรัณพึมพำออกมาเบาๆ เขาเองก็รู้สึกหนักใจไม่ต่างกัน
***************
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและติดตามกันค่ะ