CHAPTER 10: You’re Welcome “วัสดุพอลิเมอร์ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นมากในการออกแบบวิศวกรรม ข้อดีของมันมีมากอย่างที่บอกไป
ราคาถูก ง่ายต่อการขึ้นรูปเป็นผลิตภัณฑ์ ทั้งยังมีคุณสมบัติที่ดีอีกหลายอย่าง โดยเฉพาะในแง่ของน้ำหนัก”
ดวงตาภายหลังกรอบแว่นแดงจ้องจอโปรเจ็กเตอร์ หูฟังเสียงบรรยายและช็อตโน้ตเอาไว้เป็นพักๆ
เหมือนเคยทุกเย็นวันอังคาร Engineering Materials เป็นวิชาปิดท้าย
เมื่อเลิกคลาส ม่อนแจ่มจึงเก็บข้าวของลงกระเป๋า สะพายเป้ออกนอกห้องเรียน
ตามปกติ ไอดิลเพื่อนซี้มักจะนั่งรออยู่หน้าคณะ กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมกันและกลับมาเข้าห้องเชียร์ก็พร้อมกัน
เวลาในมหาวิทยาลัยผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน
ทีแรก.. ม่อนแจ่มกังวลว่าตัวเองจะปรับตัวได้ไหม ออกจากบ้านเป็นครั้งแรก อยู่หอครั้งแรก ซ้ำเขายังเต็มไปด้วยลักษณะอันไม่น่าพึงประสงค์สำหรับการเป็นเด็กหอเสียขนาดนี้ เวลาจะผ่านไปอย่างช้าๆไหม..
ทว่า ไม่เป็นเช่นนั้นเลย เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนแทบไม่รู้เนื้อรู้ตัว ตระหนักได้อีกที ตัวเองและผองเพื่อนก็จะสอบปลายภาคเทอมแรกอยู่แล้ว
ร่างเล็กค่อยๆย่างเท้าเดินออกจากอาคารพร้อมผองเพื่อนเครื่องกล ผู้ซึ่งรู้สึกว่าวันนี้ ..แม่งมีเรื่องพุดคุยกันมากกว่าปกติ
“ไอ้ม่อนมาไหมมึง พี่แจ็คมีเรื่องเล่าเยอะแยะ”
เรื่องเล่า? ม่อนแจ่มเลิกคิ้ว
“เดี๋ยวๆ กูส่องเพื่อนกูแป๊ป” ม่อนแจ่มตะโกนตอบ สอดส่ายสายตาหาไอดิล
ทว่า รูมเมทสิ่งแวดล้อมยังไม่มาสักที เขาจึงชักจะสนใจว่าพวกเพื่อนๆที่นั่งรวมหัวกันที่โต๊ะม้าหินอ่อนนั้นกำลังทำอะไรกัน
พวกแม่งนั่งอยู่โต๊ะหัวมุม ล้อมพี่แจ็คปีสอง นั่งฟังอย่างตั้งใจยิ่งกว่าเรียนเครื่องกล อะไรกัน? กรูจะฟังบ้าง
“ช่วงสอบนี่แหละระวังไว้..”
เสียงพี่แจ็คเอ่ยเนิบๆ เมื่อเขาเข้ามาใกล้ “ตอนนั้น พี่ก็ไปห้องน้ำใช่ไหมล่ะ..”
“มาๆ ไอ้ม่อนมา” เพื่อนขยับตัวออกให้ เขาจึงหย่อนก้นลงนั่งด้วยคน ถือว่าฟังฆ่าเวลารอรูมเมทสิ่งแวดล้อม
“พี่เห็นขาก่อน.. ที่อ่างซักล้าง แบบว่า.. แกว่งเล่นอยู่น่ะนะ พี่ก็ไม่อะไรไง ก็เดินเข้าไปข้างใน
ทีนี้ล่ะ ..ก็หันมาหาพี่ทั้งตัว”
ม่อนแจ่มเลิกคิ้วอีกครั้ง พยายามจับประเด็น
“แล้วเขาทำหน้ายังไงพี่” เพื่อนถามอย่างอยากรู้ ทว่า พี่แจ็คดูเหมือนไม่มีคำตอบให้
“พี่ไม่รู้ว่ะ ..ก็เขาไม่มีหัว”
.
.
“เหี้ยยย!” ม่อนแจ่มสบถลั่น ดีดตัวลุกขึ้นยืน ดวงตาเบิกกว้าง
“ไอ้ม่อน!” ไอ้เมษว้ากเบาๆ “เป็นอะไรของมึงวะ ร้องซะลั่น”
สายตาชายฉกรรจ์รอบโต๊ะมอง ‘ม่อนแจ่มน้อย’ เป็นตาเดียว เขาจึงค่อยๆปรับสีหน้าและลมหายใจให้เป็นปกติ
“อะ..เอ่อ เปล่า” เสียงเล็กตอบอย่างที่คิดว่าดูกล้าหาญ ขณะที่ขาสั่นพั่บๆและฟันกระทบกันดังกึกๆ
“กลัวหรือไง..” เพื่อนแม่งหรี่ตาลง
กลัว? กู.. กูน่ะเหรอ?
“นี่ใคร?” นิ้วเรียวจิ้มอกตัวเอง “น..นี่คือม่อนแจ่มแห่งวิศวฯเครื่องกลนะ ฮ่ะๆ!”
กลบเกลื่อน ม่อนแจ่มรีบหัวเราะกลบเกลื่อน ขณะเพื่อนร่วมสาขาบ่นอีกครั้ง
“ขัดจังหวะจริงไอ้ม่อน กูกำลังได้ฟีล ไม่กลัวก็นั่งฟังต่อ พี่เขามีอีกหลายเรื่อง”
ฟ..ฟังต่อ?
ให้..ให้กูฟังต่อ
อีก..ห..หลายเรื่อง..
…
ม่อนแจ่มกลับมาถึงหอสามชายในสภาพ..
เอาเป็นว่า ม่อนแจ่มไม่ใช่ม่อนแจ่มคนเดิมอีกต่อไปนับตั้งแต่บัดนี้
สารพัดเรื่อง ‘สิ่งที่คุณน่าจะรู้ว่าอะไร’ ที่รุ่นพี่เล่าตีกันยุ่งในหัว
จำต้องเหลือบมองทางเดินอย่างหวาดระแวง มองให้แน่ๆว่าไม่มีอะไร แล้วจึงค่อยเดินไป
ผนังห้องสองข้างดูจำกัดทางเดินให้แคบลงและชวนขนหัวลุกยิ่งกว่าปกติโดยไม่รู้เหตุผล
อากาศยามเย็นย่ำวันนี้หนาวยะเยือก.. สายลมไม่พัดมา ใบไม้หยุดพลิ้วไหว ทุกสิ่งทุกอย่างแลดูสงัดเงียบ..
“ไอ้ม่อน!”“เย้ยยย อ๊ากกก อย่า ม่อนกลัวแล้ววว!”
…
…..
อะ.. เอ่อ..
ที่ยืนแตะไหล่ม่อนแจ่มจากข้างหลังนั้นคือไอดิล รูมเมทสิ่งแวดล้อมที่คุ้นเคย
“จะบอกว่าโทษที วันนี้กูเลิกช้า” เพื่อนคู่ซี๊หรี่ตา “แล้วนี่มึงเป็นอะไร ยกมือไหว้กูทำไม?”
เหรอ.. กูยกมือไหว้มึงเหรอวะ ไอ้ดิ้ล..
“อ้อ กู กู..” ม่อนแจ่มพยายามหาคำอธิบาย “กูเคารพมึงไง ดิ้ลเพื่อนรัก”
หัวเราะแก้เก้อ แล้วม่อนแจ่มก็รีบกอดคอไอดิลเดินไปห้อง 338 ชวนพูดคุยต่ออย่างเนียนๆ
“เอ้อ.. เลิกช้าเหรอ คาบสุดท้ายสนุกไหม อาจารย์ผู้ชายหรือผู้หญิง ใส่เสื้อสีอะไรมาสอน กางเกงล่ะ ใส่มาด้วยไหม..”
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
ไฟดับมืดลงอีกครา.. ไม่รู้ทำไมคืนนี้ม่อนแจ่มไม่นึกอยากให้ช่วงเวลานอนมาถึง เขาใส่แว่นแดงหันไปทางพชรอย่างเคยชิน
ตาโฟกัสร่างเจ้าของเตียงเดี่ยว พยายามไม่ให้ความคิดเดินทางไปท่องเที่ยวที่อื่น โดยเฉพาะเรื่องราวในความทรงจำเมื่อตอนเย็น
ร่างเล็กพลิกไปพลิกมาอย่างกระสับกระส่าย ไม่เคยหลับยากเท่านี้ แต่ครานี้ หนึ่งชั่วโมงผ่านไปแล้ว เขายังลืมตาโพลงอยู่
ปกติม่อนแจ่มหลับก่อนพชร..
นี่คือความจริงที่เพิ่งตระหนัก ..ตระหนักเมื่อได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอท่ามกลางความเงียบ ซึ่งทุกคืนก่อนจมลงสู่ภวังค์ ทั้งที่ร่างกำยำนั้นนอนหลับตา เขาก็ไม่ได้ยินชัดเจนมากเท่านี้เลย แม้ว่าจะตั้งใจฟังเพียงใด คงเป็นเพราะ.. พชรหลับทีหลังเขานั่นเอง
ทว่า คืนนี้ ไม่ต้องสงสัยเลย พชรหลับแล้ว..
ส่วนไอดิลน่ะหรือ? หลับก่อนใครเพื่อนทุกคืนและหลับได้หลับดีจนถึงเช้า ไม่ต้องหวังพึ่งอะไรมันในช่วงเวลากลางคืนเลย
“..หงึ”
ม่อนแจ่มอุทานอย่างเจ็บใจตัวเอง เมื่อดันปวดฉี่ขึ้นมา
ไม่ได้อยากลุกขึ้นไปห้องน้ำรวมตอนดึกหรอก กลัวเจอเพื่อนที่ไม่สนิทที่สุด
แล้วนี่.. ดันมีเรื่องเพื่อนที่ไม่สนิทที่สุดยิ่งกว่าเข้ามาอีก
เขาก็เดินไปได้อยู่บ้างในบางคืน แต่มันมีความแตกต่างมากนัก ระหว่างไปแบบหัวสมองโล่ง กับไปแบบมีเรื่องเล่าเต็มหัว และมโนภาพพาลจะนึกจินตนาการตามเรื่องพวกนั้นเสียเรื่อยๆแบบนี้
“ไม่มีอะไรหรอก เราแค่จะไปฉี่” ม่อนแจ่มพึมพำบอกตัวเอง ยันตัวลุกขึ้น
“ฉี่แป๊ปเดียว” เขาย้ำตัวเองอีกครั้ง แล้วก้าวขาลงจากเตียงล่าง สูดลมหายใจ จับลูกบิดประตู
‘พี่ไม่รู้ว่ะ ก็เขาไม่มีห..’“อ๊ากกก.. ฮื่อ” เสียงครางเล็ดลอดออกมาจากลำคอ
ไม่ไหว จะยืนไม่อยู่ด้วยซ้ำไป ไม่ต้องพูดเรื่องจะเดินไปห้องน้ำเลย ม่อนแจ่มหางจุกตูดกลับไปนอนต่อ
.
.
แต่มันจะนอนได้ยังไงวะ ..กูปวดฉี่เนี่ย!
ฮึ่ม! อะไร อะไรกัน?
เขาคือม่อนแจ่มนะ นี่คือม่อนแจ่มแห่งวิศวฯเครื่องกล
คิดแล้วก็เหลือบมองภาพการ์ตูน A3 ที่แปะอยู่บนผนังในความสลัว บอกตัวเองให้ฮึดสู้!
ร่างเล็กลุกขึ้นมาอีกรอบ
“เราแค่จะไปฉี่ ..ก็แค่ไปฉี่ เราต้องกล้าฉี่สิวะ!” ม่อนแจ่มกระซิบกระซาบคนเดียว
“ไม่ฉี่เอง แล้วใครจะมาฉี่ให้ล่ะ ..เนอะม่อนเนอะ”
มือเรียวจับลูกบิดประตูหมุนอีกครั้ง..
แสงไฟทางเดินส่องพอสว่าง ทว่า ก็มีมุมมืดอยู่บ้าง โดยเฉพาะที่ใกล้ๆห้องน้ำ ซึ่งไฟไม่เปิดทิ้งไว้หมดทุกดวง..
“ฮืออ..” เสียงเล็กครางในลำคอ ปิดล็อคประตู กลับขึ้นเตียงอีกครั้ง พยายามนอนให้หลับ
คนเราไม่จำเป็นต้องฉี่ก็ได้.. ม่อนแจ่มฝืนบอกตัวเองอย่างยากเย็น
.
.
แต่มันต้องฉี่ป่ะวะ!
ม่อนแจ่มเด้งตัวลุกขึ้น พ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด ก้าวขาลงจากเตียงอีกครั้งอย่างไม่ยอมหยุดคิด
กระชับแว่นแดงให้มั่น ตั้งตรงบนสันจมูก พร้อมจะไปตะลุยกับโถฉี่
มือเรียวจับลูกบิดประตู ยืนรีๆรอๆ กึ่งๆจะวิ่งไปห้องน้ำด้วยความเร็วแสงและกึ่งๆจะโดดขึ้นเตียงคว้าผ้าห่มมาคลุมโปงเสียให้มิด
“แว่นแดง?”
“อ๊ากกกก อย่า อย่าทำม่อนน้อย!” ม่อนแจ่มร้องลั่นกับเสียงเพรียกในยามดึก
อย่า.. อย่ามาหลอกมาหลอนเลยครับ อย่าทำคุณหนูม่อนเลยครับ
ร่างเล็กทรุดนั่งลงบนพื้น ก้มหน้าก้มตา ยกมือไหว้ท่วมหัว ..ซึ่งท่าทางนั้นเล่นเอาคนงัวเงียตื่นเต็มตา
ร่างสูงถลันลุกไปหา สองมือกอบกุมมือขาวที่ประนมไหว้นั้นเอาไว้อย่างปลอบโยน ..โดยไม่ทันรู้ตัว
“แว่นแดงเป็นอะไร?”
แว่น..
แว่นแดง?
คำเรียกนี้..
สัมผัสนี้..
มือคู่นี้..
มือ..
“พชร!”อุ่น..
ไม่รู้ทำไมมันถึงอุ่นไปทั้งหัวใจ
แค่เรียกชื่อนี้ทำไมม่อนแจ่มถึงได้รู้สึกว่า ..ตัวเองปลอดภัยแล้วจากทุกอย่าง
“เป็นอะไร?” เสียงเข้มถามย้ำ
ไม่มีคำตอบ เพราะม่อนแจ่มนิ่งอึ้ง อึ้งเพราะตระหนักว่าสองมือตัวเองถูกประกบไว้ด้วยสองมือของอีกฝ่าย
นั่นจึงทำให้พชรรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรไม่ถูกไม่ควร ..มือแกร่งผละออก
“เป็นอะไร?”
“พชร”
เรียกชื่อก่อน จะมีอะไรก็เรียกชื่อไว้ก่อน แล้วเสียงเล็กก็ค่อยๆตอบตะกุกตะกัก “กู.. กูปวดฉี่”
ปวดฉี่?
พชรเลิกคิ้ว “แล้วทำไมไม่ไปห้องน้ำ”
“กู..” ม่อนแจ่มอึกอัก เขาเป็นลูกผู้ชาย แม้อกจะไม่ถึงสามศอก ..แต่จะให้ยอมรับเรื่องนี้
“คือเมื่อตอนเย็น.. กูนั่งรอไอ้ดิ้ลใต้คณะ”
ยอมรับ.. กับเพื่อนเครื่องกลไม่อยากยอมรับ แต่สำหรับพชรนั้นต่างออกไป
เป็นรูมเมทที่ไม่ได้สนิทอะไรกันเลย แม้แต่ชื่อ.. พชรยังไม่ยอมเรียกเขาด้วยซ้ำ
แต่กับพชร.. ไม่รู้ทำไมม่อนแจ่มรู้สึกว่าอยากบอกทุกสิ่งทุกอย่าง
“ระหว่างนั้น รุ่นพี่เขาเล่าเรื่อง เรื่อง..”
ไม่สามารถนิยาม ได้แต่พูดวกไปวนมา พยายามอธิบายกระท่อนกระแท่น โดยไม่ระบุ ‘คำหลัก’ เลย
ก่อนจะสรุป..
“กูไม่กล้าบอกว่ากลัว เลยต้องนั่งฟังจนจบ ..จบไม่รู้กี่เรื่อง ..แถมไม่ซ้ำสถานที่เลย”
ม่อนแจ่มรอให้เสียงเข้มหัวเราะเยาะ
ทว่า.. มีเพียงความเงียบเป็นการตอบกลับ พชรนิ่งอึ้งไปหลายอึดใจ มองคนตรงหน้าให้เต็มๆตา ที่สุดก็เอ่ย
“ไป”
ห๊ะ?
“ไปไหน” ม่อนแจ่มเลิกคิ้ว
“ไปห้องน้ำไง” พชรเลิกคิ้วบ้าง จำต้องอธิบายเมื่อคนตรงหน้าไม่มีทีท่าเข้าใจ “กูจะไปเป็นเพื่อน”
“มึงจะไป.. ไปห้องน้ำเป็นเพื่อนกู” ม่อนแจ่มทวนคำแปลกใจ เล่นเอาพชรลอบขำ นี่เขาดูเป็นรูมเมทใจโหดมาตลอดหรืออย่างไร?
“จะไปไหมล่ะ หรือจะเอากระโถน?” ล้อเลียนน้อยๆ จึงทำให้คนฟังถลึงตาใส่ในความสลัว
“ไป!” มือแกร่งหมุนลูกบิดเปิดประตู ก้าวออกไปยืนนอกห้องก่อน ตามมาติดๆด้วยร่างเล็ก
เดินหน้าก็ไม่อยากนำ เดินหลังก็ไม่อยากตาม เดินหน้าก็กลัวหน้า เดินหลังก็กลัวหลัง
ม่อนแจ่มจึงก้าวขาสั้นป้อมของตัวเองให้ทันพชร พอๆกับที่พชรก็ละขายาวให้ก้าวสั้นกว่าปกติเพื่อให้คนตัวเล็กกว่ามาเดินเคียง
พชรทำท่าจะส่งม่อนแจ่มไว้หน้าห้องน้ำ ขาสั้นจึงหยุดยืนนิ่ง เหลือบมองเข้าไปข้างในอย่างกลัวๆ
“ไป”
มือแกร่งแตะเบาๆที่ไหล่และผลักอย่างเบากว่าเข้าไปในห้องน้ำ ตนเองเดินตามเข้ามาด้วย ..ยืนพิงกรอบประตูรอ
เพียงเท่านั้น.. ม่อนแจ่มก็เดินช้าๆเข้าไปทำธุระของตัวเอง
ไม่นานนัก สองร่างก็เดินเคียงกลับมาในทิศทางเดิม เงียบกันไปทั้งคู่..
พชรหมุนลูกบิดห้อง 338 ค้างประตูเปิดไว้ พยักพเยิดให้อีกฝ่ายเดินเข้าไปก่อน
กิริยานั้นทำให้ม่อนแจ่มยืนนิ่งมองตา..
“อะไร?” พชรเลิกคิ้วงงๆ
ม่อนแจ่มส่ายหน้าบางๆ ก้มลงน้อยๆ แอบซ่อนรอยยิ้มกว้างของตัวเองเอาไว้
“เห็นไหม ไม่มีอะไรเลย” คนไม่ค่อยพูด พูดขึ้นทันทีที่เข้ามาภายใน
“ก็มึงไปด้วยนี่” เสียงเล็กงุบงิบตอบดื้อดึง รอยยิ้มหายกลายเป็นเบ้หน้า “ใครจะไปรู้ว่าถ้าไปคนเดียว กูจะเจออะไร..”
พชรพ่นลมหายใจหน่ายๆในความรั้น แล้วเอ่ยเรียบๆก่อนล้มตัวลงนอน “ทีหลังก็เรียกแล้วกัน”
ห๊ะ?
ม่อนแจ่มเบิ่งตา..
รูมเมทร่างสูงนอนหงาย เปลือกตาปิดลงแล้ว แต่เสียงทุ้มที่อบอุ่นนั้นยังคงก้องอยู่ในหู
‘ทีหลังก็เรียกแล้วกัน’ร่างเล็กเอนตัวนอนลงบนเตียงล่างของตัวเองบ้าง
ใบหน้าหันตะแคงมองร่างที่นอนหงาย มือข้างหนึ่งแนบลำตัว อีกข้างทาบไว้กับหน้าท้องซึ่งคงเต็มไปด้วยมัดกล้าม..
“ถอดแว่น แล้วนอนซะ” พชรพึมพำทั้งหลับตา
ม่อนแจ่มอึ้งไปเป็นอึดใจ ยิ้มกว้างกับหมอน ค่อยๆดึงแว่นถอดออก วางไว้บนโต๊ะ
เสียงก๊อกแก็กที่ดังมา ทำให้พชรรู้ว่าแว่นแดงทำตามแล้วเรียบร้อย
ว่านอนสอนง่ายแบบนี้ก็ดี.. พชรเผลอยิ้มน้อยๆในความสลัวของห้อง
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
ปกติ ไม่ได้ลุกไปฉี่ทุกคืนหรอก แต่ในภาวะที่จิตใจผิดปกติแบบนี้ ดูมันจะปวดฉี่บ่อยจริงเว้ย..
ม่อนแจ่มลุกขึ้นจากเตียงในความมืดอีกครั้ง ขาก้าวมาหยุดหน้าเตียงเดี่ยวอย่างลังเล
เกรงใจก็เกรงใจ แต่..
‘ทีหลังก็เรียกแล้วกัน’“พชร” เสียงเล็กเรียกเบาๆ ทว่า เสียงหายใจสม่ำเสมอนั้นทำให้รู้ว่าคำเรียกแสนเบาคงไปไม่ถึง
ม่อนแจ่มกลืนน้ำลาย ค่อยๆแตะลงเบาๆที่ท่อนแขนแข็งแรงนั้น “พชร..”
เปลือกตาค่อยๆลืมขึ้น พร้อมเสียงครางรับในลำคอ “หืม..”
“ปวดฉี่..”
พชรปรับโฟกัสสายตาอยู่แป๊ปหนึ่ง สลัดความงัวเงียทิ้ง แล้วยันตัวลุกขึ้น
ร่างสูงก้าวนำไปเปิดประตูให้..
เดินช้าๆ ไปตามทางเดินสู่ห้องน้ำ และตั้งท่าจะก้าวเข้าไปภายในเหมือนเช่นคืนวาน ทว่า แขนขาวแตะยั้งไว้เบาๆ
สัมผัสแผ่วเบาที่ทำให้ชะงัก..
“พชร.. เอ่อ..” ม่อนแจ่มค่อยๆเอ่ยอย่างตัดสินใจ “วันนี้มึงยืนรอข้างหน้านี่แหละ ม..ไม่ต้องเข้าไปหรอก”
พชรเลิกคิ้วอย่างเคลือบแคลง แต่ก็ทำตาม ร่างสูงยืนรออยู่หน้าประตู
ส่วนม่อนแจ่มสูดลมหายใจ ก้าวช้าๆเข้าไปในห้องน้ำ.. พลันสายตาปะทะกับอ่างซักล้าง ขาขยับจะถอยหลัง เพราะจินตนาการภาพน่ากลัวเรียบร้อยแล้ว
“อืม..”
เสียงครางในลำคอหรือเสียงกระแอมสักอย่างดังมาจากหน้าประตู ..เสียงที่ม่อนแจ่มจำได้
พชรไอหรือ? หรือกลืนน้ำลาย? ไม่รู้..
เท่าที่รู้คือ.. เสียงนั้นบอกให้รู้ว่าพชรอยู่หน้าห้องน้ำ ..และหน้าห้องน้ำก็มีพชรอยู่
ความรู้นั้นทำให้ก้าวไปข้างหน้าแทนที่จะถอยหลัง..
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
เป็นตอนตีสาม.. ที่ม่อนแจ่มตื่นขึ้นมาเพราะปวดฉี่อีกแล้ว
ร่างเล็กถอนหายใจ คว้าแว่นแดงมาใส่และหันไปทางเตียงเดี่ยวเหมือนทุกคืน ..ต้องรบกวนพชรอีกแล้วสินะ
เกรงใจ ไม่ใช่ไม่เกรงใจ ต้องตื่นดึกๆเดินไปห้องน้ำด้วยสองคืนติด..
“พชร..”
เสียงเรียกพร้อมสัมผัสเบาๆบนท่อนแขนทำให้ลืมตาตื่นขึ้น
พชรพยักหน้าทั้งยังงัวเงีย ยันตัวลุกขึ้นทันทีโดยอัตโนมัติ
ร่างสูงก้าวลงจากเตียง หมุนลูกบิดประตูเปิด เดินออกไปก่อนตามสเต็ป
เตรียมเดินต่อเมื่อคนข้างหลังเดินออกมาและดึงประตูปิดให้ตามหลัง ทว่า เป็นม่อนแจ่มที่ยั้งเอาไว้อีกครั้ง
“เอ่อ.. พชร คืนนี้มึงอยู่หน้าประตูห้องนะ กูจะเดินไปเอง”
เดินไปเอง?
พชรเลิกคิ้ว
“ขอแค่มึงรอ ..รอหน้าห้อง” ม่อนแจ่มมองตา กลืนน้ำลายลงคอเบาๆ
เมื่อใบหน้าคมสันพยักรับ เขาจึงพยักบ้างและสูดลมหายใจ ค่อยๆก้าวไปทางห้องน้ำ
พชรมองตาม ร่างเล็กที่ขาสั่นน้อยๆ..
ร่างสูงยืนพิงประตูห้อง 338
สายตาจ้องไปทางประตูห้องน้ำรวมที่เห็นไกลๆตาไม่กะพริบราวกับกลัวว่ามันจะหาย
และ.. เมื่อหัวเล็กพร้อมตัวโผล่กลับออกมา รอยยิ้มก็เผลอแต้มใบหน้าคมด้วยความโล่งใจ
ก็รู้อยู่แล้วว่าไม่มีอะไร จะเบาใจทำไมวะกู.. พชรโคลงศีรษะน้อยๆอย่างขำตัวเอง
แล้วม่อนแจ่มก็เดินกลับมาถึงหน้าห้องเองโดยสวัสดิภาพ ใบหน้าขาวแม้จะซีดเซียวเล็กน้อย แต่ก็ประดับด้วยรอยยิ้ม
ไม่ใช่ม่อนแจ่มไม่กลัว..
กลัวสิ และยังคงกลัวมากเท่าเดิม แต่ที่เพิ่มเติมคือความกล้า
กล้า.. เพราะรู้ว่ามีคนรออยู่ตรงนี้ ..ตรงที่พชรยืน
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
“พชร”มือบางแตะเบาๆที่ไหล่ ดวงตาสีเข้มลืมขึ้นทันทีด้วยคุ้นชินสัมผัสเรียบร้อยแล้ว
“อืม ไป” พชรครางรับโดยอีกฝ่ายไม่ต้องพูด ร่างกำยำยันตัวลุกขึ้น ปรับโฟกัสดวงตาให้ชินกับความมืด
ทว่า คนตรงหน้ามีสีหน้ายุ่งยากใจ ริมฝีปากขบเม้มน้อยๆ
“เป็นอะไร?” พชรเลิกคิ้วใส่เมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมขยับ
…
“พชร”
เสียงเล็กเอ่ยแค่นั้น
แล้วนี่มันคือคำตอบของคำถามหรือ? พชรงุนงง
“วัน.. วันนี้มึงรอในห้องนะ”
ในที่สุด ม่อนแจ่มก็ตัดสินใจเอ่ยต่อ “แค่.. แค่ช่วยตื่นรออยู่ก่อน”
นี่มันเกินกว่าที่คาดคิด..
พชรมองใบหน้าขาวอย่างพินิจพิจารณา ไม่ใช่มองเพียงแป๊ปๆแล้วหลบสายตาไปอย่างที่เคยเป็น แต่มองนานเป็นนาที ก่อนจะพยักหน้ารับ
รู้สึกดี ..ดีที่อีกฝ่ายกล้าหาญ
ม่อนแจ่มเป็นคนขี้กลัวที่กล้าหาญและพยายามจะกล้าหาญให้มากขึ้น ..มากขึ้นทุกวัน
แล้วก็เป็นพชรที่นั่งจ้องประตูห้อง 338 แน่วแน่ราวกับกลัวว่ามันจะถูกขโมย
และ.. เมื่อลูกบิดประตูถูกหมุนอีกครั้ง พชรก็ได้ยิน
ตัวยังไม่ทันเข้ามาในห้องหรอก ทว่า เสียงเรียกนั้นมาก่อนแล้ว..
“พชร!”ยิ้ม.. คนในห้องได้แต่ยิ้ม
ชื่อเขานี่เป็นคำศักดิ์สิทธิ์ของม่อนแจ่มหรืออย่างไร เจ้าตัวถึงเรียกอยู่ได้..
ถามว่า ‘อะไร?’ คำตอบก็คือ ‘พชร’
ถามว่า ‘เป็นอะไร?’ คำตอบก็ยังเป็น.. ‘พชร’
ยิ้ม.. แต่ก็เพียงครางรับในลำคอ “อืม”
ร่างเล็กกดปิดล็อคประตู ขาสั่นก้าวมายืนตรงหน้า
หน้าตาตื่นนิดหน่อย และหายใจหอบราวกับรีบเดินมาอย่างรวดเร็ว
แต่ก็ไม่มีอะไรหรอก ม่อนแจ่มยิ้มเช่นกัน ..เขาทำได้แล้ว
“ไปนอนไป”
หน้าคมหยุดยิ้ม หันหนีน้อยๆ ทำราวกับไม่ได้ใส่ใจ ส่งเสียงเข้มไล่อีกฝ่ายกลับเตียง
“พชร” เสียงเล็กเรียกชื่ออีกครั้ง ขณะร่างกำยำล้มตัวลงนอน
เปลือกตาเจ้าของชื่อปิดลงเรียบร้อยแล้ว ทว่า ม่อนแจ่มก็เพียงอยากจะพูด อยากจะบอก..
“ขอบคุณ”
..ไม่มีการตอบรับ
..ไม่มีการปฏิเสธ
..เป็นสิ่งที่ชาชินอยู่แล้ว
แต่ครานี้ ม่อนแจ่มไม่น้อยใจ ไม่เสียใจ ..เรียนรู้อีกฝ่ายมากพอแล้วที่จะตระหนักว่าแท้จริงพชรเป็นคนนิสัยใจคอเช่นไร
อย่างไรก็ตาม คืนนี้ ม่อนแจ่มได้เรียนรู้อีกหนึ่งอย่าง เมื่อเสียงทุ้มของคนที่หลับตาลงแล้วเอ่ยออกมาเบาๆ
.
.
“ไม่เป็นไร”
‘ขอบคุณ’ เป็นถ้อยคำที่งดงาม
ทว่า สำหรับเขา ‘ไม่เป็นไร’ นั้นงดงามยิ่งกว่าหลายเท่า
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อ ‘ไม่เป็นไร’ นั้นมาจากพชร
‘ไม่เป็นไร’ ซึ่งตอบรับคำ ‘ขอบคุณ’ ของม่อนแจ่มเอง
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .