เย็นวันเสาร์ หลังจากที่ผมดูหนังกับพี่อาร์ทเสร็จ ผมก็ตัดสินใจไปนอนกับพี่เขาที่ห้องตามคำเชิญ ซึ่งแน่นอนว่าผมก็รู้อยู่แล้วว่าเขาต้องการอะไรจากผม และผมเองก็ต้องการแบบเดียวกันจากพี่เขาเช่นกัน ช่วงเวลาเดือนกว่าๆ ที่ผ่านมาก็นานเพียงพอสำหรับผมแล้วที่จะช่วยพิสูจน์ว่าพี่เขาจริงจังกับผมมากพอที่เราจะสานสัมพันธ์ให้ก้าวขึ้นไปอีกขั้น ซึ่งหลังจากเรื่องในคืนนั้น ผมก็เล่าให้ไอ้อาร์มฟังเป็นคนแรกว่าผมกับพี่อาร์ทมีอะไรกันแล้ว ซึ่งมันก็ดูไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก แต่ผมว่ามันก็ยังเก็บความรู้สึกนั้นเอาไว้ได้ดีพอสมควรล่ะนะ
“แล้วมึงป้องกันรึเปล่า” มันถามผม
“ป้องสิวะ กูต้องป้องกันอยู่แล้ว”
“แบบนั้นก็ดีแล้ว และมันได้ทำร้ายอะไรมึงรึเปล่า บังคับมึงรึเปล่า”
“เฮ้ยย ไอ้เหี้ย กูไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะเว้ย แล้วก็ไม่ใช่หนุ่มบริสุทธิ์ด้วยเหมือนกัน มึงก็รู้นี่หว่า กูดูแลตัวเองได้ มึงไม่ต้องห่วงหรอกน่า”
“ก็ดูแลได้ให้มันจริงก็แล้วกัน ถึงกูจะรู้ว่ามึงมันเก่ง และเชื่อใจว่ามึงดูแลตัวเองได้แค่ไหน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ากูจะต้องไว้วางใจแฟนมึงด้วยนี่หว่า”
ผมถอนหายใจเบาๆ แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เพราะไม่อยากที่จะทำให้มันขัดเคืองใจอีกต่อไปแล้ว
ส่วนความสัมพันธ์ของผมกับพี่อาร์ทหลังจากที่เรามีอะไรกันแล้ว ก็ดูเหมือนจะไม่ได้แย่ลงแบบที่พวกไอ้ฝนเคยเตือนเอาไว้ว่าถ้าหากพี่เขาได้ผมแล้วเขาอาจจะเริ่มห่างเหินจากผมไป กลับกัน เขายิ่งดูเหมือนจะต้องการตัวของผมมากขึ้นอีกด้วยซ้ำ จากที่ผมเคยไปนอนที่ห้องของเขาแค่คืนเดียวในหนึ่งสัปดาห์ ก็เริ่มเพิ่มขึ้นจนกลายเป็นสองถึงสามครั้ง และความสัมพันธ์นอกเหนือจากนั้นก็ยังคงเดินไปข้างหน้าได้อย่างเรื่อยๆ ถึงจะไม่ได้สมบูรณ์แบบมากมายนัก แต่ก็คงเรียกได้ว่าดีพอที่จะทำให้ผมลืมคิดเรื่องของไอ้อาร์มไปได้ในระดับหนึ่งล่ะมั้ง
แต่ทว่าเอาเข้าจริง ผมก็ไม่สามารถที่จะลืมเรื่องของไอ้อาร์มไปได้ง่ายๆ ขนาดนั้น เมื่อจู่ๆ ก็มีเรื่องของนิ้ง คนที่มันแอบชอบอยู่เข้ามาทำให้มันมีปัญหาหัวใจจนต้องเกิดอาการเครียดหนัก ซึ่งแน่นอนว่าผมก็เลยต้องเครียดตามมันไปอีกคนด้วย
ไอ้อาร์มเล่าให้ผมฟังว่านิ้งกำลังอยู่ในช่วงที่มีปัญหาใหญ่กับแฟน ซึ่งมันก็อดที่จะรู้สึกเป็นเดือดเป็นร้อนกับการต้องทนเห็นคนที่มันรักเสียใจไม่ได้ มันทั้งโมโหเพื่อนของมันที่ทำให้ผู้หญิงที่มันชอบมานานต้องร้องไห้ และมันก็ยังต้องรับหน้าที่คอยเป็นที่ปรึกษาให้กับนิ้งอยู่เรื่อยๆ อีกด้วย ไม่ว่าจะด้วยการคุยโทรศัพท์กันทีละนานๆ หรือไปหาถึงที่บ้าน จนบางทีมันต้องกลับถึงหอดึกๆ ดื่นๆ หรือไม่กลับเลย ซึ่งในที่สุดก็เป็นสาเหตุที่ทำให้มันเริ่มขาดเรียนในคาบเช้ามากขึ้น และเริ่มขาดส่งงานอาจารย์ในหลายๆ วิชา จนพวกผมเริ่มจะเป็นห่วง แต่มันก็ยังยืนยันว่ามันไม่เป็นไร
ที่จริงปัญหาของนิ้งกับแฟนของเธอ ซึ่งก็อย่างที่ผมบอกว่าเป็นเพื่อนของไอ้อาร์มด้วยนั้น เป็นเรื่องใหญ่โตกว่าที่ผมคิดพอสมควร เพื่อนๆ ในกลุ่มของมันต่างก็วุ่นวายและได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้กันไม่มากก็น้อยทั้งนั้น และจะว่าไปแล้วมันก็คอยเล่ารายละเอียดให้ผมฟังทุกอย่างนั่นแหละ แต่ทว่าตอนนั้นผมไม่ได้สนใจเรื่องว่าคนอื่นจะคิดอะไรยังไงมากไปกว่าความรู้สึกของมันหรอก
“พี่ว่าพี่จะถามต้ามานานแล้วว่าทำไมพักนี้ต้าดูเครียดๆ ไปนะ” พี่อาร์ทพูดขึ้นในคืนหนึ่งขณะที่เรากำลังนอนอยู่ด้วยกัน “เรื่องของไอ้อาร์มอีกแล้วล่ะสิ”
“หืออ ทำไมพี่รู้อะ” ผมถามด้วยความสงสัย
“เอ้า ปกติต้าก็เป็นห่วงเป็นกังวลเรื่องของไอ้อาร์มมากกว่าคนอื่นเป็นเท่าตัวอยู่แล้ว และก่อนหน้านี้ต้าก็ยังเคยเล่าเรื่องที่ไอ้อาร์มมันมีปัญหาอะไรกับเพื่อนให้ฟังอยู่เลย พี่ก็เลยพอจะเดาได้นั่นแหละ”
ผมไม่เคยรู้สึกตัวมาก่อนเลยว่าตัวเองจะแสดงออกว่ากังวลเรื่องของไอ้อาร์มมากขนาดนี้ ผมว่ามันดูไม่ดีกับพี่อาร์ทเอาเสียเลย
“ก็ส่วนนึงอะพี่ ต้าเหี้ยมากไปปะเนี่ย ที่ทำตัวแบบนี้น่ะ”
“เฮ้ย อะไร หมายความว่ายังไง”
“ก็เวลาต้าอยู่กับพี่แล้วก็ยังทำตัวเครียดจนพี่ดูออกขนาดนี้อะ”
“ไม่หรอก พี่ไม่ได้คิดมากอะไรขนาดนั้นหรอกน่ะ”
อันนี้ผมก็รู้... ว่าเขาเป็นคนไม่ค่อยคิดอะไรมากนักหรอก ไม่คิดจนบางครั้งผมยังรู้สึกน้อยใจว่าเขาดูเหมือนแต่จะคิดเรื่องของตัวเองจนไม่ได้ใส่ใจผมเลยด้วยซ้ำ
“แต่ถ้ารู้สึกผิดมากจริงๆ ล่ะก็...” เขาหันมาทำหน้าเจ้าเล่ห์ให้ผม
“อะไรๆ ดูทำหน้าเข้า เริ่มคิดอะไรทะลึ่งอีกแล้วล่ะสิ”
“ขออีกยกดิ ได้ปะ”
“นั่นไง! โหยยย ไม่ไหวแล้วพี่ คืนละยกก็พอแล้ว ต้าหมดแรงแล้วเหอะ”
“โหแม่ง อะไรว้าาาา” เขาเบ้ปาก “แม่งไม่ได้ดั่งใจเลยว่ะ”
ผมเริ่มจะรู้สึกน้อยใจ “อะไร ไหงพูดงั้นอะวะ ตัวเองขี้เงี่ยนเองต่างหากเหอะ”
“ก็ใช่อะดิ เพิ่งรู้เหรอ” เขาหัวเราะเบาๆ
จริงๆ ผมก็รู้มานานแล้วล่ะ รู้มาตั้งแต่ก่อนที่เราจะมีอะไรกันอีกด้วยซ้ำ
“นี่ ต้า คราวหลังเรามาลองทำอะไรอย่างอื่นสนุกๆ กันดูมั้ย”
“อะไรวะพี่”
“ก็ลองหา ‘ตัวช่วย’ อะไรอย่างอื่นที่จะทำให้ต้าสนุกกับพี่ได้นานขึ้น บ่อยขึ้น แล้วก็แตกได้หลายรอบมากขึ้นไง” เขาพูดพลางใช้นิ้วเขี่ยหัวนมของผมไปด้วย
“ไม่เอาพี่” ผมปัดมือของเขาออก “ถ้าพี่พูดถึงเรื่องเล่นยาอัพยานะ ต้าไม่เอาด้วยเด็ดขาด”
เขาชักสีหน้าเล็กน้อย ก่อนจะรีบปรับสีหน้ากลับมาเหมือนเดิม “แต่มันก็ยังมีวิธีอื่นที่ไม่ต้องใช้ยาก็ทำให้เราสนุกกันมากกว่าแบบที่เป็นๆ อยู่นี้ได้นา”
ผมกำลังจะอ้าปากตอบเขาไป แต่อะไรบางอย่างในสีหน้าของเขาที่ผมเห็น ก็ทำให้ผมต้องชะงัก “เดี๋ยวนะ ที่พี่พูดแบบนี้นี่พี่แปลว่าอาร์ทเคยเล่นยาด้วยจริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย”
“ก็... มีบ้าง แต่ก็ไม่ได้เล่นมานานแล้วนะ”
ผมรู้สึกว่าหัวใจของผมมันกระตุกวูบทันที
“ว่าแต่ตกลงต้ายังไม่ได้ตอบคำถามพี่เลยนะ”
“ตอบว่าอะไรครับ”
“ต้าเคยมีอะไรกับคนอื่นนอกจากกับแฟนรึเปล่า”
ผมนิ่วหน้าด้วยความสงสัยและหวาดระแวง “ไม่พี่ ไม่เคยอะ”
“แล้วเคยมีอะไรแบบสามคนหรือแบบหมู่มั้ย”
“ไม่พี่ แล้วก็ไม่เคยคิดจะทำด้วย” ผมเผลอตอบออกไปด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวกว่าที่ตั้งใจเล็กน้อย
“หลังจากนี้ก็ไม่เคยคิดจะลองหน่อยเหรอ...” เขาเขี่ยสะดือของผมเบาๆ
“ไม่ครับพี่! ไม่คิด” ผมผุดลุกออกจากเตียงแล้วเดินตรงเข้าไปในห้องน้ำ
ทันทีที่ผมปิดประตูห้องน้ำลง ผมก็ได้ยินเสียงของอะไรบางอย่างที่หล่นกระแทกลงบนพื้นทันที
“โถ่เว้ยย!!” พี่อาร์ทคำรามขึ้น
นี่มันเหี้ยอะไรกันวะ! นี่กูกำลังคบกับใครอยู่วะเนี่ย! ผมยกมือขึ้นปิดหน้าในขณะที่ภายในใจกำลังกรีดร้องด้วยความรู้สึกหวาดหวั่น
“ก็ไอ้แค่เซ็กส์! มันจะตายรึไง!” เขาตะโกน “เรื่องแค่นี้ทำไมต้องเดินหนีกันด้วยวะ กูไม่เข้าใจ! ทำเป็นคุณหนูไปได้!!”
“พี่จะโวยวายทำไมเนี่ย!” ผมตอบกลับไป ก่อนจะเปิดประตูออก “ไม่กลัวคนอื่นเค้าจะได้ยินรึไง”
“แล้วต้าเดินหนีพี่ไปทำไม!” เขาเดินตรงเข้ามาหาผม “มีอะไรทำไมไม่คุยกันดีๆ ถ้าไม่ชอบก็บอกมาสิว่าไม่ชอบ!”
“แล้วที่ต้าตอบไปว่าไม่เคยคิดจะทำ มันไม่ได้แปลว่าไม่ชอบเหรอพี่ แค่นั้นพี่ไม่เข้าใจรึไง บอกตรงๆ ว่าต้ารับไม่ได้เว้ย เรื่องพวกนั้นอะ ต้ารับไม่ได้จริงๆ”
“ต้าจะจริงจังทำไมนักเนี่ยยย! มันก็แค่เซ็กส์ ได้ระบายน้ำออกก็จบแล้ว แค่สนุกๆ เท่านั้นเอง ไม่ถึงตายสักหน่อย”
“อ้ออ งั้นที่เรามีอะไรกันมาตลอดนี่ก็เป็นแค่ ‘การระบายน้ำออก’ ของพี่งั้นสิ ใช่มะ”
“มันก็ส่วนนึง แต่ไม่ใช่ทั้งหมดนี่”
คำตอบของเขาทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับโดนตบหน้าเข้าอย่างจัง
“พี่รักต้านะเว้ย เท่าที่ผ่านมาต้ายังไม่รู้อีกเหรอ พี่พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองตั้งมากมายเพื่อต้าขนาดนี้ ต้ายังไม่พอใจอีกรึไง”
“นี่พี่ต้อง ‘พยายาม’ มากขนาดนั้นเลยใช่มั้ย พี่ลำบากขนาดนั้นเลยใช่ปะ โอเค! งั้นต้าขอโทษนะเว้ย ที่ทำให้พี่ไม่เป็นตัวของตัวเองอะ ต่อจากนี้พี่อยากทำอะไรก็ทำไปเลยก็แล้วกัน ไม่ต้องคิดถึงต้าแล้ว อยากจะไปเล่นยา อยากจะไปมีอะไรกับคนกี่คนก็ไปเหอะ” ผมเดินไปหยิบเสื้อขึ้นมาสวม
“นั่นต้าจะทำอะไร” พี่อาร์ทเดินเข้ามาคว้าแขนของผมเอาไว้ “พี่ถามว่าต้าจะทำอะไร!”
“ปล่อย!” ผมสะบัดแขนออก จากนั้นเราสองคนก็ยืนมองหน้ากันและกันอยู่อีกพักหนึ่ง “...ต้าว่าตอนนี้เราคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วว่ะพี่ ต่างคนก็ต่างใช้อารมณ์ ต้าว่าต้ากลับบ้านก่อนดีกว่า”
พี่อาร์ทปล่อยมือออก ผมจึงเดินไปเก็บของใช้ของผมลงกระเป๋า แล้วจากนั้นก็เดินออกจากห้องไปโดยที่ไม่ได้ยินเสียงคัดค้านใดๆ จากเขาอีกเลย
ในระหว่างทางกลับบ้าน ผมรู้สึกว่าหน้าของผมมันชาไปหมด แต่ทว่าหัวใจของผมนั้นกลับเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ผมทั้งช็อค ทั้งเสียใจ ทั้งตกใจ และหวาดกลัว ถึงผมจะรู้อยู่แล้วว่าพี่เขาเป็นคนเที่ยวเก่งและเซ็กส์จัด แต่ผมก็ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะเคยทำอะไรแบบนั้น และแถมยังมีความคิดที่จะ ‘แบ่งปัน’ ผม คนที่เขาบอกว่ารัก ให้กับคนอื่นด้วยอย่างนั้นอีก
ถึงผมจะเครียดกับสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับพี่อาร์ทจนผมจำต้องบอกเขาว่าให้เราห่างกันสักระยะ แต่อาการของไอ้อาร์มนั้นกลับยิ่งน่าเป็นห่วงมากกว่าผมเสียอีก เพราะจู่ๆ มันก็โทรมาหาผมในคืนหนึ่งแล้วบอกว่ามันอยากชวนผมไปกินเหล้าด้วยกันแค่สองคน ซึ่งผมรู้ได้ในทันทีเลยว่ามันต้องกำลังมีปัญหาอะไรอยู่แน่ๆ และเมื่อเรานั่งอยู่ในร้านเหล้าด้วยกันแล้ว ผมก็ได้รู้ว่าสิ่งที่ผมคิดเอาไว้นั้นเป็นความจริง
“กูจับได้ว่าแม่งมีผู้ชายคนอื่นว่ะ” ไอ้อาร์มเริ่มต้นเล่าหลังจากที่เรานั่งดื่มนั่งคุยเรื่องอื่นๆ กันไปได้ครู่ใหญ่
“ใครวะ” ตอนแรกผมก็คิดว่ามันหมายถึงนิ้ง แต่เมื่อคิดดูดีๆ แล้วถึงรู้ว่าไม่น่าจะใช่ “ตุ๊กตาน่ะเหรอวะ”
“ก็เออสิวะ และมึงรู้อะไรปะ ที่เหี้ยกว่านั้นคือนะ มันมีมานานแล้วด้วย แต่กูไม่เคยรู้เลย กูแม่งโคตรโง่เลย!”
ผมตบบ่ามันเบาๆ “มึงไม่รู้นี่เรียกว่าโง่เหรอวะ ไอ้อาร์ม กูว่าอีนั่นต่างหากที่โง่อะว่ะ มันถึงได้ทำกับมึงแบบนี้ได้น่ะ”
“หึ แต่นั่นยังไม่เหี้ยสุดนะเว้ย ไอ้ต้า มึงรู้มั้ยว่าทำไมกูถึงจับได้ว่ามันมีคนอื่น”
ผมไม่ตอบแต่มองหน้าของมันพลางยกแก้วเหล้าของตัวเองขึ้นดื่ม
“กูเจอกางเกงในผู้ชายอยู่ในตู้เสื้อผ้ามันเว้ย! แล้วแม่งมีการบอกว่ากางเกงพ่อมันเว้ยเฮ้ยยย!! แม่ง! ผู้หญิงเหี้ยอะไรวะ! ตอแหลหน้าด้านๆ ได้ขนาดนี้!”
“เฮ้ย แต่มันอาจจะเป็นของพ่อมันจริงๆ ก็ได้นี่หว่า”
“ครวยเหอะ ไอ้ต้า! กางเกงในพ่อมันจะมาอยู่ในห้องของมันได้ไงวะ และที่สำคัญ พ่อแม่งตัวใหญ่ยังกะหมีขั้วโลก แต่กางเกงในที่กูเจอนี่แม่งตัวพอๆ กับกู แต่ไม่ใช่ของกูชัดๆ!” ไอ้อาร์มกระดกแก้วเหล้าของตัวเองขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด
“เฮ้ย มึงใจเย็น ไอ้อาร์ม เดี๋ยวก็เมาตั้งแต่หัววันหรอก”
“เมาก็ให้แม่งเมาไป ไอ้เหี้ยยย! กูเบื่อว้อย!! แฟนแม่งก็เหี้ย นอกใจกู แถมนิ้งก็ยังไม่เคยเห็นกูดีอีก นี่แม่งจะไปคบกับเพื่อนกูอีกคนซะงั้น! แล้วกูล่ะวะ! ทำเหี้ยอะไรให้มันตั้งเยอะแยะเนี่ย ไม่ได้มีค่าในสายตามันเลยรึไง!”
“มึงอย่าพูดอย่างนั้น ไอ้อาร์ม มึงมีค่าในสายตากูเสมอนะเว้ย ไอ้เหี้ย”
มันหันมามองหน้าผม “ใช่ กูก็มีแค่มึงคนเดียวนี่แหละ ไอ้ต้า ที่ไม่เคยทิ้งกูเลยและยังเห็นกูดีอยู่บ้าง”
“ไม่ใช่แค่กูคนเดียวหรอก ไอ้ห่าเอ๊ยย พวกไอ้ด้า ไอ้เอ และคนอื่นๆ มันก็รักมึงมากเหมือนกันนะเว้ย”
ไอ้อาร์มไม่ตอบ แต่หันกลับไปชงเหล้าของตัวเองต่อ
“แล้วเรื่องของมึงกับไอ้... โทษทีว่ะ กูหมายถึงมึงกับแฟนมึงอะ เป็นไงมั่งแล้ววะ ยังดีกันอยู่มั้ย”
“ไม่รู้ว่ะ... แต่ตอนนี้กูเพิ่งมารู้ว่าเรามีบางอย่างที่แม่งเข้ากันไม่ได้โคตรๆ อยู่อะ กูก็เลยบอกเค้าว่าขอห่างๆ กันสักพักไปก่อนจะดีกว่า” ผมถอนหายใจ “เฮ้อออ บางทีมึงอาจจะพูดถูกทุกอย่างมาตั้งแต่ต้นแล้วก็ได้นะเว้ย ไอ้อาร์ม”
“เอาเหอะ มึงอย่าคิดมากเลย กูบอกตรงๆ ว่ากูดีใจนะถ้ามึงจะเลิกกับมันอะ แต่กูกลับเสียใจยิ่งกว่าที่ต้องเห็นมึงเศร้าใจว่ะ” มันบีบหัวไหล่ผมเบาๆ และคำพูดของมันก็ทำให้ผมถึงกับต้องอึ้ง “มึงอย่าทำหน้าแบบนั้นเลย เอ้า มาๆ ชนแก้วหน่อยเว้ย”
เมื่อคนในร้านเริ่มเยอะขึ้น เราสองคนก็เริ่มคุยกันน้อยลง และจำเป็นต้องนั่งเบียดกันมากขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ ความรู้สึกที่ครั้งหนึ่งผมเคยพยายามลบมันออกไปจากใจเริ่มกลับมาวนเวียนรบกวนผมอีกครั้ง
“กูเริ่มใกล้เมาแล้วนะเว้ย แล้วมึงอะ” ไอ้อาร์มเขยิบเข้ามาตะโกนลงที่หูของผมแข่งกับเสียงเพลง
“นิดหน่อยว่ะ แต่ยังไหว มึงไหวรึเปล่า” ผมถามคำถามนี้กับมันเป็นรอบที่ร้อยได้แล้วมั้ง
“ไหวดิวะ กูยังไม่เมาเลย แต่คิดไปคิดมา พวกไอ้ด้าแม่งน่ามาด้วยกันเนอะ”
“แล้วทำไมมึงไม่ชวนพวกมันมาเล่า”
“ก็กูคิดไม่ถึงนี่หว่า ตอนนั้นกูนึกออกแค่มึงคนเดียวอะ”
ผมผงะออกแล้วมองหน้ามันแบบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
ไอ้อาร์มยิ้มให้ผมแล้วดึงคอของผมเข้าไปหามันอีกครั้ง “กูขอบใจมึงมากนะเว้ย ไอ้ต้า มึงไม่เคยทิ้งกูเลยจริงๆ”
“เออ กูรู้ กูเต็มใจอยู่แล้ว กูจะทิ้งมึงลงได้ยังไงล่ะวะ”
มันตบบ่าผมเบาๆ สองสามที จากนั้นเราก็ต่างคนต่างนั่งฟังเพลงและมองผู้คนมากมายที่แออัดกันอยู่ในร้านเล็กๆ อีกสักพัก
“กูมีเรื่องอยากบอกมึงอย่างว่ะ ไอ้ต้า กูเริ่มมึนๆ ละ กูอยากพูดก่อนที่กูจะเมา” มันชะโงกเข้ามาหาผม “กูขอบใจมึงมากจริงๆ นะเว้ย ขอบใจจริงๆ”
ผมหันไปตะเบ็งเสียงใส่หูของมันบ้าง “เออ กูรู้แล้ว มึงบอกกูไปแล้วไง”
มันส่ายหน้าแล้วดึงผมเข้าไปใกล้ “กูหมายความว่า ถึงมึงกับกูจะเพิ่งรู้จักกันได้แค่ไม่ถึงปี แต่มึงก็ดีกับกูมากมาตลอด แล้วกูก็รู้สึกสนิทและไว้ใจมึงมาก กูรู้สึกดีนะเว้ย ที่เรามีกันและกันแบบนี้น่ะ”
ผมหันขวับไปมองหน้าของมันทันที นี่ผมฟังอะไรผิดไปรึเปล่านะ
“ขอบใจที่ไม่เคยทิ้งกูนะเว้ย กูก็จะไม่มีวันทิ้งมึงไปเหมือนกัน กูสัญญา”
ผมรู้สึกอึ้งๆ “ไอ้อาร์ม นี่มึง... นี่มึงเมาแล้วใช่มั้ยเนี่ย”
“ไอ้เหี้ย!” มันหัวเราะแล้วตบหัวผมเบาๆ “ยังเว้ย!”
ผมรู้ว่าไอ้อาร์มเป็นคนที่ซื่อตรงกับความรู้สึกและก็มักจะแสดงความความรู้สึกของตัวเองออกมาให้คนรอบข้างรับรู้ตลอด มันเคยบอกพวกเราว่าเพราะมันถูกสอนมาให้เป็นแบบนี้ พ่อกับแม่ของมันจะสอนมันสองคนพี่น้องเสมอว่า
‘ถ้าหากว่ารู้สึกดีๆ กับใคร รู้สึกขอบคุณใคร ก็ให้บอกคนพวกนั้นไปเสีย อย่าปล่อยทิ้งเอาไว้ในใจแค่คนเดียว เพราะเขาจะไม่มีวันรู้ได้เลย’
แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ นี่นับว่าเป็นครั้งแรกเลยที่มันพูดอะไรกับผมแบบนี้น่ะ
เวลาล่วงเลยไปจนถึงตีสองก็ได้เวลาที่เราสองคนควรจะกลับได้แล้ว โชคดีที่ก่อนหน้านี้ผมเริ่มชะลอการดื่มของตัวเองลงแบบไม่ให้มันจับได้ เพราะผมรู้แล้วว่ามันคงจะต้องเมามากแน่ๆ และสุดท้ายก็เป็นอย่างที่ผมคิดจริงๆ เพราะขนาดแค่เดินออกจากร้าน ผมยังต้องคอยช่วยพยุงมันด้วยเลย
ยิ่งเมา ไอ้อาร์มก็ดูเหมือนจะยิ่งเสียใจเรื่องของตุ๊กตากับนิ้งมากขึ้น มันไม่ได้โวยวายหรือฟูมฟายใดๆ แต่ในขณะที่เรากำลังนั่งแท็กซี่อยู่ด้วยกันนั้น มันก็พูดจาตัดพ้อน้อยใจออกมาหลายต่อหลายครั้ง ส่วนผมก็ได้แต่ปลอบมันว่าผมจะไม่มีวันทิ้งมันไปแบบผู้หญิงสองคนนั้นแน่นอน
“ขอบใจนะเว้ย ไอ้ต้า กูขอบใจมึงจริงๆ” มันพูดประโยคนี้ซ้ำไปซ้ำมาเป็นรอบที่พันได้แล้วมั้ง “มึงไม่เคยทิ้งกูไปเลยจริงๆ ฮึก! ไม่เหมือนไอ้สองคนนั้น แม่งงง ไม่เคยเห็นกูดีเลย กูแม่งไม่มีดีในสายตาพวกมันเลย”
“ไม่หรอก ไอ้อาร์ม มึงสำคัญสำหรับกู... สำหรับพวกกูมากเสมอนะเว้ย”
“ขอบใจเว้ย ไอ้ต้า... ฮึก! ที่รักกูมากขนาดนี้ ไม่เคยมีใครรักกูเท่ามึงเลย...”
ผมรู้สึกเจ็บแปลบข้างในอกบอกไม่ถูก มันจะรู้บ้างมั้ยนะว่า คำว่า ‘รัก’ ที่มันเข้าใจกับที่ผมรู้สึกต่อมันจริงๆ แล้วนั้นเป็นความรักคนละแบบกันเลย
“มันก็แน่อยู่แล้ว ไอ้เหี้ยเอ๊ย...” ผมพูดเบาๆ
“กูก็รักมึงเหมือนกันนะเว้ยยย ไอ้ต้า...” มันพูดงึมงำๆ ออกมา ก่อนจะหลับตาลงไป
ผมหันไปมองหน้าของมันทันที เพราะไอ้อาร์มไม่เคยพูดคำๆ นั้นกับผมมาก่อนเลย มันอาจจะเคยพูดเล่นๆ กับพวกไอ้ฝนบ้าง แต่มันก็ไม่เคยใช้คำนั้นกับผม แต่สุดท้ายผมก็ต้องส่ายหน้าเบาๆ แล้วบอกตัวเองว่ามันก็แค่คำพูดของคนเมา และมันก็มีความหมายแค่คำว่ารักในแบบของเพื่อนเท่านั้น
เมื่อแท็กซี่มาจอดอยู่ที่หน้าบ้านของมันแล้ว ผมก็หันไปปลุกมันให้ตื่นขึ้น
“หือออ... ถึงแล้วเหรอวะ” มันพูดแบบเบลอๆ แต่ก็แลดูสร่างขึ้นกว่าตอนก่อนขึ้นรถมาพอสมควร
“มึงเดินเองไหวมั้ยเนี่ย”
“ไหวๆ” มันเปิดประตูออกแล้วเดินลงจากรถไป
ผมรีบจ่ายเงินแล้วก็ออกไปช่วยพยุงมันเอาไว้ในขณะที่มันไขกำลังกุญแจบ้าน
“มึงไหวแน่นะ ไอ้อาร์ม”
“ไหวเว้ยไหว ขอบใจมาก” มันตอบพลางเปิดประตูรั้วออก “กูดีขึ้นเยอะแล้ว แต่... มึงช่วยกูดันประตูทีซิวะ แล้วก็ปิดให้กูด้วยนะ กูมึนนน ฮ่าๆ”
ผมทำตามที่มันบอก จากนั้นก็พยุงมันเดินเข้าบ้าน ซึ่งกว่าที่ผมจะหิ้วปีกมันขึ้นไปถึงหน้าห้องนอนของมันได้ก็ทุลักทุเลและเสียเวลาไปมากพอสมควร
“กลับมากันแล้วเหรอ พี่ต้า” เสียงของไอ้เจ้าอ้วนดังขึ้นข้างหลังเราสองคน
“อ้าว อ้วน ตื่นเลยเหรอ ขอโทษทีๆ พี่ไม่ได้ตั้งใจจะปลุกเรา”
“เปล่าหรอกพี่ ตื่นมาเยี่ยวอะ แล้วเลยด้ายยินเสียงของพอกพี่พอเดดด.... ฮ้าววว...ว...”มันอ้าปากหาววอด
“เออๆ ไปนอนเถอะไป เดี๋ยวพวกพี่ก็จะนอนแล้วเหมือนกัน” ผมลากไอ้อาร์มเข้าไปในห้องและวางมันลงบนเตียง
“แล้วไอ้อาร์มมันเป็นไงมั่งเนี่ย พี่” ไอ้อ้วนเดินตามหลังผมเข้ามาในห้อง
“กูยังหวายเว้ยยย” ไอ้เพื่อนตัวดีของผมตอบ “มาๆ มาปิดไฟนอนกันเหอะ ไอ้ต้าาา กูง่วงงง”
“เฮ้ยย กูยังไม่ได้อาบน้ำเลย”
“ไม่ต้องอาบแล้วว!!” ไอ้อาร์มจับแขนผม “นอนๆๆ ไอ้อ้วนน พอ มึงออกไปแล้วมึงปิดไฟให้กูด้วยนะเว้ยยย!”
“เออๆ” ไอ้อ้วนเกาหัวแกรกๆ “พี่ต้า ไงก็ฝากดูแลพี่ชายกัสด้วยนะฮะพี่ ถ้าจะเอาผ้ามาเช็ดตัวให้มันก็หยิบในตู้ไปใช้ได้เลยนะฮะพี่ ไม่ต้องเกรงจะ... จายยยย... ฮ้าวว...ว...ว งืมมมๆ ไปละพี่ เจอกันอีกทีพรุ่งนี้เที่ยง”
“เฮ้ย อ้วน เดี๋...”
ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบคำ ไอ้อ้วนก็ปิดประตูห้องลงไปแล้วเสียก่อน
ผมหันกลับมามองไอ้อาร์มที่นอนหลับตาอยู่บนเตียงแล้วเขย่าแขนมันเบาๆ “ไอ้อาร์ม มึงจะเช็ดตัวอะไรหน่อยมั้ยวะ จะเปลี่ยนชุดรึเปล่า จะนอนทั้งๆ แบบนี้เลยรึไง”
“อือออ นอนเหอะ กูมึนหัวว่ะ...” มันพูดงึมงำตอบกลับมาเบาๆ
“เออ งั้นกูขอนอนชุดนี้เลยแล้วกันนะ ตื่นเช้ามาอย่าบนว่ากูตัวเหม็นปากเหม็นก็แล้วกัน”
“กูไม่บ่นหรอกน่าาา” มันดึงแขนของผมอีกครั้ง “มาๆ เร็วว นอนได้แล้ววว”
“เออๆ กูกำลังจะนอนแล้ว มึงไม่ต้องดึงกูมากนักก็ได้” ผมเอนตัวนอนลงบนเตียง แต่ก็เว้นระยะห่างจากมันอยู่พอสมควร
“มึงเข้ามาใกล้ๆ กูหน่อยสิวะ จะหนีกูไปไหนไกลนักเล่า มึงก็รังเกียจกูเหมือนไอ้สองคนนั้นเหรอวะ ไอ้ต้า” มันพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อน้อยใจ
“เฮ้ยย ไม่ใช่แบบนั้น แต่กูแค่อยากให้มึงนอนสบายๆ แค่นั้นเอง”
“เขยิบเข้ามาหากูหน่อย ขอกูกอดหน่อยยย”
ผมไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง “อะ... ไอ้อาร์ม เมื่อกี้มึงพูดว่าไงนะ”
มันไม่ตอบ แต่กลับนอนเงียบไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมถอนหายใจเบาๆ และคิดว่ามันคงเผลอหลุดปากพูดเพ้อเจ้อออกมาตามประสาคนเมามากกว่า ผมนอนลืมตามองมันที่หลับอยู่ข้างกายแบบนั้นสักครู่ ก่อนจะตะแคงตัวหันหลังให้กับมันแล้วจึงหลับตาลงทั้งๆ ที่รู้ว่าตัวเองคนจะยังนอนไม่หลับในอีกเร็วๆ นี้แน่นอน