กะฮักกะหยัง
-2-
ทั้งขวดทั้งกระป๋องเหล้าและเบียร์ถูกเก็บมารวมกันไว้ในกระสอบใต้ถุนบ้าน บักเคนลงมาเห็นแม่ก้ม ๆ เงย ๆ เก็บกวาดเศษซากความไม่รู้จักคิดของตัวเองแล้วก็สะท้อนใจ มันดื่มเยอะขนาดนี้เลยหรือ ที่แน่ ๆ คงไม่ได้มีเท่าที่เห็น เพราะหนึ่งปีที่ผ่านมานั้นมันดื่มแทบทุกวัน
“เอาไปขาย” แม่หันมาเห็นลูกชายยืนมองเลยบอก ก่อนเลี่ยงไปล้างไม้ล้างมือ
“จะได้เท่าไรกันเชียว”
“ก็ดีกว่าเก็บไว้ดูต่างหน้าแล้วกัน”
ถูกตอกกลับมาเช่นนั้นบักเคนก็เงียบ แม่เลยเลี่ยงไปคุยเรื่องอื่น
“จะไปดูหมอลำบ้านอื่นกับปั๊บเหรอ?”
“ครับ”
หมู่บ้านข้างกันจ้างคณะหมอลำมา วัยรุ่นแถวบ้านบักเคนก็จะไปกันหลายคน แน่นอนว่าอย่างบักเคนนี่ไม่มีพลาด ไกลกว่านี้ก็ไปมาแล้ว
“อย่าไปตีกันล่ะ”
“ไม่หรอกน่า”
“ก็ดี” แม่ว่า เหมือนจะไม่เชื่อน้ำยากับคำพูดของลูกชายสักเท่าไร
“เออแม่ ได้ข่าวพี่ป่านจะแต่งงาน” เอ่ยถามเมื่อพากันมานั่งแคร่ใต้ร่มไม้หน้าบ้าน
“อือ อาทิตย์หน้านี่แหละ เขาแจกการ์ดมาแล้ว” เหล่มองบักเคนเล็กน้อยเมื่อเอ่ยถามลองเชิง “อยากไปไหม?”
เคนนิ่งไปนิด ก่อนตอบเสียงเบา “ไม่”
เห็นแบบนั้นแล้วแม่ก็ถอนใจ “ยังคิดถึงเขาอยู่อีกหรือลูก?”
ป่าน คือพี่สาวของปอ อดีตรักที่บักเคนลืมไม่ลง เพียงแค่ถูกสะกิด แม้จากคนใกล้ชิดของปอก็พาลทำให้นึกถึงขึ้นมา
“มันก็ลืมยากอยู่เหมือนกันนะแม่ ผมรักของผมมาตั้งนาน”
“เห็นว่าปอไปทำงานบริษัทฝรั่ง เงินเดือนเป็นหมื่น แม่ก็ว่าอยู่ว่าปอมันไม่ชอบทางครู เรียนตามพ่อแม่มันอยากให้เรียนเฉย ๆ ไปทางนั้นก็ได้ดีเชียว แม่ปอก็คุยใหญ่เลยว่าสิ้นปีนี้เงินเดือนลูกก็จะขึ้นอีก”
“.......”
“เขามีทางไปของเขา ทำไมเรายังย่ำอยู่กับที่ หือ เคน?”
“......”
“ไม่อยากได้ดีเหมือนเขาบ้างเหรอ?”
“......”
ถามไปก็ได้แต่ความเงียบตอบกลับมา แม่จึงได้แต่ถอนใจเมื่อลูกชายมันใช้ลูกเงียบท่าเดียว
“เคนนนนนนนนนนน”
“เอิ้ว! ทำไมมึงไม่ยืมไมค์ผู้ใหญ่บ้านประกาศเลย ห๊ะ ถ้าจะเรียกกูดังขนาดนี้!”
เคนหันไปร้องด่าคนเรียกตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้า รถมอเตอร์ไซค์ของปั๊บเข้ามาจอดก่อนที่เจ้าตัวมันจะเดินยิ้มร่ามาหา
“กูกลัวมึงไม่ได้ยิน” ว่าแล้วก็ยิ้มน่าหมั่นไส้
“ส้นตีนกูหนิ”
“หือ” แม่ส่งเสียงดุ ทำให้คนพูดจาไม่เพราะเหลือบมามองแล้วยิ้มแหย
“หวัดดีครับแม่” ปั๊บยกมือไหว้แม่เพื่อนก่อนนั่งลงที่แคร่พร้อมวางปิ่นโต “วันนี้แม่ผมให้เอาของกินมาด้วย แม่ว่ามากินกับแม่นางบ่อย เกรงใจ”
“เกรงใจทำไม เหมือนไม่เคยกินด้วยกัน ไป ๆ เอาไปใส่ถ้วยใส่ชาม กินข้าวกินปลาจะได้มีแรงไปเที่ยว”
“พะนะ” ปั๊บตบมุกแล้วหัวเราะ เป็นลูกคู่กันดีนักล่ะ
พาข้าวถูกนำมาวางเมื่อทุกคนขึ้นมาพร้อมหน้ากันบนบ้าน แม่เดินไปหยิบขวดน้ำในตู้เย็น ปั๊บเลยนั่งลงข้างเพื่อนแล้วยื่นม้วนกระดาษให้
“กูพาพี่ไปอนามัย เห็นหมอคุยกันเรื่องปลูกเห็ด กำลังมาแรงเลยมึง”
บักเคนคลี่ออกอ่าน ปั๊บก็อธิบายไป
“กูว่ากว่าจะเกี่ยวข้าว มึงน่าจะหารายได้พิเศษจากนี่ได้ เกี่ยวข้าวแล้วก็ยังทำต่อได้อีก ไม่ต้องไปเหนื่อยตัดฟืนเผาถ่านขาย แม่ก็จะได้สบายด้วย เผาแต่พอใช้ในบ้านมึง แล้วเอาเวลามาดูแลเห็ด แม่ก็ช่วยทำได้ มึงว่าดีไหม กูว่าน่าสนใจ”
แม่เข้ามานั่งร่วมวง ฟังปั๊บพูดแล้วก็นึกอยากลองทำดู ยามหน้าแล้ง ตนและบักเคนตัดฟืนมาเผาถ่านขายก็พอขายได้ แต่มันเหนื่อยพอตัว ถ้าลองทำอะไรใหม่ ๆ ก็น่าจะดี แต่มันจะคุ้มทุนไหมกับการเสี่ยง
“กูจะหาทุนจากไหน พูดอ่ะมันง่าย” เคนวางกระดาษลงแล้วหันมามองเพื่อน
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง...”
“กูไม่เอาเงินมึง”
“ไอ้ห่า”
“บอกไว้ก่อนไง”
บักเคนยิ้มมุมปากเมื่อเอ่ยดักคอแล้วปั๊บแยกเขี้ยวใส่ อย่างปั๊บนี่ เรื่องเงินทองไม่ใช่เรื่องใหญ่ ถ้าเคนหยิบยืมเท่าไรมันก็ให้ แต่เคนไม่คิดจะเอาของมัน มีสองมือสองตีนเหมือนกัน มันหาได้ เขาก็หาได้ แม้ไม่มากมายเท่าที่ปั๊บมีก็ตาม
“กูจะบอกว่าถ้าจะทำหลังจากนาเสร็จก็ได้ ได้เงินขายข้าวมึงก็แบ่งส่วนหนึ่งมาลงทุนก่อน ยังไม่ต้องทำยิ่งใหญ่อลังการ ถ้ามีเงินหมุนรอบแรกก่อนค่อยขยับขยาย ไม่ได้ให้ลงเงินครั้งเดียวเลยนะเว้ย”
“หลังจากนั้นล่ะ ตลาดล่ะ ตลาด?”
“กูก็บอกอยู่นี่ไงว่ามันกำลังบูม หมออยู่อนามัยเขาแนะนำมา ถ้ามีคนทำ เรื่องตลาดไม่ต้องห่วง เพราะเขาต้องการอยู่แล้ว แต่คนบ้านเราอ่ะขี้เกียจ บอกแต่ไม่มีเวลาเลยไม่มีใครทำ นี่แนะนำเลยนะมึง”
“กูก็ขี้เกียจ”
“สักทีดีไหม หา! บักปั๊บอุตส่าห์หาลู่ทางให้ ไม่ต้องคิดอะไรเลย แค่ลงแรงยังไม่เอา สักป้าบเหอะ!” ปั๊บเข่นเขี้ยว จะเอาม้วนกระดาษฟาดคนที่มันลอยหน้าบอกเขาว่าขี้เกียจ
“แหนะ ๆ กินข้าว ตีกันทำไมเนี่ย”
ปั๊บยิ้มแหยเมื่อถูกแม่เพื่อนดุ ไหว้ขอโทษท่านก่อนนั่งลง ยังไม่วายทำเสียงจิ๊กจั๊กใส่กันเหมือนเด็ก สรุปแล้วแม่เคนก็อยากลองทำดูอยู่ แต่ก็อยากดูให้แน่ใจว่ามันดีจริงไหม เพราะต้นทุนตนเองก็ไม่ได้มีมากมายนัก ปั๊บจึงว่าจะช่วยหาข้อมูลให้ ไม่น่าใช่เรื่องยาก เพราะพ่อของตนก็รู้จักคนเยอะอยู่เหมือนกัน บริษัทห้างร้านเกี่ยวกับการเกษตรก็รู้จักดี
.
“เคน เร็ว ๆ”
“เออ ๆ”
รถมอเตอร์ไซค์ปั๊บถูกสตาร์ทรอที่ด้านล่าง เคนวิ่งลงจากบ้านมาซ้อนท้าย แม่จึงรีบเดินตามมาร้องบอกที่ชานบ้าน
“อย่าพากันกินเหล้านะหำ”
“คร้าบ” ตอบรับคำแม่โดยพร้อมเพรียงแล้วสองหนุ่มก็ขับรถออกไป
“ครับแต่ปากไหมนั่น” แม่เคนบ่นตามหลัง ถอนใจเบา ๆ แล้วกลับเข้าบ้านไปล้างถ้วยล้างจานต่อ
เวทีหมอลำที่ถูกจ้างมาตั้งอยู่กลางลานกว้างหลังหมู่บ้านซึ่งเป็นที่นาของเจ้าภาพ เวลานี้ยังหัวค่ำอยู่ หมอลำจึงยังไม่เปิดเวที มีเพียงเสียงดนตรีและเพลงจากแผ่นที่เปิดให้ฟังกันไปพลาง ๆ ขณะที่หมอลำกำลังเตรียมตัว และนักดนตรีก็ทำหน้าที่เช็คอุปกรณ์และเครื่องเสียง
“เคน แม่บอกไม่ให้กินเหล้า”
ปั๊บมองเพื่อนที่โดดเข้าร่วมวงน้ำเมากับเพื่อนต่างหมู่บ้านหน้ายุ่ง อีกคนไม่ได้สนใจจะหันมามอง เพียงปัดมือไปมาแล้วบอก
“นิดเดียว”
“นิดเดียวอะไร สองแก้วแล้ว ไอ้สันดาน”
“มึงก็มาแดกด้วยกันดิปั๊บ บ่นอย่างกับแม่มันมาเอง นาน ๆ ได้เจอกันที หยิ่งเหรอมึง?”
เพื่อนต่างบ้านยื่นแก้วเหล้าให้พลางเลิกคิ้วกวน พวกมันเป็นเพื่อนที่เจอกันบ่อยสมัยเรียน เวลามีแข่งกีฬาหรือมีกิจกรรมร่วมกันระหว่างโรงเรียน รุ่นพวกเขายังสนิทสนมกันดี แต่เด็กเดี๋ยวนี้แค่มองหน้าก็มีเรื่องกันแล้ว ปั๊บยังหวั่น ๆ ว่ามันและเคนจะเป็นหมูที่มาให้พวกเด็กเปรตแถวนี้เชือดถึงที่
“กินเหอะ ไอ้สัตว์” ปั๊บว่าแล้วนั่งลงข้างบักเคน ห้ามมันไม่ได้ก็เฝ้ามันแล้วกันวะ
เริ่มดึก หางเครื่องนักเรียนมอก็ออกมาเต้นเปิดเวที นักร้องออกมาร้องเพลง พวกบักเคนก็เมากันได้ที่ ปั๊บที่ไม่ได้แตะแอลกอฮอล์แบบคนอื่นก็ยังนั่งเฝ้าเพื่อนอยู่ที่เดิม เรื่องตีกันนี่มีแน่ ขอแค่บักเคนไม่ไปร่วมวงกับคนอื่นเขาก็พอ ยิ่งมาจากหมู่บ้านอื่นด้วย อาจจะเละเป็นโจ๊ก
เมื่อเริ่มคึกขี้เมาก็ยกโขยงกันไปเต้นหน้าเวที ขอจับมือหมอลำสาวสวยบ้าง ให้ทิปหางเครื่องบ้าง พอได้แตะได้ตอดนิด ๆ หน่อย ๆ บักเคนก็ไปเย้ว ๆ กับเขาอยู่หน้าเวที ขณะที่ปั๊บหันมาสะกิดบอกเพื่อนอีกคนที่อยู่ข้างกัน
“เต ๆ”
“หือ?” เจ้าของชื่อดูมึน ๆ งง ๆ จนปั๊บชักไม่แน่ใจว่ามันจะได้เรื่องไหม
“ฝากบักเคนแป๊บนะ กูไปยิงกระต่ายแป๊บหนึ่ง”
“อื้อ ๆ ๆ ”
ปั๊บเกาหัวกับการเออออแบบไร้สติของเพื่อนเต จะไว้ใจมันได้แน่ใช่ไหม? แต่เขาไปไม่นาน ขอไปสักหน่อยแล้วกันน่า
ผละจากหน้าเวทีมายังไม่ทันถึงไหนปั๊บก็ต้องหยุดเดิน เมื่อเสียงเพลงหยุดชะงักทำให้ได้ยินเสียงแก้วแตกดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงกรีดร้องของคนที่มาดูหมอลำ กลุ่มคนกรูกันออกมาทำให้ปั๊บที่หันกลับไปทางเวทีสบถ
“เวรแล้ว”
เยี่ยวเยิ้วไม่ต้องสนมันแล้วเมื่อปั๊บรีบวิ่งฝ่าผู้คนกลับไปทันที กระแทกไหล่ใครที่สวนมาบ้างไม่รู้ รู้แต่เป้าหมายของเขาตอนนี้คือคนที่อยู่กลางวง ไอ้เพื่อนที่เขาฝากฝังเอาไว้อย่างเตก็มะรุมมะตุ้มตะลุมบอนอยู่ไม่ไกลกัน ปั๊บถีบคนที่เซมาหาตนเอง ไม่รู้ใครเป็นใคร จนเข้าถึงตัวเคนได้ก็ลากมันออกมา ฝ่ายตรงข้ามดูจะไม่ยอม เคนเลยหันกลับไปถีบมันจนสุดตีน
“เต!!”
ปั๊บเรียกเพื่อนอีกคนพลางลากบักเคนที่ยังดึงดันจะเข้าไปตีกับเขาต่อให้ออกมา เตก็เหวี่ยงหมัดใส่คู่กรณีแล้ววิ่งตามสองคนออกมา หวุดหวิดกับที่สห.เข้ามาคุมสถานการณ์
“เกือบไปแล้ว แม่งเอ๊ย”
หลบออกมาจากงานได้สามหนุ่มก็นั่งหอบแฮ่ก ไอ้คนเมาทรุดนั่งหมดสภาพที่พื้นแถมอ้วกแตกอีก ปั๊บจิ๊ปาก นั่งยองลงลูบหลังให้มัน
“น้ำ...”
“ค-ย! มีแต่เหยี่ยวกู เอาไหม?”
“สัตว์!”
ปั๊บลูบหลังบักเคนที่โก่งคออ้วกจนมันดีขึ้น
“ปั๊บ...”
“หือ?”
“เจ็บท้อง”
“ไหนดูดิ๊”
ปั๊บเอามือเคนออกจากท้องที่มันกุมไว้ตอนอ้วก จุดที่พวกเขาอยู่ไม่ได้สว่างมากนัก แต่ถึงอย่างนั้นก็เห็นว่าเลือดมันไหลซึมจนชุ่มเสื้อที่ใส่
“......”
“เฮ้ย! บักเคน...” เตที่โผล่หน้าเข้ามาดูถึงกับหน้าซีดเมื่อเห็นว่าเพื่อนถูกแทงมา จากมีดหรือขวดไม่แน่ใจ เพราะพวกนั้นทุบขวดแตกด้วย
“เต มึงมาพยุงมัน กูจะไปเอารถ”
“เออ ๆ ๆ ได้ ๆ” เตกุลีกุจอเข้ามาพยุงตามที่ปั๊บสั่ง ถึงกับสร่างเมากันเลยทีเดียว
ปั๊บขับรถมาจอดใกล้ ๆ เตรีบพาบักเคนขึ้นนั่งซ้อนแล้วดันมันซบไปกับหลังปั๊บ ทั้งเมาทั้งเจ็บแบบนี้ทำให้ปั๊บไม่มั่นใจว่าจะพาเคนไปถึงโรงพยาบาลโดยที่มันไม่ตกจากท้ายมอเตอร์ไซค์ของตนเสียก่อน เลยรั้งแขนมันให้โอบเอวตนเองไว้แล้วสั่งให้เตขึ้นมาซ้อนท้ายอีกคน กว่าจะพากันไปโรงพยาบาลได้ทุลักทุเลพอดู
...
ห้องผู้ป่วยใน
แม่เคนยกถาดอาหารมาให้หลังจากถูกย้ายออกจากห้องผ่าตัดฉุกเฉินเมื่อคืนนี้แล้ว เคนได้นอนโรงพยาบาลเพื่อให้เลือดและทำแผลกันติดเชื้อ แม่บ่นหูชาที่ไปมีเรื่อง ทั้งร้องไห้ด้วย จนเคนก้มหน้าร้องตามเงียบ ๆ วันนี้ดีขึ้นมาหน่อยที่ความรู้สึกหนักหน่วงนั้นมันจางไปแล้ว เขารู้ว่าแม่ห่วง แต่ก็ยังทำตัวให้ท่านห่วงอยู่บ่อย ๆ
“แม่กินข้าวรึยัง?”
“ยัง เดี๋ยวออกไปกินหน้าโรง’บาล ไม่ได้ห่อข้าวมาด้วย มัวแต่รีบ”
“......” ได้แต่เงียบเมื่อตนคือต้นเหตุ
“กินให้หมดแล้วกินยา แม่ก็จะไปกินเหมือนกัน เดี๋ยวมา”
“ครับ”
แม่ออกไปแล้ว บักเคนก็ค่อยกินข้าวไปเงียบ ๆ ญาติของคนไข้เตียงข้าง ๆ มากันเต็มไปหมด พอมีคนโผล่เข้ามาในห้องหน่อย บักเคนก็หันไปมองอยู่เรื่อย แต่ก็ไม่ใช่คนที่มันคิดสักที จนกระทั่งแม่กลับเข้ามาหลังจากทานข้าวแล้ว แม่อยู่เป็นเพื่อนมันพักหนึ่งก่อนที่จะกลับบ้านเพราะหมดเวลาเยี่ยม แล้วจะมาใหม่วันรุ่งขึ้น
ตลอดทั้งวันจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ที่ฟ้ามืดลงแล้ว ปั๊บก็ยังไม่โผล่หัวมา เคนที่เป็นบ้ามองประตูทุกครั้งที่มีคนเข้ามาตอนนี้ชักเคืองมันแล้ว เวลาอยากให้มา ไม่โผล่หัวมา ตอนไม่อยากให้มาล่ะมาจัง ไม่ได้น้อยใจนะเว้ย แค่ไม่ชิน
...อยู่แบบนี้ไม่ชินจริง ๆ...
TBC...