Only Love is real
ให้รักนำทาง
บทที่ 11 เวลาแห่งการทำลายล้าง
ก้องภพหลับสนิทเมื่อราตรีกาลล่วงผ่านมา แม้ห้องในโรงแรมที่พักจะไม่มีเครื่องปรับอากาศ แต่อากาศ
ในเดือนสุดท้ายของปี ก็ทำให้เขาต้องนอนขดอยู่ภายใต้ผ้าห่มอุ่น ต่างจากอีกคนที่นอนอยู่เคียงข้าง
โรงแรมราคาถูกแม้จะสะอาด แต่ก็ไม่สะดวกสบายนัก เตียงที่มีให้ก็เป็นเพียงเตียงห้าฟุตเล็กๆ เพียงเตียง
เดียวที่ดูเหมือนจะเล็กเกินไปสำหรับชายหนุ่มตัวใหญ่สองคนที่ต้องขดตัวนอนอยู่ด้วยกัน
อากาศหนาวเย็นของภาคเหนือตอนล่างไม่เป็นผลต่อสิงขรเลย เขานอนกระสับกระส่ายเหงื่อชื้นเต็มลำคอ
เนื่องด้วยจิตใต้สำนึกสั่งให้เขารู้ว่าอะไรคือผิดชอบชั่วดี
แม้จะรู้ว่ามันคือความจำเป็นที่ต้องทำ และคนที่เขากำจัดไปก็ไม่ใช่คนดีนัก แต่เขาก็รู้ว่าทั้งหมดมันก็ไม่ใช่สิ่ง
ที่ถูกต้อง
ความรู้สึกผิดปรากฏรูปร่างอยู่ในความฝัน เป็นวิญญาณร้ายที่โผล่มาหลอกหลอนและเป็นฝ่ายรุมทำร้ายเขา
ส่วนตัวเขาเองได้แต่ปัดป้องและตะโกนขับไล่
ผู้หมวดหนุ่มสะดุ้งตื่นมาเมื่อได้ยินเสียงเอะอะโวยวายฟังไม่ได้ศัพท์จากคนที่นอนอยู่ด้านข้าง เขาลุกขึ้นนั่ง
อย่างรวดเร็วและหันไปมองหนุ่มน้อยอย่างตกใจ
ภาพที่เห็นคือสิงขรที่เปลือกตายังคงปิดสนิท แต่สองมือยกโบกไล่และส่งเสียงร้องตะโกนขับไล่อะไร
บางอย่าง
“ไม้ เฮ้ย! เป็นอะไรวะ ตื่นก่อน ไม้”
ผู้หมวดหนุ่มเขย่าตัวคนที่ยังคงนอนหลับตาแรงๆพลางส่งเสียงปลุก
สิงขรผวาเฮือก ผุดลุกขึ้นมานั่งอย่างรวดเร็ว ลำคอและแผ่นหลังชื้นไปด้วยเหงื่อ ดวงตาสับสนเงยขึ้นสบตา
กับก้องภพ
“เฮ้ย ฝันร้ายอะไรหรือเปล่าวะ ละเมอเสียงดังมากเลย”
ก้องภพใช้มือจับที่ต้นแขนของสิงขรพลางถามอย่างเป็นห่วง
สิงขรมองสบตากับแววตาห่วงใยด้วยความเต็มตื้น เขาโผกอดและซุกหน้ากับแผ่นอกกว้างแกร่งนั้น
แล้วน้ำตาก็หยาดหยดมา
ก้องภพเองเมื่อเจออาการแบบนี้จากหนุ่มน้อย เขาก็นิ่งงันไปชั่วครู่ ก่อนที่จะยกมือขึ้นลูบผมสิงขรเบาๆด้วย
ความสงสาร
“เป็นอะไรไปวะไม้ โตขนาดนี้แล้วยังร้องไห้เป็นเด็กอีก”
ก้องภพถามอย่างอ่อนโยน
สิงขรนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของก้องภพอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะคลายอ้อมกอดที่ยึดตัวผู้หมวดหนุ่มไว้แล้วเงยหน้า
มาสบตากับก้องภพ
“ถ้าสมมติว่าวันหนึ่ง พี่ก้องรู้ว่าผมเป็นคนไม่ดีทำผิดร้ายแรงมาก พี่จะยกโทษและจะยังดีกับผมเหมือนอย่าง
วันนี้ไหม”
ก้องภพนิ่งอึ้ง เขาสบตากับตาหวานที่บัดนี้แดงเรื่อไปด้วยคราบน้ำตา แล้วหัวใจก็อ่อนยวบ เขายกมือขึ้นปัด
ปอยผมเปียกชื้นที่ตกลงมาปรกหน้าผากมนนั้นแล้วก็อดใจไม่อยู่ที่จะหอมเบาๆที่หน้าผากของเด็กหนุ่ม
“มันอยู่ที่ว่าเจตนาแกคืออะไร ถ้าแกทำเพราะมันจำเป็น และแกสำนึกได้ว่ามันผิดจริง พี่ก็พร้อมจะอภัยให้
แก”
ก้องภพยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้สิงขรจนหมด สิงขรเอียงแก้มสัมผัสอุ้งมือนั้นความรู้สึกอบอุ่นอ่อนโยนอย่าง
ที่ไม่เคยมีมาก่อนประทับมันไว้อยู่ในส่วนลึก เขาอยากจะให้เวลาหยุดอยู่แค่นี้แม้จะรู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้
“ดึกแล้ว นอนเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ต้องเริ่มทำงานแล้ว”
ก้องภพดึงตัวสิงขรมาอยู่ในอ้อมแขน พร้อมล้มตัวลงนอน หนุ่มน้อยซุกร่างเข้ากับอกอุ่นนั้น ก้องภพลูบหลัง
สิงขรอย่างเบามือ จนกระทั่งเขาหลับไปในอ้อมกอดนั้นตลอดทั้งคืน
กลุ่มอากาศค่อยๆหมุนวน แล้วเกาะกลุ่มเกิดเป็นมวลร่าง มันค่อยๆชัดเจนขึ้น จนปรากฏเป็นร่างสูงโปร่งใน
ชุดดำสง่าผ่าเผย หากใบหน้าหวานซึ้งราวกับอิสตรีนั้นจะดูดีกว่านี้ ถ้าผู้เป็นเจ้าของจะไม่อยู่ในอารมณ์โกรธ
เกรี้ยวบึ้งตึง
เขาปรากฏร่างอยู่ในบ้านทรงไทยเก่าแก่หลังใหญ่ ที่ปลูกอยู่ในบริเวณเชิงเขาสูง อากาศที่หนาวเย็นไม่ได้ช่วย
ในอารมณ์คุกรุ่นนั้นดีขึ้นมาเลย
นึกไปถึงเหตุการณ์ที่ผ่านพ้นมาได้เมื่อหัวค่ำที่ผ่านมา เมื่อพบเจอกับชายคนนั้น
ชายคนที่เขาคิดว่าเป็นเพียงแค่คนธรรมดาที่ไม่มีพิษสง กลับมีพลังที่หยุดเขาให้นิ่งอยู่กับที่เคลื่อนไหวไม่ได้
ดีแต่ว่าวันนี้ยังคงเป็นคืนเดือนแรม ที่เขาจะมีพลังเวทมากเป็นพิเศษจึงสามารถสลัดพลังนั่น แล้วร่ายมนต์
สลายร่างหลุดรอดมา
มันเป็นใคร...เสียดายที่เขายังไม่เห็นหน้า
จะใช่คนที่ปู่ของเขาเคยเล่าให้ฟังก่อนเสียชีวิตหรือไม่ ว่ามันคือตระกูลที่ทำลายล้างครอบครัวของเขาจนหมด
สิ้น เหลือเพียงปู่ที่หนีรอดพาตัวเขาที่ยังเป็นทารกในขณะนั้นมาหลบอยู่ท่ามกลางขุนเขา แล้วเฝ้าฝึกฝนพร้อม
กับตั้งความหวังไว้ที่เขา ว่าจะนำความยิ่งใหญ่กลับคืนมา
แต่ปู่ก็อยู่ไม่ทันวันนั้น วันที่เขาจะอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ วันที่เขาจะตามหา “วัตถุ” ในตำนาน แล้วทำ
พิธีกรรมยิ่งใหญ่เพื่อกลายเป็น ผู้ยิ่งใหญ่ ที่จะมาเกิดทุก 500 ปี
แล้วก็ตามฆ่าพวกมันให้หมด อย่างที่ปู่ต้องการ
ชายหนุ่มเดินมาสบตาตัวเองในกระจก พร้อมกับสัญญา
อีกไม่นานนี้แล้ว ที่เขาจะอายุครบ 20 ปี และตอนนี้ “วัตถุ”บางชิ้นก็ได้มาอยู่ในความครอบครองของเขา
เหลืออีกเพียงไม่กี่ชิ้นหรอกนะ
แล้วพวกแกจะได้สูญสิ้นด้วยฝีมือของเขา
เขามองหน้าและสบตากับเงาในกระจก ที่สะท้อนกลับมา
ใบหน้าที่เหมือนกับสิงขรไม่มีผิดเพี้ยน