.ฉาวครั้งที่๒๕ มื้อเย็นค่อนข้างวุ่นวายนิดหน่อยเพราะแม่ของภาคินมีอาการแพ้ท้องกว่าอาการจะดีขึ้นก็ใช้เวลาอีกครู่ใหญ่ ผมมารู้ทีหลังว่าพ่อกับแม่ภาคินคุยกับแม่มาได้ระยะหนึ่งแล้วที่ภาคินมันมาวันนี้แม่รู้ก่อนผมแล้วด้วยซ้ำ ขี้โกงกันจริงๆเลย เห็นบอกว่าอยากเซอร์ไพรส์
“ว่าแต่เมฆแอบมีกิ๊กเหรอ”ผมไอค่อกแค่กทันทีเมื่อได้ยินแม่ภาคินถาม ผมหันไปมองหน้าลูกชายที่เลิกคิ้วมองผมด้วยสีหน้ากวนประสาท
“กิ๊กอะไรกันครับ ภาคินมันบอกแบบนั้นเหรอ”ผมเอาคืนมันด้วยการเตะหน้าแข้งมันใต้โต๊ะ มันสะดุ้งปล่อยช้อนในมือหล่นดังเคร้งเพราะมันยกขามาลูบด้วยสีหน้าโอเวอร์ เรียกเสียงหัวเราะดังรอบโต๊ะ
“พ่อเห็นไอ้คินมันหน้างออยู่ตั้งหลายวัน”คนเป็นพ่อส่ายหน้าไปมาเหมือนจะระอา
“คนแถวนี้อยากได้เมฆเป็นลูกเขยทั้งนั้น เราก็ระวังๆไว้นะ”แม่ผมก็เอากับเขาด้วย ภาคินทำหน้าสนใจ
“จริงเหรอครับ ลูกชายแม่นี่เนืื้อหอมพอดูเลย”มันเหลือบมองผม ก่อนจะคุยกับแม่ผมต่อ
“แล้วแม่อยากได้ผมเป็นเขยไหมครับ”คราวนี้เป็นแม่ผมที่สำลักข้าวบ้าง แม่ภาคินตีแขนลูกชายดังเพี๊ยะก่อนจะกระซิบเบาๆ ผมอ่านปากได้ว่าShut up
“คินเขาล้อเล่นน่ะค่ะ ฉันเองยังตกใจเลย ร้ายจริงๆเด็กคนนี้”แล้วแม่ภาคินก็ยกมือทาบอกหัวเราะกลบเกลื่อนแต่ไม่วายเขวี้ยงสายตาไม่พอใจไปให้ภาคิน ผมยักคิ้วให้มัน ไม่รู้มันพูดจริงพูดเล่น แต่มันก็น่าคิดเหมือนกัน เพราะมันพาพ่อกับแม่มันมาด้วย พ่อมันกระแอมก่อนจะเทน้ำเปล่าให้ภรรยา ผมแอบเหลือบมองสีหน้าของแม่ที่ยังดูเป็นปกติดีอยู่
“แต่ถ้าอยากเป็นจริงๆคงยากหน่อยนะ ภาคิน แม่ฉันสเป็คสูง”ผมแกล้งพูด แม่นิ่วหน้ามองผม ภาคินดูเป็นกังวลขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก หลังจากทานข้าวเสร็จ ผมกับภาคินออกไปเดินเล่นย่อยอาหาร
“นี่ฉันพูดจริงนะ”จู่ๆมันก็พูดขึ้นมา ผมหันไปมองอย่างงุนงง
“อะไร ชอบพูดลอยๆทุกที”ผมมองภาคินที่ดึงกิ่งไม้เล่น
“ก็ที่ฉันพาพ่อกับแม่มาไง แค่อยากมาทำให้ถูกต้องน่ะ”ผมเริ่มจะตกใจจริงๆแล้ว มันหมายความว่าไงวะนั่น
“คือ....”
“ก็คือฉันพาทั้งคู่มาคุยกับแม่นายไง เพราะฉันคิดว่าแม่นายไม่ค่อยปลื้มฉันเท่าไหร่ ถ้าหากว่ามีผู้ใหญ่มาช่วยพูดล่ะก็...อาจจะง่ายกว่าก็ได้”มันดึงใบไม้ในมือเล่นสายตาไม่ได้จับจ้องอยู่ที่ผมแต่มองตรงไปด้านหน้า อย่าบอกนะว่ามันกำลังเขิน?
“ฉันแค่อยากทำให้แม่นายมั่นใจมากขึ้นว่าฉันจริงจังกับนาย ก็เลยอยากมาจองไว้ก่อนน่ะ”จองเหรอ...ผมจ้องมองมันไม่วางตา มันไม่ได้มองมาที่ผมเลย
“จองแบบไหน”
“เออน่า เดี๋ยวก็รู้เอง”มันยังคงไม่มองผมเหมือนเคย ผมก็เลยเอื้อมไปจับใบหน้าของมันให้หันมามองผม
“เป็นไร เขินหรอ”
“เปล่า”มันดึงมือผมออกก่อนจะหันไปมองทิวทัศน์รอบๆแทน ผมกะจะไปแหย่มันต่อ แต่เพราะมีคนปั่นจักรยานมาใกล้ๆเสียก่อน เป็นคนที่ทำให้หน้าของภาคินบึ้งตึง ชลนั่นเอง อีกฝ่ายหยุดผิวปากก่อนจะชะลอรถเมื่อเห็นผมกับภาคิน
“สวัสดีครับ ยังไม่มีโอกาสแนะนำตัวกันเลย ผมชื่อชลครับ”ชลยกยิ้มพยายามผูกมิตรกับภาคิน
“ผมชื่อภาคิน ยินดีที่ได้รู้จักครับ”มันส่งยิ้มสุภาพกลับไป
“เป็นเพื่อนเมฆเหรอ เห็นอยู่ด้วยกันเมื่อวาน”ชลถามด้วยท่าทางสงสัย มองผมสลับกับคนตัวสูงไปมา
“ถ้าอยากรู้ก็ถามเมฆดูสิ”ผมตั้งใจจะหันไปโวยที่มันโบ้ยมาให้แต่สีหน้าเหมือนอยากได้ยินคำตอบจากผมทำเอาชะงัก ชลมองมาที่ผมงงๆ
“เกี่ยวอะไรกับเมฆด้วยล่ะ”มันเองก็ดูไม่เก็ท
“ก็ตอบชลไปดิ”สีหน้ามันเริ่มจะบูดแล้ว
“ท่าทางแปลกๆนะคุณสองคนเนี่ย”มันหัวเราะ ผมกำลังจะเปิดปากพูดแต่ชลมันถามคำถามอื่นขัดขึ้นมาเสียก่อน
“ว่าแต่เราจะลงแข่งจับปลาไหลไหม”ภาคินหันมาฟังอย่างสนใจ
“คงไม่ล่ะ แล้วนายลงเหรอ”ผมไม่ถนัดจริงๆ ภาคินมองมาที่ผมอย่างไม่วางตา
“ลงแน่นอน อยากกินหมูพอดี ถ้าชนะเดี๋ยวจะเอามาแบ่ง กินคนเดียวคงไม่หมดแน่”มันคุยโว ผมหันไปมองเป้าหมายบ้าง
“นายอยากลงไหม”ถามภาคิน
“ห้ะ?”มันดูงงๆ ชลหัวเราะทันที เหมือนจะขำกับคำชวนของผม แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“ไปก่อนนะ ต้องไปซื้อยาให้ยาย”สีหน้าอีกฝ่ายดูเป็นกังวลขึ้นมา
“อ้าว ยายไม่สบายเหรอ”ก็เมื่อเช้ายังเห็นดีๆอยู่เลย
“ปวดท้องน่ะ ยายแกไม่ค่อยชอบกินข้าว ว่างๆก็ไปหาแกบ้างนะ ดูเหมือนยายจะชอบนาย”แล้วมันก็ปั่นจักรยานออกไป ภาคินมุ่นคิ้วมองผม
“แน่ใจนะ ว่าเพิ่งรู้จักกัน ทำไมดูสนิทกันนัก เคยไปบ้านมันมาแล้วเหรอ”
“อย่าทำหน้าแบบนั้น ฟังก่อน”ผมก็เล่าเรื่องยายให้มันฟัง มันดูเหมือนจะสนใจเรื่องนี้เหมือนกัน
“เสียหลานสาวไป คงทำให้ยายสะเทือนใจมากแน่ๆถึงได้เป็นแบบนี้”ภาคินให้ความเห็นเมื่อผมเล่าจบ
“แล้วบ้านยายแกอยู่ไหน”ผมแปลกใจที่มันถาม ไม่คิดว่ามันจะไปเยี่ยม
“ท้ายหมู่บ้านน่ะ นายจะไปเยี่ยมเหรอ”มันไม่ได้ตอบคำถามแต่คว้ามือผมไปจับ พระอาทิตย์ใกล้จะตกดินพอดี ภาคินก็เลยจะรอถ่ายรูป
“จะได้เลิกเขียนข่าวว่าฉันเลิกกับนายเสียที”ขณะที่ภาคินลากผมไปหามุมสวยๆถ่ายรูป ชลมันก็ปั่นจักรยานกลับมาพอดี มันบีบกระดิ่งรถทัก ผมแค่พยักหน้าส่งๆไป เดี๋ยวคนแถวนี้จะทำหน้าบูดอีก ภาคินจัดการอัพรูปลงไอจีพร้อมแคปชั่นว่ายังรักกันดี
“เออ ว่าแต่เมื่อกี้พูดถึงอะไรปลาไหลๆนะ”มันเลิกสนใจโทรศัพท์แล้วหันมามองผมแทน
“ก็อีกสองวันจะมีการแข่งจับปลาไหลของหมู่บ้านน่ะ มีหมูหนึ่งตัวเป็นรางวัล”
“อ้อ...”มันพยักหน้าแบบไม่สนใจเท่าไหร่ ระหว่างทางที่เดินกลับบ้านผมจึงตัดสินใจพูดขึ้น
“เออ คิน นายทำอะไรสักอย่างให้ฉันได้ไหม”ผมเริ่มเข้าเรื่อง
“ฉันต้องรู้ก่อนสิว่าต้องทำอะไร”มันไม่ยอมหลงกลง่ายๆ
“ก็อย่างที่ฉันเพิ่งพูดไปไง ฉันอยากให้นายลงแข่งจับปลาไหล”
“ฉันเนี่ยนะ”มันหัวเราะทันที
“นายคิดยังไงเนี่ย คนอย่างภาคินไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก นึกถึงไอ้ตัวลื่นๆพวกนั้นแล้ว...”มันทำเสียงที่บ่งบอกว่าขยะแขยง แต่ผมยังทำสีหน้าจริงจังอยู่
“ก็แล้วแต่ ฉันไปขอหมูจากชลก็ได้ ถ้าหากว่ามันชนะ”ผมตั้งใจจะเดินต่อ แต่ภาคินคว้าไหล่ผมทันที
“แล้วรู้ได้ไงว่ามันจะชนะ”
“ก็เดาเอาไง ใครๆก็บอกว่าชลมันเก่ง”ไม่มีใครบอกทั้งนั้นแหละ ภาคินพ่นลมหายใจฉุนๆ
“นายตั้งใจจะยั่วโมโหฉันล่ะสิ เชิญเลยถ้าอยากกินหมูของไอ้ชลนักก็เอาเลย เหอะ ขอให้อ้วนเหมือนหมู”แล้วมันก็เดินนำไป
“ไอ้คิน”บังอาจมาแช่งให้ผมเหมือนหมูเหรอ
“เออ ถ้าฉันอ้วนเหมือนหมูแล้วนายจะรู้สึก”ผมทั้งฉุนทั้งขำ ไม่รู้ล่ะ ไงๆผมต้องให้ภาคินลงแข่งให้ได้ ผมวิ่งตามร่างสูงที่เดินนำลิ่วๆไป แต่ดูมันจะงอนที่ผมพูดชมชลไปเมื่อครู่ ทำไมเดี๋ยวนี้มันงอแงจังวะ หรือว่ามันเครียดจนประสาทกลับไปแล้ว
“รอด้วยดิ”ผมคว้าไหล่มันไว้ทัน เพิ่งรู้ว่ามันสูงกว่าผมแค่ไหน มันผินหน้ามามองผมแวบนึงก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน ผู้ใหญ่ทั้งสามคนนั่งคุยอยู่ที่โต๊ะใต้ร่มไม้ ผมเดินตามภาคินไปนั่งข้างๆแม่
“มากันพอดีเลย”พ่อทักก่อนจะมองลูกชายที่นั่งหน้าบูดอยู่ข้างๆ
“What's wrong?”แม่มันถาม ภาคินไหวไหล่ก่อนจะหยิบมะม่วงในจานเข้าปาก
“คุยอะไรกันอยู่เหรอครับ”ผมถามขึ้นมาก่อนจะมองผู้ใหญ่ทั้งสาม
“เรากำลังพูดถึงพวกเธออยู่พอดีเลย”แม่ภาคินระบายยิ้มบนหน้า ร่างสูงที่เคยทำหน้าบูดเปลี่ยนอารมณ์ในฉับพลัน
“คือมันก็ไม่ได้เป็นทางการอะไร แต่วันนี้เรามาเพื่อยืนยันความจริงใจของภาคินที่มีต่อเมฆ”พ่อภาคินยิ้มจางให้ผมกับแม่
“ผมอยากให้แม่วางใจให้ผมดูแลเมฆ ถึงผมจะเคยไม่ดียังไง ผมก็กำลังพยายามปรับให้ดีขึ้น”ภาคินพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“แล้วแน่ใจเหรอว่าจะดูแลเมฆมันไหว ถ้าลองได้ดื้อแล้วแม่ยังห้ามไม่ฟังเลย แล้วคินแน่ใจกับความรู้สึกของตัวเองแล้วแน่เหรอ ถ้าหากวันไหนเลิกกันขึ้นมา...”ผมมองแม่ที่ตีหน้าเครียดเช่นกัน แต่ผมรู้ว่ามีแค่กำลังดูท่าทีของมันเท่านั้น
“เมฆเคยบอกผมว่าอย่าเพิ่งคิดไกล คิดแค่วันนี้กับพรุ่งนี้ก็พอ เพราะอย่างนั้นแล้วผมจะดูแลเมฆให้ดีที่สุดในช่วงที่เราคบกันครับ”มันมองสบตาผม อารมณ์งอแงของมันปลิวหายไปกับสายลมแล้ว แม่ยิ้มให้กับคำตอบของภาคิน
“รู้ไหมแม่เป็นคนสอนคำพูดพวกนี้ให้เมฆเอง ไม่คิดว่าจะเอาไปพูดกับคินด้วย”จากน้ำเสียงแม่ดูพอใจมากทีเดียว
“ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาผมอาจดูแลเขาได้ไม่ดีนัก แต่ผมอยากให้แม่เปิดโอกาสให้ผมดูแลเมฆอย่างจริงจังด้วยเถอะครับ”ผมยิ้มฟังที่มันพูด แม่หันมามองผม
“แล้วเราล่ะว่าไง”
“โธ่ แม่...”รู้อยู่แท้ๆว่าผมรู้สึกยังไงยังจะมาถามอีก
“i like the way he shy”ผมได้ยินเสียงกระซิบของแม่ภาคินดังมาแว่วๆ
“แม่ไว้ใจเรานะ ฝากดูแลน้องมันอีกแรงนะคิน”ผมเห็นแววลิงโลดบนใบหน้าของมัน
“ขอบคุณครับแม่”มันยิ้มหน้าบาน
“นี่มันออกจะแปลกไปสักหน่อยแต่ผมอยากให้คุณแม่รับของนี้ไว้”พ่อภาคินวางกล่องบางอย่างลงบนโต๊ะดูจากลักษณะแล้วคงเป็นกล่องเครื่องเพชรแน่ๆ แม่รับกล่องนั้นไป ผมว่าบรรยากาศมันเริ่มจะแปลกๆแล้วนะเนี่ย ผมขยับตัวไปมาบนม้านั่งเมื่อสายตาแฝงความนัยของภาคินมองมา
“ไม่คิดเลยว่าจะมีวันนี้..ฉันภูมิใจในตัวเขาจริงๆ เด็กแสบคนนี้ทำฉันคาดไม่ถึงเสมอเลย”แม่ภาคินพึมพำด้วยสีหน้าปลาบปลื้มก่อนจะหันมามองผมก่อนจะรัวภาษาอังกฤษใส่จนผมมึน จับใจความไม่ค่อยได้
“แม่อย่าเวอร์”ภาคินทำหน้าหน่าย
“เปล่านะ เมื่อก่อนเธอออกจะ Bad boy”ภาคินเบ้หน้า แม่มันหันมารัวใส่ผมอีกครั้ง ผมนึกถึงเรื่องปลาไหลขึ้นมาได้ อยู่กันพร้อมหน้าแบบนี้ต้องกดดันภาคินได้แน่
“แม่ครับ ผมได้ยินมาว่าที่หมู่บ้านจะมีการแข่งจับปลาไหล”ภาคินหันมามองผมทันที
“ปลาไหล?”ดูเหมือนจะไม่เข้าใจ พ่อเขาก็เลยแปลให้อีกที เธอพยักหน้าเข้าใจ
“ผมคิดว่าคงสนุกแน่ๆถ้าหากภาคินลงแข่งด้วย แม่เห็นด้วยไหมครับ”
“เมฆ!”มันทำเสียงดุใส่ผม
“โอ้ว ฉันเห็นด้วย แทบรอไม่ไหวเลย เขากับปลาไหล...”แล้วทั้งคู่ก็พร้อมใจกันหัวเราะ
“เลิกพูดเลย ผมไม่มีทางลงไปอยู่กับพวกมันแน่”
“น่าสนุกออกนะลูก”พ่อยังสนับสนุนแต่คงอยากแกล้งภาคินมันมากกว่า
“ได้หมูตั้งหนึ่งตัว แม่ว่าน่าสนนะ ชลมันก็ลงไม่ใช่เหรอ เมฆ”จู่ๆแม่ก็พูดถึงไอ้ชลขึ้นมา ดูเหมือนจะไปกระตุ้นต่อมบางอย่างของมันเข้า แม่ช่างรู้ใจผมจริงๆ
“งั้นผมลงก็ได้ครับ ถ้าเกิดได้หมูขึ้นมาจริงๆสงสัยแม่ต้องทำแจกคนทั้งหมู่บ้านแน่”ผมกลั้นขำ ภาคินเอ้ย อย่าเพิ่งคิดการไกล
“จบเรื่องแล้วโดนดีแน่ๆ”มันเอนมากระซิบใกล้ๆผม อย่าบอกนะว่าโกรธอีกแล้ว
“เออน่า ถ้าทำดีเดี๋ยวให้รางวัล”ผมกระซิบกลับ สายตามันดูแพรวพราวขึ้นมาทันที
“จริงนะ”
“อือ”
“ทบต้นทบดอกด้วย”ผมย่นคิ้ว
“ทบต้นทบดอกอะไร”
“นายมีคดีหลายกระทงไง ปลาไหลก็หนึ่ง เรื่องไอ้ชลสอง ยั่วโมโหฉันสาม...”มันทำท่าจะพูดต่อ
“เดี๋ยวๆ...”ไม่รู้ว่าผมทำแบบไหนออกไป ภาคินถึงได้อารมณ์ดีขึ้นมาทันตา ปลาไหลก็ทำอะไรมันไม่ได้
*****************************
ผมตื่นแต่เช้าตามปกติ ลงมาอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันก็เห็นว่าภาคินมันตื่นแล้ว เมื่อคืนผ่านพ้นไปด้วยดี มันไม่ได้แกล้งลวนลามผมเลยด้วยซ้ำ หรือมันจะรอทบต้นทบดอกจริงๆล่ะนั่น ยังไม่ถึงอย่าเพิ่งไปคิดมาก ผมเตือนตัวเอง
“จะไปไหนแต่เช้า”มันถามเสียงงัวเงีย นั่งเกาแขนแกรกๆ
“ตลาดไง”วันนี้ไม่ได้ขายเพราะแม่อยากพักก็เลยขายวันเว้นวันแต่ที่ไปตลาดเพราะจะไปซื้อของมาทำมื้อเช้า
“ไปด้วย”มันรีบพรวดพราดลุกขึ้นเหมือนกลัวผมจะหนีมันไปคนเดียว มันหายไปเปลี่ยนเสื้อแต่ยังใส่กางเกงนอนอยู่
“ถ้าง่วงก็ไปนอนต่อสิ ฉันไปเองได้”ผมเอาจักรยานออกมาตอนแรกภาคินอาสาจะปั่นเอง แต่เห็นสภาพมันแล้วแต่ผมเห็นสภาพมันแล้วผมปั่นเองดีกว่า
“คนที่นี่ตื่นเช้ากันจังเนอะ”ภาคินพูดมาจากด้านหลัง
“เขาต้องทำมาหากินนี่ นอนกินบ้านกินเมืองไม่ได้หรอก”ผมสังเกตุตั้งแต่มาอยู่วันแรกแล้ว ว่าชาวบ้านที่นี่ส่วนใหญ่ตื่นกันแต่ตีสี่ตีห้านู่นแหน่ะ ภาคินเอาหน้าผากซบหลังผมตลอดระหว่างทางที่ไปตลาด
“เราต้องไปร้านยายไหม”มันพยักเพยิดไปที่ร้านแผงลอยที่ยายกับชลประจำอยู่
“ไปสิ ไปซื้อผักไง”ผมลอบมองสีหน้าของมัน มันก็ดูสงบดี ผมเลือกปลาทับทิมตัวใหญ่ไปสองตัวเพราะแม่จะทำปลานึ่งมะนาว ภาคินที่มาด้วยช่วยผมได้เยอะเลย ก็แน่ล่ะ มันก็พอจะทำอาหารเป็นเหมือนกันนี่นา
“หวัดดีครับยาย หายปวดท้องหรือยังครับ”ผมถามคุณยายเจ้าเก่าเมื่อเดินมาถึงแผงขายผักสด แต่คุณยายกลับเอาแต่จ้องไอ้ภาคิน
“ใครน่ะ เพื่อนเอ็งเหรอ”ยายถาม ผมมองหน้าภาคิน เวลาแบบนี้จะให้ผมตอบว่าแฟนก็ไม่ได้เสียด้วยสิ ผมตีสีหน้าไม่ถูก ชลที่นั่งอยู่ข้างๆยายก็เลิกคิ้วรอฟัง
“ยายก็ถามมันเองสิ”ผมใช้วิชาปรัชโยนทันที ภาคินทำหน้าตกใจที่ผมโยนขี้ไปให้ ผมยักคิ้วใส่มันก่อนจะเลือกมะนาวลูกสวยๆมาใส่ตะกร้าที่ชลยื่นให้
“ว่าไง พ่อหนุ่ม”ยายเพ่งมองภาคิน
“ผมกับเมฆเป็นเพื่อนสนิทกันน่ะครับ”มันยกยิ้มตอบยายสายตามองไปที่ไอ้ชลแถมเน้นคำว่าสนิทเป็นพิเศษอีก
“อย่างนี้นี่เอง ถึงว่าเห็นอยู่ด้วยกันตลอดเลย”ชลพูดยิ้มๆ
“ก็ธรรมดาของคนที่สนิทกันแนบแน่นน่ะครับ”ภาคินตอบเสียงนุ่ม มันกับไอ้ชลมองหน้ากันอยู่ครู่หนึ่ง นี่พวกมันจะจ้องหน้ากันอีกนานไหม
“แต่พ่อหนุ่มก็หล่อสู้ไอ้เมฆของยายไม่ได้หรอก”เสียงยายแทรกมา ไม่สนใจบรรยากาศที่อึมครึมแปลกๆ ภาคินหัวเราะก่อนจะเข้ามาช่วยผมเลือกคะน้า มันดูชำนาญกว่าผมอีกผมก็เลยปล่อยให้มันจัดการไป
“ว่าแต่พ่อหนุ่มนี่สูงได้สูงดีจริงๆ”ยายหยีตามองร่างสูงของมันก่อนจะเอื้อมมือมาจับๆแขนของภาคิน มันตีสีหต้าไม่ถูก
“อย่าทำแบบนั้นสิ ยาย”ชลทำหน้าเอือมๆ
“โทษทีนะ แกเห็นคนแปลกหน้าไม่ค่อยได้”มันหันมาขอโทษขอโพยภาคิน ที่ไหวไหล่เหมือนไม่ติดใจอะไร
“พรุ่งนี้ไปดูแข่งจับปลาไหลไหม”แล้วก็หันมาถามผมพร้อมรอยยิ้ม
“ไปเชียร์เพื่อนสนิทน่ะ”ผมบุ้ยหน้าไปทางภาคิน อีกฝ่ายหันมามองผมสลับกับไอ้ภาคินก่อนจะหัวเราะเสียงดัง
“จริงดิ จะไหวเหรอ”
“ไหวไม่ไหวไม่รู้ แต่เมฆอยากให้ผมลง ผมก็ตามใจเขาอยู่แล้ว”มันตอบเสียงสบายๆ ก่อนจะวางมือลงบนไหล่ของผมเหมือนจะแสดงให้เห็นว่าสนิทจริงๆ ผมไม่อยากอยู่ท่ามกลางบรรยากาศแบบนี้ก็เลยรีบจ่ายเงิน แต่ยายที่ฟังอยู่กับพูดเสียงตื่นเต้นจนคนแถวนั้นหันมามองเป็นตาเดียว
“อย่างพ่อหนุ่มจะลงแข่งจับปลาไหลจริงๆเหรอ”ป้าที่เคยเสนอคงามเห็นตบขาดังป้าบอย่างถูกใจ
“งานนี้ต้องไปดูซะแล้ว สู้ๆนะพ่อฝรั่ง”มันยิ้มแห้งก่อนจะรีบเดินไปที่รถจักรยาน เด็กๆกลุ่มเดิมเต้นเย้วๆส่งเสียงเชียร์ภาคิน ดูเหมือนพวกป้าๆที่อยู่แถวตลาดจะชอบใจมาก ผมได้ยินเสียงกระซิบแว่วๆมา
“ฉันอยากได้เขยฝรั่ง”คงไม่ได้หรอกนะป้า คนนี้น่ะของผม
ข่าวที่ฝรั่งจะลงจับปลาไหลแพร่ไปทั้งหมู่บ้านทำให้วันแข่งครึกครื้นเป็นพิเศษเพราะคนเกือบๆครึ่งหมู่บ้านแห่มาดูภาคิน พ่อกับแม่ภาคินและแม่ของผมก็ตามมาดูด้วยท่าทางตื่นเต้นเป็นพิเศษ ภาคินสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ผมไม่อยากให้มันเครียดเลยพูดแซวมันไป
“ขนาดมาบ้านนอก นายยังดังได้เลย สมแล้วที่เป็นภาคิน”แต่มันไม่ได้สนใจฟังผมเท่าไหร่เพราะสายตาของมันจับจ้องไปที่ชางบ้านที่เทผลาไหลลงบ่อตื้นๆ ปลาพวกนั้นเลื้อยยั้วเยี้ยเต็มไปหมด ผมได้ยินเสียงแม่ภาคินอุทานมาแว่วๆ นอกจากชลที่ลงก็มีเด็กวัยรุ่นอีกสามคน ท่าทางของทุกคนดูเตรียมพร้อมกันหมด ผมตบไหล่คนข้างตัวเบาๆ ผมคิดอยู่แล้วล่ะถ้าหากภาคินมันจับไม่ได้จริงๆผมก็จะลงไปช่วย
“ให้ตาย ฉันขนลุกเลย”มันยื่นแขนมาให้ผมดู
“สู้ๆ”ผมดันหลังให้มันลงไปที่บ่อ
“อย่าลืมรางวัลของฉันล่ะ เพื่อนซี้”มันกระซิบเสียงล้อเลียนก่อนจะลงไปที่บ่อ ผมตามไปเชียร์ใกล้ๆ พ่อภาคินเอากล้องมาอัดวิดีโอไว้ด้วย มันมันโวยโบกไม้โบกมือโวยใส่พ่อมัน
“แกล้งคินเกินไปหรือเปล่าเนี่ยเรา”แม่พึมพำอยู่ข้างๆเมื่อภาคินยืนอยู่ในบ่อด้วยท่าทางเก้ๆกัง ชลหันมามองภาคินด้วยสายตาขบขัน ผมมองร่างสูงที่สะพายกระชังปลาซึ่งดูไม่เข้ากันอย่างแรง ผมยกกำปั้นให้มันเมื่ออีกฝ่ายหันมามอง ผู้ใหญ่บ้านเป่านกหวีดเริ่มการแข่งได้ ผู้เข้าแข่งขันจึงเริ่มจัดการจับเจ้าปลาลื่นๆทันที
ยกเว้นภาคินที่ยืนมองอยู่ก่อนจะก้มทำตาม แน่นอนว่าจับไม่ได้ง่ายๆอยู่แล้ว มีเสียงเฮเสียงหัวเราะครืนเมื่อภาคินจับได้แล้วมันก็ลื่นหลุดมือไป ได้ยินมันสบถเบาๆ ชลดูจะชำนาญเอาเรื่องเหมือนกันเพราะจับไปได้หลายตัวแล้ว แถมยังมองไปที่ภาคินด้วยสายตาเหมือนเหนือกว่าอีก ภาคินเริ่มหงุดหงิดมากขึ้นทุกที
“Oh man”แม่ภาคินพึมพำเมื่อปลาไหลอีกตัวหลุดมือไปอย่างน่าเสียดาย ผมส่งเสียงเชียร์มันเหมือนกำลังเชียร์มวย โธ่เอ้ย มันจะจับได้สักตัวรึเปล่าเนี่ย ชาวบ้านที่มาดูส่วนใหญ่เอาใจช่วยให้มันจับได้มากกว่าจะลุ้นว่าใครแพ้ใครชนะ และเมื่อมันจับได้ตัวแรกเสียงเฮจึงดังเป็นพิเศษ เนื้อตัวมันมอมแมมกว่าคนอื่นเขาหลายเท่า มันยักคิ้วให้ผมด้วยท่าทางภูมิใจ
“เดี๋ยวเตรียมล้างท้องรอได้เลยนะ”ชลเดินมาใกล้ ๆ ผมมองกระชังปลาที่มีปลาไหลอยู่หลายสิบตัว
“อย่าโม้ให้มาก”ผมโบกมือไล่ ผ่านไปหลายนาที ภาคินจับได้แค่สามตัวเอง สีหน้าของมันบูดบึ้งเข้าไปทุกที ผมเห็นว่าอารมณ์มันเริ่มบูดจึงตะโกนขึ้นมา
“ผมขอลงแข่งด้วย”หลายคนหันมามองงงๆ ภาคินใช้แขนเสื้อเช็ดโคลนที่กระเด็นติดแก้มก่อนจะเท้าเอวมองผม
“ลงไปตอนนี้ก็ไม่ชนะหรอกไอ้หนู”ลุงผู้ใหญ่พูดขึ้นมา
“ผมจะลงไปช่วยเพื่อนต่างหากครับ ได้ไหม”ผมหันไปขอความเห็นคนที่กำลังจับปลาไหลอยู่
“ก็เอาซี้ ต่อให้”หนึ่งในนั้นตะโกนมา ผมจึงถอดรองเท้า พับกางเกงขึ้น
“เอาจริงอ่ะ”ภาคินเดินมาถามใกล้ๆ แต่ใบหน้ายิ้มแย้ม
“อือ เห็นเพื่อนลำบากแล้วทนไม่ไหว”ภาคินยื่นมือเปื้อนๆมาเหมือนจะผลักหัวผม แต่ผมเอนตัวหนี เมื่อลงไปในบ่อโคลนกับภาคินแล้ว ผมก็รู้ซึ้งทันทีว่ามันจับยากแค่ไหน
“เชี่ย”ผมสบถเมื่อปลาไหลที่กำลังจะเอาเข้ากระชังหลุดมือไป มันหัวเราะขำ ก่อนจะป้ายโคลนลงบนแก้มผม
“เฮ้ย เปื้อนหมดเลยเนี่ย”ผมป้ายมันกลับ แต่มันหลบได้ พร้อมกับถอยหนี ผมก็ตามไปไม่ลดละ จนมันชนเข้ากับชลที่ก้มจับปลาไหลอยู่จนหน้าคะมำกันทั้งคู่ ผมหัวเราะลั่นอย่างกลั้นไม่อยู่ ภาคินรีบยันตัวขึ้นมา มันหันไปมองชลที่กำลังลูบโคลนเหม็นๆออกจากหน้า
“โทษที”แต่มันดูสะใจมากกว่า มันกลับมาช่วยผมจับปลาไหลอีกครั้ง ถึงแม้ผมจะลงมาช่วยมันแล้วก็ตามแต่ก็เหมือนไม่ได้ช่วยอะไรเลย เพราะมันเอาแต่แกล้งผมนี่ล่ะ
“ได้แล้ว!”มันตะโกนเสียงดังก่อนจะชูปลาไหลในมือ
“เอาใส่กระชังสิ เร็วๆ”ยังจะมาอวดอีก เดี๋ยวก็หลุดอีกรอบหรอก มันหัวเราะพอใจ
“ความรักก็เหมือนปลาไหล ต้องจับแน่นๆอย่าให้หลุดมือไม่อย่างนั้นคนอื่นจะฉกไป”มันเปรียบเปรยสีหน้าจริงจัง
“สุภาษิตเล่มไหนวะ คิน”
ผมเอากระชังปลามาเขย่าๆดูว่าได้เยอะหรือยัง เทียบกับของไอ้ชลไม่ได้เลยจริงๆ มันก้มๆเงยๆอยู่ใกล้ๆ สายตาสงสัยมองมาที่ผมกับภาคินอยู่บ่อยๆ จนเมื่อผู้ใหญ่บ้านเป่าหมดเวลาและปลาไหลตัวสุดท้ายถูกจับได้
“เอาล่ะๆ ขึ้นมาดูสิว่าใครเยอะสุด”ผมกับภาคินไปรวมกันที่อีกด้านก่อนจะเทปลาไหลใส่กะละมังเพื่อดูจำนวน ผมก็ไม่ได้หวังจะชนะอยู่แล้ว ได้น้อยสุดเลยด้วย ผู้ชนะก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจากนายชล คนกันเอง ผมเห็นยายมาเชียร์ด้วย ท่าทางดีใจที่หลานชนะ ภาคินกับผมแยกออกไปล้างตัว แต่ชลมันวิ่งตามมา
“มีอะไร”ภาคินถามด้วยเสียงไม่เป็นมิตร
“ตอนเย็นผมจะล้มหมู ยังไงก็ชวนที่บ้านมากินด้วยกันสิ หมูตัวเบ่อเร่อผมกับยายแค่สองคนกินไม่หมดหรอก”ดูเหมือนชลมันจะชวนคนทั้งหมู่บ้านไปด้วย
“อ้อ ขอบใจนะ ถ้าว่างก็จะไป”มันยิ้มกว้างให้ผมก่อนจะยกมือไหว้แม่ที่เพิ่งเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าขบขัน
“ไปล้างตัวก่อนไป”แม่ชี้ไปยังเพิงห้องน้ำเล็กๆที่บางส่วนเพิ่งล้างตัวเสร็จ สภาพของภาคินดูไม่ได้เลยแม้แต่เส้นผมก็ยังมีโคลนเปื้อน ผมกับมันใช้ห้องเดียวกัน เผื่อแผ่คนที่ยังไม่ได้ล้าง
“แสบตาว่ะ”ภาคินพึมพำใช้แขนเสื้อเช็ดตาตัวเอง ผมดึงแขนมันออกก่อนจะชะโงกมองตาแดงๆของมัน
“เดี๋ยวเอาน้ำล้างเอา ยิ่งขยี้ก็ยิ่งแสบดิ แขนเสื้อก็เปื้อน”ผมตักน้ำส่งให้มัน ผมราดตัวแค่ให้โคลนที่เปื้อนออกหลุด เสื้อของภาคินเปรอะมากจนมันถอดเสื้อกับกางขาสั้นออก มันลงไปเล่นโคลนมารึไงถึงได้เปื้อนไปถึงข้างในแบบนั้น
“หายเจ็บตายัง”
“อือ เบาแล้ว”ผมยื่นหน้าไปดู แต่ตาของมันก็ยังแดงๆอยู่ ภาคินยื่นหน้ามาใกล้ผมจนหน้าผากชนกัน
“อย่าลืมรางวัลของฉันล่ะ”มันเลื่อนมาขบเม้มริมฝีปากเบาๆ ก่อนจะประกบจูบบดเบียดริมฝีปากเข้ามา ผมเปิดปากรับปลายลิ้นของอีกฝ่ายที่โลมเลียอยู่ไม่ห่าง มันส่งเสียงพอใจเบาๆก่อนจะรุกไล่เข้ามามากขึ้นจนผมต้องจับแขนมันไว้ อ้อมแขนรัดเอวผมไว้ มันถอนจูบให้พอมีเวลาหายใจก่อนจะย้ำจูบลงมาอีกครั้ง
ภาคินลวนลามผมจนพอใจก่อนจะปล่อยให้ผมเป็นอิสระจากอ้อมแขนของมัน ผมราดน้ำล้างแขนกับขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเปิดประตูออกไป สะดุ้งตกใจเมื่อคนที่ยืนอยู่นอกประตูคือไอ้ชล
“อ้าว นึกว่ากลับไปแล้ว”ผมถามเบี่ยงประเด็นเพราะมันดูสงสัย
“ยัง มาล้างตัวน่ะ นี่ถามจริงๆนะ เป็นเพื่อนกันแน่เหรอ”มันมองมาด้วยสายตาจับผิด
“เปล่า ไม่ใช่เพื่อน”อีกฝ่ายเลิกคิ้วเมื่อผมตอบ ผมมองไปรอบๆเพื่อดูว่ามีคนอยู่แถวนี้รึเปล่า
“แต่เป็นแฟน”ภาคินกระชับมือผมเบาๆ ชลดูแปลกใจแต่ก็ไม่ได้มีท่าทางตกใจอะไรมากนัก
“มีเจ้าของแล้ว เพราะฉะนั้น อย่ามายุ่ง”ภาคินพูดเสริม ชลแค่ยิ้มจาง ผมกระแอมเบาๆ
“ไปก่อนนะ”ผมส่งยิ้มให้เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะออกมาพร้อมกับร่างสูงที่มีรอยยิ้มพอใจอยู่บนหน้า มันเข้ามากอดคอผมหลวมๆ
“ฉันโกรธแน่ๆ ถ้านายบอกมันว่าเราเป็นเพื่อนกัน”
“ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องปิดบังนี่”
“ก็นึกว่าอยากให้มันคิดว่าโสดเสียอีก”ผมหรี่ตามองทันที
“นี่อยากโดนด่ามากใช่ไหม”
“แค่คิดเฉยๆ ก็เห็นนายชอบคุยกับมัน”
“ก็คุยตามประสาเพื่อนไง ทำไมเดี๋ยวนี้งอแงเก่งจังวะ คิน”ผมหันไปถามเสียงหงุดหงิด
“ก็อยากรู้ไง ว่าสนใจกันรึเปล่า”เรียกร้องความสนใจสินะ
“นายเป็นเด็กรึไง”มันหัวเราะเบาๆ
“ใช่ เด็กที่กลัวโดนทิ้งไง”แล้วมันก็เดินนำไปที่รถ ห้ะ อย่างภาคินเนี่ยนะ กลัวโดนทิ้ง ไม่คิดว่ามันจะมีความคิดแบบนี้มาก่อน ควรเป็นผมไม่ใช่เหรอ ที่ต้องกลัวน่ะ
(มีต่อ)