Brothers
Chapter 7- The Kiss
เสือลืมตา ทำไมในห้องอากาศเย็นผิดปกติ ทุกครั้งเขาต้องปรับประมาณยี่สิบเจ็ดองศา ไม่ร้อนเกินไป ไม่หนาวเกินไป แล้วใครมาปรับให้มันเย็นจนเขาเขาสั่นไปทั้งตัว ร่างผอมซุกลงหมอน ดึงผ้าห่มมาคลุมถึงคอ
อืม..หายใจไม่ค่อยออก
เสียงเคาะประตูดังขึ้น แปลกเกินไปแล้ว..ปกติไม่มีคนมาเคาะเรียกสักหน่อย
“เสือ ตื่นหรือยังลูก” ศักดิ์สิทธิ์เห็นว่าเกือบเที่ยง แต่ลูกชายยังไม่ยอมลงมา ผิดปกติเกินไปแล้ว..กับคนอย่างเสือ ลูกชายเขาตื่นเช้าและตรงเวลาเสมอ ไม่เคยเข้างานสายสักครั้งนับตั้งแต่เขาเริ่มสังเกตเสือมา
เงียบ..พ่อเริ่มกังวล กลัวลูกชายเป็นอะไรไป เขาผลักประตูเข้าโดยไม่ขออนุญาตเจ้าของห้อง เห็นก้อนกลมๆบนเตียงแล้วเป็นห่วงอย่างบอกไม่ถูก
“เสือครับ”
ก้อนกลมๆหยุกหยิกแล้วแน่นิ่งไปอีกครั้ง อากาศในห้องไม่หนาวเกินไป ไม่ร้อนเกินไป แล้วทำไมคนบนเตียงถึงมีสภาพเป็นอย่างนั้น
พ่อเดินเข้าไปใกล้ เห็นหัวลูกชายโผล่หน้าออกมานิดเดียวเท่านั้น เขายื่นหลังมือแตะหน้าผากขาว อุณหภูมิร้อนจัดจนน่ากลัว มิน่าล่ะ..ถึงนอนตัวสั่นเป็นลูกนกแบบนี้
“เสือ..ไปหาหมอไหมลูก”
เมื่อยังเด็ก ตอนเสือป่วย..พ่อจำได้ว่าเสือชอบอ้อน ไม่เหมือนเสือเลย เหมือนลูกแมวมากกว่า ใบหน้าของลูกชายซบลงบนไหล่พ่อ ริมฝีปากอิ่มเผยอขึ้นเล็กน้อยระบายความร้อนในร่าง
“พ่อ..เสือปวดหัว” ดวงตากลมฝืนลืมมองหน้าบิดา เมื่อวานเขาไม่น่าเล่นฟุตบอลตากฝนเลย
เสือในวัยหกขวบ ผิวขาวผุดผาด น่ารักน่าเอ็นดูยิ่งกว่าใครๆ พ่อหวงลูกชายคนนี้มาก ไปรับไปส่งที่โรงเรียนทุกวัน แถมมีพี่เลี้ยงเลี้ยงดูอีกแรง
หากวันหนึ่งลูกชายกลับบ้านด้วยสภาพเปียกเหมือนลูกหมาตกน้ำ เขาซักลูกจนได้คำตอบว่าพี่ปอสองชวนเล่นฟุตบอลตากฝน เด็กวัยกำลังซนกำลังเลยตอบตกลงอย่างไม่คิดอะไร เสื้อผ้าลูกชายเลอะไปด้วยโคลน ดูมอมแมมไม่เหมือนเสือน้อยแสนสะอาดเลย
ศักดิ์สิทธิ์จำได้ว่าอุ้มลูกไปทานยา กว่าจะยอมต้องดุหลายที จนกระทั่งใช้ไม้อ่อน เสือถึงยอม ก่อนทานยา..เสือทำหน้าจะร้องไห้ตลอด ในที่สุดก็เอาชนะความกลัวนั้นได้
คืนนั้นลูกชายของพ่อออดอ้อนขอนอนด้วย เพราะไปฟังเรื่องผีๆจากพวกเด็กผู้หญิงที่ชอบจินตนาการ ไม่ไหวเลยเด็กพวกนี้..
รุ่งเช้า ลูกชายตัวร้อนจี๋ เนื้อตัวแดงก่ำเพราะพิษไข้ไปหมด ศักดิ์สิทธิ์ร้อนใจแทบบ้า ตอนหกโมงเช้าเขารีบพาเสือไปโรงพยาบาลเอกชนอย่างเร่งด่วน ไม่สนว่ามันจะแพงกว่าคลินิกทั่วไปเท่าไหร่..ต่อให้เสียมากกว่านี้แล้วลูกชายหายป่วยทันตา ศักดิ์สิทธิ์ไม่เกี่ยงราคาแม้แต่น้อย
“พ่อ..เสือปวดตัว ปวดหัวไปหมด” เสือวัยหกขวบร้องไห้ งอแงจนศักดิ์สิทธิ์ไม่รู้จะทำยังไง
“ไม่ร้องนะครับ เดี๋ยวหมอฉีดยาให้ เสือก็หายแล้ว”
“เจ็บไหม”
พ่อส่ายหน้า “ไม่เจ็บครับ เหมือนมดกัด เจ็บนิดเดียว”
ลูกชายพ่อสะอื้นฮัก พ่อสงสารจับใจ ฝ่ามือยกปาดน้ำตาอาบแก้มของเสือ ไม่ว่ามองอย่างไรก็ได้เค้าโครงหน้าแม่มาหมด
ดวงตากลมของเสือมองรอบกาย ทำไมทุกคนถึงมีพ่อกับแม่มาด้วย แล้วแม่ของเสือไปอยู่ไหน “พ่อ..แม่ไปไหนเหรอ”
“แม่เขากลับเชียงราย เดี๋ยวอีกสักวันสองวันก็กลับมาแล้ว” ความจริงแล้วเขาไม่รู้เลยว่าหล่อนไปไหน ทำอะไร หรือกลับไปซ่องเก่าของหล่อน ทั้งที่เขายินดีรับผิดชอบลูกชายขนาดนี้..ทนได้ไม่กี่ปีก็หนีหายไปแล้ว
แต่ช่างเถอะ..ลูกคนเดียว เขาเลี้ยงได้
เสืออิจฉา มองเด็กคนนั้นห้อมล้อมไปด้วยพ่อกับแม่ เหมือนศักดิ์สิทธิ์จะรู้ตัว..เขารีบกอดลูกแน่นกว่าเดิม “พ่อเป็นได้ทั้งพ่อทั้งแม่ของเสือ เสือไม่ต้องกลัว พ่อเป็นทุกอย่างให้เสือ”
เสือเป็นลูกชายของพ่อ..เขาเคยคิดอย่างนั้นเมื่อนานมาแล้ว
ศักดิ์สิทธิ์ยืนนิ่ง เขาปาดน้ำตา จำได้ว่าเคยบอกลูกว่าเป็นทุกอย่าง..แต่ดูเขาทำสิ ยิ่งกว่าฆ่าลูกชายทั้งเป็น
“พ่อ..เสือปวดหัว”
พ่อสะดุ้ง เห็นลูกชายค่อยๆโผล่หน้าออกมา เสียงแหบพร่าของเสือทำเอาเขาได้สติ เมื่อครู่ศักดิ์สิทธิ์ได้ยินไม่ผิดแน่
“เสือ เดี๋ยวพ่อพาไปหาหมอ” ลูกชายตัวใหญ่ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่พ่อยังรู้สึกอยากอุ้มเสือนัก “อดทนหน่อย”
ฝ่ามือของพ่อดึงผ้าห่มออก เสือยึดไว้แน่น ลูกชายขมวดคิ้วเป็นปม
เสือค่อยๆลืมตา สัมผัสเริดร้างไปนานแตะบริเวณต้นคอ ภาพแรกที่เห็นคือใบหน้าของพ่อ อีกฝ่ายดูกังวลใจนัก “คุณ..”
“พ่อเอง” ศักดิ์สิทธ์ปวดใจ แม้แต่ตอนนี้เสือยังไม่เรียกเขาว่าพ่อเลย
ร่างผอมเบือนหน้าหนี อย่ามาทำสายตาแบบนั้นกับเขา “ไม่ต้องมายุ่งกับผม”
“เสือป่วยอยู่ พ่อไม่ห่วงเสือแล้วจะให้พ่อไปห่วงใครล่ะ”
“ไปห่วงใครก็ได้ที่ไม่ใช่ผม” เสือล้มตัวนอน ปวดกระบอกตา ปวดทั้งตัวไปหมด
พ่อรู้ดีว่าเสือใจแข็ง แต่พ่อไม่อยากยอมแพ้ “ไม่ไปหาหมอ แต่ทานยาหน่อยนะ”
ชายหนุ่มหันหลังหนี เนื้อตัวเขาสั่นสะท้านไปหมด “ไม่..”
สุดท้ายแล้วศักดิ์สิทธิ์ต้องเดินออกมาตัวเปล่า ลูกชายก็ไม่ยอมให้เข้าใกล้ แถมดูเอาแต่ใจมากกว่าเดิม หากเป็นเมื่อก่อนเสืออาจจะคลานมากอดออดอ้อนเหมือนลูกแมวพลัดแม่ก็ได้
เด็กเมษาชะแง้คอมองจากในห้องรับแขก เห็นว่าพ่อขึ้นไปตามพี่เสือนานแล้วยังไม่ลงมาสักที สงสัยพี่เสือต้องป่วยแน่ๆ ปกติเคยตื่นเสียกับคนอื่นเสียที่ไหนล่ะ ร่างเล็กอุ้มปุ้มปุ้ยมานั่งข้างกาย ช่วงนี้เขาติดมันเป็นพิเศษเพราะไม่มีคนคุยด้วย
“พี่เสือจะเป็นอะไรไหมนะ”
มันร้องตอบหงิงๆแล้วฟุบหน้าลงอย่างเบื่อหน่ายไม่แพ้เจ้าของ
“อยากขึ้นไปดูจังเลย” เมื่อนึกถึงคำพูดพี่ตุลย์ อย่าไปรุกพี่เขามาก..เมษาก็เลยต้องนั่งหงอยเหงาแบบนี้ ทั้งที่ในใจบินไปถึงหน้าห้องพี่เสือแล้ว
ดวงตากลมหันมองบันไดตลอด กระทั่งเห็นร่างของพ่อเดินลงมา หน้าตาไม่ต่างจากเขาเท่าไหร่นัก
“พ่อ!”
ศักดิ์สิทธิ์หันมองลูกชายคนเล็กก่อนยิ้มบางๆ “ว่าไงเมษา”
“พี่เสือเป็นยังไงบ้าง ป่วยหรือเปล่า หรือว่าแค่ตื่นสาย” เมษาวางเจ้าตูบลงกับพื้นก่อนวิ่งตื๋อไปหาพ่อ
“โทรหาพี่ตุลย์หน่อย ถ้าเขาว่างขอให้เขามาช่วยดูเสือหน่อย” ศักดิ์สิทธิ์ขอให้เมษาช่วยก่อนเดินเข้าห้องครัวไปเงียบๆ
เมษาพยักหน้าหงึกหงักก่อนจิ้มโทรศัพท์หาพี่ตุลย์ วันนี้เจ้าตัวคงไปทำงานนั่นแหละ แต่เมษาก็ห่วงพี่เสือเหมือนกัน
‘ว่าไงไอ้แสบ’
“พี่ตุลย์ พี่เสือเขาป่วย ไม่ยอมไปหาหมอ ไม่ยอมทานยาด้วย เมษเป็นห่วง”
ปลายสายขมวดคิ้วน้อยๆ เมื่อวานก็จัดการเรียบร้อยแล้วทำไมเสือยังป่วยอยู่อีก ท่าทางจะไม่ค่อยแข็งแรงอย่างที่คุณลุงว่า และส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะตุลย์พาคนเพิ่งหายป่วยไปตากแดดตากฝนด้วย ‘พี่จะออกไปตอนนี้’
“มาเร็วๆนะ เมษรออยู่หน้าบ้าน!”
ร่างเล็กวิ่งไปอุ้มเจ้าตูบไปไว้หน้าบ้าน ก่อนสั่งนักสั่งหนาไว้เฝ้าดีๆ “อยู่ตรงนี้นะ ถ้าพี่ตุลย์มารีบวิ่งไปรับเลย”
ตุลาถอดแว่นสายตาออกแล้วเหลือบตามองไอ้เปรม มันกำลังนั่งกินข้าวแบบไม่สนใจสิ่งมีชีวิตอื่นในออฟฟิศ บางครั้งเขาก็อิจฉามันที่ดูไม่มีอะไรให้กังวล “ไอ้เปรม”
หนุ่มเปรมเงยหน้าขึ้นจานข้าว “ว่าไงไอ้ตุลย์ เป็นอะไร ง่วงเหรอวะ ไม่เป็นไรนะ หลับหูหลับตาทำไปเถอะเดี๋ยวกูไปทำต่อเอง” เปรมว่า ข้าวติดปาก เลอะหน้าไปหมด เมื่อเช้านอกจากตื่นสายแล้วในตู้เย็นยังมีแต่ของเน่าเสียทั้งนั้น พอมาออฟฟิศเห็นข้าวที่ไอ้ตุลย์แช่ไว้ เขาเลยฟาดไปทั้งสองกล่องแม้มันแปะชื่อไว้ว่า ‘ตุลย์’ และ ‘เสือ’
“เปล่า กูจะบอกว่าขอออกไปข้างนอกหน่อย”
“ไปไหนวะ”
“บ้านคุณเสือ เห็นว่าป่วย”
นายเปรมสำลักข้าวทันทีพอได้ยินชื่อของคนๆนั้น ได้ข่าวว่าเพิ่งหายป่วย ตอนนี้ป่วยอีกแล้วหรือนี่ “เป็นอะไรอีก”
“เป็นไข้ เมื่อวานกูพาเขาไปตากแดดตากฝนมา”
ชายหนุ่มถึงบางอ้อ ว่าแล้วเชียวทำไมเมื่อวานทั้งไอ้ตุลย์และคุณเสือหายไปตลอดบ่าย ไม่สิเรียกว่าจนไปถึงค่ำมืด ถ้าเขาเป็นไอ้ตุลย์นะไม่ว่ารถติดแค่ไหนก็ต้องมาส่งคุณเสือให้ได้ ไม่ยอมให้เข้าบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเด็ดขาด ไม่ใช่กลัวเพียงแต่เขาอึดอัดใจเท่านั้น
“ทำไมต้องมึงวะ”
“ไม่รู้สิ น้องกูขอมา อีกอย่างกูเป็นพี่ที่แสนดีด้วยสิ” ตุลาแหย่ไอ้เปรม มันเป็นลูกคนเดียว พ่อแม่ตามใจตลอด เลี้ยงลูกด้วยเงิน มันก็เกือบเสียคนเหมือนกัน แต่โชคดีที่คิดได้ “กูไปก่อนนะ เดี๋ยวกลับมาทำงานต่อ”
ตุลาเป็นคนมีเพื่อนฝูงมาก หลายคนชอบเขา อยากอยู่ใกล้เขา เพราะเป็นคนใจเย็น คุยสนุก เมื่อตอนเรียนอยู่ปริญญาตรีมีผู้หญิงผ่านมาในชีวิตมากมายแต่ไม่มีใครสะดุดใจเขาสักคน นั่นเป็นเหตุผลที่ยังโสดมาถึงตอนนี้
ชายหนุ่มหวนคิดไปถึงใบหน้าเฉยชาของใครอีกคน แววตาไร้ความสุขแอบซ่อนหยาดน้ำใสทำให้เขารู้สึก..สงสาร
เสือ..ผู้ชายคนนั้นดึงความสนใจของเขาไปจนหมด
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น สงสัยเมษาจะโทรมาเร่งเร้าเขาอีกแล้ว “กำลังจะถึงแล้วเจ้าเมษ”
‘เร็วๆสิ เดี๋ยวพี่เสืออาการหนัก ขนาดพ่อขึ้นไปครั้งที่สองแล้วยังไม่ยอมเข้าใกล้เลย’ น้ำเสียงหงอยๆบอกความในใจได้ดี
“นายล่ะ ขึ้นไปหาหรืองยัง”
‘ไม่เอาล่ะ เดี๋ยวพี่เสือตัวร้อนมากกว่าเดิม เวลาเห็นหน้าเมษเขาก็ชอบทำหน้าไม่ชอบใจแล้ว ขืนไปตอนนี้มีหวังเข้าโรงพยาบาลแน่ๆ’
หนุ่มนักเรียนนอกหัวเราะน้อยๆ อย่างที่เขาบอกเมษไปเมื่อวาน เสือเหมือนเด็กทารกที่ค่อยๆก้าวออกมาจากโลกแสนบิดเบี้ยวของตัวเอง
“ไปถึงแล้วจะรีบไปดูให้เลย”
เสือฝืนลืมตาอีกครั้ง..เขาเวียนหน้าเวียนหัวอยากอาเจียน แต่ไม่มีแรงลุกขึ้น นอกจากไม่ได้ทานข้าวเช้าแล้วยังไม่มีอะไรตกท้องตั้งแต่เมื่อวานเลย
หิว..
ร่างผอมขยับกายอย่างไม่สบายตัว ลืมหายใจร้อนผ่าวแต่ร่างหนาวสั่นสะท้านไปหมด ช่วงเวลาที่ร่างกายอ่อนแอจิตใจเขาก็ไม่ได้เข้มแข็งนัก เสืออยากร้องไห้เดี๋ยวนี้ เขาจำภาพที่คุณน้าปลอบเมษาตอนเจ้าตัวป่วย คุณพ่อวิ่งเอาข้าวต้มมาให้ นานแล้ว..ไม่มีใครทำอย่างนั้นกับเสือ
มันน่าเจ็บใจ..
เขาอิจฉาทุกอย่างที่เมษามีและเขาขาด..
ปลายนิ้วผอมยกปาดน้ำตาก่อนซุกหน้าลงหมอนเหมือนเคย กระทั่งได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามา เสือจึงขดกายแน่นกว่าเดิม ไม่รู้ว่าใคร..แต่ตอนนี้เขาไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น
“เสือ” ตุลาเรียกก้อนกลมๆบนเตียง “คุณป่วยอยู่”
เงียบ..
“ลุกมาทานข้าวต้นก่อนแล้วค่อยทานยา นอนทีหลังคงไม่เป็นไรหรอก”
เงียบ..
ตุลานับหนึ่งถึงสิบในใจ ทอดมองคนเอาแต่ใจอย่างระอา หากเป็นเมษาเขาไม่ลังเลยจะฉุดเจ้าตัวให้ลุกขึ้นแล้วยัดยาลงปากเลยสักนิด แต่นี่..คนไม่คุ้นเคย แถมยังมีปมในใจอีกต่างหาก ขืนทำแบบนี้ เสือคงไม่ให้เขาเข้าใกล้อีก
“ลุกไม่ไหวใช่ไหมครับ” หนุ่มนักเรียนนอกทรุดกายนั่งบนเตียง เขาแตะก้อนกลมแผ่วเบา ก่อนก้มกระซิบถามอีกครั้ง “คุณกำลังต่อต้านคุณลุง ผม และทุกคนอยู่นะ”
คนใต้ผ้าห่มขยับตัวหนี เขาไม่ชอบเสียงแบบนี้เลย เพราะมันทำให้เสือ..หวั่นไหว
“ผมจะลงไปเอาข้าวต้มกับยา รอหน่อยเดี๋ยวขึ้นมาดูแล”
เสือเม้มปาก ใครบางคนคงเรียกตุลามา ทุกคนที่เข้าหาเขาทำเพราะมันคือหน้าที่ การขอร้อง..หรือเพราะความเห็นใจ เสือไม่เคยต้องการเลยสักนิด..
ปลายฟันขบกันจนปวดไปหมด หยดน้ำตาไหลกลิ้งซึมหมอน พ่อ คุณน้า เมษา หรือตุลาเองก็ไม่ได้จริงใจกับเขานักหรอก มันก็แค่การจำใจเท่านั้นเอง
ประตูห้องเปิดออกอีกครั้ง ตุลามาพร้อมข้าวต้มส่งกลิ่นหอมฉุยและยาที่คุณลุงเตรียมไว้ให้ ถ้าหากเสือมาเห็นคงดีใจไม่น้อยที่พ่อยังห่วงลูกชายเหมือนเดิม แต่เจ้าตัวปิดกั้นนี่สิ..ปัญหาใหญ่
“ลุกไหวหรือเปล่า” อีกครั้งที่ตุลาเรียกร่างผอมใต้ผ้าห่ม ทว่าไม่มีปฏิกิริยาอะไรตอบโต้มาเลย
หนุ่มนักเรียนนอกวางถาดอาหารไว้โต๊ะข้างเตียง เขาหันไปประครองก้อนกลมๆขึ้นมาอย่างทุลักทุเลเพราะเจ้าตัวเอาแต่ดิ้นตลอดเวลา
“ปล่อยผม” เสือสั่ง ทว่าเสียงเขาแหบแห้งไปหมด
“อย่าดื้อสิ”
เสือดิ้นอีกครั้ง แต่ไม่มากเท่าไหร่ เพราะเขาปวดไปทั้งตัว “อย่ามายุ่ง”
“ไม่ได้อยากยุ่งนักหรอก ถ้าไม่กลัวว่าใครบางคนจะป่วยตายเสียก่อน” ตุลายกร่างผอมมาพิงอก แม้เจ้าตัวจะออกแรงขืนกายแค่ไหนเขาก็ไม่สะท้าน ตัวแค่นี้อย่างกับมดดิ้น จะมีแรงไปสู้ใครได้ ไม่เจียมเลยจริงๆ
“ไม่ต้องมายุ่งสิ”
“คิดว่าผมมาดูแลน้องชายคนหนึ่งแล้วกัน” ตุลาดึงเสือนั่งพิงอกดีๆ ตลอดเวลาเอาแต่ดิ้นไปมาจนเขาอยากจับมัดนัก หัวแข็งเกินไปแล้วจริงๆ
“ทานข้าวต้มก่อน คุณลุงทำเองเลยนะ” ชายหนุ่มตักข้าวร้อนๆ เขาเป่าจนอุ่นแล้วป้อนให้คนป่วยในอ้อมแขน ทว่าเสือหันหนี ไม่ยอมรับอะไรทั้งนั้น จนตุลาเริ่มหมดความอดทน
มีสักกี่คนที่ทำให้คนอย่างเขาขาดสติ..
“คุณกำลังท้าทายผมหรือกำลังทำอะไรกันแน่ครับ”
“ปล่อย”
“ผมไม่อยากใช้กำลังกับใครด้วยสิ” ตุลากัดฟันกรอด มองริมฝีปากอิ่มที่เม้มปิดแน่นราวกับสร้างกำแพงไม่ให้ใครล่วงล้ำ
ปลายนิ้วสะอาดบิดคางมนหันมา ดวงตาสบกันก่อนตุลาจะก้มขบปากอิ่มเบาๆ “ผมไม่ชอบใช้กำลังกับใคร แต่ก็ไม่อยากให้ใครมาแข้งข้อใส่โดยเฉพาะช่วงที่ใกล้ตายแบบนี้”
ดวงตาคมของเสือแดงก่ำ หยาดน้ำคลอหน่วยน้อยๆ เขาทั้งตกใจทั้งช็อคยิ่งกว่าอะไร เพียงริมฝีปากถากกันน้อยๆทำเอาเขาเกร็งไปทั้งตัว “คุณ..”
“ผมไม่รู้ว่าคุณชอบให้ใช้ปากป้อนมากกว่าช้อนดีๆ” เขาว่าจบก็จัดการตามที่พูด ข้าวต้มค่อยๆไหลผ่านลำคอเสือ เขาทั้งดิ้น ทั้งจิกแขน แต่ไม่มีแววเลยว่าตุลาจะยอมล่าถอย ยิ่งนานเขายิ่งเหมือนถูกฉุดรั้งไม่ให้ต่อต้าน เสือไม่ชอบ..ไม่ชอบอยู่ใต้อำนาจของใคร
“อื้อ..”
“ปากก็ไม่ได้แข็งอะไรนี่ครับ”
ร่างผอมถลึงตาใส่ เขาเม้มปากอย่างเจ็บใจ แบบนี้มันเอาเปรียบกันนี่ “ผมทานเองได้!” เสือดึงช้อนจากมือของตุลา เขายกตักข้าวต้มอย่างลำบาก เพราะมือไม้สั่นไปหมด ทุกครั้งที่อยู่ต่อหน้าตุลา..ทำไมเขาต้องทำอับอายแบบนี้ด้วย
“ผมช่วยดีกว่า” ตุลาดึงช้อนกลับมาคืน พลางมองร่างในอ้อมกอดด้วยแววตาตำหนิ “ลดทิฐิลงมาบ้าง ชีวิตคุณคงมีความสุขขึ้นนะ”
“ผมไม่ใช่เมษา”
เมษา..เด็กผู้ชายเปรียบเหมือนดวงอาทิตย์ของบ้าน สดใส ร่าเริง แจ่มชัดในความทรงจำของทุกคน เด็กคนนั้นเปรียบเหมือนเสียงหัวเราะ ไปที่ไหนใครก็ชอบ ต่างจากเขา..ไม่มีใครอยากจดจำ ทุกคนหมางเมิน แม้กระทั่งพ่อ..พ่อยังเลือกทิ้งเสือเลย
“ไม่มีใครเป็นเมษาได้ ไม่มีใครเป็นคุณได้เหมือนกัน เลิกน้อยใจเสียทีเถอะ” ตุลาจับคนที่เริ่มต่อต้านอีกครั้งนิ่งๆ “ใครหลายคนรุมรักรุมเอาใจคุณทั้งนั้น”
พอพูดถึงเรื่องนี้ทีไรเสือก็หมดอารมณ์ทานต่อดื้อๆ “อิ่มแล้ว”
“ยังไม่ถึงครึ่งถ้วยเลย”
“ไม่หิว”
หนุ่มนักเรียนนอกดึงถ้วยข้าวต้มเก็บก่อนยื่นยาให้คนป่วย มิน่าล่ะ..ถึงได้ผอมแบบนี้ เพราะกินอย่างกับแมวดม จะไปอ้วนอะไรเท่าเจ้าเมษา รายนั้นจะกลายเป็นหมูอยู่แล้ว ขืนไม่ควบคุมน้ำหนักคงกลิ้งไปเรียนได้
“นี่ยาของคุณ”
เสือเกือบเบือนหน้าหนีอีกครั้งหากคนบางคนไม่ยืดคางเขาไว้ แล้วกรอกยาไม่ปรานีจนเขาเกือบสำลัก
“ทำบ้าอะไรของคุณ!”
“ผมรู้ว่าเด็กดื้ออย่างคุณคงไม่ยอมทำอะไรง่ายๆ”
เมษากับพ่อแอบวิ่งขึ้นมาดูความเป็นไปในห้อง ภาพของผู้ชายสองคนนั่งบนเตียงอยู่ด้วยกันทำให้พวกเขาคิดมากก็จริง หากเทียบกับการได้เห็นเสือทานข้าวและยามันก็ทำให้อุ่นใจไม่น้อย
“พ่อฮะ แบบนี้ให้พี่ตุลย์ย้ายมาอยู่ด้วยเลยไหม”
“หืม ทำไมล่ะ คิดถึงพี่ชายหรือไง”
เมษาส่ายหน้า “ก็พี่เสือยอมพี่ตุลย์คนเดียว ขนาดเมษพี่เขาไม่ยอมให้ใกล้เลย”
“ถ้าทำได้ก็ดีสิ แต่พี่เขามีเวลาส่วนตัว มีครอบครัวต้องดูแลนะ ให้มาอยู่กับเราคงไม่ได้หรอก” ศักดิ์สิทธิ์ยิ้ม เห็นลูกชายล้มตัวนอนก็สบายใจ หากเป็นไปได้ เขาอยากเป็นคนทำหน้าที่แทนตุลามากกว่า หน้าที่ของพ่อ ไม่ใช่แค่คนเบื้องหลังเหมือนทุกวันนี้
แล้วเมื่อไหร่ลูกชายคนดีจะยอมเปิดใจสักที..
“ลงไปหาแม่เถอะ เขารอนานแล้ว”
“เมษอยากดูพี่เสือนี่”
พ่อเขกหัวเมษาดังป๊อก เด็กคนนี้แก่แดดแก่ลมไปใหญ่แล้ว “ไม่มีอะไรต้องดูแล้ว รีบลงไปซื้อของกับแม่ดีกว่า” เมษาสงสัยเหลือเกินว่าทำไมทุกคนขัดขวางการแอบมองพี่เสือของเขานัก ทั้งที่มันก็ไม่มีอะไรเสียหาย อย่างน้อยพ่อกับแม่น่าจะเข้าใจเมษบ้างว่าคนที่เข้าใกล้ไม่ได้ แค่แอบมองเมษก็ดีใจแล้ว
เดี๋ยวมาตอบคอมเมนท์ค่ะ
ปล. พี่ตุลย์นี่ช้าจริงๆเลย