Brothers
Chapter 5 – The Cordiality
เสือกลับมาอยู่บ้านได้เกือบหนึ่งอาทิตย์แล้ว ความเปลี่ยนแปลงในบ้านทำให้เขาอึดอัดใจ พ่อเข้าหาเขามากขึ้น ส่วนแม่ของเมษาก็ยังรักษาระยะห่างเท่าเดิม ยกเว้นอย่างเดียวลูกชายคนเล็กที่ดูเหมือนไม่พยายามมาวุ่นวาย ทว่าสายตายังสอดส่องอยู่เสมอ
“เสือ วันนี้พ่อทำแขนงหมูกรอบกับต้มยำเห็ดให้ เสือลองทานดูสิ” พ่อยกถาดอาหารมาให้เสือถึงห้อง เขาไม่เงยหน้ามอง เพียงแค่มุ่นคิ้วแสดงออกถึงความรำคาญเต็มทน รู้ว่าไม่ดี..แต่อดทำไม่ได้ เสือรู้สึกเหมือนพ่อพยายามเอาใจ..หรือมันเป็นเพียงความรู้สึกผิดกันแน่
“อย่าอดข้าวอีกนะเสือ” ศักดิ์สิทธิ์ถอนหายใจเฮือก เมื่อสามวันก่อน เขาทำอาหารไปให้เสือเหมือนเคย แต่ลูกไม่ยอมแตะสักนิด แถมยังทิ้งจนเย็นชืดอีกต่างหาก เสียใจก็เสียใจหรอก..แต่พ่อพยายามเข้าใจว่าเสือยังจมอยู่ในความเจ็บช้ำ
ศักดิ์สิทธิ์ยืนรอการตอบรับ แต่มันยังเหมือนเดิม เสือไม่สนใจ ตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อจนเป็นเขาเสียเองต้องออกมาเงียบๆ
ลับหลังพ่อ เสือเหลือบตามองอาหารข้างกาย มันส่งกลิ่นหอมฉุยน่าทาน อีกทั้งยังจัดแต่งได้สวยงามสมกับอดีตเชฟโรงแรม ปลายนิ้วผอมแตะขอบจานที่แอบเลอะด้วยน้ำเบาๆก่อนชิม มันอร่อยมาก..มากเสียจนไม่กล้าแตะต้อง
เสืออยากรู้เหมือนกันว่าพ่อจะอดทนทำแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่..
เจ้าชายน้ำแข็งเก็บกระดาษบนโต๊ะออกจนหมด เขาหันมาพินิจอาหารตรงหน้า แขนงหมูกรอบ..พ่อเคยทำให้ทานตอนเด็กๆ จากที่ไม่ชอบผักก็กลับมาชอบเพราะความอร่อยของมัน ทว่านับจากนั้นมันเสือก็ไม่เคยเห็นมันอีกเลย
ปลายนิ้วผอมแตะช้อนกับส้อม ค่อยๆละเลียดอาหารตามนิสัย
ปกติแล้วศักดิ์สิทธิ์มักแอบหวังลึกๆว่าลูกชายจะทานอาหารมากขึ้น เพราะทุกครั้งมันก็แค่ครึ่งหนึ่งหรือประมาณหนึ่งในสามของอาหารทั้งหมด ก่อนเขาห้องเขาต้องทำใจ..กับเรื่องตรงหน้า หากลูกไม่รับ..หากลูกไม่ทาน พ่อไม่กล้าบังคับใจเสือ
“เสือ พ่อเข้าไปหน่อยนะ” เขาเคาะประตูห้องสามครั้ง แต่มันก็เงียบเหมือนเดิม
ภายในห้องเย็นเฉียบ ร่างผอมของลูกชายนอนอยู่บนเตียง เป็นเรื่องแปลกที่ศักดิ์สิทธิ์ไม่เคยเข้ามาเห็นเสือนอนหลับ เรียกได้ว่าลูกชายคนโตนอนน้อยมากหรือบางทีไม่ได้นอนเลยก็มี เขาน่าจะเข้าใจตรงนั้นและไม่ควรบั่นทอนลูกซ้ำสอง
พ่อหันไปมองถาดอาหาร มันพร่องไปเยอะกว่าเดิม มีน้ำผลไม้หมดไปครึ่งแก้ว..เขาดีใจจนพูดไม่ออก
ศักดิ์สิทธิ์เดินมาหาลูกชาย เสี้ยวหน้าของเสืออ่อนหวานน่ารักเหมือนแม่ รูปร่างผอมบางปูดโปนจนเห็นกระดูกไหปลาร้าทำเอาพ่อปวดใจ เพราะเสือไม่ค่อยได้ทานข้าวหรือเขาไม่สนใจกันแน่ พ่อค่อยคลี่ผ้าห่ม..ห่มร่างลูกชายด้วยความรัก
ท่าทางคงเหนื่อยมาก..
ตุลาถอดแว่นออกแล้วหลับตาลงสักพัก แม้มีดีกรีเป็นหนุ่มนักเรียนนอกท่าทางความรู้มาก หากพูดถึงประสบการณ์แล้วเขามีน้อยกว่าไอ้เปรมชนิดเทียบไม่ติด
“ไอ้ตุลย์ เป็นอะไรของมึง”
“ปวดตา”
เพื่อนสนิทเงยหน้ามองแล้วมุ่นคิ้ว ปกติมันเคยบ่นเสียที่ไหน “เป็นอะไร กูบอกแล้วว่าอย่าโหมงานหนัก มึงเพิ่งทำใหม่ก็แบบนี้แหละ ไฟแรง พอนานวันอย่างกับแก๊ซเฉื่อย”
“ช่วงนี้กูมีเรื่องให้คิดเยอะ”
“เรื่องของคนร่วมงานหรือไง” เปรมหัวเราะน้อยๆก่อนพูดต่อ “เขาไม่เป็นอะไรหรอกน่า เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็มาทำงานได้เหมือนเดิมแล้ว”
“มึงก็พูดไป เห็นสภาพตอนนั้นกูยังตกใจไม่หาย”
“เอาจริงนะ ตั้งแต่ร่วมงานกันมา กูนึกว่าเขาเป็นโรคอะไรสักอย่างแน่ๆ” เปรมเคยทำงานกับเสือมาก่อนหน้านี้แล้ว อีกฝ่ายขยัน ตั้งใจ และเอาจริงจนเขาหวาดหวั่น อีกทั้งยังพูดจาไม่ไว้หน้าใคร เขาเลยระวังเป็นพิเศษ
ครั้งหนึ่งที่เคยพลาด เปรมโดนเสือฉะต่อหน้าต่อตา ชนิดที่ว่าเขาอยากหาปี๊บมาคลุมหัว และจากวันนั้นเขาก็ขยาดกับการทำงานกับเสือเหลือเกิน ไม่คิดว่าวันหนึ่งต้องมาเจอกัน..แม้มันเป็นการพบที่ไม่สวยเท่าไหร่
“กูคิดเหมือนมึงนั่นแหละ นี่ถ้าไม่รู้จริงๆบอกว่าเป็นลูคิเมียกูก็เชื่อนะ” ว่าไปก็คิดถึงคนๆนั้น แถมเมษายังโทรมาปรับทุกข์ น้อยใจบ่อยๆที่เข้าใกล้พี่เสือไม่ได้ “ตอนเย็นมีอะไรที่กูต้องทำอีกไหม”
เปรมเลิกคิ้วมอง ความจริงวันนี้เจ้านายอยากพานักเรียนนอกไปเลี้ยงใจจะขาด หากไม่ติดว่าวันนี้เป็นวันเกิดของภรรยา “ไม่มีแล้ว ทำไม..มึงมีนัดกับสาวที่ไหน”
สมัยเรียน ไอ้ตุลย์ของเขาสาวเพียบ แต่ละคนสวยสดทั้งนั้น แต่มันไม่ค่อยให้ความสนใจเท่าไหร่ นอกจากตั้งใจเรียน แต่มีอยู่คนๆหนึ่งที่เปรมเห็นมันแอบมองเหมือนกัน
“เปล่า กูจะไปดูน้องกูสักหน่อย”
“น้องที่บ้านเหรอ น้องคนไหน..มึงยังไม่เล่าให้กูฟังเลยนะว่าเสือกับมึงนี่เป็นอะไรกัน”
ตุลาปิดคอมพิวเตอร์ เก็บแฟ้มงาน เก็บของใส่กระเป๋าเตรียมตัวออกจากห้องเรียบร้อยแล้ว “เป็นพี่ของเมษาไง”
“มึงก็เลยเป็นพี่ชายคุณเสือด้วยใช่ไหม”
“งั้นมั้ง”
จริงๆแล้วตุลย์ก็แค่เป็นห่วงเด็กเมษาเท่านั้น น้องเขาเคยอยู่สุขเสียที่ไหน ต้องหาเรื่องถูกว่าหรือไม่ก็เจ็บตัว ต่อให้มีเจ้าปุ้มปุ้ยหมาแสนรู้ก็เถอะ มันคงไม่ช่วยคลายเหงาเท่าไหร่หรอก อีกเหตุผลหนึ่งคือตุลย์อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมเมษาถึงชอบเข้าใกล้เสือนัก
มันต้องมีเหตุผลสิ..
“กูไปนะไอ้เปรม”
“ขับรถดีๆล่ะมึง อย่าใจลอย” เห็นเพื่อนเป็นแบบนี้ เปรมก็อดอิจฉามันไม่ได้ ครอบครัวมันแตกแยกก็จริงแต่มันไม่เคยแสดงท่าทีน้อยอกน้อยใจเลย ต่างจากเขาพ่อกับแม่อยู่ด้วยกัน แต่แทบไม่เคยเห็นหน้ากัน ต่างคนต่างทำงาน นานๆทีอยู่พร้อมหน้า
แบบนี้เขาต้องรีบหาเมียแก้เหงาหรือเปล่า..
ช่วงเย็นแล้ว คนกลับบ้านกันเยอะแยะ ปัญหาที่หนีไม่พ้นคือรถติด มันไม่ทำให้เขาหงุดหงิดใจหรอก ..นิสัยใจเย็น ไม่วู่วามก็ดีแบบนี้ ตุลาเหลือบมองอาหารที่ซื้อไปฝากแม่กับเมษา หวังว่ามันยังคงความอร่อยอยู่นะ
กว่าจะถึงบ้านแม่ก็ปาไปเกือบหกโมงเย็น ภายในบ้านเงียบเหงาแปลกๆ สงสัยเพราะลูกชายจอมซนไม่ได้ออกไปร่าเริงที่ไหนล่ะมั้ง ดวงตาสีเข้มลอบมองเข้าไป เห็นเมษากำลังอาบน้ำให้เจ้าตูบอย่างทุลักทุเลก็อดหัวเราะไม่ได้ อาบทั้งคนอาบทั้งหมา
ตุลย์ถือเป็ดย่างเข้าไปในบ้าน ไม่ลืมทักทายเมษา “เมษ ทำอะไร จะฆ่าปุ้มปุ้ยเหรอ”
“พี่ตุลย์ มานานหรือยัง เมษขอโทษที่ไม่ได้ออกไปรับ” เมษารู้สึกดีใจ มีแขกมาเยี่ยมบ้าน อย่างน้อยก็ทำให้เขามีเพื่อนคุย
“มาพอจะเห็นหมาอาบน้ำด้วยกันนั่นแหละ” ว่าจบก็รีบวิ่งเข้าบ้าน เพราะกลัวเด็กแสบเอาฝักบัวมาฉีด
“แม่ครับ ผมซื้อเป็ดมาฝาก เห็นเมษาบ่นอยากกิน” แม่ยิ้มกว้าง รับเป็ดย่างจากลูกชายคนโต พอตุลามาที่บ้าน ก็ช่วยปัดเป่าบรรยากาศแปลกๆออกไปได้บ้าง ส่วนพ่อก็ง่วนอยู่กับการทำอาหารให้ใครบางคนจนไม่สนเลยว่ามีแขกมา
“ไม่เห็นต้องลำบากเลย”
“ไม่ได้ลำบอกอะไรหรอกครับ ดีซะอีก..ผมอยากดูแลแม่บ้าง”
แม่หัวเราะน้อยๆ เดี๋ยวนี้ลูกชายปากหวาน สงสัยฝึกปรือไปจีบสาวที่ไหนแน่ๆ “พูดแบบนี้แม่รักตายเลย”
“อย่ารักผมมากล่ะ เดี๋ยวเมษาน้อยใจ”
“แม่รักลูกเท่าๆกัน ไปนั่งรอก่อนไป..เดี๋ยวแม่จัดอาหารเสร็จแล้วเรียก”
ตุลาส่ายหน้า อยากช่วยแม่กับคุณลุงจัดการอาหารมือเย็น เห็นแล้วก็เหนื่อยใจ..มีลูกชายแต่ไม่มีใครยุ่งกับงานครัวเลย ท่านทั้งสองอายุมากแล้ว ไม่ได้แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน
“คุณลุงทำอาหารแบบนี้ทุกครั้งเลยเหรอครับ”
“ก็ตั้งแต่เสือกลับมาบ้านนั่นแหละ เขาก็ทำเรื่อยๆ เหลือเยอะบ้าง น้อยบ้าง แต่ไม่เคยยอมแพ้..แม่ล่ะเห็นใจจริงๆเลย ไม่รู้ว่าเสือใจแข็งไปถึงไหน” แม่บ่นแต่อมยิ้ม นานๆเห็นพ่อยอมเข้าครัวเพื่อคนอื่นบ้าง เพราะปกติแล้วแม่จัดการเองตลอด
“แยกอีกจานเหรอครับ”
“ใช่จ่ะ..เสือไม่ยอมลงมาทานข้าว เขาก็เป็นห่วงกลัวลูกชายเขาโรงพยาบาล ถึงได้ยอมทำขนาดนี้”
ตุลานึกอยากขึ้นไปอุ้มคนข้างบนเดี๋ยวนั้น ไม่รู้เลยหรือว่าทำร้ายจิตใจคนอื่นแค่ไหน ทว่าเขาตัดสินไม่ได้ การกระทำของคนๆหนึ่งมันต้องมีมูลเหตุ คงไม่ใช่ตามอารมณ์หรอก
“ผมจัดการให้ไหมครับ”
“หืม..ตุลย์นี่นะ จะไปทำอะไรน้องล่ะ” แม่ถาม ขนาดพ่อ..เสือยังไม่ค่อยยอมเลย แล้วตุลย์คนแปลกหน้าหรือเสือจะฟัง
“แม่ไม่รู้อะไรแล้ว ผมจัดการมานัดต่อนัดแล้ว เคยพลาดที่ไหน” พูดจบก็หันไปหาคุณลุงที่ง่วนอยู่กับการทำอาหารสำหรับเจ้าชายน้ำแข็ง “คุณลุงครับ”
ศักดิ์สิทธิ์หันหลัง เห็นตุลายืนช่วยแม่จัดอาหารอยู่ “อ้าว..มานานแล้วเหรอ”
“สักพักแล้ว คุณลุงไม่ได้ยินคงเพราะสนใจทำอาหารอยู่”
“นิดหน่อยน่ะ”
เห็นแล้วปวดใจแปลบๆ เสือ..คนๆนั้นได้รับความเอาใจใส่อย่างท่วมท้นแต่ไม่ยื่นมือออกมารับเสียที ทั้งเมษา คุณลุง แล้วก็แม่ ต่างเป็นห่วงเสือทุกคน “ผมไปตามเสือมาทานข้าวด้วยกันไหมครับ”
“ลุงลองทำแล้ว เขาไม่ฟัง ทำเหมือนลุงไม่ได้อยู่ในห้องด้วยซ้ำ”
“คุณลุงไม่ต้องเป็นห่วง ผมจัดการได้แน่นอน”
“ห้องแรกติดบันไดนะ” ศักดิ์สิทธิ์เห็นว่าไม่เสียหายหากตุลาจะเป็นคนจัดการลูกชายหัวแข็งของเขา ตอนอยู่โรงพยาบาล..เขาเห็นแล้วว่าเสือยอมอ่อนให้ตุลย์เพียงน้อยนิด แต่ก็เรียกว่ายอมแล้วกัน
อาสาออกปากขนาดนั้น แน่นอนว่าต้องทำให้สำเร็จ ตุลาหยุดอยู่หน้าประตูไม้สีเข้ม เขาเคาะสามครั้งเป็นมารยาท เมื่อทราบมาว่าเจ้าของห้องไม่ล็อคประตูและไม่เคยขานรับใดๆทั้งสิ้น
“เสือ..” ตุลาเอ่ยปากเรียก เจ้าตัวหันมองอย่างตกตะลึงก่อนทำหน้าเฉยชาเหมือนเดิม
“มีอะไร”
“ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว ลงไปทานข้าวข้างล่าง”
เสือมุ่นคิ้วไม่สบอารมณ์ อย่าบอกว่าคนๆนั้นส่งตุลามาตามเขานะ ที่จริง..เสือไม่สนหรอกว่าจะได้ทานข้าวหรือไม่ได้ทาน มันไม่ได้สำคัญสำหรับเขาเลยหากคุณหมอไม่เตือนเรื่องโรคกระเพาะมา “ผมไม่อยากลงไปข้างล่าง”
“แล้วจะให้คุณลุงยกมาให้ข้างบนห้องหรือ ใจร้ายเกินไปแล้วนะ”
“ผมไม่เคยขอร้องใคร ทุกคนที่ก้าวก่ายเรียกร้องเอาเองทั้งนั้น” ชายหนุ่มไม่สบอารมณ์แล้ว เขาเม้มปาก ก้มหน้าทำงานต่อ ไม่สนว่าตุลาจะยืน นั่ง หรือเดินไปมาเพื่อกวนสมาธิกัน
“ผมเองก็ไม่ชอบให้ใครทำกิริยาแบบนี้เหมือนกัน” เสียงกระซิบข้างหูขาวทำเอาเสือสะดุ้ง ระยะประชิดขนาดนี้ ไม่เคยมีคนกล้าทำกับเขา แม้กระทั่งเมษาก็ตาม ครั้นพอจะอ้าปากต่อว่า แขนแข็งแรงทั้งสองของตุลาก็คร่อมทับจากข้างหลังเสียแล้ว “หิวข้าวหรือยัง”
“ยัง!” เสือตอบกระแทกกระทั้น หากอีกคนทำเหมือนมองไม่เห็น
“เหรอ” ลมหายใจผะแผ่วรดต้นคอทำเอาเสือขนลุกเกรียว ความรู้สึกของเขามักง่ายจนน่าโมโห
“ผม..”
“คุณรู้ตัวหรือเปล่าว่าสิ่งที่ทำอยู่มันไม่ดี..” ตุลากระซิบ ใช้น้ำเสียงไม่คุกคาม เขาใจเย็นพอไม่ใช้ไม้แข็ง “อยากให้ผมอุ้มไปหรือเปล่า”
“ผมโตพอ..มีขาเดินเองได้”
“เหรอครับ” หนุ่มนักเรียนนอกหัวเราะเบาๆ เขาเห็นใบหน้าเฉยชาแสดงอารมณ์ออกมาบ้างเล็กก่อน ก่อนจะยอมล่าถอยมายืนข้างหลัง “คนที่เขาเป็นผู้ใหญ่พอควรจะทำยังไง หวังว่าคุณคงรู้แก่ใจ”
เสือนั่งนิ่ง หายใจเข้าลึกๆ บอกตัวเองว่าเขาไม่ควรอารมณ์เสียเพราะคน ‘แปลกหน้า’
ตุลาถอยหลังให้อีกฝ่ายได้ลุกขึ้นอย่างสะดวก เขามองร่างผอมบางเดินไปเข้าห้องน้ำ สักครู่ถึงได้ออกมา “เชิญครับ”
ในห้องอาหารพร้อมหน้าไปด้วยพ่อ แม่ และเมษานั่งตาแป๋วรออยู่ด้วยความสงบ น่าแปลกใจที่เจ้าเด็กไฮเปอร์ไม่แม้แต่เรียก ‘พี่เสือ’ เหมือนเคย เมษนั่งข้างแม่ ส่วนที่ว่างข้างๆพ่อเป็นของพี่เสือ
“เสือ..มาทานข้าวด้วยกันสิลูก” ศักดิ์สิทธิ์ยิ้มเมื่อเห็นลูกชายเดินเข้ามาพร้อมตุลา คิดไม่ผิดที่เขาไว้ใจ..
“ขอโทษที่มาช้านะครับ ผมต้องจัดการอะไรนิดหน่อย”
“ไม่เป็นไรฮะพี่ตุลย์ เมษรอได้” กับพี่เสือ..เมษก็รอได้ พอได้เห็นอีกฝ่ายมานั่งร่วมโต๊ะแบบนี้ก็อยากร้องออกมาดังๆ ในที่สุดพี่เสือก็ยอมเข้ามาแล้ว แม้จะเป็นการบังคับของพี่ตุลย์ก็เถอะ
“ฮึ่ม! เมษพูดมากนะเรา” ตุลาว่าก่อนให้เสือเดินมานั่งข้างๆคุณลุง ท่าทางเสือคงอึดอัดน่าดู
“พี่ตุลย์ก็..วันนี้เมษยังไม่ได้พูดสักประโยค” เมษายู่หน้า พี่ตุลย์ชอบว่าเมษาแบบนี้ทุกที รู้หรอกว่าหยอกเล่น แต่ก็อดงอนไม่ได้ทุกที
ศักดิ์สิทธิ์หยุดสงครามน้ำลายแค่นั้น ก่อนลูกเสือจะอารมณ์เสียไปก่อน
“เสือลองทานเป็ดดู ตุลย์ซื้อมาฝาก” พ่อตักเป็ดย่างให้ลูกชาย ก่อนรอดูเงียบๆ เสือทำอะไรเชื่องช้าก็จริงแต่เต็มไปด้วยความเด็ดขาด บางคนอาจมองว่าน่ารำคาญ สำหรับศักดิ์สิทธิ์แล้ว..ลูกดูดีเสมอ
ด้วยความที่ถูกจ้องมองจากทั้งพ่อและตุลา เสือเลยอดอึดอัดใจไม่ได้ เขารู้ว่าทั้งสองรอให้เขาชิมเนื้อเป็ดก่อนถึงจะลงมือทานส่วนของตัวเองบ้าง
“อร่อยไหมครับ” ตุลายิ้มน้อยๆ เอ่ยถามราวกับเป็นเรื่องธรรมดา
“ไม่แย่เกินไป”
“เสือชอบทานแครอทไม่ใช่เหรอลูก เดี๋ยวพ่อตักให้”
เมษานั่งตรงข้าม มองเห็นทั้งพ่อและพี่ตุลย์เอาใจใส่พี่เสือเป็นพิเศษก็อดอิจฉาไม่ได้ อิจฉาพ่อกับพี่ตุลย์นะ..ไม่ใช่พี่เสือ เขาอยากเป็นคนๆหนึ่งบ้างที่สามารถตักอาหารใส่จานโดยไม่เกรงกลัวสายตาดุดันที่คอยจ้องเมื่อเมษเข้าใกล้
“แม่..เมษอยากทำให้พี่เสือบ้าง” เมษหันไปกระซิบข้างแม่อย่างขอความเห็น เดี๋ยวเผลอทำผิดแล้วบรรยากาศเสียอีก
“เอาสิ..พี่เสือเขาชอบทานเห็ดโคนมากนะ แม่สืบจากพ่อมา” แม่ยิ้มให้ลูกชายคนเล็ก เมษาดูกระตือรือร้นทุกครั้งที่ได้ทราบข้อมูลใหม่ของพี่เสือ แม้อีกฝ่ายชอบทำร้ายจิตใจเมษาก็ตาม..
“พี่เสือ เมษขอตักเห็ดให้นะ”
ร่างผอมสบตา ไม่ยอมพูด แต่ไร้ซึ่งท่าทีคุกคาม
โอกาสตกเป็นของเจ้าชายตัวน้อยแล้ว เมษาตักเห็ดอย่างระมัดระวัง เมื่อก่อนชอบทำอะไรซุ่มซ่านจนเกือบโดนแม่ตีหลายครั้งแล้ว คราวนี้ไม่พลาดแน่นอน
เสือมองทุกการกระทำของเด็กไฮเปอร์ เมษมือสั่นนิดๆแต่ผ่านมาด้วยดี เขาช่างใจอยู่นานว่าควรทานหรือเขี่ยออก แต่ใบหน้ามีความหวังของเมษาก็ทำเอาเสือใจร้ายไม่ลง
เขาไม่ได้ใจอ่อน..เพียงแค่สงสารเท่านั้นจริงๆ
เมษาจ้องพี่เสือไม่ละสายตา เห็นพี่ค่อยๆตักข้าวปากแล้วชื่นใจ ยังดีหน่อย..พี่เสือไม่หักหน้าหรือรังเกียจเมษ
ความรู้สึกแปลกใหม่ผนึกในใจของเสือ เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าการได้อยู่พร้อมหน้ากันแบบนี้มันไม่เหงาเหมือนตอนเสืออยู่คนเดียว ทุกคนพูดคุยบ้าง ไม่มากไป ไม่น้อยไป แถมชวนเสือคุยด้วย แต่เขา..ยังเหมือนเดิมคือไม่โต้ตอบ เพียงแค่มองด้วยสายตาเท่านั้น
“ผมกลับก่อนนะครับแม่ ไปนะครับคุณลุง” ตุลายกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสอง ทำเป็นมองไม่เห็นเมษายืนข้างๆ
“แล้วเมษล่ะ!”
“อยู่ด้วยเหรอ นึกว่าไปนอนเล่นเกมซะแล้ว” เขาพูดติดตลกก่อนยกมือยีหัวน้องชายด้วยความเอ็นดู
หลังมื้อเย็นเสร็จเรียบร้อย เสือขอตัวขึ้นไปข้างบน..ไปอยู่ในโลกของตัวเอง ห้องของเสือยังเปิดไฟสว่างโร่ ผ้าม่านสีอ่อนปลิวตามแรงลมภายในห้อง เงาทาบทับเบื้องหลังแอบซ่อนอยู่ ตุลายิ้ม..คงมารอดูสถานการณ์สิท่าแต่ไม่กล้าแสดงออกมากไปกว่าการยืนมองห่างๆ
“ฝากบอกเสือด้วยนะเมษ ไว้เจอกันที่ทำงาน”
“เมษไม่กล้าบอกหรอก กลัวพี่เสือรำคาญ”
“เขาไม่รำคาญหรอก เผลอๆอยากรู้ด้วยซ้ำ”
ตุลาคิดว่าการได้นั่งทานข้าวที่บ้านแม่พร้อมคุณลุงและคนอื่นมันทำให้เขาหายเหงาได้เหมือนกัน ยิ่งในช่วงที่คุณชายไปเที่ยวรอบโลกแล้วด้วย มันทำให้ตุลย์มีความสุขกว่าการนั่งทานคนเดียวเงียบๆ แม้ใครบางคนไม่ค่อยมีส่วนร่วมก็ตาม
ดวงตาสีเข้มของเสือมองลอดผ้าม่าน เขาเห็นรถยนต์ของตุลาขับออกไปได้สักครู่ถึงได้กลับมานั่งดูทีวีดังเดิม ไปกันใหญ่แล้วเสือ..รู้สึกเหมือนตัวเองเปิดโลกให้คนแปลกหน้าเข้ามาได้ง่ายเหลือเกิน ภูมิคุ้มกันเขาถึงได้อ่อนแอลงแบบนี้ เห็นทีต้องรักษาระยะห่างแล้ว
เมื่อก่อนเสือเป็นเด็กร่าเริง เพื่อนมาก..แต่แล้ววันหนึ่งเขากลับตัดทุกอย่างออกไปไม่เหลือ
ตอนนี้ เสือไม่อยากเป็นอย่างนั้น เขาไม่อยากผูกพันกับใคร..มันเหมือนห่วงรัด ยิ่งนานยิ่งแน่น จะหนีออกก็ไม่ได้ต้องติดในวงวนนั้นจนกว่าจะขาดใจตาย..
ร่างผอมเอนตัวนอนบนโซฟา เขาเปิดทีวีไปเรื่อยเปื่อย น่าเบื่อ..อารมณ์แบบนี้ทำให้เสืออยากนอนนิ่งๆทั้งที่รู้ว่ามีงานรออยู่ก็ตาม
ดวงตาสีเข้มค่อยๆปรือลงก่อนหลับสนิทในที่สุด
ห้าทุ่มแล้ว..เมษยืนกระวนกระวายน่าห้องพี่เสือ ครั้งก่อนเผลอเข้าไปแบบไม่ทันตั้งตัว ทำเอาเรื่องใหญ่โตลุกลาม ครั้งนี้เขาเลยยกมือเคาะประตูห้องเสียก่อนเพราะกลัวเจ้าชายน้ำแข็งจะโกรธกันอีก
“พี่เสือ”
เงียบ..เมษลองเคาะอีกครั้งทว่าผลยังเป็นเหมือนเดิม พี่เสือไม่ตอบ เขาเลยถือวิสาสะผลักประตูเข้าไป
เจ้าชายน้ำแข็งเป็นฉายาที่เมษแอบตั้งให้ พี่เสือเย็นชา ไม่สนใจใคร..แต่เมษพอจะรู้ว่ามันเป็นแค่เปลือกนอก เขามองหาร่างของพี่ชายต่างสายเลือด เห็นเจ้าตัวนอนหลับหน้าทีวี พี่เสือหายใจเข้าห้องสม่ำเสมอ ท่าทางคงง่วงจริงๆ ไม่อย่างนั้นไม่มีทางที่เมษเข้ามาเห็นพี่เสือสภาพนี้
เด็กหนุ่มทรุดตัวนั่งข้างๆ มองเสี้ยวหน้าพี่เสืออย่างชื่นชอบ เขาไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมคนๆหนึ่งทำไม่ดีแต่เมษไม่เคยละลดความพยายามเข้าหา เพียงแต่ถอยหายเว้นระยะสักพัก
ครั้งแรกที่เห็นแววตาเฉยชาของพี่เสือ มันเหมือนมีแรงดึงดูดเล็กๆ นำพาให้เมษาเข้าใกล้ในที่สุด
แง่มๆจะตอบคอมเมนท์หมดไหมนี่ แอบเยอะๆๆๆ
เค้ามาเร็วมากเลยใช่ไหม ก๊ากๆ วันหยุดอ่านหนังสือนิดหน่อยแต่ขี้เกียจเลยมาเขียนนิยายเล่นๆสนุกกว่าอีก
เดี๋ยวอัพวันพ่อด้วยดีกว่า อิอิ เนื่องจากเป็นวันสำคัญมากๆ T/////T (จะทำได้ไม่ได้อีกเรื่องนะ ก๊ากๆ)
บทนี้เอาเบาๆไปก่อนล่ะกันเนอะ กลัวพี่ตุลย์รุกหนักไป เฮ้อๆ แอบมีโมเมนท์น้องเมษ
ชักสงสารน้องเมษแล้วสิ
ปล.แก้คำผิด