ตอน 7
“ไม่ต้องไปหาที่ไหนหรอกสารวัตร เด็กคนนั้นน่ะ ก็นั่งอยู่ตรงนี้ไง” หลังจากสิ้นเสียงผู้บังคัญบัญชาห้องทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ ก่อนที่สายตาทุกคู่จะจ้องร่างโปร่งเป็นตาเดียว
“เดี๋ยวนะ ให้อาประมวลผลก่อนหมายความว่าเด็กที่ต้องเล่นเป็นแฟนกำมะลอของผู้กอง คือน้องซันเหรอ” สารวัตรโอภาสหรืออาโอ๋ รีบถามร่างโปร่งทันทีที่ตั้งสติได้
“ครับอา”
“เฮ้ย!!! ไม่ได้ๆ อาไม่อนุญาตมันอันตรายเกินไปจะให้น้องซันไปเสี่ยงได้ยังไง ใช่ไหมพี่กัน” คนเป็นอาบ่นอุบก่อนจะหันไปขอความเห็นจากรุ่นพี่
“ไหนเมื่อกี้บอกว่าไม่มีทางอื่นแล้วไง ตอนนี้คิดจะเปลี่ยนใจเหรอ สารวัตร”
“ไม่ใช่เปลี่ยนใจ แต่คิดดูสิหลานผมเพิ่งอายุ 16 เองนะจะให้ไปเสี่ยงอันตรายแบบนั้นได้ยังไง ไม่เห็นด้วย ยังไงก็ไม่เห็นด้วยเด็ดขาด”
“แล้วคนอื่นๆล่ะว่ายังไง” ผู้การกองสืบส่ายหน้ากับความบ้าบอของรุ่นน้องคนสนิทก่อนจะหันไปขอความเห็นจากคนอื่นๆ แต่มีแค่ความเงียบที่ตอบกลับมา
“เฮ้อ แล้วผู้กองธารณ์ล่ะ คิดยังไง”
“ผมเห็นด้วยกับสารวัตรนะครับ ผมว่าน้องซันยังเด็กเกินไปที่จะเข้ามาเสี่ยงเราลองหาวิธีอื่นกันดูดีกว่าไหมครับ” ผู้กองหนุ่มบอก
“ใช่ๆ เราหาวิธีอื่นดีกว่า” สารวัตรสนับสนุนยกใหญ่แต่คงมีอีกคนที่ดูจะไม่ค่อยพอใจกับมติที่ประชุม
“แต่ว่า ถ้าเกิดจู่ๆผมหายไปแล้วไอ้มาเฟียนั่นมันจะไม่สงสัยเหรอครับ”
“ไม่หรอก พี่บอกแล้วไงพี่ก็แค่ไปบอกมิสเตอร์ลี ว่าเราเลิกกันแล้วเท่านี้เรื่องมันก็จบ”
“ถ้ามันจบง่ายๆอย่างนั้นก็ดีสิ คุณไม่เห็นหรือไงว่ามันกำลังสืบเรื่องของผมอยู่ถ้าเกิดมันรู้ขึ้นมาไม่พังกันหมดหรือไงครับ” ร่างโปร่งยกเหตุผลขึ้นมาอ้าง ยังไงเขาก็จะไม่ยอมแพ้หรอกนะ เขาต้องเข้าร่วมทีมให้ได้
“ซัน เงียบก่อนลูกเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะเอาแต่ใจได้นะ พ่อต้องถามความเห็นของทุกคนให้แน่ใจซะก่อน” ผู้เป็นพ่อเอ่ยปรามเมื่อเห็นว่าเจ้าลูกชายจอมดื้อกำลังตั้งท่าจะต่อต้าน
“ก็ผม..”
“น้องซัน” คนเป็นพ่อพูดเสียงเข้มก่อนจะสนใจกับที่ประชุมต่อปล่อยให้เด็กเอาแต่ใจบ่นอุบอิบอยู่คนเดียว
ก๊อกๆๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนที่ลูกน้องร่วมทีมของผู้กองหนุ่มจะเข้ามา
“ผู้การครับ มีโทรศัพท์จากมิสเตอร์ลีถึงผู้กองครับ”
“อืม” ผู้บังคัญบัญชาพยักหน้าก่อนจะอนุญาตให้ผู้กองหนุ่มออกไปรับโทรศัพท์
“คราวนี้เรื่องมันชักจะยุ่งซะแล้วสิ” สารวัตรบ่นอุบก่อนจะมองหลานชายสุดที่รักด้วยความเป็นห่วง ไม่รู้ว่าจะโทษใครที่น้องซันโตมาเหมือนพ่อขนาดนี้ ทั้งมุทะลุ ทั้งดื้อ ทั้งเอาแต่ใจ เฮ้อ งานนี้ผู้กองรับศึกสองด้านชัดๆ
“ผู้การครับ คืนนี้มิสเตอร์ลีนัดผมไปคุยงานที่ผับเดิมครับ” ธาร์ณเข้ามารายงาน
“แล้วทำไมต้องทำหน้ายุ่งแบบนั้นด้วยวะไอ้ธาร์ณ มันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอท่ไอ้มิสเตอร์ลีนั่นมันเริ่มไว้ใจแกแล้ว”คริสเอ่ยถามเพื่อนที่ยืนทำหน้าเครียดอยู่
“ถ้ามันเป็นแบบนั้นก็ดีสิวะ ”
“อ้าว แล้วมันเป็นยังไงล่ะผู้กอง” สารวัตรจอมกวนเอ่ยถาม
“คือ มิสเตอร์ลีนัดผมไปเจอคืนนี้พร้อมกับน้องซันครับ” ผู้กองหนุ่มบอกเสียงเครียด แต่ใครบางคนกลับกำลังยกยิ้มกว้าง
“งานเข้าของแท้” คริสบ่นก่อนที่ทุกสายตาจะหันกลับไปมองหัวหน้าชุดเป็นตาเดียว
“เฮ้อ งั้นคงไม่มีทางเลือกแล้วสินะ ได้ผมจะให้ซันเข้าร่วมภารกิจนี้ด้วย” ผู้การบอกก่อนจะปรายตามองลูกชายจอมแสบที่กำลังยกยิ้มดีใจ
“แต่แค่ชั่วคราวเท่านั้น อีกไม่นานเราจะสร้างเรื่องว่าเขาสองคนเลิกกัน เพื่อไม่ให้น้องซันเป็นอันตรายผมให้เวลาอีกหนึ่งเดือน
เท่านั้น ส่วนซันเข้าไปคุยกับพ่อที่ห้องทำงานด้วย” ผู้การบอกก่อนจะเดินออกจากห้องประชุมไป
“อาโอ๋ พ่อโกรธน้องซันหรือเปล่า” เด็กหนุ่มที่ยิ้มร่าเริงดูหงอยลงถนัดตาเมื่อรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังถูกโกรธ
“อาว่าไม่หรอก ใครจะไปโกรธน้องซันลงล่ะครับ ไปๆไปหาพ่อซะเร็ว” คุณอาบอกกับหลานชายคนโปรดก่อนจะยกยิ้มกว้าง
“พ่อครับ”เด็กหนุ่มพูดเสียงเบาเมื่อเข้ามาอยู่ในห้องทำงานของผู้เป็นพ่อ
“พ่อโกรธผมหรือเปล่า”
“เปล่า พ่อไม่ได้โกรธซัน แต่พ่อเป็นห่วง ซันก็รู้ว่างานนี้มันอันตรายมากแค่ไหนมันไม่ใช่แค่การซ้อมหรือเรื่องสมมติที่เราเคยเจอนะ นี่มันชีวิตจริง”
“แต่พ่อครับ พ่อเป็นคนบอกผมเสมอว่าคนเราหากว่าทำสิ่งที่ถูกต้องไม่จำเป็นต้องกลัวอะไร ผมเป็นลูกพ่อเป็นหลานปู่ ผมอยากเป็นตำรวจที่ดีเหมือนพ่อเหมือนปู่ เหมือนอาโอ๋ พ่อให้ผมทำเถอะนะครับ” เด็กหนุ่มบอกเสียงหนักแน่นตลอดเวลาที่ผ่านมาสิ่งที่เขาใฝ่ฝันมาตลอดคือการเดินตามรอยพ่อกับปู่และวันนี้มันกำลังจะเป็นจริง
“ซัน ถ้าในฐานะผู้การกองสืบฯ พ่อคงยินดีมากที่เราจะช่วยพ่อ แต่ในฐานะของความเป็นพ่อ พ่อยอมรับนะว่าไม่อยากให้ลูกไปเลยจริงๆ”
“แต่พ่อครับ” เด็กหนุ่มตั้งท่าจะเถียงแต่กลับถูกขัดเสียก่อน
“เอาเถอะ พ่อรู้ว่าไอ้นิสัยรั้นๆพวกนี้ของเรามันแก้ไม่หาย ถ้าอยากทำอะไรก็ทำเถอะ แต่จำไว้นะว่างานนี้มันอันตรายมากอย่าดื้อกับพี่ธาร์ณเด็ดขาดพี่เขาบอกให้ทำอะไรต้องเชื่อฟังเข้าใจไหม”
“ครับผม!” เด็กหนุ่มตอบรับเสียงหนักแน่นก่อนจะโผเข้ากอดคนเป็นพ่ออย่างเอาใจ
“ผมรักพ่อที่สุดในโลกเลย อิอิ”
“ไม่ต้องมาอ้อนเลยนะเจ้าเด็กดื้อ ไปเตรียมตัวได้แล้วไป”
“คร้าบ”
กันมองตามแผ่นหลังของลูกชายก่อนจะถอนหายใจอย่างแรง ทุกครั้งที่มองลูกเขาเหมือนเห็นตัวเองตอนหนุ่มๆไม่มี่ผิดถ้าจะโทษก็ต้องโทษที่เขาเลี้ยงดูลูกให้เหมือนตัวเองมากเกินไปสินะ แต่ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ลูกชายหรอก ปัญหาใหญ่จริงๆมันอยู่ที่ป๊าเซ้นส์ของเด็กๆต่างหาก แค่คิดก็เครียดแล้ว
“พ่อเราว่าไงบ้าง” สารวัตรจอมกวนถลาเข้ามาถามหลานรักทันที
“นี่ใคร นี่น้องซันนะครับ เรื่องแค่นี้เองสบายมาก” คนเป็นหลานยิ้มร่า
“แต่อาก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดี นั่นแหล่ะ”
“เอาน่า ถือว่าผมมาฝึกงานก่อนสอบเตรียมฯไงครับ”
“ไอ้เด็กดื้อเอ้ย อาเถียงเราไม่ได้จริงๆสินะ” คนเป็นอาบอกก่อนจะเขกหัวเจ้าหลานจอมดื้อเบาๆ
“สารววัตรครับ ได้เวลาแล้ว” ชายหนุ่มที่ซันจำได้ชื่อคริสหรืออะไรสักอย่างเดินเข้ามาหา
“อืม เดี๋ยวผมตามไป น้องซันไปเร็วไปวางแผนกันก่อนคืนนี้จะได้ไม่พลาด”
“ครับอา”
ผับxxy
“น้องซันจำที่พี่บอกได้แล้วใช่ไหมครับ” ผู้กองหนุ่มถามด้วยสีหน้าที่ไม่สบายใจนัก แหง ล่ะ ก็ในเมื่อเขาเป็นห่วงเจ้าเด็กดื้อมาก
ขนาดนี้ใครมันจะไปมีความสุขอยู่ได้
“จำได้น่า ผมไม่ใช่เด็กสามขวบนะ” เด็กหนุ่มบอกอย่างรำคาญเพราะตั้งแต่มาไอ้คนน่ารำคาญนี่ก็เอาแต่บอกให้เขาระวังตัวก็บอก
ไปแล้วว่าต่อยมวยได้ยิงปืนเป็นจะกลัวอะไรนักหนา
“แต่นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะ”
“เฮ้ย ไอ้ธาร์ณพอแล้ว มึงจะไปอะไรกับน้องมันวะ ย้ำรอบที่สามล้านแล้วมั้งเนี่ยเป็นกู กูยังรำคาญเลย” คริสบอกเพื่อนก่อนจะยกแก้วขึ้นมาจิบด้วยท่าทางรำคาญไม่แพ้กัน
“เหอะ” ร่างสูงแค่นเสียงก่อนจะมองเพื่อนด้วยสายตาไม่สบอารมณ์สักนิด
“เอาน่าทำหน้าบึ้งเป็นผู้หญิงวัยทองไปได้เดี๋ยวก็ถูกสงสัยเข้าหรอกเนียนๆหน่อยเพื่อนเนียนๆหน่อย” คริสเย้าก่อนจะมองร่างสูงด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
ไอ้ธาร์ณเอ้ย งานนี้สนุกแน่เว้ย
“อ้าวมานานแล้วเหรอครับพ่อเลี้ยง” เสียงหนึ่งทักขึ้นก่อนที่ชายวัยกลางคนจะเดินเข้ามาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ยังหรอกครับผมเพิ่งมาเมื่อครู่นี้เอง เชิญนั่งสิครับมิสเตอร์ลี” ผู้กองหนุ่มลุกขึ้นก่อนจะเชิญให้คนมาใหม่นั่ง
“ครับๆ แหมวันนี้ดีใจจริงๆที่พ่อเลี้ยงกับแฟนให้เกียรติมาทานข้าวเป็นเพื่อน”
“ผมเองมากกว่าครับที่ต้องพูดคำนั้น” ผู้หนุ่มแสร้งบอกอย่างเกรงใจ
“แหมแฟนพ่อเลี้ยงเนี่ยดูเป็นคนเงียบๆนะครับ ตั้งแต่มานี่ยังไม่เห็นจะพูดอะไรเลย” คนอายุมากกว่าถามพลางหรี่ตามองร่างโปร่งท่นั่งฟังอยู่เงียบๆ
“เขาเป็นคนไม่ค่อยพูดกับคนแปลกหน้าน่ะครับ” อีกคนรีบแก้ตัว
“แหม เห็นทีผมคงต้องมาหาพ่อเลี้ยงบ่อยๆแล้วสิครับจะได้ไม่เป็นคนแปลกหน้าจริงไหม” มิสเตอร์ลีบอกก่อนจะมองร่างโปร่งด้วยสายตาที่ เจ้าเด็กดื้อแทบอยากจะลุกขึ้นกระทืบมันให้ตายตรงหน้าถ้าไม่กลัวว่าจะเสียแผนน่ะนะ อะไรคือการมองเขาด้วยสายตาหื่นๆแบบนั้นวะครับ อย่าให้เจอข้างนอกนะเว้ย พ่อจะสอยให้ร่วงเลย ร่างโปร่งคิดก่อนจะทำเป็นไม่ใส่ใจ
“แต่แฟนผมเขาต้องเรียนน่ะครับ คงไม่ว่างมาบ่อยๆ” ธาร์ณบอกก่อนที่มือหนาจะโอบเข้าที่ไหล่ของคนนั่งข้างๆอย่างแสดงความเป็นเจ้าของไม่ใช่ว่าไม่เห็นสายตาของอีกฝ่ายหรอกนะ แต่ถึงแม้จะไม่พอใจเขาก็ทำอะไรไม่ได้กว่าการแสดงออกให้อีกฝ่ายรู้ว่าคนๆนี้เขาหวง
“นี่กอดทำไม” เด็กดื้อกระซิบถาม
“ไม่ที่มันมองเราหรือไง อยู่เฉยๆเถอะครับพี่จัดการเอง”
“เหอะ” ร่างโปร่งได้แต่ฮึดฮัดในลำคอก่อนจะปล่อยให้อีกฝ่ายโอบต่อไป
“ว่าแต่ แฟนพ่อเลี้ยงชื่ออะไรนะครับ เจอตั้งสองครั้งแล้วยังไม่ได้ทำความรู้จักกันเลย”
“ชื่อ…” ผู้กองหนุ่มทำหน้ายุ่งเมื่อลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปซะสนิท แล้วตกลงแฟนเขาจะชื่ออะไรกันเนี่ย
“ดื้อครับ แฟนผมชื่อดื้อ” ธาร์ณตอบก่อนจะมองคนที่นั่งข้างๆพลางยกยิ้มชื่อนี้แหล่ะเหมาะกับ แมวน้อย ของเขาที่สุดแล้ว
“เว้ย! นี่คุณจะบ้าหรือไงห่ะ คนอะไรจะชื่อดื้อวะ” ร่างโปร่งแหวลั่นทันทีที่เข้ามาในรถ ก็ตอนที่อยู่ในร้านมันโวบวายไม่ได้เลยจัดมันนอกร้านเนี่ยแหล่ะ เรื่องอะไรมาตั้งชื่อเขาตามใจชอบ แล้วก็ยังตั้งชื่อบ้าอะไรก็ไม่รู้อีก
“ทำไมครับ ชื่อนี้ไม่ดีตรงไหน พี่ว่ามันเข้ากับเราดีออก”
“เข้าบ้าอะไร ใครดื้อกันวะ” น่าแปลกที่ซันต่อปากต่อคำกับคนที่ ไม่ชอบขี้หน้า ได้อย่างเป็นธรรมชาติขนาดนี้ เจ้าตัวคงไม่ทัน
สังเกตสักนิดว่าตัวเองแทบไม่เคยแสดงอาการงอแงหรือดื้อดึงกับคนนอกมาก่อนเลย
“เฮ้อ ก็เนี่ยแหล่ะครับที่เขาเรียกว่าดื้อน่ะ”
“ไม่ได้ดะ……เอ๊ะ!! ทำอะไรวะ!!!” ร่างโปร่งร้องลั่นก่อนจะถอยกรูจนชิดเบาะเมื่อจู่ๆร่างสูงที่อยู่ฝั่งคนขับก็ยื่นหน้าเข้ามาชนจมูก
แทบจะชนกัน ผีเข้าหรือไงเนี่ย
“อยู่เฉยๆสิครับ”
“เฉยบ้าอะไร เอาหน้าออกไปสิ จะยื่นมาทำไม”
“อยู่นิ่งๆสิครับ คนของมิสเตอร์ลีกำลังมองเราอยู่ ถ้าเราทำอะไรที่มันมีพิรุธนิดเดียวเราจะซวยกันหมดนะครับ” ร่างสูงบอกเสียงเบา
ก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาเรื่อยๆ
ซันคิดว่าตัวเองกำลังจะตาย เด็กหนุ่มไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อนเลยในชีวิตทั้งๆที่อีกฝ่ายก็เป็นผู้ชายเหมือนกันแท้ๆแต่ทำไมเขาถึงต้องหัวใจเต้นแรงแบบนี้ด้วย ใช่ว่าจะไม่เคยใกล้ชิดใครกับเพื่อนก็เล่นกันแบบถึงเนื้อถึงตัวบ่อยๆ แต่ทำไมกับไอ้ขี้เก๊กนี่ถึงทำให้เขาหายใจไม่ทันได้นะ
“พวกมันไปหรือยัง” เด็กหนุ่มถามเสียงเบาพลางหลบสายตาที่อีกคนมองมา
“ไปแล้วล่ะครับ เรากลับกันเถอะ แต่ว่าต้องไปคอนโดพี่ก่อนนะ ถ้ากลับบ้านตอนนี้พวกมันรู้แน่”
“อื้อ” เด็กหนุ่มตอบเสียงเบาก่อนจะเสมองไปนอกรถ พลางสูดหายใจเข้าเต็มปอด
ไอ้ซันแกต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ไปใจเต้นอะไรกับผู้ชายด้วยกันวะ
..........................TBc...............................
ว่าตอนที่แล้วไร้สาระแล้วนะ
ตอนนี้ยิ่งไร้สาระเข้าไปใหญ่ แลดูเรื่อยๆนะเรืองนี้
โหยหา ดราม่า และ ความตื่นเต้น
#อยากเขียนพี่ต้นกะน้องไม้แระ #ใครอยากอ่านขอเสียโหน่ยยยยยยยยยย